กลกิโมโน ตอนที่ 9
กลางคืนจันทร์เสี้ยววังเวง ที่บริเวณศาลเทพเจ้า นานะเกาะหลังนารูตะที่ถือไฟฉายส่องเข้ามา
"หาเจอรึยัง" นานะถาม
"เพิ่งจะเดินออกมาหาเองนะนานะ" นารูตะบอก
"ชั้นว่ามันก็อยู่แถวๆนี้แหละ"
"ตกลงกระเป๋าสตางค์ใครที่หายกันแน่ เอาแต่ชี้นิ้วสั่งแบบนี้ หาเองแล้วกัน"
"เดี๋ยวสิ...ช่วยชั้นหาหน่อยไม่ได้เหรอไง"
"กับอีแค่กระเป๋าสตางค์ใบเดียวยังรักษาไว้ไม่ได้"
"แหม..วันนี้ชั้นวุ่นตามคุณหนูจะไปทันระวังได้ยังไง ไม่เหมือนแกนี่มีหน้าที่แค่ขับรถอย่างเดียว"
"ก็ได้ๆ..แต่ชั้นว่าไม่น่าอยู่แถวนี้หรอก หาจนทั่วหมดแล้วแบบนี้ ลองคิดดูดีๆว่าไปตกอยู่ที่อื่นรึเปล่า"
นานะคิดอยู่ครู่
"วันนี้ชั้นไปตามคุณหนูที่บ่อน้ำกับป้าเคโกะ"
"งั้นไปหาที่นั่นกัน"
นานะชะงัก
"จะดีเหรอ ชั้นยังขวัญหายเรื่องคุณรินดาราเจอผีแถวนั้นอยู่เลยนะ"
"มากันสองคนจะกลัวอะไร"
นารูตะเดินนำไปทางบ่อน้ำทันที นานะสีหน้าหวาดๆแต่ก็รีบเดินตาม
นารูตะส่องไฟฉายพานานะเข้ามาหากระเป๋าสตางค์ตรงบริเวณบ่อน้ำ ระหว่างนั้นทั้งคู่ได้ยินเสียงเด็ก ร้องเพลงกล่อมเด็กดังแว่วๆ
"kirakira hikaru…osora no hoshi yo...mabataki shite wa…minna wo miteru... kirakira hikaru…osora no hoshi yo"
"นารูตะ..แก..แกได้ยินเสียงอะไรรึเปล่า"
"ได้ยิน เสียงเด็กร้องเพลง ดังมาจากแถวๆนี้"
นารูตะกับนานะช่วยกันสอดส่ายตามองหา ระหว่างนั้นฮิโตชิค่อยๆปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำแล้วนั่งแกว่งขา
"หาอะไรกันอยู่เหรอครับ"
นารูตะกับนานะชะงัก หันมาเห็นก็ตกใจ
"ไอ้หนู ไปนั่งทำอะไรตรงนั้น เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก ลงมานี่"
"ผมมาเล่นที่นี่บ่อยๆ ไม่ตกลงไปหรอกครับ"
"แล้วมาจากไหนเนี่ย อยู่ๆโผล่เข้ามาที่นี่ได้ยังไง"
ฮิโตชิชี้ไปในบ่อ
"ผมมาจากในนั้นครับ"
"ในบ่อน้ำนั่นน่ะเหรอ เอาแล้วไง เจอเด็กกวนตรีนเข้าให้แล้ว" นารูตะจะเข้าไปเขกกะบาลฮิโตชิทันที "นี่แน๊ะ..เพื่อนเล่นเหรอไงไอ้เด็กบ้า แอบเข้ามาเล่นในที่ของคนอื่นแล้วยังกวนตีนแบบนี้มันต้องพาไปส่งบ้าน"
"ไม่ต้องพาไปส่งหรอก ก็บ้านของผมอยู่ที่นี่..ในนี้ไง"
ฮิโตชิยังชี้ไปในบ่อน้ำ นารูตะเริ่มปรี๊ดหัวเสียมากขึ้น
"ผมไม่ได้โกหกนะ นี่ไงกระเป๋าสตางค์ของพี่ผู้หญิง ผมเจอตกอยู่ในบ่อน้ำ"
ฮิโตชิยื่นกระเป๋าสตางค์ให้ดู นานะรับไปดูแล้วชะงักกึก
"ใช่กระเป๋าสตางค์ของเธอรึเปล่า"
"ใช่...ใช่จริงๆด้วย"
นานะเริ่มสงสัยมองหน้าฮิโตชิอย่างจริงๆจังๆแล้วคิด..ก่อนจะอึ้งไปเมื่อนึกถึงภาพผีเด็กใต้โต๊ะอาหาร
นานะเริ่มมือสั่นเหงื่อตกกระซิบบอกนารูตะ
"นี่...นี่...นี่มัน...ไม่...ไม่...ไม่ใช่คน แต่...แต่เป็น"
"เป็นอะไร"
"ผีเด็ก"
"ผีเด็กเนี่ยนะหน้าตาแบบนี้..ไม่เชื่อหรอก" นารูตะหันไปที่ฮิโตชิคว้าข้อมือมาบีบ "บอกมาซะดีๆ
ว่าบ้านอยู่ไหน ไม่งั้นจะพาไปหาตำรวจ"
"ผมไม่ไป บ้านผมอยู่นี่"
"ทำไมดื้ออย่างนี้วะ ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ต้องให้ลงมือใช่มั้ย..ได้"
นารูตะจับพลิกตัวมาแล้วตีก้นไปแรงๆทีนึง ฮิโตชิเลยโกรธเปลี่ยนหน้ากลายเป็นผีเด็กน่ากลัวให้เห็นจะๆ
นานะเหวอสุดฤทธิ์
"นั่น..นั่นไง ชั้นบอกแกแล้ว ช่วย ช่วยด้วยผีหลอกค่ะ"
นานะวิ่งหนีไปทันที นารูตะยังยืนเหวอๆตาโตอึ้งถอยหนี
"ผะ...ผะ...ผีจริงๆด้วย"
นารูตะคว้าได้ก้อนหินที่พื้นก็ปาใส่ทันที..โป๊ก !!!! แล้ววิ่งหนีเตลิด ก้อนหินโดนเข้าที่หัวฮิโตชิทำให้เลือดสีดำ ไหลลงมาเป็นทาง ฮิโตชิไม่เจ็บแต่หน้าเศร้าเสียใจ
"อายูมิโกหก ไม่มีใครชอบฮิโตชิจริงๆ ซะหน่อย..ฮือๆๆ"
คืนนั้น อาคิระกำลังเก็บแฟ้มงานบนโต๊ะทำงานและเตรียมจะกลับไปที่คฤหาสน์ แต่ระหว่างนั้นรินดาราเข้ามา เคาะประตู อาคิระชะงักแปลกใจเมื่อเห็นว่าเป็นรินดารา
"คุณมาที่นี่ทำไม"
"ชั้นได้ยินจากท่านชายว่าคุณไปมีเรื่องกับพวกโคสึกะมา"
"ผมไปทำหน้าที่ของผมต่างหาก"
"แต่คุณควรจะฟังคำเตือนของท่านชายนะ"
"ผมบอกท่านชายไปแล้วว่าไม่ต้องห่วงผม เพราะถ้าผมดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วผมจะดูแล คนในตระกูลมิยาคาวะได้ยังไง ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปหาท่านชายเถอะ"
อาคิระพูดเหมือนตัดพ้อ จนรินดาราต้องยืนขวางไม่ให้ออกจากห้อง
"ชั้นไม่ให้คุณไปจนกว่าเราจะคุยกันให้จบ ชั้นขอล่ะ ช่วยทำตัวกับชั้นให้เหมือนเดิมได้มั้ย ถึงตอนนี้หน้าที่ของเมียวโจในตัวชั้นคือช่วยท่านชาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าที่ของรินดาราลูกจ้างคุณจะต้องเลิกไป"
"แต่คุณว่าไม่แปลกเหรอ ที่ผมมีลูกจ้างเป็นถึงร่างอวตารของเทพธิดาดาวเดือนเจ็ด"
"นี่คุณ"
"ผมว่าแปลกนะ เพราะถ้าเกิดวันไหนผมพูดจาไม่เข้าหูคุณขึ้นมา ผมอาจจะโดนคุณลงโทษสาปให้เป็นหมูเป็นหมาก็ได้"
"ชั้นทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะความสามารถพิเศษอย่างเดียวที่เมียวโจมอบให้ชั้นมาตั้งแต่เกิด ใช้สาปคนปากเสียให้เป็นสัตว์ไม่ได้"
รินดาราเชิดหน้าประชดกลับแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย อาคิระมองตาม
บริเวณสวนญี่ปุ่นอาคิระเดินตามหลังรินดาราแล้วเข้าไปคว้าแขนเอาไว้
"เดี๋ยวสิ..เวลาผมกลับมาเป็นอาคิระคนเดิมแล้ว ทำไมคุณต้องมาโกรธผมด้วย ก็คุณเอง ไม่ใช่เหรอที่ขอให้ผมกลับมาพูดจากับคุณเหมือนเดิม"
รินดาราชะงักมองหน้า อาคิระจึงปล่อยมือ
"นั่นสินะ อาคิระที่ชอบกวนประสาทชั้น จนบางทีชั้นก็อยากจะมีพลังพิเศษ จัดการให้คุณหุบปากไม่ต้องพูดอะไรให้ชั้นหัวเสียอีก"
"แต่เทพธิดาดาวเจ็ดก็ไม่ได้มอบพลังแบบนั้นมาให้คุณ"
"นี่คุณ"
"เอาล่ะๆ ผมเข้าใจแล้วว่าหน้าที่ของคุณคืออะไร ส่วนหน้าที่ของผมคืออะไร จากนี้ไปเราก็จะทำตัวกันเหมือนเดิม..โอเคมั้ย"
"ก็ได้"
"งั้นคุณช่วยบอกผมได้มั้ยว่าพลังพิเศษที่เทพธิดาดาวเจ็ดมอบให้คุณมาเพื่อช่วยให้คุณพาท่านชายกลับสวรรค์คืออะไร"
"เอาไว้ถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง เพราะมันเกี่ยวข้องกับการตามหานกกระเรียนทองคำ"
"คุณรู้แล้วเหรอว่านกกระเรียนทองคำอยู่ที่ไหน"
"ชั้นยังไม่รู้หรอก แต่ก็มีคนรู้จักที่ชั้นพอจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้"
"ใคร"
วันใหม่ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมือง FUKUOKA CITY ที่ผู้คนเดินขวักไขว่ รินดารากับอาคิระนั่งรออยู่ที่เก้าอี้นอกร้าน อาคิระรู้สึกว่าเลยเวลาที่เพื่อนของรินดารานัดไว้
"เพื่อนคุณเขาลืมนัดรึเปล่า นี่มันเลยเวลานัดไปมากแล้วนะ"
"เคนจิไม่ใช่คนขี้ลืม อยู่ๆชั้นก็ขอให้เขามาพบชั้นทั้งๆที่เขากำลังยุ่งอยู่ บินมาจากเนปาล ไม่ใช่นั่งรถไฟมาจากโตเกียวนะคุณอาคิระ"
"งั้นที่เขามาช้าก็อาจจะพาตัวเยติ มนุษย์หิมะมาด้วยก็ได้"
รินดารามองหน้าอย่างเคืองๆ
"คุณอาคิระ"
"ผมก็แค่ล้อเล่น..อยากรู้ว่าคุณกับนายเคนจิสนิทกันมากแค่ไหน เพราะเรื่องที่เราจะขอให้เขาช่วยข้อมูล มันเป็นเรื่องสำคัญ"
"คุณไว้ใจเคนจิได้..เพราะเขากับชั้นเคยคบกันมาก่อน"
อาคิระชะงักอึ้งๆ ระหว่างนั้นเคนจิเข้ามาในร้านเห็นรินดาราก็เข้ามาทักอย่างสนิทสนม
"รินจัง "
"เคนจัง"
สองคนเดินเข้าไปทักทายกัน เคนจิคิดถึงรินดารามากเลยดึงเธอเข้ามาสวมกอด
"ขอโทษนะที่ต้องให้รินจังรอนาน"
"ไม่เป็นไรหรอก..ชั้นต่างหากที่ต้องรบกวนเคนจัง"
"ผมบอกแล้วไงตั้งแต่ที่เรายังคบกัน"
รินดารายิ้มรู้ทันเลยพูดแทน
"ถ้าชั้นต้องการความช่วยเหลืออะไร เธอก็จะมาทันที ชั้นจำได้จ้ะ ขอบใจมากนะเคนจัง"
เคนจิยิ้มรับแล้วยกมือลูบแก้มรินดาราอย่างเป็นห่วง
"ว่าแต่..รินจังผอมลงไปเยอะนะ"
อาคิระเห็นท่าทางสนิทสนมกันมากแบบนั้นก็ชักไม่ค่อยพอใจ และตัวเองเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกิน
อาคิระกระแอม
"คุณจะไม่แนะนำผมให้รู้จัก..เพื่อน ของคุณเลยเหรอ"
"เคนจัง..นี่คุณอาคิระ จากตระกูลมิยาคาวะ ที่ชั้นอีเมล์ไปเล่าให้เธอฟัง"
เคนจิยิ้มให้อย่างสุภาพและโน้มศรีษะทักทาย
"ผมยินดีช่วยอย่างเต็มที่ครับ คุณอาคิระ"
อาคิระโค้งรับการทักทายจากเคนจิ แล้วเหลือบไปมองรินดาราที่มองเคนจิอย่างชื่นชม อาคิระรู้สึกหวงๆ
อาคิระถือแก้วกาแฟที่ไปซื้อกลับเข้ามาแล้วยื่นให้ทั้งคู่หลังจากที่รินดาราคุยกับเคนจิเสร็จ
"ขอบคุณครับคุณอาคิระ"
อาคิระพยักหน้ารับเคนจิแล้วหันไปที่รินดารา
"ตกลงได้เรื่องอะไรเพิ่มเติมรึเปล่า"
"ได้ค่ะ เคนจังสนใจและเคยติดตามศึกษาเรื่องราวของนกกระเรียนทองคำมาพอสมควร ที่บ้านเขามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เขาเลยอยากขอเวลาไปค้นคว้าข้อมูลเก่าๆมาเพิ่ม แล้วจะรีบติดต่อเราทันที"
"ขอบคุณมากครับคุณเคนจิ" อาคิระยื่นนามบัตรให้ "นี่เป็นนามบัตรผม..ถ้าคุณได้ข้อมูลมาเมื่อไหร่ ติดต่อผมได้ตามเบอร์โทร.ในนี้ตลอดเวลา"
เคนจิรับนามบัตรอาคิระมาแล้วโค้งให้
"ครับ...แล้วผมจะไปพบคุณที่เมืองสึกิ"
อาคิระชะงัก
"เมื่อกี้ชั้นเล่าเรื่องเมืองสึกิให้เขาฟัง เขายังไม่เคยไป ชั้นก็เลยชวนให้เขาไปเที่ยวที่นั่น จะได้พบกับท่านชายด้วย"
"ก็ดีครับ..ผมในฐานะชาวเมืองสึกิยินดีต้อนรับ"
เคนจิยิ้มรับแล้วนึกขึ้นได้
"รินจัง..ผมมีของฝากจากเนปาลมาให้ด้วยนะ"
เคนจิเปิดกระเป๋าเป้แล้วหยิบเอาผ้าพันคอผืนสวยของพื้นเมืองจากเนปาลมาพันคอให้รินดาราอย่างสนิทสนม ใกล้ชิด รินดารารู้สึกชอบ
"สวยจังเลยเคนจัง..ขอบใจมากนะ ชั้นชอบจังเลย"
เคนจิยิ้มดีใจที่รินดาราชอบ ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากจนอาคิระได้แต่เหลือบตามอง ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเซ็งๆ
ในคฤหาสน์โคสึกะ เวลาเดียวกัน ไดซุเกะกับยูกินั่งขัดสมาธิหลับตาทำสมาธิอยู่ตรงข้ามกันภายในวงล้อมของแท่งเทียนสีแดง มือทั้งสองจับกันไว้ ไดซุเกะทำปากขมุบขมิบท่องคาถา เขากำลังทำพิธีถ่ายทอดพลังให้กับยูกิ
จู่ๆ ไดซุเกะสำลักไอออกมาอย่างผู้ที่อ่อนแรงเหลือเกิน...เขาปล่อยมือจากยูกิ ยูกิมองสำรวจมือ แขนและร่างกายตัวเองที่เปล่งปลั่งสมบูรณ์อย่างพึงพอใจ
ไดซุเกะไอเสร็จ ยูกิแกล้งทำเป็นห่วงใยไดซุเกะอย่างแนบเนียน เพราะความจริงแล้วนางแอบดูดพลังของไดซุเกะมาเยอะกว่าที่ไดซุเกะจะรู้ตัว
"พอเถอะ แค่นี้พลังชีวิตของท่านก็ทำให้ชั้นรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ถ้าท่านให้ชั้นมากกว่านี้ท่านจะแย่"
ยูกิลุกขึ้นยืน
"แกจะไปไหน"
ยูกิหันมายิ้มอย่างร้ายกาจ
"ไปตอบแทนบุญคุณของโคสึกะ"
รอยยิ้มของยูกิดูน่าหวาดหวั่น....
นานะผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่ในห้องนอนกำลังร้องกรี๊ด หลับตาละเมอดิ้นปัดป่ายมือ ไปมาในอากาศ
"ไปให้พ้น ! ไปให้พ้น ชั้นกลัวแล้ว ฮือๆๆ"
เคโกะพยายามจับตัวนานะ และหันไปบอกมิกิกับโฮชิที่ยืนอยู่ในห้อง
"นานะกับนารูตะเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ เอาแต่ละเมอทั้งคืน ตัวก็ร้อนอย่างกับไฟ ปลุกยังไงก็ไม่ยอมรู้สึกตัวค่ะ"
โฮชิบอก
"ขอชั้นดูนานะหน่อย"
เคโกะถอยออกไป โฮชิย่อตัวนั่งลงข้างฟูกของนานะที่ยังละเมอ โฮชิจับมือนานะมากุมไว้น้ำเสียงอ่อนโยน
"นานะ...นี่ชั้นเองนะ ตั้งสติให้ดี ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว"
นานะค่อยๆ นิ่งสงบลงอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ
เคโกะพูดกับมิกิ
"ท่านชายเก่งจังเลยนะคะ"
ย่ามิกิแค่ยิ้มไม่ตอบอะไร แล้วนานะก็รู้สึกตัวขึ้นมาอย่างงงๆ
"ท่านชาย คุณย่ามิกิ เกิดอะไรขึ้นคะ"
"ชั้นต่างหากที่ต้องถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น เธอกับนารูตะไปเจออะไรกันมาถึงนอนจับไข้กันอย่างกับถูกผีหลอกมา"
นานะบอก
"ผี ! มีผีเด็กผู้ชายอยู่ที่บ่อน้ำ"
"ผีเด็กผู้ชาย"
"ค่ะ มันใส่ชุดยูกาตะ มันอยู่ใต้โต๊ะด้วย มันน่าเกลียดน่ากลัวมากเลยนะคะ "
โฮชินิ่วหน้าไม่สบายใจ ขณะที่มิกิก็มองท่านชายอย่างรู้ทันได้ทันทีว่าท่านชายต้องรู้เรื่องนี้
โตชิยืนแหงนหน้าคุยกับโฮชิด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ที่บ่อน้ำ
"พวกเขาทำฮิโตชิก่อน พี่รินดาราสอนอายูมิว่า ถ้าอยากให้คนรักต้องรู้จักช่วยเหลือคนอื่น ฮิโตชิช่วยพวกเขาเก็บของ แต่ทำไมพวกเขาก็ยังทำร้ายฮิโตชิ"
โฮชิแปลกใจ
"พวกเขาทำอะไรเธอ"
ฮิโตชิทำให้โฮชิรู้คำตอบด้วยการทำให้มีเลือดไหลสดๆ จากการโดนก้อนหินปาใส่ไหลลงมาจากหัวของเขา โฮชิอึ้งไปแล้วสงสารเด็กน้อยจับใจ
"โถ...เจ้าหนู คงจะเจ็บมากสินะ"
ฮิโตชิพยักหน้ารับ น้ำตาไหลอาบแก้ม
โฮชิย่อตัวลงนั่งตรงหน้าฮิโตชิ แล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบเบาๆ บนหน้าผากของฮิโตชิ พอโฮชิถอยหน้าออกมา เลือด สดๆ ที่หัวฮิโตชิก็หายไป
"หายเจ็บหรือยัง"
ฮิโตชิพยักหน้ารับ โฮชิลูบหัวเด็กน้อย
"เชื่อชั้นนะฮิโตชิพวกเขาเป็นคนดี พวกเขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอหรอก แต่ที่เขาทำไป เพราะพวกเขายังไม่รู้จักฮิโตชิดีพอ อย่าโกรธพวกเขาเลย"
"ครับ..ฮิโตชิไม่โกรธ เพราะพวกเขารักอายูมิ"
"ดีมาก แล้วคราวหลังเธอต้องระวังตัวอย่าให้ใครเห็นได้อีกนะ เดี๋ยวเขาเป็นไข้กันหมดบ้าน จะไม่มีใครดูแลอายูมิ"
ฮิโตชิพยักหน้ารับและยิ้มนิดๆ เริ่มผ่อนคลายขึ้นแล้ว ทันใดนั้นเสียงมิกิดังขึ้น
"ท่านชายคุยกับใครคะ"
โฮชิหันขวับไปหามิกิที่ยืนอยู่ข้างหลัง แล้วหันกลับมาหาฮิโตชิ แต่ฮิโตชิหายตัวไปแล้ว
มิกิเดินเข้ามาใกล้ มิกิไม่ได้สงสัยอย่างที่ปากถามเพราะแน่ใจอยู่แล้วว่า โฮชิต้องรู้จักผีเด็กใส่ชุดยูกาตะ
"ท่านชายคุยกับใคร...ผีเด็กผู้ชายใส่ชุดยูกาตะใช่ไหมคะ"
"อยากจะรู้นักว่า ชั้นจะมีความลับกับมิกิได้ไหม"
มิกิยิ้มรับแล้วถาม
"เขาเป็นใครคะท่านชาย มาจากไหน แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
โฮชิหนักใจ
โกะกำลังใช้กรรไกรตัดแต่งต้นไม้พร้อมบ่น
"ผีเผอมีซะที่ไหน พวกขวัญอ่อน...สติไม่อยู่กับเนื้อกับเนื้อตัว...เห็นอะไรหน่อยก็ตกใจ"
เคโกะหันหน้าไปอีกทาง แล้วพบยูกิในชุดกิโมโนสีหวานยืนยิ้มสวยอยู่ตรงหน้า เคโกะตกใจสะดุ้งโหยง
"ว้าย"
โฮชิกับมิกิเดินคุยมาตามทาง
"ถ้าท่านชายยืนยันว่าเขาจะอยู่ในความดูแลของท่านชาย ไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้เราอีก ดิชั้นก็หายห่วงค่ะ"
เคโกะเข้ามา
" คุณมิกิคะ คุณยูกิมาขอพบค่ะ"
"คุณยูกิ ?! เธอหายไปนานเลย ... เดี๋ยวชั้นออกไป"
เคโกะรับคำแล้วเดินกลับไป โฮชิจะเดินตามเคโกะไป แต่มิกิคว้าแขนของโฮชิเอาไว้
"ท่านชายจะไปไหนคะ"
"ไปต้อนรับแขกคนสำคัญของมิกิไง"
มิกิพูดเสียงกระซิบ
"คุณยูกิไม่ได้สำคัญถึงขนาดว่าจะต้องรู้ความลับของท่านชายหรอกค่ะ ให้เธอได้กิโมโนจากมิยาคาวะไปอย่างเดียวก็พอ อย่าให้เธอได้รู้เรื่องอื่นไปด้วยเลย เดี๋ยวความลับของท่านชายจะถูกเปิดเผย"
โฮชิเริ่มแปลกใจ
"แต่มิกิเคยบอกว่าชั้นควรเป็นเพื่อนกับคุณยูกิ"
"หา ! ดิชั้นเคยพูดหรือคะ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ดิชั้นเพิ่งจะรู้จักกับคุณยูกิได้ไม่นาน ดิชั้นไม่เสี่ยงเอาความลับของมิยาคาวะไปให้เธอรู้หรอกค่ะ"
โฮชิมองมิกิอย่างใช้ความคิด มิกิดูจำอะไรเกี่ยวกับยูกิไม่ได้เลยจริงๆ ซึ่งต่างจากมิกิผู้หลงใหลยูกิคนเดิม ที่เคยพูดถึงยูกิอย่างชื่นชม
"ดิชั้นถูกชะตากับคุณยูกิค่ะ ตั้งแต่พบเธอที่บ้านคุณมาโกะโตะ ดิชั้นก็อยากจะทอกิโมโนให้คุณยูกิเหลือเกิน ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อทอกิโมโนผืนนี้ให้ดีที่สุด"
โฮชินิ่วหน้าใช้ความคิดเรื่องความน่าสงสัยในตัวยูกิ
"ท่านชายกำลังคิดอะไรอยู่คะ"
"คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับมิกิของชั้นและเพื่อความปลอดภัยของมิกิและมิยาคาวะ ชั้นจะต้องทดสอบอีกครั้ง"
"ทดสอบอีกครั้ง"
โฮชิไม่ตอบอะไรเดินเลยออกไป มิกิมองตามสงสัย
มิกิเข้ามาในห้องแล้วมองไปที่ยูกิซึ่งยืนอยู่กลางห้อง..สีหน้ามีความเคลือบแคลงสงสัยว่า
ยูกิจะเป็นนาง ปีศาจหิมะหรือเปล่า ยูกิหันมาเห็นว่ามิกิยืนมองเธออยู่
"ดิชั้นหายหน้าไปนานซะจนคุณมิกิจำดิชั้นไม่ได้เลยหรือคะ"
"ปะ..เปล่าค่ะ ดิชั้นแค่สงสัยว่าคุณยูกิไปทำอะไรมาถึงดูสวยขึ้นมาก"
"ดิชั้นไม่สบายหนักค่ะ" เธอนึกถึงไดซุเก " โชคดีเจอคนช่วยรักษาเก่ง เขาช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยของดิชั้น แล้วก็ยังช่วยให้ดิชั้นรู้สึกดีขึ้นมากด้วย"
"อ๋อค่ะ ดิชั้นออกแบบลายกิโมโนไว้บ้างแล้ว เดี๋ยวจะเอามาให้ดูค่ะ ตอนนี้คุณยูกิไปพบท่านชายโฮชิก่อนเถอะค่ะ ท่านชายคอยพบคุณยูกิอยู่"
"อยู่ที่ไหนคะ"
มิกิยังไม่ตอบ
ยูกิเดินผ่านสวนเข้ามาแล้วหันไปเห็นโฮชิยืนอยู่ข้างในศาลเทพเจ้านกกระเรียน เธอหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูโทริอิ ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยทำให้เธอเจ็บหนักเพราะประตูโทริอิ
"เสาโทริอิมีไว้ เพื่อเป็นเขตกั้นของศาลเจ้า ป้องกันไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้าไปข้างใน"
"เอ่อ..ค่ะ"
"เข้าข้างในกันเถอะครับ" โฮชิเดินนำเข้าไป
ยูกิพยายามจะเดินตามโฮชิลอดผ่านเสาโทริอิ เธอรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ
วันนี้... ยูกิยังเงยหน้ามองเสา... ถึงจะได้รับพลังจากไดซุเกะมามากแล้วแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะต้านทาน พลังของประตูโทริอิได้หรือไม่
โฮชิหันมาเห็นยูกิยืนอยู่จึงยิ้มให้
"เชิญครับคุณยูกิ"
ยูกิยิ้มรับแล้วค่อยตัดสินใจก้าวไปที่ประตู มือทั้งสองข้างกำแน่น ปกปิดความกลัวด้วยการปั้นสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด ในขณะที่โฮชิคอยจับจ้องสังเกตอาการ
- ในที่สุดเท้าของยูกิก้าวผ่านประตู...ยูกิลุ้นใจแทบขาด...แต่แล้วเธอก็ผ่านไปได้ได้โดยไม่มีอาการประหลาดอย่างที่พวกปีศาจควรจะเป็น ยูกิยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจและสะใจ...ในที่สุดก็ไม่มีอะไรทำร้ายเธอได้ แล้วยูกิก็เดิน ฉับๆ เข้าไปหาโฮชิด้วยความมั่นใจ
ยูกิก้าวผ่าน โดยไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆ โฮชิมั่นใจแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นนางปีศาจหิมะ
ยูกิไหว้เทพเจ้านกกระเรียนเสร็จ ก็ยืนมองความสะอาดสวยงามโอ่อ่าของศาลเทพเจ้านกกระเรียน
"น่าชื่นชมตระกูลมิยาคาวะนะคะ ที่ดูแลศาลเทพเจ้าเก่าแก่ประจำเมืองสึกิ ให้คงความงดงามเอาไว้อย่างไม่มีที่ติ"
โฮชิยิ้มรับ
"คุณมิกิบอกว่าท่านชายอยากพบดิชั้น มีธุระอะไรหรือคะ"
"หลังจากวันนั้นที่ศาล เรายังไม่ได้พบกัน ผมอยากรู้ว่าคุณสบายดีหรือเปล่า"
ยูกิยิ้มรับแววตาที่มองโฮชิดูมีรอยยิ้ม
ทางด้าน ไดซุเกะกับหลานชายจิบน้ำชา เพิ่งกินอาหารว่างเสร็จ อัตซุโอะยกถาดของว่างออกไป
ไดซุเกะลดถ้วยน้ำชาลงแล้วไอค่อกแค่กตลอดเวลา ฮิเดโนรินั่งอยู่ใกล้กับไดซุเกะ
"ตั้งแต่คุณปู่คืนพลังให้นางปีศาจหิมะ ร่างกายคุณปู่ดูอ่อนแอลงมาก คุณปู่ไม่ได้ถูกมันแอบดึงพลังไปด้วยใช่ไหมครับ"
"ปู่ยอมเสียพลังไปบ้าง เพราะอยากให้มันช่วยกำจัดนังรินดาราศัตรูของโคสึกะ"
"แต่ผมว่าคุณปู่จะเสียพลังไปให้มันเปล่าๆ นังยูกิจัดการรินดาราไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ"
"แกมั่นใจได้ยังไง"
ฮิเดโนริโกหก
"วันก่อนผมบังเอิญเจอรินดาราในเมือง ผมลองเข้าไปจัดการเธอดู แต่พลังเทพธิดาดาวเดือนเจ็ดในตัวเธอทำให้ปีศาจจิ้งจอกอย่างผมแทบแย่ แล้วนับประสาอะไรกับนางปีศาจหิมะที่ยังต้องอาศัยร่างคนอื่นอยู่"
"ได้ไม่ได้เดี๋ยววันนี้ก็รู้"
"หมายความว่ายังไงครับ"
"เพราะตอนนี้นังยูกิกำลังไปจัดการรินดาราถึงที่มิยาคาวะ"
ฮิเดโนริอึ้งตะลึงงัน !
ยูกินั่งยิ้มปริ่มดูกระดาษออกแบบลายชุดกิโมโนดอกวิสทีเรียฝีมือของยูกิอยู่ที่โต๊ะกลางสวน...
บนโต๊ะมีจานขนมแก้วชารับแขกวางอยู่ด้วย
โฮชิกับมิกิยืนมองอยู่กิอยู่ด้านหนึ่ง มิกิเห็นสายตาของโฮชิมองไปที่ยูกิก็รู้ว่าเขาคิดอะไร
"คุณยูกิผ่านประตูโทริอิเข้าไปในเขตศักดิ์สิทธิ์ของศาลได้แล้ว ท่านชายยังไม่หายสงสัยเธออีกหรือคะ"
"ความสงสัยมันหายไปแล้ว แต่ชั้นยังมีความรู้สึกอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนนี้ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้"
"ท่านชายเป็นห่วงพวกเราจนคิดมากไปหรือเปล่าคะ"
"ชั้นก็ขอให้เป็นแบบนั้น เอาเป็นว่าถ้าคุณยูกิไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน พวกเราก็จะเป็นมิตรกับเธอได้
ยูกิหันมามองทางโฮชิกับมิกิ มิกิรีบเข้าไปหายูกิ
"เป็นยังไงคะ ชอบลายกิโมโนที่ชั้นออกแบบให้หรือเปล่า"
"ชอบค่ะ ชอบมาก"
แล้วเสียงรถยนต์ก็ดังขึ้นจากทางหน้าบ้าน
"เสียงรถ...คุณรินดารากับอาคิระกลับมากันแล้วค่ะ" มิกิบอก
ยูกิหันขวับไปมองทางเสียงรถ ตาวาวอาฆาตมาดร้ายขึ้นมาทันที
"คุณมิกิคะ..ดิชั้นอยากขอตัวเข้าห้องน้ำ ไม่ทราบว่าไปทางไหนคะ"
อาคิระเดินตามรินดารามาตามทาง ทั้งสองเพิ่งกลับจากการไปพบกับเคนจิ ที่กระเป๋าสะพายของรินดารามีปลายผ้าพันคอจากเนปาลที่เคนจิให้ห้อยออกมาจากกระเป๋า
"เดี๋ยว รินดารา"
รินดาราหยุดเดินแล้วหันมามองอาคิระอย่างสงสัย
"ก่อนไปพบท่านชาย คุณเอากระเป๋าไปเก็บก่อนเถอะ ถ้าท่านชายเห็นผ้าพันคอของรุ่นพี่คุณ มันจะไม่ดี"
"ไม่ดียังไงคะ"
อาคิระกลอกตาเซ็ง เรื่องแค่นี้ทำไมต้องให้อธิบาย
"ไม่มีใครรู้สึกดีเวลาเห็นคนรักของตัวเองทำท่าปลาบปลื้มของที่คนคนอื่นมอบให้หรอกนะคุณ"
"ท่านชายไม่ใจแคบแบบนั้นหรอกค่ะ"
อาคิระเผลอตัวฉุนเฉียวขึ้นมา
"ไม่ได้ใจแคบแต่หวง"
รินดารามองอาคิระอย่างตกใจและสงสัย...จะโมโหอะไรขนาดนี้ อาคิระรู้สึกตัวว่า เผลอตัวแสดงความรู้สึกของตัว เองออกไปก็รีบเก๊กหน้าขรึมกลบเกลื่อน
"ผม..ผมเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายด้วยกันดี ทำตามที่ผมบอกเถอะ ผมมีหน้าที่ดูแลท่านชาย ไม่ว่าเรื่องอะไรที่จะทำให้ท่านชายไม่สบายใจ ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด"
รินดาราเจ็บปวด พูดประชด
"ค่ะ..ชั้นก็จะทำเพื่อท่านชายเหมือนกัน"
"ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ"
อาคิระหันหลังจะเดินไป ใบหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าที่ต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจ รินดารามองตามหลังอาคิระอย่างเศร้าๆ แล้วเดินไปอีกทาง
"ใครบางคน" มองตามรินดาราอยู่
รินดาราสะพายกระเป๋ากำลังเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนตัวเอง "ใครบางคน" ตามหลัง แล้วมันก็เคลื่อนเข้ามาใกล้รินดารามากขึ้น เธอรู้สึกได้จากหางตาถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างจึงหันขวับไปมอง !
