xs
xsm
sm
md
lg

เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 3

ธามวิ่งถือผ้าเช็ดหน้าออกมาหน้าศาลเจ้า ธามหันไปมองรอบๆ บริเวณแต่ไม่เห็นใคร เขาจึงตัดสินใจวิ่งออกไปทางหอสวดมนต์


ย่าหยาพูดกับซินแสหน้าสลด
"หยาฝากของทุกชิ้นที่ส่งมาให้พี่ธีกับซินแสก่อนนะคะ เผื่อวันไหน ซินแสได้เจอพี่ ซินแส" ย่าหยาตัดบททันที "อั๊วบอกแล้ว ลื้อจะไม่ได้เจออาธีอีก ตัดใจซะอาหยา"
ย่าหยาอึ้ง หน้าสลดแต่ไม่ยอมรับคำ "หยาลานะคะซินแส แล้วหยาจะมาเยี่ยมใหม่ค่ะ"
ย่าหยาเดินออกไปทางถนนหน้าศาลเจ้า ธามถือผ้าเช็ดหน้ามาจากอีกทาง เขาหันมาเห็นซินแส
"ซินแส" ธามเรียก
ซินแสแปลกใจ "อาธาม"
"ซินแส ผู้หญิงคนนั้น เอ่อ เมื่อกี้มีผู้หญิงเข้าไปไหว้พระในศาลเจ้าใช่มั้ยครับ"
"ใช่"
"เธอน่าจะยังอยู่ที่นี่เพราะธูปไหว้มอดยังไม่ถึงครึ่ง ซินแสเห็นเธอบ้างมั้ยครับ" ธามถาม
"เห็น" สินแซตอบ
ธามดีใจ "อยู่ไหนครับ"
"ไปแล้ว อีเพิ่งไป"
ธามหน้าเจื่อน "เดี๋ยวผมมานะครับซินแส"
เมื่อขอตัวเสร็จ ธามก็วิ่งตรงรี่ไปที่ประตูด้านหน้า


ย่าหยายืนรอรถลากอยู่ริมถนน รถลากคันหนึ่งผ่านมา ย่าหยาเรียกให้จอด ธามวิ่งออกมาจากศาลเจ้าแล้วมองหาผู้หญิงปริศนาทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเธอคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง ผู้หญิงผู้ชายจำนวนหนึ่งเดินผ่านหน้าธามไป ในขณะที่ย่าหยาบอกจุดหมายปลายทางเจ๊กลากรถ เมื่อคนเดินผ่านไปหมดแล้ว ธามที่ควรจะได้เห็นย่าหยาก็ไม่เห็นเพราะเป็นจังหวะที่ย่าหยาก้าวขึ้นรถลากไปพอดี
รถลากเคลื่อนผ่านหน้าธาม ในขณะที่ธามขยับมายืนอยู่ริมถนน เขายืนหมุนคว้างไปรอบตัวและถูกกลืนไปโดยผู้คนที่เดินไปเดินมาแถวนั้น


ซินแสง้วงกำลังกวาดลานรอบศาลเจ้า ธามเดินคอตกเข้ามา
"อีเป็นใคร" ซินแสถาม
"ผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตผม" ธามบอก
"ในโลกนี้มีผู้หญิงตั้งมากมาย ทำไมลื้อคิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน"
"มีผู้หญิงมากมายในโลกนี้ก็จริง แต่คงไม่มีใครเลือกผ้าสีเดียวกัน ปักด้วยไหมแบบเดียวกัน และใช้ลายปักเหมือนกันบนผ้าเช็ดหน้าแบบนี้"
ธามยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ซินแสดู ซินแสเห็นลวดลายและสีสันบนผ้าแล้วก็อึ้งเพราะเป็นผ้าและลายที่เหมือนกับที่ย่าหยาส่งมาให้ซินแสเป็นสิบๆ ผืนเพื่อให้ซินแสเก็บไว้ให้ชลธีทุกประการ
"ผมเคยได้ผ้าเช็ดหน้าแบบเดียวกันนี้จากผู้หญิงที่มีบุญคุณกับผมที่เซี่ยงไฮ้"
"ลื้อสองคนมีชะตาร่วมกัน" ซินแสบอก
"เธอคงมาเที่ยวที่นี่แล้วคงกลับเซี่ยงไฮ้เลย" ธามถอนใจ "ผมอยากเจอเธอสักครั้ง อยากจะขอบคุณ จนโอกาสมาถึงแล้ว แต่ก็คลาดกันจนได้"
ซินแสกวาดพื้นต่อ "คนเรามักมองหาสิ่งที่อยู่ไกลตัว มากกว่าสิ่งที่อยู่ใกล้"
ธามไม่ทันได้ค้นหานัยยะที่ซินแสซ่อนไว้ในคำพูด เขานึกถึงอีกเรื่องที่สำคัญและต้องบอกซินแสมากกว่า
ธามตัดสินใจพูด "จันทร์ชมพูตายแล้วครับซินแส ผมไปเจอศพเขามา"
ซินแซชะงักแล้วหันมามองธาม


ซินแสเทน้ำชาลงถ้วยแล้วส่งให้ธาม
"ลื้อทำถูกแล้วที่ให้อภัยอี" ซินแสบอก
ธามยังแค้นใจ "ผู้หญิงคนนั้นทำผมฝันร้ายมาเจ็ดปี"
"การให้อภัยจะทำให้ลื้อหลุดพ้นจากฝันร้าย"
"ที่ให้อภัยก็เพราะเห็นว่าอีตายชดใช้กรรมไปแล้ว แต่ไอ้คนบงการที่มันยังมีชีวิตอยู่ ผมไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด"
ซินแสมองธามที่นั่งขบกรามกำมือแน่นแล้วถอนใจเพราะรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจไปอีกนาน


วันต่อมา เล้งกำลังเช็ดปืนในมือ ซ้งวางแก้วกาแฟดำลงตรงหน้าเล้ง
"กาแฟครับ นายใหญ่"
เล้งชะงักเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา เล้งเอ่ยถามย่าหยา "กาแฟมั้ย"
"ไม่ค่ะ ฉันไม่ดื่มกาแฟ ขอเป็นชานมเย็นที่หนึ่งค่ะ ขอนมข้น 2 ช้อน น้ำตาล 1 ช้อนนะคะ" ย่าหยาบอก

เล้งนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต ณ ร้านกาแฟเอี๊ยะแซ ในปีพ.ศ.2469 เล้งในวัย 20 กำลังเก็บแก้วของลูกค้าเก่าลงกระป๋องสังกะสี เจินวัย 17 เดินเข้ามา เล้งเงยหน้ามองเจินแล้วเชิญให้นั่ง
"เชิญครับคุณเจิน เชิญ"
"ขอบใจนะอาเล้ง"
เจินลงนั่ง หลิวเจียหลิน แม่ของชลธีในวัย 17 ปีตามเข้ามานั่งข้างๆ
เล้งที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะเอ่ยถาม "สั่งอะไรดีครับ"
"เจียหลิน เอาอะไร"
เล้งที่ยังเช็ดไม่เสร็จถามต่อ "กาแฟมั้ยครับ"
"ไม่ค่ะ ฉันไม่ดื่มกาแฟ" เจียหลินบอก
เล้งเงยหน้าขึ้นมาเพราะเสียงอันไพเราะจับใจของเจียหลิน
"เอาชานมเย็นค่ะ ขอนมข้น 2 ช้อน น้ำตาล 1 ช้อนนะคะ"

เล้งตะลึงในความงามของเจียหลิน

เล้งนั่งนิ่ง ใจร้อนผ่าวอย่างไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาหวั่นไหวได้เหมือนเจียหลิน
 
แต่ทำไมตอนนี้ใจของเขากลับไปนึกถึงผู้หญิงอีกคนซึ่งก็คือ ย่าหยา เพราะผู้หญิงสองคนนี้มีรสนิยมที่เหมือนกัน พักหนึ่งเล้งก็ซัดกาแฟเข้าไปหนึ่งอึกเพื่อดับความฟุ้งซ่านและจะตัดเรื่องรกใจออกไปจากสมอง 
"อาซ้ง ลื้อเตรียมคนให้พร้อม" เล้งส่งปืนให้ซ้ง
ซ้งรับปืนมาแล้วยิ้มเหี้ยม "ทำอะไร นายใหญ่"
เล้งยิ้มเจ้าเล่ห์

ย่าหยาก้าวเข้ามาด้วยหน้าตาไม่สบายใจ
"กลับเซี่ยงไฮ้ ทำไมคะอาปา" ย่าหยาถาม
"ทุกคนคิดว่าอั๊วตายไปแล้ว ถ้ามีใครเห็นอั๊วที่นี่ ลื้อจะไม่ปลอดภัย เสี่ยเล้งมันจับตามองลื้ออยู่" พ้งบอก
"หยาจะหาโอกาสเข้าใกล้มันอีก"
"ดี แต่อย่าลืม ยิ่งทำตัวมีค่ามากเท่าไหร่ มันจะยิ่งเห็นคุณค่าลื้อมากเท่านั้น เหมือนเจียหลิน"
"หยาจะระวังตัว"
"เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ลื้อต้องใจเย็น โอกาสที่จะเข้าใกล้เสี่ยเล้งมีไม่มาก และลื้อลงมือได้แค่ครั้งเดียว"
"หยารู้"
พ้งส่งกุญแจบ้านให้ "บ้านหลังนี้เป็นของลื้อ มาพักที่นี่ได้ตลอดเวลา"
ย่าหยายกมือไหว้พ้งน้ำตาคลอ "ขอบคุณอาปามากนะคะที่ช่วยเหลือหยาทุกอย่าง"
พ้งเอามือลูบหัวด้วยดวงตาที่ดูอ่อนโยน "แน่ใจนะว่าจะเอาตัวเข้าแลกอย่างนี้"
ย่าหยาน้ำตาคลอ "ชีวิตหยาเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ขอแค่จัดการไอ้คนชั่วนั่นได้ ถึงต้องตายอีกครั้งหยาก็ยอม"
"ไอ้เล้งมันไม่ข่มเหงคนที่มันรัก ถ้าลื้อทำให้มันรักได้ มันไม่กล้าทำอะไรลื้อ จำไว้"
ย่าหยาพยักหน้า พ้งสวมกอดย่าหยาด้วยความรู้สึกว่าถึงไม่ใช่ลูกแต่เขาก็ผูกพันกับเธอ


เล้งกำลังซ้อมวงสวิงกอล์ฟที่สนาม เกี๊ยงยืนอยู่กับฮกและฮั้วที่มุมหนึ่ง ซ้งเอากาแฟดำมาเสิร์ฟเล้ง
"ลื้อหายไปไหนมา" เล้งถาม
"อั๊วไปจับอาหยาตามที่เสี่ยสั่ง แต่มีคนมาช่วยอีไว้ พวกนั้นมันรุมแทงรุมซ้อมเราสองคนจนสลบ"
"พวกมันเป็นใคร" เกี๊ยงถาม
"อั๊วไม่รู้ มันมากัน 3 คน"
เล้งเหล่มองทั้งคู่ก็เห็นว่าทำแผลมาเรียบร้อยแล้ว
"ใครพาลื้อไปโรงพยาบาล" เล้งถาม
"เอ่อ ซินแสง้วงครับ พวกมันโยนเราไว้ที่ศาลเจ้า ซินแสมาเจอ เลยพาไปหาหมอ" ฮั้วบอก
เล้งพยักหน้ารับรู้ "วันนี้อั๊วมีงานสำคัญให้ลื้อทำ ลื้อจะทำกันไหวเหรอ"
ฮกกับฮั้วใจชื้นที่เล้งไม่ติดใจสงสัย จึงรีบรับปากแข็งขันเพื่อเอาใจ
"ไหวครับ ไหว"
เล้งยิ้ม "ดี ลื้อไปนอนพักเอาแรงก่อน ได้เรื่องเมื่อไหร่ อั๊วจะให้อาซ้งไปตาม"
"เสี่ยจะให้เราสองคนทำอะไร" ฮั้วถาม
"พังร้านอาเต๋อ เรียกค่าคุ้มครองมัน บอกมันว่าเป็นคำสั่งเฮียกระทิง ใครมีปัญหา ตาย" เล้งบอก
เล้งเดินยิ้มเหี้ยมออกมาพัดกอล์ฟที่สนาม ฮกกับฮั้วหันมามองหน้ากันก่อนจะเดินออกไปที่ห้อง
ซ้งกับเกี๊ยงหันมามองเล้งด้วยความแปลกใจ


เล้งพัดกอล์ฟหน้านิ่ง ซ้งกับเกี๊ยงเดินเข้ามาหาเล้งแล้วถามด้วยความแปลกใจ
"นายใหญ่ใจดีกับไอ้สองตัวนั่นมากไปรึเปล่า" ซ้งสงสัย
"อั๊วว่ามันมีพิรุธนะ ให้อั๊วเค้นคอมันดีกว่าว่ามันหายไปไหน" เกี๊ยงว่า
"ไม่ต้อง อั๊วมีวิธีจัดการกับคนทรยศ มันคงไม่รู้ว่าซินแสง้วงรักษาคนด้วยสมุนไพรจีน อีไม่เคยพาใครไปโรงพยาบาล" เล้งบอก
"จริง" เกี๊ยงยอมรับ
เล้งหันมาสั่งซ้ง "ทันทีที่ไอ้ฮั้วประกาศว่าไอ้ธามเรียกค่าคุ้มครอง ลื้อปิดปากมันได้เลย ส่วนไอ้ฮกดึงไว้จัดการไอ้ธามทีหลัง"
ซ้งแสยะยิ้ม แต่เล้งยิ้มเหี้ยมยิ่งกว่า


ฮกนอนก่ายหน้าผากบนเตียง ฮั้วเอนตัวลงก่ายหน้าผากตาม
ฮั้วถอนใจโล่งอก "ค่อยยังชั่ว รอดมาได้ ไม่รู้เราต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่นะเฮีย คิดถึงลูกเมีย อั๊วอยากกลับบ้าน"
"เป็นไปไม่ได้ ลื้อก็เห็นว่าศพอาสมชายเป็นยังไง อาหลงอีกคน หายตัวไปไหน ผ่านไป 7 ปี ไม่มีใครเห็นแม้แต่ ศพ" ฮกบอก
"อั๊วยังไม่อยากตาย เฮีย เมียอั๊วจะทำยังไง ลูกก็ยังเล็ก"
"เราถึงต้องอดทนไง"
"อั๊วอยากไปอยู่กับอาธาม ถึงอีจะน่ากลัวแต่ก็ไม่เคยฆ่าเราสักครั้ง ทั้งๆที่อีทำได้"
ฮกพยักหน้า "แต่เราจะทำยังไง แค่เริ่มต้นผิด เราก็ไม่มีสิทธิ์แก้ตัวแล้ว"
ฮั้วคิดได้ก็ลุกขึ้นมานั่ง "เราเอาเรื่องที่เสี่ยจะโยนความผิดให้อีไปบอกอีก่อน ดีมั้ย"
"มันเสี่ยงนะอาฮั้ว"
"ชีวิตเราก็เหมือนยืนอยู่บนปากเหวนะเฮีย ถ้าไม่สู้ เราก็ต้องอยู่กับความกลัวแบบนี้ไปจนตาย ยังไงเราก็ต้องตาย ก่อนตาย ขอทำอะไรที่คิดว่าดีสักครั้ง นะเฮีย"
ฮกกับฮั้วพยักหน้าให้กันก่อนจะพากันเดินไปเปิดประตู แล้วทั้งคู่ก็ต้องผงะเมื่อเห็นซ้งยืนอยู่ตรงหน้า
"นายใหญ่เลื่อนเวลา อาฮั้ว ลื้อไปกับอั๊ว อาฮก ลื้อไปกับนายใหญ่"

