แหวนทองเหลือง ตอนที่ 8
ดวงใจนั่งผิงกองไฟในกระท่อม ตัวเปียกโชก กฤษดาถอดเสือตัวนอกออก มีเสื้อยืดตัวใน ดวงใจนั่งห่าง กฤษดารู้สึกใจคอไม่สู้ดีที่อยู่ตามลำพังขนาดนี้ เขามองเธอที่นั่งคุดคู้ยิ้มๆ
"ดวงใจ..ฉันพอมีเสื้อสำรองมา ดวงใจเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ"
"ไม่ต้องหรอกเจ้า เดี๋ยวก็แห้ง"
กฤษดาเอาผ้ามาเช็ดผมให้ดวงใจ ดวงใจรีบจับผ้ามา
"งั้นก็เช็ดผมเสียหน่อย...ผมเปียกอย่างนี้จะไม่สบายนะ"
ดวงใจแกะดอกเอื้องที่มวยผมออก แล้วคลี่ผมที่ขมวดเป็นมวยไว้ เธอสยายผมใช้ผ้าเช็ดผมอยู่กับแสงไฟดูสวยงาม เธอไม่รู้ตัวว่า เสื้อที่ใส่อยู่นั้นเนื้อผ้าบางเบาพอโดนน้ำก็แนบตัว กฤษดามองอย่างตะลึงในความสวยของดวงใจ เขามาลงนั่งข้างๆ ดวงใจเช็ดผมแล้วก็ส่งผ้าคืนให้ เธอหนาวเอาผ้าคลุมไหล่จะเอามาห่ม แต่ผ้าก็เปียกจนห่มไม่ได้ ดวงใจจึงลุกขึ้นเอาผ้าไปผึ่งที่แคร่ กฤษดาลุกขึ้นตามมา
"หนาวใช่ไหม"
วงใจไม่กล้าสบตา
"เจ้า"
กฤษดาเอาผ้าขาวม้าที่ดวงใจใช้เช็ดผมมาห่มให้ทางด้านหลัง แล้วกอดเธอไว้ ดวงใจพยายามบ่ายเบี่ยงพูดเสียงสั่น
"อย่าเจ้าคุณกฤษดา"
"ดวงใจ...ฉันมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่กับเธอ"
"อย่าเจ้าคุณกฤษดา...ทำอย่างนี้ไม่ดี"
"ฉันอยากจะอยู่อย่างนี้ไปอีกนานๆ อยากอยู่ตลอดไปด้วยซ้ำ..แต่ดวงใจ เวลาของฉันเหลือน้อยแล้ว"
ดวงใจฟังแล้วใจหาย หมุนตัวกลับมามองหน้ากด้วยสีหน้าเศร้า ๆ
"คุณกฤษดาต้องกลับไปกรุงเทพใช่ไหมเจ้า"
"ฉันเป็นห่วงเจ้าคุณพ่อ...สุขภาพท่านไม่แข็งแรง"
ดวงใจหน้าเศร้า
"คุณไปแล้ว ข้าเจ้าคงเหงาแย่"
กฤษดาเห็นดวงใจเศร้าก็ยิ้ม
"แต่ฉันจะมาใหม่ ฉันจะมาหาเธออีกแน่ๆ"
"นานไหมเจ้า คุณกฤษดาจะไปนานไหม"
"ฉันก็ยังไม่รู้"
ดวงใจมองกฤษดาด้วยสายตารักใคร่ น้ำตาเอ่อออกมา
"แต่ฉันจะต้องคิดถึงเธอมาก"
กฤษดาดึงดวงใจมาจูบที่หน้าผากนิ่ง
"ข้าเจ้าก็คงคิดถึงคุณกฤษดามากเหลือเกินเจ้า ข้าเจ้าไม่รู้ว่าจะมีชิวิตอยู่ได้ต่อไปยังไงถ้าไม่มีคุณ"
"ดวงใจ...ฉันไม่เคยพบผู้หญิงอย่างเธอ ผู้หญิงที่ทำทุกอย่างให้กับคนที่ตัวเอง..."
ดวงใจน้ำตาอาบแก้ม สบตากฤษดา
"รัก..."
