xs
xsm
sm
md
lg

บ้านศิลาแดง ตอนที่ 14 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บ้านศิลาแดง ตอนที่ 14 อวสาน

อาภาพรโดนนักเลงฉุดกระชากลากถูมาที่หน้าบ้าน ร้องโวยวายเสียงดังลั่นบ้าน พลางพยายามต่อสู้ดิ้นรน ก่อนที่สโรชาจะถลาเข้ามาเอาตัวบังไว้

“อย่าทำอะไรลูกฉันนะ ฉันเอาโฉนดไปค้ำประกันกับเสี่ยแล้ว พวกแกจะมาเอาตัวลูกสาวฉันไปได้ยังไง”
นักเลงด่ากลับทันที
“เศรษฐีขี้โกงร้ายยิ่งกว่าโจร โฉนดที่เอาไปค้ำประกันน่ะมันโฉนดปลอม คิดว่าจะตบตาพวกเราได้เหรอ หลบไป”
พูดพลางผลักสโรชาออก แล้วฉุดตัวอาภาพรไปอีกครั้ง
“แม่จ๋า ช่วยภาด้วย”
สโรชาเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งไปดักหน้ากลุ่มนักเลง พลางยกมือไหว้
“ฉันขอร้องล่ะ พวกแกอย่าเอาลูกฉันไปเลย แต่ถ้าพวกแกอยากได้ผู้หญิงไปใช้หนี้แทนล่ะก็ ฉันมีคนที่สาวกว่า สวยกว่าลูกสาวฉันให้พวกแกอีกนะ”
นักเลงหันมามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา สโรชาหายใจไม่ทั่วท้อง

จากนั้นพวกนักเลงก็บุกเข้าไปจับตัวเพ็ญพร ขณะที่เธอกำลังจะยกถาดอาหารขึ้นไปให้เอกสิทธิ์ เธอพยายามต่อสู้ แต่ก็สู้แรงพวกมันที่มีมากกว่าไม่ได้ ที่สุดจึงโดนต่อยท้องจนตัวงอ ถึงกับหมดสติไป
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆ พรเพ็ญที่อยู่ที่บ้านสวนเสาวรสก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะหันมาบอกเดือนฉายด้วยสีหน้ากังวล
“แม่คะ ทำไมหนูรู้สึกจุกๆ เหมือนถูกต่อยท้อง น้องเพ็ญ หนูว่าน้องเพ็ญกำลังอยู่ในอันตรายค่ะ”

ลุงเติมกับป้าแจ่มเห็นพวกนักเลงคุมตัวเพ็ญพรที่ถูกมัดออกมาก็หน้าตาตื่น ขณะที่สโรชายิ้มเหี้ยม เพราะคิดว่าหนี้สินจบกันแล้ว พลางจะพาอาภาพรเข้าบ้าน แต่พวกนักเลงคนหนึ่งเดินมาขวางทางไว้
“หยุดก่อน คุณนาย ผมยังให้ลูกสาวคุณนายไปไม่ได้”
นักเลงอีกสองคนที่เหลือรีบปรี่มาจับตัวอาภาพรไว้
“ แกก็ได้นังพรไปแล้ว ยังจะมายุ่งกับลูกฉันอีกทำไม”
“นังหน้าสวยนั่นน่ะดอกเบี้ย ส่วนลูกสาวคุณนายน่ะเงินต้น หนี้คุณนายตอนนี้มันทบต้นทบดอกจนกลายเป็น 6 ล้านแล้ว เอาไปคนเดียวไม่พอใช้หนี้หรอก ไป พวกเรา”
พวกมันคุมตัวจะพา 2 สาวออกไป อาภาพรกรีดร้องขอความช่วยเหลือ สโรชาปราดจะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกพวกมันซัดจนกระเด็น
“อย่าคิดหือกับพวกฉันอีก ไม่งั้นแกจะไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวแกอีก ตลอดชีวิต”
จากนั้นก็พาตัว 2 สาวออกไปจนได้ สโรชาโฮลั่นสงสารลูกสาว ขณะที่ลุงเติมกับป้าแจ่มนึกเป็นห่วงเพ็ญพร

ทางด้านเชาว์ก็พาตรัยมาที่โกดังตามที่นัดหมายกับนายใหญ่ ฝ่ายหลังแอบเอามือถือถ่ายรูปโลเกชั่นไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ แต่สุดท้ายมือถือของเขากลับโดนพวกสมุนยึดไว้ พลางโยนกองไว้ในลิ้นชัก เขาจึงไม่มีโอกาสรับสาย พรเพ็ญ ที่โทร. เข้าไปพอดี
“พี่ตรัยไม่รับสายค่ะ คุณแม่ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า
เดือนฉายพนมมืออธิษฐาน
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยปกปักรักษาลูกเพ็ญของแม่ด้วยเถอะ”
2 แม่ลูกจับมือกันแน่น ด้วยความเป็นห่วงเพ็ญพร

ฟากเพ็ญพรกับอาภาพรก็ถูกคุมตัวมาไว้ที่ห้องขังในบ่อน ที่ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีช่องทางหนี และประตูถูกปิดล็อกไว้อย่างแน่นหนา
ส่วนเชาว์ที่พาตรัยมาพบหน้ากับนายใหญ่ครั้งแรก ก็โดนคาดคั้นถามถึงเรื่องเงินที่วาทินีขโมยไป
“เรื่องเงินที่นังเมียของแกเอาไป ตามคืนมาให้ฉันได้หรือยัง”
เชาว์ได้ยินคำถามถึงกับสะดุ้ง
“กำลังตามอยู่ครับนาย ขอเวลาผมอีกนิด”
นายใหญ่ตบโต๊ะดังปัง
“อย่ามาตุกติกกับฉันนะ แกก็รู้ว่าถ้าแกหักหลังฉัน แกจะเป็นยังไง”
พูดพลางเอามีดปักโต๊ะเพื่อข่มขู่ เชาว์กลัวจนตัวสั่น
“ใครจะไปกล้าครับนาย นายครับ นี่ไงครับ หมวดตรัยที่ผมพูดถึง”
นายใหญ่มองสำรวจตรัยตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นี่น่ะเหรอ แล้วเราจะไว้ใจได้เหรอ”
“ได้สิครับ คราวก่อนมันก็เพิ่งช่วยผมให้หนีตำรวจมาเอง”
นายใหญ่หันไปมอง ตรัยรีบพูดขึ้นมา
“แค่พูดนายอาจจะไม่เชื่อ ผมขอพิสูจน์เป็นการกระทำดีกว่า”
“ดี งั้นฉันขอพิสูจน์หน่อยก็แล้วกัน”
ตรัยมองตานายใหญ่แบบไม่กลัวเกรง ก่อนที่ฝ่ายหลังจะหยิบปืนออกมา เล็งไปที่เขา ก่อนจะเหนี่ยวไกปืน

เอกสิทธิ์เห็นลุงเติมกับป้าแจ่มเป็นคนยกอาหารเข้ามาในห้อง ก็นึกแปลกใจว่าเพ็ญพรหายไปไหน แต่ทั้งคู่อึกอักไม่กล้าบอก

ส่วนเพ็ญพรที่ถูกจับมัดอยู่ในห้องขังกับอาภาพร ก็ช่วยอีกฝ่ายแก้มัดจนสำเร็จ แต่ฝ่ายหลังกลับไม่ยอมช่วยแก้มัดให้เธอตามที่ตกลงกันไว้ กลับรีบปราดไปทุบประตูขอความช่วยเหลือ ครู่หนึ่งประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับนักเลง 2 คนปรี่เข้ามา ก่อนจะรุมจับอาภาพรไป

เพ็ญพรมองตามไปด้วยความเป็นห่วง

อาภาพรถูกพาเข้ามาในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ที่มีเสี่ยร่างอ้วนนอนรออยู่ ด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม นักเลงรีบบอก

“ของใหม่ เพิ่งมาวันนี้เลยครับ ขอให้สนุกนะเสี่ย”
พูดพลางเหวี่ยงอาภาพรไปหาเสี่ยที่เตียงแล้วออกไป ฝ่ายถูกเหวี่ยงรีบวิ่งถลันจะไปเปิดประตู แต่ประตูติดล็อกจากด้านนอก
“ไอ้เลว พวกแกจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ เปิดประตู เปิด”
เสี่ยอ้วนหัวเราะหึๆ พลางเดินเข้ามาหาอย่างใจเย็น อาภาพรถอยกรูด อย่างหวดผวา
“ไม่ต้องกลัว หนูได้ออกจากห้องนี้แน่ แต่หนูต้องทำให้ฉันพอใจก่อน มามะ”
ขาดคำก็โผเข้าใส่ ด้วยสีหน้าหื่นกระหาย อาภาพรกรีดร้องลั่นห้อง

ทางด้านเพ็ญพรก็พยายามหาทางแก้มัดตัวเอง พลางกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง พอเห็นแก้วน้ำวางอยู่ที่พื้น ก็ค่อยๆ ขยับไปใกล้ๆ พยายามใช้เท้าเขี่ยแก้ว กระทืบจนแตก ก่อนจะควานหาเศษแก้วขนาดเหมาะมือ แล้วพยายามใช้เศษแก้วตัดเชือกอย่างยากลำบาก ที่ข้อมือถูกคมแก้วบาดจนเลือดออก
ในที่สุดก็สามารถแก้เชือกที่มัดออกจนสำเร็จ พร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงหวีดร้องของอาภาพรที่โดนเสี่ยอ้วนพยายามจะข่มขืน เธอรีบเปิดประตูออกจากห้อง พอเห็นไม่มีพวกนักเลงคุมอยู่ ก็รีบถลันไปตามเสียงร้อง
ก่อนจะเปิดประตูพรวดเข้าไป พร้อมกับคว้าขวดเบียร์มาฟาดไปหัวเสี่ยเต็มแรง จนฟุบไป
เพ็ญพรรีบขยับไปดูลาดเลาที่หน้าประตู พอเห็นปลอดคน ก็รีบวิ่งนำออกไป อาภาพรรีบลุกขึ้น แล้วตามไปติดๆ

เอกสิทธิ์ที่รู้เรื่องจากลุงเติมกับป้าแจ่มก็ผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ
“ฉันจะไปช่วยลูกฉัน”
แต่กลับถูกทั้งคู่รั้งไว้ เอกสิทธิ์จำยอม ก่อนจะนึกได้ “หมวดตรัยล่ะ”

“หมวดตรัยติดต่อไม่ได้เลยครับคุณท่าน”
เอกสิทธิ์หน้าเสีย ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว

