ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 6
ฉบับ ตรงกับที่ออกอากาศทางทีวีมากที่สุดในสามโลก!!!
เช้าวันถัดมา รถประจำตัวเสี่ยเจริญจอดนิ่งอยู่หน้าตึกใหญ่ เสี่ยเจริญนั่งรออยู่ในรถคันนั้นสักครู่หนึ่งแล้ว ใบหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่ค่อยพอใจนัก อีกสักพักเดียวจึงเห็นบูรพาเปิดประตูขึ้นมานั่งประจำที่นั่งคนขับ
“ขอโทษครับ ที่มาสาย”
“เมื่อคืนแกไปไหนมา”
บูรพาลังเล ตัดสินใจโกหก
“ไปสังสรรค์กับเพื่อนมานิดหน่อยครับ”
“รับผิดชอบตัวเองด้วย”
“ครับ”
เสี่ยเจริญตำหนิ แต่ดูเหมือนจะไม่ถือสาอะไรนัก ด้วยพอจะเข้าใจว่าบูรพายังใหม่กับงานอยู่ จึงพยักหน้าตัดบท บูรพารีบออกรถแล่นไป
รถเสี่ยเจริญแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังเบิ้มของนายบารมี เห็นทัศน์เดินนำบอดี้การ์ดออกมาอีกสองคน และหยุดยืนต้อนรับอยู่หน้าตึก ในจังหวะที่เสี่ยเจริญกับบูรพาลงจากรถ
บอดี้การ์ดทั้งสอง ชื่อ กฤช กับ ยุทธ เข้าไปขออนุญาตและเริ่มค้นตัวคนทั้งสองอย่างชำนาญ
เสี่ยเจริญไม่มีปืน ส่วนบูรพานั้นกฤชก็ลงมือค้นจนเจอปืนกระบอกหนึ่ง กฤชหันไปส่งให้ทัศน์ ซึ่งมองปืนปราดเดียวก็ดูออกว่าเป็นรุ่นไหน
“Colt government .45”
ทัศน์เหลือบสบตากับบูรพา ก่อนจะเอ่ยสั่งสมุน
“พาคุณเจริญไปพบกับท่านบารมี เดี๋ยวฉันอยู่รับรองคุณบูรพาเอง”
บูรพาแปลกใจนิดหน่อยที่ทัศน์รู้ชื่อตน เขาเหลือบมองไปที่เสี่ยเจริญ เห็นเสี่ยพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินตามสมุนทั้งสองของทัศน์เข้าไปในบ้าน
ทัศน์หันมาผายเชิญบูรพาไปที่ริมสระข้างตึกใหญ่
ตรงโต๊ะสนามริมสระว่ายน้ำข้างสวนสวยหน้าคฤหาสน์ ทัศน์กำลังถอดปืนของบูรพาออกบางส่วนเพื่อดูกลไกภายใน ก่อนจะครอบลงตามเดิม แต่เดี๋ยวก็ถอดแม็ก ปลดกระสุนออกดูอีกอย่างคล่องแคล่ว
บูรพามองการกระทำอันไร้มารยาทของทัศน์อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก
“ผมเป็นคนนิสัยเสียน่ะ เห็นปืนของคนอื่นเป็นไม่ได้ .45 มีอำนาจยับยั้งสูงสุด โหดไปหน่อยนะ”
“ผมชอบอะไรที่มันอุ่นใจไว้ก่อน”
ทัศน์ลองยกปืนที่ไม่กระสุนนัด เล็งไปทางหนึ่ง ซึ่งห่างจากบูรพาไม่มากนัก และลองเหนี่ยวไกดูแชะๆ
“คุณรู้มั้ย ปืนแต่ละกระบอกมันจะมีลักษณะพิเศษของมัน ยิ่งจับบ่อยเท่าไหร่ ความเป็นตัวคุณก็จะถ่ายทอดไปที่ปืนเท่านั้น บางครั้ง แค่เห็นปืน เราก็จะรู้นิสัยของคนที่เป็นเจ้าของได้ทันที”
“คุณเห็นปืนของผมแล้วนี่”
“กระบอกนี้ไม่ใช่ปืนของคุณ”
บูรพาอดที่จะทึ่งในความสามารถของทัศน์ไม่ได้
“ตะไบกระเดื่องไกบางขนาดนี้ คนที่เป็นเจ้าของท่าทางคงจะโผงผาง ใจร้อนน่าดู แต่คุณไม่ใช่”
ว่าพลางทัศน์บรรจุกระสุนกลับเข้าที่ตามเดิมและส่งคืนให้บูรพา
“ผม ทัศน์ เป็นเลขาของท่านรองบารมี ได้ยินว่าคุณเป็นมือขวาคนใหม่ของเสี่ยเจริญงั้นเหรอ”
“ผมบูรพา ยินดีที่ได้รู้จัก”
บูรพาจับมือกับทัศน์
“คุณนี่มาไม่นานก็ได้เป็นคนสนิทของเสี่ยซะแล้ว ท่าทางฝีมือคุณคงไม่เบาสินะ”
บูรพายิ้มอย่างรู้แกว ไม่ยอมตอบคำถาม
“ใจคอจะไม่ให้ผมดูปืนคุณบ้างเลยเหรอ”
ทัศน์ส่ายหน้า “บอกแล้วไงว่าผมเป็นคนนิสัยเสีย”
บูรพาชอบใจในตัวทัศน์ขึ้นมา ตงิดๆ รู้สึกว่าไอ้หมอนี่ทั้งร้าย ทั้งกวนประสาท
ทัศน์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ที่ห้องรับแขกภายในคฤหาสน์ มีโต๊ะทานข้าวขนาดยาวตั้งอยู่มุมหนึ่งสำหรับงานสังสรรค์ บารมีกับเสี่ยเจริญ นั่งอยู่กันคนละฝั่งหัวโต๊ะนั้น
บารมีนิ่งมองเช็คตัวเลขมหาศาลในมือครู่เดียวก็วางลง เหวี่ยงเลื่อนคืนตามพื้นโต๊ะจนไปหยุดตรงหน้าเสี่ยเจริญพอดี เสี่ยถึงกับตะลึง
“เอาคืนไปเถอะ ฉันรับไว้ไม่ได้” บารมีขยับเปลี่ยนอิริยาบถ ก่อนจะอธิบาย “ช่วงนี้ใกล้ถึงฤดูหาเสียงเลือกตั้ง รอบนี้ฉันกะว่าจะลงสมัคร แบบปาร์ตี้ลิสต์ ของอย่างนี้ชื่อเสียงและภาพพจน์ของพรรคเป็นเรื่องสำคัญ แกคงเข้าใจนะ”
เสี่ยเจริญหน้าเสียใจแป้ว “แต่ท่านครับ ถ้าท่านไม่ปล่อยของให้ผมแล้วผมจะเอาเงินที่ไหนมาให้พวกลูกน้องยาไส้กันล่ะครับ ช่วงนี้ผมกำลังต้องการเงินก้อนมาหมุนนะครับท่าน”
“ข่าวของแกกับไอ้หัวจักรมันกำลังร้อน ฉันจะเข้าไปยุ่งได้ยังไง แล้วไอ้ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ก็เพราะแกมันโตเกินตัว ลำพังแกบริหารงานใหญ่กับเค้าไม่ได้หรอก ลดๆ ลงซะบ้างดีกว่านะ ทำเป็นอึ่งอ่างพองลม ระวังจะท้องแตกตายเข้าซักวัน”
