เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 5
อุไรวรรณผลักอัปสรสวรรค์จนล้มลงไปนั่ง ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่มองอย่างตกใจ ฝายถูกผลักจ้องหน้ากลับด้วยความโมโห จริยารีบเข้าไปช่วยพยุง
ปกรณ์รีบกระชากแขนอุไรวรรณให้ลงจากเวที
“ไร ลงเดี๋ยวนี้”
อีกฝ่ายหันไปมองหน้า “ทำไม พระเอกเหรอ”
ตากล้องหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับรีบดึงเธอลงไปจากเวที อัปสรสวรรค์ลุกขึ้นมองอย่างโกรธจัด ครรชิตวิ่งเข้ามาคว้าไมค์
“เอ้าๆๆๆ ขอเสียงปรบมือให้นางฟ้าตัวแทนรุ่นของเราหน่อยคร้า เอ้า เปิดเพลง สนุกกันต่อ”
เพื่อนๆ ทุกคนปรบมือตาม ทั้งที่หน้าเจื่อนๆ พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังขึ้นกลบบรรยากาศตึงเครียด
จริยาพาอัปสรสวรรค์ลงไปนั่งพักข้างล่าง ส่วนปกรณ์พาอุไรวรรณไปนั่งอีกมุม ทั้งสองมองหน้ากันแบบ เคืองๆ
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ทุกคนเมามาก อัปสรสวรรค์กับจริยานั่งเม้าท์กับเพื่อนสาวกลุ่มหนึ่ง ส่วนอุไรวรรณแยกนั่งเม้าท์กับเพื่อนอีกคน
ปกรณ์มองสภาพอัปสรสวรรค์ที่เมามาย จึงเดินเข้าไปหา
“ฟ้า พอแล้วมั้ง เมาแล้ว”
อีกฝ่ายหันมายิ้มตาเยิ้ม “อะไร เป็นห่วงเหรอ”
“กลับเหอะ เมามากแล้วเนี่ย”
“ใครเมา แกสิเมา”
ขาดคำเสียงเพลงช้าแนว slow ก็ดังขึ้นมา เพื่อนๆ จับคู่กันออกไปเต้น อัปสรสวรรค์ดึงปกรณ์เข้าไปเต้นด้วย ฝ่ายหลังจะฝืนแต่อีกฝ่ายรั้งไว้
“ฟ้ากลับเหอะ”
“ไม่เอา”
“งั้นให้กลับเองนะ”
ซุปตาร์สาวทำเสียงเว้าวอน “เพลงเดียวๆ นะ นะ”
ปกรณ์หันไปมองจริยา ที่พยักหน้าให้ตามใจ
ทั้งคู่เต้นรำด้วยกัน พลางมองตากันเคลิ้มๆ
จริยามองทั้งคู่ ด้วยความรู้สึกอยากทำแบบนั้นบ้าง สักพักอัปสรสวรรค์ก็เมาจนเซล้ม ส้นสูงกระเด็นไป คนละทาง ปกรณ์รีบเข้าไปประคอง พอฝ่ายแรกพยุงตัวขึ้นมาได้ ก็อ้วกใส่ เสื้อปกรณ์เปียกน้ำแดงเถือก
ตากล้องหนุ่มส่ายหัว พร้มกับพยุงซุปตาร์สาวออกไป โดยมีจริยาหิ้วส้นสูงตามไป อุไรวรรณมองอย่างสมเพช
ปกรณ์กับจริยาช่วยกันพยุงอัปสรสวรรค์มาถึงริมน้ำ ซุปตาร์สาวทรุดลงไปนั่งบนพื้นหญ้า
“ไม่ไหวแล้วเป๋า จิ๋ว”
ปกรณ์รีบบอก “จะถึงรถแล้วฟ้า”
“แป๊บนึง”
ปกรณ์กับจริยาหันมองหน้ากัน แล้วลงไปนั่งพักตาม
“ทำไมวะ ทำไมไอ้ไรมันไม่เลิกบ้าซะที”
จู่ๆ อัปสรสวรรค์ก็โพล่งออกมา อีก 2 คนนั่งเงียบ
“ทำดีกับมันเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้นเลย มันโกรธฉัน เกลียดฉันมากขึ้นทุกวัน จะให้ฉันทำไง”
พูดไปก็ร้องไห้ไป จริยารีบพูดปลอบ
“ไม่เอาน่าเจ้ฟ้า ซักวันเจ้ไรแกคงปลงได้”
“กี่ปีแล้ววะจิ๋ว คงยากแล้วล่ะ มันบอกว่าถ้าย้อนเวลาได้ จะไม่คบฉัน แต่ถ้าฉันย้อนเวลาได้ ฉันจะไปบอกแม่ว่าจะไม่เอาไอ้ทุนบ้าๆ นั่น เพราะมันจะเป็นตราบาปให้ฉันต่อไปตลอดชีวิต”
ปกรณ์ถอนใจ ที่ทำอะไรไม่ได้
“ ถ้าทำอะไรไม่ได้ ก็ปล่อยมันไปเหอะฟ้า ต่างคนต่างอยู่ รอเวลารักษาตัวเอง”
อัปสรสวรรค์นั่งสะอื้น พลอยให้อีก 2 คน ซึมไปด้วย
อุไรวรรณในสภาพเมามาย นั่งอยู่หน้าคอมพ์ เปิดเฟสบุ๊ก แฟนเพจ “นางฟ้า นาง FAKE” ก่อนจะลงภาพที่แอบถ่ายอัปสรสวรรค์ตอนเมาหน้าลอย พร้อมบรรยายข้อความ
“นางฟ้าปาร์ตี้”
จากนั้นก็กระดกขวดเหล้าต่อ
ทางด้านเดือนเด่นก็ยืนคุยมือถือ สีหน้ากลัดกลุ้ม
“ได้ค่ะ คุณราศี ค่ะ สวัสดีค่ะ”
จากนั้นก็วางสาย ด้วยสีหน้าโมโห
“เลวจริงๆ มาทำเพจแอนตี้ แล้วไอ้คนถ่ายรูปนี้ มันก็น่าจะอยู่ในงานนั่นแหละ สงสัยใครบ้างรึเปล่า”
อัปสรสวรรค์สงสัยอุไรวรรณ แต่ไม่อยากพูด
“คนตั้งเยอะค่ะ ไม่รู้หรอก”
“งั้นต่อไปก็เลิกคบพวกมันได้แล้ว ทั้งรุ่นนั่นแหละ ไว้ใจไม่ได้เลย ดูสิ นี่มันเสียมั้ย ภาพลักษณ์ดีๆ เราสร้างกันมา”
ฝ่ายลูกสาวทำหน้าเอือมแม่ “เลิกคบทั้งรุ่น ?”
“แกก็ไม่ระวังเลย ไปเมาเละเทะแบบนี้ได้ไงที่สาธารณะ”
“อ้าว ก็นั่นมันงานปาร์ตี้ จัดในผับนะคะแม่ จะให้นั่งพับเพียบเต้นเหรอคะ”
“แล้วดูหน้าเคลิ้มงี้ แกพี้ยารึเปล่า”
อัปสรสวรรค์ถอนหายใจเซ็ง
ปกรณ์เดินออกมาจากห้องล้างรูป พร้อมๆ กับที่อุไรวรรณเดินเข้ามาหา
“ไง เมื่อวาน ถึงบ้านป่าว”
อุไรวรรณตอบกลับแบบเหน็บๆ “เออ ไม่ต้องมีใครไปส่ง เหมือนบางคน”
“ฉันกลับไปที่ผับอีกรอบ จะไปรับแกนั่นแหละ แต่พวกนั้นบอกกลับไปแล้ว”
อุไรวรรณยักไหล่ “ทำไมวะ เป็นห่วงฉันเหรอ”
“ก็ใช่สิ เมาขนาดนั้น”
“ไอ้เป๋า แกรู้ปะเมื่อวานก่อนไปผับ ฉันเห็นอะไร”
“ไรวะ” ตากล้องหนุ่มย้อนถาม
“เห็นนางฟ้าขึ้นรถไปกับคุณอาทิตย์”
เขาอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะย้อนถามกลับ “แล้วไงอ่ะ”
“ก็ไหนได้ข่าว มันบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ก็...เค้าอาจไปธุระกันก็ได้”
อุไรวรรณเบ้ปาก “เหรอ เออๆ คงงั้นมั้ง”
“ไปกองกันดีกว่า”
ปกรณ์หน้าเครียด อุไรวรรณลอบสังเกตสีหน้า
ทางด้านกรณ์ที่กำลังนั่งตรวจงานอยู่ ครู่หนึ่งนัตตี้ก็เดินเข้ามา
“พี่กรณ์ นัตไปเปลี่ยนชื่อมาแล้วนะ”
“ไหนดูซิ”
นัตตี้รีบส่งกระดาษให้กรณ์อ่าน
“ศุภณัฐชวัลวัล ไตรรัตนศุภการนิรอนรัน โห ! ชื่อคนหรือบทสวดวะเนี่ย”
“อย่าลบหลู่นะ”
“มันแปลว่าอะไรคะ” กรณ์ย้อนถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน”
คนถามหน้าเหรอ “อ้าว”
“หมอดูแกคำนวณให้ บอกเปลี่ยนชื่อนี้ดวงจะพุ่งพรวดๆ ก็เปลี่ยนแค่ในบัตรประชาชนแหละ ชื่อในวงการยังเหมือนเดิม”
“อืมๆ โดนไปเท่าไหร่ล่ะ”
“ 3 หมื่น” ตอบพลางถอนใจเฮือก “เบื่อๆ ถ้ายังไม่เวิร์ค นัตคงจะไปละ”
กรณ์ตกใจ “ไปไหน”
“ไม่รู้สิ คงลาออกไปเที่ยวรอบโลกมั้ง ถ้าผู้ใหญ่ยังให้อีกากนั่นมาทำรายการอยู่ ดูซิ พี่กรณ์เอง ก็ยังยอมให้มันทำหยามหน้านัตตี้เลย ชอบมันเหรอคะ”
นัตตี้ทำทีเป็นจะร้องไห้
“ใจร่มๆ พี่กรณ์ก็ไม่ชอบมันหรอกค่ะ แต่ต้องรอจังหวะอีกนิด”
“จะรอจนมันมาจัดแทนนัตตี้หรือคะ”
พูดพลางมือไม้เริ่มเลื้อย ทำเอากรณ์สยิว ก่อนจะกอดหมับ
“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกลจ้ะ พี่กรณ์บอกแล้วไง ตราบใดที่พี่กรณ์ยังอยู่ พี่กรณ์จะไม่ให้ใครมาแย่งซีนน้องนัตตี้ได้”
ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า เรด้าแอบฟังอยู่ที่ด้านนอก
จริยากับโจซ้อมร้อง ซ้อมเต้นแบบเข้าขากัน ส่วนเมฆกำลังซ้อมเต้นอย่างเหน็ดเหนื่อย พลางเหลือบหันไปมองทั้งคู่อย่างอิจฉา
“เอ้า เมฆ เต้นให้พร้อมๆ เค้าหน่อย”
ครูสอนเต้นส่งเสียงดุ เมฆสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“อ๋อ ครับๆ”
พอถึงเวลาพักครึ่ง เมฆก็เดินเข้ามาหาจริยา
“เป็นไงบ้างจิ๋ว”
อีกฝ่ายยิ้มปลื้ม “พี่โจเค้าเก่งมากๆ เลยนะแก ฉันได้เทคนิคดีๆ จากพี่เค้าเพียบเลย แหม ฝันเป็นจริงที่ได้ใกล้ชิดนักร้องในดวงใจ”
เขามองเธอที่ดูปลื้มโจออกหน้าออกตา
“ตั้งแต่ร้องเพลงมานะ ฉันว่าพี่โจนี่แหละเข้าขากันสุดๆ แล้ว”
พอเห็นเมฆหน้าเสีย ก็นึกได้ รีบแก้ตัว
“เฮ้ย ฉันไม่ได้พูดรวมถึงแกนะ อย่างแกน่ะมันเกินคำว่าเข้าขาแล้ว”
อีกฝ่ายฝืนยิ้ม “ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย”
ลูกเป็ดใส่แว่นดำหิ้วกระเป๋าหรูผลักประตูหน่วยบันเทิงเดินร้องเพลงเข้ามา ขณะที่เรด้าเดินออกมาจากข้างในพอดี
“เอ้อ แม่บ้าน ขอกาแฟให้พี่แก้วค่ะ”
เรด้ามองงง “อะไรนะคะ”
“กาแฟแก้วนึง เร็วสิ”
เรด้าตวาดกลับอย่างไม่พอใจ “อยากกินก็มาชงเองสิคะ”
“ต๊าย ! มารยาททรามจริงๆ นี่ช่อง SUN เค้าเลี้ยงแม่บ้านแบบนี้เหรอ”
เรด้าเชิดใส่ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ใช่แม่บ้าน ฉันเป็นนักข่าว ว่าแต่ข้างล่างน่ะ ไชยา มิตรชัย เค้ามาหรือคะ ถึงได้แต่งตัวยังกะพวกแม่ม่ายผัวตายมาติดพระเอกลิเก”
ลูกเป็ดโกรธ “เอาไงวะ ตบกันก็ได้มา”
พูดพลางถลกแขนเสื้อจะเอาเรื่อง เรด้าถอยแล้วตะโกนเรียกเพื่อน
“เอ้า เร้ว ใครอยู่ข้างใน มาดูคนบ้าเร็ว”
บ๊วยกับทีมงานชายรีบวิ่งออกมา
“มีอะไรกันคะ”
ลูกเป็ดชี้หน้าบ๊วย “หนอย แกปล่อยหมามากัดฉันเหรอ”
“ฮึ้ย ! นี่หมานะไม่ใช่คน”
ทุกคนช็อต สะดุ้ง
เรด้ารีบพูดแก้ “เฮ่ย ! มองยังไงเป็นคน” พลางชี้ไปที่บ๊วย “เนี่ยหมา”
“เฮ่ย ! นี่คนไม่ใช่หมา”
เรด้าสะดุ้งอีก “เฮ่ย”
บ๊วยรีบบอก “ถูกแล้ว”
เรด้าพูดต่อ “ ดูอีมนุษย์ป้าเนี่ย มาจากไหนไม่รู้ อยู่ๆ จะมาขโมยกาแฟเรากิน”
“โห ได้ไง ป้าเอาไป เราจะเอาที่ไหนโด๊ป”
ลูกเป็ดสวนกลับทันที “เล่นพวกก็เอาซี่ ลุยเข้ามาเลย เจ๊บ่ยั่นค่า”
ทั้งสองฝั่งตั้งท่าจะลุยกันเหมือนในหนังกำลังภายใน พวกผู้ชายยืนดู ป๋าช้างได้ยินเสียงเอะอะก็เดินออกมา
“เอะอะอะไรกัน ห้องข่าวนะโว้ย ไม่ใช่วิลล่าคาเฟ่”
ลูกเป็ดรีบตะโกนฟ้อง “ก็อีพวกนี้....”