ฮกกับฮั้วได้แต่พยักหน้าแล้วแอบชายตามองกัน

ย่าหยาเดินออกมาหน้าโรงแรม แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นธามยืนอยู่ตรงหน้า
 
"ขอเวลาหน่อยได้มั้ย" ธามบอก
"ไม่ว่าง ฉันต้องไปทำงาน" ย่าหยาบอก
พูดจบย่าหยาก็เดินหนี
"ฉันขอโทษที่เข้าใจเธอผิด" ธามบอก
ย่าหยาชะงึกกึกพร้อมกับคิดว่าหูฝาดไปแล้วแน่ๆ ที่เฮียกระทิงมา “ขอโทษ” เธอแบบนี้
ธามเดินมายืนข้างๆ "ขอคุยด้วยหน่อย ไม่นานหรอก เดินไปคุยไปก็ได้"
ย่าหยายังนิ่งอึ้ง ธามไม่รอคำตอบ เขาดึงแขนย่าหยาออกมาทันที ย่าหยาเหวอ

ธามฉุดย่าหยาเดินมาอย่างต่อเนื่อง
"ปล่อย หนีบแน่นยังกับก้ามปู จะคุยอะไรก็คุยไปสิ ปล่อย"
ธามยอมปล่อยมือ "ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่จันทร์ชมพู"
ย่าหยาใจหายวาบแต่ก็กลบเกลื่อนเนียนๆด้วยการเป็นฝ่ายเดินนำออกมา
"ก็ฉันบอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น คุณก็ไม่เชื่อ นี่ไปฟังใครมาล่ะ"
ธามหน้านิ่ง แววตาของเขาหมองไปแค่แวบเดียว "ผู้หญิงคนนั้นตายแล้ว"
ย่าหยากลืนน้ำลายลงคอ "คุณ รู้ได้ยังไง"
"เธอไม่ต้องรู้หรอก ฉันแค่อยากจะขอโทษเธอแค่นั้น"
ย่าหยารวบรวมความกล้าถามออกมาเพราะอยากรู้จริงๆว่าธามรู้อะไรเกี่ยวกับจันทร์ชมพูบ้าง
"เธอเป็นคนรักคุณเหรอ"
ความเจ็บปวดของธามแล่นปรี๊ดขึ้นมาอีก เขาตอบทันที "ไม่ใช่”
"แต่ ฉันเห็นคุณตามหาเธอตลอด"
ธามตาดุมาก "ผู้หญิงที่ทำให้น้อง ให้พ่อแม่ฉันตาย ฉันสมควรตามหามั้ยล่ะ"
ย่าหยาอึ้งและน้ำลายหนืดคอ "ถ้างั้นคงเป็นโชคดีของผู้หญิงคนนั้น ที่เธอ ตายไปแล้ว"
ย่าหยาปรับสีหน้าและอารมณ์ก่อนจะรีบชิ่งออกมา ธามเดินตาม


ย่าหยาเดินจ้ำมาตามถนน โดยมีธามตามมาดึงมือเธอเอาไว้
"มีอีกเรื่องหนึ่ง" ธามบอก
ย่าหยาบิดมือออก "อะไรอีกล่ะ"
"ฉันอยากได้เลขา เธอมาทำงานกับฉันมั้ย อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ ว่ามา"
"ฉันไม่ได้อยากเป็นเลขา ฉันชอบงานที่ฉั่วเทียนเหลา"
ธามพูดอย่างจับผิด "ชอบเป็นพนักงานเสิร์ฟ"
ย่าหยารู้ทันจึงพูดกลบเกลื่อน "นั่นแค่เริ่มต้น ปีหน้าคุณสุ่ยสัญญาว่าจะให้ฉันเป็นนักร้อง"
"เธอยอมเสิร์ฟอาหารเพื่อจะเป็นนักร้อง ตวาดคนแว้ดๆแบบนี้ ร้องเพลงเป็นกับเขาด้วยเหรอ"
ย่าหยาชักสีหน้า "เพราะมากจะบอกให้"
"ไหน..ร้องให้ฟังหน่อยซิ"
ย่าหยาอึดอัด
ธามพูดดัก "ไม่กล้า ร้องไม่เป็น"
"เป็น ร้องให้ฟังเป็นบุญหูก็ได้"
ธามเห็นย่าหยาตีหน้ายักษ์ด้วยความฉุนจัดแล้วก็เผลอหัวเราะออกมา ย่าหยาสูดหายใจลึกแล้วร้องเพลง Meng Zhong Ren
“yue se na yang mo hu da di long shang ye wu
wo de meng zhong de ren er ya
ni zai he chu
yuan ting hai chao qi fu
song feng zheng zai ai su
wo de meng zhong de ren er ya
ni zai he chu”
ธามซึ่งกำลังหัวเราะย่าหยาถึงกับขำไม่ออกเมื่อได้ฟังเพลงที่หญิงสาวร้องเพียงแค่ประโยคแรก เขามองย่าหยาแล้วนึกถึงจันทร์ชมพู
ธามมองเห็นย่าหยาและจันทร์ชมพูร้องเพลงนี้สลับกัน จนสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวจึงตวาดเสียงดัง "หยุด"
ย่าหยาชะงักกลางอากาศ
"เพลงเพราะๆ ร้องซะห่วยแตก" ธามว่า
ย่าหยาโกรธ "เออ ฉันร้องเพราะเมื่อไหร่แล้วอย่ามาอ้อนวอนขอให้ร้องให้ฟังล่ะ"
ย่าหยาสะบัดหน้าพรึดแล้วเดินหนีออกไป ธามรู้สึกตัวแล้วก็แอบเดินตามอย่างมีฟอร์ม


ย่าหยาเดินตึงๆ มาตามทาง สักครู่ธามก็จ้ำตามมาจนทันแล้วเดินเคียงกัน
ย่าหยาฉุนจัด "คุณไม่มีงานการทำรึไงห๊ะ คุณเฮียกระทิง มาเดินตามฉันอยู่ได้"
ธามพูดกวนหน้าตาย "ฉันเดินตามเธอเหรอ ฉันมาทำงาน"
ย่าหยาเห็นท่ายียวนกวนประสาทของธามแล้วจึงผละออกมา โดยไม่ทันมองว่ามีจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ปั่นเร็วจี๋มาตามฟุตบาท
คนส่งหนังสือพิมพ์ร้องลั่น "ไจกวง"
คนส่งหนังสือพิมพ์เบรกไม่ทันแต่ธามรวบตัวย่าหยาหลบจักรยานได้ ทำให้ย่าหยาอยู่ในอ้อมกอดธามไปโดยปริยาย
"ไจกวง แปลว่า หลบ เข้าใจมั้ย" ธามบอก
หยกมณีเดินเข้ามาเห็นทั้งคู่ก็ตาโต
"อะไรกันค้าเฮียกระทิง คนนี้น้องสาวหยกนะคะ รักพี่แล้วดอดมาจู๋จี๋กับน้องมันไม่งามนะคะ คนไทยเรียกพญาเทครัวค่ะ"
ธามเก้อจนวางหน้าไม่ถูก ในขณะที่ย่าหยารีบผละออกจากธามทันที
หยกมณีทำหน้าตาสอดรู้มาก "เจอกันที่ไหนคะเนี่ย"
ทั้งคู่ตอบพร้อมกันแต่ไม่เหมือนกัน "เพิ่งเจอค่ะ / ที่โรงแรม"
หยกมณีเลือกฟังธาม "โรงแรม"
ย่าหยาหันไปค้อนธาม "คุณ"
"ก็ฉันไปดักเจอเธอที่โรงแรมจริงๆนี่" ธามบอกหยกมณี "พอดีมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย"
หยกมณีแซว "ไม่นิดล่ะคะ ระยะทางจากที่นั่นมานี่ น่าจะคุยกันได้นานอยู่"
"หยาขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะคะแจ้" ย่าหยารีบจ้ำเข้าไปในร้าน
"ไม่รีบใช่มั้ยคะเฮีย ไปเจี๊ยะเต้ก่อนค่ะ"

หยกมณีควงธามเข้าไปในภัตตาคาร โบตั๋นยืนมองนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง

หยกมณีเดินควงแขนธามเข้ามามองหาโต๊ะ ภายในร้านเล้งนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำกับเกี๊ยงและฮก
 
หยกมณีโปรยเสน่ห์ออดอ้อน "เสี่ยเล้ง มานานรึยังคะ"
"ไม่นาน" เล้งทักทายธาม "อาธาม นั่งด้วยกันสิ"
"ไม่รบกวนดีกว่าครับ ผมนัดอาเฉียงกับอาจิวมาคุยเรื่องงาน เกรงจะไม่สะดวก"
เฉียงกับจิวเดินเข้ามาในร้านพอดี "เฮีย"
เล้งเช็คปฏิกิริยาฮก "อาฮก ลื้อรู้จักอาธามแล้วใช่มั้ย"
ฮกอึกอัก "เอ่อ..”
เฉียงกับจิวแอบเหล่กัน
"ผมไม่เคยเห็นหน้าลูกน้องเสี่ยคนนี้ เพิ่งมาอยู่มังกรดำหรือครับ"
ฮกแอบถอนใจเฮือกเพราะโล่งอกที่ธามช่วยชีวิตเอาไว้
เกี๊ยงพูดกวน "อีอยู่กับนายใหญ่มานานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคุณธามไม่เคยเห็นหน้า"
"เฮียติดต่อธุรกิจทั้งวัน จะเอาเวลาที่ไหนไปจำพวกลูกกระจ๊อกที่มีอยู่เต็มเยาวราช" เฉียงว่า
"อย่าว่าแต่ไอ้นี่เลย ถ้าลื้อไม่เกาะติดเสี่ยเป็นเห็บหมาแบบนี้ อั๊วก็จำลื้อไม่ได้เหมือนกัน" จิวบอก
เกี๊ยงลุกพรวด "ไอ้จิว"
เล้งห้ามเกี๊ยงเสียงดัง "นั่งลง อาเกี๊ยง"
หยกมณีรีบไกล่เกลี่ย "เอ่อ เฮียกระทิงนั่งโต๊ะประจำโต๊ะนั้นเลยค่ะ" หยกมณีพูดกับเล้ง "เดี๋ยวหยกร้องเพลงโปรดให้ฟังนะคะเสี่ย" หยกมณีพูดกับธาม "ไปค่ะๆ"
หยกมณีต้อนธาม เฉียง และจิวไปนั่งโต๊ะประจำ เล้งมองตามหลังธามไปด้วยสายตาอาฆาต


ย่าหยาเปิดประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเห็นโบตั๋นกำลังนั่งแต่งหน้าที่กระจก
"พี่โบตั๋น มานานแล้วเหรอคะ"
โบตั๋นทาปากหน้านิ่ง "เพิ่งมา แล้วเธอล่ะ"
"เมื่อกี้นี้เองค่ะ"
"บ้านเธออยู่ไหน ไกลมั้ย อยู่กับใคร" โบตั๋นซัก
"หย่าอยู่คนเดียวค่ะ เช่าห้องเป็นรายเดือนอยู่ที่โรงแรมหมู่ตัน"
"ไม่เหงาเหรออยู่คนเดียว หรือว่า มีคนรักแล้ว"
ย่าหยานึกถึงชลธีแล้วก็สะท้อนใจ "เคยมีค่ะ"
โบตั๋นรู้สึกร้อนวูบ "หมายความว่าตอนนี้ไม่มี"
"ค่ะ"
โบตั๋นยิ่งร้อนหนักขึ้นไปอีก "แต่หน้าตาดีๆอย่างเธอ ต้องมีผู้ชายเวียนมาบอกรักอยู่แล้ว"
"ก็ ค่ะ"
โบตั๋นรู้สึกเหมือนไฟสุมอก ภาพธามกอดย่าหยาเมื่อครู่นี้ตามมาหลอกหลอนเธอ
โบตั๋นพูดหน้านิ่ง "หวังว่าเธอจะรู้จักเลือก ไม่เที่ยวลักกินขโมยกินของใครนะ"
ย่าหยาฟังมาถึงตรงนี้ก็เข้าใจทันทีว่าโบตั๋นเห็นเหตุการณ์ที่หน้าฉั่วเทียนเหลาแล้วเข้าใจผิด
"หยาไม่เลือก" ย่าหยาเอ่ย
โบตั๋นชักสีหน้า
ย่าหยาพูดต่อ "เพราะหยาไม่คิดจะเลือก หยามีคนที่หยารัก หยาจะรอเขา"
ย่าหยาตอบเสร็จก็เดินออกไป ทิ้งให้โบตั๋นยืนสงบสติอารมณ์ที่ออกตัวแรงจนเบรกแทบไม่ทัน


ซ้ง ฮั้ว และมือปืนอีกสองคนเดินออกมาจากบ้านเล้งเพื่อจะไปขึ้นรถ ซ้งหันมาพูดกับฮั้วซึ่งเดินเคียงกันมา
"นายใหญ่สั่งให้ลื้อประกาศว่า ไอ้ธามเป็นคนบงการเรื่องนี้"
ฮั้วจำใจพยักหน้าแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเดินตามซ้งและคนอื่นๆ ไปที่รถ


หยกมณีร้องเพลงโปรดของเล้ง นั่นคือเพลง Ye Lai Xiang ของหลี่ เซียง หลาน อยู่บนเวที ย่าหยาเสิร์ฟติ่มซำที่โต๊ะเล้ง เล้งแอบมองย่าหยา ย่าหยาปรายตามองเล้ง เธอรู้ว่าเล้งมองอยู่แต่ก็แกล้งเก็บอาการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
โบตั๋นรินน้ำชาให้ธาม ธาม เฉียง และจิวยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ แต่ตาก็แอบเหล่ที่โต๊ะเล้งตลอดเวลา
โบตั๋นแอบมองธามที่เหลือบมองย่าหยาแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้
เล้งเอื้อมมือไปแตะมือย่าหยาที่กำลังส่งถ้วยเหล้าให้ "วันนี้เลิกงานกี่โมง"
ย่าหยาหูผึ่งแต่เก็บอาการก่อนจะส่งยิ้มหวานกลับอย่างรวดเร็ว “4 ทุ่มค่ะ"
เล้งพยักหน้าแล้วยิ้มให้ย่าหยาตาเป็นประกาย "อยู่รินเหล้าให้ฉันก่อนนะ"
"ค่ะ”
ธามมองทั้งคู่หน้านิ่ง แต่ในใจอดหมั่นไส้ไม่ได้ เขาดึงปากกาออกมาจากเสื้อแล้วหยิบกระดาษที่ใช้ออเดอร์อาหารซึ่งวางอยู่บนโต๊ะมาเขียนข้อความลงไปในนั้นแล้วพับก่อนจะเรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามา
"เอาให้คุณหยก" ธามบอก
พนักงานเสิร์ฟพยักหน้า รับกระดาษแล้วเดินออกไป เฉียง โบตั๋น และจิวเดาไม่ออกว่าธามทำอะไร ในขณะที่ธามหันไปเหล่เล้งและย่าหยาซึ่งอยู่อีกโต๊ะ


ซ้ง ฮั้ว และมือปืนอีก 2 คนซึ่งสวมหมวกโม่งสีดำกันทุกคนพรวดเข้ามา ซ้งกับฮั้วเล็งปืนไปที่เหวินเต๋อ ในขณะที่มือปืนอีก 2 คนช่วยกันปิดร้าน
"อย่าขยับนะ อั๊วยิงไส้แตก" ซ้งขู่
ลูกค้าร้องลั่นและพากันหมอบลงกับพื้น
เหวินเต๋อตกใจ "ลื้อจะทำอะไร อย่าทำอะไรลูกค้าอั๊วนะ"