เสี่ยเจริญตะลึงตะไล นึกไม่ถึงว่าบารมีจะตัดเชือกตนเช่นนี้
“ท่าน”
บารมียิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กลับถึงบ้านคืนนี้ เสี่ยเจริญนั่งนิ่งฝังตัวอยู่ในความมืดสลัวในห้องรับแขกเพียงลำพัง โดยมีบูรพาคอยรินเหล้าให้ บรรยากาศอึมครึมแต่ก็ดูอบอุ่นไปด้วยมิตรภาพระหว่างนักเลงรุ่นเก๋า กับนักเลงคราวลูก
“ทำไมไม่ลองหาเอเย่นต์รายอื่นดูล่ะครับป๋า ขืนอยู่แบบนี้ต่อไป ก็คงต้องโดนนายบารมีกดขี่ไปตลอดชาติ”
“ตอนนี้จะเอเย่นต์รายไหนก็ต้องขึ้นกับไอ้บารมีอีกนั่นแหละคนมันมีอำนาจการเมืองอยู่ในมือ ก็เหมือนกับเป็นคนคุมกฎหมาย ใครๆ ก็กลัวมัน”
บูรพาฟังแล้วก็นิ่งขรึมไป เสี่ยเจริญเหลือบเห็นท่าทีนั้นก็ถาม
“แกคิดอะไรอยู่หรือบูรพา”
“ป๋า นอกจากนักการเมืองอย่างนายบารมี ในวงการนี้เคยมีใครที่อยู่เหนือกฎหมายบ้างมั้ย”
เสี่ยเจริญชะงักกึก อ่านสายตาของบูรพาออก
“แกกำลังชวนฉันขึ้นหลังเสืออยู่นะบูรพา”
“ต้องมีคนอื่นที่อยากหลุดพ้นจากการครอบงำของนายบารมีเหมือนๆ กับเรา ถ้าเราดึงคนพวกนั้นมาร่วมทุนได้ แล้วตั้งตัวเป็นเอเย่นต์ เป็นผู้ผลิตเสียเอง”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้น ทีวีออกข่าวพวกค้ายาถูกฆ่าถูกจับโครมๆ นั่นไงพวกรักอิสระที่ไม่ยอมให้นายบารมีหนุนหลัง จุดจบของมันเป็นเหมือนกันหมด ไม่ตายก็ติดคุก”
“แต่ก็ยังมีพวกใหม่ทยอยกันเข้ามาเสี่ยงอยู่อีกไม่ใช่เหรอป๋า บางทีทุกคนอาจจะคิดแล้วก็ได้ ว่าถึงเสี่ยงแค่ไหนก็ยังดี กว่าเป็นลูกไล่คนอื่นไปตลอดชาติ”
เสี่ยเจริญนิ่งอึ้งไป ท่าทางเริ่มคล้อยตามมือขวาคนใหม่
“บอกฉันได้มั้ยบูรพา ทำไมแกอยากเป็นอย่างไอ้บารมีทำไมแกอยากอยู่เหนือกฎหมาย”
บูรพามองเสี่ยเจริญ
“ผมต้องการพิสูจน์ให้ใครบางคนรู้ว่า กฎหมายมันไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เค้าคิด”
เสี่ยเจริญนิ่งงันไป
เจิมฉัตรแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่งตั้งแต่ต้นแล้ว เจ้าหล่อนปรายตามองบูรพาอย่างพอใจในความทะเยอทะยานของชายหนุ่มยิ้มยากผู้นี้
อ่านต่อหน้า 2
ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 6 (ต่อ)
ที่โต๊ะประชุมบริเวณออฟฟิศทีมตะวันฉาย บนกองปราบวันนี้ เสือกำลังอธิบายงานบนแผนที่ กับตำรวจคนอื่น
“นี่คือขอบเขตของหัวจักร ตั้งแต่หัวลำโพงถึงพระราม4 ส่วนนี่คือเขตของเสี่ยจิว เยาวราชถึง ปิ่นเกล้า ตอนนี้แก๊งของเสี่ยจิว ได้ยึดเขตของไอ้หัวจักรไว้หมดแล้ว และให้คนนี้” เขาชี้ที่รูปบูรพา “เป็นคนดูแลเขตของหัวจักร”
ตะวันฉายเดินเข้ามาในนั้น หน้าตามีรอยแผลจากการถูกชกเมื่อหลายวันก่อน เสือเห็นสภาพตะวันฉายเข้าก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น คงโดนน้องชายต่อยอีกแล้ว ตะวันฉายไม่พูดอะไรนอกจากยืนจ้องเสือเงียบๆ เสือค่อยๆ ยืนขึ้น เอ่ยทักทายด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“หมวด ลางานไปหลายวันเลยนะครับ”
ตะวันฉายยังเงียบ เสือสำนึกว่าตะวันฉายคงรู้ความจริงหมดแล้วแน่นอน
“ผมขอโทษ ผมแค่อยากจะช่วยผู้หมวด”
“ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอเสือ ว่าอย่า”
“หมวดครับ หมวดทนแบกรับปัญหาอยู่อย่างนี้ แล้วมันได้อะไรขึ้นมา ไอ้หมอนั่นไม่เคยเห็นหมวดอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ ถ้าหมวดไม่ยอมใช้ไม้แข็งกับเค้าผมว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ หรอกครับ”
“แต่คุณก็ไม่ควรจะจัดการกับเค้าด้วยวิธีที่คุณทำลงไป คุณเป็นผู้รักษากฎหมายนะเสือ เราเป็นผู้รักษากฎหมายไม่ใช่เป็นคนร้ายซะเอง”
เสือจนมุม เลยตัดบทเปิดอกยอมรับผิดแมนๆ ตามประสา
“ผมทำไปแล้ว จะผิดจะถูกยังไงผมก็ทำไปแล้ว ถ้าผู้หมวดไม่ชอบใจ อยากจะต่อยผมก็ได้นะครับ ผมยอมรับผิด”
เสือยืดอกเงยหน้ารับการโดนต่อย ตะวันฉายกำหมัดแน่นมองเสือเงียบๆ ยักษ์มองลุ้นๆ ว่ามึงโดนแน่ แต่แล้วตะวันฉายก็โกรธไม่ลง เขาถอนใจและเอ่ยบอกกับเสือดีๆ
“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงและอยากจะช่วยผม เสือแต่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามีครั้งหน้าอีกผมต่อยคุณจริงๆแน่ และผมจะต่อยตัวผมเองด้วยที่ห้ามคุณไม่ได้”