ครั้นทั้งสองเห็นหน้ากันก็เกิดสปาร์ค ป๋าช้างถึงกับอึ้ง
“เอ่อ มีอะไรหรือครับคุณผู้หญิง ผมช้าง บก.ข่าวครับ”
ลูกเป็ดสงบเสงี่ยมลงทันที “เอิ่ม ดิฉันลูกเป็ด ผู้จัดการน้องโจ ศรัณธรค่ะ”
เรด้ากับบ๊วยตกใจ “หา”
“พอดีฉันติดกาแฟน่ะค่ะ ลงไปข้างล่าง ร้านก็ปิด เลยจะมาขอรบกวน แต่น้องๆ เค้าเหมือนไม่ค่อยต้อนรับ”
“อ๋อ ไม่มีปัญหาครับ” ป๋าช้างหันไปดุเรด้ากับบ๊วย “ทำไม มีปัญหาอะไร ไม่ชงให้เค้า นี่เค้าเป็นแขกคุณอาทิตย์นะ”
เรด้าหน้าเจื่อน “ก็....”
“ธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องกดออด ไม่เคยมีใครสอนเหรอ”
“คือ....”
ป๋าช้างพูดต่ออีก “แล้วนี่มันก็ตังค์ฉันซื้อทั้งนั้น ไอ้กาแฟน้ำตาลเมตเนี่ย จะหวงทำไม อ๋อ หรือนี่คิดจะเก็บงุบงิบเอาไปชงที่บ้านกัน อย่าให้รู้นะ”
เรด้ากับบ๊วยหน้าเจื่อน ส่วนป๋าช้างหันไปยิ้มกับลูกเป็ด
“ขาดเหลืออะไรสั่งพวกนี้ได้เลยครับ ตามสบายนะครับ”
ลูกเป็ดยิ้มพอใจ แอบประทับใจป๋าช้าง
ฮันนี่นั่งแต่งหน้าอยู่ที่กองถ่ายริมทุ่ง โดยมีชิวาว่านั่งอ่านข่าวในมือถืออยู่ใกล้ๆ
“ดูสิ นางฟ้า she ออกงานอีเว้นต์ทุกวันเลยนะคะ น่าหมั่นไส้”
ฮันนี่นึกขึ้นได้ “แล้วช่วงนี้เราไม่มีงานเลยเหรอพี่ว่า”
ผู้จัดการยิ้มเจื่อน “เอ่อ ไม่มีคนติดต่อมาเลยค่ะ”
“ไม่มี ? แล้วทำไมไม่หา”
ฮันนี่ตะคอกใส่ ชิวาว่ากลัวจนหน้าซีด
“จะนั่งเฉยๆ ก็ได้ เดี๋ยวสิ้นเดือน นี่จะได้เฉยๆ มั่ง”
ชิวาว่ายิ่งเจื่อนหนัก พอดีกับเสียงมือถือดังขึ้น จึงรีบปลีกตัวออกไปคุย
“หวัดดีค่ะ อ๋อ น้องฮันนี่ ว่างค่ะว่าง ลงคิวเลยมั้ยคะ แหม ถามราคา เอางี้ดีกว่า ใครไปบ้างคะงานนี้ หมาก โอเคค่ะ มาร์กี้ โอเคค่ะ นางฟ้า เอ่อ นางฟ้าด้วยเหรอคะ นี่รู้รึเปล่า นางฟ้า she เยอะนะคะ บอกไว้ก่อน ต้องมีห้องพักส่วนตัว มีคนนั่งพัดให้ แล้วไหนจะข่าวเสียเพียบ เดี๋ยวเจ้าภาพไม่ชอบนะคะ ถ้าจะจองน้องฮันนี่ก็รีบเลยนะคะ เต็มไวนะคะ” พูดพลางมองซ้ายขวา แล้วป้องปาก “เอางี้ พิเศษเลย ถ้าเอาน้องฮันนี่ พี่มีคลิปเด็ดแถมให้ด้วย จบปะ ?”
ทางด้านอัปสรสวรรค์ที่กำลังยืนท่องบทอยู่ ครู่หนึ่งอาทิตย์ก็เดินเข้ามา
“หนุกเนอะคุณ”
ซุปตาร์สาวเหลือบดูแล้วหันกลับไปทำหน้าบึ้ง ไม่สนใจ
“รู้รึเปล่าครับ ผมจ่ายค่าเสียหายร้านนั้นไปกี่หมื่น”
อัปสรสวรรค์หันขวับทันที “นี่คุณยังมีหน้ามาทวงบุญคุณอีกเหรอ”
“ไม่ได้ทวงครับ แค่อยากบอกว่าหายโกรธผมเถอะ”
“หายโกรธ ? เลวเนอะ แค่ไม่กี่หมื่น ยังไม่ได้เสี้ยวที่ฉันโดนวิ่งหนีเป็นกิโล ไปนอนหนาวตากยุงในกระท่อมนั่นทั้งคืน”
อาทิตย์ทำเสียงอ้อน “ก็ฝนมันดันตกนี่คุณ ผมตั้งใจที่ไหน”
อัปสรสวรรค์จะเดินหนี อีกฝ่ายรีบเข้ามาขวาง
“ผมก็แค่อยากให้คุณประทับใจ”
“โดยใช้เงิน คุณมันผู้ชายที่เอาแต่ประโยชน์จริงๆ”
“ประโยชน์ที่ผมอยากได้ก็คือความรู้สึกดีๆ จากคุณนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอาความหลอกลวงมาแลกความรู้สึกดีๆ ?”
“แต่คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือครับ ว่าผมทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ”
อัปสรสวรรค์เบ้ปาก “เครดิตคุณมันไม่เหลือแล้ว”
จากนั้นก็จะเดินหนี พอเขาเข้ามาขวางไว้อีก เธอก็หันไปคว้าแก้วกาแฟบนโต๊ะมาสาดใส่
อาทิตย์เต้นโหยงๆ ทั้งร้อนทั้งเลอะ “โอ๊ย คุณ”
อัปสรสวรรค์ไม่สนใจ เดินออกไปเลย อาทิตย์มองตาม สีหน้ากลัดกลุ้ม
อัปสรสวรรค์นั่งให้ช่างทำผม พลางกินโดนัทและอ่านนิตยสารไปด้วย ก่อนที่ทีมงานหญิงจะยกจานผลไม้มาวางไว้ข้างหน้าอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณค่ะพี่”
ในจานมีมะม่วงหั่นเป็นชิ้นๆ มีถ้วยเล็กๆ ใส่กะปิหวาน ซุปตาร์สาวหันไปมองทางทีมงาน
ทีมงานหญิงกำลังทำมะม่วงคลุกอยู่บนเสื่อ ทีมงานและช่างไฟต่างรุมล้อมรอน้ำลายไหล
“เสร็จยัง”
“รอเดี๋ยวๆ”
อัปสรสวรรค์เดินเข้ามากับปูเปรี้ยว เห็นเข้าก็ตื่นตาตื่นใจ
“ทำไรอะพี่”
“อ๋อ นี่ค่ะ แมงโก้มโหรี มะม่วงสามัคคี”
“โห เก๋อ่ะ น้ำลายสอเลย”
ปูเปรี้ยวรีบปราม “อย่านะคะ อันตราย เกิดจู๊ดๆ ขึ้นมา ช่วงนี้มีงานทุกวันด้วย” พูดพลางกลืนน้ำลายดอื๊อก
อัปสรสวรรค์ไม่สนใจ ลงไปนั่งแหมะ พวกทีมงานพากันอึ้ง ทีมงานหญิงคลุกเสร็จก็ยกมาวาง พวกช่างไฟรีบหลีกทางให้ ซุปตาร์สาวมองทุกคนอย่างงงๆ
“อะไรอ่ะพี่ กินสิ กินด้วยกัน มาๆๆ เร็ว มโหรีเริ่ม”
ทีมงานและช่างไฟทุกคนเข้าไปนั่งล้อมกินด้วยกัน
“พี่ปูเปรี้ยว เร็วสิคะ เดี๋ยวหมดหรอก”
ปูเปรี้ยวทนไม่ไหวลงไปนั่งกินด้วย
อุไรวรรณที่เดินมากับปกรณ์ เห็นอัปสรสวรรค์นั่งกินมะม่วงอยู่ในวงก็ทำหน้าเอือม
ช่างไฟหยิบมือถือเก่าๆ ถูกๆ ออกมาจะเซลฟี่พวกตัวเองกับอัปสรสวรรค์ พอเธอหันไปเห็นก็รีบพูด
“มาๆ พี่ ฟ้าถ่ายให้”
จากนั้นก็หยิบมือถือช่างไฟมาแล้วถ่ายให้ พวกช่างไฟและทีมงานเข้ามามุงถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
อุไรวรรณทำหน้าเอือม “ช่างไฟก็ไม่เว้น”
ปกรณ์มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ “คิดได้ไง”
อุไรวรรณเริ่มฉุน “เมื่อไหร่แกจะเลิกมองมันสูงส่งซะทีวะ”
“ที่รู้จักกันมาฟ้า เค้าไม่เคยมั่ว”
อุไรวรรณทำหน้ายี้ “เออ ไม่มั่ว แต่ทั่วถึง”
พูดพลางสะบัดก้นไปที่อื่น อัปสรสวรรค์หันมาเห็นปกรณ์ ก้ร้องเรียก
“เฮ๊ย เป๋า มาๆ”
ตากล้องหนุ่มยิ้มหวาน พลางเดินเข้าไปร่วมวง
ขณะปกรณ์กำลังจัดกล้องอยู่มุมหนึ่ง ชิวาว่าเดินเข้ามาเห็น ก็ทำหน้ากระดี๊กระด๊า
“อร้าย ชื่อไรค้า”
ตากล้องหนุ่มยิ้มให้ “เป๋าครับ”
“มาเข้าฉากเหรอคะ เล่นเป็นไรเอ่ย”
“อ๋อ ผมเป็นช่างภาพน่ะครับ”
ชิวาว่าตาวาว “โห ช่างภาพ พักอยู่ไหนค้า เรียบจบรึยัง ตังค์พอใช้ป่าว”
ฮันนี่เดินเข้ามา นักข่าว 2 คน รีบเข้าไปขอสัมภาษณ์
“น้องฮันนี่คะ ขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ”
ฮันนี่ยิ้มหวาน “ตอนนี้ยังไม่สะดวกค่ะ รอเลิกกองนะคะ”
นักข่าวหน้าเสียเดินออกไป ฮันนี่เปลี่ยนสีหน้าทันที
“สัมภาษณ์อะไรนักหนาวะ ตังค์ก็ไม่ได้”
พอหันไปเห็นชิวาว่ายืนคุยอยู่กับปกรณ์ ก็รีบเดินเข้าไปหา
“พี่ว่า หาตั้งนาน มาใส่สร้อยให้หน่อย”
ชิวาว่ารีบรับคำ “ค่ะๆ”
ฮันนี่หันไปเห็นหน้าปกรณ์ก็ตกหลุมรักทันที “โห สเป็กเลย” ว่าแล้วก็รีบเดินเข้าไปหา โดยไม่สนใจชิวาว่า
“มาสัมภาษณ์นี่หรือคะ เอาเลยมั้ย ตรงไหนดี”
ตากล้องหนุ่มส่ายหน้า “อ๋อ เปล่าครับ”
จังหวะนั้น อุไรวรรณก็เดินเข้ามา โดยไม่ได้มองหน้าใคร
“วันนี้สัมภาษณ์ใครวะเป๋า”
พอหันไป เจอฮันนี่เดินเข้ามาพอดี ตาประสานตา ต่างคนต่างจำกันได้
ปกรณ์ผายมือไปทางฮันนี่ “คุณฮันนี่ไง”
ฮันนี่มองหน้าอุไรวรรณแบบเหยียดๆ
“อ๋อ นักข่าวควาย เอ๊ย ตกควายนี่เอง” จากนั้นก็หันมาพูดกับตากล้องหนุ่ม “สัมภาษณ์นี่แทนคนนี้ได้ไหมจ๊ะ เคยคุยแล้ว เธอยังไม่เป็นงานนะ”
“ไม่ได้หรอกครับ ไรเค้าเป็นเหยี่ยวข่าวรายการนี้”
“งั้นบายค่ะ”
ฮันนี่จะเดินไป ชิวาว่ารีบเดินเข้ามากระซิบ
“เดี๋ยวๆๆ น้องนี่คะ ให้สัมภาษณ์มันเถอะค่ะ เร็ตติ้งมันกำลังดี ชาวบ้านชอบ”
ฮันนี่นิ่งไปนิดหนึ่ง “จะถามอะไรก็ถามมา”
อุไรวรรณทำหน้าเซ็ง ไม่อยากจะสัมภาษณ์เลย
ปกรณ์เตรียมพร้อมถ่าย ขณะที่ทั้งอุไรวรรณ ทั้งฮันนี่ ต่างก็ทำหน้าเซ็งๆ
“โอเค. นะครับ ห้า สี่ สาม สอง ไป”
สิ้นเสียง ทั้งคู่ก็เปลี่ยนหน้าเป็นยิ้มแย้มทันทียังกับกดปุ่ม
“ตอนนี้ไรอยู่กับฮันนี่คร่า สวัสดีค่ะ”
ฮันนี่ยกมือไหว้กับกล้อง “หวัดดีค่ะ”
“รู้สึกยังไงบ้างคะ ที่ได้ปะทะกับนักแสดงอย่างนางฟ้าค่ะ”
“อ๋อ สนุกดีค่ะ น้องนางฟ้าน่ารักมาก”
อุไรวรรณถามต่อ “กับบทบาทนี้ มีความรู้สึกยังไงบ้างคะ”
“อ๋อ สบายค่ะ จะกังวลบ้างก็เรื่องที่ต้องเล่นเป็นคนแรงๆ ก้าวร้าว เอาแต่ใจ ที่สำคัญจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนี่กรี๊ดในละครด้วยค่ะ”
อุไรวรรณแอบหมั่นไส้ เริ่มพูดแดก
“อ๋อ เคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะว่าเวลาที่ต้องฝืนทำอะไรที่ตัวเองเป็นอยู่แล้ว มันจะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ”
ฮันนี่ยิ้มๆ “อ่อ....ใช่ค่ะ” แล้วก็เริ่มนึกได้ “เอ๊ะ ยังไงนะคะ”
“หมายความว่าถ้าเอาโจรจริงๆ มาเล่นละครเป็นคนชั่ว ส่วนใหญ่จะเล่นไม่ค่อยดีไงคะ”
อุไรวรรณตอบพลางหัวเราะร่วน ฮันนี่เหน็บกลับ
“อ๋อ ค่ะๆ น่าจะประมาณนั้น เอ๊ะ นี่ใช่ นักข่าวที่ตกควายรึเปล่าคะ”
“อ๋อ ใช่ค่ะ ฮิๆ จำได้ด้วยหรือคะ”
ฮันนี่ได้ที “จำได้สิคะ จำได้แต่ตกควาย แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร เอ๊ะ แล้ววันนี้ตกอะไรดีคะ”
“ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ”
“ตกโคลนดีมิคะ”
อุไรวรรณยังไม่ทันตอบ ฮันนี่ก็ขัดขาแล้วผลักเธอกลิ้งร่วงลงไปในนาที่มีแต่โคลน ก่อนจะหันมามองกล้อง แล้วยิ้มน่ารักเหมือนเตี๊ยมกันไว้
“อุ๊ย ตกไปซะล่ะ แย่จุงเบย ยังไงวันนี้คงต้องลาไปก่อนนะคะ ฮันนี่ เดอะซัน รายงานแทนนักข่าวตกควายค่า”
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
ปกรณ์ทำหน้างงๆ ก่อนจะสั่งคัท พร้อมกับที่ทีมงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“น้องๆ ผู้ชาย ขอแรงช่วยยกของแป๊บ”
“ครับๆ”
ตากล้องหนุ่มยังงงไม่หาย แต่ก็ต้องวิ่งออกไป
ฟากอุไรวรรณก็นั่งตัวเปรอะอยู่ในโคลน ฮันนี่หันไปดูหัวเราะสะใจ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายหยิบดินมาปั้นแล้วปาใส่ จนเปื้อนไปทั้งหน้า
“ว้าย แก แกทำอะไร อีชั้นต่ำ”
อุไรวรรณโมโห วิ่งเข้าไปจับฮันนี่ลงไปในบ่อโคลน 2 คนตบกันในโคลน จนเปื้อนเละเทะไปหมด ชิวาว่าลงไปห้ามทัพก็เปรอะไปด้วยอีกคน
ทั้งคู่ตบกันนัว ครู่หนึ่งเสียงพี่หมีก็ดังมา
“น้องฮันนี่”
ฮันนี่หน้าเหวอ รีบหันไปมอง
“ลงไปทำไมคะ”
ฮันนี่กลับลำทำเป็นจับมือประคองอุไรวรรณ
“ก็เนี่ยค่ะพี่หมี นักข่าวคนนี้ เค้าร้องว่าโคลนดูดๆ นี่เลยกระโดดลงมาช่วย”
ชิวาว่ารีบพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ ใช่ๆ”
อุไรวรรณมองหน้าฮันนี่อย่างโมโห
ฮันนี่ทำทีเป็นหันมาถามอย่างห่วงใย “เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
พี่หมีหันไปสั่งทีมงาน “ เอ้า ลงไปช่วยเค้าหน่อยซิ เฮ้อ ไม่รู้จักระวังเล้ย”
อุไรวรรณสลัดมือฮันนี่ออก พลางมองอย่างอาฆาต
“ระวังตัวไว้นะมึง”
วันถัดมา ปกรณ์กับอัปสรสวรรค์นั่งอยู่ในห้องล้างรูป ฝ่ายหลังนั่งดูรูปตัวเองในกองถ่ายด้วยความพึงใจ
“สวยจัง รูปมันมีเสน่ห์นะ แบบที่กล้องดิจิตอลทำไม่ได้ ทำไมไม่เอาไปจัดแสดงมั่งล่ะเป๋า”“คงมีแต่แกไปดูแหละฟ้า” ตากล้องหนุ่มพูดยิ้มๆ “แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ถ่ายเอง ล้างเอง ดูเอง”
อีกฝ่ายดูรูปไป แล้วก็พูดไป “ถามจริง ฉันสวยปะ”
คนถูกถามอึ้งไปนิด ทำท่าเขินๆ “ก็ โอเค.”