แต่ไม่เห็นอะไร...รินดาราไม่ได้ติดใจสงสัยจึงเดินต่อไป
รินดาราเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วเลื่อนปิดประตู ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะวางของใช้..ถอดกระเป๋าสะพายออก แล้วจู่ๆ รินดาราก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา
"เอ๊ะ...ทำไมอยู่ดีๆก็หนาวขึ้นมา หรือจะเป็นไข้" เธอเอามืออังหน้าผากตัวเอง
จู่ๆ ประตูห้องก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดเอง มันเลื่อนเบามากจนแทบไม่ได้ยินเสียง
รินดาราไม่รู้ตัวจนกระทั่งวางกระเป๋าเสร็จแล้วลุกขึ้นหันหน้าไปทางประตู จึงเห็นว่าประตูเปิดออก
"หือ ? ประตูเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่"
รินดาราเดินไปที่ประตู...ก่อนจะปิดประตูก็ชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอก..มองซ้ายมองขวาเช็คดูว่ามีใครอยู่ข้างนอกหรือเปล่า
ระหว่างนั้นเองที่ด้านหลังของรินดารา มีเส้นผมยาวดำค่อยๆ ห้อยลงมาจากเพดาน โดยที่รินดาราไม่รู้ตัว "อะไรบางอย่าง" มองลงมาจากเพดาน จ้องมองไปที่รินดาราอย่างอาฆาตมาดร้าย
รินดาราไม่เห็นใครอยู่ข้างนอก จึงก้าวกลับเข้ามาในห้อง กำลังจะเลื่อนปิดประตู
ประตูค่อยๆเลื่อนปิด "สายตานั้น" กำลังจะพุ่งลงไปหารินดารา..รินดารากำลังจะซวยแล้ว !!
เสียงอายูมิร้องไห้ดังลั่นมาจากทางห้อง "ฮือๆๆ"
โฮชิกับมิกิอยู่ที่สวนแล้วได้ยินเสียงอายูมิดังออกมาจากในตัวบ้าน ก็หันขวับไปมองทางเสียง
รินดาราตกใจ
"อายูมิ"
รินดาราเลื่อนเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปเลย
ยูกิยืนอยู่ในห้อง...มองตามรินดาราไปอย่างเจ็บใจ
"อย่าคิดว่าชั้นจะยอมปล่อยแกไปนังเมียวโจ"
รินดาราเดินเร็วๆ ไปที่ห้องอายูมิ ยูกิโผล่มาข้างหลังรินดาราแล้วดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าวาบ
รินดาราสะดุดล้มกองลงกับพื้น
"โอ๊ย!"
รินดาราหันกลับไปมองด้านหลังแต่ไม่เห็นอะไร รินดาราหันกลับไปแล้วกำลังจะลุกขึ้น
ยูกิก็เคลื่อนเข้าไปใกล้รินดาราแล้วยื่นมือไปหมายจะบีบคอรินดารา แต่พอมืออยู่ใกล้ตัวรินดารา
ปานรูปดาวที่อยู่บนแผ่นหลังของรินดาราก็สะท้อนแสงขึ้นโผล่ออกจากเสื้อ
แสงจากปานรูปดาวทำให้มือยูกิกลายเป็นสีแดงของไฟ ยูกิกระเด็นลอยไปติดข้างฝา พร้อมๆกับที่รินดาราลุกเดินออกไปแล้ว ทำให้รินดารายังไม่เห็นยูกิ
ยูกิทรุดล้มลงกับพื้นสีหน้าเจ็บปวด โฮชิกับมิกิเดินเข้ามาเห็นยูกินั่งกองอยู่กับพื้น จึงปราดเข้าไปหา
"คุณยูกิ คุณเป็นอะไร"
"เอ่อ...ดิชั้นรู้สึกเวียนหัวจะเป็นลมค่ะ"
กลกิโมโน ตอนที่ 9 (ต่อ)
รินดาราเดินเข้ามาในห้อง เห็นอายูมินั่งร้องไห้จ้าอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ
ส่วนไอนั่งกุมนิ้วชุ่มเลือดจากการถูกมีดบาด..บนโต๊ะตรงหน้าไอมีจานแอปเปิ้ลและมีดปอกผลไม้วางอยู่
"อายูมิเกิดอะไรขึ้นคะ"
"อายูมิให้พี่ไอปอกแอปเปิ้ลให้กิน แต่มีดบาดนิ้วพี่ไอ อายูมิขอดูแผล พี่ไอก็ดุอายูมิ"
"คุณไอคงจะตกใจอยู่น่ะค่ะ ไม่เป็นไรนะคะคนเก่ง" รินดาราปราดเข้าไปนั่งข้างๆไอ "เลือดคุณ
ออกเยอะเลย ชั้นช่วยค่ะ"
รินดาราจะคว้านิ้วไอมาดู แต่ไอชักมือหลบ
"ไม่ต้อง ! ชั้นไม่เป็นอะไร"
"แต่เลือดคุณไหลไม่หยุด" รินดาราล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อยื่นให้ไอ "เอาผ้าของชั้นไป
กดเลือดไว้ก่อนเถอะนะคะ"
ไอปัดผ้าเช็ดหน้า รินดาราอึ้งไปเลย
"ชั้นบอกว่าไม่ต้องไงล่ะ ! เธอทำชั้นเจ็บกว่านี้หลายเท่า ชั้นเจ็บแค่นี้มันไม่ตายหรอก"
"คุณหมายความว่ายังไง ชั้นทำอะไรให้คุณ"
ไอไม่ตอบแล้วเดินออกไปจากห้อง รินดาราตามไอไป
ไอสีหน้าบึ้งตึงเดินฉับๆ ออกมาจากด้านใน รินดาราตามไอเข้ามาพร้อมถาม
"เดี๋ยวค่ะคุณไอ คุณต้องคุยกับชั้นให้รู้เรื่องก่อน ชั้นทำอะไรให้คุณ"
เธอคว้าแขนไอ
"อย่ามาแตะต้องตัวชั้น"
ไอสะบัดมือรินดาราออกจากตัว แรงเหวี่ยงทำให้รินดารากระเด็นไปชนกับโต๊ะล้มลงไปทั้งโต๊ะทั้งคนเสียงดังโครมคราม...รินดาราสีหน้าเจ็บปวด ไออึ้งไปเหมือนกัน...ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้
อาคิระวิ่งออกมาจากด้านในพร้อมกับที่โฮชิกับมิกิ ยูกิเดินมาด้วยกัน
อาคิระกับโฮชิเห็นรินดารามีสีหน้าเจ็บปวดแล้วร้องออกมาเกือบจะพร้อมกัน
"รินดารา / ฮิคาริ"
ทั้งสองก้าวเข้าไปหารินดารา แต่อาคิระอยู่ใกล้กว่าจึงถึงตัวรินดาราก่อนและแตะตัว ถามอย่างห่วงใย
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ"
สายตาของอาคิระกับรินดาราที่มองกันนั้นช่างอ่อนโยน ทำเอาโฮชิหยุดชะงัก..เกิดความรู้สึกสะท้าน..ใบหน้าของเขาเศร้าหมองลงถนัดตา แต่มีแค่ยูกิเท่านั้นที่สังเกตเห็น
มิกิถาม
"ไอ เกิดอะไรขึ้น"
"มันเป็นอุบัติเหตุ ไอไม่ได้ตั้งใจค่ะ"
"ถ้างั้นก็ขอโทษคุณรินดาราซะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า ดิชั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก"
"ถึงยังไงก็ต้องขอโทษค่ะ มิยาคาวะให้ความสำคัญเรื่องการยอมรับผิด ในเมื่อทำผิดก็ต้องขอโทษ" มิกิบอก
"ไอบอกแล้วไงคะว่าไอไม่ได้ตั้งใจ"
มิกิเสียงเข้ม
"ไอ...ทำตัวให้สมกับเป็นมิยาคาวะด้วย ย่าสั่งให้ขอโทษคุณรินดาราเดี๋ยวนี้"
สีหน้าเอาจริงของมิกิที่นานๆ ทุกคนจะได้เห็นสักครั้ง ทำให้ไอกลัวจนฝ่อ จึงยอมขอโทษอย่างขอไปที
"ขอโทษ"
ไอเดินสะบัดออกไป มิกิ อาคิระ โฮชิ รินดารามองตามไออย่างไม่สบายใจ โดยเฉพาะรินดาราที่ต้องหันไปคว้ามืออาคิระเพื่อขอร้อง
"อาคิระ..คุณไปดูคุณไอหน่อยเถอะค่ะ"
อาคิระรับคำแล้วลุกตามไอออกไป
ไอวิ่งน้ำตาไหลด้วยความโกรธและน้อยใจออกมาจากในบ้าน แล้วหยุดยืนใกล้กับพุ่มไม้ แล้วไอก็ดึงทึ้งต้นไม้ระบายความโกรธและน้อยใจ
"ชั้นเกลียดแก ! เกลียดๆๆ"
"ไออย่า ไอ พอได้แล้วไอ"
อาคิระดึงตัวไอออกมาให้ห่างจนต้นไม้ ไอหันมาซบหน้าร้องไห้โฮกับหน้าอกของอาคิระ
อาคิระอึ้งตกใจ แต่ก็ปล่อยให้ไอร้องไห้อยู่อย่างงั้น
"ไอ...ถ้าไอมีปัญหาอะไรคุยกับชั้นได้นะ ชั้นจะช่วยไอเอง"
ไอถอนหน้าออกจากอกอาคิระ...ใช้มือปาดหน้าตาตัวเองป้อยๆ...สีหน้าดูมีความหวังขึ้น
"อาคิระช่วยไอแน่นะ"
อาคิระยิ้มอ่อนโยน
"ถามแปลก...เป็นพี่น้องกันไม่ช่วยกัน แล้วใครจะมาช่วยเรา จริงไหม"
"อาคิระเอารินดาราออกไปจากบ้านเรานะ"
อาคิระอึ้งไปเลย
"นะอาคิระ ให้มันกลับไปอยู่ที่ๆ ของมัน แล้วไอจะช่วยหานักกายภาพคนใหม่มาดูแลอายูมิแทนเอง ไอจะหาคนที่เก่งกว่าหลายเท่าเลย...นะอาคิระนะ"
"รินดาราทำอะไรให้ไอไม่พอใจ"
ไอเผลอตัวโพล่งขึ้น
"มันกับฮิเดะ ดูท่าทางสนิทสนมกันดีด้วย ไอกลัวว่ารินดาราจะเป็นพวกโคสึกะ อาคิระต้องรีบเอามันออกไปจากที่นี่ก่อนที่มันจะสร้างความเดือดร้อนให้เรา"
อาคิระจับมือไอ
"ไอเชื่อชั้นนะ ชั้นเอาชีวิตเป็นประกันได้...รินดาราเป็นคนของมิยาคาวะ เป็นคนของเทพนกกระเรียน รินดาราไม่มีวันทำให้มิยาคาวะเดือดร้อนแน่นอน"
"งั้นอาคิระก็ต้องทำให้รินดาราอย่าไปยุ่งกับฮิเดะ ไอจะได้สบายใจ"
"ถึงเราจะเป็นนายจ้างเขา แต่เราไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเขาหรอกนะไอ"
ไอสะบัดมืออาคิระออกอย่างหงุดหงิด
"นี่น่ะเหรอพี่น้องกัน ไม่เห็นจะช่วยอะไรไอได้สักอย่าง ทุกคนที่เคยรักไอเปลี่ยนใจไปรักรินดารา ไอไม่เหลือใครอีกแล้ว !"
ไอวิ่งออกไป
"ไอ ! ไอเดี๋ยวสิไอ"
อาคิระมองตามไอไปอย่างไม่สบายใจ
โฮชิกับมิกิเดินออกมาส่งยูกิที่หน้าคฤหาสน์มิยาคาวะ
"ต้องขอโทษคุณยูกิด้วยที่เกิดเรื่องวุ่นวาย น่าอายจัง"
ยูกิยิ้มรับ ระหว่างนั้นโฮชิจามฮัดชิ้ว ! ต้องรีบเอามือปิดปาก
ยูกิและมิกิหันขวับมองโฮชิอย่างแปลกใจ...ต่างฝ่ายต่างรู้ว่า อาการจามของโฮชิเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับเทพ
"เอ๊ะ ! คุณโฮชิเป็นหวัด แปลกจัง...คุณโฮชิเป็นหวัดได้ยังไง"
"ทำไมถึงจะเป็นไม่ได้ล่ะครับ"
"ก็ก่อนหน้านี้คุณโฮชิยังดีๆ อยู่เลยนี่คะ"
"อาการนี้ผมเป็นมาพักใหญ่แล้วครับ คิดว่าจะหาย...แต่ก็ยังไม่หา"
ยูกิพยักหน้ารับแล้วมองโฮชิพร้อมกับอมยิ้มเจ้าเล่ห์...รู้ว่าโฮชิเป็นอะไร
เวลากลางคืน ยูกินั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกสีหน้ามีความสุข มาโกะโตะนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ใกล้ๆ
"ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย เทพเจ้าหึงแล้วจะเป็นหวัด...ฮ่าๆๆ ตลกดี"
ยูกิชักสีหน้าไม่พอใจ ทำให้แก้วในมือมาโกะโตะกระเด็นออกจากมือไปฟาดกับกำแพงแตกเพล้ง !