เสือโล่งใจ ไม่โดนต่อย
“ไปทำงานกันเหอะ โจรรออยู่”
เสือยืดตัวตรง “ครับ”
ตะวันฉายกับเสือนั่งซุ่มรออยู่บนรถซึ่งจอดอยู่ริมถนนหน้าปากซอยบ้านโจกะตุ๊ก จนกระทั่งโจเดินออกมาเห็นรถเสือก็จำได้ เลยรีบชิ่งหนีไปอีกทาง เสือลงรถเดินตาม
“โจจ๊ะ หยุดก่อนจ้ะ”
แต่โจก็ยังเดินหนีต่อ จนมาเจอตะวันฉายดักอยู่ข้างหน้า โจจำใจบอกข่าว
“ได้มาสองข่าวๆ ข่าวแรกตอนนี้ป๋ากำลังลำบาก คนที่เคยปล่อยยาให้ตอนนี้เกิดเล่นตัวอะไรขึ้นมาไม่รู้ ป๋าเลยหัวปั่นใหญ่เลย”
ตะวันฉายถาม “ข่าวที่สอง”
“แต่หมวดต้องไม่ลืมสัญญาเรื่องเลี้ยงอาหารเย็นหนูนะ”
ตะวันฉายเซ็ง “ข่าวที่สอง”
โจกระเง้ากระงอดที่หมวดไม่ยอมรับปาก แต่ก็รายงานต่อ
“ไอ้ปอดมันลือว่าป๋าจะปั๊มยาเอง ตอนนี้กำลังเจรจาหานายทุนอยู่ คาดว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือไงเนี่ย”
ตะวันฉายใจหล่น คิดหนัก สังหรณ์ใจขึ้นมาครามครัน
“แล้วหมวดรู้มั้ย ข่าวอันหลังเนี่ยใครเป็นคนตัวตั้งตัวตี” โจรอจนเห็นว่าทุกคนสนใจและรอฟัง เธอเน้นคำชัดๆ ว่า “นายบูรพา”
ตะวันฉายอึ้ง ขณะที่เสือเม้มปากแน่นไม่กล้าพูดหรือยุ่งเรื่องนี้อีกแล้ว
“หมวดขับรถไปส่งที่บ้านหน่อยสิ”
“ผมมีธุระ เสือดูแลหน่อยแล้วกัน”
ตะวันฉายเดินดุ่มออกไป
เสือบอก “เดี๋ยวไปส่งจ้ะ”
“ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวผิดสังเกต”
เสือเก็บตราตำรวจเข้าเสื้อ “เราก็หลอกว่าเป็นแฟนกันไง แค่นี้ก็ไม่ผิดสังเกตละ”
“มุขหมาแก่ว่ะ ไปหลอกเด็กเหอะพี่”
โจโดนเสือลากขึ้นรถ แล้วขับเข้าซอยไป
ข่าวของโจเป๊ะมาก โดยที่สนามหญ้าบ้านเสี่ยเจริญเวลานั้น เสี่ยกำลังเดินเล่นในสวนหย่อมโดยมีชัชชัยช่วยประคอง และมีบูรพาเดินตามมา
“ฉันรับรองแกสองคนกับทางญี่ปุ่น ให้ถือว่าพวกแกเป็นเสมือนตัวแทนของฉันในการเจรจาครั้งนี้ ถ้ายังไงก็อย่าให้เสียหน้าก็แล้วกัน และที่สำคัญต้องระวังตัวให้มาก ไอ้ยากูซ่าพวกนี้ได้ข่าวว่ามันโหดเอาเรื่อง ยิ่งมาต่างถิ่นมันก็ต้องระแวงเป็นพิเศษ ถ้าเจออะไรผิดหูผิดตาเข้ามีหวังคงยิงเราไม่เลี้ยง” เสี่ยเหลือบมองหลาน “ชัชชัย แกนั่นแหละตัวดี งานนี้อย่าให้มีเรื่องขึ้นอีกล่ะ”
“ครับป๋า”
เสี่ยเจริญมองหน้ามือขวา “บูรพา ฝากดูมันด้วยนะ”
“ครับ”
ถัดมาเสี่ยจิวนั่งจิบเครื่องดื่มคุยกับบูรพาที่ริมสระน้ำ
“ฉันรู้ว่าชัชชัยมันต้องไม่พอใจเรื่องนี้ แต่ที่ฉันเลือกให้แกไปเป็นคนพบลูกค้า แทนที่จะเป็นมันก็เพราะเจ้าชัชชัย อารมณ์ตัวเอง มันยังคุมไม่ค่อยจะอยู่ แล้วมันจะไปคุมสถานการณ์อะไรได้”
“แต่คุณชัชจริงจังกับงานครั้งนี้มาก ป๋าน่าจะลองเปิดโอกาสให้ดูบ้าง”
เสี่ยเจริญเยื้อนยิ้ม “บูรพา นี่แหละที่เป็นข้อเสียของแก แกเด็ดขาดกับตัวเอง แต่ไม่กล้าเด็ดขาดกับคนอื่น แกยังแคร์คนมากเกินไป”
เสี่ยจิวลุกขึ้นเดินไป บูรพาช่วยประคอง
“แกต้องรีบปรับความคิดของตัวเองให้ได้ โดยเฉพาะก่อนทำงานครั้งนี้” มังกรสูงวัยเน้นคำ “มันอันตรายมากนะบูรพา มีทั้งคนของนายบารมี คนของตำรวจเฝ้าจับตาอยู่ เราไม่รู้พวกนั้นจะลงมือกับเรายังไงและก็เมื่อไหร่ ถ้าเหี้ยมได้ แกต้องเหี้ยมเข้าใจมั้ย”
บูรพาพยักหน้ารับอย่างลังเล
ตกกลางคืน ปูกำลังทำงานอยู่ในสตูดิโอของธิชา จนเห็นเงาคนเดินเข้ามา ปูเหลือบมองด้วยหางตาและถามอย่างไม่ใส่ใจนัก ด้วยไม่ชอบขี้หน้าอยู่แล้ว
“มีธุระอะไร”
“ผมมาหาธิชา”
“ไม่อยู่”
“ไปธุระเหรอ”
“ไม่รู้สิ นายว่าไปไหนล่ะ”
บูรพาดูออกว่าปูกวนประสาทตน ก็นึกเซ็ง ขยับจะเดินออกจากร้าน ปูรีบกระแอมเรียกความสนใจ ทำให้บูรพาต้องหันมาอีกครั้ง
“เมื่อวานทำเรื่องอะไรไว้ฉันรู้นะ”
“แล้วไง”
“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกว่า คนอย่างนายทำให้ธิชามีความสุขไม่ได้หรอก ถ้านายหวังดีต่อธิชา ฉันว่านายช่วยไปห่างๆ เธอดีกว่า”
“ขอโทษนะคุณ ไอ้เรื่องอย่างนี้มันฝืนใจกันไม่ได้ คนมันจะรักจะเกลียดน่ะ” บูรพาจ้องหน้าปู “อย่างคุณ ไม่ว่าผมจะทำดียังไง คุณก็ไม่เคยมองผมเป็นอย่างอื่นเลย นอกจากไอ้ขี้คุก”
ปูโกรธ “อ๋อ นี่คงคิดว่าธิชาเค้ามองนายวิเศษนักล่ะสิ อยากรู้มั้ยว่าธิชาไปไหน”
ยักษ์กำลังนั่งคีย์คอมพ์ มีปากกาทัดหู สักครู่ก็ได้ข้อมูลที่ต้องการจึงหลีกทางให้ตะวันฉายเข้ามาดู
