เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 9
ธามเดินจ้ำมาตามถนน โดยมีจิวเดินตามมาทางด้านหลังด้วยความเป็นห่วงจิตใจเจ้านายแต่ก็ไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายเลยเดินตามอยู่ห่างๆ
ธามรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกเล้งหลอกมากระทืบหัวใจต่อหน้าคนอื่นเขาคิดในใจว่าย่าหยารู้เห็นเป็นใจด้วยรึเปล่า แต่แค่คิดธามก็แสลงไปทั้งใจ สุดท้ายเขาก็ต้องตัดอารมณ์ส่วนตัวทิ้ง ธามหยุดกึกที่กลางทางซึ่งพลอยทำให้จิวชะงักตามไปด้วย
จิวขยับเข้ามาหาอย่างเกรงๆ "เฮีย"
ธามหันมาหา "คืนนี้จัดการตามแผนเดิม"
จิวพยักหน้ารับคำ
ลูกน้องของธามส่งทองปลอมให้พ่อค้า พ่อค้านับและเช็คของ ทั้ง2ฝ่ายรับส่งของและเงินกัน
ตำรวจ 4-5 นายพร้อมอาวุธบุกเข้ามาจับลูกน้องธามและพ่อค้า ลูกน้องธามวิ่งหนีเอาตัวรอดในขณะที่พ่อค้าถูกจับพร้อมของกลาง
ตำรวจที่ค่อยๆย่องเข้ามาโผล่ไปจับลูกน้องธามกับพ่อค้าที่กำลังซื้อขายทองกันอยู่อีกมุมหนึ่ง ลูกน้องธามวิ่งหนีไปได้ ในขณะที่พ่อค้าถูกรวบตัวพร้อมของกลาง
สุ่ยทั้งแปลกใจและตกใจ
"ทำไมล่ะอาหยา"
"หยายืดการแต่งงานออกไปไม่ได้จริงๆค่ะ ต้องขอโทษคุณสุ่ยด้วยที่เพิ่งมาบอก" ย่าหยาว่า
"ไม่ใช่เรื่องช้าหรือเร็ว ที่อั๊วสงสัยคือลื้อแต่งงานกับเสี่ยเล้งทำไม ลื้อรักกับเฮียกระทิงไม่ใช่เหรอ"
ย่าหยาพูดไม่ออก "หยา"
"ไม่ใช่เรื่องเงินใช่มั้ย เพราะเฮียธามฐานะไม่ได้ด้อยกว่าเสี่ยเล้ง การศึกษาก็ดีกว่า หนุ่มกว่า หล่อกว่า อั๊วมองไม่เห็นเหตุผลที่ลื้อจะเลือกเสี่ยเล้งเลยจริงๆ"
"หยาจำเป็น"
"ลื้อรักอาธามรึเปล่า อั๊วถามตรงๆ"
ย่าหยานิ่งและหน้าสลดไป
"อั๊วตอบแทนได้เลยแจ้ สองคนนี้รักกันสุดหัวใจ" หยกมณีว่า
"ไม่รู้ว่าเหตุผลของลื้อคืออะไร แต่ในฐานะพี่สาวคนหนึ่ง อั๊วอยากจะบอกลื้อว่า ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ โดยเฉพาะรักที่เกิดจากเรารักเขาแล้วเขาก็ รักเราอั๊วใช้ชีวิตค่อนชีวิตอยู่กินกับผู้ชายที่อั๊วไม่ได้รัก มันขมขื่น อั๊วไม่อยากให้ลื้อเป็นแบบอั๊ว" สุ่ยบอก
"แจ้กับอาอันรักกันมาก แต่มีอันต้องจากกันไปไกล ตอนนั้นแจ้เสียใจแทบไม่เป็นผู้เป็นคน จนวันนี้อีกลับมาขอแจ้แต่งงาน แจ้ตอบตกลงทันที ความเจ็บปวดที่ผ่านมาสอนให้แจ้รู้ว่า อย่ารีรอที่จะมีความสุขกับคนที่เรารักเขา และเขาก็รักเรา"
"คนเราเกิดหนเดียวตายหนเดียวนะอาหยา ลื้อทำอะไรมีเหตุผลเพื่อคนอื่นทุกครั้ง ถ้าจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างสักครั้งมันผิดมากมั้ย ลื้อถามใจตัวเองดู"
ย่าหยาคิดหนัก
จิวสวมชุดพรางตัวพรางหน้าลัดเลาะมาตามตัวตึก สักครู่ก็เงยหน้าขึ้นดูที่ระเบียงชั้นบน ในมือจิวหิ้วถุงผ้าด้ายดิบใส่ทองรูปพรรณมา จิวยื่นมือมายึดราวระเบียงแล้วโยนถุงทองลอยข้ามราวระเบียงมา ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นแล้วเทคตัวข้ามราวระเบียงมายืนด้านใน
ทันใดนั้นลูกน้องเล้งก็ถือปืนมาจ่อที่หลังจิว จิวชะงักกึกก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้ แต่เพียงเสี้ยววินาที จิวก็พลิกตัวเอาสันมือฟาดใส่คนที่จ่อปืนอยู่ด้านหลังแต่คนที่อยู่ด้านหลังไวกว่าสามารถคว้ามือจิวไว้ได้ทัน โดยคนที่ยืนอยู่ด้านหลังจิวก็คือ เฉียง นั่นเอง
จิวพูดเบาๆ "อาเฉียง"
"เข้าไปตอนนี้ไม่ได้ ลูกน้องมันยังไม่กลับ ลื้อต้องรอ"
จิวพยักหน้า เมื่อมองเข้าไปในส่วนที่ทำทองก็เห็นคนงานของเล้งยังคงทำงาน บางคนเดินไปเดินมา
เฉียงกับจิวเร้นกายรออยู่ในความมืด
โบตั๋นยกถาดใส่จานและถ้วยกับข้าวเข้ามาจัดวางบนโต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เธอขยับถ้วยกับข้าวจัดมุมให้ดูดีก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วก็วิ่งจากไป
สักครู่โบตั๋นก็กลับเข้ามาพร้อมดอกไม้ในมือ เธอใส่ดอกไม้ในแก้วน้ำที่อยู่วางบนโต๊ะ โบตั๋นนั่งมองของทุกอย่างบนโต๊ะอย่างภาคภูมิใจก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกา หน้าปัดนาฬิกาบอกเวลา 19.15 น.
นาฬิกาข้อมือของจิวบอกเวลา 20.45 น. เฉียงเป็นคนพลิกนาฬิกาเรือนนั้นดู เฉียงพยักหน้า ให้สัญญานจิวว่าเข้าไปได้แล้ว จิวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะย่องตามเฉียงเข้าไป ลูกน้องเล้ง5-6 คนทยอยเก็บงานและเครื่องมือก่อนจะเดินผ่านเฉียงกับจิวซึ่งแอบอยู่มุมหนึ่งไปจนหมด
"เดี๋ยวจะมียามขึ้นมาเฝ้าบนนี้ 3คน เร็วเข้า" เฉียงบอก
"เอาไว้ที่ไหนดี" จิวถาม
"ใต้โต๊ะไอ้เล้งก็แล้วกัน ไม่ค่อยมีใครเดินไปทางนั้น"
จิวแบกถุงทองปลอมไปยัดไว้ใต้โต๊ะเล้ง เสียงมือปืน 3 คนเดินขึ้นบันไดคุยกันมา เฉียงกับจิวหันมามองหน้ากัน
"มันขึ้นบันไดทางนี้แล้วเราจะกลับออกไปที่ระเบียงได้ยังไง ไปลงทางนั้นได้มั้ย" จิวบอก
"ขืนลงไป ลื้อก็ต้องเจอกับพวกที่อยู่ข้างล่างอีกเป็นสิบ" เฉียงว่า
"แล้วจะทำยังไงวะ"
จิวหันมามองหน้าเฉียงแล้วก็เหงื่อแตกเพราะเสียงคุยใกล้เข้ามาทุกที มือปืน 3 คนเดินเข้ามา แต่เฉียงกับจิวไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่ยืนเมื่อครู่นี้แล้ว
"เสร็จงานที่ภูเก็ตแล้วอั๊วว่าจะวางมือ อยากไปทำอย่างอื่นจะได้อยู่กับลูกเมียมั่ง"
มือปืนอีกคนหยิบปืนออกมาเช็ค "อย่าพูดให้เสี่ยได้ยินล่ะ ลื้อโดนยิงไส้แตกแน่"
ระหว่างที่คุยกัน มือปืนทั้งหมดเดินมายืนบ้างนั่งบ้างที่โต๊ะตัวหนึ่ง เฉียงกับจิวหมอบอยู่ใต้โต๊ะตัวนั้น เฉียงสบตาจิวแล้วก็พยักหน้า ทั้งคู่ค่อยๆ คลานออกมาจากใต้โต๊ะ มือปืนยืนและนั่งหันหลังให้ เฉียงกับจิวคลานออกมาอย่างใจเย็นแล้วทั้งคู่ก็ชะงักกึก เหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้ยินเสียงตะคอก
"เฮ้ย หยุด"
มือปืนคนหนึ่งเดินมาดึงบุหรี่ออกจากปากมือปืนอีกคนอย่างยัวะ
"ใครให้ลื้อสูบบุหรี่ในนี้วะ เกิดไฟไหม้ขึ้นมา เดี๋ยวได้ถูกลากไปเผากันหมดนี่หรอก"
เฉียงกับจิวถอนใจเฮือก เมื่อเห็นว่าทั้ง3คนไม่ได้สนใจตนเองจึงรีบคลานออกมาอย่างว่องไว
เฉียงเปิดประตูเข้ามาในบ้าน แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นโบตั๋นหลับฟุบไปกับโต๊ะโดยที่อาหาร
จาน ชาม ช้อนและดอกไม้ยังวางอยู่เหมือนเดิม เฉียงรู้สึกผิดรีบเข้ามาปลุกโบตั๋น เขาแตะที่แขนโบตั๋นอย่างแผ่วเบา
"โบตั๋น โบตั๋น"
โบตั๋นขยับตัวแล้วลืมตาขึ้นมา "อาเฉียง"
"ผม ขอโทษ ผมติดงานสำคัญ คุณ กินข้าวรึยัง"
"ยังเลยค่ะ ฉันรอคุณอยู่"
เฉียงรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีก "ไม่น่ารอเลย"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปติดเตาอุ่นกับข้าวให้นะ"
โบตั๋นจะยกจาน ชามกับข้าวออกไป
"อย่าเลย ดึกแล้ว ผมกินได้ แต่ถ้าคุณอยากกินร้อนๆ ผมอุ่นให้เอง มา"
"ไม่ต้องค่ะ ฉันกินได้" โบตั๋นตักข้าวใส่จาน "ตอนอยู่หอพัก ฉันกินข้าวกับกับเย็นๆ ชืดๆบ่อยๆ"
"ทำไมล่ะครับ"
โบตั๋นหน้าสลดนิดหนึ่ง "เฮียติดงาน มากินด้วยไม่ได้ค่ะ"
เฉียงปลอบใจ "ไม่เป็นไรนะ กินกันเถอะ"
ทั้งคู่ตักข้าวกิน โบตั๋นทนไม่ไหว
"อุ่นเถอะค่ะ มันไม่อร่อยแล้ว"
โบตั๋นจะยกถ้วยกับข้าวออกไป
เฉียงรีบห้ามไว้ "อร่อยมากครับ" เฉียงวางกับข้าวลง "บางครั้งความอร่อยมันก็ไม่ได้อยู่ที่รสชาติ แต่อยู่ที่ความตั้งใจ ความใส่ใจของคุณทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยมาก ผมจะจำไปจนวันตายว่าเคยได้กินอาหารอร่อยอย่างนี้"
เฉียงกินข้าวโชว์อย่างเอร็ดอร่อยจริงๆ
โบตั๋นยิ้มปลื้มน้ำตาคลอ "ขอบคุณนะคะอาเฉียง ที่กลับมากินข้าวกับฉันตามสัญญา"
เฉียงส่งยิ้มอบอุ่นให้โบตั๋นซึ่งเป็นยิ้มที่เธอไขว่คว้าอยากได้มานาน แต่ไม่เคยได้จากใครอีกคนเลยสักครั้ง
ซินแสง้วงเดินมาปิดประตูที่หอสวดมนต์ แล้วเหลือบเห็นธามนั่งนิ่งอยู่หน้าองค์พระและเทพต่างๆ
ง้วงเดินมาหา "ดึกแล้วนะอาธาม ยังไม่กลับอีกเหรอ"
"ขอผมนั่งตั้งสติอีกสักพักนะครับซินแส" ธามว่า
"ทุกข์ใจเรื่องอะไร" ง้วงถาม
"เรื่อง งานครับ"
"ทุกข์จากงานทำให้เราคิดหนักจนไม่มีเวลานอน ทุกข์จากความรักทำให้เราคิดหนักจนไม่อยากนอน ลื้อแบกทุกข์สองอย่างไว้คนเดียวไม่ได้หรอกนะอาธาม"
"ผม กำลังคิดครับว่า ถึงเวลาที่ต้องตัดบางสิ่งบางอย่างออกไปจากชีวิต"
ง้วงพยักหน้า "ลื้อรู้ผิดชอบชั่วดี ลื้อทำได้อาธาม"
ง้วงพูดจบก็เดินออกไปเงียบๆ ธามคิดถึงสิ่งที่เขาต้องตัดออกไปจากชีวิต ตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่สนามบิน ตอนที่วิ่งตามกัน ตอนที่อยู่ด้วยกันที่โต๊ะบิลเลียด ตอนที่ธามยัวะแล้วจูบย่าหยา ตอนที่อยู่กลางสายฝน ตอนที่ธามเห็นย่าหยาในชุดแต่งงาน
ย่าหยานั่งหน้านิ่งที่กระจกโต๊ะเครื่องแป้งในมือมีนาฬิกาที่ชลธีให้ไว้ เธอวคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ตอนที่จันทร์ชมพูเจอชลธีครั้งแรก ตอนที่ย่าหยาเจอธามครั้งแรก ตอนที่ชลธีแนะนำตัวกับจันทร์ชมพู ตอนที่ธามดึงย่าหยาผ่านย่านโลกีย์ ตอนที่ชลธีวิ่งไล่จันทร์ชมพูที่ทะเล ตอนที่ธามให้ย่าหยาหนี ตอนที่ชลธีเต้นรำกับจันทร์ชมพู ตอนที่ธามเต้นรำกับย่าหยา ตอนที่ชลธีส่งจ.ม.บอกรัก ตอนที่ธามบอกว่าฉันรักเธอ
ย่าหยาทั้งเครียดทั้งสับสน
เสียงสุ่ยในอดีตดังก้องในหัว "คนเราเกิดหนเดียวตายหนเดียวนะอาหยา ลื้อทำอะไรมีเหตุผลเพื่อคนอื่นทุกครั้ง ถ้าจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างสักครั้ง มันผิดมากมั้ย ลองถามใจตัวเองดู"
