ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 14
ตอนเช้า สินธุแอบซุ่มอยู่ที่ลานจอดรถของบริษัทมีโชค สักพักรถน่านฟ้าแล่นมาจอด เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาน่านฟ้าทันที
“คุณน่านครับ”
น่านฟ้าชะงัก มองสินธุอย่างแปลกใจ
“ว่าไง ดีขึ้นแล้วเหรอ”
“ครับ คือผมมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับคุณน่านครับ แต่ว่า เอ่อ อย่าให้หยีรู้ได้มั้ยครับ”
ทั้งสองมาคุยกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สินธุทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอย่างเกรงใจ พลางอธิบายให้น่านฟ้าฟัง
“ที่ผมพูดไปแบบนั้นเพราะผมไม่อยากรบกวนหยีอีกน่ะครับ ลำพังที่ผมเคยรบกวนหยีมาตลอดมันก็มากเกินไปอยู่แล้ว”
“แต่นายก็กำลังลำบากไม่ใช่เหรอ”
“ครับ ตอนนี้เจ้าหนี้จิกทวงเงินผมจนกระดิกตัวแทบไม่ได้”
“งั้นนายอยากให้ฉันช่วยยังไงเหรอ”
สินธุมองน่านฟ้าอย่างเกรงใจ อึกอัก
“จะเป็นไรมั้ยครับ ถ้าผมจะขอรบกวนยืมเงินคุณน่านแทน”
น่านฟ้าหน้านิ่ง จับผิด
“คิดยังไงถึงมายืมผม”
“ถ้าผมมีทางอื่นผมก็คงไม่บากหน้ามารบกวนคุณหรอกครับ แต่ตอนนี้ผมลำบากจริงๆ อีกอย่างพวกมันรู้จักบ้านหยี รู้ว่าเป็นบ้านเพื่อนผม ผมไม่อยากให้มันทำร้ายคนในบ้านหยีด้วย”
น่านฟ้าชะงักครุ่นคิด เริ่มคล้อยตาม
“แล้วนายต้องการเท่าไหร่”
“สามแสนครับ”
น่านฟ้าชะงัก
“บอกตามตรงนะ ผมก็ไม่ใช่คนมีรายได้มากมายอะไร ถึงจะตำแหน่งประธานแต่ก็กินเงินเดือนเหมือนพนักงานนี่แหละ ถ้าผมจะช่วยคงต้องช่วยแบบมีความเสี่ยงน้อยที่สุด”
“เรื่องนั้นผมเข้าใจครับ คุณน่านจะทำสัญญากู้ยืมเงินก็ได้ครับ แต่ผมรับรองว่าผมไม่เบี้ยวแน่ๆ แล้วผมจะรีบหาเงินมาคืนให้เร็วที่สุดครับ”
“งั้นเอาเลขบัญชีมา เดี๋ยวผมจัดการโอนให้ แล้วเรามานัดทำสัญญากันอีกที”
สินธุยิ้มดีใจ
“ขอบคุณนะครับคุณน่าน ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี”
“ช่างเถอะ ผมช่วยในฐานะที่คุณเป็นเพื่อนหยี อะไรที่จะทำให้หยีสบายใจ ผมยินดีจะทำเพื่อเขา”
“คุณน่านเป็นคนดีจริงๆ ครับ หยีคิดถูกแล้วที่เลือกคุณ”
สินธุประจบน่านฟ้า แล้วแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
หลังจากคุยกับน่านฟ้าแล้ว สินธุก็นัดเจอกับนที อวดแบงค์พันปึกหนึ่ง นทีตาโต
“โอ้โห นี่แกไปหลอกมันมาได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใครบอกว่าหลอกล่ะพี่ ผมยืมเขามา ก็ทำตามที่พี่แนะนำไง”
“เฮ้ยๆๆ แกอย่ามาโบ้ยฉัน ฉันไม่ได้ให้แกไปเอามันมาเยอะขนาดนี้นะ”
“แต่พูดถึง นายน่านฟ้านี่ก็โง่ใช้ได้เลยนะพี่”
“อ้าวไอ้นี่ แกพูดถึงว่าที่น้องเขยฉันให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย”
“พี่ทีคิดว่าคนอย่างนายน่านฟ้าจะจริงจังกับหยีจริงๆ เหรอ ผมดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่า มันก็แค่คบหยีเล่นๆ แค่นั้นแหละ”
นทีพยักหน้าเห็นด้วย
“เออ ฉันก็คิดอย่างแก แต่แค่ไม่อยากพูดให้หยีกับแม่ด่า คนรวยอย่างนั้นจะมาสนใจอะไรคนอย่างไอ้หยี หน้าตาก็งั้นๆ ฐานะครอบครัวก็กระจอก คนอย่างนั้นเขาต้องไปคบคนรวยๆ โน่น”
“เอาอย่างนี้สิ พี่กับผมมาร่วมมือกันหลอกเอาเงินมันมาอีกดีมั้ย”
นทีชะงักสนใจขึ้นมาทันที
“เฮ้ย จะดีเหรอวะ”
“หรือจะรอให้มันทิ้งหยีซะก่อนล่ะ”
นทีครุ่นคิด
สุกิจนั่งที่โต๊ะประธานบริษัท เอาเท้าขึ้นมาวางบนโต๊ะ มองไปรอบๆ ห้องยิ้มภูมิใจ ภูริชเข้ามาหา
“มีอะไร”
สุกิจถามด้วยเสียงวางอำนาจเพราะเป็นถึงประธานบริษัท
“ผมจะให้คุณสุกิจ เอ่อ ท่านประธาน เซ็นใบเบิกเงินค่าวัตถุดิบ ค่าทำประชาสัมพันธ์ แล้วก็เงินเดือนพนักงานด้วยครับ”
ภูริชพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเกรงบารมีท่านประธาน แล้ววางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าสุกิจ
“เรื่องพวกนี้ทำไมไม่ให้ฝ่ายการเงินเขาจัดการล่ะ”
สุกิจถามเชิงตำหนิเล็กๆ
“ผมคิดว่าตอนนี้เรายังไว้ใจใครไม่ได้ ใครพวกเราจริงไม่จริงก็ยังไม่รู้ ผมเลยอยากจัดการเองไปก่อนสักระยะน่ะครับ”
“อืม เอางั้นก็ได้”
สุกิจเสียงอ่อนลงแล้วก็เปิดเอกสารอ่านผ่านๆ ก่อนจะเซ็น
“เครื่องจักรที่เราสั่งมา ดูเหมือนจะมีปัญหานะครับคุณสุกิจ แค่วอร์มเครื่องก็สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้ว ผมกลัวว่าตอนเราผลิตจริงมันจะเกิดเสียขึ้นมา”
“ไหนนายปารณบอกว่าสั่งมาจากบริษัทที่เชื่อถือได้ แล้วแบบนี้จะทำยังไงล่ะ”
สุกิจอารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย
“ตามสัญญาซื้อมันยังอยู่ในช่วงที่คืนได้ครับ ผมว่าคืนเครื่องนี้ไปแล้วสั่งตัวใหม่จากที่อื่นมาดีกว่า”