หน้าจอเป็นแฟ้มข้อมูลของมาเฟียญี่ปุ่นรายหนึ่ง อ่านจากชื่อภาษาอังกฤษเขียนว่า “คิมูระ โก” ยักษ์กดเอนเทอร์ ขยายภาพนั้นใหญ่ขึ้นจนเห็นถนัดว่าเป็นคนหนุ่มหน้าเหี้ยม มีลายสักแผ่มาถึงต้นคอ
เวลาผ่านไปอีก ตะวันฉายกำลังเตรียมตัวกับเสือและจ่าส่ง ยักษ์ บนโต๊ะมีรูปถ่ายและประวัติของคิมูระที่โหลด ปริ้นท์ ออกมา
“เท่าที่สืบทราบมา คิมูระไม่ยอมจองห้องพักไว้ล่วงหน้า เพราะมันไม่ต้องการให้ตำรวจหรือศัตรูของมันได้มีโอกาสเตรียมการดักทางมันไว้ได้ถูก ดังนั้น ทางเดียวที่เราจะทำได้ก็คือ รอฟังข่าวจากสายของเราจนรู้แน่ว่ามันจะเข้าพัก ที่โรงแรมไหนแล้วค่อยติดตั้งอุปกรณ์สอดแนม”
ยักษ์ทักท้วง “จะทันหรือครับหมวด ติดอุปกรณ์สอดแนมอย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาสักชั่วโมงสองชั่วโมง”
เสือเสริม “แล้วเกิดมันพักโรงแรมใกล้ๆ สนามบินล่ะครับหมวด”
ตะวันฉายบอกว่า “ก็ต้องลองเสี่ยงดู ถ้าเป็นไปได้อยากจำกัดเวลาให้อยู่ในครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ไหวรึเปล่ายักษ์”
ยักษ์ซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้ พยักหน้าเครียดๆ และไม่ค่อยมั่นใจนัก
“งานนี้เราหวังผลแค่ไหนครับหมวด” จ่าบุญส่งถามขึ้น
“เรายังไม่รู้ว่าพวกมันจะติดต่อธุรกิจกันในขั้นไหน แต่ถ้ามีการซื้อขายพร้อมของกลางล่ะก็” ตะวันฉายบอกด้วยน้ำเสียงเครียดเคร่งตอนท้าย “บุกเข้าจับกุมได้ทันที”
เสือกำลังดูรูปของคิมูระอยู่ แต่แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ผู้หมวดครับ มีคนมาหาครับ”
ตะวันฉายพยักหน้าหงึกๆ ไม่ตื่นเต้นอะไรนัก จนเมื่อหันไปแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเป็นธิชา
“ขอโทษนะคะที่มาเอาซะค่ำ พอดีเมื่อกลางวันโทร.มาแล้วคุณไม่อยู่ รบกวนคุณรึเปล่าคะ
ฉันมาวันอื่นก็ได้” ธิชาหันตัวจะกลับ
“ไม่รบกวนเลยครับ เชิญครับ”
อ่านต่อหน้า 3
ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 6 (ต่อ)
ถัดมา ธิชานั่งรอที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง เธอมองกองเอกสารที่วางพะเนินอยู่รอบๆ ตัวอย่างไม่คุ้นนัก ก่อนที่สายตาของเธอจะมองไปเห็นภาพเขียนการ์ตูนล้อเลียนที่เสือวาดล้อทั้ง ตะวันฉาย ยักษ์ จ่าส่ง และตัวเสือเอง
โดยทั้งทีมกำลังนั่งเบียดกันอยู่ในรถตำรวจที่กำลังไล่ล่ารถผู้ร้าย อีกภาพเห็นเป็นตะวันฉายคนเดียวในมุมผ่อนคลาย ไม่ได้เคร่งเครียดเสียตลอดเวลา
ธิชาอดยิ้มขำไม่ได้ มองไปเห็นตะวันฉายกำลังงกเงิ่นกับการจัดเตรียมเครื่องดื่ม
“น้ำหวานหมดพอดี เอากาแฟก็แล้วกันนะครับ”
“ขอเป็นน้ำเปล่าก็พอค่ะ”
“อ๋อได้ครับ”
อารามรีบร้อนตะวันฉายชนแก้วน้ำหกลงโต๊ะ ยักษ์กับบุญส่งซึ่งทำงานอยู่แอบชะเง้อมอง แล้วมองหน้ากัน จ่าส่งขำ ตะวันฉายเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟธิชา
“ชั้นคิดอยู่นานทีเดียว ก่อนที่จะตัดสินใจมาหาคุณ” เธอเอ่ยขึ้นหลังดื่มน้ำไป
“วันนี้มีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ”
“ฉันตั้งใจจะมาขอโทษคุณเรื่องวันนั้นค่ะ ฉันรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกคุณ ฉันน่าจะบอกคุณให้รู้ตัวก่อนว่าบูรพาจะไปที่งาน”
ตะวันฉายยิ้มทำใจ “ผมเข้าใจ ผมกับน้องเจอกันทีไรเป็นต้องมีเรื่องกันทุกที คุณคงอึดอัดใจที่จะบอก”
ธิชายิ้มตอบบางๆ ให้ตะวันฉายอย่างเป็นกันเอง
“อย่าเพิ่งโทษตัวเองเลยนะคะ อาจเป็นเพราะคุณกับบูรพายังไม่มีเวลาได้คุยกันมากพอ ก็เลยยังไม่เข้าใจกัน ฉันเชื่อว่าถ้าบูรพาใจเย็นกว่านี้อีกสักนิด เขาจะต้องฟังคุณและให้อภัยคุณได้แน่นอนค่ะ”
ตะวันฉายมองจ้องธิชาที่จริงจังกับเรื่องนี้
“ถือว่าฉันขอร้อง อย่าเพิ่งหมดความอดทนกับเขาเลยนะคะ”
ตะวันฉายมองธิชานิ่งๆ ในใจซาบซึ้งและนึกชื่นชมเธอ
“เอ่อ คุณครับ”
ธิชาหันมาหา “เรียกธิชาก็พอค่ะ”
“ธิชา ผมอยากจะบอกว่าเราสองคนพี่น้อง หมายถึงผมกับบูรพาเป็นหนี้คุณ”
ธิชายิ้มให้ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอยากเห็นคุณสองคนคืนดีกันไวๆ”
ตะวันฉายอึ้ง ธิชาเอื้อมมือมาแตะสะกิดแขนเบาๆ
“คุณต้องเข้มแข็งนะคะ คิดว่าเพื่อบูรพา”
ตะวันฉายพยักหน้ารับ มองธิชาด้วยสายตาชื่นชมกับความตั้งใจที่มีของเธอ
ตะวันฉายเดินมาส่งธิชาที่รถตรงหน้าอาคารกองปราบ ธิชาหันไปหา
“บางทีฉันอาจจะลองไปหาเค้าที่ไนต์คลับดูสักครั้ง ถ้าเค้ายอมพบหน้าฉัน เราอาจจะได้คุยกัน”