ย่าหยาจับสร้อยนาฬิกาที่อยู่ในมือแน่นเหมือนตัดสินใจว่าจะทำอะไรบางอย่าง
ธามนั่งอยู่หน้าองค์พระและเทพต่างๆเหมือนเดิม เขานั่งอยู่ท่ามกลางแสงเทียนมะลังมะเลือง โดยที่บรรยากาศรอบตัวมืดมิด เวลาผ่านไปจนถึงยามเช้าที่บรรยากาศรอบตัวสว่างสดใส ธามก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและท่าเดิม
ง้วงเดินกวาดเศษใบไม้ที่ลานด้านหน้าหอสวดมนต์แล้วหันมาเห็นธามจึงหยุดมองที่ประตู สักครู่ธามสูดหายใจลึกเหมือนตัดใจจากอะไรบางอย่างได้ก่อนจะลุกเดินออกไป ง้วงมองตามธามไป
ธามเดินหน้านิ่ง สมองหนักอึ้งเพราะไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาทั้งคืน
ในขณะเดียวกัน ย่าหยาที่ถึงจะอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็มีแววตาหม่นหมองเพราะอดหลับอดนอนมาทั้งคืนเหมือนกัน
ทั้งคู่ต่างมุ่งมั่นเดินไปสู่หนทางของตัวเอง ธามต้องตัดใจจากย่าหยา ในขณะที่ย่าหยามุ่งไปหาคำตอบเพื่อจะทำอย่างที่ใจต้องการ ทั้งคู่วนเวียนอยู่กับความคิดตัวเองจนมองไม่เห็นแม้จะเดินสวนกัน
ง้วงกวาดลานหน้าศาลเจ้าที่เดิม ย่าหยาเดินเข้าเฟรมมองหาง้วง เมื่อหันมาเห็นจึงรีบจ้ำเข้ามาหา
ย่าหยายกมือไหว้ "สวัสดีค่ะซินแส"
"มาแต่เช้าเลยนะอาหยา มีเรื่องร้อนใจมาใช่มั้ย"
"ซินแสรู้"
"ก็หน้าลื้อมันบอกว่า ลื้อไม่สบายใจ"
ย่าหยาคิดนิดนึงก่อนจะเอ่ยปากถาม "พี่ธี จะกลับมามั้ยคะซินแส"
"อีตายไปแล้ว" ง้วงบอก
"พี่ธีไม่มีวันกลับมาหาหยาใช่มั้ยคะ"
"คนตายไปแล้ว ยังไงก็ไม่กลับมา ทำใจสักทีอาหยา ลืมอดีต แล้วอยู่กับความจริง"
ย่าหยาค่อยๆหันหลังให้ซินแสแล้วมุ่งหน้าไปที่หอสวดมนต์อย่างเลื่อนลอย เธอใจหายที่รู้ว่าหมดโอกาสจะขอโทษชลธี
ส่วนอีกใจก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโล่งอกเพราะถ้าชลธียังอยู่เธอคงคิดถึงใครอีกคนไม่ได้เลย เนื่องจากแค่คิดก็ผิดแล้ว
เล้งลงนั่งที่เก้าอี้
"มีอะไรให้รับใช้ก็ว่ามา ผู้กอง" เล้งว่า
ชานนท์นั่งที่โซฟาอยู่ข้างๆ ลูกน้อง 2 คน เฉียง เกี๊ยง และฮกยืนดูอยู่ใกล้ๆ
"ผมมาขอข้อมูลบางอย่างครับเสี่ย" ชานนท์หันไปพยักหน้ากับลูกน้อง
จ่ายื่นถุงกำมะหยี่สีแดงให้ชานนท์ ชานนท์หยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมา
"สร้อยเส้นนี้มาจากร้านทองเล่งเฮงของเสี่ยรึเปล่าครับ"
เล้งหยิบสร้อยมาดูแล้วพลิกดูโลโก้ "ใช่"
ชานนท์หยิบทองแท่งอีกอันออกมาจากถุง
"แล้วทองแท่งนี่ล่ะครับ" ชานนท์ยื่นให้เล้ง
เล้งรับมาดู "ใช่ มีอะไร หรือว่าลื้อตามจับไอ้พวกที่ปล้นทองร้านอั๊วได้แล้ว"
"ไม่ใช่ครับเสี่ย ช่วงนี้ทองปลอมระบาด เราส่งตำรวจไปล่อซื้อของปลอมพวกนี้มาแล้วพบว่า ทั้งหมดมาจากร้านเสี่ยครับ"
"ลื้อว่าอะไรนะ"
ชานนท์โชว์หมายค้นให้เล้งดู "ขออนุญาตค้นโรงงานทองเล่งเฮงของเสี่ยด้วยครับ"
เฉียงแอบยิ้มที่มุมปาก ในขณะที่เกี๊ยงกับฮกหันมามองหน้ากันงงๆ เล้งรู้สึกเหมือนถูกชกจนเลือดกบปาก
ย่าหยานั่งหน้าองค์พระและเทพต่างๆ อยู่ในศาลเจ้า
"ไม่ว่าพี่ธีจะอยู่ที่ไหน โปรดรับรู้ไว้นะคะว่าจันทร์เสียใจ จันทร์อยากขอโทษอยากชดใช้ความผิดที่จันทร์ทำไว้กับพี่ธี แต่ จันทร์ก็" ย่าหยากลืนก้อนสะอื้นลงคอ "ไม่มีโอกาสแล้ว จันทร์ชดใช้ให้พี่ธีชาตินี้ไม่ได้ จันทร์ขอตามไปชดใช้ในชาติหน้านะคะ" ย่าหยานิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะรวบรวมความกล้า "ส่วนเรื่องคุณธาม จันทร์" ย่าหยาน้ำตาไหล
"ในชีวิตนี้ จันทร์ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจันทร์จะรักใครได้อีก จันทร์พยายามแล้ว พยายามที่จะหนีเขา พยายามที่จะไม่รักเขา แต่จันทร์" ย่าหยาสะอื้นฮักๆ เพราะพูดไม่ออกว่าทำไม่ได้ "จันทร์อยากจะขออนุญาตนะคะพี่ธี อนุญาตให้จันทร์ รักเขานะคะ"
ไม่มีเสียงตอบรับใดใดจากสวรรค์ นอกจากเสียงสะอื้นไห้ของเธอ
เล้งเดินนำทุกคนเข้ามาในโรงงาน
"อยากจะค้นตรงไหนก็เชิญ แต่ถ้าค้นแล้วไม่พบอะไรผิดกฎหมาย อั๊วจะฟ้องพวกลื้อกลับ โทษฐานที่ทำให้อั๊วเสียเวลา เสียชื่อเสียง"
ชานนท์หันมาพยักหน้าให้ลูกน้อง แล้วเขาก็ไปค้นตามจุดต่างๆ เฉียงยืนลุ้น ในขณะที่เล้งยืนกอดอกดูตำรวจทำงานอย่างสบายใจเพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด ลูกน้องชานนท์ลื้อค้นตามจุดต่างๆที่ช่างทองนั่งทำงานแต่ก็ไม่เจอหลักฐานอะไร
เล้งพูดกับชานนท์ "ก่อนออกหมายค้นทำไมไม่ปรึกษานายลื้อก่อน จะได้มีคนเตือนสติว่า อย่าเล่นกับอั๊ว"
"จ่ายอด ไปดูที่โต๊ะนั่นหน่อยไป"
เฉียงทำเป็นเดือดร้อนแทน "นั่นโต๊ะทำงานเสี่ย ไม่มีใครกล้าเข้าไปหรอกครับผู้กอง นอกจากเสี่ยคนเดียว"
"ให้เขาเข้าไป แต่ถ้าของอั๊วหาย อั๊วประกาศลงหนังสือพิมพ์เลยนะว่า พวกลื้อขโมยของอั๊ว"
ชานนท์ไม่สนใจคำขู่ของเล้ง เขาพยักหน้าให้ลูกน้องเข้าไปค้นที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ที่มุมหนึ่ง
เกี๊ยงพูดลอยๆใส่หูชานนท์ "อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องใส่ตัว"
"อยากย้ายเข้ากรม หรือ ย้ายไปอยู่สน.อื่น เลือกเอา" เล้งว่า
เกี๊ยงหัวเราะเย้ยเสียงดังประจบนาย
จ่ายอดชูถุงใส่ทองขึ้นมา "เจอแล้วครับผู้กอง"
เล้งกับเกี๊ยงชะงักกึกเพราะหัวเราะไม่ออก จ่ายอดส่งถุงทองยื่นให้ชานนท์ ชานนท์เปิดถุงออกดู เห็นทองแท่งและทองรูปพรรณอยู่เต็มถุง เขาหยิบทองแท่งขึ้นมาดูตราประทับ
"ตราประทับเล่งเฮง เชิญเสี่ยไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ"
เล้งคว้าทองในมือชานนท์มาดู เล้งเห็นตราประทับเล่งเฮงแล้วก็อึ้งว่าเป็นไปได้ยังไง
ธามรีบกินข้าวต้ม ยกน้ำดื่ม แล้วหางตาก็เหลือบเห็นมือยื่นเสื้อสูทที่พาดไว้ที่เก้าอี้ให้
ธามดึงเสื้อมาสวม "ทำไมมาช้า อาจิว" จิวเงียบ "ผู้กองส่งข่าวมารึยัง"
ธามเห็นจิวยังนิ่งเงียบเลยหันมา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าคนที่ยืนตรงหน้าไม่ใช่จิว แต่เป็น ย่าหยา
ธามอึ้งที่คิดว่าจะตัดใจจากย่าหยา แต่พอเห็นหน้าแล้วเขาก็รู้สึกว่าความตั้งใจหดหายไปไหนหมดนะ
"มาแจกการ์ดเหรอ" ธามถาม
ธามเห็นย่าหยายืนนิ่งเลยเดินเลี่ยงออกมาโดยไม่อยากสบตาหญิงสาว เขาท่องในใจว่าตัดใจๆ
"เอาวางไว้บนโต๊ะนั่นล่ะ ช่วงนี้งานฉันยุ่ง คงไม่ได้ไปร่วมงาน"
ต่างคนต่างนิ่ง แล้วหันหน้ากันไปคนละทาง
"มีธุระอะไรอีกมั้ย" ธามถาม
ย่าหยาสูดลมหายใจลึกคิดในใจว่าเป็นไงเป็นกัน ก่อนจะหันมาหาธาม
"ฉันมาเพื่อจะบอกคุณว่า ฉัน" ย่าหยายังไม่กล้าเปิดใจ "ฉันไม่ได้มาแจกการ์ด"
"แล้วมาเพื่อ"
"ฉันเป็นอิสระแล้ว"
"อิสระ จากใคร เสี่ยเล้ง" ธามใจพองขึ้นมา "เธอยกเลิกงานแต่งกับมันงั้นเหรอ"
ย่าหยาส่ายหน้า หน้าที่เหมือนจะมีรอยยิ้มขึ้นมานิดๆของธามเปลี่ยนเป็นขมึงเกลียวขึ้นมาทันที
"แล้วเธอเป็นอิสระจากใคร มาหาฉันทำไม อยากทดสอบอะไรฉันอีก หรือแค่มาดูว่าฉันเจ็บใกล้ตายรึยัง ทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไรกันแน่ ย่าหยา"
ย่าหยาปากคอสั่น "ฉันไม่ได้ต้องการอะไร ฉันแค่อยากจะบอกคุณว่าฉัน" ย่าหยาอยากพูดว่ารักคุณ
ยังไม่ทันหลุดคำนั้น จิวก็โผล่เข้ามารายงานธามขัดจังหวะ
"เฮีย ผู้กองเชิญเฮียไปที่โรงพัก เสี่ยเล้งไปรอที่นั่นแล้ว"
ธามหันมามองย่าหยาแวบเดียวก่อนจะเดินนำจิวออกไป
ย่าหยาพึมพำแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ "ฉันรักคุณ คุณธาม”
ธามเดินเข้ามาในโรงพักพร้อมจิว เล้ง เฉียง และเกี๊ยงนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง
ธามทำเนียนเหมือนไม่รู้เรื่อง "เสี่ย ผู้กอง อาจิวบอกว่าผู้กองเชิญผมมาที่นี่"
"ครับ ผมอยากรบกวนให้คุณธามช่วยตรวจสอบทองทั้งหมดนี่หน่อยครับว่าเป็นทองแท้รึเปล่า"
ธามเดินมาดูทองของกลางที่วางเรียงรายบนโต๊ะ โดยที่แต่ละแท่งแต่ละเส้นถูกลนความร้อนและถูกตัดมาแล้ว
"เราให้ช่างพิสูจน์และตัดดูด้านในแล้ว แต่อยากได้ความเห็นจากคนที่ทำธุรกิจนี้ชี้ชัดอีกที"
ธามกวาดตามองทองทั้งหมด "ดูตาเปล่าก็รู้ครับว่า ทั้งหมดนี่ปลอมแน่นอน ลองถามความเห็นเสี่ยเล้งดูก็ได้ เสี่ยจับทองมาพร้อมๆกับป๊าผม เสี่ยรู้ดีว่าทองพวกนี้ปลอม จริงมั้ยครับ ว่าแต่ผู้กองได้มาจากไหน"
"เราส่งสายไปซื้อในตลาดมืด แล้วก็เข้าไปค้นเจอของกลางในโรงงานเล่งเฮง"
ธามทำเป็นตกใจ "อะไรนะครับ"
เล้งโกรธจนเส้นเลือดปูด "อั๊วถูกใส่ร้าย ต้องมีใครสักคนต้องการให้อั๊วเสียชื่อเสียง แอบขโมยตราร้านอั๊วออกมา"
"แต่ของกลางส่วนหนึ่งมันอยู่ที่โรงงานเสี่ย ยังไงเสี่ยก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย คดีนี้ เป็นทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งนะครับ"
"อั๊วเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ถ้าลื้อจะยัดข้อหาให้อั๊ว ลื้อก็ไปหาหลักฐานมา" เล้งว่า
"เป็นไปได้มั้ยครับที่เสี่ยเล้งจะถูกใส่ร้ายเหมือนกับที่พ่อผมเคยโดน" ธามพูดกับเล้ง "เสี่ยจำเรื่องที่คนชั่วๆมันใส่ ร้ายป๊าผมว่าทำทองปลอมขายเมื่อ 7ปีที่แล้วได้ใช่มั้ยครับ"
ธามจ้องเล้งเขม็ง ในขณะที่เล้งขยับตัวอย่างอึดอัด
เล้งเดินกระแทกเท้าตึงๆ มากับเกี๊ยงและฮก
"ใครที่มันใส่ร้ายอั๊ว" เล้งโกรธ
"หรือจะเป็นอาธาม นายใหญ่" เกี๊ยงว่า
"อีอาจจะรู้ว่าเสี่ยเคยใช้วิธีนี้กับอาปาอี อีเลยเอาคืน" ฮกว่า
"อั๊วเกลียดสายตา เกลียดรอยยิ้มของมัน มันมีเงาของป๊ามันอยู่ในนั้น" เล้งบอก
"ต้องสั่งสอนมันให้รู้สำนึกนะนายใหญ่"
"อั๊วไม่ปล่อยไว้แน่" เล้งพูดกับเกี๊ยง "ลื้อไปตามอาอิกมาพบอั๊วที่บ้าน มีอั๊วต้องไม่มีมัน"
