xs
xsm
sm
md
lg

รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 1

อรุณรุ่งวันหนึ่งวันนี้ ทันทีที่ตัวเลขดิจิตอล ในนาฬิกาปลุกดีไซน์เก๋บนโต๊ะหัวเตียง บอกเวลาที่ 05.55 น. เสียงตั้งปลุกก็กรีดเสียงฝ่าความเงียบดังขึ้น ก่อนจะมีมือเรียวงาม เอื้อมมากดปิดเสียงนั้น

เจ้าของมือ เป็นสาวสวย หุ่นดี กำลังลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างกระฉับกระเฉง เธอคือ มุกริน คุรุรัตน์
คนสนิทชิดเชื้อเรียกเธอสั้นๆ ว่า มุก หญิงสาวคว้าอวัยวะที่ 33 โทรศัพท์มือถือเดินไปทางห้องน้ำ
หากสังเกตชัดๆ จะเห็นว่าโต๊ะหัวเตียงนอน มีรูปคู่ระหว่างมุกรินกับ หนุ่มหล่อ คู่หมั้นของเธอ เป็นภาพกอดคอกันอย่างมีความสุข ณ สถานที่เที่ยวแห่งใดแห่งหนึ่ง

อีกฟากหนึ่ง ในตอนเช้าตรู่วันเดียวกัน
โทรศัพท์มือถือมีเสียงดังขึ้น หน้าจอโทรศัพท์ มีชื่อและหน้า มุกรินปรากฏ กล้องเคลื่อนรับ ชายหนุ่มผู้นอนคุดคู้อยู่บนเตียงนุ่ม เขาคือ คิมหันต์ สุริยะศักดิ์ คู่หมั้นของ มุกริน
คิมหันต์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เขาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมาถือแนบหู
“มอร์นิ่ง...ตื่นเช้าจัง...ขอให้ทุกอย่างราบรื่น ฝนไม่ตกนะจ๊ะ”
รูปถ่ายที่ตั้งอยู่หัวเตียง มันเป็นรูปคู่ชุดเดียวกับที่ตั้งอยู่ในห้องมุกริน
“ขอนอนอีกแป๊ปนึงน่า งานเริ่มบ่ายไม่ใช่เหรอ ก็นอนอยู่ในห้องที่จะเป็นเรือนหอของเรา เดือนหน้านี้ไง”
มุกรินยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าในห้องนอน เธอบ้วนปาก หลังจากแปรงฟันเสร็จ โทรศัพท์มือถือวางอยู่ข้างอ่างล้างหน้านั้น มุกรินอ้าปากพูดทักท้วงเอากับคนรักทางโทรศัพท์
“นอนก่อนได้ไง เขาถือนะ”
“ใครถือก็ช่าง...ผมไม่ถือ”
“อวยพรให้มุกหน่อยสิคะ งานวันนี้ฝีมือมุกล้วนๆ เลยนะ
ห้องนอนคิมหันต์...ต่อเนื่อง
คิมหันต์ลุกขึ้นนั่งกลางเตียง
“นอกจากคำอวยพรแล้ว ผมยังมีของขวัญให้มุกด้วย...ฟังนะ”
คิมหันต์หันไปคว้ากีตาร์ข้างเตียงมาเล่น และ ร้องเพลงอยู่บนเตียงนอนนั้น
มันเป็นเพลงรักระหว่าง เขา และ เธอ สองคน

ฟากมุกรินวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆอ่างอาบน้ำ เธอหย่อนตัวลงไปในอ่าง อาบน้ำพร้อมกับฟังเพลงจากคิมหันต์อย่างมีความสุข

คิมหันต์มีความสุขกับการร้องเพลงนี้ให้คู่หมั้นฟังเช่นกัน เพลงนี้ยังได้ดังกล่อมบ้านไม้สามชั้นที่มีอายุไม่น้อย แต่ได้ถูก renovate จนสวยงามน่าอยู่อาศัย หลังนี้

บนเวทีในลานจัดงานกลางแจ้งของห้างดังกลางใจเมือง เห็นป้ายชื่องานเป็นตัวหนังสือฟ้อนต์สวยงาม อ่านได้ความว่า “Fast Track…to the Fifth Year - ย่างก้าวสู่ ปีที่ 5”
บรรยากาศงานในเลี้ยงนี้ หรูหรา ดูดี มีรสนิยม ผู้คนในงานล้วนแต่งตัวดี ตรงตามธีม ที่เจ้าของงานกำหนด เจ้าของงาน เป็นชายสูงวัย บุคลิกดี สมาร์ท และมากไปด้วยเสน่ห์ ท่านคือ พลอากาศโทอรรถ เลิศปัญญาวุฒินายพลทหารนอกราชการ ผู้กว้างขวางในแวดวงธุรกิจ ท่านมาเป็นประธานบริษัท Fast Track ข้างกายท่านเลขาสาวสวยหุ่นดี คอยเดินประกบท่านไม่ห่าง ซึ่งทำให้ท่านมีความพึงพอใจไม่น้อย
ผู้คนในงานผลัดกันทักทายแสดงความยินดีกับท่านนายพลไม่ขาดสาย
ชาย 1 บอกว่า “ดีใจด้วยนะครับ...เผลอแป๊บเดียว จะครึ่งทศวรรษแล้ว”
อรรถยิ้มรับ “นั่นสิ...สี่ปีที่แล้ว ยังคิดว่าจะทำเล่นๆ ขำๆ อยู่เลย”
ชาย 2 เย้า “อย่างนี้ไม่ขำแล้วครับท่าน มืออาชีพเลยหละ”
ชาย1 เสริม “ใช่ งานใหญ่ๆระดับชาติ ทั้งภาครัฐภาคเอกชน เป็นต้องเรียกใช้ Fast Track เจ้าเดียวเท่านั้น”
“พูดอย่างนี้ เดี๋ยวมีคนไปฟ้องศาล หาว่าผมผูกขาด จะแย่เอานา”
ทุกคนหัวเราะเอาอกเอาใจกันตามมาตรฐานงานสังคมหรูไฮ

ส่วนอีกมุมหนึ่งของงาน สาวสวยนางหนึ่ง กำลังเดินต้อนรับแขกในงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอคือ พักตรา เลิศปัญญาวุฒิ หรือ พักตร์ ธิดาคนสวยของนายพลอรรถ บรรดาแขกผู้ใหญ่ในงานเข้าไปทักทายอย่างเอ็นดู
“วันนี้จะขึ้นเวทีมั้ยจ๊ะ เป็นพิธีกรหรือร้องเพลงซะหน่อยก็ดี ป้าจะรอฟัง” หญิง1 สอพลอ
พักตรายิ้มตามมารยาท “ไม่ดีกว่าค่ะ บริษัทของพ่อ งานของพ่อ ให้พ่อร้องดีกว่า คุณพ่อร้องเพลงเพราะนะคะ”
“เหรอจ๊ะ”
หนุ่มหน้าตี๋สาแหรกมีฐานะคนหนึ่งที่คอยเดินตามอยู่ข้างๆ พักตรา แยกตัวไปหยิบเครื่องดื่มแขกผู้ใหญ่ชี้มือไปทางเขา
หญิง 2 สอพลอมั่ง บุ้ยใบ้ไปทางตี๋หล่อพอประมาณที่เดินห่างออกไป
“แล้วเมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ”
“โอ๊ย อีกนาน ความประพฤติยังไม่ผ่านเกณฑ์ค่ะ”

“เหรอจ๊ะ” หญิง 2 ยิ้มพยักพเยิดกันไป

อีกมุมหนึ่งของงาน มุกรินและกลุ่มพนักงาน พวกเธอเดินแจกอุปกรณ์สำคัญให้กับแขกในงาน มันคือพลุกระดาษ ขนาดพอดีมือ

“เอาไว้ใช้ตอน speech ของท่านประธานค่ะ”
มุกรินกำชับ แล้วเดินตรงไปหาผู้จัดการบริษัท เขามีชื่อว่า ปรารภ
“อีกห้านาทีนะคะพี่”
ปรารภพยักหน้ารับ “อืม...ผมดูเวลาอยู่”
“ค่ะ”
มุกรินจะเดินออกไป ปรารภเรียกเธอไว้
“มุกริน”
“คะ”
“งานวันนี้ คุณทำได้ดีมากนะ”
มุกรินสัพยอก “ขึ้นเงินเดือนให้มุกสิคะ”
“ทั้งเงินเดือน ทั้งตำแหน่ง...เดี๋ยวผมจะชงเรื่องให้”
“ขอบคุณค่ะ”
มุกรินยกมือไหว้ เป็นทีเล่นทีจริงนิดๆ ระหว่างนี้พักตราเดินตรงเข้ามาหามุกริน เหลียวหาคิมหันต์ ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างสนิทสนม แต่ก็ดูมีทีท่าข่มๆ แบบเหนือกว่านิดๆ
“แฟนฉันล่ะ...ไม่มาเหรอ”
“มาซี่...แต่เขาโอ้เอ้ อืดอาดอย่างนี้ประจำน่ะแหละ”
“ถึงว่าสิ ถึงได้เป็นแค่คู่หมั้นมาตั้งสามปี ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจับแต่งงานตั้งแต่เป็นแฟนกันปีแรกแล้ว ไม่หมั้นให้เสียเวลาอย่างนี้หรอก ระวังนะ หมั้นนานๆ อย่างนี้จะกลายเป็นหมันไม่รู้ตัว”
“เดือนหน้าจ้ะ เราจะแต่งงานกันเดือนหน้า”
“เหรอ...งั้นฉันยังพอมีเวลาแย่งเธออีกตั้งเดือนนึง”
มุกรินชี้ไปที่หนุ่มหน้าตี๋คนนั้น
“แล้วคนนั้นเขาไม่ว่าเอาเหรอ”
พักตราส่ายหน้า “ฉันจะเลิกกับมันวันนี้แหละ”

บนเวทีกลางงาน ทันทีที่วงดนตรีบรรเลงเพลงจบลง ปรารภ เดินขึ้นเวที ในมือถือไมค์ไร้สายเขาตรงไปที่หยุดกลางเวทีจุดที่มาร์กไว้สวมบทบาทพิธีกรอย่างภาคภูมิ
“ขอต้อนรับผู้มีเกียรติทุกท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ ผม ปรารภ ปิ่นรัตนชัย GM. ของบริษัท Fast Track บริษัทรับจัดงานที่มียอดบิลลิ่งสูงที่สุดสองปีติดต่อกัน”
แขกในงานตบมืออย่างพร้อมเพรียง
“และในวาระที่ Fast Track กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ห้า จึงขอถือโอกาสนี้ มาฟังเรื่องราวดีๆจากท่านประธานของเรา ขอเสียงตบมือต้อนรับหัวเรือใหญ่ที่มีสายตากว้างไกลของเรา พลโทอรรถ เลิศปัญญาวุฒิ”
เสียงตบมือกระหึ่มดังกว่าเก่า สปอตไลท์ฉายรับร่าง พลโทอรรถ ที่เดินตรงไปยังเวที พร้อมกับโบกมือให้กับแขกทุกคนในงาน

ตรงบริเวณใกล้ทางเข้างาน คิมหันต์เพิ่งมาถึง เขาหอบความหล่อเหล่าน่ากินเดินตรงเข้ามาในงาน
สาวๆ ในงานต่างเหลียวมองมายังเขาเป็นตาเดียว
ไกลออกไป เห็นหนุ่มหน้าตี๋ คู่ควงพักตรา ยืนคุยอยู่กับสาววัยรุ่นเซ็กซี่อยู่
คิมหันต์เดินไปหาแฟนสาว มุกรินยิ้มกว้างขณะหันมาทักทายคู่หมั้นของเธอ
“มาเร็วกว่าที่คิดตั้งครึ่งชั่วโมง”
“ผมแวะไปเอาสิ่งนี้มา ไม่งั้นจะเร็วกว่านี้อีกชั่วโมงครึ่ง”
คิมหันต์ส่งดอกไม้ช่อใหญ่ให้มุกริน
“congratulations ครับ ตั้งแต่ประตูเข้างานจนมาถึงนี่ มีแต่คนชมครีเอทีฟงานนี้ ไม่พูดเรื่องอื่นเลยรู้มั้ย”
มุกรินค้อนควัก ทว่าสีหน้าภูมิใจมากๆ “เวอร์แล้วคิม”

บนเวที พลโทอรรถยืนพูดผ่านไมค์ลอยต่อ ปรารภยืนขนาบอยู่ข้างๆ
“ก่อนอื่น ผมต้องขอให้เครดิตกับผู้ออกแบบจัดงานวันนี้ก่อน เธอเป็นกราฟฟิกดีไซเนอร์ ที่เพิ่งหันมาจับงานด้านครีเอทีฟ และผลงานของเธอดูดี มีอนาคตทีเดียว...นางสาวมุกริน คุรุรัตน์ครับ”
แขกในงานหันไปมองที่มุกรินพร้อมกับตบมือให้เกียรติ
“เห็นสวยๆ อย่างนี้ มีคู่หมั้นแล้วนะครับ นายคิมหันต์ สุริยะศักดิ์ ยืนอยู่ข้างๆ กันนั่นแหละ หนุ่มๆเสียดายกันเป็นแถวละซี”
ปรารภแซวเสริม “พ่อหม้ายอย่างผมยังเสียดายเลยครับ”

พักตราก้าวเข้ามายืนข้างคิมหันต์ และ มุกริน
“ถ้าจะเอาใจลูกค้าให้ถึงที่สุด เธอสองคนคงต้องเลิกกันนะ คนอื่นจะได้มีลุ้น”
“ให้มุกลาออกจากบริษัท ง่ายกว่ามั้งครับ” คิมหันต์บอก
“ตอนคุณเลิกกับพักตร์ก็ไม่เห็นจะยากเลยนี่คะ”
“พูดใหม่เถอะพักตร์ เรายังไม่เคยเป็นอะไรกันเลยนะ”
พักตราหัวเราะเริงร่า ทีเล่นทีจริง

“อันนี้ก็แล้วแต่ ใครจะคิดจ้ะ เนอะมุก”

นายพลอรรถยังคงยืนพูดอยู่บนเวที

“วันนี้ถือเป็นวันเกิด และ วันเติบโตของ Fast Track ผมจึงถือเอาวันนี้ เป็นวันคืนกำไรให้กับสังคมโดยเราจะแบ่งผลกำไรของบริษัทในปีที่ผ่านมา 7 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 10 ล้านบาท เพื่อทำการกุศลครับ”
แขกในงานตบมือดังและยาว
“มีผู้มีเกียรติแจ้งความประสง์จะร่วมบริจาคกับเราอีกมากมาย ผมจะขอเชิญผู้ใจบุญที่ร่วมบริจาคเป็นหลักล้าน ขึ้นโชว์ตัวบนเวทีหน่อยครับ”
ปรารภขยับตัว ยกไมค์ลอยในมือประกาศชื่อแขกคนสำคัญ
“ท่านแรกครับ...คุณวิมลรัตน์ สุริยะศักดิ์...เจ๊มลคนดังแห่งแวดวงแบรนด์เนมนั่นเอง”
วิมลรัตน์ พี่สาว คิมหันต์ ก้าวขึ้นเวทีตามคิวที่ทีมงานนัดไว้ วงดนตรีเริ่มบรรเลง
ส่วนที่ด้านข้างเวที มุกรินและคิมหันต์ยังยืนอยู่บริเวณนั้น จนกระทั่งธาดาเดินเข้ามายืนข้างๆ เอ่ยขึ้นกึ่งเยาะหยัน
“ถ้าไม่บอกนามสกุล จะไม่รู้เลยนะว่าเป็นพี่สาวคุณ”
คิมหันต์สวนกลับ “ก็เหมือนคุณกับมุกน่ะแหละ เอาใบเกิดมาดู ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน”
ธาดาเดินไปยังทางขึ้นเวที

โดยบนเวที มีผู้บริจาครายอื่นๆ กำลังทยอยเดินขึ้นเวที ตามคำประกาศของปรารภ ธาดาเดินแทรกขึ้นเวทีมายืนข้างๆ วิมลรัตน์ เขาเป็นสามีของเธอ วิมลรัตน์กระซิบเบาๆ พอให้ธาดาได้ยิน โดยที่เธอยังปั้นหน้ายิ้ม สง่างามอยู่
“ทำไมชอบหนีฉัน ฉันบอกให้เดินตามมาใกล้ๆ ไง”
ธาดากระซิบตอบภรรยา
“เผื่อว่าคุณอยากจะคุยส่วนตัวกับนายทหาร ผมก็หลบให้ไง”
“หลบไปคุยกับสาวอื่นละซี...อย่าให้จับได้เชียวนะ”
“โธ่ มีที่ไหนกัน...ถามน้องชายคุณได้”

ตรงมุมลับตามุมหนึ่ง พักตราเดินเข้าในแสงสลัวนั้น เธอมองตรงไปยังเบื้องหน้าของเธอ และเห็นหนุ่มหน้าตี๋คนนั้น หัวเราะร่าเริงกับสาววัยรุ่นเซ็กซี่คนเก่า