ตะวันฉายเปิดประตูให้ธิชา โดยมีสายตาของใครคนหนึ่งมองอยู่จากในรถ
จนรถธิชาแล่นออกไป รถคันนั้นจึงขับแล่นตามไป
ขณะที่ธิชากำลังขับรถมาตามทาง จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาดักด้านหน้ากลางสี่แยก
ธิชาลงมาจากรด้วยอาการตะลึงเมื่อพบว่า รถที่จอดขวางรถเธอกลางแยกนั้น คนขับรถคือบูรพานั่นเอง เขาถือดอกไม้ช่อหนึ่งในมือมองออกไปไกล
ธิชาโกรธระคนแปลกใจ “บูรพา”
“เข้ามาสิ ผมอยากคุยอะไรด้วยหน่อย คุณไม่ต้องกลัวผมหรอก”
ธิชาเสียงขุ่น “คุณขับรถไล่ตามชั้นทำไม ชั้นไม่ชอบเลยที่คุณทำอย่างนี้”
“ผมขอโทษ ผมแค่รู้สึกหวงคุณ”
“บูรพาคุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ”
บูรพาไม่สนใจยกดอกไม้ขึ้นมาดู “รู้มั้ย ผมซื้อดอกไม้นี้ตั้งแต่เมื่อวาน ตั้งใจว่าวันนี้จะรีบมาหาคุณ แต่กว่าผมจะออกมาได้มันก็ค่ำแล้ว แต่ก็ดีไปอย่าง มันทำให้ผมได้รู้จักคุณมากขึ้น”
ธิชาอึ้ง “บูรพา มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”
บูรพาพูดต่อโดยไม่สนใจฟัง “ทำไมนะ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณ ผมมักมาสายเสมอ”
ธิชาชักโกรธ “บูรพา”
“ผมถามคุณแค่คำเดียว คุณกับเค้า หรือคุณกับผม อย่างไหนสำคัญกว่ากัน”
“ฉันกับพี่ชายของคุณ เราไม่ได้มีอะไรกัน ฉันไปหาเค้าเพื่อขอโทษเค้าเรื่องเมื่อวานเท่านั้นเอง”
บูรพาฉุนกึก “ขอโทษเขาเหรอ ทำไมต้องไปขอโทษมันด้วย มันต่างหากที่ควรจะขอโทษผม ขอโทษคุณ มันกำลังแย่งคุณไปจากผม คุณได้ยินมั้ย ธิชา มันกำลังแย่งคุณไปจากผม
“แต่เค้าเป็นพี่ชายของคุณนะคะ”
“ไม่ มันไม่ใช่พี่ผม”
ธิชามองบูรพาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ว่าเขาเป็นอะไรไป
“คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ นี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของคุณใช่มั้ย”
“ใช่ แล้วคุณอย่าคิดนะว่าจะเปลี่ยนความคิดผมได้ ธิชา ยังไงผมก็ไม่มีวันให้อภัยเค้าแน่ ผมไม่มีวันให้อภัย”
ไม่ทันขาดคำธิชาก็ตบหน้าบูรพา แต่ดูราวกับเธอเป็นฝ่ายชอกช้ำเสียเอง
“คุณมันเห็นแก่ตัว คุณไม่เคยแคร์อะไรเลยนอกจากความเจ็บปวดที่ผ่านมาของตัวเอง” ธิชาส่ายหน้า “ฉันผิดหวังในตัวคุณ บูรพา”
ธิชาขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที บูรพามองตามเธอไปด้วยความเศร้าใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นในที่สุด
“พี่ฉาย”
ประตูห้องคอนโดเปิดออก ธิชาเดินเข้าห้องมาด้วยสภาพน้ำตานองหน้า เธอวิ่งเข้าห้องนอนไป ปูมองตามงงๆ ตามมาเคาะประตูห้อง
“ธิชา ขอฉันเข้าไปหน่อยได้มั้ย มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ”
ธิชาส่งเสียงออกมาว่า “อย่ามายุ่งได้มั้ย ฉันอยากอยู่คนเดียว”
ธิชานั่งร้องไห้อยู่บนเตียงในห้องนอนมองไปยังรูปบูรพาที่วางอยู่หัวเตียง ธิชาร้องไห้เสียใจที่ไปผูกพันกับคนชื่อบูรพา ความรักความหลังตั้งแต่เธอเจอกับบูรพา และเขาช่วยชีวิตเธอไว้ ผุดซ้อนขึ้นมาก่อนจะจางหายไป
ส่วนทางบูรพาจอดรถอยู่ริมน้ำนนทบุรี เขายืนครุ่นคิดอะไรคนเดียวที่ถนนริมแม่น้ำซึ่งเขากับธิชาเคยมาเดินเล่นด้วยกัน
“ทำไมต้องเป็นธิชาด้วย” บูรพายิ่งคิดยิ่งแค้น “ทำไมต้องเป็นธิชาด้วย”
บูรพามองเหม่อก่อนจะตบฝ่ามือเข้ากับสันราวกั้นอย่างหนักหน่วงรุนแรง
ระบายอารมณ์ที่สับสนอยู่ในใจ
อยู่มาวันหนึ่ง ทัศน์กำลังยืนรอรับคำสั่งของบารมี ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะในศาลากลางสวนสวย ประเด็นที่สองคนคุยกันคือ บูรพา
ทัศน์พูดขึ้นว่า “แค่มาอยู่ไม่ถึงเดือน มันกลับเป็นคนที่มีบทบาทมากที่สุดในกลุ่ม”
บารมีบรรจงตัดแต่งกิ่งต้นบอนไซอย่างพิถีพิถัน
“แผนที่จะจำกัดอำนาจเสี่ยจิวของเรา ก็ต้องมาพลาดเพราะมัน ลือกันว่าตอนนี้มันกำลังติดต่อกับพวกยากูซ่าเพื่อขอทุนมาเป็นผู้ผลิตยาเสียเอง ขืนปล่อยให้หมากตานี้เดินแต้มสำเร็จ ซักวันเราอาจจะเป็นฝ่ายลำบาก”
ในความเงียบที่ทำหน้าที่ของมันอยู่นั้น บารมีคิดปราดเดียวแล้วตัดกิ่งบอนไซกิ่งใหญ่ทิ้ง ทัศน์มองอย่างประหลาดใจ
“ถ้ามันเลี้ยงยากนัก ก็ปล่อยมันตายๆ ไปซะเถอะ ฉันไม่แคร์”
“แต่ตอนนี้ท่านไม่ควรจะตกเป็นข่าวนะครับ ช่วงหาเสียงกำลังใกล้มาถึงแล้ว”
