ปริศนา ตอนที่ 14
งานกลางคืน บรรยากาศประดับประดาที่มลังเมลืองด้วยแสงไฟ หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น ชื่นชม ทั้งหมดยังอยู่ในชุดเตรียมงาน
"สวยจังเลย นี่เจ้าพี่ทรงออกความคิดทั้งหมดเลยหรือเพคะ"
"อย่างนั้นสิ บ้านของเรา เราย่อมรู้ดีที่สุดว่าจะแต่งตรงไหน น้องหญิงดูทั่วแล้วหรือยัง"
"เพคะ"
"ดูทั่วแล้ว ก็กลับโรงเรียนได้แล้วน่ะสิคะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีหน้าซีด
"อะไร เจ้าพี่ ไหน ไปรับน้องมาจะให้มาร่วมงาน"
"พี่ให้วิมลมาร่วมงาน เพราะเขาอายุ 18 แล้ว ส่วนน้องหญิง พี่ให้มาดูไฟ อย่างไรเล่าคะ"
"ให้หญิงอยู่อีกหน่อยเถอะเพคะ"
"ไม่ได้ล่ะค่ะ 2 ทุ่มแขกจะมาแล้ว วิมลไปแต่งตัวเสียสิจ๊ะ"
"เพคะ" วิมลรับคำ
วิมลมองรัตนาวดีอย่างเห็นใจ แต่ไม่กล้าแสดงอะไร เพราะเกรงท่านชาย
แล้ววิมลก็ตัดใจเดินขึ้นตึกไป
ท่านหญิงเข้ามาเกาะแขนพี่ชาย
"ให้หญิงค้างที่นี่เถิดค่ะ หญิงสัญญาว่าจะไม่ลงมา พอ 4 ทุ่ม หญิง ก็จะเข้าทมนะเพคะเจ้าพี่"
"ไม่ได้ค่ะ"
"โธ่... เจ้าพี่ หนนี้ขอหญิงเถอะเพคะ คุณประวิชช่วยหญิงด้วย ให้หญิงได้อยู่เถิด"
ประวิชอยากจะช่วยท่านหญิงเต็มที่
"เหลวไหล น้องหญิงอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ ถึงไม่ได้ลงมา ก็คงไม่ต้องได้นอนกัน ไปอยู่โรงเรียนเถอะ"
"พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ ฝ่าบาทก็"
"วันอาทิตย์ก็ไม่ได้ ต้องไปอยู่โรงเรียน คืนนี้ค่ะ ไว้อายุ 18 ก่อน ก็จะได้ดูได้เที่ยวถมไป ไปสิคะ ไปเอาข้าวของมา รถคอยอยู่นานแล้ว"
"โธ่... เจ้าพี่!"
ท่านหญิงรัตนาวดีน้ำตาร่วมพรู
ประวิชทำอะไรไม่ถูก เดินกลับเข้าตึกไป
ท่านหญิงรัตน์เดินนำข้าหลวงหญิงที่ถือกระเป๋าตามมา มาที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าตึก
ท่านชายกำลังคุยกับสน เรื่องเตรียมตัวต้อนรับแขก
ท่านหญิงเดินผ่านมา น้ำตาคลอ เชิดหน้าไม่มองท่านชาย ท่านชายเดินมาหา โอบบ่าไว้ ข้าหลวงเอากระเป๋าไปไว้บนรถ แล้วถอยห่างออกไป
"โกรธพี่หรือคะ น้องหญิง"
ท่านหญิงรัตน์ยืนนิ่ง ไม่ตอบ
ท่านชายโอบกอดท่านหญิงมาใกล้ๆ แล้วพูดเบาๆกัน 2 คน
"น้องหญิงอยู่นี่ไม่ได้ทมล่ะค่ะ เอ็ดตะโรจะตาย ไปค้างโรงเรียนดีกว่าพรุ่งนี้อยากกลับ
พี่ให้รถไปรับแต่เช้าก็ได้ เอาไหมล่ะคะ"
ท่านหญิงรัตน์พยักหน้า
ท่านชาย จึงเอาผ้าเช็ดหน้าของท่านเอง มาซับน้ำตาให้ท่าน้องสาว ท่านหญิงรัตน์ยังน้อยใจอยู่
"อย่าเสียทัยไปเลยค่ะ อีกหน่อย น้องหญิงก็จะเที่ยวสนุกกว่านี่เป็นกอง อายุ 18 พี่จะมีงานเต้นรำให้ใหญ่กว่านี้เทียว น้องหญิงจะเป็นเดบูตอง ยังไงล่ะ เอ้า ไปได้แล้ว"
ท่านชายพจน์ พาท่านหญิงรัตนาวดีมาที่รถ
"ทูลลา"
ท่านหญิงรัตนาวดีนั่งลงในรถ
"บอกมาก่อน ว่าหายโกรธพี่แล้ว"
แม้น้ำตาจะยังคลออยู่
"หายแล้วเพคะ"
"หอมพี่ก่อนได้ไหม"
"ได้เพคะ"
ท่านชายพจน์ยื่นหน้าเข้าไปในรถ ท่านหญิงรัตน์หอมแก้มท่านชายทีหนึ่ง ท่านชายจึงถอยออกมา รถออกไป
ในห้องนอน ประวิช แต่งชุดหล่อ พร้อมเป็นคู่หมั้นแล้ว แต่ยังไม่ได้สวมเสื้อนอก ประวิช กำลังพรมน้ำหอมใส่ตัวอยู่
ท่านชายเปิดประตูเข้ามายิ้มอย่างพอใจ ประวิชวันนี้...เหมาะสมกับงานที่ท่านจัด ท่านชายถอยออกไปแต่แล้วก็นึกได้
"แล้วคู่หมั้นแกจะมายังไง"
"ก็มารถเขาน่ะสิ ฝ่าบาท"
"รถบุโรทั่งนั่นน่ะหรือ แล้วปริศนาคงต้องขับเอง คนรถเขาน่ะ แก่เฒ่า กลางคืนตาไม่เห็นไม่ใช่หรือ"
"ตายล่ะ ไอ้เรารีบกลับมา ก็ไม่ได้คิด ห่วงแต่จะมาช่วยท่านชายดูทางนี้"
ประวิชนึกภาพได้แล้ว ก็หัวเราะออกมา
"สม ปริศนาคงใส่อิฟนิ่งเดรส ขับรถ"
"เดี๋ยวสมบูรณ์กลับจากส่งน้องหญิงแล้วให้เขาไปรับสิ มากันกี่คน"
"สามคน ปริศนา อนงค์ แล้วก็แม่ของเขา"
ท่านชายพจน์พยักหน้า แล้วก็ปิดประตูไป
บริเวณห้องโถง วงดนตรีเริ่มบรรเลงวอลทซ์ เป็นเพลงแรก ท่านชายยืนอยู่ด้านหนึ่ง ของฟลอร์ มีรตียืนเชิดอยู่เคียงข้าง ท่านชายเดินข้ามมาที่ประวิช และอนงค์ที่ยืนคู่กัน ปริศนา และนพยืนถัดจากอนงค์ไป วิมลยืนอยู่ใกล้ประวิช และพ่อของเขากับชื่นยืนใกล้ๆกัน
ท่านชายเดินตรงเข้ามาที่อนงค์ และโค้งเพื่อขอเต้นรำ
"มาเปิดฟลอร์ด้วยกันหน่อย คุณอนงค์"
อนงค์มองประวิชอย่างขออนุญาต วันนี้อนงค์แต่งชุดเรียบมาก ไม่มีเครื่องประดับ มีแต่แหวนหมั้นที่สวม ประวิชส่งแขนอนงค์ให้ไปเกาะแขนท่านชาย อนงค์ตื่นเต้นมาก แต่ก็ตามท่านชายไปโดยดี
"ไม่ต้องกลัว อนงค์ วอลซ์เท่านั้นเอง 1-2-3 ไงล่ะ เริ่ม"
ท่านชายนำอนงค์เต้นรำไปได้อย่างงดงาม ทุกคนยืนดู นพดึงปริศนาออกมาคุย
"เดี๋ยวจะมีวอลซ์ อีกไหม จังหวะอื่นผมเต้น ไม่เป็น"
ปริศนาหยิบสมุดเล่มเล็กที่สำหรับจดนัด เต้นรำออกมาดู
"มี 5-6 - 11 แต่ปริศนา ว่างแค่ 11 เพลงเดียว"
"ผมบุ๊กเพลงนั้นนะ แล้วระหว่างนั้นทำอะไรดีล่ะ"
"ก็ไปนั่งกินไอศกรีม ที่ไอศกรีมบาร์ไง เค้าว่ามีอยู่ แต่ปริศนาไม่รู้อยู่ตรงไหน"
"จะกินลงได้ยังไง กินข้าวอิ่มจะตาย"
"เพลงที่ 10 ปริศนาว่าง เห็นไหม เราไปด้วยกัน ก็ได้ แล้วเพลงที่ 11 ค่อยมาเต้นกัน"
"ตกลง ดี ปริศนาก็เขียนชื่อผมลงไปเลย ทั้งเพลงที่ 10 และ 11 ผมอุบเลย"
ปริศนา หัวเราะ
"ตกลง"
ปริศนาเขียนชื่อนพลงในสมุด ทั้ง 2 เดินกลับมาที่ฟลอร์
กลางฟลอร์ ท่านชายและอนงค์ ยังเต้นรำกันอยู่ อย่างงดงาม เพลงจบ ทุกคนปรบมือ
เพลงเดิมเล่นซ้ำอีกรอบ ท่านชายชวนอนงค์เต้นต่อ ปริศนาดึงนพออกไป
รตีเต้นรำกับพ่อของตนเอง หรือกับหนุ่มหล่อ แถวนั้น ประวิช ชวนวิมลออกไปเต้น
ในห้องพักของนักเรียนที่สิกขาลัย ท่านหญิงรัตน์นอนอยู่ในที่นอน ห่มผ้า แต่นอนไม่หลับ น้ำตาไหลอยู่แต่ไม่ได้ร้องไห้เสียงดัง ท่านหญิงตะแคงตัวดูนาฬิกา บอกเวลาสี่ทุ่ม
"ขอให้หญิง อายุ 18 เร็วๆด้วยเถิด สาธุ"
ท่านหญิงยกมือพนม และปาดน้ำตา
จังหวะวอลซ์ใกล้จบลง วิมลหน้าตารื่นเริง ตื่นเต้นเพราะงานเต้นรำนี้เป็นงานครั้งแรกของเธอ ประวิชเต้นไปก็สอนน้องไป เพราะประวิชเองก็เป็นคนสอนเต้นรำให้วิมล
วิมลตั้งใจเต้น และสนุกสนานมาก คู่เต้นรำทั้งหมดยังเต้นรำกันอยู่