"อย่าเอาโฮชิของชั้นมาล้อเล่น"
"แหม...แตะต้องนิดหน่อยไม่ได้เลยนะ ขอโทษที ว่าแต่เขาหึงใครล่ะ"
"นังรินดารากับอาคิระ แล้วถ้าสองคนนั้นรักกันขึ้นมาจริงๆมันก็ง่ายที่..." ยูกิลูบไล้ใบหน้าตัว
เองมั่นใจกับความสวยของร่างที่สิงอยู่ "ชั้นจะแทรกเข้าไปยืนในหัวใจของโฮชิได้ไม่ยาก"
"แต่ถ้าเธอทำให้อาคิระกับรินดารารักกัน ริเอะก็ต้องผิดหวังน่ะสิ
"แกกลัวริเอะผิดหวัง หรือตัวแกเองกลัวผิดหวังที่จะไม่ได้ครอบครองมิยาคาวะ"
"ก็...ทั้งสองอย่าง"
"ขอให้คุณโฮชิรักชั้นก่อนเถอะ แล้วชั้นจะทำให้ทั้งอาคิระและมิยาคาวะกลับมาเป็นของพวกแกเหมือนเดิม"
"แต่ชั้นรู้จักนิสัยของริเอะดี ริเอะอยากได้อะไรก็ต้องได้ ริเอะต้องไม่ยอมให้รินดาราแย่งอาคิระไปได้ง่ายๆ"
"ชั้นก็จะทำให้ริเอะเลิกสนใจอาคิระไปก่อน ด้วยการให้ในสิ่งที่ริเอะอยากได้ไม่น้อยไปกว่าอาคิระ"
ยูกิยิ้มมีแผน
แฮโรลด์กำลังคุยโทรศัพท์ขณะยืนเลือกแผ่นบอร์ดติดภาพสเก็ตซ์ชุดจำนวนที่เตรียมไว้เลือกสำหรับจะโชว์ในงาน โตเกียวแฟชั่นวีค
"นี่นังเพกา ! หล่อนโทร.หาชั้นเช้า กลางวัน เย็นหลังอาหารเห็นชั้นเป็นยาแก้คิดถึงผัวของหล่อนหรือไง ถ้าฟุ้งซ่านนัก...บินตามมาช่วยงานชั้นที่นี่เลยไหม แค่นี้ก่อนนะโปรดิวเซอร์ โทร.มาจิกขอแบบชุดฟินาเล่จากชั้นแล้ว ชั้นยังเลือกไม่ได้เลย ... ไม่ได้เรื่องมากย่ะ แต่มันยังไม่มีชุดที่ตรงคอนเซ็ปต์แฮโรลด์โก้เก๋ เข้าใจตรงกันนะ...บ๊าย"
แฮโรลด์วางสายแล้วเลือกชุดต่อ แต่ก็ยังไม่มีอันที่ถูกใจ
จู่ๆ แฮโรลด์ตัวสั่น รู้สึกหนาวเย็นยะเยือกขึ้นมา
"บรื๋อ...อะไรกัน เมื่อกี้ยังร้อนตับแตก อยู่ๆ ก็หนาวขึ้นมาเฉยเลย"
สิ้นคำก็เห็นมือขาวซีด คว้าข้อขาของแฮโรลด์แล้วกระชากแฮโรลด์ล้มลงไปชนกับโต๊ะของตกกระจาย
แฮโรลด์ลุกขึ้นมาแล้วเห็นว่าที่ข้อเท้ามีผ้าสีขาวพันอยู่
"บ้าจริง ! ใครผ้าเอามาวางตรงนี้ ดีนะหน้าไม่กระแทกโบท็อกแตก"
แฮโรลด์กำลังจะลุกขึ้น แล้วหันไปเห็นบอร์ดติดภาพสเก็ตชุดกิโมโนประยุกต์ฝีมือของยูกิ แฮโรลด์หยิบขึ้นมาดู
ลูกตาดำของแฮโรลด์เห็นชุดกิโมโนปรากฎอยู่ในนั้น ฉับพลัน! ดวงตาของแฮโรลด์ก็เปลี่ยนสีเป็นสีฟ้า ตัวแฮโรลด์แข็งทื่อ
ริเอะคุยโทรศัพท์อย่างตื่นเต้นดีใจ
"ขอบคุณมากนะคะคุณแฮโรลด์ รับรองค่ะ...ริเอะจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน พรุ่งนี้ เจอกันนะคะ"
มาโกะโตะเดินเข้ามาได้ยินที่ริเอะคุยโทรศัพท์
"มีข่าวดีอะไรบอกพ่อบ้างได้ไหม"
"คุณแฮโรลด์โทร.มาบอกว่าเลือกชุดของริเอะเป็นชุดฟินาเล่ในงานโตเกียวแฟชั่นวีคค่ะ"
"จริงเหรอ ! พ่อต้องจองที่นั่งแถวหน้าทุกรอบแล้วสิ"
"ขอบคุณค่ะ ริเอะคิดอยู่แล้วค่ะว่าถ้าคุณแฮโรลด์ตาถึงจริงเขาต้องเลือกชุดของริเอะไปเดินในโชว์ของเขา แต่ริเอะไม่คิดว่าเขาจะตาถึงมากถึงขนาดเลือกชุดของริเอะเป็นแบบเดินฟินาเล่"
มาโกะโตะยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้ดีว่าสาเหตุที่แฮโรลด์เลือกเป็นเพราะอะไร
"งั้นงานนี้ลูกต้องทุ่มเทให้เต็มที่เลยนะ"
"แน่นอนค่ะ คุณพ่อคอยดูเถอะค่ะ พอเสร็จงาน...ริเอะก็จะกลายเป็นดีไซเนอร์หน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุด"
สองพ่อลูกกอดกันอย่างมีความสุข
โฮชิบรรเลงโกะโตะในห้วงทำนองเพลงร่าเริง ฮิโตชินั่งโยกตัวไปตามจังหวะเพลงอยู่ใกล้ๆ โฮชิยิ้มไปกับฮิโตชิ แล้วสายตาของโฮชิก็มองต่ำออกไปเห็นอะไรบางอย่างที่ข้างนอกหน้าต่าง
โฮชิหยุดบรรเลงเพลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบายใจขึ้นมาทันที
รินดารานั่งถือหนังสือนิทานตำนานญี่ปุ่นอยู่ที่ม้านั่ง แต่สายตาทอดเหม่อออกไปเบื้องหน้า..ครุ่นคิดหนักใจเรื่องไอ สักพักเสียงโฮชิก็ดังขึ้น
"ยังไม่หายกลุ้มใจเรื่องไออีกเหรอฮิคาริ"
รินดาราหันไปเห็นโฮชิยืนอยู่ โฮชิเดินมานั่งข้างรินดารา
"ชั้นพยายามคิดอยู่ว่าชั้นทำอะไรให้คุณไอไม่สบายใจ แต่ชั้นคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกค่ะ"
"ชีวิตสี่ร้อยปีสอนให้ชั้นรู้ว่า..ไม่มีใครสามารถทำให้ทุกคนพอใจสิ่งที่เราทำได้ แต่ถ้าเรามั่นใจว่าเราไม่เคยไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เราก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก"
"นั่นสิคะ" รินดาราโชว์หนังสือในมือ "ขนาดในตำนานบอกเอาไว้ว่านางปีศาจหิมะทำให้เทพเจ้าจิ้งจอกสูญสลาย แต่ตระกูลโคสึกะก็ยังโทษว่าเป็นความผิดของเทพเจ้านกกระเรียน หรือว่าเรื่องในตำนานกับเรื่องจริงไม่เหมือนกันคะ"
"เหมือน"
"แล้วนักเขียนคนนี้เขาจะรู้ความจริงได้ยังไงคะ"
โฮชิพลิกดูหนังสือนิทานไปมา...แล้วนึกถึงอดีตที่ผ่านมา
ภายในร้านเหล้า Izakaya เมื่อ 25 ปีก่อน โฮชิเข้าไปหานักเขียนญี่ปุ่น
"ถ้าผมเล่าให้คุณฟังแล้ว คุณรับปากผมได้มั้ยว่าจะตีพิมพ์ตำนานเรื่องของเทพเจ้านกกระเรียนกับเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกให้เป็นที่แพร่หลาย"
โฮชิยิ้มกับหนังสือ
"ท่านชายยิ้มอะไรคะ ... หรือว่าท่านชายเป็นคนเล่าให้เขาฟัง"
"ใช่ฮิคาริ ชั้นตั้งใจให้เขาเขียนเรื่องของชั้นขึ้นมาเพื่อส่งเรื่องราวของชั้นไปถึงเธอ"
"จริงเหรอคะ ! ชั้นเข้าใจแล้วค่ะ ที่เราได้กลับมาพบกัน ไม่ใช่แค่เพราะเมียวโจเลือกชั้นเป็นร่างอวตารฝ่ายเดียว แต่เป็นเพราะท่านชายเองก็ช่วยดึงชั้นเข้ามาใกล้ด้วย แล้วท่านชายรู้ได้ยังไงว่า ชั้นจะได้อ่านแล้วจะหลงรักเมืองสึกิแบบนี้"
"ชั้นไม่รู้อะไรหรอก" โฮชิหันไปจับแก้มรินดารา "รู้แต่ว่าชั้นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พบเธออีกครั้ง แค่เสี้ยววินาทีก็ยังดี"
โฮชิจูบที่หน้าผากรินดาราด้วยความรัก
รินดาราชะงัก...แม้จะพยายามเข้าใจว่านั่นคือการแสดงความรักของโฮชิที่มีต่อเมียวโจ แต่เพราะเธอยังมีความเป็นรินดาราอยู่ในตัวทำให้เธอมีอาการขัดๆ เขินๆ แล้วเสียงอาคิระก็ดังขึ้นจากด้านหนึ่ง
"จะไม่มีการให้กิโมโนของมิยาคาวะไปให้ใครจัดแสดงทั้งนั้น "
รินดารากับโฮชิหันขวับไปทางเสียงอาคิระ
รินดาราเป็นห่วงอาคิระจนลืมตัว รีบลุกขึ้นไปทางเสียงอาคิระทันที
โฮชิมองตามรินดาราไปอย่างเก้อๆ เพราะรับ รู้ได้ว่ารินดาราเป็นห่วงอาคิระเหลือเกิน
อาคิระกดตัดสายโทรศัพท์มือถือ..สีหน้าหงุดหงิดเพราะถูกริเอะเซ้าซี้เรื่องแฮโรลด์อยู่นาน รินดาราเดินเร็วๆเข้า มาหาอาคิระ
"มีปัญหาอะไรหรือคะ"
"ริเอะขอให้ผมเอากิโมโนของมิยาคาวะไปให้คุณแฮโรลด์จัดแสดงที่สถาบันของเขา ผมปฎิเสธไปตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมถึงไม่เข้าใจ"
โฮชิตามเข้ามา
"น่าจะให้โอกาสเขาดูนะอาคิระ"
อาคิระโค้งหัวให้ความเคารพ
"ท่านชาย ผมต้องการรักษาคุณค่าของกิโมโนของมิยาคาวะเอาไว้ครับ การเอากิโมโนของมิยาคาวะไปจัดแสดงก็เหมือนเป็นการทำโฆษณา ผลที่ตามมากิโมโนของมิยาคาวะก็จะไม่แตกต่างจากกิโมโนที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด"
"แต่โลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะอาคิระ คนรุ่นใหม่จะมีสักกี่คนที่รู้ซึ้งถึงคุณค่ากิโมโนแต่ละผืนอย่างแท้จริง"
"ใช่ค่ะ ถ้าคนที่ไม่รู้จักกิโมโนดีก็จะบอกว่ากิโมโนของมิยาคาวะแพงเกินไป แต่ถ้าเขารู้ถึงคุณค่าที่ซ่อนอยู่ข้างใน เขาจะรู้ว่าจริงๆแล้วราคาที่ตั้งไว้มีค่าน้อยกว่าค่าของกิโมโนมาก"
"เท่าที่ชั้นรู้คุณแฮโรลด์คนนี้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าจากทุกมุมโลก ถ้าเขาเจาะจงมาง้อมิยาคาวะ แสดงว่าเขาไม่ใช่แค่ชอบ แต่เขาศรัทธาผ้ากิโมโนของมิยาคาวะมาก"
"ให้โอกาสคุณแฮโรลด์เถอะนะคะ แล้วก็ให้โอกาสคนชาติอื่นที่ไม่เคยมาญี่ปุ่นได้รู้จักกิโมโนของมิยาคาวะ นะคะอาคิระ...นะคะ"
อาคิระมองสายตาอ้อนวอนของรินดาราแล้วใจอ่อนขึ้นมา
"ก็ได้"
รินดารายิ้มสดใส ขณะที่อาคิระอมยิ้มนิดๆ เผลอปล่อยหัวใจไปกับความน่ารักของ "ผู้หญิงที่เขารัก"
โฮชิเห็นสายตาของคนคู่นี้ที่มองกันก็เกิดความเศร้า
"คงจะมีฮิคาริคนเดียวที่กล่อมอาคิระได้"
อาคิระได้สติกลับคืนมาจึงเก๊กหน้าขรึมเหมือนเดิม จงใจเน้นประโยคใส่
"คุณรินดาราเป็นแค่คนดูแลอายูมิ เธอไม่ได้มีอิทธิพลกับผมมากขนาดนั้นหรอกครับ"
รินดาราหุบยิ้ม
"แต่ที่ผมยอมให้คุณแฮโรลด์เอากิโมโนของมิยาคาวะไปจัดแสดงก็เพราะอย่างที่ท่านชายพูด คุณแฮโรลด์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าจากทุกมุมโลก บางทีเขาอาจจะเคยเห็นขนนกกระเรียนทองอยู่ที่ส่วนอื่นของโลกบ้างก็ได้"
"ชั้นเพิ่งเห็นคุณพูดจาเข้าท่าก็ครั้งนี้ แต่ถ้าจะให้เข้าท่ามากกว่านี้...เรื่องคุณแฮโรลด์คุณต้องให้ชั้นร่วมมือด้วย"
"คิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหน"
"ไม่เก่ง แต่มั่นใจว่ามนุษย์สัมพันธ์ของชั้นดีกว่าคุณ"
อาคิระมองรินดาราอย่างเคืองๆ รินดาราก็เชิดใส่ โฮชิเหมือนเป็นอากาศธาตุไปเลย
ท่ามกลาง บรรยากาศเมืองฟูกุโอกะ วันใหม่ ประตูห้องพร้อมกับเสียงกดกริ่งดังจากหน้าประตู...ริเอะเปิดประตูออกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่พบอาคิระกับรินดารายืนอยู่หน้าประตู ริเอะหุบยิ้มทันที
"ริเอะคิดว่าคุณจะมาคนเดียวซะอีก"
"รินดาราจะเข้ามาทำธุระในเมือง ผมก็เลยพาเธอมาด้วย"
แฮโรลด์เดินออกมาจากด้านในห้อง
"อ้าว...คุณอาคิระ เชิญข้างในเลยครับ"
แฮโรลด์มองสำรวจรินดารา
"นี่คุณรินดารานักกายภาพบำบัดของหลานสาวผมครับ รินดารา...นี่คุณแฮโรลด์"
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับ" เขาเดินรอบตัวรินดาราอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า "โอ้...หุ่นเป๊ะ หน้าเลิศ
เพชรเม็ดงามแห่งวงการแฟชั่น ถ้าอยากเป็นนางแบบ ขอแค่กระซิบบอกผมเท่านั้น จะให้ประเดิมงามโตเกียวแฟชั่นวีคเลย"
ริเอะเบ้หน้าหมั่นไส้
อาคิระหวง
"อย่าให้รินดาราไปทำให้คุณต้องขายหน้าเลยครับ"
ริเอะตัดบท หมั่นไส้
" อาคิระบอกข่าวดีกับคุณแฮโรลด์เถอะค่ะ"
"ข่าวดี? ข่าวดีอะไรครับ"
"ผมปรึกษากับผู้ใหญ่ในตระกูลแล้ว ทางเรายินดีจะมอบกิโมโนของมิยาคาวะไปให้คุณแฮโรลด์จัดแสดงที่สถาบันของคุณ"
"หา ! ผม...ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมครับ"
ริเอะรีบเอาหน้า
"ไม่ได้ฝันหรอกค่ะ ริเอะเป็นคนพูดให้อาคิระยอมใจอ่อนเอง"
อาคิระกับรินดาราหันขวับมองริเอะ...ช่างกล้า !
ริเอะหน้าด้านลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ แฮโรลด์ปราดเข้ามาจับมือริเอะ
"ขอบคุณมากนะริเอะ ไม่ผิดหวังเลยที่ผมเลือกชุดซามูไรประยุกต์ของคุณเดินฟินาเล่"
ริเอะเซ็ง
" ริเอะทำชุดกิโมโนประยุกต์ค่ะ"
"อ่อครับ กิโมโนประยุกต์ วันนี้มีข่าวดี ผมว่าเราฉลองกันดีกว่า ผมมีเหล้าบ๊วยรสเลิศจากเมืองซากะอยู่ในตู้"
"ชั้นช่วยค่ะ"
แฮโรลด์ยิ้มรับ รินดาราหันไปสบตากับอาคิระอย่างรู้กันแล้วเดินตามแฮโรลด์เข้าไปข้างใน อาคิระมองตามรินดาราอย่างห่วงใย ขณะที่ริเอะมองอาคิระอย่างหงุดหงิดเช่นกัน
แฮโรลด์เข้ามาเปิดตู้เอื้อมหยิบแก้วเครื่องดื่มออกมาสี่ใบพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี รินดาราช่วยรับแก้วจากแฮโรลด์มาวางที่โต๊ะ แล้วคิดหาเรื่องชวนคุย
"ที่สถาบันของคุณแฮโรลด์มีผ้าจัดแสดงเยอะไหมคะ"
เยอะสิครับและแต่ละชิ้นขอบอกว่า...ถ้าไม่โก้ไม่เก๋ ไม่มีคุณค่าเลเวลทะลุห้าดาว อย่าได้คิดว่าจะได้เข้าไปแสดงตัวอยู่ในสถาบันของแฮโรลด์"
รินดาราตัดสินใจแกล้งถาม
"ดิชั้นเคยได้ยินมาว่าที่สถาบันของคุณแฮโรลด์มีชุดที่ทำจากขนนกกระเรียนทองคำ..จริงไหมคะ"
"ชุดขนนกกระเรียนทองคำ ? ที่สถาบันไม่มีหรอกครับ"
รินดาราจ๋อย แล้วความหวังก็กลับมาอีกครั้งเมื่อแฮโรลด์พูดว่า
"แต่มีอยู่ที่นี่"
"มีอยู่"
ริเอะเดินเข้ามาในห้อง
"มีอะไรให้ริเอะช่วยไหมคะ" แต่ไม่มีใครใน "อ้าว...หายไปไหน"
เสียงแฮโรลด์ดังขึ้นจากด้านหนึ่ง...แอ่นแอนแอ๊น...
ริเอะหันไปมองทางเสียง
กลกิโมโน ตอนที่ 9 (ต่อ)
แฮโรลด์เดินตามรินดาราเข้ามาหยุดยืนหน้าห้อง
"ขอเชิญพบกับ...ชุดขนนกกระเรียนทองคำ"
แฮโรลด์เปิดประตูห้องออกพร้อมกับผายมือเข้าไปในห้อง
รินดารามองเข้าไปในห้อง...เห็นชุดขนกกระเรียนทองคำของแฮโรลด์ ซึ่งเป็นชุดนางโชว์ทำจากขนนกสีเหลืองอร่ามใส่อยู่กับหุ่น
รินดาราอ้าปากค้าง...อึ้งเหวอไปเลย
"นะ...นี่เหรอคะชุดขนนกกระเรียนทองคำ"
"ครับ ผมเตรียมเอาไว้ใส่ไปร่วมงานคานิวัลที่บราซิล ตอนแรกจะทำชุดงูเหลือมสีชมพู แต่มันไม่ค่อยอลังการก็เลยเปลี่ยนเป็นชุดนกกระเรียนทองคำดีกว่า คุณอยากเห็นไปทำไมครับ"
ริเอะเดินตามเข้ามาหยุดยืนฟังอยู่หน้าห้อง
"ชั้นไม่ได้หมายถึงขนนกปลอมย้อมสีทอง ชั้นพูดถึงขนจากนกกระเรียนทองคำจริงๆค่ะ คนรู้จักของคุณเคยมีใครพบเห็น หรือมีเก็บไว้บ้างไหมคะ"
แฮโรลด์ขำ
"คุณรินดารา...นกกระเรียนทองคำมันมีจริงๆ ซะที่ไหนล่ะครับ มันก็มีแต่ในนิทานเท่านั้น ว่าแต่คุณถามหาขนนกกระเรียนทองคำไปทำอะไร"
รินดารายิ้มไม่ตอบ ริเอะสงสัย
ยูกิโพล่งถามริเอะ มาโกะโตะอยู่ด้วย
"นังรินดาราตามหาขนนกกระเรียน มันตามหาไปทำอะไร"
"ชั้นจะไปรู้เหรอ ชั้นได้ยินนังรินดาราพูดถึงนกกระเรียนคนรักของแกชั้นก็เอามาบอก ตอบแทนที่แกช่วยให้คุณแฮโรลด์เลือกชุดของชั้นไปเดินฟินาเล่"
มาโกะโตะประหลาดใจ
"ลูกรู้ด้วยเหรอว่ายูกิช่วยลูก"
"ทำไมจะไม่รู้ล่ะคะ คนเฟอร์เฟคชั่นนิสต์อย่างคุณแฮโรลด์กว่าจะเลือกชุดไปเดินแสดงได้แต่ละชุดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาตอบไม่ได้เลยสักคำว่า ทำไมถึงชอบชุดริเอะ แต่ริเอะไม่แคร์หรอกค่ะว่าใครจะทำอะไร ชุดของริเอะได้เดินฟินาเล่ก็พอ ...ชั้นเอาเรื่อง นังรินดารามาบอกแกแล้ว บุญคุณครั้งนี้ถือว่าจบกัน"
ริเอะเดินเข้าไปในห้อง ยูกิใช้ความคิดอย่างหนัก
"เธอว่าเรื่องที่รินดาราถามหาขนนกกระเรียนจะเกี่ยวกับเรื่องปลดปล่อยคนรักของเธอกลับสวรรค์หรือเปล่า"
"เกี่ยวสิ ชั้นจำได้...เมื่อสี่ร้อยปีที่แล้วที่ชั้นต่อสู้กับโฮชิ ชุดกิโมโนสีน้ำเงินปักด้วยขนนกกระเรียนสีทองของเขาขาดเสียหาย นังรินดาราคงจะหาขนนกกระเรียนทองไปซ่อมชุดกิโมโนเพื่อปลดปล่อยโฮชิกลับสวรรค์"
"เธอก็สบายใจได้สิ พวกมันไม่น่าจะหาขนนกกระเรียนทองคำได้ง่ายๆ บนโลกนี้มีอยู่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"มีสิ...ไม่อย่างงั้นนังเมียวโจมันไม่ส่งนังรินดาราให้ลงมาช่วยตามหาหรอก แต่ชั้นจะไม่มีวันยอมให้พวกมันหาขนนกกระเรียนเจอ โฮชิต้องอยู่กับชั้นที่นี่ !
