กลกิโมโน ตอนที่ 12 อวสาน
ไอนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านอาหาร บนโต๊ะอาหารมีแค่กาน้ำชากับถ้วยน้ำชาตรงหน้า
มือสองข้างของไอกุมถ้วยน้ำชา ก้มหน้านึกถึงคำพูดของฮิเดโนริ
"เธอทำเพื่อตัวเองต่างหากล่ะไอ เธออยากให้ชั้นรักเธอ ให้ความสุขกับเธอ เธอถึงยอมทำทุกอย่าง"
ไอจับถ้วยน้ำชากำแน่น น้ำตาหยดลงแก้ม ทั้งๆที่ใบหน้านิ่งเฉย ไม่มีอาการฟูมฟาย
ระหว่างนั้นฮิเดโนริเปิดประตูเข้ามา แล้วพูดขึ้นโดยที่ยังไม่นั่งลง
"ทำไมต้องนัดออกมาถึงในเมือง ถ้าอยากพบชั้น ทำไมไม่ไปหาชั้นที่โคสึกะเหมือนเดิม"
"เพราะทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้วนี่คะฮิเดะ" ไอปาดน้ำตาด้วยท่าทางสงบ
เขาเห็นท่าทางของไอก็เบนสายตาไปทางอื่น
"เธอมีเรื่องอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ชั้นไม่มีเวลามากนัก"
"เธอเคยบอกว่าเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา ชั้นทำลงไปเพราะต้องการแค่ความรักจากเธอ แต่วันนี้ชั้นจะมาพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าเธอเข้าใจผิด ชั้นไม่เคยทำเพื่อตัวเอง แต่ชั้นทำเพราะรักเธอจริงๆ"
"เธอจะพิสูจน์ยังไง"
ไอยิ้มอย่างจริงใจ ในแววตามีความเศร้าแต่สุข
"ชั้นจะให้อภัยเธอ จะไม่โกรธไม่เกลียดเลยแม้แต่นิดเดียว จะจดจำเรื่องราวดีๆที่เธอเคยมอบให้ชั้น แม้มันจะไม่มีความจริงใจเลยสักนิดแต่ชั้นก็จะไม่ถือสา และจะอวยพรขอให้เธอได้พบกับผู้หญิงที่จะรักเธอได้อย่าง
แท้จริงโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เธอจะได้รู้ว่าพลังของความรักมันยิ่งใหญ่แค่ไหน"
เขาชะงั
"ไอ"
"แล้วถ้าเธอมีข่าวดีเมื่อไหร่ ขอให้ส่งข่าวบอกชั้นด้วย ชั้นจะมาร่วมยินดีกับเธอในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ขอให้เธอโชคดีนะ...ฮิเดะ"
ไอโค้งลาเขาอย่างสุภาพแล้วเดินไป เขามองตามไอด้วยหัวใจที่อึ้งและสั่นสะเทือน...ไม่คิดว่าที่เขาทำเลว กับเธอมาตลอด เธอยังจะให้อภัยและจะดีกับเขาได้มากถึงขนาดนี้
"ไอ !"
ไอเดินสีหน้านิ่งเฉยออกมา แต่ทันทีที่เดินเข้ามาหลบมุมพ้นจากสายตาคนอื่น ไอก็ทนกลั้นน้ำตาของความเจ็บ ปวดไว้ไม่ไหว ทรุดลงปล่อยร้องไห้โฮ..และยกมือปิดปากเอาไว้ไม่ให้เสียงร้องไห้ดังออกมา
ฮิเดโนริเดินตามออกมา แต่ไม่เห็นไอเพราะมีมุมเสาบังอยู่ แต่เสียงสะอื้นไห้ก็ไม่พ้นการได้ยินของพลังปีศาจจิ้งจอกในตัวเขา เขาขยับไปตามเสียงที่ได้ยินจนได้เห็นภาพตรงหน้า
ไอเอามือปิดปากร้องไห้สะอื้นอย่างเจ็บปวดดูน่าสงสาร เขายืนมองและอยากจะเข้าไปหาเธอ..มือของเขายื่นออกไป แต่ทว่าไอกลับลุกขึ้นแล้วเดินจากไปก่อนที่เขาจะเรียกเธอกลับมา..เขาจึงได้แต่ยืนมองลาอย่างเจ็บปวดไม่แพ้ไอ
ริเอะนั่งสีหน้าเคร่งเครียดอยู่คนเดียวในห้องรับรองแขก ด้านหลังของเธอมีตู้กระจกโชว์ดาบซามูไรสั้น สีหน้าของเธอกำลังนึกถึงภาพที่พ่อถูกยูกิฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม
ดวงตาของริเอะลุกโชนด้วยความเคียดแค้น...อาฆาต...มือทั้งสองจิกกำแน่นจนเส้นเลือดปูด !
"ยูกิ"
รินดาราเดินมาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เพราะรับรู้ว่าความทุกข์ของโฮชิกำลังจะทำให้เขากลายเป็นมนุษย์คงกระพันไปตลอดกาล และอยากจะคุยเรื่องนี้กับมิกิ แต่ระหว่างนั้นริเอะออกมาจากในห้องพอดี
"คุณริเอะคะ คุณย่ามิกิอยู่กับคุณรึเปล่าคะ ชั้นมีเรื่องอยากจะคุยกับท่าน"
"ไม่อยู่"
ริเอะตอบห้วนๆแล้วจะเดินออกไปเลย
"แล้วนั่นคุณจะไปไหนคะ"
"ไปทำธุระส่วนตัว อย่ายุ่ง"
ริเอะรีบย่ำเท้าเดินออกไป
รินดารามองตามอย่างสงสัยแล้วนึกเอะใจ จึงเลื่อนประตูเปิดเข้าไปในห้องที่ริเอะเดินออกมา เห็นว่ากระจกหน้าตู้เก็บดาบซามูไรสั้นแตกกองอยู่บนพื้น รินดาราตกใจ
อาคิระเดินคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเข้ามาภายใน
"ถ้ามีเบาะแสหลานสาวของผม คุณตำรวจรีบบอกผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ"
อาคิระวางสายแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างทุกข์ระทมใจ...เป็นห่วงชะตากรรมของหลานสาว..แล้วดูสร้อยเหรียญเซมาโมริของอายูมิที่อยู่ในมือมาดู
"อายูมิอดทนไว้นะ อาจะพยายามหาทางไปรับหนูกลับบ้านเราให้ได้"
ตอนนั้นรินดาราเดินออกมาจากด้านในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าร้อนรน ตั้งใจจะตามริเอะเข้ามา แต่ไม่เห็นริเอะอยู่ในบริเวณนั้นจึงปราดเข้าไปถามอาคิระ
"คุณอาคิระคะ เห็นคุณริเอะไหมคะ"
"ริเอะให้นารูตะขับรถพาออกไปข้างนอก มีอะไรหรือเปล่า"
รินดาราไม่ตอบ แต่มีสีหน้าไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ณ คฤหาสน์โคสึกะ ยูกินั่งหวีผมดำยาวสลวยมองใบหน้าตัวเองที่สวยปากแดงอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยุดหวีผมแล้วแสยะยิ้มอย่างถูกใจเมื่อรับรู้ได้ถึงการมาของใครบางคน
ยูกิวางหวีที่มีเส้นผมของตัวเองติดอยู่ที่หวีลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง ยิ้มร้าย น่ากลัว
"หึหึหึ..ในที่สุดก็มาจนได้"
ยูกิเดินออกมาจากภายในคฤหาสน์แล้วเจอริเอะยืนคอยอยู่ ริเอะมีสีหน้านิ่งเฉยแต่แววตาเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น ยูกิยิ้มย่ามใจอย่างได้เปรียบ
"พ่อเธอคงจะปลูกฝังแต่เรื่องความโลภ แต่ไม่เคยสอนเรื่องคุณค่าของชีวิต รอดตายไป แล้วแต่ก็ยังมารนหาที่ตาย"
ริเอะมองยูกิด้วยแววตาเกลียดชัง
"พ่อชั้นสอนว่า..ใครทำเราเจ็บมันต้องได้รับบทเรียน"
ยูกิยิ้มหวาน
"แล้วเธอจะให้บทเรียนอะไรชั้นหรือจ๊ะริเอะ"
ริเอะไม่รอช้าชักมีดสั้นออกจากเอวแล้วพุ่งเข้าไปจะแทงยูกิ
"แกฆ่าพ่อชั้น ! แกต้องตาย"
แต่ยูกิคว้าข้อมือของริเอะเอาไว้ได้ทัน ริเอะพยายามจะกดมีดแทงยูกิ แต่ไม่อาจต้านพลังมหาศาลของยูกิได้เลย
"ของกระจอกแค่นี้ให้บทเรียนกับชั้นไม่ได้หรอก แต่มันให้บทเรียนกับเธอได้..ว่าอย่ามารนหาที่ตาย " ยูกิจับข้อมือริเอะบิดให้ปลายมีดหันไปทางหน้าของริเอะได้อย่างง่ายดาย ริเอะพยายามดันมีดออกแต่สู้แรงของยูกิไม่ได้เลย
"ถ้าไปเจอพ่อเธอในนรก ฝากขอบคุณเขาด้วยนะ ที่ช่วยทำให้ชั้นรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย"
ยูกิยิ้มเหี้ยมกดปลายมีดให้เกือบจะถึงตัวของริเอะ ริเอะตาโต !!
"ปล่อยริเอะ เดี๋ยวนี้"
เสียงอาคิระดังขึ้น ยูกิกับริเอะหันขวับไปมอง อาคิระกับรินดาราก้าวเข้ามายืนตรงหน้า
ยูกิจับข้อมือของริเอะพลิกให้ตัวของริเอะมาอยู่ข้างหน้า ยูกิยืนซ้อนหลังริเอะและเอามีดจี้ตัวริเอะไว้
"เธอฆ่าคนตายมามากแล้วนะ อย่าทำบาปอีกเลย ปล่อยคุณริเอะเถอะ ชั้นขอร้อง"
"เป็นเกียรติจังที่ร่างอวตารเทพเมียวโจมาอ้อนวอนขอร้องปีศาจอย่างชั้น เอาอย่างนี้ดีมั้ย ปล่อยให้ชั้นได้กลืนกินกิเลสของนังนี่ แล้วชั้นจะบอกให้ว่าอายูมิอยู่ที่ไหน"
อาคิระอึ้งโกรธ
"เป็นแกที่เอาอายูมิไปจริงๆ !! เอาหลานสาวของชั้นคืนมาเดี๋ยวนี้ นางปีศาจ"
อาคิระขยับเท้าจะเดินไปเข้าหายูกิ แต่รินดาราคว้าตัวห้ามอาคิระเอาไว้
"อาคิระใจเย็นๆ ก่อนค่ะ"
"ว่ายังไงล่ะอาคิระ แลกชีวิตนังนี่กับหลานสาวตัวน้อยของเธอ"
ริเอะมองอาคิระด้วยสายตาเว้าวอน และรอคอยคำตอบจากเขา อาคิระกดดันมาก
ไดซุเกะนั่งขัดสมาธิ เปิดหนังสือตำราเล่มเก่าๆ ของตระกูลอยู่หน้าหิ้งพร้อมกับไอค่อกแค่กเพราะ อาการเจ็บป่วยเป็นระยะๆ
"ริเอะลูกสาวมาโกโตะกับพวกมิยาคาวะมาหาคุณยูกิครับ ตอนนี้กำลังมีเรื่องกันอยู่นอกคฤหาสน์ คุณท่านจะให้ผมไปคอยดูมั้ยครับ" อัตซุโอะบอก
"ไม่ต้องหรอก จะมีเรื่องอะไร นอกซะจากเรื่องมาโกโตะกับเรื่องอายูมิ ปล่อยพวกมันจัดการกันไปเอง ส่วนแกไปที่ห้องนังยูกิ ไปเอาของมาให้ชั้นดีกว่า"
"ของอะไรครับ"
ไดซุเกะไม่ตอบ แต่ยิ้มมีแผนร้าย
ยูกิเอามีดจ่อร่างริเอะเพื่อกดดันอาคิระ
"ดูสิ..อาคิระลังเลขนาดนี้แสดงว่าเขาไม่ได้รักเธอเลยสักนิด แต่เธอก็ยังจะโง่ร่วมมือกับเขากำจัดชั้นจนพ่อเธอต้องตาย สมเพชตัวเองไหม"
"ชั้นไม่น่าสมเพชเท่าแกหรอก...นางปีศาจที่อยู่ในร่างเน่าๆ ของนังยูกิ"
"จะตายแล้วยังปากดีอีกเรอะ !"
ยูกิโมโหจึงกดมีดลงไปที่ร่างริเอะ ริเอะเจ็บปวด...เห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมานอกเสื้อ อาคิระกับรินดาราตกใจ
"อย่า ! ถ้าอยากให้มีคนตายเพื่อเธออีก งั้นก็ฆ่าชั้นแทนเถอะ อยากจะกลืนกินวิญญาณของชั้นก็เอาไปเลย"
"กิเลสในตัวเธอไม่ได้มีมากพอจะทำให้ชั้นรู้สึกดีขึ้นได้หรอกอาคิระ"
"ไม่จริง ! ตอนนี้กิเลสในใจชั้นมีมาก กิเลสที่เกิดจากความเกลียดปีศาจใจชั่วอย่างเธอ ชั้นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านชายโฮชิถึงได้เกลียดเธอนักหนา เขาอยากจะฆ่าเธอด้วยมือของเขาเองด้วยซ้ำ"
" โฮชิพูดแบบนั้นเรอะ"
อาคิระตั้งใจพูดล่อให้ยูกิเสียสมาธิ
"ใช่ เขาพูด ท่านชายมีเมตตาให้กับทุกคนยกเว้นเธอ นี่ขนาดว่าเธออยู่ในร่างผู้หญิงสวยอย่างคุณยูกิ ท่านชายยังอยากจะฆ่าเธอเลย"
ทันใดนั้นอาคิระเอาสร้อยเหรียญเซมาโมริของอายูมิที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมาชูขึ้นสูง ยูกิผงะตกใจเพราะกลัว อำนาจของเหรียญที่เปล่งแสงออกมา
ริเอะรีบฉวยโอกาสนั้นดิ้นออกจากลงแขนของยูกิแล้วจะวิ่งไปหาอาคิระ แต่ยูกิจิกผมริเอะเอาไว้
"จะไปไหน "
จังหวะนั้นรินดารารีบพุ่งเข้าไปใช้มือผลักยูกิออกจากริเอะ ปานรูปดาวด้านหลังของรินดารามีแสงสว่างวาบขึ้นตรงตำแหน่งปาน
พลังของปานที่ส่งผ่านมือของรินดาราไปโดนต้นแขนของยูกิ ทำให้ร่างยูกิกระเด็นไปล้มกองกับพื้นสีหน้าเจ็บปวด อาคิระดึงร่างของริเอะออกมา ยูกิมองที่ต้นแขนตัวเองตรงตำแหน่งที่ฝ่ามือของรินดาราแตะโดน เห็นว่ามีรอยไหม้ จนเนื้อเน่ายุ่ยแต่ไม่มีเลือดเพราะร่างของยูกิเน่าเปื่อยแล้วเป็นวงขนาดเท่าฝ่ามือของรินดารา...มันสร้างความเจ็บปวดให้ยูกิอย่างมาก
"พวกแกกล้าลองดีกับชั้น...ก็เตรียมรับศพอายูมิได้เลย"
อาคิระ รินดาราตกใจ แต่ยูกิลุกขึ้นหายไปอย่างรวดเร็ว
"นังปีศาจ...อย่าทำอะไรหลานสาวของชั้น"
ประตูเลื่อนผ่าง ยูกิเดินเซถลาเข้ามาในห้อง แล้วเจออัตซุโอะอยู่ในห้องและกำลังจะออกไปจากห้อง
ทั้งสองเจอะหน้ากัน สีหน้าของอัตซุโอะมีร่องรอยตกใจ แต่ก็สามารถซ่อนปิดบังเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน
ยูกิไม่พอใจ
"แกเข้ามาทำอะไรในนี้"
"นายท่านให้มาถามว่าพวกมิยาคาวะทำร้ายอะไรคุณหรือเปล่า"
"พวกมันทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก ออกไปได้แล้ว"
อัตซุโอะโค้งให้แล้วออกไปจากห้อง ยูกิยกแขนขึ้นดูจึงเห็นรอยไหม้จนเกิดเป็นแผลเนื้อเน่าๆเป็นวงขนาดเท่าฝ่ามือ ยูกิโกรธเจ็บใจแล้วเอามืออีกข้างแตะที่แผลอยู่ครู่ แผลก็ค่อยๆหายเป็นปกติแล้วตะโกนเรียก
"ฮิโตชิ ฮิโตชิ"
ฮิโตชิปรากฎตัวขึ้นที่มุมห้อง
"รีบพาอายูมิออกไปจากที่นี่ ได้เวลาที่ชั้นจะต้องคุยกับอายูมิแล้ว"
ฮิโตชิพยักหน้ารับและยิ้มดีใจ แต่ยูกิมีแววตาร้ายกาจจนน่ากลัว อัตซุโอะยืนฟังอยู่
อาคิระเดินมุ่งหน้าจะเข้าไปในตัวคฤหาสน์ของโคสึกะด้วยความโกรธและเป็นห่วงอายูมิ รินดารากับริเอะวิ่งตามมา
"คุณอาคิระ คุณต้องใจเย็นๆก่อนแล้วคิดหาทางช่วยอายูมิกันด้วยสติดีกว่าค่ะ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์เลย เพราะต่อให้พวกเขาจับตัวอายูมิไว้ข้างใน แต่พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยอายูมิมาให้เราง่ายๆ แน่"
"ริเอะว่าเราแจ้งตำรวจให้มาช่วยเราเถอะค่ะ"
"ผมจะไม่รอใครให้มาช่วย ผมจะต้องเข้าไปช่วยหลานสาวของผม นางปีศาจหิมะออกมาเดี๋ยวนี้"
อยู่ๆ เสียงร้องดังแว่วๆแผ่วๆของอายูมิก็แว่วเข้าที่หูของรินดารา เป็นเสียงร้องแผ่วเบาจนเหมือนเสียงกระซิบ
" ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ฮือๆๆ"
พลังของเมียวโจที่อยู่ในตัวทำให้รินดาราได้ยินเสียง รินดาราหันขวับมองหาที่มาของเสียง
"อายูมิ"
อาคิระกับริเอะหันขวับมองรินดาราอย่างแปลกใจ
"มีอะไรเหรอรินดารา"
"ชั้นได้ยินเสียงแว่วๆ...เหมือนเสียงของอายูมิ"
"ทางไหนเหรอ"
รินดาราแตะนิ้วที่ปากตัวเอง ห้ามไม่ให้ริเอะพูด "ชู่ว์"
รินดาราใช้สมาธิจดจ่อไปที่เสียงของอายูมิ เพื่อหาที่มาของเสียงว่าดังมาจากทางไหน จนกระทั่งหันหน้าไปด้านหนึ่งเสียงอายูมิชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังเบาเหมือนเสียงกระซิบ
"อายูมิอยากกลับบ้าน...ใครก็ได้ช่วยอายูมิด้วย"
"เสียงอายูมิเบามากๆ ชั้นรู้สึกว่าน่าจะมาจากทางนี้ค่ะ"
รินดาราเดินนำไป อาคิระกับริเอะตาม
ห้องเก็บของรินดารารีบเดินเข้ามา อาคิระกับริเอะตามหลัง อาคิระคอยระวังหลังให้ทั้งคู่ เพราะไม่แน่ใจว่า ยูกิจะจู่โจมมาอีกรึเปล่า เสียงอายูมิร้องครางยังดังต่อเนื่องแต่แผ่วเบาจนเหมือนเสียงกระซิบ
"ระวังตัวนะรินดารา...อาจจะเป็นกับดักของนังยูกิก็ได้"
รินดาราพยักหน้ารับ ส่วนอาคิระยังคอยระวังหลังให้
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย"
เสียงอายูมิแว่วและแผ่วเบาเหลือเกิน ทำให้รินดาราไม่สามารถจับทางไม่ถูกว่าเสียงมาจากทางไหน รินดารามองหาเสียงด้วยความกระวนกระวายใจ
"อายูมิ อยู่ไหน"
ภายในห้อง อายูมินอนหมอบอยู่บนพื้นชิดติดหลังห้อง ปากขาวซีดแห้ง
"ช่วยด้วย...อายูมิอยากกลับบ้าน"
แต่ทันใดนั้น...ตึ่ง !!
ฮิโตชิโผล่มานั่งข้างๆอายูมิด้วยสีหน้าดูไม่ค่อยพอใจ แล้งรีบเอามือปิดปากอายูมิ
"หยุดเรียกให้คนอื่นช่วยได้แล้ว ไม่มีประโยชน์หรอกอายูมิ ปีศาจหิมะเขาใช้มนต์พรางตาลักซ่อนไม่ให้ใครเห็นอายูมิ"
อายูมิตอบเสียงอู้อี้
"ฮิโตชิ..อย่าทำกับชั้นแบบนี้เลยนะ..ฮือๆๆ"
รินดาราพยายามเงี่ยหูฟังแต่เสียงอายูมิก็เงียบสนิท อาคิระกับริเอะใจจดจ่อ
"ยังได้ยินเสียงอายูมิอยู่รึเปล่ารินดารา"
"แปลกจังเลยค่ะ อยู่ๆเสียงก็เงียบไปแล้ว ชั้นไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย"
"ชั้นว่าลองหาดูแถวนี้มั้ยคะ" ริเอะว่า
แต่ทันใดนั้นเสียงฮิเดโนริก็ดังขัดขึ้น
"ทำอะไรกัน !"
