กลกิโมโน ตอนที่ 5
บริเวณหน้าร้านเกียวและแป้งร่ำ รินดาราปล่อยกอดตัวเอง อาคิระยืนอยู่ด้วย
"แปลกจัง..อยู่ๆก็ไม่รู้สึกหนาวแล้ว อากาศที่สึกิแปรปรวนแบบนี้บ่อยรึเปล่าคะ"
"เปล่านะ..ที่นี่ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ผมว่าเรากลับกันเถอะ ผมเป็นห่วงคุณย่ากับอายูมิ"
"ขอชั้นรอเจอพี่แป้งร่ำกับพี่เกียวอีกสักสิบนาทีนะ คุณเดินกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวชั้นวิ่ง ตามกลับไป"
อาคิระน้ำเสียงหนักแน่น
"แต่ผมทิ้งคุณไว้ไม่ได้ เพราะท่านชายกับคุณย่าสั่งให้ผมดูแลคุณ"
"งั้นชั้นขอรออีกแปบเดียวนะคะ ชั้นแค่อยากให้เขารู้ว่าชั้นมา"
อาคิระหยิบกระดาษทังซะขุที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับปากกาเมจิกที่เตรียมไว้ให้ลูกค้ามาเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นลง ไปว่า "มาแล้ว ไม่พบ ต้องกลับก่อน...รินดารา"
รินดาราชะโงกหน้าอ่านตาม
"พวกเขารู้แล้วว่าคุณมา"
อาคิระเอากระดาษแขวนไว้ที่ประตู รินดารามองค้อนอาคิระ
แล้วจู่ๆ หูรินดาราก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากด้านหนึ่ง เธอมีสีหน้าไม่สบายใจขึ้นมาทันที แล้วตัดสินใจเดินไปทางเสียงนั้น
อาคิระติดกระดาษที่หน้าร้านบอกเกียวกับแป้งร่ำเสร็จ หันมาเห็นรินดาราเดินไปแล้ว
"รินดารา..คุณจะไปไหน"
อาคิระรีบตามไป
อาคิระหันซ้ายหันขวามองหารินดารา แล้วเห็นเธอยืนยื่นเงินให้พ่อค้าอยู่ที่หน้าซุ้มช้อนปลาทอง พ่อค้าโบกมือไม่ให้ รินดาราทั้งยื่นเงิน ทั้งโค้งซ้ำๆ ขอร้องให้เขารับเงิน
"เกิดอะไรขึ้น"
คนขายโค้งให้อาคิระอย่างคนรู้จักกัน
"คุณอาคิระ...คุณผู้หญิงเขาจะขอซื้อปลาทองทั้งหมด แต่ผมขายไม่ได้ ผมต้องเอาไว้ให้ลูกค้าช้อน "
อาคิระมองไปที่กะละมังใส่ปลาทอง เหลือปลาทองตัวเล็กๆ อยู่ประมาณ 7-8 ตัว
"ก็คิดซะว่าชั้นช้อนปลาทองได้หมดทุกตัวไงคะ เหลืออีกแค่ไม่กี่ตัวเอง ดีซะอีกจะได้กลับบ้านนอนเร็วๆ ขายให้ชั้นเถอะนะคะ"
อาคิระดึงแขนรินดาราออกมาห่างๆแล้วถาม
"เป็นอะไรของคุณอีก ทำไมอยู่ๆ ถึงจะร้องเอาปลาทองขึ้นมา"
"ชั้นสงสารปลาทอง พวกมันทั้งเจ็บทั้งกลัว แถมไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องช้อนพวกมันขึ้นมา บางตัวโดนขอบกระชอนกระแทกตัวซ้ำๆ จนเจ็บไปหมดแล้ว"
"คุณเป็นปลาทองหรือไง ถึงรู้ว่าพวกมันคิดอะไร"
"แค่มองด้วยตา ชั้นก็รู้ว่าพวกมันเจ็บ ... เออใช่ ! คุณรู้จักกับเจ้าของร้านนี่ คุณไปขอซื้อให้ชั้นสิ คิดซะว่าทำเพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ชั้น"
"ของขวัญวันเกิดให้คุณ"
"ค่ะ ถ้าคุณให้ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้กับชั้น คุณจะได้ทั้งใจของลูกจ้างอย่างชั้นและได้บุญเพราะช่วยชีวิตปลาทอง นะคะคุณอาคิระ นะคะๆๆ" รินดาราส่งสายตาเว้าวอนให้อาคิระ
"ปล่อย ! " รินดาราหน้าเศร้า "ถ้าคุณไม่ปล่อยแขนผม ผมจะกลับไปที่ร้านได้ยังไง"
รินดารายิ้มแล้วปล่อยมือจากแขนอาคิระ
อาคิระเก็กหน้าขรึมแต่พอหันหลังก็แอบอมยิ้มและส่ายหน้าเอ็นดูกับอาการของรินดารา ก่อนจะเดินกลับไปหาพ่อค้า รินดารามองตามลุ้นๆ
รินดารายืนคอย อาคิระเดินกลับมาพร้อมถุงใส่ปลาทองที่เหมามา รินดารายิ้มสดใสแล้วล้วงหยิบเงินในกระเป๋า
"เท่าไหร่คะ"
"ไม่ต้อง"
รินดาราดีใจ
"คุณซื้อให้ชั้นเหรอคะ"
"ผมจะหักจากเงินเดือนของคุณแทน" รินดาราเหวอ "ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น เมื่อกี้คุณ พูดว่าให้ผมไปขอซื้อปลา คุณจะออกเงินเอง ถูกต้องไหม"
เขายื่นถุงปลาทองให้รินดารา เธอกระแทกเสียงด้วยความหมั่นไส้
"ถูกต้องที่สุดค่ะ"
รินดารารับถุงปลาแต่หนักกว่าที่คิดจึงเกือบจะทำถุงปลาหลุดมือ อาคิระช่วยคว้าเอาไว้ได้ทัน มือทั้งสองคนจับกันอยู่บนถุงปลา ทันใดนั้นริเอะเข้ามาเห็นภาพนั้นพอดีก็ปรี๊ดจัด แต่เก็บอารมณ์ไว้ก่อน
"อาคิระ ! อาคิระมาอยู่นี่เอง ริเอะตามหาซะทั่วงานเลยค่ะ"
ริเอะพูดพร้อมกับจงใจเข้าไปเบียดแทรกตรงกลางระหว่างอาคิระและรินดารา ทำให้ถุงปลาหล่นลงพื้น ถุงแตก ปลาดิ้นกระแด่วๆ กระจายเต็มพื้น รินดาราตกใจร้องเสียงหลง
"ปลาชั้น"
รินดาราย่อตัวลงไปใช้มือประคองปลาขึ้น อาคิระช่วยเข้าไปดึงถังน้ำมาใกล้ๆ แล้วช่วยประคองปลาที่พื้นมาลงในถังน้ำด้วย
รินดาราพูดกับปลาที่อยู่ในมือ
"อดทนไว้นะ อดทนไว้"
ริเอะดักหน้ารินดารา ตามองอาคิระที่หันหลังอยู่ จึงกล้าพูดหาเรื่องรินดารา
"ทำสร้างภาพเป็นคนรักสัตว์ จะเรียกคะแนนให้ใครสงสารมิทราบ"
"ชั้นไม่ได้ว่างขนาดนั้นหรอกค่ะ อย่ามายืนขวางให้คนสร้างภาพอย่างชั้นช่วยชีวิตปลาทองหน่อยเลย...หลบไป"
ริเอะยืนนิ่งไม่หลบ จ้องหน้ากับรินดาราอย่างท้าทาย แล้วโดยไม่คาดคิด ริเอะปัดปลาที่อยู่ในมือของรินดาราลงพื้น รินดาราตกใจหน้าเสีย อาคิระหันขวับมามอง
ปลาซึ่งกระเด็นไปตกอยู่ที่พื้น ดิ้นกระแด่วๆ อยู่สองสามครั้งแล้วแน่นิ่ง รินดาราทรุดตัวร้องไห้สงสารปลาทอง
"ไม่นะ...ชั้นขอโทษ"
ระหว่างนั้นโฮชิ มิกิและอายูมิเข้ามาเห็นเหตุการณ์ โฮชิเป็นคนเข็นอายูมิ
"พี่รินดาราร้องไห้ทำไมคะ ใครทำพี่รินดารา"
มิกิถาม
"อาคิระ เกิดอะไรขึ้น"
ยังไม่มีใครตอบ รินดาราโมโหสุดขีด ลุกขึ้นไปชี้หน้าด่าริเอะ
"คุณริเอะ ! คุณทำแบบนี้ทำไม"
ริเอะสะตอปั้นหน้าเศร้า
"ชั้นเปล่านะ..ชั้นไม่ได้ตั้งใจให้มันตาย ชั้นแค่อยากจะช่วยเธอ แต่มันพลาดหลุดมือ" ริเอะทำทีไปเกาะแขนรินดารา) "ชั้นไม่ได้ตั้งใจนะรินดารา ชั้นขอโทษ"
รินดาราสะบัดแขนออกจากมือริเอะ
"ปล่อย ! คุณจะทำตัวน้ำเน่าคอยหาเรื่องแกล้งชั้น ชั้นไม่ว่า แต่ทำไมต้องไปลงกับชีวิตคนอื่นด้วย ถึงเขาจะเป็นแค่ปลาทอง แต่เขาก็รักชีวิตของเขา"
อาคิระ มิกิ โฮชิมองริเอะอย่างแปลกใจว่า ริเอะทำตัวแบบนี้กับรินดาราด้วยเหรอ จนริเอะร้อนตัวรีบปฎิเสธ ลืมอาการแอ๊บสะตอ
"นี่ ! อย่ามากล่าวหากันนะ ชั้นไปแกล้งอะไรเธอ"
"คิดว่าชั้นไม่รู้เหรอว่า ทำไมชั้นถึงถูกไล่ออกจากงานที่สวนสนุก"
ริเอะอึ้ง รีบพุ่งเข้าไปหารินดารา
"หยุดใส่ร้ายชั้นเดี๋ยวนี้นะรินดารา"
อาคิระล็อคแขนริเอะห้ามไว้
"ริเอะอย่า"
"ท่านชายคะ พาคุณรินดาราออกไปทีเถอะค่ะ"
โฮชิโอบประคองรินดาราที่น้ำตานองหน้าจากตรงนั้น ริเอะจะถึงยอมหยุด
"อาคิระ คุณย่าคะ ดูเอาเองเถอะค่ะว่าผู้หญิงคนนี้ขี้โกหกขนาดไหน"
อายูมิโพล่ง
"ไม่จริงค่ะ พี่รินดาราไม่ใช่คนขี้โกหก"
ริเอะอยากจะปรี๊ดใส่อายูมิ แต่ต้องเก็บอาการเต็มที่เพราะอาคิระและมิกิอยู่ตรงนั้น
อาคิระและมิกิส่ายหน้าเหนื่อยใจ
บริเวณศาลานั่งพัก (Imari Village in Saga) รินดารานั่งเอาดินกลบตัวปลาทองอยู่ใต้ต้นไม้ ใบหน้าของเธอเศร้าสร้อยมาก โฮชินำดอกไม้สดดอกเล็กๆ มาวางไว้เหนือหลุมศพของปลาทอง
"ชีวิตมีเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา อย่าเสียใจไปเลยนะ"
"ชั้นทราบค่ะท่านชาย แต่ที่ชั้นร้องไห้ เพราะชั้นสงสารลูกของเจ้าปลาทองตัวนี้ที่อยู่ในกะละมัง มันยังไม่รู้ว่าแม่ของมันตายแล้ว มันยังร้องไห้หาแม่ของแม่อยู่เลยค่ะ"
"ร้องไห้หาแม่ คุณได้ยินที่มันพูดเหรอฮิคาริ"
รินดาราชะงัก
"เอ่อ..ชั้น ชั้นเดาเอาค่ะ เพราะไม่ว่าจะสัตว์หรือคนถ้าต้องพรากจากคนที่รักก็ต้องเสียใจกันทั้งนั้น"
"ใช่ มันเป็นความเสียใจอย่างที่เธอจะนึกไม่ออกเลยล่ะ"
"ท่านชายพูดเหมือนว่าเคยจากคนที่รัก"
"ชั้นกับเขาแค่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน ไม่ได้สัมผัสกายกัน แต่เราไม่เคยจากกัน เพราะเราอยู่ในใจของกันและกันเสมอ" โฮชิปาดน้ำตาบนแก้มของรินดารา "ไม่ร้องไห้ได้มั้ย เทพธิดาดาวเดือนเจ็ดอุตส่าห์มอบของขวัญ ไม่ให้เธอเจ็บปานที่หลังเพื่อให้มีความสุขในวันเกิด แต่ถ้าเขาเห็นว่าเธอร้องไห้แบบนี้ เขาจะผิดหวังได้นะ"
"ค่ะ ชั้นจะไม่ร้องไห้แล้ว"
"ไม่ใช่แค่หยุดร้องไห้ แต่ต้องยิ้มด้วย ยิ้มเพื่อเตรียมรับของขวัญวันเกิดจากชั้น"
"ของขวัญวันเกิด"
ขาดคำ พลุบนท้องฟ้าจุดขึ้นอย่างสวยงาม สว่างไสวไปทั่วทั้งท้องฟ้า รินดาราแหงนหน้ามองพลุอย่างตื่นตาตื่นใจ โฮชิยื่นหน้ากระซิบข้างหูรินดารา
"สุขสันต์วันเกิดนะฮิคาริ"
"ขอบคุณค่ะท่านชาย" รินดารายิ้มหวานให้ท่านชาย
พลุบนท้องฟ้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกมาก
เมืองสึกิวันใหม่ ณ ศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก ถ้วยวางอาหารไหว้เทพเจ้า 5 อย่างประกอบด้วย ข้าว สาเก น้ำเปล่า เหล้า เกลือที่ยังใหม่ๆ ตั้งตรงหน้ารูปปั้นเท ไดซุเกะยืนพนมมือไหว้ศาลด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หัวคิ้วย่นแฝงความกังวลใจ
อัตซุโอะก้าวเร็วๆเข้ามา
"คุณฮิเดะกลับมาแล้วครับ"
ไดซุเกะหันขวับไปมองอัตซุโอะทันที
ภายในห้องนอน ฮิเดโนริตะโกนพร้อมปัดถาดอาหารบนโต๊ะที่สาวใช้เพิ่งนำมาวางให้
"ไม่กิน ! เอาออกไป"
แรงปัดทำให้ถาดอาหารกระเด็นไกลไปเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้ สาวใช้มองตามถาดอาหารไปด้วยอย่างอึ้งตะลึงงัน
"ไปบอกทุกคน ห้ามใครเข้ามาในห้องของชั้นเด็ดขาด"
พูดยังไม่จบ สาวใช้ก็หันไปเห็นแววตาของฮิเดโนริเปลี่ยนเป็นสีส้ม ลูกตาดำเป็นเส้นบางๆ เหมือนดวงตาของสัตว์ เดรัจฉานอันน่ากลัว
สาวใช้ตกใจสุดขีด
"ตะ..ตา...ตาคุณ !"
ฮิเดโนริหันไปมองตัวเองในกระจกแขวน เห็นหน้าตัวเองที่มีดวงตาไม่เหมือนมนุษย์ก็ทนไม่ได้ คว้าของใกล้มือปาใส่กระจกแตกกระจาย
สาวใช้ยิ่งกลัว หันหลังจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่ฮิเดโนริคว้าแขนของเธอไว้ แล้วกระชากร่างเข้ามาชิด บีบต้นแขนทั้งสองของหญิงสาวไว้แน่น
"ชั้นมันน่าเกลียดน่ากลัวมากนักหรือไง"
สาวใช้เห็นหน้าฮิเดโนริใกล้ๆ ก็ยิ่งกลัว...ร้องไห้..ไม่กล้ามองหน้าเขา ฮิเดโนริก็ยิ่งบันดาลโทสะ
"มองหน้าชั้น ชั้นยังเป็นคุณฮิเดะทายาทคนเดียวของตระกูลเรียวอิจิที่เธออยากได้เป็นผัว ทำไมไม่ให้ท่าชั้นเหมือนที่เธอชอบทำล่ะ วันนี้ชั้นจะสนองเธอให้ถึงใจ"
ไดซุเกะเข้ามา
"ฮิเดะ หยุดเดี๋ยวนี้ "
ฮิเดโนริหันไปเห็นไดซุเกะยืนอยู่ที่ประตู อัตซุโอะยืนอยู่ด้วย เขาปล่อยมือจากต้นแขนของสาวใช้
สาวใช้แทบล้มทั้งยืนแล้วรีบลนลานวิ่งออกไปแต่ยังไม่วายเหลียวกลับมามองฮิเดโนริด้วยความหวาดกลัว
ไดซุเกะหันไปสบตาอัตซุโอะ อัตซุโอะพยักหน้าเข้าใจแล้วตามสาวใช้ออกไป
"ถ้าแกยังขาดสติ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สายเลือดปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ในตัวแกจะกลืนกินความเป็นมนุษย์ของแก แล้วต่อไปแกก็จะไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกเลย"
"สักวันมันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว"
"นั่นมันอยู่ที่แกเลือก ถ้าแกยังอยากเป็นมนุษย์ แต่สามารถใช้ความพิเศษของพวกจิ้งจอกให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง แกก็ต้องรู้จักที่สะกดปีศาจจิ้งจอกในตัวแกไว้ อย่าให้มันมีอำนาจเหนือแก"
"ผมทำได้ด้วยหรือครับคุณปู่"
"ถ้าหัวใจของแกแกร่งพอ ไม่มีอะไรที่แกจะทำไม่ได้"
ฮิเดโนรินิ่งไปสักพักอย่างใช้ความคิด แล้วค่อยตัดสินใจพูดออกมาว่า
"ผมต้องทำยังไงครับ"
สาวใช้วิ่งถือกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากในห้องด้วยสีหน้าหวาดกลัวเรื่องเห็นว่าฮิเดโนริไม่ใช่คน แล้วเจออัตซุโอะ ยืนอยู่หน้าห้อง
"คุณอัตซุโอะคะ ชั้นขอลาออกค่ะ"
"ได้สิ แต่รับของฝากจากท่านไดซุเกะไปก่อนนะ"
"อะไรคะ"
อัตซุโอะชักมีดปลายแหลมออกมาจากกระเป๋า สาวใช้มองไปที่มีดแล้วเบิกตาโต
"ยะ..อย่า !"