สีหน้ายูกิร้อนใจ
วันใหม่ ณ คฤหาสน์มิยาคาวะ เสียงบรรเลงโกโตะจากหอคอยดังคลอ ...
รินดารายืนหลับตาฟังเสียงโกโตะอย่างเคลิบเคลิ้มได้ครู่ ทันใดนั้นก็มี "ใครบางคน" โผล่มาด้านหลังรวบตัวปิดปาก รินดาราตาโตตกใจ..ดิ้นต่อสู้แล้วกระทุ้งศอกใส่ท้องคนนั้นเต็มแรง
"โอ๊ย"
รินดาราหลุดจากคนนั้น หันไปเห็น เคนจิ ที่กำลังงอตัวกุมท้องอย่างเจ็บปวด
"เคนจัง"
"อู้ย เดี๋ยวก็ไม่ให้เส้นไหมทองคำซะเลย"
รินดาราตื่นเต้นดีใจ
"เคนจังหาเจอแล้วเหรอ"
เคนจิยักคิ้วให้รินดาราอย่างกวนๆ แต่ดูแล้วโคตรหล่อ
ในห้องเก็บกิโมโนโฮชิ รินดาราแนะนำเคนจิให้โฮชิรู้จัก มิกิและอาคิระยืนอยู่ด้วย
"ท่านชายคะ นี่เคนจิรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของชั้นค่ะ เคนจัง...นี่ท่านชายโฮชิและคุณย่ามิกิ มิยาคาวะ"
เคนจิโค้งหัวให้โฮชิและมิกิ
" ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณย่า ท่านชาย"
โฮชิกับมิกิยิ้มรับ
"ยอมให้เขาขึ้นมาบนนี้ คุณย่าแน่ใจเหรอครับว่าเขาจะไว้ใจได้" อาคิระถาม
"คุณรินดาราเธอรับประกันให้ว่าเพื่อนคนนี้ไว้ใจได้ ท่านชายเองก็เห็นด้วย"
แต่อาคิระยังมีสีหน้าไม่สบายใจ
"เคนจิเขาแวะมาเที่ยวเมืองสึกิ แล้วก็ถือโอกาสมาบอกข่าวเรื่องเส้นไหมทองคำด้วยค่ะ"
อาคิระถาม
"เขาหามันพบแล้วเหรอ"
"ยังหรอกค่ะ แต่เรียกว่าได้เบาะแสที่ใกล้เคียงที่สุดมาจะดีกว่า"
"เบาะแส" โฮชิถาม
"ครับ..จากคุณป้าของผมที่อยู่เมืองไทย"
ทุกคนมองเคนจิด้วยสีหน้าแปลกใจ รินดาราช่วยอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ
"คืออย่างนี้ค่ะ ญาติทางพ่อของเคนจิเป็นทหารที่เคยถูกส่งไปประจำการที่เมืองไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนได้พบรักกับคนไทยที่นั่นและได้แต่งงานกัน และหนึ่งในสินสอดที่ญาติของเคนจิใช้หมั้นก็คือ..ผ้าไหมที่ปักด้วยเส้นไหมสีทอง"
"ครับ..ว่ากันว่ามันคือเส้นไหมที่ทำจากขนนกกระเรียนทองคำ"
มิกิตื่นเต้น
"เหมือนอย่างนี้รึเปล่าคะ"
มิกิชี้ให้เคนจิดูลวดลายบนกิโมโนโฮชิที่ยังปักไม่เสร็จ เคนจิดูแล้วสีหน้าไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
"ผมยังบอกไม่ได้ครับ"
"คือ..คุณป้าของเคนจิค่อนข้างเก็บตัวและแก่มาก..ก็เลยส่งรูปมาให้ดูไม่ได้ค่ะ"
"งั้นทางเดียวที่จะแน่ใจว่าใช่เส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำจริงรึเปล่าก็คือต้องไปให้ เห็นกับตา ผมอาสาจะไปเองครับท่านชาย"
รินดาราสีหน้าขอความเห็น
"ท่านชายคะ"
"เอาอย่างนี้..เมืองไทยก็เป็นบ้านของฮิคาริเหมือนกัน ยังไงก็ให้ฮิคาริไปเป็นเพื่อนอาคิระ ฮิคาริจะได้ถือโอกาสกลับไปเยี่ยมครอบครัวด้วยเลย"
"แล้วท่านชายไม่ไปด้วยกันเหรอคะ"
"อย่าลืมว่าที่นี่ยังไม่ปลอดภัย พวกโคสึกะจะลงมือทำอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้ แล้วไหนจะเรื่อง นางปีศาจหิมะที่ยังหาตัวไม่เจออีก ชั้นคงต้องอยู่คอยดูแลทุกคน"
รินดาราพยักหน้า ทุกคนแววตามุ่งมั่น
ภายในสวน รินดารากับเคนจิและอาคิระพากันเดินเข้ามา
"ขอบใจมากเลยนะเคนจิสำหรับข่าวดี"
เคนจิยิ้มรับ แต่อาคิระกลับแย้งขึ้นมา
"ยังเรียกว่าเป็นข่าวดีไม่ได้หรอก เพราะเรายังต้องไปเมืองไทยเพื่อดูให้เห็นกับตาก่อน" อาคิระบอก
รินดาราหันมาค้อน
"คุณอาคิระพูดถูก ผมไม่ได้ติดต่อกับคุณป้ามานานมาก บางทีอาจไปแล้วไม่ได้อะไร"
"แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีความหวัง และเคนจิก็เอาความหวังนั้นมาให้"
รินดารายิ้มดีใจกับเคนจิ โดยที่อาคิระได้แต่หางตามองแสดงท่าทางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักออกมาโดยไม่รู้ตัว ระหว่างนั้นไอเข้ามาพอดีสังเกตเคนจิด้วยความสงสัยเลยกระซิบถาม
"นี่ใครเหรออาคิระ ไม่เห็นแนะนำให้รู้จักเลย"
"เคนจิ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของรินดารา เขาแวะมาเที่ยวที่เมืองเรา"
"ยินดีที่รู้จักครับ..คุณ"
"ไอค่ะ..มิยาคาวะ ไอ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับอาคิระ"
เคนจิโค้งให้อย่างสุภาพ ไอโค้งรับตามมารยาธรรมเนียมปฏิบัติชาวญี่ปุ่น แต่แววตาซ่อนความอยากรู้อยากเห็น
"แล้วเธอจะพาเพื่อนไปเที่ยวไหนเหรอจ๊ะ..รินดารา"
"เคนจิเขาอยากชมวิธีการทอผ้ากิโมโมของมิยาคาวะ"
"แต่ปกติคนนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปชมโรงงานนะ รินดารา"
"คุณย่าอนุญาตแล้วค่ะ"
ไอชะงักไปครู่แล้วหันไปมองอาคิระที่ทำสีหน้าเรียบเฉย
"ถ้าคุณย่าอนุญาตแล้วก็เชิญตามสบาย...ขอตัวก่อนนะครับ"
เคนจิโค้งรับ อาคิระเดินออกไป ไอมองตามอาคิระด้วยสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง แล้วโค้งให้เคนจิก่อนจะเดินตามอาคิระไป
ภายในออฟฟิศ อาคิระนั่งลงที่โต๊ะทำงาน เอาเอกสารขึ้นมาเซ็นต์
"ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ชั้นคงต้องฝากให้เธอเป็นธุระจัดการงานในโรงงานด้วยนะ เพราะชั้นจะไม่อยู่หลายวัน อาจจะสักอาทิตย์นึง"
"เธอจะไปไหนเหรออาคิระ ปกติเธอไม่เคยทิ้งงานไปนานๆนี่"
"ชั้นมีธุระกับรินดาราที่เมืองไทย"
"เมืองไทย ธุระอะไร"
"เป็นธุระสำคัญที่คุณย่าสั่งให้ไป"
"แล้วไปแค่สองคนเองเหรอ"
อาคิระพยักหน้ารับแล้วเซ็นต์เอกสารฉบับอื่นต่อ ไอเลยยิ่งสงสัยอยากรู้เลยขยับเข้าไปใกล้ๆเลียบเคียงถาม
"นี่...อาคิระ ชั้นถามจริงๆเถอะ เพื่อนชายของรินดาราเมื่อกี้นี้ ไม่ใช่แค่เพื่อนกันใช่มั้ย ดูท่าทางเวลาที่รินดาราคุยด้วยแล้ว..น่าจะเป็นคนพิเศษ หึ..ก็ไหนบอกว่ายังไม่มีแฟน"
อาคิระชะงักนิ่งไป
"โธ่เอ้ย..ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงที่ชอบเที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่วนี่เอง ใครๆถึงได้พากันติดใจ"
อาคิระรู้สึกไม่พอใจ ปิดแฟ้มเสียงดังจนไอผงะ
"เธอไม่ควรพูดถึงรินดาราแบบนี้นะไอ"
"ทำไมจะพูดไม่ได้ ก็เห็นๆอยู่ หรือว่าอาคิระก็โดนหว่านเสน่ห์หลงผู้หญิงไทยคนนี้ด้วย"
"ถึงรินดาราจะเป็นลูกจ้างของตระกูล แต่ก็เป็นคนที่ท่านชายแนะนำมา เพราะฉะนั้นเธอไม่ควรพูดเสียๆหายๆกับรินดารา เอาล่ะ..งานที่เหลือชั้นฝากเธอด้วยก็แล้วกัน"
อาคิระบอกเสร็จก็ออกจากห้องไป ไอมองตามจิกหน้าครุ่นคิดสงสัย
"ปกป้องกันจังเลยนะนังรินดาราเนี่ย..มันมีอะไรวิเศษวิโสนักหนา..เชอะ"
ภายในห้องนอน ฮิเดโนริตกใจเมื่อรู้สิ่งที่ไอมาบอก
"ว่าไงนะ ? รินดาราจะไปเมืองไทยกับ"
ไอตั้งใจมาเย้ยเขาเต็มที่
"ใช่ ไปกันสองคนอยู่กันตามลำพัง หึ..ท่าทางอาคิระมีใจให้รินดาราอยู่ด้วย แบบนี้คงมีอะไรมากกว่าที่อาคิระบอกแน่"
"ไม่มีทาง อาคิระไม่มีวันได้สมหวังกับรินดารา" เขาปักใจเชื่อ เพราะรินดาราเป็นเทพเจ้าดาวเดือนเจ็ด
"งั้นจะให้รินดาราสมหวังกับใคร สมหวังกับเธองั้นเหรอ หึ..ชั้นเป็นผู้หญิงเหมือนรินดารา แค่มองชั้นก็รู้แล้วว่ารินดาราจะเลือกใครระหว่างเธอกับอาคิระ"
เขาฉุนหันขวับไปบีบปากไอ แล้วดันตัวไปชิดติดกำแพง
ไอดิ้นๆและสีหน้าบูดเบี้ยวจากความเจ็บปวดจากแรงบีบของลูกครึ่ง ปีศาจจิ้งจอกอย่างเขา
"รินดาราจะไม่เลือกใครนอกจากไอ้โฮชิ !! เพราะอะไรรู้ไหม..เพราะรินดาราเป็นเทพธิดาดาวเดือนเจ็ดคนรักของเทพเจ้านกกระเรียน..แล้วเทพเจ้านกกระเรียนก็คือไอ้โฮชิ"
ไออึ้งไปเลย เขาสะบัดมือปล่อยจากปากไอ
ไอทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เพราะฮิเดโนริแรงเยอะมาก แล้วไอก็ผุดลุกขึ้นมาถาม
"เธอพูดเรื่องจริงเหรอ ท่านชายโฮชิเป็นเทพเจ้านกกระเรียนงั้นเหรอ"
"ใช่! มันอยู่บนหอคอยมิคายาวะมากว่าสี่ร้อยปี เรื่องนี้ไงที่เป็นความลับที่พวกมิยาคาวะพยายามจะปิดบังเธอ"
"มิน่า...คุณย่าถึงได้หวงไม่ให้ขึ้นไปบนหอคอย" เธอนึกได้แล้วโผเข้าไป " งั้นถ้ารินดาราเป็นคนรักของท่านชาย ก็แสดงว่าเธอก็จะเลิกรักรินดาราแล้วกลับมารักชั้นเหมือนเดิมใช่ไหมฮิเดะ"
เขาชะงัก
"ไอ...ทำไมเธอถึงรักชั้นมากขนาดนี้"
ไอกอดฮิเดโนริแน่น
"อย่าถามว่าทำไมเลยฮิเดะ เพราะความรักของชั้นทีมีต่อเธอมันมีความหมายเท่ากับชีวิตของชั้น ชั้นอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ อย่าเลิกรักชั้นนะฮิเดะ ชั้นขอร้อง ให้ชั้นทำอะไรชั้นยอมทั้งนั้น"
ฮิเดโนรินิ่งไปครู่
"ยอมทุกอย่างเลยเหรอ"
ไอพยักหน้ารับหนักแน่น ฮิเดโนริลอบยิ้มร้ายอย่างพอใจ
เคนจิเงยหน้าขึ้นจากเบาะรองพื้นเสื่อในห้องรินดาราพร้อมกับร้องลั่น
"โอ๊ย"
เคนจิกำลังถูกเกียวจับนวดแผนไทยด้วยท่ายาก เคนจิร้องเจ็บลั่น รินดารากับแป้งร่ำรีบเลื่อนประตูเข้ามาดู
"ว๊ายตายแล้ว..นังเกียว..นี่ทำบ้าอะไรของหล่อนเนี่ย"
"ก็นวดให้เคนจังอยู่ไง"
"แน่ใจเหรอคะว่าพี่เกียวกำลังนวดให้เคนจัง นึกว่ากำลังซ้อมมวยปล้ำกันอยู่ซะอีก"
"แหม..คุณน้องดาราคะ ลองถามเพื่อนคุณน้องก่อนเถอะค่ะ ถ้าพ่อสุดหล่อคนนี้ไม่เรียกร้องให้พี่จัดชุดใหญ่ให้ พี่ไม่มีทางงัดสุดยอดเคล็ดวิชานวดแผนโบราณออกมาใช้ง่ายๆ หรอกนะคะ"
รินดาราถาม
"จริงเหรอเคนจัง"
เคนจิพยักหน้ารับทั้งๆยังน้ำตาเล็ดแล้วชูนิ้วโป้งว่าสุดยอด
"ชั้นชอบนวดแผนไทยเลยขอให้จัดเต็มเอง...อู้ย... สุโค่ย เอาอีก"
"เห็นมั้ย ติดใจฝีมือนังเกียวเลย ฮิๆๆๆ"
รินดารากับแป้งร่ำเห็นท่าทางของเคนจิที่ติดใจปนเจ็บก็อดขำไม่ได้หัวเราะกันคิกคัก
ทางเดินหน้าห้อง แป้งร่ำยื่นกระดาษรายการของที่อยากให้รินดาราหิ้วมาจากเมืองไทย
"นี่ค่ะคุณน้อง ของที่พี่ฝากซื้อเวลาคุณน้องกลับมาจากเมืองไทย"
"ความจริงเรียกดาราให้ไปเจอที่ร้านก็ได้ค่ะพี่แป้ง"
"เกรงใจค่ะคุณน้อง เห็นยุ่งๆอยู่ พี่มาหาเองสะดวกกว่า อีกอย่างนังเกียวมันอยากมาสาระแนขอเห็นหน้ารุ่นพี่สุดหล่อของคุณน้องด้วย พี่ไม่อยากขัดใจมัน"
"ไม่อยากขัดใจหรืออยากเห็นด้วยค่ะคุณพี่"
"แหมคุณน้องก็..."