ทุกคนหันไปเห็นฮิเดโนริเดินเข้ามา อาคิระปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อทันที
"ฮิเดะ แกเอาอายูมิไปไว้ที่ไหน"
"อย่ามากล่าวหากันลอยๆ นะอาคิระ ชั้นไม่ได้พาอายูมิมา"
"ชั้นไม่เชื่อ ! แกร่วมมือกับนางปีศาจหิมะเพื่อทำลายท่านชายโฮชิ ทำลายมิยาคาวะ นอกจากจะใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือยังจะใช้เด็กเป็นตัวประกัน ! จิตใจแกทำด้วยอะไร มันถึงได้ชั่วร้ายขนาด"
ฮิเดโนริกัดฟันกรอดด้วยความโมโห จ้องหน้าอาคิระ ดวงตาเขากลายเป็นสีส้มแล้วใช้มือบีบคออาคิระทันที
แต่อาคิระฮึดสู้กระแทกหมัดใส่หน้าและลำตัวฮิเดโนริหลายหมัดหนักๆ จนอีกฝ่ายผละปล่อยมือเลือดซิบมุมปาก แยกเขี้ยว ปลายนิ้วทั้งห้ามีเล็บงอกยาว แล้วฮิเดโนริก็พุ่งเข้าไปใส่อาคิระ
อาคิระเบี่ยงตัวหลบทัน แต่กรงเล็บของลูกครึ่งสุนัขจิ้งจอกก็ตวัดโดนต้นแขนของอาคิระอย่างจัง จนเซและยกมือกุมแผลที่แขน ซึ่งมีเลือดไหลโชกออกมาพยายามกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ รินดารารีบเข้าไปขวางไม่ให้ฮิเดโนริทำร้ายอาคิระอีก
"คุณฮิเดะคะ หยุดเถอะ !! ชั้นขอล่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะมีความสงสารเห็นใจหนูอายูมิที่เป็นเด็กกำพร้าและมีร่างกายพิการแตกต่างจากคนอื่น"
ฮิเดโนริชะงักนิ่งมองสีหน้าของรินดาราที่จริงจัง จนเขารู้สึกสะท้อนใจถึงชีวิตตัวเอง
"และถ้าคุณยังมีความเมตตาหลงเหลืออยู่ในใจอยู่บ้าง หรืออยากจะแก้ไขความผิดที่เคยทำไว้กับคุณไอ ถ้าคุณรู้ว่าหนูอายูมิอยู่ที่ไหน กรุณาบอกเรามาเถอะค่ะ"
เขานิ่งไปแล้วหันหลังให้รินดารา และส่วนสายตาก็เหลือบมองเข้าไปที่ห้องเก็บของด้วยความหนักใจ นึกถึงคำพูดของปู่ที่สั่งไว้
"แกต้องสัญญากับปู่ว่าแกจะไม่ใจร้อน ทำอะไรที่จะให้มันรู้ตัวว่าเราจะเป็นศัตรูกับมัน"
เขาตัดสินใจพูดออกไปว่า
"ผมไม่รู้ว่าอายูมิอยู่ที่ไหนและอายูมิก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เชิญพวกคุณออกไปจากโคสึกะได้แล้ว อย่าให้ผมต้องเล่นงานพวกคุณอีก"
"ชั้นไม่ไปไหนทั้งนั้น ยังไงชั้นก็ต้องตามหาอายูมิให้ได้"
"ไม่ไปใช่ไหม"
ฮิเดโนริโมโห กระชากแขนริเอะแล้วดึงมาบีบคอริเอะแน่น
"โอ๊ย ! ปะ..ปล่อย..ปล่อยชั้น"
ริเอะดิ้นและพยายามแกะมือฮิเดะออกจากลำคอตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ ริเอะตาเหลือกหายใจไม่ออก
"เธอรักอาคิระมากไม่ใช่เหรอ งั้นเธอก็ตายเพราะความดื้อของมันก็แล้วกัน"
อาคิระอึ้ง
"อย่าทำริเอะ เรามาเคลียร์กันอย่างลูกผู้ชายสิวะไอ้ฮิเดะ"
"ชั้นไม่มีอะไรต้องเคลียร์กับแกอีกแล้ว พวกแกต้องออกไปจากที่นี่ ! ไม่อย่างงั้นริเอะก็ต้อง"
ความโกรธจัดทำให้ปลายนิ้วที่ชี้ออกไปมีเล็บงอกยาวออกมา และดวงตาสัตว์สีส้มของเขาก็กร้าวจนน่ากลัว กรงเล็บจิกเข้าไปในลำคอของริเอะ จนเจ็บปวดทรมานและหายใจไม่ออก
"โอ๊ย ปล่อย..ปล่อย...ชั้น"
รินดาราเห็นท่าไม่ดี จึงเขย่าแขนอาคิระแล้วขอร้อง
"คุณอาคิระคะ เรารู้ว่าปีศาจหิมะเอาตัวอายูมิมาแน่ๆแล้ว เราควรจะกลับไปขอให้ท่านชายช่วยดีกว่า รีบกลับไปตอนนี้เราน่าจะยังมีเวลาหาทางช่วยเหลือหนูอายูมิทันนะคะ"
อาคิระเจ็บใจพยักหน้านิดๆ แต่ดวงตาจับจ้องที่ฮิเดโนริอย่างโกรธจัด แล้วยอมปล่อยมือออกจากคอของริเอะ
ริเอะล้มทรุดลงกับพื้น หายใจหอบถี่ๆหน้ามืดวิงเวียนอยากจะเป็นลม
"คุณริเอะ อดทนหน่อยนะคะ"
รินดารากับอาคิระช่วยกันลากตัวริเอะออกไป ฮิเดโนริมองตามไปและหายใจฟืดฟาดอย่างโกรธจัด
ในห้องเก็บของ โตชิยืนข้างๆอายูมิและมองไปที่ประตู
"พวกเขาไปกันแล้ว"
อายูมิร้องไห้
"คุณอา พี่รินดารา กลับมาช่วยอายูมิก่อน ฮือๆๆ"
"พอได้แล้วอายูมิ !! ทำไมอายูมิดื้ออย่างนี้ บอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่เฉยๆอย่าร้อง แต่ก็ไม่เคยเชื่อฟังฮิโตชิเลย คราวนี้นางปีศาจหิมะบอกให้ฮิโตชิพาอายูมิไปหา เธอจะสั่งสอนอายูมิแล้ว อายูมิจะได้เป็นเด็กดีขึ้น"
อายูมิไม่ตอบโต้ฮิโตชิ เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้โฮ
"ทำไมอายูมิไม่พูดกับฮิโตชิ อายูมิไม่รักฮิโตชิ ไม่อยากเป็นเพื่อนกับฮิโตชิแล้วจริงๆ ด้วย"
"ฮิโตชินั่นแหละไม่รักอายูมิ ฮิโตชิอยากให้อายูมิตาย"
"ก็ดีแล้วนี่ พออายูมิเป็นผีเหมือนฮิโตชิ อายูมิจะได้ไม่ต้องกลัวฮิโตชิอีก"
อายูมิเถียง
"แต่อายูมิไม่เคยกลัวฮิโตชิ"
ฮิโตชิโกรธจัดจนลูกตาเปลี่ยนเป็นสีดำ
"โกหก! วันนั้นที่อายูมิรู้ว่าฮิโตชิเป็นผี อายูมิก็ไล่ฮิโตชิ เอาของปาใส่ฮิโตชิ"
"อายูมิไม่ได้ตั้งใจนะฮิโตชิ อายูมิเคยเห็นแต่เวลาฮิโตชิเป็นเด็กปกติ ไม่เคยเห็นตอนที่ฮิโตชิหน้าตาน่ากลัว อายูมิก็ต้องตกใจสิ แต่อายูมิไม่ได้กลัวฮิโตชิเลยนะ"
ฮิโตชิอึ้ง
"จริงเหรอ"
"ให้อายูมิสาบานก็ได้ ถ้าอายูมิโกหกขอให้ไม่มีใครรักอายูมิอีกเลย...ฮือๆ"
ฮิโตชิสงสารจนจะร้องไห้ตาม
"อายูมิรู้มั้ย นอกจากอายูมิแล้วไม่เคยมีใครรักฮิโตชิเหมือนกัน"
ฮิโตชิน้ำตาคลอมองอายูมิที่ร้องไห้จนตัวโยน จากนั้นฮิโตชิก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงขยับเข้าไปจับมืออายูมิ
"ถึงเวลาที่อายูมิต้องไปแล้วล่ะ"
อายูมิตกใจ
"ฮิโตชิ "
อายูมิสะดุ้งเฮือกแล้วดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ร่างฮิโตชิหายไปกลายเป็นเข้าสิงอายูมิแทน
ไดซุเกะนั่งอยู่หน้าหิ้งพิธี อัตซุโอะเปิดประตูเข้ามา
"ได้มาหรือเปล่า"
"ได้ครับ"
อัตซุโอะล้วงหยิบของในกระเป๋าเสื้อออกมา มันคือหวีที่มีเส้นผมติดของยูกิ ไดซุเกะยิ้มร้าย
"แกจะต้องได้รับบทเรียนจากโคสึกะ"
"คุณท่านครับ ผมว่าตอนนี้นางปีศาจหิมะมันกำลังจะจัดการกับหลานสาวของมิยาคาวะ"
"ดี มันจะได้ไม่รู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่"
บรรยากาศป่าวังเวง อายูมิสีหน้านิ่งดวงตาเป็นสีดำเดินตัวแข็งๆมาตามทาง ปากอายูมิขยับแต่เสียงที่เปล่ง ออกมาเป็นเสียงฮิโตชิ
"พาอายูมิกลับบ้าน..พาอายูมิกลับบ้าน"
แต่ทันใดนั้นยูกิก็โผล่เข้ามาขวางหน้าอายูมิ
"ฮิโตชิ !! แกจะพาอายูมิไปไหน ชั้นบอกให้พาไปหาชั้นไม่ใช่เหรอ"
อายูมิหยุดชะงักสะดุ้งโหยง ตาโตตกใจ แล้วทรุดล้มลงหมดสติเพราะฮิโตชิออกจากร่างของอายูมิ
"ฮิโตชิจะพาอายูมิกลับบ้าน เพราะอายูมิสัญญาแล้วว่าจะไม่ดื้ออีก"
ยูกิตะคอกหน้าตาถมึงทึง
"แต่ชั้นไม่อนุญาต ! อายูมิจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีก ชีวิตของอายูมิต้องเป็นของชั้น"
ฮิโตชิสะดุ้งตกใจเพราะไม่เคยเห็นยูกิในสภาพร้ายกาจขนาดนี้มาก่อน อายูมิสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา..เห็นฮิโตชิยืนอยู่ อายูมิเรียกเสียงครวญครางเพราะไม่มีแรง
"ฮิโตชิ"
ทั้งยูกิและฮิโตชิต่างหันขวับไปหา ยูกิยิ้มแสยะแล้วยื่นมือจะบีบคออายูมิ แต่ฮิโตชิโผล่มาขวางหน้ายูกิ
"ผมไม่ให้คุณทำอะไรอายูมิเด็ดขาด"
"ถอยไป ! ชั้นจะทำให้อายูมิเป็นผีเหมือนแกไงล่ะ"
ยูกิผลักฮิโตชิออกไป แต่ฮิโตชิโผเข้าไปเกาะขายูกิไว้แน่น
"ไม่ ! ฮิโตชิไม่ยอมให้ใครทำร้ายอายูมิ อายูมิหนีไป ! นางปีศาจหิมะจะทำร้ายอายูมิ อายูมิหนีไป"
อายูมิตกใจลนลาน...ทำอะไรไม่ถูก
"ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้ ! แกอยากลองดีกับชั้นใช่ไหม"
ฮิโตชิกอดขายูกิแน่น ยูกิทุบฝ่ามือลงไปที่กลางหลังข ฮิโตชิกระอัก เลือดไหลออกปาก
"ฮิโตชิ "
แต่ฮิโตชิก็ไม่ยอมปล่อยขายูกิ
"อา..ยู..มิ..หนี..ไป "
อายูมิหันไปคว้าท่อนไม้ที่อยู่แถวนั้นใช้แทนไม้ค้ำพยุงตัวลุกขึ้น แล้วพยายามก้าวเดินออกไปได้อย่างยากลำบาก
ยูกิบีบคอของฮิโตชิขึ้น
"ถ้าชั้นจัดการนังเด็กพิการนั่นเสร็จเมื่อไหร่ แกจะเป็นรายต่อไป"
ยูกิปล่อยร่างฮิโตชิกระแทกลงพื้น ฮิโตชิตาปรือเจ็บปวดมาก
"นังเด็กพิการ น้ำหน้าอย่างแกจะหนีไปไหนพ้น"
ยูกิตามอายูมิไป ปล่อยฮิโตชินอนหมอบกับพื้น และพยายามกระเสือกกระสนเอื้อมมือไปข้างหน้า
"อายูมิ...อายูมิหนีไป อายูมิ ! ฮือๆ...ฮิโตชิช่วยอายูมิไม่ได้ ใครก็ได้ช่วยอายูมิด้วย ช่วย..ช่วยอายูมิด้วย"
โฮชิอยู่ในห้องแล้วได้ยินเสียงฮิโตชิแว่วเข้ามา
"ฮือๆ...ฮิโตชิช่วยอายูมิไม่ได้ ใครก็ได้ช่วยอายูมิ ด้วย."
โฮชิหันไปทางเสียงที่ลอยมาจากนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
"ฮิโตชิ"
ริเอะทรุดล้มลงกับพื้นหายใจลำบากและรู้สึกหน้ามืด
อาคิระกับรินดาราที่เดินมาด้วยกันรีบเข้าไปดูริเอะ รินดาราช่วยประคองเอาไว้ แต่อาคิระยังไม่หายเป็นห่วง หลานสาวเลยตัดสินใจ
"ผมว่าคุณรีบพาริเอะกลับไปก่อนเถอะ ผมจะกลับเข้าไปตามหาอายูมิ"
อาคิระจะเดินกลับเข้าไปข้างใน แต่รินดาราคว้าตัวอาคิระห้าม
"แต่คุณบาดเจ็บอยู่ ถ้าคุณไปเจอกับคุณฮิเดะอีก คุณจะลำบากนะคะอาคิระ"
"แต่นางปีศาจหิมะบอกว่ามันจะฆ่าอายูมิ ผมยอมให้หลานสาวผมเป็นอะไรไม่ได้ ต่อให้ผมต้องตาย ผมก็ต้องเข้าไปช่วยหลานสาวผม"
อาคิระจะเดินเข้าไป รินดาราพยายามจะห้ามอีก
"คุณอาคิระอย่า..."
รินดาราจะร้องห้ามแต่ทว่าอยู่ๆร่างของรินดาราก็กระตุก...ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเขียว... ทำให้รินดาราได้ยินเสียงฮิโตชิร้องขอความช่วยเหลือ
"ฮือๆ...ใครก็ได้ช่วยอายูมิด้วย...ฮิโตชิพาอายูมิหนีไปไม่ได้...ฮิโตชิไม่อยากให้อายูมิถูกนางปีศาจหิมะทำลาย ช่วยอายูมิด้วย"
เสียงฮิโตชิเงียบหายไปพร้อมๆ กับที่ร่างรินดารากระตุกอีกครั้ง รินดารารู้สึกวูบจนเซ แต่อาคิระรับร่างรินดาราไว้
"รินดารา ! คุณเป็นอะไรไป"
รินดารารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาเปลี่ยนเป็นปกติแล้ว รินดาราหันไปหาอาคิระอย่างตื่นเต้น
"ชั้นได้ยินเสียงฮิโตชิร้องไห้ค่ะ ฮิโตชิพาอายูมิหนีออกไปจากที่นี่แล้ว"
อาคิระกับริเอะมองอย่างสนใจ
อายูมิใช้ท่อนไม้ประคองตัวเองเดินเร็วๆด้วยความยากลำบาก คอยเหลียวหลังกลับไปมองทางเดิม ทั้งร้องไห้กลัว ทั้งหอบเหนื่อย
"ฮือๆๆๆ ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...คุณย่า คุณอา ท่านชาย พี่รินดาราช่วยอายูมิด้วย ฮือๆ"
อายูมิใช้ไม้เท้าพยุงตัวมาตามทาง ทันใดนั้นขาก็อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้น
"โอ๊ย !"
"หมดแรงแล้วหรือจ๊ะเด็กน้อย"
เสียงยูกิดังขึ้นจากข้างหลัง อายูมิหันไปมองก็เจอยูกิยืนอยู่ อายูมิถอยหลังหวาดกลัว
"คุณอย่าทำอะไรอายูมิเลยนะคะ"
ยูกิยื่นมือไปจะบีบคออายูมิ แต่อยู่ๆ ก็มีมือหนึ่งโผล่เข้ามาปัดมือของยูกิออกอย่างแรง จนร่างยูกิกระเด็นไป อายูมิหันไปมองคนที่มาช่วยเธอซึ่งก็คือท่านชายโฮชิ อายูมิร้องดีใจ
"ท่านชาย ! "
อายูมิกอดโฮชิด้วยความกลัว โฮชิกอดปลอบ
"ไม่ต้องกลัวนะ อายูมิปลอดภัยแล้ว"
ยูกิหันกลับมาถึงเห็นโฮชิ ก็โกรธจัด แล้วประคองตัวลุกขึ้น ที่แขนมีรอยเขียวช้ำจากพลังความโกรธของเทพเจ้านกกระเรียน
"โฮชิ..เธอจะใจร้ายกับชั้นมากเกินไปแล้ว"
"เพราะชั้นให้โอกาสเธอกลับเนื้อกลับตัวมามากแล้ว แต่ตอนนี้ชั้นรู้แล้วว่าปีศาจมันก็คือ ปีศาจ ไม่มีวันจะดีได้"
"เธอเกลียดชั้นมากเลยเหรอ"
"คำว่าเกลียดยังน้อยเกินไปสำหรับปีศาจจิตใจโหดเหี้ยมอย่างเธอ"
ยูกิจิกหน้าโกรธ....กรี๊ดปรี๊ดแตก !! ทำให้เกิดลมพัดกระโชกแรงขึ้น โฮชิยกแขนป้องตา กันลม เสียงยูกิตะโกนลั่นดัง กึกก้องผสมกับเสียงลม
"จำเอาไว้นะโฮชิ เธอจะต้องเสียใจที่พูดกับชั้นแบบนี้ เธอจะต้องเสียใจ"
ลมพายุหายไป พร้อมกับร่างยูกิก็หายไปแล้ว
โฮชิปราดเข้าไปดูอายูมิ ยกสองมือประคองหน้าเด็กน้อย
"อายูมิเป็นอะไรรึเปล่า"
"ไม่ค่ะท่านชาย"
"ชั้นขอโทษนะอายูมิ ชั้นขอโทษ"
โฮชิจูบหน้าผากเด็กน้อยและกอดไว้แน่น รินดารา อาคิระ ริเอะตามเข้ามาเห็น
รินดารา/อาคิระเรียก "อายูมิ"
อาคิระวิ่งเข้าไปกอดหลานสาวแน่น
"อายูมิ...อายูมิ"
ทุกคนมองอย่างสุขใจ
โฮชิอุ้มร่างเปรอะเปื้อนและอ่อนแรง ปากขาวซีดของอายูมิเข้ามา รินดาราและริเอะประคองร่างอาคิระที่มีแผลที่ต้นแขนตามหลังมา มิกิที่คอยอยู่แล้วก็เข้าไปหาอายูมิอย่างดีใจ
มิกิร้องไห้โฮและลูบตัวอายูมิ
"อายูมิ อายูมิหลานย่ากลับมาแล้ว แคล้วคลาดปลอดภัย แล้วนะจ๊ะ"
มิกิหันไปเห็นอาคิระมีแผลที่ต้นแขน รินดาราพับแขนเสื้อให้อาคิระเพื่อทำแผล ส่วนริเอะนั่งคลำรอยช้ำที่ลำคอตัวเอง
"อาคิระเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น นางปีศาจหิมะทำร้ายอาคิระเหรอ"
"ไม่ใช่หรอกครับฝีมือฮิเดะ แต่ผมไม่เป็นอะไร คุณย่าไม่ต้องห่วงนะครับ คุณย่าดูแลท่านชายดีกว่าครับ เพราะท่านชายเป็นคนช่วยอายูมิมาจากนางปีศาจหิมะ"
มิกิดีใจแล้วหันไปโค้งให้โฮชิและรินดารา
"ขอบคุณท่านชายมากนะคะที่พาอายูมิกลับมา"
"ไม่เป็นไร เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะชั้นเป็นต้นเหตุ ชั้นจะไม่ยอมให้นางปีศาจหิมะทำลายใครอีกเด็ดขาด"
ทันใดนั้น โฮชิก็เกิดอาการหน้ามืดอย่างกะทันหัน จนเซจะยืนไม่อยู่
รินดารา/มิกิต่างร้องเรียก "ท่านชาย"
รินดารากับมิกิช่วยกันประคองร่างของโฮชิ มิกิสัมผัสตัวโฮชิแล้วตกใจ
"ท่านชาย ! ท่านชายตัวร้อนจัดเลย ท่านชายไม่สบาย ขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ ชั้นพาไป"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณย่ามิกิดูแลหนูอายูมิเถอะค่ะ ชั้นดูแลท่านชายเองค่ะ"
รินดาราโอบประคองโฮชิออกไป อาคิระมองตามรินดาราด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ มิกิเห็นแววตานั้นก็ถอนหายใจสงสาร
รินดาราเช็ดตัวให้โฮชิที่นั่งอยู่บนฟูกพร้อมกับเล่าเรื่องสนุกให้โฮชิฟัง
"ตอนเด็กๆ ถ้าชั้นมีไข้ขึ้น แม่ชั้นจะเอาหอมแดงมาทุบห่อในผ้าแล้วเอามาวางบนหน้าอกของชั้น ให้ชั้นสูดกลิ่นของหอมแดงเข้าไป แต่กลายเป็นว่าชั้นแสบตา น้ำตาไหล นอนไม่ได้ ไข้ยิ่งสูงขึ้นไปอีก"
รินดาราพยายามจะหัวเราะ แต่แววตาของเธอไม่ได้หัวเราะตามไปด้วย โฮชิสังเกตเห็น
"เธอกำลังคิดอะไรอยู่เหรอฮิคาริ"
"เปล่านี่คะ"
"อย่าโกหกชั้นฮิคาริ เธอหัวเราะ แต่ตาของเธอไม่ได้หัวเราะไปด้วยเลย เธอกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ใช่ไหม"
รินดาราจำต้องยอมรับ
"ค่ะ ชั้นอยากให้ท่านชายสบายใจ แล้วลืมความโกรธที่มีต่อนางปีศาจหิมะไปซะ เพราะกิเลสของความโกรธจะยิ่งเร่งเวลาทำลายความเป็นเทพของท่านชายให้ต้องกลายเป็นมนุษย์"
โฮชิปลง
"ชั้นทำใจแล้วล่ะฮิคาริ ชั้นรู้ตัวว่าอีกไม่นานนี้หรอก เศษเสี้ยวความเป็นเทพของชั้นจะหมดลง"
"ไม่ค่ะท่านชาย มันจะไม่มีวันนั้น ชั้นจะหาขนนกกระเรียนทองคำมาช่วยพาท่านชายกลับขึ้นสวรรค์ไปหาคุณเมียวโจ"
"ขอบใจนะฮิคาริ...แต่ถ้าชั้นจะต้องติดอยู่บนโลกมนุษย์ไปตลอดกาล โดยไม่แก่และไม่ตาย ชั้นขออะไรเธอสักอย่างได้ไหม"
"อะไรคะ"
"ชั้นขอให้เธอกลับไปใช้ชีวิตของเธอ อยู่กับครอบครัวอยู่กับคนที่เธอรัก แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก เพราะชั้นทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นเธอตายจากชั้นไป"
รินดารามองท่านชายอย่างสงสารเห็นใจ แล้วจับมือท่านชายมาเกาะกุม
อาคิระเดินเข้ามาได้ยินที่รินดาราพูดกับโฮชิพอดี
"ไม่ค่ะ ถ้าท่านชายจะต้องติดอยู่บนโลกมนุษย์จริงๆ ชั้นจะไม่ไปไหน ชั้นจะไม่รักใคร จะไม่ปล่อยให้ท่านชายเหงาอ้างว้างอยู่ตามลำพัง"
รินดาราสวมกอด โฮชิลูบหัวรินดาราอย่างเศร้าๆ
ขณะที่อาคิระฟังแล้วก็เศร้าใจเหลือเกิน จึงหันหลังเดินกลับไป
อาคิระเดินอยู่ในสวน...หลังจากที่เพิ่งฟังคำสัญญาที่รินดารามอบให้ท่านชายโฮชิก็ทำให้หัวใจของเขาหม่นเศร้า น้ำตาของอาคิระคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร ก่อนจะกลั้นความเสียใจอย่างลูกผู้ชายที่ต้องยอมรับความจริง เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้น
เวลาต่อมา อาคิระห่มผ้าให้อายูมิ เขายิ้มแต่ดวงตาเศร้าหมองจนไม่อาจปิดบังไว้ได้
"คุณอาเป็นอะไรคะ ทำไมดูเศร้าจังเลย"
อาคิระฝืนยิ้
"อาไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะ แค่เวลาอานึกถึงตอนที่อายูมิไม่อยู่ อาก็อดใจหายไม่ได้ ทีนี้อายูมิเชื่ออาแล้วใช่ไหมว่าไม่ควรเป็นเพื่อนกับฮิโตชิ"
อายูมิส่ายหน้า
"คุณอาคะ..อายูมิต้องบอกความจริง อายูมิยังอยากเป็นเพื่อนกับฮิโตชิ"
"แต่ฮิโตชิหลอกพาอายูมิไปให้นางปีศาจหิมะ"
"แต่ฮิโตชิช่วยอายูมิค่ะคุณอา เขาพาอายูมิหนีออกมา แล้วเขาก็ยังสู้กับนางปีศาจหิมะเพื่อปกป้องอายูมิด้วยนะคะ"
อาคิระอึ้งไปที่ได้รับรู้ความจริง
วันใหม่ อาคิระวางถาดใส่อาหารถ้วยเล็กๆที่หน้าบ่อน้ำร้าง
"ฮิโตชิ...ถ้าเธออยู่แถวนี้ออกมาพบชั้นหน่อยสิ"
อาคิระเรียกอยู่อีกครู่หนึ่ง ฮิโตชิก็ค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากด้านหลังบ่อน้ำ...ใบหน้าของฮิโตชิเต็มไปด้วยบาด เป็นแผลจากการต่อสู้กับนางปีศาจหิมะ
"ฮิโตชิ...มากินอาหารพวกนี้สิ ชั้นเอามาให้เธอ"
ฮิโตชิไม่สนใจอาหาร
"คุณไม่ไล่ฮิโตชิไปแล้วเหรอ"
"ชั้นจะไล่ผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือหลานสาวของชั้นได้ยังไง และเพื่อตอบแทนที่เธอช่วยเหลือหลานสาวของชั้น ชั้นจะอนุญาตให้เธออยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะถึงเวลาที่เธอต้องไป"
ฮิโตชิดีใจ
"จริงๆนะ"
"จริงสิ แต่เธอต้องสัญญาว่าเธอจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้พวกเรา โดยเฉพาะอายูมิ"
"สัญญาครับ"
ฮิโตชิยิ้มแล้ววิ่งมายืนใกล้อาคิระ ทำให้อาคิระเห็นรอยแผลของฮิโตชิอย่างชัดเจน
"แผลเธอเต็มตัวเลย เธอเจ็บมากรึเปล่า"
"เจ็บ..แต่ถ้าอายูมิปลอดภัย ฮิโตชิก็ทนเจ็บได้"
"ถ้าเธอหวังดีกับอายูมิ เธอจะพาอายูมิไปทำไม"
"นางปีศาจหิมะหลอกฮิโตชิว่าจะอบรมสั่งสอนอายูมิไม่ให้ดื้อ แต่ไม่ใช่เลย นางปีศาจหิมะจะฆ่าอายูมิ"
"ถึงขั้นฆ่าเลยเหรอ"
"ใช่ นางปีศาจหิมะใจร้ายมาก มิยาคาวะต้องระวังตัวให้ดี นางปีศาจหิมะกำลังโกรธ โกรธมาก...มิยาคาวะต้องระวังตัว"
อาคิระไม่สบายใจ
กลกิโมโน ตอนที่ 12 อวสาน (ต่อ)
หน้าคฤหาสน์มิยาคาวะยูกิก้าวเข้ามายืนมองไปที่หอคอยของโฮชิด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวอาฆาตสุดๆ
"โฮชิ...ในเมื่อเธอเกลียดชั้นมากนัก ชั้นก็จะทำให้ทั้งเมืองสึกิเหลือแค่ชั้นกับเธอ เธอจะต้องเจ็บปวดทรมาน เหมือนกับที่ชั้นต้องเจ็บปวด...โฮชิ !"