“แกจัดการเลยแล้วกัน เรื่องไหนที่เห็นสมควรก็ดำเนินการเลย ฉันไว้ใจแก”
“ขอบคุณครับ ท่านประธาน”
ภูริชออกจากห้องสุกิจมา
“ท่านประธานเหรอ ผยองไปเถอะแล้วแกจะรู้ว่าคนอย่างฉันไม่ได้หลอกใช้ง่ายๆ”
ภูริชพึมพำกับตัวเองด้วยความโกรธ
ภูริชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานวางท่าถอดแบบมาจากสุกิจ คนจากบริษัทเครื่องจักรนั่งอยู่ตรงหน้า
“ผมจะคืนเครื่องจักรที่สั่งมา”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ เครื่องจักรมีปัญหาเหรอครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนตัวใหม่ให้ก็ได้นะครับ”
“ไม่ต้องหรอก เอาเป็นว่าผมคืนก็แล้วกัน ตามสัญญามันยังคืนได้ไม่ใช่เหรอ”
“ได้ครับ แต่ตอนที่ดิวกันไว้คุณปารณเป็นคนจัดการ ผมคงต้องรบกวนให้คุณปารณเป็นคนทำเรื่องคืนให้นะครับ”
“ได้ เดี๋ยวผมจะให้คุณปารณเขาจัดการเรื่องนี้ต่อ”
ภูริชบอกแล้วก็ทำเป็นก้มหน้าดูเอกสาร
“งั้นผมขอตัวเลยนะครับ ยังไงถ้าคุณภูริชอยากได้เครื่องจักรขนาดไหน ราคาเท่าไหร่ ส่วนลดส่วนต่างยังไงลองคุยกันได้เลยนะครับ”
“เอาไว้ผมจะลองพิจารณาดูแล้วกัน”
ภูริชตอบเหมือนไม่สนใจแต่ในหัวนั้นเห็นทางที่ตัวเองต้องการแล้ว
“ผมลาเลยนะครับ”
พนักงานยกมือไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะออกจากห้องไป ภูริชยิ้มร้ายสมใจอยาก
ปารณนั่งดูเอกสารอยู่ เลขาฯหน้าห้องเดินเข้ามาหา
“มีคนมาขอพบค่ะ บอกว่าชื่อคุณภูริช”
“ให้เข้ามาได้”
ภูริชเดินเข้าห้องมา
“สวัสดีครับคุณปารณ”
“เชิญนั่งครับ มีอะไรให้รับใช้เหรอครับ”
“เรียกว่าขอความช่วยเหลือดีกว่าครับ คือทางคุณสุกิจอยากให้ส่งคืนเครื่องจักรที่คุณปารณสั่งมาให้น่ะครับ”
“ทำไมล่ะครับ เครื่องจักรมีปัญหาเหรอครับ”
“อ๋อ เปล่าครับ พอดีคุณสุกิจอยากจะเปลี่ยนสเป็คเครื่องจักรน่ะครับ แต่ทางเราคืนเองไม่ได้ต้องรบกวนให้คุณปารณช่วยจัดการให้”
“ไม่มีปัญหาครับเดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้”
ปารณกับภูริชคุยกัน จู่ๆ น่านฟ้าก็เปิดประตูเข้ามาเห็นคนนั่งอยู่นึกว่าพนักงานก็พูดกับปารณเสียงดัง
“ไอ้เป้ ฉันเป็นหุ้นส่วนแกนะเว้ย ถมงานซะอย่างกับเป็นลูกน้อง”
ภูริชหันมา น่านฟ้าตกใจมาก
“ภูริช”
ภูริชยิ้มให้น่านฟ้าแววตาเจ้าเล่ห์
“สวัสดีครับท่านประธาน อ่อ ไม่สิ ลืมไปว่าตอนนี้ผมไม่ได้เป็นลูกน้องของคุณแล้ว หมดธุระแล้วผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ”
ภูริชลุกจากเก้าอี้ หันมายิ้มให้น่านฟ้า
“สวัสดีครับ”
น่านฟ้ายิ้มเจื่อนๆ พอภูริชออกไปก็หันมาโวยวายใส่ปารณ
“ทำไมแกไม่บอกฉันก่อนฮะไอ้เป้ว่าไอ้หมอนี่มาหา”
“ถ้าฉันมีจังหวะบอกแกก็ดีสิ แกเข้ามาก็พ่นๆๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ความลับแตกแบบนี้แล้วจะทำยังไงวะ”
ปารณกังวลแทนเพื่อน
“ช่างมันเถอะ นายภูริชก็ลาออกไปแล้ว แล้วฉันก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับบริษัทอาสุกิจด้วย”
“แกไม่ยุ่งก็หวังว่าเขาจะไม่ยุ่งกับแกด้วยแล้วกันนะไอ้น่าน”
น่านฟ้าชะงักคิดตาม แอบกังวลนิดๆ เหมือนกัน
นะดีแต่งตัวสวยวิ่งลงมาจากข้างบน ขณะที่มัศยารีบตามลงมาแต่งตัวสวยเหมือนกัน
“นะดีไม่วิ่งสิลูกเดี๋ยวหกล้มอดไปเที่ยวนะ”
สมใจเห็นสองแม่ลูกก็ยิ้มให้
“โอ้โห แต่งตัวซะสวยแบบนี้จะไปเที่ยวไหนกันจ๊ะ”
จังหวะนั้น น่านฟ้าเดินยิ้มร่าเข้ามา
“ไปเที่ยวกับผมน่ะสิครับ”
“ที่แท้คุณน่านนี่เอง”
“ผมขออนุญาตพาสองสาวไปปิกนิคที่สวนสาธารณะนะครับ วันหยุดทั้งทีอยากพานะดีไปเที่ยวเล่นบ้าง”
นะดีเข้ามาเกาะแขนประจบสมใจ
“นะดีขอไปกับอาน่านกับแม่หยีนะคะยาย”
สมใจลูบหัวนะดีอย่างแสนรัก
“จ้า ยายไม่ห้ามหรอกลูก เที่ยวให้สนุกนะ แล้วอย่าซนมากนักล่ะ”
“นะดีไม่ได้ซนค่ะคุณยาย ถ้าเทียบแล้ว อาน่านกับแม่หยียังซนกว่านะดีอีก”
“แน้ เรื่องอะไรมาโบ้ยแม่ ไปก่อนนะคะแม่”
มัศยาหันไปพยักหน้ากับน่านฟ้า ทั้งสองคนจูงมือนะดีออกไป สมใจมองตามยิ้มๆ พลอยมีความสุขไปด้วย
น่านฟ้าพามัศยากับนะดีมาถึงสวนสาธารณะ ทั้งสองปูผ้านั่งอยู่ที่สนามหญ้าริมน้ำ นะดีวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ กันนั้น
“นะดีเล่นระวังๆ นะลูก แล้วก็ห้ามไปไกลจากตรงนี้เด็ดขาดเลยนะ ขอบคุณนะคะที่พาฉันกับนะดีมาเที่ยว นะดีไม่เคยมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว”
“แล้วหยีล่ะมีความสุขมั้ย”
มัศยาก้มหน้าด้วยความอาย พยักหน้าน้อยๆ
“ไอ้ท่าทางแบบนี้ของหยีมันคืออะไร ถ้าหยีไม่ตอบผมจะจูบนะ เงียบจูบเงียบจูบเหมือนที่เมื่อก่อนเขาชอบตบจูบตบจูบกันน่ะ”
น่านฟ้าบอกแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปหา
“บ้าเหรอ อายเขา”
ระหว่างนั้น มีครอบครัวหนึ่ง มีพ่อ แม่ ลูก เดินจูงมือกันผ่านมา มัศยายิ้มๆ
“คุณน่าน”
“จ๋ายาหยี”
“ดูครอบครัวนั้นสิ คุณคิดว่าไง”
น่านฟ้ามองไปไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย
“ไม่รู้สิ”
มัศยาเซ็ง
“อ๋อ หยีจะบอกว่า เพื่อนหยีเหรอ งั้นก็ไปทักสิ”
มัศยาส่ายหน้าผิดหวัง
“เปล่า ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณเคยคิดจะมีครอบครัวแบบนี้มั้ย”
น่านฟ้ามองส่ายหน้าดิก
“ไม่อ่ะ ดูสิ พ่อนะแบกของเดินตามลูกเมียต้อยๆๆ ปล่อยตัวโทรม นี่ถ้าให้เดานะ ต้องอายุไม่มากแต่โทรมเพราะอดหลับอดนอนเลี้ยงลูก จนปล่อยตัวให้เป็นแบบนี้แน่ๆ”
มัศยาผิดหวังมาก
“คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
“ใช่ หยีถามทำไมเหรอจ๊ะ”
มัศยาลุกพรวด หน้างอ น่านฟ้างงๆ
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 14 (ต่อ)
มัศยาเดินมา น้อยใจ น่านฟ้ารีบเดินตามมาจับแขนเธอไว้
“หยีเป็นอะไรอ่ะ ผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ”
“คุณน่านไม่ได้พูดอะไรผิดหรอกค่ะ ฉันเองแหละที่คาดหวังอะไรจากคุณมากเกินไป ฉันนึกว่าคุณจะอยากมีครอบครัวกับฉัน แต่เท่าที่ฟังคุณยังรักตัวเองจนไม่พร้อมจะมีชีวิตครอบครัวกับใครหรอก”
น่านฟ้าหน้าเจื่อน
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นนะหยี สำหรับผมเรื่องครอบครัวมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ”
“ใช่ค่ะ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างคนเดียวได้ด้วย ช่างมันเถอะค่ะถือซะว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกัน”
มัศยางอนๆ
“ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดอะไรจริงจังนะหยี แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่พร้อม ผมขอทีละสเต็ปนะ จากที่ผมไม่เคยคบใครจริงจังตอนนี้ผมคบกับหยี สเต็ปของครอบครัวผมขออีกสักระยะนะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไร ส่วนชีวิตของคุณจะมีสักกี่สเต็ปก็ตามใจคุณเลย ฉันไม่เกี่ยว เรากลับกันเถอะค่ะ ฉันเบื่อแล้ว นะดี ไปลูก กลับกันได้แล้ว”
นะดีเดินเข้ามางงมาก
“ทำไมรีบกลับจังคะ เพิ่งมาถึงเอง”
“อาน่านเขาติดธุระด่วนจ้ะ เดี๋ยวพอไปส่งเราแล้วอาน่านเขาต้องรีบไปแล้วล่ะ”
มัศยาจูงมือนะดีออกไปเลย น่านฟ้าเกาหัว เซ็ง
คืนนั้น น่านฟ้ามานั่งเซ็งๆ อยู่ที่คอนโดของปารณ
“ไอ้เป้ แกรู้มั้ยว่าทำไมผู้หญิงถึงอยากแต่งงานอยากมีครอบครัวกันจังวะ”
“เอ๊า ไอ้นี่ ผู้หญิงดีๆ น่ะ เขาคบใครเขาก็อยากแต่งงานด้วยทั้งนั้นแหละ พวกผู้หญิงที่บ่ายเบี่ยงเรื่องแต่งงานน่ะเป็นพวกที่ยังไม่มั่นใจในผู้ชายหรือไม่ก็ยังรักสนุกอยู่”
“แต่ฉันกับหยีเพิ่งจะคบกันได้ไม่ถึงเดือนเลยนะโว้ย ทำไมไม่ให้เวลากันบ้าง”
“เอาจริงๆ เลยนะ ตัวแกเองอยากให้เขารักแกอยู่กับแกมั้ย”
“ไอ้นี่ถามแปลก ก็อยากน่ะสิวะ”
“อยากก็ทำไม่ไม่คิดจริงจังกับเขาล่ะวะ สำหรับฉันนะโว้ยถ้าเราเจอผู้หญิงคนที่อยากอยู่ด้วยแล้วล่ะก็ ฉันจะรีบจับให้อยู่หมัดเลย ไม่คิดมากคิดมายอย่างแกหรอกไอ้น่าน”
“แหม ตั้งแต่อินเลิฟนี่ตั้งตัวเป็นกูรูด้านความรักเลยนะ”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้วแกไม่เคยสนใจจะรู้ต่างหาก แล้วไง เจ๊โหดของแกเขาอยากแต่งงานว่างั้น”
“เปล่าว่ะ เขาแค่เปรยๆ ว่าอยากมีครอบครัว”
“โธ่ไอ้น่านเอ๊ย แค่ผู้หญิงเขาเปรยๆ เรื่องครอบครัวแกก็ตกใจถอยหลังกรูดซะแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้แกกลับไปหาน้องนี่นั่นโน่นของแกเถอะว่ะ”
“ตกลงฉันผิดเหรอวะ”
“แกไม่ผิดหรอก แต่ถ้าแกยังไม่พร้อมจะสร้างครอบครัวแบบนี้ แกก็อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงเขาเลยสงสารเขา ฉันถามจริงๆ เถอะ แกรักเจ๊โหดหรือเปล่า”
น่านฟ้าชะงัก
เวลาเดียวกันนั้น มัศยากำลังนั่งปรับทุกข์กับสมใจอยู่ที่บ้านอย่างเซ็งๆ สมใจถอนหายใจ
“ถ้าคำตอบคือรัก เราก็ต้องหัดให้โอกาสเขาเข้าใจมั้ยหยี”
“แต่ถ้าเขารักหยีจริง ก็ต้องอยากแต่งงานมีครอบครัวกับหยีสิแม่”
“ก็ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่พร้อมก็ได้ อีกอย่างเราก็เพิ่งคบกับเขาเองไม่ใช่เหรอ จะไปกดดันอะไรเขามากมาย”
“โถ่แม่ หยีอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ มีลูกช้ามันเสี่ยงนะแม่”
“แหม แต่มันก็ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นี่”
มัศยาหงุดหงิดฮึดฮัด
“พูดกับแม่ไปก็เท่านั้น ยังไงแม่ก็เข้าข้างคุณน่านอยู่ดี”
มัศยาลุกพรวด เดินออกไปอย่างงอนๆ
“เอ๊า พอพูดความจริงก็รับไม่ได้”