ท่านชายมองมาเห็น ปริศนาเต้นรำกับนพ และพูดคุยกันตลอดเวลา ปริศนามองสบตา ท่านบ้าง แล้วก็ทำเมิน ไม่สนใจ และเพลงจบลง คู่ของปริศนามาหยุดจบเพลงข้างๆคู่ของท่านชายพจน์และอนงค์
คู่เต้นรำพากันเดินออกจากฟลอร์
ท่านชายพาอนงค์เดินตามปริศนา และนพ ออกไปนั่งพักที่เฉลียงใกล้ๆนั้น ประวิชก็ควงวิมล เดินตามมา
ที่เฉลียงห้องเต้นรำ ปริศนานั่งลง ข้างๆนพ ที่รู้สึกเหนื่อยมากเพราะยังเต้นไม่คล่อง ท่านชายเดินมานั่งข้างปริศนา ในขณะที่อนงค์เข้าไปหาประวิช เพื่อจะได้เต้นรำเพลงต่อไป นพเห็นท่านชายมาคุยกับปริศนา ก็ถอยห่างออกมาแต่ยังสังเกตท่าทีอยู่
"เดี๋ยวเต้นรำกับฉันไหม ปริศนา"
"ไม่ได้ค่ะ ไม่ว่าง"
"งั้นเพลงสาม"
"ไม่ว่างอีก"
"สี่ เอ้า"
ปริศนาเอาสมุดมาเปิดดู แล้วก็สั่นศรีษะ
"งั้น ห้า"
"ไม่ว่างค่ะ"
ท่านชายพจน์ มองปริศนาอย่างคลางแคลงใจ ปริศนาจึงส่งสมุดให้ดู
"หกก็ยังไม่ว่าง"
ท่านชาย รับสมุดของปริศนามาดู อันดับ 1 เป็น นพ อันดับ 2- 6 เป็นชื่อผู้ชายต่างๆกัน 7-9 ว่าง 10-11 เป็นชื่อนพ
ท่านชายหยิบดินสอที่ติดสมุดอยู่ มาเขียนชื่อท่านเองลงไปที่ อันดับ 7-9 ปริศนายืนดูท่านชายอย่าง งง ๆ ท่านชายส่งสมุดคืนให้ปริศนา
เพลงที่ 3 เริ่มต้นขึ้น
ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาโค้งหน้าปริศนาและยื่นแขนให้เกาะ ปริศนาจำได้ว่าเป็นคนที่ขอลงชื่อไว้เพลงที่ 2 ก็ออกไปเต้นรำกับเขา
นพและท่านชายได้แต่มองตาม
รตียืนดื่มแชมเปญอยู่ ประวิชควงอนงค์เข้ามา
"อ้าวคุณรตี มาอยู่ตรงนี้เอง ไม่เต้นรำหรือ"
รตีหันมาหาประวิช มือถือแก้วแชมเปญอยู่
"ไม่หรอก ชั้นรอเต้นรำกับท่านชาย"
"น่าเสียดายจริง ผู้หญิงที่เต้นรำเก่งๆมีไม่มาก อยากเห็นเป็นบุญตา"
รตีทำท่าหยิ่งๆ และเหยียดๆ แม้จะเสียงหวานมาก
"ดูน้องสาวคู่หมั้นเธอสิ เหมือนคนบุ๊กกันเต็มทุกเพลง"
"ปริศนา เก่ง และคล่อง มากอยู่แล้ว และคืนนี้เขาก็สวยมากด้วย" อนงค์บอก
รตีชายตามองดูอนงค์ เหยียดๆนิดนึง
รตีหัวเราะหึๆ
"ในสายตาของประวิช แม่ปริศนา เป็นสวยมากอยู่แล้วไม่ใช่รึ"
ประวิชหันไปหยิบแชมเปญส่งให้อนงค์ แล้วหยิบของตนเองมา 1 แก้ว
รตียื่นแก้วของตนไปชนแก้วกับประวิช
"ขอให้มีความสุข" แล้วเดินเข้าไปใกล้ กระซิบ " อย่าริเป็นพระยาเทครัวก็แล้วกัน"
แล้วรตีก็หันไปยกแก้วให้อนงค์ แต่ไม่ได้ชนแก้วกับอนงค์ รตีหมุนตัวกลับเดินไปจาก เดินไปสักพัก รตีก็วางแก้วเปล่าไว้บนโต๊ะ แล้วเดินจากไปยาวๆ
ประวิช และอนงค์ ได้แต่ยืนค้างมองรตีที่เดินจากไป
"คุณรตีเขาว่าอะไรนะคะประวิช"
ประวิชหัวเราะแหะๆ
"ผม ก็ฟังไม่ออกเหมือนกัน จ้ะ สงสัยแกจะเมา"
ประวิชส่งแขนให้อนงค์เกาะ
"เราไปทางโน้นกันดีกว่า"
อนงค์ไม่สนใจอะไร เกาะแขนประวิช เดินไปทางริมน้ำ ประวิชไปถึงก็หันมา ยกแก้วขึ้นชนกันแก้วของอนงค์อีกครั้งหนึ่ง
วงดนตรีเล่นเพลงที่ 6 ใกล้จบ ท่านชายเต้นรำกับรตี ส่วนปริศนาเต้นรำกับแขกคนหนึ่งในงาน เพลงจบ ท่านชายเดินออกมาที่เฉลียง พร้อมรตี
ปริศนาก็เดินไปรับลมที่เฉลียงเหมือนกัน
"เพลงต่อไป ท่านชายจะทรงเต้นรำอีกไหมเพคะ"
"แทงโก้ เต้นแน่นอนจ้ะ ขอโทษนะ รตี ได้บุ๊กคู่เต้นไว้แล้ว"
ท่านชายก้มหัวให้รตีหน่อยหนึ่ง แล้วถอยออกมา
รตีชะเง้อตาม
เพลง Black Eyes เริ่มขึ้น
ท่านชายเดินมาโค้งปริศนาที่ยังยืนคุยกับคู่เต้นคนก่อนอยู่ ปริศนากล่าวขอโทษคู่เต้น และควงแขนท่านชาย กลับเข้าไปในห้องเต้นรำ
รตีที่มองตาม สะบัดหน้า เดินออกไปอย่างงอนๆ พอเริ่มเต้นด้วยกัน ปริศนาระลึกความหลังได้
"Black Eyes… ท่านชายเคย เต้นกับปริศนา เมื่อปีก่อน"
"ฉันรู้ว่า เพลงนี้เป็นแทงโก้ และรู้ว่าเธอเป็นคู่ของฉัน เลยไปบอกวงให้เขาเล่น Black Eyes"
ทั้ง 2 เต้นด้วยกันสักพัก
"เธอป๊อบปูล่ามากกนะ วันนี้เต้นทุกเพลง ไม่เหนื่อยหรือ"
ปริศนาส่ายหน้า
"ปริศนาเล่นเทนนิสทั้งวัน ยังได้เลย แล้วท่านชายเต้นรำทุกเพลงหรือเปล่าเพคะ"
"เต้นสัก 3 เพลงเอง แต่จากนี้ 3 เพลง ฉันเต้นรำกับเธอ"
ปริศนาเปิดสมุดดู
"ใช่ค่ะ ต่อจากนี้ เป็น พอลโจนส์ แล้วนัมเบอร์ 9 เป็นสโลว์ ฟ็อกซ์ทร็อต"
"ถ้าอย่างนั้น เราไม่เต้น พอลโจนส์ ไปเดินเล่นในสวนกันสักพัก แล้วฟอกซ์ทร็อตค่อยมาเต้น"
"ดีสิเพคะ"
ปริศนายิ้มให้ท่านชายอย่างพอใจ ทั้งคู่เต้นแทงโก้ อย่างสวยงาม นพยืนมองอยู่ที่ริมห้อง
ปริศนา เดินมากับท่านชายพจน์ ในบริเวณบาร์ไอศกรีม ซึ่งมีโต๊ะอยู่ประมาณ 5 โต๊ะมีคนนั่งเต็ม
"โต๊ะเต็ม ไม่มีที่นั่งเสียแล้ว ไปเดินดูบริเวณอื่นไหมเพคะ"
"ไปดูด้านหน้าก็ได้ ฉันทำไฟน้ำพุเสียสวย"
ท่านชายพจน์ พาปริศนาเดินออกไป
ท่านชายพจน์ และปริศนาเดินเข้ามาที่น้ำพุหน้าตำหนัก ซึ่งบัดนี้ มีสวนหย่อมอยู่โดยรอบ ตัวน้ำพุสาดแสงไฟ เปลี่ยนสีหลากหลาย ปริศนาเองก็สวมชุดสีขาวมีวิบๆ จึงมีสีเปลี่ยนไปตามไฟด้วย คล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศตรงนั้น
เสียงเพลงเต้นรำดังออกมา
"ปริศนาเห็นตั้งแต่เข้ามาแล้วเพคะ เห็นว่าสวยเหมือนกำลังเข้ามาในดินแดนเทพนิยาย"
ปริศนาเดินเข้าไปใกล้บริเวณน้ำพุ
ท่านชายมองปริศนาอย่างชื่นชม คล้ายเธอเป็นเทพธิดาอยู่ในสวนนี้
"ก่อนเธอมา ยังไม่มีใครได้มายืนดูใกล้ๆ เลย นอกจากน้องหญิง"
"ท่านหญิงอยู่ไหนล่ะเพคะ"
"ให้ไปค้างโรงเรียน เพิ่งไปเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง"
"อ้าว"
"สงสารเหมือนกัน แต่เรารู้ว่าทั้งหมด คือความตั้งใจดี จะตามใจทุกอย่างคงไม่ได้ อายุ 18 เมื่อไหร่ จึงจะมีสิทธิ ในตนเองอย่างเต็มที่ ถึงเวลานั้นก็ให้เขาตัดสินใจของเขาเอง แต่ถ้าเขายังอยู่ในความดูแลของเรา เขาก็ต้องรู้ว่า มันมีขอบเขต"
ปริศนามองท่านชายอย่างชื่นชม
"จริงเพคะ การตามใจตัวเอง ทำร้ายตัวเองได้มากที่สุด"
ท่านชายมอง ปริศนาหลบตา
"ไปที่บาร์แชมเปญกันเถอะ บรรยากาศน่าสบายเป็นที่สุด"
ท่านชายผายมือ แล้วออกเดิน ปริศนาออกเดินเคียงคู่ไป
อ่านต่อหน้า 2
ปริศนา ตอนที่ 14 (ต่อ)
บาร์แชมเปญที่ตอนนี้เงียบ ไม่มีคนเลย มีโต๊ะวางอยู่ 4-5 โต๊ะเช่นกัน ท่านชายเดินนำพาปริศนาไปนั่ง โดยท่านชายเลื่อนเก้าอี้ให้ปริศนานั่ง