ยูกิแววตาอาฆาตมาดร้ายก่อนจะหายตัวไป เมฆบนท้องฟ้าเริ่มก่อตัวแปลกๆดูน่ากลัว ดวงตาสีฟ้าเข้มของเธอซ้อนทับอยู่บนท้องฟ้า เหมือนกำลังจับจ้องทุกชีวิตในสึกิ
ฮิเดโนรินั่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างคิดถึงเรื่องไอ ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตู ก่อนที่ประตูจะเลื่อนออก อัตซุโอะเข้ามาในห้อง
"คุณฮิเดะครับ ตอนนี้นางปีศาจหิมะไม่อยู่ คุณท่านตามให้ไปทำพิธีครับ"
ฮิเดโนริจำเป็นต้องหยุดคิดเรื่องระหว่างเขากับไอแล้วพยักหน้ารับ
ภายในห้องไดซุเกะ ฮิเดะถอดเสื้อโชว์รอยสักลายจิ้งจอกบนแผ่นหลัง นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าหิ้งบูชาของ ส่วนไดซุเกะนั่งหน้าตาเคร่งขรึมอยู่ข้างหลังฮิเดะ
"นี่เป็นพิธีปลุกเสกอาวุธเพื่อกำจัดปีศาจของตระกูลโคสึกะ มันบันทึกอยู่ในสมุดประจำตระกูล...พิธีนี้ต้องใช้เลือดของปีศาจสุนัขจิ้งจอกมาทำพิธี มันถึงไม่เคยมีใครทำสำเร็จ เพราะไม่เคยมีใครมีสายเลือดของปีศาจสุนัขจิ้งจอกอย่างแก แต่พิธีนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้แกอย่างแสนสาหัส แกจะทนได้หรือเปล่าฮิเดะ"
"ผมทนได้เพื่อโคสึกะครับ"
"วิญญาณบรรพบุรุษของโคสึกะทุกคนจะต้องภูมิใจในตัวแก"
ไดซุเกะหยิบเข็มสักยันต์ขึ้นมาจากบนพาน ฮิเดโนริวางมือสองข้างไว้บนเข่า...หลับตาทำสมาธิ
อัตซุโอะนั่งอยู่หน้าเขา จับล็อคสองข้างของไว้
ไดซุเกะใช้เข็มปักลงไปตามรอยสักยันต์บนแผ่นหลังของฮิเดะ สร้างความเจ็บปวดให้ฮิเดะอย่างแสนสาหัส "อ๊าก"
อัตซุโอะต้องออกแรงมากเพื่อจับล็อคข้อมือสองข้างของฮิเดะ เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากรอยสักสุนัขจิ้งจอก เขาหายใจหอบถี่...ตาลอยปรือใกล้จะหมดแรง แต่ไดซุเกะยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
ถ้วยกระเบื้องใส่เลือดของฮิเดโนริสีแดงสดอยู่ในมือของอัตซุโอะ ก่อนนำไปวางไว้บนตั่งตรงหน้าไดซุเกะ
"พาฮิเดะกลับไปที่ห้อง ที่เหลือเป็นหน้าที่ของชั้น"
"ครับท่าน"
อัตซุโอะประคองร่างที่ไร้สติของเขาออกไปจากห้อง พอประตูเลื่อนปิดลง ไดซุเกะหยิบห่อผ้าสีแดงที่วางอยู่บนหิ้ง ออกมาคลี่ผ้าออก ข้างในมีกระจุกผมสีดำที่ได้จากหวีของนางปีศาจหิมะ
ไดซุเกะใส่กระจุกผมลงไปในถ้วยเลือด ปากขมุบขมิบท่องคาถา ... กระจุกผมสลายหายไปกับเลือด
แล้วหยิบคมฝักมีดสั้นด้ามเหล็กแกะสลักลวดลายวิจิตรออกมาจากหิ้งบูชา..ดึงมีดออกจากคมฝัก..แล้วจุ่มมีดลงไปในเลือด...ปากท่องคาถาขมุบขมิบ
อัตสุโอะแบกร่างไร้สติของฮิเดโนริไว้บนบ่ามาวางบนเตียงนอน สลบไสล แล้วอัตซุโอะก็เดินออกไป
ไดซุเกะนั่งดูมีดสั้นที่ลงอาคมแล้วด้วยความพึงพอใจ
"นางปีศาจหิมะ แกจะต้องได้รับบทเรียนที่กล้าแข็งข้อกับ"
ประตูเลื่อนเปิดออก...ยูกิเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา ไดซุเกะรีบเก็บมีดสั้นเข้าฝักวางซ่อนไว้ที่พื้น รีบพูดกลบเกลื่อน
"เข้ามาทำอะไรที่นี่"
ยูกิน้ำเสียงเรียบเป็นปกติแต่แววตาลุกเป็นไฟ
"ชั้นจะมาบอกว่า...ได้เวลาที่ชั้นต้องแก้แค้นโฮชิเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว"
"เธอจะทำอะไร"
"บอกไม่ได้..ความลับ แต่สิ่งที่ชั้นจะทำต้องใช้พลังมหาศาล นี่ขนาดชั้นกลืนกินพลังกิเลสของคนชั่วอย่างมาโกโตะไปแล้วพลังก็ยังไม่พอ" ยูกิชายตามองไดซุเกะใบหน้าระบายยิ้มน้อยๆ อย่างกวนประสาท
"ชั้นก็เลยต้องมาหาพลังเพิ่มจากที่นี่"
ไดซุเกะเข้าใจในสิ่งที่ยูกิพูดจึงผุดลุกขึ้นจากพื้นและชี้หน้าด่ายูกิ
"แกคิดจะกลืนกินพลังจากตัวชั้นเหรอนางปีศาจหิมะ"
"เรากำลังร่วมมือกันแก้แค้นเทพเจ้านกกระเรียนไม่ใช่เหรอ ร่วมมือกับชั้นดีๆเถอะ แกจะได้ไม่ต้องเหนื่อยแบกสังขาร เพราะถึงยังไงแกก็ไม่มีทางรอดอยู่แล้ว"
"แกนั่นแหละที่จะไม่รอด สำหรับตระกูลโคสึกะแกมันก็เป็นแค่ปีศาจกระจอก บรรพบุรุษชั้นจับแกขังไว้ในตุ๊กตาฮินะมานานถึงสี่ร้อยปี แต่ชั้นจะไม่ปราณีแกเหมือนบรรพบุรุษชั้นหรอก ชั้นจะทำให้แกสูญสลายไปซะ "
"แกเรียกชั้นว่าปีศาจกระจอกเหรอ ฮ่าๆๆ"
ยูกิหัวเราะลั่นอย่างสะใจ...หัวเราะจนไดซุเกะหงุดหงิด
"แกหัวเราะ"
"หัวเราะพวกโง่แต่อวดเก่งอย่างแกไงล่ะ ! ชั้นจะบอกอะไรให้นะ...ถ้าชั้นเป็นแค่ปีศาจกระจอกอย่างที่โคสึกะคิด ชั้นก็คงจัดการกับเทพเจ้าจิ้งจอกของแกไม่ได้หรอก"
อัตซุโอะกำลังเดินเข้ามาที่ห้องไดซุเกะ แล้วได้ยินสิ่งที่ยูกิพูดจึงหยุดฟัง
"แกพูดอะไร ชั้นไม่เข้าใจ"
"หึ... วันนั้นเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน หลังจากชั้นใช้พายุหิมะถล่มเมืองสึกิ เทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกสมัครใจมาเล่นงานชั้นเพียงลำพังเพื่อให้เทพเจ้านกกระเรียนดูแลชาวเมืองที่กำลังล้มตาย ชั้นเสียท่าถูกมันจับขังไว้ในตุ๊กตาฮินะ แต่ร่างมันก็ต้องแตกสลายด้วยพลังที่ชั้นเล่นงานไปด้วยเหมือนกัน จากนั้นชั้นก็โยนความผิดให้เทพเจ้านกกระเรียนเป็นคนทำ เพื่อที่โคสึกะจะได้ไม่ทำลายชั้น..ฮ่าๆๆเทพเจ้าจิ้งจอกของแกสูญสลายเพราะฝีมือของชั้น ไม่ใช่ของเทพเจ้านกกระเรียน ! ฮ่าๆ"
ไดซุเกะอึ้งตะลึงงันและโกรธแค้นมาก
"แก ! แกทำลายเทพเจ้าของเรา แกหลอกใช้พวกเรามาตลอด"
"โกรธชั้นใช่ไหม ดีมาก...โกรธชั้นมากๆ โกรธให้ถึงขนาดว่าอยากจะฆ่าชั้น เพราะยิ่งแกโกรธมากเท่าไหร่ เวลาชั้นกลืนกินกิเลสความโกรธอาฆาตของแก พลังของชั้นก็จะมากขึ้นหลายเท่า"
ขาดคำยูกิคว้ามือไปบีบคอไดซุเกะโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว แต่ไดซุเกะก็ฮึดแรงที่มี ปัดมือของยูกิออกได้ทัน
ยูกิกระเด็นล้มไปกองกับพื้น แล้วหันหน้ามามองไดซุเกะพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ
"เฮือกสุดท้ายของแกแล้ว แต่ก็ยังคิดจะสู้อีก"
"แกหลอกใช้โคสึกะมาตลอด..ลมหายใจของชั้น จะแก้แค้นให้ตระกูลให้ได้"
"งั้นมาดูกันว่าแกจะพยายามได้มากแค่ไหน...หึๆ"
ยูกิยิ้มร้ายแล้วถอยล่อหลอกไดซุเกะออกไปพร้อมเสียงหัวเราะก้องกังวาล ไดซุเกะกัดฟันเจ็บใจแม้สังขารไม่อำนวยเท่าไหร่แล้ว แต่ใจก็ยังสู้เพราะความโกรธแค้น
ยูกิเดินยิ้มร้ายมาตามทางเดินแล้วเจอกับอัตซุโอะที่เงื้อดาบซามูไรพร้อมเล่นงาน แต่ถูกยูกิใช้แขนปัดใส่...พลังของยูกิทำให้ร่างของอัตซุโอะลอยกระเด็นไปติดข้างฝาอย่างแรง ดาบซามูไรในมือกระเด็นลอยหลุดมือ
อัตซุโอะกระอักเลือดทรุดตัวล้มกองลงกับพื้น ไม่มีแรง
ยูกิหันไปหาที่ดาบซามูไร...จิกตาเพ่งมองไปที่ดาบ...ดาบก็ลอยขึ้นมาอยู่ในมือของยูกิ
ยูกิปักดาบแทงลงไปบนร่างของอัตซุโอะ
ไดซุเกะตามเข้ามา
"อัตซุโอะ"
อัตซุโอะแน่นิ่ง ยูกิหัวเราะสะใจ ไดซุเกะโกรธแค้นยูกิ
"นางปีศาจหิมะ แกตาย"
ยูกิเอามีดดาบจะแทงไดซุเกะ แต่ไดซุเกะหลบทันแล้วหมุนตัวเหวี่ยงแส้ไปที่ตัวของยูกิ
แส้พันรอบตัวยูกิ...เกิดสีแดงสว่างวาบขึ้นที่เส้นของแส้ "แอร๊ย"
ยูกิล้มลงกับพื้น...ดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด
ไดซุเกะยิ้มเหี้ยมแล้วก้าวเข้าไปยืนคร่อมร่างของยูกิ พร้อมกับเอามีดสั้นอาคมที่เหน็บเอวออกมา...กำลังจะดึง ออกจากคมฝักแล้วกำลังจะแทงลงไปที่หัวใจของยูกิ
อัตสุโอะคว้าข้อมือของไดซุเกะเอาไว้ แล้วบิดข้อมือ มีดอาคมที่อยู่ในมือแทงเข้าไปในท้องของไดซุเกะเอง
"อัตซุโอะ ! ทำไมแกทำแบบนี้"
"แกควบคุมร่างกายชั้นได้ แต่แกควบคุมพลังของชั้นไม่ได้หรอก !" ยูกิบอก
ดวงตาของยูกิเป็นสีฟ้าวาบแส้ที่พันตัวยูกิอยู่ร่วงหลุดลงพื้นได้อย่างง่ายดาย ไดซุเกะอึ้ง ! ยูกิหันไปสั่งอัตซุโอะ
"ฆ่ามัน"
อัตซุโอะดวงตาวาบเป็นสีฟ้าแล้วกระชากมีดออกจากร่างของไดซุเกะ ก่อนจะแทงซ้ำอีกที ไดซุเกะกระอักเลือด
"พอได้แล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชั้น"
อัตซุโอะพร้อมมีดในมือร่วงหล่นลงพื้น เพราะยูกิเลิกใช้พลังสะกดจิตอัตซุโอะ ไดซุเกะที่เลือดท่วมตัว คลานหนีอย่างเจ็บปวดทุรนทุราย
"นี่เหรอสภาพของไดซุเกะประมุขผู้เก่งกล้าของโคสึกะ คลานขอชีวิตอย่างกับหมา น่าสมเพชที่สุด"
ดวงตาของยูกิเป็นสีฟ้าวาบใช้พลังทำให้แล้วร่างของไดซุเกะลุกขึ้นมาให้ยูกิจิกเข้าลำคอ
"พลังที่แกเพียรทำสมาธิมาตลอดชีวิตต้องเป็นของชั้น"
ยูกิจิกตามองหน้าไดซุเกะ...ดวงตาเป็นสีฟ้าวาบ
ไดซุเกะค่อยๆ อ้าปากกว้างออก ยูกิอ้าปากดูดกลืนวิญญาณของไดซุเกะ...จนร่างของไดซุเกะแห้งเหี่ยว
ยูกิปล่อยร่างไดซุเกะหล่นลงพื้น หลับตาพริ้ม...รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้รับพลังจากไดซุเกะ แล้วยูกิก็ยิ้มร้าย
"ไม่ต้องห่วงนะไดซุเกะ ชั้นจะตอบแทนแกด้วยการแก้แค้นเทพเจ้านกกระเรียนและมิยาคาวะให้เอง"
ยูกิหัวเราะอย่างสะใจ
วันใหม่ ณ คฤหาสน์มิยาคาวะ ไอก้มโค้งลามิกิ
"ไอจะกลับบ้านแล้วเลยแวะมาลาคุณย่าค่ะ"
"เดินทางดีๆแล้วกัน ถ้าถึงบ้านแล้วโทรส่งข่าวบอกย่าด้วย ย่าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง"
ไอมองมิกิอย่างซึ้งใจจนน้ำตาไหล
"คุณย่าดีกับไอมากอย่างนี้ ไอยังทำร้ายคุณย่าได้ลงคอ ไอโง่จังเลยนะคะ"
"อย่าพูดเรื่องที่มันแล้วไปแล้วเลยนะ อะไรที่ผิดก็จำไว้เป็นบทเรียน อย่าให้มันเกิดซ้ำอีก"
"ค่ะคุณย่า ถ้าอย่างงั้นไอขอตัวก่อนนะคะ"
มิกิยิ้มรับ แต่อยู่ๆไอเกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นมากะทันหัน ไอปิดปากจะอาเจียนจึงวิ่งออกไปจากห้องไปทางห้องน้ำ มิกิมองตามอย่างตกใจและเป็นห่วง
มิกิยืนคอยอยู่หน้าห้องน้ำ ไอเดินออกมาจากในห้องน้ำด้วยสีหน้าซีดเซียว ใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำบนปาก
"ถ้าไอไม่สบาย จะนอนพักที่นี่ให้หายดีก่อนก็ได้ ย่าอนุญาต"
"ขอบคุณค่ะคุณย่า แต่ไอไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ช่วงนี้ไอมักจะอาเจียนแบบนี้เป็นประจำ"
"เป็นบ่อยเลยเหรอ..ถ้าไม่สบายก็ควรจะไปหาหมอนะ"
"ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอหรอกค่ะคุณย่า"
"ทำไมล่ะ"
ไอนิ่งไปแล้วพยายามกลบเกลื่อนจนย่ารู้สึกผิดสัง
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไอรบกวนคุณย่ามากแล้ว..ไอขอตัวนะคะ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟ"
ไอจะเดินออกไป แต่ย่ามิกิเข้าไปรั้งแขนเอาไว้
"เดี๋ยวก่อนไอ...ยังไงเราก็ยังเป็นญาติกันอยู่ ถ้าไอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็ปรึกษาย่าได้ ย่ายินดีช่วยเหลือไอทุกอย่าง"
ไอชะงักหน้านิ่งน้ำตาคลอๆ
"ไอ..ความผิดพลาดมันคือบทเรียน ย่าเห็นแล้วว่าไอยอมรับผิด ย่าก็พร้อมจะเริ่มต้นกับไอใหม่ แต่ครั้งนี้ไอก็ต้องเปิดใจคุยกับย่าด้วย เราจะได้ไม่ผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา"
ไอน้ำตารื้นไหลอาบแก้ม)
"คุณย่าคะ..คือว่า..ไอ...ฮือๆๆๆ"
ไอปล่อยน้ำตาไหลอาบร้องไห้โฮโผกอดมิกิ
ภายในห้องนอน รินดาราเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แขวนผ้าขนหนูไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วเดินเข้ามาที่กล่องใส่นกฮิเมะ
"ฮิเมะ ตื่นหรือยัง ไปเยี่ยมหนูอายูมิกันเถอะ"
แต่ในกล่องว่างเปล่าไม่มีลูกนกฮิเมะ รินดาราตกใจ
"ฮิเมะ ! ฮิเมะหายไปไหน "
"ชั้นอยู่นี่"
รินดาราหันไปทางเสียง เห็นนกฮิเมะเกาะอยู่ที่หน้าต่าง หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง รินดารารีบเข้าไปหา
"เธอไปยืนทำอะไรตรงนั้น เธอยังบินไม่แข็งแรง เดี๋ยวก็ตกหน้าต่างลงไปหรอก"
"เมื่อกี้ชั้นได้ยินแม่บินมาร้องเรียกชั้นอยู่แถวนี้"
รินดารามองออกไปนอกหน้าต่าง
"แม่เธอมาเหรอ ! ไหนล่ะ...แม่ของเธออยู่ไหน"
"แม่บินไปแล้ว บินไปทางโน้น ชั้นตะโกนร้องเรียกแม่ แต่แม่ไม่ได้ยิน เธอพาชั้นไปหาแม่หน่อยได้ไหมรินดารา"
"แต่เธอไม่รู้นี่ว่าแม่ของเธออยู่ที่ไหน"
"เราไปตามทางที่แม่ชั้นบินไปสิ มันอาจจะเป็นทางกลับรังของชั้นก็ได้ นะรินดารา ช่วยลูกนกตาดำๆ อย่างชั้นเถอะนะ"
"แต่...."
"ฮือ !"
นกฮิเมะร้องไห้จ้า จนรินดาราต้องยอม
"ก็ได้ๆ ชั้นไปส่งเธอก็ได้"
ฮิเมะหยุดร้องไห้ทันที
"เย้ๆๆๆ ! ขอบใจนะจ๊ะรินดารา ผู้หญิงอะไรน่ารักที่สุดเลย"
รินดารามองค้อนนกฮิเมะอย่างไม่จริงจัง
อายูมินั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง มีกล่องใส่นกฮิเมะวางอยู่บนตักของอายูมิ รินดารานั่งอยู่ข้างเตียง
"อายูมิขอให้ฮิเมะเจอแม่ไวๆนะ ฮิเมะจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวของฮิเมะ"
"อายูมิเก่งจังเลยค่ะ พี่คิดว่าอายูมิจะต้องร้องไห้ไม่ยอมให้ฮิเมะกลับไปง่ายๆ ซะอีก"
"ตอนที่อายูมิถูกจับไป อายูมิคิดถึงทุกคนที่บ้านเหลือเกิน ฮิเมะก็ต้องคิดถึงครอบครัวของฮิเมะเหมือนกัน"
รินดารายิ้มรับและมองอายูมิอย่างเอ็นดู
"สัญญานะฮิเมะ ถ้าเธอแข็งแรงบินได้เองแล้ว เธอจะแวะมาหาอายูมิกับฮิโตชิบ้าง"
รินดารามองไปที่นกฮิเมะซึ่งส่งเสียงร้องจิ๊บๆๆ แล้วยิ้มก่อนที่จะหันมาหาอายูมิ
"พี่ว่าฮิเมะสัญญากับอายูมิแล้วค่ะ"
อายูมิยิ้มดีใจแล้วถาม
"แล้วพี่รินดาราจะพาฮิเมะไปตามหาแม่ที่ไหนคะ"
รินดารายิ้มแต่ยังไม่ตอบ
รินดาราเดินสะพายกระเป๋าใส่นกฮิเมะมาตามทาง ในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มก่อเมฆอย่างแปลกประหลาด
ดวงตาของยูกิที่เป็นสีฟ้าเข้มบนท้องฟ้าจ้องมองมาที่รินดาราอย่างกราดเกรี้ยว พร้อมกับลมที่เริ่มกรรโชกแรง พายุหิมะกำลังก่อตัวขึ้นบุกจู่โจมเมืองสึกิอีกครั้งในไม่ช้านี้ !!!