กฤษดาดึงดวงใจเข้ามาจูบ โดยที่ดวงใจก็ไม่ได้ขัดขืน กลับกอดกฤษดาแน่น
ในกระท่อมกลางป่า ตอนเช้าตรู่ ฝนหยุดตกไปแล้ว กฤษดานอนอยู่บนแคร่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองไปเห็นดวงใจ นุ่งกระโจมอกปล่อยผมยาวสลวย นั่งอยู่ข้างๆ กองไฟ กำลังอุ่นอาหารที่เตรียมเอาในย่ามเท่าที่จะทำได้
กฤษดานอนตะแคงมองดวงใจด้วยสีหน้ามีความสุข ดวงใจเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานอายๆ กฤษดาลุกขึ้นมานั่งข้างๆ ดวงใจ
"เตรียมอาหารเช้าให้สามีเหรอจ้ะ"
กฤษดาดึงดวงใจเข้ามากอด
"คุณกฤษดาหิวไหมเจ้า...เมื่อวานตอนเย็นก็ไม่ได้ทานอะไร"
กฤษดามองดวงใจอย่างรักมาก
"จะหิวได้ยังไง ก็ได้อาหารทิพย์นี่แล้ว"
กฤษดาเอาหน้าซุกไปที่หน้าอกของดวงใจ ดวงใจหัวเราะมีความสุข โอบกอดกฤษดาไว้สักครู่ แล้วหันไปเอาอาหารป้อนกันไปมา ทั้งสองมองตากันซึ้งนาน
"จำที่ลุงชาวเขาพูดได้ไหม" กฤษดาถาม
"จำได้เจ้า"
"วันนี้ฉันได้ทำอย่างที่แกบอกแล้วนะ ฉันป้อนเมียฉันด้วย"
"ข้าเจ้าเป็นเมียคุณ เหมือนความฝันนะเจ้า"
"ถ้าอย่างนั้น เราก็อย่าเพิ่งตื่นจากความฝันเลยนะ เมียรักของฉัน"
กฤษดาดึงดวงใจเข้ามากอด หัวเราะชอบใจ แล้วดึงดวงใจให้นอนลง จ้องหน้าแล้วค่อยๆ ก้มจงไปจูบ
บัวแก้วยืนหน้าเครียด มีสายคำยืนสีหน้าไม่ดีอยู่ในห้องด้วย
"มันจะมากไปแล้วไอ้ดวง...มันหายไปไหนทั้งคืน" บัวแก้วว่า
"เดี๋ยวมันก็คงมาพี่...มันไปติดฝนละมัง"
"มันไปติดฝนกับใครล่ะ...คุณกฤษดาก็หายไปเหมือนกัน"
"คุณกฤษดาอาจจะไปกับคุณแสงธรรมก็ได้ อาจจะอยู่ที่คุ้มฝั่งโน้น"
"เอ็งมันก็คอยเข้าข้างมันเรื่อยละ...ถ้าลุงกำนันถามถึงมันจะว่าไง"
สายคำกลัวๆ กล้าๆ
"ก็...ก็บอกลุงกำนันว่า มันนอนไม่สบายอยู่บนห้องนะพี่บัวแก้ว"
บัซแก้วหน้าเครียด คิดนิดหนึ่ง
"เอ็งพูดนะ...ข้าไม่อยากโกหกให้บาปกรรมหรอก"
บัวแก้วเดินออกจากห้องไป สายคำถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"ไอ้ดวงนะ..ไอ้ดวง"
กฤษดา เดินจูงมือดวงใจไปตามทางในป่าที่จะไปวัดร้าง ท่าทาดูมีความสุขมาก คอยหยอกล้อดวงใจอยู่ตลอดเวลา
"อยากไปเที่ยวกรุงเทพไหมดวงใจ"
"อยากเจ้า"
"ฉันอยากพาเธอกลับกรุงเทพไปด้วยกัน ไปหาเจ้าคุณพ่อของฉัน"
ดวงใจสีหน้าวิตก
"นายท่านจะว่าอย่างไรเจ้าคุณกฤษดา...จะเกลียดข้าเจ้าหรือเปล่า"
"ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะดวงใจ...เจ้าคุณพ่อจะต้องรักเธอแน่ๆ"
"จะเป็นไปได้หรือเจ้า"
"เจ้าคุณพ่อจะเข้าใจเรานะ เชื่อฉันสิ ฉันรักใคร ท่านก็รักด้วย"
ดวงใจยังเป็นทุกข์ ทั้งสองคนเดินมาถึงวัดร้าง
"ที่นี่น่ะหรือ...วัดร้าง"
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทั้งสองคนเดินมาถึงพระองค์ใหญ่ ที่อยู่ในบริเวณวัดร้าง ดวงใจเดินเข้าไปลงนั่งพับเพียบก้มกราบหน้าพระ กฤษดาก็ลงนั่งกราบด้วย