มหาดเล็กรินแชมเปญมาเสิร์ฟให้ท่านชายและปริศนา แต่ปริศนาส่ายหน้าปฏิเสธ
"มาเถอะ เพื่อความสุข และการเฉลิมฉลองท่านชายยกแก้วขึ้น"
ปริศนาต้องยกแก้วขึ้นชนแก้วกับท่านชาย
"น่าอิจฉาอนงค์จัง ที่จะได้มาอยู่ในดินแดนเทพนิยายอย่างนี้"
"ถ้าอย่างนั้น เธอก็มาอยู่ที่นี่กับฉันสิ"
ปริศนามองไปรอบๆ รู้สึกถึงความสบายของบรรยากาศ
"อยากอยู่เหมือนกันแหละเพคะ แต่จะอยู่ยังไงล่ะเพคะ"
"ก็แต่งงานกับฉันเสียสิ..... ปริศนา เธอจะแต่งงานกับฉันไหม"
ปริศนาหันมามองท่านชายอย่างค้นหา อยากรู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่นแค่ไหน แต่แสงไฟที่ท่านชายไม่สว่างนักจึงเห็นไม่ถนัด
"ว่าไง ปริศนา ฉันขอให้เธอแต่งงานกับฉันยังไงล่ะ"
ปริศนาอึ้งไป ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านชายจะพูดย้ำออกมา
"ปริศนา ความสุขของชีวิต เท่าที่ฉันจะหาให้เธอได้ ฉันจะยกให้เธอทั้งหมดทรัพย์สมบัติ เงินทองต่างๆ ที่จะบันดาลความสุขให้กับเธอ"
ปริศนาลุกพรวดขึ้นทันที คำพูดของท่านชาย จี้ปม ความจนของครอบครัวปริศนาได้อย่างชะงัด
"พอที หยุด... ไม่อยากฟัง"
ท่านชายลุกตามพยายาม ปลอบปริศนา
"ปริศนา ฉันยังพูดไม่จบ นั่งลงฟังก่อนเถอะ"
ปริศนาปัดมือท่านชาย
"อย่ามาพูดเลย เงิน... เอะอะ ก็เงิน ท่านเอาเงินของท่านไปโปรยให้คนอื่นเถิด ปริศนา ไม่ต้องการเงินของท่าน"
แล้วปริศนาก็สะบัดหน้า จะเดินออกไป ท่านชายคว้าแขนปริศนาเอาไว้
"ฟังฉันก่อน ปริศนา ฟังฉันพูดให้จบก่อนสิ"
ปริศนาบิดแขนให้พ้นจากการเกาะกุม สะบัด และผลักท่านชาย จนเซไปโดนโต๊ะ แก้วแชมเปญ ตกแตก แล้วปริศนาก็เดินห่างออกไป
ท่านชายเดินตามไปทัน เพราะปริศนาใส่กระโปรงยาว เดินไม่คล่องนัก ท่านชายพจน์ตามทัน ก็จับตัวไว้
"ทำไมเธอกริยาแบบนี้ ฉันจะพูดด้วยดีๆ เธอต้องฟังฉันให้จบก่อน แล้วจะไปไหน ก็เชิญไป"
"ไม่ฟัง ท่านไม่ต้องมาบังคับ"
"เธอจะเอาชนะฉัน ไม่ได้หรอกปริศนา ฉันเป็นคนหัวดื้อ ตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก็ต้องทำให้ได้ เธอคิดว่าเธอหนีฉันพ้นหรือ ถ้าเธอหนีเข้าไปในหมู่คน ฉันก็จะตามไป ทำให้เธอขายหน้าไม่รู้ด้วย"
ปริศนาสะบัดมือ แล้วยืนเฉย เดินไปริมแม่น้ำ มองออกไปไกลๆ ท่านชายตามมา
"ปริศนา รู้ไหม ฉันไม่เคยขอใครแต่งงานเลย เพิ่งจะริครั้งแรกนี่แหละ"
ปริศนาหันมามองหน้าท่านชายอย่างค้นหาความจริง
ทันใดนั้น ประวิช และอนงค์ก็จูงมือกันเข้ามา
"ฝ่าบาท โธ่...มาอยู่นี่เอง"
แขกผู้ใหญ่จะกลับกันหลายคน ตามหาฝ่าบาทจะทูลลา ท่านชายหันกลับมามองปริศนา
ปริศนามองอย่างท้าทาย ให้พูดต่อ ท่านชายหันหลังเดินกลับไปทางตึก ปริศนา ประวิช และอนงค์ก็เดินตาม
"เป็นยังไงอนงค์สนุกไหม"
"สนุกเหลือเกิน ยังกับได้ขึ้นสวรรค์"
ปริศนา รู้สึกว่าตรงกันข้ามกับตัวปริศนาเหลือเกิน
ดนตรีกำลังเล่นเพลง Blue Danube ปริศนาเดินเข้าห้องเต้นรำ นพยืนแถวหน้าห้องชะเง้อมองอยู่ พอเห็นปริศนา นพ ก็รีบเดินเข้ามาหา และจับแขนปริศนา จะพาไปห้องเต้นรำ
"ไปไหนมา ปริศนา ผมตามหาเสียแทบแย่ นึกว่ากลับไปแล้ว"
"ลงไปเดินข้างล่าง เหมือนต้องการอากาศที่โล่งๆ"
นพหยุดเดินมองหน้าปริศนาที่ดูซีดๆ ก็รู้สึกเป็นห่วง
"ไม่ต้องเต้นรำก็ได้ ปริศนา เราลงไปข้างล่าง ไปกินไอติมก็ได้ ได้กินมาหรือยัง"
ปริศนาส่ายหน้าปฏิเสธ
"งั้นเราลงไปกัน"
นพเดินนำปริศนากลับไปข้างนอกห้องเต้นรำ
มหาดเล็กตักไอศกรีมใส่เครื่องแบบวัง ตักไอศกรีมสองถ้วย ใส่ถาดเดินมา แล้วเอามาวางที่โต๊ะ ซึ่งบัดนี้ ไม่มีคนอื่นนั่ง ยกเว้นปริศนากับนพเท่านั้น
ปริศนาตักไอศกรีมใส่ปาก แล้วก็รู้สึกว่าไม่อร่อยไม่รู้รส จึงวางช้อนลง ในขณะที่นพรับประทานอย่างกระตือรือร้น พอเห็นปริศนาวางช้อน ก็แปลกใจ
"อ้าว ไม่กินล่ะ ไม่อร่อยหรือ"
"อร่อย แต่ กินไม่ลง"
"เป็นอะไรไปล่ะ"
"เปล่า... อยากกลับบ้าน"
"มีเรื่องอะไร"
"ไม่มี"
"ปริศนา อย่าปิดผมเลย ผมรู้จักคุณดีนะ มีเรื่องอะไรบอกเสียเถิด บอกแล้วจะสบายใจขึ้นนะ บางทีผมช่วยได้ก็จะช่วย"
"ช่วยไม่ได้หรอก ปริศนาโมโหมนุษย์เท่านั้น"
"มนุษย์ไหน"
ปริศนาไม่ตอบ
"ท่านชายใช่ไหม"
ปริศนาแปลกใจ
"ทำไมรู้"
"ทำไมจะไม่รู้ เห็นหายออกมาจากห้องเต้นรำด้วยกันนานมากแล้ว ตอนท่านชายเดินกลับไป ก่อนคุณมา ก็พักตร์บึ้งเชียว คุณเองก็... เป็นอย่างนี้"
ปริศนาถอนหายใจ
"ผมว่าต้องมีอะไรโรแมนติกแน่ๆ ท่านชาย บอกรักคุณปริศนาหรือ"
"ไม่"
"อ้าว"
"ท่านขอแต่งงาน"
"อ้าว... ไม่ใช่เรื่องเดียวกันหรอกหรือ"
"ไม่ใช่ เพราะท่านเห็นปริศนาชมว่าวังท่านสวย ท่านก็บอกว่าถ้าแต่งงานแล้วก็จะได้มาอยู่ด้วยกัน แล้วท่านมีเงินทอง โปรยหัวแยะ พูดอย่างนี้ ไม่ถือว่าดูถูกกันหรือ ไม่ใช่เรื่องโรแมนติก ไม่ใช่เรื่องรักอะไรทั้งนั้น แต่ปริศนาโดนดูถูก เหยียดหยาม เข้าใจไหม นพ…กลับบ้านดีกว่า"
ปริศนายืนขึ้น แล้วจะเดินออก นพจะเดินตาม แต่แล้วก็ต้องตกใจ เพราะท่านชายพจน์เดินเข้ามาพอดี นพไม่รู้ตัว ดึงตัวปริศนาไว้ เหมือนจะปกป้อง ปริศนาเองความไม่อยากเจอท่านชายอีกจึงเหมือนจะหลบเข้าไปหลังนพ ทำให้ท่านชายเจ็บปวด เข้าใจผิดว่า ปริศนา น่าจะสนใจนพมากกว่า ท่านชายหมุนตัวกลับ เดินออกไป
ปริศนากลั้นน้ำตา กัดริมฝีปาก
รถประวิช แล่นเข้ามาจอดในบ้านของสมร เขาลงมาเปิดประตูให้สมร ที่นั่งด้านหลัง แล้ววิ่งมาเปิดประตูให้อนงค์ ที่ด้านหน้าข้างคนขับ ส่วนปริศนา เปิดประตูรถออกมาเอง
"ขอบใจมากนะประวิช"
แล้วปริศนาก็เดินเข้าบ้านไป อนงค์และสมรลงมา สมรงง ที่ปริศนาเดินไปไม่รอใคร ตัวเองก็เลยรออนงค์
"ขอบคุณมากประวิช เหมือนฝันทีเดียว ต้องขอบพระทัยท่านชาย เมตตาจัดงานให้ดีเหลือเกิน"
"ท่านนับประวิช เป็นน้องชายท่านนี่จ๊ะ"
"เสียดาย ว่าไม่ได้ลาท่านตอนกลับ ท่านเมตตาเราเหลือเกิน"
"ผมต้องไปก่อน คงจะต้องไปดูเขาจัดเก็บของ"
ประวิชยกมือไหว้ สมรรับไหว้ ประวิช จับมืออนงค์
"แล้วผม จะมาหาคุณทุกวันทีเดียวอนงค์"
อนงค์พยักหน้ารับคำ
"ค่ะ แต่อย่าลืม ดูแลท่านชายด้วยนะคะ"
"ไม่ลืมจ้ะ"
ประวิชขึ้นรถขับออกไป สมรและอนงค์ จึงเดินขึ้นเรือน