ทางเดินในป่า รินดาราเดินสะพายกระเป๋าเข้ามาตามทาง
"ฮิเมะ จะให้ชั้นไปทางไหนต่อ"
นกฮิเมะโผล่หัวออกมาจากกระเป๋า
"เสียงแม่เงียบหายไปแล้ว ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปทางไหนต่อ"
"อ้าว"
นกฮิเมะมองออกไปรอบบริเวณแล้วตาโต
"เอ๊ะ ! ชั้นคุ้นๆ แถวนี้ ใช่แล้ว! ชั้นจำได้แล้ว! แม่ของชั้นเคยบินพามาหาของกิน เธอเดิน
ตรงไปทางโน้นเลยนะ ตรงไปเรื่อยๆ ถ้าเจอทะเลสาปค่อยเรียกชั้นนะ"
นกฮิเมะผลุบหัวกลับเข้าไปในกระเป๋า
"แน่ใจนะฮิเมะว่าจะไม่พาชั้นหลงทาง"
ฮิเมะไม่ตอบ รินดาราเปิดกระเป๋าออกและก้มลงถาม
"ฮิเมะ...ชั้นถามว่าแน่ใจหรือเปล่า"
"แน่ใจ นี่เธออย่าเปิดกระเป๋าได้ไหม ชั้นหนาว...อากาศแปรปรวนชะมัด...เมื่อกี้ยังร้อนตับแตก แล้วนี่ทำไมอยู่ดีๆก็หนาวขึ้นมา เธอไม่หนาวบ้างเหรอ"
รินดารามองไปรอบตัวแล้วรู้สึกสะท้านขึ้นมา
"อากาศเย็นขึ้นจริงๆด้วย"
รินดาราเหลือบตาขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วต้องอึ้งตะลึงงันเมื่อพบว่ามีละอองหิมะตกลงมาจากท้องฟ้า
รินดาราแบมือรับละอองหิมะ
"หิมะ นี่มันหน้าร้อน ทำไมหิมะถึงตก"
"เพราะแกยังไงล่ะนังเมียวโจ คนในเมืองสึกิถึงจะต้องพบกับความหายนะ"
รินดาราหันหลังไปทางเสียงถึงเห็นยูกิในชุดกิโมโนสีขาว...ผมยาวดำสนิท...ปากทาแดงจัดยืนมองมาด้วยแววตาอาฆาตมาดร้าย
"นางปีศาจหิมะ"
สิ้นคำยูกิโบกแขนไปข้างหน้าอย่างเร็วให้ชายผ้าที่แขนของชุดกิโมโนโบกสะบัด รินดารารู้สึกเหมือนถูกตบอย่างแรงหน้าหันและร่างกระเด็นไปติดต้นไม้ หัวกระแทกต้นไม้อย่างแรง
กระเป๋าสะพายที่ใส่นกฮิเมะกระเด็นไปตกบนพื้น ส่วนรินดาราก็สลบล้มลงกับพื้น..ละอองหิมะตกลงปะทะใบหน้าของรินดาราหนักขึ้น
ยูกิในคราบนางปีศาจหิมะหัวเราะลั่นกึกก้องอย่างสะใจ
โฮชินอนหลับอยู่บนฟูกแล้วสะดุ้งตื่น สายตาของโฮชิมองไปนอกหน้าต่าง...เห็นละอองหิมะตกลงมา
เขายื่นมือไปรับละอองหิมะที่โปรยปรายสีหน้าเคร่งเครียด คิดถึงใครอื่นเป็นไปไม่ได้นอกจาก....นางปีศาจหิมะ
ระหว่างนั้นโฮชิเหลียวหน้าไปทางรูปภาพวาดของเมียวโจ
เมียวโจในภาพวาดขยับได้ราวกับมีชีวิต...กลีบดอกวีสทีเรียสีม่วงพราวที่เป็นฉากหลัง แปรเปลี่ยนเป็นหิมะขาวไปทั้วบริเวณ
ใบหน้าของเมียวโจหม่นเศร้า..แล้วมีน้ำตาไหลเป็นสีแดงเหมือนเลือดไหลออกมา โฮชิอึ้งไปเลย
บ้านรินดารา ที่เมืองไทย เริงตะวันกำลังนวดให้สุรินทร์ที่ดูแข็งแรงขึ้นมาก
เรืองนภากับดวงดาวช่วยกันตั้งโต๊ะอาหาร โทรทัศน์ที่ตั้งอยู่กลางโถงบ้านเปิดทิ้งไว้
ภาพข่าวด่วนตัดเข้ามาสถานีโทรทัศน์
"มีรายงานด่วนเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นว่ามีพายุหิมะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันที่เมืองสึกิ ในประเทศญี่ปุ่น"
เรืองนภาหันไปมองที่โทรทัศน์ ตะโกนบอก
"เมืองสึกิ พ่อจ๋าแม่จ๋า นี่มันเมืองที่พี่ดาราอยู่นี่จ๊ะ ข่าวเขาว่ามีพายุหิมะ ถล่มจ้ะ"
ทุกคนแห่กันเข้ามาดูที่หน้าจอทีวี
ภาพบนโทรทัศน์ พายุหิมะตกลงมากลางถนนเมืองสึกิ หิมะตกอย่างหนัก ผู้คนพากันวิ่งหลบเข้าอาคาร
"พายุหิมะทำท่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ตอนนี้ทางการไม่สามารถเข้าไปอพยพผู้คนที่อยู่ในเมืองออกมาได้ เพราะหิมะปกคลุมถนน สะพานต่างๆ หมดแล้ว การสื่อสารทุกอย่างถูกตัดขาด"
ดวงดาวตกใจมือไม้อ่อน ทำจานข้าวที่ถืออยู่ตกพื้นเพล้ง ! แล้วยืนไม่อยู่จะเป็นลม
เรืองนภา/เริงตะวัน เรียก "แม่"
สุรินทร์ กับเด็กสองคนปราดเข้าไปประคองร่างดวงดาวที่หน้าซีดเผือด ดวงดาวบอกกับสุรินทร์อย่างตื่นตระหนก
"พี่...ดาราจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ชั้นเป็นห่วงลูก เราจะทำยังไงกันดี"
"ใจเย็นๆ นะ ลูกเราเป็นคนดี ความดีจะคุ้มครองลูกเราให้ปลอดภัย"
ทุกคนไม่สบายใจ
อาคิระในชุดเสื้อโค้ชหนายาวถือเสื้อกันหนาวอีกตัวไว้ในมือ มิกิกับไอเดินเข้ามาในห้องด้วยกัน พออาคิระเห็นย่าก็รีบเอาเสื้อเข้าไปให้ ริเอะอยู่ในห้องอยู่แล้ว
"คุณย่าใส่เสื้อกันหนาวไว้นะครับ อากาศเย็นขึ้นทุกทีผมกลัวว่าเครื่องทำความร้อนในบ้านเราจะรับไม่ไหว"
มิกิส่งเสื้อให้ไอ
"ไอใส่ก่อนเถอะ เดี๋ยวย่าค่อยไปเอาตัวใหม่"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณย่าใส่เถอะค่ะ"
"ไอนั่นแหละใส่ อย่าลืมว่าไอไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ต้องดูแลรักษาตัวเองให้มากๆ"
"ค่ะคุณย่า"
อาคิระเห็นอาการของไอกับมิกิก็มองกันอย่างแปลกใจ
"มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ"
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ"
โฮชิเข้ามาพร้อมกับปัดหิมะตามลำตัวออก เพราะเพิ่งเดินมาจากทางหอคอย มิกิรีบปราดเข้าไปถาม โฮชิ
"ท่านชายคะ พายุหิมะที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้เป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดา แต่เป็นฝีมือของนางปีศาจหิมะใช่ไหมคะ"
"น่าจะใช่ ชั้นต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน"
"ท่านชายไม่ผิดหรอกค่ะ นางปีศาจหิมะต่างหากที่เลว มันทำให้พายุหิมะถล่มแบบนี้ คงตั้งใจจะฆ่าเราทุกคนให้ตาย" ริเอะบอก
ทุกคนไม่สบายใจ โฮชิมองหารินดารา
"ฮิคาริล่ะ ฮิคาริอยู่ที่ไหน"
"คุณรินดาราไม่อยู่ค่ะ ออกไปข้างนอก มีอะไรหรือเปล่าคะ" มิกิบอก
"เมียวโจส่งสัญญาณมาบอกชั้นว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับฮิคาริ"
อาคิระตกใจมาก
"เรื่องไม่ดี ! เรื่องไม่ดีอะไรครับ รินดาราจะเป็นอะไรครับท่านชาย"
ริเอะน้อยใจที่อาคิระเป็นห่วงรินดารามากเหลือเกิน
"ชั้นเองก็ไม่รู้หรอกนะ แต่เราต้องตามหาฮิคาริให้เจอเร็วที่สุด"
ทุกคนไม่สบายใจ
รินดาราสลบคอพับอยู่ในป่า บนหน้าผากมีรอยฟกช้ำจากการถูกกระแทกกับต้นไม้ ละอองหิมะตกปะทะใบหน้ากับอากาศอันหนาวเย็นช่วยปลุกรินดาราขึ้นมา ริเธอค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วตกใจ เมื่อพบว่าตัวเองถูกมัดไว้กับต้นไม้อยู่ท่ามกลางป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน !
"ช่วยด้วย ! ช่วยด้วยค่ะ! มีใครอยู่แถวนี้บ้าง ช่วยชั้นที"
รินดาราตะโกนพร้อมดิ้นหวังให้หลุดจากเชือกแต่ไม่สำเร็จ แถมอากาศที่หนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ ทำให้รินดารา ตัวสั่น..ปากแข็ง..ไม่มีแรงจะตะโกน
"ช่วย...ชั้น..ด้วย"
อยู่ๆเสียงฮัมเพลงจังหวะช้าๆ ดังขึ้นจากด้านหนึ่ง รินดาราหันไปมองตามจึงเห็นยูกิในชุดกิโมโนสีขาว..ผมยาว.. ปากแดงกำลังร่ายรำแบบเกอิชาอยู่ท่ามกลางหิมะด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มมีความสุข ท่าทางของนางไม่สะท้านต่อความหนาวเหน็บเลยสักนิด
"ยูกิ เธอทำอะไร ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ"
ยูกิหยุดรำแล้วสะบัดหน้าหันมาหารินดารา
"จะมีสักกี่คนที่ได้ดูเกอิชาสาวสวยร่ายรำท่ามกลางพายุหิมะ นี่เป็นของขวัญให้เธอก่อนตายเลยนะ โฮชิจะต้องขอบใจชั้นที่ชั้นใจดีกับเธอ"
"เธออย่าทำแบบนี้เลยนะ ถ้าเธอกลับเนื้อกลับตัว ไม่ทำร้ายใครอีก ท่านชายโฮชิพร้อมที่จะให้โอกาสเธอ"
ยูกิโมโห
"มันสายไปแล้ว ! ตอนนี้ชั้นไม่ต้องการโอกาสอะไรจากเขาอีกแล้ว ชั้นอยู่ในร่างของผู้หญิงแสนสวยอย่างนี้ เขายังไม่คิดจะแบ่งใจมาให้ชั้นเลย ความรักของชั้นที่มีให้เขามันกลายเป็นความแค้นไปแล้ว ทางเดียวที่ชั้นจะแก้แค้นเขาได้ก็คือทำให้คนที่เขารักตาย ทั้งแก..มิยาคาวะ..และทุกคนในเมืองสึกิ"
ยูกิหัวเราะด้วยความสะใจอย่างยิ่งยวดและร่ายรำสนองความสุขของตัวเอง หิมะก็ยิ่งตกหนักขึ้นทุกที
รินดาราแหงนหน้ามองหิมะที่ตกลงมาแรงขึ้นทุกที รินดาราหนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ แต่เธอก็อดทนต่อความหนาว พยายามต่อรองกับยูกิ
"ยูกิ...ถ้าเธออยากจะแก้แค้นก็ขอให้ฆ่าชั้นคนเดียวเถอะ ผู้คนในเมืองสึกิเขาไม่รู้เรื่องด้วย ปล่อยพวกเขาเถอะ ฆ่าชั้นให้ตายซะตั้งแต่ตอนนี้เลย"
"โฮชิต้องมาเห็นแกตายที่นี่...ที่ๆ เขาเคยปฎิเสธความรักของชั้นเมื่อสี่ร้อยปีก่อน มันถึงจะสาสมกับสิ่งที่เขาทำไว้กับชั้น"
"แต่ไม่มีใครรู้ว่าชั้นอยู่ที่นี่"
"แกกับเขาห่างกันไปตั้งสี่ร้อยปียังอุตส่าห์มาเจอกันได้ แล้วทำไมกับแค่ที่นี่เขาจะหาแกไม่เจอ"
ยูกิร่ายรำต่อ รินดาราไม่สบายใจ
อายูมิในชุดกันหนาวตัวสั่นอยู่บนเตียง ฮิโตชิเข้ามาเอาผ้าห่มมาช่วยคลุมทับ
"ฮิโตชิ ! ฮิโตชิหายไปไหนมา อายูมิเป็นห่วงฮิโตชิมากเลย"
"ข้างนอกพายุหิมะตกหนัก..ฮิโตชิมาดูว่าอายูมิหนาวมากไหม"
"หนาว...หนาวมาก ฮิโตชิเข้ามาอยู่ในผ้าห่มกับอายูมิสิ จะได้อุ่นๆ"
"ฮิโตชิเป็นผีไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรอก"
ระหว่างนั้นอายูมิเพิ่งเห็นว่าเสื้อผ้าของฮิโตชิเปลี่ยนไปเป็นชุดยูกาตะสีขาว สะอาดตา
"ฮิโตชิ ! ฮิโตชิไปเอาเสื้อผ้าใหม่มาจากไหน"
ฮิโตชิก้มมองเสื้อผ้าตัวเองแล้วยิ้มกับอายูมิ
"ท่านชายบอกว่า ผลจากการทำความดีและเสียสละช่วยอายูมิ ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮิโตชิมีเสื้อผ้าใหม่ก็แสดงว่าใกล้จะได้เวลาที่ฮิโตชิจะต้องไปสวรรค์แล้ว"
อายูมิตะลึง
อายูมิในชุดกันหนาวเข็นรถเข็นเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ พอเห็นโฮชิอยู่ในห้องร่วมกับคนอื่นๆ ก็รีบเข็น เข้าไปหาและร้องบอกตั้งแต่อยู่หน้าประตู
"ท่านชายคะ...ท่านชาย จริงรึเปล่าคะที่ฮิโตชิ"
ไอยืนอยู่ใกล้อายูมิก็รีบห้ามเอาไว้
"อายูมิ เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนนะ ตอนนี้ท่านชายกับอาคิระกำลังตามหาคุณรินดารากันอยู่"
"ตามหาพี่รินดารา ตามหาทำไมคะ พี่รินดาราพาฮิเมะไปส่งเดี๋ยวก็กลับมาค่ะ"
ทุกคนหันมามองอายูมิเป็นตาเดียว
"ฮิเมะอะไร" อาคิระถาม
อายูมิยิ้มแห้ง
"ลูกนกของอายูมิกับฮิโตชิค่ะ มันพลัดหลงจากแม่ของมันมา เราก็เลยเลี้ยงมันไว้ แล้วเมื่อเช้าแม่ของฮิเมะมาร้องตามหา ฮิเมะบอกพี่รินดาราว่าเสียงแม่ร้องดังมาจากทางภูเขา พี่รินดาราก็เลยพาฮิเมะไปหาแม่แถวๆ นั้นค่ะ"
อาคิระ โฮชิ มิกิมองหน้ากัน
โฮชิกับอาคิระเดินออกมาจากข้างในบ้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
พร้อมกับสวมเสื้อคลุมกันหนาว เพิ่มขึ้นอีก เพราะกำลังจะต้องออกไปเผชิญกับพายุหิมะ
มิกิ ริเอะเดินตามออกมา ริเอะดึงแขนอาคิระห้ามเอาไว้
"อาคิระ...อย่าออกไปเลยนะคะ พายุหิมะตกหนักมาก ถ้าคุณกับท่านชายออกไปอาจจะเป็นอันตรายได้ เราหาทางแจ้งให้ตำรวจไปช่วยตามหารินดาราเถอะค่ะ"
"ผมทนอยู่เฉยๆ ทั้งๆที่รู้ว่ารินดาราตกอยู่ในอันตรายไม่ได้"
"แล้วคุณไม่เป็นห่วงครอบครัวของคุณ เป็นห่วงพวกเราทุกคนที่นี่บ้างหรือคะ พวกเรามีกันแต่ผู้หญิง คนแก่กับเด็ก ถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะทำยังไง"
อาคิระอึ้งไปและมีสีหน้าหนักใจ โฮชิมองอาการของอาคิระอย่างเข้าใจจึงช่วยพูดให้
"อย่าห้ามอาคิระเลยริเอะ อาคิระกับชั้นก็เหมือนกัน สถานการณ์เลวร้ายแบบนี้เราทุกคนต่างเป็นห่วงคนที่เรารัก"
อาคิระมองหน้าโฮชิอย่างอึ้งๆ...ที่ท่านชายรู้ว่าเขารักรินดารา
"แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ ชั้นสัญญา...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาคิระกับรินดาราจะได้กลับมาที่นี่อย่างปลอดภัย"
มิกิบอก
"ไปเถอะอาคิระ ไปตามหาคุณรินดารากลับมาให้ได้ ไม่ต้องห่วงทางนี้ย่าจะดูแลพวกเราทุกคนให้เอง"
"ขอบคุณครับคุณย่า"
อาคิระกับโฮชิออกไปจากบ้าน ริเอะมองตามอาคิระไปอย่างเศร้าสร้อย...แน่ใจว่าหมดหวังในตัวเขาแล้ว
"อาคิระรักรินดารามากเลยนะคะ"
มิกิลูบแขนริเอะแทนคำปลอบใจ
ฮิเดโนรินอนสลบเพราะอาการเจ็บปวดจากการทำพิธีสร้างอาวุธทำลายนางปีศาจหิมะแล้วเขาก็รู้สึกถึงอากาศหนาวเหน็บ ขยับตัวและกอดตัวเอง เพราะความหนาวจึงทำให้เขารู้สึกตัวตื่นขึ้น
เขาลุกขึ้นจากที่นอน แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
"หิมะ ? หน้าร้อนมีพายุหิมะได้ยังไง" เขานิ่วหน้าใช้ความคิดแล้วนึกหวั่นใจขึ้นมา "นางปีศาจหิมะ"
เขารีบผุดลุกออกไปจากห้องทันที
เขาเลื่อนประตูเปิดเข้ามาในห้องด้วยความร้อนใจ แล้วทันทีที่เท้าของฮิเดะก้าวเข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่เขา เหยียบพบก็คือ...กองเลือด !
เขาก้มมองมันแล้วไล่สายตาไปตามกองเลือด จึงพบว่าเป็นเลือดของอัตซุโอะที่ไหลออกปาก เขานอน จมกองเลือดอยู่บนพื้น
ฮิเดโนริตกใจ
"อัตซุโอะ"
และใกล้ร่างของอัตซุโอะมีศพแห้งเหี่ยวเกือบจะเป็นโครงกระดูกนอนอยู่ ฮิเดะหันไปเห็นก็ตกใจแต่ยังจำไม่ได้ว่า เป็นใคร จนกระทั่งฮิเดะพิจารณามองเสื้อผ้าของซากศพนั้น
"คุณปู่" เขาปราดเข้าไปกอดศพโดยไม่มีความรังเกียจ
อัตซุโอะไอกระอักเลือดออกมา ฮิเดะหันไปเห็นก็รีบปราดเข้าไปหาอัตซุโอะ
"อัตซุโอะ ! เกิดอะไรขึ้น ใครฆ่าคุณปู่ บอกชั้นสิอัตซุโอะ"
อัตซุโอะสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา แล้วบอกฮิเดะด้วยความยากลำบาก
"นางปีศาจหิมะครับ"
ฮิเดโนริตกใจ
"นางปีศาจหิมะ"
อัตซุโอะมันกลืนกินพลังชีวิตของคุณท่านไปทำให้มันแข็งแรง มันจะไปแก้แค้นโฮชิที่ไม่รับรักมัน
เขากัดฟันกรอดอย่างโกรธจัด
"นางปีศาจเลี้ยงไม่เชื่อง ! คุณปู่อุตส่าห์ช่วยเหลือมัน แต่มันยังทำกับคุณปู่ได้ ชั้นจะต้องแก้แค้นให้คุณปู่"
"แก้แค้นให้โคสึกะด้วยครับ"
"แก้แค้นให้โคสึกะ หมายความว่ายังไง"
"นางปีศาจหิมะบอกว่าเทพเจ้าจิ้งจอกไม่ได้ตายเพราะฝีมือของเทพเจ้านกกระเรียนอย่างที่เราเข้าใจ แต่เทพเจ้าจิ้งจอกตายเพราะฝีมือของมัน ที่ผ่านมามันหลอกให้เราเกลียดเทพเจ้านกกระเรียน เกลียดมิยาคาวะ เพื่อที่เราจะได้ช่วยให้มันสมหวังกับโฮชิ"
อัตสุโอะพูดแค่นั้นก็หมดสติไป ฮิเดโนริอึ้งแล้วหันไปเห็นมีดสั้นอาคมตกอยู่บนพื้นใกล้กับร่างของไดซุเกะ จึงหยิบขึ้นมามองด้วยแววตาของความอาฆาต
"นางปีศาจหิมะ นอกจากแกจะไม่สมหวังกับท่านชายโฮชิแล้ว แกยังจะต้องสูญสลายไปจากโลกนี้ด้วย"
ฮิเดโนริเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าศพของปู่
"คุณปู่ครับ ผมขอสาบาน...ถ้าผมแก้แค้นนางปีศาจแทนคุณปู่แทนโคสึกะทุกคนไม่ได้ ผมจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก"
ความโกรธเกลียดสุดชีวิตทำให้ดวงตาของเขากลายเป็นสีส้มเฉกเช่นดวงตาของสัตว์ร้าย
โฮชิกับอาคิระเดินฝ่าพายุหิมะเข้ามา ละอองหิมะปลิวปะทะใบหน้าและลมแรง แต่ทั้งสองก็ไม่หวาดหวั่นยังคงเดินหน้าต่อไป
อาคิระยกมือป้องตากันลมที่ปะทะใบหน้า พร้อมกับเบนหน้าไปทางอื่น ทำให้หันไปเห็นกระเป๋าของรินดาราตกอยู่ที่พื้น อาคิระรีบเข้าไปหยิบขึ้นมาดู
"กระเป๋าของรินดาราที่อายูมิบอกว่าใส่ลูกนกฮิเมะออกมาครับท่านชาย"
"ลูกนกคงจะหลุดหนีออกไปแล้ว แล้วฮิคาริหายไปไหน"
อาคิระกับโฮชิไม่สบายใจ
รินดารายืนหนาวสั่นไปทั้งตัว ขณะที่ยูกิยังคงร่ายรำอย่างมีความสุข ส่วนรินดาราน้ำตาไหลอย่างสิ้นหวัง รินดาราเพ้อเสียงแผ่วเพราะอากาศหนาวทำให้ขยับปากไม่มีแรง
"พ่อขา...แม่ขา...ช่วยหนูด้วย"
ทันใดนั้นเสียงอาคิระตะโกนดังขึ้นจากด้านหนึ่ง
"รินดารา รินดารา คุณอยู่แถวนี้หรือเปล่ารินดาร"
รินดาราได้ยินเสียงจึงหันขวับไปมองพร้อมๆกับที่ยูกิหยุดรำสะบัดหน้าไปทางเสียงเช่นกัน ริมฝีปากสีแดงสดยิ้ม
"ชั้นบอกเธอแล้วว่าเขาต้องมา"
ยูกิแสยะยิ้มร้าย
อาคิระกับโฮชิเดินฝ่าพายุหิมะเข้ามาพร้อมกวาดสายตามองหารินดารา อาคิระตะโกนร้องเรียก
"รินดารา คุณอยู่แถวนี้หรือเปล่ารินดารา"
อยู่ๆทั้งลมและละอองหิมะในบริเวณนั้นนิ่งสงบไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อาคิระกับโฮชิมองหน้ากัน..แน่ใจว่ามีอะไร บางอย่างผิดปกติ
"ช่วยด้วย...ช่วยชั้นด้วยค่ะ"
เสียงรินดาราดังก้องขึ้น อาคิระกับโฮชิหันขวับไปคนละทางเพราะเสียงของรินดารานั้นก้องกังวานไร้ทิศทาง ทั้งสองมองหาที่มาของเสียง อาคิระมีอาการร้อนรนกระวนกระวาย ต่างจากโฮชิที่นิ่งสงบได้มากกว่า
"รินดารา คุณอยู่ไหน ! บอกผมสิว่าคุณอยู่ตรงไหน"
"ชั้นอยู่ตรงนี้ค่ะอาคิระ ช่วยชั้นด้วยค่ะอาคิระ ชั้นหนาวจะตายอยู่แล้ว"
อาคิระเห็นรินดาราถูกมัดอยู่กับต้นไม้กำลังร่ำร้องอ้อนวอน
"รินดารา"
ด้วยความเป็นห่วงจับหัวใจ ทำให้อาคิระวิ่งเข้าไปหาในทันที แต่โฮชินิ่วหน้าแปลกใจอะไรบางอย่าง
แล้วก่อนที่อาคิระจะไปถึงตัวรินดารา โฮชิก็จิกตาเพ่งมองไปที่รินดาราที่ถูกมัดอยู่กับต้นไม้
รินดารามีดวงตาสีฟ้าวาบเหมือนอย่างดวงตาของนางปีศาจหิมะ !