"ข้าเจ้ามากราบพระที่นี่บ่อยๆ มาขอพรให้ท่านคุ้มครองคุณ ขอให้ข้าเจ้าได้พบคุณกฤษดาอีก"
กฤษดาก้มกราบพระ
"วันนี้เราสองคนได้มากราบท่านด้วยกัน...ดวงใจ...ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะแต่งงานกับเธอ... ฉันจะกลับไปขอกำนันปาน ขอให้เธอกลับไปกับฉัน เราจะแต่งงานกันนะดวงใจ"
ดวงใจมองกฤษดาอย่างซาบซึ้งน้ำตาไหล
"ถ้าข้าเจ้าจะต้องตายลงเสียเดี๋ยวนี้...ข้าเจ้าก็จะตายอย่างสุขใจที่สุด เพราะไม่มีเวลาไหน ที่ข้าเจ้าจะมีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว...แต่..มันเป็นไปไม่ได้" ดวงใจสะอื้น "เป็นไปไม่ได้ ผู้หญิงต่ำต้อยอย่างข้าเจ้า จะไปเป็นเมียออกหน้าให้คุณกฤษดาอายคนได้อย่างไร"
กฤษดายิ้ม โอบกอดดวงใจ
"เธอคิดมากอย่างนี้เชียวหรือ นี่แน่ะดวงใจ จงจำไว้ว่าฉันรักเธอสุดหัวใจ รักเธอมากที่สุดอย่างที่อธิบายไม่ได้ ฉันคงอยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ ดวงใจ เธอคือดวงใจของฉันตลอดไปนะ"
ดวงใจยิ้มทั้งน้ำตา พนมมือไหว้พระ
"คุณพระเจ้าขา บอกข้าเจ้าหน่อยว่ามันเป็นไปได้หรือ"
กฤษดายังโอบกอดดวงใจไว้
"เป็นไปได้ซิดวงใจ...สวรรค์ได้สร้างเธอมาให้กับฉัน"
"สวรรค์ให้ข้าเจ้าเป็นบ่าวทาสของคุณไปชั่วชีวิต"
กฤษดาพนมมือ
ไเราจะเป็นของกันและกัน พระปฏิมากรเบื้องหน้านี่ท่านเป็นพยาน ว่า เราจะซื้อสัตย์ต่อกันไปจนวันตาย"
ดวงใจยิ้มทั้งน้ำตา
"เราจะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนวันตาย"
กฤษดา จับดวงใจให้ลุกขึ้น พูดจริงจัง
"เราจะรีบกลับไปหาพ่อของเธอ...บอกให้แกรู้ว่าเรารักกัน ฉันจะรับเธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับเวลานี้ ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสักขีพยาน ฉันจะขอหมั้นเธอด้วยสิ่งนี้"
กฤษดาปลดสร้อยคอทองคำ ที่ห้อยล็อกเก็ตประจำตระกูลออกมาให้ดวงใจดู
"นี่เป็นของที่ฉันรักยิ่ง และสวมคอมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นล็อคเก็ตประจำตระกูลของเรา คุณปู่ท่านทำขึ้นให้คุณย่าในวันหมั้น และเจ้าคุณพ่อก็สวมให้คุณแม่ในวันที่ตกลงจะแต่งงานกัน...ในวันนี้ล็อกเก็ตนี้เป็นของเธอโดยมีพระสถูปเป็นพยาน"
กฤษดาสวมสายสร้อยที่มีล็อกเก็ตนั้นให้ดวงใจ แล้วจูบที่หน้าผาก ดวงใจดีใจ ก้มกราบกฤษดา
กฤษดาก้มลงจับดวงใจให้ลุกขึ้น
"ทูนหัวของเมีย...ข้าเจ้าจะรักษาสายสร้อยและล็อกเก็ตนี้ไว้จนวันตาย"
ดวงใจถอดแหวนทองเหลืองที่นิ้วออกมาถือไว้ มองหน้ากฤษดาด้วยความเอียงอาย