พิธีการบนเวทีมาถึงช่วงท้ายงาน
“มาถึงพิธีการช่วงสุดท้ายแล้วนะครับ ตามฤกษ์ผานาทีที่พระอาจารย์ให้ไว้ เราจะนับถอยหลังพร้อมๆ กัน เพื่อเป็นสัญญาณในการเคลื่อนเข้าสู่ก้าวใหม่ ก้าวที่ใหญ่ขึ้น แกร่งขึ้น โด่งดังขึ้น..ทุกท่านมีอุปกรณ์อยู่ในมือแล้วนะครับ...พร้อมนะ ครับ สิบ เก้า แปด เจ็ด…”
แขกในงานส่งเสียงร่วมนับถอยหลังพร้อมๆ กัน ทุกคนจับพลุในมือให้กระชับแน่นขึ้น พลโทอรรถ เตรียมกดปุ่มอยู่บนเวที เสียงแขกในงานนับถอยหลังไปเรื่อยๆ พร้อมกับปรารภ
“หก ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง…”
ทันใดนั้นเสียงแก้วแตกกระจายดังลั่น ก่อนที่นายพลอรรถจะกดปุ่ม ตามคิวแขกในงานจะร่วมกันจุดพลุฉลอง แต่แล้วกลับมีเสียงร้องกรี๊ดดังสนั่นงานขัดจังหวะอันน่ายินดีนี้ ทุกคนหันไปมองยังที่มาของเสียง
พบว่ามันมาจากตรงใจกลางงาน สาววัยรุ่นเซ็กซี่ผู้เป็นเจ้าของเสียงนางนั้น ยืนตัวสั่นเทิ้ม ข้างกายมีเศษแก้วแตกกระจาย หนุ่มหน้าตี๋ ยืนหน้าตาซีดเซียวอยู่ใกล้ๆ พักตรายืนประจันหน้าคนทั้งสอง เธอตะโกนลั่น
“ออกไปเลยนะ ออกไปจากงานนี้เลย สะเออะเข้ามาทำไมไม่ทราบ อีหน้าด้าน”
“อ้อ…เอ้อ…”
“นึกว่าฉันไม่รู้เหรออีอ้อ ว่าแกแอบไปนอนกับแฟนฉันกี่ครั้งแล้ว ฉันแค่ไม่อยากพูดเท่านั้นแหละ ไป ออกไปให้พ้น”
พักตราคว้าเหล้าจากบริกรที่เดินผ่านมา สาดใส่หน้าสาวเซ็กซี่อย่างแรง หนุ่มหน้าตี๋ พยายามเอ่ยปากห้าม
“พอเถอะพักตร์...แรงไปแล้ว”
แรงเหรอ แค่นี้เรียกว่าแรงเหรอ น้อยไปละไม่ว่า ต้องอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าแรง”
พักตราคว้าถังน้ำแข็งใบเขื่อง มาสาดใส่ไอ้หนุ่มแทน ทั้งน้ำและน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่หน้าเขา ตามด้วยเหล้าทั้งขวด อีกหลายขวด
“แกก็ออกไปด้วยเลย ไปได้แล้ว ปกป้องอีนี่นัก ไปอยู่กับมันเลย เราเลิกกันวันนี้ ไอ้กระจั๊ว ออกไป”
พักตราตะโกนลั่น ดังสุดเสียง
ผู้คนในงานส่งเสียงซิบซิบนินทา กันอื้ออึง บรรยากาศโกลาหล พอสมควร
ทุกคนบนเวทียืนตกตะลึง พลโทอรรถหันไปพยักหน้าให้สัญญาณปรารภรีบกู้สถานการณ์ ปรารภหันไปกระซิบกับนักดนตรี
“เล่นให้ดังเข้าไว้ ดังกว่าปกติซักสามเท่า”
นักดนตรีพยักหน้า ปรารภหันมาพูดเสียงดังใส่ไมโครโฟน
“ทุกท่าน จุดพลุได้”
พลโทอรรถกดปุ่ม ลูกโป่งที่เตรียมไว้ ลอยละลิ่วสู่ท้องฟ้า แขกในงานจุดพลุกระดาษในมือ เสียงดังสนั่น
กระดาษสีกระจายลอยเต็มอากาศเหนือพื้นที่จัดงาน วงดนตรีบรรเลงเพลงลิขสิทธิ์ถูกต้อง ท่วงทำนองสนุกสนาน ดุดัน และ โคตรดัง

วิมลรัตน์พูดเบาๆ กับธาดา
“อยากโดนแบบนั้นบ้างมั้ย”
“ไม่เอาน่า ผมไม่ได้เลวอย่างไอ้ตี๋นั่นซักหน่อย”

“ให้มันจริงเถอะ อย่าลืมว่า ถ้าฉันของขึ้นเมื่อไหร่ ฉันร้ายกว่ายายพักตรานั่นหลายเท่า”

ท่านนายพลอรรถลงเวที เดินมายืนเบื้องหน้ามุกรินและคิมหันต์ที่กำลังเซ็งๆอยู่

“งานวันนี้สวยงาม และมีคุณค่ามากนะ ส่วนที่ทำให้งานเสียหาย ก็ไม่ใช่เพราะหนู เป็นเพราะลูกสาวอาเอง หนูไม่ต้องกังวล”
“ค่ะ”
อรรถหันมาทาง “คิมหันต์ อาอยากจะขอให้เธอไปคุยกับยายพักตร์หน่อย ได้มั้ย”
“แล้วท่าน...”
“ฉันจะกลับไปคุยกับเขาที่บ้านขืนคุยที่นี่เดี๋ยวไม่จบ แต่ถ้าเธอลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ”
อรรถเดินหุนหันออกไป คิมหันต์มีท่าทีอึดอัด มุกรินจับมือเขา และยิ้มให้
“ไปเถอะ มุกไม่มีปัญหา”
“รอผมก่อนนะ คืนนี้เรามีนัดฉลองกัน อย่าลืม”
คิมหันต์หอมแก้มมุกรินฟอดหนึ่ง ก่อนเดินออกไป

มันเป็นบริเวณสงบเงียบ อยู่ห่างจากเวทีและบริเวณงานพอควร พักตรานั่งนิ่ง ซึม หงุดหงิดอยู่ตรงนั้น จน คิมหันต์เดินเข้ามาหาขยับตัวลงนั่งข้างๆ
“พ่อให้คิมมาปลอบพักตร์เหรอ”
“ใช่ คุณเดาแม่นมาก เป๊ะเลย”
“ฉันอยากเดาผิดบ้าง ฉันอยากให้คิมบอกว่า ตั้งใจมาคุยกับพักตร์เองมากกว่า”
“ผมจะมาเอง หรือคุณพ่อคุณบอกให้มา มันไม่ต่างกันหรอกครับ เพราะจริงๆ แล้วทุกคนเป็นห่วงคุณเหมือนกันนะพักตร์”
“คิมห่วงมากกว่าคนอื่นซักนิดไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงมีวี่แววอ้อนวอนอยู่เต็มเปี่ยม
คิมหันต์นั่งนิ่ง ไม่ตอบ พักตราเอื้อมมือไปจับมือคิม และจ้องหน้าเขาเต็มๆตา
“พักตร์ขอมากไปเหรอคะ”
คิมหันต์ไม่ตอบ เขาค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม
ดูเหมือนพักตราเข้าใจดี
“พักตร์โชคไม่ดีเหมือนมุก”
“คุณมีอะไรๆ มากกว่ามุกรินเยอะ”
“แต่พักตร์ไม่มีคิม ถ้าสี่ปีที่แล้วพักตร์ไม่แนะนำคิมกับมุกให้รู้จักกัน วันนี้เราอาจจะแต่งงานกันแล้วก็ได้ คิมว่ามั้ย”
คิมหันต์มองพักตรานิ่ง แล้วจึงเอ่ยปากตอบ
“ผมว่าคุณอารมณ์ดีขึ้นแล้วนะ ใช่มั้ย”

อีกมุม มุกริน นั่งรอคิมหันต์ อยู่เงียบๆ วิมลรัตน์และธาดาเดินเข้ามาใกล้ๆ เจ้าแม่แบรนด์ดังติงแฟนน้องชายทันที
“เธอไม่ควรปล่อยให้นายคิมไปนั่งคุยตามลำพังกับผู้หญิงอื่นนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ให้กำลังใจกันประสาเพื่อน”
“ฉันไว้ใจน้องชายฉันว่า ไม่มีอะไร แต่ฉันไม่ไว้ใจยายพักตรา”
มุกรินนิ่งไป ธาดาเอ่ยปาก ยิ้มแย้ม
“ไปหาอะไรกินกับพี่มั้ย มุก”
มุกรินยิ้มส่ายหน้า คิมหันต์เดินเข้ามาสมทบ เขาเอ่ยปากตอบทันที
“เสียใจครับ เรามีนัดกันแล้ว”
ธาดาหันมาหาวิมลรัตน์ “งั้นเราไปจอยกับเขาดีมั้ยมล”
“อย่าดีกว่าพี่มล คู่ใครคู่มันเถอะ”
“ก็ดี” วิมลรัตน์หันมาหาธาดา “เพราะคุณกับฉัน มีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกเยอะ คุณธาดา”
คิมหันต์กระซิบใกล้ๆ หูพี่สาว
“เบาๆ หน่อยก็ดีนะพี่มล ไอ้หมอนี่มันฝ่อพี่จะแย่อยู่แล้ว”
ธาดาขยับเข้ามาจับไหล่คิมหันต์
“อย่าหักโหมมากนะน้องชาย ถนอมน้องสาวพี่หน่อย”
ธาดาเดินตามวิมลรัตน์ไป วิมลรัตน์หยุด หันมาหาคิมหันต์
“ว่างๆ ค่อยโทร.คุยกันนะ”

รถคิมหันต์แล่นฝ่าความมืดและละอองฝนตรงเข้าไปยังรีสอร์ตสวยริมทะเลแห่งนี้
พอลงคิมหันต์และมุกริน เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ พนักงานรูปร่างอ้อนแอ้น ยิ้มหวานก่อนเอ่ยปากด้วยเสียงสดใส
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ห้องเต็มค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ค้าง แค่จะมาทานอาหาร เดินเล่นริมหาดเท่านั้น”
“เราเคยมาที่นี่ เมื่อสามปีที่แล้ว”
“โอ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเยอะแล้วนะคะ” พนักงานต้อนรับว่า
“ใช่ มืดกว่าเมื่อก่อนมาก” มุกรินเหลียวไปมองรอบๆ
“อ๋อ วันนี้ไฟดับน่ะค่ะ แล้วถ้าจะทานอาหารก็ ลำบากค่ะ เพราะแม่ครัวเพิ่งกลับบ้านไปเมื่อกี้ แกกลัวพายุเข้าค่ะ”
“งั้น มีอะไรในครัวบ้างมั้ยครับ เราทำกันเองได้ ถ้าคุณจะอนุญาต”
“เอ...” พนักงานออกอาการลังเล คิมหันต์ขอร้อง

“นะครับ วันนี้วันสำคัญ ครบรอบวันหมั้นเราสองคน”

อ่านต่อหน้า 2

รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 1 (ต่อ)

กลางห้องครัวใหญ่ ใต้แสงไฟสลัว คิมหันต์และมุกรินช่วยกันทำอาหารจากวัตถุดิบที่มีอยู่ในครัว

“ผิดแผนไปหน่อยนะมุก” คิมหันต์ทำเป็นจ๋อย
“คิมมีแผนด้วยเหรอ”
“ก็ไม่ใช่แผนที่ซับซ้อนอะไร แค่ได้นั่งโต๊ะสวยๆ ริมทะเล รำลึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน วันที่เราบอกรักกัน ริมโขดหินที่นี่”
“วันที่คิมเมา นอนหลับบนตักมุกถึงเช้าด้วยรึเปล่า”
“วันนั้นฝนตกด้วยนะมุก”
“วันนี้ฝนก็กำลังจะตกเหมือนกัน”
“อยากได้บรรยากาศแบบนั้นอีกมั้ย”
“อื่อฮึ แต่ทำไงได้ล่ะ พายุมันไม่เข้าใครออกใครนะคิม เราทำกับข้าวกินกันเองในครัวนี่ก็แปลก ไม่เหมือนใครแล้วหละ”
“ผมอาจจะทำให้ดีกว่านี้ได้นะ”
คิมหันต์จ้องหน้ามุกริน ยิ้มทะเล้น อย่างมีเลศนัย
“อย่าบอกนะว่า...”
มุกรินพูดไม่ทันจบคำดี คิมหันต์ดีดนิ้ว พลันไฟสนามสว่างจ้าขึ้น เมื่อมองผ่านหน้าต่างห้องครัวออกไป เห็นเป็นโต๊ะอาหารที่ตกแต่งสวยงาม แสนโรแมนติก มันตั้งอยู่กลางลานหญ้า หน้าชายหาด นักดนตรีสามคนยืนสีไวโอลินอยู่ข้างๆโต๊ะนั้น
คิมหันต์กระซิบข้างหูมุกริน
“สุขสันต์วันหมั้นครับ”
เจ้าแม่อีเว้นท์อายพอๆ กับดีใจ “คิม…”
“ผมก็จัดงานได้เก่ง ไม่แพ้คุณเหมือนกันนะครับ คุณมุกริน”
คิมหันต์จูงมุกรินเดินออกจากห้องครัว

ตรงโต๊ะอาหารกลางลานหญ้าหน้าชายหาด คิมหันต์จูงมือมุกรินเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร มีเสียงฟ้าร้องคำรามลั่น ลมพัดกรรโชกแรง มุกรินยังคงตื่นเต้นกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า
“คุณเตรียมเครื่องทำฝนด้วยรึเปล่า”
“เปล่า อันนี้ของจริง พายุมันไม่เข้าใครออกใครอย่างคุณว่าจริงๆ จะหาคนปักตะไคร้ตอนนี้ก็ไม่ทันซะแล้ว”
บริกรหน้าสวยเดินเข้ามาใกล้ๆ
“รีบทานอาหารก่อนดีมั้ยคะ ลมกำลังแรงเชียว”
“อาหารรอได้ มีอย่างอื่นต้องรีบทำมากกว่า”
คิมหันต์ก้มหน้าลงไปจูบมุกรินอย่างดูดดื่ม
บริกรผู้เป็นส่วนเกิน อายหน้าแดง นักดนตรีทั้งสามคน เดินเข้ามาบรรเลงเพลงใกล้ๆ
สายฝนเริ่มโปรยเม็ดลงมาในจังหวะนี้ ส่งเสริมความโรแมนติกเป็นอย่างดี

ที่บ้านวิมลรัตน์คืนเดียวกัน สายฝนโปรยปรายลงมา เม็ดหนามากขึ้น ลมพัดแรง เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังสนั่น
ภายในห้องโถง ธาดาขว้างของที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้น พร้อมกับตะโกนลั่นบ้าน
“โธ่เว้ย พูดแค่นี้ ไม่รู้เรื่องหรือไง”
วิมลรัตน์นั่งอยู่กลางโถงบ้าน เบื้องหน้าของเธอคือธาดาที่ยืนงุ่นง่านอยู่ ทั้งสองอยู่ในชุดจากงานเมื่อตอนบ่าย ขวดและแก้วเหล้า วางอยู่บนโต๊ะ ในตำแหน่งที่เข้าใจได้ว่า มีการดื่มกินกันมาพักใหญ่ๆ ทั้งสองหน้าแดง เลือดลมสูบฉีดเต็มกำลัง
“ทำอะไรน่ะ” วิมลรัตน์แผดเสียงใส่
“ก็ทำอย่างที่คุณเห็นนี่ไง”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะคุณธาดา”
“ทำไมผมจะขึ้นเสียงไม่ได้ ผมเป็นสามีคุณนะ ไม่ใช่ลูกจ้างของคุณ”
“อ๋อเหรอ งั้นคุณรู้บ้างมั้ยว่า หน้าที่ของสามีคืออะไร”
“แล้วคุณรู้รึเปล่าว่า หน้าที่ของภรรยาคืออะไร”
“ไม่ใช่วิ่งหาเงินใช้หนี้ให้สามีอย่างคุณก็แล้วกัน”
วิมลรัตน์เดินหนีไปทางบันได จะขึ้นห้องนอน ธาดาเดินตามไปพูดใส่หน้า
“อ้าว ก็ถ้าผัวเป็นหนี้ แล้วเมียไม่ช่วยใช้ จะให้ผัวคนนี้ไปหาเงินที่ไหน ให้ไปขายตัวเอามั้ย”
วิมลรัตน์โกรธสุดขีดหันมาตบหน้าธาดาอย่างแรง
“อย่ามาแหกปากโง่ๆ หยาบๆ ใส่ฉันอย่างนี้อีกนะ นายธาดา”
เสียงโทรศัพท์มือถือของธาดาดังขึ้น ธาดากดรับ แล้วเดินเลี่ยงห่างออกมา ก่อนเอ่ยปากพูด
“ฮัลโหล ครับ รู้แล้วครับ ผมจะรีบใช้ให้เร็วที่สุด นี่ก็วิ่งหาเงินจนขาขวิดไปหมดแล้ว ไม่เกินอาทิตย์หน้า ผมรับรอง”
ธาดากดวางสาย เขาเดินไปใกล้ๆวิมลรัตน์ ค่อยๆเรียบเรียงอารมณ์ตัวเองใหม่ แล้วจึงเอ่ยปากอย่างใจเย็นขึ้น
“มล ฟังนะมล ผมสัญญา ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย”
“เท่าไหร่...”
“สี่สิบ...”
“บอกมันไปว่าไม่มี อยากได้ก็ไปฟ้องเอา”
วิมลรัตน์กรอกเหล้าใส่ปาก แล้วเดินหนีขึ้นห้องนอนไป
ธาดายืนนิ่งเครียดจัด