เกี๊ยงพยักหน้ารับคำแล้วเดินออกไปโดยผ่านหน้าธามที่เดินออกมาจากโรงพัก เล้งสบถพร้อมกัดฟันกรอดอย่างแค้นแล้วทุกอย่างก็มลายหายไปสิ้น เมื่อหันมาเห็นย่าหยาเดินเข้ามา
"ฉันได้ยินว่าคุณมาที่นี่ ข่าวเรื่องทองปลอม ไม่จริงใช่มั้ยคะ"
เล้งถอนใจยาวก่อนจะหันมาสั่งฮก "อั๊วจะคุยกับอาหยาตามลำพัง"
ฮกก้มหน้ารับคำสั่ง เล้งพาย่าหยาเดินไป ธามยืนมอง
เล้งเดินเคียงคู่ย่าหยามาตามถนนอันสวยงาม
"ฉันอยากรู้ความจริงจากปากเสี่ยค่ะ" ย่าหยาบอก
"ฉันยอมรับว่าฉันไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา ที่ผ่านมา ทำชั่วมาก็เยอะ แต่เรื่องทองปลอมครั้งนี้ฉันยืนยัน ฉันไม่ได้ทำ" เล้งว่า
"ไม่ได้ทำครั้งนี้ แต่ครั้งอื่นทำรึเปล่าคะ"
เล้งสะอึกแต่ก็เฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
"บางครั้งความจำเป็นก็บังคับให้เราทำอะไรหลายๆอย่างในชีวิต"
"ความจำเป็น หรือความอยากได้ที่เกินความจำเป็นคะ"
"จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ มันทำให้ฉันเป็นเสี่ยเล้ง ไม่ใช่ไอ้เล้งที่ไม่มีที่ซุกหัวนอนเหมือนเมื่อสามสิบปีก่อน ชีวิตที่ไม่มีจะกินสอนให้ฉันรู้ว่าเงินสำคัญที่สุด เงินซื้อได้ทุกอย่าง บ้าน รถ อำนาจ บารมี ลูกน้อง เพื่อน"
"เงินซื้อความรัก ความจริงใจไม่ได้ค่ะ"
"ฉันรู้ ฉันถึงแลกความรักความจริงใจจากเธอ ด้วยความรักความจริงใจทั้งหมดที่ฉันมี อาหยา"
"ฉันเชื่อเสี่ยค่ะ"
ทั้งคู่เดินผ่านอาแปะขายน้ำตาลปั้น ย่าหยาเดินมองจนเหลียวหลัง
เล้งหันมาถาม "อยากได้ใช่มั้ย"
"เห็นแล้วคิดถึงพ่อ ตอนเด็กๆพ่อชอบซื้อให้ฉันกินบ่อยๆ"
"ฉันไปซื้อให้"
"ขอเป็นนกตัวโตๆนะคะ"
เล้งยิ้มเอ็นดูย่าหยาแล้วผละออกมา ย่าหยาหุบยิ้มแล้วกวาดตามองรอบบริเวณก็เห็นทุกอย่างสงบนิ่ง ไร้ผู้คน ย่าหยาหลบเข้าพุ่มไม้แล้วดึงปืนที่เหน็บไว้กับสายรัดที่ต้นขาออกมาเล็งไปที่เล้ง
เล้งเดินอารมณ์ดีตรงมาหาอาแปะ ย่าหยาพุ่งเป้าไปที่หัวเล้ง มือใครบางคนถือปืนมาจากอีกมุม ย่าหยาเหนี่ยวไก มือใครคนนั้นเหนี่ยวไก
เสียงปืนลั่นสองนัดติดกัน ปืนในมือย่าหยาสะบัดเพราะแรงกระแทกของกระสุนที่ยิงมาจากใครบางคน เล้งหันมามองย่าหยา ย่าหยาม้วนตัวหลบเล้งแล้วหันไปมองคนที่ยิงใส่ปืนเธอ แล้วเธอก็แทบผงะเมื่อพบว่าคนคนนั้นคือธามที่กำลังลดปืนในมือลง ธามมองย่าหยาแวบเดียวแล้ววิ่งหนีไป ย่าหยารีบเก็บปืน ในจังหวะที่เล้งมาถึงตัวอย่างฉิวเฉียด
"อาหยา เจ็บตรงไหนรึเปล่า"
"ไม่ค่ะ" ย่าหยาเบนความสนใจ "ฉันเห็นคนที่ยิงคุณด้วย ผู้ชายค่ะ ฉันเห็นหลังเขาไวไว"
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 9 (ต่อ)
เล้งแค้นจัดจนเส้นเลือดปูด
"ต้องเป็นมันแน่ๆ ไม่มีใครกล้าล้วงคออั๊วนอกจากมัน" เล้งโกรธจัด
"แล้วคุณหยาล่ะนายใหญ่"
"อีปลอดภัย มันไม่ทำอะไรอาหยาเพราะมันรักอี ที่มันตามเก็บอั๊วเพราะมันแค้นที่อาหยาจะแต่งงานกับอั๊ว จริงมั้ยอาเฉียง"
"เรื่องอาหยาอั๊วไม่รู้จริงๆ ก่อนที่เฮียจะไล่อั๊วออกจากแก๊ง เฮียยังอยู่กับโบตั๋น"
"มันรักอาหยา แต่ไม่มีวันที่มันจะได้ผู้หญิงคนนี้ไป ถึงคราวที่ลูกชายลื้อต้องเป็นฝ่ายสูญเสียบ้างแล้วอาเช็ง"
"ผมต้องทำอะไรบ้างครับเสี่ย" อิกถาม
"ขนลูกน้องลื้อมาจัดการมันที่งานแถลงข่าวที่สมาคม อั๊วต้องการให้มันตาย" เล้งบอกกับเฉียง "ถึงเวลาที่ลื้อต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งแล้วอาเฉียง"
เฉียงพยักหน้ารับคำอย่างแข็งขันแต่แววตาเต็มไปด้วยความกดดัน
เฉียงสวมเสื้อตัวใหม่แล้วลงนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะโหลดกระสุนใส่รังเพลิง โบตั๋นขยับเข้ามา
"คุณจะจัดการเฮียตามที่มันสั่งอย่างนั้นเหรอ"
"ไม่ ให้ผมตายซะดีกว่าที่จะต้องเป็นคนทำร้ายเฮีย" เฉียงบอก
"ถ้าคุณไม่ทำ มันก็คง ฆ่าคุณ"
"ถึงเวลานั้น ผมคงเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าผมไม่กลับมา"
โบตั๋นใจหายวาบ "อาเฉียง"
"ผมจะไม่อ้อมค้อม ฟังนะโบตั๋น คุณเตรียมเก็บข้าวของที่จำเป็นไว้ ถ้าผมไม่กลับมา คุณต้องหนีเอาตัวรอด คุณต้องไปหาเฮีย"
"แต่ คุณจะกลับมาหาฉันใช่มั้ย"
"ใจผมอยู่กับคุณ ถ้าไม่ตาย ยังไงผมก็ต้องกลับมา"
โบตั๋นน้ำตาคลอโผเข้ากอดเฉียงแน่น สักครู่เหมือนนึกอะไรได้จึงรีบผละออกมา โบตั๋นดึงเหรียญโลหะที่ร้อยด้วยเชือกสีดำออกจากคอ
"องค์เอี๊ยะซือฮุก พระภษัชยพุทธเจ้า อากู๋ให้ฉันไว้ตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นฉันเป็นไข้ไม่สบายเกือบตายหลายครั้ง แถมเกิดอุบัติเหตุแทบไม่รอดก็หลายหน แต่ก็แคล้วคลาดมาได้ทุกครั้งเพราะพระองค์นี้ ฉันให้คุณไว้ป้องกันตัวนะ" โบตั๋นสวมคอให้เฉียง
เฉียงซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวอย่างมาก
"ขอบคุณครับ"
โบตั๋นเอามือสองข้างแตะที่แก้มชายหนุ่ม
"องค์เอี๊ยะซือฮุกจะคุ้มครองให้คุณปลอดภัย"
เฉียงพยักหน้าอย่างเปี่ยมไปด้วยพลังใจ ทั้งคู่โผเข้ากอดกันอีกครั้ง
เฉียงกับโบตั๋นเดินเคียงกันมาตามทางเดินข้างตึก
เล้งที่สวมชุดใหม่ รวมทั้ง อิก เกี๊ยง และฮกเดินออกมาจากด้านใน
"ฉันส่งแค่นี้นะ ไม่อยากเจอคนที่มันชอบชี้เป็นชี้ตายคนอื่น" โบตั๋นบอก
เฉียงพยักหน้าแล้วเดินออกไปสมทบกลุ่มเล้ง อิก และเกี๊ยง
เล้งสั่งเฉียง "ไปเอารถมา อาเฉียง"
เฉียงพยักหน้าแล้วเดินออกไป โบตั๋นกำลังจะเดินกลับไปที่บ้านพักแต่แล้วก็ชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเล้ง
เล้งพูดกับอิก "เก็บอาธามแล้วก็เก็บลูกน้องมันด้วย"
"อาเฉียงหรือครับ" อิกถาม
"นายมันตาย ลูกน้องมันก็หมดประโยชน์" เล้งว่า
"ครับเสี่ย"
โบตั๋นหูอื้อ ตาลาย และใจสั่นที่ชีวิตของผู้ชายที่เธอรักและนับถือสองคนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
โบตั๋นวิ่งตรงไปที่ภัตตาคารฉั่วเทียนเหลา โบตั๋นวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ย่าหยาเดินขึ้นบันไดจากซอยด้านข้างหันมาเห็นโบตั๋นวิ่งหน้าซีดหอบแฮ่กเข้ามา
"วิ่งหนีใครมาพี่โบตั๋น" ย่าหยาถาม
"ไม่ใช่เรื่องของเธอ" โบตั๋นวิ่งผ่านไป แต่แล้วก็ชะงักวิ่งกลับมาหาย่าหยา "มันเกี่ยวกับเธอโดยตรงเหมือนกัน"
พูดจบโบตั๋นก็ลากย่าหยาให้วิ่งตามเข้าไปในฉั่วเทียนเหลาอย่างงงๆ
สุ่ยถลาเข้ามาด้วยอาการตกใจสุดขีด
"อ๊ายหยา เรื่องใหญ่เลยนะเนี่ย"
โบตั๋นกระสับกระส่ายไปมา ในขณะที่ย่าหยายืนนิ่งแต่ในใจทั้งแค้นเล้งและเป็นห่วงธาม
"เราจะทำยังไงกันดีแจ้ อั๊วไปแจ้งความก่อนแล้วกันนะ"
โบตั๋นจะวิ่งออกไป สุ่ยคว้ามือโบตั๋นไว้
"เดี๋ยว ใจเย็นๆ ลื้อจะไปแจ้งความกับใคร พวกตำรวจใหญ่ๆน่ะเพื่อนเสี่ยเล้งทั้งนั้น ดีไม่ดีลื้อโดนปิดปากก่อนเฮียกระทิงกับอาเฉียงด้วยซ้ำ"
โบตั๋นแทบจะร้องไห้ "แล้วจะทำยังไงล่ะแจ้ จะปล่อยให้คนดีๆตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นเหรอ”"โทรไปเตือนเฮียก่อน"
สุ่ยรีบหมุนโทรศัพท์หาธาม โบตั๋นถลามาเกาะขอบโต๊ะลุ้นแต่หมุนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่มีใครรับสาย
"ไม่มีใครรับสายเลย ทั้งที่บ้าน ที่สมาคม" สุ่ยร้อนรน "เอายังไงดี"
"เฮียคงยุ่งอยู่กับนักข่าว"
"งั้นอั๊วโทรหาผู้กองชานนท์ก่อนก็แล้วกัน ดีมั้ยอาหยา"
สุ่ยกับโบตั๋นหันมามองย่าหยาจากทางด้านหลัง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าเพราะเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
"อาหยา" สุ่ยมองหา "อาหยา" สุ่ยถอนหายใจเฮือก "ไปไหนของอี"
ธาม เล้ง และพ่อค้าทอง4คนนั่งที่โต๊ะแถลงข่าว โดยมีไมโครโฟนสองตัวตั้งอยู่หน้าเล้งกับธาม
เบื้องหน้าโต๊ะแถลงข่าวคือบรรดาสื่อมวลชน โดยจิว เกี๊ยง และฮกยืนคุมเชิงกันอยู่ด้านข้าง
"เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ยังไงคะ”
เล้งขยับเข้ามาตอบที่ไมโครโฟน "อย่างที่ตำรวจชี้แจง คือมีการจับกุมทองปลอมในตลาด และตำรวจก็มีหมายขอเข้าไปค้นที่โรงงานผม"
"พบของกลางที่โรงงานเสี่ยตามข่าวใช่มั้ยครับ"
เล้งข่มอารมณ์ "ใช่ แต่ไม่ใช่ฝีมือพวกผม"
"ในเมื่อของกลางทั้งหมดที่พบตีตราเล่งเฮง แล้วจะปฏิเสธได้ยังไงครับว่า เล่งเฮงไม่ได้ผลิตทองปลอมมาหลอกขายชาวบ้านจริงๆ"
เล้งชักยัวะ "ก็ผมไม่ได้ทำ"
"มีอะไรรับประกันมั้ยครับ เล่งเฮงเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ควรมีอะไรยืนยันให้ลูกค้าเชื่อมั่นในสินค้ามากกว่าการพูดลอยๆมั้ยครับ"
ธามแอบสะใจที่เล้งโดนจี้ถามจนตั้งตัวไม่ติด เล้งหน้าแหก เขารู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้าจนน็อตหลุดสติแตก
"ก็หน้าอั๊วนี่ไงล่ะที่รับประกันคุณภาพสินค้า"
ธามตีเนียนช่วยพูดกับนักข่าว
"คืออย่างนี้นะครับทุกท่าน ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมผู้ค้าทองผมขอเรียนนะครับว่า พวกเราทุกคนยึดอาชีพนี้กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ เรารักในอาชีพของเรา ผมเชื่อว่าไม่มีใครยอมทำลายชื่อเสียงของตัวเอง ที่สั่งสมมาหลายสิบปี ด้วยการทำทองปลอมออกมาขายหรอกครับ มันได้ไม่คุ้มเสีย"
"แต่หลักฐานที่พบในโรงงานก็เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่าเล่งเฮงผลิตทองปลอมนี่คะ"
"ที่เราจัดแถลงข่าวก็เพื่อจะชี้แจงว่า เสี่ยเล้งเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้นครับ เราเชื่อว่ามีพวกมิจฉาชีพที่ต้องการทำลายชื่อเสียงพ่อค้าทอง แฝงตัวอยู่ในวงการนี้และมีมานานแล้ว" ธามบอก