โฮชิรีบตะโกนเตือน
"อาคิระระวัง นั่นไม่ใช่ฮิคาริ"
อาคิระหยุดวิ่งแล้วหันขวับไปทางโฮชิ ทันใดนั้นเชือกที่มัดรินดาราไว้กับต้นไม้ก็ร่วงลงพื้น ดาบซามูไรปรากฎอยู่ ในมือของรินดาราที่มีสีหน้าขึงขัง แล้วใช้ดาบซามูไรฟัน แต่อาคิระหลบทันได้อย่าง เฉียดฉิว คมดาบโดนเข้าที่แขนของอาคิระเป็นทางยาว
"อาคิระ"
โฮชิวิ่งไปประคองร่างอาคิระลุกขึ้น อาคิระยกมือขึ้นกุมแขนตัวเอง
"ไหวนะ"
"ไหวครับ"
ทั้งสองก็มองไปยังคนที่ถือมีดดาบซามูไรอยู่ก็คือยูกิ ไม่ใช่รินดารา
"เห็นทีว่าชั้นจะต้องกลืนกินกิเลสจากมนุษย์ทุกคนในเมืองสึกิแล้วล่ะมั้ง ชั้นถึงจะตบตาเธอได้สักที"
"ปีศาจจิตใจชั่วร้ายอย่างเธอ ไม่มีวันเป็นเทพธิดาแสนดีอย่างเมียวโจได้"
"เมียวโจน่ะเหรอเทพธิดาผู้แสนดี !" ยูกิหัวเราะประชด "นังเมียวโจมันก็น่ารังเกียจไม่ต่างจากชั้นหรอก เชอะ...ทำตัวเป็นเทพธิดาผู้สูงศักดิ์แต่ที่แท้ก็ยังฝักใฝ่กิเลส ยังโหยหา ความรัก ถึงได้ส่งส่วนหนึ่งของตัวเองลงมาตามคนรักให้กลับไป"
"เธอไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าทำไมเมียวโจถึงต้องทำแบบนั้น เพราะเธอไม่เคยรู้จักคำว่า ความรักอย่างแท้จริง เธอมันไม่มีหัวใจ"
ยูกิตะคอกด้วยความโมโห
"ชั้นมี ! ชั้นมีให้เธอคนเดียวด้วย แต่เธอทำลายหัวใจของชั้นไปหมด แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องโดนทำลายหัวใจคืนบ้างแล้วท่านชายโฮชิ"
ยูกิเคลื่อนตัวไปด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว โฮชิกับอาคิระตามไป
กลกิโมโน ตอนที่ 12 อวสาน (ต่อ)
ภายในคฤหาสน์มิยาคาวะ มิกิ ไอ ริเอะอยู่ในชุดเสื้อผ้ากันหนาว
พายุหิมะก็แผ่ความหนาวเข้ามาในบ้าน ทุกคนมี สีหน้าร้อนใจเป็นห่วงโฮชิกับอาคิระ ยิ่งโดยเฉพาะมิกิที่นั่งไม่ติด เดินไปเดินมา
นานะเข้ามา
"คุณย่ามิกิคะ มีแขกมาค่ะ"
"ใคร"
นานะยังไม่ทันตอบ ฮิโนริเดินเข้ามาด้วยสีหน้าขึงขัง เขาไม่ได้แต่งกายเพื่อปกป้องความหนาวใดๆ ไออึ้งตกใจ คาดไม่ถึงว่าเขาจะเหยียบเข้ามาในมิยาคาวะ
"ฮิเดะ ! เธอมาทำอะไรที่นี่"
มิกิมองอาการของไอ แล้วนิ่วหน้าสงสัยในอาการของไอ
"ผมขอพบท่านชายโฮชิ ผมมีเรื่องจะคุยกับเขา"
"ท่านชายไม่อยู่ค่ะ ท่านชายกับอาคิระออกไปตามหาคุณรินดารา"
ฮิเดโนริตกใจมาก
"ตามหารินดารา รินดาราเป็นอะไร"
ไอน้อยใจ เชิดหน้าทำเข้มแข็งแล้วเดินออกไปจากห้องทันที มิกิมองตาม และค่อนข้างแน่ใจเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง ฮิเดโนริตัดสินใจพูดบางอย่างกับมิกิ
"คุณย่ามิกิครับ..ผมมีเรื่องอยากขอร้อง"
มิกิมองอย่างสงสัย
เวลาต่อมา ไอยืนลูบท้องตัวเองและทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองหิมะที่ตกกระหน่ำทำให้ขาวไปทั้งบริเวณอย่างซึมเศร้า น้ำตารื้นด้วยความเหงาเศร้าจับใจ มิกิเข้ามายืนมองอาการของไออย่างสงสารเห็นใจ
"เขาเป็นพ่อของลูกในท้องไอใช่ไหม"
ไอไม่ตอบแทนคำตอบว่าใช่
"เขารู้หรือเปล่าว่าไอท้อ"
ไอทำเข้มแข็งทั้งที่ใจแตกสลาย
"เขาไม่จำเป็นต้องรู้ค่ะ ไอไม่ต้องการให้ใครมารับผิดชอบไอกับลูกเพราะหน้าที่ แต่ไม่มีความรักให้เราเลยแม้แต่นิดเดียว"
"แต่เขาก็มีความห่วงใยให้ไอไม่น้อยเลยนะ"
"ไม่จริงหรอกค่ะ"
"ถ้าไม่จริง เขาคงไม่ขอร้องกับย่าว่าให้ช่วยดูแลไอแทนเขา เวลาหิมะตกหนักแบบนี้ ไอจะรู้สึกเหงาอ้างว้าง ไอชอบให้มีคนกอดไอแน่นๆ แล้วไอจะรู้สึกดีขึ้น"
ไออึ้งคาดไม่ถึง ดีใจจนน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ตั้งแต่แรกไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
"ย่าเป็นย่าของไอ ย่ายังไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แสดงว่าเขาเป็นคนที่กอดไอแล้วไอรู้สึกดีมากใช่ไหม คนเรานะไอ...ถ้ากอดกันโดยไม่มีความรู้สึกดีๆมอบให้กัน กอดนั้นจะไม่มีทางส่งความรู้สึกอบอุ่นไปให้อีกฝ่ายได้เลย ถ้าเขากอดไอแล้วไอรู้สึกดี แสดงว่าเขาเองก็รู้สึกดีกับไอเหมือนกัน"
"ค่ะคุณย่า ไอเข้าใจแล้วค่ะ ไอจะให้โอกาสตัวเองอีกสักครั้ง ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะคุณย่า"
"เขาไปแล้ว"
"ไปไหนคะ"
มิกิไม่ตอบ แต่มีสีหน้าไม่สบายใจ
โฮชิกับอาคิระวิ่งเข้ามา อาคิระยกมือกุมแผลถูกฟันที่แขน
"รินดารา"
ยูกิเอามีดดาบซามูไรจ่อไปที่รินดารา
"ได้เวลาแกต้องกลับไปที่ของแกแล้วนังเมียวโจ โฮชิต้องอยู่กับชั้นที่นี่"
รินดาราหลับตายอมรับชะตากรรมของตัวเอง ยูกิยกดาบขึ้นตั้งท่าจะฟันรินดารา อาคิระกับโฮชิตกใจสุดขีด แต่ก่อนที่ยูกิจะฟันดาบลงมาที่ร่างของรินดารา ทันใดนั้นเสียงคำรามของสุนัขจิ้งจอกก็ดังก้องกังวานขึ้น ทุกคนมองหาเสียง
"ฮิเดโนริ" พุ่งกระโจนเข้าใส่ด้านหลังของยูกิ เธอหลบไม่ทันจึงกระเด็นไปตามแรงกระแทกของเจ้าสิ่งนั้น ดาบซามูไรในมือยูกิตกไปบนพื้น
ยูกิกับฮิเดโนริล้มกลิ้งไปด้วยกัน อาคิระ โฮชิ รินดาราคาดไม่ถึงว่า ฮิเดโนริจะมาช่วย
"ฮิเดะ"
ยูกิกับฮิเดโนริหยุดกลิ้ง เขาตั้งหลักขึ้นมาได้เร็วกว่าจึงชักมีดอาคมของไดซุเกะที่เหน็บเอวมาแล้วแทงเข้าไปที่กลางหลังของยูกิเต็มแรง รอยแผลที่เกิดจากมีดอาคมก็ลุกเป็นไฟ สร้างความเจ็บปวดให้ยูกิอย่างแสนสาหัส
"อ๊าก"
ยูกิตะโกนลั่นสุดเสียงและดิ้นทุรนทุราย วงไฟที่กลางหลังค่อยๆแผ่วงกว้างจนลุกลามขึ้นรอบตัว จนกระทั่งร่างของยูกิหญิงสาวแสนสวยเพราะพลังของนางปีศาจหิมะกลับสู่ร่างซากศพเน่าเปื่อย ระบุเพศ ม่ได้ หัวไม่มีผมเพราะตายมานานนับเดือน เหมือนคนถูกไฟไหม้มาทั้งตัว
ทุกคนตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น
ยูกิในสภาพซอมบี้ปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวยกแขนตัวเองดู และยกมือแตะใบหน้าก่อนจะคำรามลั่นก้องป่าเพราะ รับไม่ได้กับสภาพตัวเอง
"ไม่"
ฮิเดโนริแสยะยิ้มสะใจ ยูกิหันขวับมา แล้วพุ่งเข้าไปใส่ฮิเดโนริ ทั้งสองสู้กัน
อาคิระรีบเข้าไปแกะมัดเชือกที่มือให้รินดารา พอแก้ได้สำเร็จ รินดาราทรุดล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง โฮชิถอด เสื้อโค้ชออกแล้วสวมให้รินดารา
"อาคิระพาฮิคาริหนีไป ชั้นจะไปช่วยฮิเดะ"
รินดาราจับมือโฮชิอย่างห่วงใย
"ระวังตัวเองนะคะท่านชาย"
โฮชิยิ้มและจูบที่หน้าผากของรินดารา แล้วพยักหน้าให้อาคิระพารินดาราออกไป
โฮชิมองทั้งคู่จนลับตา แล้วหันไปมองทางซอมบี้กับฮิเดโนริด้วยแววตาแน่วแน่
ฮิเดโนริถูกผลักกระเด็นมาติดต้นไม้ เจ็บปวดเพราะแรงกระแทก แล้วซอมบี้ก็พุ่งเข้ามาจะจัดการ ฮิเดโนริหมุนตัวหลบทัน แล้วตวัดมือไปที่หน้าของซอมบี้
ซอมบี้ล้มหน้าคว่ำไปบนพื้น ที่แก้มมีรอยเล็บเป็นทางยาว ฮิเดโนริหันไปเห็นมีดอาคมวางอยู่บนพื้น
ก็ไปหยิบมาแล้วมายืนคร่อมเหนือร่างของซอมบี้ ซอมบี้หมอบกับพื้นเหมือนจะไม่มีแรงสู้แล้ว แต่สิ่งที่ฮิเดโนริไม่เห็นคือ...แววตาร้ายกาจของมัน
"นางปีศาจหิมะ แกต้องชดใช้ให้ปู่ของชั้น"
ฮิเดะเงื้อมมีดขึ้นสูงจะแทงมัน แต่ทันใดนั้นซอมบี้คว้าดาบซามูไรที่อยู่บนพื้นแล้วหันมาแทงใส่ท้องฮิเดะ..ฉึก เลือดสีแดงสดกระเด็นไปบนหิมะขาวโพลน เขาสะดุ้งสุดตัว ตาเบิกโพลง แล้วก้มลงมองที่ร่างของตัวเองเห็นดาบซามูไรคาอยู่ที่พื้น
ซอมบี้ดึงมีดออกจากร่างเขา ฮิเดโนริสะดุ้งสุดตัวทรุดล้มลงกับพื้น ซอมบี้ลุกขึ้นยืนเหนือร่างของเขา
ที่กำลังอ้าปากกว้างออก
แต่ทันใดนั้นเกิดเสียงดังฉับ ! ร่างซอมบี้สะดุ้งสุดแรง มือที่จับคอฮิเดโนริอยู่คลายออก เขาร่วงลงกระแทกพื้น แล้วซอมบี้ก็ค่อยๆ หันไปข้างหลัง จึงพบโฮชิยืนถือดาบซามูไร...เขาเป็นคนฟันหลังของซอมบี้
"ชั้นให้โอกาสเธอมามากพอแล้วนางปีศาจหิมะ"
ดวงตาของโฮชิเป็นสีเขียว แล้วโฮชิก็ฟันดาบลงไปที่ร่างของซอมบี้อีกครั้ง...เกิดลำแสงสีเขียวสีเดียวกับดวงตาของโฮชิ ขึ้นพาดที่ตัวของซอมบี้ตามทางของคมดาบ
แสงสีเขียวนั้นก็ทะลุพุ่งไปทั่วร่างของซอมบี้...เกิดกลุ่มควันสีขาวลอยพุ่งออกจากร่างของซอมบี้แล้วก่อตัวขึ้นเป็นก้อนขึ้นกลางอากาศ แล้วแตกกระจายพร้อมกับเสียงกรีดร้องของยูกิดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า
โฮชิแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าปลงตก
แป้งร่ำกับเกียวนั่งห่มผ้ากอดกันตัวสั่นริกๆอยู่ในผ้าห่ม แล้วมีแสงพระอาทิตย์เคลื่อนส่องเข้ามาภายในห้อง เกียวหันไปเห็นแสงก็แปลกใจจึงลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง แล้วร้องตกใจ
"หิมะหยุดตกแล้ว"
แป้งร่ำวิ่งมาดูที่หน้าต่าง
"ไม่ตกแล้วจริงๆด้วย ท่าทางโลกเราจะร้อนเว่อร์ อยู่ดีๆ หิมะก็ตก อยู่ดีๆ พระอาทิตย์ก็ออก จะเอาอะไรกันแน่ค้าคุ๊ณ"
"ไม่ดีหรือไงเล่า เราจะได้ไม่ต้องหนาวตายแล้ว ที่สำคัญโบท็อกซ์บนหน้ากับซิลิโคนบนจมูกไม่ต้องแข็งแห้งหมด เรารอดตายแล้ว"
เกียวกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
มิกิ ริเอะ ไอต่างคอยการกลับมาของคนที่ตัวเองรักอย่างใจจดใจจ่อ นานะวิ่งเข้ามาบอก
"กลับมากันแล้วค่ะ"
ทุกคนดีใจ โฮชิกับนารูตะก็ช่วยประคองร่างอาบเลือดของฮิเดโนริ รินดาราประคองอาคิระที่แผลถูกฟันที่แขน ตัวเอง ไอเห็นสภาพของฮิคนรักก็ตกใจ
"ฮิเดะ !" ไอปราดเข้าไปหาฮิเดะอย่างห่วงใย
"เขาถูกนางปีศาจหิมะทำร้าย แผลค่อนข้างลึกมากเลย แต่เราพาเขาไปหาหมอไม่ได้ เพราะหิมะยังปิดทาง"
"ไม่เป็นไร ผมช่วยเหลือตัวเองได้ ผมขออยู่คนเดียว"
"นายจะทำอะไร" อาคิระถาม
ฮิเดะไม่ตอบ แต่มีสีหน้าแน่วแน่ทั้งที่ยังเจ็บแผลอยู่มาก
ในห้องหนึ่ง ฮิเดโนรินั่งหลับตา ถอดเสื้อ เห็นแผลฉกรรจ์จากการถูกแทงที่กลางท้อง...
เขาใช้พลังและสมาธิอย่างแรงกล้า ทำให้เหงื่อแตกพลั่กๆ กล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งร่าง แผลบนหน้าท้องค่อยๆ หายไปกลายเป็นผิวหนังปกติ
เขาลืมตาแล้วก้มลงมองที่ท้องตัวเองแล้วยิ้มพอใจ
แต่อยู่ๆดวงตาลายสักยันต์สุนัขจิ้งจอกบนแผ่นหลังของฮิเดะก็สะท้อนแสงวาบขึ้นมา ร่างฮิเดะกระตุกอย่างแรง
"อ๊าก"
นิ้วทั้งห้ามีเล็บงอกออกมา ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีส้ม เขาดิ้นทุรนทุรายเกลือกกลิ้งไปบนพื้น เขาพยายามต้านพลังของปีศาจจิ้งจอกในตัวเอาไว้ ไอเปิดประตูเข้ามาเจอภาพเขาดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น
"ฮิเดะ คุณเป็นอะไร"
เขาพยายามเปล่งเสียง ดวงตาแข็งกร้าวราวสัตว์ป่าที่เจอเหยื่ออันโอชะฃ
"ชั้นควบคุมพลังปีศาจจิ้งจอกในตัวเองไม่ได้ ไปให้พ้น อย่าอยู่ใกล้ชั้น มันอันตราย ออกไป"
"ไม่ ชั้นไม่ไป ชั้นจะช่วยเธอฮิเดะ"
ไอเข้าไปจับตัว เขาโผเข้าไปบีบคอไอและตะโกนใส่หน้า
"ชั้นบอกให้ออกไป"
ปลายนิ้วทั้งสิบมีกรงเล็บแหลมยาวงอกออกมาจิกคอ ไอเจ็บปวด
"ฮิเดะ ชั้นเจ็บ"
เขาพยายามต้านมัน แต่ดวงตาสีส้มบนลายสักยันต์ก็สว่างวาบ เขาบีบคอไอ จนไอหายใจไม่ออก แล้วโฮชิก็เข้ามา มิกิ อาคิระ และรินดาราตามเข้ามาด้วย
"หยุดเดี๋ยวนี้"
โฮชิคว้าข้อมือของฮิเดโนริกระชากมา แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาดุร้ายคู่นั้น
"ทำใจให้สงบเถอะฮิเดะ เธอเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่มีจิตใจสูงส่ง สัตว์ร้ายใดๆก็ครอบงำจิตใจของเธอไม่ได้"
ลูกครึ่งสุนัขจิ้งจอกค่อยๆ นิ่งลงจนสลบไป ไอปราดเข้าไปโอบกอด
"เธอต้องไม่เป็นอะไรนะฮิเดะ"
เขาปรือตาขึ้นมา เห็นไอโอบกอดเขาและร้องไห้ เห็นโฮชิ อาคิระ รินดารา มิกิมองมาที่เขาด้วยความ แววตาสงสารเห็นใจ ก่อนที่จะสลบหมดสติไป
ฮิเดโนรินั่งอยู่ภายในห้องปิดไฟมืด มีเพียงแสงสว่างที่ส่องมาจากไฟข้างนอก เขายกมือตัวเองขึ้นดูแล้วพบว่ามันมีเล็บยาวงอกออกมาจากปลายนิ้วทั้งห้า สีหน้าของเขาปลงตกกับชะตากรรมของตัวเอง เขานึกถึงคำพูดของรินดารา
"ถ้าคุณยังปล่อยให้ความเกลียดชังความเห็นแก่ตัวทำร้าย คนอื่นอยู่แบบนี้ สักวันคุณจะไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งความเป็นมนุษย์ในตัวคุณ"
เขาถอนหายใจอย่างตัดสินใจอะไรบางอย่าง
เช้าวันใหม่ ไอเลื่อนประตูเปิดยกถาดข้าวต้มเข้ามาในห้อง
"ฮิเดะ ทานข้าวเถอะค่ะ"
ไอกดเปิดไฟ แต่พบว่าฮิเดะไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
"ฮิเดะ"
ไอรีบเดินไปวางถาดข้าวต้มไว้บนโต๊ะ จึงเห็นกระดาษถูกพับวางอยู่บนโต๊ะ บนหน้ากระดาษเขียนด้วยลายมือ ภาษาญี่ปุ่นว่า..."ถึงไอ" ไอหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านด้วยมือที่สั่นเทาเริ่มใจไม่ดี
"ถึงไอ...ชั้นต้องขอโทษด้วยที่ไปโดยไม่ได้ล่ำลาเธอเพราะชั้นไม่อยากให้เธออยู่ใกล้ชั้นอีก ไม่ใช่เพราะชั้นรังเกียจเธอ แต่ตอนนี้ร่างกายของชั้นแทบจะไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่ แล้ว เธอจะเป็นอันตรายถ้าอยู่ใกล้ชั้น ชั้นยอมไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาชั้นทำร้ายเธอมามากพอแล้ว ชั้นขอให้เธอโชคดี มีความรักที่งดงาม อย่าได้พบกับผู้ชายที่โง่ไม่เห็นค่าความรักของเธอเหมือนชั้น...ฮิเดะ"
ฮิเดะเขียนจดหมายฉบับนั้นอย่างซึมเศร้า
ไอลดจดหมายในมือลงน้ำตาร่วงเผาะๆ แล้วไอก็ตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้องทันที
ไอตกใจที่รู้เรื่องจากอัตซุโอะ
"ฮิเดะไปแล้ว"
อัตซุโอะยังมีบาดแผลพันที่ท้องจากการถูกนางปีศาจหิมะเล่นงาน
"ครับ เมื่อคืนคุณฮิเดะมาไหว้เคารพศพของคุณท่าน แล้วเขาก็ฝากให้ผมตามคนในตระกูลโคสึกะคนอื่นมาดูแลที่นี่แทนเขา คุณฮิเดะบอกว่าเขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว"
ไอร้องไห้โฮ
"ฮิเดะ ทำไมเธอต้องทิ้งชั้นไป ชั้นไม่มีเธอแล้วชั้นจะอยู่ยังไง"
"ผมเองก็ไม่อยากให้เขาจากไป แต่ผมห้ามเขาแล้วเขาก็ไม่ฟัง ถ้าคุณไอช่วยไปตามเขาให้กลับมาที่นี่ได้ ผมเชื่อว่าโคสึกะทุกคนจะต้องซาบซึ้งในบุญคุณของคุณ"
"แล้วนายรู้เหรอว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน"
อัตซุโอะพยักหน้ารับ ไอยิ้มมีความหวัง
หุบเขาอันกว้างใหญ่ ของ Aso Moutain in Kumamoto ไอร้องเรียกชื่อเขาดังก้องไปทั่ว
"ฮิเดะ ฮิเดะ คุณอยู่ไหน ฮิเดะ"
ไอเดินขึ้นมาที่บันไดหินซึ่งพาดขึ้นสู่โอบเขาอันเวิ้งว้าง เธอกวาดต่อมองไปรอบๆเรียกหา
"ฮิเดะ..คุณอยู่ไหน ชั้นรู้ว่าคุณได้ยินชั้นนะฮิเดะ ได้โปรดเถอะ ชั้นอยากเจอคุณ"
ไอก้าวขึ้นไปบนแนวสันเขาแล้วร้องเรียกสุดเสียงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
"อย่าจากชั้นไปเลย..ให้ชั้นได้เจอคุณอีกครั้งเถอะนะ"
ไอทรุดลงไปนั่งคุกเข่าสะอื้นเสียใจได้ครู่...เสียงหมาจิ้งจอกร้องโหยหวนก็ดังแว่วเข้ามา...บรู้วว์