ทางด้านตรัยก็พยายามยืนนิ่ง เก็บอาการ วางสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ครู่หนึ่งนายใหญ่ก็เก็บปืน ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ดี มันต้องอย่างนี้ถึงจะทำงานใหญ่ได้ อีก 3 วันจะมีการส่งมอบของล็อตใหญ่ พวกแกต้องไปกับฉันด้วย”
ตรัยพยายามระงับความตื่นเต้น ขณะที่เชาว์ตาลุกวาว
“ของล็อตใหญ่ งั้นส่วนแบ่งก็เยอะด้วยใช่มั้ยนาย”
“ของแกน่ะ ฉันต้องหักเอาไว้จนกว่าแกจะตามเงินจากเมียแกมาคืนให้ฉันได้ ถ้าตามมาไม่ได้ ตาย”
เชาว์สะดุ้งเฮือก ตรัยรีบถามแทรกขึ้นมาทันที
“แล้วนายจะให้ผมทำอะไรบ้าง”
“ถึงเวลาก็รู้เอง วันนี้พวกแกกลับไปก่อน แล้วฉันจะติดต่อไปอีกที”
ขาดคำลูกน้องคนหนึ่งก็เข้าประกบตรัยกับเชาว์เพื่อพาตัวออกไป ทันที่ทีก้าวพ้นห้องนายใหญ่ ลูกน้องอีกคนก็เอามือถือของทั้งคู่มาคืนให้
เชาว์รีบหันมาบอกกับตรัย
“ทีหลังนายสั่งแค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ต้องถามมาก นายไม่ชอบคนขี้สงสัย”
พูดพลางกดมือถือดูแล้วตกใจ
“เฮ้ย อีแก่โทร. มาตั้ง 51 มิสคอล นี่มันอะไรกันวะ”
ตรัยเอะใจหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู เห็นสายไม่ได้รับหลายสาย ก็ตกใจ
“ของผมก็เหมือนกัน”

ทางด้านสโรชากำลังผุดลุกผุดนั่งกระวนกระวายที่ติดต่อใครไม่ได้เลย ครู่หนึ่งลุงเติมกับป้าแจ่มที่ออกจากห้องเอกสิทธิ์มา ก็เสนอให้แจ้งตำรวจ แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่ให้แจ้ง จังหวะนั้นเชาว์ก็โทร.กลับมาพอดี
“ไอ้เชาว์ ไอ้คนเฮงซวย ฉันโทร. หาแกจนมือจะหักทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“ฉันยุ่งอยู่ โทรอะไรกันนักหนา อะไรนะ ยัยภาถูกจับตัวไป”
เชาว์อึ้ง ตรัยเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ผมคุยเอง เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องภาถึงถูกจับตัวไปครับคุณน้า”
สโรชาอึกอัก
“เรื่องมันยาวน่ะ แต่ตรัยต้องช่วยยัยภากลับมาให้ได้นะ ไอ้พวกนั้นมันบอกว่าจะเอายัยภาไปขาย”
ป้าแจ่มรีบฉกมือถือมาพูดบ้าง
“ไม่ใช่แค่คุณภานะคะคุณตรัย คุณพรเพ็ญก็ถูกจับไปด้วยค่ะ”
สโรชารีบแย่งคืนมา “อย่ายุ่งได้มั้ยนังแจ่ม”
“แล้วคุณน้ารู้ไหมครับว่าพวกมันเป็นใคร”
ตรัยนิ่งฟัง ชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วหันไปมองเชาว์ที่ยืนหน้าซีดอยู่
“รู้จักพวกมันใช่มั้ย”
เชาว์กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ แล้วพยักหน้า

“ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณน้า ผมจะไปช่วยน้องพรกับน้องภากลับมาให้ได้”

อีกด้านหนึ่ง พวกนักเลงเข้ามาในห้อง เห็นเสี่ยนอนสลบอยู่ แต่อาภาพรหายไปแล้ว ก็รีบผลุนผลันออกไปตามทันที

ส่วนเพ็ญพรก็พาอาภาพรวิ่งหลบหลีก ไม่ให้พวกนักเลงเห็น พอเหลือบไปเห็นสัญญาณไฟไหม้ก็นึกแผนออก รีบหาไม้มากระแทกปุ่มสัญญาณจนเสียงเตือนภัยดังก้องไปทั่ว
บรรดานักพนัน และแขกทั้งหลายต่างวิ่งหน้าตาตื่นพรวดออกมาจากห้องด้วยความตกใจ เพ็ญพรรีบพาอาภาพรวิ่งก้มๆ หลบๆ ปะปนไปกับผู้คนที่ชุลมุนอยู่ แต่พวกนักเลงก็หันมาเห็นจนได้ ในที่สุดทั้งคู่ก็ถูกรวบตัวไว้ได้“หยุด ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้”
ทุกคนหันไปตามเสียง เห็นตรัยกับเชาว์เข้ามา อาภาพรร้องออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะสะบัดหลุดจากพวกนักเลงวิ่งเข้าไปกอดตรัย เพ็ญพรชะงักกึก ขณะที่พวกนักเลงจ้องหน้าตรัยและเชาว์อย่างไม่พอใจ

ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านศิลาแดง สโรชากอดอาภาพรแน่น
“ยัยภาลูกแม่ นี่พวกมันไม่ได้ทำอะไรแกใช่มั้ย”
“โชคดีพี่ตรัยไปช่วยทัน ไม่งั้นภาแย่แน่ๆ ค่ะ”
พูดจบก็เอนหัวซบกับไหล่ตรัย เพ็ญพรแอบมองเหล่ๆ ก่อนจะหันมาบอกป้าแจ่ม ที่เข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“โชคดีที่คุณตรัยเค้าตามไปช่วยคุณภา หนูก็เลยรอดมาด้วย ปลอบขวัญคุณภาหนักๆ หน่อยนะคะ ฉันขอตัว”
พูดจบก็เดินหน้าตูมออกไป ลุงเติมกับป้าแจ่มรีบตามไปด้วย สโรชาหันมาถามตรัยด้วยความสงสัย
“แล้วนี่เธอทำยังไง พวกมันถึงได้ยอมปล่อยยัยภากลับมาง่ายๆ”
“โอ๊ย ใครว่าง่าย เรื่องยังไม่จบแค่นี้หรอก”
เชาว์โพล่งออกมาอย่างหงุดหงิดแล้วเดินเลี่ยงไป สโรชาข้องใจ รีบตามไปทันที

จากนั้นเพ็ญพรก็รีบโทร.ไปกลับไปบอกพรเพ็ญ ก่อนจะพูดปดไปว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอแค่ลืมมือถือไว้ที่รถของสุดา ส่วนที่เจ็บท้องเพราะมีเรื่องกับอาภาพร แล้วก็เผลอทำมีดบาดมือ
“บอกแม่ด้วยนะเจ๊ ไม่ต้องเป็นห่วงเพ็ญ เพ็ญเอาตัวรอดได้”
พูดพลางพยายามทำเสียงสดใสให้อีกฝ่ายตายใจ
“งั้นก็แล้วไป รักษาตัวดีๆ นะ พี่เป็นห่วง”
พอทั้งคู่ต่างก็วางสายกันไป เอกสิทธิ์ที่อยู่ในห้อง ก็พูดขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด
“เพราะพ่อแท้ๆ พ่อไม่น่าหน้ามืดตามัว เอาผู้หญิงพรรค์นั้นเข้ามาในบ้านเลย พวกลูกๆ เลยต้องมารับเคราะห์ไปด้วย”
“พ่ออย่าคิดมากเลยค่ะ ถึงยังไงหนูก็รอดมาได้แล้ว”
“ครั้งนี้น่ะใช่ แต่ของสโรชาก็ยังใช้หนี้พวกมันไม่หมด พวกมันอาจจะมาทำร้ายลูกอีกก็ได้”
“พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ แม่สอนหนูว่าใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เราไม่ได้ทำผิด คิดร้ายใครเราต้องปลอดภัย”
เพ็ญพรพูดพลางโผเข้ากอดพ่อไว้แน่น

เพ็ญพรพยายามทำแผลที่มือตัวเองแบบเก้ๆ กังๆ เพราะไม่ถนัด ครู่หนึ่งตรัยก็เดินเข้ามา พลางเอ่ยปากจะช่วยทำแผลให้
“ไม่ต้อง ไปทำให้คุณน้องภานู่นเถอะ”
“ไม่เอาน่า เพ็ญก็รู้ว่าพี่ห่วงเพ็ญมากแค่ไหน ทำไมต้องงอนด้วยล่ะครับ”
พูดพลางดึงมืออีกฝ่ายมาจะทำแผล เพ็ญพรเมินไปทางอื่น
“แต่ก็ดี ผู้หญิงงอน เขาว่าผู้หญิงรัก”
“ทำไมฉันต้องงอนด้วย คุณจะไปอะไรยังไงกับใครที่ไหน ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ตรัยอมยิ้มขำ
“เข้าใจแล้ว ไม่ได้งอนจริงๆ ด้วย แต่หึง แล้วเวลาที่ผู้หญิงหึงมากๆ มันแปลว่าเค้ารักเรามากด้วย จริงมั้ย”
ขาดคำก็มองเพ็ญพรตาเป็นประกาย อีกฝ่ายหน้าแดง พยายามดึงมือกลับ
“พูดไม่รู้เรื่องเลย ไม่คุยด้วยแล้ว”
“เดี๋ยวสิ มาใส่ยาให้เสร็จก่อน”
ตรัยใส่ยา ปิดพลาสเตอร์ให้ แล้วจูบเบาๆ ที่แผลอย่างอ่อนโยน
“เรียบร้อย ไม่เจ็บแล้วนะครับ”
เพ็ญพรนิ่งอึ้ง รีบดึงมือกลับอย่างเขินๆ พลางขยับจะพูดเรื่องคลิปของวาทินี แต่เขากลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“คืนนี้พี่จะไปทลายแก๊งค้ายาบ้าของนายเชาว์ พี่รีบมาบอกเพ็ญคนแรก เพราะงานนี้อันตรายมาก พี่อยากให้เพ็ญเป็นกำลังใจให้พี่”
เพ็ญพรมองหน้าตรัยด้วยสายตาทั้งรักและห่วงใย
“คุณต้องระวังตัวนะ คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ”

ทั้งคู่สบตากันอย่างทั้งรักและห่วง

ฟากเดือนฉายที่นั่งอยู่กับเคนและพรเพ็ญที่บ้านสวนเสาวรส จู่ๆ ทนายสมศักดิ์ก็โทร. เข้ามือถือ

“สวัสดีค่ะ”
รับสายพลาง ทำสีหน้าลำบากใจ พรเพ็ญกับเคนมองอย่างสงสัย

เดือนฉายมาคุยกับสมศักดิ์ที่สำนักงาน พลางมองเอกสารตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“คุณเอกสิทธิ์ต้องการโอนหุ้นและทรัพย์สินส่วนหนึ่งให้คุณครับ ผมเตรียมเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แค่เซ็นชื่อ ทุกอย่างก็จะเป็นของคุณอย่างถูกต้อง”
“เพื่ออะไร ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“นี่เป็นความตั้งใจของคุณเอกสิทธิ์ ท่านอยากมอบสิ่งเหล่านี้ให้คุณแทนคำขอโทษ กรุณารับไว้เถอะนะครับ”
เดือนฉายส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ค่ะ คำขอโทษที่ฉันต้องการมันไม่ใช่แบบนี้ อันที่จริงฉันไม่เคยอยากได้อะไรจากเขาเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันจบไปนานแล้ว ฝากบอกเขานะว่า ขอบคุณ แต่ไม่ต้อง ธุระของคุณมีแค่นี้ใช่ไหมคะ”
ขาดคำก็คว้ากระเป๋า ลุกขึ้นเดินออกไป ทนายสมศักดิ์ถึงกับพูดไม่ออก