"ส่งเงินมา" ซ้งบอก

เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 3 (ต่อ)

เหวินเต๋อยังยืนนิ่ง ซ้งยิงข้าวของที่วางอยู่ข้างเหวินเต๋อเป็นการขู่ เหวินเต๋อจำต้องเดินมาที่ลิ้นชักเก็บเงิน
 
ซ้งหันมาสั่งมือปืนคนอื่น "ค้นให้ทั่ว กวาดให้เกลี้ยง"
เหวินเต๋อเปิดลิ้นชักแล้วหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ขึ้นมาโดยกะยิงซ้งตอนเผลอ แต่ฮั้วขยับเอาปืนจ่อเหวินเต๋อแล้วแอบกระซิบ
"วางลง อั๊วไม่อยากยิงเฮีย" แล้วฮั้วก็แกล้งตวาดเสียงดัง "เอามาเร็วๆสิวะ"
เหวินเต๋อจำต้องวางปืนแล้วเอาเงินขึ้นมาวางที่เคาเตอร์ ซ้งพยักหน้าให้มือปืนคนหนึ่งเข้าไปกวาดเงินลงถุง
เหวินเต๋อถาม "พวกลื้อเป็นใคร"
ซ้งเลี่ยงตอบคำถาม "เตรียมเงินไว้ อั๊วจะมาเก็บค่าคุ้มครองทุกเดือน"
"อั๊วคนทำมาหากิน ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครอง" เหวินเต๋อถาม
"ไม่จ่ายก็ตาย" ซ้งว่า
"ใครส่งลื้อมา พวกลื้อเป็นคนของใคร"
ซ้งหันไปมองฮั้วแล้วส่งสายตาเป็นทำนองว่าถึงคิวมึงแล้ว
ฮั้วจำใจประกาศ "แก๊งกระทิง อั๊วนี่ล่ะลูกน้องเฮียธาม"
ฮั้วพูดจบซ้งก็ลั่นไกยิงใส่ฮั้ว 3 นัดซ้อนทันที
ฮั้วอึ้งแล้วหันมามองซ้งอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายตาอาฆาตแค้นแล้วฟุบลงจมกองเลือด
"ปากสว่าง" ซ้งว่า
ซ้งรวบถุงเงินแล้วเดินออกไป ในขณะที่ลูกน้องกวาดข้าวของมีค่าวิ่งตาม เหวินเต๋อหันมามองฮั้วที่ชักที่พื้นแล้วก็พูดไม่ออก ในขณะที่ลูกค้ายังพากันหมอบอย่างอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่


หยกมณีร้องเพลง Ye Lai Xiang จนจบแล้วจึงคลี่จดหมายที่ถืออยู่ในมืออ่าน
"มีแขกท่านหนึ่งขอเพลงมา" หยกมณีพูด
หยกมณีอ่านข้อความแล้วสะอึก ความสะเทือนใจแล่นมาจุกคอหอย
"เพลงนี้เป็นเพลงที่เพื่อนรักคนหนึ่งของหยกชอบมาก เขาขอให้หยกร้องเพลงนี้ทุกครั้งที่มาเที่ยวที่นี่ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว หยกหวังว่าเขาจะปลอดภัยและกลับมาที่นี่ได้ในวันหนึ่ง"
ดนตรีขึ้น หยกมณีร้องเพลง Meng Zhong Ren ย่าหยาซึ่งกำลังรินเหล้าให้เล้งชะงักตั้งแต่ดนตรีขึ้น
ธามแอบสังเกตอาการย่าหยา ย่าหยาส่งเหล้าให้เล้งแล้วกวาดตามองรอบห้อง เธอหวังลึกๆในใจว่าจะเห็นชลธีอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่ง
ย่าหยามองรอบห้องก็เห็นว่ามีแต่ลูกค้าซึ่งไม่ก้มหน้าก้มตากินก็พูดคุยหรือไม่ก็ตั้งใจฟังเพลง จนสายตาของเธอมาจบที่โต๊ะธาม ย่าหยาเบิกตาโตเมื่อเห็นชลธีนั่งที่โต๊ะของธาม เขามองมาที่เธอ ย่าหยาลุกขึ้นยืนและค่อยๆเดินไปที่โต๊ะธามราวถูกดูด เสียงเพลง Meng Zhong Ren กังวานก้อง
เล้งมองย่าหยาด้วยอาการแปลกใจที่จู่ๆ ย่าหยาเดินไปที่โต๊ะธาม ย่าหยายังคงเดินมาหาชลธี เธอเห็นชลธีค่อยๆลุกขึ้นยืน ย่าหยาแทบสะดุ้ง เมื่อเสียงผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์
"เพลงนี้เขาร้องกันแบบนี้ ไปฝึกมาใหม่นะ" ธามว่า
ย่าหยาอึ้งกิมกี่ ธามมีอะไรบางอย่างที่เหมือนชลธีแต่ที่ไม่เหมือนคือดวงตาที่ขุ่นมัวและคำพูดที่เหมือนใบมีดซึ่งพร้อมจะกรีดเธอตลอดเวลา ย่าหยาจะหันหลังกลับ ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัด กระสุนโดนกระจกแตกกระจาย หยกมณีหยุดร้องแล้วกรี๊ดลั่นเช่นเดียวกับลูกค้าที่ร้องวี๊ดว้ายหาที่หลบ
เหวินเต๋อ หย่งเป่า กับลูกน้องอีก 3 คนพรวดเข้ามาที่โต๊ะธามพร้อมปืนในมือ เฉียงกับจิวชักปืนจ่อไปที่ก๊วนซึ่งเพิ่งเข้ามา
"ลื้อหาเรื่องอั๊วเหรออาธาม" เหวินเต๋อถาม
ธามหันมามองด้วยอาการแปลกใจ
"เด็กเมื่อวานซืน อย่างนี้ต้องสั่งสอน" หยงเป่าว่า
"ออกไปคุยข้างนอกดีกว่าครับกู๋ คนที่นี่ไม่เกี่ยว" ธามบอก
เล้งลุกขึ้นยืน "ใจเย็นอาเต๋อ อาเป่า มีอะไรค่อยพูดจากัน"
เหวินเต๋อสั่งธาม "บอกลูกน้องลื้อเก็บปืน"
ธามหันไปพยักหน้าให้เฉียงกับจิวเก็บปืน
เหวินเต๋อสั่งต่อ "ยกมือขึ้นแล้วเดินออกไป"
ธามมองเหวินเต๋อ เขาเป่ามือก่อนจะยกขึ้นแล้วเดินหน้ากวนๆ ออกไป
เล้งทำเป็นคนดีขึ้นมา "อาเกี๊ยง อาฮกลื้อกลับไปก่อน เดี๋ยวอั๊วไปช่วยอาธาม"
เล้งเดินตามเฉียง จิวซึ่งเดินตามธามออกไป ย่าหยาและโบตั๋นชะเง้อมองตามหลังทุกคนไป


ธามอยู่ในท่ายกมือหันกลับมา
"ตกลงมันเรื่องอะไรกันครับ" ธามถาม
เหวินเต๋อเอามือที่กำปืนตบหน้าธามจนเลือดออกที่มุมปาก
เฉียงกับจิวขยับเข้ามาจะเล่นงานเหวินเต๋อ ธามยกมือห้าม
เหวินเต๋อพูด "ลื้อสั่งลูกน้องไปพังร้านอั๊ว กวาดเงินไปเกลี้ยงร้าน แถมยังขู่ว่าจะเก็บค่าคุ้มครองทุกเดือน ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าเรื่องอะไร"
"แก๊งอินทรี กับแก๊งกิเลนจับมือกับแก๊งกระทิงมาหลายสิบปี พวกอั๊วเป็นเพื่อนกับป๊าลื้อ ลื้อทำกับพวกอั๊วอย่างนี้ได้ยังไง" หยงเป่าบอก
"ผมไม่ได้ทำ" ธามพูด
เหวินเต๋อตวาดลั่น "ปากแข็ง ลูกน้องลื้อหลุดปากออกมาเองว่ามันเป็นคนของลื้อ จนโดนพวกเดียวกันเองฆ่าปิดปาก ลื้อยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอ"
ธามพูดเสียงแข็งกลับ "ความจริงก็คือ ผมไม่ได้ทำ"
เล้งไกล่เกลี่ย "หรือว่าเป็นมือที่สามที่มันอยากเห็นพวกเราแตกคอกัน"
"เสี่ยพูดถูก ตอนนี้มือที่สามผุดเต็มเยาวราช อาจเป็นพวกหนักแผ่นดินพวกนี้ก็ได้" จิวว่า
เล้งมองหน้าจิว จิวสบตากลับไม่สะทกสะท้าน
"ผมกับอาจิวเป็นคนรับคำสั่งเฮียโดยตรง เฮียไม่เคยสั่งให้เราทำอะไรชั่วๆอย่างนั้น แก๊งกระทิงไม่ขวิดใครก่อนครับ ผมเอาหัวเป็นประกัน" เฉียงบอก
เหวินเต๋อสวนกลับ "แต่พวกนั้นมันอ้างชื่อลื้อ"
"ผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้เพื่อความสบายใจของกู๋ แต่ขอประกาศนะครับว่าผมไม่ได้ทำ ส่วนคนที่มันอ้างชื่อผมอ้างชื่อแก๊งกระทิง ผมจะลากตัวมันมาจัดการเอง" ธามว่า
"อั๊วเห็นแก่ป๊าลื้อนะอาธาม อย่าให้เกิดเรื่องแล้วโยงมาที่ลื้ออีกก็แล้วกัน" หยงเป่าว่า

"เป็นอันว่าเลิกแล้วต่อกันนะ นับว่าโชคยังดีที่เสียหายแค่ทรัพย์สิน ไม่มีใครตาย" เล้งบอก

จางเดินเข้าไปที่โรงหนัง
 
เสียงซ้งเรียกดังขึ้น "อาจาง"
จางหันมา ซ้งที่สวมหมวกใส่แว่นพรางหน้าจ้วงแทงจางในระยะประชิดอย่างแรง 3 ครั้ง จางเบิกตาโต ซ้งผละออกมาแล้วเอาผ้าเช็ดมือหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จางค่อยๆทรุดตัวลงแล้วหงายหลังนอนตาเหลือก ผู้คนพากันตกใจกรีดร้องที่เห็นจางนอนจมกองเลือดโดยมีกรรไกรขาเดียวปักคาลิ้นปี่ เมื่อตั้งสติได้คนจึงค่อยๆ วิ่งมามุงดูศพ หยงเป่าเดินมากับลูกน้อง 1 คน
หยงเป่าหันมาถามลูกน้อง "อีมุงอะไรกันวะ"
หยงเป่ากับลูกน้องเบียดคนที่ยืนมุงเข้ามาดู แล้วทั้งคู่ก็แทบผงะเมื่อเห็นจางนอนตายอเนจอนาจอยู่กับพื้น


เล้งยืนอยู่ นักพนันกำลังเล่นไฮโลโปถั่วกันอย่างเมามันอยู่ด้านหลัง
"ยืมมืออาเป่าจัดการอาธามแล้วเราค่อยตลบหลัง อาเป่าตาย คนก็ต้องคิดว่าเป็นฝีมืออาธาม อาธามตาย คนก็ต้องเข้าใจว่าเป็นฝีมืออาเป่า" เล้งสั่งเกี๊ยง "ลื้อขนคนมาให้พอก็แล้วกัน"
"ครับ นายใหญ่" เกี๊ยงเดินออกไป
จากที่หัวเราะฮึ ฮึ เล้งก็หัวเราะดังขึ้นและดังขึ้น สุดท้ายกลายเป็นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเดินจากไป


ณ โรงงานทำทองของธาม ธามเดินคุยกับเฉียงท่ามกลางคนงานที่กำลังทำทอง
ธามส่งซองเงินให้ "เอาเงินไปให้อากู๋เต๋อที่ร้าน”
"มันจะเป็นดาบสองคมมั้ยเฮีย เอาเงินให้อี อีอาจคิดว่าเฮียอยู่เบื้องหลังจริงๆ" เฉียงว่า
"ใครจะคิดยังไงช่างเขา เราไม่ได้ทำ เราต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเราไม่ได้ทำ"
เฉียงรับคำ "ครับ"
"ตอนนี้ฐานะการเงินของอากู๋เต๋อไม่ค่อยดี นี่เป็นโอกาสที่ฉันจะช่วยเขาได้ อากู๋เคยมีบุญคุณกับป๊า ฉันต้องทดแทน แต่จู่ๆจะถือเงินไปให้เขา เขาคงไม่รับ" ธามบอก
สักครู่จิวก็วิ่งหน้าเริ่ดเข้ามามองหาธาม
"เฮีย เฮีย"
ธามกับเฉียงชะงักแล้วหันมามอง
จิวหอบ "อาจาง อาจาง หลานชายหยงเป่าตายแล้วครับเฮีย"
"ทำไมลื้อต้องร้อนรนขนาดนี้" เฉียงถาม
"อาจางถูกแทงตาย กรรไกรที่ปักอยู่กับศพสลักตราสัญลักษณ์แก๊งกระทิงครับเฮีย หยงเป่าเข้าใจว่าเฮียเป็นคนบงการ ส่งคนมาฆ่าหลานชายอี"
"อาเฉียง ลื้อเอาเงินไปให้อากู๋เต๋อแล้วไปดูแลโกดังข้าว อาจิว ลื้อเฝ้าที่นี่" ธามว่า
ธามเดินหน้านิ่งออกไป
เฉียงตะโกนเรียกพร้อมกันด้วยความเป็นห่วง "เฮีย"
"เฮียจะไปไหน" จิวถาม
ถึงทั้งคู่เป็นห่วงธามมากแค่ไหนก็ไม่กล้าขัดคำสั่งธาม


ธามเดินหน้านิ่งเข้ามาจนสุดซอยแล้วยืนนิ่ง หยงเป่าเดินนำนักเลง 5 คนซึ่งมีอาวุธครบทั้งมีดสั้น มีดยาว ท่อนไม้ เหล็กขูดชาฟท์ ดาหน้าเข้ามาในอีกด้านของซอย
"อากู๋เป่า ผม..." ธามกำลังจะไปหาอากู๋
หยงเป่าแค้นมากจึงตัดบททันที "ไม่ต้องพูดมาก" หยงเป่าสั่งลูกน้อง "จัดการ"
นักเลงทั้ง 5 คนดาหน้าเข้ามาล้อมธาม ธามชักกรรไกรสองขาออกมาควง นักเลงคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดธาม ธามเบี่ยงตัวหลบแล้วถีบนักเลงอีกคนซึ่งถือเหล็กขูดชาฟท์หน้าทิ่ม จากนั้นนักเลงที่เหลือก็เข้ามารุม
ธามโดนทั้งมีดสั้น มีดยาวกระหน่ำแทง แต่ธามก็อาศัยความไวหลบได้ทุกครั้ง สุดท้ายธามก็โดนนักเลงอีกคนใช้มีดสั้นปาดแขนจนเลือดซึม
ธามใช้กรรไกรแทงสวนนักเลงคนนั้นแล้วเขวี้ยงกรรไกรอีกขาปักเข้าที่กลางอกนักเลงอีกคน จังหวะที่ธามดึงกรรไกรออกมาจากทั้งคู่ นักเลงคนหนึ่งก็ใช้ไม้ฟาดแขนข้างที่เพิ่งโดนปาดมา ความเจ็บทำให้
ธามยิ่งเดือด เขาเตะปลายคางนักเลงคนนั้นแล้วคว้าไม้ฟาดกลางแสกหน้าเลือดอาบก่อนจะวิ่งออกไป