"ฮิเดะ"
ไอวิ่งเข้ามาที่ทุ่งหญ้ากวาดตามองหาแต่ไม่เจอ
"ฮิเดะ"
ระหว่างนั้นเสียงฮิเดะดังมาจากข้างหลัง
"เธอไม่ควรมาตามหาชั้นนะไอ"
"ฮิเดะ "
ไอดีใจปรี่เข้าไปสวมกอดเขา น้ำตาอาบแก้มทันที
"แต่ชั้นคิดถึงเธอ..ชั้นไม่อยากอยู่คนเดียว พาชั้นไปอยู่กับเธอด้วยนะฮิเดะ ชั้นไปอยู่ที่ไหนกับเธอก็ได้ ชั้นไม่กลัวหรอก"
"เธอใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชั้นไม่ได้หรอกไอ ตอนนี้ชั้นแทบไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่อีกแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ชั้นจะอยู่ในร่างนี้เพื่อบอกลาเธอ"
" ฮิเดะ..ไม่นะ..อย่าทิ้งชั้นสิ..ชั้นรักเธอ และทุกคนก็พร้อมยกโทษให้เธอเหมือนที่ยกโทษให้ชั้น เรากลับไปใช้ชีวิตด้วยกันเถอะนะ..ชั้นขอร้อง..นะฮิเดะ"
" ชั้นไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใครได้อีก เพราะชั้นไม่ใช่มนุษย์อีกแล้วนะไอ ชั้นขอโทษ..เก็บชั้นไว้เป็นแค่ความทรงจำเถอะนะ"
ฮิเดะแกะมือไอแล้วเดินจากไป ไอทรุดลงน้ำตาไหลอาบแก้มสะอื้นไห้อย่างเจ็บปวด แต่ระหว่างนั้นเองฮิเดะหยุด ชะงักเพราะได้ยินเสียงบางอย่างจากตัวไอ
"ไอ..ชั้นได้ยินเสียงหัวใจเต้นอยู่ในตัวเธอ..มันไม่ใช่หัวใจของเธอ..แต่เป็น"
"ลูกของเธอไงฮิเดะ"
เขาชะงักอึ้งไปแล้วเข้ามาใช้มือสัมผัสที่ท้องของไอ เลยยิ่งได้ยินเสียงหัวใจเต้นชัดมาก
"เธอจะทิ้งชั้นกับลูกไปไม่ได้นะฮิเดะ..ฮือๆๆ"
ฮิเดโนริหน้านิ่งครุ่นคิดก่อนจะดึงไอมาสวมกอดแน่น
" เขาคือสายเลือดของโคสึกะ เธอจะช่วยดูแลเขาให้เป็นผู้สืบทอดที่ดีกว่าชั้นได้แน่นอน"
"ไม่นะฮิเดะ"
"เมื่อเขาโตขึ้นเรื่องของชั้นกับตำนานเทพเจ้านกกระเรียนแห่งเมืองสึกิจะเป็นนิทานที่เธอเล่าให้เขาฟัง เพื่อให้เป็นอุทธาหรณ์สอนให้เขาเป็นคนดี..และชั้นจะเฝ้ามองเขาจากหุบเขาแห่งนี้...ลาก่อน"
เขาจูบเบาๆที่หน้าผากไอ แล้วเลื่อนมือลงไปสัมผัสที่ท้องของไอก่อนจะเดินจากไป ไอน้ำตาไหลอาบแก้มร้องเรียกจนเขาหายลับไป
"ฮิเดะ"
รินดาราเดินคุยโทรศัพท์กับครอบครัวมาตามทางเดิน
" ฝากบอกพ่อด้วยนะคะแม่ ว่าไม่ต้องเป็นห่วงหนู หนูปลอดภัยดี หิมะทำอะไรหนูไม่ได้หรอกค่ะ" รินดาราพูดเล่นขำๆ แต่แฝงนัยยะ
เสียงอายูมิร้องไห้ดังมาจากในห้อง รินดาราได้ยินเสียงจึงรีบบอกแม่
"แม่คะ แค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูโทร.กลับไปหาใหม่ค่ะ"
รินดาราวางสายแล้วรีบเข้าไปในห้องอายูมิ
รินดาราเปิดประตูเข้ามาเจออายูมินั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง
"อายูมิ ! ร้องไห้ทำไมคะ"
รินดาราถามพร้อมกับเข้าไปหา อายูมิเงยหน้าขึ้นมา..น้ำตานองหน้า
"ฮิโตชิจะไปแล้วค่ะ ท่านชายกำลังจะไปส่งฮิโตชิไปสวรรค์ แต่ฮิโตชิทำให้ล้อรถเข็นของอายูมิพัง ฮิโตชิไม่ยอมให้อายูมิไปส่ง"
รินดาราครุ่นคิดแล้วตัดสินใจ ยื่นไม้ค้ำช่วยเดินให้อายูมิ
"งั้นพี่พาไปเองค่ะ แต่อายูมิก็ต้องพยายามด้วย อายูมิจะทำได้มั้ย"
อายูมิมองไม้ค้ำสีหน้าจริงจัง
อาคิระยืนส่งริเอะที่กำลังจะไป ริเอะแต่งตัวสวยเตรียมบินไปฝรั่งเศส
"คุณจะไปอยู่ฝรั่งเศสเหรอ ไปอยู่กับใคร"
"พี่พุชชี่กับเน็กซ์ค่ะ อาคิระจำพวกเขาได้มั้ย"
"จำได้ เมื่อก่อนตอนไปเรียนที่นั่นใหม่ๆ พวกเขาคอยช่วยเหลือเราตลอด แล้วริเอะจะไปนานมั้ย"
"ไม่มีกำหนดค่ะ ที่นี่ริเอะไม่เหลือใครอีกแล้ว ริเอะไม่อยากอยู่ที่บ้าน...เข้าไปแล้ว ภาพที่คุณพ่อถูกนางปีศาจหิมะฆ่ามันยังติดตา ริเอะขอไปเริ่มชีวิตใหม่ที่โน้นดีกว่า"
"อย่าลืมส่งข่าวบอกกันบ้างนะ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน"
ริเอะมองอาคิระอย่างซึ้งใจ
"ริเอะทำกับคุณไว้มาก คุณก็ยังให้คำว่าเพื่อนกับริเอะ ขอบคุณมากนะคะ ฝากบอกคุณรินดาราด้วยว่าริเอะขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเธอ ริเอะไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมคุณถึงรักคุณรินดารา ถ้ามีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมส่งข่าวกันนะคะ ริเอะไปก่อน เดี๋ยวจะไม่ทันขึ้นเครื่อง"
"โชคดีนะริเอะ"
ริเอะยิ้มรับแล้วเดินออกไป อาคิระเศร้าเมื่อนึกถึงความรักของตัวเอง
"ข่าวดีของผมกับรินดารา...มันจะไม่มีวันนั้นหรอกริเอะ"
อาคิระกำลังจะเดินกลับไปแล้ว หันไปเห็นรินดาราช่วยพยุงพาอายูมิที่ใช้ไม้ค้ำเท้าช่วยเดินอย่างรีบเร่งไปทางด้านหลังคฤหาสน์ อาคิระแปลกใจ
"จะไปไหนกัน"
โตชิในชุดเสื้อผ้าใหม่สะอาดนั่งพิงบ่อน้ำร้างร้องไห้กระซิกๆ โฮชิก้าวเข้ามายืนตรงหน้า
"เปลี่ยนใจให้หนูอายูมิมาส่งไหม ชั้นจะไปพาอายูมิมาที่นี่เอง"
"ไม่เอาครับ ฮิโตชิไม่อยากให้อายูมิร้องไห้ เวลาอายูมิร้องไห้แล้วไม่ยอมหยุดร้องง่ายๆ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะรำคาญ ฮิโตชิไม่อยากให้มีใครเดือดร้อนเพราะฮิโตชิอีก"
โฮชิลูบหัวฮิโตชิอย่างเอ็นดู
"โถ..เจ้าหนู เพราะเธอเป็นเด็กดี มีจิตใจที่ดี คิดถึงคนอื่นแบบนี้ไงล่ะ เธอถึงจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี"
โฮชิมองไปทางด้านหนึ่งแล้วเห็นแสงสว่างส่องมา จึงหันกลับไปยื่นมือให้ฮิโตชิ
"ไปเถอะ ได้เวลาของเธอแล้ว"
ฮิโตชิจับมือโฮชิลุกขึ้น
โฮชิกับฮิโตชิเดินไปหยุดยืนตรงหน้าที่มีแสงส่อง แล้วแสงนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหาฮิโตชิกับโฮชิ แต่เสียงอายูมิ ตะโกนก็ดังขึ้น
"ฮิโตชิ ! ฮิโตชิรออายูมิด้วย"
โฮชิกับฮิโตชิหันไปเห็นรินดาราพยุงอายูมิที่ใช้ไม้ค้ำช่วยเดินเข้ามา
รินดาราสะดุดก้อนหินทรุดล้มลงกับพื้น แต่ไม่แรงมากและร่างของอายูมิก็อยู่บนตัวของรินดารา โฮชิ ฮิโตชิตกใจ
"อายูมิ"
อายูมิกัดฟันลุกขึ้นยืน
"อายูมิอย่า เดี๋ยวเจ็บขา อย่าอายูมิ"
อายูมิไม่ฟัง เด็กหญิงกัดฟันลุกขึ้นยืนด้วยความตั้งใจแน่วแน่ จนกระทั่งยืนได้โดยไม่ต้องมีอะไรประคอง
อาคิระวิ่งตามเข้ามาเห็นภาพหลานสาวพยายามเดินพอดี
อายูมิค่อยๆก้าวเท้าไปข้างหน้า...พยายามเดินแต่ขาก็โอนเอนยังทรงตัวไม่ค่อยดี มีสีหน้าเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็อดทนเดินก้าวขาเดินต่อไป...จนกระทั่งเดินไปได้ตรงและมั่นคง อายูมิก็ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินต่ออย่างเข้มแข็งเพื่อฮิโตชิ
ทุกคนตกตะลึง ฮิโตชิปล่อยมือจากมือโฮชิแล้ววิ่งเข้าไปหาอายูมิ
เด็กน้อยทั้งสองวิ่งเข้ามาจับมือกัน ฮิโตชิยิ้มกว้างดีใจ
"อายูมิเดินได้แล้ว ! ฮิโตชิดีใจจังเลย ฮิโตชิจะได้ไม่ห่วงอายูมิอีกแล้ว"
อายูมิเบ้หน้าจะร้องไห้
"แต่ฮิโตชิเคยสัญญากับอายูมิว่าถ้าอายูมิเดินได้ ฮิโตชิจะไปเล่นกับอายูมิ นี่ไงอายูมิเดินได้แล้ว ฮิโตชิไม่อยู่เล่นกับอายูมิก่อนเหรอ"
" ฮิโตชิไม่ได้ผิดคำพูดนะ แต่ฮิโตชิอยู่ไม่ได้ ฮิโตชิต้องไป ท่านชายบอกว่าพ่อแม่ของฮิโตชิรออยู่บนสวรรค์"
"ถ้าอย่างงั้นฮิโตชิสัญญากับอายูมินะ เวลาฮิโตชิวิ่งเล่นบนสวรรค์ ฮิโตชิจะก้มมองลงมาหาอายูมิ อายูมิวิ่งเล่นอยู่ที่นี่ก็จะเงยหน้ามองฮิโตชิบนท้องฟ้าเหมือนกัน จะได้เหมือนกับว่าเราวิ่งเล่นด้วยกันไง"
"ฮิโตชิสัญญา"
เด็กทั้งสองนิ้วเกี่ยวก้อยกัน รินดาราน้ำตารื้นอย่างซาบซึ้งใจ อาคิระกับโฮชิสุขใจไปกับมิตรภาพงดงามของทั้งคู่
"ไปเถอะฮิโตชิ"
ฮิโตชิพยักหน้าให้โฮชิแล้วมองอายูมิด้วยรอยยิ้ม
"ลาก่อนนะอายูมิ"
"ลาก่อนจ้ะฮิโตชิเพื่อนรักของอายูมิ"
โฮชิจูงมือฮิโตชิพาเดินไปที่แสงสว่าง ฮิโตชิโบกมือให้อายูมิและยิ้มสดใส อายูมิยิ้มและโบกมือตอบ รินดารากับอาคิระโบกมือให้ด้วย แล้วโฮชิก็เดินพาฮิโตชิหายเข้าไปในแสงสว่าง...
โฮชิจูงมือฮิโตชิเดินมาตามทางของสวนดอกไม้ ฮิโตชิสะอื้นตัวโยก โฮชิหยุดเดินแล้วย่อตัวนั่งลงและใช้นิ้วปาดน้ำตาบนแก้มให้ฮิโตชิอย่างอ่อนโยน
"อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าหนู อายูมิจะไม่มีวันลืมเธอ และเธอจะอยู่ในใจของอายูมิเสมอ"
"ฮิโตชิคิดถึงอายูมิ ทำยังไงฮิโตชิถึงจะได้เจอกับอายูมิอีก"
"อธิษฐานสิ ชั้นอธิษฐานขอให้ได้พบเมียวโจคนรักของชั้นทุกวันมานานสี่ร้อยปี ในที่สุด คำอธิษฐานของชั้นก็เป็นจริง"
"ฮิโตชิจะอธิษฐานขอให้ได้เจอกับอายูมิ แล้วท่านชายล่ะครับ เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน"
โฮชิเศร้า
"ไม่รู้สิ ชั้นอาจจะต้องอยู่บนโลกมนุษย์ตลอดไป"
"เหรอครับ..อยู่ทำหน้าที่คอยส่งคนดีไปสวรรค์ใช่มั้ยครับ"
โฮชิพยายามยิ้ม
"เธออาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ชั้นจะได้ทำหน้าที่นี้ให้ เพราะกิเลสอย่างมนุษย์ทำให้ความเป็นเทพของชั้นใกล้หมดลงแล้ว...แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ชั้นต้องยอมรับความจริงและอยู่กับปัจจุบันให้ได้ ชั้นถึงจะไม่ทุกข์"
โฮชิยิ้มกว้างอย่างคนที่ยอมรับความจริงได้แล้วหันไปมองไปข้างหน้า...ยิ้มออกมาเพราะเห็นใครบางคนยืนอยู่ที่สุดทางเดิน ฮิโตชิหันไปด้านหนึ่งแล้วยิ้มกว้างดีใจมาก
"พ่อ ! แม่ ! ฮิโตชิ"
ฮิโตชิปล่อยมือจากโฮชิแล้วจะวิ่งไปหาพ่อแม่ แต่ก็นึกขึ้นได้จึงหยุดชะงักแล้วหันหลังวิ่งกลับไปโผกอดคอโฮชิแน่น
"ฮิโตชิรักท่านชายโฮชินะครับ ฮิโตชิจะช่วยอธิษฐานขอให้ท่านชายโฮชิได้กลับขึ้นไปพบกับคุณเมียวโจบนสวรรค์นะครับ"
"ขอบใจมากเจ้าหนู"
ฮิโตชิหอมแก้มโฮชิฟอดใหญ่หนึ่งก่อน ก่อนจะหันหลังวิ่งหายเข้าไปในแสงสีขาว โฮชิมองตามและยิ้มสุขใจ
แสงสีขาวที่ปลายทางเดินหายไป รอยยิ้มบนใบหน้าของโฮชิแปรเปลี่ยนเป็นหม่นเศร้า
อาคิระยื่นกระเป๋าสะพายที่รินดาราใส่นกฮิเมะขึ้นไปบนภูเขาให้รินดารา
"กระเป๋าของคุณ วันที่เกิดพายุหิมะ ผมเจอมันตกอยู่ในกองหิมะ"
"ขอบคุณค่ะ" แล้วนึกขึ้นได้ "ว่าแต่ตอนคุณเก็บกระเป๋าขึ้นมา คุณเห็นลูกนกอยู่แถวๆ กระเป๋าบ้างไหมคะ"
"ไม่เห็นนะ ลูกนกที่คุณพูดถึงน่าจะบินหนีไปแล้ว"
"หรือไม่ก็โดนหิมะทับตาย " รินดาราหน้าเศร้าๆ
"ไม่เอา...คุณพยายามช่วยมันอย่างดีที่สุดแล้ว..อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้น วันนี้เป็นวันที่อายูมิเดินได้ พวกเราทุกคนต้องมีความสุข"
"ค่ะ "
"เดี๋ยวคุณเก็บของแล้วเราลงไปแสดงความดีใจกับอายูมิด้วยกัน"
รินดารายิ้มและพยักหน้ารับ แล้วหันไปดึงของออกจากกระเป๋านำไปวางบนโต๊ะ ข้างในมีกระเป๋าสตางค์ สมุดจด บันทึกเล่มเล็กๆ ทันใดนั้นรินดาราก็หันไปเห็นขนนกสีทองชิ้นเล็กๆติดอยู่ในกระเป๋า รินดาราจับออกมา
อาคิระชะโงกหน้าเข้ามาดู
"คงเป็นขนของลูกนกที่คุณใส่ลงไปในกระเป๋า"
"แต่ฮิเมะเป็นลูกนกยังไม่ทันจะผลัดขน"
"อาจจะเป็นขนที่งอกตามใต้ปีกหรือบนลำตัวที่คุณมองไม่เห็นก็ได้"
"ก็คงจะเป็นอย่างงั้น" เมื่อพิจารณาดูขนบนมือ "แต่จะว่าไปแล้ว..ลักษณะขนกับสีมันคล้ายๆ เส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำที่เราเคยได้มาจากเมืองไทยเลย แต่ไม่แข็งแรงเท่า"
"ก็มันเป็นขนลูกนก มันก็ต้องยังไม่แข็งแรงสิ"
"งั้นถ้าฮิเมะโตขึ้น เส้นขนของมันก็คงจะไม่ต่างจากเส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำของป้าอัง"
รินดาราพูดไปแล้วก็ชะงักหันขวับไปมองอาคิระอย่างตกใจ
ทั้งคู่โพล่งพร้อมกัน
"หรือว่าเจ้าฮิเมะอาจจะเป็น..."
อาคิระกับรินดารามองหน้ากันอย่างอึ้งไปเลย
เศษขนนกสีทองของเจ้าฮิเมะในมือของมิกิ
มิกิยืนอยู่หน้ากิโมโนโฮชิ..อีกมือของมิกิแตะที่เส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำที่อยู่บนกิโมโนโฮชิ แล้วกลับมาแตะที่เศษขนนกสีทองของเจ้าฮิเมะ มิกิคิ้วขมวดใช้ความชำนาญเรื่องเส้นไหมทอผ้าพิจารณาจนแน่ใจว่า.....
"ใช่ขนนกกระเรียนทองคำจริงๆ ค่ะ"
รินดารากับอาคิระอึ้ง แล้วรินดาราก็หน้าจ๋อย...ผิดหวังกับตัวเอง
"ชั้นขอโทษค่ะ ฮิเมะอยู่กับชั้นมาตลอด แต่ชั้นกลับไม่รู้เลยว่าฮิเมะเป็นลูกนกกระเรียน"
"แล้วคุณไม่เคยถามเขาเหรอ ว่าเขาเป็นนกพันธุ์อะไร"
"ไม่เคยค่ะ ชั้นเห็นว่านกฮิเมะพูดมาก ชั้นก็คิดว่ามันเป็นลูกนกแก้ว" เธอกุมขมับหงุดหงิดตัวเองมาก "ทำไมชั้นถึงเป็นแบบนี้ ! คุณเมียวโจอุตส่าห์มอบความ สามารถพิเศษคุยกับสัตว์รู้เรื่องมาให้ชั้น แต่ชั้นก็ยังทำพลาด"
"อย่าโทษตัวเองเลยค่ะคุณรินดารา คุณทำดีที่สุดแล้ว"
"ใช่ครับ ถ้าวันนั้นนางปีศาจหิมะไม่ได้ก่อเรื่อง คุณก็คงจะได้ไปถึงรังของเจ้าฮิเมะจนรู้ว่า มันเป็นนกกระเรียนทองคำ"
รินดาราฟังคำพูดของอาคิระแล้วนึกขึ้นได้
"ใช่ ! งั้นชั้นต้องกลับไปที่รังของฮิเมะ ฮิเมะบอกว่าได้ ยินเสียงแม่ดังมาจากภูเขา แสดงว่ารังของมันอาจจะอยู่แถวนั้น"
"ผมว่าคุณพักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ดีกว่า เข้าป่าไม่ใช่เข้าเมือง แถมยังไม่รู้ด้วย ซ้ำว่าจะไปตรงไหนของป่า คุณเข้าไปตอนนี้จะยิ่งเสี่ยงอันตรายได้"
"เสี่ยงเพื่อท่านชาย ชั้นยินดีค่ะ ชั้นขอตัวก่อนนะคะ"
รินดาราก้มโค้งหัวให้มิกิแล้วเดินออกไป อาคิระมองหน้ากับมิกิอย่างไม่สบายใจแล้วอาคิระก็เดินตามรินดาราไป
รินดาราเดินเร็วๆมาทางสวน อาคิระตามเข้ามาคว้าแขนรินดารา
"รินดารา ! คุณอย่าดื้อได้ไหม คุณควรจะพักผ่อนอีกสักสองสามวันก่อนก็ยังดี แล้วเราค่อยออกเดินทางกัน"
"แต่ท่านชายรอไม่ได้ค่ะ ความเป็นเทพของท่านชายใกล้จะหมดลงทุกที ถ้าท่านชายกลับสวรรค์ไม่ได้ก็ต้องติดอยู่บนโลกนี้ตลอดไป ในขณะที่ทุกคนเกิด แก่ เจ็บตาย แต่ท่านชายจะยังอยู่ตลอดกาลเห็นพวกเราจากไปทีละคน คุณไม่สงสารท่านชายเหรอคะ"
รินดาราตั้งคำถามจนอาคิระนิ่งไป แล้วรินดาราจะเดินต่อ อาคิระโมโหจึงคว้าไหล่สองข้างของรินดารามาบีบแน่น และตะเบ็งเสียงใส่เธอ
"แต่คุณต้องอยู่ดูแลอายูมิ ผมไม่อนุญาตให้คุณไปไหนทั้งนั้น"
"คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งชั้นแบบนี้ ! ข้อตกลงทำงานของชั้นพ้นจากสภาพการเป็นลูกจ้างคุณ ตั้งแต่วันที่อายูมิเดินได้แล้ว"
"แต่คุณไม่มีวันพ้นจากการเป็นผู้หญิงที่ผมรัก ผมจะไม่มีวันยอมให้คุณไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด"
รินดาราอึ้งและมองหน้าอาคิระ เพราะถึงจะรู้สึกดีกับความรู้สึกที่อาคิระมีให้ แต่เธอก็ต้องหักห้ามใจไม่อาจรับความรู้สึกนั้นได้
อีกมุมของสวนโฮชิเดินเข้ามาแล้วได้ยินที่รินดารากับอาคิระคุยกันจึงหยุดฟัง
อาคิระมองหน้ารินดารานิ่ง แล้วอาคิระก็ดึงรินดาราเข้าไปกอดแน่น
"เข้าใจไหมรินดารา ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณเป็นอันตรายอีก"
รินดาราเศร้ามากจนน้ำตาจะไหลออกมาให้ได้ แต่ต้องกลั้นไว้แล้วทำแข็งแรงผลักอาคิระออกจากอ้อมกอด
"คุณอาคิระอย่า..."