อัตซุโอะเอามีดจ้วงแทงท้องสาวใช้จนแน่นิ่งแล้วทรุดลงกับพื้น
ห้องไดซุเกะ ในคฤหาสน์เรียวอิจิ มีแท่นวางรูปปั้นเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก ประจำตระกูลเรียวอิจิตั้งอยู่
ภายในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงสว่างจากเทียนแดงจุดวางกระจายอยู่ทั่วห้อง ไดซุเกะหยิบเข็มสักยันต์ออกมาจากบนพาน นำปลายเข็มจุ่มลงไปในตลับหมึก แล้วนำมาจ่อบนแผ่นหลังอันเปลือยของฮิเดโนริ แล้วจิ้มเข็มลงบนแผ่นหลังของฮิเดโนริ
ฮิเดโนริขบกรามแน่น อดกลั้นต่อความเจ็บปวด
มุมห้องตรงที่ไฟส่องไม่ถึง มีช่องผนังเป็นรู ดวงตาสีแดงของฮิโตชิแอบส่องดูผ่านช่องนั้น
ภาพรอยสักสุนัขจิ้งจอกนั้นลงสีสวยงาม
ฮิเดโนริเกร็งไปทั้งตัว ขบกรามแน่นจนนูนขึ้นเป็นสัน ดวงตาเป็นสีส้มดวงตาของสัตว์เดรัจฉาน มือกำแน่นจนเส้น เลือดปูด หายใจฟืดฟาด
ดวงตาของฮิโตชิซึ่งแอบดูอยู่ตลอดถลึงตกใจ ผงะออกจากกำแพง นั่งคู้เข่าตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
เวลาผ่านไป จนเทียนสีแดงใกล้หมดเล่ม ไดซุเกะถอนเข็มออกจากแผ่นหลังของฮิเดโนริ เขาตาปรืออ่อนแรงมาก
ภาพสักยันต์รูปสุนัขจิ้งจอกอันน่าเกรงขามปรากฏเต็มแผ่นหลังของฮิเดโนริ ไดซุเกะเป่าเบาๆ ลงไปที่แผ่นหลัง ฮิเดโนริตะโกนลั่นเป็นเสียงสุนัขคำราม
"สายเลือดของปีศาจจิ้งจอกในตัวเจ้าถูกสะกดเอาไว้แล้ว มันจะไม่แสดงพลังออกมาในยามที่แกไม่ต้องการ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของแกฮิเดะ แกจะต้องควบคุมมันด้วยสติและด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งเท่านั้น"
ฮิเดโนริกระตุกยิ้มใบหน้าร้ายและมีความมั่นใจมากขึ้น
คฤหาสน์มิยาคาวะ อาคิระในชุดซ้อมเคนโด้กำลังออกแรงฟันดาบเรียกกำลังในตอนเช้า ท่าทางของอาคิระขึงขังเสียงหวดดาบ แหวกอากาศดังพร้อมกับเสียงออกแรงของเขาทำให้เขาดูเท่
อาคิระออกแรงจนได้เหงื่อเป็นที่พอใจก็หยิบผ้าขนหนูมาซับเหงื่อ ระหว่างนั้นเองเขาฉุกคิดถึงเรื่องคืนทานาบาตะกับรินดารา
รินดารานึกอะไรออกจับแขนอาคิระ
"เออใช่ ! คุณรู้จักกับ เจ้าของร้านนี่ คุณไปขอซื้อให้ชั้นสิ คิดซะว่าทำเพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ชั้น"
"ของขวัญวันเกิดให้คุณ"
"ค่ะ ถ้าคุณให้ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้กับชั้น คุณจะได้ทั้งใจของลูกจ้างอย่างชั้นและได้บุญ เพราะช่วยชีวิตปลาทอง นะคะคุณอาคิระ นะคะๆๆ" รินดาราส่งสายตาเว้าวอน
อาคิระยิ้มกับตัวเองขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
มิกิเตรียมกินอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหาร เคโกะกับนานะจัดแจงชุดอาหารอีกชุดสำหรับอาคิระ
อาคิระเปลี่ยนชุดแล้วเข้ามา
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณย่า"
มิกิยิ้มรับ อาคิระแปลกใจที่ไม่เห็นอายูมิกับรินดารา ชุดอาหารที่จัดไว้ก็มีแค่ของเขากับมิกิเท่านั้น
"อายูมิล่ะครับ"
"อายูมิกับคุณรินดาราออกไปดูชาวบ้านลอยกระดาษเทซังขุกันที่แม่น้ำ ย่าให้นารูตะขับรถไปให้จ้ะ"
หลังคืนงานทานาบาตะ จะมีประเพณีนำกระดาษทังซะขุไปลอยน้ำเพื่อส่งคำอธิษฐานต่างๆ ให้ไปถึงยังเทพธิดาดาวเดือนเจ็ด
"ดิชั้นห้ามแล้วนะคะว่าให้รอขออนุญาตจากคุณอาคิระก่อน แต่คุณหนูอายูมิก็ไม่ยอม ร้องออกไปดูให้ได้ สงสัยจะถูกยุมาจากคุณรินดาราเหมือนเดิม ให้ดิชั้นไปตามกลับมาให้มั้ยคะ ออกไปกันลำพังแบบนี้ น่าเป็นห่วงคุณหนู"
"นารูตะไปด้วยไม่ใช่เหรอ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก"
เคโกะเงียบ นานะแอบหัวเราะคิกคักสะใจ เคโกะมองตาเขียว มิกิมองอาคิระที่กำลังก้มหน้ากินอาหารเช้าโดยไม่มีความหวาดกลัวเรื่องรินดารากับอายูมิแต่อย่างใดอย่างรู้สึกดี
ห้องบนหอคอย มิกิคุยกับโฮชิ
"วิธีของท่านชายได้ผลดีเยี่ยมเลยค่ะ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ อาคิระคงจะร้อนรนให้คนออกไปตามรินดารากับอายูมิกลับมาแล้ว"
"ชั้นดีใจที่อาคิระจะสบายใจขึ้น" แต่สีหน้าโฮชิดูครุ่นคิด
"มีอะไรหรือเปล่าคะท่านชาย"
"ชั้นกำลังสงสัยว่าเมียวโจไม่ได้ส่งแค่ตัวฮิคาริให้มาช่วยเรา แต่เมียวโจส่งความสามารถพิเศษมาให้ฮิคาริด้วย"
"ความสามารถพิเศษ ? อะไรคะ"
โฮชินิ่ง มิกิรู้ทัน
"ตอนนี้ท่านชายแค่สงสัยก็เลยยังไม่อยากบอกดิชั้นใช่มั้ยคะ ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้ท่านชายแน่ใจแล้วค่อยบอกดิชั้นก็ได้ค่ะ...ดิชั้นรอได้"
"นี่เธอมีความสามารถพิเศษอ่านใจชั้นออกตั้งแต่เมื่อไหร่มิกิ"
"แหม...ท่านชายก็ ดิชั้นใช้ประสบการณ์ล้วนๆค่ะ อยู่กับท่านชายมาตั้งหลายปี ถ้าอ่านใจท่านชายไม่ออกก็แย่แล้ว ว่าแต่ท่านชายยังไม่ได้บอกดิชั้นเลยค่ะว่า ตอนที่อาคิระกับรินดาราไปหาเพื่อนด้วยกัน ท่านชายเห็นอะไรถึงต้องรีบร้อนรนไปตามหารินดารา"
"เมียวโจส่งสัญญาณมาเตือนให้เราไปช่วยฮิคาริ"
"ช่วยจากถูกริเอะตบน่ะหรือคะ" โฮชิหางตามอง มิกิอุ๊บปากตัวเอง "ขอโทษค่ะ"
โฮชิพูดจริงจัง
"ภาพที่เมียวโจส่งสัญญาณมาเตือนชั้น มันน่ากลัวมาก ชั้นเกรงว่าจะมีอันตราย อยู่ใกล้ฮิคาริ"
"แต่เมื่อคืนก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับคุณรินดารานี่คะ"
"ไม่ได้เกิดขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีนะมิกิ"
มิกิกับโฮชิไม่สบายใจ
ยูกิยืนนิ่งฟังมาโกะโตะ
"ชั้นถามริเอะเรื่องผู้ชายคนนั้นที่อยู่กับคุณมิกิให้แล้ว ริเอะบอกว่าเพิ่งจะได้เจอเขาเมื่อคืนเป็นครั้งแรก เขาอาจจะเป็นญาติหรือคนรู้จักของคุณมิกิมาเที่ยวงานทานาบาตะ ว่าแต่เธอแน่ใจเหรอว่าเขาเป็นคนที่เธอตามหา"
ยูกิหันขวับมาสีหน้าจริงจัง
"ทำไมชั้นจะจำคนที่ชั้นรักไม่ได้"
"ที่แท้เขาก็เป็นคนรักของเธอ"
"ใช่ ชั้นรักเขาแต่เขาไม่เคยรักชั้น เมื่อสี่ร้อยปีชั้นขอให้เขารักชั้นเหมือนอย่างที่เขารักนังเมียวโจโอจินคนรักของเขา แต่เขาก็ไม่ยอม ชั้นทำให้พายุหิมะถล่มเมืองสึกิ แต่เขาก็ยัง ไม่ใจอ่อน หนำซ้ำเขากับเทพเจ้าจิ้งจอกยังร่วมมือกันทำลายชั้นให้ชั้นต้องถูกจองจำทุกข์ทรมานอยู่ในตุ๊กตาฮินะ เขาใจร้ายกับชั้นเหลือเกิน"
"เรื่องที่เธอพูดมาทำไมมันเหมือนกับตำนานของเมืองสึกิ"
"เพราะไม่ใช่นิทาน..แต่มันคือเรื่องจริง"
มาโกะโตะอึ้งตะลึงงัน
"ถ้าอย่างงั้นก็แสดงว่าเธอคือ..นางปีศาจหิมะ แล้วเขาคนนั้นก็คือ...เทพเจ้านกกระเรียน"
"ใช่...เขาคนนั้นคือเทพเจ้านกกระเรียน"
มาโกะโตะยังอึ้งไม่หาย
"ถ้าชั้นไม่เคยเจอเธอมาก่อน ชั้นจะไม่มีวันเชื่อเลยว่าเรื่องในนิทานมันจะเป็นเรื่องจริงได้ถึงขนาดนี้ ตามตำนานบอกว่าเทพเจ้านกกระเรียนติดอยู่บนโลกกลับสวรรค์ไม่ได้"
"เพราะอย่างนี้ไงชั้นถึงจะตามหาเขาให้พบ"
"ที่คฤหาสน์มิยาคาวะมีหอคอยลึกลับ มีคนล่ำลือว่าบนนั้นมีคนอาศัยอยู่มานาน ริเอะเคยเล่าให้ชั้นฟังว่าคุณมิกิหวงบนนั้นมาก ไม่ยอมให้ใครขึ้นไป ชั้นว่าเขาต้องอยู่บนนั้นแน่ๆ"
"ถ้าอย่างงั้น คนชื่อมิกิจะเป็นคนเดียวที่จะทำให้ชั้นได้ใกล้ชิดเขา แกต้องหาทางพามิกิมาที่นี่ แล้วที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชั้น"
ยูกิยิ้มร้ายแววตาเป็นสีฟ้าเข้ม ปากแดงจัดตัดกับผิวซีดๆและชุดสีขาวประจำตัวเธอ...มาโกะโตะหนักใจ
ริเอะถามขณะนั่งสเก็ตแบบเสื้อผ้าอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน
"คุณพ่อจะให้ริเอะไปเชิญคุณย่ามิกิมาบ้านเรา พามาทำไมคะ"
"ยูกิเขาอยากทอชุดกิโมโนกับคุณมิกิ"
ริเอะหมั่นไส้
"แล้วทำไมคุณพ่อไม่พายัยนั่นไปหาคุณย่ามิกิ จะให้คุณย่ามิกิมารับออเดอร์ด้วยตัวเองถึงบ้านเรา เขาไม่มาหรอกค่ะ หยิ่งจะตาย"
"แต่พ่อรู้ว่าลูกสาวพ่อจะมีวิธีพาคุณมิกิมาที่นี่จนได้ ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะลูก"
"ไม่ค่ะ ริเอะไม่จำเป็นต้องลงทุนปั้นหน้าเข้าหายัยคุณย่ามิกิเพื่อใคร"
ยูกิเข้ามา
"แต่เธอกำลังจะทำเพื่อตัวเธอเอง"
ริเอะกับมาโกะโตะหันไปมองยูกิ ริเอะชักสีหน้าไม่พอใจใส่
"ถ้าอยากได้อาคิระมาครอบครอง เธอต้องพามิกิมาที่นี่ แล้วชั้นจะทำให้เธอได้ทุกอย่าง อย่างที่เธอต้องการ"
"ชั้นจะเชื่อเธอได้ยังไง ว่าเธอทำได้อย่างที่พูดจริงๆ"
ยูกิยิ้มร้ายเย็นยะเยือก
"พ่อเธอรู้ดีว่าชั้นทำได้หรือเปล่า"
ริเอะมองหน้ามาโกะโตะ มาโกะโตะพยักหน้าให้ริเอะอย่างจริงจัง
"ทำตามที่ยูกิบอก..เชื่อพ่อแล้วยูกิจะทำให้ความปรารถนาของลูกเป็นจริง"
ริเอะนิ่งไปหางตามองยูกิด้วยความสงสัย ก่อนจะจำใจยอมทำตามเพราะคำพูดของพ่อ
ในห้องนั่งเล่น อายูมินั่งวาดรูปอยู่กับรินดารา อาคิระเดินเข้ามา อายูมิหันไปเห็นคุณอาก็ยิ้มสดใส
"ทำไมคุณอายังไม่ไปทำงานอีกล่ะคะ"
"อาต้องรอหอมแก้มหลานของอาก่อนสิครับ ไม่งั้นอาจะไม่มีกำลังใจทำงาน"
อาคิระหอมแก้มซ้ายขวาอายูมิฟอดใหญ่ รินดารามองภาพแสดงความรักระหว่างอา-หลานอย่างเอ็นดู แล้วเผลอ จ้องอาคิระ...ยิ้มนิดๆ รู้สึกดีกับความอ่อนโยนของเขา
อาคิระหันมาเห็นว่ารินดารามองอยู่ รินดารารีบชักสายตาหลบอย่างเร็ว กลัวว่าเขาจะรู้ว่าแอบมอง ทำให้มือปัด โดนดินสอสีตกพื้น
อาคิระกับรินดาราก้มตัวเก็บพร้อมกัน หน้าทั้งสองชนกันอย่างแรง แต่สิ่งที่ปะทันกันคือหน้าผากโขกกันดัง..โป๊ก
"โอ๊ย"
"คุณ ! เจ็บหรือเปล่า"
"ไม่เท่าไหร่"
"อย่างว่าคนอย่างหัวแข็งอย่างคุณ ไม่น่าจะเจ็บมาก"
"แต่คงแข็งน้อยกว่าคุณ เพราะดูคุณไม่เจ็บเลย ... เดี๋ยวพี่มานะ ขอไปเอาน้ำแข็งประคบหน้าผากก่อน" รินดาราออกไป อาคิระมองเคืองๆ แต่ไม่จริงจัง แล้วหันไปเห็นว่าอายูมิมองเขาอยู่ด้วยประกายตาสดใส
"อายูมิมองอาแบบนั้นทำไม"
"ดูคุณอากับพี่รินดาราเถียงกันสนุกดีค่ะ ตั้งแต่เกิดมาอายูมิไม่เคยเห็นคุณอาจะเถียงกับใครเหมือนที่เถียงพี่รินดาราเลย"
"พูดมากน่ะเรา วาดรูปต่อไปเลยนะ"
"วาดต่อก็ได้ค่ะ แต่คุณอาต้องบอกก่อนว่าเมื่อคืนคุณอาให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดพี่รินดารา อายูมิจะได้วาดลงไป"
อาคิระตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ภายในสวนญี่ปุ่นตระกูลมิยาคาวะ ไอถามอาคิระอย่างตกใจ
"อาคิระจะฝากไอซื้อผ้าพันคอ"
"ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น หรือว่าไอมีธุระในเมืองเยอะ เลยไม่สะดวกจะรับฝาก"
"ไม่ใช่สะดวก แต่ที่ตกใจก็เพราะว่าอาคิระไม่เคยซื้อผ้าพันคอให้ใครนอกจากคุณน้า แม่ของอาคิระ ... แสดงว่าคนๆนั้นที่อาคิระจะให้ผ้าพันคอต้องพิเศษมากจริงๆ"
อาคิระยังไม่รู้ใจตัวเอง
"ไม่ได้พิเศษ แค่คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้เขา แต่ถ้าไอเจอของที่เหมาะจะเป็นของขวัญวันเกิดมากกว่าผ้าพันคอก็ซื้อมาแล้วกัน"
" ให้เป็นของขวัญวันเกิดซะด้วย....ใครน้า" ไอแซว
ริเอะเดินเข้ามา กวาดสายตามองหาก่อนจะเห็นอาคิระยืนอยู่
ริเอะเดินเข้าไปเกาะแขนอาคิระ
"อาคิระ ดีใจจังที่คุณยังไม่ไปที่โรงงาน"
ไอมองริเอะอย่างหมั่นไส้แล้วแกล้งถาม
"ริเอะ..เธอเกิดวันไหนเหรอ"
"อีกหลายเดือน ถามทำไม"
"พอดีอาคิระฝากชั้นซื้อของขวัญวันเกิดให้ผู้หญิง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร ถ้าเป็นเธอ ชั้นจะได้ไม่รับฝาก"
ริเอะเม้มปากแน่นอย่างอดกลั้น ไอไม่ปล่อยให้ริเอะได้พูด แล้วหันไปพูดกับอาคิระ
"ไม่ต้องห่วงนะอาคิระ ไอจะเลือกผืนที่สวยที่สุดมาให้เลย รับรองคนได้ไม่ผิดหวังแน่นอน"
ไอเดินออกไป ริเอะถามอาคิระทันที
"อาคิระ คุณซื้อของขวัญวันเกิดให้ใคร"
"ให้รินดารา"
ริเอะอึ้ง
"ทำไมคุณต้องให้มันด้วย"
"แล้วทำไมผมจะให้ไม่ได้ เขาเป็นลูกจ้างของผม การแสดงน้ำใจต่อกันไม่ใช่เรื่องเสียหาย"
"ขอให้เป็นแค่ฐานะลูกจ้างนายจ้างจริงๆ ก็แล้วกันค่ะ"
อาคิระเปลี่ยนเรื่อง
"คุณมาที่นี่ทำไม วันนี้เราไม่ได้นัดคุยกันเรื่องกิโมโนนี่"
แววตาริเอะมีแผนขึ้นมาทันที
"ริเอะมาหาคุณย่ามิกิค่ะ"
กลกิโมโน ตอนที่ 5 (ต่อ)
ภายในห้องรับแขก ริเอะพูดกับมิกิ อาคิระนั่งอยู่ด้วย
"คุณพ่อให้มาเชิญคุณย่ามิกิไปทานข้าวที่บ้านค่ะ คุณพ่ออยากจะมาด้วยตัวเอง แต่ติดธุระด่วนจริงๆ ก็เลยให้ริเอะมาเชิญคุณย่ากับอาคิระแทนค่ะ พอดีมีเพื่อนของคุณพ่อจะสั่งทอกิโมโนของมิยาคาวะ"
"ถ้าอย่างงั้นเชิญเพื่อนคุณมาโกะโตะไปที่โรงงานเลยดีกว่า จะได้เลือกแบบที่ชอบ"
"แต่เพื่อนคุณพ่อต้องการกิโมโนที่ทอจากฝีมือของคุณย่าเท่านั้นค่ะ เขายินดีจ่ายไม่อั้นเลยนะคะ"
"ฝากขอบคุณเขาด้วยนะจ๊ะ แต่ถ้าเขาคิดว่าเงินจะทำให้ย่าทอกิโมโนให้ได้ เขาคิดผิดแล้วจ้ะ ให้เขาเอาเงินไปทุ่มไม่อั้นกับคนอื่นดีกว่า"
"แล้วคุณย่าต้องการอะไรคะ"
"ต้องการให้กิโมโนที่ย่าทอด้วยหัวใจไปอยู่กับคนที่เห็นคุณค่าของกิโมโนจริงๆ"
"แต่ถ้าเพื่อนคุณพ่อไม่เห็นคุณค่าของกิโมโน เขาคงไม่รู้ว่ากิโมโนจากฝีมือการทอของคุณย่างดงามกว่ากิโมโนทั่วไปยังไง ขนาดริเอะยังมองไม่ออกเลยค่ะ"
"ริเอะ !"