ธามวิ่งหนี โดยมีนักเลงคนหนึ่งวิ่งตาม ธามวิ่งหลบเข้าซอยแยก นักเลงถือเหล็กขูดชาฟท์วิ่งตาม แล้วโดนธามถีบออกมา นักเลงใช้แท่งเหล็กแทงธาม ธามยึดข้อมือแล้วดันปลายเหล็กไปทางนักเลง ต่างคนต่างออกแรงผลัก ธามหลอกให้นักเลง ออกแรงผลักจนสุดตัวแล้วปล่อยมือ นักเลงหน้าทิ่มลงกระแทกพื้น ธามกระโดดถีบ แต่นักเลงพลิกตัวหลบและเสียบแท่งเหล็กที่ขาธาม ธามกระโดดหลบ นักเลงเงื้อเหล็กจะเสียบเข้าที่อกธาม ธามเอนตัวหลบแล้วสวนกลับด้วยกรรไกรเข้าที่ท้องนักเลงคนนั้นล้มกระแทกพื้น
นักเลงอีกคนเงื้อดาบฟันธามที่ด้านหลังจนเสื้อขาดและเลือดซึมทะลุเสื้อ ธามหันกลับมาแล้วหลบคมดาบที่กระหน่ำฟาดลงมาอีกได้อย่างหวุดหวิด สุดท้ายธามก็หาจังหวะล็อคแขนนักเลงไพล่หลังแล้วจับมือนักเลงคนนั้นดึงดาบขึ้นมาเชือดคอตัวเอง
นักเลงคนนั้นล้มลงหน้าทิ่ม ธามยืนหอบ เลือดไหลลงมาตามแขนและหลัง เมื่อธามหันหลังกลับก็เห็นหยงเป่าเล็งปืนมาที่ธามในสภาพน้ำตาคลอ
"ลื้อรู้มั้ยว่าอาจางเป็นคนดี เป็นหลานชายคนเดียวที่อั๊วมี" หยงเป่าว่า
หยงเป่าเตรียมลั่นไก
"ผมไม่ได้สั่งฆ่าอาจาง ผมกำลังจะไปบอกอากู๋ว่าผมไม่ได้ทำ" ธามบอก
หยงเป่าน้ำตาคลอ "โกหก"
"ป๊าสอนผมทุกวัน อากู๋เคยให้ที่พักพิงป๊า หยงเป่ามีบุญคุณกับตั้งเช็งเอี้ยง และบุญคุณนั้น ตั้งเช็งเอี๊ยง และลูกหลานต้องทดแทน"
"ไม่ต้องพล่าม อั๊วไม่อยากฟัง" หยงเป่าว่า
"ถ้ากู๋ ไม่อยากฟัง กู๋คงฆ่าผมไปแล้ว ไม่ต้องรอให้ผมจัดการกับลูกน้องกู๋ก่อนหรอก"
หยงเป่าอึ้งเพราะธามพูดแทงใจดำ แต่เขาก็ตวาดกลับ "ลื้อตาย"
ธามมองหยงเป่าแล้วเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาจนปืนในมือหยงเป่าจ่อที่อกของธาม ทั้งคู่จ้องกันตาไม่กระพริบ คนหนึ่งค้นหาความจริงอีกคนยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

"ผมตาย กู๋อาจจะรู้สึกดี แต่จะมีคำถามคาใจไปจนตายว่า ผมฆ่าอาจางจริงรึเปล่า"
หยงเป่าจับปืนมือสั่นพร้อมจะยิงธามได้ทุกเมื่อ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องปล่อยมือลงข้างตัวแล้วหันหน้าหนี
"ตราบใดที่ลื้อยังลากฆาตกรตัวจริงออกมาไม่ได้ อั๊วจะถือว่าลื้อนั่นล่ะเป็นคนทำ"

หยงเป่าเดินกัดฟันน้ำตาคลอออกมา ธามยืนสูดหายใจลึกอยู่ข้างหลัง

ธามเดินเอามือจับแผลที่แขนเดินเข้าซอยย้อนมาทางเดิมเพื่อจะกลับบ้าน
 
แต่แล้วเขาก็ชะงักเมื่อเห็นกลุ่มมือปืนดาหน้าออกมาจากซอยใหญ่และซอยแยกซ้ายขวาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมแล้วกว่า 15 คน ทุกคนมีปืนในมือและเล็งมาที่ธามเป็นจุดเดียว
ธามพยายามประมวลในวินาทีสุดท้ายของชีวิตว่าใครส่งคนมาฆ่าเขา เขามั่นใจไม่ใช่เหวินเต๋อหรือหยงเป่าแน่ วินาทีต่อมาชายหนุ่มก็รู้สึกเจ็บแค้นที่ชื่อเล้งผุดขึ้นมาในหัวของเขา ธามแค้นจนเส้นเลือดปูด
กลุ่มหมาหมู่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ทุกคนพร้อมใจกันหยุด ธามสูดหายใจลึกพร้อมกับดึงกรรไกร 2 ขาซึ่งยังเปื้อนเลือดออกมาอยู่ในท่าพร้อมสู้ กลุ่มมือปืนล้อมธามเป็นวงกลมเตรียมลั่นไก แต่แล้วทุกคนก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์เบิ้ลเครื่อง ทรงกลดกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซต์อย่างเท่
ทุกคนหันมามองทรงกลด
"แบบนี้มันไม่แมนนะพี่" ทรงกลดว่า
ภรพที่นั่งไขว้ขาเหยียดยาวในท่าสบายอารมณ์อยู่บนชายคาตึกพูดออกมา
"คนไทยเขาเรียกหมาหมู่ หรือไม่ก็หน้าตัวเมีย"
คณินนั่งห้อยขาที่ราวระเบียง ในมือถือถุงโอเลี้ยงดูดจ๊วบๆ อย่างกวนๆ อยู่อีกมุม
"จะทิ้งก็เสียดาย แต่ทำกับเพื่อนอั๊วแบบเนี้ยะ อั๊วไม่ชอบ"
พูดจบคณินก็เขวี้ยงถุงโอเลี้ยงใส่กลุ่มมือปืนพร้อมด้วยดาวกระจาย ก่อนจะชักปืนออกมายิงใส่กลุ่มมือปืนวงแตกเพราะนึกไม่ถึงเลยตั้งรับสถานการณ์ไม่ทัน ธามอาศัยความไวใช้กรรไกร 2 ขาปาดท้องมือปืนที่อยู่ข้างหลังล้มลงแล้ววิ่งออกไปตั้งหลัก
ทรงกลดกระโดดเข้าที่กำบังแล้วดึงปืน 2 กระบอกออกมายิงใส่กลุ่มมือปืน ภรพพลิกตัวแนบกับชายคาแล้วสาดกระสุนลงมาก่อนจะวิ่งไต่ไปตามหลังคา มือปืนกระจายแตกหือ มีที่วิ่งตามธามไป 4 คน ที่ไล่ตามภรพไป 4 คน ที่ปักหลักสู้กับทรงกลด 3 คน และไล่ตามคณินไปอีก 3 คน


มือปืน 4 คนวิ่งเข้ามาในซอย ทั้งหมดมองหาธาม ธามกระโดดลงมาจากชายคาบ้านหลังหนึ่งแล้วถีบเข้ากลางหลังมือปืนสองคน มือปืนอีกสองคนยิงใส่ธาม ธามรั้งร่างมือปืนคนหนึ่งมารับกระสุนแทนตัวเอง แล้วดึงปืนจากมือปืนยิงสวนไปโดนมือปืนอีกคนล้มลง ธามยิงปืนไล่หลัง ก่อนจะวิ่งหลบไปอีกซอย มือปืนสองคนวิ่งตามธามไป


ทรงกลดกลิ้งตัวไปตามพื้นออกมาจากซอยย่อย แล้วสาดกระสุนใส่มือปืนสองคนล้มกลิ้งก่อนจะวิ่งหลบไปอีกซอย


มือปืนวิ่งไล่ยิงภรพซึ่งวิ่งไต่ไปตามชายคาบ้าน ภรพหลบไปตามหลืบเสาแล้วถีบกระถางต้นไม้ใส่มือปืนก่อนยิงสวนกลับโดนมือปืนล้มลง ภรพกระชากผ้าปูที่นอนและฟูกซึ่งตากอยู่ที่ระเบียงบ้านลงมาคลุมมือปืนที่เหลือ อาซิ่มเจ้าของบ้านตกใจจึงวิ่งออกมาดู
ภรพยิงปืนใส่กลุ่มมือปืนที่หาทางออกจากผ้าปูที่นอนไม่เจอจนเลือดกระเซ็นไปโดนผ้าปูที่นอน ซิ่มยืนตะลึงแบบช็อกสุดขีดได้แต่เอามือชี้ไปที่ด้านล่างในสภาพปากคอสั่น ภรพหันมาเห็นซิ่มไม่รู้จะทำยังไง จึงเอามือตบเสื้อตบกางเกงแล้วดึงกระเป๋าออกมาแล้วหยิบแบ็งค์ร้อยให้ 5 ใบ
"มันเปื้อนเลือดแล้วอะซิ่ม ไปซื้อใหม่นะ"
ภรพยัดเงินใส่มือซิ้มก่อนจะวิ่งหนีไป เพราะมือปืนที่ยังไม่ตายโผล่ออกมายิงเขา


คณินวิ่งหน้าเริ่ดมาตามทาง โดยมีมือปืนสองคนไล่ยิงตามหลัง ชายหนุ่มวิ่งหลบเข้าซอยแยกด้านข้าง มือปืนสองคนตามเข้ามาแล้วมองหาว่าคณินหายไปไหน สักครู่ทั้งคู่ก็ต้องผงะเมื่อคณินยกกะละมังที่เต็มไปด้วยฟองแฟ้บสาดใส่ทั้งคู่ มือปืนยกแขนขึ้นเช็ดหน้าแล้วยิงใส่คณิน แต่ก็สะเปะสะปะเพราะแสบตา คณินหยิบสายยางที่ม้วนอยู่ข้างรั้วหน้าบ้านหลังหนึ่งแล้วเปิดน้ำก๊อก
"โอะ โอะ โอ๊ะ แสบตา น่าสงสาร"
คณินฉีดน้ำใส่กลุ่มมือปืนอย่างแรง ในขณะที่อีกมือก็โรยแฟ้บที่พื้นให้ไหลไปตามน้ำด้วยส่งผลให้กลุ่มมือปืนซึ่งพยายามหาอะไรล้างตาลื่นล้มและยิ่งพยายามเดินเท่าไหร่ก็ยิ่งลื่นมากเท่านั้น
คณินหัวเราะอารมณ์ดีแล้วก็ขำไม่ออก "มันตามมา 3 คนนี่หว่า หายไปไหนคนนึงวะ"
มือปืนอีกคนเอาปืนจ่อหัวคณิน "อยู่นี่ไง"
"ไม่เอาน่าเพื่อน ใจเย็น" คณินบอก
มือปืนเตรียมลั่นไก คณินพลิกตัวอย่างไวแล้วเอาสายยางขึ้นมารัดคอมือปืนจนดิ้นพราดๆ ล้มลง
คณินหันกลับไปเห็น มือปืนอีกสองคนเอาสายยางจากอีกบ้านเปิดน้ำล้างหน้าล้างตัวอย่างเอี่ยมก่อนจะยิงใส่คณิน คณินหาที่หลบแล้วเบี่ยงความสนใจด้วยการเตะถังน้ำออกไปก่อนจะยิงสวนกลับ มือปืนคนหนึ่งล้มหงายหลังฟาดพื้น ในขณะที่มือปืนอีกคนหลบทัน

มือปืนคนหนึ่งวิ่งมาขึ้นมอเตอร์ไซด์ทรงกลดแล้วพยายามสตาร์ทหนี ทรงกลดกระโดดเตะก้านคอมือปืนจนกระเด็น แล้วตามมาเหวี่ยง มือปืนเซไปกระแทกเสาไฟฟ้าอย่างแรงจนกะโหลกแตกคอหักตายคาที่
"มอเตอร์ไซด์ข้า ใครอย่าแตะ" ทรงกลดว่า


ภรพยิงปืนใส่มือปืน มือปืนหลบทันแล้วยิงสวนกลับ ภรพหลบแล้วจะยิงตอบโต้แต่กระสุนหมด
มือปืนแสยะยิ้มก่อนจะตามมาจ่อยิงภรพ ภรพยิ้มกลับอย่างเป็นมิตรแล้วเขวี้ยงปืนขึ้นเหนือหัวมือปืน
มือปืนงงว่าภรพทำอะไรเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง โคมไฟดวงใหญ่ที่แขวนอยู่หน้าบ้านแตกกระจาย เศษกระจกขนาดใหญ่ตกลงมาปักกลางแสกหน้ามือปืนล้มลงเสียชีวิต

"ปืนไม่ได้มีไว้ยิงอย่างเดียวเว้ย” ภรพว่า

มือปืนคนหนึ่งโผล่ออกมาจากที่กำบังแล้วยิงใส่คณิน
 
กระสุนโดนปืนคณินหล่นแล้วไถลไปกับพื้น ก่อนจอดนิ่งอยู่ข้างแปรงขัดส้วม คณินล้มตัวกลิ้งไปตามพื้นแล้วหยิบปืนขึ้นมายิงแต่พบว่ากระสุนหมด
มือปืนย่างสามขุมเข้ามายืนค้ำหัวคณินแล้วหัวเราะร่าก่อนจะเตรียมเหนี่ยวไก คณินหยิบแปรงขัดส้วมเขวี้ยงใส่ปากมือปืนแล้วเตะผ่าหมากเต็มเท้าไปที มือปืนหน้าเขียว ตาเหลือก ก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น
คณินส่ายหน้า "ท่าตายอุบาทว์มาก"


มือปืนสองคนวิ่งไล่ยิงธาม ธามยิงกลับจนกระสุนหมดด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ธามเขวี้ยงปืนทิ้งแล้วเดินเข้าหามือปืนทั้งคู่อย่างบ้าดีเดือด
"อยากฆ่าอั๊วนักใช่มั้ย เข้ามา"
มือปืนทั้งคู่ชักมีดขึ้นมา ธามดึงกรรไกร 2 ขาขึ้นมาในท่าพร้อม ต่างฝ่ายต่างก็พุ่งเข้าหากันแบบสองรุมหนึ่ง ธามโดนมือปืนเอามีดปาดเฉียดแขนซ้ายเลือดซิบ แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ทั้งโยกตัวหลบทั้งเตะต่อยคืนแบบเลือดเข้าตา สุดท้ายธามล็อกคอทั้งคู่แล้วเหวี่ยงหมุนเป็นวงกลมจนทั้งคู่เซไปมาอย่างมึนงงแล้วจึงจับหัวทั้งคู่โขกกันอย่างแรงจนเลือดทะลักเต็มหน้า ธามยืนสูดหายใจแรง มีเลือดซึมออกจากแขนทั้งสองข้างจากแผลด้านหลังและจมูกของเขา
ชายหนุ่มยกมือเช็ดเลือดที่จมูกแล้วหันมาเห็นทรงกลด ภรพ และคณินเดินเข้ามาหาจากอีกด้าน
"โดนหนักเหมือนกันนี่หว่า" ภรพว่า
"ขอบคุณทุกคนมากนะครับ" ธามบอก
"ขอบคุณทำไมวะ เพื่อนกัน" ทรงกลดว่า
"เพื่อนกัน ไม่มีวันทิ้งกันเว้ย" ภรพบอก
"มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน จำไม่ได้รึไงห๊า" คณินว่า
ทุกคนพูดพร้อมกัน "ไอ้ธี"