ระหว่างนั้นเกียวพาเคนจิออกมาส่ง สภาพเคนจิเดินเดี้ยงๆ มีเกียวเกาะติดแจสุดฤทธิ์
"อุ๊ยตาย..คุณพี่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ารุ่นพี่ของคุณน้องติดใจนวดแผนไทยหรือติดใจฝ่ามือนังเกียวกันแน่..ฮิฮิฮิ"
"เคนจัง..ถามจริง ยังสุโค่ยอยู่รึเปล่า"
เคนจิชูนิ้วโป้ง
"นวดไทย..สุโค่ยที่สุด"
"งั้นถ้าวันหลังแวะมาเมืองสึกิอีก ก็ขอเชิญที่ร้านเกียวนะคะเคนจัง เกียวยังมีคอร์สพิเศษ ทุ่ม ทับ จับ หัก ช้างกู อยู่ไหน !! ไว้รอ รับรองว่าเคนจังจะกระปรี้กระเปร่า คิดถึงแต่เกียวคนเดียวตลอดไป"
เคนจิออกอาการเหวอ พยายามแกะมือเกียวแล้วรีบเดินไปที่รินดารา
"ครับ..ไว้ผมจะไป " แต่ถอยห่างเกียวสุดฤทธิ์
รินดาราขำ
"ว่าแต่คุณพี่แน่ใจนะคะว่าจะไม่ไปกินราเม็งกับเรา"
เกียวกำลังจะพูดว่าไปแต่เจอแป้งร่ำหยิกแขน
"เชิญคุณน้องตามสบายเถอะค่ะ แค่นี้พี่ก็รบกวนคุณน้องจะแย่แล้ว..ไป..นังเกียวกลับบ้านได้แล้วย่ะ"
เกียวมองเคนจิตาละห้อยอ้อยอิ่ง แป้งร่ำต้องจิกดึงหูลากออกไป รินดาราอมยิ้มขำ
ภายในร้านราเม็ง รินดาราจัดการกับราเม็งในชามตรงหน้าจนเกือบหมด ส่วนเคนจิยังกินได้ช้ากว่า เพราะแค่จะยกแขนจับตะเกียบก็ยังระบม
"ตัวเบาเลยใช่มั้ยเคนจัง"
เคนจิยิ้มรับ โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าไม่ไกลจากกันเท่าไหร่นัก ไอกับฮิเดโนริแอบตามทั้งคู่มาห่างๆโดยมีฉากกั้น
ฮิเดโนริมองตามทั้งคู่ แล้วพยักหน้าให้ไอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออกหารินดาราจนเธอรับสาย
"รินดาราเหรอจ๊ะ..ตอนนี้เธออยู่ไหนแล้วเหรอ อาคิระสั่งให้ชั้นจัดการเรื่องตั๋วเดินทางให้เธอ เลยอยากได้หน้าพาสปอร์ตเธอหน่อยจ้ะ"
"ได้ค่ะคุณไอ ชั้นกำลังจะกลับอยู่พอดี เจอกันที่บ้านแล้วกันนะคะ"
รินดาราวางสาย ไอหันมายิ้มกับฮิเดะโนริ
"เคนจัง..ชั้นต้องขอตัวก่อนนะ มีธุระต้องกลับไปมิยาคาวะ"
"ไม่เป็นไรรินจัง ไว้เจอกันที่เมืองไทย"
"ขอบคุณมากนะเคนจัง"
รินดารายิ้มให้เคนจิแล้วเดินออกไป ทิ้งให้เคนจินั่งกินราเม็งอยู่คนเดียว ระหว่างนั้นฮิเดโนริที่แอบดูอยู่จึงเดินเข้ามา ทำทีว่าเดินชนเคนจิกระเป๋าตกพื้น
"ขอโทษด้วยครับ..ผมนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ"
"ไม่เป็นไรครับ"
ฮิเดโนริทำทีช่วยเก็บกระเป๋าให้แล้วฉวยโอกาสตอนเคนจิเผลอ จ้องตาเคนจิเขม็งจนเคนจิชะงักตัวเกร็งแข็งเหมือนถูกสะกดจิต ดวงตาของฮิเดโนริเป็นสีส้มของสุนัขจิ้งจอก แล้วยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์
ภายในห้อง ไดซุเกะอยู่กับยูกิและรับรู้ทุกอย่างจากฮิเดโนริ
"ว่าไงนะ..รินดารากับอาคิระน่ะเหรอกำลังจะเดินทางไปเมืองไทย"
"ครับคุณปู่ ผมอยากรู้ว่าพวกนั้นไปทำอะไรกัน ก็เลยสะกดรอยตามเพื่อนของรินดารา แล้วสะกดจิตมันจนรู้ว่าพวกนั้นไปเมืองไทยกันเพราะอะไร"
ยูกิสีหน้าสนใจขยับเข้ามาใกล้ฮิเดโนริ
"โฮชิไม่มีทางปล่อยให้ร่างอวตารของเมียวโจไปกับอาคิระตามลำพังแน่ ถ้านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ"
"ใช่..พวกนั้นกำลังตามหาเส้นไหมจากขนนกกระเรียนทองคำ เพื่อนำมาปักกิโมโนโฮชิ"
ยูกิชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที ดวงตากร้าวแข็งอย่างเจ็บใจ
"เป็นอย่างที่ชั้นคิดไว้ไม่ผิด ที่นังเมียวโจมันอวตารมาอยู่ในร่างของรินดารา ก็เพราะต้องการใช้ให้นังนั่นช่วยหาทางให้โฮชิได้กลับสวรรค์"
ไดซุเกะบอก
"งั้นเราต้องหาทางหยุดพวกมัน"
"ผมจะตามไปหยุดพวกนั้นที่เมืองไทยเองครับคุณปู่"
ยูกิจ้องหน้าฮิเดโนริอย่างอยากรู้
"ชั้นจะมั่นใจได้ยังไงว่าชั้นไว้ใจแกได้..เจ้าลูกครึ่งจิ้งจอก"
"ฮิเดะมีสัญชาติญาณของการสะกดรอยและเล่นงานเหยื่ออย่างไม่ให้รู้ตัว ชั้นรับประกันแทนหลานชายว่า เขาต้องไม่ทำให้เราผิดหวัง"
ยูกินิ่งไปแล้วคิดอยู่ครู่
"งั้นชั้นจะรอฟังข่าวดีอยู่ทางนี้ หวังว่าแกจะทำลายเส้นไหมทองคำได้นะ ฮิเดะ"
ฮิเดะพยักหน้ารับสีหน้ามั่นใจ
รินดารากับโฮชิเดินจูงมือกันภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว โฮชิแหงนหน้ามองดวงดาว
"คืนพรุ่งนี้ชั้นจะต้องมองดูดาวอยู่ที่นี่คนเดียว เธอจะคิดถึงชั้นไหมฮิคาริ"
"ค่ะ ชั้นจะคิดถึงท่านชาย"
โฮชิค่อยๆ กุมมือรินดาราขึ้นมาวางแนบใบหน้าตัวเอง ดวงตาที่มองรินดารานั้นช่างอาลัยอาวรณ์
"เธอสัญญากับชั้นได้ไหมฮิคาริ ว่านี่จะไม่ใช่การล่ำลาจากกันไปนานแสนนานเหมือนครั้งที่แล้ว เราจะห่างกันแค่ไม่กี่วัน แล้วเธอจะกลับมาหาชั้น"
"ชั้นสัญญาค่ะ ชั้นจะกลับมา"
ใบหน้าของทั้งๆคู่ค่อยๆเข้าหากัน รินดาราหลับตาพริ้มแล้ว ภาพของเมียวโจก็ปรากฎขึ้นในหัว
เมียวโจกับโฮชิแสดงความรักต่อกันก่อนจะล่ำลาด้วยการที่เมียวค่อยๆ เข้าไปใกล้ริมฝีปากของเขาแต่ไม่สัมผัสโดนกัน เธอเลื่อนริมฝากไปที่แก้มและทั่วใบหน้าเพื่อต้องการส่งผ่านความ รักทั้งหมด
รินดารารับรู้ถึงความรู้สึกของเมียวโจเมื่อครั้งนั้นจึงแสดงความรู้สึกแบบนั้นออกมา รินดาราเลื่อนริมฝีปากไปทั่วหน้าของโฮชิเช่นเดียวกับที่เมียวโจทำ โฮชิหลับตารับความรู้สึกนั้น
สักพักรินดาราก็ถอยหน้าออกจากหน้าโฮชิ โฮชิลืมตาแล้ว แต่รินดารายังไม่ลืมตาเพราะยังอยู่ในภวังค์ของการเป็นเมียวโจ
"ขอบใจนะโฮชิ..เมื่อไหร่ที่เราอยู่ห่างกันและไม่ได้สัมผัสกันแบบนี้"
รินดารากำลังพูดตามเมียวโจโอจิน ขณะที่ยังหลับตาอยู่
"ขอให้เธอจำไว้ด้วยว่า..."
แต่โฮชิโผเข้าประกบปากรินดารา รินดาราตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ แล้วไออุ่นจากโฮชิก็ทำให้เธอค่อยๆหลับ ตาพริ้มลงรับสัมผัสนั้นของเขา
อาคิระยืนใต้ต้นไม้มองภาพตรงหน้าอย่างบาดใจ มือกำแน่นเดินเลี่ยงออกมาน้ำตาคลอๆ
โฮชิถอนปากออกจากริมฝีปากของรินดารา แล้วโผกอดรินดาราแน่นด้วยความรักและอาลัยอาวรณ์ แต่รินดาราซึ่งกอดตอบนั้น มีสีหน้ากลับอึดอัด ไม่ได้อบอุ่นมีความสุขอย่างที่โฮชิเป็น แต่อย่างใด !?
อาคิระเศร้าๆมาตามทางเดิน ระหว่างนั้นเจอมิกิเดินเข้ามาพอดี
"ไปไหนมาเหรออาคิระ ย่าไปตามที่ห้องไม่เจอ"
"ผมลืมเอกสารไว้ที่โรงงานครับคุณย่า"
มิกิมองอาการหลานชายแล้วสงสัยว่าจะโกหก
อาคิระรีบเปลี่ยนเรื่อง
"คุณย่ามีธุระอะไรกับผมเหรอครับ"
"คุยตรงนี้ไม่สะดวก ไปคุยกันที่ห้องของย่าดีกว่า เพราะย่าอยากคุยก่อนที่อาคิระจะบินไปเมืองไทยกับรินดาราพรุ่งนี้"
มิกิบอกแล้วเดินนำไป อาคิระแปลกใจสงสัย
บ้านรินดาราที่เมืองไทย เสียงเรืองนภาดัง
"แม่..บอกพี่ดาราด้วยว่าอย่าลืมของฝากหนู"
ภายในบ้าน ดวงดาวกำลังคุยโทรศัพท์กับรินดารา
"นภา..เรานี่..แม่กำลังคุยธุระกับพี่เขาอยู่นะ"
รินดารายิ้มกับโทรศัพท์ รู้สึกดีใจที่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน
"ไม่เป็นไรค่ะแม่..บอกน้องๆว่าไม่ต้องห่วง พี่แวะซื้อมาให้เรียบร้อยแล้ว"
"ไม่ต้องไปตามใจน้องมากนักหรอกนะดารา ที่ต้องกลับมากระทันหันเพราะต้องมาทำธุระกับเจ้านายไม่ใช่เหรอ"
เรืองนภาสะกิดอยากรู้
"แม่..แม่..ฝากถามพี่ดาราด้วยสิ เจ้านายที่พี่รินดาราบอกว่าจะมาด้วย ใช่ผู้ชายที่พี่รินดาราชอบโทร.มาปรึกษาแม่บ่อยๆ รึเปล่า"
"นภา !!! แม่ว่าเราชักจะเสียมารยาทมากไปแล้วนะ" นภาตีแขนลูก "นี่แน๊ะ...นิสัยเสียแอบฟังผู้ใหญ่เขาคุยกัน ทีหลังอย่าทำ"
"โธ่เอ้ย..แม่ก็...ก็หนูอยากรู้นี่ว่าหนูจะได้มีพี่เขยเป็นคนญี่ปุ่นรึเปล่า" เรืองนภาเสียงดังใส่โทรศัพท์ "หนูเชียร์อยู่นะจ๊ะพี่ดารา..หนูอยากเห็นพี่ดาราใส่ชุดเจ้าสาวญี่ปุ่น"
รินดาราบอกดารา
"แม่คะ...บอกน้องด้วย เค้าเป็นเจ้านาย อย่าไปพูดให้เขาได้ยินเชียว"
"แม่รู้แล้วจ้ะ..ไว้เจอกันแล้วกันนะดารา เดินทางปลอดภัย เดี๋ยวแม่จะจัดการกับนภา แล้วจะไปบอกพ่อเขาให้"
ดวงดาวตัดสายไปแล้วจิกหน้าดุๆใส่เรืองนภาที่ยิ้มแหะๆ
ดวงดาวลงมาที่ใต้ถุนเรือนเห็นเรืองตะวันกำลังช่วยพ่อซ่อมกี่ทอผ้า
"พ่อจ๊ะ.. ทำไมมาซ่อมกี่ทอผ้าเอามืดๆค่ำๆล่ะ"
"พ่อได้ยินเสียงแม่คุยโทรศัพท์แล้วครับ ก็เลยชวนผมให้มาช่วยซ่อมกี่ทอผ้าไหมที่แม่ทอเอาไว้แล้วยังไม่เสร็จซะที จะได้ไว้เป็นของขวัญติดไม้ติดมือให้ดาราเอากลับไป"
สุรินทร์บอก
"ลูกเราไปอาศัยเขาอยู่ก็เกรงใจเขา ฐานะอย่างเราไม่มีอะไรจะให้เป็นของตอบแทนน้ำใจ เห็นดาราบอกว่าเขาเป็นตระกูลทำกิโมโนเก่าแก่ของญี่ปุ่น แม่เองก็มีฝีมือทอผ้าไหมสวยๆอยู่ น่าจะเป็นของขวัญที่เขาถูกใจ"
"แสดงว่าแอบฟังชั้นคุยโทรศัพท์กันทั้งพ่อทั้งลูก เห่อลูกสาวจะกลับมาเยี่ยมบ้านล่ะสิ"
"ไม่เจอหน้าตั้งหลายปี จะไม่คิดถึงลูกสาวได้ยังไงล่ะแม่"
สุรินทร์ยิ้มรับแล้วก้มหน้าก้มตาซ่อมกี่ทอผ้าต่อ แต่จังหวะลุกขึ้นกลับมีอาการหน้ามืดวิงเวียนปวดหัวแล้วล้มตึง หมดสติ ดวงดาวกับเริงตะวันตกใจร้องเสียงหลง
"พ่อ"
วันใหม่ คฤหาสน์มิยาคาวะ ตอนกลางวัน ทุกคน ยกเว้นไอ เดินออกมาส่งรินดารากับอาคิระไปเมืองไทย นานะ เคโกะ นารูตะช่วยกันขนของเข้าหลังรถ
อายูมิจับมือรินดารา
"อย่าลืมซื้อขนมที่เมืองไทยมาฝากอายูมินะคะ"
"ได้จ้ะ แต่อายูมิต้องสัญญานะว่าจะทำตามโปรแกรมกายภาพที่พี่เขียนเป็นตารางให้ทำ แล้วพี่จะขนขนมไทยอร่อยๆมาให้ทั้งตลาดเลย"
"สัญญาค่ะ"
โฮชิยิ้มให้รินดารากับอายูมิ แล้วหันมาพูดกับอาคิระ ที่มีอาการแววตาเศร้าๆ อันเป็นผลจากการคุยกับมิกิเมื่อคืน
"ฝากดูแลฮิคาริด้วยนะอาคิระ"
"ไม่ต้องเป็นห่วงครับท่านชาย ผมจะพารินดารากลับมาหาท่านชายเหมือนเดิม"
"ส่วนทางนี้อาคิระก็ไม่ต้องห่วง ชั้นจะดูแลทุกคนที่นี่ให้เอง"
"ขอบคุณครับ ผมไปนะครับคุณย่า"
อาคิระมองย่มิกิด้วยแววตาแฝงความเจ็บปวด แต่พยายามกลบเกลื่อนสุดฤทธิ์ด้วยการกอดมิกิ
มิกิกอดตอบแล้วกระซิบบอกอาคิระ สายตามองไปที่รินดารากับโฮชิ
"อย่าลืมเตือนตัวเอง เสมอว่าหน้าที่ของอาคิระคืออะไร และคุณรินดาราเป็นใคร"
อาคิระเจ็บปวด
"ครับ...ผมจะไม่มีวันลืมครับคุณย่า"
มิกิกับอาคิระถอนกอดออกจากกัน
"ออกเดินทางได้แล้ว เดี๋ยวจะไปไม่ทันเวลาขึ้นเครื่อง"
อาคิระกับรินดาราพากันเดินไป นารูตะช่วยถือกระเป๋า โฮชิมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิดมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล มิกิเหลือบมองสีหน้านั้นด้วยความสงสัยและพลอยไม่สบายใจไปด้วย
"มีอะไรเหรอคะท่านชาย"
โฮชิมองมิกิแล้วหน้าเครียดๆ
กลกิโมโน ตอนที่ 9 (ต่อ)
สุรินทร์นอนอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลจังหวัด
มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ภายใต้ การดูแลของหมอเพราะอาการเส้นเลือดในสมองแตก
ดวงดาวกับลูกๆยืนอยู่นอกห้อง ดวงดาวกับเรืองนภาสะอื้นไห้เป็นห่วง เริงตะวันได้แต่โอบกอดแม่กับน้องเอาไว้ เพื่อช่วยปลอบใจ
รถของตระกูลมิยาคาวะวิ่งไปตามถนน เสียงอาคิระดัง
"แล้วเคนจิล่ะ จะตามไปพบกับเราที่เมืองไทยเมื่อไหร่"
ภายในรถ นารูตะทำหน้าที่ขับรถพารินดารากับอาคิระมุ่งหน้าไปสนามบินผ่านถนนในหุบเขาสึกิ
"เคนจังเขามีธุระต้องไปจัดการที่โตเกียวแล้วจะบินตามไปพบเราให้เร็วที่สุด"
อาคิระพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของรินดาราดัง
"สวัสดีค่ะแม่..มีอะไรเหรอคะ หนูกำลังจะเดินไปทางสนามบินแล้วค่ะ ว่าไงนะคะ แม่…พ่ออยู่ไอซียู ! เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ..พ่อเป็นอะไรคะแม่"
อาคิระเห็นท่าทางรินดาราดูตกใจมากก็เป็นห่วง