สมใจเซ็ง
น่านฟ้าเดินมาที่รถขณะที่โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาดีใจคิดว่าเป็นมัศยาแต่พอเห็นว่าเป็นแอนนาก็ทำหน้าเบื่อๆ
“น่านคะช่วยแอนด้วย”
น้ำเสียงแอนนาทั้งตกใจทั้งร้อนรน น่านฟ้าตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอแอน”
“แอนอยู่ที่คอนโดค่ะ มีคนเข้ามารื้อของกระจายไปหมด นี่มันยังหลบอยู่ในนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แอนกลัวจังเลยค่ะ”
“แอนใจเย็นๆ นะ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
น่านฟ้ากดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เบาะข้างๆ
มัศยานั่งอยู่บนเตียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเงียบกริบ
“อีตาบ้าทำไมไม่โทรมาง้อนะ”
มัศยาบ่นหมันไส้ กดเบอร์โทรของน่านฟ้าแต่ยังไม่ได้โทรออก แล้วก็ตัดสินใจไม่โทรโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง
แอนนานั่งอยู่ในคอนโดฯ หยิบนี่โยนไปนั่น หยิบนั่นโยนไปโน่น ยิ้มสมใจ เสียงเคาะประตูห้องพร้อมกับเสียงร้องเรียกของน่านฟ้าดังขึ้น
“แอน แอน”
แอนนาเดินไปที่ประตูแบบสบายใจไม่เร่งรีบ พอถึงประตูก็ปรับท่าทางเป็นตกใจกลัว รีบเปิดประตู พอน่านฟ้าเข้าห้องมาก็โผเข้าซบ
“แอนนึกว่าน่านจะไม่ยอมมาช่วยแอนซะอีก”
“แอนเป็นอะไรหรือเปล่า ใครกันทำไมมันรื้อห้องขนาดนี้เลย”
“แอนไม่เป็นอะไรค่ะ แอนกลับมาสภาพห้องก็เป็นแบบนี้แล้ว แต่แอนกลัวมันจะกลับมาอีกเพราะมันยังไม่ได้อะไรไป”
แอนนาบอกตามสคริปต์ที่คิดเอาไว้แล้ว
“หน้าห้องแอนมีวงจรปิดนี่ เราลงไปขอดูเทปจะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ”
น่านฟ้าเสนอแล้วทำท่าจะลุกขึ้นแต่แอนนาเกาะหนึบเอาไว้ อึกอัก แล้วก็นึกออก
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางตึกเพิ่งจะประกาศเมื่อวานเองว่ากล้องวงจรปิดเสียต้องซ่อมสองสามวัน”
“แสดงว่าต้องเป็นคนใน รู้ว่ากล้องเสียก็เลยกล้าทำ”
“แอนตกใจมากไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน น่านอยู่เป็นเพื่อนแอนก่อนสักพักนะเดี๋ยวค่อยกลับ น่านจะโทรขอแฟนน่านก่อนก็ได้นะ”
“คงไม่ถึงกับต้องขอหรอกแต่โทรบอกเขาหน่อยก็ดี”
น่านฟ้าลุกออกไปที่ระเบียงเพื่อโทรศัพท์ สักพักก็มีเสียงรับ
“หยีจ๋า”
“ว่าไงคะคุณน่าน”
“ผมคิดถึงหยีจังเลย”
“เหมือนกันค่ะ”
“หยีหายโกรธผมแล้วใช่มั้ย”
น่านฟ้าถามอย่างดีใจ
“หยีไม่ได้โกรธนี่คะ แค่เราคุยกันไม่เข้าใจ”
“งั้นเดี๋ยวเราค่อยหาเวลาคุยกันใหม่นะหยี ผมมีเรื่องจะขอหยี”
“เรื่องอะไรคะ”
“แอนเขาถูกโจรเข้ามารื้อห้อง ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องแอนนา จะขอหยีว่าผมจะอยู่เป็นเพื่อนเขาสักพักแล้วจะรีบกลับ รับรองไม่มีอะไรให้หยีไม่สบายใจ”
มัศยานิ่งเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะบอกเสียงเรียบๆ
“ถ้ามันจำเป็นก็แล้วแต่คุณน่านเถอะค่ะ หยีไม่ว่าอะไร”
น่านฟ้าจับน้ำเสียงได้ว่าน้อยใจนิดๆ
“เดี๋ยวผมจะรีบกลับนะหยี ถึงห้องแล้วจะรีบโทรหาเลย คิดถึงนะครับ”
น่านฟ้าบอกก่อนจะวางสายไป ระหว่างนั้น แอนนาถือแก้วไวน์แอบฟังอยู่ เธอหยิบซองยาขึ้นมาใส่ ยิ้มร้าย
มัศยากำโทรศัพท์มือถือไว้ ครุ่นคิด
“โจรรื้อห้องเหรอ เชื่อได้รึเปล่า เหอะ”
น่านฟ้าเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนแอนนา กวาดสายตามองหา
“แอน คุณอยู่ไหน”
ประตูห้องนอนเปิดพรวดออกมา แอนนาใส่ชุดนางแมวยั่วสวาท พร้อมแส้ หวดกับพื้นเดินเข้ามาหา
น่านฟ้า น่านฟ้ามองตะลึง
“แอน”
“แอนจะไม่ยอมให้น่านเป็นของนังมนุษย์ป้านั่นเด็ดขาด น่านต้องเป็นของแอนคนเดียวเท่านั้น”
แอนนาเข้ามาซุกไซ้ยั่วยวนน่านฟ้า น่านฟ้าหลงเคลิ้มไปกับเสน่ห์และลีลาอันยั่วยวนนั้น
หลังจากวางสายจากน่านฟ้า มัศยาเครียด ร้อนใจมาก
“ไม่ได้ อย่าหวังว่าฉันจะยอมคนอย่างเธอ”
มัศยาลุกพรวดขึ้นทันที
น่านฟ้านั่งอยู่ในคอนโดฯ แอนนาถือแก้วไวน์เดินมานั่งข้างๆ
“ดื่มหน่อยนะคะ เดี๋ยวแอนขอตัวไปอาบน้ำแป๊บหนึ่งนะคะ น่านอยู่เป็นเพื่อนจนแอนหลับแล้วค่อยกลับได้มั้ย”
น่านฟ้าพยักหน้ารับเพื่อตัดปัญหาให้จบๆ ไป แอนนาจูบแก้มน่านฟ้าแล้วก็ทำเป็นนึกได้
“อุ๊ยขอโทษค่ะ แอนลืมไปว่าน่านมีแฟนแล้ว”
แอนนาพูดเหมือนรู้สึกผิดจริง แล้วก็เดินยิ้มเข้าห้องไป
มัศยาที่แต่งตัวชุดใหม่ เปิดประตูเตรียมออกไปข้างนอก แต่สุดท้ายก็ชะงัก
“นี่เราจะไม่ลองไว้ใจเขาสักครั้งเหรอ”
มัศยาชักลังเลใจ
เวลาเดียวกันนั้น แอนนาใส่ผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องนอน เห็นน่านฟ้านอนหลับคาชุดรับแขกก็ยิ้มร้ายสมใจ