พอเดือนฉายเดินออกมาจากสำนักงาน ก็เจอกับสโรชาที่กำลังเดินตรงเข้ามาพอดี ทั้งคู่เห็นกันจังๆ ต่างคนต่างก็ชะงักงัน
“เดือนฉาย เธอมาที่นี่ทำไม?”
เดือนฉายยิ้มเยาะ
“ถ้าไม่รู้แล้วจะถึงตาย ก็ไปถามคุณทนายสมศักดิ์ดูเองละกันนะว่าฉันมาที่นี่ทำไม?”
พูดจบก็เดินเชิดหน้าออกไป
“ทนายสมศักดิ์เกี่ยวอะไรด้วย อย่าบอกนะว่า..”
สโรชาร้อนใจ แววตาหวาดหวั่น จะรีบเดินเข้าไปในสำนักงาน จังหวะนั้นทนายสมศักดิ์ก็เดินออกมา“อ้าว คุณสโรชา วันนี้มาถึงนี่ มีธุระอะไรหรือครับ”
ทนายสมศักดิ์พูดพลางมองอีกฝ่ายนิ่งๆ อย่างรู้ทัน

ฟากวิทวัสกับพรเพ็ญก็ออกมาเดินเล่นในสวน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะถามขึ้นมาตรงๆ เป็นเชิงตัดพ้อนิดๆ
“คุณเพ็ญไว้ใจผมหรือเปล่าครับ ท่าทางคุณมีเรื่องไม่สบายใจ อยากเล่าให้ผมฟังไหมครับ เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้น”
“เรื่องไม่สบายใจของฉันก็คือคุณค่ะ แต่ไม่ใช่ความผิดคุณนะคะ ฉันผิดเอง แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี”
วิทวัสทำหน้างง
“มันยังไงกันครับ ช่วยพูดให้ผมเข้าใจได้หรือเปล่า”
“สัญญาก่อนได้มั้ยคะ ว่ารู้แล้วจะไม่โกรธ”
เมื่อวิทวัสให้สัญญาว่าจะไม่โกรธ พรเพ็ญก็ตัดสินใจพูดความจริง
“ที่ผ่านมาฉันโกหกคุณมาตลอด ฉันไม่ใช่เพ็ญพรค่ะ ไม่ใช่คนที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก ไม่ใช่คนที่เคยทำงานกับคุณ ฉันขอโทษค่ะ”
“ถ้างั้นคุณเป็นใคร ปลอมเป็นคุณเพ็ญทำไม คุณต้องการอะไรครับ”
พรเพ็ญอึกอัก หน้าซีด แต่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็ทำตลกใส่
“หรือว่าคุณเป็นสายลับ นี่เป็นหน้ากากยางใช่มั้ย ไหนถอดออกให้ผมดูหน่อยซิ”
“คุณวัส นี่ฉันจริงจังนะคะ คุณอย่าทำเป็นเล่น ไม่ตลกนะคะ”
พูดพลางเดินน้ำตาคลออกไป วิทวัสมองตามอย่างเอ็นดู ไม่นึกว่าสิ่งที่เธอพูดคือเรื่องจริง

ตรัยมาพบผู้กำกับ พลางยื่นทรัมไดรฟ์ที่รวบรวมรูป รายละเอียดของผู้เกี่ยวข้องทุกคน และแผนที่นัดหมายในคืนนี้ส่งให้
“จำได้ว่าผมสั่งพักงานคุณ”
“ทราบครับ ถ้าครั้งนี้เรากวาดล้างพวกมันไม่ได้ ผมจะยอมลาออก”
ผู้กำกับถอนหายใจเฮือก
“ผู้กอง คุณนี่มันจะดื้อไปไหน? มันไม่คุ้มกันหรอกน่า”
“ผมไม่ได้นึกถึงเรื่องคุ้มหรือไม่คุ้ม ผมรู้แต่ว่าในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผมยินดีและภูมิใจอย่างที่สุด ถ้าได้ทุ่มเทเพื่อปกป้องคนดีและปราบปรามคนชั่วให้สิ้นซาก”
ตรัยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว มั่นคง ผู้กำกับมองอย่างชั่งใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ

ขณะที่บ้านศิลาแดง เชาว์ก็เตรียมตัวออกไปส่งยา โดยมีสโรชาเดินตามมา ท่าทางไม่สบายใจ
“นี่เป็นทางออกสุดท้ายของเราแล้ว ยังไงก็ระวังตัวให้ดีด้วยล่ะ”

“เออน่า ฉันระวังตัวอยู่แล้ว แล้วไอ้ตรัยมันหายหัวไปไหน เดี๋ยวก็ไม่ทันพอดี”

อ่านต่อหน้า 2

บ้านศิลาแดง ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)

ที่แท้ตรัยพลบมาคุยกับเพ็ญพรที่เรือนเล็ก ก่อนจะยื่นแหวนวงเล็กๆ ทำท่าจะสวมให้อีกฝ่ายแทนสัญญาใจ เธอรีบชักมือกลับ

“เดี๋ยว นี่มันอะไรคะ”
“แหวนแทนใจไงครับ หรือจะเรียกแหวนหมั้นก็ได้ พี่อยากให้เพ็ญสวมมันไว้ตั้งแต่คืนนี้”
เพ็ญพรส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ รอให้พี่ตรัยทำงานสำเร็จ แล้วค่อยกลับมาสวมแหวนให้เพ็ญนะคะ”
พอได้ยินเสียงเชาว์ตะโกนเร่ง ตรัยก็ขยับจะออกไป เพ็ญพร รีบโผเข้ากอดเขาแน่น เขารีบกอดตอบ ต่างคนต่างรู้สึกใจหาย

ที่จุดนัดพบ นายใหญ่ก้าวเข้ามาด้วยมาดสุขุม โดยมีมีเชาว์และลูกน้องอีกคนประกบ ส่วนตรัยที่เดินตามมาไม่ห่าง พยายามมองไปรอบๆ เตรียมหาทางหนีทีไล่ ขณะที่พื้นที่ด้านนอกมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกระจายกำลังซุ่มรออยู่ตามจุดต่างๆ
ครู่หนึ่งรถคันหนึ่งก็แล่นเข้ามา ก่อนที่ลูกค้าก้าวลงจากรถ ลูกน้องนายใหญ่เข้าประกบทันที ตรัยระแวดระวัง เตรียมพร้อม
“เงินล่ะ”
ลูกค้ายิ้มเยือกเย็น “ขอดูของก่อน”
นายใหญ่หันไปพยักหน้า เชาว์รีบเปิดลังใบหนึ่งให้ตรวจของ ลูกค้ายิ้มพอใจ ก่อนจะหันไปสั่งให้ผู้ติดตามยกกระเป๋าเงินมาส่งให้ แต่ทันใดนั้น เสียงตำรวจที่ซุ่มอยู่ก็ดังขึ้น
“ทุกคนอยู่ในความสงบ วางอาวุธและมอบตัวซะ ตำรวจล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว”
นายใหญ่ เชาว์และลูกน้องเห็นตำรวจโผล่มาจากที่ซ่อน ก็รีบชักปืนออกมายิงสู้ ตำรวจที่บุกเข้ามาจากทุกทางยิงสวนเข้ามา ทุกคนกระจายกันหาที่หลบ ลูกค้าและผู้ติดตามถูกตำรวจยิงล้มลง
ตรัยทำทียิงใส่ตำรวจ แล้วตามไปประกบเชาว์กับนายใหญ่ แต่ฝ่ายหลังกลับเล็งปืนใส่
“ฝีมือมึงใช่มั้ย”
ตรัยพยายามเก็บอาการ
“นี่ไม่ใช่เวลามาระแวงกันนะครับ หาทางหนีไปจากที่นี่ก่อน ไปครับนาย ผมจะคุ้มกันให้”
พูดพลางประกบนายใหญ่ พาวิ่งฝ่ากระสุนปืนออกไป เชาว์จะตามไป แต่ถูกตำรวจยิงสกัดไว้

อาภาพรเดินหาตรัยรอบบ้าน แต่ไม่พบ พลางนึกว่าเขาอาจจะแอบไปหาเพ็ญพรที่เรือนเล็ก ก็รีบตามไป ขณะที่เพ็ญพรใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวด้วยความเป็นห่วงตรัย จนเอกสิทธิ์ต้องรีบพูดปลอบ
“ทำใจดีๆ นะลูก หมวดตรัยเป็นคนดี พ่อเชื่อว่าคนดีผีคุ้มแน่นอน”
“เพ็ญก็ภาวนาให้เป็นแบบนั้นค่ะพ่อ”
พูดพลางกุมมือพ่อไว้แน่น สีหน้าไม่สบายใจ อาภาพรอยู่หน้าเรือนเล็ก หน้าตาเอาเรื่อง กำลังจะยกมือเคาะ แต่แล้วก็ชะงักมือค้าง
“เสียงผู้ชายที่ไหน ไม่ใช่เสียงพี่ตรัยนี่นา”
“พี่ตรัยต้องกลับมาแน่นอนค่ะ หนูตั้งใจว่าจะบอกพี่ตรัยเรื่องคลิปของวาทินีด้วย”
“นี่ลูกเพ็ญหาคลิปนั้นเจอแล้วเหรอ”
เพ็ญพรพยักหน้า
“ค่ะ ทีนี้แหละ คนที่วางยาคุณพ่อ ทำให้คุณพ่อตกนรกทั้งเป็น จะได้ถูกจับเข้าคุกซะที”
“ขอบใจนะลูกเพ็ญ ขอบใจจริงๆ ที่มาช่วยพ่อ”
ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าอาภาพรแอบดูอยู่ที่หน้าต่าง
“นี่ไอ้แก่มันอาการดีขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ไหนหมอรุจน์บอกว่าใกล้ตายไงล่ะ”

ตรัยพานายใหญ่วิ่งฝ่าดงกระสุนตำรวจออกมา ก่อนจะเล็งปืนไปที่หน้าอีกฝ่าย เชาว์วิ่งหลบตำรวจมาอีกทาง เห็นเข้าก็ตกใจ
“ไอ้ตรัย มึง”
จากนั้นก็รีบยกปืนขึ้นจะยิงตรัย แต่อีกฝ่ายหันมาเห็นก่อน จึงรีบยิงสวนไปที่ที่แขน นายใหญ่ฉวยจังหวะนี้จะวิ่งหนีไป แต่กลับถูกกลุ่มตำรวจที่ซุ่มอยู่ยิงสกัดไว้
เชาว์เห็นท่าไม่ดี วิ่งหนีไปอีกทาง
“แยกกัน”
ตรัยชี้ให้ตำรวจตามเชาว์ไป ส่วนเขาก็วิ่งตามนายใหญ่ไป
“ยอมมอบตัวซะ แกไม่รอดแน่”
“ไม่มีทาง”
นายใหญ่ยิงสู้ จนกระสุนหมด ถูกตรัยเข้ามารวบตัวได้ในที่สุด พร้อมกับสมุนคนอื่นๆ ก็ถูกจับได้จนหมด ครู่หนึ่งตำรวจกลุ่มที่วิ่งตามเชาว์ก็กลับมา
“นายเชาว์ล่ะ”