“นี่ถ้าแกไม่ใช่เพื่อนฉัน แกจะจีบฉันปะ?”
ซุปตาร์สาวถามไป เพราะแค่ต้องการจะเช็คเร็ตติ้งตัวเองเท่านั้น แต่ฝ่ายถูกถามกลับใจเต้นโครมคราม
พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ อัปสรสวรรค์รีบกดรับ
“โหล ถามจริ๊ง”
ว่าแล้วก็เดินออกไปคุยข้างนอกพร้อมรูปถ่ายที่ไม่ได้คืน ปกรณ์ถอนใจ ทำท่าจะเป็นลม ก่อนจะรำพึงกับตัวเอง
“ก็ว่าจะจีบมาตั้งนานแล้ว”
อีกมุมหนึ่งของห้องที่ไม่มีใครเข้าไปได้นอกจากเจ้าของห้อง ยังมีรูปถ่ายของอัปสรสวรรค์หนีบราวตากอยู่เต็มไปหมด
อัปสรสวรรค์เดินเลี่ยงออกมาคุยมือถือกับเพื่อน
“โอเค. จ้ะ”
พอกดวางสาย ก็ยืนดูรูปถ่ายต่อ สักพักก็หยิบกระเป๋าตังค์ใบเล็กออกมา แล้วหยิบรูปถ่ายใบเล็กๆ เก่าๆ ใบหนึ่งออกมาจากซอกกระเป๋า เป็นภาพของเธอ ถ่ายกับอุไรวรรณ และจริยา สมัยเรียนปี 1 ทั้งสามดูสนิทสนม และรักกันมาก
มองรูปแล้วก็นึกถึงภาพในอดีต
3 สาวเพื่อนรัก ยืนโพสต์ท่าให้ปกรณ์ถ่ายรูป
“เอ้าๆ นึง ส่อง ซั่ม”
ทั้ง 3 สาว กอดคอกันแน่น แบบรักกันมาก
“ชิดกันเกินไปป่าว ห่างๆ กันหน่อยก็ได้” ตากล้องถามล้อๆ
อุไรวรรณรีบบอก “ห่างกัน มันก็ไม่รักกันดิวะ”
อัปสรสวรรค์พูดต่อ “เออ ถูก เอางี้แหละ”
“เอ้าๆ ตามใจ เอาท่าไหนอีก ฟิล์มจะหมดแล้ว”
จริยารีบเสนอ “ต่อตัวกันปะ แบบเชิดสิงโต”
แต่กลับถูกอุไรวรรณเขกกบาลเข้าให้ “บ้าเหรอ เดี๋ยวก็แขนหัก”
“เอางี้ พอฉันนับ พวกแกก็โพสต์ไปเรื่อยๆ เลย แบบถ่ายติ๊กเก้ออะ”
อัปสรสวรรค์ยิ้มรับ “โอเค. เลย”
“เอานะ นึง ส่อง ซั่ม”
3 สาวโพสต์ท่าอย่างสนุกสนาน
3 สาวนั่งดูรูปที่ปกรณ์ถ่าย บนโต๊ะมีรูปวางกระจายอยู่หลายใบ
อุไรวรรณตาวาว “โห เป๋า แกถ่ายสวยมาก”
จริยาแกล้งเหน็บ “อย่าไปชมมันมาก เดี๋ยวเหลิง”
อัปสรสวรรค์รีบยุ “ทำเป็นอาชีพได้เลยนะเป๋า”
“เคยเหมือนกันแหละ ไปรับจ้างถ่ายรูปรับปริญญา”
“เป็นไง เค้าชอบมั้ย”
ตากล้องหนุ่มสายหน้า “โดนด่าน่ะสิ ฉันชอบถ่ายเน้นเป็นธรรมชาติแบบนี้ คนจ้างเค้าไม่ชอบหรอก เค้าชอบแบบจัดท่าสวยๆ”
จริยาหัวเราะขำ “ก็สมควร เค้าจ้างไปถ่ายสวยๆ ดันอยากจะติสท์”
“แหม แต่ความเป็นธรรมชาตินี่แหละสวยสุด” อัปสรสวรรค์ยิ้มปลื้ม
ตากล้องหนุ่มเผลอตัวจ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง “ จริง”
ทุกคนมองปกรณ์ที่เอาแต่จ้องอัปสรสวรรค์ พอเขารู้สึกตัว ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เออนี่ ฉันมีอะไรมาแจกด้วย”
พูดพลางล้วงเป้หยิบรูปถ่ายหมู่เพื่อนทั้งสาม ขนาดเล็กๆ ออกมา 3 ใบ แจกให้ทั้ง 3 คน ทุกคนเอามาดูแล้วยิ้มชอบใจ
“ว้าว”
อุไรวรรณรีบบอก “เดี๋ยวจะพกใส่กระเป๋าตังค์ไว้เลย”
จริยาพูดต่อ “เจ๋งว่ะ งั้นเดี๋ยววันรับปริญญา พวกเราจองแกไว้ก่อนเลย โอปะ”
ปกรณ์พยักหน้า “ได้ๆ” แล้วก็นึกได้ “เอ๊ะ แล้วฉันไม่ได้รับพร้อมพวกแกเหรอ”
“ไม่ แกโดนไล่ออกก่อน”
“หนอย ยัยเปี๊ยก”!
ปกรณ์ลุกไปตี จริยารีบวิ่งหนี อัปสรสวรรค์กับอุไรวรรณหัวเราะขำ
อัปสรสวรรค์ดูรูปทั้งเก่าและใหม่แล้วครุ่นคิด สักพักชายคนหนึ่งสะพายกระเป๋ากล้อง ในมือถือแฟ้มงาน ท่าทางเหมือนช่างภาพ เดินเข้ามาถามทาง
“ขอโทษนะครับ ห้องคุณอาทิตย์ไปทางไหน”
“อ๋อ เอ่อ มีอะไรหรือคะ”
“ผมเป็นช่างภาพครับ พอดีเค้านัดผมมาคุยเรื่องสไตล์รูปถ่ายของศิลปินค่าย SUN น่ะครับ”
อัปสรสวรรค์นิ่งคิดนิดหนึ่ง “พอดีคุณอาทิตย์นัดช่างคนอื่นมาแล้วน่ะค่ะ ตกลงแล้วด้วย ยังไงขอโทษด้วยนะคะ”
พูดจบก็รีบเดินหนีไป ทิ้งให้ช่างภาพยืนงง
อัปสรสวรรค์เปิดประตูผลัวะเข้ามาในห้องทำงาน อาทิตย์ที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ เงยหน้าเหลือบมอง
“ว่าไงครับ จะมาซักเสื้อให้ผมเหรอ ไม่ต้องหรอก ส่งค่าซักแห้งไปที่ร้านล่ะกัน”
ซุปตาร์สาวไม่สมนใจ รีบถามเข้าประเด็น “คุณเรียกช่างภาพมาเหรอ”
“อ๋อ คุณเดช ผมจะให้เค้ามาถ่ายรูปโปรโมต โจ & จิ๋ว มาแล้วหรือครับ”
“ฉันให้กลับไปละ”
อาทิตย์ทำหน้างง “เอ๊า มันเรื่องอะไรล่ะครับ”
“จ้างมาทำไมล่ะ คนของเราก็มี”
“ใครครับ” อีกฝ่ายย้อนถาม
“ก็เป๋าไง”
อาทิตย์นั่งเงียบ ยังแค้นไม่หาย
“หมอนั่นตากล้องวิดีโอนี่”
“ใช่ แต่เค้าจบถ่ายภาพนิ่งจากอังกฤษเลยนะ”
อาทิตย์เบ้ปาก “แค่อังกฤษ ใครก็ไปได้”
“ใช่ แต่เป๋าได้ทุนเรียนดีไป ไม่ได้ใช้ทุนแม่เหมือนคุณ”
อาทิตย์ฉุน ลุกจะออกไป อัปสรสวรรค์รีบหยิบรูปที่ปกรณ์ถ่ายในกองออกมาส่งให้
“นี่ เดี๋ยว ดูก่อน”
อาทิตย์มองอย่างเซ็งๆ ก่อนหยิบมาดู แล้วก็รู้สึกว่าภาพสวยจริง แต่ก็แอบมีอคติ กึ่งๆ หึง
“นี่เค้าถ่ายรูปให้คุณด้วยเหรอ ไปถ่ายที่ไหนกันมา”
“มันเกี่ยวไรกับคุณล่ะ ฉันเอามาให้ดูว่าเป๋าถ่ายรูปดี จะได้เอามาทำงานนี้”
อาทิตย์รีบบอกปัด “ผมตกลงกับคุณเดชเค้าแล้ว”
พูดจบก็จะเดินออกไป อัปสรสวรรค์รีบพูด
“เตรียมเจ๊งเหอะ SUN Music”
อาทิตย์หยุดกึก อีกฝ่ายพูดต่อ
“ผู้บริหารประเภทไหนกันไม่เลี้ยงคนเก่ง ผู้บริหารฉลาดหรือโง่ ให้โอกาสคนนอกก่อนคนใน อีกหน่อย
คนเก่งๆ ก็คงออกหมด ให้ผู้บริหารคลานไปง้อจ่ายแพงๆ”
อาทิตย์นิ่งคิด
อุไรวรรณนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพ์ เรด้าเดินเข้ามาหา
เห็นหน้าจอฉายภาพฮันนี่ตอนขัดขาอุไรวรรณร่วงหงายหลังไปแล้วหันมาพูดกับกล้อง
“ว้าย น่ารักเนอะ นางเอกในดวงใจเจ้”
อุไรวรรณทำหน้าเอือม เรด้าไม่ทันเห็น รีบพูดต่อ
“ไงล่ะ กรีดตามาแป๊บเดียว ดวงพุ่งเลย นี่แค่ตานะ ถ้าทำดั้ง ทำคาง เหลากราม จะขนาดไหน พร้อมเมื่อไหร่บอกละกัน”
อุไรวรรณพยักหน้าหงึก ก่อนที่เรด้าจะถามขึ้นมา
“แล้วนี่ได้เข้าไปดูเพจแอนตี้นางฟ้ามั่งปะ”
“เอ่อ ยังเลยค่ะ มีอะไรหรือคะ”
“อ๋อ เปล่า พี่ว่าเพื่อนกันเองนั่นแหละทำ แหม เอาประวัติอะไรมาแฉขนาดนั้น จะมีใครรู้”
อุไรวรรณแอบประชด “ก็เป็นไปได้ค่ะ นางฟ้าเค้าเพื่อนเยอะ”
“เห็นคนไลค์กันเพียบนี่ ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นแฟนคลับน้องฮันนี่ ดีนะมีเพจแบบนี้ คนดีๆ อย่างน้องฮันนี่จะได้ไม่เสียกำลังใจ”
“คนดีๆ ? ฮันนี่เนี่ยนะ” อุไรวรรณแอบเบะปาก
“ช่าย คนนี้แหละ ดาราน่ารักตัวจริงทั้งในและนอกจอ พี่กับเพื่อนๆ นักข่าวทำนายไว้ว่าจะเป็นเจ้าหญิงของวงการบันเทิงคนต่อไป”
“แล้วข่าวไปแย่งสามีคนอื่นล่ะคะ”
เรด้ารีบเถียงแทน “โอย ใส่ร้าย ตอนไปสัมภาษณ์เขา ไม่ได้รับรังสีความน่ารักไร้เดียงสามั่งเหรอ”
อุไรวรรณชักรำคาญไม่อยากฟัง รีบควักตั๋วสวนสนุกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยื่นส่งให้
“อะนี่พี่ วันนี้ไปงาน เค้าแจกบัตรเข้าสวนน้ำฟรี 2 ใบ ให้พี่หมดเลย”
เรด้ารับมา แล้วยิ้มดีใจ
“โห ดีเลย ซื้อบิกินี่มาปีกว่ายังไม่มีที่ลอง เออ วันก่อนได้ยินมิสเตอร์แอนด์มิสซิสสลิ๊ดด๊กมันปรับทุกข์กัน อาจจะรุมถล่มแกเร็วๆ นี้ ระวังตัวด้วยล่ะ”
พูดจบก็เดินยิ้มออกไป อุไรวรรณทำหน้าไม่ใส่ใจ หยิบมือถือขึ้นมากดเล่น
ที่จอมือถือ เห็นในเฟซบุ๊ก มีภาพอัปสรสวรรค์ถ่ายกับช่างไฟลอยมา
“เป็นกันเองมากๆ เลยครับ น้องนางฟ้า” โถ ดีออก
อุไรวรรณลงลิฟท์มาคนเดียว พลางส่องกระจกที่ผนังลิฟท์พิจารณาตา 2 ชั้นที่ทำมา
ครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก ก่อนที่อาทิตย์จะเดินเข้ามา
“อ้าว เป็นไงครับ เหยี่ยวข่าวของผม ดังใหญ่”
อุไรวรรณยิ้มรับ “ก็เพราะคุณอาทิตย์ช่วยสนับสนุนไรแหละค่ะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ ทั้งหมดที่ได้เพราะตัวคุณเอง เชื่อผมรึยัง ว่าผมเลือกคุณมาเพราะฝีมือจริงๆ”
ฝ่ายถูกชมยิ้มเขิน “ค่ะ”
พลางช้อนตามองตาอาทิตย์ อยากให้เขาเอ่ยชมหน้าตาที่เปลี่ยนไป แต่เขากลับมองแบบงงๆ
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“อ๋อ เปล่าค่ะ”
“ไหนคุณมองตาผมอีกทีซิครับ”
อุไรวรรณมองตาอาทิตย์นิ่ง
“มีอะไรเปลี่ยนไปรึเปล่า”
เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ “อะไรหรือคะ”
“ตาคุณไง”
“คะ ?”
