แหวนทองเหลือง ตอนที่ 14
เย็นใกล้ค่ำต่อเนื่อง แพที่กำลังล่องไปบนแม่น้ำ มุมหนึ่งของแพ ดวงใจนั่งมองทอดสายตา ยายตุ่นเอาผ้าคลุมไหล่มายื่นให้
"เอาห่มซะ...เป็นไข้เจ็บป่วยลูกเอ็งจะพลอยป่วยไปด้วย"
ดวงใจยกมือไหว้ รับผ้ามา คลี่ห่มคลุมบ่า
"ข้ามีหลายผืน ผืนนี้มันเก่าแล้ว ยกให้เอ็งก็แล้วกัน"
ดวงใจยิ้มหวาน
"อุ่นดีจ้ะ"
ยายตุ่นลงนั่งคุย
"เอ็งจะไปกรุงเทพน่ะ...แต่งตัวอย่างนี้ไม่ได้หรอก"
"ทำไมล่ะป้า"
"คนกรุงน่ะ...เค้าแต่งตัวกันสวยๆ เอ็งใส่อย่างนี้เค้าจะนึกว่าไปขอทาน"
"เสื้อดีๆ ฉันยกให้พี่สาวเมียพี่ทองอินไปแล้วจ้ะ"
ยายตุ่นหัวเราะเสียงดัง
"เมียไอ้ทองอินมันจะใส่ไปให้ใครดูวะ...วันๆ มันอยู่กะป่าตัดไม้..เอ็ง น่ะแหล่ะ...น่าจะมีเสื้อผ้าดีๆ ผัวเอ็งเค้าจะได้ไม้อายคน"
ดวงใจยิ้มเศร้าๆ นึกถึง ปิ่นแก้ว กับ มณีที่เคยมา อดคิดมากไม่ได้...
ค่ำวันเดียวกัน พระยาดำรงพิรมย์ นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง หลวงเณนิณัต กับ หมอ อิศรายืนอยู่ใกล้ๆ สมรนั่งอยู่บนเตียง ฮารุเดินเข้ามากับมิ่ง หลวงเณนิณัติเดินไปรับฮารุ
"ท่านอยากพบคุณ ขอบคุณครับที่มา"
ฮารุก้มหัวให้นิดหนึ่ง เดินเข้าไปดูพระยาดำรงที่เตียง หมออิศรากระซิบที่หู พระยาดำรงพยายามลืมตามองฮารุ ยกมือขึ้นอย่างยากเย็น
"หมอ"
ฮารุถอดหมวกออก เดินมาจับมือพระยาดำรงไว้ สีหน้าเห็นใจ
"ฝาก...ฝาก บ้านด้วย"
ฮารุก้มหัว
"ผมจะ...พยายามครับ"
พระยาดำรงยิ้มนิดๆ ลืมตามองเพดาน
"กฤ...กฤ...กฤษดา"
มือพระยาดำรงที่จับฮารุปล่อยหลุดลง ตาค้างสิ้นใจ หมออิศราจับชีพจรที่คอ แล้วเอามือปิดตาพระยาดำรง
"ท่านสิ้นแล้วครับ"
สมรร้องไห้โฮ ฮารุกลั้นน้ำตาทำความเคารพพระยาดำรง หลวงเณติณัต กับมิ่งร้องไห้
กฤษดาเดินลาดตระเวนในที่เปลี่ยวมืด มีลมแรง กฤษดาถือปืนเตรียมพร้อม พระยาดำรงแต่งชุดทะมัดทะแมง แจ่มใส แข็งแรงดินมาหา กฤษดาตกใจ
"คุณพ่อ"
พ่อลูกดีใจโผเข้ากอดกัน
"พ่อดีใจจริงๆ พ่อคิดแล้วว่าลูกต้องปลอดภัย"
"ผมปลอดภัยดีครับ ผมคิดถึงคุณพ่อมากเหลือเกินครับ คุณพ่อมาหาผมได้ยังไงครับ"
พระยาดำรงจับบ่ากฤษดา
"จำไว้นะ พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก ลูกรักของพ่อ"
กฤษดาดีใจ กอดพระยาดำรงอีก แต่ก็กลายเป็นยืนอยู่คนเดียว กฤษดาตกใจ มองหาโดยรอบ
"คุณพ่อครับ คุณพ่อ คุณพ่อครับ"