ตำรวจส่ายหน้า ตรัยหน้าเครียด นึกเจ็บใจ

ลุงเติมกับป้าแจ่มกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ เห็นข่าว “รวบยกแก๊ง จับยาบ้ากว่าล้านเม็ด” เนื้อหาข่าวมีรูปนายใหญ่ที่ถูกจับ มีรูปเชาว์อยู่ในกรอบเล็กชัดเจน

“หมดเคราะห์หมดโศกไปทีนะคะ ดีใจจริงจริ๊ง ที่คนชั่วมันออกจากบ้านเราไปได้ งานนี้ต้องขอบคุณคุณตรัยนะคะ”
ลุงเติมพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ๆ เสียดาย ไอ้เชาว์มันหนีรอดไปได้ แต่รับรองว่าไม่รอด ตำรวจบ้านเราเก่งจะตาย อีกเดี๋ยวต้องจับตัวมันได้แน่ๆ”
ขณะที่ทั้งลุงเติมกับป้าแจ่มต่างก็หัวเราะดีใจ แต่เพ็ญพรกลับยังเป็นกังวล เพราะตรัยยังไม่กลับบ้าน ก่อนที่จะลุกขึ้น ทำท่าจะตามไปดูที่โรงพัก จังหวะนั้นตรัยก็กลับมาพอดี ลุงเติมกับป้าแจ่มขยับปากจะบอก แต่เขาแอบส่งสัญญาณบอกไม่ให้บอก 2 คนนั้นก็เลยแกล้งทำทีเป็นเล่นละคร พูดทำนองว่าหรือตรัยจะโดนคนร้ายลอบยิงไปแล้ว
เพ็ญพรถึงกับหน้าเสีย
“อย่าเล่นอย่างนี้สิคะ ไม่ตลกนะคะ พี่ตรัยต้องไม่เป็นอะไร ไป รพ. กันดีกว่าค่ะ”
แต่พอกลับไป ก็ชนตรัยที่ยืนยิ้มอยู่ เขารีบคว้าตัวเธอมากอดไว้แน่น
“เป็นห่วงพี่ขนาดนี้เลยหรือครับ ชื่นใจจัง”
“พี่ตรัย ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ”
ลุงเติมกับป้าแจ่มอมยิ้ม แล้วรีบเดินหลบออกไป เปิดโอกาสให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ก็เพ็ญไม่อนุญาตให้พี่เจ็บนี่นา พี่มาทวงสัญญา แหวนอยู่ไหน”
เพ็ญพรมองตรัย แล้วหยิบแหวนออกมาส่งให้แบบเขินๆ เขารีบหยิบแหวนมาสวมให้เธอ แล้วยกมือขึ้นมาจูบเบาๆ
“ทีนี้ก็ตาฉันบ้างแล้ว ฉันมีอะไรจะบอกคุณ ฉันเจอคลิปที่วาทินีเป็นคนถ่ายไว้แล้ว”
“จริงเหรอครับ แล้วตอนนี้คลิปนั่นอยู่ที่ไหน”
“ฉันฝากยัยสุดาเก็บไว้ที่บ้านคุณ”
ทั้งคู่รีบพากันออกไปทันที

ทางด้านอาภาพรก็กำลังครุ่นคิดอย่างงุนงง ทั้งเรื่องเอกสิทธิ์ เรื่องคลิป จู่ๆ สโรชาก็พรวดพราด
เข้ามา
“รีบเก็บของเดี๋ยวนี้ นังภา เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว พ่อแกโดนตำรวจตามจับข้อหาค้ายา ป่านนี้หมายจับคงร่อนไปทั่วแล้ว ไหนจะไอ้พวกที่บ่อนจะมาทวงหนี้อีก ถ้าไม่รีบหนีตอนนี้ พวกเราต้องแย่แน่ๆ”
พูดพลางรีบเก็บข้าวของ จะลากอาภาพรออกไป
“ภาไม่ไป ภาจะรอพี่ตรัย”
สโรชาได้ยินก็ยิ่งโมโห
“นังลูกโง่ นี่แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ไอ้ตรัยนั่นแหละที่เป็นสายตำรวจ มันหลอกเราทุกคนเพื่อจับพ่อแกเข้าคุก ทำให้พวกเราต้องหนีหัวซุกหัวซุนอยู่นี่ไง”
อาภาพรตกใจ “ไม่จริง ภากับพี่ตรัยรักกัน”
สโรชาตบหน้าลูกสาวอย่างโกรธจัด
“ตื่นซะทีนังบ้า มันหลอกแก มันไม่เคยรักแก เข้าใจมั้ย”
ขาดคำก็จะลากอาภาพรออกไปอีก
“เดี๋ยวแม่ ที่พ่อเข้าคุก เกี่ยวกับคลิปของวาทินีรึเปล่า”
“แกรู้เรื่องคลิปของวาทินีได้ยังไง”
“เมื่อคืนภาไปตามหาพี่ตรัยที่ห้องนังพร ภาได้ยินไอ้แก่กับนังพรคุยกันเรื่องมีคลิปที่จะเอาตัวคนที่วางยามันเข้าคุก”
สโรชาตกใจ “หา นี่ไอ้แก่มันพูดได้แล้วเหรอ”
“ค่ะแม่ เหมือนมันจะหายดีแล้ว แต่ทำไมมันถึงเรียกนังพรว่าเพ็ญก็ไม่รู้”
สโรชาได้ยินก็เริ่มจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
“ที่แท้พวกแกก็สลับตัวกันมาหลอกฉัน ฉันต้องแก้แค้นพวกแก”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงของหนักๆ หล่นพื้นดังขึ้น โครม 2 แม่ลูกหันขวับ รีบวิ่งออกไปทันที

อีกด้านหนึ่ง ณัฐพงษ์กำลังรื้อค้นข้าวของในห้องเชาว์เพื่อหายาบ้า พอเห็นว่าในลิ้นชักมีอยู่เม็ดหนึ่งก็ รีบหยิบขึ้นมาด้วยความดีใจ

ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดผางออก พร้อมกับสโรชากับอาภาพรวิ่งเข้ามา ณัฐพงษ์รีบซ่อนยาบ้าเอาไว้ข้างหลัง
“แกซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง เอาออกมาให้แม่ดูซิ”
ณัฐพงษ์รีบปฏิเสธ แต่สโรชาไม่เชื่อ ปรี่เข้าไปทุบตีจะดูของที่เขาซ่อนไว้ให้ได้ ณัฐพงษ์โมโห เผลอผลักแม่ออกไป แล้วรีบเอายาบ้ายัดใส่ปาก
“นี่แกเสพยานั่นอีกแล้วเหรอ ตาณัฐ แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับไอ้ยานรกนั่นอีก ทำไมไม่เชื่อแม่ คายออกมาเดี๋ยวนี้ แม่ไม่ให้แกเสพยานรกนั่น”
ขาดคำก็ปราดเข้าไปทุบตี จะให้ลูกชายคายยาบ้าออกมา ณัฐพงษ์โกรธจัด ผลักอีกฝ่ายล้มลงกับพื้น ก่อนจะขึ้นคร่อม แล้วบีบคอ จนสโรชาหายใจไม่ออก ทุรนทุราย
“ห้ามกูไม่ให้ยุ่ง ถ้ามันเป็นยานรกแล้วพ่อกะแม่ยุ่งกับมันทำไม”
อาภาพรปราดจะเข้าไปช่วยแม่ แต่ก็โดนพี่ชายผลักจนกระเด็น
“กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู มึงไม่เกี่ยว”
อาภาพรเหลือบเห็นแจกันหล่นอยู่ที่พื้น ก็คว้าขึ้นมาฟาดหัวพี่ชายเต็มแรง จนอีกฝ่ายสลบเหมือด ก่อนจะรีบพยุงให้แม่ลุกขึ้น
สองแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ เศร้าใจในชะตากรรมของตัวเองและครอบครัว
“แม่ แล้วเราจะหนีกันยังไงในเมื่อพี่ณัฐเป็นสภาพนี้”
ทันใดนั้นมือถือของสโรชาก็ดังขึ้น
“ยังจะกล้าโทร. มาอีกเหรอ ไอ้ผัวเฮงซวย”
“อย่าเพิ่งด่าได้มั้ย มาช่วยกันก่อน”
เชาว์ที่หลบมุมมาโทร. มา รีบพูดอย่างลนลาน
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับแกแล้ว”
สโรชาทำท่าจะตัดสายทิ้ง แต่อีกฝ่ายรีบขู่
“ถ้าฉันถูกจับได้ แกก็ไม่รอดเหมือนกัน ฉันจะบอกตำรวจเรื่องนังวาทินี”
สโรชากำหูโทรศัพท์แน่น ก่อนจะตัดสินใจตอบ
“แกอยู่ไหน รอฉันอยู่แถวนั้น เดี๋ยวฉันไปหา”
พูดจบก็รีบวางสาย สั่งให้อาภาพรดูแลณัฐพงษ์ แล้วรีบผลุนผลันออกไปทันที

ทางด้านพรเพ็ญที่ยังเป็นกังวลเรื่องที่วิทวัสมายอมเชื่อในสิ่งที่เธอพูด ก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดว่าจะต้องไปพูดกับเขาให้รู้เรื่อง
ส่วนเคนที่นั่งอยู่กับเดือนฉายอีกมุมหนึ่ง เห็นข่าวกวาดจับยาบ้าในหน้า นสพ. ก็นึกเอะใจ
“พ่อกำลังอ่านข่าวจับยาบ้าอยู่ เห็นหน้าหมอนี่แล้วคุ้นๆ ใช่ผัวเก่าของนังสโรชาสารพัดพิษรึเปล่า”
เดือนฉายรีบรีบอ่านหนังสือพิมพ์ไปอ่านต่อ แล้วก็นิ่งอึ้ง
“ใช่ล่ะสิ เจริญล่ะ ผัวก็ค้ายา เมียก็แย่งผัวแย่งมรดกชาวบ้าน ผีเน่ากับโลงผุจริงๆ”
เดือนฉายมองไปรอบๆ
“แล้วลูกพร เอ่อ แพร์รี่ล่ะคะ”
“เห็นบอกว่าจะลงไปจัดดอกไม้ถวายพระน่ะ”
ขาดคำกอล์ฟก็หอบดอกบัวที่พรเพ็ญยังทำไม่เสร็จขึ้นมา
“อ้าว กอล์ฟ แล้วคุณแพร์รี่ล่ะ”
กอล์ฟหน้ามุ่ย
“กอล์ฟก็ไม่รู้เหมือนกันครับ จู่ๆ ก็วิ่งออกไปเลย บอกว่าจะไปหาคุณวิทวัส”
“ไปหาตาวัส ไปทำไม”
เดือนฉายกับเคนหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ

สโรชาปลอมตัว ใส่แว่นดำ ใส่หมวกปิดหน้าปิดตา เดินลับๆ ล่อๆ มองหาเชาว์ ครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็โผล่มาจากด้านหลัง ก่อนจะฉุดเข้าไปหลบหลังที่ซ่อน
“ไอ้ผัวเฮงซวย หาเรื่องเดือดร้อนให้ไม่เว้นวัน”
เชาว์โวยวายอย่างหงุดหงิด
“โธ่เว้ย ฉันเรียกให้มาช่วย ไม่ได้ให้มาด่านะ”
“ช่วยอะไรล่ะ ตอนนี้แค่เรื่องหนี้พนัน เรื่องนังวาทินี แล้วยังจะเรื่องคลิปของมัน ฉันก็เอาตัวไม่รอดแล้ว”
“คลิปของมัน? นี่แกหาเจอแล้วเหรอ”
“เจอกะผีสิ ฝาแฝดนังพรมันเป็นคนหาเจอ กำลังจะเอาไปให้ตำรวจอยู่แล้ว ตัวใครตัวมันก็แล้วกันนะ ฉันจะพาลูกหนีแล้ว”
สโรชาพูดพลางลุกจะเดินหนี เชาว์รีบขวางไว้
“แล้วแกจะหนียังไง มีเงินแล้วเหรอ”
สโรชาส่ายหน้า
“แล้วจะหนีไปได้สักกี่น้ำ จะหนีก็ต้องมีเงินก่อน”
“แล้วจะไปหาเงินจากไหน ไอ้แก่นั่นเก็บเงินเกลี้ยง สงสัยต้องจับลูกสาวมันเรียกค่าไถ่ละมั้ง”
สโรชาพลั้งปากพูดไป เชาว์ถึงกับดีดนิ้วเปาะ
“ใช่เลย จับตัวมันเรียกค่าไถ่ แลกเงินกับคลิป เธอนี่มันชั่วสมกับเป็นเมียฉันจริงๆ นอกจากจะได้เงินค่าไถ่แล้ว ก็ยังได้แก้แค้นพวกมันทั้งตระกูลด้วย”
สโรชาเริ่มเห็นด้วย
“ก็ดีเหมือนกัน พอได้เงินมา ก็ฆ่าพวกมันทิ้งซะพร้อมกับคลิป แค่นี้ก็ไม่มีใครจับเราได้แล้ว”
ทั้งคู่จะเดินออกมาจากที่ซ่อน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างของสมุนนายใหญ่ 2 คนมาขวางทางไว้ ก่อนที่จะรุมกระทืบเชาว์จนสะบักสะบอม โทษฐานที่เป็นคนชักนำสายตำรวจเข้ามากวาดจับ
เชาว์รีบเสนอทางรอด
“ฉันมีข้อเสนอให้พวกแก พวกฉันกำลังจะจับคนมาเรียกค่าไถ่ หาเงินไว้ใช้ตอนหนี แก 2 คนสนใจจะร่วมมือกับเรามั้ยล่ะ แกเองก็ต้องมีเงินไว้ใช้ตอนหนีตำรวจ ทำไมไม่มาร่วมมือกับฉันล่ะ พอได้เงินมา เราก็มาแบ่งกันแล้วก็ทางใครทางมันดีมั้ย”
สมุนนายหันมองหน้ากัน สีหน้าครุ่นคิด

ขณะที่ตรัย เพ็ญพร และสุดากำลังสุมหัวดูภาพในคลิปที่วาทินีแอบถ่ายเอาไว้
“เป็นไงคะ หลักฐานพอจะดำเนินคดีกับครอบครัวนั้นได้หรือยัง”
“เกินพออีกครับ หลักฐานทนโท่ขนาดนี้ คุณน้าสโรชากับนายเชาว์ไม่รอดแน่”
ตรับพูดพลางรีบลุกไปโทรศัพท์หาสารวัตร เพื่อให้ส่งคนไปที่บ้านศิลาแดง
“ในที่สุดความยุติธรรมก็มีจริง คนผิดกำลังจะได้ถูกลงโทษแล้ว”

เพ็ญพรกับสุดายิ้มให้กัน มีความหวัง

ในเวลาไล่เลี่ยกัน พรเพ็ญก็พาวิทวัสมาที่บ้านศิลาแดง ตั้งใจจะให้เขาได้เจอกับเพ็ญพร

“คุณช่วยรออยู่ตรงนี้สักครู่ได้มั้ยคะ เดี๋ยวฉันกลับมา”
วิทวัสพยักหน้ารับ พร้อมกับส่งสายตาหวานให้ พรเพ็ญยิ้มตอบเศร้าๆ ก่อนตัดสินใจลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านศิลาแดงไป

พรเพ็ญเดินเลี่ยงมาที่เรือนหลังเล็ก เห็นเอกสิทธิ์นอนหลับอยู่ ก็ตรงเข้าไปเกาะข้างเตียง พลางเอนหัวซบพ่อไว้ด้วยความคิดถึง
เอกสิทธิ์รู้สึกตัวตื่นขึ้น
“ลูกเพ็ญ กลับมาแล้วเหรอ”
“พรเองค่ะ คุณพ่อ ไม่ใช่น้องเพ็ญ”
เอกสิทธิ์รีบลุกขึ้นนั่ง
“พรเหรอลูก มาได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น”
“ไว้พรจะเล่าให้ฟังนะคะ ว่าแต่น้องเพ็ญไม่อยู่เหรอคะ”
“น้องออกไปกับหมวดตรัย พรมีอะไรกับน้องรึเปล่า”
พรเพ็ญหน้าจ๋อย “ ไม่มีอะไรค่ะ พรแค่อยากเจอน้องกับพ่อแค่นั้น”
พูดพลางกอดพ่อแน่นด้วยความคิดถึง

พอพรเพ็ญเดินออกมาจากเรือนเล็ก ก็ถูกสมุนนายใหญ่ทั้ง 2 คน ล็อกตัวไว้ สโรชาที่เดินตามมายิ้มอย่างสะใจ พร้อมกับเชาว์กับอาภาพร ที่ช่วยกันประคองณัฐพงษ์เข้ามา
“นี่มันอะไรกันคะคุณน้า คุณน้าให้คนมาจับพรทำไม”
สโรชาชะงัก
“นี่แกมัน นังพรตัวจริงนี่ ก็ดีเหมือนกัน เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้นอีก”
เชาว์รีบสั่งการ “เอาตัวมันไปได้แล้ว”
สมุนนายใหญ่กำลังจะพาพรเพ็ญไป ทันใดนั้น
“แกจะพาลูกสาวฉันไปไหน”
เมื่อทุกคนหันไป ก็เห็นเอกสิทธิ์ยืนพิงกรอบประตู แข้งขาสั่นเพราะไม่ได้เดินมานาน สโรชามองเยาะ
“โถ คุณเอกคะ เอาตัวให้รอดก่อนดีมั้ย ค่อยคิดมาปกป้องคนอื่น”
“สโรชา เธอมันงูพิษ เลี้ยงไม่เชื่อง เธอมาแว้งกัดคนที่มีบุญคุณกับเธอได้ยังไง”
“อย่ามาอ้างเรื่องบุญคุณกับฉันนะ ฉันเป็นเมียให้แกมาตั้งหลายปี แต่แกเคยเห็นฉันเป็นเมียแกบ้างมั้ย แกมัวแต่อาลัยอาวรณ์อีนังเดือนฉาย เมียเก่าแกอยู่นั่นแหละ”
เอกสิทธิ์ยิ้มเหยียด
“ก็เพราะเธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ไงล่ะ ฉันถึงรักเธอไม่ลง”
สโรชาได้ยินก็โกรธ ปราดเข้าไปผลักเอกสิทธิ์จนล้ม หัวกระแทกขอบวงกบประตูสลบไป พรเพ็ญกรีดร้องลั่น พลางดิ้นจะไปช่วยพ่อ แต่กลับถูกสมุนล็อกตัวไว้แน่น ก่อนที่ทั้งหมดจะรีบพาตัวเธอออกไป
คล้อยหลังที่พรเพ็ญถูกพาตัวไป ลุงเติมกับป้าแจ่มก็เดินเข้ามา พอเห็นเอกสิทธิ์สลบอยู่ ก็ตกใจ

ส่วนวิทวัสที่รออยู่หน้าบ้านอย่างกระวนกระวายใจ ไม่นานก็เห็นเห็นประตูบ้านเปิดออก พร้อมกับเชาว์กับอาภาพร ที่ช่วยกันพยุงณัฐพงษ์ออกมา ขณะที่สมุนนายใหญ่ทั้ง 2 คนล็อกตัวพรเพ็ญและปิดปากไว้ โดยมี
สโรชารั้งท้าย ทั้งหมดพากันตรงไปที่รถตู้ที่จอดรออยู่หน้าบ้านอยู่แล้ว
เขารีบลงจากรถจะข้ามถนนไปช่วยพรเพ็ญ แต่ถูกรถอีกคัน พุ่งมาตัดหน้าและเบรกเอี๊ยด หวุดหวิดจะชน พอเขาเงยหน้าอีกที รถตู้คันนั้นแล่นออกไปแล้ว เขารีบรีบวิ่งกลับมาที่รถสตาร์ทรถมือไม้สั่น
“รอผมก่อนะครับ คุณเพ็ญ”

จากนั้นก็รีบขับรถทะยานติดตามรถตู้คันนั้นไปอย่างรวดเร็ว

อ่านต่อหน้า 3

บ้านศิลาแดง ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)

ทางด้านเพ็ญพร ที่อยู่กับตรัย และสุดา คุยเรื่องเตรียมการจะรวบตัวสโรชาก็รับสายจากป้าแจ่ม ที่โทร. มาอย่างร้อนใจ

“ค่ะ ป้าแจ่ม ค่อยๆ พูดสิคะ พรฟังไม่รู้เรื่อง อะไรนะคะ”
เพ็ญพรช็อก มือข้างที่ถือมือถือตกห้อยข้างตัว ตรัยรีบเข้าไปดู
“น้องเพ็ญ เกิดอะไรขึ้น”

รถตู้ของพวกสโรชาแล่นเข้ามาจอดหน้าโกดังร้างแห่งหนึ่ง เชาว์กับอาภาพรประคองณัฐพงษ์ที่ตัวสั่นลงมาจากรถ ตามด้วยสโรชา
“แข็งใจอีกนิดนะลูก ถ้าได้เงินมา แม่จะรีบพาลูกไปรักษาตัวที่เมืองนอกนะลูกนะ”
ก่อนจะหันไปสั่งการสมุนนายใหญ่ ให้พาตัวพรเพ็ญไปขังไว้ในห้อง ก่อนที่ทั้งหมดจะรีบเดินตามเข้าไป
วิทวัสวิ่งตามมาซุ่มดูอยู่ไกลๆ
“นี่มันอะไรกัน”