มองจากหน้าบ้านวิมลรัตน์เข้ามา พบว่า สายฝนโถมกระหน่ำใส่บ้านหลังนี้ อย่างหนักหน่วงและรุนแรงขึ้น

สายฝนเทใส่หาดทรายสวย คิมหันต์และมุกริน นอนพิงกันอยู่ในรถคันนี้ริมหาด
“ฝนตกเหมือนวันนั้นเลยนะมุก”
“แล้วคิมจะเมาหลับแบบวันนั้นอีกรึเปล่า”
“ถ้ามุกจะยอมนอนที่นี่ ผมก็จะเริ่มเปิดขวดแรกทันที”
“ห้องพักเต็มนะ”
“นั่นมันบทพูดที่เตี๊ยมไว้”
“ถ้ามุกยอมนอนที่นี่ แต่คิมกลับเมาหลับซะงั้น ก็ไม่ได้อะไร สู้กลับไปนอนบ้านดีกว่า”
“แปลว่าเราต้องได้อะไรกันก่อนเมาไงล่ะ”
คิมหันต์ดึงร่างมุกรินเข้ามากอด และบรรจงจูบอย่างนิ่มนวลมุกรินตอบรับแต่โดยดี
“คิม…”
“หืม...”
“อย่าลืมสัญญาสิ คิม”
“ไม่ลืม”
“สัญญาว่าไง”
“สัญญาว่าเราจะไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวันแต่งงาน”
คิมหันต์ดันร่างคนรักออกกจากอ้อมกอด หลังพูดจบ
“สัญญาบ้าๆ เล่าให้ใครฟัง เขาหัวเราะเยาะกันใหญ่”
“ก็อย่าเล่าให้ใครฟังสิ...เก็บไว้เป็นความภูมิใจของเราสองคน”
คิมหันต์เอนตัวพิงไปกับเบาะรถ
“มันมีค่าสำหรับมุกมากเลยนะคิม”
“เข้าใจ มุกเป็นลูกครูสอนภาษาไทย ถูกปลูกฝังแบบไทยๆมาตั้งแต่เด็กๆ”
“มันไม่ได้เป็นเรื่องเชยนะคิม มันจะทำให้คืนส่งตัวของเรามีความหมายมากๆ”
คิมหันต์ยิ้ม ยอมรับ “ครับผม”
“อีกเดือนเดียวเอง”
“ผมรู้ ผมนับถอยหลังอยู่”
“มุกก็นับจ้ะ”
มุกรินจูบปากคิมหันต์เบาๆ กึ่งหยอกเล่น เสียงโทรศัพท์มือถือของคิมหันต์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“ฮัลโหล...” คิมหันต์ส่งโทรศัพท์ให้มุกริน “พี่ชายคุณ”
มุกรินรับโทรศัพท์มาพูด
“ฮัลโหล พี่ใหญ่ พี่เมารึเปล่าเนี่ย โทรศัพท์มุกแบตหมดค่ะ กลับสิคะ คิมเขาต้องไปถ่ายงานที่เขาใหญ่ต่อ ก็ เกือบๆ เช้ามั้งคะ”
มุกรินกดปุ่มเลิกการสนทนา
เธอส่งโทรศัพท์คืนให้คิมหันต์
“โทร.มาแค่เนี้ยะ”
“สงสัยทะเลาะกับพี่มล”
มุกรินเอนตัวพิงไปบนไหล่ของคิมหันต์
“แต่งงานกันแล้ว เราจะทะเลาะกันมั้ย”

“ไม่มีทาง ผมไม่มีวันทำให้คุณเสียใจ หรือต้องเสียน้ำตาเป็นอันขาด...ผมสัญญา”

ด้านวิมลรัตน์นั่งขมวดผมอยู่เบื้องหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง เธออยู่ในชุดคลุมก่อนอาบน้ำ แก้วเหล้าของเธอวางอยู่หน้าโต๊ะกระจกนั้น ธาดาเดินถือขวดเหล้าเข้ามาหา หน้าตาเครียดและเมาเอาการ เขาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง นิ่งๆ ก่อนเอ่ยปากพูด

“ว่าไง”
“ว่าไงอะไร”
“คุณบอกว่าวันนี้คุณมีเรื่องจะเคลียร์กับผม”
วิมลรัตน์คุณเมาอย่างนี้ ฉันไม่คุยด้วยหรอก
ธาดารินเหล้าใส่แก้วส่งให้วิมลรัตน์
“เอ้า จะได้เมาเท่าๆ กัน”
“ฉันคอแข็งกว่าคุณเยอะ”
“จริง...ผมถึงได้เสียตัวให้คุณตอนเมาไง”
วิมลรัตน์ตบหน้าธาดาฉาดใหญ่
“พูดดีๆ นะ ใครเสียตัวให้ใคร ใครคุกเข่าอ้อนวอนขอความรักจากฉัน ใครร้องไห้ฟูมฟาย จะฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์รักแท้ ใคร”
“ผมเอง...ขอโทษ...แต่ถ้าผมไม่เมา ผมคงไม่ทำอย่างนั้น”
“พูดใหม่เหอะ ถ้าฉันไม่รวย คุณคงไม่ทำอย่างนั้น”
“ก็จริง แล้วสุดท้ายผมได้อะไรบ้าง ผมไม่เห็นได้อะไรเลย จากการเป็นสามีสาวใหญ่ที่ร่ำรวยอย่างคุณ”
วิมลรัตน์โกรธจัด หน้าแดงก่ำ
“ไม่ได้อะไรเลยเหรอ งั้นบอกมาซิว่าแกต้องการอะไร แกต้องได้อะไร และฉันต้องเสียอะไร แลกกับการมีแกเป็นผัว”
“เสียตัวไง”
“นอกจากเสียตัวให้แกแล้ว ฉันยังเสียเงินให้แกไปอีกเท่าไหร่ ทั้งหนี้บ่อน พนันบอล ขายของเจ๊ง แกมันไม่ต่างอะไรกับแมงดาเลยว่ะ ฉันยอมให้เห็บให้หมัดเกาะกินเลือดฉัน ยังดีกว่าให้แมงดาอย่างแกมาเกาะฉัน”
“ด่าผมอย่างนี้เลยเหรอ”
“เออ”
“คุณไม่รักผมเลยเหรอ”
“อย่ารู้เลย”
วิมลรัตน์ขยับตัว จะเดินไปอาบน้ำ ธาดากระชากแขนเธอไว้
“มล ฟังนะ ถ้ามลไม่ช่วยผมครั้งนี้ ผมตายแน่ๆ”
วิมลรัตน์ไม่มีเจ้าหนี้รายไหนฆ่าลูกหนี้หรอก เพราะมันจะทำให้เขาไม่ได้เงินคืนซักบาท
ธาดางั้นเราเลิกกันเหอะ
“คุณว่าไงนะ”
“ถ้าคุณไม่ช่วยผม เราเลิกกันเลยดีกว่า”
วิมลรัตน์ตบหน้าธาดาอีกครั้งฉาดใหญ่
“พูดอะไรออกมา”
ธาดายืนคุมแค้น “ตบหน้าผมอีกทีละ น่าดู”
“ทำไม…แกจะทำอะไรฉัน”
“ก็ลองตบผมอีกทีสิ”
วิมลรัตน์เงื้อมือฟาดลงไปบนหน้าธาดาอีก แต่ธาดาเงื้อมือตบสวนกลับไปทันที แรงขนาดทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกวิมลรัตน์
“ผมจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว”
“แก...มีผู้หญิงอื่นใช่มั้ย”
“อย่าบ้าน่า”
“ฉันรู้นะ...แกมีผู้หญิงอื่น แกจะหนีฉันไปอยู่กับผู้หญิงอื่น ใช่มั้ย”
“ฉันจะไปหาเงินที่อื่นเว้ย” ธาดาเดินหุนหันออกไป
“กลับมาเดี๋ยวนี้ ถ้าก้าวออกไปจากบ้านนี้ก้าวเดียว แกตาย”
วิมลรัตน์หยิบปืนจากลิ้นชัก ยกขึ้นมาเล็งใส่ธาดา
เสียงฟ้าร้องคำรามคำรณดังสนั่นหวั่นไหว ไฟในบ้านดับวูบลง 2 วินาที แล้วจึงกะพริบ ติดๆ ดับๆ
ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีนี้ จากแสงไฟที่กะพริบสว่างขึ้นนั้น พบว่าธาดาพุ่งเข้าไปยื้อแย่งปืนจากวิมลรัตน์
“คุณจะยิงผมเหรอ จะฆ่าผมใช่มั้ย ผมขอเงินดีๆ จะต้องฆ่ากันเลยใช่มั้ย”
ฟ้าร้องคำรามอีกครั้ง ในที่สุดไฟฟ้าก็ดับสนิท จนไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเสียงข้าวข้องล้มโครมคราม ระเนระนาด

บ้านวิมลรัตน์ทั้งหลัง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางห่าพายุฝน ไฟฟ้าทุกดวงในบ้านดับสนิท

สักพัก จึงเห็นรถของธาดาวิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้

ผืนฟ้าทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ขะมุกขมัว เม็ดฝนที่ตกมาตลอดทั้งคืนค่อยๆ เบาบางลง ตึกสูง และผืนฟ้าสีน้ำเงิน เฝ้ารอคอยการมาถึงของแสงอาทิตย์วันใหม่

ก่อนสว่าง รถคิมหันต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านมุกริน สาวสวยขยับตัวเตรียมจะลงจากรถ
“มุกเดินเข้าบ้านเอง คิมไปเลยเหอะ จะได้ไม่ช้า”
คิมหันต์หยิบแจ็คเก็ตในรถคลุมหัวให้ยอดดวงใจ
“สวมไว้ จะได้ไม่โดนฝน”
“ขับรถดีๆ นะ ถึงแล้วโทร.บอกด้วย”
“ชาร์จแบตด้วยล่ะ จะได้โทร.ติด บ๊ายบาย”
มุกรินจูบคิมหันต์ก่อนก้าวลงจากรถ
รถคิมหันต์เคลื่อนออกไป มุกรินวิ่งตรงเข้าบ้าน

มุกรินไขกุญแจประตูบ้านเดินเข้าไป เมื่อเธอพลิกตัวมาเอื้อมมือปิดประตู ธาดาก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวเหมือนรออยู่ทั้งคืน ร่างของธาดาเปียกโชก มุกรินถึงกับสะดุ้ง
“พี่ใหญ่”
ธาดาเหมือนคนขวัญกระเจิง
“มุก ช่วยพี่ด้วย”
น้ำเสียงของธาดา สั่นเครือ
มุกรินตกใจมากขึ้น “มีอะไรเหรอ พี่ใหญ่”
“ช่วยพี่นะมุก มุกต้องช่วยพี่นะ”
มุกรินประคองธาดาให้เดินเข้าบ้าน

พระอาทิตย์ขึ้นเหนือขอบฟ้ากรุงเทพมหานคร
รถแท็กซี่จอดหน้าบ้านวิมลรัตน์ ถวิล กะ ไสว คนใช้สองคนผัวเมียก้าวลงจากรถ ในมือมีสัมภาระ บอกให้รู้ว่า เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด ไอ้เบิ้ม มอเตอร์ไซค์วินที่คุ้นเคยแล่นเข้ามาจอดทักทายใกล้ๆ
“ตาไหว ยายหวิน กลับมาแล้วเหรอ”
“เออ…มีลำใยมาฝากเอ็งด้วย ไอ้เบิ้ม”
ไสวแบ่งถุงลำใยในมือให้ไอ้เบิ้มที่เหลียวมองเข้าไปในบ้าน
“ขอบใจ รู้มั้ย ลุงป้าไม่อยู่ บ้านนี้เงียบเชียบชะมัด”
“แกจะให้คุณมลกับคุณธาดาเขาออกมากระโดดโลดเต้นให้แกดูหน้าบ้านรึไง”
“ได้ก็ดีนะ จะได้รู้ว่ามีคนอยู่ ไอ้ฉันน่ะกลัวขโมยจะขึ้นบ้าน ไม่ใช่อะไรหรอก”
“ถ้ามีขโมยขึ้นบ้านจริง ฉันจะสงสัยแกเป็นคนแรก” ถวิลว่า
“แล้วกัน”
ไอ้เบิ้มส่ายหัวเซ็ง แล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกจากฉากไป ถวิล กะ ไสว ไขกุญแจประตูเล็กพากันเดินเข้าบ้าน
ไม่ถึง 3 นาที เสียงร้องกรี๊ดของสองคนใช้ ดังสนั่นขึ้นจากในบ้านวิมลรัตน์ เสียงนั้นดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งซอย

ผู้ประกาศข่าว นั่งรายงานข่าวอยู่หน้ากล้องห้องส่งช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ ในช่วง Breaking News
“เกิดเหตุช็อกผู้คนในวงสังคม เมื่อเจ้าแม่วงการสินค้านำเข้าอย่างคุณวิมลรัตน์ สุริยะศักดิ์ ถึงแก่กรรมลง โดยช่วงสายของวันนี้เอง คนรับใช้ที่เพิ่งกลับจากต่างจังหวัดเป็นผู้พบศพ สภาพศพนั้นบวมอืดแล้ว โดยในชั้นต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ขอยืนยันแน่ชัดว่าเสียชีวิตมาแล้วกี่วัน”
ที่บริเวณหน้าบ้านวิมลรัตน์ ถวิลและไสวถูกรุมล้อมด้วยนักข่าววิทยุ เว็บไซต์ข่าว ทีวีดิจิตอลหลายสำนัก พวกเขายื่นไมค์ ไปที่ปากคนใช้ทั้งสอง
“เราลากลับบ้านห้าวันจ้ะ เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้” ถวิลบอก
ไสวกล่าวเสริม “มาถึงก็เห็นบ้านเงียบ เคาะห้องคุณผู้หญิง ก็เงียบอีก ก็เลยเอากุญแจสำรองมาไขดู”
“พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นหละ เจ้าประคุณเอ๊ย...”
คนใช้ทั้งสองพากันน้ำตาร่วง เสียงสั่นเครือ
“ไม่น่าเลย คุณผู้หญิง เห็นกันอยู่หลัดๆแท้ๆ” ไสวคร่ำครวญ

ที่บริษัท FAST TRACK มุกรินยืนดูรายงานข่าวชิ้นดังกล่าวนี้ทางจอโทรทัศน์ในห้องโถงกลางร่วมกับพนักงานคนอื่นๆ สีหน้าของเธอตื่นตระหนกมากกว่าใครอื่น
โดยข่าวถูกรายงานสดจากภายในห้องส่งรายการข่าว ช่อง 7 เฮชดี นักข่าวคนเดิมยังคงรายงานข่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง
“ด้านนายธาดา คุรุรัตน์ผู้เป็นสามีนั้น เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อแต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เจอตัว ส่วนน้องชายคนเดียวของคุณวิมลรัตน์ คือนายคิมหันต์ สุริยะศักดิ์ ยังทำงานถ่ายภาพอยู่ที่ต่างจังหวัด เมื่อทราบเรื่องจากผู้สื่อข่าว ถึงกับมีอาการช็อกอย่างเห็นได้ชัด”
ฟากคิมหันต์ยืนพูดกับกล้องของผู้สื่อข่าวที่ตามไปถึงกองถ่ายบนเขาใหญ่ ดวงตาของเขาแดงก่ำ และเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชิงชัง
“ใครก็ตาม ที่ทำกับพี่มลแบบนี้ มันจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสมที่สุด มันทำพี่มลเจ็บแค่ไหน มันจะต้องเจ็บมากกว่าเป็นร้อยๆ เท่า”
คิมหันต์ชี้นิ้วใส่กล้องนักข่าวอย่างเกรี้ยวกราดดุดัน
“ระวังตัวให้ดี ฉันไม่เอาแกไว้แน่”

รถเจ้าหน้าที่ตำรวจสามคันแล่นมาจอด และกระจายกำลังหน้าบ้านมุกริน เจ้าหน้าที่ลงจากรถมากดออดข้างประตู พบว่าที่ประตูมีกุญแจล็อก เหมือนไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน

ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น ปรารภเดินนำหน้าตำรวจตรงไปที่โต๊ะมุกริน พนักงานอื่นๆ มองตาม ซุบซิบกัน
“มุก ตำรวจเขาขอคุยด้วย”
มุกรินมองตำรวจนิ่งๆ ปรารภขยับเก้าอี้ให้นั่ง
“ขออนุญาติสอบถามถึงคุณธาดา พี่ชายคุณน่ะครับ”
“มีเรื่องอะไรกับพี่ใหญ่เหรอคะ”
“เราอยากสอบปากคำพี่ชายคุณก่อน”
มุกรินนิ่วหน้า “ก่อนอะไรคะ”
“ก่อนจะตอบคำถามเมื่อสักครู่ของคุณ ไม่ทราบว่า ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน คุณมุกรินติดต่อพี่ชายคุณบ้างรึเปล่า”
“พี่ใหญ่ไปฮ่องกงค่ะ น่าจะกลับวันสองวันนี้แหละ”
“คุณพอจะโทร.ติดต่อคุณธาดาได้มั้ยครับ”

มุกรินนิ่งงันไป ปรารภเฝ้ามองอย่างเป็นห่วง

พนักงานสอบสวนเข้มงวดในการกั้นสถานที่เกิดเหตุ ตรงพื้นที่สำคัญในบ้านวิมลรัตน์ ทั้งจุดเกิดเหตุและรอบๆ บริเวณ โดยละเอียดครบถ้วน และเป็นระบบ

นักข่าวกระจายกันสัมภาษณ์ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ที่พากันมายืนชะเง้อคอยาวดูความเป็นไปในบ้านเจ๊มล รถคิมหันต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เขาก้าวลงจากรถ มองเข้าไปในบ้าน สีหน้าไม่ค่อยดีนัก แววตาเต็มไปด้วยความปวดร้าว ไสวเห็นเดินตรงไปที่คิมหันต์
“คุณชุมสายมารอคุณคิมตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
คิมหันต์พยักหน้ารับ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น คิมหันต์ยกมันขึ้นมาดู
ชุมสาย ทนายความหนุ่ม เพื่อนสนิทคิมหันต์เดินออกมาหา
“คิม รีบเข้าข้างในบ้านมั้ย ก่อนที่นักข่าวจะมารุมสัมภาษณ์แก”
คิมหันต์โยนโทรศัพท์ของเขาเข้าไปในรถ และรีบเดินตามชุมสายเข้าบ้านไปทันที
โดยไม่แยแสโทรศัพท์เครื่องที่ถูกทิ้งบนเบาะรถ ซึ่งหน้าจอ โชว์หมายเลข ชื่อ และรูปของมุกริน เป็นผู้โทร.เข้ามา

มุกรินลดโทรศัพท์ลงจากหู ปรารภนั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย
“คิมไม่รับโทรศัพท์ค่ะ”
“เขากลับมาจากเขาใหญ่แล้วเหรอ”
“ค่ะ เมื่อคืนเพิ่งคุยกัน ก่อนที่จะมีข่าวพี่มล”
“อาจจะกำลังสะเทือนใจอยู่ เลยไม่อยากพูดจากับใคร”
ปรารภมองหน้ามุกรินนิดหนึ่งก่อนเอ่ยปากพูดอย่างเกรงใจ
“พี่ถามตรงๆ ได้มั้ยมุก พี่ชายมุกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยมั้ย”
“พี่รภคิดอย่างนั้นเหรอคะ”
“พี่คิดแทนตำรวจน่ะ ไม่แน่นะ คิมหันต์อาจจะคิดแบบนี้ด้วยก็เป็นได้”
“นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่รับโทรศัพท์มุกเหรอคะ”
ปรารภถอนหายใจ ไม่มีคำตอบให้มุกริน
“เราคงต้องรอให้พี่ชายคุณกลับมาก่อน อะไรๆ ก็จะชัดเจนขึ้นเอง คุณโทร.เจอตัวเขารึยังล่ะ”
มุกรินส่ายหน้า
“งั้นตอนนี้เราควรจะแวะไปให้กำลังใจคู่หมั้นคุณหน่อยนะ”
“ไป ผมขับรถไปส่งให้เอง”

คิมหันต์และชุมสาย เดินตรงเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องโถงใหญ่ เห็นเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายกำลังทำงานของเขาในพื้นที่เกิดเหตุ มีทั้งเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน และ เจ้าหน้าที่จากนิติจิตเวช ยิ่งเข้าใกล้ที่เกิดเหตุมากเท่าไหร่ สีหน้าของคิมหันต์ก็เศร้าสลดมากขึ้นเท่านั้น ชุมสายอธิบายเรื่องราวให้คิมหันต์ฟังระหว่างการเดิน
“เจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปสาเหตุการเสียชีวิต แต่พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุก็บ่งชี้ได้ถึงการทะเลาะวิวาท ทั้งปืน ทั้งรอยกระสุน เพียงแต่ว่าสภาพศพผู้ตาย ดูเหมือนจะเสียชีวิตมาเกินกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง ทำให้การหาหลักฐานทางนิติจิตเวชในตัวผู้ตายทำได้ลำบาก”
ทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องนอนวิมลรัตน์ คิมหันต์หยุดยืนนิ่ง หายใจลึกๆ ถวิล คนรับใช้วิ่งร้องไห้เข้ามาสวมกอดคิมหันต์
“คุณคิม”
คิมหันต์ปล่อยตัวให้ป้าแม่บ้านกอดชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ผละถวิลออก แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำในห้องนอน เห็นร่างของวิมลรัตน์ ผู้ตาย นอนนิ่งอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ คิมหันต์ทรุดตัวลงนั่งหน้าห้องน้ำนั้น
มองจากมุมสูงลงมา เห็นสภาพศพที่บวม ขึ้นอืดจนแทบจำไม่ได้ ตำแหน่งศพยังไม่มีการเคลื่อนย้ายใดๆ
คิมหันต์น้ำตาไหลพรากออกมาท่วมท้นล้นใจ พร้อมๆ กับความเคียดแค้นชิงชังก็ปะทุแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง
ชุมสายเดินนำนายตำรวจยศพันตำรวจโทเข้ามา แนะนำต่อคิมหันต์
“คิม นี่ท่านรองอาณัติ...เป็นเจ้าของคดีนี้”
“ผมขอรับรองว่า เราจะทำคดีนี้ให้รอบคอบและรวดเร็วที่สุดครับ”
หลังไหว้ทักคิมหันต์ถามทันที “มีใครค้านมั้ยครับ ว่านี่ไม่ใช่ฆาตกรรม”
“ถึงยังไง เราก็ต้องไม่ตัดประเด็นอื่นด้วย”
“ปืนลั่น” คิมหันต์ถาม
“ไม่มีรอยกระสุนที่ร่างของผู้ตาย” อาณัติว่า
คิมหันต์เสริม “ลื่นล้ม ศีรษะกระแทกเองงั้นเหรอ”
ชุมสายแย้งขึ้น “ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้นะครับท่านรอง”
“มันคือฆาตกรรมครับ เป็นการจงใจฆ่าชัดๆ และผมรู้ด้วยว่า ไอ้ฆาตกรคือใคร”

ตกตอนบ่าย ปรารภขับรถมาตามทาง มุ่งหน้าสู่บ้านวิมลรัตน์ โดยมีมุกรินนั่งข้างๆ และกำลังพูดสายอยู่
“พี่ใหญ่ อยู่ไหนน่ะ มุกโทร.หาเท่าไหร่ก็ไม่ติดเลย”
ปลายสายสัญญาณอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ธาดาเดินพูดโทรศัพท์ผ่านประตูทางด้านผู้โดยสารขาเข้า
“พี่เพิ่งลงจากเครื่องเดี๋ยวนี้เอง”
“พี่รู้เรื่องพี่มลรึยัง”
“เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้”
“ตำรวจต้องการเจอตัวพี่นะ”
“มุกบอกอะไรตำรวจไปบ้างรึยัง”
“ยัง มุกกำลังจะไปหาคิม เขาคงต้องการกำลังใจ”
“โอเค แล้วค่อยคุยกันนะ”

จังหวะที่ธาดาเดินผ่านประตูออกมาบริเวณหน้าอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ ตำรวจหน่วยสืบสวนตรงเข้าไปแสดงตนเบื้องหน้าธาดา
“คุณธาดา คุรุรัตน์ใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“กรุณาตามผมมาครับ เจ้าหน้าที่มีเรื่องต้องสอบปากคำคุณนิดหน่อย ไม่นานหรอกครับ”
ธาดามีอาการอึกอักอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ…”
“กรุณาอย่าขัดขืนเจ้าหน้าที่เลยครับ”
“เอ้อ…ครับ”
“เชิญทางนี้ครับ”

เจ้าหน้าที่นำตัวธาดาเดินตรงไปที่รถตำรวจทันที

อ่านต่อหน้า 3

รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 1 (ต่อ)

อีกฟากหนึ่ง เจ้าหน้าที่กำลังเคลื่อนย้ายศพออกมา ถูกต้องตามกระบวนการ คิมหันต์เดินออกมาจากในบ้าน ชุมสายและรองอาณัติเดินตามมาข้างๆ กัน คิมหันต์เอ่ยปากกับพวกเขา

“ถ้าผมจะเก็บสภาพที่เกิดเหตุไว้ให้เหมือนเดิม จะมีประโยชน์ต่อคดีมั้ยครับ”
“ก็ได้ครับ แต่เจ้าหน้าที่ก็เก็บหลักฐานไว้ครบแล้วหละครับ”
“ผมจะเก็บห้องพี่มลไว้อย่างนั้น จนกว่าจะได้ตัวคนร้ายมาลงโทษ”
“เดี๋ยวญาติ ตามไปรับศพที่โรงพยาบาลตำรวจได้เลยนะครับ”
รองอาณัติเดินแยกออกไป รถปรารภแล่นเข้ามาจอด มุกรินลงจากรถ ชุมสายเห็นก่อนเขาสะกิดบอกคิมหันต์
“คู่หมั้นแกมาแน่ะ”
คิมหันต์นิ่งเฉยไม่แสดงอาการใดๆ มุกรินเดินมาใกล้คิมหันต์
“คิม…มุกเสียใจด้วยนะ...เสียใจจริงๆ”
คิมหันต์ไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้า
“มีอะไรให้มุกช่วยบ้างมั้ย”
“ตอนนี้ยัง...นอกจากมุกจะบอกได้ว่า ใครคือคนร้ายที่ฆ่าพี่มล”
“ตำรวจบอกว่า อาจเป็นอุบัติเหตุ...ลื่นล้ม”
“มุกเชื่ออย่างนั้นเหรอ”
“มุกไม่ได้บอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ แค่เล่าให้ฟังว่า เป็นหนึ่งในข้อสันนิษฐานของตำรวจ”
คิมหันต์จ้องหน้ามุกริน ด้วยสีหน้าแววตาดุดันกว่าที่เธอเคยเห็น
“มุกน่าจะรู้เท่าๆกับผมนะ ว่าใครเป็นคนทำ”
มุกรินอึ้งไป
“ขอตัวก่อนนะมุก ผมต้องไปจัดการเรื่องศพพี่มลก่อน”
คิมหันต์แยกเดินออกไป ก่อนจะพ้นตัวไป เขาหันมาตะโกนบอกคนใช้เสียงดัง
“อย่าให้ใครเข้าไปในบ้านเป็นอันขาด จนกว่าฉันจะอนุญาติ แม้แต่คู่หมั้นฉัน ก็ห้ามเข้า”
คิมหันต์เดินลับกายไปแล้ว มุกรินเสียหน้าพอสมควร ปรารภลงจากรถมาทันได้ยินพอดี

ทางด้านอรรถ หวดลูกกอล์ฟออกจากแท่นทีออฟหลุมเก้า พักตรานั่งรถกอล์ฟเข้ามาหาผู้เป็นพ่อ สองคนเดินคุยกันไปบนแฟร์เวย์
“ตามมาถึงนี่ จะมาเล่นกอล์ฟกับพ่อเหรอ”
“หนูไม่ตีกอล์ฟ พ่อลืมแล้วเหรอ”
“ก็นึกว่าจะเปลี่ยนใจ...งั้นมีเรื่องอะไร...อย่าบอกว่ามีแฟนใหม่แล้วนะ”
“พ่อ รู้เรื่องเจ๊มลรึยังคะ”
“อืม ไม่น่าเชื่อ เมื่อวันงานยังคุยออกรสกันอยู่เลย พ่อว่าจะเป็นเจ้าภาพให้เขาสักสามวัน กำลังให้เช็คว่าตั้งศพวัดไหน”
“พ่อรู้มั้ยว่าใครฆ่าเจ๊มล”
“เรื่องอะไรมาถามพ่ออย่างนี้”
“อยากรู้ว่าจะคิดเหมือนพักตร์มั้ย แล้วพ่อจะช่วยตามจับไอ้ฆาตกรคนนี้ได้มั้ย”
“เฮ้ย ไม่ใช่หน้าที่พ่อ ตำรวจเขาสรุปแล้วเหรอว่าเป็นการฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุ”
“ใครๆ ก็เชื่อว่าเป็นฆาตกรรมทั้งนั้น และเดาไปถึงตัวฆาตกรด้วยซ้ำ”
“รู้ดีขนาดนี้เชียว”
“นายธาดา พี่ชายยายมุกไงพ่อ...ผัวฆ่าเมียตัวเอง”
“เรายิ่งไม่ควรเข้าไปยุ่ง ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เป็นเรื่องของผู้เสียหายเขาเคลียร์กันเอง”“เราเห็นต่างกันแล้วค่ะพ่อ พักตร์เห็นว่าช่วงนี้แหละที่พักตร์ควรจะเข้าไปช่วยเหลือคิมโดยเร็ว”
“ทำไม”
“มันเป็นโอกาสที่พักตร์จะได้คนรักกลับมาไงคะพ่อ”
อรรถถอนใจนิดๆกับแนวคิดของลูกสาว
“พ่อต้องช่วยพักตร์นะ ถ้าพักตร์ต้องการเส้นสายอะไรเป็นพิเศษ พักตร์จะรีบบอกพ่อเลย”

ที่สน. บางซื่อเวลานั้น สารวัตรสืบสวน นั่งประจันหน้าธาดาในห้องสอบปากคำ ตำรวจชั้นรองลงมานั่งประกบด้วยอีกสองคน
“สามวันมานี้ คุณไปไหนมา”
“ฮ่องกง ไปสั่งของที่จะเอามาขายที่ร้าน ตามปกติ”
“ระหว่างอยู่ที่ฮ่องกง คุณไม่ติดต่อภรรยาคุณเลยเหรอ”
“ก่อนวันเดินทาง เราทะเลาะกันรุนแรงมาก”
“มากแค่ไหน”
“ก็มีการขว้างปาข้าวของ...ใช้กำลัง ลงไม้ลงมือกัน”
“บีบคอด้วยรึเปล่า”
“ครับ ผมบีบคอเธอ...เพราะเธอเอาปืนจ่อหัวผม”
“แล้วเขายิงคุณรึเปล่า”
ธาดาถอนหายใจแรงก่อนพูด

“ห้านัด...เฉี่ยวผมไปนิดเดียว”

ธาดาเล่าจนเห็นภาพเหตุการณ์ในห้องนอนวิมลรัตน์คืนนั้น จากแสงสว่างในห้องนอน ที่ดับๆ ติดๆ นั้นพอจะทำให้เห็นว่าวิมลรัตน์จ่อปืนไปที่ธาดาก่อน ธาดาวิ่งเข้าไปยื้อแย่งปืน

ในความมืด มีเสียงปืนดังขึ้นห้านัด จนเมื่อไฟกะพริบสว่างขึ้น พบว่าธาดาบีบคอวิมลรัตน์อยู่
ภายในห้องสอบสวน สน.บางซื่อ สารวัตรยังคงนั่งเบื้องหน้าธาดา
”ช่วยเล่าเหตุการณ์วันสุดท้ายที่คุณอยู่กับภรรยาให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ”
ธาดาเล่าว่า ออกจากงานเลี้ยงฉลองบริษัทฟาสต์ แทร็ค เขาก็ขับรถมาตามทางมุ่งหน้ากลับบ้าน หน้าตาเครียดจัด โดยมีวิมลรัตน์นั่งข้างๆ หน้าเครียดพอกัน ทั้งสองหันหน้ามาทะเลาะกัน ตะโกนด่าใส่กันอย่างรุนแรง
ธาดาให้ปากคำว่า
“วันนั้นเราไปงานเลี้ยงด้วยกัน เป็นงานของบริษัท Fast Track ที่น้องสาวผมทำงานอยู่ เรามีปากเสียงกันเล็กน้อยระหว่างขับรถกลับบ้าน ผมพยายามจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น ด้วยการชวนน้องชายเขากับน้องสาวผมไปกินข้าวด้วยกันที่บ้าน”

ขณะที่คิมหันต์กำลังดูแลเรื่องการตั้งศพพี่สาวอยู่ที่ศาลาในวัดอย่างสมเกียรติของเจ๊มล เจ้าแม่แบรนด์เนมคนดัง มีญาติมิตรที่สนิทสนมเตรียมทยอยกันมารดน้ำศพ มุกรินพยายามช่วยเหลือ แต่ถูกคิมหันต์ทำหมางเมินอย่างเห็นได้ชัด

ธาดายังถูกสอบปากคำอย่างหนักอยู่บนโรงพัก
“แต่สองคนนั้นปฏิเสธ เพราะพวกเขาจะไปฉลองครบรอบวันหมั้นกันตามลำพัง”