กฤษดา สะดุ้งตื่น ร้องเรียกเสียงดัง
"คุณพ่อ"
กฤษดาหายใจหอบ เหงื่อเต็มหน้า มองไปรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าตกใจ พยายามรวบรวมสมาธิ แต่สีหน้าก็ยังไม่สบายใจ
"คุณพ่อ"
คณะของกำนันปานเดินออกมาจากป่าถึงกระท่อมของทองอิน มองเห็นร่องรอยว่ามีคนอยู่จากของใช้ และ เสื้อผ้าที่ตากอยู่
"กระท่อมนี่มันเป็นกระท่อมร้างนี่หว่า นี่มีใครมาอยู่ที่กระท่อมนี่วะ"
ทุกคนมองหน้ากัน ม้งกับเต่าสีหน้าไม่ดี ม้งตัดสินใจเดินมาหากำ
"เอ้อ...คนตัดไม้ชื่อทองอิน มันมาอาศัยนานแล้วกำนัน"
"ทำไมข้าไม่รู้เลย แล้วเอ็งรู้ได้ไงไอ้ม้ง"
ม้งเริ่มกลัว
"เอ้อ...ฉันเจอมันที่ตลาดเอาสมุนไพรไปขาย"
ทั้งหมดเดินมาถึงหน้ากระท่อม รอบๆ เงียบ ไม่มีใคร
"ไอ้ทองอิน ไอ้ทองอิน"
ไม่มีเสียงตอบ รอบๆ ยังคงเงียบ
"เอ็งเข้าไปดูซิ ไอ้ม้ง"
ม้งเดินเข้าไปในกระท่อมที่ประตูเปิดค้างไว้ พอม้งเดินเข้าไปได้สักครู่ ก็ร้องโวยวาย
"เฮ้ย....ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่"
กำนันปาน กับคณะที่เหลือรีบวิ่งเข้าไปในกระท่อม
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 14 (ต่อ)
กำนันปานวิ่งเข้ามา เห็นทองอินนอนตาย มีรอยเสือกัดและตะปบ ม้งนั่งตัวสั่นอยู่ใกล้ๆ ทองอิน
"ไอ้ทองอิน...ไอ้ทองอิน"
ก่ำเข้าไปดูทองอินใกล้ๆ ม้งมองหน้ากับเต่าใจคอไม่ดี เต่าอยากจะร้องไห้
"มันยังไม่ตาย ไอ้ทองอิน มันโดนเสือตะปบนี่กำนัน"
ทองอินค่อยชี้มือออกไปด้านนอก แล้วก็สิ้นใจตาย กำนันมองตามที่ทองอินชี้แล้วออกไปดู
กำนันปานเดินออกมาจากกกระท่อมทองอิน ชาวบ้านสองสามคนพบอะไรบางอย่างแล้ว ตะโกนเรียก
"กำนัน...กำนัน ทางนี้เร็ว"
กำนันปานรีบวิ่งไปดู เห็นเมียทองอินที่ใส่ชุดของดวงใจโดนเสือกัดตาย สภาพศพโดนเสือกินไปเยอะแล้ว โดยเฉพาะบริเวณหัว ที่โดนแทะจนเห็นกะโหลก ก่ำ ม้ง เต่า วิ่งเข้ามาพอเห็นศพบางคนก็เอามือปิดหน้า เต่ามองเสื้อที่ศพใส่ก็ตกใจสุดขีด วิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ
"ไอ้ดวง...ลุงกำนัน...ไอ้ดวง"
เต่าร้องไห้โฮ กำนันปานเข้ามาดูใกล้ๆ
"เอ็งพูดอะไรไอ้เต่า"
กำนันเข้าไปพิจารณาดูศพ
"ไม่ใช่...ไม่ใช่ ไอ้ดวงมันจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง เอ็งพูดบ้าๆ แล้วไอ้เต่า"
ม้งร้องไห้ เข้ามากราบกำนัน เต่าด้วย