"ริเอะพูดความจริง แต่ริเอะรู้ว่าต้องมีดีมากแน่ๆ ไม่อย่างงั้นกิโมโนของคุณย่าถึงไม่เป็นที่ต้องการมากขนาดนี้ ริเอะถึงต้องมาขอความรู้เรื่องกิโมโนจากอาคิระไงคะ เพื่อนคุณพ่อ เขาอยากได้กิโมโนของคุณย่ามากจริงๆ แสดงว่าเขาต้องเห็นคุณค่าของกิโมโนของคุณย่า คุณย่าน่าจะลองไปคุยดูก่อนนะคะ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทอให้หรือไม่ทอ"
"คุณย่าไม่ค่อยสบาย เดินทางไปไหนไม่ค่อยสะดวก ผมไปคุยให้เองครับคุณย่า"
ริเอะอึ้งที่มิกิไม่ยอมไป จึงคิดแผนใหม่แล้วคิดออก ทำเป็นปั้นยิ้มหวาน
"ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างงั้นพอคุยเสร็จแล้ว อาคิระจะได้พาริเอะเข้าไปในเมือง วันนี้เพื่อนริเอะจัดปาร์ตี้ ริเอะอยากให้คุณได้ผ่อนคลายบ้าง เพราะตั้งแต่ริเอะกลับมา ริเอะเห็นคุณหน้าเครียดตลอด ไม่รีแลกซ์เหมือนตอนเราอยู่ด้วยกันที่ฝรั่งเศส"
ริเอะจงใจเกาะแขนอาคิระและยิ้มหวานปนอ่อยใส่อาคิระเพื่อยั่วมิกิ
มิกิมองริเอะที่จับแขนอาคิระและหน้าแทบจะซบกับไหล่ของอาคิระด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่เชิดหน้าขึ้น นิดๆ บ่งบอกความไม่พอใจกับกิริยาที่ริเอะมีต่อหลานชายของเขา
ริเอะเดินหน้านิ่งๆ เข้ามาในบ้าน มาโกะโตะยืนคอยอยู่ สีหน้าไม่สบายใจเมื่อเห็นว่าไม่มีใครมากับริเอะ
"ไม่สำเร็จเหรอริเอะ"
"ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่ใช่ลูกคุณพ่อสิคะ"
ริเอะยิ้มร้ายแล้วเหลียวกลับไปด้านหลัง
"เชิญค่ะคุณย่า"
อาคิระเดินจูงประคองมิกิเข้ามา ย่ามิกิแต่งตัวด้วยชุดกิโมโนสวยงามตามวัย มาโกะโตะกระตุกยิ้มมุมปากแล้วโค้งให้มิกิ
"เชิญเลยครับคุณมิกิ อาคิระ ขอบคุณคุณมิกิมากที่ให้เกียรติทอกิโมโนให้เพื่อนของผม"
"ดิชั้นยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ แค่อยากจะมาพบกับเพื่อนคุณมาโกะโตะก่อน แล้วไหนล่ะคะ เพื่อนคุณมาโกะโตะ"
ยูกิยืนอยู่ในชุดกิโมโนสีชมพู กิโมโนชุดนี้เป็นชุดที่มิกิเคยทอนานแล้ว
"นี่คุณยูกิเพื่อนของผม ยูกิ...นี่คือคุณมิกิและอาคิระ มิยาคาวะ"
ยูกิโค้งหัวให้เล็กน้อย
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณมิกิ"
มิกิมองชุดกิโมโนบนตัวยูกิอย่างอึ้งตะลึงงัน
"คุณมิกิมองดิชั้นแบบนั้น เหมือนกับว่าดิชั้นไม่คู่ควรกับการใส่ชุดกิโมโนฝีมือของคุณมิกิ"
"ไม่ใช่ค่ะ ดิชั้นแค่คาดไม่ถึงว่ากิโมโนชุดแรกที่ดิชั้นทอเสร็จ จะมาอยู่ที่คุณ"
"กิโมโนชุดแรกที่คุณย่าเคยบอกว่า คุณย่าขายให้ฝรั่งไปตอนสงครามโลกน่ะหรือครับ แล้วทำไมถึงมาอยู่กับคุณมิกิ"
"ถ้าดิชั้นหลงใหลสิ่งใดแล้ว ต่อให้ยากเข็นยังไง ดิชั้นก็ต้องเอามาครอบครองให้ได้ค่ะ"
มิกิยิ้มผ่อนคลายขึ้น รู้สึกดีที่ยูกิมีความสนใจในกิโมโนของเธอมากกว่าที่คิดจริงๆ ริเอะมองชุดกิโมโนบนตัวยูกิอย่างสงสัย
เวลาต่อมา โกะโตะคุยกับริเอะ
"คุณพ่อไปได้ชุดกิโมโนที่ยูกิใส่มาจากไหนคะ"
"เพื่อนฝูงพ่อมีเยอะแยะ ทำไมพ่อจะไม่รู้ว่ากิโมโนของคุณมิกิชุดนี้อยู่ที่ใคร แต่กว่าจะขอซื้อมาได้ เจ้าของขูดเงินน่าดู ต้องเสียไปเป็นร้อยล้านเยน"
"ห่ะ ! แล้วคุณพ่อยอมซื้อทำไมคะ"
"เพราะพ่อรู้น่ะสิว่ายูกิจะช่วยให้พ่อได้เงินคืนมากกว่านั้นหลายเท่า เวลาที่เราได้ครอบครองสมบัติของมิยาคาวะ"
มาโกะโตะยิ้มร้าย
ภายในห้องนอนของอายูมิ รินดารากำลังทำกายภาพบำบัดเทรนนิ่งกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกให้อายูมิที่นอน อยู่บนเตียง
"เป็นยังไงบ้างจ้ะอายูมิ ยังเจ็บอยู่มั้ย"
อายูมิฝืนสีหน้าเจ็บโดยการไม่พูด รินดาราสังเกตเห็นเลยหยุด
"ถ้าอายูมิเจ็บ อายูมิก็ต้องบอกพี่นะคะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่รู้เลยว่าต่อไปพี่จะช่วยฟื้นฟูให้อายูมิกลับมามีชีวิตปกติได้ยังไง"
"อายูมิคิดว่าถ้าฝืนเจ็บแล้วจะทนได้ พี่รินดาราจะได้ข้ามขั้นตอนทำให้อายูมิเดินได้เร็วๆ"
"โธ่อายูมิจ๊ะ..พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก พี่ต้องรู้พัฒนาการของอายูมิก่อน ถ้าอายูมิผ่านเป้าหมายที่เราตั้งไว้ในแต่ละขั้นตอนของการทำกายภาพบำบัดได้ พี่ถึงจะเริ่มหัดให้อายูมิเดิน"
"อายูมิขอโทษค่ะพี่รินดารา"
"ไม่เป็นไรจ้ะ..แต่ต่อไปอายูมิต้องบอกพี่ทุกอย่างนะ เราจะได้เดินไปสู่เป้าหมายด้วยกัน"
"ค่ะ...งั้นถ้าอายูมิบอกพี่ว่า ตอนนี้อายูมิขี้เกียจแล้วล่ะคะ"
"อายูมิ...เมื่อเช้าใครสัญญากับพี่ว่าถ้าพี่พาออกไปดูชาวบ้านลอยกระดาษทังซะขุกลับมาจะยอมให้ทำเทรนนิ่งกล้ามเนื้อครบตามเวลาที่กำหนด"
"แหม..ไว้พรุ่งนี้นะคะพี่รินดารา..นะคะๆ อายูมิเบื่อแล้วนี่"
โฮชิก้าวเข้ามา
"งั้นเราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันดีมั้ยอายูมิ"
รินดารากับอายูมิหันไปเห็นโฮชิยืนอยู่ ทั้งสองยิ้มให้โฮชิ
"เพราะชั้นเองก็เบื่อที่จะอยู่แต่บนหอคอยแล้วเหมือนกัน"
"ไปค่ะท่านชาย"
รินดาราหันมาที่อายูมิแล้วอมยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของอายูมิ
บริเวณสะพานแดงข้ามธารน้ำ (Keishuen Garden in Saga) รินดารายืนมองฝูงปลาคาร์พที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ กำลังยืนฟังมันคุยหยอกล้อเล่นกันอย่างมีความสุข
โฮชิกำลังเข็นรถเข็นให้อายูมิเดินอยู่แถวๆสะพานแดง อายูมิหัวเราะมีความสุข โฮชิหันมาเห็นอาการของรินดาราที่ก้มมองในบ่อน้ำและยิ้มขำนิดๆ โฮชิมองอย่างสงสัย
"ฟังมันคุยอะไรกันอยู่เหรอฮิคาริ"
รินดาราสะดุ้ง รีบปฎิเสธ
"ปะ..เปล่าค่ะ ชั้นแค่กำลังคิดว่าปลาคาร์พพวกนี้สีสวยแล้วก็ตัวใหญ่มาก พวกมันคงจะมีความสุขมากเพราะได้อยู่ในที่ๆควรอยู่ ไม่ใช่อยู่ในถังน้ำเล็กๆ เหมือนพวกปลาทองเมื่อคืนนี้"
"บางครั้งโชคชะตาก็อาจจะแกล้งให้เราต้องไปอยู่ในที่ๆไม่ควรอยู่ แต่ถ้าใจเรามีความสุข รู้จักมองหาความงดงามของสิ่งที่เราเป็นอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน เราก็จะมีความสุขได้"
รินดารายิ้มรับอย่างรู้สึกดี โฮชิยิ้มตอบ
บริเวณโรงชงชา (Keishuen Garden in Saga) รินดารารินชาลงแก้วกระเบื้องแล้วเลื่อนให้โฮชิ อายูมิดื่มน้ำหวาน
"ขอบคุณ"
รินดาราวางกาน้ำชาลงพร้อมกับคลำที่หน้าผาก
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
"อายูมิรู้ค่ะว่าพี่รินดาราเป็นอะไร เมื่อเช้าหน้าผากของพี่รินดารากับคุณอาชนกันค่ะ"
"มันเป็นอุบัติเหตุน่ะค่ะ"
"ค่ะเป็นอุบัติเหตุ แต่อีกนิดเดียวพี่รินดารากับคุณอาก็จะจุ๊บ..."
รินดาราเขิน รีบเปลี่ยนเรื่อง
"อายูมิทานขนมมั้ย พี่ไปสั่งให้"
"นั่นแน่ๆ พี่รินดาราหน้าแดง แสดงว่าเขิน แต่เมื่อเช้าพี่รินดาราหน้าแดงกว่านี้อีกนะคะ ท่านชาย"
"อายูมิ"
รินดาราจับแขนอายูมิหยอกๆ อายูมิหัวเราะคิกคักชอบใจ แต่ท่านชายมีสีหน้าไม่สบายใจ
รินดาราเข็นอายูมิมาตามทางสวนไร่ชา โฮชิเดินตามหลัง
"ที่นี่สวยจังเลยนะคะ วันหลังเรามาเดินเล่นกันอีกนะคะ"
"ชวนคุณอามาด้วยนะคะ เพราะคุณอาก็ชอบที่นี่เหมือนกัน อายูมิเคยเห็นมีคนมาจัดงานแต่งงานที่นี่ด้วย พี่รินดารากับคุณอาแต่งงานที่นี่บ้างนะคะ"
"นี่...เมื่อไหร่จะเลิกแซวพี่สักทีคะ"
"ก็เวลาแซวแล้วพี่รินดาราแก้มแดงทุกที อายูมิชอบดู"
"อายูมิ"
อายูมิหัวเราะคิกคักชอบใจ โฮชิเดินตามหลัง ได้ยินเสียงสองสาวคุยกันตลอด เขามีสีหน้าเรียบเฉย...ชักไม่สบายใจเรื่องระหว่างรินดารากับอาคิระ ระหว่างนั้น ไอเดินถือถุงกระดาษเข้ามา
"สวัสดีค่ะท่านชาย"
โฮชิยิ้มรับ
"ไอเพิ่งกลับจากในเมืองนานะบอกว่าทุกคนมาอยู่ที่นี่ ไอก็เลยตามมา" ไอหยิบถุงขนมให้อายูมิ "นี่ค่ะ อาซื้อมาฝาก แล้วถุงนี้ก็ของคุณรินดารา อาคิระฝากมาให้ค่ะ"
"อะไรคะ"
"ของขวัญวันเกิดค่ะ อาคิระให้ย้อนหลัง ตอนแรกเขาจะเอามาให้ด้วยตัวเอง แต่อยู่ๆก็โทร. บอกชั้นว่าเอาให้คุณเองเลย สงสัยจะเขินค่ะ"
ขาดคำโฮชิจามฮัดชิ้ว ทุกคนหันขวับไปมอง
รินดาราถาม
"ท่านชายเป็นอะไรคะ"
"เปล่า...ฮัดชิ้ว !"