"ไม่ต้องบอกว่าคุณเป็นใคร ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณคือส่วนหนึ่งของคุณเมียวโจ คุณเกิดมาเพื่อท่านชายโฮชิ ทั้งตัวและหัวใจของคุณเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น ผมรู้ดี รินดารา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะรักคุณฝ่ายเดียว"
"ใช่ค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์"
อาคิระอึ้ง
"เพราะถ้าท่านชายรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับชั้น เขาจะทุกข์ใจมากแล้วทุกข์นั้นก็จะทำให้ความเป็นเทพในร่างกายเขาถูกทำลาย คุณคือมิยาคาวะ มีหน้าที่ดูแลท่านชายโฮชิ เพราะ ฉะนั้นการตัดใจจากชั้นคือหนึ่งในหน้าที่ของคุณค่ะ...อาคิระ มิยาคาวะ"
รินดาราเชิดหน้าแล้วหันหลังเดินออกไป อาคิระมองตามอย่างเศร้าเสียใจ แล้วชกต้นไม้ระบายอารมณ์
"โธ่เว้ย"
มิกิเดินเข้ามาจากทางออกของหอคอย แล้วเข้ามาห้ามอาคิระ
"อาคิระใจเย็นๆ คุณรินดาราพูดถูกต้องแล้วอาคิระ ความรักของอาคิระกับคุณรินดาราไม่มีวันเป็นจริง ทำใจซะเถอะนะหลานรักของย่า"
มิกิกอดอาคิระ ขณะที่มิกิก็ร้องไห้เงียบๆ ไม่ให้อาคิระเห็น โฮชิเศร้าและรู้สึกผิดมาก โฮชิมองตามทางที่รินดาราเดินไป
รินดาราเดินเข้ามาแล้วทรุดตัวร้องไห้โฮ โฮชิยืนมองรินดาราร้องไห้โฮอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ภาพนั้นทำให้โฮชิเศร้าสะเทือนใจ..
โฮชิขยับเข้าใกล้รินดาราโดยที่รินดาราไม่รู้ตัว ยื่นมือไปข้างหน้าอยากจะปลอบใจรินดารา แต่รินดารากลับพูดขึ้น
"อาคิระ...ชั้นขอโทษ ชั้นขอโทษ"
โฮชิชะงักแล้วชักมือกลับเข้ามา เดินคอตกอย่างเศร้าสร้อย...
ในห้องกิโมโนโฮชิ บนหอคอย โฮชิยื่นมือลูบไล้ส่วนที่ขาดหายไปของกิโมโนนกกระเรียนสีทอง ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาอย่างเจ็บปวด สีหน้าตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ปลายนิ้วของโฮชิดีดโกโตะคลอไปตามทำนองเพลง ดวงตาของเขามองออกไปยังหมู่ดวงดาวบนท้องฟ้ามืดมิด...เขากำลังเรียกเมียวโจให้มาหาเขา
ดวงดาวบนท้องฟ้าดวงหนึ่งส่องแสงสว่างวาบ
กลกิโมโน ตอนที่ 12 อวสาน (ต่อ)
เสียงโกโตะบรรเลงจากหอคอยดังคลอ รินดารายืนพูดกับมิกิ สีหน้าเศร้าสร้อยจากเหตุการณ์ที่ทะเลาะกับอาคิระเมื่อตอนกลางวัน
"ขอบคุณมากนะคะที่คุณรินดาราเชื่อดิชั้น ยังไม่เดินทางเข้าป่าไปวันนี้ พรุ่งนี้เช้าอาคิระกับนารูตะจะไปเป็นเพื่อนคุณ ดิชั้นจะเตรียมอาหารไปให้ทานระหว่างทางด้วย"
รินดาราโค้งให้คุณมิ
"ขอบคุณมากค่ะคุณย่า"
"คุณรินดาราเข้านอนเถอะนะคะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า"
รินดารายิ้มรับ มิกิหันหลังเดินออกไปจากห้อง รินดารากำลังเลื่อนประตูปิด แต่อยู่ๆ ปานรูปดาวบนแผ่นหลังสว่างวาบ ทำให้ร่างรินดารากระตุกหนึ่งครั้ง ดวงตาเป็นสีเขียวสีเดียวกับดวงตาของเมียวโจ !
โฮชินั่งดีดโกโตะแล้วอยู่ๆประตูก็เลื่อนออก รินดาราที่ดวงตาเป็นสีเขียวเพราะเมียวโจอยู่ในร่างยืนอยู่หน้าประตู
โฮชิเอ่ยขึ้นโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองเลย
"มาแล้วเหรอเมียวโจ"
รินดาราเดินเข้ามาในห้อง แล้วคว้ามือโฮชิมาเกาะกุมด้วยความไม่สบายใจ
"โฮชิ...ทำไมเธอทำแบบนี้ เธอก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าเธอใช้พลังเรียกชั้นมาที่นี่...พลังเทพในตัวเธอจะยิ่งลดน้อยลง แล้วเธออาจจะกลับขึ้นไปบนสวรรค์ไม่ได้นะโฮชิ"
โฮชิกุมมือรินดาราตอบและยิ้มอย่างคนที่ปลงได้
"ไม่เป็นไรหรอกเมียวโจ เพราะถึงยังไงชั้นก็กลับขึ้นไปบนสวรรค์ไม่ได้อยู่แล้ว"
" เธอหมายความว่ายังไง"
โฮชิปล่อยมือจากรินดารา แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังเมืองสึกิที่เขาเฝ้ามองมาสี่ร้อยปี
"ชั้นอยู่บนโลกมนุษย์มาสี่ร้อยปี รับรู้เรื่องราวของมนุษย์ที่ชั้นรัก ทำให้ใจชั้นมีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง แล้วกิเลสพวกนั้นมันก็ค่อยๆทำลายความเป็นเทพในตัวชั้น ...กว่าจะหาเส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำเจออีกครั้ง เศษเสี้ยวความเป็นเทพของชั้นก็คงจะหมดไป"
"เธออย่าเพิ่งหมดหวังสิโฮชิ ไม่ว่ายากเย็นแค่ไหน ชั้นที่อยู่ในร่างของรินดาราเพื่อตามหาขนนกกระเรียนทองคำมาให้ได้ พรุ่งนี้รินดาราจะไปตามหารังของลูกนกกระเรียนทองคำ ถ้าหาเจอ..เราก็จะได้กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะโฮชิ"
โฮชิหันมาจับไหล่สองข้างรินดาราแววตาจริงจัง
"แต่เราต้องยอมรับความจริงนะเมียวโจ "
รินดารามองเข้าไปดวงตาของโฮชิ...ความที่รู้จักกันมานานทำให้เมียวโจที่อยู่ในร่างของรินดารามองออกถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปของใจโฮชิ
"ความจริงว่าเธอไม่ได้รักชั้นแล้วใช่ไหมเธอมองชั้นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเพราะเธอหลงรักรินดาราใช่ไหม"
โฮชิก้มหน้ายอมรับความจริง
"ชั้นยอมรับว่าชั้นรู้สึกดีกับฮิคาริ กิเลสตัณหาที่ทำให้ชั้นคิดนอกใจเธออย่างที่เทพอย่างชั้นไม่ควรรู้สึก นี่แหละที่ทำลายความเป็นเทพในตัวชั้น"
เมียวโจเสียใจที่โฮชิยอมรับความจริง แทบล้มทั้งยืน ทำใจไม่ได้จึงเดินเลี่ยงออกไปที่มุมหนึ่ง
"เมียวโจ"
รินดาราเดินมาหยุดยืนที่มุมห้อง...หลับตาสะกดกลั้นความรู้สึกเสียใจเต็มที่ โฮชิตามเข้ามาดึงแขนรินดารา
"เมียวโจ..ชั้นขอโทษ ชั้นไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ชั้นก็ต้องยอมรับความจริงกับเธอ"
"โฮชิ..ชั้นยอมรับได้ว่าเรื่องนี้ชั้นผิดเองที่ส่งผู้หญิงที่เหมือนชั้นมาช่วยเธอ และรินดาราก็เป็นคนดี ก็ไม่แปลกหรอกที่หัวใจของเธอจะหวั่นไหวไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว..เธอก็ยังรักชั้น ... ชั้นเชื่อในความรักที่เธอมีให้ชั้นนะโฮชิ"
โฮชิยิ้มแล้วลูบแก้มรินดาราด้วยความรัก
"ขอบใจนะที่เข้าใจชั้น ชั้นอยากกลับสวรรค์ไปอยู่กับเธอมากที่สุด แต่ชั้นกลับไม่ได้..กิเลสที่ชั้นปล่อยให้มันเกิดขึ้น กำลังลงโทษให้ชั้นต้องอยู่บนโลกมนุษย์ตลอดไป"
รินดาราเศร้ามาก แต่พยายามฝืนทุกอย่าง ทั้งฝืนยิ้ม ฝืนความรู้สึกตัวเอง ฝืนความจริง
"ไม่เป็นไรโฮชิ เธอกลับสวรรค์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ชั้นก็ยังจะคงอยู่กับเธอในร่างผู้หญิงคนนี้ได้ เราจะมีความสุขด้วยกันนะโฮชิ"
"แต่ถ้าสิ่งที่เราทำจะทำให้อีกหลายคนเป็นทุกข์ เราจะมีความสุขได้จริงๆเหรอเมียวโจ"
"โฮชิ "
โฮชิกลั้นใจพูด
"ออกไปจากร่างของรินดาราเถอะนะเมียวโจ"
"โฮชิ !! เธอไม่ต้องการให้ชั้นอยู่ในร่างนี้ เพื่อที่เธอจะได้รักกับรินดาราได้อย่างสบายใจ เหรอ"
"อย่าเข้าใจชั้นผิด ที่ชั้นต้องการให้เธอไปจากร่างของฮิคาริ ก็เพื่อให้ฮิคาริได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องติดกับหน้าที่คนรักของชั้นอีกต่อไป ฮิคาริจะได้รักกับอาคิระ"
"แต่เธอก็ต้องเจ็บปวด"
"ถ้าชั้นจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ชั้นขออยู่เพื่อเห็นคนที่ชั้นรักทุกคนมีความสุข ดีกว่าอยู่แล้ว พวกเขาจะต้องเป็นทุกข์"
รินดารานิ่งไปสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก โฮชิเข้าไปจับมือเธอมาบีบเบาๆแววตาร้องขอจนรินดาราต้องตัดสินใจ
"แล้วชั้นล่ะ เธอจะไม่คิดถึงชั้นบ้างเหรอ"
"คิดถึงสิ..และความคิดถึงนี่แหละที่จะยืนยันว่ารักของชั้นจะมั่นคงกับเธอไปชั่วนิรันดร์"
สิ้นคำโฮชิยกมือทั้งสองโอบหน้ารินดาราแล้วประทับจูบลงไปด้วยสัมผัสที่อบอุ่น
รินดาราหลับตาพริ้มรับรู้ความรู้สึกอบอุ่นนั้น...มือสองข้างสวมกอดเขาเอาไว้...ร่างทั้งสองเบียดเสียดกันรับความอบอุ่นจากร่างกายของกันและกัน สักพักโฮชิถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากของรินดารา แล้วเอ่ยเสียงกระซิบ
"เข้าใจรึยังว่าชั้นจะไม่มีวันลืมเธอ..ถึงคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เราได้พบกัน แต่หลังจากนี้ เราจะอยู่ในใจของกันและกันเสมอไปนะเมียวโจ"
รินดาราน้ำตาเอ่อสวมกอดโฮชิแน่น ก่อนที่ทั้งคู่จะน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเศร้าโศรกเสียใจ
โฮชิจูงมือพารินดารามานั่งลงที่พื้น สองมือประคองใบหน้า จูบหน้าผาก ดึงมา โอบกอดราวกับว่านี่คือการได้สัมผัสกันเป็นครั้งสุดท้าย
พระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นจากขอบฟ้า โฮชินั่งโอบกอดรินดาราที่มีดวงตาสีเขียวเพราะเป็นเมียวโจ ทั้งสองนั่งหันหน้าทอดสายตาออกไปทางหน้าต่าง อย่างหม่นเศร้า
"ทำยังไงชั้นถึงจะหยุดพระอาทิตย์ไม่ให้ขึ้นได้ เราจะได้ไม่ต้องจากกัน"
"ห้ามพระอาทิตย์ไม่ให้ขึ้นว่ายากแล้ว ห้ามหัวใจของชั้นไม่ให้รักเธอยากกว่าอีก"
โฮชิประทับจูบลงบนหน้าผาก รินดาราหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกอบอุ่นนี้เอาไว้..แต่น้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสายอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
"ต่อไปนี้ชั้นคงไม่ได้ยินเธอพูดเล่นแบบนี้อีกแล้วใช่ไหม ชั้นคงไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้หัวเราะ เพราะเธออีกแล้วใช่ไหม"
โฮชิปาดน้ำตาบนใบหน้าให้รินดารา
"ได้สิ..แค่เธอมองลงมา ชั้นจะไปยืนยิ้มให้เธอที่หน้าต่างตรงนั้นทุกวัน" โฮชิจับมือรินดารามาจูบ "จำเอาไว้นะ...ชั้นดีใจที่ได้รักเธอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หัวใจของชั้นจะเป็นของเธอคนเดียว"
"โฮชิ"
ทั้งคู่กอดกันแน่นด้วยความรักอาลัยอาวรณ์โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ
แสงสว่างจากพระอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้อง โฮชิหันไปมองที่หน้าต่างแล้วต้องซ่อนความทุกข์หันกลับมามองรินดาราด้วยรอยยิ้ม
"ถึงเวลาที่เธอต้องขึ้นไปมองชั้นจากบนสวรรค์แล้วนะเมียวโจ"
โฮชิกับรินดาราจับมือกันแล้วโน้มหน้าจูบกันทั้งน้ำตา...หัวใจจะแตกสลายออกมาเป็นเสี่ยงๆให้ได้...แล้วรินดาราก็ถอยออกมาจากร่างของโฮชิ เอ่ยคำสุดท้ายออกมาได้อย่างยากเย็น
"ลาก่อนโฮชิ"
"ลาก่อน"
รินดาราน้ำตาไหลพรากแล้วหลับตาลงใช้สมาธิ ปานรูปดาวบนแผ่นหลังของรินดาราสะท้อนแสงออกมาจากเสื้อ
แล้วมันก็ขยับไปมาทำท่าจะลอยออกมาจากร่างของรินดารา
อายูมินอนหลับอยู่บนเตียงแล้วค่อยๆ ขยับเปลือกตาเพราะแสงจากข้างนอกกระทบดวงตาพร้อมกับเสียงร้อง จิ๊บๆ ของลูกนกดังขึ้น
ทำให้อายูมิลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วหันมองไปทางหน้าต่าง
อายูมิดีใจ
"ฮิเมะ !"
ฮิเมะบินออกไป อายูมิผุดลุกจากเตียงแล้วรีบไปตะโกนเสียงดังลั่น
"ฮิเมะ ! กลับมาก่อนฮิเมะ อย่าเพิ่งไปฮิเมะ"
แสงสว่างรูปดาวที่ปานบนหลังรินดาราสว่างและดวงดาวสีทองกำลังลอยออกมาจากตัวรินดารา
แต่ทันใดนั้นเอง...เสียงอายูมิตะโกนเรียกฮิเมะจากตัวคฤหาสน์ดังเข้ามา
"ฮิเมะ...ฮิเมะหยุดก่อน"
เสียงของอายูมิทำให้รินดารากับโฮชิหันขวับไปที่หน้าต่างอย่างแปลกใจ และปานรูปดาวที่หลังกลับไปเป็นปกติ รินดารากับโฮชิผละออกจากกันแล้วไปที่หน้าต่าง
ฮิเมะบินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง
รินดาราดีใจ
"ฮิเมะ"
"มาอยู่นี่เอง ชั้นไปหาเธอที่ห้องไม่เจอ ก็เลยลองไปหาที่ห้องอายูมิก็ไม่มี"
"ตัวนี้เองเหรอเจ้าฮิเมะ เจ้ารอดจากพายุหิมะมาได้ยังไง"
"วันนั้นชั้นโชคดีที่กระเด็นออกจากกระเป๋าแล้วคลานไปเจอแม่พอดี ไม่งั้นได้กลายเป็นนกแช่แข็งแน่ๆ เอ๊ะ! ทำไมตาเธอเป็นสีนั้นล่ะ เจอหิมะหนาวจัดจนตาเปลี่ยนสีเหรอไง อิอิอิ"
"ท่าทางจะพูดเก่ง ปากไม่หยุดขยับเลย"
"รู้แล้วใช่ไหมคะว่าทำไมรินดาราถึงไม่เคยได้มีช่องว่างให้ได้ถามว่าเป็นนกอะไร"
"นี่ว่าชั้นพูดมากเรอะ ! ชั้นจะฟ้องแม่ " อิเมะหันไปทางหน้าต่าง "แม่จ๋า...เขาว่าหนูพูดมาก"
รินดารา โฮชิมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นนกกระเรียนสีทองตัวหนึ่ง กางปีกสบายบินมาจากท้องฟ้าแล้วเข้ามาในห้องต่อหน้าต่อหน้าโฮชิกับรินดารา
"นกกระเรียนทองคำ" รินดารายิ้มกับโฮชิอย่างดีใจมาก "ความหวังที่เธอจะได้กลับสวรรค์มาแล้วนะโฮชิ..ชั้นจะรอเธอ"
รินดารายื่นหน้าไปหอมแก้มโฮชิฟอดใหญ่แล้วถอยออกจากตัวโฮชิ..หลับตาลงสักพักก็ลืมตาขึ้น ดวงตาสีเขียว หายไปกลายเป็นดวงตาของรินดาราปกติ รินดารามีอาการเซเล็กน้อย โฮชิประคองโอบกอดเอาไว้
" ท่านชาย ชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ"
โฮชิยิ้มยังไม่ตอบเจ้าฮิเมะตอบแทน
"นอกจากตาเป็นสีเขียวแล้ว พายุหิมะยังทำให้ความจำเธอสั้นลงอีกหรือไง"
รินดาราหันไปเห็นฮิเมะที่เกาะขอบหน้าต่าง แล้วเห็นแม่นกกระเรียนทองคำยืนอยู่คู่กันก็ยิ่งตกใจ
"ฮิเมะ ! เธอกลับมาแล้ว..แล้วนั่น"
"แม่ชั้นเอง"
รินดาราตาโตตื่นเต้น
"นกกระเรียนทองคำ"
แม่ฮิเมะบอกว่า
"ลูกชั้นเล่าให้ฟังเรื่องของเธอหมดแล้ว ชั้นต้องขอบใจเธอมากนะที่ช่วยดูแลลูกชั้นให้จนหายดีและได้เจอกับชั้นอีกครั้ง ถ้าชั้นพอจะทำอะไรเพื่อตอบแทนน้ำใจของเธอได้ก็บอกมาเลยนะ"
รินดารายิ้มกว้างดีใจหันไปตื่นเต้นกับท่านชาย
มิกิถือถาดวางเส้นไหม้สีทองที่ผ่านการแปรรูปมาจากขนนกกระเรียนทองคำอยู่ในม้วนกลมๆ ทุกคนยืนดูม้วนเส้นไหมกันอย่างมีความสุข
มิกิเริ่มการปักด้วยการนำเส้นไหมมาสอดลงไปในเข็ม นำเข็มปักลงไปในส่วนของตัวนกกระเรียนที่ขาดหายไปบนกิโมโนโฮชิอย่างเบามือที่สุด
รินดารา โฮชิ อาคิระยืนมองมิกิทำงาน รินดาราดีใจมากจึงเกาะแขนโฮชิแล้วซบลงบนแขนของเขาเหมือนเด็กๆ แต่สิ่งนั้นทำให้อาคิระมองแล้วเศร้า โฮชิหันไปเห็นสายตานั้นของอาคิระเข้าพอดีก็ไม่เกิดความรู้สึกสบายใจ
วันใหม่ โฮชินั่งรออยู่ครู่ อาคิระเปิดประตูเข้ามาหาโฮชิ
"ท่านชายมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรือครับ"
โฮชินิ่งมองอาคิระด้วยแววตาจริงจังจนอาคิระแปลกใจ
"ท่านชายครับ"
"เป็นเรื่องสำคัญที่ชั้นอยากคุยกับเธออย่างเปิดอก"
"ถ้าเป็นเรื่องของผมกับริน ผมขอโทษครับท่านชาย ต่อไปผมจะไม่" อาคิระก้มหัวขอโทษ
"อาคิระ...อย่าเพิ่งคิดไปไหนไกลเกินกว่าคำถามที่ชั้นจะถามเลย"
"ท่านชาย"
โฮชิลุกขึ้นเข้าไปใกล้อาคิระ
"เธอคิดยังไงกับฮิคาริ เอาความรู้สึกจริงๆนะไม่ต้องมีความเกรงใจกัน พูดกันอย่างลูกผู้ชาย"
อาคิระอึ้ง...อึดอัดที่จะพูดเรื่องนี้กับผู้มีพระคุณอย่างโฮชิ ไม่รู้ว่าทำไมโฮชิถึงต้องถามแบบนี้แต่เขาก็ต้องพูดไป ตามความรู้สึกจากหัวใจ
"ผม...ผมรักรินดาราครับ"
โฮชิยิ้มรับ
"สมแล้วที่เป็นมิยาคาวะ...จริงใจต่อความรู้สึกของตัวเอง"
อาคิระรีบบอกเพราะแคร์ความรู้สึกของผู้มีพระคุณอย่างโฮชิ
"แต่ท่านชายไม่ต้องห่วงนะครับ ต่อให้ท่านชายไม่อยู่แล้ว ผมจะไม่แตะต้องรินดารา จะไม่ทำอะไรที่จะเป็นการทำให้รินดารานอกใจท่านชายเลยแม้แต่นิดเดียวครับ"
"ทำไมล่ะ...เธอไม่อยากได้ความรักตอบจากฮิคาริเหรอ"
อาคิระเจ็บปวดหัวใจ แต่ต้องทำเข้มแข็ง
"ความรักของรินดารามอบให้ท่านชายหมดแล้วครับ"
"เธอเข้าใจผิดแล้วอาคิระ ฮิคาริรักเธอไม่ใช่ชั้น ทุกอย่างที่ฮิคาริทำอยู่ นั่นเพราะฮิคาริคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเธอเท่านั้น ฮิคาริไม่ได้รักชั้นจากหัวใจอย่างที่รักเธออาคิระ"
อาคิระยืนยันหนักแน่น
"แต่รินดาราเคยบอกผมว่าเขารักท่านชาย"
"ถ้าเธอไม่เชื่อ เรามาพิสูจน์กันไหมล่ะ"
อาคิระแปลกใจ
"พิสูจน์ยังไงครับ"
โฮชิไม่ตอบ แต่ยิ้มสนุก
ณ Kawachi Fuji Garden in Kitakyushu ท่ามกลางผู้คนมากมายในอุโมงค์วิสมีเรีย รินดารากับอาคิระเดินเข้ามา รินดารากวาดสายตามองหาโฮชิ
"ท่านชายบอกว่าจะรอคุณอยู่ในโดม" อาคิระบอก
"แล้วคุณไม่เข้าไปลาท่านชายด้วยกันเหรออาคิระ"
"ผมว่าที่ท่านชายอยากคุยกับคุณที่นี่" อาคิระเงยหน้ามองขึ้นไปที่พุ่มวีสทีเรียเต็มเหนือศรีษะ "คงเพราะต้องการอยู่ท่ามกลางดอกวิสทีเรียที่จะเป็นความทรงจำของคุณกับท่านชายตลอดไป..ผมรออยู่แถวนี้ดีกว่า"
อาคิระเดินออกไปดูเศร้าๆ รินดารามองตามอาคิระแล้วสีหน้าหนักใจเป็นห่วงความรู้สึก
รินดาราเข้ามาในโดมวิสทีเรีย โฮชิอยู่ในชุดกิโมโนสีเข้มดูสุขุม ใบหน้าผ่องใส ความสวยงามของวิสทีเรียที่เต็มโดมทำให้โฮชิดูสง่างามจนเธออดรู้สึกดีและชื่นชมภาพตรงหน้าไม่ได้
"มาแล้วเหรอฮิคาริ..แล้วอาคิระล่ะ"
"เขาไม่ยอมเข้ามาค่ะ"
"ชั้นพอจะเข้าใจว่าทำไม"
รินดาราหน้าเศร้าไปนิดนึง โฮชิเดินเข้าไปยิ้มให้เธอแล้วเชยคางรินดาราขึ้นมาอย่างนุ่มนวล
"จำได้มั้ยวันที่เธอได้พบกับชั้นที่นี่"
"จำได้ค่ะท่านชาย"
"ท่ามกลางดอกวิสทีเรีย ท่ามกลางหมู่ดาวที่พร่างพราวแม้ในเวลากลางวัน 400 ปีที่ชั้นเฝ้ารอจะได้พบกับเธอ เวลานั้นเป็นเวลาที่ชั้นอยากจะโอบกอดคนรักของชั้น และอยากบอกเธอเหลือเกินว่า..รักของชั้นยังมั่นคงไม่โรยราเหมือนเวลาที่วิสทีเรียร่วงโรย"
โฮชิสบตารินดาราอย่างซาบซึ้ง เป็นจังหวะที่กลีบวิสทีเรียร่วงลงมาที่เส้นผมของรินดารา
โฮชิจึงเอื้อมมือไปหยิบกลีบวิสทีเรียออก แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน รินดาราใจเต้นตึกตัก สายตาของทั้งคู่ประสานกัน โฮชิกระซิบที่ข้างหูของรินดารา
"แล้วเธอล่ะฮิคาริ เมื่อถึงเวลาที่ชั้นต้องกลับสวรรค์แล้ว รักของเธอที่มีต่อชั้นจะยังมั่นคงอยู่รึเปล่า"
รินดารานิ่งไปมีสีหน้าอึกอักใจจนเห็นได้ชัด แต่เธอก็พยายามจะตอบโฮชิ
"ความรักของชั้นที่มีต่อท่านชายจะ..."