ภายในห้องนอน ปริศนากำลังเอาชุดราตรีแขวนอยู่ ตัวเองใส่เสื้อคลุม เตรียมอาบน้ำอนงค์เดินเข้ามา
"ง่วงนอนหรือปริศนา"
"อือ"
"พี่มีความสุขเหลือเกิน"
"ยินดีด้วย...ชีวิตจากนี้ไปของอนงค์ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว"
"จริง แต่จะเป็นชีวิตที่มีความสุขมาก"
ปริศนามองอนงค์
"จริง"
แล้วปริศนาก็หยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกไป
ขณะที่อนงค์มายิ้มให้กับตัวเองหน้ากระจก และยกแหวนหมั้นขึ้นมาพิจารณาอย่างมีความสุข
วิมลยืนกินไอศกรีมอยู่ ขณะที่ยืนดูเจ้าหน้าที่ใช้รถเข็นอุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้ออกไป ประวิชเดินเข้ามา
"ยังไม่ขึ้นนอนอีกหรือวิมล"
"ยังไม่ง่วงเลยค่ะ ไอศกรีมนี่อร่อยจัง เหลือก้นถัง เลยขอเขากินอีกรอบ"
"ตื่นเต้นล่ะ สิ เพิ่งออกงานครั้งแรก"
"เป็นงานที่สวยและสนุกมาก ถ้าท่านหญิงได้มาด้วยคงจะสนุกกว่านี้"
"สงสารท่านหญิงรัตน์ ท่านชายท่านก็ยึดระเบียบเสียเหลือเกิน"
"แต่ไม่มีใครในโลก ขัดท่านชายได้ ท่านหญิงรัตน์ ท่านก็คงหายโกรธเร็ว พรุ่งนี้เช้า ท่านก็กลับมาแล้ว ท่านชายรับสั่ง"
"อ้าว แล้วท่านชายอยู่ไหนล่ะ"
"เสด็จขึ้นห้องบรรทมไปแล้ว"
ประวิชพยักหน้า
"อือ เดี๋ยวพี่ดูเขาเก็บของเอง ท่านจัดให้เสียเรี่ยมเร้"
วิมลถือถ้วยไอศกรีม เดินกลับเข้าไปด้านใน ประวิชเดินไปยืนดูคนเก็บของ ซึ่งเก็บของได้เรียบร้อยดี สนยืนคุมการเก็บของอยู่
"คนของสนนี่ ทำงานได้เรียบร้อยดีนะ"
"หลายคนเคยทำงานที่นี่ขอรับ จึงไม่ต้องพูดกันมาก"
"มิน่าล่ะ"
ในห้องบรรทม ท่านชายพจน์ ยังไม่ได้เปลี่ยนชุด แต่ถอดเสื้อนอก และพับแขนเสื้อ นั่งอยู่บนเก้าอี้ แล้วมองออกไปข้างนอกอย่างเศร้าๆ ย้อนคิดถึงการพูดคุยกับปริศนา
"ก็แต่งงานกับฉันเสียสิ ปริศนา เธอจะแต่งงานกับฉันไหม"
ปริศนาหันมามองท่านชายอย่างค้นหา อยากรู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่นแค่ไหน แต่แสงไฟที่ท่านชายไม่สว่างนักจึงเห็นไม่ถนัด
"ว่าไง ปริศนา ฉันขอให้เธอแต่งงานกับฉันยังไงล่ะ"
ปริศนาอึ้งไป ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านชายจะพูดย้ำออกมา
"ปริศนา ความสุขของชีวิต เท่าที่ฉันจะหาให้เธอได้ ฉันจะยกให้เธอทั้งหมด ทรัพย์สมบัติ เงินทองต่างๆ ที่จะบันดาลความสุขให้กับเธอ"
ปริศนาลุกพรวดขึ้นทันที คำพูดของท่านชาย จี้ปมความจนของครอบครัวปริศนาได้อย่างชะงัด
"พอที หยุด... ไม่อยากฟัง"
ท่านชายพจน์ หลับตาลงอย่างเจ็บปวด ซบหน้า ลงกับมือ
นพไม่รู้ตัว ดึงตัวปริศนาไว้ เหมือนจะปกป้อง ปริศนาเอง ความไม่อยากเจอท่านชายอีกจึงเหมือนจะหลบเข้าไปหลังนพ
ท่านชายเงยหน้าขึ้นรู้สึกว่า ไม่สามารถที่จะอยู่เฉยได้ จึงลุกขึ้นมาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วเริ่มจัดของ...
ขบวนรถไฟที่วิ่งไปยังหัวหิน ในตู้นอนชั้น 1 หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชายืนเกาะหน้าต่าง มองทิวทัศน์ด้านนอกอย่างใจลอย รู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมาย จึงถอยมานั่งที่เก้าอี้ แล้วมองออกไปไกลๆ
ประวิชเดินมาจากด้านในตำหนัก เมื่อออกมาด้านนอกก็เห็นหม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดียืนอยูที่สวนน้ำพุ ที่ยังจัดเหมือนวันหมั้น และกำลังจะถูกรื้อออก
"ท่านหญิงรัตน์! เด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่"
"ตั้งแต่ 2 โมงเช้าแน่ะ ถามทำไม"
"เปล่าไม่มีอะไรกระหม่อม ถามเล่นสนุกๆอย่างนั้นเอง วิมลล่ะ ตื่นกี่โมง"
"โมงครึ่งค่ะ" วิมลบอก
"เก่งจัง นอนไปนิดเดียวเอง เด็จพี่ อยู่ไหนน่ะ ท่านหญิง"
"เปิ่น!"
"เปิ่นยังไง"
"ก็มัวนอนคุดคู้อยู่ น่ะสิ เจ้าพี่เด็จหัวหิน ตั้งแต่โมงเช้า ป่านนี้ถึงแล้ว" รัตนาวดีบอก
"อะไร ... จริงหรือ ท่านเสด็จยังไงล่ะ"
"ก็ให้สนไปส่งสถานีรถไฟไง พอถึงหัวหิน แล้วก็ขึ้นรถยนต์จากสถานี ไปโฮเต็ล"
"ใครทูลท่านล่ะ"
"สน เค้าไปส่งเจ้าพี่ แล้วไปรับหญิงที่โรงเรียน"
"อ้าว แล้วสนไม่ได้ตามเสด็จด้วย ท่านไปกับใคร"
"ไปลำพังสิ ไม่มีใครรู้ว่าท่านไป ป้าสร้อย ยังไม่รู้เลย ถึงไปโฮเต็ล ยังไงล่ะ"
"แปลก"
"ถึงว่าเถอะ...ว่าแต่คุณประวิชเถอะ ไม่ไปหาคู่หมั้นหรือ เดี๋ยวเค้าคิดถึงแย่"
"แน้.... ท่านหญิง เป็นเด็กเป็นเล็ก ทำไมรู้มากยังงี้ล่ะ"
ประวิชยิ้มเขิน เพราะตั้งใจจะไปหาอนงค์อยู่พอดีเหมือนกัน ท่านหญิงรัตน์ แลบลิ้นใส่ประวิช แล้วดึงแขนวิมลเดินเข้าตำหนักไป
ประวิชมองตาม แล้วก็คิดถึง ว่าจะต้องไปหาอนงค์
อนงค์นั่งถักไหมพรมอยู่ที่โถงห้อง เธอกำลังคลี่ไหมพรมที่พันกันอยู่
เสียงรถประวิชเข้ามา อนงค์กำลังติดพัน ก็เลยไม่สามารถจะลุกไปไหนได้ สักพัก ประวิช ก็เดินเข้ามา
"ทำอะไรอยู่จ๊ะ"
อนงค์ยิ้มให้
"มาพอดีทีเดียวช่วยจับ ไหมพรมสักหน่อยเถิด พันกันไปหมดแล้ว"
"อนงค์ถักอะไร"
"ฉลององค์ให้ท่านหญิงรัตน์ ยังไง ที่ประวิช วานให้ทำ อุตส่าห์ไปขอจดขนาดองค์ที่ร้านนงลักษณ์มาทีเดียว"
"สีสวย ท่านคงโปรด"
"ท่านใส่สีนี้ คงงาม"
"แล้วนี่ไปไหนกันหมด"
"แม่ไปเรือนคุณยาย ส่วนปริศนากินข้าวเสร็จ ก็เอาหมาขึ้นไปข้างบน"
อนงค์มองขึ้นไปข้างบน
อ่านต่อหน้า 3
ปริศนา ตอนที่ 14 (ต่อ)
ภายในห้อง ปริศนานอนคว่ำอยู่บนเตียง เอามือแกว่งลงมาข้างล่าง เล่นกับวูปี้ที่กระโดด ไปมาเล่นด้วยอยู่ข้างเตียง
ปริศนาหน้าเฉย ที่เล่นอยู่ไม่ได้รู้สึกสนุกสักนิดเดียว เหมือนไม่มีอะไรจะทำและใจลอยมากกว่า
ในที่สุดปริศนา ก็จับตัววูปี้ขึ้นมาจ้องหน้า
"แกนี่มันดูง่ายจริงๆ ไม่มีอะไรสักนิด จะหิว จะอิ่ม จะเชื่อฟัง จะอยากเล่น ไม่เหมือนมนุษย์เลย... ดูไม่ออก"
เธอนึกถึงคำพูดของหม่อมเจ้าพจน์ ปรีชา
"ก็แต่งงานกับฉันเสียสิ ปริศนา เธอจะแต่งงานกับฉันไหม"
ปริศนาหันมามองท่านชายอย่างค้นหา อยากรู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่นแค่ไหน แต่แสงไฟที่ท่านชายไม่สว่างนักจึงเห็นไม่ถนัด
"ว่าไง ปริศนา ฉันขอให้เธอแต่งงานกับฉันยังไงล่ะ"