"สงสัยจะแพ้เกษรดอกไม้เข้าแล้วล่ะค่ะ" ไอบอก
อายูมิส่งผ้าเช็ดหน้าในมือตัวเองให้โฮชิ
"อายูมิให้ค่ะท่านชาย คุณย่ามิกิเพิ่งปักให้เสร็จเมื่อเช้านี้เอง อายูมิยังไม่ได้ใช้เลย"
"ขอบใจมาก"
โฮชิรับผ้าเช็ดหน้าไปและลูบหัวอายูมิอย่างเอ็นดู แต่ทันใดนั้นสายตาของโฮชิก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนผ้าเช็ดหน้า โฮชิเห็นหยดเลือดปรากฎบนผ้าเช็ดหน้า แล้วลางเลือนหายไป
โฮชิจ้องผ้าเช็ดหน้าอย่างอึ้งๆ ไอกับรินดาราสังเกตเห็นอาการนั้น
"มีอะไรหรือเปล่าคะท่านชาย"
"ไอ..ติดต่อมิกิให้ชั้นเดี๋ยวนี้"
ในห้องรับแขก มาโกะโตะนั่งจิบน้ำชาอยู่กับย่ามิกิ สายตาของมาโกะโตะมีแผนการอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
"ตกลงว่าคุณมิกิจะทอกิโมโนให้ยูกิหรือเปล่าครับ"
"ขอเวลาดิชั้นตัดสินใจก่อนนะคะ ดิชั้นอายุมากแล้ว สุขภาพไม่ค่อยดี ถ้าต้องทอไปป่วยไป ดิชั้นเกรงว่ากิโมโนจะออกมาไม่ดี"
"คุณมิกิสุขภาพไม่ดี เป็นอะไรหรือครับ"
"โรคคนแก่ทั่วไปค่ะ"
มาโกะโตะคิดแผนออก
"ผมมีชาสมุนไพรบำรุงร่างกาย ผมให้คุณมิกิเอากลับไปดื่มดีกว่า รอสักครู่นะครับ ผมไปหยิบให้"
มิกิจะปฎิเสธว่าไม่ต้อง แต่มาโกะโตะก็ลุกเดินออกไปแล้ว มิกิจึงปล่อยเลยตามเลย
ตอนนั้นเองที่เสียงบรรเลงซามิเซ็นในทำนองอ่อนหวานคล้ายกับเพลงบรรเลงโกะโตะจากโฮชิดังขึ้นจากห้องหนึ่ง มิกิมองตามไปทางเสียง ฟังแล้วนิ่วหน้าคิด
"เหมือนเพลงท่านชาย"
มิกิลุกขึ้นเดินไปทางเสียง โกะโตะโผล่ออกมาจากทางที่เขาเพิ่งเดินไป แล้วมองตาม สีหน้าร้าย
ยูกิเดินมาตามเสียง ผ่านประตูบานเลื่อน ที่มาของเพลงซามิเซ็นก็ปรากฎแก่สายตา
ยูกินั่งบรรเลงซามิเซ็นอยู่บนพื้น นางปีศาจหิมะใช้จิตวิญญาณและความสามารถของการเป็นเกอิชาในตัวของ "ยูกิ" บรรเลง ซามิเซ็นด้วยความดื่มด่ำ ใบหน้าระบายยิ้มน้อยๆ นำพาตัวเองให้คล้อยไปกับทำนองเพลงรักที่กำลังบรรเลง มิกิได้เห็น บทเพลงนั้นช่างสวยงามจับใจและมีมนต์สะกด จนต้องยืนดูอยู่อย่างงั้น
ฝ่ายอาคิระดูสมุดภาพแบบสเก็ตชุดที่ริเอะดีไซน์โดยการนำเอาชุดกิโมโนมาประยุกต์เป็นชุดเก๋ๆ
"นี่เป็นชุดคอลเลคชั่นสำหรับโชว์งานโตเกียววีค ริเอะเอาชุดกิโมโนมาออกแบบใหม่ให้น่าสนใจขึ้น อาคิระดูแล้วลองคอมเม้นท์หน่อยสิคะ"
"เอาไว้วันหลังแล้วกันนะริเอะ ผมขอออกไปหาคุณย่าก่อน"
อาคิระจะลุกออกไป ริเอะนึกถึงที่พ่อบอกมา ก่อนหน้านี้
มาโกะโตะสั่งริเอะ
"หลังจากนี้แกต้องคอยดึงอาคิระให้อยู่ห่างคุณมิกิไว้ ยูกิจะได้ทำอะไรได้สะดวก"
"ยูกิจะทำอะไรคุณย่า"
"ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องรู้ ทำตามหน้าที่ของตัวเองก็พอ"
อาคิระจะลุกไป แต่ริเอะดึงแขนเขาไว้
"เดี๋ยวสิคะอาคิระ จะรีบร้อนไปไหน ทีเมื่อก่อนคุณยังชอบอยู่กับริเอะกันตามลำพังเลย"
"เมื่อก่อนคุณเป็นแฟนผม แต่ตอนนี้ไม่ใช่"
"แล้วทำไมไม่ทำให้มันใช่อีกครั้งล่ะคะ"
ริเอะส่งสายตาวิบวับยั่วยวนอ แต่อาคิระนิ่วหน้าไม่พอใจ ริเอะรู้ว่าไม้นี้ไม่ได้ผลแน่จึงกลับลำ
"ริเอะล้อเล่นค่ะ เอาอย่างนี้ริเอะจะยอมปล่อยตัวคุณกลับไปหาคุณย่า แต่คุณต้องดูผลงานออกแบบริเอะอีกเล่มก่อน แล้วบอกริเอะว่าคุณชอบชุดไหน ริเอะจะเลือกให้เป็นชุดฟินาเล่"
อาคิระพยักหน้ายอม ริเอะหันหลังเดินไปหยิบสมุดวาดเขียนบนชั้นวางของ
ระหว่างนั้นมือถือของอาคิระดังขึ้น อาคิระรับสาย
"ฮัลโหลไอ ... ว่าไงนะ"
มิกิยืนดูยูกิบรรเลงซามิเซ็นจนเสร็จแล้วหันมาหามิกิ
"คุณยูกิเล่นซามิเซ็นได้เพราะมากค่ะ คุณเล่นได้ไพเราะเหมือน..."
"เหมือนใครคะ"
"เหมือนเพื่อนของดิชั้นค่ะ คุณยูกิเล่นให้ดิชั้นฟังอีกสักเพลงได้มั้ยคะ"
ยูกิยิ้มรับแต่สายตาลอบมองมิกิรู้แล้วว่า มิกิจะไม่ปริปากเรื่องโฮชิออกมาแน่ ยูกิเริ่มบรรเลงซามิเซ็น แต่จงใจ ทำสายขาดผึง ! เลือดสดๆ ซึมออกจากปลายนิ้ว
มิกิตกใจ
"คุณยูกิ !" มิกิปราดเข้าไปดูนิ้วของยูกิ "ดิชั้นดูแผลหน่อยนะคะ เลือดออกเยอะเลย อยู่นิ่งๆนะคะ ดิชั้นจะไปเอาผ้ามาซับเลือดให้"
จู่ๆ ยูกิก็คว้าแขนของย่ามิกิกระชากให้มาเข้ามาใกล้ๆ เลือดจากนิ้วของยูกิเปื้อนบนแขนของมิกิ
อาคิระเดินเข้ามาในห้อง
"คุณย่าครับ"
แต่ไม่เห็นใครอยู่ในห้องเลย
"หาใครเหรออาคิระ"
อาคิระหันไปเจอมาโกะโตะยืนอยู่
"คุณย่าครับ"
มาโกะโตะโกหก
"น่าจะ... ลงไปที่สวน"
อาคิระเชื่อ
ยูกิดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้ามองเข้าไปในดวงตาของมิกิ แล้วดวงตาของมิกิก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าเช่นเดียวกัน ร่างของมิกิกระตุกอย่างแรงแล้วแข็งทื่อ เลือดที่อยู่บนแขนของมิกิ ซึมหายเข้าไปในแขน มิกิโดนยูกิสะกดจิตเรียบร้อยแล้ว
ยูกิยิ้มกริ่มอย่างพอใจ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีดำปกติ
ดวงตาของมิกิก็เป็นสีดำเหมือนเดิม แล้วมิกิก็กลับสู่สภาพเดิม เธอมีอาการมึนงง
"เอ๊ะ ! คุณมีเลือดออกที่นิ้วใช่มั้ย"
"ชั้นไม่ได้เป็นอะไรค่ะ " ยูกิชูนิ้วให้ดูเห็นว่า มันไม่มีเลือดหรือร่องรอยบาดแผลอะไรเลย
"อ้าว...เหรอคะ"
"ค่ะ เมื่อกี้คุณมิกิพูดกับดิชั้นว่า ดิชั้นเล่นดนตรีเพราะเหมือนใครสักคน ใครหรือคะ"
มิกิตอบโดยไม่คิด ภายใต้การถูกสะกดจิต
"เหมือนท่านชายโฮชิค่ะ"
ยูกิยิ้มกริ่ม สำเร็จแล้ว !
มิกิกับยูกิเดินออกมาจากในห้อง มิกิยิ้มแย้มกับยูกิเหมือนสนิทสนมกันมากเหลือเกิน
อาคิระกับมาโกะโตะเข้ามาอีกทาง
"คุณย่า ! คุณย่าไปไหนมาครับ"
"ย่าไปฟังคุณยูกิเล่นซามิเซ็นให้ฟังอยู่ในห้องน่ะจ้ะ อาคิระมีอะไรหรือเปล่า"
"ไอโทร.มาบอกว่าท่านชายเป็นห่วงคุณย่า อยากจะให้คุณย่ากลับบ้านเดี๋ยวนี้"
ยูกิหูผึ่งเมื่อได้ยินคำว่าท่านชาย
"คุณย่าไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ยครับ"
"ไม่ได้เป็นอะไรจ้ะ ย่าสบายดี เรากลับกันดีกว่า เดี๋ยวท่านชายจะเป็นห่วง" มิกิเข้าไปจับมือยูกิ "แล้ววันหลังเรานัดพบกันใหม่นะคะ ดิชั้นอยากคุยกับคุณเยอะๆ จะได้คิดแบบกิโมโนให้คุณได้ถูกใจ"
"คุณย่าตกลงทอกิโมโนให้ยูกิเหรอคะ" ริเอะถาม
"ถ้าย่าไม่ได้ทอกิโมโนให้คนที่เห็นคุณค่าของกิโมโนอย่างคุณยูกิ ย่าคงจะต้องเสียดายไปจนวันตาย"
ริเอะอึ้งแปลกใจ ขณะที่มาโกะโตะยิ้มกริ่มพอใจที่แผนของยูกิสำเร็จ
คฤหาสน์มิยาคาวะ เวลาลางคืน
โฮชินั่งนิ่งๆ คอยมิกิด้วยความเป็นห่วงมีไออยู่ด้วย อาคิระกับมิกิเดินเข้ามาจากทางหน้าบ้าน โฮชิปราดเข้าไปหา
"มิกิ...เธอเป็นยังไงบ้าง"
"ชั้นไม่เป็นอะไรค่ะ"
อาคิระมองโฮชิเหมือนจะจับผิด
"มีอะไรหรือเปล่าครับท่านชาย ท่านชายถึงได้ดูเป็นห่วงคุณย่าของผมมาก"
"ชั้นก็เป็นห่วงทุกคนในมิยาคาวะนั่นแหละอาคิระ"
แต่อาคิระมองไม่เชื่อ สายตาของเขาจ้องโฮชิ
มิกิตัดบทเปลี่ยนสถานการณ์
"ดิชั้นกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ท่านชายสบายใจได้แล้วนะคะ ท่านชายกลับขึ้นไปบนหอคอยเถอะค่ะ ประเดี๋ยวดิชั้นจะขึ้นไปหา ดิชั้นมีเรื่องเล่าให้ท่านชายฟังเยอะแยะเลยค่ะ"
มิกิเดินออกไปกับโฮชิจนลับตา อาคิระหันไปหาไอ
"ของขวัญที่ฝากซื้อล่ะ"
"ให้คุณรินดาราไปแล้ว"
"ให้ไปแล้ว ! ทำไมไม่เอามาให้ชั้นก่อน ชั้นจะเอาไปให้เอง"
"ขืนรออาคิระให้เอง ไม่รู้ว่าวันเกิดปีหน้าอาคิระจะได้ให้หรือเปล่า ไอให้เองดีกว่า อาคิระ จะได้ไม่ต้องเขิน" ไอเดินออกไป
อาคิระตะโกนไล่หลัง
"ชั้นให้รินดาราในฐานะลูกจ้างนายจ้าง ... ทำไมถึงชอบคิดกันไปเอง"
รินดาราแกะห่อของขวัญที่อาคิระให้ เห็นว่าเป็นผ้าพันคอผืนสวย รินดารายิ้มแล้วคิดอะไรบางอย่าง
ภายในสวน อาคิระเดินอยู่ รินดาราโผล่มาขวางหน้า ถือผ้าพันคอที่อาคิระให้มาด้วย
"คุณอาคิระ ขอบคุณมากสำหรับของขวัญวันเกิดชิ้นที่สอง"
"เรื่องที่ผมไปพูดให้เจ้าของร้านยอมขายปลาทองให้คุณ อย่านับว่าเป็นของขวัญเลย ผมอายหลาน"
"แสดงว่าที่คุณซื้อผ้าพันคอให้ชั้น เพราะคุณไม่อยากอายหนูอายูมิด้วยใช่มั้ย" รินดาราหัวใจพองโต "เหตุผลที่ผมอยากให้ เพื่อคุณจะไม่มองว่า ผมเป็นนายจ้างที่แล้งน้ำใจ"
"ถ้าอย่างงั้นคุณก็ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เพราะถ้าชั้นคิดว่าคุณเป็นนายจ้างที่แล้งน้ำใจจริงๆ แค่ผ้าพันคอผืนเดียว มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ชั้นเลิกคิดได้หรอกค่ะ"
รินดาราสะบัดหน้าจะเดินไป แต่จู่ๆ เกิดลมพัดแรงมาวูบนึง ผ้าพันคอในกล่องปลิวว่อนลอยไปติดอยู่บนกิ่งไม้สูง
รินดาราแหวนหน้ามอง...อ้าปากค้าง จะเก็บยังไง แล้วหันไปหาอาคิระ ยิ้มอ้อน
"อยากให้นายจ้างแสดงน้ำใจจัง"
อาคิระกลอกตาเซ็ง
รินดาราขี่หลังอาคิระแล้วยื่นมือหยิบผ้าพันคอ แต่ยังไม่ถึง
"ซ้ายนิด...อีกนิด"
อาคิระขยับตามที่รินดาราสั่ง
"เขย่งหน่อยสิคุณ ชั้นเอื้อมไม่ถึง"
อาคิระเขย่งขา มือรินดาราเอื้อมไปจวนเกือบจะถึงแล้ว
"เขย่ง...อีกนิด...ใกล้แล้ว"
อาคิระกัดฟัน หน้าแดง เส้นเลือดที่หน้าปูดไปหมด แต่ก็ทำให้มือรินดาราแตะถึงผ้าพันคอแล้ว
แต่จู่ๆ หูรินดาราได้ยินเสียงสัตว์พูด รินดารามองไปทางเสียงซึ่งอยู่ตรงหน้า งูเขียวอยู่บนกิ่งไม้ใกล้กับผ้าเช็ดหน้า
รินดาราตกใจ ร้องไห้ กรีดเสียงร้องและดิ้น จึงทำให้อาคิระทรงตัวไม่อยู่ ทรุดล้มลงกับพื้น
ร่างของรินดาราร่วงลงมาทับอยู่บนร่างอาคิระ ผ้าพันคอกางทับหน้าอาคิระ ขณะที่หน้า รินดาราประทับลงบนหน้าอาคิระ ปากทั้งสองชนกัน รินดาราเบิกตาโพล่งแต่ยังค้างอยู่ท่านั้น
อาคิระยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดันดึงผ้าออกไปตามสัญชาตญาณ แล้วเขาก็ต้องอึ้งเห็นว่าหน้ารินดาราห่างอยู่กับหน้าเขาไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร
"คุณจะดึงผ้าออกทำไม"
"ไม่ดึงออกแล้วจะรู้เหรอว่าอะไรอุ่นโดนปากผม"
รินดาราอยากจะกรี๊ด เพราะอายมา
"มันเป็นอุบัติเหตุ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ"
"จริงเหรอ"
"นี่ ! อย่ามาพูดแบบนี้ให้ใครได้ยิน ชั้นเสียหายนะ"
"ไม่ต้องกลัว ผมเป็นคนมีความรับผิดชอบ"
"ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรชั้นทั้งนั้น" เธอโยนผ้าใส่อาคิระ "เอาคืนไปเลย ชั้นไม่เอาแล้ว"
รินดาราลุกเดินหนีไป อาคิระจากที่หน้านิ่งขรึมกลับกลายเป็นยิ้มมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
แต่มีคนหนึ่งที่เห็นอยู่คือโฮชิ ! เขายืนมองภาพทั้งหมดอยู่ที่มุมมืด
ความหึงหวงเกิดขึ้นในใจทำให้แววตาของเขา เศร้าสร้อยต่างจากโฮชิคนเดิม แล้วจู่ๆ โฮชิก็จามฮัดชิ้ว !