เอกสิทธิ์เริ่มขยับตัว พลางส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด เพ็ญพรรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อทันที
“พ่อคะ พ่อเป็นยังไงบ้าง”
“พ่อไม่เป็นไร เพ็ญ รีบตามไปช่วยพรเร็วเข้า พรถูกสโรชาจับตัวไปแล้ว”
เพ็ญพร ตรัย สุดาตกใจ ขณะที่ป้าแจ่มกับลุงเติมยังนั่งงง เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก
พลันเสียงโทรศัพท์ของเพ็ญพรก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล คุณน้าสโรชา”
“แกคงรู้แล้วสินะว่าฉันจับตัวพี่สาวฝาแฝดของแกมา”
เพ็ญพรตกใจ “คุณน้ารู้แล้ว?”
สโรชายิ้มเหี้ยม
“แกคงคิดว่าฉันโง่มากสินะ แต่แกประเมินฉันต่ำเกินไป ฉันไม่ได้โง่อย่างที่แกคิด”
“คุณน้าจับตัวพี่พรไปทำไม ปล่อยตัวพี่พรเดี๋ยวนี้นะ”
“จะให้ปล่อยง่ายๆ ได้ยังไง อย่างน้อยก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย เงินสด 10 ล้านแล้วก็คลิปของนังวาทินี”
เพ็ญพรแกล้งทำใจดีสู้เสือตอบไป
“คลิปอะไรของคุณน้าคะ”
“อย่ามาโกหกฉัน แกมีคลิปอยู่กับตัว ฉันรู้ แต่ถ้าแกห่วงคลิปมากนัก ก็เตรียมรับศพพี่สาวแกกลับไปได้เลย”
“ไม่นะ อย่าทำอะไรพี่นะคะ คุณน้าจะเอายังไงก็ว่ามา เพ็ญยอมทุกอย่าง”
สโรชายิ้มอย่างผู้ชนะ ขณะที่พรเพ็ญมองอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัว

ทางด้านเดือนฉายที่เป็นห่วงพรเพ็ญจนไม่เป็นอันทำอะไร เคนจึงรีบบอกให้โทร. ไปตาม
“จะดีเหรอคะ พ่อ”
“ดีสิน่า ถึงยัยเพ็ญจะแสบจะห้าวแค่ไหน ยังไงก็เป็นผู้หญิง ใกล้ชิดผู้ชายมากนัก มันไม่ค่อยดี”

ฝ่ายแรกตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร. ออกทันที

สโรชาที่คุมตัวพรเพ็ญอยู่ เห็นหน้าจอมือถือของอีกฝ่าย เป็นชื่อ “แม่” โทร.เข้ามา ก็รีบแย่งไปรับเอง

“ฮัลโหล ว่าไงจ๊ะ เดือนฉายเพื่อนรัก”
เดือนฉายได้ยินเสียง ก็จำได้ทันที
“สโรชา ...มือถือลูกฉันไปอยู่กับเธอได้ยังไง”
สโรชายิ้มร้าย
“ไม่ใช่แค่มือถือ แต่ตอนนี้ลูกแกอยู่กับฉันด้วย แกอยากคุยกับลูกสาวแกมั้ยล่ะ”
พูดพลางกระชากผ้าปิดปากพรเพ็ญออก แล้วจ่อโทรศัพท์ให้พูด
“คุณแม่ขา ช่วยพรด้วยค่ะ พรกลัว”
สโรชารีบคว้าโทรศัพท์ออกห่าง พร้อมกับที่อาภาพรรีบเอาผ้าปิดปากพรเพ็ญเหมือนเดิม
“แกได้ยินรึยัง ถ้าแกไม่อยากให้ลูกแกเป็นศพ ก็ทำตามที่ฉันบอก”
“อย่าทำอะไรลูกฉัน ฉันยอมเธอทุกอย่างสโรชา”
สโรชายิ้มสะใจ ครู่หนึ่งก็วางสาย
“คุณแม่เก่งที่สุดใน 3 โลกเลย ได้ทั้งเงินจากไอ้แก่ แล้วก็เงินจากนังแม่มันเลย”
“คนโง่ก็ต้องเป็นเหยื่อของคนฉลาดอย่างเราไงลูก”
2 แม่ลูกหัวเราะลั่นอย่างสะใจ

ทางฝั่งเดือนฉายพอวางสายเสร็จ ก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลม จนเคนต้องรีบสั่งให้กอล์ฟหายาดมมาให้ดม จนอาการดีขึ้น
“เล่าให้พ่อฟังซิ เกิดอะไรขึ้น มันไปเกี่ยวอะไรกับยัยสโรชาด้วย”
เดือนฉายมองหน้าเคนอย่างอัดอั้นตันใจ ก่อนที่จะเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด
“ว่าแล้วเชียวว่าพักหลังยัยหนูเพ็ญมันแปลกๆ ไป ที่แท้ก็เป็นฝาแฝดนี่เอง”
กอล์ฟงง “ฝาแฝด? คุณเพ็ญมีฝาแฝดตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมกอล์ฟไม่รู้เลยอ่ะ”
เดือนฉายหน้าเครียด
“พ่อขา หนูควรทำยังไงดีคะ
“เราต้องไปหายัยหนูเพ็ญ รีบโทร. หายัยหนูเพ็ญเร็วเข้า”
เดือนฉายรีบกดโทรศัพท์หาเพ็ญพรทันที

วิทวัสโผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อน ก่อนจะหยิบท่อนเหล็กเขวี้ยงไปไกลๆ ให้เกิดเสียงดัง สมุนนายคนหนึ่งรีบเดินไปดู เขารีบย่องเดินไป ก่อนจะคว้าไม้ตีหัวอีกคนจนสลบ แล้วรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที จากนั้นก็รีบช่วยแก้มัดให้พรเพ็ญ
“คุณเพ็ญ ผมมาช่วยคุณแล้วครับ ไม่ต้องกลัว ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณเด็ดขาดครับ ผมสัญญา”
พอแก้มัดเสร็จ ทั้งคู่ก็หันกลับมา พลันก็มีท่อนไม้หวดมาที่หัววิทวัสอย่างแรง จนทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น พรเพ็ญกรีดร้องลั่น
สโรชายืนถือท่อนไม้ มองทั้งคู่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
ที่สุดแล้ววิทวัสกับพรเพ็ญก็ถูกจับมัดหันหลังชนกัน
“คุณสโรชา ปล่อยผมกับคุณเพ็ญไปเดี๋ยวนี้”
สโรชายิ้มมุมปาก
“เสียใจค่ะ คุณอยากเข้ามายุ่งกับเรื่องของพวกเราเอง ฉันปล่อยคุณไปไม่ได้”
“คุณจะทำอะไรพวกเรา 2 คน”
“ฉันบอกไม่ได้ แต่รับรองว่าคุณจะทรมานไม่นานหรอกค่ะ”
พูดพลางหันไปสั่งสมุนนายใหญ่ทั้งสอง
“ได้เวลาแล้ว เอามัน 2 คนไปขังไว้”
พวกมันรีบกระชากทั้งคู่ขึ้นมา พรเพ็ญร้องไห้หนักขึ้น วิทวัสพยายามพูดปลอบ
“คุณเพ็ญอย่าร้องไห้นะครับ ผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิตของผมเอง”
เขาพูดพร้อมกับพยายามสอดมือผ่านเชือกที่มัดกันไว้ ไปจับมือเธอ

พรเพ็ญเอี้ยวตัวมาสบตากับเขา ด้วยความเชื่อใจและศรัทธา

ที่ห้องโถงบ้านศิลาแดงตอนนี้ เอกสิทธิ์ เดือนฉาย เคน กอล์ฟ ป้าแจ่ม ลุงเติม รวมทั้งทนายสมศักดิ์ นั่งรอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ พักใหญ่พ็ญพร ตรัยและสุดา ก็เดินเข้ามา ทนายสมศักดิ์รีบยื่นกระเป๋าใส่เงินให้

“เงินพร้อมแล้วครับ คุณหนู”
“หนูไปก่อนนะคะ พ่อ แม่ ตา”
ตรัยรีบพูดขึ้นมาบ้าง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไปคอยคุ้มกันคุณเพ็ญแล้วก็ประสานงานกับตำรวจที่เราให้ดักจับกุมตัวคุณน้าสโรชาอยู่ด้วย”
เพ็ญพรกับเดือนฉายโผกอดกัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะผละออกมา พร้อมกับที่โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีก
“คุณน้าสโรชา ฉันกำลังจะไปสถานที่นัด คุณน้ามีอะไรอีกคะ ว่าไงนะ เปลี่ยนที่นัดเหรอ?”
“เรื่องส่งเงินค่าไถ่ ฉันขอเปลี่ยนสถานที่นัด แต่เวลาเดิม”
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เพ็ญพรวางสายลง สีหน้าเครียด ทุกคนมองหน้ากันหนักใจ

รถของตรัยจอดรออยู่หน้าสถานที่นัดหมาย พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เพ็ญพรกดรับสายหน้าเครียด
“ฉันใกล้ถึงแล้ว แต่รถติดมาก”
“ฉันให้เวลาอีก 5 นาทีเท่านั้น ไม่งั้นแกจะไม่ได้เห็นหน้าฝาแฝดของแกอีกเลย”
ขาดคำสโรชาก็วางสายไป เพ็ญพรรีบคว้ากระเป๋าจะลงจากรถ
“น้องเพ็ญจะไปไหน กำลังเสริมยังย้ายมาไม่ถึงเลยนะ”
“ฉันรอไม่ได้แล้ว คุณน้าบอกว่าจะฆ่าพี่พร ถ้าฉันไปช้า”
“งั้นพี่ไปด้วย”
เพ็ญพรรีบห้าม “ไม่ได้ มันต้องการให้ฉันเข้าไปคนเดียว คุณรออยู่ตรงนี้”
“พี่จะไม่ยอมให้น้องเพ็ญเข้าไปเผชิญอันตรายคนเดียวเด็ดขาด”
ตรัยพูดอย่างจริงจัง จนอีกฝ่ายใจอ่อน