"ข้าเจ้ามีเพียงแหวนทองเหลืองวงนี้วงเดียว มันเป็นของไม่มีราคาค่างวดเหมือนตัวข้าเจ้าเอง ข้าเจ้าขอมอบให้คุณกฤษดา แทนตัวข้าเจ้า แหวนนี้ลงยันต์คุ้มภัย จะได้ปกป้องคุณกฤษดาให้พ้นภัยทั้งปวงเจ้า"
กฤษดาหยิบแหวนที่มือดวงใจมาใส่ไว้
"แหวนนี้มีค่าสำหรับฉันมากเสียยิ่งกว่าเพชร หรือทอง..ฉันจะสวมมันไว้ และจะไม่ยอมถอดมันออกจนถึงวันตาย เราสองคนจะมีความสุขด้วยกันตลอดไปนะดวงใจ เราจะแต่งงานกัน มีลูกมีหลานด้วยกัน"
ทั้งสองคนสีหน้ามีความสุขมาก ดวงใจรีบลงนั่งพนมมือหน้าพระอีก กฤษดาลงนั่งข้างๆ
ทั้งสองคนสีหน้ามีความสุขมาก ดวงใจรีบลงนั่งพนมมือหน้าพระอีก กฤษดาลงนั่งข้างๆ
"ขอให้เราทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนวันตายด้วยเถิด"
ดวงใจก้มกราบพระ พร้อม ๆ กับ กฤษดา เขาพยุงเธอให้ลุกขึ้น ขณะนั้นเองมีเสียงเครื่องบิน บินมาห่างๆ และ ค่อยๆ ใกล้เข้ามา กฤษดาประหลาดใจ
"เสียงเครื่องบิน"
กฤษดาเดินออกมามองหาเครื่องบิน เห็นเครื่องบินกำลังบินใกล้เข้ามา
"แถวนี้ไม่ใช่เส้นทางการบินนี่นา....ไม่ใช่เครื่องบินญี่ปุ่นด้วย"
ดวงใจตื่นเต้นที่เห็นเครื่องบิน
"ตั้งแต่เกิดมาข้าเจ้าก็เพิ่งเห็นเครื่องบินนี่แหล่ะเจ้า ไม่เคยมีเครื่องบินมาแถวนี้เลย...อุ้ย....มีอะไรหล่นออกมาด้วย"
กฤษดาหน้าเครียดมองไปที่เครื่องบินซึ่งมีคนโดดร่มลงมาสามคน
"คนโดดร่มลงมา...น่าจะลงมาแถวนี้ด้วยดวงใจ รีบหาที่หลบก่อนดีกว่า"
พลร่มทั้งสามนั้นลอยข้ามหัวกฤษดาไปในระยะต่ำ กฤษดาหมอบหลบอยู่กับดวงใจใต้พุ่มไม้
"ดวงใจ...เธอกลับไปรอที่กระท่อมดีกว่า อย่าออกมาให้ใครเห็นจนกว่าฉันจะกลับไป"
ดวงใจสีหน้าไม่ดี อยากจะถามแต่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
"เจ้า"
ดวงใจจะลุกออกไป กฤษดาดึงตัวไว้
"อย่าลืมนะ...ห้ามออกมาเด็ดขาด อย่าให้ใครเห็น รอฉันอยู่ที่กระท่อม"
ดวงใจรีบหมอบออกไป กฤษดาหมอบตัวออกไปด้านที่พลร่มโดดลงมา...
เสรีไทยทั้งสามคน โดดร่มลงมาที่ลานกว้างใกล้วัดร้างอย่างปลอดภัย กฤษดาซุ่มดูใกล้ ๆ พยายามจะเข้าไปดูให้ชัด ๆ กฤษดาเห็นเป็นคนไทย ก็จะเดินออกไป หนึ่งในเสรีไทยที่โดดร่มลงมาหันมาเห็นกฤษดา จึงใช้ปืนยิงมา กฤษดาโดดหลบอย่างทหารที่ถูกฝึกมา มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
"อย่ายิง...พวกเดียวกัน"
แสงธรรมเดินออกมา กฤษดาตกใจ เสรีไทยทั้งสามเดินมาหาแสงธรรม ในมือแสงธรรมก็มีปืน
แสงธรรมบอก
"Black sea command the bridge"
เสรีไทย 1 บอก
"Fire bird begin the game"
แสงธรรมยิ้ม ยื่นมือไปจับกับเสรีไทยที่โดดร่มลงมาทั้งสามคม
"ขอต้อนรับสหายวาดิม คุณมาช้าไปสิบห้านาที"
เสรีไทยคนที่อาวุโสผู้มีนามแผง สหายวาดิม ยิ้มน้อยๆ
"ทิศทางลมเปลี่ยนนิดหน่อย สหายโยฮาน"
ตลอดเวลากฤษดามองทุกคนอย่างทึ่ง และมองแสงธรรมอย่างนึกไม่ถึง....