เพื่อนทุกคนมองมาที่ธามเป็นจุดเดียว ธามอึ้งที่เพื่อนทุกคนรู้ว่าเขาคือ ชลธี

เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ภรพทำแผลให้ธาม คณินเอายาทาแผลฟกช้ำให้ตัวเอง ในขณะที่ทรงกลดยืนมองธามที่มีแผลแตกและฟกช้ำเยอะกว่าเพื่อน
 
"ตอนแรกพวกเราคิดว่าแกตายไปพร้อมอากู๋เช็งกับซิ่มเจียหลิน แต่ก็แปลกใจทำไมหาศพไม่เจอ" ทรงกลดว่า
"เราช่วยกันตามหาแก ทั้งตามกันเอง ทั้งลงประกาศทางหนังสือพิมพ์ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ" ภรพบอก
"จนเวลามันผ่านไปหลายเดือน เกือบปีได้มั้ง ฉันต้องแจ้นจาก ปากน้ำโพ มานี่ พวกเรามารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย" คณินว่า


ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา คณินเดินมาที่ลานหลังสนามบาสเก็ตบอลแล้วหันไปมองรอบๆตัวเหมือนกำลังมองหาใคร คณินเห็นทรงกลดกับภรพวิ่งเข้ามาจากคนละด้าน ทั้งคู่ก็กำลังมองหาใครอยู่เช่นกัน
ทรงกลดเอ่ยถาม "ไอ้ธีล่ะ"
"แกรู้ได้ยังไงว่ามันมา" คณินถามกลับ
"มันอยู่ไหน" ภรพถาม
"ฉันไม่รู้ แต่เดาว่ามันมาเพราะฉันได้รับไอ้นี่"
พูดจบคณินก็เอาแผ่นเสียงออกมาจากซองสีน้ำตาลที่อยู่ในมือ
"ฉันก็ได้" ทรงกลดบอก
ทรงกลดดึงแผ่นเสียงออกมาจากซองของตัวเองแล้วนำมาเทียบกับแผ่นเสียงของคณิน
"ฉันก็มีเหมือนกัน"
ภรพดึงแผ่นเสียงออกมาจากซองในมือ แผ่นเสียงทั้ง 3 เป็นเพลง Meng Zhong Ren ของนักร้อง กง ซิว เสีย เหมือนกันเปี๊ยบ ทั้งหมดพลิกหน้าซองพัสดุขึ้นมาก็เห็นว่าส่งมาจากอเมริกาเหมือนกัน
"เพลงโปรดของไอ้ธี มาจากที่เดียวกัน อเมริกา" ทรงกลดบอก


เหตุการณ์ปัจจุบัน ภรพเล่าต่อ
"เรามั่นใจว่าแกยังไม่ตาย แกส่งแผ่นเสียงเป็นสัญญานบอกให้พวกเรารู้ว่าแกยังไม่ตาย"
"เราสืบจนรู้ว่าแกส่งพัสดุมาจากไปรษณีย์หน้าโรงพยาบาลที่อเมริกา เราคิดตลอดเวลาว่าทำไมต้องเป็นที่โรงพยาบาล แกไปทำอะไรที่นั่น"
"จนวันที่อาแปะเฉินพาแกมาที่ฉั่วเทียนเหลา เราก็เริ่มเอะใจ" ทรงกลดบอก


เฉินอี่เสี่ยงเดินมาโดยมีธามยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ทั้งสองเดินตรงมายังโต๊ะที่ทรงกลด ภรพ คณินนั่งอยู่
ภรพหันมาเห็นก็ก้มหัวให้ "อาแปะเฉิน"
ทุกคนหันมามองและยิ้มให้เฉินอี่เสียง
ธามเดินออกมาจากด้านหลังเฉินอี่เสียง ทุกคนโฟกัสไปที่ธาม
ทุกคนช็อก "ไอ้ธี"
เฉินอี่เสียงหัวเราะเบาๆ "ไม่ใช่อาธี นี่อาธาม อีเพิ่งกลับจากอเมริกา พวกลื้อไม่ได้เจอหน้ากันเป็นสิบปีแล้วมั้ง อาธาม ลื้อจำเพื่อนๆอาธีได้มั้ย"
ธามยิ้ม "จำได้ครับ สวัสดีครับคุณทรงกลด คุณภรพ คุณคณิน ยินดีที่ได้เจอกันครับ"
ธามส่งมือไปเช็คแฮนด์กับทุกคน เพื่อนๆ ทุกคนจับมือธามแล้วแอบเหล่กันแบบเหวอๆ
เฉินอี่เสียงพูดต่อ "ช่วงนี้แปะไม่ค่อยมีเวลาเดินทาง เลยจะให้อาธามมาดูแลร้านทองของป๊าอีที่นี่"
"ดีครับ" ทรงกลดบอก
"บินไปบินมามันลำบาก อาธามอยู่ทางนี้ เวลาสมาคมประชุมอะไร อีจะได้เป็นตัวแทนแปะได้เลย"
ภรพแซว "แปะจะตั้งคุณธามขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งกระทิงแทนแปะเลยรึเปล่าครับ"
"ยังครับ ผมยังไม่มีประสบการณ์พอ ขอเรียนรู้งานและทำความรู้จักญาติพี่น้องทุกคนที่นี่ก่อนดีกว่า"
"งั้นเชิญนั่งดื่มด้วยกันครับ เชิญ เชิญ" คณินบอก
"แปะต้องขอตัว จะพาอาธามไปรู้จักกับเหวินเต๋อ แล้วก็หย่งเป่าก่อนน่ะหลาน"
"ไว้โอกาสหน้า ผมจะร่วมดื่มกับพวกคุณยันเช้าเลย รับรอง" ธามบอก
ธามโค้งศีรษะแล้วยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะเดินออกไปกับเฉินอี่เสี่ยง ทั้งสามหนุ่มมองตามหลังธามไป
"โคตรเหมือน แต่ไอ้ธีสำรวยกว่า" ภรพบอก
"เสียงก็คล้าย แต่ไอ้ธีนุ่มกว่า" ทรงกลดว่า
"แววตาก็ใช่ แต่ไอ้ธีอบอุ่นกว่า เยอะ" คณินส่งคำถามเปรี้ยง "สรุป ไม่ใช่"
ทั้งสามคนนิ่งคิด สักครู่ทุกคนก็ฟันธงพร้อมกัน "ใช่"


ภาพเหตุการณ์ในอดีตตอนที่ทุกคนเข้ามาเช็คแฮนด์แสดงความยินดีกับธามจนถึงช่วงที่ธามผิวปากเพลง Meng Zhong Ren ไล่หลังเล้งจนเพื่อนๆหันมามองย้อนกลับมา
เสียงทรงกลดอธิบาย “ ถึงจะคิดว่าใช่ แต่เราก็ยังไม่แน่ใจ จนเหตุการณ์เมื่อวันสารทจีน”
"พวกเราถึงแน่ใจว่าแกคือไอ้ธี แต่ที่อยากรู้คือ เจ็ดปีที่ผ่านมาแกหายไปไหน" ภรพเสริม
"แล้วทำไมแกถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ หมายถึงนิสัยนะ ไอ้หล่อน่ะหล่อเหมือนเดิมอยู่แล้ว" คณินบอก
"เกิดอะไรขึ้นที่ภูเก็ตเมื่อ 7 ปีก่อนกันแน่วะ" ทรงกลดว่า
ธามกัดฟันจนเส้นเลือดปูดข่มความแค้น "ฉันถูกยิง"
ภาพเหตุการณ์ในอดีตตอนที่ชลธีพูดกับจันทร์ชมพูย้อนกลับมา
"จันทร์รักพี่ธีคนเดียว"
ชลธีกระซิบตอบ "พี่รักจันทร์จ้ะ"

สิ้นเสียงชลธี เสียงปืนก็ดังลั่น 1 นัด ชลธีสะดุ้งเฮือกและตาเบิกโพลง

ชลธีวิ่งโซเซตัวเปื้อนเลือดเนื่องจากโดนยิงถากๆ ที่เอว เขาวิ่งมาที่บ้านพักของพ่อแม่ที่อยู่อีกหลัง
 
"อาปา อาม้า"
ไม่มีเสียงตอบ ชลธีพาตัวเองเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไปในบ้าน แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นพ่อกับแม่นอนจมกองเลือดอยู่
ชลธีวิ่งเข้าไปหา "อาปาอาม้า"
ทั้งคู่ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองลูกชายคนเดียวคนนี้
ตั้งเช็งเอี๊ยงเรียกเสียงดัง "อาธี"
"ป๊าม้า ใคร ใครทำ" ชลธีตกใจ
เจียหลินหายใจรวยริน "หนี อาธี รีบไป"
ชลธีร้องไห้ "ไม่ ผมจะอยู่นี่ ถ้าจะตาย ผมขอตายกับป๊าม้าที่นี่"
"ในชีวิต ป๊าไม่เคยขออะไรลื้อ แต่วันนี้ป๊าขอ หนีไป"
ชลธีใจหายวาบ "ป๊า"
ตั้งเช็งเอี๊ยงพูดต่อ "ถ้าลื้อยังกตัญญูต่อตั้งเช็งเอี๊ยงกับหลิวเจียหลินอยู่ล่ะก็ หนีไป เอาตัวรอดให้ได้ แล้วกลับมากู้เกียรติและศักดิ์ศรีให้วงศ์ตระกูล"
"ถ้าจะรอด เราต้องรอดด้วยกัน ผมจะพาป๊ากับม้าออกไปจากที่นี่ให้ได้"
ชลธีลืมความเจ็บปวดแล้วเข้าไปพยุงพ่อกับแม่ที่นอนกองอยู่กับพื้น สักครู่ ไฟก็ลุกไล่มาจากทางด้านหลังบ้านและลามเลียเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดหันไปมอง
เจียหลินสะบัดตัวหลุดจากลูก "รีบไปอาธี"
ชลธีร้องไห้ปานจะขาดใจ "ไม่"
"ถ้าลื้อตาย ตระกูลตั้งจะมัวหมองเพราะมันป้ายความผิดให้เรา เราไม่เคยค้าทองเถื่อน เราไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย"
ไฟเริ่มลามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เจียหลินพูด "แสดงความกตัญญูต่อวงศ์ตระกูล พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเราถูกใส่ร้าย อาธี"
ตั้งเช็งเอี๊ยงกับเจียหลินโผเข้ากอดลูกคนละข้างแน่นและน้ำตาไหลพราก
"ล้างมลทินให้ป๊ากับม้า"
"ม้ารักลูกนะ อาธี ไม่ว่าจะเกิดอะไร ขอให้ลูกรู้ไว้ ลูกอยู่ในใจม้าเสมอ"
แล้วเจียหลินก็สบตาตั้งเช็งเอี๊ยอย่างคนใจเด็ดที่รู้ใจกันก่อนจะทำในสิ่งที่ชลธีไม่คาดคิด นั่นก็คือการออกแรงผลักเขาจนกระเด็นออกไป ในขณะที่ไฟลามเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ชลธีตะโกนถาม "ป๊า ม้า มันเป็นใคร"
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะตอบอะไร เปลวเพลิงก็โหมเข้าใส่ทั้งสองแล้ว
ชลธีตะโกนร้องแทบขาดใจ "ป๊า ม้า"
ประโยคของตั้งเช็งเอี๊ยงดังก้องขึ้นมาในหัวของชลธี “แสดงความกตัญญูต่อวงศ์ตระกูล พิสูจน์
ให้ทุกคนเห็นว่าเราถูกใส่ร้าย อาธี”
ชลธียกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วก็ตัดสินใจทำตามที่พ่อสั่ง เขาพลิกตัวหันมาเพื่อจะวิ่งออกไปแต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องร้องลั่นเพราะเปลวเพลิงอีกลูกพุ่งใส่หน้า
ชลธีร้องลั่น "อ๊าก"


เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ธามก็กัดฟันกรอด น้ำตาคลอ ชายหนุ่มกำหมัดแน่นเหมือนอยากจะฉีกคนที่ทำกับครอบครัวเขาออกเป็นชิ้นๆ
"ฉันถูกไฟคลอกหน้า อาแปะเฉินมาช่วยชีวิตฉันไว้ได้ทันก็จริง แต่สภาพฉันเหมือนตายทั้งเป็น ฉันต้องผ่าตัดศัลยกรรมหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า"


ไฟห้องผ่าตัดสาดลงมา หมอผ่าตัดและพยาบาลก้มลงมาผ่าและเย็บแผลให้ชลธี
ชลธีในชุดผู้ป่วยมีผ้าพันแผลปิดหน้านั่งอยู่ หมอค่อยๆแกะผ้าพันแผล การผ่าตัดเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งจนเกิดพัฒนาการของใบหน้าชลธีที่เปลี่ยนไปทุกครั้ง จากใบหน้าชลธีที่เต็มไปด้วยแผลกลายเป็นใบหน้าชลธีที่ใสนิ้งแต่แววตาของเขากร้าวแกร่งในสไตล์ธาม

ธามเดินเกาะราวฝึกเดิน เขาฝึกยืดกล้ามเนื้อมือและขา ธามฝึกวิ่งในลู่วิ่ง จากช้ากลายเป็นเร็วขึ้นและเร็วขึ้นในแต่ละวันที่ผ่านไป ธามฝึกถ่ายน้ำหนัก ฝึกยกตัวเองขึ้นไปบนบาร์คู่และเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักไปที่มือทั้ง 2 ข้าง เหงื่อของเขาแตกพลั่ก
ธามอธิบาย "ฉันต้องฝึกเดิน ฝึกใช้กล้ามเนื้อทุกส่วน เพื่อเตือนว่าฉันยังมีชีวิต มีลมหายใจ ฉัน ยังไม่ตาย ฉันบอกกับตัวเองทุกวันว่าฉันจะต้องลุกขึ้นมาจัดการคนที่มันทำกับพ่อแม่ฉันให้ได้"


ฤดูร้อน ธามถอดเสื้อต่อสู้กับเฉียงด้วยมือเปล่า จากที่สู้กันแบบไม่เป็นมวยในตอนแรกกลายเป็นสู้กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน โดยมีเฉินอี่เสียงเป็นผู้สอนและยืนดู
ฤดูใบไม้ร่วง ธามควงมีดสู้กับเฉียง ท่ามกลางใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีและร่วงสู่พื้นดิน ทั้งสองพลาดแทงโดนกันจนเลือดกระฉูด เฉินอี่เสียงเข้ามาสอนเทคนิคให้ทั้งคู่
ฤดูหนาว ธามควงกระบองสู้กับเฉียง ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย เฉินอี่เสียงยืนดู
ฤดูใบไม้ผลิ ธามกับเฉียงเล็งปืนใส่เป้านิ่งและเป้าเคลื่อน ลูกปืนพุ่งเข้าสู่จุดหมายด้วยความแม่นยำ
ธามอธิบาย "ฉันต้องฝึกการต่อสู้ทุกรูปแบบ พวกแกก็ รู้ว่าฉันเกลียดการใช้กำลังมากแค่ไหน แต่ในตอนนั้นฉันกลับเป็นฝ่ายขอร้องให้อาแปะเฉินสอนการต่อสู้ให้ฉัน จากคนที่ไม่เคยสู้ ต้องลุกขึ้นมาสู้ จากที่ไม่เคยจับอาวุธ ต้องลุกขึ้นมาจับอาวุธทุกอย่าง"
 
"ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า ทั้งเจ็บ แต่ฉันทน ไม่มีอะไรที่ฉันจะทนไม่ได้อีกแล้ว"

เพื่อนทุกคนนั่งมองธามอย่างอึ้งๆ
 
"แกเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้เลยหรือวะเนี่ย" ภรพอึ้ง
"ฉันว่าฉันทุกข์เรื่องพ่อแม่แล้ว แต่ฟังจากที่แกเล่า ทุกข์ของฉันเทียบกับทุกข์ของแกไม่ได้เลย" ทรงกลดบอก
"เจ็ดปีก่อน ฉันอยากเห็นไอ้ธีเพื่อนคนเดิมของฉันกลับมา แต่ตอนนี้ฉันว่าแกต้องทิ้งไอ้ธีสุภาพบุรุษสุดหล่อไว้ข้างหลัง แล้วลุยไปกับไอ้ธามบ้าระห่ำคนนี้แล้วล่ะ" คณินว่า


ธามนั่งหน้านิ่งให้เฉินอี่เสียงสักรูปกระทิงกล้ามเป็นมัดๆ ทะยานขึ้นเต็มแผ่นหลังของเขา
เวลาผ่านไป ธามนั่งคุยกับเฉินอี่เสียงและเฉียงในหลากหลายอารมณ์ ทั้งพูดคุยแบบธรรมดา ทั้งทะเลาะโกรธเกรี้ยว ทั้งสนุกเฮฮา หัวเราะขำขัน แล้วเฉินอี่เสียงก็เอื้อมมือปิดเทปที่อัดเก็บไว้ กรอเทปไปข้างหลังเพื่อเปิดฟังเสียงธาม แล้ววิจารณ์เพื่อฝึกให้พูดใหม่ โดยมีเฉียงนั่งฟังอย่างเห็นใจและให้กำลังใจ
"การทิ้งไอ้ธีคนเดิมไว้ข้างหลังมันไม่ง่าย ฉันต้องทำอะไรหลายอย่างเพื่อไม่ให้คนที่รู้จักชลธี คิดว่าเราเป็นคนคนเดียวกัน แม้แต่เสียงพูด อาแปะเฉินฝึกฉันทุกวัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันต้องไม่พูดเหมือนชลธี คิดอย่างชลธี และทำแบบชลธี อาแปะทนฝึกฉันเพราะเหตุผลเดียว ไม่อยากให้พวกนั้นรู้ว่าชลธียังไม่ตาย เพราะถ้ามันรู้ มันไม่ปล่อยฉันไว้แน่"


ทรงกลดผุดลุกขึ้นด้วยความโมโหสุดๆ
"พวกมันเป็นใคร"
"ทำกับเพื่อนกูขนาดนี้ กูไม่ปล่อยพวกมึงอยู่หนักแผ่นดินแน่ มันเป็นใครไอ้ธาม" คณินถาม
ธามนั่งนิ่งแต่แววตาแฝงไปด้วยความเจ็บแค้น
ภาพตอนที่เฉินอี่เสียงส่งไฟแช็ก ZIPPO รุ่น The Furniture Club Of America ซึ่งบิดงอและเต็มไปด้วยเขม่าควันไฟให้ธามดู
เฉินอี่เสียงบอกธาม "หลังจากที่อั๊วส่งลื้อเข้าโรงพยาบาล อั๊วกลับมาดูที่บ้านลื้ออีกครั้ง ไม่มีอะไรเหลือเลย นอกจากไอ้นี่"
ธามรับซากไฟแช็กมาหมุนดู
"ไฟแช็คที่ใช้เผาบ้านใช่มั้ยอาปา อาปารู้ใช่มั้ยว่าใครลงมือ" ธามถาม
"อั๊วรู้ว่าไฟแช็กนี่เป็นของเสี่ยเล้ง และมันไปที่บ้านลื้อแน่นอน"
ธามในปัจจุบันบอกเพื่อนๆ "ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันดีกว่า พวกแกมีเรื่องที่ต้องจัดการเยอะอยู่แล้ว"
"เรื่องอะไรวะ" ภรพปฏิเสธเสียงสูง "ไม่มี้"
"ธุรกิจรังนกต้องดูแลใกล้ชิดนะ อีกอย่างแกก็ถูกตามล่าอยู่ไม่ใช่เหรอ" ธามพูดกับทรงกลด "ส่วนแก ปัญหาของแกกับป๊าก็หนักหนาอยู่แล้ว ยังมีอาจูที่ต้องดูแลอีก" ธามพูดกับคณิน "แก ไอ้คิม แกต้องกลับไปเป็นหัวหน้าแก๊งเหยี่ยวแดงแทนป๊า แล้วไหนจะเรื่องผู้หญิงที่ชื่อแพนนั่นอีกล่ะ"
"เออ มันรู้ลึก รู้จริงเว้ย" คณินว่า
"เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันกับมัน ฉันไม่อยากให้พวกแกเดือดร้อน" ธามบอก
"แต่ถ้าแกเดือดร้อนเมื่อไหร่ พวกเราทุกคนพร้อมจะเดือดร้อนกับแกเสมอ โอเคมั้ยวะ"
ทรงกลดยกมือขึ้นจับมือธาม ภรพกับคณินตามมาจับมือสมทบแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว


ย่าหยากำลังจัดเตรียมอาหารเพื่อไปส่งที่บ้านของธาม หยกมณีเดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยถาม
"ของเฮียกระทิงใช่มั้ยอาหยา"
ย่าหยาตอบสั้นๆ "ค่ะ"
โบตั๋นที่เดินกลับห้องแต่งตัวผ่านมาได้ยินพอดี
"ไม่ต้องไปแล้ว เมื่อกี้อาเฉียงโทรมา คืนนี้เฮียสั่งงด" หยกมณีบอก
โบตั๋นปรี่เข้ามา "เกิดเรื่องอะไรรึเปล่าแจ้ เฮียหายไปกับพวกนั้น อั๊วกลัวจะมีเรื่องตีกัน"
ย่าหยารื้ออาหารออกแล้วทำง่วนกับการจัดจานอาหารที่ลำเลียงออกจากครัวใส่ถาด
"ก็ตีกันจริงๆน่ะสิ เห็นว่ามีมีดมีปืนยิงกันเละเทะ เฮียกระทิงคงเจ็บหนักเหมือนกัน"
ย่าหยาได้ยินแล้วก็ชะงักเพราะไม่รู้ทำไมถึงเป็นห่วงธามขึ้นมาแบบนี้
"อั๊วจะไปหาเฮีย" โบตั๋นจะจ้ำออกไป
หยกมณีคว้าแขนโบตั๋นไว้ "อย่าเลย เฮียกระทิงคงอยากพัก น่าจะอารมณ์ไม่ดีด้วย ขนาดอาเฉียงกับอาจิวยังไม่กล้าสู้หน้า เฮียแค่โทรมาสั่งสองคนนั่นว่า ไม่กินข้าวแล้วก็ห้ามใครรบกวน"
โบตั๋นอ่อนใจและมีหน้าตากระวนกระวายเพราะเป็นห่วงธาม แต่ถ้าธามสั่งเธอก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง
แม้จะยืนหันหลังให้ทั้งคู่จนดูเหมือนไม่รับรู้แต่สีหน้าของย่าหยากลับมีแววกังวลไม่แพ้ผู้หญิง2คนทางด้านหลังของเธอเลย


ธามหมุนไฟแช็คZIPPO ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุในมือ
"ในเมื่อลื้อบีบอั๊วให้ไม่มีที่ยืน อั๊วก็จะยืนในที่ของลื้อ ไอ้เล้ง" ธามบอก


ซ้งกับเกี๊ยงเดินเข้ามาในโรงฝิ่นก่อนตรงเข้าไปในห้องวีไอพีของเล้ง
"ขอโทษที่กลับช้านายใหญ่ อั๊วต้องรอจนเช้ากว่าพวกตำรวจมันจะกลับ" ซ้งว่า
"ใครตาย" เล้งถาม
เกี๊ยงอึกอัก "อาเป่ามันไม่เล่นงานไอ้ธามอย่างที่คิด"
"งั้นพวกลื้อก็เล่นงานไอ้ธามเองสินะ ศพมันอยู่ไหน"
"มันรอดไปได้ นายใหญ่"
เล้งถือที่สูบฝิ่นแล้วลุกขึ้นยืนพูดช้าๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ลื้อจะบอกอั๊วว่ามือปืน 15 คน สู้คนมือเปล่าคนเดียวไม่ได้งั้นเหรอไอ้ซ้ง ไอ้เกี๊ยง"
เล้งใช้ที่สูบฝิ่นตบหน้าซ้งและเกี๊ยงจนกรามแทบหัก เลือดสีแดงข้นไหลซึมออกจากปาก
"ถ้ามันคนเดียว คงเก็บมันได้ไม่ยาก แต่มีคนมาช่วยมัน" ซ้งว่า
"ใคร" เล้งถาม
"ไอ้ทรงกลด ไอ้ภรพ แล้วก็ไอ้คณินครับนายใหญ่" เกี๊ยงบอก
เล้งแค้นจัด "ไอ้พวกเด็กเมื่อวานซืน ลื้อรู้จักอั๊วน้อยไป"


เฉียงและจิวคุมคนงานด้วยความกระวนกระวาย ในที่สุดจิวก็เป็นฝ่ายโพล่งขึ้นก่อน
"อั๊วว่าไม่ต้องรอแล้ว เราไปขอโทษเฮียธามเลยดีกว่า"
"เฮียคงโกรธจริง เมื่อคืนโทรมาสั่งอั๊วแค่คำสองคำแล้ววางหูเลย" เฉียงบอก
"จริงๆเราก็ไม่ได้ขัดคำสั่งเฮียนะ เราไม่ได้ตามไปช่วยเฮียสักหน่อย แค่" จิวเสียงอ่อย "โทรหาเฮียทรงกลด แค่นั้น"
ธามเดินเข้ามาพร้อมกับพูด
"แค่นั้นมันก็ทำให้เพื่อนฉันเดือดร้อน"
เฉียงกับจิวใจหายวูบ "เฮีย"
"ทุกคนต้องมาเจ็บตัวเพราะฉันกันหมด" ธามบอก
เฉียงพูดจ๋อยๆ "เราสองคนขอโทษครับเฮียที่ฝ่าฝืนคำสั่ง"
"แต่เราเป็นห่วงเฮียนะ เฮียหวังจะพิสูจน์ตัวเอง สู้กันแบบลูกผู้ชายกับไอ้พวกนั้นเหรอ ไม่มีทางหมาหมู่อย่างพวกมันทำได้แค่ลอบกัดเท่านั้น ถ้าเราไม่โทรหาเพื่อนๆ เฮีย เรื่องมันจะออกมายังไง" จิวว่า
เฉียงปราม "พอได้แล้ว อาจิว"
จิวพูดไปก็น้ำตาซึมไป "อั๊วทนไม่ได้หรอกนะ ถ้าเฮียเป็นอะไรไป"
ทั้งหมดนิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วธามก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา
ธามสั่งหน้านิ่งแต่เสียงเข้ม "ไปได้แล้ว"
จิวโวยวาย "ไม่นะเฮีย อั๊วผิดถึงขั้นไล่ออกจากแก๊งเลยเหรอ ไม่นะ อั๊วไม่ไป"
เฉียงแอบยิ้มขำจิวที่เข้าใจผิด "ไปไหนครับเฮีย"
"จัดการคนที่มันลอบกัดฉันน่ะสิ" ธามพูดกับจิว "ลื้อไม่ไปก็เรื่องของลื้อนะอาจิว"
ธามเดินออกไปกับเฉียง จิวยืนอึ้งอยู่สักพักแล้วก็วิ่งตาม
"ไปเฮียไป รออั๊วด้วยเฮีย"

พูดจบจิวก็รีบวิ่งตามทั้งคู่ไปทันที

ฮกนั่งดูรูปถ่ายในวัยเด็กของเขากับฮั้ว ซ้งยืนค้ำหัวอยู่
 
"ตอนนั้นมันวุ่นวายไปหมด อั๊วไม่คิดว่าเหวินเต๋อมันจะซ่อนลูกน้องไว้หลังร้านพอมันยิงสวนออกมา อั๊วถึงได้เห็นอาฮั้วถูกพวกมันยิง" ซ้งว่า
ฮกเจ็บปวด "น้องอั๊วโดนยิงกี่นัด"
“2-3 นัดได้ พออีล้ม อั๊วเห็นอาเต๋อตามมายิงอาฮั้วอีกนัดจนนิ่งไป จากนั้นต่างคนต่างหนีเอาตัวรอด"
"แล้วศพน้องอั๊วล่ะ" ฮกถาม
"อั๊วไม่รู้ ลื้ออยากได้ก็ต้องไปขอกับอาเต๋อ หรือไม่ก็ตามไปดูที่มูลนิธิเก็บศพไร้ญาติ อาจจะเจอ " ซ้งพูดจบก็เดินยิ้มเหยียดออกไป
ฮกขมขื่นใจ เขารู้สึกเก็บกดจนต้องร้องไห้โฮเพราะไม่คิดเลยว่าแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่แยกจากน้องชายจะกลายเป็นการจากกันตลอดชีวิตเช่นนี้


ธามยืนบัญชาการ
"ลื้อ 2 คน เข้าไปที่โรงฝิ่น สืบให้ได้ว่าโกดังเก็บฝิ่นอยู่ที่ไหน ฉันจะดึงเสี่ยเล้งไว้ที่ฉั่วเทียนเหลาเอง"
"ทำไมเฮียคิดว่ามันจะไปที่นั่น" เฉียงถาม
"ฉันให้ป๊าส่งคนมาติดต่อซื้อทองกับมันที่นั่น ยังไงมันก็ต้องมา"
"อั๊วจะจัดการให้สาสมกับที่มันทำกับเฮีย" จิวบอก
"ไม่ใช่แค่เพื่อฉันหรือแก๊งกระทิง แต่มันถึงเวลาที่ต้องกระชากหน้ากากคนชั่วให้ทุกคนเห็น" ธามสั่ง "ลื้อไปจัดการได้"
"แล้วเฮียล่ะครับ" เฉียงถาม
"ฉันจะกลับไปเตรียมตัวที่บ้าน"
"งั้นเราสองคนไปส่งเฮียก่อน อั๊วจะได้ทำแผลให้เฮียใหม่ อาเฉียงจะได้จัดการเรื่องอาหารด้วย"
"ไม่ต้อง ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ จัดการเองได้"
ธามไม่ฟังเสียงทัดทานของทั้งคู่ เขารีบเดินไปทันที
จิวตะโกนไล่หลัง "เฮีย เดี๋ยวก่อน ไม่ให้เราดูแลแล้วจะให้ใครดูแล"
เฉียงนิ่งคิดแล้วก็รู้สึกเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้