อาทิตย์โพล่งออกมา “ตาคุณ มันคล้ำมากนะ ทำงานหนักรึเปล่า”
อีกฝ่ายหน้าเจื่อน “เอ่อ ค่ะๆ”
“ก็ไม่น่าแปลกหรอกครับ ขยันขนาดนี้ ลูกเด็กเล็กแดง รู้จักคุณหมด นี่ผมว่าจะคุยกับคุณแม่ ขอให้คุณมาอ่านข่าวในสตูบ้าง สลับๆ กับนัตตี้”
อุไรวรรณยิ้มหน้าบาน “หา จริงหรือคะ”
ทั้งคู่เดินออกมาจากลิฟท์พร้อมกัน ก่อนที่อาทิตย์จะโบกมือลา
“เจอกันนะครับ”
“ค่ะ”
จังหวะนั้นมือถือของอาทิตย์ก็ดังขึ้น เขาหยิบมาดูก่อนยิ้ม แล้วกดรับ
“ครับ คุณหนูนางฟ้า”
อุไรวรรณอึ้ง
“โอเค. ครับ เจอกันที่ร้านเลย ร้าน “Raindog coffee” ซอย 23 ครับ”
อาทิตย์กดวาง แล้วหันคุยกับอุไรวรรณต่อ
“ขอตัวก่อนนะครับ”
อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ พอเขาเดินออกไป เธอก็มองตาม ด้วยแววตาเจ็บปวด
ทางด้านปกรณ์ก็กำลังจะออกไปทำงาน พร้อมๆ กับที่ป๋าช้างออกมาจากห้อง
“ไอ้เป๋า”
ตากล้องหนุ่มชะงัก “ครับลุง”
“แกไปทำอะไรมาวะ”
คนถูกถามทำหน้างง “ทำไมหรือครับ”
“ก็คุณอาทิตย์ เค้าส่งจดหมายมาที่ป๋าน่ะสิ”
“เรื่องอะไรครับ เตะบอลรึเปล่า” ปกรณ์ร้อนตัว
“เตะแกน่ะสิ เค้าส่งมาขออนุญาตให้แกไปถ่ายภาพนิ่งที่จะใช้โปรโมตโจ & จิ๋ว”
ตากล้องหนุ่มทำหน้าแปลกใจ
“ก็เลยสงสัยว่า เค้ารู้ได้ยังไงว่าแกถ่ายรูปสวย”
ปกรณ์นิ่งคิดอย่างข้องใจ
ปกรณ์ขับรถกำลังเดินทางไปกองถ่าย โดยมีอุไรวรรณนั่งมาข้างๆ
“เฮ้ย เป๋า แวะซอย 23 หน่อยดิ”
“ทำไมวะ”
อุไรวรรณแกล้งบอก “มันมีร้านขนมเค้กอร่อย ฉันจำได้ ฉันอยากกิน”
ตากล้องหนุ่มรีบหยิบขนมถุงๆ ในรถยื่นให้ “หิวก็กินนี่ไปก่อน เดี่ยวไปสาย”
“แวะหน่อยน่า ไปถึงเร็วก็รอเก้อ”
ปกรณ์จำใจต้องรับคำ
รถของปกรณ์แล่นมาถึงหน้าร้าน “Raindog coffee”
อุไรวรรณเพ่งมอง “นั่นไงๆ”
ปกรณ์ชลอจะจอดรถ พลันเหลือบเห็นรถอาทิตย์จอดอยู่หน้าร้าน
“เอ๊ะ นี่รถไอ้นั่นนี่”
“รถใคร” อุไรวรรณทำเป็นตกใจ “อ๋อ คุณอาทิตย์ สงสัยแกมากินข้าวกับเพื่อนมั้ง”
“งั้นไปที่อื่นเหอะ”
“ไมอ่ะแก ก็ฉันอยากกิน”
ปกรณ์ทำหน้าเซ็ง “ฉันไม่อยากเจอหน้ามัน”
“งั้นจอดหน้าร้าน ฉันวิ่งเข้าไปซื้อแป๊บเดียว”
รถปกรณ์แล่นเข้าไปจอดหน้าร้าน ก่อนที่สายตาของเขา จะเหลือบไปเห็นอาทิตย์นั่งอยู่กับอัปสรสวรรค์ เขามองอย่างอึ้งๆ อุไรวรรณพอได้เห็นก็อึ้งไปเช่นกัน เธอเหลือบไปดูสีหน้าของตากล้องหนุ่ม ที่เงียบจ๋อยไปเลย
“รอนี่นะเป๋า”
“ไปร้านอื่นเหอะไร”
พูดจบก็หักรถออกไปเลย
“ฉันจะกลับได้รึยังคะ”
อัปสรสวรรค์ถามอย่างเซ็งๆ
“อะไรกันครับ ยังไม่ได้กินซักคำ”
“ฉันมาตามสัญญา ไม่ได้มากิน”
“ก็ได้แล้วไงครับ ให้นายเป๋าเพื่อนเลิฟเป็นช่างภาพประจำบริษัทเลย พอใจยัง”
อัปสรสวรรค์หน้าตึง
ทั้งคู่นั่งเงียบมาในรถ ก่อนที่อุไรวรรณจะเหลือบมองปกรณ์ แล้วพูดขึ้นมา
“ฉันบอกแล้วไง เชื่อยัง”
ตากล้องหนุ่มนั่งนิ่ง เหยี่ยวข่าวสาวหันไปมองนอกหน้าต่าง เปลี่ยนสีหน้าจากเฉยๆ เป็นโกรธ และแค้น
ทางด้านโจกับจริยา ก็ซ้อมเต้นคู่กันจนเพลงจบ ก่อนที่จะปรบมือให้กำลังใจกัน โจเดินเข้ามาหา แล้วยื่นมือมาจับแขนอีกฝ่ายหมับ
“เป็นไงจิ๋ว ซ้อมกับพี่มาหลายวัน เครียดมั้ยจ๊ะ”
“ไม่เครียดเลยค่ะ สบายใจสุดๆ แต่ปวดต้นคอนิดหน่อย สงสัยผิดท่าอะค่ะ”
“งั้นมานี่มา”
โจรีบจับมือจริยาพาไปนั่งที่เก้าอี้ แล้ววางมือทั้งสองลงที่ต้นคอ
“ตรงนี้รึเปล่า”
“เขยิบมาข้างหน้าอีกนิดค่ะ”
โจเลื่อนมือตาม
“อุ๊ยๆๆ ตรงนั้นแหละค่ะ พี่โจ”
โจเริ่มนวดต้นคอเบาๆ “ เป็นไง”
“โห สบายเลยค่ะ มือพี่เบ๊าเบา”
จริยาหลับตาพริ้ม โดยไม่รู้ว่าเมฆยืนมองอยู่ไกลๆ อย่างข้องใจ
หลังซ้อมเสร็จ จริยากับเมฆเดินกินไอติมโคนกลับบ้านด้วยกัน
“เอ่อ..จิ๋ว” เมฆเอ่ยทักขึ้นมา “เมฆว่าจิ๋วกับพี่โจนั่น สนิทกันเร็วเกินไปรึเปล่า”
“อ้าว พูดไงของแกวะ ก็ฉันต้องทำงานด้วยกัน จะให้ไปสนิทตอนไหน”
“เอ่อ จิ๋ว เมฆพูดตรงๆ นะ เมฆไม่ไว้ใจมันว่ะ”
จริยาร้องห้าม “ เฮ้ย ! อย่าเรียกเค้ามัน”
“เมฆดูมาหลายวันแล้ว เห็นมือมันเป็นปลาหมึกเลย ถึงเนื้อถึงตัวจิ๋วตลอด”
“แหม ก็เต้นคู่กัน มันก็ต้องมีโอบต้องมีจับ ก็เหมือนตอนที่เต้นกะแกแหละ”
เมฆทำหน้าไม่พอใจ “แต่นี่มันเกินไป”
“คิดมาก ฉันเชื่อว่าพี่โจไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เวลาฉันอยู่กับเค้านะ รู้สึกอบอุ่นพิลึก เหมือนอยู่กับพี่ชายเลย”
“เออ พี่ชาย ก็เพราะไว้ใจคนง่ายแบบนี้แหละ ถึงโดนไอ้ปราณมันหลอก”
เมฆพูดจี้ปม ทำเอาจริยาเปลี่ยนสีหน้า ปาไอติมใส่หน้าอีกฝ่าย
“ไหนบอกจะไม่พูดถึงแล้วไง”
“เมฆขอโทษ เมฆแค่เป็นห่วง”
“แล้วไงอ่ะ จะให้ฉันไปลาออกเลยมั้ย กลับไปร้องเพลงในผับ ไปเต้นแร้งเต้นกาหน้าห้างเหมือนเดิม แย่ว่ะ”
จริยาพูดประชด ก่อนจะเดินหนีไป เมฆหน้าเจื่อน
ที่หน้าเพจ นางฟ้า นางFAKE ขึ้นภาพอัปสรสวรรค์ถ่ายรูปกับพวกช่างไฟ พร้อมข้อความ
“สโนไวท์กินมะม่วง กินช่างไฟด้วยรึเปล่าไม่รู้”
อัปสรสวรรค์นั่งดูข่าวในมือถือ ปูเปรี้ยวอ่านข้อความแล้วโกรธจัด
“เลวจริงๆ”
“คิดไปได้ขนาดนั้น”
ปูเปรี้ยวประชดต่อ “นี่ดีนะคะตอนไปเขาเขียว ไม่ถ่ายรูปคู่กับยีราฟ มันคงเอาไปเม้าท์อีกว่าได้กะยีราฟ”
อัปสรสวรรค์ทำหน้าปลง “ช่างเถอะค่ะ จิตใจต่ำ”
“ไอ้เพจแอนตี้นี่ มันไม่ใช่ฝีมือคนๆ เดียวแน่ ต้องเป็นไอ้พวกที่เสียประโยชน์ รวมหัวกันเล่นงาน”
“มารไม่มี บารมีไม่เกิดไงคะ”
ปูเปรี้ยวส่ายหน้าเอือมๆ “แต่ถ้ามารเยอะกว่ามิตร จะพาเราหมดสิทธิ์เกิดน่ะสิคะ”
ทันใดนั้น เสียงทีมงานหญิงก็ดังมา “ เอ้าๆๆ มโหรี”
พวกทีมงานพากันวิ่งไป อัปสรสวรรค์เห็นก็หันไปมอง ปูเปรี้ยวมองหน้ารู้ทัน
“อะแฮ่ม”
ทีมงานหญิงตักพริกเข้ามาใส่กะละมัง อัปสรสวรรค์รีบสั่ง
“อีกพี่ พริกอีกๆ”
ปกรณ์ที่เดินเข้ามากับอุไรวรรณ พอเห็นอัปสรสวรรค์ ก็เครียด รีบเดินแยกไปทางอื่น
ซุปตาร์สาวหันไปเห็นอุไรวรรณยืนอยู่คนเดียว
“ไร มากินด้วยกันสิ”
อุไรวรรณยิ้มหยัน “ยังกินไม่อิ่มอีกเหรอ”
อัปสรสวรรค์ไม่รู้ว่าโดนว่าแดก “ฉันเพิ่งมานั่งเนี่ย”
“ไม่ได้หมายถึงมะม่วง... หมายถึงผู้ชาย”
พวกทีมงานพากันเงียบ อุไรวรรณยิ้มกวนประสาท อัปสรสวรรค์ก้มหน้านิ่ง
“มื้อเที่ยงก็คุณอาทิตย์ มื้อเย็นล่อช่างไฟแล้วเหรอ”
อีกฝ่ายนิ่งไป พลางนึกถึงตอนที่ถูกปาจานสปาเก็ตตี้ใส่หน้า ก่อนที่อุไรวรรณจะประกาศกลางเวที
“ขอประกาศในวันนี้เลยว่าการได้รู้จักอีนี่คือความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิตของกรู”
แล้วเธอก็ถูกผลักจนล้ม
เดือนเด่นแว่วเข้ามาอีก “แล้วไอ้คนถ่ายรูปนี้มันก็น่าจะอยู่ในงานนั่นแหละ สงสัยใครบ้างรึเปล่า”
ตามด้วยเสียงของปูเปรี้ยว “สโนไวท์กินมะม่วง แต่กินช่างไฟด้วยรึเปล่าไม่รู้... เลวจริงๆ”
โดยไม่มีใครคาดคิด อัปสรสวรรค์หันไปหยิบกะละมังมะม่วงแล้วสาดใส่หน้าทันที อุไรวรรณเปื้อนไปทั้งมะม่วงกะปิพริกป่น
“แก”
จากนั้นก็กระโจนเข้าไปตบตี แต่กลับถูกอัปสรสวรรค์เอามะม่วงยัดปาก
ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไปลุยกันตรงนั้น พวกทีมงานพากันตะลึง
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
คลิปอัปสรสวรรค์สาดกะปิใส่อุไรวรรณ ดังกระหึ่มในโลกออนไลน์
หนังสือพิมพ์บันเทิงหน้าหนึ่งพาดหัว “นางเอกกะปิโหว่ !! “ฟัดกันยับ นางเอก-นักข่าว เดอะซันกัดกันกลางกองถ่าย”
แฟนเพจ “นางฟ้า นางFAKE” ขึ้นภาพอัปสรสวรรค์สาดกะปิ พร้อมข้อความ “บอกเลย เดี๊ยนเป็นนางเอกเฉพาะในจอ” มียอดคนกดไลค์แฟนเพจวิ่งทะลุหลักหมื่น
พอเห็นราศีเดินมากับปูเปรี้ยว ฝูงนักข่าวก็รีบวิ่งกรูเข้าไปยื่นไมค์ทันที
“น้องนางฟ้ากับคุณอุไรวรรณขัดแย้งกันเรื่องอะไรคะ”
ราศีพยายามตอบเลี่ยง “โอย ไม่รู้หรอก เค้าเพื่อนกันตั้งแต่มหาลัยโน่น เดี๋ยวก็ดีกันแล้วแหละ”
“แหล่งข่าวบอกว่าน้องนางฟ้าอิจฉาที่เพื่อนเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา อันนี้จริงมั้ยคะ”
“จะบ้าเหรอมันคนละสายกันหนู ดาราที่ไหนจะไปแข่งกะนักข่าว”
นักข่าวอีกคนถามต่อ “หรือจะเป็นการแท็คทีมกัน โปรโมตช่องของเดอะซันครับ”
ราศีทำหน้าเซ็ง “เอามะม่วงกะปิมาสาดกันเนี่ยนะ ? ครีเอตไปมั้ย”
อีกคนถามอีก “แล้วคลิปที่นางฟ้าถีบน้องฮันนี่ตกน้ำล่ะคะ ใครครีเอตคะ?”