กลกิโมโน ตอนที่ 5 (ต่อ)
เสียงจามฮัดชิ้วดังต่อเนื่องมา มิกิวางถาดอาหารหันขวับมองโฮชิอย่างตกใจ
"ท่านชายเป็นหวัด ?! ท่านชายเป็นเทพ ทำไมถึงเป็นหวัดได้ล่ะคะ"
"โลกร้อนอากาศเปลี่ยนมั้ง ขนาดสีทาบ้านยังลอกล่อนแล้วเทพอย่างเราจะเอาอยู่เหรอ"
"ท่านชายไม่ต้องมาชวนพูดให้เขวเลย ไม่ใช่เพราะโลกร้อนหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะใจท่านชายกำลังร้อนต่างหาก ดิชั้นจำได้ ท่านชายเคยบอกดิชั้นว่า ถ้าเทพอย่างท่านชายเกิดกิเลสขึ้นในใจ ร่างของเทพก็จะอ่อนแอทำให้ไม่สบายเหมือนมนุษย์ แสดงว่าตอนนี้ในใจท่านชายมีกิเลสเกิดขึ้น"
"อะไรที่ชั้นเคยเล่าให้ฟัง ไม่ต้องจำได้ทุกเรื่องก็ได้นะมิกิ"
"ท่านชายไม่ต้องเฉไฉ บอกมาเดี๋ยวนี้นะคะว่าเกิดอะไรขึ้น ดิชั้นจะได้ช่วยคิดหาทางแก้ปัญหา ใครทำให้ท่านชายไม่สบายใจคะ"
โฮชิเดินเลี่ยงหลบไปที่ริมหน้าต่าง ไม่สบตามิกิเพราะกลัวมิกิจะรู้ว่าเพราะอาคิระถึงทำให้เขาเป็นแบบนี้
"มิกิไม่ต้องเป็นห่วง ชั้นรู้เท่าทันใจตัวเองว่าชั้นเป็นอะไร ชั้นจะรีบทำลายมัน ไม่ปล่อยให้มันเป็นกิเลสเกาะกินใจชั้นได้นานหรอก"
"แต่ว่า..."
ย่ามิกิกำลังจะคาดคั้นโฮชิ แต่จู่ๆร่างของมิกิก็กระตุกหนึ่งครั้ง ตาแข็งทื่อ
เป็นเวลาเดียวกับที่ยูกินั่งขัดสมาธิ ยืดแขนทั้งสองไปเกาะเข่าตัวเอง นั่งก้มหน้าปล่อยให้ผมยาวดำลงมาปรกหน้า หน้าขาว ซีด ปากแดง แล้วก็เงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า...ส่งกระแสจิตไปหามิกิ
มิกิดวงตาเป็นสีฟ้าวาบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำตามปกติ โฮชิหันหน้ากลับมาหาย่ามิกิ
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
มิกิแววตาเป็นประกาย
"ดิชั้นจะบอกท่านชายว่า วันนี้ที่ไปบ้านคุณมาโกะโตะ ดิชั้นได้พบคุณยูกิเธอเป็นลูกค้าคนใหม่ของดิชั้น เธอเล่นซามิเซ็นได้เพราะมากแล้วก็ชอบดนตรีเหมือนท่านชายด้วย ดิชั้นอยากให้ท่านชายได้พบกับเธอจังเลยค่ะ"
โฮชิมองมิกิอย่างแปลกใจ
ยูกิมองออกไปนอกหน้าต่าง ยิ้มกับตัวเอง มาโกะโตะเดินเข้ามาในห้อง แล้วพูดกับยูกิ
"ในเมื่อรู้ว่าเขาอยู่ที่มิยาคาวะ ให้ชั้นส่งลูกน้องไปพามาเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ"
ยูกิหันขวับไปมองมาโกะโตะอย่างโกรธจัด แล้วพุ่งเข้าไปบีบคอเขายกขึ้น
"เขาเป็นคนรักของฉัน ! แกกล้าดียังไงถึงคิดจะแตะต้องเขา "
เท้ามาโกะโตะลอยขึ้นจากพื้น ดิ้นหายใจไม่ออก
"เขาเคยทำให้เธอเสียใจ ชั้นคิดว่าเธอเกลียดเขา ชั้น..ชั้นขอโทษ ชั้นไม่..ไม่ได้ตั้งใจ"
"ไม่ ชั้นไม่เคยเกลียดเขา ตอนนั้นชั้นเป็นปีศาจส่วนเขาเป็นเทพเจ้า ใครมันจะไปรักนางปีศาจลง"
ยูกิเหวี่ยงร่างมาโกะโตะกระเด็นไปกองบนพื้น
มาโกะโตะทั้งเจ็บทั้งหายใจไม่ออก ไอสำลักค่อกแค่กและแอบมองยูกิอย่างโกรธแค้น
"แต่ตอนนี้ชั้นอยู่ในร่างของยูกิมนุษย์สาวสวยแล้ว ส่วนเขาก็ไม่เหลือความเป็นเทพไม่ต่างจากมนุษย์ที่ต้องวนเวียนอยู่กับกิเลส...แกว่าเขาจะรักชั้นไหม"
มาโกะโตะพูดเอาใจ
"รักสิ ทั้งรักทั้งหลงเลยล่ะ"
ยูกิยิ้มพอใจ
"ต่อจากนี้ไปแกต้องช่วยชั้น ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับชั้นและหลงรักชั้นเหมือนที่รักนังเมียวโจโอจิน แล้วชั้นกับเขาก็จะใช้ชีวิตคู่อยู่บนโลกมนุษย์ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยที่เขาจะไม่มีวันรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของชั้นเป็นใคร"
ยูกิมีความสุขกับแผนการของตัวเอง
ไดซุเกะกำลังอ่านตำราเก่าของตระกูลอย่างเคร่งขรึมอยู่หน้าแท่นบูชา
บนแท่นมีเทียนจุดขนาบข้างรูปปั้นเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก ขณะเดียวกัน อัตซุโอะรินน้ำชาใส่ถ้วยกระเบื้องให้อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องอย่างเงียบเชียบเพราะรู้ว่า เวลานี้ท่านไดซุเกะต้องการสมาธิมากที่สุด
ทันใดนั้น เปลวเทียนบนหิ้งดับพรึ่บ ทั้งๆที่ไม่มีลมพัดเข้ามาในห้องเลยแม้แต่น้อย แสงเทียนที่ดับไปทำให้ทั้งคู่เงยหน้ามองบนหิ้ง
ดวงตาของรูปปั้นเทพเจ้าจิ้งจอกคล้ายกับว่ากำลังจ้องมองมาที่ไดซุเกะ
ไดซุเกะหรี่ตามองรูปปั้นอย่างใช้ความคิด เขารู้สึกได้ถึงสัญญาณเตือน จึงรีบก้มหน้าไล่อ่านตำราต่ออย่างเร็ว
ดวงตาของรูปปั้นเทพเจ้าจิ้งจอกกลายเป็นสีส้มสว่างวาบ โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็น
ภายในห้องนอน ฮิเดโนรินอนถอดเสื้อคว่ำหน้าอยู่บนฟูกลืมตาโพล่ง ฮิเดโนริกระสับกระส่าย มือเท้าหงิกเกร็งจนเส้นเลือดปูด เขาพยายามต่อต้านพลังของสุนัขจิ้งจอกภายในตัว แต่ ยิ่งต่อต้านเขาก็ยิ่งทรมาน เขาดิ้นเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น มือปัดไปโดนแจกันแตกเพล้ง !
มือปัดป่ายไปทั่วแล้วคว้าเศษแจกันแตกติดมือ ด้วยความที่ไม่มีสติสมบูรณ์ ประกอบกับอำนาจความรุนแรงของการต่อสู้ระหว่างปีศาจและมนุษย์ในตัว ทำให้เขาจะกำเศษกระเบื้อง เขาพยายามจะต่อต้านให้ตัวเองปล่อยมือจากกระเบื้อง แต่มือกลับไม่ยอม จะกำเศษกระเบื้องแตกให้ได้ ดูน่าหวาดเสียว
ไดซุเกะอ่านตำรา มีตัวหนังสือบนกระดาษเขียนว่า "หญิงสาวจากดวงดาวจะมาปลดปล่อยเขา และนำพาหายนะให้โคสึกะ สูญสิ้น"
ไดซุเกะถลึงตาขึ้นอ่านอย่างตกใจ
อัตซุโอะถาม
"มีอะไรเหรอครับท่าน"
ไดซุเกะยังไม่ทันตอบ เสียงตะโกนร้องของฮิเดโนริดังสนั่นขึ้น
"อ๊าก !"
ไดซุเกะกับอัตซุโอะหันขวับออกไปนอกห้อง
ไดซุเกะและอัตซุโอะเดินมาตามมาทางไปที่ห้องฮิเดโนริ ไดซุเกะเลื่อนประตูออกอย่างเร็ว
"ฮิเดะ !"
แต่ในห้องไม่มีฮิเดโนริ มีแต่รอยเศษกระเบื้องแตกเกลื่อนทั่วห้อง และเศษกระเบื้องแตกที่ชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ ไดซุเกะก้าวเข้าไป ย่อตัว ใช้นิ้วแตะเลือดนั้นมาคลึงอย่างใช้สมาธิ แล้วเขาก็สัมผัสได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานชาย
"เกิดอะไรขึ้นกับคุณฮิเดะครับ"
"ฮิเดะกำลังต่อสู้กับสายเลือดปีศาจจิ้งจอกในตัวเขา"
ขาดคำไดซุเกะ เสียงสุนัขจิ้งจอกคำรามดังมาจากด้านนอก ทั้งคู่หันขวับไปมอง แล้วเดินเร็วๆ ออกมาจากในบ้าน ทั้งสองมองหาและร้องเรียกฮิเดโนริ
"ฮิเดะ ฮิเดะ / คุณฮิเดะ คุณฮิเดะ"
อัตซุโอะสอดส่ายสายตามองหาไปรอบๆ ไม่ทันได้มองสิ่งที่อยู่หลังพุ่มไม้ตรงหน้า แต่ไดซุเกะหันไปเห็นว่าพุ่มไม้เคลื่อนไหว ปรากฎดวงตาสีส้มสว่างวาบอยู่ในมุมมืดหลังพุ่มไม้ ดวงตานั้นกำลังจ้องไปที่อัตซุโอะ
ไดซุเกะร้องเตือน
"อัตซุโอะ"
แต่ไม่ทันแล้ว ฮิเดโนริพุ่งออกมาจากพุ่มไม้กระโจนใส่อัตซุโอะพร้อมกับเสียงคำรามของสุนัขจิ้งจอก ด้วยพลังมหาศาลของปีศาจจิ้งจอก ทำให้อัตซุโอะกระเด็นหงายหลังล้มลงกับพื้น บนฝ่ามือข้างขวาของฮิเดโนริมีบาด แผลฉกรรจ์และคราบเลือดจากการกำเศษกระเบื้องแตก
ไดซุเกะโพล่ง
"ฮิเดะ หยุดเดี๋ยวนี้ !"
ฮิเดโนริหันขวับมาหาผ็เป็นปู่ ไดซุเกะยืนนิ่ง จ้องตากับฮิเดโนริกลับอย่างไม่เกรงกลัว
"คุณฮิเดะอย่า นั่นปู่ของของคุณ"
ฮิเดโนริหยุดเดิน พยายามจะต่อต้านตัวเองไม่ให้เดินเข้าไปทำร้ายปู่ของเขา แต่ดวงตาของจิ้งจอกบนแผ่นหลังของฮิเดโนริสว่างวาบ เกิดการต่อต้านขึ้นในตัวฮิเดโนริอีกครั้ง เขาล้มตัวลงดิ้นเกลือกกลิ้งลงบนพื้น ใบหน้า ของเขาบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
"อ๊าก"
ไดซุเกะยืนมองเขานิ่ง ฮิเดโนริอ่อนแรงปรือตาขึ้นมาเห็นไดซุเกะยืนมองอยู่
"ช่วย...ด้วย"
ไดซุเกะต้องแข็งใจ
"ไม่มีใครช่วยแกได้ นอกจากตัวแกเอง"
ฮิเดโนรินึกถึงคำพูดของไดซุเกะ
"ถ้าแกยังขาดสติ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สายเลือดปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ในตัวแกจะกลืนกินความเป็นมนุษย์ของแก แล้วแกจะไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกเลย"
ฮิเดโนริหลับตาสนิท พยายามข่มอารมณ์ไม่ดิ้น ไม่ร้อนรนไปกับพลังพุ่งพล่านที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย จนกระทั่งเขาค่อยๆ นิ่งขึ้น...นิ่งขึ้น มือที่หงิกเกร็งของฮิเดโนริค่อยๆ ผ่อนคลาย
ไดซุเกะยิ้มนิดๆ ที่เห็นหลานชายเริ่มเอาชนะได้
ดวงตาสว่างของสุนัขจิ้งจอกบนแผ่นหลังฮิเดโนริค่อยๆ ดับไปจนกระทั่งกลายเป็นแค่ลายสักยันต์ธรรมดา
ฮิเดโนรินิ่งสงบ แล้วลืมตาอยู่ในสภาพปกติ ไดซุเกะยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ
ภายในห้อง ฮิเดโนรินั่งบนพื้นอยู่ตรงข้ามกับไดซุเกะ
เขาใช้ผ้าสีขาวพันแผลที่ฝ่ามือ บนผ้าเต็มไปด้วยรอยเลือด สีหน้าเขายังอ่อนแรงจากเหตุการณ์ต่อสู้กับพลังปีศาจจิ้งจอกภายในตัว
ขณะเดียวกันอัตซุโอะมีบาดแผลบนใบหน้าเล็กน้อยจากการต่อสู้กับฮิเดโนริ กำลังรินน้ำสาเกใส่ถ้วยแล้วเลื่อนให้ ฮิเดโนริใช้มือข้างที่ไม่เจ็บยกถ้วยขึ้นกระดกพรวด เดียวหมด
"แกทำได้ดีมาก ต่อไปนี้มันจะทำอะไรแกไม่ได้อีกแล้ว เลือดมนุษย์ในตัวแกจะเป็นฝ่ายควบคุมและใช้พลังของเลือดปีศาจจิ้งจอกให้เป็นประโยชน์" ไดซุเกะมองไปที่ฝ่ามือของฮิเดโนริ
ฮิเดโนริมองตามสายตาของปู่ด้วยความแปลกใจ ไดซุเกะพยักหน้านิดๆ เป็นเชิงบอกให้ลองเปิดดู
ฮิเดโนริเปิดผ้าบนฝ่ามือข้างที่เจ็บออกแล้วพบว่าฝ่ามือของเขากลายเป็นปกติ ไม่มีบาดแผลใดๆ เกิดขึ้นเลย
อัตซุโอะอึ้ง
" ปีศาจจิ้งจอกสามารถสมานแผลด้วยตัวเอง"
ฮิเดโนริกระตุกยิ้มพอใจ
"ผมชักจะชอบสิ่งที่ผมเป็นแล้วสิครับ"
"ดี แกจะได้เลิกทำตัวงี่เง่าแล้วกลับมาทำหน้าที่ทายาทของตระกูลโคสึกะสักที เรื่องที่ปู่ให้ไปสืบเกี่ยวกับนังผู้หญิงที่มาดูแลหลานของอาคิระ ไปถึงไหนแล้ว"
ฮิเดโนริก้มหน้ารู้สึกผิด
"ผม...ผมยังไม่ได้อะไรเพิ่มเติมครับ"
ไดซุเกะโมโห
"ทำไม แกจะรอให้มันมาทำลายตระกูลของเราตามสัญญาณเตือนของบรรพบุรุษเราก่อนหรือไง"
"สัญญาณเตือน สัญญาณเตือนอะไรครับปู่"
ไดซุเกะมองไปที่ตำราบนแท่นที่เปิดหน้าที่มีสัญญาณเตือนค้างไว้ ฮิเดโนริปราดเข้าไปไล่สายตาอ่านแล้ว เจอข้อความอันน่าตกใจ - "หญิงสาวจากดวงดาวจะมาปลดปล่อยเขาและนำพาหายนะให้โคสึกะสูญสิ้น" เขาทั้งอึ้ง..เครียด "ผมไม่มีวันให้มันเกิดขึ้นได้เด็ดขาด แค่ผู้หญิงธรรมดาคนเดียวจัดการไม่ยากหรอกครับ"
"อย่าประมาทฮิเดะ ถ้าผู้หญิงคนนั้นธรรมดาอย่างที่แกคิด มันคงจะทำให้ตระกูลโคสึกะของเราสูญสิ้นตามไม่ได้ ทางที่ดีแกควรจะรีบไปจัดการมันให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้มันมาทำลายตระกูลของเรา"
ฮิเดโนริพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่ปู่สั่ง
รินดาราหยิบกระเป๋าใบเล็กๆสำหรับใส่ของกระจุกกระจิกเช่น มือถือ ปากกา สมุดโน้ตขึ้นมาสวมสะพายไว้กับตัว พร้อมกับเดินไปเลื่อนประตูเปิดจะออกไปข้างนอก แต่พบอาคิระยื่นยืนอยู่ รินดาราสะดุ้งตกใจ
"ว้าย !"