“ก็ยืมมือคนอื่นจัดการมันให้เราสิ วิธีนี้แกถนัดไม่ใช่เหรอ” บารมีใช้ความคิด “แต่ตอนนี้ไม่มีไอ้หัวจักรแล้ว แกจะยืมมือใคร”
ทัศน์คิดสักพัก ก็พรายยิ้มชั่วออกมาระบายเต็มหน้า
“พวกมันเอง” ทัศน์ว่า
ทัศน์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนคอนโดส่วนตัวของเจิมฉัตร และเห็นชัชชัยกำลังโรมรันพันตูกับเจิมฉัตรอยู่บนเตียงอย่างเร่าร้อนถึงพริกถึงขิง
เจิมฉัตรชักผิดสังเกต จึงลืมตาขึ้น แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทัศน์ลงนั่งที่ริมเตียง ชัชชัยเองรู้ตัวจากอาการของชู้รักเมียลุง รีบควานคว้าหาปืน
ทว่าในจังหวะที่มือชัชชัยคว้าปืน แต่กลับถูกปืนทัศน์จ่อใส่หน้าอยู่
ชัชชัยเงยหน้าขึ้นมองเห็นทัศน์กำลังแสยะยิ้มให้ตนอยู่ท่าทีขำๆ ชัชชัยจึงค่อยๆ ละมือออกจากปืน และเมื่อหันไปดูอีกทาง ก็ เห็น กฤช และ ยุทธ ยืนคุมเชิงอยู่
“ผมชื่อทัศน์ เป็นเลขาของท่านรองบารมี วันนี้ท่านใช้ผมมายื่นข้อเสนอพิเศษสุดสำหรับคุณ”
“ข้อเสนออะไร”
“ใส่เสื้อผ้าซะ แล้วค่อยคุยกัน” ทัศน์โยนกางเกงให้
สามคนอยู่ที่ห้องรับแขกคอนโด ทัศน์ไหว้พระในห้อง
“หมายความว่าทุกอย่างที่เป็นของป๋า จะกลายมาเป็นของกู งั้นเหรอ”
ชัชชัยและเจิมฉัตรตะลึง ทัศน์ยิ้มให้เจิมฉัตร ถือโอกาสเดินสำรวจห้อง และเจอปืนที่ซ่อนอยู่
“.38 สมิธ ยิงลูก+P ได้ด้วยนะ” เขาหันมาหาสองคน “ใช่ รวมทั้งป้าสะใภ้สุดสวยของคุณด้วย
ชัชชัยมองหน้ากันกับเจิมฉัตร แต่ชัชชัยไม่ยอมก้มหัวง่ายๆ เพราะเหตุผลแค่นั้น
“หึ อย่างกูจะขึ้นอำนาจ ต้องพึ่งสวะอย่างพวกมึงด้วยเหรอ”
ทัศน์เดินไปอีกจุดหนึ่ง ก็เจอปืนที่ซ่อนอีกกระบอกหนึ่ง
“โค้ลท์1911 เริ่มใช้เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มั่นใจเหลือเกินนะว่าตัวเองจะได้ แล้วถ้าเกิดไม่ได้ขึ้นมาล่ะจะว่ายังไง หรือว่าเกิดลุงคุณอายุยืนกว่านี้อีกสักยี่สิบสามสิบกว่าปีล่ะ เอ…กว่าคุณจะได้เป็นนายใหญ่ก็สี่สิบเข้าไปแล้วล่ะมั้ง”
ชัชชัยอึ้งไปอีก ทัศน์เข้ามานั่งข้างๆ ชัชชัย แล้วหยิบปืนอีกกระบอกที่ซ่อนไว้ในช่องว่างเบาะของโซฟา
“กล็อก17 อันนี้ตำรวจชอบใช้...ตรงกันข้าม ถ้าคุณมาขึ้นตรงกับท่านรองบารมี คุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น เหมือนชีวิตนี้เดินตามรอยบาทของพระผู้เป็นเจ้าไม่เข้าท่ากว่าหรือไง” ทัศน์เยื้อนยิ้ม “คิดดูให้ดีนะ”
ทัศน์หันไปบุ้ยหน้าให้ลูกสมุนก่อนจะล่าถอยออกไป ยุทธคอยระวังหลังก่อนจะล่าถอยไปเป็นคนสุดท้าย มาดเท่ห์ๆ โดยไม่ต้องชูปืนก๋า
ชัชชัยกับเจิมฉัตรนั่งโล่งใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ แต่แล้วทัศน์ก็ดันโผล่หน้ากลับมาอีก
“อ้อแล้วก็ อย่าหักโหมกันนักล่ะ เดี๋ยวจะหมดแรงคิดซะก่อน”
ทัศน์หัวเราะก่อนจะถดหน้ากลับไป
ทิ้งให้ชัชชัยกับเจิมฉัตรมองตามอย่างคาดไม่ถึง
อ่านต่อหน้า 4
ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 6 (ต่อ)
ทัศน์กับลูกน้องกลับไปสักพักแล้ว เวลานี้เจิมฉัตรกำลังอาบน้ำอยู่ ในขณะที่ชัชชัยนั่งใช้ความคิดอยู่ที่ขอบอ่าง เจิมฉัตรมีท่าทีครุ่นคิดพอกัน
“เธอคิดว่ายังไงบ้าง”
“ทำไมจะต้องไปคิดอะไร ป๋าเป็นลุงฉันนะถ้าฉันทรยศป๋า แล้วฉันจะไปสู้หน้าใครได้อีก”
“ฉันไง ถ้าเธอทำสำเร็จ ถ้าเธอปลดปล่อยชีวิตของฉันจากไอ้แก่นั่นได้ ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเอง”
ชัชชัยฟังแล้วชักลังเล เจิมฉัตรเคลื่อนตัวขึ้นจากน้ำโอบกอดออเซาะชัชชัย
“ชัชชัย คนดีของฉัน เธอต้องทำได้สิ”
ชัชชัยตัดบท “พอเถอะ ฉันยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ ไว้ค่อยว่ากันอีกที”
“อย่าให้ช้านักล่ะ ไม่แน่หรอกนะ เกิดฉันเจอใครที่มีกึ๋นกว่าเธอขึ้นมา ฉันอาจจะโผไปหาเค้าแทนก็ได้”
ชัชชัยยิ้มเยาะ อย่างลำพอง “นอกจากฉัน ยังจะมีใครกล้าแตะเมียป๋าอีกเหรอ”
“มีสิ บูรพาไงล่ะ”
ได้ผล ชัชชัยหน้าเครียด “ไอ้ระยำนั่นมันไม่กล้าหรอก”
“ทำไมจะไม่ ลงถ้าฉันไปประเคนถึงที่ มีผู้ชายคนไหนจะปฏิเสธฉันได้”
ชัชชัยเครียดจัด แต่พยายามไม่ให้เจิมฉัตรเห็น ทว่าเจิมฉัตรนั้นดูออก รู้ดีว่าชัชชัยคงทนได้อีกไม่นาน
ตอนเที่ยงวันนี้ บูรพาและชัชชัยเดินมาขึ้นรถที่หน้าตึก เสี่ยเจริญเดินเข้ามากำชับ
“อย่าลืมนะ ความหวังพวกเรา อยู่แกสองคน พวกคิมูระเป็นยากูซ่าจากตระกูลใหญ่ อย่าทำเป็นเล่นไปล่ะ”