“ขอโทษนะน่าน แต่ฉันยอมเสียคุณไปไม่ได้จริงๆ”
แอนนาบอกกับทั้งน่านฟ้าและตัวเองก่อนจะเดินเข้าหาน่านฟ้า
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 14 (ต่อ)
มัศยาหงุดหงิด ตัดสินใจปิดไฟนอน แล้วก็เปิดไฟ แล้วก็ปิดไฟเปิดไฟ ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาเดินไปเดินมา
เสียงไลน์ในโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรีบเปิดดูเป็นข้อความจากน่านฟ้ามาว่า “หยีผมขอโทษ” มัศยารีบกดโทรศัพท์หาน่านฟ้าทันที
“น่านฟ้ามีอะไร คุณขอโทษเรื่องอะไร”
เสียงแอนนาดังมาจากปลายสาย
“คุณน่านเขาทานเหล้าแล้วก็บ่นแต่หยีผมขอโทษๆ”
“แล้วตอนนี้คุณน่านอยู่ไหน”
“หลับไปแล้ว ยังไงช่วยมารับแฟนเธอทีสิ”
มัศยารีบไปที่คอนโดฯแอนนา แล้วเคาะประตูทันที แต่ก็เงียบ มัศยาลองจับที่ลูกบิดประตูดูปรากฏว่าไม่ได้ล็อก เธอเปิดประตูห้องเข้าไป มองรอบๆ ไม่เจอใครแต่เห็นสภาพห้องที่ข้าวของกระจัดกระจายเหมือนถูกรื้อก็ใจชื้นเพราะแสดงว่าเป็นเรื่องจริงที่น่านฟ้าบอกว่ามีคนมาค้นของแอนนา
“คุณน่าน”
มัศยาร้องเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบ มีแสงลอดออกมาจากห้องนอนที่ประตูเปิดแง้มอยู่ มัศยาเดินไปที่ประตูจับลูกบิดแบบกล้าๆ กลัวๆ กลัวว่าจะเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น
มัศยาเปิดประตูเข้าไปก็เจอภาพที่กลัวว่าจะเจอจริงๆ น่านฟ้านอนถอดเสื้อหลับอยู่บนเตียง มีแอนนาใส่ผ้าเช็ดตัวนอนหนุนแขนอยู่ แอนนาทำเป็นได้ยินเสียงแล้วลืมตาขึ้น ทำงัวเงีย พอเห็นว่าเป็นมัศยาก็ตกใจ
“มาแล้วเหรอ น่านคะ แฟนคุณมารับแล้วค่ะ”
แอนนาลอยหน้าลอยตาพูด มัศยาไม่พูดอะไรเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับออกมาพร้อมน้ำเต็มแก้วแล้วสาดใส่หน้าน่านฟ้า น่านฟ้าสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเห็นมัศยาก็ร้องทัก
“หยี”
น่านฟ้ามองสภาพตัวเองแล้วตกใจ
“เฮ้ย”
มัศยาไม่พูดอะไรแต่กลับตบหน้าน่านฟ้าอย่างแรง
“อะไรกันน่ะหยี”
น่านฟ้างง แรงตบเรียกสติขึ้นมาได้พอสมควร
“นี่คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าทำอะไรลงไป อ้อ คงทำกันจนชินแล้วสินะ ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก ฉันเกลียดคุณ”
มัศยาน้ำตาปริ่ม แล้วเดินออกไป
“หยี เดี๋ยวสิหยี ฟังผมก่อน”
น่านฟ้าร้องเรียกลุกขึ้นจะตามไป แต่มึนหัวจนเซกลับไปนั่งที่ปลายเตียง ขณะที่มัศยาขับรถไป มือกำพวงมาลัยแน่นด้วยความโมโห
“คนเลว คนหลอกลวง เลิกนิสัยแบบนี้ไม่ได้แล้วมายุ่งกับฉันทำไม”
มัศยาน้ำตาเอ่อด้วยความเสียใจ ปาดน้ำตาพยายามทำฮึดสู้
น่านฟ้ากับแอนนาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยอยู่ในห้องนั่งเล่นของห้องแอนนา
“นี่มันอะไรน่ะแอน คุณทำอะไรลงไป แล้วหยีเขามาที่นี่ได้ไง”
“น่านดื่มจนเมาไม่ได้สติ แอนอยากให้น่านนอนสบายๆ เลยพาเข้าห้องนอนแล้วโทรศัพท์บอกให้คุณมัศยามารับ แต่น่านบ่นว่าร้อนแอนก็เลยถอดเสื้อแล้วเช็ดตัวให้ ไม่นึกว่าคุณมัศยาจะมาเห็นแล้วเข้าใจผิดแบบนี้ แอนขอโทษนะคะ”
แอนนาพูดจาใสซื่อเสียงอ่อนเสียงหวาน น่านฟ้ามองหน้าแอนนาแล้วถอนหายใจส่ายหน้าก่อนจะเดินออกไป
มัศยากลับมาถึงบ้าน นั่งเครียด ครุ่นคิด สมใจเดินเข้ามาหาด้วยความแปลกใจ
“อ้าว มานั่งทำอะไรตรงนี้ล่ะลูก”
“หยีขอนั่งเงียบๆ ตรงนี้ใช้ความคิดหน่อยค่ะแม่”
ทันใดนั้น เสียงน่านฟ้าก็ดังมาจากหน้าบ้าน
“หยีครับ ออกมาคุยกันหน่อย ผมอธิบายได้ มันไม่เป็นอย่างที่หยีคิดนะครับ หยี”
มัศยาได้ยินเสียงน่านฟ้า ใจหนึ่งก็รู้สึกดีขึ้นมาเพราะน่านฟ้าตามมาง้อ แต่ใจที่เจ็บมันมากกว่าเลยทำเฉยๆ
“เสียงคุณน่านนี่ ไม่ออกไปคุยกันให้รู้เรื่องเหรอลูก คุณน่านเขาอุตส่าห์ตามมาง้อแล้ว”
“ไม่ค่ะ ปล่อยให้แหกปากไปอย่างนั้นแหละ เหนื่อยเดี๋ยวก็คงกลับไปเอง”
“เรานี่มันใจร้ายจริงๆ เลย งั้นจัดการกันเองแล้วกัน แม่ไม่ยุ่งล่ะนะ”
สมใจเดินออกไป
“หยี ออกมาคุยกันเถอะนะ หยีจ๋า หยี”
มัศยานั่งนิ่งไม่สนใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น มัศยาไปหาวิภาที่ห้อง พร้อมหนังสือลาออก
“นี่มันอะไรกันมัศยา เธอจะลาออกไปไหน ฉันไม่อนุมัติ”
“คุณท่านให้ดิฉันออกเถอะค่ะ ดิฉันอยู่ไม่ได้จริงๆ”
“ไหน เล่าให้ฉันฟังซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
มัศยาอึกอักไม่รู้จะพูดอย่างไร
“คือว่า มันเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดิฉันไม่รู้จะเล่ายังไงดีค่ะ”
“ก็เล่าความจริงมาทั้งหมดนั่นแหละ เผื่อฉันจะช่วยเธอแก้ปัญหา”
“ตกลงค่ะ ดิฉันจะเล่าให้คุณท่านฟังทั้งหมดค่ะ”