ราศีตกใจ ทำตาโต พลางหันไปมองหน้าปูเปรี้ยวแบบงงๆ
2 พิธีกรเออออกับห่อหมก แห่งรายการเม้าท์ทะลวงไส้ ทุบค้อนดังปึง
“ออกลายมาเลย ออกลายให้เห็น”
เออออร้องเพลงเข้าประเด็น ห่อหมกช่วยเสริม
“ช่าย ก็บอกแล้วไง จะหนีบจะแต๊บไว้ซอกไหน ถ้าไม่ผ่าออกไป ซักวันมันต้องหลุดพรวดออกมาหมดแหละ อีกาจะจับมาย้อมสีเป็นพิราบเป็นหงส์ สันดานมันก็ยังเป็นกาวันยังค่ำ ไงล่ะ สาดกะปิใส่เพื่อน ถีบรุ่นพี่ตกน้ำ”
“เห็นในเว็บแอนตี้บอกว่านิสัย she ชอบแย่งของชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว น่าจะไม่ชอบให้ใครแซงหน้า พอตอนนี้ตัวเองมีข่าวเสียมากๆ เข้า แต่เพื่อนเริ่มดังขึ้น ก็ทนไม่ได้ ต้องดึงเค้าให้ต่ำลงมา”
ห่อหมกรีบป้องปาก ทำท่ากระซิบ “จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป ข่าววงในบอกนะ ว่าที่น้อง อ. โดนสาดกะปิใส่ก็เพราะวันก่อนดันเดินไปเห็นภาพน้อง น. ตอนกำลังแลกลิ้นกับช่างไฟอยู่หลังกองถ่าย”
“ว้าย ! จริงเหรอ”
“เออ เรื่องจริง ไม่ต้องมาเถียง”
ขาดคำ ก็ทุนค้อนปึง จนกล้องสะเทือน
เดือนเด่นทิ้งตัวลงนั่งแรงๆ สีหน้าโกรธจัด
“ไงล่ะ เพื่อนรักของหนู ฝีมือนังอุไรแน่ๆ มันต้องเป็นคนปล่อยทั้ง 2 คลิปนั่นแน่ๆ มันต้องวางแผนไว้แล้ว มาพูดจายั่วโมโหให้ลูกปรี๊ดแตก แล้วก็แอบถ่ายคลิปไปลง หวังจะอัพตัวเองว่ามีเรื่องกับนางเอกดัง อีนังเด็กคนนี้มันเลวจริงๆ ไม่มีใครสั่งสอน”
อัปสรสวรรค์ถอนหายใจ “ช่างเค้าเถอะค่ะ ฟ้าไม่อยากยุ่งกับเพื่อนคนนี้อีกแล้ว”
“น่าจะคิดได้ตั้งนานละนะ”
อัปสรสวรรค์เริ่มเคืองอุไรวรรณ
ราศีที่เพิ่งคุยมือถือเสร็จ ก็โยนส่งๆ ไป แล้วหันมาทำหน้าเครียดใส่อาทิตย์กับปูเปรี้ยว
“สปอนเซอร์รายใหญ่โทร. มาหา บอกว่าถ้าไม่ถอดอุไรวรรณออกจากรายการ จะถอดสินค้าออกหมด”
ปูเปรี้ยวตกใจ “ขนาดนั้นเลย”
ราศีไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “ ตกลงมันเรื่องอะไรกัน”
“ทีมงานบอกว่าอุไรเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเรื่องก่อนค่ะ แล้ว 2 คนนี้ก็มีเรื่องกันมาตั้งแต่งานเลี้ยงรุ่นเมื่อคืนก่อนแล้ว”
“เฮ้อ แรงๆ ทั้งนั้น บอกทั้งคู่เลยนะว่างดให้ข่าวทุกประเภท”
ปูเปรี้ยวพยักหน้า ราศีหันไปเห็นอาทิตย์นั่งยิ้ม
“ยังจะมีหน้ามายิ้ม ว่าไงล่ะพ่อจอมวางแผน”
“จะว่าอะไรครับ นี่แหละเยี่ยม”
ราศีถอนใจ “เยี่ยมห้องไอซียูเลยมั้ย”
“อ้าว นี่แหละครับไวรัลมาร์เก็ตติ้งที่เราไม่ต้องลงทุนอะไรเลย อีกไม่กี่วัน ละครก็จะออนแอร์แล้ว เราเอาข่าวสาวๆ ตีกันมาใช้ประโยชน์ดีกว่า”
ราศีนิ่งฟังอย่างครุ่นคิด
อุไรวรรณหน้าเสีย เมื่อรู้เรื่องจากป๋าช้าง
“หนูทำรายการไม่ดีหรือคะ”
ป๋าช้างหนักใจ “ถามป๋า ป๋าก็พอใจมากนะ แต่ป๋าไม่ใช่คนออกตังค์เหมือนสปอนเซอร์พวกนั้นน่ะสิ ก็ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไร เพราะป๋าก็ยอมรับว่ารายการนี้สนุกขึ้นได้ก็เพราะเธอนั่นแหละ”
“หรือเพราะเรื่องที่หนูทะเลาะกับนางฟ้าคะ”
ป๋าช้างถอนใจแรง “ จะเพราะอะไร เธอก็ต้องทำใจและเรียนรู้ โดยเฉพาะการรับมือกับการเมืองในที่ทำงาน”
อุไรวรรณคอตก ทำท่าจะร้องไห้ ป๋าช้างรีบลุกขึ้นตบไหล่ปลอบ
“เอาน่า สวรรค์มีตา ฟ้ามีใจ เจ้านายดีๆ ย่อมไม่ทิ้งคนมีฝีมือ พักไปพัฒนาตัวเองซักแป๊บ ป๋าว่าไม่นานคุณราศีกับคุณอาทิตย์ต้องหาที่ลงใหม่ให้เธอแน่”
อุไรวรรณเสียใจ จนพูดไม่ออก
บ๊วยนั่งอ่านข่าวในคอมพ์ แล้วอมยิ้มขำ
“น่าเอาไปสร้างหนังนะค้า นางเอกกะปิโหว่ปะทะนักข่าวตกควาย”
พลันอุไรวรรณก็เดินหน้าซีดออกมาจากห้องป๋าช้าง พวกคนอื่นๆ ต่างหันมามองและซุบซิบกัน เรด้าเข้ามาแซว
“แซ่บนะจ๊า ตบกับนางเอกนัมเบอร์วัน เร็ตติ้งได้พุ่งกระฉูดแซงยัยถัวเน่าแน่ๆ ถ้าฉันเป็นมาดามราศีนะ ฉันให้เป็นพิธีกรแทนเลย”
“คงไม่ใช่แล้วค่ะ”
เรด้าทำหน้าแปลกใจ อุไรวรรณกลั้นร้องไห้รีบเดินออกไป ปกรณ์เห็นก็รีบลุกตามทันที
อุไรวรรณหลบมานั่งร้องไห้อยู่ที่บันไดหนีไฟ สักพักประตูก็เปิดออก ก่อนที่ปกรณ์จะเดินเข้ามามอง ฝ่ายแรกรีบเช็ดน้ำตา
“ใจเย็นนะ” ตากล้องหนุ่มพูดปลอบ
“ช่างมันเถอะ”
“ไร แกต้องหัดควบคุมอารมณ์บ้าง ไม่งั้นทุกอย่างจะแย่ลงเรื่อยๆ”
“ฉันคนเดียวเหรอ” อีกฝ่ายย้อนถามกลับ
“นี่ฉันไม่ได้เข้าข้างฟ้านะ แต่เห็นแกเริ่มตลอด”
“ใช่ ฉันเริ่ม แต่ใครคือตัวต้นเหตุ ใครมันทำให้ฉันเป็นแบบนี้ แกดูนังแม่พระของแกสิ มันสั่งปลดฉันแค่เพราะทะเลาะกับมัน”
ปกรณ์รีบเถียง “เฮ้ย ฟ้าจะไปสั่งได้ไง”
“เฮอะ ไม่ได้เข้าข้าง แต่อยู่ในร่างมันเลย”
ตากล้องหนุ่มถอนใจ “เอางี้มั้ย นัดคุยกัน เดี๋ยวฉันกับไอ้จิ๋วจัดให้ อยากให้ฟ้าทำอะไรถึงจะพอใจก็บอกไปเลย”
อุไรวรรณพูดเย้ย “ฉันอยากให้มันเอาเศษแก้วที่แตกกระจายมาประกอบคืนเหมือนเดิม ทำได้มั้ย อยากให้มันย้อนกลับไปแก้เรื่องในอดีตให้ฉัน ทำได้มั้ย”
ปกรณ์มองหน้าอีกฝ่าย
“แล้วจะอยู่กันไปอย่างนี้เหรอ เจอหน้ากันก็กัดกัน ด่ากัน อีกหน่อยคงฆ่ากัน ไม่เสียดายวันเก่าๆ มั่งเหรอ”
“ไม่ ช่วงเวลานั้นฉันมีแต่ความโง่ ตอนนี้ฉันฉลาดแล้ว เหลือแต่แกกับไอ้จิ๋วนั่นแหละ”
ตากล้องหนุ่มถอนใจเฮือกอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะจ้องหน้า แล้วถามจริงจัง
“คลิปที่ทะเลาะกัน แกเป็นคนปล่อยรึเปล่า”
อุไรวรรณโกรธสุดขีด ลุกมากระชากเสื้อปกรณ์
“ทำไม ทำไมทุกอย่างต้องเป็นฉันวะ ทำไมแกต้องคิดว่าฉันเลวไปทุกเรื่อง ฉันก็มีหัวใจนะไอ้เป๋า ไอ้เป๋าๆๆๆ”
พูดพลางใช้มือทุบไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย ปกรณ์พยายามจับ 2 มือของเธอไว้ได้
อุไรวรรณร้องไห้ ทั้งเสียใจ และน้อยใจสุดๆ จนสุดท้ายก็โผพุ่งเข้าซบอกของเขา
ปกรณ์ทั้งอึ้ง ทั้งสงสาร ก่อนจะค่อยๆ ลูบหลังปลอบใจ
“ใจเย็นๆ อย่าร้อง โทษที ฉันมันเป๋าปากหมาไง จำไม่ได้เหรอ แกเคยชอบด่าฉัน”
อุไรวรรณค่อยๆ ผละออกมา มองหน้าปกรณ์ ก่อนจะค่อยๆ เลิกสะอื้น
เขาที่รู้สึกสงสารเธอจับใจ ใช้หลังมือช่วยเช็ดน้ำตาที่แก้มให้ ทั้งสองมองตากัน แล้วอุไรวรรณก็น้ำตาเอ่อขึ้นมาอีก
“สัตว์ที่ดุร้ายที่สุด ก็ไม่ใช่สัตว์ที่เลวที่สุดหรอกนะ”
พูดจบก็สลัดแขนปกรณ์แล้วเดินออกไปทันที
อัปสรสวรรค์ทำหน้าตกใจเมื่อได้ข่าวจากปูเปรี้ยว
“ตัดช่วงอุไรออก ทำไมล่ะคะ ถ้าเป็นเพราะที่มีเรื่องกัน มันก็เรื่องส่วนตัวฟ้ากับไร ไม่เกี่ยวกับงานเลยนี่คะ”
ปูเปรี้ยวพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย
“พวกสปอนเซอร์คงกลัวอุไรจะพาให้สินค้าเค้าเสียภาพลักษณ์น่ะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวฟ้าไปคุยกับคุณป้าเอง”
ปูเปรี้ยวรีบห้าม “พอเถอะค่ะ ไหนว่าเข็ดกับยัยคนนี้แล้วไงคะ”
“ถึงจะโกรธยังไง เค้าก็เพื่อนฟ้า”
อีกฝ่ายถอนใจ
"ตอนนี้ข่าวน้องเองก็มีไม่รู้กี่เรื่อง ถ้าพวกสปอนเซอร์เค้าพากันถอดจากละครอีก จะเดือดร้อนไปทั้งกองนะคะ"
"พี่ว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติบ้างเถอะค่ะ บางทีวิกฤตินี้อาจจะทำให้อุไรเค้าคิดอะไรขึ้นได้บ้าง"
อัปสรสวรรค์นิ่งฟัง หน้าเครียด
อุไรวรรณนั่งเล่นโน้ตบุ๊คอยู่ที่แคนทีน สีหน้าเศร้าสร้อย ที่เฟซบุ๊กมีแฟนคลับเข้ามาให้กำลังใจเต็มไปหมด
“สู้ๆ ค่ะพี่อุไร ธรรมะต้องชนะอธรรม”
“เรารักพี่อุไร พี่เป็น idol ของพวกเรา”
“พี่ทำให้สังคมเห็นสันดานของนางเอกคนนี้”
“พวกเราคืออุไร Fanclub”
เธอซาบซึ้งน้ำใจแฟนคลับ จนน้ำตาไหล
“ฉันเพิ่งรู้ว่า คนที่อยู่เคียงข้างกันในวันที่ทุกข์ ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นใครก็ได้ในโลก ที่รักฉัน”
พลันเสียงนัตตี้ร้องเพลงก็ลอยมา
“ลาก่อนสำหรับวันนี้ ขอลาทีทั้งที่อาลัย... บอกแล้วตลกฉาบฉวยก็เหมือนดอกไม้ไฟ พุ่งขึ้นฟ้าแล้วแตกกระจายหายไป ฮ่าๆๆๆ”
อุไรวรรณหันขวับไปมองหน้าอย่างแค้นเคือง อีกฝ่ายเย้ยต่อ
“เป็นนกกระจอกดันสะเออะไปรบกับพญาเหยี่ยว มันก็ร่วงแบบนี้แหละค่า”
ฝ่ายถูกเย้ยสุดจะทนไหว ลุกพรวดขึ้นทันที
“งั้นนกกระจอกคงต้องหาเรื่องกับพวกหนอนเน่าซะหน่อยมั้งคะ”
“ไหนคะ มีใครต่ำกว่าตัวเองอีก”
ขาดคำ ก็โดนอุไรวรรณผลักอกจนเซล้ม
“ว้าย ช่วยด้วยค่ะ คนตกงานแล้วคลั่งค่ะ ช่วยด้วย ฮ่าๆๆๆๆ”
นัตตี้ตะโกนเสร็จ ก็รีบวิ่งออกไป อุไรวรรณมองอย่างโกรธแค้น
ปกรณ์กำลังเตรียมกล้องอยู่หน้าฉาก จะถ่ายรูปฟิตติ้งของโจ & จิ๋ว
ครู่หนึ่งจริยาก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดเซ็กซี่ ตากล้องหนุ่มหันมอง ถึงกับอึ้งไป
“อึ้งล่ะซี่ สวยปะล่ะ”
“นี่จะขายเพลงหรือขายนมกันแน่”
จริยายิ้มหุบทันที “โห ปาก...”