ปริศนาอึ้งไป ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านชายจะพูดย้ำออกมา
"ปริศนา ความสุขของชีวิต เท่าที่ฉันจะหาให้เธอได้ ฉันจะยกให้เธอทั้งหมด ทรัพย์สมบัติ เงินทองต่างๆ ที่จะบันดาลความสุขให้กับเธอ"
ปริศนาลุกพรวดขึ้นทันที คำพูดของท่านชาย จี้ปมความจนของครอบครัวปริศนาได้อย่างชะงัด
"พอที หยุด ไม่อยากฟัง"
ปริศนาก้มหน้าอย่างเศร้าสร้อย แล้วกอดวูปี้ไว้
"ฝันร้าย เรื่องไม่จริงทั้งเพ เรื่องไม่จริงใจ"
ปริศนาจับวูปี้มามองสบตาอีกครั้ง
"หากรักเพราะรัก....ก็คงจะดี ไม่ต้องรักเพราะอวดอำนาจ เพราะก็คือรักตัวเอง ไม่ได้รักเรา ไม่เหมือนแกกับฉัน วูปี้ เรารักกัน ใช่ไหม"
วูปี้กระดิกหาง
ปริศนายังคงสบตากับวูปี้ต่อไป
ท่านชายนั่งลงที่เก้าอี้พักผ่อน ณ บริเวณเฉลียง ที่โฮเต็ลหัวหิน แล้วมองออกไปไกลๆ ในทะเล พลันนึกถึงวันที่ไปนั่งเรือตากฝนกับปริศนา
"ความรักเป็นเรื่องของคน 2 คนที่มีจิตใจตรงกัน ฉันรักเขา เขารักฉัน เท่าๆกันต่างหาก ที่จะเป็นผู้หญิงที่ฉันรักและจะแต่งงานด้วย"
ท่านชายมองปริศนาเต็มตา เธอหลบตาแล้วเมินไป
"ท่านชายจะทรงทราบได้อย่างไร ว่าผู้หญิงคนไหนเป็นเช่นนั้น"
"รู้สิ และฉันคิดว่า บางที ฉันอาจจะได้พบเขาแล้ว"
ปริศนาเงยหน้ามองท่านชายพจน์ทันที สงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และพบว่า ท่านชายพจน์กำลังมองมาที่ตน
ปริศนารู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกได้แต่เมินหน้าออกไป
... ท่านชายพจน์ถอดเสื้อคลุมให้ปริศนา แล้วทั้ง 2 ยืนพิงเพิงหิน หลบฝนอยู่ด้วยกัน
ท่านชายพจน์ นึกถึงปริศนา แล้วพยายามข่มความคิดอย่างที่สุด
"ปริศนา ถ้าฉันต้องลืมเธอให้ได้ ฉันจะทำได้สำเร็จไหม"
ท่านชายเอง ก็รู้ว่าไม่สำเร็จ
ในห้องนอน ปริศนายังจับวูปี้ไว้อยู่
"ไม่...ไม่มีทาง ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกฉันเป็นอันขาด"
ปริศนาปล่อยวูปี้ลงไปบนเตียง แล้วตัวเองก็ทิ้งตัวลงไปนอนกับหมอน เงยหน้ามองเพดานว่างเปล่าอยู่
ยายนั่งอยู่บนพื้นที่เรือน ประวิชก้มลงกราบยายกับพื้น
"ไหว้พระเถอะ มีความสุขมากๆนะ รักกันให้ยืน รักกันให้ยาว ถนอมความรักของเรา ด้วยความเอาใจใส่กัน เสียดายว่าไม่ได้ไปตอนหมั้น งานฉลอง อะไรก็ไม่ได้ไป แม่สมรมาเล่าให้ฟังว่า ท่านชายท่านจัดประทานสวยหรูทีเดียว"
"งานแต่งงาน คุณยายต้องไปให้ได้นะขอรับ"
"ถ้าหายวิงเวียนบ่อยๆ แล้วยายก็จะต้องไป ความสุขของลูกหลานได้ชื่นชม แล้วเราก็เป็นสุข"
"คุณยายอยากไป ยิ่งเล่าว่างานสนุก ท่านก็ยิ่งเสียดาย แต่อยู่บ้านก็ดีแล้วนะคะแม่ คุณประวิช ก็ได้มากราบคุณแม่วันนี้เลย" สมรบอก
ยายเรอ
"อือ นั่งนาน เวียนหัวอีกแล้ว"
"คุณยายนอนพักเถอะค่ะ อนงค์จะชวนประวิช กลับบ้านแล้ว"
อนงค์ประคองยายลุกขึ้น และพาไปที่เตียง สมรเข้าไปหายาลมชงใส่แก้วให้ยาย
"ยาลมสักนิดนะคะ แม่ อย่าเพิ่งนอน"
สมรเอายาลมไปส่งให้คุณยายดื่ม อนงค์พยักหน้า ชวนประวิชให้กลับไปบ้านใหญ่
ปริศนาอุ้มวูปี้เดินลงบันไดมา มองไปไม่เห็นใคร ก็เลยเลี้ยวเข้าไปในห้องกินข้าว แล้วปล่อยวูปี้วิ่งไป
ในห้องกินข้าว จำเนียร กำลังจัดโต๊ะของว่างอยู่
"จำเนียร ไปไหนกันหมดล่ะ"
"คุณประวิชกับคุณอนงค์ไปกราบคุณยายค่ะ ประเดี๋ยวก็กลับมารับประทานของว่างที่นี่คะ"
"แม่ล่ะ"
"อยู่เฝ้าคุณยายค่ะ ให้จำเนียรแบ่งของไปที่เรือนโน้นแล้ว"
ปริศนาพยักหน้า จำเนียรเดินออกไป แล้วปริศนาก็เอาจานมาจัดวางไว้ สำหรับตนเอง ประวิชและอนงค์
อนงค์กับประวิชเดินคุยกันที่สวนหน้าบ้านหลังจากที่ออกมาจากบ้านยาย
เสียงรถจอดที่นอกรั้วหน้าบ้าน
"ใครมาน่ะ"
ประวิชหันมองไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน อนงค์ก็แปลกใจมาก เสมอเปิดประตูรั้วเดินเข้ามา
"คุณเสมอ" อนงค์พูดขึ้น
เสมอเดินเข้ามา ยิ้มเจื่อนๆ
"ผมเอง"
ประวิชทำหน้ามึนใส่ ไม่ทักทาย อนงค์เหลือบตามองประวิช
อนงค์จำเป็นต้องถามตามมรรยาท
"มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"
"ผมมาหาคุณสิรี เธออยู่บ้านไม่ใช่หรือ"
"ไม่อยู่ค่ะ"
"ไปไหนล่ะครับ"
อนงค์ไม่ตอบ เหลือบตามองประวิชอีกครั้ง
"ไม่ได้อยู่กรุงเทพหรอก จะทำไมล่ะ" ประวิชว่า
เสมอตวัดสายตามองประวิชนิดเดียว แล้วหันมามองอนงค์ต่อ
"อ้าว... นึกว่ากลับแล้ว ยังอยู่จันทบูรหรือครับ คราวนี้ไปนานจริง แล้วจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ"
"ไม่ทราบค่ะ คุณมีธุระอะไรล่ะคะ"
"เปล่า ... ผมมาเยี่ยมก็เท่านั้น ...อ่า... ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไปล่ะ ลาก่อนครับ"
เสมอ หันกลับเดินออกไปนอกบ้าน ประวิช และอนงค์มองตามอย่างแค้นๆ
"ไอ้ ...เลว"
"ว่าใครคะ"
"ก็ไอ้นายเสมอนี่น่ะสิ"
"นั่นสิ มาถามหาพี่สิรี ทำไมก็ไม่รู้ ทำจนคนเป็นอย่างนี้ยังไม่พออีก"
"ก็จะเปลี่ยนใจ กลับมาหาสิรีน่ะสิ พ่อแม่เขาไปทาบทามรตี โดนไล่มา"
อนงค์และประวิช เดินกลับมาทางตัวบ้าน
ในเวลาต่อมา อนงค์และประวิชนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ปริศนาเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตกใจ
"อะไรนะ นายเสมอ จะมาง้อสิรีเหรอ ลองสิรีใจอ่อนสิ ปริศนาตัดพี่ตัดน้อง ไม่ต้องมานับถือกันอีกเลย"
"พี่ก็ว่าอย่างนั้น สิรีใจแข็งจะตาย"
"ผมก็จะตัดด้วยเหมือนกัน เลวขนาดนั้น อย่าว่าแต่จะคบหา มองหน้ายังเสียสายตา พออย่าพูดถึงมันเลย จะกินไม่อร่อย"
ปริศนาเลื่อนจานขนมปังหน้าหมูให้
ประวิชตักขนมปังใส่จานของตน
"ปริศนาล่ะ เป็นอะไร วันนี้ไม่ลงมาข้างล่างเลย โกรธใครหรือ"
"อือ งานของเรา เรามีความสุขกันจะตาย แต่พอเช้ามา ปริศนาก็หน้าบึ้ง ท่านชายก็เสด็จหัวหินไปแต่เช้า ไม่มีใครทราบเรื่องเลย"
ปริศนาตวัดสายตาดูอนงค์และประวิช
"อยากรู้จริง มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า" ประวิชถาม
ปริศนาวางส้อมที่จิ้ม ของว่าง ยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม แล้วลุกขึ้นเดินขึ้นไปข้างบน ทั้ง ประวิชและอนงค์ต่างงง