"พี่...พี่กำนัน ยกโทษให้ฉันด้วยนะ ฉันไม่นึกว่าจะเป็นยังงี้"
กำนันปานงง
"เรื่องอะไร"
เต่ากับม้งมองหน้ากันร้องไห้เสียใจ
"พูดมาไอ้ม้ง เอ็งกับไอ้เต่ามากราบตีนกูทำไม"
"ฉันเป็นคนบอกไอ้ดวงให้มันมาแอบอยู่กับไอ้ทองอินเองจ้ะ"
"ฉันเจอมันในป่า มันขอร้องให้ปล่อยมัน... ฉันสงสารมันก็เลยปล่อยมันมา ไม่นึกว่ามันจะมาโดนเสือกัดตายอย่างนี้ ฉันขอโทษจ้ะลุงกำนัน"
เต่าร้องไห้โฮ ชาวบ้านที่ดูศพหันมาพูดกับกำนันปาน
"กำนัน...มีด้วยน่ะ ใช่ของไอ้ดวงหรือเปล่า"
ชาวบ้านปลดสร้อยทองจากศพมาส่งให้ กำนันปานรับมาดูน้ำตาไหล สีหน้าเจ็บปวด โมโห โกรธตบหน้าเต่ากับม้งจนกระเด็นไป
แพยายตุ่นเทียบที่เรือที่ตัวเมืองจังหวัด ดวงใจลงจากแพ มียายตุ่นลงมาด้วย ยายตุ่นหันไปสั่งคนงาน
"พวกเอ็งรีบไปซื้อของให้เสร็จเร็วๆ จะได้ล่องแพต่อ"
"จ้ะนายแม่"
ยายตุ่นหยิบเงินให้คนงาน คนงานก็วิ่งออกไป ดวงใจหยิบเงินออกมาส่งให้ยายตุ่นด้วย
"ป้าตุ่นจ้ะ...โปรดรับเงินเล็กน้อยนี่ไว้ด้วยจ้ะ"
ป้าตุ่นหัวเราะเสียงดังโบกมือพัลวัน
"ไม่ต้อง...เอ็งต้องใช้จ่ายอีกมากก่อนถึงกรุงเทพน่ะ"
ดวงใจยิ้มดีใจ ยกมือไหว้ป้าตุ่น
"ขอบคุณมากค่ะป้า... ฉันลาป้านะจ้ะ"
"ขอให้เอ็งโชคดีนะ"
ดวงใจไหว้ลายายตุ่นแล้วเดินไป ตลาดในเมืองท่าเรือมีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้ามากมาย เธอมองอย่างตื่นตาตื่นใจ ดวงใจเห็นสาวเหนือหลายคนแต่งตัวสีสันสวยงาม มองสภาพตัวเอง เห็นร้านขายเสื้อผ้าก็หยุดยืนมอง ยิ้มกับตัวเอง แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้านั้น
ดวงใจเดินกลับออกมาจากร้านด้วชุดใหม่ดูสวยงามพอประมาณ ดวงใจค่อยมั่นใจ เดินไปยังสถานีรถไฟ สีหน้าดีใจ มีความสุข เถามเจ้าหน้าที่รถไฟที่ยืนอยู่แถวนั้น
"ลุงจ้ะ...ฉันจะขอขึ้นรถไฟไปกรุงเทพจ้ะ"
"ขอไม่ได้หรอก...ไปซื้อตั๋วที่นั่น ถึงจะได้ขึ้นรถไฟ"
พนักงานชี้ไปที่ห้องขายตั๋ว ดวงใจยิ้มดีใจ ยกมือไหว้
"ขอบคุณจ้ะลุง"
ดวงใจเดินมาที่ห้องขายตั๋ว
"ขอซื้อตั๋วรถไฟไปกรุงเทพจ้ะ"
คนขายถาม
"จะเอาชั้นไหน"
"ชั้นไหนก็ได้จ้ะ ขอให้ได้ขึ้นรถไฟก็แล้วกัน"
พนักงานขายตั๋วมองหน้า
"จะเอาชั้นสอง หรือชั้นสาม"
ดวงใจหยิบเงิน
"ราคาตั๋วเท่าไหร่จ้ะ"
"ชั้นสองสี่สิบ ชั้นสามยี่สิบห้า"
ดวงใจนับเงิน หน้าเสียเพราะเหลือเงินไม่พอ
"พี่จ๋า...ฉันไม่รู้ว่าค่าตั๋วรถไฟต้องเสียเงินเท่านี้...ฉันเหลือเงินแค่ยี่สิบบาท"