“ก็มันโป๊ไปมั้ยล่ะ”
“เปิดทีวีมั่งป่าว คนอื่นแหวกยิ่งกว่านี้อีก เออ ลืมไปที่บ้านแกคงไม่มีทีวี”
ตากล้องหนุ่มรีบบอก “ไปเปลี่ยนดีกว่า”
“บ้าเหรอ ชุดนี้คุณอาทิตย์เค้าออกแบบเองเลยนะ”
ปกรณ์ได้ยิน ก็อารมณ์เสีย “ มิน่าล่ะ”
จังหวะนั้น โจกับลูกเป็ดเดินตามกันออกมา พอเห็นหน้าปกรณ์ก็ยิ้มให้
“หวัดดีครับ นี่คุณเป๋าช่างภาพใช่มั้ยครับ”
ตากล้องหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ “ครับ สวัสดีครับ”
ลูกเป็ดตาวาว “ต๊ายตาย หน้าตาอย่างงี้ วันหลังจ้างไปถ่ายนู้ดส่วนตัวให้พี่หน่อยนะฮะ”
โจหัวเราะขำ “ฮ่าๆ คุณแม่อ่ะ พูดอะไร สงสารน้องเค้า” พูดพลางตบไหล่ปกรณ์อย่างเป็นกันเอง
“คุณแม่เค้าแหย่เล่น”
ปกรณ์ยิ้มรับ “เริ่มเลยดีมั้ยครับ”
โจกับจริยาพยักหน้า พร้อมกับที่อาทิตย์เดินนำราศี และปูเปรี้ยวเข้ามา
“เอ้า พร้อมกันแล้วใช่มั้ยครับ”
ปกรณ์หันไปเห็นอาทิตย์ ก็ทำหน้าเซ็ง พาลไม่อยากทำงาน 2 หนุ่มจ้องหน้ากันเขม็ง
โจกับจริยาเดินเข้าไปที่ฉาก ปกรณ์เตรียมถ่าย อาทิตย์เหลือบมองนิดหนึ่งแล้วทำไม่สนใจ
“โอเค. ครับ ยืนหันหลังชนกันนะครับ”
ทั้งคู่จัดท่ายืนหันหลังตามที่บอก
“ดีครับ ดี หนึ่ง สอง”
อาทิตย์แทรกขึ้นมา “เดี๋ยวครับ”
ตากล้องหนุ่มสะดุดกึก อาทิตย์เดินไปสั่งทั้งคู่อย่างตั้งใจโชว์พาวเวอร์
“ท่านี้โบราณไป ยังกะหนังพริตตี้วูเม่นสมัยผมเด็กๆ เอาแบบนั่งหันหลังชนกันดีกว่าผมว่า”
ทั้งคู่ทำตาม ปกรณ์ส่ายหน้าเซ็งๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร
“โอเค. ครับ หนึ่ง สอง”
แต่จู่ๆ ก็กลับเปลี่ยนใจยังไม่ถ่าย
“ผมว่านั่งไม่เวิร์ค ท่ามันเหมือนคนสิ้นคิดยังไงไม่รู้ เปลี่ยนเป็นหันมาทางกล้องแล้วชี้ดีกว่าครับ”
อาทิตย์ไม่พอใจ “ผมว่างั้น 2 กอดคอกันดีกว่า เอาหน้าชิดๆ”
ปกรณ์แย้งอีก “ไม่ต้องกอดหรอกครับ เกินไป”
โจกับจริยาชักจะงง ปูเปรี้ยวหันไปมองหน้าราศี ฝ่ายหลังเองก็เริ่มรำคาญใจ จึงหันไปดุลูก
“นี่ตาทิตย์ เค้าเป็นตากล้อง ก็ให้เค้าทำสิ แกน่ะมานั่งเถอะ”
“อ้าว แต่ผมเป็น..... โอเค. ก็ได้ครับแม่”
อาทิตย์มองหน้าปกรณ์ ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ แม่
ตากล้องหนุ่มแอบอมยิ้มขำ ที่เห็นอีกฝ่ายกลัวแม่หงอ
การถ่ายรูปฟิตติ้งของ โจ & จิ๋ว ดำเนินมาถึงครึ่งทางตอนนี้เป็นการถ่ายภาพเดี่ยวของจริยา
“โอเค. นะครับ หนึ่ง...”
ปกรณ์กำลังจะนับต่อ แต่อาทิตย์แทรกขึ้นมาอีก
“เดี๋ยวครับ”
ตากล้องหนุ่มชะงัก ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายเข้าไปหาจริยา แล้วจัดไรผมให้ เขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจ จึงตะโกนเรียกช่างผมเสียงดังลั่น
“พี่ช่างผมครับ ใครเป็นพี่ช่างผมครับ ช่วยดูผมจิ๋วหน่อยครับ”
อาทิตย์รู้ว่ากำลังโดนงัด ก็หันมามองหน้า แต่ตากล้องหนุ่มทำไม่สนใจ
อุไรวรรณเดินผ่านมา พลางมองลอดกระจกเข้ามาในห้อง เห็นคนรุมล้อมจริยาเต็มไปหมด
“โชคดีจริงๆ จิ๋ว ฉันอยู่มาตั้งนาน ไม่เคยมีใครรุมล้อมเท่าแกเลย”
พูดแล้วก็ค่อยๆ เดินเลี่ยงไป
อาทิตย์ตะโกนกำกับท่าทาง
“โอเค. สุดท้ายนะจิ๋ว ขอแบบก้มมาทางกล้อง มองอย่างแววตาเซ็กซี่”
จริยาก้มมาทางกล้องตามสั่ง จนเห็นร่องอก ปกรณ์รีบสอดขึ้นมา
“เงยขึ้นไปเลยจิ๋ว มันเกินไป มันเห็นหน้าอก”
อาทิตย์พูดเสียงเข้ม โดยไม่มองหน้าตากล้องหนุ่ม “แต่คอนเซ็ปท์เรา มันต้องเซ็กซี่เล็กๆ”
ปกรณ์ย้อนกลับ โดยไม่มองหน้าเช่นกัน “โดยไม่ต้องขายนมก็ได้”
อีกฝ่ายเริ่มเดือด ก้มหน้าสูดลมหายใจ “เอางี้จิ๋ว ถ้ากลัวโป๊ก็ก้มหน้าแค่นิดเดียวพอ เดี๋ยวให้เค้าไปรีทัช ทีหลัง”
“ถ้างั้นก็ให้คนอื่นถ่ายเหอะจิ๋ว ภาพเราสวยได้ ไม่ต้องตัดแต่ง”
อาทิตย์มองไปทางอื่น แล้วพูดเสียงดัง “ห่วย”
ปกรณ์มองไปทางอาทิตย์ แล้วสวนกลับ “ไร้รสนิยม”
อาทิตย์ทนไม่ไหวหันไปกระโดดซัดกับปกรณ์ทันที ทุกคนในห้องตกใจ 2 หนุ่มกอดรัดกันล้มไปใส่ฉากพังพินาศ ทั้งกลิ้งลงไปนอนฟัดกันไม่หยุด ทีมงานพากันเข้าไปห้าม
ราศีกับปูเปรี้ยวตกใจ
“โอ๊ย ฉันจะบ้า”
ปกรณ์นั่งทายาที่แขนอยู่ในห้องกับป๋าช้าง
“เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ หลานเรา”
“ขอบคุณครับลุง”
ป๋าช้างทำหน้าเซ็ง “ประชดโว้ย นี่แกกับคุณอาทิตย์เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาแต่ชาติปางไหน จ้องจะตะบันกันอยู่ได้ นี่ถ้าแกเป็นเด็กๆ ฉันรูดก้านมะยมรอแล้วนะ”
“ก็มันกวนประสาทอ่ะครับลุง สั่งอยู่ได้”
“เอ๊า ! ก็เค้าเป็นบอส”
ปกรณ์สวนกลับ “ก็ถ้ามันเก่ง ก็มาถ่ายเองสิครับ”
ป๋าช้างส่ายหัว “แล้วทำไมแกไม่ตั้งบริษัทเองล่ะ มากินเงินเดือนเค้าทำไม”
“รอก่อนเหอะครับป๋า”
“ยังจะอาฆาตอีก นี่ฉันสอนเอาไว้นะ อคติจะทำลายทุกอย่าง คนเราต้องนึกถึงวันหน้าวันหลังบ้าง วันนี้แกไม่ชอบเค้า อีกยี่สิบปีแกอาจจะมาเป็นลูกจ้างบริษัทลูกเค้าก็ได้ ใครจะไปรู้”
ป๋าช้างนิ่งนึกถึงอดีตของตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อ
“ฉันไม่ได้ห่วงว่าจะเสียชื่อเพราะเป็นหลานฉัน แต่ฉันห่วงอนาคตแกจะแย่ เพราะอารมณ์ร้อนของแกเอง จำไว้ จากประสบการณ์ 60 ปีของผู้เฒ่า แล้วแต่นะ”
ปกรณ์ได้ฟัง ก็นิ่งคิด
ปกรณ์เดินออกมาจากห้องป๋าช้าง เห็นบ๊วยนั่งอยู่คนเดียว
“พี่บ๊วยครับ ไรกลับไปแล้วเหรอ”
“อ๋อ จ้ะ อุไรลาพักร้อนอาทิตย์นึง คงหลบไปเลียแผลใจน่ะ เป็นพี่คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน”
ปกรณ์ทำหน้าเครียด
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
ปกรณ์เดินหิ้วกระเป๋ามาตามทาง พร้อมกับที่อัปสรสวรรค์เดินผ่านมาเจอเข้าพอดี
“อ้าว เป๋า ถ่ายฟิตติ้งให้จิ๋วเสร็จแล้วเหรอ”
อีกฝ่ายทำหน้านิ่งๆ “เรียบร้อยล่ะ”
“แล้วนี่ทำไมมันมอมงี้อ่ะ ไปมุดอะไรมา”
“ก็...ออกกำลังนิดหน่อย”
ซุปตาร์สาวทำหน้างงๆ “เป็นไง ได้ทำงานที่รักแล้ว มีความสุขยัง”
“อืม แต่คงพอแล้วแหละ ไปก่อนนะ”
ขาดคำก็เดินไปเลย อัปสรสวรรค์มองตามอย่างแปลกใจ
อาทิตย์เดินออกมาที่ลานจอดรถ จู่ๆ อัปสรสวรรค์ก็โผล่มาดักหน้า
“นี่คุณ ไปมีเรื่องอะไรกับเป๋า”
“เรื่องอะไร? ไม่ไปถามเพื่อนศิลปินของคุณล่ะครับ” อาทิตย์พูดย้อน
“ฉันจะถามคุณนี่แหละ”
“ผมว่าเพื่อนคุณน่าไปเปิดแกลเลอรี่ส่วนตัว ถ่ายเองดูเองดีที่สุด ถ้าจะเอาแต่ใจตัวเองแบบนั้น”
“เอาแต่ใจยังไง”
อาทิตย์ทำหน้าเซ็ง “ก็เค้าเอาแต่ความคิดตัวเอง ผมเสนออะไรไปก็โกรธ”
“แล้วพอเค้าไม่ทำตาม คุณโกรธมั้ย”
“โกรธสิครับ”
อัปสรสวรรค์ย้อนกลับ “ นี่ไง คุณก็เอาแต่ใจ”
“คุณนี่แก้ตัวให้นายเป๋า เก่งกว่าเรื่องตัวเองอีกนะครับ”
“เรื่องตัวเอง เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่เป็นข่าวบลาๆๆ ทั้งหลายแหล่”
อัปสรสวรรค์ยักไหล่ “เรื่องเม้าท์เต้าข่าวฉันไม่สนใจหรอก ไร้สาระ”
“สาดกะปิใส่เพื่อน ถีบฮันนี่ตกน้ำเนี่ย เต้าข่าวหรือครับ”
“ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น”
อาทิตย์ทำสุ้มเสียงน้อยใจ “แล้วคุณไม่เป็นห่วงผมบ้างหรือครับ ว่าผมจะทำงานกับเค้าได้มั้ย ผมก็ยอมคุณ ให้เค้าเข้ามาทำแล้ว คุณก็ให้เค้ายอมพบกันครึ่งทางบ้างสิครับ”
อัปสรสวรรค์ทำหน้านิ่ง อาทิตย์ส่ายหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเดินออกไป
จริยาเดินออกมาที่ล็อบบี้ พอเห็นปกรณ์เดินหิ้วกระเป๋ามา ก็รีบวิ่งเข้าไปหา
“เฮ้ย เป๋า”
ปกรณ์หยุดกึก
“เป็นไงมั่งอะแก” จริยาถามอย่างเป็นห่วง
“ก็เป็นเงี้ย”
“องค์อะไรลง ถึงไปหาเรื่องคุณอาทิตย์เค้างั้น”
ปกรณชักฉุน “ฉันหาเรื่องเหรอวะ ฉันถ่ายรูปอยู่ดีๆ มันก็เข้ามาวุ่นเนี่ยนะ”
“เอ๊า ก็เค้าอยากให้มันออกมาดี แกสิ ติสท์อะไรขึ้นมา คนเค้าตินิดติหน่อยก็ไม่ได้”
“อยากให้ออกมาดี ให้แกทำนมหกเนี่ยนะ ชุดก็ยังกะโคโยตี้”
จริยาถอนใจ “โห แกนี่ เมื่อไหร่จะออกจากกะลาซักที ไปเรียนมาตั้งอังกฤษ ฉันเข้าใจนะว่าแกเป็นห่วงฉัน แต่ที่ทำไปน่ะ มันโง่รู้มั้ย”
“แล้วทำไมแกต้องเข้าข้างมันด้วยอ่ะ” อีกฝ่ายย้อนถาม
“ไม่ได้เข้าข้าง แต่ไม่อยากให้แกเป็นแบบนี้ เขาอุตส่าห์ให้แกแสดงฝีมือ ได้ทำงานที่แกรัก”
“ไม่ทำก็ได้เว้ย”
จริยาเริ่มฉุนขึ้นมาบ้าง “ฉันรู้ ว่าไม่ใช่แค่เรื่องชุด เรื่องท่าโพสต์หรอก แกปี๊ดเค้า เพราะมีข่าวกับเจ้ฟ้ามากกว่า”
ปกรณ์ยืนนิ่ง ไม่โต้ตอบ
“เรื่องของฉันน่ะ แกไม่ต้องห่วง ฉันเชื่อว่ามันไม่เสียหายอะไรแน่ เอาเวลาไปจัดการเรื่องในใจแก โดยไม่ต้องไปเดือดร้อนคนอื่นเถอะ”
พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่พอเดินพ้นมา ตัวเองก็กลับน้ำตาซึม
อาทิตย์นั่งอยู่ในรถที่เปิดกระจกอย่างเซ็งๆ ยังน้อยใจเรื่องอัปสรสวรรค์ พอเห็นจริยาเดินออกมาจากในตึก ก็บีบแตรใส่
จริยาสะดุ้งเฮือก ก่อนจะมองไป เห็นอาทิตย์โบกมือให้ ก็รีบเดินมาหา
“หวัดดีค่ะ คุณอาทิตย์”
“จิ๋ว เป็นไงบ้าง ทำงานกับโจไม่มีปัญหานะ”
จริยาส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่มีเลยค่ะ สบายใจสุดๆ”