อาคิระยื่นผ้าพันคอผืนที่ให้รินดาราเป็นของขวัญวันเกิดให้รินดารา
"ชั้นบอกแล้วไงคะว่าชั้นไม่เอา"
"คนไทยมีเสน่ห์เรื่องมารยาทงาม แต่ทำไมคุณถึงไร้มารยาทแบบนี้ เป็นคนไทยจริงรึเปล่า"
รินดาราอึ้ง สะกดกลั้นความโกรธเต็มที่
"ชั้นไม่มีมารยาทเฉพาะกับคนบางคนเท่านั้นค่ะ"
"ผมเป็นนายจ้างของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์ไม่มีมารยาทกับผม รับของไปซะ ส่วนคุณจะใช้หรือไม่ใช้ก็เรื่องของคุณ"
"ถ้างั้นคุณเอาไปให้คนอื่นน่าจะมีประโยชน์กว่า"
"แต่ผมตั้งใจซื้อมาให้คุณ ผมก็ต้องให้คุณคนเดียวเท่านั้น"
อาคิระเดินเข้าไปในห้องรินดาราวางผ้าพันคอไว้บนโต๊ะ
"คุณอาคิระ เราเคยคุยกันแล้วว่าคุณจะไม่เข้ามาในห้องชั้น ถ้าชั้นไม่อนุญาต"
แต่อาคิระไม่ฟังรินดารา ระหว่างนั้นเขาหันไปเห็นเหรียญเซโมริลายนกกระเรียนวางอยู่บนโต๊ะ
"เซโมริ"
อาคิระหยิบขึ้นมามอง นึกถึงที่รินดาราเคยบอก
"ชั้นได้ยินเสียงแปลกๆที่ข้างนอกก็เลยออกไปดู แล้วเจอท่านชาย เขาเป็นห่วงชั้นก็เลยเอาเครื่องรางมาให้"
อาคิระแดกดัน
"ทีเป็นของท่านชายให้ล่ะเก็บไว้อย่างดีเชียวนะ"
"แน่นอน ท่านชายให้ชั้นด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้ให้ไปตามหน้าที่อย่างคุณ คุณค่ามันต่างกันอยู่แล้ว ขอของชั้นคืนด้วยค่ะ"
รินดาราฉวยแย่งเหรียญเซโมริมาจากมืออาคิระแล้วเก็บเหรียญใส่กระเป๋า จึงไม่เห็นสายตาตัดพ้อของอาคิระ นานะเดินเร็วๆ ผ่านหน้าห้อง แล้วหยุดมองเข้ามาในห้อง
"มีอะไรหรือเปล่า" อาคิระถาม
"เห็นคุณย่ามิกิมั้ยคะ คุณอาคิระ"
"คุณย่าอยู่ที่ห้องกิโมโน มีอะไรหรือเปล่า"
"มีโทรศัพท์ถึงคุณมิกิค่ะ"
อาคิระแปลกใจ
"ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีใครโทรหาคุณย่า ... ถามหรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร"
"เขาบอกว่าชื่อยูกิค่ะ"
ห้องบนหอคอยมิกิบอกกับโฮชิขณะยกจานขนมบนถาดออกมาวางบนโต๊ะเตรียมให้โฮชิ
"ดิชั้นต้องขอโทษด้วยที่เอาของว่างมาให้ท่านชายช้า มัวแต่คุยโทรศัพท์กับคุณยูกิเพลินไปหน่อย เธอโทร.มาชวนดิชั้นให้ไปดูสิ่งที่เธอชอบมากที่สุด เผื่อว่าดิชั้นจะนำมาคิดออกแบบลายกิโมโนให้เธอ"
โฮชิพูดขึ้นโดยที่ไม่ละสายตาและมือไปจากการระบายสีม่วงอ่อนลงบนเฟรม รูปยังวาดซุ้มดอกวิสทีเรีย ไม่เสร็จ
"ชั้นจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มิกิออกไปพบลูกค้าก็เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน แล้วทำไมตอนนี้ถึงใจอ่อนได้ล่ะ"
"ดิชั้นถูกชะตากับคุณยูกิค่ะ ตั้งแต่พบเธอที่บ้านคุณมาโกะโตะ ดิชั้นก็อยากจะทอกิโมโนให้คุณยูกิเหลือเกิน ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อทอกิโมโนผืนนี้ให้ดีที่สุด แต่ดิชั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องคิดมากขนาดนี้ ... หรือว่านี่จะเป็นกิโมโนผืนสุดท้ายของชีวิตดิชั้น"
"ถ้ามิกิยังเดินขึ้นลงบันไดมาหาชั้นได้ทุกวันแบบนี้ มิกิก็น่าจะยังทอได้อีกหลายผืนนะ"
"ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะค่ะ"
โฮชิยิ้มแล้วหันไปวาดรูปบนเฟรมต่ออย่างตั้งใจ ส่วนมิกิหันไปวางจัดของวางให้โฮชิต่อ
ณ บ้านมาโกะโตะ ยูกิกำลังนั่งหวีผมดำยาวสยายอยู่หน้ากระจก เธอยิ้มกับตัวเองมีความสุขอย่างผู้ที่มีความหวังกับความรัก
ทันใดนั้นดวงตาของยูกิเปลี่ยนเป็นสีฟ้า
มิกิกำลังจัดอาหารว่างให้โฮชิอยู่ๆ ก็กระตุก ดวงตาเป็นสีฟ้าเหมือนยูกิ
ยูกิพูดพร้อมกับหวีผมตัวเองอย่างช้าๆ ใจเย็น
"ดิชั้นอยากให้ท่านชายไปพบคุณยูกิ"
มิกิพูดตามยูกิ น้ำเสียงแข็งทื่อ
"ดิชั้นอยากให้ท่านชายไปพบคุณยูกิ"
โฮชิได้ยินไม่ถนัด ละสายตาจากภาพวาดแล้วหันกลับมาหามิกิพร้อมถาม
"มิกิว่าอะไรนะ"
ลูกตาสีฟ้าของมิกิหายไปในพริบตากลายเป็นลูกตามนุษย์ธรรมดา มิกิกลับมาสู่สภาพปกติแต่ความคิดไปตามที่ยูกิส่งกระแสจิตมา
"ดิชั้นบอกว่าอยากให้ท่านชายไปพบคุณยูกิด้วยกันค่ะ"
"มิกิก็รู้ว่าชั้นไม่ควรพบใครมากเกินไป"
"แต่คุณยูกิคือคนที่ท่านชายควรพบ ท่านชายจะได้มีเพื่อน ดิชั้นไม่รู้ว่าตัวเองจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ อย่างน้อยท่านชายก็น่าจะมีใครสักคนที่รู้จักพอจะให้คุยเป็นเพื่อนคลายเหงาได้บ้าง ไปพบคุณยูกิกับดิชั้นเถอะนะคะท่านชาย"
โฮชิมองมิกินิ่งไป สักพักแล้วบอก
"ชั้นไปก็ได้" มิกิยิ้มดีใจ "แต่ที่ชั้นไป ชั้นไม่ได้อยากมีเพื่อนเพิ่มหรอกนะ แต่ชั้นอยากรู้ว่า คุณยูกิมีอะไรดีถึงทำให้มิกิของชั้นหลงใหลได้มากขนาดนี้"
มิกิยิ้มหวาน
"แล้วท่านชายจะได้พบคำตอบค่ะ"
ยูกิในชุดกิโมโนสีหวานรวบผมเสร็จแล้วและยิ้มให้กระจกเหมือนรอยยิ้มของมิกิ
นารูตะยืนคอยอยู่ที่รถ คนอื่นๆ เดินออกมาจากในบ้านเพื่อจะมาส่งโฮชิกับมิกิ รินดาราเข็นอายูมิ
อาคิระเดินโอบประคองมิกิ สีหน้าของอาคิระมีร่องรอยความกังวล
"คุณย่าแน่ใจนะครับว่าจะไม่ให้ผมไปเป็นเพื่อน"
"อาคิระมีประชุมก็อยู่ทำงานเถอะ อย่าให้เสียงานเสียการเพราะย่าเลย ย่ากับท่านชายไปกันเองตามลำพังได้"
อาคิระไม่สบายใจ เป็นห่วงย่าเพราะไม่ไว้ใจโฮชิ
"แต่..."
โฮชิรู้ว่าอาคิระคิดอะไรอยู่
"เราไม่ได้ไปกันตามลำพังสักหน่อยมิกิ นารูตะก็ไปด้วย"
"ถ้าจะให้อายูมิไปด้วย อายูมิก็ยินดีนะคะ"
"ไม่ได้จ้ะ วันนี้หนูอายูมิโปรแกรมทำกายภาพกับพี่แน่นทั้งวันเลย"
อายูมิบุ้ยหน้าเซ็งนิดๆ
"คุณย่าดูแลตัวเองนะครับ แล้วผมจะโทรหาเรื่อยๆ"
"จ้ะ"
ขณะที่อาคิระกับมิกิเดินอ้อมไปอีกฝั่งของรถ อาคิระเปิดประตูรถให้ มิกิกำลังจะก้าวขึ้นรถ
ยูกิอยู่ในห้องหนึ่งแล้วลืมตาปัง ดวงตาเป็นสีฟ้าวาบ
จู่ๆ ย่ามิกิเกิดอาการหน้ามืดเวียนหัวอย่างรุนแรงจนทรงตัวไม่อยู่
"คุณย่า"
อาคิระรับร่างมิกิไว้ได้ทันก่อนที่จะร่วงลงพื้น คนอื่นๆ ตกใจ
มิกินั่งหน้าซีดอยู่บนเก้าอี้ รินดาราส่ายยาดมที่ปลายจมูก โฮชินั่งกุมมือมิกิอย่างห่วงใย อายูมิ และนานะอยู่ด้วย มิกิค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น โฮชิถาม
"เป็นยังไงบ้างมิกิ"
"ดิชั้นแค่เวียนหัวตามประสาคนแก่ คงเป็นเพราะเมื่อคืนคิดหาลายทอกิโมโนให้คุณยูกิดึกไปหน่อย"
"ถ้าคุณย่าหักโหมจนร่างกายแย่แบบนี้อีก ผมจะไม่ยอมให้คุณย่าทอกิโมโนให้ใครแล้วนะครับ"
"จ้ะๆ ตอนนี้ย่าไม่เป็นอะไรมากแล้ว เรารีบไปกันเถอะค่ะท่านชาย เดี๋ยวคุณยูกิจะรอ"
"คุณย่าอย่าไปเลยครับ เกิดไปเป็นลมกลางทางจะไม่แย่"
"คุณอาคิระพูดถูก คุณย่ามิกิออกไปก็ต้องไปเจอแดดเจอลม เดี๋ยวจะยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอนะคะ ทางที่ดีคุณย่าน่าจะไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาล หรือไม่ก็นอนพักผ่อนอยู่บ้านก่อน"
"แต่ดิชั้นนัดคุณยูกิเอาไว้แล้ว ไม่อยากผิดนัดกับเธอ"
"ผมจะโทร.ไปบอกคุณยูกิให้เองครับว่าคุณย่าไม่สบาย ไปพบเธอไม่ได้ ขอเบอร์โทร.ของคุณยูกิด้วยครับ"
"ย่าไม่มีเบอร์โทร.ของคุณยูกิ เมื่อเช้าคุณยูกิก็เป็นฝ่ายโทร.มา ย่าก็ลืมขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้"
"ผมโทร.ไปหาคุณมาโกะโตะกับริเอะแล้ว แต่โทร.ไม่ติดเลย"
"ถ้างั้นย่าก็ยิ่งต้องไป ไม่อย่างงั้นคุณยูกิจะรอเก้อแย่เลย"
"ไม่ได้ ยังไงผมไม่ยอมให้คุณย่าออกไปทั้งๆ ที่ร่างกายอ่อนแอแบบนี้เด็ดขาด"
มิกิไม่สบายใจ
"งั้นเอาอย่างนี้นะ ชั้นจะไปพบคุณยูกิให้เองแล้วบอกว่ามิกิไม่สบาย ขอนัดพบเป็นวันหลัง ดีมั้ย"
"ดีค่ะ แต่ต้องให้อาคิระไปเป็นเพื่อนท่านชาย ชั้นไม่อยากให้ท่านชายออกไปคนเดียว อาคิระไปกับท่านชายนะ"
อาคิระจำใจยอม
"ครับ"
กลกิโมโน ตอนที่ 5 (ต่อ)
ยูกิแต่งตัวชุดยูกาตะสีหวาน มาโกะโตะเดินเข้ามา
"ไปกันได้หรือยัง"
"ไปสิ แต่แกไม่ต้องไป ชั้นจะให้คนอื่นไปกับชั้นแทน"
"ใคร"
ในห้องทำงานริเอะปรี๊ด
"ริเอะไม่ไป ! ถ้านังเกอิชาไปไหนเองไม่ได้ก็ไม่ต้องไป ทำไมต้องให้ริเอะไปเป็นเพื่อน ริเอะไม่ใช่คนรับใช้ของใคร"
"พ่อไม่ได้ให้ริเอะไปรับใช้ยูกิ แค่ไปเป็นเพื่อนยูกิ เขาอยากให้ลูกไปกับเขา"
"นังนั่นมันเป็นใครกันแน่คะคุณพ่อ คุณพ่อถึงต้องทำตัวเหมือนเป็นทาสมัน ยอมทำให้มันทุกอย่าง ไหนคุณพ่อเคยสอนริเอะว่าอย่ายอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ แต่ทำไมคุณพ่อกลับทำซะเอง"
"เพราะพ่อรักลูกไงล่ะ เชื่อพ่อนะ อดทนอีกนิดแล้วเราจะได้ทุกอย่างที่เราต้องการ"
"ความอดทนของริเอะไม่ได้มีไว้ให้กับนังผู้หญิงชั้นต่ำค่ะ คุณพ่อออกไปบอกมันนะคะว่า ริเอะไม่ไป"
ยูกิเข้ามา
"เธอไม่อยากไปหาอาคิระเหรอริเอะ"
"อาคิระ ? อาคิระเกี่ยวอะไรด้วย"
ยูกิไม่ตอบคำถามของริเอะ
"ชั้นอุตส่าห์ให้อาคิระได้ออกมาพบกับเธอ เธอจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือจริงๆ เหรอ"
"เธอไม่มีสิทธิ์มาสอนชั้น"
มาโกะโตะปราม
"ริเอะ"
"ไม่เป็นไรหรอกมาโกะโตะ ลูกสาวเธอยังไม่ไว้ใจชั้น ชั้นเข้าใจ ถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวของมาโกะโตะชั้นก็คงไม่ปล่อยเธอไว้เหมือนกัน แต่ในเมื่อพวกเธอยังมีประโยชน์กับชั้น ชั้นถึงช่วยเธอ และถ้าชั้นเป็นเธอ ชั้นจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเขา แล้วทำให้เขาลืมเรื่องทุกอย่างในอดีตเพื่อกลับมารักเธอเหมือนเดิม"
ริเอะเปลี่ยนท่าทีเป็นสนใจขึ้นมาทันที
"เธอจะให้ชั้นพาไปไหน"
ยูกิกับมาโกะโตะยิ้มสมใจ
บรรยากาศแสนสวยงามของสวนวิสทีเรียที่ออกดอกสีม่วงพราวไปทั่วทั้งบริเวณ โฮชิกับอาคิระเดินเข้ามาหยุดยืนหน้าอุโมงค์วิสทีเรีย (Kawachi Fuji Garden)
อาคิระยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วมองไปรอบๆรอคอยการมาของยูกิ ขณะที่โฮชิกำลังยืนมองสวนวิสทีเรียด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง
"คุณยูกินัดพบชั้นที่นี่เหรอ"
"ครับ คุณย่าชวนท่านชายมาเป็นเพื่อน คุณย่าไม่ได้บอกท่านชายเลยหรือครับว่าคุณยูกินัดที่นี่"
โฮชิแปลกใจ
"มิกิคงลืม"
"อาคิระ"
อาคิระกับโฮชิหันไปมองทางเสียง ริเอะยิ้มหวานมาจากทางเดียวกับที่ทั้งคู่เข้ามา ริเอะโค้งเคารพโฮชิ
"สวัสดีค่ะคุณ..."