ดวงใจยกมือไหว้
"พี่ลดราคาให้สักหน่อยได้ไหมจ้ะ"
"ไม่ได้...ระเบียบเค้าว่ามาอย่างนี้ จะมาลดเงินให้ไม่ได้"
ดวงใจยกมือไหว้อีก
"พี่จ๋า...ฉันไหว้ละ จะให้ฉันทำงานอะไรบนรถไฟให้พี่ก็ได้นะพี่ ขอให้ฉันได้ไปกรุงเทพเถอะนะพี่นะ"
คนขายไม่พอใจคนขา
"ไม่ได้ ถ้าไม่มีเงินก็ไปไม่ได้แล้ว เอา หลบไป เสียเวลาชาวบ้านคนอื่นเค้า"
ชาวบ้านที่ยืนต่อจากดวงใจเริ่มบ่น
"เอ้า...หลบไปได้แล้ว ฉันจะได้ซื้อตั๋วบ้างเน้อ"
ดวงใจพยายามกลั้นน้ำตา เดินออกมาจากหน้าห้องขายตั๋ว
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 14 (ต่อ)
ดวงใจเดินร้องไห้เช็ดน้ำตา ลุงพนักงานรถไฟจากเห็นดวงใจเดินร้องไห้ จึงเข้ามาถาม
"เอ้าเป็นอะไรนังหนู ทำไมเดินร้องไห้อย่างนี้ล่ะ"
"เงินฉันไม่พอซื้อตั๋วรถไฟจ้ะ"
"อ้าว...กลับไปเอาเงินมาซิ"
เสียงรถไฟเปิดหวูด ดวงใจละล้าละลังร้องไห้
"ฉันจะทำยังไงดี...กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ลำบากแทบแย่แล้วจ้ะ"
"ไม่ต้องห่วงนังหนู...รถไฟไปกรุงเทพเที่ยวหน้ายังมี กลับไปเอาเงินแล้วค่อยมาซื้อตั๋วอีกก็ได้"
ลุงพนักงานเดินไป ดวงใจยืนร้องไห้เคว้งไม่รู้จะทำยังไง รถไฟค่อยๆ เคลื่อนออกไป ดวงใจร้องไห้มากขึ้นวิ่งตามขบวนรถไฟที่แล่นออกจากชานชาลา
สายสร้อยทองห้อยพระในมือแม่หนานอุย ทุกคนอยู่ในอาการเศร้าสลด
"ใช่แน่กำนัน...สายสร้อยทองห้อยพระของฉันเอง สร้อยข้อมือสุโขทัยนี่ด้วย ฉันตั้งใจเอามาให้ดวงใจมันใส่วันผูกข้อมือ"
กำนันปานตกตะลึงพูดไม่ออก น้ำตาเริ่มไหลออกมา สายคำ แก้ว บัวแก้ว นั่งร้องไห้เสียใจ หนานอุยปล่อยโฮ
"ดวงใจของฉัน โธ่...ดวงใจ"
ชาวบ้านหามแคร่ที่มีศพของเมียทองอินที่ใส่ชุดดวงใจเข้ามา มีผ้าคลุมมิดชิด กำนันปานร้องไห้โฮวิ่งเข้าไปกอดศพ
"ไอ้ดวง ไอ้ดวง พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ"
กำนันปานร้องไห้ดังจะขาดใจ แก้วร้องไห้จนเป็นลม บรรยากาศเศร้าสลด ทุกคนร้องไห้เสียใจนึกว่าดวงใจตายซะแล้ว
บรรยากาศโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ดวงใจอดทนพยายามเดินไปตามทางรถไฟ เท้าเริ่มมีเลือดซึมออกมา รองเท้าที่สายคำให้มาขาด
ดวงใจลงนั่งสลับข้างรองเท้าเอาข้างที่ดีมาใส่เท้าที่เจ็บ ค่อยๆ เดินกระเผลกไปตามทางรถไฟ เห็นข้างหน้ามีกระท่อมจุดไฟอยู่ไกล ๆ