“รีบกลับรึเปล่า ไปทานกาแฟเป็นเพื่อนผมซักแก้วสิ เดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือเอง”
“เอ่อ ก็ได้ค่ะ”
จังหวะกำลังจะเปิดประตูรถ มือถือก็ดังขึ้นมาขัด เธอรีบกดรับ
“ค่ะ ใช่ค่ะ ค่ะๆ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
จริยากดวางสาย หน้าซีดเผือด
“จิ๋วไปด้วยไม่ได้แล้วค่ะ แม่จิ๋วถูกรถชน”
อาทิตย์ได้ยิน ก็ถึงกับตกใจ
จริยาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาที่เตียงสมร ตามด้วยอาทิตย์
“แม่เป็นอะไรรึเปล่า”
สมรที่นอนอ่านนิตยสารดาราอยู่บนเตียงคนไข้ หันไปเห็นลูกสาวมากับอาทิตย์
“ใครวะเนี่ย”
“เอ่อ นี่คุณอาทิตย์ค่ะ หัวหน้าจิ๋วเอง”
สมรยิ้มเจ้าเล่ห์ แอบเหล่ไปมาระหว่างอาทิตย์กับลูกสาว
ฝ่ายลูกสาวเห็นอาการแม่ที่ไม่เป็นอะไรมากก็แอบเซ็ง
“คุณอาทิตย์กลับเถอะค่ะ ดูแล้วแม่จิ๋วไม่เป็นอะไรมากหรอก”
สมรโยนหนังสือดาราทิ้ง แล้วแกล้งทำเป็นเจ็บหน้าอก
“โอ๊ย ทำไมจะไม่มากล่ะน้องจิ๋ว แม่เจ็บจะตายอยู่แล้ว ระบมไปทั้งกายเลย ไหนจะค่ายา ค่าหมอ ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาให้เขา คงต้องขายบ้านกันล่ะทีนี้”
จริยาตกใจกับคำพูดของแม่ “ก็ไปเอาที่ไอ้คนขับชนสิแม่”
“ก็มันหนีไปแล้วจะเอาที่ไหน”
อาทิตย์แทรกขึ้นมาทันที “เดี๋ยวค่ารักษาผมรับผิดชอบเองครับ”
จริยาหันไปมองอาทิตย์ด้วยความเกรงใจสุดๆ “คุณอาทิตย์”
สมรยิ้มปลื้ม “โถ พ่อคุณ เป็นบุญของจิ๋วมันจริงๆ ที่มีเจ้านายดีๆ แบบนี้”
“แม่ พอเลยนะ”
อาทิตย์ยิ้มตอบสมร “จิ๋วเป็นนักร้องในสังกัดผม มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องดูแลน่ะครับ”
สมรยิ้มกรุ้มกริ่ม เริ่มนึกแผนการขึ้นมาได้
“จิ๋ว ยังไงลูกก็กลับพร้อมคุณอาทิตย์เขาเลยนะ ให้คุณเขาไปส่ง แม่อยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องเฝ้าหรอก”
จริยาทำตาโต ตกใจ “แม่”
“ไป ไปได้แล้ว แม่จะนอน”
สมรพูดเสร็จ ก็เอาผ้าห่มคลุมโปงเลย ฝ่ายลูกสาวมองแม่อย่างไม่เข้าใจ
รถอาทิตย์แล่นเข้ามาจอดบริเวณสลัม บ้านของจริยา
“ขอบคุณนะคะคุณอาทิตย์”
อาทิตย์ทำหน้าสงสัย “นี่แวะหาใครหรือครับ”
“อ๋อ เอ่อ บ้านจิ๋วอยู่ในนี้แหละค่ะ”
เขามองเข้าไปในชุมชนสลัมอย่างงงๆ
อาทิตย์เดินมาส่งถึงหน้าบ้าน พลางยืนกอดอกมองสภาพบ้านของจริยา
“จิ๋ว ผมว่า ผมคงให้คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ”
จริยาทำหน้างง “ทำไมคะ”
“ผมว่ามัน ดูไม่ดีเลย”
อีกฝ่ายรู้สึกฉุนเล็กๆ ขึ้นมา
“ ใช่ค่ะ ดูไม่ดี แต่จิ๋วก็อยู่ของจิ๋วมาตั้งแต่เล็กจนโต ถึงมันจะไม่ได้หรูหราแต่จิ๋วก็พอใจแล้วค่ะ”
“ผมไม่ได้จะดูถูกคุณนะจิ๋ว แต่การเป็นนักร้องเนี่ยมันคือไอดอล คือผู้นำเทรนด์ ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญสุด ถึงคุณจะไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงก็เถอะ แต่ในฐานะเจ้าของสังกัด ผมต้องดูแล”
“โธ่ แล้วจิ๋วจะไปเอาเงินที่ไหนล่ะคะ ค่าเช่าบ้านเดือนนี้ ก็ยังหาอยู่เลย”
อาทิตย์มองหน้าจริยานิ่ง
ทางด้านอุไรวรรณก็กลับมานั่งดูหมอกับยายหมอดูคนเดิมที่สนามหลวงอีกครั้ง
“เจ้าเล่ห์ จอมวางแผน คิดถึงแต่ประโยชน์ แต่มีเสน่ห์ มีอนาคต”
อุไรวรรณรีบถามต่อ “แล้วเค้าคิดอะไรกับเพื่อนหนูรึเปล่าคะ”
“ฮึ ทำไปเพื่อหลอกคน สร้างข่าว ไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ดูจากวันเดือนปีเกิดแล้ว ไม่ใช่เนื้อคู่กันแน่ แต่กับหนูน่ะมันใช่ชัวร์ๆ”
“แล้วหนูต้องทำไงต่อล่ะคะ จะไปอ่อยให้ท่าเขา หนูไม่เป็นหรอก”
ยายหมอดูรีบบอก “ ไม่ต้องเลย ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง อยากให้คนมองโดยไม่ต้องใช้แรงก็ต้องใช้นม”
อุไรวรรณมองหน้าอกตัวเอง “จะไหวหรือคะคุณยาย”
“ไปเสริมซะในส่วนที่สึกหรอ อะไรที่มันไม่มี ก็เอามาใส่ อะไรที่มีน้อยไป ก็หามาเพิ่มซะ แก้เคล็ด
เพิ่มฐานบุญให้แน่น”
ยายหมอดูดูในมืออุไรวรรณ แล้วตกใจ
“เฮ้ย นี่รู้รึเปล่าว่าตัวเองน่ะ มีขี้แมงวันอยู่ในที่ลับด้วย”
“ที่ลับ? ที่ไหนคะ”
“ไม่รู้ ลองไปหาดูเอง ไอ้ขี้แมงวันนี้แหละ มันอยู่ตรงจุดดูดบุรุษ จุดเดียวกับพระนางครีโอพัตราเป๊ะเลย โอเค. ไปเพิ่มฐานบุญให้แน่นตามที่ยายว่า ถ้าไม่มีผู้ชายมาหลงใหลภายในเจ็ดวันกลับมากระทืบยายได้เลย ฮ่าๆๆ”
อุไรวรรณได้ฟัง ก็ยิ้มแหยๆ
ฟากฮันนี่กับชิวาว่า ก็เดินเข้ามาที่กองถ่ายด้วยกัน
“เป็นไงคะ แผนการหางานแล้วแถมคลิปด้วย เวิร์คมั้ยคะ”
ฮันนี่ยิ้มปลื้ม “เออ ชอบๆ แผนนี้ดีที่สุดตั้งแต่จ้างพี่ว่ามาเป็นผู้จัดการเลยนะ”
ชิวาว่าหัวเราะ “ค่ะ ฮิๆ” ก่อนจะนึกได้ว่าโดนหลอกด่า “อ้าว”
“ต่อไปเอาตามนี้เลยนะ ใครจ้างฮันนี่ แถมคลิปเด็ดนางฟ้า”
“เอ่อ แล้วเราจะเอามาจากไหนล่ะคะ”
ฮันนี่ยิ้มร้าย “สร้างขึ้นมาสิวะ จะทำยังไงก็เรื่องของพี่”
ทั้งสองเดินเข้ามา ก็เห็นอัปสรสวรรค์กำลังนั่งให้นักข่าวสัมภาษณ์
“อุ๊ยๆ นาทีทองค่าน้องนี่”
ฮันนี่รีบปั้นหน้าตอแหลตรงรี่เข้าไปทันที “อุ๊ย น้องนางฟ้า สวัสดีค่ะ”
นักข่าวส่งเสียงฮือฮา ขณะที่อัปสรสวรรค์ไม่สบอารมณ์
“คลิปนั่นไม่ได้มาจากนี่นะคะ ไม่รู้ใครที่ไหนมันแอบถ่าย แย่จริงๆ”
ฮันนี่ปั้นหน้าเศร้า อัปสรสวรรค์แอบเบ้ปาก
“อ๋อ ใช่ค่ะ เพราะวันนั้นก็ไม่เห็นมีใคร สงสัยที่แอบถ่ายนั่นคงไม่ใช่คน คงเป็นตะกวดหรือตั่วเฮียที่ไหน”
“แหม ช่างตั่วเฮียมันเถอะค่ะ เรา 2 คนรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้ทะเลาะกัน แม้คนทางบ้านเค้าจะพูดกันว่าน้องนางฟ้าถีบนี่จริง ถีบเพราะมีอินเนอร์อิจฉาริษยาจริง แต่สำหรับนี่ ไม่เคยคิดเลยค่ะ คิดแต่ทำเพื่อภาพสวยๆในละคร น้องนางฟ้าสบายใจได้”
นักข่าวหันไปซุบซิบถึงความน่ารักของฮันนี่
“น้องฮันนี่สปอร์ตไม่เปลี่ยนเลยนะ”
ฮันนี่ยิ้มตอแหล ก่อนจะเดินเข้าข้างในไป อัปสรสวรรค์ส่ายหน้า อย่างไม่พอใจ
อัปสรสวรรค์กำลังจะแต่งตัว พลันก็ได้ยินเสียงดังมา
“เอ้า มโหรี”
ซุปตาร์สาวยิ้มแป้น รีบลุกไปทันที
ที่เสื้อคลุมที่แขวนอยู่ที่ราวใกล้ๆ เห็นมือใครคนหนึ่งค่อยๆ ล้วงใส่บางอย่างเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนั้น แล้วรีบหนีออกไปอย่างเร็ว
พวกทีมงานกำลังล้อมวง รอทีมงานหญิงคลุกมะม่วงเช่นเคย อัปสรสวรรค์ยิ้มเดินรี่เข้ามา
“กินด้วยค่า”
พวกทีมงานเห็นอัปสรสวรรค์เดินมาก็พากันแตกฮือ เหลือคนคลุกนั่งอยู่คนเดียว
“เป็นอะไรกันล่ะคะ ทำไมไม่กินด้วยกัน”
คนคลุกมองอย่างกลัวๆ “เอ่อ น้องนางฟ้าไปนั่งรอเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่ตักไปให้”
“อะไรล่ะพี่ ก็มะม่วงสามัคคี แมงโก้มโหรีไง ต้องกินเยอะๆ ถึงหนุกๆ”
“เอ่อ อย่ามากินตรงนี้เลยค่ะ เดี๋ยวพวกเราจะเดือดร้อน”
อัปสรสวรรค์ทำหน้างง ”ทำไมล่ะพี่ มีอะไร คุณราศีสั่งมาเหรอคะ”
คนคลุกค่อยๆ พยักหน้า
“คุณป้านะ”
“แล้วก็ อีกเรื่องคือ อีพวกเมียๆ ช่างไฟ มันอ่านข่าวที่เค้าเม้าท์กัน มันคิดว่าน้องนางฟ้าชอบกินช่างไฟจริงๆ เลยทะเลาะกันจนจะบ้านแตกแล้วค่ะ”
อัปสรสวรรค์ชักสีหน้า ไม่พอใจ
อัปสรสวรรค์กำลังใส่เสื้อคลุมอยู่หน้ากระจก เตรียมเข้าฉาก ขณะกำลังจัดเสื้ออยู่นั้น พลันในกระจก ก็สะท้อนภาพแมงมุมตัวใหญ่คลานออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มาเกาะอยู่ที่ไหล่ เธอถึงกับยืนช็อกทำอะไรไม่ถูก ใจเต้น ตัวสั่น ก่อนจะรู้สึกหายใจไม่ออก แล้วก็หมดสติล้มลงไปนอนกับพื้น
แมงมุมใหญ่ค่อยๆ คลานหนีไป
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง อาทิตย์ก็เดินเข้ามาในกองพอดี ปูเปรี้ยวเห็น ก็พูดทัก
“อ้าว คุณอาทิตย์ มาดูถ่ายหรือคะ”
“ครับ เห็นบอกว่าฉากสุดท้ายแล้ว เลยอยากมาร่วมปิดกล้องด้วย เอ่อ... “
ปูเปรี้ยวรู้ทัน “ข้างในค่ะ คงแต่งตัวเสร็จล่ะ”
อาทิตย์ยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว พอเห็นอัปสรสวรรค์นอนนิ่งอยู่กับพื้น ก็ตกใจ
“นางฟ้า”
อาทิตย์อุ้มอัปสรสวรรค์ออกมาจากห้อง ปูเปรี้ยวเห็นก็ร้องเสียงหลง
“ว้าย อะไรกันคะ”
“สงสัยจะเป็นลมครับ ผมพาไปโรงพยาบาลก่อนนะครับ”
“ค่ะๆ”
พวกทีมงานพากันตะลึง
อัปสรสวรรค์นอนหลับอยู่บนเตียงในห้องคนไข้ ใกล้ๆ กันนั้น อาทิตย์กำลังยืนถามอาการจากหมอ
“พักผ่อนซักพักคงกลับบ้านได้ น่าจะเกิดจากความเครียดหรือพักผ่อนน้อยน่ะครับ”
“อ๋อ ครับๆ”
คล้อยหลังที่หมอเดินจากไป อาทิตย์เดินมาข้างเตียงแล้วมองหน้า อัปสรสวรรค์นอนหลับตาพริ้ม
เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปจะจับแก้ม พลันเสียงมือถือในกระเป๋าเสื้อของเธอดังขึ้นมาขัด เขารีบล้วงหยิบ มือถือของเธอขึ้นมาดู เมื่อเห็นเป็นสายจากปกรณ์ ก็ตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีครับคุณเป๋า ผมอาทิตย์พูด”
ปกรณ์ได้ยินเสียงอาทิตย์ก็ตกใจ
“ผมจะคุยกับนางฟ้า นี่มือถือไปอยู่กับคุณได้ไง”
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคงกลับบ้านแล้ว”
“นี่คุณอยู่ไหน” ตากล้องหนุ่มย้อนถาม
“โรง....”