เวลาต่อมา มัศยามาเก็บข้าวของในห้องทำงานใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้าน ต๋องเปิดประตูเข้ามาหน้าตาตื่น
“เจ๊หยี นี่เจ๊จะลาพักร้อนยาวจริงๆ เหรอ แล้วอย่างงี้ต๋องก็เหนื่อยคนเดียวสิ”
“พนักงานมีเยอะแยะ แกก็ขอให้คนอื่นช่วยแกสิ”
“แต่คุณน่านเขาต้องการแค่เจ๊คนเดียวนะ ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้หรอก”
มัศยาหันขวับ
“งั้นก็หมายถึงฉันด้วย เพราะฉันก็ไม่ใช่แฟนเขาเหมือนกัน”
มัศยาคว้ากระเป๋าสะพาย เปิดประตูเดินออกไป ต๋องมองงงๆ ก่อนจะหลุดขำออกมาจนได้
น่านฟ้านั่งคุยปรึกษาสุกัญญาอยู่ที่บ้าน
“ในเมื่อมันเป็นการเข้าใจผิดทำไมเราไม่ไปคุยกับหนูหยีเขาให้รู้เรื่องล่ะตาน่าน”
“เมื่อคืนผมตามไปที่บ้านหยีเขาแล้ว แต่หยีไม่ยอมคุย หยีเขาเป็นคนใจเด็ดเปลี่ยนใจเขายาก ภาพที่เห็นมันคงอธิบายเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอกครับแม่ ผมรู้จักแอนดีพอที่จะนึกออกว่าสิ่งที่เขาพูดเขาทำกับหยีมันไม่ธรรมดาแน่”
“แม่ไม่อยากจะซ้ำเติมนะ ในเมื่อลูกบอกว่ารู้จักผู้หญิงคนนั้นดี แต่ลูกก็ยังไปติดกับเขาอีก บอกตรงๆว่าเป็นแม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
น่านฟ้านั่งหน้าจ๋อย
“ท่าทางหยีเขาจะโกรธจริง จนผมไม่กล้าไปสู้หน้าหยีเขาแล้วครับแม่”
“แม่จะบอกให้นะ ผู้หญิงน่ะ ยิ่งโกรธแล้วไม่ง้อ ความผิดยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ คิดเอาเองละกันว่าจะทำยังไง”
น่านฟ้าชะงัก คิดตาม
ภูริชยืนดูคนงานขนเครื่องจักรเข้าไปด้านในโรงงาน แล้วก็มีคนงานขนเครื่องจักรอีกเครื่องออกมา แล้วหันไปบอกกับหัวหน้าคนงาน
“ตรวจเช็คเรียบร้อยแน่นะ”
“เรียบร้อยแล้วครับคุณภูริช”
ภูริชพยักหน้า คนงานพากันเดินแยกย้ายไปทำงาน เซลล์เข้ามาบอกกกับภูริช
“บริษัทผมโอนส่วนต่างเข้าบัญชีที่คุณภูริชให้มาเรียบร้อยแล้วนะครับ”
“อ่อ ขอบคุณมากนะ ไว้เดี๋ยวผมมีค่าเสียเวลาให้คุณแล้วกัน”
ภูริชยิ้มร้ายสมใจ
มัศยายกกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมาหน้าบ้าน นทีเดินเข้ามาเห็นเข้าก็แปลกใจ
“เฮ้ย นี่แกจะไปไหนวะ”
“หยีลาพักร้อนไปพักผ่อน”
“ไปไหน ไปกี่วัน กลับเมื่อไหร่ แล้วนี่จะไปคนเดียวเลยเหรอ”
“พี่ทีอย่าถามมากได้มั้ย ฝากดูแม่กับนะดีด้วยนะ แล้วหยีจะโทรมาแล้วกัน”
มัศยาพูดจบก็เปิดรถ แล้วโยนกระเป๋าเสื้อผ้าใส่รถ นทีมองตามงงๆ สักพักสมใจเดินเข้ามาถามนทีด้วยความแปลกใจ
“อ้าว หยีไปไหนน่ะ”
“มันบอกว่าไปพักผ่อน แต่ไม่บอกว่าที่ไหน ไอ้นี่นับวันยิ่งแปลกๆ”
นทีเดินเข้าบ้านไป สมใจแอบห่วงนิดๆ
น่านฟ้าถอนหายใจเซ็งๆ วางมือถือลงนั่งเซ็งต่อ วิภาเดินเข้ามา เห็นน่านฟ้าก็แอบขำ
“ไง ตาน่าน ซึมอย่างกับส้วมเลยนะ ไปก่อเรื่องอะไรไว้ล่ะ”
“แม่ใหญ่จะซ้ำเติมผมทำไมครับ คนกำลังเซ็งอยู่ด้วย”
สุกัญญาเดินออกมาจากครัว ยกมือไหว้วิภา
“ขอเฉ่งไอ้ตัวดีนี่หน่อยนะ”
“ค่ะ”
สุกัญญากลับเข้าครัวไป
“สมน้ำหน้า ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว มัศยาเขาเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”
“แล้วแม่ใหญ่ว่าไงครับ”
“ก็ในเมื่อคนที่ผิดเป็นแก จะให้ฉันว่าไง ทำไมนะสมองแกถึงได้โง่ดักดาน ไปหลงเชื่อยัยแอนนานั่นอีก ฉันไม่รู้จะสมน้ำหน้าแกยังไงแล้ว”
น่านฟ้าพิงพนักโซฟาเซ็งๆ
“แม่ใหญ่ยังจะซ้ำเติมผมอีกเหรอครับ”
“ฉันละเห็นใจมัศยาเขาจริงๆ นี่ฉันเห็นเขาเครียดๆ ก็เลยให้ลางานไปพักผ่อนแล้ว”
น่านฟ้าดีดตัวมาคุกเข่าหน้าวิภาทันที
“หา แล้วเขาไปไหนครับแม่ใหญ่”
“ไม่รู้ เขาไม่ได้บอก แกไปตามหาหัวใจแกเอาเองซิ”
น่านฟ้าจ๋อย ขณะที่สุกัญญาเดินเข้ามาพร้อมนำเครื่องดื่มมาให้วิภา
“ขอบใจ สุกัญญาฉันมีธุระจะคุยกับเธอหน่อยน่ะ”
ทั้งสองแยกตัวจากน่านฟ้ามานั่งคุยกัน สุกัญญาอึ้งๆ
“คุณพี่เอาจริงเหรอคะ”
“เออ เอาตามนี้แหละ”
“แต่อย่างนี้ตาน่านไม่เสียใจแย่เหรอคะ”
“ก็ให้มันเสียใจไป คนอย่างมันหักอกผู้หญิงมาตั้งเท่าไหร่ ให้มันลองเจอกับตัวบ้างคงไม่เป็นไรหรอก”
สุกัญญาพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วเรื่องนี้มีใครรู้บ้างคะ”
“ทุกคน ยกเว้นตาน่านกับมัศยา”
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 14 (ต่อ)
สุกัญญาหลุดขำจนได้
“เฮ้อ คราวนี้ตาน่านคงได้รับบทเรียนครั้งใหญ่เลยนะคะ”
“ฉันก็ตั้งใจให้มันได้เรียนรู้เหมือนกัน แต่เธออย่าลืมนะ ห้ามหลุดปากให้ตาน่านรู้เด็ดขาด”
“ค่ะคุณพี่ รับรองว่าจะปิดให้มิดเลยค่ะ”
วิภายิ้มพอใจที่สุกัญญายอมเข้าข้าง
น่านฟ้านั่งคุยกับสมใจ นที และนะดี เครียดๆ
“อะไรนะครับ หยีไปแล้วเหรอครับ”
“ค่ะคุณน่าน เห็นเจ้าทีบอกว่าไม่ยอมบอกด้วยว่าไปไหน”