ธามเดินเข้าไปหยุดยืนกลางโถง สักครู่เขาก็พูดโดยไม่หันมามองข้างหลัง
"บอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันดูแลตัวเองได้ จะตามมาทำไมห๊า อาเฉียง อาจิว"
ย่าหยาที่เดินมาทางด้านหลังธามพูดขึ้น
"ฉันเอาข้าวมาส่ง"
ธามแปลกใจเพราะคิดว่าเป็นเฉียงกับจิว ธามหันมามอง ย่าหยาอึ้งที่เห็นสภาพธาม หน้าตา และร่างกายมีรอยแผลฟกช้ำและมีผ้าก็อชพันแผลตามจุดต่างๆที่โดนแทง
"อาเฉียงโทรบอกคุณสุ่ยให้ฉันเอาข้าวมาส่ง" ย่าหยาบอก
ธามพยักหน้ารับรู้แล้วก็นิ่งเงียบ
"คุณ เจ็บมากเหมือนกันนี่"
"ยังไม่ตาย"
ย่าหยามองเห็นผ้าพันแผลธามชายหลุดลุ่ยเลยมองหาคนไปรอบๆบ้าน
"หาอะไร" ธามถามขึ้น
"ผ้าพันแผลคุณลุ่ยออกมาแล้ว น่าจะทำแผลใหม่ ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ"
"ไม่มี ฉันอยู่คนเดียว ชอบความเป็นส่วนตัว"
ย่าหยารู้สึกเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที "งั้นฉันกลับล่ะ" ย่าหยาเดินออกมา
ธามเรียกไว้ "ทำแผลเป็นมั้ย"
ย่าหยาชะงัก


ย่าหยาล้างแผล เช็ดแผล และพันแผลให้ธามด้วยท่าทางที่ดูอ่อนหวาน ธามทำหน้านิ่งตีมึน แต่ก็แอบมองย่าหยาอยู่เรื่อยๆ ในขณะที่ย่าหยารู้ว่าธามแอบมองแต่เธอก็ตีหน้าขรึมทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้งๆที่ประหม่าแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประหม่าอะไร ย่าหย่าก้มลงเอาปลายไม้พันสำลีเช็ดแผลที่แขนให้ธาม ธามได้กลิ่นหอมโชยจากตัวหญิงสาวแล้วชะงัก
“Chanel No.5”
ย่าหยาชะงักกึก "คุณรู้"
"น้ำหอมกลิ่นโปรดของอาม้า แต่..สงสัยว่ายี่ห้อนี้มันหรูไปสำหรับพนักงานเสิร์ฟที่เป็นลูกชาวสวนธรรมดารึเปล่า"
ย่าหยาแก้ตัว "รสนิยมฉันสูง"
"มีสปอนเซอร์ดี"
ย่าหยาชักสีหน้าแต่แล้วก็เปลี่ยนใจปล่อยเลยตามเลย "แหงล่ะ ก็ฉันสวย"
ธามมองย่าหยาด้วยสายตาเป็นประกายเมื่อหญิงสาวโพสท่าสวย จนฝ่ายหญิงต้องหลบตาก้มมองแผลนั้น
"โดนฟันลึกเหมือนกันนะ บวมเชียว เจ็บมั้ย" ย่าหยาถาม
"ถามเฉยๆ หรือ เป็นห่วง" ธามย้อน
"สมเพช เวทนา คนไทยขี้สงสาร"
"แล้วไป นึกว่าแอบห่วง"
"อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย เรื่องอะไรฉันต้องห่วงคุณ"ย่าหยาพันแผลแรงๆ
ธามร้อง "โอ้ย ไหนบอกคนไทยขี้สงสารไง"
"เสร็จแล้ว" ย่าหยาลุกขึ้นแล้วเดินออกไป แต่แล้วเธอก็หันกลับมา "คุณจะกินข้าวเลยรึเปล่า ฉันจะแกะให้"
"ไม่ต้อง แต่รอฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียว ฉันจะไปฉั่วเทียนเหลากับเธอ" ธามว่า
ย่าหยากวนใส่ "ฉันต้องทำตามคำสั่งคุณเหรอ"
"หักวันที่ต้องมาส่งข้าวฉัน 10วัน โอเคมั้ย"
ย่าหยาพูดไม่ออก เธอได้แต่ถอนใจ


เล้งขยับเสื้อสูทออกมาจากโรงฝิ่น โดยมีซ้งตามประกบ
"อั๊วมีนัดที่ฉั่วเทียนเหลา ลื้ออยู่ดูแลที่นี่ วันนี้เสี่ยลี่พาคนมาเยอะ อย่าให้พวกตำรวจมันมาวุ่นวายแถวนี้" เล้งสั่ง
ซ้งพยักหน้ารับรู้ เกี๊ยงวิ่งเอาถุงกำมะหยี่สีแดงมายื่นให้เล้ง
"ได้แล้วครับ เส้นละสิบบาท อาหยกนี่โชคดีจริงๆ ความจริงนายใหญ่น่าจะแต่งงานมีความสุขสักทีนะครับ"
"ลื้อพูดยังกับไม่รู้จักนายใหญ่ นายใหญ่ไม่มีวันยกย่องผู้หญิงกินผัวอย่างอาหยกเป็นเมียหรอก นายใหญ่รักผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น"
เล้งยิ้ม "เวลาเปลี่ยน ใจคน อาจเปลี่ยน"
"ยกเว้นนายใหญ่"

เล้งยิ้มมุมปาก เดินตาเป็นประกายวาวออกไปโดยไม่พูดอะไร ซ้งกับเกี๊ยงมองตามหลังเล้งไป เฉียงกับจิวซ่อนตัวแอบมองอยู่

เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ย่าหยาชะเง้อมองไปที่บันไดก็เห็นธามยังไม่ลงมาสักที เธอจึงลุกขึ้นเดินไปมาแล้วถือโอกาส
 
เดินสำรวจของเก่าที่อยู่ในบ้านจนเพลินก่อนจะมาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องหนึ่ง
อะไรบางอย่างทำให้ย่าหยาอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ในห้องนั้น เธอค่อยๆเอื้อมมือไปที่ลูกบิดแล้วเปิดประตู แต่ก่อนที่จะออกแรงผลัก ประตูก็เปิดผัวะออกมาเองพร้อมกับธามที่เดินตีหน้ายักษ์ออกมา
"มาทำอะไรที่นี่" ธามปิดประตูดังปัง
"คุณลงมาตอนไหน เข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง" ย่าหยาสงสัย
"บ้านฉันมีทางลงทางเดียวเหรอ ฉันควรเป็นฝ่ายถามเธอมากกว่ามั้ยว่าเธอมาอยู่นี่ได้ยังไง"
"ฉันไม่เห็นคุณลงมาสักที ฉันก็เลยเดิน เอ่อ"
"สำรวจทางหนีทีไล่ จะได้เข้ามาขโมยของวันหลัง"
ย่าหยาโมโห "อย่าดูถูกกันให้มากนะ ต่อให้ฉันอดตาย ฉันก็ไม่ขโมยของใคร จำไว้"
ธามเสียงเข้ม "งั้นก็จำไว้ว่าห้องนี้คือห้องส่วนตัวของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครเดินเพ่นพ่านในบ้านฉัน"
"คราวหน้า คุณก็ออกไปรับข้าวหน้าบ้านเลยก็แล้วกัน ฉันจะได้ไม่ต้องเข้ามาเพ่นพ่านในที่ของคุณ"
ย่าหยาจะเดินออกไปแต่ธามคว้ามือเธอไว้
"เดี๋ยว" ธามเอาผ้าพันคอที่อยู่ในมือขึ้นมาคล้องคอให้ย่าหยา "ฉันมาเอาผ้าพันคอให้เธอ พันไว้ซะ คืนนี้อากาศเย็น"
ธามเดินนำออกไป ทิ้งให้ย่าหยายืนงงอยู่ตรงนั้น เธองงที่ธามเดี๋ยวดี เดี๋ยวดุ เดี๋ยวโหด

ธามกับย่าหยาเดินมาตามทางเดิน สักครู่ย่าหยาก็แหงนมองพระจันทร์ดวงโตเต็มดวง
"พระจันทร์สวยจัง" ย่าหยาชม
ธามแหงนหน้ามองตาม "วันนี้วันไหว้พระจันทร์ พระจันทร์เต็มดวง สวย"
ย่าหยายิ้มเศร้าๆ "เห็นแล้วคิดถึงแม่ แม่ชอบเอาฉันนอนตักดูพระจันทร์ แล้วก็ร้องเพลงขอข้าวขอแกงด้วยกัน"
"เธอคิดถึงแม่ก็กลับไปหาแม่ได้ตลอดเวลานี่ แม่เธออยู่แค่ธนบุรีนี่เอง"
ย่าหยาสะท้อนในหัวอกเพราะจริงๆ แม่ของเธอตายไปนานแล้ว
"แล้วคุณล่ะ คิดถึงแม่มั้ย"
ความเจ็บปวดแผ่ของธามซ่านขึ้นมาอีก "มาก"
ธามพูดต่อ "แต่แม่บอกฉันเสมอว่าแม่ไม่ได้ไปไหน ถ้าคิดถึงท่านก็ให้มองพระจันทร์ ถึงเราจะอยู่ไกลคนละมุมโลก แต่ก็ใต้พระจันทร์ดวงเดียวกัน"
ทั้งคู่เดินมาถึงตึกแถวที่มีครอบครัวชาวจีนออกมาช่วยกันตั้งโต๊ะจัดของไหว้พระจันทร์หน้าบ้าน พ่อ แม่ ลูก
"ความสุขของคนเรามันเท่านี้จริงๆ ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา" ธามบอก
"จริง ต่อให้รวยล้นฟ้าก็ไม่มีความสุข ถ้าไม่มีคนในครอบครัวเคียงข้าง" ย่าหยาบอก
แววตาของธามสลดลง "เหมือนฉัน ตอนนี้"
ย่าหยาเห็นเสี้ยวหน้าเศร้าหมองของธามก็อดคิดลึกๆไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้ว้าเหว่ไม่ต่างจากเธอเลย


เฉียงกับจิวค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากห้องที่ซอยเป็นล็อกๆ สำหรับสูบฝิ่น ทั้งคู่เห็นลูกค้าเดินไปเดินมาประปราย ทั้งคู่สบตากันแล้วย่องออกมาเพื่อจะเดินไปทางด้านหลัง ซ้งกบเกี๊ยงพาคณะเสี่ยลี่เดินเข้ามาจากอีกทาง ทั้งหมดกำลังจะเลี้ยวเข้าห้องวีไอพี แต่แล้วซ้งก็หันมาเห็นหลังเฉียงกับจิวไวไว
ซ้งเอ่ยถาม "ลื้อ 2 คนจะไปไหน"
เฉียงกับจิวชะงักกึก ทั้งคู่เหล่มองกันเพราะรู้ว่าพวกที่อยู่ด้านหลังมีปืนกันทุกคน
ซ้งถามย้ำ "จะไปไหน อั๊วถามไม่ได้ยินรึไง"
เกี๊ยงต้อนแขกเข้าห้องไป "เชิญครับเสี่ย"
ซ้งเดินเข้ามาหาเฉียงกับจิวพร้อมดึงปืนออกจากเอว ในขณะที่เฉียงกับจิวก็อยู่ในท่าพร้อมที่จะชักปืนเช่นกัน อีกเพียงแค่ก้าวเดียว ซ้งก็จะเดินถึงตัวเฉียงแล้ว ถ้าฮกไม่ก้าวเข้ามายืนหน้าเฉียงกับจิวซะก่อน
ฮกพูดออกมา "ลูกค้าใหม่น่ะเฮีย เอ้า จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ตามมาเร็วๆสิ"
ฮกเดินนำทั้งคู่ออกมาแบบหายใจไม่ทั่วท้อง ในขณะที่เฉียงกับจิวที่เดินตามฮกค่อยๆผ่อนลมหายใจ ซ้งจะขยับตามแต่เกี๊ยงออกจากห้องมาเรียกไว้
"มาช่วยรับแขกหน่อย อาซ้ง"

ซ้งชะงักแล้วเดินตามเกี๊ยงกลับไป

ฮกดึงเฉียงกับจิวเข้ามาที่มุมลับตาคนมุมหนึ่ง
 
"ลื้อสองคนมาที่นี่ทำไม มันอันตรายมากรู้มั้ย ไอ้พวกนั้นมันมีปืนมีมีดกันทุกคน" ฮกบอก
"ขอบใจนะอาฮกที่ช่วยเราไว้" เฉียงพูด
"ลื้อรีบออกไป ก่อนที่พวกมันจะไหวตัวทัน"
"ยังกลับไม่ได้" จิวบอก
"ลื้ออยากตายงั้นเหรอ" ฮกถาม
"เราต้องหาโรงเก็บฝิ่นเสี่ยเล้งให้เจอ" เฉียงบอก
ฮกนิ่งไปพักหนึ่งแล้วตัดสินใจ
"เสี่ยไม่ได้เก็บไว้ที่นี่" ฮกบอก
"งั้นที่ไหน เสี่ยเล้งมันส่งมือปืนไปเล่นงานเฮียเกือบยี่สิบคน ยังไงก็ต้องเอาคืน" จิวว่า
"แลกกับอะไรบางอย่าง ตกลงมั้ย"
"อะไร" เฉียงถาม
"รับปากว่าจะช่วยหาศพน้องอั๊วให้เจอ" ฮกบอก
เฉียงกับจิวอึ้งที่รู้ว่าฮั้วตายแล้ว


ธามเดินเข้ามาพร้อมย่าหยาจนเจอกับเล้งที่เดินมาจากอีกด้าน เล้งแอบหงุดหงิดที่เห็นย่าหยามากับธาม
"อาธาม ลื้อไปโดนอะไรมา อย่าบอกนะว่าอาเต๋อกับอาเป่าตามไปเล่นงานลื้อ"
"ไม่ใช่สองคนนั้นหรอกครับ เพราะอากู๋มีคุณธรรม ไม่ลอบกัดใครลับหลัง"
"ลื้อพูดเหมือนมีใครลอบทำร้ายลื้อ จับตัวได้มั้ย มันเป็นใคร อยู่แก๊งไหน"
"แก๊งหมาหมู่มั้งครับ มันยกขบวนมาเป็นสิบเพื่อจัดการผมคนเดียว"
"ทำไมมันไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้วะ นักเลงที่อื่นรึเปล่า"
"ไม่ทราบครับ แต่ลูกน้องตายเรียบแบบนี้ ไอ้หัวหน้าที่มุดอยู่ในรู มันคงแทบกระอักเลือดตาย"
เล้งยิ้มหนวดกระดิก "นั่นสินะ แล้วลื้อจะรับมือมันยังไง อั๊วว่ามันคงแค้น กลัวว่ามันจะกลับมาเล่นงานลื้ออีกน่ะสิ"
"ก็ต้องระวังตัวครับ เพราะไอ้พวกนี้ไม่กล้าสู้ใครซึ่งๆหน้า คงกลัวคนจะรู้ว่ามันเป็นใคร"
ธามจ้องเล้งเขม็ง
เล้งตบแขนเบาๆ ด้วยความสนิทสนม "มีอะไรให้อั๊วช่วย บอกได้ทุกเวลานะหลานชาย"
ย่าหยาอยากเดินตามแผนตัวเองบ้าง "เชิญด้านในค่ะเสี่ย"
เล้งยกแขนให้ย่าหยาคล้อง ย่าหยายิ้มอย่างไว้ตัวไม่ยอมให้ควงแขน แต่เธอกลับผายมือเชิญเล้งเข้าไปด้านใน เล้งรู้สึกเก้อเล็กๆ แต่ก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินตามหญิงสาวเข้าไป ธามมองตามแบบอยากเข้าไปกระซวกไส้เล้งเสียเดี๋ยวนี้