มุกรินเขยิบตัวจะเข้าไปช่วยรับของแทนคิม แต่คิมหันต์ห้ามเสียงขุ่น
“ไม่ต้องมุก ผมทำเอง”
ระหว่างนี้อรรถลงรถ เดินเข้ามาในงาน พร้อมกับพักตรา

สารวัตรเจ้าของคดี ยังคงนั่งประจันหน้าสอบปากคำธาดาตั้งแต่บ่ายจนเย็นย่ำค่ำมืด
“คุณกลับถึงบ้านกี่โมง”
“น่าจะ ประมาณหกโมงเย็น...”
“ยืนยันเวลาที่แน่นอนได้มั้ยครับ”
ธาดาส่ายหน้า “จวนจะมืดน่ะครับ ตอนนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน ร้านค้าข้างทางปิดร้านกันหมดแล้ว ท้องฟ้ามันครึ้มๆ ฝนกำลังเริ่มจะตก”

เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ตอนบ่ายจนค่ำ ชุมสาย และตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายปักหลักอยู่ในซอยละแวกบ้านวิมลรัตน์ พวกเขากำลังสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง
ในขณะที่ธาดาถูกสารวัตรสอบปากคำเครียด
“ตอนที่คุณมีปากมีเสียงกัน ฝนตกรึยัง”
“ตกแล้วครับ ตกหนักด้วย”
“แปลว่าคนแถวนั้นจะไม่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกัน”
“ครับ”
“และจะไม่มีใครรู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“ก็คงงั้นครับ”
ตำรวจสอบปากคำธาดาต่อ
“ดังนั้น เวลาที่คุณออกจากบ้านไป จะเป็นกี่โมงแน่ ก็คงไม่มีใครยืนยันได้”
“น้องสาวผมไงครับ มุกริน”

มุกริน นั่งนิ่งๆ อยู่ท่ามกลางบรรยากาศงานศพอันโศกเศร้า เธอดูเหมือนเป็นส่วนเกินของงานที่ด้านหลัง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายเดินเข้ามากวาดสายตามองหา แล้วเดินตรงเข้าไปหามุกริน
ถัดมาไม่นาน สามคนออกมาคุยกันตรงมุมหนึ่ง ข้างศาลา นายตำรวจขยับเข้ามาเบื้องหน้ามุกริน สอบปากคำเพิ่ม
“คุณธาดาอ้างอิงถึงคุณว่า คุณสามารถยืนยันเวลาที่เขามาอยู่ที่บ้านคุณคืนนั้นได้ พอจะบอกได้มั้ยครับว่ากี่โมง”
มุกรินดูมีแววกังวลในการตอบคำถามอยู่พอสมควร
“เอ้อ ดิฉันจำเวลาไม่ได้หรอกค่ะ รู้แต่ว่า พี่ใหญ่มารอฉันอยู่นานแล้ว”
“แน่ใจเหรอครับ”
“เอ้อ…”
“วันนั้นคุณก็เพิ่งกลับจากพัทยา คุณไปฉลองครบรอบวันหมั้นกับคุณคิมหันต์ถูกมั้ยครับ”
“ค่ะ”
“ก็น่าจะกลับมาถึงบ้าน เกือบเช้า”
“ยังไม่เช้าค่ะ เรารีบกลับมาเพราะ คิมต้องไปทำงานต่อที่เขาใหญ่ พอมาถึงบ้าน ดิฉันก็เห็นพี่ใหญ่มารอดิฉันอยู่นานแล้วจริงๆ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่านาน มีอะไรยืนยัน”
“ก็…เอ่อ…ขอดิฉันคุยกับพี่ชายดิฉันก่อนได้มั้ยคะ”
“ครับ พี่ชายคุณอยู่ที่ สน.บางซื่อ น่าจะสอบปากคำเสร็จแล้วละครับ”
“พี่ใหญ่เป็นผู้ต้องหาแล้วเหรอคะ”
“ตอนนี้อยู่ในชั้นที่เรียกว่าผู้ต้องสงสัย เรายังไม่ได้แจ้งข้อหาครับ”
พลันมีเสียงคิมหันต์ดังลั่นมาจากในศาลา
“ออกไปนะไอ้เลว ออกไปให้พ้น ถ้าเหยียบเข้ามาบนศาลานี้ มีเรื่องแน่”

มุกรินและตำรวจหันไปมองยังต้นกำเนิดเสียง

ธาดายืนอยู่ตีนบันไดขึ้นศาลา เงยหน้าพูดโต้ตอบคิมหันต์

“ฉันจะมาเคารพศพเมียฉัน ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้”
คิมหันต์ยืนตระหง่านบนศาลา ชุมสายและพักตรายืนอยู่ใกล้ๆ แขกในงานกระจายตัวดูเหตุการณ์เป็นวงกว้าง
“เพราะแกมันชั่วช้าไง แกฆ่าพี่สาวฉัน แล้วยังคิดจะมากราบไหว้ขอให้วิญญาณพี่มลอโหสิให้งั้นเหรอ”
“พูดดีๆ นะไอ้คิม ฉันฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ”
“ฟ้องเลย กล้าฟ้องก็ฟ้องเลย ฉันด่าไอ้คนที่เป็นฆาตกรไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป”
“ฉันไม่ใช่ฆาตกรเว้ย”
“มึงนั่นแหละฆาตกร”
มุกรินก้าวเข้ามาด้านข้างศาลา
พักตรากระเถิบเข้าไปเกาะแขนคิมหันต์อย่างใกล้ชิด
“ใจเย็นๆ ค่ะคิม พักตร์ว่าให้เขาเข้ามาก็ไม่เสียหายอะไรนะคะ”
“ไม่”
มุกริน เธอได้แต่มองท่าทีของพักตรานิ่งๆ ชุมสายพยายามพูดกับคิมหันต์
“คิม…ฉันว่า”
“แกอย่ายุ่งไอ้ชุม แกเป็นทนายแกคอยว่าความให้ฉันอย่างเดียวพอ”
“แกไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉันอย่างนี้ ฉันเป็นสามีวิมลรัตน์นะ”
“กูเป็นน้องพี่มล มึงก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว มีเรื่องแน่ๆ”
“ฉันก็อยากจะรู้ว่า ไอ้เรื่องที่มึงว่าน่ะ มันจะแค่ไหนกันเชียว”
ธาดาก้าวขึ้นไปบนศาลา คิมหันต์ทะยานเข้าหาธาดา โดยที่คนรอบข้างรั้งไว้ไม่ทันทั้งสองล้มกลิ้งไปตามบันได คิมหันต์เงื้อหมัดกระหน่ำใส่หน้าธาดาไม่เลี้ยง ธาดาเหวี่ยงหมัดโต้ตอบอย่างไม่แพ้กัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นตรงเข้าแยกคู่กรณีออกจากกัน
พักตราเข้าไปเกาะแขนคิมหันต์อย่างใกล้ชิด มุกรินดึงแขนธาดา รั้งเอาไว้ พักตรารีบเอ่ยปากพูดกับมุกริน
“มุก ฉันว่า เธอพาพี่ชายเธอกลับไปก่อนดีกว่า ฉันดูแลคิมเอง”
มุกรินอึกอัก ทำอะไรไม่ถูก เธอหันไปพูดกับธาดา
“พี่ใหญ่ กลับก่อนเถอะ”
“ได้…พี่มาไหว้ศพมลวันหลังก็ได้”
คิมหันต์ตะโกนก้อง “ไม่มีวันหลังเว้ย วันไหนๆ มึงก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องแม้แต่โลงศพพี่กู”
ธาดาชี้หน้าใส่คิมหันต์
“มึงจำไว้นะไอ้คิม”
“กูไม่มีวันลืมอยู่แล้ว ไอ้ชั่ว”
ธาดาพูดกับทุกคนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น
“ทุกคนฟังนะครับ ผมไม่ใช่ฆาตกร ผมไม่ได้เป็นคนฆ่าวิมลรัตน์ มันเป็นอุบัติเหตุครับ”
ธาดาเดินออกจากวัดไป มุกรินรีรอนิดๆ แล้วจึงเอ่ยปากพูดกับคิมหันต์
“มุกกลับก่อนนะคิม”
คิมหันต์นิ่ง มุกรินขยับตัวเดินตามพี่ชาย คิมหันต์จึงเอ่ยตามหลังไป
“มุก ถามจริงๆ เหอะ มุกเชื่อพี่ชายมุกเหรอ หรือจะเชื่อความจริงที่ทุกคนก็รู้อยู่”
มุกรินอึ้ง เธอเองก็ตอบคำถามนี้ไม่ถูก

ธาดานั่งเหม่อ ครุ่นคิด เครียด อยู่เพียงลำพัง ภาพและเสียงจากเหตุการณ์คืนนั้นระหว่างเขากับวิมลรัตน์ ปรากฏขึ้นเป็นช่วงๆ คล้ายภาพหลอน
มุกรินยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่ชาย ที่นั่งเหม่อเหมือนไร้สติ เธอส่งเสียงเรียกชื่อเขา
“พี่ใหญ่...พี่ใหญ่...พี่ใหญ่”
“ห๊ะ…”
ธาดาสะดุ้ง ได้สติ มุกรินวางกาแฟให้ผู้เป็นพี่ชาย
“หลับใน?…หรือว่าเหม่อ”
“พี่ใจลอยน่ะ...ภาพวิมลรัตน์ แว่บเข้ามาในหัวพี่ตลอดเวลา...น่าสงสารจัง”
“ตำรวจสอบปากคำพี่เยอะมั้ย”
“มากเลย...เขาสงสัยในตัวพี่”
มุกรินเอ่ยปากถามพี่ชายตรงๆ
“แล้วพี่ทำอย่างที่เขาสงสัยรึเปล่า”
“มุก มลน่ะเมียพี่นะ พี่จะฆ่าเมียตัวเองได้ยังไง”
มุกรินมองหน้าพี่ชายแล้วจึงตัดสินใจพูด
“มุก ไม่รู้…”
“มุกต้องรู้สิ มุกเป็นน้องสาวพี่นะ มุกต้องเชื่อพี่ ต้องเป็นพยานให้พี่”
“เฉพาะที่มุกรู้ ที่มุกเห็นนะ”
“เท่านั้นก็พอแล้ว แค่มุกเล่าเรื่องราวคืนนั้นให้ตำรวจฟัง เขาก็เอาผิดพี่ไม่ได้แล้ว”

เหตุการณ์ที่ว่า เกิดขึ้นในคืนที่ฝนตกหนักคืนนั้น หลังจากมุกรินเจอพี่ชายในบ้าน
“ช่วยพี่นะมุก มุกต้องช่วยพี่นะ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ พี่ใหญ่”
“พี่มล พี่มลเขายิงพี่”
มุกรินตกใจ “ห๊า”
“เขายิงปืนใส่พี่หลายนัดเลย”
ธาดาน้ำตาไหล ปนไปกับหยาดฝนที่เปียกชุ่มไปทั้งร่าง
“เข้าบ้านก่อนค่ะพี่ใหญ่”

มุกรินขยับตัวลงนั่งข้างๆ พี่ชาย สีหน้าเธอครุ่นคิด
“เขายิงใส่พี่จริงรึเปล่า มุกยืนยันไม่ได้นะคะ”
“ตำรวจน่าจะค้นเจอปืน และรอยกระสุนในบ้าน เรื่องนี้พี่ไม่ห่วง”

มุกรินนึกถึงเหตุการณ์กลางดึกคืนนั้น ที่เธอถามพี่ชายออกไปว่า
“พี่มลเขายิงพี่ทำไม”
“พี่จับได้ว่าเขามีผู้ชายอื่น”
“จริงเหรอพี่ใหญ่”
ธาดาร้องไห้ออกมาอีก
“พี่ก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะทำอย่างนี้กับพี่ได้ พอพี่แย่งปืนจนหลุดจากมือเขาได้ พี่ก็รีบหนีมาที่นี่เลย”
มุกรินและธาดานั่งคุยกันอยู่ที่ตำแหน่งเดิม
“ใครๆ ก็ต้องสงสัยว่า ทำไมพี่ใหญ่ทิ้งพี่มลไปเฉยๆ”

“พี่จะอยู่ได้ยังไงล่ะ ปืนนะมุก พี่โทร.กลับไปหาเขา เขาก็ยังด่าพี่ไม่หยุดเลยมุกก็เห็น”

ธาดากับมุกรินนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น ด้านนอกของตัวบ้านมุกริน ฝนยังคงตกอยู่ ธาดายืนพูดโทรศัพท์อยู่ในโถงกลางบ้าน

เสียงฝนตกฟ้าร้องจากด้านนอกยังคงดังเข้ามาเป็นระยะๆ มุกริน นั่งดูท่าทีพี่ชายอยู่ไม่ห่างนัก
“ถ้าคุณยังไม่หยุดด่าผม เราก็คงพูดกันไม่รู้เรื่องนะมล ผมทำอะไรผิด เป็นความผิดของผมเหรอที่ดันไปรู้เรื่องที่เป็นความลับของคุณ ผมเป็นสามีคุณนะผมย่อมมีสิทธฺ์ที่จะหวงจะหึงภรรยาผมซี่ คุณหยุดกินเหล้า หยุดด่าผมซะทีได้มั้ย มล”
ธาดาหันไปพูดกับมุกริน
“เขาบอกว่าจะกินเหล้าให้เมาตายไปเลย มุกช่วยพูดกับเขาที พี่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”
ธาดาส่งโทรศัพท์ให้น้อง มุกรินรับมา และค่อยๆ เอ่ยปากพูดอย่างระวัง
“พี่มลคะ นี่มุกนะคะ พี่ใหญ่เขาเป็นห่วงพี่มลนะคะ พี่มลใจเย็นๆ ก่อนเถอะค่ะ พี่มลคะ...พี่มล”
ธาดารับโทรศัพท์จากมุกรินมาพูดต่อ
“มล ผมรู้นะว่าคุณฟังผมอยู่ หยุดกินเหล้า หยุดร้องไห้ อาบน้ำนอนซะ ผมต้องไปสั่งของที่ฮ่องกงตอนเช้ากลับมาแล้วเราค่อยคุยกันนะ”
มุกรินและธาดายังคงนั่งปรึกษากันที่เดิม เธอค่อยๆ เอ่ยปากพูด
“แต่มุกไม่ได้ยินเสียงพี่มลเลยนะ นอกจากเสียงฝนตก กับเสียงเพลง”
“นั่นหละ ปัญหาของพี่ ถ้าไม่มีใครเชื่อพี่เลย พี่ก็จบ”
มุกรินถอนหายใจยาว เปลี่ยนอิริยาบถ ธาดาค่อยๆ ขยับเข้าไปโอบไหล่น้องสาว
“พี่รู้ว่ามุกลำบากใจ คิมหันต์มันก็เป็นคู่หมั้นมุก เอางี้นะ ถ้าพี่ไม่ถึงกับจนแต้มจริงๆ พี่จะไม่ดึงมุกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย พี่สัญญา”
ธาดาโอบกอดน้องสาวไว้ด้วยความรัก
“พี่ใหญ่เข้าใจมุกใช่มั้ยคะ”
“มุกก็เชื่อใจพี่เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”

กลางดึก ห้องนอนวิมลรัตน์อยู่ในสภาพเดิมของคืนเกิดเหตุ แสงสว่างในห้องนี้ถูกเปิดแต่เพียงเล็กน้อย บรรยากาศดูมืดมัว แต่ก็พอจะมองเห็น ร่างของคิมหันต์นั่งซุกตัวอยู่มุมหนึ่ง ในแววตาอันปวดร้าวคู่นั้น มีเรื่องราวในอดีตค่อยๆ ผุดขึ้นในห้วงคำนึงของเขา

ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว เด็กชายคิมหันต์วัยเพียง 8 ปี และวิมลรัตน์พี่สาวในวัย 18 ปี ทั้งสองยืนกอดกันร้องไห้ ตัวสั่น เบื้องหน้าของเขาคือพยาบาลกำลังคลุมร่างผู้เสียชีวิตสองคน
“พี่มล ทำไมพ่อกับแม่ต้องตาย ทำไม”
“โจร คิม พวกมันเป็นโจร มันมาปล้นพ่อแม่เรา”
“ทำไมมันไม่เอาไปแต่เงิน มันยิงพ่อยิงแม่ทำไม ถ้าจับมันได้ คิมจะฆ่ามัน”
“อย่าเลยคิม พ่อกับแม่คงไม่อยากให้คิมทำอย่างนั้น”
“แล้วเราจะอยู่กันยังไงล่ะ..พี่มล...เราไม่มีพ่อไม่มีแม่แล้ว”
“พี่ยังอยู่นี่ไง...พี่จะดูแลคิมแทนพ่อกับแม่เอง”
“พี่มลอย่าทิ้งคิมไปไหนนะ”
“พี่สัญญา...พี่จะไม่มีวันทิ้งคิมไป นอกจากพี่จะตายเท่านั้นแหละ”
“ไม่เอา พี่มลต้องไม่ตาย พี่มลอย่าตายนะ ห้ามตายนะพี่มล”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ คิมหันต์น้ำตาไหลพราก เขาเดินไปที่มุมห้องหยิบรูปกรอบใหญ่ตรงนั้นขึ้นมาดู รูปในนั้น เป็นรูปคู่รัก แสนโรแมนติก ระหว่างธาดากับวิมลรัตน์ ในอดีตเมื่อครั้งรักกันใหม่ๆ