ดวงใจเดินกระเผลกเข้ามาที่กระท่อมใกล้ทางรถไฟ มีหญิงชาวบ้านอายุพอๆ กับ ดวงใจ กำลังป้อนข้าวลูก หญิงชาวบ้านเห็นดวงใจท้องก็ถามอย่างมีน้ำใจ
"ไปไหนมาไหนกันเจ้า"
ดวงใจยิ้มดีใจ
"จะไปกรุงเทพจ้ะ...ไม่มีเงินค่ารถ เลยจะเดินไป"
"โอ้ย...เดินไปกี่ชาติจะถึงกัน กรุงเทพน่ะมันอยู่อีกไกลหลายเน้อ"
"ไกลแค่ไหนฉันก็จะต้องไปให้ถึงจ้ะ"
"จะไปกรุงเทพทำไม"
"จะไปตามหาผัวฉันจ้ะ"
หญิงชาวบ้านฟังแล้วสงสาร
"นี่ก็จะค่ำแล้ว...มาพักที่นี่ก่อนก็ได้"
ดวงใจยกมือไหว้
"ขอบคุณพี่มากจ้ะ"
ดวงใจรีบเดินมานั่ง หญิงชาวบ้านเห็นเท้าดวงใจ
"เท้าก็เจ็บ...แล้วจะเดินไปได้ยังไง รองเท้าก็ขาด"
ดวงใจยิ้มสีหน้ามุ่งมั่น
"ยังไงๆ ฉันก็ต้องไปจนถึงกรุงเทพให้ได้จ้ะ"
หญิงชาวบ้านเดินไปตักน้ำมาให้ดวงใจ
"คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้ เอ้า...ไม่ค่อยมีอะไรให้กินนะ..เดี๋ยวฉันจะไปเอาด้ายกับเข็มมาให้เย็บรองเท้านะ"
หญิงชาวบ้านเลื่อนน้ำพริกกับข้าวเหนียวนึ่งให้ดวงใจ แล้วลุกไปหยิบของในกระท่อม ดวงใจรีบดื่มน้ำอย่างกระหายแล้วก็ถอนใจ แต่ก็มีกำลังใจ
ในบรรยากาศตอนเช้า พระอาทิตย์ขึ้น นกโผบินในฟากฟ้า ดวงใจกวาด ถูบ้าน ให้หญิงชาวบ้านเพื่อตอบแทนบุญคุณ ซักผ้าแล้วเอาผ้าไปตากที่ราว หญิงชาวบ้านเอาข้าวเหนียวใส่ห่อใบไม้ กับกระบอกใส่น้ำให้ดวงใจ ดวงใจรับห่อข้าวใส่ย่ามที่สะพายไว้ ไหว้ขอบคุณ แล้วก็ออกเดินไปตามทางรถไฟที่ทอดยาว ...
หลุมฝังศพอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีต้นเอื้องป่าเลื้อยอยู่ พระสวดเสร็จพากันเดินออกไป ทุกคนในงานสวมใส่ชุดดำ และร้องไห้เศร้าโศก ก่ำนิมนต์พระออกไป ทุกคนเอาดอกไม้มาประดับบนหลุมศพ กำนันปานนั่งร้องไห้ไม่สนใจใคร จนค่ำ ยังนั่งอยู่อย่างนั้น แก้วเดินเข้ามาหา
"พี่ปาน...ไปกินข้าวกินปลากันเถอะพี่ เดี๋ยวจะเจ็บไข้นะพี่นะ"
แก้วร้องไห้ กำนันปานไม่ตอบ นั่งนิ่งน้ำตาไหล เต่าเอาตะเกียงที่จุดแล้วมาวางให้
"ตอนเด็กๆ มันชอบมาเล่นที่นี่ มาปีนต้นปีป เก็บดอกเอื้อง เอ็งตายเพราะพ่อแท้ๆ"
"พี่ปาน ถ้าไอ้ดวงมันเห็นพี่เป็นอย่างนี้....มันก็ต้องทุกข์นะ ยังไงๆ มันก็ตายแล้วนะพี่ปาน"
"พวกเอ็งปล่อยข้าไว้ที่นี่เถอะนะ"
แก้ว กับเต่า จำเป็นต้องเดินกลับไป ปล่อยให้กำนันปานนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 14 (ต่อ)