"คุณธามจะบอกว่าคดีนี้เหมือนคดีทองจินหยง เมื่อ 7 ปีก่อนใช่มั้ยครับ"
ธามตอบ "ครับ เพราะฉะนั้นผมถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เป็นโอกาสดีที่เราจะช่วยกันกระชากหน้ากากคนชั่วให้สังคมได้รับรู้ และไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ลอยนวลอีกต่อไป ที่สำคัญที่สุด เราต้องการยืนยันกับทุกท่านว่า ทองในย่านนี้เป็นทองคำแท้ ทางสมาคมจะออกใบรับประกันสินค้าให้ทุกชิ้น เพื่อความสบายใจของทุกท่านครับ"
ระหว่างที่ธามพูดคุยกับนักข่าว เล้งก็เจ็บใจที่ถูกธามเอามีดกรีดเนื้อเนียนๆ ด้วยคำพูดเปรียบเปรย ที่เสียหน้าสุดๆ คือการที่ถูกเด็กรุ่นลูกแย่งซีนไปจนหมด ทั้งๆที่เป็นงานแถลงข่าวของตัวเองแท้ๆ
เล้งเดินออกมาจากสมาคมพ่อค้าทองพร้อมกับกลุ่มพ่อค้าทอง เกี๊ยงกับฮกเดินตามหลังมาไม่ไกล
ปิดท้ายด้วยกลุ่มนักข่าวที่ยังคงตามสัมภาษณ์ธาม โดยมีจิวเดินรั้งท้าย สักครู่เสียงปืนดังขึ้นหูดับตับไหม้ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของนักข่าว ทุกคนต่างหมอบลงกับพื้น เกี๊ยงกับฮกรีบวิ่งมาประกบเล้ง
เล้งสั่งฮก "อาฮก เดี๋ยวลื้อไปช่วยอาอิก"
ฮกพยักหน้า แล้วรีบพาเล้งวิ่งออกไปพร้อมกับเกี๊ยง
ธามมองตามเล้งที่หนีไป เขารู้ทันทีว่าตัวเองคือเป้าหมายของการถล่มครั้งนี้
"ออกมาเร็วอาจิว เดี๋ยวพวกนักข่าวโดนลูกหลง มันแค่จะเล่นงานเรา" ธามบอก
ธามกับจิววิ่งจากไป
กลุ่มนักข่าวทั้งคลานทั้งหมอบหนีตายกันอย่างอลหม่าน
ธามกับจิววิ่งเข้ามาในซอย โดยมีอิก เฉียงและกลุ่มมือปืนไล่ยิงตามหลัง ธามยิงสวนกลุ่มมือปืน
อิกยิงธามแต่พลาด เฉียงแค่ยิงโชว์อิกแต่กระสุนพลาดเป้าไปเยอะ ธามยิงมือปืนล้มลง จิวยิงสวนไปโดนมือปืน อิกยิงโดนแขนจิว ธามเข้ามาดูจิว จิวกลัวธามจะเสียจังหวะเพราะตัวเอง
"หนีไปเฮีย เฮียมีงานใหญ่รออยู่ อั๊วจะล่อพวกมันไปอีกทาง" จิวบอก
ธามสวนทันที "ไม่"
เสียงปืนดังไล่มาสนั่น จิวตัดสินใจผละจากธามทันทีเพราะไม่งั้นตายคู่แน่ๆ
"เจอกันที่บ้านนะเฮีย"
จิววิ่งออกไปอีกทาง อิกไล่ยิงธาม ธามยิงโต้แล้ววิ่งฉีกออกไปคนละทางกับจิว
อิกหันมาสั่งเฉียง "ลื้อตามลูกน้องมันไปอาเฉียง"
เฉียงไล่ตามหลังจิวไป
อิกหันมาสั่งลูกน้องตัวเอง "อาตง อาเจง ลื้อตามไปเก็บมัน"
ตงกับเจงวิ่งตามเฉียงออกไป
อิกและลูกน้องอีก 6 คนวิ่งตามธามไป
ธามวิ่งเข้ามาหลบที่ซอกตึกแล้วยิงสวนไปโดนมือปืนอีกคนฟุบไปกับพื้น อิกกับลูกน้องที่เหลืออีก5 คนวิ่งไล่ตามธาม ฮกวิ่งเข้ามาหาอิก
"เสี่ยให้อั๊วมาช่วยลื้อ"
อิกพยักหน้ารับรู้ ธามวิ่งซิกแซกหลบเข้าซอยนั้นซอยนี้
อิกสั่งลูกน้อง "กระจาย แล้วต้อนมันไปที่ท่าน้ำ" อิกพูดกับฮก "ลื้อตามอั๊วมา"
ลูกน้องอิกกระจายกำลังตามคำสั่งอิก ในขณะที่ฮกวิ่งตามอิกไปอีกทาง
จิววิ่งหลบเข้ามาในซอย เฉียงไล่ตามหลังมา จิวโผล่จากเหลี่ยมตึกออกไปจ่อยิงแต่พอเห็นเป็นเฉียงจิวก็ลดปืนลง ตงกับเจงวิ่งเข้ามาแต่ไม่เห็นจิวเพราะเหลี่ยมตึกบังอยู่
"จัดการมันแล้วใช่มั้ย" ตงถาม
เฉียงหันกลับไปหาทั้งคู่ "ใช่"
"งั้นก็ถึงคิวลื้อ อาเฉียง" เจงว่า
ตงกับเจงยกปืนเล็งมาที่เฉียงแล้วเหนี่ยวไกยิง จิวโผล่ออกมาจากเหลี่ยมตึกยิงใส่ตง ในขณะที่เฉียงกระโดดหลบลูกกระสุนพุ่งลงกับพื้นแล้วยิงสวนเจงกลางอากาศ
ตงกับเจงทรุดลงไปกองกับพื้น เฉียงกับจิวเดินมายืนตรงหน้าทั้งคู่
"เสี่ยเล้งมันเรียกลื้อมาตายแท้ๆ" จิวว่า
พูดจบ จิวกับเฉียงก็ยิงใส่ตงกับเจงอีกคนละนัดสองนัดจนทั้งคู่แน่นิ่งไป
ธามถูกมือปืนไล่ต้อนจนมาเจอทางตัน อิก ฮก และมือปืนอีกคนไล่ยิงธาม ธามหนีออกไปทางช่องทางที่เหลือเพียงทางเดียวคือท่าน้ำ แต่เมื่อโผล่ออกมา เขาก็เจอกับมือปืนอีก 4 คนที่เล็งปืนและเดินดาหน้ามาหาเขา อิกกับฮกโผล่มาทางด้านหลังกับมือปืนอีกคน
"ในที่สุดเฮียกระทิงก็ถูกต้อนมาจนมุมจนได้" อิกว่า
อิกเหนี่ยวไกปืนเป็นสัญญานให้ 6 คนที่เหลือเหนี่ยวไกปืนตาม
ธามแค้นจัด เขาคิดว่าจะตายไม่ได้แต่จะทำยังไงกับปืน 7 กระบอกที่เล็งมาที่เขาคนเดียว
ทุกคนเหนี่ยวไก ธามกระโดดเอี่ยวตัวหลบแล้วยิงสวนไป เสียงปืนดังขึ้นติดกันหลายนัด มือปืนโดนยิงบาดเจ็บหลายคน ธามหันไปมองแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของเขาคนเดียวแน่ๆ
บรุษในชุดดำสวมหมวกคลุมหัวเดินออกมาจากเหลี่ยมตึก ไล่ยิงพวกอิกจนวิ่งหลบกระสุนหัวซุกหัวซุน บุรษชุดดำเดินมาดึงธามหลบเข้าที่กำบัง
"ขอบใจ อาเฉียง" ธามบอก
ทั้งคู่ยิงสู้กับพวกอิก อิกให้สัญญานลูกน้อง 2 คนหนีลัดเลาะตามเขาไปทางด้านหลัง ธามสอยลูกน้องอิกร่วงไป 1 คนในขณะที่บุรุษชุดดำสอยเพิ่มอีก1 คน
อิกกับลูกน้อง 2 คนเดินเข้ามาเอาปืนมาจ่อยิงธามและบุรุษในชุดดำทางด้านหลัง
ธามกับบุรุษชุดดำเบี่ยงตัวแล้วหันมาสู้กับมือปืนที่เอาปืนจ่อจนล้มลุกคลุกคลาน อิกตามมายิงบุรุษชุดดำ ธามหันมาเห็น ก็พุ่งมาผลักบุรุษชุดดำให้พ้นวิถีกระสุน แต่ตัวเองกลับโดนซะเองเพราะลูกปืนพุ่งเข้าที่ไหล่ขวาธามทางด้านหลัง อิกจะเข้ามายิงทั้งคู่ซ้ำ ฮกรีบพุ่งเข้ามา
ฮกกระซิบธาม "หนีลงน้ำไป เร็ว"
ฮกทำเป็นยิงใส่ทั้งคู่หลายนัด แต่ไม่โดน ธามพลิกตัวดึงบุรุษชุดดำลงน้ำไปด้วย ฮกตามมายิงซ้ำลงไปในน้ำแต่คนละจุดกับที่ทั้งคู่ตกไป อิกกับมือปืนที่เหลือตามมายิงซ้ำในจุดที่ฮกยิง
มือปืนอีกคนวิ่งตามมาทีหลัง "ตำรวจมาเฮีย เผ่นเร็ว"
ธามและบุรุษชุดดำดิ่งลึกลงไปใต้น้ำแล้วทั้งคู่ก็พยายามถลันตัวขึ้นมา บุรุษชุดดำเหมือนจะว่ายน้ำหนีธาม ธามเอะใจจึงว่ายตามแล้วดึงมือบุรุษชุดดำไว้
ธามรั้งตัวบุรษชุดดำเข้ามาใกล้ แล้วดึงหมวกที่สวมอยู่ออก เปิดให้เห็นหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกคลุมดำว่าคือย่าหยา
ธามอึ้งและสตั๊นไปหลายวินาที เขาอยากดึงย่าหยาเข้ามาจูบแต่อะไรบางอย่างขวางกั้น ทำให้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ ทั้งคู่ได้แต่มองตากัน เป็นการมองที่เต็มไปด้วยอารมณ์ดื่มด่ำยิ่งกว่าจูบหลายร้อยเท่า
เล้งโวยวายใส่ชานนท์
"อั๊วบอกแล้วไงว่ามีคนคิดร้ายกับอั๊ว ทั้งหาเรื่องใส่ความให้อั๊วเสียชื่อเสียง ทั้งตามยิงอั๊วแบบนี้ วันนี้อั๊วถูกพวกมันดักยิง 2 ครั้งแล้วนะ ที่ฉั่วเทียนเหลาอั๊วก็โดนยิง ไม่เห็นตำรวจจับใครได้เลย"
"เราทำงานกันอย่างหนักนะครับ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ถ้าเสี่ยให้การตามความเป็นจริงว่าเคยมีปัญหา หรือขัดแย้งทางธุรกิจกับใครบ้าง ก็จะช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น ทุกความขัดแย้งมันต้องมีคู่กรณีนะครับ"
เล้งกล่าวยืนยัน "อั๊วไม่เคยมีปัญหากับใคร"
ชานนท์ถอนใจ "เอาเป็นว่าผมจะจับตัวคนผิดมาลงโทษให้เร็วที่สุด" ชานนท์ได้โอกาส "ระหว่าง
นี้ผมจะส่งกำลังไปคุ้มครองเสี่ยให้นะครับ"
เกี๊ยงรีบออกตัวแทนเจ้านาย "ไม่ต้อง อั๊วดูแลนายใหญ่ได้"
ชานนท์ไม่ยอม "ถูกยิงรายวันแบบนี้ ป้องกันไว้ก่อนเป็นดีที่สุดครับ"
เล้งอึดอัดไม่พอใจที่ตำรวจจะตามประกบแต่ก็ต้องปล่อยไหลตามน้ำไปก่อน
ย่าหยาที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าธามเรียบร้อยแล้วกำลังทำแผลที่หลังให้ธามซึ่งอาบน้ำแล้วเช่นกัน ธามรู้สึกไหวหวั่นไปกับทุกสัมผัสของย่าหยาที่โดนตัวเขา
"ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยชีวิตฉัน"
"เธอก็มาช่วยชีวิตฉันเหมือนกัน เราต่างตอบแทนกันในฐานะ คนรู้จัก"
ย่าหยาชะงักกึกเพราะรู้สึกสะท้อนในหัวอก
"เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ไม่กี่วันมานี้ฉันเป็นคนในครอบครัวคุณ แต่วันนี้ฉันเป็นแค่คนที่คุณรู้จัก"
"ทุกวินาทีผ่านไปเหมือนสายน้ำ เมื่อไหลผ่านไปแล้ว ก็ไม่มีวันหวนกลับ"
ย่าหยาสะท้อนใจเพราะนึกถึงชลธี
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ชลธียื่นนาฬิกา pocket watch ให้จันทร์ชมพู
"พี่ให้"
จันทร์ชมพูรับนาฬิกามาโดยเธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
"อะไรคะ"
"เปิดดูสิจ๊ะ"
จันทร์ชมพูเปิดออกดู "นาฬิกา มีรูปพี่ธีกับจันทร์ด้วย สวยจังค่ะ พี่ธีชอบสะสมนาฬิกาจังนะคะ เห็นที่บ้านมีแต่นาฬิกาเต็มไปหมด"
"พี่ซื้อเก็บไว้เตือนความทรงจำน่ะจ้ะ ทุกเรือนมันมีที่มา มีเรื่องราวที่ทำให้พี่นึกถึงคนสำคัญที่อยู่กับพี่ตอนนั้น ป๊า ม้า เฮียธาม เพื่อนๆที่นี่ เพื่อนที่อเมริกา แล้วก็จันทร์ อีกอย่างก็เอาไว้เตือนสติตัวเองด้วยว่า ทุกวินาทีผ่านไปเหมือนสายน้ำเมื่อไหลผ่านไปแล้ว ก็ไม่มีวันหวนกลับ"
ย่าหยาพูดหลังจากนึกถึงอดีต
"ใช่ สายน้ำที่ไม่มีวันหวนกลับ" ย่าหยาตั้งสติแล้วเดินมาเผชิญหน้ากับธาม "ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับคุณ คุณธาม"
ธามจ้องหน้าย่าหยา "เรื่องที่เธอปิดบังฉันอยู่ คงมีเป็นสิบเรื่อง"
"เรื่องเดียว ฉันอยากให้คุณรู้ว่า"
จิวเดินเลือดโชกเข้ามาขัดจังหวะ
"เฮีย" จิวเข้ามาหา "เฮียเป็นอะไรรึเปล่า โดนยิงเหรอเฮีย"
ธามรีบเข้ามาดู "ลื้อก็โดนยิงเหมือนกันนี่"
ย่าหยาอาสา "ฉันทำแผลให้"
ย่าหยาหยิบกล่องอุปกรณ์เดินมาทำแผลให้จิว
"ลื้อไปอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งกลับเอาตอนนี้"
"อาเฉียงให้อั๊วซ่อนตัว รอจนแน่ใจว่าพวกไอ้เล้งมันกลับหมดแล้ว พูดแล้วเจ็บใจอยากให้มันลงภูเก็ตไวไว อั๊วจะเล่นงานมันให้สาสมกับที่มันลอบกัดเฮีย"
"จะพูดถึงใครระวังหน่อยอาจิว เจ้าสาวเขานั่งอยู่ตรงนี้"