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 8 (ต่อ)
เสรีไทยทั้งสามคนยืนล้อมกฤษดา และ แสงธรรม ยังคงมีท่าทางไม่ไว้ใจกฤษดา
“สหายโยฮาน....คุณแน่ใจว่าพวกเราไว้ใจเพื่อนคุณได้หรือ”วาดิมบอก
เจน่า เสรีไทยอีกคนบอก
“คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าเราจับพิรุธได้ เราต้องฆ่าคุณสองคน”
“ผมรับรอง...เพื่อนผมต้องการเข้าร่วมกับเรา”
กฤษดาจะหยิบบัตรในเป้ พอเขาขยับตัว เสรีไทยทั้งสามก็ประทับปืนเตรียมยิง กฤษดารีบยกมือขึ้นทั้งสองมือ
“ผมจะหยิบบัตรประจำตัวให้พวกคุณดู”
วาดิมบอก
“ช้าๆ”
กฤษดาหยิบบัตรประจำตัวค่อย ๆ ส่งให้วาดิม ซึ่งเป็นเสรีไทยที่อาวุโสที่สุด วาดิมรับบัตรมาดู
“ร้อยเอก กฤษดา ดำรงธรรม”
“ทหาร...ถ้าอย่างนั้นก็เป็นพวกญี่ปุ่นน่ะซิ”
“ผมลาออกจากราชการแล้วครับ...ตั้งแต่ญี่ปุ่นบังคับทหารไทยไปช่วยมันรบ”
วาดิมมองรูปกฤษดาเหมือนเคยเห็น
“คุณเคยเรียนที่เวสต์ปอยด์หรือเปล่า”
“ใช่ครับ...คุณรู้ได้อย่างไร”
“จุมพลอยู่กับพวกเรา”
กฤษดาดีใจ
“จุมพล ทองบุญมา....รุ่นเดียวกันกับผม”
“เค้าเคยให้ผมดูรูปนักเรียนเวสต์ปอยด์ที่เราหวังจะติดต่อมาร่วมขบวนการ”
วาดิมคืนบัตรให้กฤษดา
“ผมพอจำเค้าหน้าคุณได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไว้ใจได้นะครับ” แสงธรรมบอก
เสรีไทยทั้งสามผ่อนคลายท่าทีลง
“เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า”
ทั้งหมดหาที่นั่งคุยกันตรงที่มิดฃิดในบริเวณวัดร้าง เจน่า กับ มีนา คอยระวังรอบๆ แต่อยู่ไม่ห่าง
“เราจะต้องไปอุตรดิตถ์ สายของเราที่จะพาเราไปศูนย์อยู่ที่นั่น” วาดิมบอก
“ต้องเดินทางอีกไกลมาก ขอให้ไว้ใจผม...ผมยินดีที่จะร่วมมือกับคุณ ต้องการไปไหน ผมยินดีจะพาพวกคุณไปที่นั่นด้วยความปลอดภัย”
“ผมจะเชื่อคุณได้ยังไงว่าคุณจะเสียสละตัวเองได้...พวกเราทุกคน กลายเป็นคนสาบสูญ ไม่มีตัวตน ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีคนรัก ไม่มีครอบครัว คุณจะทำได้หรือ”
กฤษดานิ่งคิด
“หน้าที่ของเรายิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง เราต้องกู้ชาติให้หลุดพ้นจากพวกอักษะ ถ้าทำสำเร็จ เราก็เป็นวีรบุรุษที่ปิดทองหลังพระ แต่ถ้าไม่สำเร็จก็...ตาย”
“ผมต้องการทำอย่างนั้นมานานแล้ว ผมรู้เรื่องขบวนการเสรีไทย พยายามหาวิธีที่จะเข้าร่วม นานแล้ว”
“เรื่องนี้ผมรับรองได้...เราคุยกันไว้แล้วสหายวาดิม” แสงธรรมบอก