“คุณไปทำอะไรให้น้องผมไม่พอใจรึเปล่า มันถึงได้งอนตุ๊บป่องแบบนั้น”
น่านฟ้าสะอึกพูดไม่ออก นะดีเข้ามาแหมะข้างๆ น่านฟ้า
“ปกติแม่หยีไม่เคยไปไหนคนเดียว นะดีเป็นห่วงแม่หยีจัง อาน่านไปตามแม่หยีมาให้ได้นะคะ”
น่านฟ้าเครียดหนักกว่าเดิม
“อาน่านไปตามแน่จ้ะ แต่อาน่านไม่รู้ว่าแม่หยีไปไหนน่ะสิ”
น่านฟ้าเครียดจัด จนหนทาง
ตอนค่ำ ปารณและนิรชาเดินออกมาหน้าออฟฟิศ รถน่านฟ้าแล่นมาจอดตรงหน้าทั้งสองคน น่านฟ้าเปิดประตูลงมา ร้อนใจมาก
“อะไรของแกวะไอ้น่าน นี่เกือบชนฉันเห็นมั้ยเนี่ย”
“แกอย่าพูดมาก ฉันกำลังต้องการความช่วยเหลือ แกต้องช่วยฉัน”
ปารณและนิรชาหันมามองหน้ากันงงๆ พอน่านฟ้าเล่าให้ฟัง ปารณโวยวายเสียงหลงด้วยความรำคาญ
“ขนาดแกยังไม่รู้ แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงวะไอ้น่าน”
“แต่แกคือคนที่ช่วยฉันได้ทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้แกก็ต้องช่วยฉันให้ได้”
“เฮ้ย ฉันเป็นเพื่อนแกนะ ไม่ใช่เทวดาประจำตัวแก จะได้มีอิทธิฤทธิ์ มองปร๊าดเดียวก็หาแฟนแกเจอ”
“ก็ฉันไม่รู้จะพึ่งใครจริงๆ นี่หว่า”
น่านฟ้านั่งคอตก นิรชามองด้วยความสงสาร
“คุณน่านลองนึกดีๆ สิคะว่า มีใครที่รู้จักพี่หยีดี พอจะเดาได้ว่าพี่หยีจะไปที่ไหน”
“ก็ผมถามทั้งแม่ ทั้งพี่ชาย ทั้งหลานสาว ทั้งพนักงานทุกคนในออฟฟิศยังไม่มีใครรู้เลย แล้วจะมีใครอีกครับ”
“มันต้องมีสิคะ ลองนึกดีๆ”
“งั้นก็เหลืออีกคน”
“ใครวะ”
ปารณสนใจขึ้นมาทันที
ภายในคอนโดน่านฟ้า สินธุนั่งอยู่ที่โซฟา กวาดสายตามองรอบๆ ด้วยความสนใจ น่านฟ้า ปารณและนิรชานั่งอยู่ด้วย จ้องสินธุเป็นตาเดียว
“ตกลงนายพอจะนึกออกมั้ยว่า หยีเขาชอบไปที่ไหน”
“นี่โทรตามผมมาเพื่อจะถามแค่เรื่องนี้เหรอครับ”
“แค่เรื่องนี้แต่มันสำคัญกับเพื่อนผมมาก ในฐานะที่คุณเคยคบกับเจ๊ เอ๊ย คุณหยีเขามาหลายปี คุณพอจะบอกได้มั้ยว่า คุณหยีเขาชอบไปที่ไหน”
“ตอนคบกับหยีผมไม่ค่อยไปไหนกับเขาหรอก เพราะหยีเขาบ้างาน ส่วนผมก็ยุ่งๆ พอกัน”
“มันจะเป็นไปได้ไง เป็นแฟนกันแต่ไม่เคยพาแฟนไปเที่ยวเลยเนี่ยนะ นายนี่เป็นแฟนภาษาอะไรเนี่ย”
“มันไม่ใช่ความผิดผมนะ หยีต่างหากที่บอกว่าต้องประหยัด ไม่อยากใช้เงินหมดไปกับการเที่ยว ก็เลยทำแต่งานงกๆๆ”
ปารณหันไปทางน่านฟ้า
“เออ เรื่องนี้ผมเชื่อ หยีเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ แหละ”
นิรชาหันไปถามสินธุอีกครั้ง
“แล้วพี่หยีเขามีเพื่อนที่สนิทๆ คนอื่นอีกมั้ยคะ”
“ไม่มีนะ อย่างที่บอก หยีเขาประหยัด เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไป สุดท้ายเลยไม่ค่อยมีใครชวน”
ปารณหันไปถามน่านฟ้างงๆ
“ไอ้น่าน แฟนแกนี่เป็นคนประเภทไหนวะ ถึงขั้นไม่มีเพื่อนคบเนี่ย”
“ตกลงหมดธุระแล้วใช่มั้ยครับ ผมจะได้ไปทำธุระของผมต่อ เอ่อ คุณน่านครับ ส่วนเรื่องเงิน”
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะ ผมห่วงหยีมากกว่า”
สินธุยิ้มร่ารีบลุกจากโซฟาทันที
“งั้นผมไปก่อนนะครับ”
สินธุออกไป น่านฟ้าเอามือกุมหน้าเครียดมาก สินธุจะไปที่ลิฟท์ แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้
น่านฟ้า ปารณ และนิรชานั่งเครียดกันหมด เสียงออดดังขึ้น น่านฟ้าชะงักทันที แปลกใจ เดินไปเปิดประตู เห็นสินธุยืนอยู่
“ลืมอะไรเหรอ”
“เปล่าครับคุณน่าน ผมแค่จะบอกว่า ผมนึกอะไรออกแล้วว่าหยีเขาน่าจะไปที่ไหน”
ปารณและนิรชาหันมามองหน้ากัน ขณะที่น่านฟ้าตื่นเต้นมาก
ตอนค่ำ มัศยาเดินอยู่บริเวณชายหาดหัวหิน ท่ามกลาง หาดทราย สายลม และ แสงดาวเพียงลำพัง นึกถึงภาพที่น่านฟ้ากับเธออยู่ด้วยกันในหลายๆ เหตุการณ์
มัศยานั่งลงที่พื้นทราย แหงนหน้ามองพระจันทร์เศร้าๆ
น่านฟ้ายกกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากห้องนอน ปารณและนิรชามองด้วยความสนใจ
“เฮ้ยไอ้น่าน แกจะไปตอนนี้เลยเหรอวะ”
“ใช่ ฉันเป็นห่วงหยี ทิ้งไว้คนเดียวแบบนั้นเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง”
“ไหนแกเคยเรียกเขาว่าเจ๊โหดไงวะ ฉันว่าแฟนแกน่าจะดูแลตัวเองได้ดี ระวังแต่จะไปรังแกใครมากกว่านะเว้ย”
น่านฟ้าหันมามองค้อนปารณ ปารณยิ้มแหยๆ
“ขอโทษทีว่ะ ลืมไปว่าตอนนี้เจ๊โหดของแก เป็นยอดยาหยีของแกไปแล้ว”
“แล้วนี่คุณน่านจะไปคนเดียวเหรอคะ”
“ครับ ไม่งั้นจะให้ผมไปกับใครล่ะ”
“แล้วคุณน่านคิดว่า พี่หยีเขาจะยอมคุยกับคุณน่านง่ายๆ เหรอคะ”
น่านฟ้าและปารณชะงัก
“คือ นิคิดว่า คุณน่านควรจะหาใครไปเป็นเพื่อน จะได้ช่วยเป็นกาวใจประสานรอยร้าวให้คุณน่าน อย่างน้อยก็สักคนหนึ่งนะคะ”
“ก็จริงนะ งั้นเอาอย่างนี้ ผมนึกออกแล้วว่าใครควรจะเป็นกาวใจให้ผมกับหยีได้”