ความหลังเมื่อสามปีก่อนหน้านี้ผุดซ้อนเข้ามาในความคิดของเขา
เวลานั้น วิมลรัตน์ก้าวเข้ามาหาเขาที่นั่งรออยู่ในร้านอาหาร เธอเปิดปากพูดขณะลงนั่งว่า
“คิม พี่จะแต่งงาน”
“แน่ใจเหรอพี่มล”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้พี่มีความสุขได้อย่างเขา”
“เขาอายุน้อยกว่าพี่มลอีกนะ”
“อายุไม่ใช่ปัญหา”
“เพราะพี่รวยน่ะสิ ลองพี่มลไม่มีตังค์สิ มันจะมารักพี่มั้ย”
“อย่าพูดอย่างนี้นะคิม อย่าดูถูกคนอื่น อย่างน้อยเขาก็เป็นพี่ชายยายมุกรินนะ”
ขาดคำ ธาดายิ้มเผล่ก้าวเข้ามา
“ถ้านายรักน้องสาวฉันได้...นายก็น่าจะรักฉันได้ไม่ยาก”
คิมหันต์กระเถิบเข้าใกล้ธาดา
“ถ้าคุณทำให้พี่มลเสียใจ แม้แต่นิดเดียว”
ธาดาบอก “มันจะไม่มีวันนั้น พนันกันมั้ยล่ะ เดิมพันด้วยชีวิตยังได้เลยน้อง”
กลางดึก คิมหันต์ถอนความคิดกลับออกมา เขายังยืนอยู่ในห้องนอนพี่สาว มองรูปในมือด้วยความแค้น เขาคว้ามีดใกล้ตัว จิ้ม ทิ่ม ไปที่หน้าของธาดาในรูป รูปหน้าธาดา ฉีกขาด กระจาย ตามแรงกระแทกของมีด

คิมหันต์ หอบหายใจแรง ความเคียดแค้นไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย

อ่านต่อหน้า 4

รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 1 (ต่อ)

พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าวันใหม่ของกรุงเทพมหานคร

มุกรินขับรถมาจอดหน้าบ้านคิมหันต์ เธอก้าวลงจากรถพร้อมด้วยดอกไม้และถุงผ้าใส่อาหาร มุกรินหยิบกุญแจไขประตูตามปกติ ทว่า เธอไม่สามารถไขกุญแจเข้าไปได้
มุกรินชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.ออก

คิมหันต์นอนอยู่บนโซฟา กลางห้องโถงบ้านพี่สาว เขาอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดียวกับเมื่อคืนที่ผ่านมา เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น คิมหันต์เอื้อมมือกดรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล...”
มุกรินยืนพูดโทรศัพท์ข้างรถของเธอ หน้ารั้วบ้านคู่หมั้น
“คิมอยู่ไหนน่ะ มุกเอาอาหารเช้ามาฝาก แต่ทำไมกุญแจไขไม่ได้ก็ไม่รู้”
คิมหันต์เอ่ยปากพูดเสียงเรียบๆ
“ผมเปลี่ยนกุญแจ”
มุกรินยืนพูดโทรศัพท์อยู่ที่เดิม สีหน้าของเธอแปลกใจมาก
“เปลี่ยนกุญแจ”
เสียงคิมหันต์ลอดออกมาว่า “ผมไม่ต้องการให้ใครเข้าไปวุ่นวายในบ้านผม”
“มุก…”
คิมหันต์เอ่ยปากพูดตัดบทเสียงเข้ม
“เท่านี้นะ”
คิมหันต์กดวางสาย แล้วนั่งนิ่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้น
ส่วนมุกรินยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ทั้งสับสน และ น้อยใจระคนกัน

เช้าวันเดียวกันนี้ ที่ร้าน MOLLY ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าแบรนด์เนมชั้นดีจากต่างประเทศ การันตีโดยเจ๊มล วิมลรัตน์ ผู้นำเข้าสินค้าเหล่านี้ด้วยตนเอง ธาดาจอดรถหน้าร้าน แล้วจึงก้าวเดินเข้าไปภายใน

ธาดาเดินเข้ามาในร้าน ตรงไปที่โต๊ะทำงานที่เคยเป็นของวิมลรัตน์ พนักงานขายภายในร้าน มองตามทุกย่างก้าวของธาดา ธาดาเงยหน้ามองพวกเขา
“มองอะไร พี่มลไม่อยู่แล้ว ผมก็ต้องนั่งตรงนี้ และทำหน้าที่บริหารงานต่อ มีใครไม่เห็นด้วยมั้ย หรือมีใครอยากจะขึ้นมาทำแทน ยกมือให้ดูซิ มีมั้ย”
พนักงานทุกคน หุบมือนิ่งไว้ข้างลำตัว
“ดี ถ้างั้นก็ทำงานกันตามปกติ”
พนักงานใจกล้าคนหนึ่งเอ่ยปากพูด
“คุณธาดาคะ คือพวกเราอยากถามว่า ระหว่างงานศพเจ๊มล เราจะไม่ปิดร้านเหรอคะ อย่างน้อยก็เป็นการไว้ทุกข์ให้เจ๊แก”
ธาดาครุ่นคิดชั่วขณะหนึ่ง
“ก็ได้ ที่จริงผมตั้งใจจะประกาศบ่ายนี้แหละ เราจะปิดร้านตั้งแต่พรุ่งนี้จนกว่าจะเสร็จงานศพ”
“หวังว่าคุณธาดาจะมีโอกาสไปร่วมงานนะคะ”
พนักงานพูดจบแล้วเดินหนีไป ธาดามองตามเคืองนิดๆ

ขณะที่คิมหันต์เปิดโต๊ะและตู้เอกสารของวิมลรัตน์ เขาหยิบเอกสารต่างๆ ออกมาเปิดดู ไปเรื่อยๆ ถวิล คนรับใช้เดินตรงมาหาคิมหันต์
“คุณคิมคะ...มีคนมาขอพบคุณคิมค่ะ”
คิมหันต์เอ่ยปากถามโดยไม่ได้มองหน้า
“ใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงค่ะ”
“ถ้าเป็นคู่หมั้นฉันละก้อ ไล่กลับไปเลย”
พักตราเดินเข้ามาในนั้นอย่างถือวิสาสะ
“แล้วถ้าเป็นพักตร์ล่ะคะ จะไล่พักตร์กลับไปมั้ยคะ”
คิมหันต์เงยหน้ามองพักตราด้วยสายตานิ่งๆ ไม่บอกอารมณ์ใดๆ เขาตัดสินใจเอ่ยปากกับถวิล
“น้าหวิน ช่วยหาน้ำให้แขกด้วยนะ”
ถวิลรับคำแล้วจึงเดินออกไป พักตรากระเถิบเข้าใกล้คิมหันต์
“ขอโทษนะที่โผล่มาแบบไม่ให้รู้ตัว พักตร์ก็แค่เป็นห่วงคิม และคิดว่า ช่วงนี้คิมคงจะว้าวุ่นใจ มีอะไรที่พักตร์พอจะช่วยได้ก็บอกเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”

มุกรินนั่งเหม่อนิ่งที่โต๊ะทำงานของเธอในอาคารบริษัท Fast Track เสียงโทรศัพท์ประจำโต๊ะทำงานดังขึ้น มุกรินยกมันขึ้นมาพูด
“ฮัลโหล...มุกรินพูดค่ะ”
เสียงพักตราดังลอดออกมา “นี่พักตราพูดนะ”
“มีอะไรเหรอพักตร์”
พักตรายืนคุยมือถืออยู่ในโถงกลางบ้านวิมลรัตน์
“ไม่มีอะไรหรอก เป็นห่วงน่ะ เห็นว่าวันนี้มุกเข้าบ้านคิมไม่ได้ใช่มั้ย”
มุกริน มีสีหน้าแปลกใจขึ้นมาทันที
“พักตร์รู้ด้วยเหรอ”
“อืม คิมเขาเล่าให้ฟัง ช่วงนี้เขาก็แปรปรวนอย่างนี้หละ มุกต้องเข้าใจเขานะ”
“เข้าใจ แล้วนี่พักตร์อยู่ไหนเหรอ”
พักตรายืนพูดสายอยู่ที่เดิม ขณะคิมหันต์เดินถือแก้วน้ำสีสวยมาส่งให้พักตราทางด้านหลัง
“พักตร์มาดูแลคิมแทนมุกไง ไม่ต้องห่วงนะ ซักพักก็คงจะดีขึ้นเอง เซย์ฮัลโหลกับคู่หมั้นหน่อยมั้ย”
มุกรินอึกอัก กระอักกระอ่วน เธอค่อยๆเอ่ยปากตอบ
“ไม่ละ ไม่ดีกว่า”
“โอเค เข้าใจ แล้วเจอกันนะ”
พักตรากดปุ่มเลิกการสนทนาแล้วจึงหันมาพูดกับคิมหันต์
“ยายมุกไปทำงานได้ตามปรกติ ไม่มีอะไรน่าห่วง อย่างน้อยก็มีตาปรารภคอยดูแลอยู่อีกทั้งคน เชื่อพักตร์สิ”

คิมหันต์วางเฉย ไม่แสดงอารมณ์ร่วมแต่อย่างใด

อีกฟาก ปรารภเดินมาหยุดยืนหน้าโต๊ะมุกริน

“มีอะไรรึเปล่ามุก พี่เห็นเธอรับโทรศัพท์แล้วหน้าเครียด”
“ไม่มีอะไรค่ะ พักตราเขาโทร.มาแสดงความเป็นห่วง”
ดูเหมือนปรารภพอจะเข้าใจสถานการณ์อยู่นิดๆ
“พี่ชายคุณเป็นยังไงบ้าง ขอโทษนะที่ถาม”
“วันนี้พี่ใหญ่ก็ไปที่ร้านตามปกติ ไม่รู้เหมือนกันว่าตำรวจจะนัดไปคุยอีกเมื่อไหร่”

ธาดาก้าวเดินออกมาจากร้าน MOLLY ขณะที่รถตำรวจสองคันพุ่งเข้ามาจอดประชิดตัวธาดา เจ้าหน้าที่สี่นายลงจากรถกรูกันเข้าไปรายล้อมธาดา นำหน้าโดยตำรวจยศร้อยเอก
“คุณธาดา คุรุรัตน์ ผมร้อยเอกคณิต จิตบริสุทธิ์ สารวัตรสืบสวน สน.อุดทสุข...”
ตำรวจยื่นเอกสารหมายจับให้ธาดาดู
“คุณถูกออกหมายจับในคดีจงใจฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตอนนี้คุณอยู่ในฐานะผู้ต้องหา กรุณาตามผมมาที่สน.อย่าขัดขืนเลยนะครับ”
ตำรวจคนอื่นตรงเข้าไปใส่กุญแจมือธาดาทันที ธาดาหน้าตื่นตั้งตัวไม่ทัน

คิมหันต์ขับรถของเขามาตามท้องถนนยามค่ำ พร้อมกับพูดโทรศัพท์ผ่านลำโพงในรถ
“นี่คิมพูดนะมุก ไม่มีอะไรมาก แค่จะโทร.มาบอกว่าพี่ชายคุณถูกจับแล้วนะ ตำรวจทำงานได้รวดเร็วน่าชมเชยจริงๆ ถ้ามุกจะเยี่ยมพี่ชายก็เชิญที่สน.อุดมสุข ถ้าคุณไป ก็เจอผมได้ที่นั่น เท่านี้หละ”
คิมหันต์กดปุ่มวางสาย รอยยิ้มสะใจปรากฏบนใบหน้าหล่อลากไส้ของเขา

รถคิมหันต์แล่นเข้าไปจอดหน้าสน.อุดมสุข คิมหันต์ลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในโรงพัก
เมื่อคิมหันต์ก้าวขึ้นมาบนห้องโถงโรงพัก เขาแปลกใจนิดๆ เมื่อพบว่ามุกรินนั่งอยู่ที่นั่นแล้ว คิมหันต์เดินเข้าไปหาเธอ
“คุณมาถึงก่อนผมอีกนะมุก แสดงว่ารู้เรื่องก่อนที่ข้อความของผมจะไปถึง”
“ใช่ค่ะ”
คิมหันต์ขยับตัวลงนั่งข้างๆ มุกริน
“คนทำผิดก็ต้องรับผลกรรมเป็นธรรมดา มุกคงเข้าใจ”
“เรื่องนั้นมุกเข้าใจ แต่มุกไม่เข้าใจท่าทีของคิมที่ทำกับมุก ทำไมคิมต้องทำท่าเหมือนรังเกียจมุกมากมายขนาดนี้ มุกทำอะไรผิดเหรอคิม”
คิมหันต์นั่งนิ่ง ไม่ตอบ มุกรินตัดพ้อ
“หรือแค่เป็นน้องพี่ธาดา มุกก็ผิดแล้ว”
“ก็อาจจะใช่”
คิมหันต์ลุกขึ้นเดินไปหาตำรวจเวรที่โต๊ะ
“คุณตำรวจครับ ผมขอพบผู้ต้องหาหน่อยได้มั้ยครับ”
“มันไม่ใช่เวลาเยี่ยมแล้วนะครับ”
“ไม่ได้เยี่ยมครับ ขอแค่ดูสีหน้า แววตาของไอ้ฆาตกรชั่วคนนี้หน่อย แป๊บเดียวจริงๆ ครับ” คิมหันต์บอก
“ผมไม่อนุญาติให้เข้าไปพูดจาเยาะเย้ยถากถางกันที่นี่นะครับ”
“ไม่ครับ แค่อยากเห็นกับตา ว่ามันจะรู้สึกสำนึกบ้างมั้ย เท่านั้น”
ตำรวจเวรยังคงนิ่ง ไม่ตัดสินใจ คิมหันต์พยายามอ้อนวอน
“พี่สาวผมตายไปทั้งคนนะครับ คุณตำรวจควรจะเห็นใจผมหรือผู้ต้องหามากกว่ากัน
มุกรินเดินเข้ามาสมทบ เธอเอ่ยขึ้นว่า
“ดิฉันขอเข้าไปด้วยค่ะ”
“ก็ได้ ผมให้แค่สองนาทีเท่านั้นนะ อย่ามีเรื่องกันเป็นอันขาด”

ห้องขังผู้ต้องหาบนโรงพักอุดมสุข ธาดานั่งซึมเดียวดายอยู่กลางห้องขังใหญ่นั้น ขณะคิมหันต์ และมุกรินเดินเข้ามายืนหน้าลูกกรง ธาดาหันไปมอง
ธาดาและคิมหันต์ ต่างจ้องตากันชั่วขณะหนึ่ง จนธาดาเปลี่ยนสายตาไปที่มุกริน
“มุกยังไม่กลับอีกเหรอ”
“ค่ะ”
“พี่อยู่ได้ ไม่ต้องห่วง”
คิมหันต์สอดขึ้น “ไม่มีใครเขาห่วงแกหรอก อย่าหลงผิด”
มุกรินฉุนนิดๆ “คิม…”
คิมหันต์ด่าต่อ “แต่แกอยู่ตรงนี้อีกไม่นานหรอก พรุ่งนี้เขาก็ต้องเอาตัวแกไปศาล ศาลก็ส่งไปเข้าเรือนจำ อยู่ในเรือนจำก็ไม่มีอะไรน่าห่วง เพื่อนคงจะเยอะ เผลอๆ แกอาจจะได้ผัว เป็นนักโทษชายล่ำๆ ซักคนสองคนก็ได้ ใครจะรู้”
“แกไปได้แล้ว” ธาดาโกรธ
“นอนหลับให้สบาย อย่าเครียดจนต้องผูกคอตายในโรงพักล่ะ”
มุกรินไม่อาจทนฟังคำพูดของคิมหันต์ได้อีก
“คิม พอเถอะค่ะ”
“ฉันบอกให้ออกไปได้แล้วไง” ธาดาร้องตะโกน “คุณตำรวจเอาไอ้นี่ออกไปที ผมไม่ต้องการเห็นหน้ามัน”
คิมหันต์ยิ่งสะใจ เขาพูดเสียงดังขึ้น ท่าทีเมามันมากขึ้น
ฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าแก ไม่อยากเห็นอีกเลยขอให้แกตายโหงตายห่าไปเร็วๆ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีก ถ้ายังไม่ตายก็ขอให้เป็นง่อย เป็นบ้าอยู่ในคุก หรือไม่ก็ถูกนักโทษในนั้นฆ่า หรือไม่ก็ถูกประหารชีวิตไปเลย”
“ไอ้คิมหันต์”
ธาดายื่นมือผ่านลูกกรงออกมากระชากคอคิมหันต์เข้ามาหาตน คิมหันต์ยื่นมือเข้าไปบีบคอธาดาตอบ ทั้งสองหนุ่มออกแรงสู้กันอยู่ตรงนั้น มุกรินพยายามดึงคิมหันต์แยกออกมา แต่ไม่สำเร็จ ตำรวจเวรด้านนอกต้องเข้ามาช่วยแยก ชุมสายที่เพิ่งมาถึง ต้องตามมาช่วยแยกอีกคน