ตอนค่ำ เสรีไทยทั้งสี่คนแต่งชุดดำ มอมหน้า โพกหัวดำ หลบเลี่ยงเข้ามาปฏิบัติการก่อการวินาศที่กองกำลังญี่ปุ่นที่วางกำลังแน่นหนา
กฤษดาคลานหมอบเข้าไปที่โกดังอาวุธ โดยมีแสงธรรม และ มีนา ตามมาด้วย พวกเสรีไทยที่พากันแทรกซึมหลบทหารญี่ปุ่น กฤษดาปะทะกับทหารญี่ปุ่นสองคน กฤษดาหักคอทหารญี่ปุ่น ในขณะที่มีนาใช้มีดแทงทหารญี่ปุ่น ทีมของกฤษดาเข้าไปวางระเบิดคลังอาวุธของญี่ปุ่น และสามารถหลบหนีออกมาได้ พอเสียงระเบิดสงบลงสักครู่ ก็มีเสียงหวอเตือนภัย เครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่ฐานของญี่ปุ่นตรงนั้น
วันรุ่งขึ้น ทีมของกฤษดามารายงานตัวกับหัวหน้าเสรีไทยที่ศูนย์กรุงเทพฯ ทั้งหมดยืนตรงอยู่ตรงหน้าหัวหน้าใหญ่
"ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะในครั้งนี้...พวกคุณทุกคนปฏิบัติการได้เยี่ยมมาก การปฏิบัติการตัดกำลังอาวุธพวกมันในวันนี้ มันจะต้องหาทางตอบโต้เราแน่นอนผมจะให้พวกคุณกลับไปศูนย์ที่อุตรดิสถ์ตอนเช้ามืด สำหรับเตรียมตัวงานต่อไปอย่าลืมว่า จะต้องระวังตัวให้มาก...เพื่อประเทศชาติของเรา"
ทุกคนทำความเคารพหัวหน้า แล้วพากันเดินออกไป
"เดี๋ยวก่อน สหายโรบิน"
กฤษดาหันกลับมาเดินมาหาหัวหน้า หัวหน้าคิดนิดหนึ่ง
"ผมมีข่าวร้าย เรื่องคุณพ่อของคุณ"
กฤษดาหน้าเสีย
"เมื่อไหร่ครับ"
"ห้าวันแล้ว"
กฤษดาก้มหน้า พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้น้ำตาไหล
"ที่ผมมาวันนี้เพราะอยากบอกเรื่องนี้กับคุณเอง คุณเป็นมือที่ดีที่สุดของเรา ผมขอแสดงความเสียใจกับคุณจริงๆ ผมจะให้โอกาสคุณอย่างที่เคยให้ใครมาก่อนถ้าคุณอยากกลับไป ผมเข้าใจ เพราะผู้ใหญ่ที่ผมนับถือบอกว่าคุณควรไปจัดการเรื่อง มรดก"
กฤษดาพยายามข่มความรู้สึก
"แต่เรามีแผนต้องตัดการลำเลียงไปพม่านะครับ"
หัวหน้านิ่งคิด
"ไม่เป็นไร คนอื่นก็มีความสามรถ เค้าทำกันได้"
"ผมไม่เป็นไรครับท่าน"
"คิดให้ดีนะ การที่จะช่วยเหลือประเทศชาติ ไม่จำเป็นต้องสูญเสียทุกอย่าง"
"ผมจะคิดดูครับ"
กฤษดาทำความเคารพหัวหน้า แล้วหันหลังเดินไป พอหันหลังให้หัวหน้า กฤษดาก็น้ำตาไหลพรากลงมา
บ้านพระยาดำรงพิรมย์ตอนดึกมาก ทุกอย่างเงียบสงัด ไฟในห้องโถงถูกเปิดไว้ เพราะเป็นที่ตั้งโกศของเจ้าคุณ บ้านชั้นล่างถูกจัดให้เป็นงานศพ