ภายในสถานที่นัดมอบส่งเงิน ที่เป็นอาคารรกร้าง เชาว์ กับอาภาพร ช่วยกันประคองณัฐพงษ์ที่เสพยาเข้าไปจนเริ่มหลอน เห็นคนจะมาทำร้าย จนสโรชาต้องคอยพูดปลอบ
“แม่สัญญา แม่จะปกป้องลูกด้วยชีวิตของแม่เอง”
พลันเชาว์ก็เหลือบไปเห็นเพ็ญพรเดินถือกระเป๋าเงินเข้ามาคนเดียว
“มันมาแล้ว”
สโรชาหันขวับไปมอง ทั้งคู่มองจ้องตากัน อย่างไม่มีใครหลบตาใคร ขณะที่ตรัยแอบซุ่มดูอยู่อีกมุมหนึ่ง คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ห่างๆ
“พี่สาวฉันอยู่ไหน”
“ส่งกระเป๋ามาให้ชฉันก่อนสิ แล้วฉันจะบอกว่าพี่สาวแกอยู่ไหน”
“ไม่ บอกมาก่อนว่าพี่พรอยู่ไหน”
สโรชายิ้มร้าย อย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
“อย่าลืมสิว่านาทีนี้ใครเป็นผู้ออกคำสั่ง”
เพ็ญพรตัดสินใจวางกระเป๋าลงแล้วไสไปให้ เชาว์รีบเปิดเช็กเงินในกระเป๋าแล้วหันมาพยักหน้ากับ
สโรชาว่าเรียบร้อย
ทันใดนั้น สมุนนายใหญ่ทั้ง 2 คน ก็ออกมาจากที่ซ่อน ล็อกตัวเธอไว้ ทั้งเพ็ญพร ทั้งตรัยที่ซ่อนตัวอยู่ ต่างก็ตกใจ
“เลวจริงๆ ไม่รักษาคำพูด”
สโรชาหัวเราะเยาะ
“แกมันโง่เอง ไม่เคยได้ยินหรือไงว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร”
“ในที่สุด คุณน้าก็ยอมรับแล้วสิว่าตัวเองเป็นโจร”
สโรชาเงื้อมือจะตบ แต่อาภาพรขอเป็นคนลงมือเอง
“นี่สำหรับการที่แกแย่งพี่ตรัยไปจากฉัน”
เพ็ญพรหันกลับมาจ้องอาภาพรแววตากร้าว
“พี่ตรัยไม่เคยรักเธอ พี่ตรัยเขารักฉัน”
“ไม่จริง ถ้าไม่มีแกสักคน พี่ตรัยก็ต้องเลือกฉัน”
พูดพลางจะกระชากอีกฝ่ายมาตบซ้ำ

เพ็ญพรอาศัยจังหวะนั้น โถมตัวใส่อาภาพรจนล้มไปทั้งคู่

ตรัยเห็นช่องรีบยิงใส่สมุนทั้งสองจนล้มคว่ำ สโรชากับเชาว์ตกใจ หันไปมองพร้อมกับควักปืนออกมา
 
“ไอ้ตรัย แกมาจนได้ซิน่า”
เพ็ญพรลุกขึ้นวิ่งไปหาตรัย แต่กลับถูกอาภาพรจิกผม และล็อกคอไว้ ก่อนจะคว้าปืนจากมือสโรชามาจ่อที่หัว ตรัยตกใจ
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ น้องภา ปล่อยน้องเพ็ญเดี๋ยวนี้”
“พี่ตรัยรักมันมากใช่มั้ย ภาจะสงเคราะห์ให้พี่ตรัยกับมันไปเสวยสุขกันในนรกเอง”
ขาดคำอาภาพรก็จะเหนี่ยวไกยิง แต่กลับถูกเพ็ญพรใช้ศอกถองเต็มแรง ก่อนจะจับมือบิดแขนไพล่หลัง จนปืนร่วงจากมือ
“พวกแกไม่รอดแน่”
“กูไม่ยอมถูกจับหรอกโว้ย”
เชาว์พูดพร้อมกับเล็งปืนไปที่เพ็ญพรแล้วยิงออกไป ตรัยกระโดดรวบตัวเพ็ญพรกับอาภาพรหลบกระสุน
ณัฐพงษ์ได้ยินเสียงปืน ก็คลุ้มคลั่ง อาละวาดผลักสโรชาจนกระเด็นไปชนเชาว์จนปืนหลุดมือกระเด็นตกไปแทบเท้า เขารีบหยิบขึ้นมาแล้วยิงไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง
สโรชาเข้าไปแย่งปืนลูกชาย ขณะเดียวกันอาภาพรก็สะดุ้งเฮือกเพราะถูกยิงเข้าที่หน้าอก ตรัยกับเพ็ญพรรีบเข้าไปดู
“น้องภา”
อาภาพรอย่างมีชัย
“ในที่สุดพี่ตรัยก็หันมาสนใจภามากกว่าแก ฉัน-ชนะ”
ขาดคำก็หลับตาแล้วแน่นิ่งไป
ทางด้านสโรชากับณัฐพงษ์ก็ยังยื้อยุดแย่งปืนกัน พลันมีเสียงปืนดังขึ้นอีกนัด ก่อนที่ฝ่ายหลังจะทรุดลงนอนแผ่ ที่หน้าอกมีรูกระสุน เลือดไหลนองพื้น

สโรชากรีดร้องลั่น โผกอดศพลูกชายร้องไห้คร่ำครวญอย่างเสียสติ เชาว์รีบคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งหนี
เอาตัวรอด ตรับรีบวิ่งตามไปทันที แต่กลับคลาดไปแบบฉิวเฉียด

เพ็ญพรมองสโรชากอดศพณัฐพงษ์ร้องไห้คร่ำครวญอย่างเห็นใจ แต่อีกฝ่ายกลับหันมองอย่าง
เคียดแค้น
“เป็นเพราะพวกแก พวกแกทำให้ลูกฉันตาย แกต้องชดใช้”
ขาดคำก็พุ่งตัวเข้าหาเพ็ญพรที่ไม่ทันได้ระวัง จนล้มลงไปด้วยกันกับพื้นทั้งคู่ ก่อนที่สโรชาจะลุกขึ้นคร่อมแล้วตบหน้าเพ็ญพรไม่ยั้ง จากนั้นก็จิกหัวลากมาที่ศพณัฐพงษ์
“ตาณัฐกับยัยภาเป็นแก้วตาดวงใจของฉัน แต่แก แกทำให้ลูกฉันตาย แกต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
พูดไปก็จับหัวเพ็ญพรโขกพื้น แล้วบีบคอแน่น เพ็ญพรตาเหลือก เหมือนจะหมดลมหายใจ ก่อนที่จะเอื้อมมือสะเปะสะปะไปเจอปืนในมือของณัฐพงษ์ พลางรีบกำปืนไว้แล้วรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย เอาปืนตีหัวอีกฝ่ายจนผงะ จากนั้นก็ตวัดปืนขึ้นมา
“อย่าเข้ามานะคุณน้า ไม่งั้นฉันยิงแน่”
“แกไม่กล้าหรอก นังเพ็ญพร”
สโรชาพูดพลางโถมตัวเข้าไปหาเพ็ญพรแล้วแย่งปืนกัน

ทางด้านตรัยก็วิ่งตามเชาว์มาจนเจอ และเกิดการต่อสู้กัน ก่อนที่เขาจะเพลี่ยงพล้ำถูกอีกฝ่ายจ้วงแทง เขารีบเบี่ยงตัวหลบ คมมีดเฉี่ยวไหล่ไปนิดเดียว
เชาว์เงื้อมีดขึ้นใหม่ จะกระซวกตรัยให้ได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นรัวๆ ก่อนที่ฝ่ายแรกจะชะงักค้าง แล้วค่อยล้มทรุดลงกับพื้น นอนตายตาค้าง
“จ่ามาทันเวลาพอดี”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกนัดจากที่ไกลๆ ตรัยชะงัก สีหน้าตกใจ
“น้องเพ็ญ”

เพ็ญพรค่อยๆ ทรุดลงกุมแขนที่ถูกยิงเลือดแดงฉาน ตรัยรีบเข้าไปประคองไว้ พร้อมกับที่บรรดาตำรวจจะกรูเข้าไปจับสโรชา ที่กรีดร้องอย่างเสียสติ
“ไม่ ตำรวจมาจับฉันทำไม นังนั่นต่างหากที่เป็นคนฆ่าลูกฉัน ปล่อยฉัน”
ตำรวจล็อกตัวสโรชาไว้แน่นแล้วจะพาตัวออกไป เพ็ญพรรีบวิ่งกระเผลกๆ ไปดักหน้าไว้
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะว่าพวกแกเอาพี่พรไปไว้ไหน”
สโรชาหัวเราะลั่นอย่างบ้าคลั่ง

“นังพร? ฮ่าๆๆๆๆ นรกน่ะสิ ในเมื่อแกทำให้ลูกฉันตาย พี่สาวแกก็ต้องตายเหมือนกัน”

อ่านต่อหน้า 4

บ้านศิลาแดง ตอนที่ 14 จบบริบูรณ์

ทางด้านวิทวัสก็พยายามทุบประตูห้องเย็น ร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับไม่มีคนได้ยิน

ขณะที่พรเพ็ญนั่งกอดตัวเอง ตัวสั่นเป็นลูกนก
“ไม่มีใครได้ยินหรอกค่ะ คุณวัส พวกเรา 2 คนคงต้องตายอยู่ในนี้แน่ๆ”
“อย่าเพิ่งหมดหวังสิครับ คุณเพ็ญ ทำใจดีๆ ไว้นะ จะต้องมีคนมาช่วยเราแน่ๆ คุณสวมเสื้อผมไว้นะครับ”
พูดพลางรีบถอดเสื้อของตัวเองออกคลุมให้ ก่อนจะโอบกอดเธอไว้ ถ่ายทอดให้ไออุ่นกันและกัน

ส่วนเพ็ญพรที่เดินออกมากับตรัย เพื่อจะหาพรเพ็ญ จู่ๆ ก็ทรุดตัวลง ตัวสั่นเทิ้ม“เห็นมั้ย? ดื้อแล้วเป็นยังไง?? น้องเพ็ญเสียเลือดมาก เรารีบไปโรงพยาบาลดีกว่า”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หนาวเพราะเสียเลือดมาก”
“ถ้างั้นเพราะอะไร”
เพ็ญพรมองหน้าตรัยนิ่ง

พรเพ็ญกับวิทวัสกอดกันอยู่ภายในห้องเย็น ฝ่ายหลังถึงกับหมดสติไปแล้วเพราะถอดเสื้อให้อีกฝ่ายคลุม ทันใดนั้น ประตูห้องเย็นเปิดผางออก พร้อมกับเสียงตรัยกับเพ็ญพรดังเข้ามา
“พี่พร”
ทั้งคู่รีบวิ่งถลาเข้ามาหาวิทวัสกับพรเพ็ญ เพ็ญพรรับรู้เพียงเท่านั้น ก่อนที่สติจะดับวูบไป

ตรัยกับเพ็ญพรที่ทำแผลเสร็จแล้ว นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างกระสับกระส่าย ครู่หนึ่งสุดา เคน เดือนฉาย เอกสิทธิ์รวมถึงคนอื่นๆ ก็เดินรี่เข้ามาด้วยความร้อนใจ
“หลานสาวฉันอยู่ไหน ยัยพรเป็นยังไงบ้างฮึ ยัยเพ็ญ”
“ยังไม่ออกมาเลยค่ะ ตา”
เคนหันไปชี้หน้าเอกสิทธิ์ด้วยความโมโห
“ถ้าหลานสาวฉันเป็นอะไรไป เป็นความผิดของแกคนเดียว ไอ้เอกสิทธิ์ เพราะแกถึงทำให้ลูกเมียเดือดร้อนไปหมด”
เอกสิทธิ์ก้มหน้าจ๋อย เพราะตัวเองก็ผิดเต็มประตู เดือนฉายรีบพูดปรามพ่อ
“พ่อคะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชี้หาคนผิดนะคะ ชีวิตของยัยพรสำคัญกว่า”
“ก็ได้ อย่าคิดว่าจะจบแค่นี้ล่ะ”
พักใหญ่หมอรุจน์ก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน พร้อมกับแจ้งทุกคนว่าทั้งวิทวัส และพรเพ็ญปลอดภัยแล้ว