คิมหันต์ถูกชุมสายลากออกมานอกโรงพัก มีมุกรินเดินตามมาใกล้ๆ นายตำรวจเวรเดินดุไล่หลังมาติดๆ
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ให้มีเรื่อง รับปากผมแล้วมาทำอย่างนี้ ใช้ไม่ได้นะครับ”
ชุมสายหน้าเสีย “ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยครับ”
“กลับบ้านกันไปได้แล้วครับ อยู่แถวนี้ เดี๋ยวของขึ้นมาอีกจะวุ่น”
ตำรวจเดินกลับเข้าไปในโรงพัก
ชุมสายหันไปถามมุกรินอย่างห่วงใย “คุณมุกขับรถมาเองใช่มั้ย”
มุกรินพยักหน้าตอบ เธอหันไปจ้องมองคิมหันต์สักพัก แล้วจึงเอ่ยปากถาม
“คิม เรายังเป็นคู่หมั้นกันอยู่ใช่มั้ยคิม”
คิมยกมือให้มุกรินดู พบว่า แหวนหมั้นยังอยู่ที่นิ้วของเขา
“ขับรถดีๆ นะ”
คิมหันต์เดินแยกไปยังรถของตัวเอง ชุมสายจำต้องทิ้งมุกรินไว้เพียงลำพัง รีบเดินตามคิมหันต์ไป
“แกวู่วามอย่างนี้ไม่ได้นะ คิม มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ทำบ่อยๆ เข้าอาจเป็นผลเสียด้วยซ้ำ”
คิมหันต์ไม่ตอบโต้ใดๆ
“ฉันปรึกษาอาจารย์มาแล้ว แกสามารถยื่นเรื่องขอแต่งตั้งให้ฉันเป็นทนายโจทย์ร่วมกับอัยการได้ ถ้าแกต้องการ”
“ขอบใจ เพื่อน”
คิมหันต์ขยับตัวเข้าไปนั่งในรถ ชุมสายเปิดประตูตามเข้าไปนั่งข้างๆ พูดเป็นเชิงขอร้อง

“อีกเรื่องนึงว่ะ จะทำอะไรนึกถึงใจคุณมุกเขาบ้าง สงสารเขาซักนิดเถอะเพื่อน”

วันต่อมา ภายในห้องส่งรายการข่าว Breaking News ทางช่อง 6 เฮชดี ผู้ประกาศข่าวสาวนั่งหน้าขรึมเคร่งรายงานข่าวใหญ่ต่อหน้ากล้องโทรทัศน์

“เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายธาดา คุรุรัตน์ ผู้ต้องหาคดีฆ่าภรรยาตัวเอง นางวิมลรัตน์ หรือเจ๊มลคนดัง ไปยังศาลอาญา เพื่อขอฝากขังต่อศาล ซึ่งศาลก็ได้ส่งตัวไปคุมขังยังเรือนจำกลาง โดยไม่อนุญาติให้ประกันตัว เช่นเดียวกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
โดยที่หน้าศาลอาญา ธาดาถูกเจ้าหน้าที่นำตัวลงจากรถ และพาเดินขึ้นบันไดศาลอาญา นักข่าวมากมายวิ่งกรูเข้าไปขอสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ศาลพยายามกันนักข่าวออกไป เพื่อไม่ให้เสียเวลามากนัก

ที่ห้องส่งช่อง 6 นักข่าวเจ้าเก่ายังคงนั่งรายงานข่าวอยู่ที่เดิม
“ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหลายคนให้ความเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญที่ผู้คนในสังคมส่วนใหญ่เชื่อและตัดสินเองในใจแล้วว่าใครคือฆาตกร แต่ในความเป็นจริงทางกฏหมาย เราจะใช้เพียงความรู้สึกในการเอาผิดกับใครไม่ได้ต้องดูจากหลักฐาน พยาน และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ แต่ก็เชื่อว่า คดีไม่น่าจะยืดเยื้อ ยาวนานจนเกินไป”

ถัดมาบริเวณด้านหลังศาลอาญา ธาดาถูกคุมตัวเดินไปขึ้นรถของเรือนจำ เพื่อนำตัวไปคุมขังต่อไป
ธาดาหันมามองกล้องผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าพยายามยิ้ม

บ่ายวันนี้ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หรือ เรือนจำคลองเปรม
บุรุษร่างใหญ่หน้าตาฉลาดแกมโกงในชุดสูทตัดเย็บอย่างประณีต ชื่อของเขาคือ บรรเจิด อาชีพทนายความ
บรรเจิดเดินไปตามทางเดิน ที่พาเขาตรงไปยังบริเวณเยี่ยมผู้ต้องหา ซึ่งธาดาถูกผู้คุมพามานั่งเก้าอี้รออยู่อีกฝั่ง เบื้องหน้าบรรเจิด
ระหว่างทนายและนักโทษ มีพื้นที่ว่างเป็นทางยาว ขวางด้วยลูกกรง และกระจกหนา ทั้งสองฝ่ายต่างยกโทรศัพท์ที่วางเบื้องหน้าขึ้นมาพูดคุยกัน
“สวัสดีครับ คุณธาดา ผมชื่อบรรเจิด เป็นทนายที่เสธ.ส่งมาว่าความให้คุณ”
ธาดาตำหนิในที “คุณน่าจะมาเร็วกว่านี้นะ จะได้ช่วยไม่ให้ผมต้องเข้ามาอยู่ในนี้”
“ไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย วันนี้ผมจะมาบอกว่า คุณไม่ต้องห่วงเรื่องคดีความนะ”
“เสธ.ช่วยผมได้แน่ ใช่มั้ย”
“ถ้าคุณอยู่ในนั้น หนี้ของเสธ.ก็สูญ ไม่มีใครอยากเสียเงินสี่สิบล้านฟรีๆ หรอก”
“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ออกไปจากที่นี่ล่ะ”
“เร็วที่สุด แต่ต้องหลังจากที่คุณเล่าความจริงให้ผมฟังก่อน ผมขอความจริงทั้งหมด ห้ามปิดบังแม้แต่เรื่องเดียว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอาย เรื่องผิด ถูก เป็นหน้าที่ของผม”
ธาดานิ่ง อึ้ง ไปพักใหญ่ๆ

พักตราเดินเข้าล็อบบี้บริษัทมา พนักงานด้านหน้ารีบตรงเข้ามาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณพักตรา”
“มุกรินอยู่มั้ย วันนี้เขามาทำงานรึเปล่า”
“มาค่ะ...เดี๋ยวตามให้นะคะ”
“ไม่ต้อง ฉันเดินไปหาเขาเองง่ายกว่า หวังว่างานเขาคงจะไม่ยุ่งนะ”
พักตราเดินไปขึ้นลิฟท์

มุกรินขยับเข้ามาเบื้องหน้าพักตรา ทั้งสองสาวนั่งคุยกันบริเวณโต๊ะทำงานของมุกริน
“ไม่ได้ยุ่งอะไร งานอีเว้นท์ตัวใหม่ยังเพิ่งเริ่มคุยข้อมูลกับลูกค้า”
“แต่หน้าตาเธอดูซีดเซียวมากเลยนะ นอนน้อยละซี”
“อือม...”
“ไปเยี่ยมพี่ชายมารึยัง”
“อือม...”
มุกรินพยักหน้าตอบสั้นๆ ด้วยเธอไม่แน่ใจว่าพักตรามีเจตนาอะไร พนักงานอื่นๆพากันลอบมองพักตรา
“ยังประกันตัวไม่ได้ใช่มั้ย”
“อือม...”
“น่าเห็นใจจัง ความสัมพันธ์ของเธอกับคิมก็พลอยกะท่อนกะแท่นไปด้วยเลยสินะ”

ระหว่างนี้ปรารภเดินออกมาจากห้องทำงาน เขาหยุดมองมายังมุกรินอย่างเป็นห่วง

“แต่เธอต้องเข้าใจคิมนะ พี่สาวเขาตายทั้งคน จะให้มาระรื่นสวีทเหมือนเดิมกับน้องสาวฆาตกร ก็คงจะยาก”
น้ำเสียงพักตราเยาะหยันถากถางในที
“ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าพี่ธาดาเป็นฆาตกรนะ” มุกรินพยายามข่มอารมณ์
“โอ๊ย ไม่ต้องรอศาลหรอก ใครๆ ก็รู้ว่าพี่เธอน่ะใจร้ายขนาดไหน แต่ฉันเห็นใจเธอนะ คนเป็นน้องสาวฆาตกร ก็ต้องกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย แบบนี้แหละ”
ปรารภเดินเข้ามายืนชิดโต๊ะทำงานมุกริน เขาเอ่ยปากเสียงเข้ม
“ขอโทษนะครับ คุณพักตรามีธุระสำคัญอะไรกับมุกรินรึเปล่าครับ”
พักตราฉุนขาดที่ถูกขัดจังหวะ “ทำไมคะคุณปรารภ ลูกสาวประธานบริษัทจะขอคุยเรื่อยเปื่อยกับพนักงานบ้างไม่ได้เหรอคะ
“พอดีผมมีงานสำคัญต้องปรึกษาพนักงานของผมน่ะครับ หวังว่า ลูกสาวประธานจะไม่ขัดขวางกิจการในบริษัทของคุณพ่อนะครับ”
พักตราพูดไม่ออก แต่ก็แสดงอาการสะบัดหน้า ไม่พอใจให้เห็น
“เดี๋ยวพี่เชิญที่ห้องประชุมนะ มุก”
“ค่ะ”
ปรารภเดินนำออกไปทางห้องประชุม
“ฉันไปก็ได้ ที่มานี่แค่จะมาบอกว่า เธออย่าไปงานศพเจ๊มลเลย จะทำให้คิมเขาเครียดเปล่าๆ ช่วงนี้ฉันรับหน้าที่ดูแล เทคแคร์คิม เอง ยังไงๆ เขากับฉันก็แฟนเก่ากัน ยังพอรู้มือ รู้ใจกันอยู่ บ๊ายบาย”
พักตราเดินออกไป มุกรินมองตาม ไม่ค่อยสบายใจนัก

มุกรินเปิดประตูห้องประชุมเข้าไป เธอเห็นปรารภอยู่ในห้องนั้น กับทนายบรรเจิด ปรารภรีบแนะนำ
“มุก นี่คุณบรรเจิด ทนายความของพี่ชายคุณ เขาจะขอคุยกับคุณซักครู่”
ปรารภหันไปพูดกับบรรเจิด
“เชิญใช้ห้องประชุมนี้ตามสบายเลยครับ”
ปรารภขยับตัวจะเดินออกไป มุกรินรีบเอ่ยปาก
“พี่รภคะ มุกขอบคุณค่ะ”
ปรารภยิ้มตอบแบบเท่ห์ๆแล้วจึงเดินออกจากห้องไป
“นั่งก่อนสิครับคุณมุกริน ผมเป็นทนายรับผิดชอบว่าความให้จำเลย ซึ่งก็คือนายธาดาพี่ชายของคุณ หน้าที่ของผมคือทำให้พี่ชายคุณพ้นจากข้อกล่าวหา อันนี้เป็นความปรารถนาของคุณด้วย ถูกต้องมั้ยครับ”
“ค่ะ”
“ผมถามตรงๆเลยนะ...คุณเชื่อมั้ยว่า พี่ชายคุณไม่ได้ฆ่าภรรยาตัวเอง”
มุกรินนิ่งไป เธอครุ่นคิดอย่างระมัดระวังก่อนตอบคำถามข้อนี้
บรรเจิดยิ้ม “ไม่ต้องตอบผมครับ และถ้าใครถามคำถามนี้กับคุณ คุณก็ต้องไม่ตอบนะครับ แล้วผมจะมาหาคุณอีกที เฉพาะเวลาที่จำเป็น”
บรรเจิดขยับตัวลุกขึ้น
“อ้อ ถ้าคุณอยากจะเยี่ยมพี่ชายคุณ นอกเหนือจากเวลาเยี่ยมปกติ บอกผม...ผมใช้สิทธิ์ทนายได้ นี่นามบัตรผมครับ”
บรรเจิดวางนามบัตร แล้วลุกเดินออกจากห้องไป มุกรินนั่งซึม ค่อยๆหยิบนามบัตรขึ้นมาดู

เวลาเดียวกันที่ สำนักงานกฎหมายบูรพา ชุมสายถือเอกสารปึกใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องประชุมเล็ก
“นายบรรเจิด เลิศธนทรัพย์ ทนายความชื่อดังผู้คร่ำหวอดในการสู้คดีให้จำเลย”
ชุมสายเดินพูดไปรอบๆ คิมหันต์ ที่นั่งอยู่กลางห้องประชุมเล็ก ในสำนักงานกฎหมายนี้
“ทุกคดีที่หมอนี่ว่าความให้ จำเลยหลุดหมด ศาลยกฟ้องทุกคดี ไม่น่าเชื่อ”
“แต่ไม่ใช่คดีนี้” คิมหันต์บอกเสียงเข้ม
“แต่มันก็เป็นสัญญาณเตือนเราว่า ต้องเตรียมรับมือให้ดี”
“ไม่มีอะไรต้องวิตก ความจริงก็คือความจริง ไม่มีใครบิดเบือนความจริงไปได้”
“แต่หลายๆ เรื่องก็ต้องใช้เวลานานกว่าความจริงจะปรากฏ”
“นั่นเป็นหน้าที่ของแก ฉันถึงตั้งให้แกเป็นทนายร่วมไง”
ระหว่างนี้เองอัยการสูงวัยก้าวเข้ามาในห้องประชุมนี้ตามนัด ชุมสายเอ่ยปากแนะนำทั้งสองฝ่าย
“นี่ท่านอาจารย์ประสงค์ อัยการคดีของเรา คุณคิมหันต์ น้องชายผู้ตายครับ”
ทุกคนต่างสวัสดีกันตามมารยาทอันดีงาม อัยการขยับตัวลงนั่ง หน้าตามีวี่แวววิตกปรากฏให้เห็นนิดหน่อย
“เจ้าหน้าที่เพิ่งแจ้งผมมาว่า ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของคุณวิมลรัตน์แล้ว มีสายโทร.เข้า ออกระหว่างเครื่องของคุณวิมลรัตน์กับเครื่องของนายธาดา จริง โทร.ครั้งสุดท้าย เวลาตีสี่กว่าๆ”
คิมหันต์ฉงน “แปลว่า”
“ก็ไม่ได้แปลว่าอะไร เพียงแต่มันตรงกับเวลาที่จำเลยอ้างพยานยืนยันว่า เขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ” ประสงค์บอก
ชุมสายสงสัย “พยานคือใคร”
ประสงค์บอก “มุกริน”
ชุมสายทักท้วง สีหน้าสงสัยไม่คลาย “น้องสาวจำเลยนะครับ”
“ใช่ ซึ่งศาลก็คงไม่ฟัง เพราะเป็นญาติกัน แต่มันทำให้เรา ต้องหาหลักฐานมัดตัวจำเลยให้รัดกุมยิ่งขึ้น นอกจากมุกรินจะปฏิเสธการเป็นพยาน”
แววตาคิมหันต์วาววับ ครุ่นคิด เคียดแค้น สุดจะประมาณ

มุกรินพาตัวเองมานั่งอยู่ในห้องเยี่ยมผู้ต้องหา ของเรือนจำกลาง ตั้งแต่เช้า เธอขยับตัวลงนั่งเบื้องหน้าห้องเยี่ยม ธาดาลงนั่งฝั่งตรงข้าม ทั้งสองยกหูโทรศัพท์พูดกัน ผ่านผนังลูกกรงและกระจกกั้น

“เมื่อวานนี้ทนายบรรเจิดไปหามุกที่บริษัท เขาถามว่ามุกเชื่อพี่ใหญ่มั้ย”
ธาดามองหน้าน้องสาวสักพักจึงเอ่ยปาก
“แล้วมุกตอบว่าไง”
“เขาบอกว่ามุกไม่ต้องตอบก็ได้...”
ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งไปอีกพักหนึ่ง
“มุกอยากฟังจากปากพี่ใหญ่อีกครั้ง”

ธาดาเล่าว่า เขาขับรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านวิมลรัตน์ ลมกรรโชกแรง ฝนเทลงมาทั่วทั้งบริเวณ แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าดับทุกต้น