จิวนึกขึ้นได้ก็เหล่มองย่าหยา ย่าหยาชะงักนิดเดียวแต่แล้วก็ไม่สนใจก้มหน้าก้มตาทำแผลต่อ ธามแอบมองย่าหยา
เฉียงเล่าให้พวกเล้งฟัง
"อั๊วแยกไปจัดการอาจิว มันยิงอาตงกับอาเจงตาย อั๊วยิงมันเจ็บ แต่มันหนีรอดไปได้เพราะตำรวจโผล่มาพอดี"
"ผมก็เหมือนกัน ถ้าตำรวจไม่โผล่มา ผมคงตามยิงอาธามกับคนที่มาช่วยมันตายไปแล้ว" อิกว่า
ฮกเห็นอิกไม่สงสัยอะไรจึงแอบถอนใจโล่งอก
"ใครมาช่วยมัน"
"ผมไม่รู้ มันพรางตัวสวมหมวกคลุมหน้ามา แต่ฝีมือมัน ร้ายกาจพอๆ กับอาธาม"
"เพื่อนมันน่ะสิ ไม่ใช่อาภรพกับอาคณินแน่ สองคนนั่นมันอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็ไม่มีทางเป็นอาหงส์ จะมีก็แต่ศัตรูลื้อ อาทรงกลด" เล้งบอก
"ผมก็คิดอย่างนั้น" อิกว่า
"แล้วจะปล่อยให้มันหายใจอยู่ทำไม เก็บมันก่อนที่อั๊วจะลงภูเก็ต วันตายของมันคือวันที่ลื้อจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ อาอิก"
อิกยิ้มกริ่มซึ่งเป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยกิเลสและกระหายอำนาจ
เล้งยิ้มเย็นยะเยือกดูชั่วร้ายที่สุด
โบตั๋นร้องเพลงท่อนสุดท้ายแบบไร้สติ ไม่มีสมาธิ เมื่อเพลงจบลงเธอก็เหลือบเห็นเล้งเดินเข้ามาในฉั่วเทียนเหลา โบตั๋นรีบลงมาจากเวทีแล้วตรงดิ่งไปหาเล้ง
โบตั๋นมองหา "อาเฉียงล่ะเสี่ย ไม่ได้มาด้วยเหรอ" โบตั๋นใจหายวาบ "หรือว่า เสี่ยทำอะไรอีรึเปล่า" โบตั๋นลืมตัวเข้ามาเขย่าแขนเล้งถามเสียงดัง "เสี่ยทำอะไรอี"
ลูกค้าหันมามอง หยกมณีซึ่งดูแลลูกค้าอยู่อีกโต๊ะหันมามอง
"ลื้อเป็นบ้าอะไรห๊ะ อาโบตั๋น" เล้งถาม
หยกมณีรีบแถมาไกล่เกลี่ย
"มีเรื่องอะไรโบตั๋น เสี่ยนั่งก่อนค่ะ ใจเย็นๆนะคะ" หยกมณีกล่อม
โบตั๋นรู้สึกตัวก็น้ำตาคลอ "อาเฉียงอยู่ไหน"
"อยู่บ้าน อั๊วมาหาอาหยาต้องเอาอีมาด้วยเหรอ"
โบตั๋นหูผึ่ง หน้าที่ซีดเผือดของเธอเริ่มมีสีสัน โบตั๋นตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกจากฉั่วเทียนเหลาไปทันที
หยกมณีมองโบตั๋นงงๆ "อีเป็นอะไรของอี"
เล้งถาม "อาหยาล่ะ"
"ออกไปไหนไม่รู้ค่ะตั้งแต่บ่าย แต่ฝากจดหมายให้เด็กเอามาให้ บอกถ้าเสี่ยมาให้เอาให้เสี่ยด้วย"
พูดจบหยกมณีก็ล้วงจดหมายออกจากกี่เพ้าชุดสวยแล้วส่งให้เล้ง เล้งคลี่กระดาษที่พับเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ออกอ่าน
โบตั๋นวิ่งหน้าเริ่ดออกมาหน้าฉั่วเทียนเหลา เธอมองซ้ายขวาหารถลากแต่ไม่มีวี่แวว โบตั๋นร้อนรน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจวิ่งออกมา โบตั๋นวิ่งมาตามถนนที่ยาวไกล
ย่าหยาทำแผลให้จิวเสร็จแล้วเอาแอลกอฮอลล์เช็ดอุปกรณ์ต่างๆ
"ขอบใจนะอาหยา" จิวพูดกับธาม "อั๊วกลับก่อนนะเฮีย"
"นอนที่นี่ก็ได้ ดึกแล้ว"
จิวเหล่ย่าหยาแล้วแอบยิ้มแซวเจ้านาย "ไม่ล่ะเฮีย อั๊วไม่อยากเป็นก้างขวางคอ"
ธามหันไปมองจิวตาขวาง จิวแอบขำแล้วเดินออกไป
ธามอยู่กับย่าหยาตามลำพังอีกครั้ง ทั้งคู่นั่งนิ่งสักครู่แล้วธามก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน
"เธอเองก็กลับได้แล้ว เดี๋ยวเจ้าบ่าวจะเป็นห่วง"
"ฉันไม่กลับ จนกว่าจะได้พูดเรื่องสำคัญกับคุณ" ย่าหยาบอก
"ถ้าจะขอชีวิตเสี่ยเล้ง ฉันให้เธอไม่ได้ ถ้ามันตาย ป๊ากับม้าฉันจะมีมลทินไม่จบไม่สิ้น บรรพบุรุษตระกูลตั้งจะนอนสงบสุขอยู่ได้ยังไง ถ้ามันไม่มาขอขมา ฉันยอมตายดีกว่ายอมให้เธอฆ่ามัน และถ้าเธอยังตั้งใจจะฆ่ามันให้ได้ ก็ขอให้รู้ไว้ว่าฉันจะขวางสุดตัว"
"ไม่ใช่เรื่องนั้น"
ธามหันมามองย่าหยาคล้ายมีเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คเต็มหน้าเหมือนจะถามว่าเรื่องอะไร
โบตั๋นวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้านเล้ง
โบตั๋นผลักประตูเข้ามาในสภาพเหนื่อยแฮ่ก ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง
"อาเฉียง อาเฉียง อาเฉียง" โบตั๋นเรียก
เฉียงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งกางเกงตัวเดียวเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าผมเดินเข้ามา
"ผมอยู่นี่โบตั๋น"
โบตั๋นหันมาเห็นเฉียงก็ดีใจจนร้องไห้
"อาเฉียง คุณปลอดภัย คุณยังไม่ตาย" โบตั๋นเข้ามาแตะเนื้อตัวเฉียง "คุณยังไม่ตายจริงๆ"
โบตั๋นโผเข้ากอดเฉียงแน่น เฉียงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ธามอึดอัดกับอาการนิ่งของย่าหยา
"มีอะไรก็ว่า นั่งเงียบอยู่อย่างนี้ เสียเวลาทั้งสองฝ่าย"
"คุณเคยบอกว่าคุณจะไม่ทำอะไร จนกว่าฉันจะพร้อม"
ธามอึ้งเพราะไม่รู้ว่าย่าหยาจะพูดอะไรหรือมาไม้ไหน เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน
ภาพตอนที่ธามพูดกับเธอย้อนกลับมา
"เธอไม่เคยลืมเขา" ธามเจ็บร้าวลึก "เธอรักฉันมั้ย ฉันต้องการรู้แค่นี้"
เหตุการณ์ปัจจุบัน ย่าหยาน้ำตารื้น เธอโผเข้ากอดธามแน่นเหมือนเป็นคำตอบที่หนักแน่นยิ่งกว่าคำพูดใดใด
"นอนเถอะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเธอจนกว่า เธอจะพร้อม"
"คุณจำได้ใช่มั้ย"
ธามพยักหน้าโดยไม่เข้าใจว่าย่าหยาพูดเรื่องนี้ทำไม ในสายตาเธอ ที่ผ่านมาเขายังเจ็บไม่พออีกหรือ
"ฉันพร้อมแล้ว" ย่าหยาบอก
ธามชะงักก่อนจะหันมามองย่าหยา เขารู้สึกช็อกเหมือนผักที่ถูกลวกในน้ำร้อน แล้วตักขึ้นมาแช่ในน้ำแข็งยังไงยังงั้น
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ธามทั้งช็อกทั้งอึ้ง
"เธอเล่นเกมอะไร" ธามถาม
"เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ฉันรู้ว่า ชีวิตฉันกับคุณแขวนอยู่บนเส้นด้ายเหมือนกัน ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะทำอะไรตามใจตัวเองสักครั้ง ก่อนที่ฉันจะตาย สิ่งแรกที่ฉันอยากทำคือบอกคุณว่า ฉันรักคุณ"
ธามอยากจะวิ่งตะโกนให้ลั่นบ้านด้วยความดีใจ แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เขาไม่แน่ใจ
"เธอจะมาไม้ไหนกันแน่"
ย่าหยาสะอึกด้วยความรู้สึกเสียใจมาก "ถ้าคุณระแวงฉันก็ลืมมันซะ ขอโทษที่รบกวนเวลา"
ย่าหยาพูดจบก็สะบัดหน้าเดินน้ำตาคลอออกมา ธามทั้งสับสนวุ่นวายใจว่าจะทำยังไงดี
โบตั๋นยังคงกอดเฉียงแน่น เฉียงขยับออกมาอย่างเกรงใจ
"ผม เอ่อ ขอไปใส่เสื้อก่อนนะครับ"
เฉียงจะผละออกมา โบตั๋นรวบตัวเขาเอาไว้
"อย่าไปไหนเลยนะ อาเฉียง อยู่กับฉัน ให้ฉันกอดแบบนี้นานๆ"
เสียงหัวใจทั้งคู่เต้นแรง หัวใจที่อัดอั้นมานานถูกความรักทะลายจนทะลุทะลวง เฉียงเชยคางโบตั๋นแล้วก้มจูบด้วยความรักทั้งหมดที่มี โบตั๋นกอดรัดเฉียงแน่นแล้วปล่อยกายไหลไปกับเฉียงอย่างที่ใจต้องการ
ย่าหยาเปิดประตูบ้านธามผัวะแล้วเดินน้ำตาคลอออกมา ธามเปิดประตูตามมารวบเอวโอบกอดเธอไว้จากทางด้านหลังไว้ได้ทันควันก่อนจะกระซิบข้างหูเสียงละห้อย
"เธอจะมาไม้ไหนจะเล่นเกมอะไรฉันไม่สนใจ ขอแค่คืนนี้เธออยู่กับฉันที่นี่ก็พอ" ธามว่า
ย่าหยาน้ำตาร่วงเพราะถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้วธามไม่เข้าใจ เธอก็สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีกต่อไป
ธามประคองย่าหยานอนลงบนเตียง
"ถ้าพรุ่งนี้ฉันต้องตาย ฉันก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว" ย่าหยาบอก
"ฉันรักเธอ" ธามพูด
ธามโน้มตัวลงมาหอมหน้าผากย่าหยา ย่าหยาไม่ได้หวนกลับไปคิดถึงชลธีอีกแล้ว ธามไล่หอมจากหน้าผากมาที่แก้มและเลยมาที่ปากของย่าหยา
เล้งนั่งอ่านกระดาษจดหมายของย่าหยาด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม ชุดแต่งงานบ่าวสาวแขวนเคียงข้างกันอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า
"หยาขออนุญาตเสี่ยกลับไปเชิญญาติที่ภูเก็ตมาร่วมงานแต่งของเรานะคะ ขอโทษด้วยที่รีบไปกะทันหัน พอดีหยาเจอพี่ชายแล้วเขาจะลงไปเยี่ยมญาติที่นั่นพอดี หยาจะโทรหาเสี่ยนะคะ เราจะกลับกรุงเทพฯด้วยกัน แล้วแต่งงานกันทันที หยาจะรอเสี่ยที่นั่นอจนกว่าจะถึงวันนั้น ย่าหยา"
เล้งอินจัดกับข้อความในจดหมายแผ่นนั้น
ย่าหยาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา เธอมองไปรอบๆห้องแล้วก็มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน ย่าหยาหันมามองธามที่ยังนอนหลับนิ่งแล้วคลี่ยิ้มที่ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือ สามีของเธอ เธอมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา มองหน้าเขา นอนอยู่เคียงข้างเขา สักครู่ ย่าหยาก็นึกอะไรได้เลยขยับจะลงจากเตียงแต่ยังขยับไปได้ไม่ถึงคืบ ธามก็คว้าตัวย่าหยาเข้ามากอดแล้วซุกไซ้
"ไปไหน"
"ทำอาหารเช้าให้คุณไงคะ"
"ไม่หิว อยากนอนกอดเมียมากกว่า" ธามกระชับวงแขนเข้ามาอีก
"จะกอดแน่นไปไหนคะ หายใจไม่ออก คุณธาม คณธาม"
ธามหัวเราะชอบใจ "ก็อยากดื้อนักนี่ กว่าจะได้กอดได้หอมทำเอาฉันน้ำตาตกในไปหลายหน ถึงตาฉันเอาคืนมั้งล่ะ"
ธามกอดย่าหยาแน่นเข้าไปอีก ย่าหยาทั้งขำทั้งอึดอัด เธอพยายามดิ้นออกจากวงแขนธาม ทั้งคู่หมุนกลิ้งกันไปมาบนเตียง
"ปล่อยได้แล้วคุณธาม ปล่อย ไม่งั้นฉันกัดคุณจริงๆด้วย"
ธามยิ้มอารมณ์ดี "เมื่อก่อนกัดโดยไม่มีการเตือน แม่เสือสาวถอดเขี้ยวเล็บแล้วใช่มั้ย"
ย่าหยาเอาศอกถองใส่ท้องของธาม ธามไม่ทันระวังตัวจึงโดนเข้าไปเต็มๆ
"โอ้ย"
ย่าหยาได้ทีจึงรีบกลิ้งตัวลงมาจากเตียง
"ขอโทษค่ะ เดี๋ยวจะลงไปทำข้าวต้มอร่อยๆชดเชยให้นะคะ"
ย่าหยาโบกมือบ๊ายบายธามก่อนจะผลุบออกไปนอกห้อง
ธามแอบบ่นด้วยความรักและเอ็นดู "แสบจริงเมียฉัน"