รินดาราพูดไม่ทันจบโฮชิก็ใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากเธอ
"คิดให้ดีนะฮิคาริ...อย่าทำร้ายเทพเจ้าด้วยคำพูด"
รินดารานิ่งไปอีกครั้ง แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาทั้งสองแก้มพร้อมโผสวมกอดโฮชิร้องไห้ฮือๆๆๆ
"ท่านชายคะ..ชั้นขอโทษ..ฮือๆๆๆ ชั้นไม่รู้ว่าความรู้สึกของชั้นที่มีต่อท่านชายคืออะไร แต่ชั้นรู้ว่าชั้นรู้สึกยังไงกับอาคิระ...ฮือๆๆๆ ชั้นขอโทษ ชั้นรักอาคิระค่ะท่านชาย"
โฮชิยิ้มรับอย่างมีความสุข
"ไม่เป็นไรหรอกฮิคาริ ส่วนหนึ่งของเมียวโจในตัวเธอต่างหากที่รักชั้น แต่สำหรับตัวตนของรินดาราที่รู้สึกกับชั้นมันเรียกว่า....ความศรัทธา"
"ความศรัทธา...ท่านชาย."
โฮชิยิ้มให้แล้วใช้มือปาดคราบน้ำตาบนแก้มรินดาราพร้อมกับรอยยิ้มปลอบใจ ก่อนจะมองไปที่ทางเข้าโดม
"ได้ยินแล้วใช่มั้ยอาคิระ..ถ้าได้ยินไม่ชัดชั้นจะให้พูดอีกทีว่ารินดารารักเธอ"
รินดาราชะงักเมื่อหันไปเห็นอาคิระเดินเข้ามา
"ผมได้ยินแล้วครับท่านชาย..ผมก็รักเธอ..และจะรักอย่างมั่นคง เธอจะเป็นเหมือนดวงดาวที่ส่องแสงอยู่คู่กับผมในทุกๆวัน..และทุกๆคืน"
อาคิระพูดพร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอ โดยมีโฮชิช่วยจับมือรินดาราส่งให้อาคิระ
"เดี๋ยว..นี่รวมหัวกันวางแผนหลอกชั้นเหรอ"
"ผมเปล่านะ..ท่านชายต่างหากที่แนะนำผมให้…เอ่อ…"
"ท่านชาย ท่านชายเป็นเทพเจ้านะคะ ทำแบบนี้เขาเรียกว่าหลอกลวงมนุษย์"
โฮชิยิ้มขำ
"ภาษามนุษย์เรียกว่าชอบอำดีกว่ามั้ย เพราะชั้นชอบช่วยทำให้มนุษย์มีความสุข และนี่ก็คือของขวัญที่ชั้นอยากมอบให้พวกเธอ..ฮิคาริ..อาคิระ"
โฮชิจับมือทั้งสองคนมากุมมือกัน รินดารากับอาคิระสบตากันมือบีบกันเบาๆ ต่อหน้าโฮชิที่ยิ้มดีใจเป็นที่สุด
"เธอสองคนจะเป็นดวงดาวแห่งความสุขที่ชั้นจะเฝ้ามองจากบนสวรรค์"
อาคิระยิ้มรับแล้วหอมหน้าผากรินดาราด้วยความตื้นตัน รินดาราสวมกอดอาคิระอย่างดีใจต่อหน้าโฮชิ
โฮชิ รินดารา อาคิระเพิ่งกลับมาจากสวนวิสทีเรีย รินดารากับอาคิระเดินจูงมือกันและสบตากันหวานเพราะ เพิ่งสารภาพความรักต่อกัน โฮชิเองก็มีสีหน้าสุขใจไม่แพ้กัน มิกิออกมาจากในห้องด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มยินดี
"ท่านชายกลับมาพอดี มาดูนี่เถอะค่ะ"
ทุกคนตื่นเต้นดีใจ โฮชิเดินนำเข้าไปในห้องกิโมโน
ประตูค่อยๆเปิดออก..เผยให้เห็นกิโมโนโฮชิสีน้ำเงิน ปักลายนกกระเรียนทองเต็มสมบูรณ์ เสริมให้กิโมโนโฮชิดูสวยงามและทรงพลังเด่นตระหง่านอยู่กลางห้อง
ทุกคนยืนมองชุดกิโมโนโฮชิด้วยความสุขล้นหัวใจ
"ในที่สุดกิโมโนโฮชิก็ปักเสร็จ"
ทันใดนั้นปานดาวบนหลังของรินดาราเกิดแสงสว่างวาบแล้วเลือนหายไป แต่สว่างนั้นก็ทำให้รินดาราเจ็บปวด
"โอ๊ย"
รินดาราสลบเหมือดลง ทั้งหมดตกใจ
"ฮิคาริ !/ รินดารา"
โฮชิอยู่ใกล้รินดารามากกว่าจึงรับร่างรินดาราเอาไว้
รินดารานอนหลับอยู่บนฟูก โฮชิยื่นผ้าขนหนูมาเช็ดบนใบหน้าให้ รินดาราค่อยๆรู้สึกตัว
"ท่านชาย"
"ฟื้นแล้วเหรอ รู้สึกยังไงบ้าง ยังเจ็บที่หลังอยู่ไหม"
"ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ ว่าแต่ทำไมอยู่ๆชั้นก็เจ็บปานที่หลัง เกิดอะไรขึ้นกับชั้นคะ"
"กิโมโนโฮชิปักเสร็จ ชั้นกำลังจะได้กลับสวรรค์ หน้าที่ของเธอจบลงแล้ว"
รินดาราแปลกใจ
"หน้าที่จบแล้ว"
รินดาราแปลกใจจึงลุกขึ้นไปที่กระจกแล้วจะเปิดเสื้อดูปานที่หลัง แต่นึกได้ว่าโฮชิอยู่ในห้องจึงหันไปมองโฮชิ
โฮชิหันหลังให้ รินดาราจึงปลดเสื้อลงเล็กน้อยแล้วหันหลังดูที่กระจก พบว่าที่หลังของเธอไม่มีปานรูปดาวอยู่เลย
"ปานหายไปแล้ว" เธอดึงเสื้อขึ้นปิด
"ใช่..ส่วนหนึ่งของเมียวโจที่อยู่ในร่างกายของเธอได้ออกไปแล้ว ต่อไปนี้เธอจะเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ชื่อรินดารา เธอไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นอีกแล้ว"
โฮชิลูบหัวรินดารา และมองเธอด้วยความรักปนเอ็นดู
"ชั้นต้องขอโทษด้วยนะฮิคาริ...ที่ชั้นเป็นต้นเหตุความทุกข์ใจต่างๆในชีวิตของเธอ"
"ไม่เห็นต้องขอโทษเลยค่ะ ชั้นต่างหากที่ต้องขอบคุณท่านชาย ขอบคุณคุณเมียวโจที่เลือกชั้นทำหน้าที่ช่วยเหลือท่านชาย ทำให้ชั้นได้มาที่นี่ ได้มารู้จักความรักที่ยิ่งใหญ่ของท่านชายกับคุณเมียวโจ รู้จักความรักที่แข็งแรงของครอบครัวมิยาคาวะ รู้จักความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนของคุณไอกับคุณฮิเดะ รู้จักความรักบริสุทธิ์งดงามของอายูมิกับฮิโตชิ"
โฮชิช่วยสรุปให้
"และรู้จักความรักที่มั่นคงจากผู้ชายชื่ออาคิระ มิยาคาวะ"
โฮชิยิ้มแซวรินดารา รินดารายิ้มเขิน
"ท่านชายเนี่ย"
"ชั้นอยากเห็นความรักของเธอกับอาคิระงดงามแบบนี้ตลอดไปนะฮิคาริ"
"งั้นท่านชายก็บอกเคล็ดลับที่ทำให้ความรักของท่านชายและคุณเมียวโจมั่นคงยืนยาวแบบนี้บ้างสิคะ"
"เคล็ดลับเหรอ...ไม่ยากเลย แค่เธอสองคนต้อง - - หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ เก็บเอา
ไว้ในทุกวันที่เธอกับเขาเคียงข้างกัน -- แค่นี้รักของเธอก็จะยืนยาวตลอดไป"
โฮชิกับรินดารายิ้มให้กันด้วยมิตรภาพที่งดงาม
วันใหม่ ทุกคนมาส่งโฮชิกลับสวรรค์ที่ศาลเทพเจ้านกกระเรียน โฮชิสวมชุดกิโมโนปักลายนกกระเรียนทองเต็มสมบูรณ์
"ชั้นฝากอาคิระดูแลฮิคาริและทุกคนด้วยนะ"
"ครับท่านชาย"
อยู่มิกิร้องไห้กระซิกๆ ทุกคนหันไปมอง
"ขี้แงเป็นเด็กๆเลย มิกิ"
"ดิชั้นอยู่กับท่านชายมาทั้งชีวิต ท่านชายจะไปแล้ว ดิชั้นก็อดใจหายไม่ได้นี่คะ"
"อยากจะให้ชั้นอยู่กับมิกิต่อไหมล่ะ"
"ถ้าอยู่ได้ดิชั้นก็อยากให้อยู่ค่ะ แต่ท่านชายต้องจากบ้านจากคนรักมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ท่านชายต้องมีความสุขแล้วค่ะ" มิกิเข้าไปจับมือโฮชิ "ขอบคุณท่านชายมากนะคะที่เลือกให้มิยาคาวะทำหน้าที่ดูแลท่านชายมาตลอดสี่ร้อยปี มิยาคาวะแข็งแรงเป็นปึกแผ่นได้ เพราะท่านชายช่วยสอนให้พวกเราทุกคนรู้จักความรักและการให้อภัย"
"ชั้นเองก็ต้องขอบคุณที่ทุกคนสอนให้ชั้นรู้จักกับคำว่าครอบครัว ไม่มีความรักอะไรที่จะแข็งแรงและเป็นความรักที่บริสุทธิ์ได้เท่ากับความรักของครอบครัวอีกแล้ว ขอให้ทุกคนรักกันแบบนี้ตลอดไปนะ"
อาคิระโอบกอดมิกิ มืออีกข้างโอบรินดารา มิกิจับมือไอ ไอลูบท้องตัวเองด้วยความสุขใจ มืออีกข้างก็ลูบหัวอายูมิ
โฮชิมองภาพของทุกคนแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าทุกคน ทุกคนตกใจมาก มิกิพยายามจะประคองให้โฮชิลุกขึ้น
"อย่าทำแบบนี้เลยค่ะท่านชาย พวกเราเป็นเพียงมนุษย์ ไม่สมควรที่เทพเจ้าผู้สูงส่งอย่างท่านจะทำการคารวะเช่นนี้"
"มนุษย์ผู้มีใจประเสริฐ แม้จะอยู่ที่ใดก็ควรค่าแก่การคารวะ โปรดรับคำขอบคุณจากใจของชั้นด้วย"
บนท้องฟ้า..มีแสงระยิบระยับปรากฎขึ้น โฮชิและทุกคนหันไปมองบนท้องฟ้า
"ได้เวลาที่ชั้นต้องไปแล้ว"
อายูมิโผเข้าไปกอดโฮชิ
"อายูมิไม่อยากให้ท่านชายไปเลยค่ะ อายูมิคิดถึงท่านชาย"
โฮชิย่อตัวลงพูดกับอายูมิ
"ถ้าอายูมิคิดถึงชั้น ขอให้แวะมาที่นี่ และอายูมิก็จะรู้ว่าชั้นไม่ได้ห่างกันเลย ชั้นจะคิดถึงอายูมิเหมือนกัน"
"ถ้าเจอฮิโตชิฝากบอกฮิโตชิด้วยนะคะ ว่าอายูมิคิดถึง"
โฮชิยิ้มรับแล้วหันหน้าออกนอกศาลและแหงนหน้าขึ้นบนท้องฟ้า ท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับลงมาที่ร่างของโฮชิ
โฮชิหันมาสบตากับรินดารายิ้มให้กันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นตรงที่โฮชิยืน เหล่าครอบครัว มิยาคาวะต้องยกมือป้องแสงแดดสว่างจ้า พอแสงหายไป...โฮชิก็หายไปแล้ว
ทุกคนมองไปบนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มสุขใจ
"ลาก่อนครับท่านชาย"
ทุกคนเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าสุขใจหลังจากที่เพิ่งไปส่งท่านชายโฮชิกลับสวรรค์ เกียวกับแป้งร่ำนั่งคอยอยู่ในบ้านโดยมีนานะเสิร์ฟน้ำชาให้ รินดาราดีใจที่เห็นทั้งสอง
"พี่เกียว พี่แป้งร่ำ"
เกียวกับแป้งร่ำโค้งแสดงความเคารพมิกิ
"สวัสดีค่ะคุณย่ามิกิ สวัสดีค่ะทุกคน"
"พี่เกียวพี่แป้งหายหน้าหายตาไปไหนกันมาตั้งนานคะ"
"พวกพี่ก็ซุกตัวกันอยู่แต่ในร้านนวดล่ะค่ะ ตั้งแต่มีวิชากายภาพของคุณน้องดารามาเสริมกับวิชานวด อูย..ลูกค้าเยอะเว่อร์ วันนี้ปิดร้านก็เลยแวะมาเยี่ยมค่ะ พาเกียวมาหาท่านชายโฮชิให้หายคิดถึงด้วยค่ะ" แป้งร่ำบอก
เกียวมองหาไปรอบๆ
"ท่านชายโฮชิล่ะจ๊ะ"
ทุกคนมองหน้ากันอย่างหนักใจ..ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง มิกิจึงทำหน้าที่ตอบให้เองว่า...
"ท่านชายกลับบ้านไปแล้วค่ะ"
เกียวแปลกใจ ถามอย่างสุเทพเพราะ มิกิอยู่ด้วย
"กลับบ้าน ท่านชายมีบ้านด้วยเหรอครับ"
แป้งร่ำตีเกียวที่เสียมารยาท เกียวถึงเพิ่งรู้ตัวจึงรีบแก้
"ผมหมายถึงว่า..คิดว่าบ้านของท่านชายคือบนหอคอยน่ะครับ ไม่รู้ว่าท่านชายมีบ้านอยู่ที่อื่นด้วย ว่าแต่ท่านชายอยู่เมืองอะไรเหรอครับ เผื่อวันหลังจะแวะไปเยี่ยม"
อาคิระบอก
"เมืองที่อยู่ไกลมากๆ ... คุณแป้งร่ำกับคุณเกียวมาที่นี่ก็ดีแล้ว ผมจะได้บอกข่าวดีซะเลย"
"ข่าวดีอะไรคะ" แป้งร่ำถาม
อาคิระกุมมือรินดารา
"ผมกับรินดาราจะแต่งงานกันครับ ยังไงขอเชิญมาร่วมงานด้วยนะครับ"
แป้งร่ำ/เกียว ตกตะลึง
"แต่งงาน"
"แหม...พี่แทงหวยไม่ถูก พี่คิดแล้วเชียวว่าน้องรินดาราต้องได้มาเป็นสะใภ้บ้านนี้แน่ๆ ดีเหมือนกันค่ะ..แต่งแล้วก็ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่นี่ไปเลย มาช่วยพี่ดูแลกิจการร้านนวด เดี๋ยวพี่ให้เป็นหุ้นส่วนร้าน"
"คงจะไม่ได้ ผมตั้งใจว่าแต่งเสร็จ ผมจะมีลูกเลย"
รินดาราแกล้งค้อน
"ไม่คิดจะถามชั้นก่อนเหรอคะ"
"ไม่เห็นต้องถามเลย เพราะผมรู้ว่าคุณก็อยากมีลูกกับผมเหมือนกัน"
อาคิระจับมือรินดารา รินดาราเขินอาย เกียวกับแป้งร่ำอิจฉาตาร้อนแผ่วๆ
คนพายเรือ พายขับเคลื่อนให้เรือลำน้อยแล่นไปตามคลอง
ณ Yanagawa in Fukuoka อาคิระกับรินดาราในชุดแต่งงานญี่ปุ่น ‘ชิโรมุกุ’ สวยงามจัดเต็มตามประเพณีนั่งอยู่บนเรือ คู่บ่าวสาวที่นั่งล่องเรือท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น อาคิระกางร่มให้รินดารา ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข พร้อมๆกับเรือที่ล่องไป จนเรือล่องมาถึงสะพานข้ามคลอง รินดาราเห็น โฮชิในชุดเทพเจ้านก กระเรียน ยืนอยู่ที่กลางสะพานส่งยิ้มให้เธอ
"ท่านชาย"
อาคิระชะงักหันไปมองที่สะพานก็เห็นท่านชายโฮชิในชุดเทพเจ้าดวงตาสีเขียวยืนส่งยิ้มให้พวกเขา
เรือล่องมาใกล้สะพานจนลอดใต้ะสะพานแล้วไปโผล่อีกด้าน เมื่อรินดารากับอาคิระหันกลับมาก็ไม่พบโฮชิแล้ว
"ท่านชายคงมาร่วมยินดีกับงานแต่งของเรา"
"ขอบคุณนะคะท่านชาย"
"มีเทพเจ้ามาเป็นสักขีพยานให้แบบนี้ ถ้าผมรักคุณน้อยลงไปแม้แต่นิดเดียว คงต้องโดนเทพเจ้าลงโทษแน่"
"ไม่ต้องรอให้เทพเจ้าลงโทษหรอก..ชั้นนี่และจะลงโทษคุณเอง..อาคิระ"
อาคิระยิ้มแหะๆ ก่อนจะกุมมือรินดาราแล้วปล่อยให้เรือพาล่องไปตามลำคลอง
3 เดือนผ่านไป ที่ Fukuoka City ซึ่งเป็นย่านการค้า Tenjin อาคิระแทบจะเดินประคองรินดารา มาตามทางและช่วยกันผู้คนให้รินดาราสุดฤทธิ์
"เดินระวังสะดุดนะจ๊ะ..ผมว่าจับมือผมเดินไปตลอดทางดีกว่า เดี๋ยวล้มแล้วจะกระทบกระเทือนกับลูก"
รินดาราหยุดทันที
"อาคิระ..หมอเพิ่งจะบอกข่าวดีเราว่าชั้นกำลังท้องได้เดือนเดียว แต่เธอทำอย่างกับชั้นกำลังท้องแก่ใกล้คลอด"
"ก็ผมตื่นเต้นนี่..ทายาทของมิยาคาวะกำลังจะลืมตามาดูโลกแล้ว"
"อีกตั้งแปดเดือนนะอาคิระ..ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ซะหน่อย"
รินดาราบอกอาคิระแล้วจะเดินต่อไปเอง แต่ระหว่างนั้นเธอหยุดชะงักหันขวับไปมองท่ามกลางผู้คน
"มีอะไรเหรอ"
"อาคิระ..เมื่อกี้นี้ชั้นว่า..ชั้นเห็นท่านชาย"
"ที่นี่น่ะเหรอ"
รินดาราพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกไปท่ามกลางผู้คน อาคิระตกใจรีบตาม
"รินดารา"
รินดาราเดินมาที่สี่แยกท่ามกลางผู้คนที่เดินกันขวักไขว่เต็มไปหมด แต่รินดาราไม่เจอโฮชิ
"ทำอะไรอย่างนี้รินดารา..ถ้าเกิดรถชนคุณล่ะ"
"แต่ชั้นเห็นท่านชายจริงๆนะอาคิระ"
"แน่ใจนะ"
รินดาราพยักหน้ารับ อาคิระเลยช่วยมองหากวาดสายตามองไปท่ามกลางผู้คนมากมายที่บริเวณสี่แยก
"ผมว่าคุณคงคิดถึงท่านชายมากเลยจำคนผิด"
รินดาราหน้าเศร้าไปนิดนึงแล้วยอมรับ)
"ชั้นขอโทษนะอาคิระ"
"ไม่เป็นไรหรอก..ท่านชายเฝ้ามองพวกเราตลอดเวลา เขาต้องรู้ว่าพวกเราคิดถึงเขา และคอยหาโอกาสมอบความสุขให้กับพวกเราเสมอ"
รินดาราพยักหน้ารับแล้วยิ้มกับอาคิระ ก่อนจะจับมือเดินไปตามทางท่ามกลางผู้คน
ผู้คนเดินขวักไขว่ มากมายบนท้องถนน โฮชิในชุดสูทเท่ๆก้าวออกมายืนท่ามกลางผู้คน ราวกับว่า โฮชิ เทพเจ้านกกระเรียนพระองค์นี้ยังคงอยู่กับมนุษย์และรอคอยเวลาเพื่อมอบความสุขให้กับมนุษย์ต่อไปชั่วกาลนาน
"ท่านชายโฮชิซึ่งมีดวงตาสีเขียวและรอยยิ้มอันอบอุ่น... เทพเจ้านกกระเรียนกรีดเลือดตัวเองผสมกับธารน้ำให้ชาวเมืองได้ดื่มเพื่อรักษาชาวเมือง"
รินดาราเล่านิทานให้ลูกฟัง
"ทำให้หมดสภาพจากเทพเจ้ากลายเป็นเพียงมนุษย์สามัญและต้องพลัดพรากจากเทพธิดาดาวเดือนเจ็ดอย่างไม่มีวันสิ้นสุด"
รินดาราพับหนังสือลง
"ขออีกรอบได้ไหมครับคุณแม่ สนุกดี"
ลูกชายของรินดาราที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างอาคิระและรินดารา มีหน้าตาเหมือนฮิโตชิ อย่างกับเป็นคนเดียวกัน
"ไม่ได้ครับ คนเก่งต้องนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า"
"ก็ได้ครับ"
รินดาราห่มผ้าให้ลูก แต่ลูกลืมตาขึ้น
"คุณพ่อคุณแม่ครับ...เทพเจ้านกกระเรียนมีจริงไหมฮะ"
อาคิระกับรินดารามองหน้ากันอย่างอึ้งไป
"ถามทำไมครับ"
"ผมเคยฝันเห็นเขา เขาสอนผมให้เสกขนนกเป็นสิ่งของ สนุกมากเลยครับ"
อาคิระกับรินดารามองหน้ากันด้วยความยินดี...แน่ใจว่าท่านชายโฮชิมาเล่นกับลูกของพวกเขาจริงๆ
"เทพเจ้านกกระเรียนบอกว่าถ้าผมเป็นเด็กดี เขาจะมาเล่นกับผมอีก ผมจะเป็นเด็กดีครับ ผมอยากเจอเขา"
"งั้นถ้าลูกเจอเขาอีก ฝากบอกเขาด้วยนะว่าพ่อกับแม่คิดถึงเขาเสมอ"
รินดารากับอาคิระยิ้มให้กันอย่างสุขใจ
จบบริบูรณ์