ย่าหยาเดินเข้ามาพร้อมเล้งโดยมีธามเดินตามเข้ามา ย่าหยาพาเล้งแยกเดินไปนั่งที่โต๊ะเดิม โบตั๋นเข้ามากอดธาม
"เฮีย เป็นยังไงบ้าง โบตั๋นเป็นห่วงเฮียแทบแย่" โบตั๋นบอก
"คุณสุ่ยอยู่มั้ย" ธามถาม
"ออกไปงานเลี้ยงซ้อแปดค่ะ แต่โบตั๋นบอกคุณสุ่ยให้แล้ว คุณสุ่ยบอกเชิญเฮียใช้ห้องได้ตามสบาย"
ธามพยักหน้ารับรู้
"โบตั๋นขอตัวไปดูแลแขกหน้าเวทีนะคะ" โบตั๋นเผลอหลุดปาก "เดี๋ยวเสี่ยเล้งจะสงสัย"
"สงสัยอะไร"
โบตั๋นรู้ตัว "เอ่อ อาจจะสงสัยว่าเราหายไปไหนกัน ทำไมโบตั๋นไม่พาเฮียไปนั่งโต๊ะน่ะค่ะ โบตั๋นออกไปรับหน้าก่อนนะคะ"
โบตั๋นเดินออกไป ธามไม่ติดใจสงสัยอะไรจึงเดินแยกมาอีกทาง


ย่าหยาขยับเก้าอี้ให้เล้งนั่ง ในขณะที่หยกมณีก้าวขึ้นเวทีร้องเพลง ใยหน้าเล้งเฉียดผ่านซอกคอย่าหยา เล้งอึ้งที่ได้กลิ่นน้ำหอม
“Chanel No.5”
ย่าหยาแอบยิ้มที่มุมปากเพราะนี่คือสิ่งที่เธอต้องการ
ย่าหยายิ้มหวาน "ค่ะ หยาชอบ"
"ฉันก็ชอบ"
ย่าหยาทำหน้าแปลกใจ "เสี่ยชอบน้ำหอมกลิ่นผู้หญิง"
"ฉันชอบผู้หญิงที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ต่างหาก เธอทำให้ฉันคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง"
"คงเป็นผู้หญิงที่เสี่ยรักมาก"
"ที่สุด เขาอยู่ในใจฉันเสมอ"
ย่าหยายิ้มเข้าใจ "ค่ะ เดี๋ยวหยาเอาเหล้ามาให้นะคะ"
ย่าหยาเดินยิ้มเจ้าเล่ห์ออกไปโดยทิ้งเล้งให้มองตามอย่างเสน่หาทางด้านหลัง โบตั๋นซึ่งดูแลแขกหน้าเวทีแอบมองเล้ง เมื่อเล้งหันไปมองโบตั๋น โบตั๋นก็รีบหลบตาวูบ


ธามกำลังพูดโทรศัพท์ในห้องทำงานของสุ่ย
"ผมถึงฉั่วเทียนเหลาแล้วครับ ครับ ไม่เป็นการรบกวนครับ ผมมีนัดที่นี่อยู่แล้ว แล้วเจอกันครับหมวด"
ธามวางโทรศัพท์หน้านิ่งดวงตาเป็นประกาย


ฮกเดินนำเฉียงและจิวแฝงตัวเข้าไปในเงามืดของซอกตึก เบื้องหน้าคือโกดังที่ดูภายนอกเหมือนโกดังเก็บของแห้ง พวกพริก กระเทียม หัวหอมธรรมดา มีคนที่แต่งตัวเหมือนชาวบ้านทั่วไปยืนเฝ้าและนั่งเฝ้าอยู่ 3 คน
"อั๊วช่วยได้แค่นี้ แล้วอย่าลืมว่าอั๊วไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น" ฮกบอก
"รู้แล้ว จะไปไหนก็ไป" จิวบอก
ฮกจะขยับออกมาแต่แล้วก็อดไม่ได้ "พวกลื้อจะเข้าไปในนั้นได้ยังไง ข้างนอกเห็นมีเท่านี้ แต่ที่อยุ่ข้างในมีเป็นสิบ"
"อั๊วรู้แล้ว มันไม่ปล่อยของสำคัญให้คนเฝ้าแค่นี้หรอก"
"ถ้ารับมือไม่ไหวก็กลับไปเถอะ พวกนี้มันถูกฝึกมาให้เหี้ยม เฮียกระทิงโหดจริงแต่ไม่เหี้ยม ไอ้พวกนี้มันอำมหิต ลื้อต้องเกณฑ์คนมามากพอ ไม่งั้นตายเปล่า"
"เท่านี้พอมั้ย" จิวพยักพเยิดให้ฮกหันไปมองด้านหลัง
ฮกเห็นลูกน้องธามถือไม้ มีด ปืน ดาหน้าเข้ามา 6 คน
"ลื้อให้คนตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่" ฮกถาม
"ก็ตั้งแต่ออกมาจากโรงฝิ่นไง ลื้อคิดว่าเฮียกระทิงโง่เหรอ"
"แต่ถ้าสู้กันมันก็เสี่ยง"
"ถ้าสู้กับมันน่ะเสี่ยงแน่ แต่เฮียมีวิธีที่ดีกว่านั้น"

ฮกสงสัยว่าวิธีอะไร

ย่าหยาเอาเหล้ามาเสิร์ฟเล้ง สักครู่ธามก็เดินเข้ามาเหมือนจะนั่งโต๊ะประจำของตัวเอง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินมาที่โต๊ะเล้ง
 
"ไม่ทราบเสี่ยนัดใครไว้รึเปล่า ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ" ธามถาม
"มีลูกค้าจากฮ่องกงนัดติดต่อซื้อทองกับอั๊ว"
"ถ้างั้น ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขอตัว"
เล้งทำใจกว้าง "ไม่เป็นไร เราอยู่วงการเดียวกัน ลูกค้าอั๊วก็เหมือนลูกค้าลื้อ เดี๋ยว อั๊วแนะนำให้ลื้อรู้จักด้วยเลย อาหยา รินเหล้าให้อาธามด้วย"
"ขอบคุณครับ"
ธามหันไปมองหาโบตั๋น โบตั๋นเดินมานั่งข้างๆ ธาม ธามโอบโบตั๋น
"ลื้อสองคนนี่เหมาะสมกันดี เมื่อไหร่จะแต่งงานกัน" เล้งถาม
"อยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว ผมยังไม่อยากมีพันธะ"
คำตอบของธามทำเอาหน้าที่ยิ้มไม่หุบของโบตั๋นเจื่อนลงทันที ย่าหยาส่งเหล้าให้เล้งกับธาม
เล้งหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงจากกระเป๋าแล้วดึงสร้อยทองเส้นเขื่องออกมายื่นให้ย่าหยา
"ฉันให้เธอ"
"ขอบคุณมากค่ะเสี่ย ฉันไม่ชอบใส่ทอง เสี่ยเก็บไว้เถอะค่ะ"
"แปลก ผู้หญิงที่ไหนก็ชอบทองทั้งนั้น เธอไม่ชอบทองแล้วชอบอะไร"
"จริงๆหยาไม่ชอบใส่เครื่องประดับ แต่ถ้าจำเป็น ขอแค่สร้อยห้อยจี้หยกรูปดอกโบตั๋นเล็กๆก็พอ"
เล้งซึ่งกำลังยกเหล้าเข้าปากชะงักและอึ้ง


ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2472 จับกังเข็นรถขนของเข้าออกตลาด ตั้งเช็งเอี๊ยงและเจียหลินนั่งที่ม้านั่งคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง บรรยากาศเหมือนโลกนี้เป็นสีชมพูสำหรับทั้งคู่ทั้งๆที่ดูวุ่นวายมาก
ตั้งเช็งเอี๊ยงพูด "ฉันจะซื้อสร้อยทองให้ลื้อนะเจียหลิน ฉันเก็บเงินได้พอดูแล้ว ฉันจะซื้อแหวน กำไล ตุ้มหูให้เธอด้วย"
"ฉันไม่อยากให้เฮียเสียเงินกับเรื่องพวกนี้ เราควรเก็บเงินไว้ตั้งตัว ฉันไม่ชอบใส่ทองด้วย"
"แต่มันต้องมีนะ เธอเป็นลูกสาวเถ้าแก่ ถ้าแต่งงานแล้วไม่ได้อะไรเลย คนจะคิดว่าฉันไม่ให้เกียรติลื้อ"
"ใครจะคิดยังไงก็ช่างเขา เกียรติของฉันคือการได้อยู่กับผู้ชายที่เป็นลูกผู้ชาย ผู้ชายที่รักฉัน ขยันทำมาหากิน ไม่เป็นอันธพาลต่างหาก"
"แต่ ฉันอยากให้ จะได้เป็นที่ระลึกในวันแต่งงานของเราด้วย"
"ถ้างั้น ฉันขอแค่จี้หยกรูปดอกโบตั๋นเล็กๆก็พอ"
ตั้งเช็งเอี๊ยงบีบมือเจียหลินแน่น ทั้งคู่ยิ้มหวานให้กัน
เล้งนั่งถือชามข้าวต้มอยู่ด้านหลังรถลากที่จอดอยู่ข้างทั้งคู่ แต่มีหลังคาและผนังด้านข้างกั้นไม่ให้ทั้งสามคนมองเห็นกัน เล้งนั่งเอามือปาดน้ำตา เขากินน้ำตาต่างข้าวเมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักจะแต่งงาน ไฟรักไฟแค้นสุมแน่นในอกของเขา


เหตุการณ์ปัจจุบัน เล้งมองย่าหยาแบบยังอึ้งไม่หาย
"เธอชอบหยกรูปดอกโบตั๋นเหมือนใครบางคนที่ฉันรู้จัก"
"เหมือนแม่ฉันด้วย" ธามว่า
"แต่สร้อยทองนี่ อย่าให้ฉันเสียความตั้งใจเลยนะ" เล้งบอก
"เก็บไว้เถอะค่ะ หยาเอาไปคงไม่ได้ใส่"
หยกมณีเดินเข้ามาคว้าสร้อยไปทันที
"หยกใส่ค่า ให้หยกเก็บไว้นะคะเสี่ย เดี๋ยวหยกร้องเพลงโปรดให้ฟัง10 รอบเลยเอ้า"
เล้งพยักหน้าอย่างเซ็งๆ หยกมณีกระดี๊กระด๊าแต่เมื่อหันมาเห็นธามชัดๆ เธอก็ชะงัก
"โห เฮียกระทิงโดนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย มันมากันเยอะใช่มั้ย ทุกทีแค่รอยข่วนยังหาไม่เจอ"
พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินเข้ามา
"มีโทรศัพท์จากโรงแรมโอเรียลเต็ล โทรมาบอกว่ามิสเตอร์ลี แขกของโรงแรมขอเลื่อนนัดเสี่ยไปก่อน เพราะติดธุระด่วนค่ะ"
เล้งพยักหน้ารับรู้ พนักงานเสิร์ฟเดินออกไปโดยสวนกับชานนท์ที่เดินเข้ามาพอดี
"สวัสดีครับคุณธาม เสี่ยเล้ง" ชานนท์ทักทาย
"หมวดชานนท์มารายงานความคืบหน้าเรื่องยิงกันเมื่อวานน่ะครับ"
"เหรอ เอาสิ เชิญนั่ง อั๊วอยากรู้เรื่องเหมือนกัน"

ย่าหยาขยับเก้าอี้ให้ชานนท์

ลูกน้องธามแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ทุกคนวิ่งถืออาวุธเข้ามาตีกันวุ่นวาย
 
เสียงเฮแหกปากของกลุ่มที่ตีกัน ดึงความสนใจมือปืนที่เฝ้าอยู่หน้าตึกชะงักแล้วพากันยืนดู เฉียง ฮก จิวแอบหลบดูเหตุการณ์อยู่ที่มุมเดิม
"พวกลื้อทำอะไรกัน" ฮกถาม
"เดี๋ยวก็รู้" เฉียงบอก
ลูกน้องธามชกกันตีกันอยู่พักใหญ่ สักครู่เสียงปืนก็ดังขึ้นติดกันสองนัด ทำให้มือปืนที่อยู่ด้านในพากันวิ่งออกมา
มือปืนคนหนึ่งพูดขึ้น "เสียงปืนนี่หว่า ใครยิงกันวะ"
มือปืนอีกคนซึ่งยืนเฝ้าด้านหน้าหันมาบุ้ยใบ้ไปทางกลุ่มที่ตีกัน "มันยกพวกตีกัน"
มือปืนทั้งหมดขยับออกมาดู ลูกน้องธามวิ่งออกมาห่างจากตัวตึกมากขึ้นทำให้แก๊งมือปืนขยับออกจากตัวตึกมากขึ้นตามไปด้วย
แก๊งมือปืนพยายามแยกว่าใครอยู่ข้างใครแล้วก็เริ่มพนันกันว่าใครจะชนะ เฉียงกับจิวลอบเข้าไปในโรงเก็บฝิ่นอย่างว่องไว ฮกตกกะไดพลอยโจนวิ่งตามเข้าไปด้วย


ชานนท์นั่งคุยกับธามและเล้งโดยมีโบตั๋นร้องเพลงอยู่บนเวที
"มือปืนน่าจะถูกว่าจ้างมาจากนครสวรรค์ เรากำลังตามตัวผู้ว่าจ้างอยู่ครับ" ชานนท์บอก
"ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ที่นั่น น่าจะพอช่วยหมวดได้บ้าง" ธามบอก
เล้งสงสัย "ลื้อเพิ่งมาอยู่นี่ได้ไม่นาน มีเพื่อนสนิทที่นั่นด้วยเหรอ"
ธามแก้สถานการณ์อย่างว่องไว "ก็คณินไงครับเสี่ย เราคุยกันหลายครั้งแล้ว"
"ตั้งแต่สารทจีนมา ที่นี่มีเรื่องปล้น ยิง ฆ่ากันรายวัน ผมว่าจะทำหนังสือขอความร่วมมือไปทางผู้ใหญ่ของสมาคม" ชานนท์ว่า
เล้งวางตัวเป็นหัวหน้าสมาคมขึ้นมาทันที "ดี จะได้เอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุม"
"ผมเห็นด้วยครับ เราอาศัยแผ่นดินไทยทำกิน เรารักแผ่นดินนี้ แล้วเราก็อยากอยู่ที่นี่อย่างสงบ"
"แต่เรื่องลอบฆ่าอาธามนี่อั๊วว่ารุนแรงมากแล้วนะ น่าจะไม่มีอะไรแล้วนา" เล้งว่า


เฉียงกับจิวเดินสบายๆ ออกมาทางด้านข้างตึก โดยมีฮกวิ่งตาม กลุ่มมือปืนที่ลงพนันกันยังคงเชียร์มวยข้างที่ตัวเองเลือกอย่างเมามัน สักครู่ เสียงระเบิดก็ดังสนั่น เฉียงกับจิวยังคงเดินสบายๆ เหมือนเป็นพระเอก ลูกน้องธามทั้งหกสลัดสังเวียนดราม่าหนีออกมา มือปืนวิ่งชุลมุนวุ่นวายดับไฟที่โรงเก็บฝิ่น


ย่าหยาถือถาดกับแกล้มเข้ามาเสิร์ฟ สักครู่ เกี๊ยงเดินจ้ำเข้ามาด้วยความร้อนรน
"เกิดเรื่องแล้วครับนายใหญ่" เกี๊ยงรายงาน
"อะไร" เล้งถาม
"โกดังเก็บฝิ่นระเบิดครับ"
ทุกคนชะงักกึก เกี๊ยงรู้สึกผิดปกติ เขาหันไปมองทุกคนซึ่งนั่งหันหลังให้เขาถึงได้รู้ว่าธามและชานนท์นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย
 
ธามมองเล้งนิ่งแต่แฝงความเย้ยหยันไว้ในดวงตา

จบตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น