“มีบางคนที่อยากเข้าร่วมกับเรา แรกๆ ก็ตั้งใจดี...แต่พอทำงานไปได้สักหน่อย ก็ทนไม่ได้ เราต้องล่ามเอาไว้ เพราะปล่อยกลับมาไม่ได้...ถ้ามาโดนญี่ปุ่นเอาไปทรมานก็คงรักษาความลับไม่ได้ บางคนโดนล่ามเป็นบ้าไปเลยก็มี ผมไม่อยากทำอย่างนั้นกับคนไทยด้วยกัน”
กฤษดา ลงนั่งคุกเข่าพนมมือ
“ผมขอสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองแผ่นดินไทยและ พระแก้วมรกตว่า ผมจะไม่คิดทรยศขบวนการเสรีไทยอย่างเด็ดขาด จะมุ่งมั่นเพื่อชาติ หากผิดคำสาบาน...ก็ขอให้ผมต้องตายอย่างทารุณ”
วาดิมมองกฤษดาอย่างพอใจ กฤษดายกมือจบท่วมหัว วาดิมดึงให้กฤษดาลุกขึ้น
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณคือคนใหม่..จะไม่มีร้อยเอกกฤษดา ดำรงธรรม อีกต่อไป ก่อนที่เราจะเดินทาง ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายจัดการเรื่องส่วนตัวให้เสร็จในวันนี้ แต่คุณจะล่ำลาใครไม่ได้เด็ดขาด ถ้าคุณทำไม่ได้ ผมก็จำเป็นต้องฆ่าคุณ และ แสงธรรมด้วย เราจะไม่ยอมเสี่ยงกับใครเด็ดขาด เรามาถึงขนาดนี้แล้ว”
กฤษดา มองหน้าแสงธรรม
“ผมเข้าใจ...ผมจะไม่ยอมให้ใครมาเสี่ยงกับผมครับ”
กฤษดาตัดสินใจ
ดวงใจนั่งรอกฤษดา อยู่ในกระท่อมร้างด้วยท่าทางวิตกกังวล กองไฟกองเล็ก ๆ ยังติดอยู่ สักครู่มีเสียงกฤษดาเคาะประตู
“ดวงใจ...ดวงใจ...เปิดประตูหน่อย ฉันเอง”
ดวงใจดีใจมาก รีบวิ่งไปเปิดกลอนประตู กฤษดาเดินเข้ามาในกระท่อม ดวงใจโผเข้ากอด
“คุณกฤษดา คุณกฤษดาเจ้า ข้าเจ้ารอคุณนานเหลือเกิน”
กฤษดามองดวงใจอย่างสงสาร แต่พยายามยิ้ม
“นานที่ไหนกัน...ฉันไม่อยู่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น”
“แค่เดี๋ยวเดียวข้าเจ้าก็แทบจะเป็นบ้าแล้วเจ้า”
ดวงใจกอดกฤษดาแน่น กฤษดาจับบ่าดวงใจไว้ มองหน้าอย่างตั้งใจ
“ดวงใจ...จำไว้นะ เธอเป็นเมียทหาร .เมียทหารต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน ถึงจะมีปัญหาหนักหนาซักแค่ไหน ขอให้ดวงใจมั่นใจว่า หัวใจรักของฉันอยู่ที่ดวงใจคนเดียวเท่านั้น แล้วไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน ฉันจะกลับมาหาดวงใจให้ได้ จำไว้นะ”
ดวงใจมองหน้ากฤษดาอย่างสงสัย
“ทำไมคุณกฤษดาพูดแบบนี้เจ้า ฟังแล้วข้าเจ้าใจหายยังไงไม่รู้”
กฤษดาพยายามหัวเราะ
“ดวงใจ ฉันเจอแสงธรรมกับเพื่อนๆ ของเขามาเที่ยวป่า อาหารเรายังพอมีใช่ไหม”
“มีอีกเยอะอยู่เจ้า”
“ดีแล้ว เธอไปเตรียมอาหารไว้นะ ฉันจะพาพวกเขามากินกับเรา”
“คุณแสงธรรม ที่อยู่คุ้มฝั่งโน้นนะเจ้า”
กฤษดาพยักหน้า
“แล้วคนที่โดดลงมาจากเครื่องบิน เค้าไปไหนเจ้า”
กฤษดานิ่งจำใจต้องโกหก