พอหลุดคำว่าเมียออกมาโดยไม่รู้ตัว ธามก็ยิ้มกรึ่มเพราะโลกที่เคยขมุกขมัวเศร้าหมองกลับกลายเป็นสีชมพูสว่างไสวขึ้นมาทันตา
โบตั๋นหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง สักครู่เฉียงก็เข้ามาหอมที่แก้มอย่างทะนุถนอม โบตั๋นค่อยๆลืมตาตื่น
"ตื่นนะครับ ผมทำข้าวต้มรอคุณแล้ว เดี๋ยวจะเย็นซะหมด"
โบตั๋นมองไปที่โต๊ะเห็นข้าวต้มควันฉุยตั้งรอพร้อมกับข้าว2-3 อย่าง
"ขอบคุณมากนะอาเฉียง ไม่มีใครต้มข้าวรอฉันมานานแล้วนอกจากกู๋ซ้ง คุณทำให้ฉันนึกถึงกู๋ ฉันอยากให้กู๋อยู่กับฉันที่นี่ กู๋จะได้เห็นว่าวันนี้ฉันมีความสุขมากแค่ไหน"
"อีรับรู้ครับ อีไม่ได้ไปไหน อีรักคุณก็จะวนเวียนอยู่ใกล้ๆคุณ แต่สักวันอีคงต้องไป"
โบตั๋นรู้สึกใจหาย "ทำไมพูดอย่างนั้น"
"เพราะอีรู้ว่ามีคนที่ดูแลคุณแทนอีได้ ให้อีหลับอย่างสงบเถอะครับ ผมจะหน้าที่นั้นแทนอีเอง ผมจะดูแลคุณจนลมหายใจสุดท้าย ผมสัญญา"
โบตั๋นน้ำตาหยดติ๋งด้วยความปลื้มปิติ "อาเฉียง"
เฉียงสวมกอดโบตั๋นคล้ายต้องการประกาศให้เธอรู้ว่าเขาไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน
ย่าหยาจัดข้าวต้มบนโต๊ะ พร้อมกับข้าวหน้าตาหน้ากินอย่างใส่ใจ ธามเดินหล่อเข้ามาในห้อง ความรักทำให้เขาร่าเริงสดใส ชายหนุ่มดอดเข้ามากอดย่าหยาจากทางด้านหลัง
"กับข้าวหอมจัง แต่น้อยกว่าคน"
"นี่คุณธามหรือคะเนี่ย เมื่อวานยังตีหน้ายักษ์พูดกระโชกโฮกฮากกับฉันอยู่เลย"
"ก็" ธามเขินเหมือนกัน "สถานภาพเธอเมื่อวานกับวันนี้มันต่างกันนี่ วันนี้เธอเป็นคนตระกูลตั้งโดยสมบูรณ์แล้ว ป๊าม้าฉันถือมาก ผัวเมียต้องพูดจากันดีๆ"
"กินข้าวเถอะค่ะ ถ้าไม่อร่อยห้ามตินะคะ เพราะฉันทำสุดฝีมือแล้ว"
ธามนั่งลงกินข้าวอย่างว่าง่าย ย่าหยานั่งตาม
"อร่อยมาก"
ย่าหยาค้อน "ยังไม่ทันกลืนเลย"
"แค่ลิ้นแตะก็รู้แล้วว่าอร่อย" ธามจ้วงตักเข้าปากโชว์ "แล้ว เธอไม่ไปทำงานเหรอวันนี้"
"ฉันลางานคุณสุ่ย แล้วก็เขียนจดหมายบอกเสี่ยเล้งว่า ฉันจะไปหาญาติที่ภูเก็ต"
ธามชะงัก "เธอเตรียมการไว้แล้ว"
"ค่ะ พอฉันรู้จากพี่โบตั๋นว่าเสี่ยเล้งจะถล่มคุณที่สมาคม ฉันก็ตัดสินใจไปช่วยคุณ ทันที ถ้ารอด ฉันจะบอกคุณว่าฉันรู้สึกยังไง ถ้าคุณไม่รับฟังหรือไม่ได้รู้สึกอย่างเดียวกับฉัน ฉันก็ตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย"
"ใจดำ แต่เสียใจด้วยนะที่ฉันรับฟัง และเธอก็ต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต"
"ถ้าเรารอดและผ่านเสี่ยเล้งไปได้นะคะ"
ธามบีบมือย่าหยาเพื่อให้กำลังใจ "ต้องได้สิ เราจะผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างไปด้วยกัน เสี่ยเล้งมันคงเตรียมงานของมันอยู่ตอนนี้ อยากรู้จริงๆว่ามันจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าภูเก็ตของเธอ อยู่ห่างจากบ้านมันแค่ไม่กี่ซอย"
ธามกระหยิ่มยิ้ม
เล้งสั่งงานแข็งขันกับเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ก้มหน้าจดโน้ตยิกๆ เฉียงกับฮกยืนอยู่ไม่ไกล
"อั๊วต้องการดอกกุหลาบสีแดงในห้องจัดเลี้ยง เหมามาให้หมดทั้งปากคลองตลาด อาหารจัดแบบโต๊ะจีนอย่างดี มีดนตรีบรรเลง นักร้องดังๆจ้างมาให้ได้เหล้าจีน บรั่นดียี่ห้อดังๆ ลื้อไปหามา อั๊วจ่ายไม่อั้น งานแต่งงานอั๊วทั้งทีทุกอย่างต้องดีที่สุด"
"ครับ ผมจะจัดการทุกอย่างตามที่เสี่ยต้องการครับ ผมขอตัวไปเตรียมงานก่อนนะครับ"
เล้งพยักหน้า เจ้าหน้าที่เดินออกไปสวนกับอิกที่เดินเข้ามา
เล้งเอ่ยถาม "ว่าไง สำเร็จมั้ย"
อิกอึกอัก "อาทรงกลดมันรอดไปได้ครับ แต่อาอัน สมุนมือขวามันตายครับเสี่ย"
"ลื้อจัดการอีเองเหรอ"
ภาพหมงยิงอันตายย้อนกลับมา แต่อิกรับสมอ้างอย่างเนียนๆ
"ครับเสี่ย"
"ก็ยังดี ถ้างั้นลื้อมาช่วยอั๊วก่อน อั๊วรำคาญพวกตำรวจที่คอยตาม ขายยาครั้งนี้ได้เมื่อไหร่ อั๊วจะมีเงินมหาศาล ถึงเวลานั้นอั๊วจะซื้อทุกคนมาเป็นพวก แล้วยืมมือคนพวกนั้นไปจัดการอาธามกับเพื่อนๆอีแทน"
เกี๊ยงเดินเข้ามา
"ยามาครบแล้วนายใหญ่"
"ดี" เล้งพูดกับเฉียง "ต่อโทรศัพท์หามิสเตอร์ลีให้อั๊ว อาฮก"
เฉียงกับฮกพยักหน้ารับคำสั่ง ฮกเดินมาหมุนโทรศัพท์แล้วส่งสายให้เล้ง
"เฮลโล มิสเตอร์ลี"
ธามกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะทำงานในบ้าน
"ขอบคุณมากครับ มิสเตอร์ลี"
ธามวางโทรศัพท์ จิวเดินเข้ามา
ธามสั่ง "มิสเตอร์ลีโทรมาบอกว่าเสี่ยเล้งนัดส่งของมะรืนนี้ ลื้อเตรียมคนให้พร้อม"
ธามลุกจากโต๊ะ
"เฮียจะไปไหน"
"ไปดูบัญชีข้าวให้คุณคณิน เราอาจต้องอยู่ภูเก็ตหลายวัน อ้อ ลื้อช่วยไปส่งข่าวอาฮกหน่อย บอกฉันอยากเจอ ให้อีไปรอที่ศาลเจ้าพรุ่งนี้เช้า"
"ครับเฮีย"
ธามเดินออกมา จิวเดินตาม
ธามเดินออกมาเจอย่าหยาสวมผ้ากันเปื้อนและโพกผ้าที่หัวกำลังเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด
ปัด กวาด เช็ดถูบ้านอยู่ จิวเดินตามหลังธามมา
"ไม่ต้องทำก็ได้ ฉันจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวันอยู่แล้ว" ธามบอก
"ให้ฉันทำเถอะค่ะ ฉันไม่ชอบอยู่เฉยๆ"
ธามโน้มตัวเข้ามาหอมแก้มย่าหยาต่อหน้าจิว
จิวรู้หน้าที่ "อั๊วออกไปรอข้างนอกนะเฮีย"
จิวยิ้มยักคิ้วแซวเจ้านายเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไป
"อยู่แต่ในบ้านนะ ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด เสี่ยเล้งมันจมูกไว" ธามบอก
"ค่าเฮีย เฮียไปทำงานได้แล้วค่ะ"
"ยังไปไม่ได้" ธามแอบอ้อนหน้านิ่ง "ไม่มีกำลังใจไปทำงาน"
ธามพูดจบแล้วก็ชี้ที่แก้มตัวเองคล้ายจะบอกให้ย่าหยาหอมแก้มก่อน ย่าหยายิ้มขำเพราะไม่คิดว่ามาเฟียหน้าดุจะมีมุมอ้อนกับเขาด้วย เธอโผเข้าไปหอมแก้มธาม ธามกอดย่าหยาแล้วจูบนิ่งเนิ่นนานที่ปาก ก่อนจะถอนตัวออกมามองหญิงสาวกรึ่มราวจะกลืนกิน ในที่สุดธามก็ตัดใจเดินยิ้มออกมา ในขณะที่ย่าหยายืนสำลักความสุขอยู่ตรงนั้น
ฟงส่งสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายของโกดังให้ธามตรวจ คนงานเดินแบกข้าวเข้าไปเก็บในโกดัง ธามไล่ดูบัญชีสักครู่ แล้วจึงส่งคืนฟง
"เรียบร้อยดีเฮีย"
"เอ่อ คุณธามจำเรื่องผู้หญิงที่ชื่อพราวเดือน กับพี่ชายชื่อพันแสงที่เคยให้อั๊วสืบได้มั้ยครับ"
ธามชะงักกึกแล้วนึกย้อนไปถึงอดีต
ภาพในอดีตย้อนกลับมา
ย่าหยาถอนใจเฮือก "ฉันยอมรับว่าฉันไม่ใช่เพ็ญนภา"
"นั่นไง" ธามว่า
"ฉันชื่อ พราวเดือน มาตามหาพี่ชายชื่อพันแสง"
ภาพในอดีตตอนที่ธามสั่งจิว
"ก่อนเดินทาง ให้อาฟงส่งคนไปสืบด้วยว่าผู้หญิงชื่อพราวเดือนกับพี่ชายชื่อพันแสงมีตัวตนอยู่ในโลกนี้รึเปล่า"
"แสดงว่าเฮียไม่เชื่อที่อีพูด" จิวว่า
"เราไม่ควรเชื่อใครง่ายๆอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้หญิง"
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ธามก็พยักหน้าจำได้ แต่ใจไม่ดีเพราะกลัวย่าหยาจะโกหก
"มีอะไรรึเปล่า"
"อั๊วให้ลูกน้องตามสืบมาแล้ว"
ธามใจเต้นตึกตักเพราะลุ้นมาก
"มีผู้หญิงชื่อพราวเดือน กับพี่ชายชื่อพันแสงในทะเบียนบ้านย่านฝั่งธนจริงๆครับ"
ธามผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
"ขอบใจนะเฮีย"
จิวเดินเข้ามา
"อั๊วส่งข่าวอาฮกไปแล้วนะเฮีย อาฮกฝากจดหมายอาเฉียงมาให้เฮียด้วย"
จิวยื่นจดหมายในกระดาษแผ่นเล็กๆให้ธาม ธามคลี่ออกอ่าน
ข้อความในจดหมายเป็นภาษาจีนที่มีความหมายว่า “กรุณามาพบอั๊วที่ร้านกาแฟออนล็อกหยุ่น บ่าย3 โมง”
ย่าหยาปัดฝุ่นที่จับอยู่ที่เครื่องประดับตกแต่งต่างๆ
ย่าหยาเอาผ้าเช็ดตามโต๊ะ ตู้และข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ในห้อง แล้วจึงเอาไม้กวาดและถูพื้นห้องอาหาร
เกี๊ยงวิ่งข้ามถนนมาแล้วมองซ้ายมองขวา เขาหมุนไปรอบๆตัวเหมือนกำลังมองหาใครเมื่อไม่เห็นเป้าหมายก็เดินจากไป
ทันทีที่เกี๊ยงเดินพ้นไป เฉียงซึ่งนั่งอยู่ในร้านก็ค่อยๆ เลื่อนหนังสือพิมพ์ที่ปิดหน้าลง แล้วมองตามเกี๊ยงจนแน่ใจว่าเกี๊ยงไม่วกกลับมาแล้วจึงดึงหนังสือพิมพ์ปิดหน้าแล้วพูดเหมือนกระซิบ
"เฮโรอีนถูกส่งมาครบแล้วเฮีย มันแพ็คซ่อนสอดไส้ในหนังสือ และจะขนขึ้นรถไปมะรืนนี้"
ธามนั่งหันให้เฉียงโดยยกหนังสือพิมพ์ปิดหน้าเหมือนกัน
"ขอบใจ ลื้อระวังตัวด้วย" ธามว่า
ทั้งคู่พับหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะ แล้วเดินออกจากร้านพร้อมกันทำให้ชนกัน
ทั้งคู่พูดพร้อมกัน "ขอโทษ / ขอโทษครับ"
ทั้งคู่พูดพร้อมกันอีก "ฉันรีบ / ผมรีบ"
"แล้วเจอกัน" ธามบอก
ธามรีบเดินออกไปก่อน เฉียงมองตามด้วยอาการปลื้มปิติที่อย่างน้อยธามก็คุยด้วย
เฉียงเดินเข้ามาในตลาดแล้วมองร้านรวงต่างๆ จนเดินมาเจอสิ่งที่ต้องการ เฉียงเดินพุ่งเข้าไปที่ร้านขายดอกไม้ จำพวกมะลิ บัว มาลัย ซ่อนกลิ่น ดาวเรือง เยอบีร่า
เฉียงมองหา "ไม่มีกุหลาบหรือครับ"
"มีค่ะ แต่ว่า คุณคนนี้เหมาหมดแล้ว" แม่ค้าชายตาไปที่พื้นอีกด้าน
ธามยกถังใส่ดอกกุหลาบสีชมพูที่มีอยู่เต็มถังขึ้นมาก็เห็นเฉียง ทั้งคู่ต่างมองกันแล้วก็อึ้ง
ธามหน้านิ่ง "แบ่งไปก็ได้ เอากี่ดอก"
เฉียงรู้สึกเก้อๆ "คือ..ดอกเดียวก็พอครับ"
ธามส่งดอกกุหลาบ 1 ดอกให้เฉียง
เฉียงรับมา "ขอบคุณมากครับเฮีย"
"ที่รีบออกมาเมื่อกี้ก็เพื่อมาซื้อดอกไม้สินะ"
เฉียงไม่กล้าสบตา "ครับ ผม ขอตัวนะครับ"
เฉียงก้มหัวให้ธามก่อนจะเดินออกมา ธามพูดกับเฉียงไล่หลัง
"โบตั๋นชอบดอกกุหลาบสีแดง คราวหน้าซื้อกุหลาบสีแดงให้เธอ"
เฉียงชะงัก กลืนน้ำลายเอื้อกก่อนเหลือบตามองธาม ธามมองเฉียงเหมือนจะยิ้มให้เล็กๆ เฉียงก้มหัวให้ธามก่อนจะเดินออกไป