ปารณและนิรชาหันมามองน่านฟ้าด้วยความสนใจว่าเป็นใคร น่านฟ้ายิ้มร้ายทันที
น่านฟ้าเดินออกมาจากล็อบบี้รีอสอร์ทด้วยสีหน้าผิดหวัง ปารณและนิรชายืนอยู่ด้วยรีบปราดเข้ามาถามด้วยความสนใจ
“เป็นไงวะน่าน เจอรึเปล่า”
น่านฟ้าส่ายหน้าเซ็งๆ
“หรือว่านายสินธุจะหลอกเรา”
น่านฟ้าฉุกคิดขึ้นมา
“รอเดี๋ยวนะ”
น่านฟ้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกทันที สินธุและนทีกำลังนั่งคุยกันในร้านอาหาร เสียงมือถือดังขึ้น สินธุหยิบมาดูก็รีบบอกนที
“นี่ไงพี่ที โทรมาแล้ว”
นทีรีบพยักหน้าให้สินธุรับสาย สินธุรีบกดรับทันที
“ครับคุณน่าน”
“ผมมาถึงรีสอร์ทนี่แล้ว ไม่เห็นเจอหยีเลย”
สินธุแกล้งทำเป็นแปลกใจ
“เหรอครับ เอ แปลกนะ ผมว่าน่าจะเป็นที่นี่นะเนี่ย”
“ลองนึกดีๆ ซิว่ามีที่ไหนอีกรึเปล่า”
สินธุยิ้มร้ายนิดๆ ก่อนตอบกลับไป
“จริงๆ มันก็มีนะครับ แต่แหม จะให้บอกเฉยๆ มันก็ดูจะยังไง เว้นแต่มีค่าน้ำร้อนน้ำชานิดๆ หน่อยๆ”
น่านฟ้าชะงัก รู้ทันสินธุ
“อ่อ นี่ตกลงที่ช่วยฉันนี่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสินะ”
“โถ่ คุณน่าน หยีน่ะแฟนเก่าผมนะ ถึงจะเลิกกันแล้ว แต่มันก็ยังมีเยื่อใยอยู่บ้าง เอาอย่างนี้ ผมไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน ถ้าผมบอกคุณน่าน คุณน่านจะให้ผมเท่าไหร่”
น่านฟ้าเจ็บใจแต่ต้องยอม
“โอเค ฉันจะจัดการให้ แต่รีบบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าหยีน่าจะไปที่ไหน โอเค”
น่านฟ้าวางสายแล้วรีบไปบอกปารณและนิรชา
“ฉันรู้แล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
มัศยาเดินมาที่บาร์แห่งหนึ่ง เข้ามานั่งซึมๆ อกหัก บาร์เทนเดอร์หันมารับออเดอร์จากมัศยา
“รับอะไรดีคร้าบคนสวย”
มัศยาชะงัก เก๊กสวยขึ้นมาทันที
“ขอ เอ่อ น้ำส้มคั้นละกัน”
“น้ำส้มอย่างเดียวเหรอคร้าบ”
“ใช่ค่ะ เป็นนางเอกจะให้กินยาดองแช่ดีงูรึไง น้ำส้มนี่แหละ”
“ได้คร้าบ”
ข้างๆ กัน มีชายสองคนแอบเหล่ๆ มัศยาอยู่ ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“แล้วเห็นใครขี่คอฉันด้วยรึเปล่าล่ะ”
ชายสองคนหันมาหัวเราะกันใหญ่
“โอ้โห กวนซะด้วยเว้ย”
มัศยารับน้ำส้มจากบาร์เทนเดอร์มาดื่ม
“ดื่มน้ำส้มมันจะไปสนุกอะไรล่ะครับ ผมเลี้ยงเหล้าให้เอามั้ย”
“เคยได้ยินมั้ยว่า ให้เหล้าเท่ากับแช่ง ฉันไม่รับคำแช่งจากใคร”
ชาย 2 คน ชักสนุก
“นานๆ จะเจอคนสวยปากดี ผมว่าไปต่อที่อื่นกันดีกว่า อยากจะรู้ว่านอกจากปากจะดีแล้ว ยังหวานด้วยรึเปล่า”
ชายทั้งสองคนหัวเราะคิกคัก มัศยากำมือแน่นด้วยความโมโห
“ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนเล่นนายสองคนด้วย ไปไกลๆ ซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“โอ้โห ดุซะด้วย อย่างนี้ผมชอบ”
ชายคนหนึ่งคว้าข้อมือมัศยาหมับ
“ไป ไปด้วยกันเถอะนะ”
มัศยาใช้มืออีกข้างคว้าข้อมือชายคนนั้น แล้วจับบิดทันที
“โอ๊ย”
ชายอีกคนเข้ามาคว้าไหล่มัศยา มัศยาบิดตัวหลบ แล้วจับทุ่มลง ก่อนจะใช้เท้าถีบชายอีกคน ชายสองคนลงไปกองกับพื้น
“จำไว้นะ ฉันกำลังอกหัก อารมณ์ไม่ดี ถ้าไม่อยากตาย อย่ามายุ่งกับฉัน เข้าใจมั้ย”
ชายสองคนตกใจ ค่อยๆ ผละออกไป แล้ววิ่งแจ้นไปเลย มัศยากลับมานั่งที่เดิมซดน้ำส้ม บาร์เทนเดอร์ค่อยๆ เลี่ยงออกไปห่างๆ กลัวๆ
น่านฟ้ากำลังขับรถด้วยความเร็วสูง ปารณและนิรชาตื่นเต้น
“เบาๆๆๆ ไอ้น่าน เดี๋ยวได้ตายก่อนเห็นหน้าแฟนกันพอดี”
“ก็คนมันคิดถึงนี่หว่า”
ปารณกับนิรชาหันมามองหน้ากันยิ้มๆ
“ใจเย็นๆ เถอะค่ะคุณน่าน อีกไม่กี่อึดใจก็ได้เจอพี่หยีแล้วค่ะ”
นิรชาปลอบ
มัศยากำลังเดินกลับห้องพักในรีสอร์ท มีใครคนหนึ่งเดินตามเธออยู่ มัศยาชะงักหันไปมอง ไม่เห็นใครก็แปลกใจ รีบเดินกลับไปทันที
มัศยามาถึงห้องพัก เตรียมตัวจะอาบน้ำ แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอชะงักแปลกใจ
“ใครคะ”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา มัศยาไม่ไว้ใจขึ้นมาทันที
“ฉันถามว่าใคร”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาอีก มัศยาหันซ้ายหันขวา เห็นแจกันหัวเตียงก็เดินไปหยิบมา เงื้อมือเตรียมฟาด ก่อนจะเปิดประตูออกไปพรวด มองไม่เห็นใคร ก็แปลกใจ แล้วน่านฟ้าก็โผล่พรวดเข้ามาทันที
“จ๊ะเอ๋ ยาหยี”
มัศยาเงื้อแจกันจะฟาดน่านฟ้า แต่เขาหลบทัน
“เย้ย”
“คุณน่าน คุณมาได้ไง”
น่านฟ้ายิ้มร่า นึกถึง ตอนที่สินธุเล่าให้เขา ปารณ และ นิรชาฟัง
“มีที่ๆ หนึ่งที่หยีเขาเคยบอกผมว่าเขาอยากไปมาก เอาไว้ถ้าเขามีเวลาว่าง มีตังค์พอ เขาจะไปครับ”
น่านฟ้าคว้าไหล่สินธุถามด้วยความตื่นเต้น
“ที่ไหนเหรอสินธุ บอกผมมาเร็ว”
สินธุยิ้มรับอย่างมั่นใจ
จบตอนที่ 14