“ฉันก็ไม่รู้จ้ะ...เค้าก็คงมาเที่ยว หรือมาสำรวจป่าละมัง อย่าไปสนใจเลย”
กฤษดาเอามือเชยคางดวงใจแล้วหอมทีหนึ่งพูดอย่างอ่อนโยน
“เป็นเด็กดีไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น บอกให้ทำอะไรก็รีบไปทำซะ”
ดวงใจยิ้มหวาน
“เจ้า”
กฤษดาเดินออกจากกระท่อมไป ดวงใจมองตามสงสัย
กฤษดาเดินออกมาจากกระท่อม แสงธรรม วาดิม มีนา เจน่า เดินมาหา
วาดิมถาม
“คุณพาเรามาที่นี่ทำไม...มีใครอยู่ในกระท่อม”
“ไม่ต้องห่วง...เมียผมเองอยู่ในกระท่อม เขากำลังจัดอาหารให้พวกเรา”
แสงธรรมมองหน้ากฤษดายิ้มๆ
“ดวงใจใช่ไหม””
“ใช่”
มีนาถาม
“แน่ใจนะว่าเราไว้ใจเมียคุณได้”
“รับรองครับ ผมจะให้เค้าไปหาเสื้อผ้าชาวบ้านมาให้พวกเราเปลี่ยนด้วย ไปทางอุตรดิตถ์อาจเจอทหารญี่ปุ่น ถ้าเราแต่งตัวกันแบบนี้เสร็จแน่”
“ถูกของคุณ...พอเราเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เราจะออกเดินทางกันเลย”
“เดินทางมืดๆ อย่างนี้เหรอ...ผมว่ามันอันตรายไปหน่อย”
“คุณกลัวด้วยหรือ”
แสงธรรมพูดไม่ออก มองหน้ากับกฤษดา
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 8 (ต่อ)
ในกระท่อมร้าง แสงธรรม วาดิม มีนา เจน่า นั่งทานอาหารอย่างหิวโหย กฤษดานั่งเขียนจดหมายอยู่ใกล้ๆ มีดวงใจนั่งอยู่ใกล้ ๆ ด้วย กฤษดาเขียนจดหมายเสร็จแล้วก็ยื่นให้วาดิมอ่าน วาดิมอ่านจดหมายแล้วพยักหน้า
“ดวงใจ ฉันมีเรื่องที่จะให้เธอช่วย”
"บอกมาเถอะ ข้าเจ้าทำได้ทุกอย่าง"
ดวงใจพูดอย่างมั่นใจ
"ฉันอยากให้เธอกลับไปที่บ้าน ไปหาเสื้อผ้าของผู้ชายมาห้าชุด"
"จะเอามาทำอะไรเจ้า"
วาดิมมองหน้ากฤษดา
"เรื่องนั้นดวงใจไม่ต้องรู้จ้ะ พอได้เสื้อผ้าแล้ว เอาจดหมายนี่ให้พนม"
กฤษดายื่นจดหมายที่วาดิมอ่านแล้วให้ดวงใจ
"ที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามดวงใจบอกใครอย่างเด็ดขาด ว่าดวงใจมาเจอคุณแสงธรรม กับ เพื่อน ๆ มาเที่ยวป่ากับเรา"
ดวงใจรับคำแข็งขัน
"ข้าเจ้าจะไม่บอกใครเด็ดขาด"
กฤษดายิ้มพอใจ
"ดีมาก"
"แล้วคุณกฤษดาจะกลับบ้านไปกับข้าเจ้าเลยไหมเจ้า"
กฤษดาอึ้งไปวาดิมตอบเอง
"เราจะชวนกฤษดาไปเที่ยวป่าด้วยกันนะจ้ะ"
กฤษดาสงสารดวงใจมาก
"รีบไปรีบมาเถอะ...ฉันจะรออยู่ที่นี่"
ดวงใจลุกขึ้นจะรีบไป
"เดี๋ยวก่อนดวงใจ"
ดวงใจหันกลับมา
"เจ้า"
"อย่าลืมนะ ห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเราอยู่ที่นี่"
ดวงใจยิ้มซื่อ
"เจ้า..ข้าเจ้าไม่บอกใครดอก"
ดวงใจรีบออกไป กฤษดามองตามอย่างใจหาย คนอื่นๆ ที่อยู่ในกระท่อมมองกฤษดาเหมือนดูว่าจะตัดใจได้ไหม
"ผมเห็นใจคุณนะ ที่ต้องพรากจากคนรัก"