กฤษดาปีนรั้วด้านหลัง ก่อนจะลัดเลาะไปตามบ้านเพื่อจะเข้าไปไหว้ศพพ่อ กเขามองรอบๆ อย่างระวังตัว เห็นมิ่งเดินดูความเรียบร้อยบริเวณหน้าโกศ แสงไฟจากตัวบ้านจับที่ดวงหน้าของกฤษดาที่ดูเศร้าหมอง เขากำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่เห็นสิ่งผิดปรกติบางอย่าง มีสายไฟอยู่บริเวณรอบๆ บ้านหลายเส้น กฤษดาชะงักที่จะเข้าไป มีทหารญี่ปุ่นเดินมาเห็นกฤษดาจึงเกิดการต่อสู้กัน ไฟที่สนามเปิดสว่างจ้าหลายดวง กฤษดาทำร้ายทหารญี่ปุ่นจนสลบ ฮารุ โตชิโร่ และ ทหารญี่ปุ่นอีกหลายคนวิ่งออกมาที่สนาม เห็นแต่ทหารญี่ปุ่นนอนสลบอยู่ มิ่งรีบวิ่งมาดู ทหารญี่ปุ่นสองคนพากันหามคนที่สลบออกไป
โตชิโร่สั่งเสียงเฉียบขาด
"กระจายกำลังกันออกไป หาตัวให้ได้"
ทหารต่างแยกย้ายกันออกค้นหากฤษดา
"ผมคิดแล้วว่าเค้าต้องมา"
ฮารุบอก
"เค้าคงต้องการมาเคารพศพพ่อของเค้า"
"ถ้าเราจับตัวเค้าได้....เราก็จะได้พบกับต้นตอใหญ่"
ฮารุก้มหัวให้โตชิโร่ สีหน้าไม่สบายใจนักมิ่งยืนเงียบๆ อยู่ด้านหลังรีบเดินเข้าบ้าน "คุณกฤษดา"
แสงธรรมยังไม่นอน รอกฤษดาอยู่อย่างเป็นห่วง กฤษดาปีนหน้าต่างเข้ามา แสงธรรมทำหน้าโล่งใจ
"ผมแน่ใจว่าคุณต้องปลอดภัย แต่ก็อดเป็นห่วงพวกญี่ปุ่นไม่ได้"
"มันไปล้อมอยู่เต็มบ้าน"
แสงธรรมตกใจแส
"แปลว่ามันรู้ทันว่าคุณต้องไป"
กฤษดาลงนั่งสีหน้าเศร้าหมอง
"ผมทำไม่ได้แม้แต่จะไปกราบศพพ่อ"
กฤษดาน้ำตาไหลอย่างคับแค้น แสงธรรมเดินมาเอามือตบบ่า
"เจ้าคุณลุงรับรู้ได้หรอก"
กฤษดาลงนั่งคุกเข่าพนมมือ แสงธรรมลงนั่งคุกเข่าพนมมือด้วย กฤษดาร้องไห้น้ำตาไหล
"คุณพ่อครับ...ผมขอกราบคุณพ่อตรงนี้ ฝากพระแม่ธรณีช่วยเอาความรักความอาลัยของลูกไปถึงคุณพ่อด้วย ลูกเหมือนอกตัญญู ไม่ได้อยู่ปรนนิบัติเห็นใจคุณพ่อ ขอให้คุณพ่อได้ไปสุขสบายบนสวรรค์ ไม่ต้องห่วงลูกครับ ลูกจะระวังตัวอย่างดี ฝากบอกคุณแม่ด้วยว่าลูกคิดถึงคุณแม่มากครับ"
กฤษดาก้มกราบกับพื้น สะอื้นเงียบๆ
ผ่านเวลา... ดวงใจเดินไปตามทางรถไฟ แดดร้อนเหนื่อยอ่อน เธอขอน้ำตามบ้านข้างทาง ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า แลกข้าว กลางคืน ดวงใจขออาศัยนอนแคร่หน้าบ้านชาวบ้าน ร้องไห้เอามือลูบท้อง
ดวงใจพันแผลที่เท้า ยาสมุนไพรหมดแล้ว
ชาวบ้านเอาข้าวให้ดวงใจ ดวงใจไหว้รับมา เดินมานั่งกินข้างทางอย่างหิวโหย ท้องโตขึ้นมากแล้ว
อ่านต่อตอนที่ 15