“คืนนั้นมีพายุเข้า ฝนตกหนัก กล้องวงจรปิดทุกตัวไม่สามารถบันทึกภาพได้ เราจึงไม่มีทางรู้เวลาเข้าออกที่แน่นอนของนายธาดา”
เสียงชุมสายดังขึ้นในห้องโถงบ้านวิมลรัตน์
ชุมสายและคิมหันต์ ทั้งสองเดินเข้ามายังโถงบ้าน โดยจำลองพฤติกรรมที่น่าจะเกิดขึ้นในคืนนั้น ชุมสายพูดต่อเนื่องจากเสียงในฉากก่อนหน้านี้
“เมื่อทั้งคู่เดินเข้าบ้านแล้ว ก็นั่งดื่มเหล้ากันตรงนี้”
ชุมสายหยิบขวดเหล้าและแก้วเหล้าในที่เกิดเหตุขึ้นมาชูให้ดู
“ซึ่ง น่าจะดื่มกันไม่น้อยซะด้วย” ชุมสายบอก
สองหนุ่มพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ของเหตุการณ์คืนนั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกัน
ธาดาและวิมลรัตน์ต่างดื่มเหล้าแก้วใหญ่ ทั้งคู่เริ่มมีปากมีเสียงกันเรื่องหนี้สิน และ เงินๆทองๆ
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้เล่น ชอบนักไอ้การพนันน่ะ เคยเล่นได้บ้างมั้ย...เสียแต่ละครั้งก็ฉันจ่ายให้ทุกที...ห้ามแล้วไม่เชื่อ ก็ไปหาเงินใช้หนี้เอาเองเหอะ”
“ผมจะไปหาที่ไหนล่ะ วันๆ ก็ติดแหงกอยู่กับคุณอย่างนี้ คุณไม่ยอมให้ผมกระดิกตัวไปไหนเลย”
“กระดิกตัวไม่ได้ แล้วทำไมแอบไปเข้าบ่อนได้”

ที่ห้องเยี่ยม เรือนจำกลาง ธาดาพูดโทรศัพท์ผ่านกระจกให้น้องสาวฟัง
“เขาเมา มุกรู้ใช่มั้ยว่าพี่มลเขากินเหล้าดุขนาดไหน เคยเห็นใช่มั้ย พอเขาเมาก็พาลหาเรื่องพี่ เขาด่าพี่ที่ทำอะไรก็เจ๊ง แล้วก็ต้องมาขอเงินเขา”
ที่ห้องโถงบ้านวิมลรัตน์ คิมหันต์และชุมสายยังคงจำลองพฤติกรรม อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ
“ครั้งนี้ พี่มลคงไม่ให้ พี่มลเคยประกาศว่า จะไม่ให้มันผลาญเงินเล่นอีกแล้ว”
“นายธาดาก็เลยโกรธ อาละวาด ขว้างปาข้าวของ”

ธาดายอมรับกับมุกรินว่า คืนนั้นเขาขว้างปาข้าวของลงบนพื้นด้วยความโกรธ
มุกรินนั่งฟังนิ่ง
“เขาคิดจะทิ้งพี่”
“เพราะอะไร”
“เขาคงเบื่อที่พี่ขอเงินเขาบ่อยๆ แต่พี่เชื่อว่า เขากำลังหลงผู้ชายอื่นมากกว่า”
ส่วนที่ห้องโถงบ้านวิมลรัตน์ ชุมสายจำลองท่าทางเสมือนเป็นวิมลรัตน์
“นายธาดาอาจมีกิ๊ก พี่มลคงจับได้ ก็เลยโกรธ ใช้ปืนขู่”
แต่เป็นหนังคนละม้วนที่ถูกเล่าจากห้องเยี่ยม เรือนจำกลาง
“พอพี่พูดดักคอเขา เขาก็โกรธเอาปืนขู่จะยิงพี่”
“จากนั้นก็แย่งปืนกัน จนปืนลั่น” ชุมสายว่า
“ห้านัดเลยเหรอ” คิมหันต์ไม่อยากเชื่อเอาเลย
สองหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น โดยไม่เห็นว่าใครเป็นคนถือปืน มันส่งกระสุนออกจากปากกระบอก ห้านัด ติดๆ กัน
ชุมสายสมมุติเหตุการณ์โดยทำท่าบีบคอ พร้อมกับวิ่งเข้าไปถึงห้องน้ำ ตรงจุดเกิดเหตุ
“นายธาดาบีบคอพี่มล แล้วก็ดันพี่มลจนมาล้มกระแทกขอบอ่างอาบน้ำตรงนี้”

เหตุการณ์เดียวกันถูกเล่าโดยธาดา คำบอกเล่านั้นแจ่มชัด จนเห็นเป็นภาพวิมลรัตน์ล้มลง ศีรษะด้านหลังของเธอกระแทกขอบอ่างอาบน้ำอย่างรุนแรง
ธาดานั่งเล่าอยู่หลังซี่ตระแกรง ภายในห้องเยี่ยมนักโทษ มุกรินยังนั่งอยู่ที่เดิม
“พี่รีบหนีออกจากบ้าน แล้วก็ไปหามุก แต่มุกยังไม่กลับ พี่นั่งรอกระวนกระวายอยู่ในรถ พี่ใช้โทรศัพท์โทรคุยกับเขา เผื่อว่าเขาจะอารมณ์เย็นลง แต่ก็ไม่เลย...”
ธาดาก้มหน้า หายใจลึกๆ อย่างสะเทือนใจ
“มีตรงไหนที่พี่เล่าไม่เหมือนเดิมมั้ย”
มุกรินนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนตอบว่า “ไม่มี”
“ความจริง จะพูดกี่ครั้ง มันก็เหมือนเดิมทุกครั้งแหละ มุก”
ทนายบรรเจิดเดินเข้ามายืนข้างๆ มุกริน เขาขอโทรศัพท์จากมุกริน เพื่อพูดสายกับธาดา
“โชคดีเป็นของคุณนะคุณธาดา”
“อะไรเหรอครับ”
“ไม่เกินทุ่มนึงคืนนี้ คุณน่าจะออกมาได้”
“จริงเหรอคะ” มุกรินดีใจ
“ศาลน่าจะยอมให้ประกันตัว ผมดำเนินเรื่องเรียบร้อยหมดแล้ว คืนนี้ อยากจะไปผ่อนคลายที่ไหนก็นึกไว้เลยนะ” บรรเจิดว่า
“วัด ผมอยากไปไหว้ศพเมียผม” ธาดาบอก

รถชุมสายแล่นเข้ามาจอดในวัด ผู้เป็นเจ้าของลงจากรถ เดินก้าวยาวๆ ตรงไปยังศาลาสวดศพวิมลรัตน์ แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ คิมหันต์ ที่กำลังรอพระสวดอยู่
“มีข่าวที่อาจจะทำให้แกไม่ค่อยพอใจว่ะคิม”
“ข่าวอะไร”
“ท่านรองโทร.มาแจ้งว่า นายธาดาได้ประกันตัวแล้ว เมื่อกี้นี้”
คิมหันต์โมโห “อะไรวะ ใครปล่อยมันออกมาได้ไง ไอ้คนเลวๆ แบบนี้”
“ศาลคงเห็นว่า ผู้ต้องหาไม่มีท่าทีจะหลบหนี และหลักทรัพย์ในการค้ำประกันก็สูงอยู่”
เมื่อได้ฟัง คิมหันต์มีอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“รู้ได้ไงว่ามันจะไม่หนี”
“ที่แรกที่นายธาดาจะมา ก็คือที่นี่ เขาตั้งใจจะมากราบศพพี่มลให้ได้”
คิมหันต์ยิ่งทวีความโกรธมากยิ่งขึ้น
“แกต้องเก็บอารมณ์ให้ดีนะเว้ย อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม มันไม่เป็นผลดีทั้งนั้น” ชุมสายบอก
“ฉันไม่บุ่มบ่ามหรอก ไม่ใช้อารมณ์ด้วย ง่ายๆ สบายๆ ตรงไปตรงมา มันเหยียบศาลาเมื่อไหร่ มันตายเมื่อนั้น เท่านั้นแหละ”

สิ้นคำนั้น แววตาของคิมหันต์แข็งกร้าว เอาจริงเอาจัง เห็นเป็นประจักษ์ชัดแจ้ง

เช้ามืดวันหนึ่ง หลังเกิดเหตุไม่นาน คิมหันต์นั่งนิ่งพิงอ่างอาบน้ำในห้องน้ำที่เกิดเหตุ ในมือถืออัลบั้มรูปเก่าๆ มากมาย เขาค่อยๆ เปิดดูอัลบั้มเหล่านั้นทีละหน้า ใคร่ครวญครุ่นคิดและพร่ำบอกตัวเองอยู่ในใจ

“ผมคุ้นเคยกับการไม่มีใครมาตั้งแต่เด็กๆ แต่การไม่มีใครในครั้งนั้น ผมยังมีพี่มล พี่สาวของผมคนนี้”
ในอัลบั้มเล่มนั้น เห็นรูปถ่ายของเด็กชายคิมหันต์ในห้วงเวลาแห่งความสุข และรูปภาพเหล่านั้นจะปรากฏวิมลรัตน์ในช่วงวัยรุ่นร่วมอยู่ด้วยทุกภาพ
“แม้เราจะไม่มีพ่อไม่มีแม่ อยู่ด้วยเหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่พี่มลก็ทดแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่เราขาด จนเราลืมความสูญเสียเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น ผมไม่เคยจินตนาการถึงวันที่ผมจะไม่มีพี่มลเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
แววตาคิมหันต์แน่วนิ่ง
“ทว่า วันนั้นก็มาถึงจนได้ และไม่ใช่จินตนาการ แต่เป็นเรื่องจริง เป็นความจริงที่ผมไม่มีพี่มลอีกแล้วในวันนี้ ความรู้สึกสูญเสียที่เคยเกิดขึ้นในวัยเด็ก มันได้กลับมาอีกครั้ง ต่างกันตรงที่ ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมสูญเปล่าเหมือนคราวที่สูญเสียพ่อกับแม่ กรรมครั้งนี้ ต้องมีผู้ชดใช้ ผมสัญญาครับ พี่มล”

ในรถธาดาที่วิ่งไปบนถนนยามค่ำคืน มุ่งหน้าสู่วัดจัดงานศพวิมลรัตน์ มุกรินเป็นผู้ขับรถ ธาดานั่งอยู่ข้างๆเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มุกรินกดปุ่มรับผ่านลำโพงวิทยุรถ
“ฮัลโหล มุกพูดค่ะ”
“ผมชุมสาย เพื่อนนายคิมหันต์น่ะครับ”
มุกรินและธาดามองหน้ากัน อย่างแปลกใจ
“มีอะไรเหรอคะ คุณชุมสาย”
ชุมสายยืนพูดโทรศัพท์อยู่ในมุมลับตาคนของวัดจัดงานศพวิมลรัตน์
“ผมขอถามตรงๆ นะครับ คุณธาดากำลังมาที่วัดรึเปล่า”
“อ๋อ…ค่ะ”
“ผมขอพูดตรงๆอีกทีนะครับ ถ้าคุณธาดามาที่วัดจริง มันอาจเกิดเรื่องขึ้นได้”
ชุมสายมองไปในศาลา เห็นคิมหันต์นั่งนิ่งเครียดอยู่ในนั้น โดยด้านหลังเห็นแขกในงานเริ่มทยอยกลับแล้ว
ธาดาได้ฟังเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ
“เรื่องอะไรคะ”
ชุมสายหันไปมองคิมหันต์ก่อนพูดต่อ
“คุณก็รู้ว่าช่วงนี้นายคิมหันต์มีท่าทียังไง ผมว่าทางที่ดี คุณน่าจะ...”
ธาดาทนไม่ไหว ระเบิดอารมณ์ ตะโกนพูดใส่ไมโครโฟนที่หน้ารถ
“ทำไมวะ ฉันจะไปไหว้เมียฉันไม่ได้เลยเหรอ มันเกินไปแล้ว บอกนายคิมหันต์เพื่อนนายด้วยว่า เป็นไงเป็นกัน เมียฉันตายไปคนนึงแล้ว ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว จะเอากันให้ถึงตายเลยก็ได้ มาลองดูกันมั้ย”
ธาดากดปุ่มยกเลิกการสนทนา
มุกรินเตือนพี่ชาย “คุณชุมสายเขาอาจจะหวังดีกับเราจริงๆ ก็ได้นะพี่ใหญ่”
“ไม่มีทาง มันเป็นเพื่อนกัน มันก็คิดเหมือนกันนั่นแหละ ไอ้พวกเหี้ย”
มุกรินขับรถต่อไปนิ่งๆ พูดอะไรไม่ออก แววตาของเธอแฝงความปวดร้าวใจไม่น้อยในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมารดแก้มช้าๆ ธาดาหันไปมองหน้าน้องสาว
“พี่ขอโทษนะ พี่ลืมไปว่ามันเป็นคู่หมั้นมุก”
ธาดาถอนใจออกมาแรงๆ สบถออกมาอีกคำ
“พี่ไม่น่ายอมยกมุกให้มันเลย แม่งเอ๊ย”

ชุมสายกลับเข้ามา ขยับตัวลงนั่งข้างๆคิมหันต์
“พวกเขาคงใกล้จะถึงแล้วหละ”
คิมหันต์นั่งนิ่ง ไม่มีท่าทีตอบรับคำพูดของชุมสายแต่อย่างใด
“แกจะใช้ความรุนแรงแน่เหรอ”
คิมหันต์ไม่ตอบอีก
“แกกำลังจะแต่งงานกับคุณมุกอยู่แล้วนะ ทำแบบนี้แล้วต่อไปมันจะมองหน้ากันติดได้ยังไง”
คิมหันต์สวนขึ้นในที่สุด “แล้วที่มันทำกับพี่มล แกคิดว่าเรายังมองหน้ากันติด งั้นเหรอ”
ชุมสายถอนใจ
“งั้นก็เอาให้เต็มที่เลยเพื่อน แต่ฉันคงต้องแจ้งท้องที่ล่วงหน้า ห้ามต่อว่ากันนะ”
ชุมสายเดินออกไป ทิ้งให้คิมหันต์นั่งรอเวลาอยู่เพียงลำพัง

ไม่นานต่อมา มองจากหลังคาวิหารภายในวัดลงมา เห็นรถธาดาที่มุกรินขับแล่นเข้ามาจอดกลางลานจอดรถของวัด ธาดาก้าวออกมาจากรถมองเข้าไปในศาลาที่ตั้งศพวิมลรัตน์ เขาเห็นคิมหันต์ยืนตระหง่านอยู่หน้าศาลานั้น ชุมสายยืนอยู่ห่างออกไปทางด้านหลัง
มุกรินก้าวลงมายืนข้างๆ รถ ทุกคนยืนจ้องหน้ากันนิ่ง
“ฉันจะไหว้ศพเมียฉัน นายไม่มีสิทธิ์ห้าม”
“ก็ลองดู”
พลางคิมหันต์เอื้อมมือมาคว้าเหล็กท่อนใหญ่คล้ายชะแลงข้างๆ ตัว มากำไว้แน่น ชุมสายใจหายใจคว่ำมองตามด้วยความกังวล
“ไอ้คิม”
ธาดาขยับตัวก้าวเดินไปข้างหน้า
“พี่ใหญ่” มุกรินร้องห้าม
คิมหันต์ก้าวเดินตรงมาที่ธาดาพร้อมเหล็กในมือ มุกรินเดินก้าวยาวๆ แซงธาดาไปขวางหน้าคิมหันต์
“คิมอย่าทำอะไรพี่ใหญ่เลยนะ มุกขอ”
“ถอยไปมุก”
คิมหันต์เดินเบียดผ่านมุกรินไป ธาดาเดินเข้าใกล้คิมหันต์มากขึ้น ท่าทางไม่ยี่หระ
“มึงจะทำอะไรกู”
“ไอ้คิม อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” ชุมสายพยายามทัดทาน
คิมหันต์เงื้อเหล็กท่อนนั้นสุดมือ ธาดาเบี่ยงตัวหลบ ทว่าเป้าหมายของคิมหันต์กลับฟาดเหล็กท่อนนั้นลงบนกระจกรถธาดา ผลทำให้กระจกร้าว แตกละเอียด ธาดาส่งเสียงร้องลั่น
“ไอ้คิม ไอ้เหี้ย”
“ไม่เท่ามึงหรอก”
ระหว่างพูดคิมหันต์ไล่ทุบกระจกรถทุกด้าน ไม่สนคำห้ามของธาดา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คิม”
“มึงเสียดายเหรอ นี่แค่รถมึงยังเสียดาย แล้วนั่นพี่กู ที่นอนอยู่ในโลงนั่น พี่สาวกู มึงคิดว่ากูจะอยู่เฉยๆเหรอ”
“ไอ้เหี้ยคิม”
ธาดาแทบคลั่ง พุ่งเข้าไปกระชากตัวคิมหันต์ออกมาจากรถ เหวี่ยงหมัดใส่ไปตูม ถูกคิมหันชกตอบ
ทั้งคู่ล้มลงไปกอดรัด กลิ้งไปกับพื้นหน้าศาลาสวดศพเจ๊มลนั้นเอง
ธาดาเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ คิมหันต์กระหน่ำหมัดใส่ธาดา ชุมสายพยายามเข้าไปห้าม แต่ถูกคิมหันต์เหวี่ยงจนกระเด็นออกมา คิมหันต์เงื้อเหล็กท่อนนั้นขึ้นสูงสุดพร้อมจะฟาดลงไปที่ใบหน้าธาดารอมร่อ มุกรินกรีดร้องดังลั่น
“อ๊าย...อย่านะคิม”

คิมหันต์หยุดนิ่ง เขาเงื้อท่อนเหล็กค้างอยู่อย่างนั้น

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น