"ท่านชายโฮชิเป็นเพื่อนของคุณย่ามิกิ ... ท่านชายครับ นี่ริเอะ เพื่อนของผม"
ริเอะค้อนอาคิระนิดนึงที่ใช้คำเหินห่างแล้วหันไปยิ้มให้โฮชิ
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณโฮชิ เอ..หรือริเอะควรเรียกว่าท่านชายคะ"
"แล้วแต่คุณริเอะสะดวกเถอะ"
"งั้นริเอะขอเรียกคุณว่าท่านชายเหมือนอาคิระเรียกดีกว่าค่ะ แล้วคุณย่ามิกิล่ะคะ"
"คุณย่าไม่สบายกะทันหันก็เลยให้ผมมาพบคุณยูกิแทน"
"คุณพ่อไม่ว่างกะทันหันเหมือนกัน ก็เลยให้ริเอะมาเป็นเพื่อนคุณยูกิแทนค่ะ"
"คุณยูกิล่ะ" อาคิระถาม
"เดินเล่นอยู่แถวๆ นี้ค่ะ เดี๋ยวริเอะโทร.ตามให้" ริเอะเปิดกระเป๋าและแกล้งทำเป็นหามือถือไม่เจอ "อุ้ย ! แย่จังเลย ริเอะลืมมือถือไว้ในรถค่ะ อาคิระไปเอามือถือเป็นเพื่อนหน่อยสิคะ"
"คุณย่าสั่งให้ผมคอยดูแลท่านชาย"
"อาคิระปล่อยให้ริเอะเดินกลับไปที่ลานจอดรถคนเดียว ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะ"
"ไปเป็นเพื่อนคุณริเอะเถอะอาคิระ ไม่ต้องเป็นห่วงชั้น"
อาคิระยอม
"ผมจะรีบไปรีบมานะครับ"
ริเอะกับอาคิระออกไป โฮชิยืนคอยอยู่ลำพัง เขาหันไปมองสวนดอกวิสทีเรียที่ออกดอกสีม่วงสะพรั่งไปทั่วบริเวณ พลันให้นึกถึงเมียวโจขึ้นมา
อดีตอันไกลโพ้นเมียวโจยืนยิ้มอยู่ท่ามกลางดอกวิสทีเรีย และอดีตเมื่อไม่นานนี้ โฮชิกับ รินดาราคุยกันใต้ต้นวิสทีเรีย
"ซากุระก็มีความสวยงามในแบบของซากุระ แต่ชั้นกลับชอบวิสทีเรียมากกว่า ยิ่งเวลาที่ได้ยืนอยู่ใต้ต้นวิสทีเรีย ได้เงยหน้ามองดอกเล็กๆที่แผ่กระจายเต็มต้น..มันทำให้ชั้นรู้สึก เหมือนกำลังยืนมอง"
"เหมือนได้ดูดาวนับล้านๆดวงที่กระจายเต็มท้องฟ้า ทั้งๆที่เป็นเวลากลางวัน"
โฮชิมีรอยยิ้มสุขใจเมื่อนึกถึงอดีต
แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงฮัมเพลงดังขึ้นจากด้านในอุโมงค์ โฮชิหันขวับไปมองทางเสียงแล้วอึ้งๆ เสียงฮัมเพลงจากใครบางคนคล้ายเพลงของโฮชิ โฮชิเดินตามไปยังเสียงเพลงนั้น
เสียงฮัมเพลงดังคลอต่อเนื่อง โฮชิเดินลอดพวงวิสทีเรียที่ห้อยระย้าตามหาที่มาของเสียงเพลงนั้น แต่แล้วเสียงเพลงก็เงียบหายไป โฮชิเข้ามาจึงไม่เห็นใครอยู่แถวนั้น โฮชิมองหาด้วยความแปลกใจ
"เสียงเพลงมาจากไหน"
จู่ๆ มีผู้หญิงในชุดกิโมโนเดินผ่านแว่บหลังไปอย่างเร็ว โฮชิเห็นความเคลื่อนไหวจากสายตาจึงหันขวับไปมอง แต่ไม่เห็นใคร โฮชิยิ่งแปลกใจ
ด้านหลังของโฮชิ ยูกิกำลังเข้าไปใกล้โฮชิ โดยที่เขาไม่รู้ตัว เธอค่อยๆ ก้าวเข้า ไป...ก้าวเข้าไป...ก้าวเข้าไป จนโฮชิรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหว หันหลังไปอย่างเร็ว จึงพบเธอยืนอยู่
"สวัสดีค่ะคุณโฮชิ ชั้นยูกิค่ะ"
ยูกิโค้งให้ โฮชิโค้งรับและมองยูกิด้วยความสงสัย
"ผมคุ้นหน้าคุณมาก เราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า"
"โลกไม่ได้กว้างอย่างที่เราคิด เราคงจะเคยเดินสวนกันที่ไหนสักที่"
โฮชิพยักหน้ารับ ไม่ติดใจสงสัยอะไรแล้วบอก
"คุณคงยังไม่ทราบ มิกิไม่สบายกะทันหัน มาพบคุณด้วยตัวเองไม่ได้ เราพยายามติดต่อเพื่อจะบอกคุณแล้วแต่ติดต่อไม่ได้"
"ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นได้พบกับคุณก็เพียงพอแล้ว"
ยูกิยิ้ม ส่วนโฮชิมองยูกิด้วยความแปลกใจในคำพูดของเธอ
ริเอะกับอาคิระเดินเข้ามาด้วยกัน ริเอะถือมือถืออยู่กับมือ ส่วนอาคิระเดินเร็วจนริเอะแทบจะตามไม่ทัน
ริเอะต้องวิ่งไปคว้าแขนอาคิระ
"อาคิระ ไม่ต้องรีบกลับไปหรอกค่ะ ป่านนี้ท่านชายคงได้พบกับนัง..เอ่อ..คุณยูกิแล้ว ปล่อยให้เขาสองคนคุยกันไปตามลำพัง เราเดินเล่นกันก่อนเถอะค่ะ"
"ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเดินเล่น ผมกับท่านชายมาหาคุณยูกิเพื่อบอกว่าคุณย่าไม่สบาย แล้วเราก็จะกลับทันที"
อาคิระจะเดินไป ริเอะตามไปขวางหน้าอาคิระ
"คุณไม่อยากอยู่ที่นี่นานเพราะกลัวจะคิดถึงเรื่องของเราใช่มั้ยคะ"
อาคิระหยุดเดิน มองหน้าริเอะนิ่ง อยากจะคาดเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่
ริเอะยิ้ม คิดว่าตัวเองพูดจี้จุดอาคิระได้สำเร็จ จึงเดินเข้าไปแนบชิดอาคิระ
"ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะอาคิระ ริเอะเองก็คิดถึงมันเหมือนกัน" เธอพูดพร้อมกับไล่ปลายนิ้วไปตามหน้าอกของอาคิระอย่างยั่วยวน "ริเอะยังจำได้ไม่ลืม คุณบอกรักริเอะครั้งแรกที่นี่ และคุณก็จูบริเอะครั้งแรกที่นี่ด้วย" ริเอะยกมือโอบรอบคออาคิระ กระซิบข้างหูเขา "ทุกอย่างมันยังอยู่ในความทรงจำของริเอะไม่เคยลืมนะคะ"
อาคิระสบตาริเอะตอบ แล้วก็ยกมือแตะรอบเอวริเอะพร้อมเอ่ยว่า
"ผมก็เหมือนกัน"
ริเอะยิ้มดีใจ
"จริงเหรอคะอาคิระ"
"ครับ ผมไม่เคยลืมเรื่องของเรา รวมทั้งเรื่องที่คุณทิ้งผมไปหาคนอื่น ผมก็ไม่เคยลืม"
อาคิระรวบเอวริเอะแล้วดันร่างของเธอให้ออกห่างจากตัวเขาแล้วเดินไปอย่างไร้เยื่อใย ริเอะอยากจะกรี๊ด
"อาคิระ เดี๋ยวสิอาคิระ จะใจแข็งไปถึงไหน"
ริเอะมองตามอย่างหงุดหงิด
โฮชิกับยูกิเดินคุยกัน อยู่ในอุโมงค์วิสทีเรีย
"น่าเสียดายนะคะ คุณมิกิเลยอดมาเห็นสิ่งที่ชั้นชอบมากที่สุด" ยูกิเดินไปแตะพวงวิสทีเรียที่
ห้อยระย้า
"คุณโฮชิรู้มั้ยคะว่าทำไมชั้นถึงชอบดอกวิสทีเรีย"
โฮชิเงียบ
"เพราะเวลาที่ชั้นได้ยืนอยู่ใต้ต้นวิสทีเรียได้เงยหน้ามองดอกเล็กๆที่แผ่กระจายเต็มต้น มันทำให้ชั้นรู้สึกเหมือนกำลังยืนมองดูดาวนับล้านๆดวงที่กระจายเต็มท้องฟ้า ทั้งๆที่เป็นเวลากลางวัน"
โฮชิอึ้งสีหน้าแปลกใจเต็มที่
"ชั้นพูดอะไรผิดไปหรือคะ"
"ไม่ผิดครับ คุณแค่พูดเหมือนใครบางคน"
ยูกิแกล้งทำไม่รู้
"ใครคะ"
"คนรักของผม"
"เหรอคะ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ทำไมคุณโฮชิไม่พาเธอมาด้วย"
"เธออยู่ไกล เราไม่ได้พบกันนานแล้ว"
"แล้วคุณยังคิดถึงเธออยู่หรือเปล่า"
โฮชิหันหลังให้ยูกิแล้วแหงนหน้ามองดอกวิสทีเรียด้วยความคิดถึงเมียวโจ
"แน่นอนครับ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราอยู่ห่างกันเท่าไหร่ ผมก็ยังจะรักเธอเหมือนเดิม"
ยูกิกัดฟันกรอดเจ็บแค้น มือกำแน่นอย่างไม่พอใจ แล้วยูกิก็ก้าวเข้าไปใกล้โฮชิ
ลูกตาของยูกิเปลี่ยนสีฟ้าแค่แว่บนึงแล้วเปลี่ยนเป็นลูกตาปกติ โฮชิหันกลับมาหายูกิ เธอจ้องเข้าไปที่ดวงตาของโฮชิหมายจะสะกดจิตเขา
โฮชิเห็นอาการก็แปลกใจ
"คุณยูกิ คุณเป็นอะไร"
โฮชิก้าวเข้าไปใกล้ยูกิ เธอแหงนหน้าจ้องตาโฮชิ แล้วทันใดนั้นยูกิก็เห็นดวงตาของโฮชิเป็นสีเขียว ยูกิตกใจ สะดุ้งเฮือกสุดแรง แล้วทรุดล้มลง
"คุณยูกิ !ไ โฮชิปราดเข้าไปรับร่างของยูกิเอาไว้ได้ทัน "คุณยูกิ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ให้ผมพาไปโรงพยาบาลมั้ย"
"ไม่ค่ะ ชั้นไม่ไปไหน ชั้นอยากอยู่ตรงนี้"
ยูกิมองมือของโฮชิที่สัมผัสตัวเธอ ไออุ่นจากร่างกายของเขาทำให้ยูกิสะท้านมีความสุขเพราะไม่เคยได้รับสัมผัสนี้มาก่อน ยูกิไล่สายตาขึ้นไปมองหน้าโฮชิในระยะใกล้ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความสุขล้นหัวใจ มือข้างนึงยกขึ้นอยากจะสัมผัสใบหน้าของเขา
"คุณยูกิ"
ยูกิได้สติกลับคืนมาจึงลดมือลง ปรับสายตาให้เป็นปกติ แล้วลุกขึ้น
"ชั้นต้องขอโทษด้วย คุณทำให้ชั้นนึกถึงคนรักของชั้นค่ะ เวลาชั้นนึกถึงเขาทีไร ชั้นมักจะอ่อนแอแบบนี้ทุกที ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายจิตใจชั้นให้ทุกข์ทรมานแสนสาหัส"
โฮชิจ้องหน้ายูกิในระยะใกล้ แล้วจำได้ว่าเคยเห็นยูกิที่ไหน
โฮชิ เห็นวิญญาณของยูกิหลุดออกจากร่างที่อาบเลือด
โฮชิจ้องหน้ายูกิ
"ผมดีใจนะที่คุณคงผ่านเรื่องเลวร้ายมาได้อย่างปลอดภัย"
"ค่ะ ชั้นผ่านมาได้ แต่ชั้นไม่โกรธคนรักของชั้นหรอกนะคะ ชั้นพร้อมจะให้อภัยเขา คุณคิดว่าชั้นโง่ไหมคะ"
"คุณทำถูกต้องแล้ว ความรักคือการให้อภัย"
"แสดงว่าคุณเห็นด้วยที่ชั้นจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขารักชั้น เพราะชั้นยังรักเขามากเหลือเกิน"
เธอมองใบหน้าโฮชินัยน์ตาเป็นประกาย
"รักกันย่อมดีกว่าเกลียดชังกัน แต่ก่อนที่คุณจะรักใคร คุณต้องรักตัวเองให้เป็นก่อน ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง ผู้ชายคนนั้นก็จะเห็นคุณค่าในตัวคุณและรักคุณได้อย่างหมดหัวใจ"
"ชั้นจะทำตามที่คุณแนะนำค่ะคุณโฮชิ"
โฮชิยิ้มอย่างมีมิตรไมตรีที่ดีให้ยูกิ
ในห้องนอน มิกินั่งกึ่งนอนอยู่บนฟูกพร้อมกับจิบน้ำเปล่า รินดารารับแก้วน้ำมาวางบนถาด
"คุณย่ารู้สึกยังไงบ้างคะ ยังปวดหัว หน้ามืดอยู่หรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ ไม่รู้สึกอะไรเลย"
รินดารานอบน้อม
"ขอโทษนะคะ" รินดาราจับมือมิกิและใช้หลังมือแตะไล่ตามแขนของมิกิแล้วแปลกใจมาก "ตัวเย็นแล้ว เมื่อตะกี้ตัวคุณย่ายังร้อนอย่างกับไฟ แต่ทำไมอยู่ๆ ถึงหายเป็นปลิดทิ้ง"
"ร่างกายคนแก่ก็แบบนี้ล่ะค่ะ เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่หายแล้วก็ดีค่ะ จะได้ออกไปเลือกเส้นไหมที่โรงงานเตรียมไว้ทอกิโมโนให้คุณยูกิ"
"อย่าเพิ่งเลยค่ะ คุณย่าควรจะนอนพักผ่อนให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองก่อน" มิกิยังไม่เชื่อ รินดาราโน้มน้าวสุดพลัง "เพราะถ้าไปเลือกตอนนี้ เกิดอาการเวียนหัวกำเริบขึ้นมา เลือกเส้นไหมได้ไม่ดีพอ คุณยูกิจะผิดหวังนะคะ"
มิกิยิ้มเอ็นดู
"ดิชั้นเข้าใจแล้วล่ะค่ะว่าทำไมอายูมิถึงเชื่อฟังคุณ ตกลงค่ะ ดิชั้นจะนอนพักผ่อนสักงีบ"
รินดารายิ้ม
"ถ้าอย่างงั้นชั้นขอตัวออกไปทำกายภาพให้หนูอายูมิก่อน แล้วจะโทร.บอกคุณอาคิระกับท่านชายให้ว่าคุณย่าไม่เป็นอะไรแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงกัน"
มิกิยิ้มรับแล้วล้มตัวลงนอน รินดาราช่วยจัดแจงห่มผ้าให้ พอเสร็จแล้วรินดาราก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป มิกิมองตามอย่างเอ็นดู
ไดซุเกะเดินเข้ามาในบ้าน เจอฮิเดโนรินั่งจิบน้ำชาดูท่าทางสบายใจ
"แกทำอะไร ไหนว่าวันนี้จะจัดการนังผู้หญิงคนนั้น"
"ผมส่งตัวแทนไปจัดการอยู่ครับ"
ฮิเดโนริยิ้มร้าย แววตาอาฆาตมาดร้าย
รินดาราเดินมาตามทางเดินกำลังจะมุ่งหน้าไปที่ห้องนั่งเล่น มือถือโทรศัพท์กำลังจะโทร.ออกไปหาอาคิระ
เธอไล่สายตาหาดูเบอร์ในเครื่อง
"เบอร์คุณอาคิระ"
ทันใดนั้นสายตาของรินดาราก็หันไปเห็นอะไรบางอย่างที่สวน อายูมิอยู่บนรถเข็นเคลื่อนรถหายเข้าไปในพุ่มไม้
"หนูอายูมิ ?! แดดร้อนๆ ออกไปได้ยังไง เดี๋ยวก็ไม่สบาย"
นานะเดินถือถาดของว่างและแก้วนมสดมาจากสุดทางเดิน เห็นตอนที่รินดารารีบร้อนเดินเลี้ยวออกไป
"คุณรินดาราจะไปไหน"
แล้วนานะก็เดินไปที่หน้าห้องนั่งรถ แล้วเลื่อนประตูเปิดออก
"ของว่างมาแล้วค่ะคุณหนู"
อายูมินั่งเล่นของเล่นอยู่ในห้องแล้วหันมายิ้มสดใสให้นานะ
"อายูมิยังไม่กิน อายูมิจะรอกินพร้อมพี่รินดารา"
แล้วอายูมิที่รินดาราเห็นเมื่อตะกี้เป็นใคร ?!
รินดาราเดินเข้ามาในสวนตรงตำแหน่งที่เห็นอายูมิเคลื่อนรถหายเข้าไปในพุ่มไม้ พร้อมกับร้องเรียก
"หนูอายูมิ หนูอายูมิคะ"
ไม่มีอายูมิอยู่แถวนั้นเลย รินดารากวาดสายตามองไปรอบๆ
เมฆบนท้องฟ้าก่อตัวขึ้นหนาแน่นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้มไปทั่วบริเวณ
ด้านหลังของรินดารา ใครบางคนเคลื่อนเข้าไปใกล้ จนเธอรู้สึกได้ เมื่อหันไป ไม่เจอใคร รู้สึกแปลกใจ
หันหลังอีกครั้ง ครั้งนี้ เจอฮิโตชิยืนแหงนหน้ามองรินดาราด้วยแววตาเศร้าสร้อย รินดาราสะดุ้งตกใจ พอคลายตกใจจึงถามเด็กน้อย
"หนู หนูมาจากไหนคะ"
"ผมอยากกลับบ้าน"
"กลับบ้าน ? แล้วบ้านหนูอยู่ไหนคะ"
ฮิโตชิชี้ไปทางด้านหลังคฤหาสน์ แล้วเข้าไปจับมือรินดารา
"นั่นมันทางเข้าป่า มีบ้านคนอยู่ด้วยเหรอ"
ฮิโตชิไม่ฟังคำพูดของรินดารา เขย่ามือรินดารา ร้องเว้าวอน
"ผมอยากกลับบ้าน พาผมกลับบ้านหน่อย พาผมกลับบ้านหน่อย"
"ค่ะๆ พี่จะพากลับบ้านเอง"
ฮิโตชิยิ้มออก
ฮิโตชิเดินนำรินดารามาถึงแถวบ่อน้ำ ฮิโตชิหยุดยืน
"ไหนคะบ้านของหนู"
ฮิโตชิชี้มือไปที่บ่อน้ำ รินดารามองตามแล้วแปลกใจ
"บ่อน้ำ ? หนูล้อพี่เล่นใช่มั้ย ตกลงว่าบ้านของหนูอยู่ไหนคะ"
รินดาราหันไปถามเด็กชาย แต่ว่าเขาหายไปแล้ว !