"ตกลง เมื่อคืนนี้ องคน ท่านชายกับปริศนา เขาทะเลาะอะไรกันหรือเปล่านะ"
"นั่นสิคะ แปลกจริง"
ประวิช และอนงค์ ยังมองตามปริศนาอย่างไม่เข้าใจ
ปริศนานั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบการบ้านนักเรียนมาอ่าน แต่แล้วก็พบว่าไม่มีสมาธิ
เธอจับรูปท่านชายที่คว่ำอยู่ตั้งขึ้น และมองรูปนั้น พูดกับรูป
"ท่านชายเพคะ ท่านชายคิดอย่างไรกับปริศนากันแน่ ท่านชายแสนดีเหลือเกินในบางที จนบางครั้ง ปริศนาก็อยากจะคิดไปเองว่าท่านชายรักปริศนา แต่บางทีปริศนาก็คิดว่า การแสดงว่ารักนั้น แท้จริง เพื่อให้ตายใจ เพราะแท้จริงแล้ว ท่านชายเกลียดและดูถูกเหยียด
หยาม ท่านอยากทำให้ปริศนาต้องเจ็บใจ เสียใจ จริงไหมคะ ท่านเกลียดปริศนาเพราะอะไร"
น้ำตาของปริศนาคลอออกมา จนน้ำตารินลงมาปริศนาจึงรู้สึกตัว ไม่อยากให้ใครเห็น ยกมือปาดน้ำตา
เธอลุกมาหยิบผ้าเช็ดหน้า เอาน้ำดื่มที่วางไว้แถวนั้นเทใส่ผ้าเช็ดหน้า แล้วโปะ ลงบนตา เพื่อลบร่องรอยน้ำตาแล้วปริศนาคว้าผ้าเช็ดตัว จะออกไปล้างหน้า
ปริศนาเดินถือผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องนอน เห็นแม่แต่งชุดใหม่เดินเข้าไป
ในห้องนอนของแม่พอดี ปริศนากระวีกระวาด เข้าไปในห้องน้ำ
สมรอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ผัดหน้า ด้วยแป้งฝุ่นเฉยๆ แล้ว ก็ลุกขึ้นปิดไฟ จะออกประตูห้อง ปริศนามายืนหน้าประตูพอดี
"อ้าว ปริศนา แม่ไม่เห็นเลย ทั้งวัน ไปไหนมาลูก"
"ตรวจการบ้านนักเรียนอยู่ในห้องค่ะ แล้วแม่จะไปไหนคะ"
"ไปดูคุณยาย กินข้าวเย็น"
"แล้วแม่จะกินข้าวที่เรือนคุณยายอีกหรือเปล่าคะ"
"เดี๋ยวกับมากินกับลูกจ้ะ คุณประวิชเขาคงอยู่กินข้าวกับอนงค์ด้วยแหละ"
"แม่คะ ปริศนามีเรื่องแปลกๆจะเล่าให้ฟัง"
"เอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน ปริศนา แม่จะไปดูคุณยายก่อน เดี๋ยวจะผิดเวลาไป"
ปริศนาจ๋อย ถอยออกมาก้าวหนึ่ง แต่สมรไม่เห็นเพราะมัวแต่ปิดประตูห้อง
สมรเดินลงบันไดไป ปริศนาเดินคอตกเข้าห้องตัวเองไป
ปริศนาเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง ด้วยความคิดที่ยังสับสนหาทางออกไม่ได้
นั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ เอารูปท่านชายคว่ำไปเหมือนเดิม แล้วในที่สุดก็หยิบกระดาษเขียนจดหมายออกมา แล้วเริ่มลงมือเขียนจดหมาย
"คุณอาคะ..."
เย็นวันเดียวกัน หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชาเดินไปอย่างโดดเดี่ยวที่ริมทะเล ซึ่งค่อนข้างอ้างว้าง ไม่มีผู้คน ท่านชายพจน์กำลังใช้ความคิด และเดินอย่างเรื่อยเปื่อย
"ความรัก... ไม่ใช่สิ ความไม่แน่นอนของความรัก ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ รัก หรือไม่รัก สุข หรือ ทุกข์ สมหวัง หรือ ผิดหวัง หลายชีวิตมีรักที่สุขสมแสนหวานชั่วนิรันดร์ และอีกหลายคน ที่ชีวิตต้องพังพินาศ หมดสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะรัก ชีวิตนี้ คงจะต้องเดินไปข้างหน้า เพื่อใครอีกหลายคน แต่ความรักนี้คงต้องเก็บไว้กับตัว เก็บไว้ในใจ จนตราบสิ้นลม"
ท่านชายมองทะเลอย่างเศร้าสร้อยและก้มหน้าลงมองดูพื้นทราย
เวลากลางคืน ปริศนาแต่งตัวใหม่แล้ว เปลี่ยนเป็นชุดนอน และนั่งแปรงผมอยู่ที่หน้ากระจกแบบเซ็งๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น สมรเปิดประตูเข้ามา
"ปริศนา มีอะไรจะเล่าให้แม่ฟังใช่ไหม"
ปริศนาน้อยใจ
"ค่ะ แต่ช่างเถอะค่ะ มันไม่สำคัญอะไร จะเล่าเมื่อไหร่ก็ได้ หรือไม่เล่าก็ได้"
"งั้นหรือจ๊ะ อือ ถ้าอยากเล่าเมื่อไหร่ ก็มาเล่าให้แม่ฟังนะ แม่ยินดีจะฟังเรื่องของลูกเสมอ"
ปริศนายิ้มแห้งๆ สมรยิ้มแล้วเดินออกไป
ปริศนาวางแปรงแล้ว เข้าไปนอนในมุ้งทันที นอนดูเพดานมุ้งอยู่สักพัก ก็ดึงผ้าห่มมาคลุมหัวเสีย
บรรยากาศของวังศิลาขาวกลับคืนไปเป็นปกติเหมือนก่อน ไม่มีร่องรอยของการตกแต่ง ชีวิตกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีเดินนำมาจากชั้นบน วิมลเดินตามมา
ท่านชายพจน์ แต่งชุดเดินทางเพิ่งกลับจากหัวหิน โดยมีนายสนและมหาดเล็กหิ้วกระเป๋าเดินทางตามมา เมื่อท่านหญิงรัตน์และวิมลเข้ามาไหว้ท่านชาย สนและมหาดเล็กหลบให้และเอากระเป๋าขึ้นไปไว้ที่ชั้นบนต่อไป
"เจ้าพี่ กลับมาแล้ว.... เป็นยังไงบ้างเพคะ"
"สบายดีจ้ะ น้องหญิง"
"ป้าสร้อยตั้งเครื่องของว่างแล้ว เดี๋ยวเจ้าพี่ลงมาเหวย นะเพคะ"
"อาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วพี่ต้องไปโรงพยาบาลจ้ะ คนไข้รออยู่"
"งั้นหญิงรอ เจ้าพี่เสวยมื้อเย็นด้วย"
"ไม่แน่ว่าจะเสร็จทันไหม น้องหญิงไม่ต้องรอพี่เลย ยังไงเสีย ก็มีวิมลเป็นเพื่อน อ้อ ประวิชอีกคน"
รัตนาทำหน้าย่น
ท่านชายจับหัวท่านหญิงเขย่าอย่างเอ็นดู ก่อนผละเดินขึ้นไปชั้นบน
อนงค์กำลังถักเสื้อให้ท่านหญิงรัตน์ ประวิชนั่งอยู่กับอนงค์อย่างสบายอารมณ์
"ท่านชายเสด็จกลับมาแล้ว แต่ก็เหมือนกับยังไม่กลับ"
"หมายความว่ายังไงคะ"
"ท่านอยู่หัวหิน 7 วัน ผมก็ไม่เห็นท่าน 7 วัน เมื่อตอนกลางวัน ก็ได้ยินว่าท่านเสด็จกลับมาแล้ว ผมก็ไปดูจะหาท่าน แต่ว่าท่านเสด็จไปโรงพยาบาล ไปดูคนไข้ เป็นอันว่า
ผมก็ยังไม่ได้พบท่านชายพจน์อีกเหมือนเคย"
"พอกันเลยค่ะ ทางนี้ก็เงียบไป ทั้ง 7 วันที่ผ่านมา อยู่บ้านก็เหมือนไม่อยู่ไม่พูดไม่คุย"
ประวิชพยักหน้า
"อาการคล้ายกันทีเดียว"
"วันนั้น งานเราที่แชมเปญบาร์ คุณว่ามีอะไรหรือเปล่าคะ"
ประวิชนิ่งคิดถึงช่วงที่ปริศนากับท่านชายมองกันอย่างท้าทาย ตอนที่อนงค์ และประวิชเดินเข้ามาตาม
"สองคนนั่นทะเลาะกัน" ประวิชบอก
"นั่นน่ะสิ แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไรล่ะคะ"
ประวิชเริ่มงง
"นั่นสิ ทะเลาะกันเรื่องอะไร วันนั้นเราก็ไม่ได้สังเกต ไม่ได้ถาม แย่จริง"
ประวิชพยายามคิด แต่คิดไม่ออก
อ่านต่อหน้า 4
ปริศนา ตอนที่ 14 (ต่อ)
ณ บริเวณที่นั่งเล่นข้างสวน ตอนกลางวัน อีกวันหนึ่ง
"เพราะ ว่าที่น้องสะใภ้ของเธอไง เที่ยวจุ้นจ้าน เฟลิตไม่เลือกหน้า" รตีบอก