กฤษดาพยายามเข้มแข็ง
"ประเทศชาติต้องสำคัญที่สุดครับ"
"แต่ถ้าเมียคุณไม่กลับมา" เจน่าถาม
"ดวงใจต้องกลับมาแน่ๆ ไม่ต้องห่วง"
วาดิมเดินเข้ามาใกล้ พูดจริงจังจนกฤษดากับแสงธรรม
"คุณต้องเข้าใจนะ ว่าเราเสี่ยงไม่ได้"
"หมายความว่าไง สหายวาดิม" แสงธรรมถาม
"เราจำเป็นต้องตัดตอนไม่ให้สาวมาถึงขบวนการ ถ้าเมียคุณไม่กลับมา...จำเป็นต้องฆ่าคุณทั้งสองคน"
วาดิมพูดเอาจริง มีนา กับ เจน่าก็ไม่ได้ทำท่าเป็นมิตรอีก
ดวงใจเดินบ้างวิ่งบ้างออกมาจากป่า พอจะถึงบ้านกำนันปาน ก็ค่อยๆ ย่อง ไม่ให้ใครเห็น บัวแก้วกำลังนั่งทำกับข้าวกับ สายคำอยู่ที่หน้าครัว ดวงใจค่อยๆ ย่องไปที่ราวตากผ้า มีเสื้อผ้าผู้ชายตากอยู่
ดวงใจดึงมาจากราวพับใส่ย่าม มีเนื้อเค็มที่บัวแก้วตากไว้ ดวงใจเอาเนื้อเค็มทั้งหมดห่อใบไม้ใส่ในย่ามไปด้วย แล้วเอาย่ามซ่อนไว้
"ได้แค่สองชุดเอง"
ดวงใจค่อยๆ ย่องจะขึ้นบนบ้าน สายคำหันไปเห็นเรียกไว้
"ดวงใจ"
ดวงใจสะดุ้ง หันมาพยายามทำสีหน้าเป็นปรกติ บัวแก้วหันไปเห็นก็ดุทันที
"ไอ้ดวง...มานี่เลย"
บัวแก้วทิ้งกับข้าวที่ทำค้างอยู่ รีบเดินไปหาดวงใจ
"หายไปไหนมาทั้งคืน...เอ็งหายไปกับใคร"
ดวงใจกลัวแต่พยายามใจดีสู้เสือ
"พูดอะไรพี่บัวแก้ว...ฉันจะหายไปกับใครเล่า"
"ก็คุณกฤษดาไง"
ดวงใจอึ้งไป ทำเป็นหัวเราะ
"เปล่านะ...คุณกฤษดาไปไหนฉันยังไม้รู้เลย"
สายคำเดินเข้ามาไกล่เกลี่ย
"เห็นไหมพี่บัวแก้ว...คุณกฤษดาน่ะคงไปกับคุณแสงธรรม"
"ใช่...ใช่จ้ะ คุณกฤษดาไปกับคุณแสงธรรมจริงๆ"
"เอ็งรู้ได้ไงว่าคุณกฤษดาไปกับคุณแสงธรรม อย่ามาพูดตามไอ้สายคำนะ ดวงใจฉันน่ะไปไหว้พระที่วัดร้างคนเดียว พี่ก็รู้นี่ว่าฉันชอบไปไหว้พระที่นั่น แล้วฝนมันก็ตก ตกหนักซะด้วย ฉันก็เลยต้องไปหลบที่กระท่อมปางไม้เก่าน่ะ"
"ถ้าพ่อเอ็งรู้น่ะ เอ็งตายแน่"
ดวงใจทำหน้าไม่ดี
"แล้วพ่อว่าไงพี่สายคำ"
สายคำมองหน้าบัวแก้ว
"ก็บอกลุงกำนันว่าเอ็งไม่สบายนอนหลับอยู่น่ะซิ"
บัวแก้วเดินกลับไปบ่นไป ไปทำกับข้าวต่อ
"จะไปไหนมาไหนก็บอกให้รู้กันบ้าง อยู่ดีๆ ก็หายไป เดี๋ยวเสือมันก็คาบไปกิน ใครจะไปรู้ล่ะ"
สายคำโบกมือไล่ดวงใจให้ไปพ้นหน้าบัวแก้ว ดวงใจรีบขึ้นไปบนบ้าน
ดวงใจเข้ามาในห้องนอน ใส่กลอนประตู เดินไปค้นเสื้อผ้าในหีบเก็บของ เลือกเสื้อม่อฮ่อม และ กางเกงแม้วที่อยู่ในหีบ พับใส่ในย่ามอีกใบหนึ่ง เอาผ้าขาวม้าที่พอจะใช้กับผู้ชายเอาไปด้วย จากนั้น เธอเดินไปที่หน้าต่าง เห็นบ้านก่ำ มีเสื้อผ้าผู้ชายตากอยู่
ดวงใจโยนย่ามลงไปข้างล่าง แล้วปีนหน้าต่างลงไป
อ่านต่อตอนที่ 9