รินดารามองไปรอบๆพร้อมขยับเท้าจะเดินตามหาเด็กชาย
"หนู หนูคะ หนูอยู่ไหน"
ฮิโตชิยื่นมาจับขารินดาราที่กำลังเดิน จนเธอสะดุด
"ว้าย !"
รินดาราล้มหน้าทิ่มไปเกาะขอบบ่อน้ำ ชะโงกลงไปในบ่อน้ำ
รินดารา เห็นใบหน้าขาวซีดของฮิโตชิยืนอยู่ก้นบ่อน้ำแหงนหน้าขึ้นมองรินดารากวักมือเรียก
"มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ"
รินดาราเบิกตาโต อ้าปากค้าง ฮิโตชิโกรธ
"ทำไมไม่มาเล่นด้วยกัน"
ทันใดนั้นดวงตาฮิโตชิกลายเป็นสีดำสนิท แหงนหน้ามองรินดาราอย่างไม่พอใจ ลอยพุ่งขึ้นไปยังปากบ่อ
"แอร๊ย" รินดาราร้องสุดเสียง แล้ววิ่งหนีกลับไปทางเดินที่วิ่งมา
มิกิในห้องนอน และอายูกิกับนานะในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงกรี๊ดของรินดาราดังแว่วมาจากด้านนอกบ้าน ทุกคนก็หันขวับไปทางเสียง
รินดาราวิ่งลนลานหนีมาตามทาง คอยเหลียวหลังกลับไปมองด้านหลัง สีหน้าหวาดกลัวสุดขีด
นานะเข็นอายูมิออกมาเจอกับมิกิที่เดินออกมาจากในห้องนอนพอดี เคโกะกับนารูตะเข้ามาอีกทาง ทุกคนมีท่าทางตื่นเต้นเพราะได้ยินเสียงรินดาราร้องเหมือนกัน
"คุณย่าคะ อายูมิได้ยินเสียงพี่รินดาราร้อง อายูมิเป็นห่วงพี่รินดารา"
ไอในชุดทำงานเดินเข้ามาพอดี
"เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ"
นานะบอก
"พวกเราได้ยินเสียงคุณรินดาราร้องมาจากทางสวนค่ะ"
ไอตกใจ
มิกิสั่ง
"มัวแต่ยืนพูดอะไรกันอยู่ ไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น"
ไอ นานะ นารูตะวิ่งออกไป แล้วร้องเรียกรินดารา
รินดาราวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา แล้วสะดุดก้อนหินล้มลงกองกับพื้น
"โอ๊ย"
รินดาราเงยหน้าขึ้นจากพื้น แล้วอึ้งตะลึงงัน เมื่อเห็นว่าข้างหน้าคือบ่อน้ำ !
"วิ่งกลับมาทางเดิม"
ระหว่างนั้นเสียงฮัมเพลงของฮิโตชิดังแว่วๆ มาจากในบ่อน้ำ
"kirakira hikaru…osora no hoshi yo...mabataki shite wa…minna wo miteru... kirakira hikaru…osora no hoshi yo"
รินดาราจ้องไปที่บ่อน้ำอย่างหวาดกลัวสุดขีด
เสียงฮัมเพลงของฮิโตชิค่อยๆ ดังชัดเจนขึ้น...ชัดเจนขึ้น...เหมือนกับว่า ฮิโตชิค่อยๆคืบคลานขึ้นมาจากบ่อน้ำ ฉับพลัน ! มือเล็กๆ ของเด็กชายโผล่ขึ้นมาตะปบเกาะขอบบ่อ รินดาราตาโตตกใจ แล้วลุกขึ้นวิ่งหนีออกไป
ทุกคนวิ่งกระหืดกระหอบกลับเข้ามาหามิกิ เคโกะ และอายูมิที่คอยอยู่
"เป็นยังไงบ้างไอ"
"ไม่เจอคุณรินดาราเลยค่ะ"
"หาทั่วแล้วหรือยัง"
"เราหากันทั่วแล้วค่ะ แถวบ่อน้ำก็ไม่มี"
"เราไม่ได้ตามหากันสองคนด้วยนะคะ พวกคนงานคนสวนก็มาช่วยกันตามหา แต่ไม่เจอคุณรินดาราเลยค่ะ" นานะว่า
มิกิไม่สบายใจ
ทั้งหมดเดินเข้ามาด้วยกัน ยูกิจ้องมองโฮชิตลอดเวลา
"เดี๋ยวเราดื่มชากันก่อนค่อยกลับนะคะ มีร้านชาอยู่ใกล้ๆนี้ สมัยที่ริเอะกับอาคิระคบกัน เรามาดื่มด้วยกันบ่อยๆ"
ริเอะเกาะแขนอาคิระและยิ้มหวาน อาคิระอึดอัด แล้วมือถือของอาคิระก็ดังขึ้น อาคิระรับสาย
"ฮัลโหลไอ" อาคิระฟังแล้วตกใจ "ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้"
อาคิระวางสาย
"ท่านชายครับ ไอโทร.มาบอกว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับรินดาราครับ ผมคิดว่าเราต้องรีบกลับกันแล้ว"
โฮชิตกใจเป็นห่วงมาก
"ไปสิ ... ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณยูกิ คุณริเอะ"
"ค่ะ ฝากความเป็นห่วงถึงคุณมิกิด้วยนะคะ"
โฮชิยิ้มรับ อาคิระโค้งให้ยูกิอีกครั้งเป็นการล่ำลาแล้วเดินนำโฮชิออกไป ริเอะมองตามอาคิระไปอย่างเจ็บใจ
"ใครคือรินดารา" ยูกิถาม
"ผู้หญิงไทยที่มาดูแลหลานง่อยของอาคิระ มันชอบทำตัวอ่อยอาคิระ เธอเองก็ระวังท่านชายโฮชิไว้ให้ดีเถอะ ท่านชายได้เจอนังรินดาราที่บ้านมิยาคาวะบ่อยๆ ระวังเขาจะหลงเสน่ห์มันเข้า"
"คุณโฮชิไม่ได้เหมือนผู้ชายทั่วไปที่จะหลงรักใครง่ายๆ"
ริเอะหมั่นไส้
"เธอพูดเหมือนรู้จักเขามานาน"
"ไม่ต้องสนใจเรื่องของชั้นหรอก เอาเวลาไปสนใจอาคิระเถอะ เพราะท่าทางอาคิระจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงที่ชื่อรินดาราเข้าแล้ว"
ริเอะไม่พอใจ
"ตอนนี้กำลังเกิดเรื่องไม่ดีกับมัน ขอให้มันตายๆ ไปเลยยิ่งดี"
รินดาราวิ่งหนีและร้องตะโกนอย่างหวาดกลัวสุดชีวิตในบริเวณป่าสน
"ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย...ช่วยชั้นด้วย"
รินดาราเหลียวหลังกลับไปมองทางที่วิ่งมา แล้วพอหันหน้ากลับมาก็ชนเข้ากับใครบางคน รินดาราตกใจกรี๊ดลั่น แต่พอเห็นว่าชนกับผู้หญิงในชุดยูกาตะเก่าๆ รินดาราดีใจรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ
"คุณคะ ช่วยชั้นด้วย ชั้นถูกผีหลอก หาทางกลับบ้านไม่เจอ ช่วยชั้นด้วยค่ะ"
"ผีหลอกเหรอคะ..ตายจริงอีกแล้วเหรอ..งั้นตามชั้นมาทางนี้ค่ะ"
ผู้หญิงหันหน้ามาแสยะยิ้ม ก่อนจะเดินนำรินดารา
ผู้หญิงเดินนำหน้ารินดาราไปตามทิวสนที่เรียงรายอยู่ตามทางเดิน อากาศตอนนี้มืดครึ้มเพราะเวลาเย็นและมี เมฆปกคลุมมาก รินดาราเหลียวกลับไปมองด้านหลังอย่างหวาดระแวง แล้วหันกลับมาจะถาม
"คุณคะ คุณจะพาชั้นไปไหน"
แต่กลายเป็นว่าผู้หญิงเดินห่างออกไปไกลมาก ห่างกันประมาณ 10 ต้นสน รินดาราแปลกใจ
"ทำไมเดินเร็วจัง" รินดาราวิ่งตามพร้อมถาม "คุณคะ คุณจะพาชั้นไปไหนคะ รอชั้นด้วยสิคะ"
จู่ๆ ผู้หญิงก็หยุดชะงัก รินดาราหยุดชะงักตาม...ชักเริ่มเอะใจ
หัวของผู้หญิงค่อยๆ หันมาหารินดาราทั้งที่ๆตัวไม่ขยับ
รินดาราอ้าปากค้างร้องกรี๊ดสุดเสียง แล้วหันหลังจะวิ่งหนีก็เจอฮิโตชิยืนอยู่
"มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ"
รินดาราผงะ แล้วหน้าของผู้หญิงก็โผล่มาอยู่ข้างๆ หน้ารินดาราแสยะยิ้มร้าย
"ไปตายกันเถอะ ไปตายกันเถอะ ฮ่าๆๆๆ"
รินดาราหันไปมอง ถึงเห็นว่าร่างของผู้หญิงยังอยู่ห่างออกไป แต่คอยืดยาวมาอยู่ใกล้ตน รินดาราเพิ่งรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้คือ...ผีคอยาว !!!!
รินดารากรี๊ดแล้ววิ่งหนีออกไป ฮิโตชิและผู้หญิงหันขวับมองรินดารา
รินดาราวิ่งหนีมาหลบหลังต้นไม้ น้ำตาไหล ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ฮิโตชิขาซีดเดินเหยียบย่ำพื้นพร้อมร้อง
" มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ"
รินดารามองออกไป เห็นเงาผีคอยาวเลื้อยคอยาวไปมาในอากาศขณะที่ร่างอยู่ไกลจากหัว มันกำลังหารินดารา เธอตกใจสุดขีด หลับตาปี๋ แทบจะกลั้นลมหายใจ
แล้วจู่ๆ มือถือในกระเป๋าสะพายของรินดาราก็ดังขึ้น...รินดาราตะลึง!
ผีคอยาวกับฮิโตชิหันขวับไปทางเสียง
ไอวางสายจากมือถือ คนอื่นๆรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
"ไม่รับค่ะ"
คนอื่นๆ ไม่สบายใจ
ฮิโตชิกับผีคอยาวก้าวเข้ามาใกล้รินดารา รินดาราควานหามือถือในกระเป๋าแต่ความรีบร้อนทำให้รินดาราทำมือถือและของทุกอย่างในกระเป๋าร่วงลงพื้น หล่นกระจายรวมทั้งเหรียญเซโมริ
รินดาราอึ้งตะลึงงัน แล้วหันไปทางซ้ายก็เห็นเงาผีคอยาว หันไปขวางก็เจอเงาฮิโตชิกำลังเดินเข้ามาใกล้เธอ เธอทรุดตัวลงกับพื้นและร้องไห้อย่างหวาดกลัวสุดชีวิต หมดสิ้นหนทางที่จะเอาตัวรอดได้แล้ว แล้วตอนนั้น เองที่รินดาราเห็นเหรียญเซโมริของท่านชายตกอยู่บนพื้น เธอหยิบขึ้นมา คิดถึงที่ท่านชายเคยบอก
"เซโมรินี้จะปัดเป่าอันตรายทั้งปวงไม่ให้เข้ามาใกล้คุณ ผมให้คุณฮิคาริ"
รินดาราพนมมือกำเหรียญเซโมริ
"อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครองหนูด้วยค่ะ"
จู่ๆ ก็เกิดลำแสงสีน้ำเงินขึ้นจากเหรียญเซโมริส่องไปทั่วทั้งบริเวณ แต่รินดารามองไม่เห็น ผีคอยาวและฮิโตชิหวาดกลัวกับลำแสงศักดิ์สิทธิ์ พวกมันหวีดร้องลั่นแล้วหายตัวไป
รินดาราได้ยินเสียงร้องของพวกมัน จึงหันไปมองก็ไม่เห็นพวกมันอยู่แล้ว
รินดารามองเหรียญเซโมริในมืออย่างมีความหวังแล้ววิ่งหนีออกไป
รินดาราวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตมาตามทาง มองตรงไปข้างหน้า เห็นหอคอยของโฮชิอยู่ตรงหน้า บ่งบอกว่าใกล้จะถึงเขตบ้านมิยาคาวะแล้ว เธอยิ้มดีใจแล้ววิ่งต่อ แต่แล้วก็ดันสะดุดก้อนหินล้มลง
"ว้าย"
รินดาราหน้าคะมำล้มลงกับพื้น เหรียญเซโมริที่อยู่ในมือกระเด็นหลุดจากมือแล้วกลิ้งหายเข้าไปโพรงป่า รินดาราตกใจมากแล้วจะลุกขึ้นไปเอาเหรียญ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เจอฮิโตชิกับผู้หญิงที่เป็นผีคอยาวยืนอยู่ตรงหน้า
รินดาราผงะลุกขึ้น ผีคอยาวคว้าคอของรินดาราขึ้นบีบ รินดาราหลังติดกับต้นไม้ ดิ้นขลุกขลักหายใจไม่ออก
ฮิโตชิกระโดดตบมือสนุกสนาน
"สนุกจังเลย สนุกจังเลย"
รินดาราตาเหลือกหายใจไม่ออก ขณะที่ผู้หญิงบีบคอรินดาราแน่นขึ้นอีก เท้าของรินดาราลอยเหนือพื้น เกือบจะสิ้นใจแล้ว
อาคิระขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านอย่างเร็ว อาคิระและโฮชิเปิดประตูรถ เมื่อเท้าของโฮชิเหยียบลงบนพื้นซึ่งเป็นอาณาเขตของมิยาคาวะ ดวงตาบริสุทธิ์ของรูปปั้นเทพเจ้านกกระเรียนที่อยู่ในศาลเทพเจ้าก็เปล่งแสงวาบ
โตชิและผีคอยาวสัมผัสได้ถึงพลังบริสุทธิ์ของเทพที่เพิ่งเกิดขึ้น ผีทั้งสองมีสีหน้าตกใจและหวาดกลัวแล้วพวกมันก็หายวาบไป
ร่างรินดาราถูกปล่อยอย่างกะทันหัน ร่วงลงพื้น รินดาราไอค่อกแค่กสำลักหายใจไม่ออกและไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น
ก้อนเมฆบนท้องฟ้าเปิดออก ทำให้ท้องฟ้ากลับมาสว่างสดใสเป็นปกติอีกครั้ง
โฮชิกับอาคิระเดินเร็วๆ เข้ามาในบ้าน มิกิและคนอื่นๆ ที่คอยอยู่ในบ้านต่างเข้าไปหาชายทั้งสอง
"ฮิคาริกลับมาหรือยัง"
"ยังเลยค่ะ ไอโทร.ติดต่อไปก็ไม่รับสาย แล้วก็ปิดเครื่องไปแล้ว"
"ใครเห็นฮิคาริเป็นคนสุดท้าย"
"นานะค่ะ นานะเห็นคุณรินดาราเดินไปทางสวนหลังบ้าน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเธอกรี๊ดออกมาจากทางสวนค่ะ"
อาคิระไม่รอช้า วิ่งออกไปเลย
"อาคิระจะไปไหน อาคิระ" มิกิถาม
อาคิระวิ่งตามหารินดาราด้วยความห่วงใย
"รินดารา คุณอยู่ไหน รินดารา"
อาคิระมองไปรอบๆ ร้อนใจมาก แล้วสายตาของเขาก็หยุดมองไปที่ด้านทางเข้าป่าสน นิ่วหน้าแปลกใจ
รินดาราเดินโซซัดโซเซกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แล้วเธอก็ชนเข้ากับใครบางคนอีก รินดารา ตกใจกลัวมาก
"แอร๊ย อย่ามาหลอกชั้น ไปให้พ้น"
อาคิระคว้าไหล่สองข้างของรินดารา
"รินดาราใจเย็นๆ ผมเอง"
"อาคิระ"
รินดาราโผกอดอาคิระแน่น อาคิระอึ้งไปเลย รินดาราร้องไห้โฮ
"อาคิระช่วยชั้นด้วย ชั้นถูกผีหลอก มันจะฆ่าชั้น มันจะฆ่าชั้น"
รินดาราเป็นลมฮวบ อาคิระรับร่างเอาไว้ได้ทัน
"รินดารา "
โฮชิและคนอื่นๆ วิ่งตามมา เห็นรินดาราเข้าก็ดีใจ พากันวิ่งกรูเข้าไปดูรินดารากันอย่างห่วงใย
จบตอนที่ 5