"เรื่องปริศนา ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับท่านชาย ปริศนาเป็นยังไง ท่านชายก็ทรงทราบมานานแล้ว" ประวิชว่า
"แต่ไม่เลือกสถานที่แม้เป็นวังของท่านอย่างนั้นหรือ ประวิช ชั้นถือว่า เธอน่ะโชคดี ที่พ้นจากผู้หญิงคนนั้นมาได้ ตาสว่างได้ทันท่วงที ยายอนงค์ ดูดีและน่ารักกว่ามาก เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายควรจะรักและแต่งงานด้วย"
"โธ่ แต่ปริศนาก็เป็นผู้หญิงที่สวย น่ารัก และใครๆที่ได้อยู่ใกล้ก็มักจะตกหลุมรักไปไม่รู้ตัวเสมอ"
รตีหน้าเขียวไปพักหนึ่ง แล้วก็ปรับท่าทีได้
"ท่านชายทรงงานหนัก ต้องการการดูแลและเอาใจ ที่จริงแล้ว เอ่อ... ชั้นหมายถึงว่าต้องมีผู้หญิงดีๆ ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้ท่าน แต่ถ้าใครไปตามตื้อท่าน เหมือน อย่างที่ผ่านมา ท่านก็จะไม่โปรดอีก"
"ที่ผ่านมา กระผมก็ไม่เคยเห็นท่าน ออกตามผู้หญิงคนไหนสักที"
"เพราะอย่างนั้นไง ประวิช ท่านไม่มีเวลาที่จะออกไปตามใคร เธออยู่ใกล้ก็ต้องคอยดู คอยเตือนท่าน ให้ออกมาพบปะกับผู้หญิงดีๆบ้าง"
"ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยจะได้เจอท่านเลย เสด็จไปข้างนอก กลับมาก็มืดค่ำ บางทีว่างก็ไปสโมสร ก็สังสรรค์กันแต่พวกผู้ชาย"
"ก็เธอมัวขลุกอยู่แต่บ้านคู่หมั้นน่ะสิ เช้าถึง เย็นถึง ไม่เที่ยงอีกมื้อนึงด้วยเล่า"
"หากเป็นวันหยุดแล้ว ก็อยู่ที่นั่นเช้ายันเย็นไปเลยทีเดียว ขนาดว่าคุณอนงค์คะยั้นคะยอให้ผมกลับไปดูท่านบ้าง ท่านก็ไม่เคยอยู่ให้ผมดูสักครั้ง เก้อไปเป็นหลายหน"
"หากเธอแคร์ท่านจริง รักท่านจริง ก็ต้องหาโอกาสให้ได้"
"ผมจะหาโอกาส อย่างที่คุณรตีบอกให้ได้"
ประวิชพยักหน้า เป็นมั่นเป็นเหมาะ
อีกวันหนึ่ง ประวิชเดินมาตามทางเดินที่วังศิลาขาว พอจะผ่านห้องนั่งเล่นก็ได้ยินเสียงเพลงแว่วออกมา ประวิชจึงเดินไปเคาะประตูห้อง
"เข้ามาสิ"
ประวิชจึงเปิดประตูเข้าไป ท่านชายหรี่วิทยุ
"อ้อ ประวิช มีอะไรรึ ไม่ได้เจอกันตั้งเดือน"
"กระหม่อมก็อยู่ที่นี่ทุกวัน เช้าก็ไปทำงาน เย็นก็กลับมา ไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากบ้านคู่หมั้น"
"ไปบ้านคู่หมั้น ทุกวัน ไม่ขาด"
"หม่อมก็ไปหาผู้หญิงที่เรารักน่ะสิ ฝ่าบาท ไปแล้วสบายใจ ได้คุยกับเขา หรือแม้แต่นั่งมอง ดูเขาทำโน่นทำนี่ ก็มีความสุขแล้ว ที่นี่ มีแต่ผู้ชาย เด็ก กับคนแก่ แต่ไม่มีผู้หญิง"
ท่านชายพจน์ พยักหน้า
"ขาดทุกอย่างกระมัง ขาดครอบครัว ไม่มีการอยู่รวมกัน มีแต่ต่างคนต่างไป"
"หากฝ่าบาทแต่งงาน วังนี้ ก็จะไม่ขาดอะไรเลย"
"ฉันก็อยากจะแต่งงานเหมือนกัน อยู่คนเดียวมานานแล้วชักเบื่อ แต่งงานแล้วบ้านก็คงเป็นบ้านอย่างแท้จริง อย่างนายว่า แต่ ...ไม่มีผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วย"
ประวิชหัวเราะ
" โธ่ ทำไมจะไม่มี ฝ่าบาทกระดิกนิ้วเท่านั้น ขี้คร้านจะตามเป็นพรวน"
"เผอิญ ฉันไม่ต้องการผู้หญิงชนิดนั้น ฉันต้องการผู้หญิงที่ไม่ต้องการฉันเสียด้วย มันถึงเป็นอย่างนี้"
"ไม่จริงหรอก ผู้หญิงทุกๆคน ต้องการฝ่าบาท คนไหนไม่อยากแต่งงานกับฝ่าบาทก็แปลว่าบ้า ฝ่าบาทออกรวย ใครๆก็ต้องการจะแต่งงานกับคนรวย"
"เงินซื้ออะไรได้หลายอย่าง ยกเว้นความรัก และความจริงใจ บางทีถ้ามีแต่เงินเดือนเลี้ยงตัวไปวันๆ ฉันก็อาจจะทำให้ผู้หญิงที่ฉันต้องการ เขาหันมารักฉันได้บ้างกระมัง"
"ผู้หญิงอย่างนั้น มีเป็นตัวเป็นตนบ้างหรือยังฝ่าบาท"
"มีสิ"
"ใครหนอ กระหม่อมรู้จักหรือเปล่า"
"ฉันจะไปรู้แกหรือ"
"สวยไหม"
"สวย"
"สวยหรือ ใครกัน ... ไม่เห็นฝ่าบาทชมว่าใครสวยนอกจากปริศนา... ปริศนาหรือ? ไม่น่าใช่ แม่คนนั้นแกอยากรวยจะตาย เอะอะก็..ไว้ให้ปริศนารวยเสียก่อน... เออ แล้วคุณรตีล่ะ
ฝ่าบาทขอเขาแต่งงานละก็ เขาเป็นยอมทันที"
"งั้นหรือ อยากรู้จริง เขาจะทำท่ายังไง ถ้าฉันไปขอเขาแต่งงานจริงๆ"
"อย่างนั้น ก็ไปขอเสียวันนี้เลยไหมฝ่าบาท"
"ถ้างั้น แกมากับฉันสิ ไปหาเขาด้วยกัน เดี๋ยวนี้เลย"
ท่านชายยืนขึ้นทันที ประวิชงง
ในห้องนอน รตีสวมเสื้อคลุมนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ผัดหน้าอยู่และกำลังผัดเสร็จ ก็วางพัฟ แล้วก็เลือกลิปสติก ผินเคาะประตูแล้วผลักเข้ามา
"คุณรตีคะ ท่านชายพจน์เสด็จค่ะ"
รตีหันมาแปลกใจมาก
รตีแปลกใจ เพราะท่านชายหายไปเป็นเดือนแล้ว
"ว่าไงนะ"
"ท่านชายเสด็จค่ะ คุณหญิงให้ประทับรอในห้องรับแขก ท่านชายว่ามาหาคุณรตี"
รตีเปลี่ยนเป็นดีใจทันที กระวีกระวาด เลือกลิปสติก
"ประเดี๋ยวชั้นตามลงไป"
ผินออกไป ปิดประตูห้องลง รตีหยิบลิปติกแดงแปร้ดขึ้นมา
"สวยยั่วยวน ไม่ได้ผล"
รตีจงใจเปลี่ยนอีกสี เป็นสีชมพูหวาน
"อ่อนแอเกินไป ท่านไม่ชอบ"
เธอเปลี่ยนเป็นสีที่คล้ายๆกับปริศนาชอบใช้ ดูธรรมชาติที่มีสีสันนิดหน่อย
"เอานี่แหละ ดูมีชีวิตชีวา และ ตรงไปตรงมา อย่างนี้ใช่ไหม ที่ท่านชอบ"
แล้วรตีก็วาดสีปาก อย่างตั้งใจ
ท่านชายพจน์ และประวิชที่นั่งรอรตีอยู่ในห้องรับแขก บนโต๊ะรับแขกมีน้ำดื่ม และ จานผลไม้วางอยู่ แต่ไม่ได้มีใครแตะต้องอะไร
รตีเดินกรายเข้ามาในชุดลำลอง เป็นเสื้อและกางเกง ที่จะออกไปนอกบ้านก็ได้ เก๋ไก๋มาก ท่านชายพจน์ และประวิชลุกขึ้นยืนต้อนรับ
รตีเดินเข้ามาใกล้ท่านชายพจน์ ช้อนตาขึ้นยิ้มใส่ ยกมือไหว้ท่านชาย
"ไม่พบกันนานเลยเพคะ ... ลมอะไรหอบมาล่ะประวิช"
"แต่งตัวสวยจังรตี ไปเที่ยวกันไหม"
"ไปเพคะ ว่าแต่ว่าจะไปไหน"
"ไปดูหนัง ไปแต่งตัวสิ"
รตีคิดนิดเดียว
"ไม่ต้อง แต่งแล้วเพคะ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าก็ใส่มาแล้ว ไปได้เลย"
"ไปเรียนคุณหญิงกันสักหน่อย ว่าจะกลับค่ำ ฉันจะพาเธอไปดูหนัง กินข้าว"
"เพคะ"
รตีเดินออกไปข้างนอกห้อง
ปริศนา นั่งอยู่ทำหน้าเบื่อหน่ายโลกอยู่ที่ห้องโถง นพแต่งลำลอง อย่างจะออกไปเที่ยวมาแล้ว แต่ปริศนาแต่งตัวสบายๆนุ่งขาสั้น
"ทำไมถึงต้องไปดูหนัง"
"หนังเป็นศิลปะอย่างหนึ่งไงล่ะ ปริศนา เราได้เห็นคนออกความคิด เลือกสรรในสิ่งที่งดงาม หนังมีทุกอย่างเลยนะปริศนา สถาปัตยกรรม แฟชั่นดีไซน์ การจัดวางแสง เงา แม้กระทั่งการแสดง"