อาทิตย์ยังพูดไม่ทันจบ แบตมือถือก็หมดเสียก่อน
“ฮัลโหล คุณ...”
ปกรณ์โมโห เพราะคิดว่าอาทิตย์จงใจตัดสาย
อัปสรสวรรค์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นภาพเบลอๆ ก่อนจะกลายเป็นหน้าของอาทิตย์ชัดๆ เธอมองอย่างงงๆ
อาทิตย์ขับรถแล่นมาตามทางเลียบชายทะเล โดยมีอัปสรสวรรค์นั่งอยู่ข้างๆ
“อะไรของคุณ ทำไมไม่พาฉันกลับบ้าน”
“ก็หมอบอกคุณอาจจะเครียดเกิน ผมอุตส่าห์พามาพักผ่อน”
อัปสรสวรรค์เบ้ปาก “ใครขอ”
“แปลกนะครับ คุณกับผมต้องมีเหตุบังเอิญให้ได้มาเจอกันตลอด เค้าเรียกว่าเรื่องมหัศจรรย์รึเปล่าครับ”
“ถ้าเกิดขึ้นเพราะวางแผนไว้ ก็ไม่มหัศจรรย์หรอก”
อาทิตย์หน้าเหวอ “เอ๊า คุณ นี่ผมวางแผนมาเจอคุณ ตอนกำลังเป็นลมงั้นเหรอครับ”
“ก็ไม่แน่หรอก เด็กเลี้ยงแกะยุคนี้ ไม่ต้องตะโกนโหวกเหวกแล้ว แค่ใช้ตังค์สร้างทุกอย่างขึ้นมา ก็หลอกคนแนบเนียนกว่าเยอะ”
“เปรียบเทียบอะไรก็ไม่รู้ ไม่เท่เลย”
“ก็ไม่ได้พูดเอาเท่นี่”
จู่ๆ รถก็เกิดกระตุก ทั้งสองตกใจ และแล้วรถก็เกิดหยุดลงข้างทาง
อาทิตย์หน้าเสีย พยายามสตาร์ทรถแต่ไม่ติด อัปสรสวรรค์หันไปมองอย่างไม่พอใจ คิดว่าเขาแกล้ง
“นี่คุณ วันนี้ฉันไม่สบายนะ อย่ามาเล่นนะ”
“ผมก็ไม่ได้เล่นนี่”
“คุณ ไม่ตลกนะ”
อาทิตย์สตาร์ทอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ติด “เอ่อ คุณอย่าเพิ่งเครียดนะ เดี๋ยวจะเป็นลมไปอีก”
อัปสรสวรรค์หน้าซีด
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ อาทิตย์นั่งคุยมือถืออยู่ในรถ
“โอเค. ครับ รีบหน่อยนะครับ”
คุยจบก็วางสายอย่างเซ็งๆ
“อู่ซ่อมรถแถวนี้มันไม่มี ต้องเรียกจากในเมืองมาลากไป”
อัปสรสวรรค์ส่ายหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเอนเบาะลง เขาปรับเบาะเอนตาม
“ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์ แถมยังเป็นเรื่องซวยๆ ที่ได้มาเจอคุณ ฉันเหนื่อยพอแล้ว”
ซุปตาร์สาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทำเอาอาทิตย์เจื่อนลงทันที
ทั้งสองมองไปบนฟ้า เห็นมีดวงดาวเต็มไปหมด เขาจึงหาเรื่องมาคุยเพื่อให้เธอสบายใจ
“โอ้โห ดูสิคุณ ดาวเต็มไปหมดเลย ในกรุงเทพไม่เคยเห็นแบบนี้เลยนะ นั่นดาวจระเข้ชัดมากเลยครับ ทางนั้นก็ดาวม้า แหม ได้ฟื้นความจำอีกรอบนึง คุณล่ะครับมีดาวที่ชอบรึเปล่า”
อัปสรสวรรค์ทำหน้านิ่ง “ไม่ชอบเลยซักดวง”
“ทำไมล่ะ”
“ดาวที่แม้จะส่องแสงสวย มีคนมากมายเฝ้ามอง แต่ก็ถูกแขวนตรึงไว้อย่างนั้นชั่วกาลนาน ไม่ต่างต้องโทษ แม้คนจะเกิดแล้วตายอีกกี่สิบชาติ ดาวก็ยังต้องอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน”
“ทำไมไม่มองว่ามันเป็นความอมตะเหนือกาลเวลาบ้างล่ะคุณ” เขาย้อนถาม
“อมตะแต่โดดเดี่ยว สู้ตายไปพร้อมคนที่รักดีกว่า”
อาทิตย์นิ่งคิดตาม ก่อนจะเปลี่ยรเรื่องคุย “ คุณว่านี่มันเงียบไปมั้ย”
“เงียบสิดี เสียงดัง หนวกหู น่ารำคาญ”
“แต่ผมว่ามันเงียบไป”
อัปสรสวรรค์สะบัดเสียงกลับ “ไม่ ฉันชอบ โลกส่วนตัว”
“ถ้าโลกส่วนตัว งั้นเราก็ทำอะไรก็ได้สิใช่มั้ย”
อาทิตย์พูดพลางเอื้อมไปเปิดวิทยุในรถ เสียงเพลง “โอ้รัก” ของดิอิมพอสสิเบิ้ล ดังขึ้นมา
เขาเปิดไฟหน้า แล้วเดินลงไปที่หน้ารถ เธอมองอย่างงงๆ
เขายืนโค้งให้ แล้วผายมือเชิญให้เธอออกมา
“จะบ้าเหรอ”
“ในโลกส่วนตัวไม่มีคำว่าบ้าครับ”
อัปสรสวรรค์นิ่งยิ้ม
ทั้งคู่เต้นรำด้วยกันอยู่ที่หน้ารถ ก่อนที่อาทิตย์จะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
“นี่เพลงโปรดคุณแม่ผมเลยนะครับ”
อัปสรสวรรค์ทำหน้ากวน “อืม ฉันก็ว่าหน้าอย่างคุณไม่น่าฟังเพลงดีๆ อย่างนี้”
“อืม คุณเต้นเก่งนะครับ”
“ไปดูละครเก่าๆ ของฉันไป ฉันเต้นยิ่งกว่านี้”
อาทิตย์ยิ้มรับ พอเพลงจบลง ก็โค้งให้
“ขอบคุณนะครับ ที่ให้ผมมาอยู่ในโลกส่วนตัวของคุณ”
อัปสรสวรรค์อึ้งๆ เขินๆ ก่อนจะเดินหลบไปนั่ง อาทิตย์เดินไปนั่งข้างๆ
“นี่คุณ ถามจริงๆ เถอะ คุณเครียดเรื่องไร”
เธอลังเลใจว่าจะบอกดีรึเปล่า จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแตรรถ พร้อมแสงไฟสาดเข้ามา ทั้งสองหันไป เห็นรถกระบะจากอู่ซ่อมมาถึงพอดี
อุไรวรรณนั่งอยู่กับพื้นห้อง ดูภาพเก่าๆ ที่เคยถ่ายกับอัปสรสวรรค์อย่างแค้นเคือง
“อีนางฟ้า แกคนเดียว”
จากนั้นก็เอารูปถ่ายขึ้นมาฉีกอย่างโมโหใบแล้วใบเล่า พอหยิบรูปใหม่ขึ้นมาจะฉีกอีก ก็สะดุดกับภาพเพื่อนสาว 3 คน สมัยรับน้อง หน้าทาแป้ง ผมผูกจุก
อุไรวรรณนึกย้อนกลับไปถึงบรรยากาศวันรับน้อง
เหล่าน้องใหม่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย หน้าทาแป้ง ผมมัดจุก แขวนป้ายชื่ออันใหญ่ เข้าแถวเป็นคู่ๆ อยู่หน้าซุ้มผีสิงที่พวกรุ่นพี่สร้างขึ้นจากโครงไม้และผ้า
อัปสรสวรรค์จับคู่กับอุไรวรรณ มือมัดติดกันด้วยผ้าแดง
รุ่นพี่ตะโกนบอก “เอ้า เชิญครับ อย่าทิ้งกันเด็ดขาดนะครับ”
นักศึกษา 2 คนแรกจูงมือกันเข้าไปอย่างกลัวๆ สักพักก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังออกมา
อัปสรสวรรค์หน้าซีด “ไม่อยากเข้าเลยว่ะไร”
“เฮ่ย กลัวผีเหรอ”
“กลัวคนนี่แหละ”
อุไรวรรณยิ้มขำ “เดี๋ยวถ้าเข้าไปแล้วใครแต๊ะอั๋งฉันนะ จะถีบให้กระเด็นเลย”
รุ่นพี่ตะโกนอีก “ เอ้าๆ น้องฟ้าน้องไร เชิญเลยครับ”
ทั้งคู่พากันจูงมือมุดเข้าไปในซุ้มนั้น โดยมีรุ่นพี่ในชุดผีใส่หน้ากากคลุมโปงเดินเข้ามาหล ทั้งคู่สะดุ้ง นิดหนึ่ง แล้วก็หัวเราะกันเดินผ่านไป จนมาถึงจุดหนึ่ง เป็นซุ้มรกๆ ให้ลอดผ่านไป
ขณะทั้งสองกำลังลอดนั้น อัปสรสวรรค์ก็เห็นแมงมุมตัวใหญ่ เกาะอยู่ที่ผนังใกล้ๆ หน้าเธอ
เธอช็อกจนตัวสั่น หายใจแรง ทำอะไรต่อไม่ได้
จนอุไรวรณลอดผ่านไปแล้ว เธอก็ยังยืนนิ่ง
“ฟ้า คลานมาสิ”
อัปสรสวรรค์หายใจหอบแรงอยู่อย่างนั้นด้วยความกลัว อุไรวรรณรีบเข้าไปประคองเพื่อนที่ยืนตัวสั่นเทา
“ฟ้าเป็นไร ฟ้า”
ครั้นหันไป ก็เห็นแมงมุมตัวใหญ่มากเกาะอยู่ด้านหลังอัปสรสวรรค์
“ไร ช่วยด้วย”
เธอรีบเอามือปัดแมงมุม เพื่อปกป้องเพื่อน จนแมงมุมคลานหนีไป
“มันไปแล้วฟ้า มันไปแล้ว”
“ขอบใจ”
อัปสรสวรรค์หายใจไม่ออก จนเหนื่อยเป็นลมไป อุไรวรรณตกใจ
“ฟ้า”
อุไรวรรณประคองอัปสรสวรรค์ที่หน้าซีดเซียวออกมาจากซุ้ม รุ่นพี่และเพื่อนๆ เห็น ก็พากันตกใจ
“อ้าว เป็นอะไรกันครับ น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
อุไรวรรณไม่ตอบ รีบพยุงเพื่อนเดินไป
พวกรุ่นน้องเห็นดังนั้นก็ขวัญเสีย เดินหนีไปเลยไม่มีใครเล่น
“อ้าว น้องๆ จะไปไหนกัน ไม่เล่นโดนทำโทษนะครับ”
อุไรวรรณพาอัปสรสวรรค์หลบมาหามุมนั่งพัก
“แกเป็นไงบ้าง”
“ค่อยยังชั่วล่ะ”
“แกกลัวแมงมุมเหรอ”
อัปสรสวรรค์จับมืออุไรวรรณแน่น พลางขอร้อง “แก เรื่องนี้แกอย่าบอกใครนะ”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
อุไรวรรณเอารูปอัปสรสวรรค์ที่ฉีกแยกออกจากรูปตัวเอง แล้วโยนลงไปในกระป๋องคุ้กกี้เปล่าๆ จากนั้นจึงเทน้ำมันรอนสันลงไปแล้วจุดไฟทันที
“เผาจริง อีนางฟ้า”
สีหน้าที่เปี่ยมแค้นของอุไรวรรณฉาบแสงไฟลุกโชน
จบตอนที่ 5