บูรพารับคำแล้วเข้าไปนั่งในรถ ขณะกำลังสตาร์ตรถ ชัชชัยกลับยื่นปืนมาจ่อกบาลบูรพาและเหนี่ยวไกดังแชะ เห็นบูรพาตกใจ ชัชชัยหัวเราะร่า ค่อยๆ บรรจุกระสุนใส่รังเพลิง
“โธ่ขวัญเอ๊ยขวัญมา หยอกเล่นหน่อยเดียวถึงกับหน้าซีดเลยหรือวะ
“เล่นอย่างนี้มันไม่สนุกเลยนะคุณชัช”
“ก็แล้วแต่ว่าใครเป็นฝ่ายเล่นมากกว่าล่ะมั้ง”
เสี่ยเจริญเซ็ง “เราไปเจรจาธุรกิจ ไม่ได้ไปถล่มกับใคร ไม่ต้องพกปืนก๋าขนาดนั้นก็ได้”
ชัชชัยลอยหน้าลอยตาทำกวนประสาทไม่สนใจ บูรพาตัดบทด้วยการออกรถ ชัชชัยลอบมองบูรพา นัยน์ตาฉายแววพยาบาทลึกล้ำ
ที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนเที่ยง ผู้คนพลุกพล่าน ดังเช่นทุกวัน แลเห็นเครื่องบินร่อนลงจอด ทะยานขึ้น เป็นระยะๆ
อีกฟากหนึ่ง ที่โรงแรมบูทีค ไม่ซอมซ่อ แต่ก็ไม่ได้หรูหรา รถของเสือแล่นเข้ามาจอดในลานจอดรถ ก่อนที่ตะวันฉาย เสือ บุญส่ง และยักษ์จะลงจากรถกรูกันเข้าไปในโรงแรมอย่างรีบเร่ง
ตะวันฉายเดินนำลูกทีมมาที่เคาน์เตอร์
“ผู้จัดการอยู่รึเปล่า”
พนักงานรีเซฟชั่นหันมองไป เห็นผู้จัดการโรงแรมเดินมาพอดี
“ผมเป็นผู้จัดการของที่นี่ครับ”
ตะวันฉายแสดงบัตรตำรวจ “ตอนนี้เราได้รับรายงานว่ามีคนร้ายกลุ่มหนึ่งโทร.เข้ามาจองห้องพักที่โรงแรมของคุณ เราอยากจะขอความร่วมมือขอใช้สถานที่ในการสืบจับพวกมัน”
ผู้จัดการโรงแรมใจไม่ดี “จะมียิงกันรึเปล่าครับนี่”
ตะวันฉายมองหน้ากันกับลูกทีม ตอบไม่ได้ เสือเลยตัดสินใจตอบแทน
“ไม่แน่”
ผู้จัดการโรงแรมกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอ
แก๊งคิมูระเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อย พวกมันโชว์มาดยากูซ่าโคตรเท่ ในประชาชนละแวกสนามบินดูเป็นที่ประจักษ์
ก่อนจะพากันเดินขบวนออกจากสนามบินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่
เวลาผ่านไป แก๊งคิมูระเดินมาที่เค้าน์เตอร์โรงแรมที่จองไว้แล้ว ตะวันฉายในชุดพนักงานต้อนรับยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ โดยตะวันฉายซุกปืนไว้ตรงหน้าเคาน์เตอร์เผื่อฉุกเฉินก็พร้อมยิงได้ทันที
ตะวันฉายทักทายเป็นภาษาอังกฤษออกไปว่า “สวัสดีตอนบ่าย”
ทว่า ยากูซ่า 2 ฝ่ายประสานงานทางไทยคนสนิท คิมูระ กลับตอนเป็นภาษาไทยเฉย
“เราต้องการจองห้องพัก”
“สำหรับสามท่านหรือครับ”
“มีปัญหาอะไรงั้นหรือ”
“มีห้องพิเศษอยู่ที่ชั้นห้าครับ ห้อง 204”
“เราอยากได้ห้องธรรมดา และก็อยู่ชั้นสูงๆหน่อย เราไม่ชอบคนพลุกพล่าน”
ตะวันฉายอึกอักเพราะผิดแผน “เอ่อ...แต่ห้อง…”
“ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เราจะไปเข้าพักที่อื่น” ยากูซ่า 2 ว่า
“ได้ครับ” ตะวันฉายวอสื่อสารแจ้งพนักงาน ”เบลท์บอยมารับกระเป๋าแขก”
ตะวันฉายแอบมองหน้ากันกับเสือ ขณะเสือเข็นรถมารับกระเป่าเพื่อไปยังลิฟท์ ตะวันฉายวอหายักษ์ แต่ยักษ์ไม่ตอบ เขาตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดไปหายักษ์
เสือเดินพาแก๊งยากูซ่ามาที่หน้าลิฟต์แล้ว เมื่อเปิดลิฟต์ก็เห็นจ่าบุญส่งในมาดพนักงานกดลิฟต์ยืนอยู่ในนั้นอย่างสมบทบาท
ตะวันฉายรีบวิ่งไปหายักษ์โดยผ่านทางครัว วอหายักษ์ แต่ยักษ์ยังไม่ตอบ
ส่วนเสือคอยกดสัญญาณรหัสมอสบอกตะวันฉายตลอดว่า ตอนนี้ถึงชั้นไหนแล้ว
ตะวันฉายวิ่งผ่านสระว่ายน้ำไปอย่างร้อนใจ วอหายักษ์ แต่ยักษ์ยังคงไม่ตอบกลับมา
ตะวันฉายพรวดเข้าห้อง 204 มา เห็นยักษ์กำลังติดตั้งกล้องตัวสุดท้าย
“เรียบร้อยครับหมวด อุปกรณ์สอดแนมติดตั้งพร้อมแล้วครับ”
“ทำไมไม่ตอบวอผม ถอดออกมาให้หมด” ตะวันฉายเสียงขุ่น
“อะไรนะครับ” ยักษ์อึ้ง
“มันขอย้ายห้องไปอยู่ชั้น 8”
ยักษ์ทำหน้าเหมือนจะเป็นลม รีบช่วยกันถอดอุปกรณ์ทั้งหมด แล้วออกจากห้อง แต่ขณะกำลังจะออกเปิดประตู ก็เห็นเสือกับบุญส่งกำลังพาคิมูระเดินผ่านหน้าห้องพอดี ตะวันฉายกับยักษ์รีบหลบกลับเข้าไปอีก
ในมาดเบลท์บอย ทั้งเสือกับบุญส่งกำลังเดินนำพวกยากูซ่ามาตามทางเดินริมสระ แต่แล้วเสือก็ทำท่าเหมือนกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
“โอ๊ย ตายๆๆๆๆ โทษครับ ผมจำทางผิด”
ยากูซ่า2 หงุดหงิด “อะไรนะ”
“เราขึ้นมาผิดชั้นครับ ต้องลงไปอีก”
ยากูซ่า2 หันไปรายงานคิมูระ ถูกคิมูระด่าเป็นชุด ปรี่มากระชากคอเสื้อเสือ และต่อว่าเป็นภาษาญี่ปุ่น