"ทำไมเอาการแสดงไปไว้ท้ายล่ะ การแสดงต้องมาก่อนสินพ"
"นั่นแหละ แล้วก็ไม่มีใครเขาไปดูหนังคนเดียวกัน"
"แล้วปริศนาก็เลยต้องพานพไป"
"ใครบอก ผมชวนปริศนาไปดูหนังด้วยกัน"
"ปริศนาขับรถไป งั้นนพ ต้องเลี้ยงข้าวปริศนานะ อยากไปกินข้าวราชวงศ์"
"ได้เลย... เรื่องนี้ เขาว่าดีมาก ถ้าไม่ได้ดูแล้วจะเสียใจมากเลย"
"รอนี่นะ ปริศนาแต่งตัวแป๊บเดียว"
แล้วปริศนาก็ออกเดินไป
ปริศนา เข้ามาจอดรถที่ริมถนน ย่านโรงหนัง นพลงมาจากรถ ปริศนาแต่งตัวสวยขึ้น ลงมาจากที่นั่งคนขับ ล็อครถ แล้วมองไปทางด้านหน้ารถเพื่อจะข้ามถนน ทันใดนั้น ปริศนาก็เห็น
ท่านชายพจน์ รตี ประวิช เดินข้ามถนนไป แล้วเดินไปทางทิศเดียวกับหน้ารถ และเดินเลี้ยวไปทางนั้น ซึ่งเป็นทางเดินไปโรงหนัง
ปริศนายืนนิ่งอยู่ นพเดินเข้ามาหา
"ยังไงคุณ เราจะไปกันหรือยัง ยืนอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวรถเฉี่ยวกันพอดี" นพว่า
"หา! เอ่อ.... อะไรนะ"
นพดึงแขนปริศนาข้ามถนนมา เพื่อจะเดินไปทางเดียวกับที่ท่านชายไป
"ท่านชาย คุณประวิช กับคุณรตี สงสัยจะมาดูหนังด้วยกัน" นพบอก
"อนงค์เคี่ยวเข็ญให้คุณประวิช อยู่เป็นเพื่อนท่านชาย"
"เห็นไหม ใครๆ ก็ต้องหาเพื่อนมาดูหนังกันทั้งนั้น ไปเถอะปริศนา คนดูหนังเรื่องนี้เยอะมาก ผมมาจองบัตรตั้งแต่เมื่อวาน ใครไม่มีตั๋วคงอดดู ยกเว้นจะซื้อตั๋วแพงชั้นพิเศษ"
ปริศนาออกเดินไป หน้าตาไม่ค่อยมีความสุข
เวลาต่อมา ภายในร้านอาหาร ย่านราชวงศ์ ซึ่งเป็นห้องแถวเล็กๆ ปริศนากินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าคำสุดท้าย แล้วผลักจานออก ดื่มน้ำ
"อร่อยไหม บากบั่นมากิน"
"อือ อร่อย ทำเองอย่างไรก็ไม่เหมือน"
"อยู่ที่ไฟกับกระทะ ทุกอย่างลงตัวพอดีหมด คนกินเลยจะต้องรอ เขาทำทีละกระทะยังไงล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง โปรแกรมของนพ"
"ดีสิ หนังสนุก อาหารอร่อย กลับกันได้หรือยัง"
"กลับสิ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า แถมเดี๋ยวครูปริศนาสอนไปหลับไปจะแย่เลย"
นพหัวเราะ ยกมือเรียกบริกร แล้วเอาเงินวางบนโต๊ะ
ปริศนาและนพ เดินมาที่รถ ปริศนาเข้าไปนั่ง และสตาร์ทเครื่อง จึงไม่เห็นรถที่ผ่านมา
ท่านชายพจน์ขับรถผ่านมา ท่านชายมองซ้ายมองขวา และเห็นปริศนาอยู่ในรถ กำลังจะขับรถออกจากจุดที่จอดรถริมถนน สีหน้าท่านชายขรึมไป
รตีถาม
"แล้วเมื่อไหร่ ท่านชายจะแต่งงานล่ะ เพคะ"
"อะไรกัน"
"คุณวิชเขาว่า เขายังแต่งงานไม่ได้ จนกว่าท่านชายจะแต่งงาน หม่อมฉันก็เลยถามเขาว่า เมื่อไหร่ท่านจะแต่งงานเพคะ"
"ถามเขา เขาจะรู้หรือ"
"นั่นสิหม่อม ทำไมไม่ถามท่านเล่าคุณรตี ผมจะไปรู้ได้ยังไง"
รตีหันมามองท่านชาย เอียงคอ ถามตรงพยายามให้ไม่มีเงื่อนงำ
"เมื่อไหร่ ท่านชายจะแต่งงานเพคะ"
"เธอจะแต่งกับฉันหรือ"
ประวิชระเบิดหัวเราะดัง ท่านชายอมยิ้ม รตีไปไม่ถูกเล็กน้อย
รถแล่น ห่างออกไป
เวลาต่อมา อนงค์และปริศนา แต่งชุดนอนแล้ว อนงค์นั่งถักไหมพรม เสื้อท่านหญิงรัตน์อยู่ เกือบจะเสร็จแล้ว ปริศนาหวีผมอยู่
"ตกลงว่าประวิช ไปดูหนังกับท่านชาย และรตี"
"ใช่ เห็นในโรงหนัง นั่งชั้นพิเศษหรูทีเดียว"
"แสดงว่า นพเขาเก่งทีเดียวนะ รู้ว่าหนังเรื่องไหนดี"
"ที่อเมริกาก็ฮือฮามาก ช่วงที่ปริศนาจะกลับเมืองไทย เตรียมตัวยุ่งมาก อยากดูเหมือนกันแต่ไม่ได้ไปดู พอนพเขาชวนก็เลยไปด้วย" ปริศนาบอก
"ไปดูหนังกันสองคน ใครรู้เข้าได้นินทากัน"
"ช่างเขาสิ เรารู้ว่าเราเป็นอย่างไร ก็ปริศนาชวนอนงค์แล้ว อนงค์ไม่ไป"
"ก็แม่ชวนไปกินข้าวกับคุณยาย ไปพร้อมหน้ากัน คุณยายก็แจ่มใสกินข้าวได้มาก นานๆจะได้เป็นอิสระ"
"ยังไม่ทันจะแต่งงานเลย อนงค์หมดอิสระเสียแล้ว"
"ถ้าประวิชมา เราก็เกรงใจเขาไง คุยกับปริศนา ยังเป็นเรื่องที่สนใจเหมือนกัน แต่พอไปอยู่กับคุณยาย มีแต่เรื่องเก่าๆ คุยถึงใคร ประวิชก็ไม่รู้เรื่อง จะเบื่อเสียก่อน ถ้าเขาต้องฝืนเอาใจเรา เราก็ไม่สบายใจ"
"อีกหน่อยอนงค์แต่งงานไป ก็จะยิ่งไม่มีโอกาสมาเยี่ยมคุณยายบ่อยๆ"
"นั่นสิ ถึงว่า มีเวลาว่างก็ไปหาท่าน ไปเยี่ยมท่านเสีย คุณยายก็ถามถึงปริศนานะ แต่พี่บอกว่า ปริศนาคงมาวันหลัง"
"แล้วปริศนาก็คงจะอยู่ดูแลคุณยายไปได้อีกนานทีเดียว"
ปริศนาหัวเราะ แล้วลุกขึ้นมาปิดไฟเข้ามุ้งนอน
"อ้าว จะนอนแล้วหรือ พี่ยังถักเสื้อไม่เสร็จเลย ปิดไฟเสียอีก"
วันใหม่ ปริศนาวิ่งเล่นกับวูปี้อยู่ในสนาม ประวิช อนงค์และสมรนั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ หัวเราะกันอยู่
"ปริศนาบอกว่าคุณประวิช ไปดูหนังกับผู้หญิงค่ะ"
"ผู้หญิงอื่นที่ไหนกัน คุณรตีแท้ๆ ท่านชายก็เสด็จด้วย แล้วปริศนารู้ได้อย่างไร"
"เมื่อวานเขาขอไปดูหนังกับนพ นพอุตส่าห์ไปจองตั๋วมาก่อนล่วงหน้า"
"ทำไมเราไม่เห็น แต่อย่างว่า คนเต็มโรง ไอ้เราจะหันซ้ายหันขวา ท่านชาย ท่านก็ว่าหลุกหลิก ท่านไม่ชอบ"
"เผอิญ คุณนั่งชั้นพิเศษ โก้ ไงคะ ใครๆจึงเห็นถนัด"
"ตั๋วเต็มอย่างว่า เหลือแต่ตั๋วแพง"
เสียงกระดิ่งจักรยานรถไปรษณีย์ วูปี้วิ่งไปทาง หน้าบ้าน ปริศนาเดินตามไปทางประตูหน้าบ้าน
ปริศนามากับวูปี้ที่ตื่นเต้นกับการมาของบุรุษไปรษณียื
"lie down"
วูปี้หมอบอย่างว่าง่าย
"wait"
วูปี้หมอบ คอยอยู่ ปริศนาเดินไปเปิดประตูเล็ก บุรุษไปรษณีย์ ส่งซองโทรเลขให้ ปริศนารับมา จ่าหน้าซองโทรเลขเป็นชื่อสมร
"ขอบคุณค่ะ"
ปริศนาปิดประตู พอดีช่วงเดินออกมา
"ช่วง พาวูปี้ ไปกินข้าวที ปริศนาเลิกเล่นกับมันแล้ว"
วูปี้ตามช่วงไป ปริศนาเดินกลับไปหาแม่
สมรแกะซองโทรเลขอย่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สมรเงยหน้าขึ้นจากโทรเลข หน้าซีด
"อุบล หรือสิรีคะ อะไร" อนงค์ถาม
สมรมืออ่อนส่ายหน้า ส่งโทรเลขให้อนงค์ที่นั่งใกล้ๆ อนงค์หยิบมาแล้วรีบอ่าน
"หกล้ม ลูกแฝด แม่อาการไม่ดี มาพร้อมหมอ ... สมศักดิ์"
"อุบล!" ปริศนาอุทาน
ทุกคนรวมทั้งประวิช หน้าตาเป็นกังวลมาก
"แม่ต้องพาหมอ ไปจันทบูร"
อ่านต่อตอนที่ 15