เครื่องบินการบินไทยบินขึ้นจากรันเวย์ของสนามบินญี่ปุ่น ภายในเครื่องที่ชั้นเฟิร์สคลาสรินดารานั่งสีหน้าเป็นกังวล เครียดเรื่องอาการของพ่อจนไม่ยอมแตะอาหารที่แอร์โฮสเตสเอาเข้ามาให้ อาคิระเฝ้ามองอย่างเป็นห่วงจนต้องลุกจากที่นั่งเข้าไปปลอบใจ
"อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง คุณควรทานอะไรรองท้องก่อน อาหารของเขารสชาติดีเลยนะ"
"แต่ชั้นกินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ..ชั้น..ชั้นเป็นห่วงพ่อ"
รินดาราพูดไปก็น้ำตาซึม
"แต่คุณเป็นพี่สาวคนโต ถ้าไปถึงแล้วเกิดไม่สบายเป็นลมไปเพราะไม่ได้พักผ่อน คุณจะทำให้แม่กับน้องๆขวัญเสีย"
อาคิระพูดพร้อมกุมมือรินดาราอย่างให้กำลังใจ น้ำตารินดาราเลยเอ่อไหลออกมาอย่างเสียใจ
"ชั้นไม่อยากให้พ่อเป็นอะไรเลย..คุณอาคิระ..ฮือๆๆ"
อาคิระดึงรินดารามาซบอก
"เชื่อผมนะ…ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะคุณกับครอบครัวคุณเป็นคนดี เทพธิดาดาวเดือนเจ็ดถึงเลือกคุณไง..รินดารา"
รินดารามองอาคิระ เขาช่วยปาดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
โฮชิยืนสีหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้ากิโมโนโฮชิ ครู่หนึ่งมิกิก็เลื่อนประตูเข้ามา
"ท่านชายคะ ก่อนอาคิระขึ้นเครื่องดิชั้นได้โทรศัพท์ไปคุยแล้ว จริงอย่างที่ท่านชายมีลางสังหรณ์ค่ะ พ่อของ รินดาราความดันขึ้นจนทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้กำลังรอดูอาการอยู่ในไอซียู"
"สภาพจิตใจของเธอตอนนี้คงกำลังกังวลและเสียขวัญมาก ชั้นควรจะอยู่ข้างๆคอยเป็นกำลังใจให้"
"อาคิระบอกว่าจะช่วยดูแลอย่างเต็มที่ ดิชั้นกำชับไปด้วยว่าให้ช่วยเหลือครอบครัวของรินดาราทุกอย่าง"
"แต่หน้าที่ดูแลคนที่ชั้นรัก มันควรต้องเป็นชั้นไม่ใช่เหรอมิกิ"
มิกิชะงัก
"ท่านชาย...ดิชั้นขอโทษค่ะ ดิชั้นก็ว่าจะคุยเรื่องนี้กับท่านชายอยู่เหมือนกัน"
โฮชิมองมิกิสงสัย
"ก็เรื่องระหว่างท่านชาย อาคิระและรินดารา เมื่อคืนก่อนที่อาคิระจะเดินทาง ดิชั้นได้คุยกับอาคิระไว้แล้ว"
สีหน้าของมิกิดูจริงจังจนโฮชิอยากรู้
อาคิระมองรินดารานอนหลับพักผ่อนอยู่บนที่นั่งในชั้นเฟิร์สคลาส แอร์โฮสเตสจะช่วยห่มผ้าให้แต่ อาคิระขยับว่าจะทำเอง
อาคิระเอาผ้าห่มมาช่วยห่มตัวให้รินดาราอย่างเป็นห่วง ไรผมของรินดาราปรกหน้า เขาเอื้อมมือไปปัดให้อย่าง อ่อนโยน แต่ก็หยุดฉุกคิดถึงเรื่องที่คุยไว้กับคุณย่าก่อนเดินทางมาเมืองไทย
อาคิระตามมิกิเข้ามาหาในห้อง ท่าทางของคุณย่าดูเคร่งขรึม
"เก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้วเหรอ"
"ครับคุณย่า"
"เรื่องที่ย่าอยากคุยด้วย เป็นเรื่องที่ย่าอยากจะเตือนอาคิระที่ต้องเดินทางไปเมืองไทยกับรินดาราตามลำพัง"
"เตือนผม"
"ใช่..ย่าเลี้ยงอาคิระมาตั้งแต่เล็กๆ เฝ้าดูอาคิระเติบโตมาตลอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ย่าเห็น ไม่ว่าอาคิระจะปกปิดยังไง อาคิระก็ปิดย่าไม่ได้"
"ผมไม่ได้มีอะไรปกปิดคุณย่า"
"แต่สายตาของอาคิระมันปิดความลับไม่ได้ เวลาที่อาคิระมองรินดาราทำไมย่าจะไม่รู้ว่า อาคิระกำลังคิดอะไรอยู่..มันไม่ใช่เรื่องสมควรเลยที่อาคิระจะรู้สึกกับรินดาราแบบนั้น"
อาคิระก้มหน้านิ่งมือเริ่มกำแน่นอย่างเจ็บปวด
"ลืมไปแล้วเหรอไงว่าเทพเจ้านกกระเรียนมีบุญคุณกับตระกูลของเรามากแค่ไหน"
อาคิระน้ำตาคลอ
"ผม...ผม ผมไม่เคยลืมครับคุณย่า"
มิกิเห็นหลานเสียใจก็สงสารแต่ก็ต้องฝืนเหมือนกัน
"ถ้าไม่เคยลืม..งั้นอาคิระก็ต้องรับปากย่าว่าลูกหลานของมิยาคาวะจะต้องไม่ทำให้บรรพบุรุษเสียใจ"
มิกิขอร้องหลานไปก็น้ำตาคลอๆเหมือนกันเพราะสงสารแต่ก็ต้องฝืน อาคิระตัดสินใจก้มหัวจนจรดหน้าผากกับพื้นเสื่อทาทามิ
"ผมรับปากครับคุณย่า..ผมจะทำหน้าที่ของลูกหลานมิยาคาวะอย่างดีที่สุด"
อาคิระค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา กลั้นน้ำตาเอาไว้สุดฤทธิ์ก่อนจะคลานเข่าออกจากห้องไป ย่ามิกิมองตามหลานชายด้วยความเวทนาสงสาร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหน้าที่
"อาคิระ"
บนหอคอย มิกิสนทนาอยู่กับโฮชิ
"อาคิระเขารับปากดิชั้นแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ทำอะไรที่ทำให้ท่านชายไม่สบายใจเด็ดขาดค่ะ"
โฮชิหันมาตำหนิ
"มิกิทำอย่างนี้ไม่ถูก"
"ทำไมคะท่านชาย"
"รินดาราอาจจะเป็นร่างอวตารของเมียวโจ มีความรู้สึกนึกคิดของเมียวโจทุกอย่าง แต่รินดาราก็ยังต้องมีชีวิตของตัวเองด้วยเหมือนกัน"
"ค่ะดิชั้นเข้าใจ แต่เท่าที่สังเกต ดิชั้นเห็นว่ารินดาราเองก็มีความรักให้ท่านชายเหมือนกับที่เมียวโจมี"
"ใช่..เธอพูดกับชั้น เธอแสดงท่าทีว่ารักชั้นเหมือนกับที่เมียวโจมีต่อชั้นทุกอย่าง..แต่ว่า" โฮชิเห็นว่า ในแววตาของรินดาราก็ยังมีความลังเล
"ทำไมเหรอคะท่านชาย"
โฮชิไม่อยากพูดออกมาให้เจ็บปวดกับตัวเอง
"ไม่มีอะไรหรอก..เอาเป็นว่าเรื่องลางสังหรณ์ที่ชั้นมี ไม่ใช่มีแค่เรื่องอาการป่วยของพ่อรินดาราอย่างเดียว แต่ชั้นยังมีลางสังหรณ์ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับอาคิระและรินดาราด้วย"
"อันตรายอะไรเหรอคะ"
"นางปีศาจหิมะกำลังจ้องจับตาชั้นอยู่..เพราะฉะนั้นมันต้องพยายามหาทางขัดขวางไม่ให้ชั้นได้กลับสวรรค์แน่"
ภายในห้องทำงานริเอะ มาโกโตะสีหน้าสงสัย เมื่อรู้จากริเอะ
“ว่าไงนะ..อาคิระกับรินดาราไปเมืองไทย”
“ก็ใช่น่ะสิ...เรื่องสำคัญขนาดนี้ นังยูกิมันไม่คิดจะมาบอกเราเลยสักนิด ต้องให้ริเอะไปรู้มาจากบ้านนั้นเอง”
มาโกโตะหน้าเสียมีกังว
“เบาๆหน่อยริเอะ ถ้ายูกิไม่พอใจลูกก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ริเอะชะงักไปนึกถึงความน่ากลัวของยูกิแล้วก็นิ่งไป แต่ยังมีท่าทางไม่พอใจอยู่
“แต่จะให้ริเอะอยู่เฉยๆ ริเอะทนไม่ไหวนะพ่อ”
“พ่อรู้..เรื่องนี้พ่อก็กำลังกังวลอยู่ ที่ผ่านมายูกิต้องพึ่งเราเพื่อให้หาเหยื่อมาเติมพลังชีวิตให้มันกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มันไปร่วมมือกับพวกโคสึกะ”
“พ่อหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าเรากำลังจะหมดประโยชน์น่ะสิ เวลาที่พ่อเลี้ยงลูกน้อง ถ้าคนไหนมันหมดประโยชน์ พ่อก็ไม่เลี้ยงมันเอาไว้ นังยูกิมันก็คงคิดไม่ต่างกัน”
"มิน่าล่ะ นังยูกิมันถึงไม่ได้คิดตั้งใจอยากจะช่วยริเอะจริงๆ"
"มันก็แค่อยากใช้อาคิระเป็นตัวขัดขวางไม่ให้รินดารามีโอกาสใกล้ชิดท่านชายโฮชิมากกว่า"
มาโกโตะโมโห
“นี่แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ตอนนี้แกควรจะห่วงชีวิตตัวเองมากกว่าจะห่วงแต่เรื่องอาคิระ”
“มันก็เรื่องเดียวกันนั่นแหละ ริเอะจะไม่อยู่ให้มันทำอะไรได้หรอก”
ริเอะฉุนเฉียวเดินออกไป มาโกโตะห่วงความคิดลูกสาวจะตามไป
“ริเอะ...เดี๋ยว”
แต่มาโกโตะต้องชะงักไป เมื่ออยู่ๆยูกิก็เดินเข้ามาขวางทาง พูดเสียงเยือกเย็นน่ากลัว
“มีอะไรกันเหรอ...มาโกโตะ”
มาโกโตะผงะหน้าเครียดเห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือกของยูกิแล้วกลัว
ริเอะกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางอย่างลวกๆ แล้วอยู่ๆเธอก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ เมื่อหันไปที่แก้วน้ำบนโต๊ะก็ต้องตะลึงเพราะน้ำในแก้วกลายเป็นน้ำแข็ง !!! ทันใดนั้นประตูห้องเปิดผ่าง ! ยูกิยืนแสยะยิ้ม
“เก็บกระเป๋าซะ ริเอะ เธอไม่มีหน้าที่ที่ต้องตามไปจุ้นจ้านอาคิระกับรินดาราถึงเมืองไทย”
“ยูกิ ก็... ก็ในเมื่อเธอไม่คิดจะช่วยชั้นจริงๆ ชั้น...ชั้นก็ต้องหาทางช่วยตัวเอง”
“อยากจะช่วยเหลือตัวเอง..คิดว่ามนุษย์อย่างเธอจะฉลาดกว่าปีศาจอย่างชั้นเหรอ”
น้ำเสียงของยูกิไล่ขึ้นจนกลายเป็นเสียงดัง พร้อมกับดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าวาบ
ภายในห้องอากาศหนาวเย็นจัดขึ้นมาทันที จนริเอะหายใจออกมาเป็นไอ ยูกิยิ้มร้ายเคลื่อนตัวเข้าหาอย่างน่ากลัว ริเอะผงะ พยายามถอยแต่ไปติดเตียง
“ชั้นวางแผนการทุกอย่างเอาไว้แล้ว ถ้าเธอไปทำให้แผนการของชั้นเสียหาย พวกที่หมดประโยชน์ก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
ริเอะหน้าเสียเมื่อยูกิจะยื่นมือมาที่คอเธอ ริเอะรีบปัดมือแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องทันที
“พ่อ..พ่อ ! ช่วยริเอะด้วย”
ยูกิมองตามยิ้มร้าย “หึๆๆๆ”
ริเอะวิ่งเข้ามาที่ห้องทำงานเรียกหามาโกโตะให้ช่วย
“พ่อ..ช่วยริเอะด้วย..พ่อ”
แต่ริเอะกลับพบมาโกโตะนอนคุดคู้อยู่ที่พื้นในสภาพกำลังหนาวสั่น หน้าซีด ปากซีดแทบจะไม่มีสีเลือด มีเกล็ด น้ำแข็งเกาะอยู่ตามตัวและบนผม
มาโกโตะสั่น
“ริ..ริ..ริเอะ”
“พ่อ”
ริเอะพยายามตั้งสตินึกถึงปืนที่พ่อเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานก็รีบเข้าไปหยิบออกมา ทันทีที่ยูกิตามเข้ามา ริเอะก็ หลับตาปี๋ลั่นไกใส่..เปรี้ยงๆๆ แต่กระสุนปืนทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นลูกปืนน้ำแข็งตกพื้นหมด
ริเอะตกใจ ยูกิยิ้มร้ายเย็นยะเยือกยื่นมือออกไป ริเอะก็ถูกดึงเข้าไปหาแล้วเริ่มจะกลายเป็นน้ำแข็งในมือยูกิ
“พ่อ..พ่อ..ช่วย..ช่วยริ..ริเอะด้วย”
มาโกโตะพยายามขืนตัวลุก
“อย่า..อย่าทำร้ายริเอะ..ชั้น..ชั้นขอร้องล่ะ..ยูกิ..ชั้นช่วยเธอมาตลอด ชั้นจงรักภักดีกับเธอ..ได้..ได้โปรดให้พวกชั้นเป็นทาสของเธอต่อด้วย..ยูกิ..ชั้นขอร้อง”
มาโกโตะกระเสือกกระสนคลานเข้ามาเกาะขายูกิ ในขณะที่ริเอะกำลังจะหมดลมหายใจ ยูกิชายหางตามองสองพ่อลูก แล้วนิ่งไปครู่ก่อนจะยอมปล่อยมือจากคอริเอะ
“จำเอาไว้ทั้งสองคน นี่คือการสั่งสอน มนุษย์อย่างพวกแกเป็นได้แค่ทาสของชั้นเท่านั้น”
มาโกโตะกับริเอะกลัวจนต้องไปกองอยู่รวมกันแล้วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“และที่ชั้นไม่บอกพวกแกให้รู้เรื่องอาคิระกับรินดารา ก็เพราะชั้นกำลังส่งคนไปขัดขวางไม่ให้พวกมันตามหาเส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำ...เข้าใจมั้ยริเอะ”
ริเอะกลัว
“เข้า..เข้าใจ”
ยูกิจับคางริเอะเชยขึ้น
“ไม่ต้องห่วงว่าชั้นจะลืมเรื่องอาคิระที่รับปากไว้ ถ้าเธอรู้จักอดทนรอ เหมือนอย่างที่ชั้นอดทนรอโฮชิมาถึงสี่ร้อยปี วันนึงเธอก็จะได้อย่างที่หวังแน่ ส่วนแกมาโกโตะ แกก็ไม่ต้องกลัวว่าชั้นจะกำจัดแกทิ้งหลังจากที่แกหมดประโยชน์ เพราะถ้าแกกับลูกสาวยังทำตัวเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์ ชั้นก็ยังไว้ชีวิตพวกแก จำไว้”
สนามบินสุวรรณภูมิ เครื่องบินลงแตะรันเวย์ ที่บริเวณเคาน์เตอร์การบินไทย รินดาราเพิ่งจะวางสายโทรศัพท์มือถือ อาคิระก็ลากกระเป๋าเดินเข้ามา
“ผมจัดการเรื่องเปลี่ยนเครื่องต่อไปบ้านคุณเรียบร้อยแล้ว อาการพ่อคุณเป็นยังไงบ้าง”
“พ่อยังไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ”
จับมือรินดารามาบีบปลอบใจ
“อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านคุณแล้ว อย่าลืมนะว่าคุณต้องเข้มแข็งเข้าไว้ ทุกคนรวมทั้งพ่อของคุณ เขากำลังรอคุณอยู่”
“ค่ะคุณอาคิระ”
รินดาราพยักหน้ารับแล้วพยายามตั้งสติให้ตัวเองเข้มแข็งอย่างที่อาคิระบอก
คฤหาสน์มิยาคาวะตอนกลางคืน ในห้องโถงไอพยายามโทรศัพท์หาฮิเดโนริแต่ติดต่อไม่ได้
“ ฮิเดะ...มัวทำอะไรอยู่..โทร.ไปกี่ทีก็ไม่รับเลย”