จังหวะนี้เองด้านหลังตรงเอวเสือ เมื่อเสื้อถูกกระชากขึ้น เผยให้เห็นเครื่องวิทยุสื่อสารเหน็บอยู่โผล่ออกมา จังหวะนี้บุญส่งใช้โอกาสขอตัวไปก่อน เพื่อไปสมทบกับพวกตะวัน
ถัดมาตะวันฉาย จ่าบุญส่ง และยักษ์ลงมือติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมกันคนละไม้ละมือในห้องพักยากูซ่า
“จะทันหรือครับหมวด จากชั้นล่างขึ้นมานี่ 10 นาทียังไม่ถึงเลยนะครับ” จ่าถามอย่างกังวล
“งานนี้ฝากความหวังไว้ที่เสือก็แล้วกัน”
ตะวันฉาย บุญส่ง ยักษ์ และผู้จัดการโรงแรมทำงานกันจ้าละหวั่น แต่หูยังคอยฟังเสียงจากวิทยุสื่อสารที่เปิดรับคลื่นทิ้งไว้
“ต้องขอประทานโทษจริงครับ คือผมเพิ่งมาทำงานใหม่ กรุณาอย่าฟ้องผู้จัดการเลยนะครับ” เสือบอก
ได้ยินเสียงคิมูระด่าเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกเป็นชุด ก่อนจะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ยากูซ่า 2 กดรับคุยสาย
“ฮัลโหลใช่ พวกเรามาถึงแล้ว เราจองห้อง 802 เอาไว้ อะไรนะ พวกคุณมาถึงแล้วเหมือนกันเหรอ
ยากูซ่า 2 คุยโทรศัพท์ มาตามทางเดินริมสระน้ำโรงแรม
“ก็ได้งั้นขึ้นไปเจอกันบนห้อง”
ยากูซ่า 2 วางสาย แล้วหันไปบอกคิมูระ ก่อนจะสั่งเสือ
“รีบพาไปให้มันถูกห้องซะที เรามีนัดเจรจากับลูกค้า”
“ครับๆ ได้ครับ”
เสือรีบนำคิมูระกับพรรคพวกไปอีกทาง
ชัชชัยกับบูรพามาถึงล็อบบี้โรงแรม สองคนเดินตรงมาที่ลิฟต์ พอเข้าลิฟต์มาได้ ชัชชัยยังคงระรานด้วยความเขม่นบูรพาไม่เลิก
“เฮ้ย งานแรก อย่าให้เสียเรื่อง อย่าคิดนะว่าป๋าไว้ใจมึง แล้วกูจะไว้ใจมึง ยังไงมึงก็แค่เด็กขับ
รถอยู่วันยังค่ำ”
ตะวันฉายนำลูกทีม และผู้จัดการโรงแรมออกมาจากห้องยากูซ่า แล้วเปิดประตูเข้าไปยังห้องที่อยู่ติดๆ กัน ทั้งหมดกรูกันเข้าไปที่จอมอนิเตอร์ ยักษ์เปิดหน้าจอดู แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นแต่หน้าจอว่างเปล่า
“อ้าว ทำไมไม่มีภาพวะ”
ฝ่ายบูรพากับชัชชัยเดินออกมาจากลิฟต์ กำลังตรงไปที่ห้อง 804 บูรพาไล่สายตาไปตามหมายเลขห้อง
ขณะเดียวกันบุญส่งเข้าห้องมาสมทบกับตะวันฉายและยักษ์ คุยวิทยุกับเสือไปด้วย
“เสือทางนั้นเป็นยังไงบ้าง
“ผมจะยันไม่อยู่แล้วน้า พวกมันติดต่อกับลูกน้องเสี่ยจิวแล้วต้องเร่งมือครับผมเชื่อว่ามันกำลังไปที่ห้อง” เสือแจ้งมา
“หมวดครับเสือรายงานว่าพวกเสี่ยวจิวถึงแล้วครับ” บุญส่งรายงาน
ยักษ์ตกใจกับจอคอมพ์อันว่างเปล่า
“ฉิบหายแล้วลืมเปิดกล้อง”
“แล้วจะทันมั้ยครับหมวด” บุญส่งถาม
ไวเท่าความคิด ตะวันฉายรีบโผออกไปจากห้อง
“ผมเอง”
ตะวันฉายเพิ่งออกจากห้องตำรวจ และเข้าไปในห้องยากูซ่า ในจังหวะที่บูรพาเพิ่งเดินเลี้ยวหัวมุมทางเดินตรงมาทางนี้พร้อมกับชัชชัย
ตะวันฉายใช้รีโมทเปิดเครื่องกล้องที่ซ่อนอยู่หลังแผงช่องระบายอากาศ เนื่องเพราะแผงค่อนข้างหน้าทึบทำให้รีโมทส่งสัญญาณไม่ได้เสียที แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตะวันฉายตกใจถอยไปชนโต๊ะกลางรับแขก ทำเอาแจกันดอกไม้ล้มลงกับโต๊ะ
พอบูรพาเปิดประตูนำชัชชัยเข้ามา พบว่าห้องว่างเปล่า
“อะไรวะ อุตส่าห์โทรมาบอกก่อนยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”
ชัชชัยเดินไปนั่งหงุดหงิดที่โซฟา หากมันสังเกตสักนิดจะเห็นว่ากล้องที่ยักษ์ตั้งไว้ทำงานเรียบร้อย โดยมีไฟสีแดงกระพริบ
ในห้องติดกันนั้น ทีมตะวันฉายมองจอมอนิเตอร์ ยักษ์นึกออก
“ฉิบหาย ผู้หมวดยังติดอยู่ในนั้น”
วิทยุดังขึ้นพอดี เป็นเสียงตะวันฉาย “มีใครอยู่บ้าง”
ยักษ์บอกเบาๆ ไปว่า “ผมยักษ์ครับหมวด”
ตะวันฉายส่งเสียงถามมาทางวิทยุ “คนที่เข้ามาเป็นใคร”
ยักษ์พูดตอบเบาๆ “คนของเสี่ยเจริญครับ แต่ยังเห็นหน้าไม่ถนัด”
ตะวันฉายอยู่ในห้องน้ำ กดล็อคประตูอย่างแผ่วเบา ก่อนจะชักปืนออกมาอย่างเงียบกริบ
บูรพารู้สึกสังหรณ์ใจ โรงแรมที่ไหนมันจะชุ่ยแบบนี้วะ เขามองไปที่ประตูห้องน้ำ
ตะวันฉายได้ยินเสียงคนเดินมาหน้าห้องน้ำ ก็ค่อยๆ ขยับลูกเลื่อนปืนอย่างแผ่วเบาและเงียบกริบที่สุด กะว่าอาจจะต้องยิงกันแน่
บูรพาเดินไปหยุดที่ประตูห้องน้ำ แล้วเมื่อเอื้อมมือแตะลูกบิดก็พบว่ามันล็อก ทำให้เขาสังหรณ์ใจว่าจะมีคนอยู่ในนั้นบูรพาชักปืนออกมาเล็งไปที่ประตู ตะวันฉายก็ยกปืนขึ้นเล็งในจังหวะเดียวกัน
เพียงประตูห้องน้ำกั้น ระหว่างสองพี่น้อง พวกเขากำลังจะฆ่ากัน
อ่านต่อตอนที่ 7