ธามหันมาหาแม่ค้า "ไม่พอ รบกวนเหมาร้านอื่นแล้วเอาไปส่งที่บ้านให้ด้วย"
ย่าหยาถือไม้ปัดหยากไย่และฝุ่นมาตามทางจนถึงหน้าห้องส่วนตัวธาม ย่าหยาชะงัก
เสียงธามเข้มดังห้องในหัวของย่าหยา "จำไว้ว่าห้องนี้คือห้องส่วนตัวของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครเดินเพ่นพ่านในบ้านฉัน"
ย่าหยาตัดสินใจหิ้วถังน้ำเดินผ่านห้องนั้นแต่แล้วก็ชะงักเพราะอะไรบางอย่างทำให้เธออยากรู้ว่าในห้องนั้นมีอะไร ย่าหยาวางถังน้ำและผ้าในมือลงก่อนจะหันกลับไปมองที่ห้องนั้น ย่าหยาเดินไปเปิดลูกบิดประตูแล้วพบว่ามันไม่ได้ล็อก
ย่าหยาค่อยๆ เปิดประตูแง้มแล้วโผล่หน้าเข้ามา ห้องทั้งห้องมืดสลัว ย่าหยาคลำหาสวิตช์ไฟจนเจอแล้วเปิดไฟ แสงจากโคมไฟทำให้ห้องนั้นสว่างเป็นสีเหลืองทอง ย่าหยามองไปรอบๆห้องก็รู้สึกเศร้าใจเมื่อเห็นรูปตั้งเช็งเอี๊ยง หลิวเจียหลิน และ ชลธี ตั้งเรียงกันบนโต๊ะบูชา หน้าโต๊ะมีเครื่องเซ่นไหว้ที่ประกอบด้วยผลไม้ น้ำเปล่า น้าชา ขนม กระถางธูปและเชิงเทียน
ย่าหยาค่อยๆ เดินไปที่รูปเหล่านั้นเหมือนถูกดูดเข้าไป ย่าหยายืนอยู่หน้ารูปถ่ายทั้งหมดแล้วมองที่รูปนั้นด้วยความร้าวราน
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ชลธีแนะนำจันทร์ชมพูให้ตั้งเช็งเอี๊ยงกับหลิวเจียหลินรู้จักเป็นครั้งแรก
"ป๊าครับม้าครับ นี่จันทร์ชมพูเพื่อนผมครับ เรียกสั้นๆว่า อาจันทร์ก็ได้"
จันทร์ชมพูยกมือไหว้พ่อแม่ชลธีอย่างอ่อนช้อยสวยงาม
"สวัสดีค่ะ"
"ฉันไม่คุ้นหน้าหนูเลย ไม่ได้เป็นคนแถวนี้ใช่มั้ย"
"บ้านหนูอยู่ภูเก็ตค่ะ หนูขึ้นมาอยู่กับญาติแถวนี้ มาเรียนภาษาจีนแล้วก็กะว่าจะหางานทำที่นี่น่ะค่ะ"
"ขยันจริง ถ้าเรียนจบ พูดภาษาจีนคล่องแล้ว จะลองมาทำงานเสมียนที่โรงงานก่อนก็ได้นะ งานเสมียนต้องเข้าหาคน จะได้เรียนรู้งานจากทุกแผนก"
จันทร์ชมพูยกมือไหว้ด้วยอาการซึ้งใจ "ขอบพระคุณค่ะ"
"ไปอาจันทร์ เข้าไปนั่งดื่มน้ำชากันก่อน อาธีชอบกินขนมเค้ก อาม้าอาธีเลยต้องหัดทำ กินกับน้ำชาเข้ากันดี อาม้าทำไว้ซะเยอะเลย ไปชิมกัน"
ชลธีหันมาพูดกับจันทร์ชมพูด้วยท่าทางหยอกแม่ "อร่อยมาก"
หลิวเจียหลินแอบตีแขนลูกชายด้วยความเอ็นดู "แน่ล่ะ ม้าอุตส่าห์ซื้อตำราฝรั่งมาอ่านมาทำตาม ไม่อร่อยก็ต้องบอกว่าอร่อย รู้มั้ย"
แล้วพ่อ แม่ ลูกก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดีให้กัน จันทร์ชมพูนึกสะท้อนใจที่ครอบครัวของเธอไม่มีโอกาสนั่งยิ้มนั่งหัวเราะกันอย่างนี้ เลยทำให้เธออดยิ้มตามครอบครัวของชลธีไม่ได้
ณ ร้านทองจินหยงที่มีนักดนตรีบรรเลงเพลงกล่อมลูกค้า ตั้งเช็งเอี๊ยงกับหลิวเจียหลินยืนต้อนรับลูกค้าอยู่มุมหนึ่ง สักครู่ ชลธีพาจันทร์ชมพูเข้ามา
"ป๊าม้า วันนี้เลิกเรียนแล้ว ผมจะอยู่ร่วมงานเลี้ยงที่โรงเรียนต่อนะครับ"
"โรงเรียนมีงานอะไรล่ะ"
"งานเลี้ยงอำลาเหล่าซือหยางหมิงครับ ท่านจะกลับปักกิ่งอาทิตย์นี้แล้ว" ชลธีบอก
"อ๋อ ที่ขอขนมเค้กม้าไปเลี้ยงเพื่อนๆน่ะเหรอ" หลิวเจียหลินถาม
"ครับม้า"
"งานใหญ่นี่นะ" ตั้งเช็งเอียงหันไปเปิดตู้ทองหยิบสร้อยที่มีจี้รูปพระจันทร์ออกมา "ชื่อจันทร์ชมพูน่าจะหมายถึงพระจันทร์ใช่มั้ย ป๊าให้ลื้อเป็นที่ระลึก"
จันทร์ชมพูยกมือไหว้ "ขอบพระคุณมากนะคะ"
ตั้งเช็งเอี๊ยงส่งทั้งสร้อยคอให้หลิวเจียหลินใส่ให้จันทร์ชมพู
ชลธีมองภาพที่แม่ใส่สร้อยให้จันทร์ชมพูแล้วก็ยิ้มหน้าบานจนตั้งเช็งเอี๊ยงต้องกระทุ้งศอกแซวลูกชาย
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 9 (ต่อ)
เมื่อนึกถึงเหตุกาณณ์ในอดีต ย่าหยาก็น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดหดหู่ว่าเธอทำกับคนที่รักเธออย่างบริสุทธิ์ใจทั้งสามคนได้อย่างไร
"จันทร์ขอโทษนะคะป๊า ม้า พี่ธี จันทร์ไม่คิดว่าเขาจะทำกับทุกคนขนาดนี้ จันทร์ไม่ขอให้ทุกคนยกโทษให้จันทร์ แต่ขอแค่รับรู้ได้มั้ยคะว่าจันทร์ไม่ได้ตั้งใจ..ได้มั้ยคะ" ย่าหยาน้ำตาไหลพราก "ได้โปรดรับคำขอโทษจากจันทร์ด้วย"
ย่าหยาค่อยๆ ทรุดเข่าลงกับพื้นแล้วก้มหน้าโค้งจนหน้าผากแตะกับพื้นอย่างสำนึกผิดสุดๆ
สักครู่ ย่าหยาก็เลื่อนตัวขึ้นมามองรูปทั้ง3คนนิ่งสักครู่ก่อนจะตัดสินใจลุกแล้วเดินออกมา แต่แล้วหางตาก็เหลือบเห็นอัลบั้มรูปที่มุมโต๊ะตัวหนึ่ง
ย่าหยาชะงักแล้วเดินไปที่โต๊ะ เธอค่อยๆหยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาเปิดดูก่อนจะลงนั่งที่เก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ รูปในอัลบั้มเซ็ทแรกเป็นรูปคู่ตั้งเช็งเอี๊ยงกับหลิวเจียหลินแต่งงานกันแบบคริสต์ ทั้งคู่ยิ้มมีความสุข เซ็ทต่อไปเป็นรูปตั้งเช็งเอี๊ยง หลิวเจียหลินและเล้งในวันแต่งงานของทั้งคู่ ต่อจากนั้นก็เป็นเซ็ทรูปธามกับชลธีในวัยเด็กตั้งแต่แบเบาะ หัดคลาน หัดยืน จนไปรร.อนุบาล เฉินอี้เสียงอุ้มธามในวัยเด็กที่อเมริกา ธามกับชลธีในช่วงวัยรุ่นถ่ายคู่กันกลางหิมะที่อเมริกา ธาม ชลธีถ่ายกับเฉิ่นอี่เสียงที่อเมริกา และที่ทำให้ย่าหยาแทบปล่อยโฮคือรูปในเซ็ทที่สี่ที่เธอเปิดถัดมา เพราะคือรูปที่ชลธีถ่ายภาพจันทร์ชมพูเก็บไว้ในทุกที่ที่เคยอยู่ด้วยกัน ที่รร.สอนภาษาจีน รูปทั้งคู่กับตั้งเช็งเอี๊ยงและหลิวเจียหลิน รูปที่ร้านรวงต่างๆแถวถนนหน้าฉั่วเทียนเหลา รูปคู่ที่ตั้งกล้องถ่ายที่ทะเล จนมาถึงรูปสุดท้ายซึ่งเป็นรูปที่ย่าหยาไม่นึกว่าจะได้เห็น นั่นคือรูปจันทร์ชมพูกำลังเดินกางร่มในวันที่ฝนตก โดยที่เธอหันหลังให้คนถ่าย
จู่ๆ เสียงธามก็ดังขึ้น "รูปผู้หญิงคนนั้น จันทร์ชมพู"
ย่าหยาตกใจที่จู่ๆธามเข้ามายืนข้างๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว
"ขอโทษนะคะที่เข้ามาในที่ส่วนตัวคุณ แล้วยังถือวิสาสะเปิดดูรูปส่วนตัวคุณด้วย"
"ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเราแล้วย่าหยา เธอเป็นเมียฉัน ฉันไม่มีอะไรต้องปิดบังเธอ รูปนี้เป็นรูปที่นายธีรู้สึกประทับใจผู้หญิงคนนั้นมากที่สุด มันเกิดขึ้น หลังจากที่เขาเจอเธอที่โรงเรียนสอนภาษาจีนได้ไม่กี่วัน"
ธามเบือนหน้าจากรูปนั้นมายืนเล่าอีกมุม
"วันนั้นหลังเลิกเรียน ฝนตกหนัก นายธีวิ่งตามหาเธอเพื่อจะเอาร่มไปส่งเธอที่บ้าน"
ระหว่างที่ธามเล่า ทั้งคู่ก็นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ชลธีกางร่มมองหาจันทร์ชมพูมาตามถนน ผ่านผู้คนที่เดินกางร่มและวิ่งหลบฝนไปมา ชลธีมองหาจันทร์ชมพูจนพบว่าเธอเดินอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้าม ชลธีดีใจจะข้ามถนนไปหาจันทร์ชมพูแต่แล้วก็มีชายแก่คนหนึ่งเดินข้ามถนน ในขณะที่มีรถคันหนึ่งแล่นผ่านมา ชลธีตกใจที่เห็น จันทร์ชมพูหันมาเห็นชายแก่และรถที่กำลังแล่นเข้ามาใกล้ก็ตัดสินใจในเสี้ยววินาทีวิ่งไปที่ถนน แล้วดึงชายแก่ให้หลบรถ รถแล่นผ่านชายแก่และหญิงสาวห่างไปแค่กระเบียดนิ้ว รถเบรคเอี๊ยด คนขับไขกระจกโผล่หน้าออกมาดูทำให้เห็นว่าเกี๊ยงเป็นคนขับ ก่อนจะเคลื่อนรถออกไป ชลธีรีบวิ่งข้ามถนนมาดูทั้งคู่ ที่ขยับเดินไปที่ฟุตบาท
"จันทร์" ชลธีถามชายแก่ "เป็นอะไรเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับแปะ"
ชายแก่ก้มหน้าก้มตาพูด "ไม่เป็นไร อั๊วไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ"
ชายแก่คนนั้นคือ ซ้ง ที่ติดหนวดขาวเพราะปลอมตัวมา ซ้งส่งสายตาสั่งจันทร์ชมพูให้เดินตามแผนต่อก่อนจะกุมหน้างุดเดินออกไปโดยไม่ให้ชลธีเห็นหน้า
ชลธีหันมาถาม "ไม่เป็นอะไรแน่นะครับ"
"ค่ะ" จันทร์ชมพูตอบ
"บ้านจันทร์อยู่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ จันทร์เดินไปเองได้ค่ะ" จันทร์ชมพูจะเดินออกมา
"เดี๋ยวครับ ผมลืมไปว่าธรรมเนียมไทย ไม่มีผู้หญิงที่ไหนยอมให้ผู้ชายไปส่งถึงบ้านโดยที่ไม่สนิทสนมกัน ถ้างั้น เอาร่มไปนะครับ ผมไม่อยากให้คุณเป็นหวัด"
ชลธีส่งร่มให้จันทร์ชมพู
จันทร์ชมพูยกมือไหว้ "ขอบคุณนะคะคุณธี"
"เรียกผมว่าพี่ธีดีมั้ยครับ พี่หน้าเด็กก็จริงๆ แต่แก่กว่าจันทร์หลายปี รับรอง"
จันทร์ชมพูเผลอหัวเราะออกมา รอยยิ้มและท่าทางขี้เล่นของชลธีช่างน่ารักและอ่อนโยนเสียจริง
"ขอบคุณมากค่ะ พี่ธี"
จันทร์ชมพูรับร่มมาแล้วเดินถือร่มออกไป ชลธีรีบหยิบกล้องถ่ายรูปออกจากกระเป่าสะพาย แล้วถ่ายรูปจันทร์ชมพูกางร่มจากทางด้านหลัง
รูปถ่ายจันทร์ชมพูจากทางด้านหลังอยู่ในมือย่าหยา น้ำตาย่าหยาหยดลงบนรูปหยดแล้วหยดเล่าธามพูดอย่างหยันๆ "ผู้หญิงคนนั้นซ่อนความร้ายกาจไว้ใต้หน้าที่อ่อนโยน ทำเป็นเสี่ยงชีวิตช่วยคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองคอยเงื้อมีดแทงคนข้างหลังตลอดเวลา"
"เห็นรูปแล้วเธอคงไม่สงสัยใช่มั้ยว่า ทำไมฉันถึงคิดว่าเธอคือ จันทร์ชมพู"
ย่าหยาแอบเช็ดน้ำตา "ค่ะ เขาเหมือนฉันมาก"
"ไม่เหมือน" ธามว่า "ผู้หญิงคนนี้มารยาสาไถย อยู่ใกล้ใครก็เหมือนไฟที่ทำให้เขามอดไหม้ไปด้วย"
ย่าหยากลืนก้อนสะอื้นลงคอ
"คุณธีคงรักจันทร์ชมพูมาก"
"มาก" ธามบอก
"และคุณธีคงรักคุณมากด้วย ไม่งั้นคงไม่เล่าเรื่องส่วนตัวให้คุณฟังละเอียดอย่างนี้ มันละเอียดจนเหมือนคุณ"
ธามรีบแทรก "อยู่ ในเหตุการณ์" ธามหันมาสบตาย่าหยา "ใช่ เธอเข้าใจถูกแล้ว ฉันอยู่ในเหตุการณ์"
ย่าหยาอึ้งและหูอื้อเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกระจกทั้งแผ่นที่จู่ๆ ก็เกิดรอยร้าวพร้อมแตกไปทั่ว
"คุณ พูดอะไร"
"เฮียธามประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิตที่อเมริกา แปะเฉินเดินทางมาบอกข่าวร้ายกับครอบครัว แต่กลับเจอเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่า ครอบครัวเราถูกใส่ ร้าย ถูกเผาทั้งเป็น ตัวฉันเกือบตายแต่รอดมาได้เพราะแปะเฉิน ท่านเอาฉันไปรักษาที่อเมริกา สอนฉันให้เป็นคนใหม่ ให้ฉันสวมชื่อเป็นเฮียธามเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่ความจริงก็คือความจริง เธอเป็นคนในครอบครัวฉันแล้ว ฉันไม่มีอะไรต้องปิดเธอ ฉันคือชลธี"
ย่าหยาช็อก ความรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกระจกร้าวที่พร้อมจะแตกได้แตกดังเพล้งจนไม่เหลือชิ้นดี
ภาพในอดีตย้อนกลับมา
ตอนที่ชลธีพูดกับเธอ "กินเลอะเป็นเด็กๆไปได้นะเรา"
ตอนที่ธามพูดประโยคเดียวกันกับย่าหยาแต่กิริยาดิบกว่า "กินเลอะเป็นเด็กๆไปได้"
ตอนที่ชลธีพูดจาสุภาพ อ่อนโยน น่ารัก "จะไปไหน มานี่ นั่งนิ่งๆ พี่เช็ดให้"
ตอนที่ธามดุเสียงเข้มหมือนดุเด็กๆ "จะไปไหน มานี่ นั่งนิ่งๆ"
ตอนที่ชลธีพูด "เสียงนาฬิกา ช่วยเตือนให้เรารู้ว่า ทุกวินาทีผ่านไปเหมือนสายน้ำ"
ตอนที่ธามบอกเธอ "เมื่อไหลผ่านไปแล้ว ก็ไม่มีวันหวนกลับ ”
ตอนที่ชลธีสอนเธอเต้นแทงโก้เพลง Ye Lai Xiang
ตอนที่ธามเต้นแทงโก้เพลง Ye Lai Xiang
ตอนที่ชลธีหอมหน้าผากจันทร์ชมพู
ตอนที่ธามหอมหน้าผากย่าหยา
แล้วสักครูย่าหยาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อธามหยิบปืนจากในลิ้นชักขึ้นมา
"ปืนที่ผู้หญิงคนนั้นใช้ยิงฉัน"
ย่าหยามองปืนในมือธามเขม็ง
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ซ้งปราดเข้ามาในบ้านพักตากอากาศชลธีก็เจอจันทร์ชมพูอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ย่าหยาผวาเมื่อเห็นซ้งถือปืนเล็งมาที่เธอ
ซ้งกดเสียงต่ำถาม "มันอยู่ไหน"
จันทร์ชมพูตัวสั่นปากสั่น "วะ วิ่งออกกำลังกายที่ชายหาด"
"มันกลับมาเมื่อไหร่ ลื้ออย่าให้มันออกไปไหนอีก อั๊วจะตามนายใหญ่ไปบ้านอาเช็ง แล้วจะกลับมาจัดการมันที่นี่”
"ขอฉันยิงเขาเอง นะ ฉันขอร้อง”
ซ้งปฏิเสธทันที "ไม่"
"แต่ถ้าเขาจะไปหาพ่อแม่เขา ฉันจะรั้งเขาไว้ได้ยังไง นอกจากทิ้งปืนไว้กับฉัน ฉันจะจัดการเขาเอง"
ซ้งลังเล
"ฉันไม่เอาชีวิตพ่อแม่ฉัน แลกกับผู้ชายคนนี้หรอก” จันทร์ชมพูบอก
"ถ้าลื้อไม่จัดการมัน พ่อแม่รวมทั้งตัวลื้อเอง ตาย เข้าใจมั้ย"
จันทร์ชมพูรีบพยักหน้ารับคำ ซ้งส่งปืนกระบอกนั้นให้จันทร์ชมพู หญิงสาวรับมาด้วยมือไม้ที่สั่น
เหตุการณ์ปัจจุบัน ธามกัดฟันพูดด้วยความแค้นที่ยังอัดแน่นอยู่ในใจ
"เสี่ยเล้งกับตำรวจตามหาปืนกระบอกนี้ เพราะมันสาวไปถึงคนบงการได้ แต่ไม่มีใครตามเจอ เพราะปืนมันอยู่กับฉัน" ธามเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง "ผู้หญิงคนนั้นยิงฉัน"
ย่าหยาเจ็บร้าวเหมือนถูกเข็มเป็นร้อยเล่มซัดเข้าที่กลางใจ
เหตุการณ์ในอดีต จันทร์ชมพูเดินออกมาอย่างพะวักพวงเมื่อเห็นชลธีวิ่งถือดอกไม้เลียบชายหาดโบกมือให้เธอมาแต่ไกล ใจของเธอเหมือนจะขาดเสียให้ได้นี่เธอต้องยิงเขาหรือ
จันทร์ชมพูผลุบกลับเข้ามาในบ้าน เธอหยิบปืนออกมาจากที่ซ่อนด้วยมือที่สั่นเหมือนปืนจะหลุดจากมือซะให้ได้
ชลธีถือช่อดอกลั่นทมวิ่งขึ้นมาบนบ้าน
เขาร้องทักจันทร์ชมพูซึ่งสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จันทร์ชมพูซ่อนปืนในกระเป๋ากระโปรงก่อนจะใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกหมาดๆของตัวเองมาบังไว้
"หาจนทั่วแล้ว ไม่มีบ้านไหนปลูกกุหลาบชมพู พี่เจอลั่นทมกลางทางเลยเด็ดมาให้"
จันทร์ชมพูถึงกับน้ำตาร่วง เธอโผเข้ากอดชลธีแน่นโดยยังไม่ได้รับดอกลั่นทมมา
"พี่ธีรู้ไว้นะคะ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน จันทร์รักพี่ธีคนเดียว"
ชลธีกระซิบตอบ "พี่รักจันทร์จ้ะ"
สิ้นเสียงชลธี เสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัด
กระสุนพุ่งถากเอวชลธี เลือดพุ่งใส่ดอกลั่นทมที่อยู่ในมือของเขา ชลธีสะดุ้งเฮือก ตาเบิกโพลง เข่าทรุดลง ตาของเขายังมองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องยิงเขา
จันทร์ชมพูผงะออกมาทำอะไรไม่ถูก เธอตัดสินใจยิงเฉียดชลธีอีก 1 นัดเพื่อให้คนที่รออยู่ข้างนอกเชื่อว่าเธอยิงเขา 2 นัดและเขาก็น่าจะตาย แต่ชลธีกลับคิดว่าจันทร์ชมพูตั้งใจยิงเขาอีกนัดแต่ยิงพลาด ชลธีฟุบลง หน้าแนบพื้นแล้วตาก็ค่อยๆปิดลง ย่าหยาขยับถอยออกมาเพราะทำอะไรไม่ถูก ในที่สุดตัดสินใจจะเข้ามาช่วยชายหนุ่ม แต่ซ้งวิ่งเข้ามาทางด้านหลังชลธีเสียก่อน
"ตายรึยัง" ซ้งถาม
"ตะ ตายแล้ว" จันทร์ชมพูตอบ
ซ้งเล็งปืนมาที่ชลธีกะยิงอีกนัดให้แน่ใจว่าตายจริง
จันทร์ชมพูรีบขัดไว้ "ฉันยิงมันเข้าหัวใจทั้ง 2 นัด มันตายแล้ว"
"งั้นก็รีบไป"
จันทร์ชมพูรีบวิ่งออกไปกับซ้ง ในจังหวะที่จะพ้นขอบประตู จันทร์ชมพูก็หันมามองด้านหลังของชลธีแล้วก็น้ำตาหยดแหมะและนี่คือภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นเขา จังหวะที่จันทร์ชมพูน้ำตาหยดชลธีก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมาจับปืนของจันทร์ชมพูที่หล่นอยู่ที่พื้น
เหตุการณ์ปัจจุบัน ธามแค้นจัดจนกลั้นไม่อยู่ เขาปล่อยโฮหลังจากที่ฝืนทนมานาน
"ฉันไม่รู้ว่าจิตใจผู้หญิงคนนั้นทำด้วยอะไร เขาทำอย่างนั้นได้ยังไง ยิงฉันทั้งๆที่ฉันเพิ่งสวมแหวนแต่งงานให้เขาได้ไม่กี่ชั่วโมง ฉันอยากเจอเขา อยากจัดการให้สาสมกับที่เขาทำกับฉัน แต่เขาก็ตายไปแล้ว ทิ้งความทรงจำ ความเจ็บปวดไว้กับฉันคนเดียว"
ย่าหยาโผเข้าไปกอดธามแน่นเหมือนแม่ที่เข้าไปโอบกอดลูกน้อยที่สะอื้นฮัก
ย่าหยากล้ำกลืนฝืนใจมาก "คุณจะไม่เจ็บปวดคนเดียวคุณธาม ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องชดใช้ให้คุณ"
โบตั๋นกลับจากทำงานแล้วเปิดประตูเข้ามาในห้อง เธอเห็นโต๊ะอาหารมีข้าวและกับวางอยู่ พร้อมด้วยเชิงเทียนเล็กๆที่จุดเทียนไว้ 1 เล่ม โบตั๋นเดินมาที่โต๊ะก็เห็นเฉียงซึ่งซ่อนอยู่ที่หลังประตู เดินตามหญิงสาวมา
โบตั๋นมองหา "อาเฉียง อาเฉียง"
"อยู่นี่ครับ"
โบตั๋นหันมาเห็นเฉียง เฉียงยื่นดอกกุหลาบสีชมพูที่ซ่อนไว้ด้านหลังให้
"แด่ผู้หญิงที่ผมรักครับ"
โบตั๋นรับดอกไม้มาแล้วก็น้ำตาคลอเพราะซาบซึ้ง "อาเฉียง"
"มันไม่สวยแล้ว ผมซื้อทิ้งไว้นาน กว่าจะกลับมาแช่น้ำก็หลายชั่วโมง อีกอย่างคุณอาจจะไม่ชอบ เพราะมันไม่ใช่กุหลาบสีแดง"
"จะดอกอะไร สีไหน มันไม่สำคัญสักนิด ฉันเคยได้ดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่จากเฮีย แต่เฮียให้อาจิวเอามาให้ ฉันชอบมากแต่มันไม่อิ่มใจเหมือนกับที่ได้กุหลาบดอกนี้ ขอบคุณนะคะอาเฉียงที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอีกครั้ง"
"คุณมีคุณค่าสำหรับผมเสมอ ผมรักคุณโบตั๋น ผมอยากบอกคุณอย่างนี้ทุกนาทีเพราะผม รักคุณ เหลือเกิน"
โบตั๋นโผเข้ากอดเฉียงแน่นเหมือนจะซึมซับความอบอุ่นนั้นไว้ตลอดไป
ย่าหยาหน้าเขม็งเพราะเครียดจัด เธอสับสนเพราะตัดสินใจไม่ถูกระหว่างแค้นที่ต้องชำระให้พ่อแม่ กับความจริงเรื่องจันทร์ชมพูที่ต้องบอกธาม ถ้าบอกเขา เขาจะปล่อยให้เธอมีลมหายใจไปจัดการเสี่ยเล้งมั้ย สักครู่ย่าหยาก็ต้องตัดความกังวลทิ้งไปชั่วคราว เมื่อธามยื่นช่อดอกกุหลาบสีชมพูให้เธอ
ธามเข้ามากอดย่าหยา "ชอบมั้ย”
"ชอบค่ะ ฉันชอบกุหลาบสีนี้ที่สุด"
ธามชะงักไปเล็กๆ "เหมือนใครบางคน"
ย่าหยากลั้นใจถาม "จันทร์ชมพูเหรอคะ"
"เลิกพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเถอะ เขาไม่มีอะไรให้น่าจดจำแม้แต่นิดเดียว"
ย่าหยานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
ชลธียื่นดอกกุหลาบเข้าช่อเป็นบูเก้ต์ให้จันทร์ชมพู หญิงสาวทั้งเซอร์ไพร์สทั้งดีใจ
"ยินดีด้วยจ้ะที่เรียนจบหลักสูตรแล้ว"
"อะไรกันคะพี่ธี นี่มันช่อดอกกุหลาบที่จันทร์ไปสั่งให้พี่ธีนี่นา ไหนบอกจะเอาไปให้เพื่อนคะ"
"ก็พี่อยากแสดงความยินดีกับจันทร์ แต่ไม่รู้นี่ว่าจันทร์ชอบดอกไม้แบบไหน สีอะไร ถ้าไม่วานให้ไปเลือกแบบที่ชอบให้เพื่อน แล้วพี่จะรู้เหรอว่าจันทร์ชอบกุหลาบสีชมพู"
จันทร์ชมพูเขิน "พี่ธีนี่ ร้ายจริง"
"ชอบใช่มั้ย" ชลธีถาม
"ที่สุดค่ะ"
ชลธีเขิน "งั้นขอรางวัลนะ ตรงนี้" ชลธีชี้ที่แก้มให้จันทร์ชมพูหอม
จันทร์ชมพูเขินมาก เธอมองซ้ายมองขวาเห็นไม่มีใครเลยรีบหอมแก้มชลธีไวปานวอก
"อย่างนี้เขาเรียก ไม่ตั้งใจ" ชลธีบอก
"จันทร์ตั้งใจแล้ว"
"แต่ผิดวิธี ที่ถูก ต้องทำแบบนี้"
ชลธีมองจันทร์ชมพูหวานหยดก่อนจะค่อยๆเคลื่อนจมูกลงมาหอมแก้มหญิงสาวแผ่วเบา
เหตุการณ์ปัจจุบัน ย่าหยามองธามน้ำตาคลอ
ธามเอามือเช็ดน้ำตาให้ "ร้องไห้ทำไม"
"ขอบคุณมากนะคะที่ใส่ใจฉันเสมอ"
"ก็ฉันรักเธอ"
ย่าหยาน้ำตาหยดแหมะ "ฉันก็รักคุณค่ะคุณธาม รักมาก"
ธามเช็ดน้ำตาให้ย่าหยาอย่างอ่อนโยน
ธามยิ้มปลอบ "ไม่ต้องมากก็ได้ ขอแค่ไม่ทรยศเท่านั้นก็พอ"
ย่าหยาโผเข้ากอดธาม เธอรู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะกรีดร้องให้ดังก้องโลก
เล้งยืนดูรูปถ่ายตัวเองในชุดเจ้าบ่าวที่ยืนเคียงข้างเจ้าสาวคือย่าหยา เล้งดูรูปคู่ระหว่างเขากับย่าหยาทีละใบๆ ด้วยหัวใจพองฟู สักครู่รอยยิ้มก็หายไปเมื่อไล่ดูมาถึงรูปที่ธาม ย่าหยา เล้ง ยืนเคียงกัน เล้งไล่ดูรูปถ่ายสามคนทีละใบๆ แล้วค่อยๆฉีกรูปธามออกไปเหลือเพียงรูปตัวเองกับย่าหยา
เล้งฉีกรูปธามทิ้งทีละใบ แล้วโปรยทิ้งลงบนพื้นด้วยลีลายียวน
จบตอนที่ 9