ไอเริ่มหงุดหงิดหัวเสียก่อนจะตกใจเมื่อมองไปที่เท้า พบหมาตัวหนึ่งเข้ามาเคลอเคลียที่ขาครางหงิงๆ
“หมาจากไหนเนี่ย..ชิ้ว..ไปให้พ้นเลย ชั้นเกลียดหมา..ไป..ไปสิ”
ไอพยายามไล่ตะเพิดเป็นจังหวะที่นารูตะกับนานะวิ่งเข้ามาพอดี
“โมโม่..โมโม่..มานี่เร็ว”
นานะเข้าไปอุ้มเจ้าโมโม่ขึ้นมา ไอชักสีหน้าไม่พอใจ
“นี่หมาของเธอเหรอนานะ”
“เอ่อคือ...” นานะมองนารูตะ “นารูตะเขาซื้อมาให้นานะเลี้ยงค่ะคุณไอ เพราะว่าตั้งแต่นานะเจอ
ผีหลอก นานะก็ไม่กล้านอนคนเดียว อย่างน้อยมีหมาอยู่เป็นเพื่อนก็ยังช่วยให้อุ่นใจบ้าง”
“ครับ...หมาเป็นสัตว์มีประสาทไว เวลาพวกภูตผีปีศาจโผล่มาจะได้ช่วยหอนเตือน”
“แต่ชั้นไม่ให้เลี้ยง เพราะถ้าหลุดเข้าไปในโรงงาน ไปทำกิโมโนเสียหาย ใครจะรับผิดชอบ”
นานะกับนารุตะก้มหน้าจ๋อยๆ มองเจ้าโมโม่อย่างสงสาร
อายูมิเข้ามา
“งั้นถ้าอายูมิขอเลี้ยงเองล่ะคะคุณอา”
“จะอายูมิหรือใครก็ไม่ให้เลี้ยง”
“แต่ว่าตอนนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลย อายูมิเหงาอยากมีเพื่อนเล่น”
“ก็นานะกับนารูตะไง”
“คุณอาขา”
“ยังไงก็ไม่ได้จ้ะ เอาไปปล่อย..ไปสิ”
ทุกคนหน้าจ๋อย ไอสั่งนานะกับนารูตะ
นารูตะกับนานะเอาเจ้าโมโม่มาปล่อยที่บริเวณศาล
“น่าสงสารแกจังเลยโมโม่ มาอยู่ไม่ถึงวันก็โดนทิ้งซะแล้ว” นานะหันไปดุนารุต “ เพราะแกคนเดียวเลย บอกแล้วว่าเจ้านายเขาไม่ให้เลี้ยงก็ยังดันทุรังเอามาให้เขาว่า”
“ก็ชั้นเป็นห่วงนานะนี่ ถ้าไปนอนเป็นเพื่อนได้ก็คงไม่ต้องเอาหมามาให้หรอก”
นานะเขินอายหน้าแดง
“บ้า...พูดอะไร ชั้นอายนะ”
“แล้วตกลงไปนอนเป็นเพื่อนได้รึเปล่าล่ะ”
“ไม่รู้..ประตูห้องไม่ได้ล็อค”
นานะหน้าแดงทำคิกขุเหนียมแล้วรีบเดินออกไป นารุตะยิ้มแก้มปริมีหวังแล้วกรู ก่อนจะรีบตามนานะไป โมโม่เดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวศาลเทพเจ้านกกระเรียนอยู่ครู่ก็เดินออกไป สักพักอายูมิก็เข็นรถเข็นเข้ามาตาม
“โมโม่..อยู่ไหน..โมโม่”
อายูมิได้ยินเสียงครางหงิงๆจากทางด้านหลังศาลก็หันไปมอง
เจ้าโมโม่มายืนเห่าไล่โฮ่งๆๆ อยู่ตรงบ่อน้ำ ฮิโตชินั่งอยู่ที่ขอบบ่อ
“ไป ชิ้วๆๆ..อย่ามายุ่งกับชั้นนะ..ไป บอกให้ไป”
ฮิโตชิพยายามไล่ แต่เจ้าโมโม่ก็ยังเห่าใส่ไม่เลิก ระหว่างนั้นเสียงอายูมิเรียกหาเจ้าโมโม่ดังแว่วๆเข้ามา
“โมโม่...โมโม่”
ฮิโตชิตกใจ
“อายูมิ ... แกรีบๆไปเลยนะ ถ้าอายูมิมาเห็นแกเอาแต่ขู่ชั้นแบบนี้ เดี๋ยวอายูมิจะสงสัย..ไปสิ..บอกให้ไป”
แต่เจ้าโมโม่ก็ยังไม่ไปไหน เอาแต่แยกเขี้ยวขู่เพราะสัญชาติญาณสัตว์ที่เห็นสิ่งเร้นลับ
อายูมิใกล้เข้ามา
“โมโม่..อยู่แถวนี้รึเปล่า”
ฮิโตชิเริ่มโกรธ
“ไม่ไปใช่มั้ย งั้นอย่าหาว่าไม่เตือนนะ”
ฮิโตชิจ้องโมโม่เขม็งแล้วหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นผีน่ากลัว
“แฮ่”
ได้ผล..เจ้าโมโม่ตกใจรีบวิ่งหางลู่หนีเตลิดไป ระหว่างนั้นอายูมิเข้ามา ฮิโตชิรีบเปลี่ยนหน้ากลับคืนเป็นเด็กธรรมดา
“ฮิโตชิมาอยู่นี่เอง..เห็นเจ้าโมโม่รึเปล่า”
“หมาน่ะเหรอ..เห็นสิ อยู่แถวนี้เมื่อกี้นี้ แต่ชั้นไล่ไปแล้ว คงหนีเข้าไปในป่าสนข้างหลัง”
“ฮิโตชิใจร้าย ไปไล่มันทำไม..อายูมิจะเอามันไปเลี้ยง”
“อย่าไปเลี้ยงมันเลย ฮิโตชิไม่ชอบหมา ไม่เห็นจะน่ารักน่าเลี้ยงตรงไหน”
“แต่อายูมิชอบหมา อยากเลี้ยงหมามาตั้งนานแล้วนะ อายูมิจะไปตามมันกลับมา”
อายูมิเข็นรถจะไปตามเจ้าโมโม่ ฮิโตชิเลยไปจับรถเข็นเอาไว้ไม่ให้ไป
“แต่ฮิโตชิไม่ให้ไป..ถ้าอายูมิจะเอาหมาตัวนั้นมาเลี้ยง ฮิโตชิก็จะไม่อยู่ที่นี่”
“ฮิโตชิ !! ทำไมทำนิสัยแบบนี้ จะมาบังคับให้อายูมิทำตามที่ฮิโตชิพอใจไม่ได้นะ”
“ก็ฮิโตชิไม่ชอบมัน อายูมิก็ต้องห้ามเลี้ยง”
“ฮิโตชิ !!! เดี๋ยวนี้ดุอายูมิแล้วเหรอ”
“ไม่ได้ดุ แต่พูดดีๆแล้วอายูมิไม่ฟังก็เลยต้องพูดดังๆ”
อายูมิเสียใจน้ำตาคลอ
“ฮิโตชิแกล้งอายูมิ..ฮิโตชิใจร้าย”
อายูมิน้ำตาเอ่อแล้วรีบเข็นรถเข็นออกไป ฮิโตชิมองตามแต่ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะผิด
ฮิโตชินั่งลงที่พื้นข้างๆโฮชิ ฮิโตชิปั้นหน้างอนๆเคือง
“ก็อายูมิมาดื้อกับฮิโตชิก่อนนี่ครับท่านชาย”
โฮชิยิ้มขำ
“แต่ชั้นว่าทั้งอายูมิทั้งฮิโตชิก็ดื้อด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ”
“ผมไม่ได้ดื้อ แต่ผมให้อายูมิเลี้ยงเจ้าโมโม่ไว้ไม่ได้จริงๆ เพราะหมามันเห็นฮิโตชิเป็นผี มันต้องไม่ชอบฮิโตชิ”
“แต่ที่ฮิโตชิไปห้ามอายูมิเลยแบบนั้น เด็กผู้หญิงเขาก็ต้องงอนเป็นธรรมดา ฮิโตชิควรจะค่อยๆพูดด้วยเหตุผลมากกว่า”
ฮิโตชินิ่งไปสีหน้าเริ่มเข้าใจแล้วเศร้ากังวล
“แล้วอายูมิจะเกลียดฮิโตชิรึเปล่าครับท่านชาย”
“ไม่หรอก เดี๋ยวอายูมิก็ลืม เป็นเพื่อนกันเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้เอง”
“งั้นพรุ่งนี้ ฮิโตชิจะไปง้ออายูมิ ท่านชายช่วยบอกวิธีหน่อยได้มั้ย ฮิโตชิไม่เคยง้อผู้หญิง”
โฮชิยิ้มแล้วลูบหัวฮิโตชิอย่างเอ็นดู
“ได้สิ...ผู้หญิงเวลาโกรธก็เหมือนพายุ เราต้องรอจังหวะพายุสงบก่อน แล้วเข้าไปคุย ไม่งั้นเราเองนี่แหละที่จะโดนพายุเล่นงาน”
ฮิโตชิฟังแล้วหัวเราะคิกคักชอบใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้เรื่องนางปีศาจหิมะ
“เวลาผู้หญิงโกรธก็เหมือนพายุของนางปีศาจหิมะใช่มั้ยครับ”
“ก็ทำนองนั้น”
“ท่านชายครับ..ผมเคยได้ยินท่านชายคุยกับคุณย่าเรื่องที่นางปีศาจหิมะพยายามเล่นงานท่านชาย ผมเลยมีเรื่องอยากสารภาพกับท่านชาย”
โฮชิมองสงสัย
“สารภาพ”
“ครับ..ความจริงแล้วที่ปีศาจหิมะหลุดออกมาเป็นเพราะ..เอ่อ..เป็นเพราะผมเอง..ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกฮิโตชิ..ช้าหรือเร็วสักวันชั้นก็ต้องเจอกับนางปีศาจหิมะอีก เพราะความเคียดแค้นที่เธอมีต่อชั้นยังไม่ถูกกำจัดให้หมดไป”
ฮิโตชินึกอะไรขึ้นได้
“งั้นท่านชายให้ผมช่วยตามหานางปีศาจหิมะให้มั้ยครับ..ผมช่วยได้นะ”
“เธอช่วยชั้นได้จริงๆเหรอฮิโตชิ”
ฮิโตชิพยักหน้าตาฉลาดๆ
บริเวณหน้าห้องไอซียู อาคิระกับรินดาราเดินทางมาถึง
“แม่คะ”
“ดารา”
รินดารารีบเข้าไปกอดแม่ทันที เริงตะวันกับเรืองนภาก็เข้ามาห้อมล้อม บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด
เริงตะวันบอก
“พี่ดารา ผมขอโทษครับที่ผมช่วยดูแลพ่อไม่ดี”
“หนูก็ด้วยค่ะพี่ดารา..หนูขอโทษ”
“ตะวัน นภา ไม่ใช่ความผิดของพวกเราเลยนะ น้องต่างหากที่ช่วยพี่ดูแลพ่อมาตลอด”
“พ่อเขาอยากเจอลูกมากนะดารา เขาตื่นเต้นมาก แต่ว่าพอลูกมาถึง เขาก็...”
ดวงดาวน้ำตารื้นสะอื้น รินดาราต้องบีบมือแม่ให้กำลังใจ
“แม่คะ..พ่อจะต้องไม่เป็นอะไร ตอนนี้หนูกลับมาแล้ว พ่อจะต้องดีใจหายเร็วๆแล้วได้เห็นพวกเราอยู่พร้อมหน้ากัน”
ดวงดาวพยักหน้ารับกับลูกสาวแล้วเหลือบไปมองที่อาคิระ รินดาราแนะนำ
“นี่คุณมิยาคาวะ อาคิระค่ะแม่”
อาคิระขยับเข้าไปโค้งให้ดวงดาวอย่างสุภาพนอบน้อม
อาคิระบอกกับรินดารา
“เข้าไปหาพ่อคุณเถอะ”
รินดาราพยักหน้ารับ
ดวงดาวพารินดารากับอาคิระเข้ามาดูอาการสุรินทร์ที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง
“ตลอดเวลาที่หนูอยู่ญี่ปุ่น ทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอกหนูเลยว่าพ่อเป็นโรคความดัน”
“พ่อเขาไม่ให้แม่บอก เขากลัวลูกจะเป็นห่วงเพราะตอนที่เริ่มมีความดันสูงเป็นช่วงที่ดารากำลังมีปัญหาเรื่องทุนเรียน”
“โธ่พ่อ” รินดาราเข้าไปกุมมือพ่อน้ำตาคลอๆ
“ตอนนั้นหมอให้ยาลดความดันมากิน และกำชับให้กินต่อเนื่อง แต่พ่อเขาประมาท พอความดันลดก็ไม่กินยาต่อ มาวันนี้ความดันเลยไปทำให้เส้นเลือดในสมองแตก แต่โชคดีที่ไม่ใช่เส้นเลือดใหญ่และปริมาณเลือดก็ไม่ได้มาก เลยไม่ต้องผ่าตัดแค่ให้ยาสลายลิ่มเลือด แล้วรอให้อาการของพ่อดีขึ้นเอง”
รินดาราฟังแล้วน้ำตาคลอบีบพ่อ กระซิบบอก
“หนูกลับมาแล้วนะคะ พ่อต้องสู้นะ อย่ายอมแพ้นะคะพ่อ”
อาคิระเห็นความเสียใจของรินดาราก็อดเป็นห่วงและสงสารไม่ได้
ที่บ้านรินดารา เรืองนภาพาอาคิระมายังห้องที่จัดไว้รับรอง
“แม่กลัวว่าคุณอาคิระจะร้อนเลยจัดห้องนี้ให้นอน เพราะห้องนี้เย็นที่สุดในบ้าน มีลมโกรกตลอดเวลาค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“งั้นคุณอาคิระพักผ่อนนะคะ หนูขอตัว”
เรืองนภาขอตัวออกไป อาคิระนิ่งสีหน้าครุ่นคิด
รินดาราอยู่ในห้องนอนของพ่อ เอาภาพถ่ายของพ่อที่เคยถ่ายกับเธอก่อนไปเรียนญี่ปุ่นขึ้นมาดู แล้วน้ำตาคลอๆ
“ขอให้คุณงามความดีที่ชั้นทำมาทั้งหมด ช่วยทำให้พ่อพ้นเคราะห์ครั้งนี้ด้วยนะคะ เทพธิดาดาวเดือนเจ็ด”
รินดาราปาดน้ำตาที่คลอเบ้าแล้วชะงักไป เพราะได้ยินเสียงบางอย่าง
“ นั่นใคร”
รินดาราถือไฟฉายเดินลงมาที่ใต้ถุนตรงบริเวณกี่ทอผ้าด้วยความสงสัย เธอสาดไฟฉายส่องหา
“ใครอยู่ตรงนั้น..ออกมานะ”
ฮิเดโนริยืนหลบมุมอยู่ แล้วหลับตาข่มจิตไม่ให้ส่งเสียงความคิดออกไปให้รินดาราได้ยิน
รินดารารู้สึกว่าเสียงเงียบไป ก็พยายามจะเงี่ยหูฟังแล้วเดินเข้าไปดูให้แน่ใจ แต่อาคิระเข้ามาตามพอดี
“รินดารา..คุณกำลังหาอะไร”
“คุณอาคิระ ชั้นได้ยินเสียงคนอยู่ข้างล่างนี้ค่ะ”
“ใครเหรอ”
“ไม่ใช่เสียงคนในครอบครัวชั้น แต่เป็นเสียงของคนที่... คนที่ชั้นเคยได้ยินเสียงความคิดเขา”
อาคิระสงสัย
“เสียงความคิด”
รินดาราอธิบาย
“ความสามารถพิเศษที่เมียวโจมอบให้ชั้นมาตั้งแต่เกิด คือการได้ยินเสียงความคิดของสัตว์ค่ะ ชั้นคิดว่าเธอคงอยากให้ชั้นใช้ช่วยตามหาเส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำ”
“เสียงพูดคุยของสัตว์ทุกชนิดเลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ..รวมทั้งครึ่งคนครึ่งสุนัขจิ้งจอกอย่างฮิเดะด้วย”
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณได้ยินเสียงความคิดของฮิเดะที่นี่..มันจะเป็นได้ยังไง เรื่องที่เรามาเมืองไทยมีแค่ไม่กี่คนที่รู้”
รินดาราเริ่มไม่แน่ใจ
“ชั้นก็ไม่แน่ใจค่ะ แค่รู้สึกว่าเสียงที่แว่วมาเมื่อกี้นี้ คล้ายเสียงของฮิเดะ”
“งั้นเพื่อให้แน่ใจ ผมจะไปตรวจดูให้เอง ถ้าฮิเดะตามเรามาจริงๆ ผมจะจัดการกับเขาเอง”
อาคิระจะไปตรวจดูแต่รินดารารีบแตะแขนเขาไว้อย่างเป็นห่วง
“ชั้นว่าอย่าเลยค่ะ..ฮิเดะเป็นลูกครึ่งปีศาจจิ้งจอกเขามีอันตรายมาก ถ้าเขาตามเรามาจริงๆ เขาคงออกมาทำร้ายเราไปแล้ว”
อาคิระหันมาจับมือรินดาราบีบเบาๆ
“หน้าที่ของผมคือปกป้องคุณนะรินดารา จะไม่มีใครมาทำร้ายคุณเด็ดขาด..ผมสัญญา”
อาคิระบีบมือรินดาราแน่นจนทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความจริงจังของเขา แต่อาคิระกลับชะงักฉุกคิดขึ้นมาเองดึงมือกลับแล้วกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง
“ท่านชายสั่งให้ผมคอยดูแลคุณ..ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนบุญคุณของท่านชายที่มีต่อตระกูลมิยาคาวะ คุณขึ้นบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
อาคิระพูดอย่างพยายามหลบไม่สบตารินดารา จนทำให้เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดของอาคิระที่ทำให้เธอเองก็ แอบเศร้าไปเหมือนกัน รินดาราเดินขึ้นบ้านไป อาคิระจึงมองสำรวจไปรอบๆอีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไร ก็ตามรินดาราขึ้นบ้าน
คล้อยหลังทั้งคู่ขึ้นบ้านไปได้ครู่ ฮิเดโนริจึงค่อยๆโผล่ออกมาจากมุมมืดด้วยดวงตาของจิ้งจอก กัดกรามอย่างเจ็บใจ
จบตอนที่ 9