ทั้งหมดกอดกันแน่นด้วยความดีใจ

หลายวันผ่านไป เวลานี้ตรัยกับเพ็ญพรเดินคุยมาด้วยกัน ขณะที่พรเพ็ญดูเศร้าๆ ที่เห็นทั้งคู่คุยกันกระหนุงกระหนิงกันไปมา

“จริงสิ คุณวิทวัสมาเยี่ยมน้องพรบ้างรึเปล่า”
พรเพ็ญได้ยินชื่อวิทวัสก็ยิ่งหน้าเศร้า
“ตั้งแต่เกิดเรื่อง พรก็ยังไม่ได้เจอหน้าเขาอีกเลยค่ะ พอเขารู้ว่าพรเป็นใคร เขาก็เลยโกรธพรมั้งคะ”
เพ็ญพรหันไปทำตาดุใส่ตรัย ก่อนจะรีบฉุดแขนเขาให้เดินเลี่ยงไปพรเพ็ญมองตามทั้งคู่ไปแบบเศร้าๆ เพราะคิดถึงวิทวัส พอหันกลับมา ก็ชะงักกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า
วิทวัสคุกเข่าลงตรงหน้าพรเพ็ญ
“สวัสดีครับ คุณเพ็ญ”
พรเพ็ญถึงกับน้ำตารื้น รีบหันหน้าหนี
“คุณทักคนผิดแล้ว ฉันชื่อพร ไม่ใช่เพ็ญ”
วิทวัสตกใจที่เห็นอีกฝ่ายร้องไห้
“โธ่ ผมล้อเล่นนิดเดียวเอง ทำไมผมจะจำคุณไม่ได้ ในเมื่อ “คุณพรเพ็ญ” เป็นคนเดียวที่ผมรักที่สุด รักมาโดยตลอด”
“คุณแน่ใจเหรอคะว่ารักพร”
วิทวัสพูดอย่างจริงจัง
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ ผมรักผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้นี่แหละครับ แล้วคุณล่ะครับ รักผมบ้างรึเปล่า”
พรเพ็ญก้มหน้าเขิน วิทวัสยิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมา
“แต่งงานกับผมนะครับ คุณพรเพ็ญของผม”
พรเพ็ญได้ยินก็ถึงกับน้ำตาริน ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้ารับ เขารีบสวมแหวนให้เธอทันที
ตรัยที่โผล่ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับเพ็ญพร ร้องโวยวาย
“เฮ้ย คุณมาตัดหน้าผมได้ยังไง เราไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนี้นี่นา”
“ช่วยไม่ได้ คุณอยากช้าเองนี่นา”
ตรัยรีบคว้ามือเพ็ญพรขึ้นมาโชว์แหวน
“ช้าตรงไหน ผมสวมแหวนก่อนคุณตั้งนานแล้ว งั้นวันนี้ขอคอนเฟิร์ม ขอหอมมัดจำไว้อีกทีก็แล้วกันนะคุณเพ็ญ”
พูดพลางคว้าตัวเพ็ญพรมาหอมฟอดใหญ่ ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะกันสนุกสนาน

บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข

อีกด้านหนึ่ง หมอรุจน์ยืนมองทั้ง 2 คู่อย่างเหงาๆ สุดาที่แอบมองอยู่ข้างหลัง ตัดสินใจก้าวเข้ามาหา

“หมอรุจน์คะ”
หมอรุจน์หันกลับมา
“คุณรู้นานแล้วใช่มั้ยว่าคุณพรมีฝาแฝด”
สุดาพยักหน้า
“จำได้มั้ยที่คุณเคยถามฉันว่าคุณพรรักใครกันแน่ แล้วฉันตอบคุณไม่ได้น่ะ”
“จำได้สิ ตอนนี้ผมเข้าใจแจ่มแจ้งเลย”
หมอรุจน์พูดพลางนั่งลงที่ม้ายาวริมสนาม สุดาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“อย่าเศร้าไปเลยนะ อกหักแค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอก”
“ใครบอกว่าผมอกหัก ผมทำใจได้ตั้งนานแล้ว”
“อ้าว แล้วก็หลอกให้เราปลอบอยู่ได้”
สุดางอนลุกขึ้นจะเดินหนี หมอรุจน์รีบคว้าข้อมือไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ นั่งเป็นเพื่อนกันก่อนไม่ได้เหรอ”
“ได้สิ รออยู่”
สุดายิ้มหน้าแดง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กัน ทั้งคู่มองหน้ากันยิ้มๆ ต่างคนต่างหลบตากันไปมา

ในที่สุด ที่บ้านศิลาแดงก็อบอวลไปด้วยความสุข ท่ามกลางบรรยากาศของความรักในงานวิวาห์ระหว่างวิทวัสกับพรเพ็ญ และตรัยกับเพ็ญพร
เดือนฉายเข็นรถพาเอกสิทธิ์ออกมาจากในตัวบ้าน
“ผมขอโทษคุณจริงๆ สำหรับทุกเรื่องที่ผมทำลงไปนะเดือนฉาย”
“เราอย่าไปพูดถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ”
เอกสิทธิ์หน้าเศร้า
“แสดงว่าคุณยังไม่ยกโทษให้ผม”
“สำหรับฉัน เรื่องนั้นมันจบไปนานแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้นขึ้นมาค่ะ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันก็คือลูกพรกับลูกเพ็ญเท่านั้นค่ะ”
“แก 2 คนเป็นแก้วตาดวงใจของผมเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นอะไรก็ไม่สำคัญเท่าการทำหน้าที่พ่อกับแม่ของเด็กทั้งคู่จริงมั้ยคะ”
เอกสิทธิ์ยิ้มกว้าง
“คุณพูดถูก งั้นเราไปทำหน้าที่ของเรากันดีกว่า”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร

เดือนฉายรีบเข็นรถพาเอกสิทธิ์ไปที่สถานที่จัดงาน

เสียงของหมอรุจน์ที่ทำหน้าที่พิธีกร คู่กับสุดาพูดผ่านไมโครโฟนอยู่บนเวที

“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ วันนี้เป็นวันดี เป็นวันมงคลสมรสของเจ้าบ่าวลัเจ้าสาว 2 คู่ด้วยกัน และทั้ง 2 คู่ก็เหมาะสมกันมากๆ ด้วย”
“ทุกคนคงอยากพบกับพวกเขาและพวกเธอแล้วใช่มั้ยคะ ขอเชิญพบกับเจ้าบ่าว คุณวิทวัสกับผู้กองตรัยค่ะ”
ตรัยกับวิทวัสก้าวออกมาจากด้านข้าง ยืนรอเจ้าสาวอยู่บนเวที
“และตามมาติดๆ กับเจ้าสาวทั้ง 2 คน คุณเพ็ญพร และคุณพรเพ็ญ 2 สาวทายาทบ้านศิลาแดงครับ”
เพ็ญพรกับพรเพ็ญเดินออกมาจากหลังเวทีในชุดแต่งงานที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แม้แต่ทรงผม การแต่งหน้าก็เหมือนกันเป๊ะๆ
เดือนฉายกับเอกสิทธิ์หันมายิ้มให้กันอย่างมีความสุข ป้าแจ่มซับน้ำตาตื้นตัน โดยมีลุงเติมคอยปลอบ เคนกับกอล์ฟส่งเสียงเชียร์อยู่หน้าเวที ขณะที่แขกเหรื่อคนอื่นๆ มองเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยความชื่นชม
“เป็นความต้องการของผู้ใหญ่และบ่าวสาวที่อยากให้งานคืนนี้เรียบง่ายเป็นกันเองและครื้นเครงด้วย”
สุดายิ้มรับ ก่อนจะรีบพูดเสริม
“ถ้างั้นอยากเห็นเจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาวกันมั้ยคะ ทุกคน”
แขกเหรื่อส่งเสียงเชียร์ให้หอมแก้มกัน เพ็ญพรรีบยกมือขึ้นห้าม สุดารีบยื่นไมค์ส่งให้
“ก่อนอื่น อยากจะขอพิสูจน์อะไรบางอย่างจากเจ้าบ่าวค่ะ ถ้าเจ้าบ่าวบอกไม่ได้ว่าใครคือเพ็ญพร ใครคือพรเพ็ญ ถ้าแยกไม่ได้ ก็ไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้นค่ะ”
ทุกคนในงานฮือฮา ตรัยกับวิทวัสหันมายิ้มให้กัน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเพ็ญพรกับพรเพ็ญ แต่กลับสลับตัวกัน
พรเพ็ญหน้าเหวอ เพ็ญพรตาลุกวาว เท้าสะเอวจะโวย
“นี่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...”
ตรัยยิ้มกวน ก่อนจะรีบบอก
“ใจเย็น เนี่ยคุณพรของคุณวิทวัส”
วิทวัสชี้ไปที่เพ็ญพร “ส่วนคุณ ก็คุณเพ็ญของผู้กองตรัย”
แขกเหรื่อฮือฮากันทั้งงาน 2 สาวก้มหน้าเขิน ตรัยกับวิทวัสหัวเราะแล้วรีบสลับตัวกลับ
ตรัยกอดเพ็ญพรแล้วพูดล้อๆ
“โกรธเหรอ ขี้ยัวะอย่างนี้ใครจะจำไม่ได้”
ส่วนวิทวัสก็กอดพรเพ็ญไว้แน่น
“แฟนผมน่ารักขนาดนี้ ผมจะจำผิดได้ไง”
ตรัยพูดต่อ “แต่งงานกันแล้ว ผมขอมีลูกทันทีเลยนะ เอาแฝดเหมือนพวกคุณ 2 คนเลยก็ยิ่งดี”
วิทวัสไม่ยอมแพ้
“งั้นผมขอแฝดสามนะครับ คุณพร”
2 แฝดยิ้มเขิน จนหมอรุจน์ต้องแซวผ่านไมค์
“ตกลงคืนนี้จะได้หอมกันมั้ยครับ”
ตรัยกับวิทวัสพูดขึ้นมาพร้อมกัน “จัดให้”
ว่าแล้วทั้ง 2 หนุ่มก็บรรจงหอมแก้มเจ้าสาวของตัวเองคนละฟอดใหญ่ ทุกคนในบ้านหันมายิ้มให้

ความรัก และ ความสุข หวนคืนสู่ บ้านศิลาแดง อีกครั้ง

จบบริบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น