กลกิโมโน ตอนที่ 4
ในห้องสตูดิโอทำงานของริเอะ มีหุ่นลองเสื้ออยู่สองสามชุด และโต๊ะวาดแบบเสื้อผ้า
ริเอะกำลังนั่งทำงาน ร่างแบบเสื้อผ้าแฟชั่นอยู่ แล้วรู้สึกถึงความหนาวเย็นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
แก้วน้ำเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆกลายเป็นน้ำแข็งอย่างช้าๆ แต่ริเอะไม่ทันหันไปมองเพราะตะโกนเรียกคนใช้
"เข้ามาหน่อยสิ"
คนใช้เข้ามา
"คะ คุณริเอะ"
"ใครสั่งให้ไปปรับแอร์ หนาวจะตายอยู่แล้ว"
"เปล่าค่ะ..ไม่มีใครไปปรับแอร์เลยนี่คะคุณ" พูดไปก็หนาวเหมือนกัน "สงสัยแอร์จะเสีย"
"งั้นก็รีบไปดูสิ..หนาวแบบนี้แล้วชั้นจะนั่งทำงานได้ยังไง"
"ค่ะๆๆ"
"เดี๋ยว..แล้วคุณพ่อล่ะ"
"อยู่ที่ห้องทำงานค่ะ กับแขกผู้หญิงที่มาเมื่อวันก่อน"
"นังยูกินั่นน่ะเหรอ"
ริเกะแปลกใจ ทำไมยูกิยังอยู่ที่นี่อีก
สภาพศพลูกน้องมาโกโตะกลายเป็นซากศพแห้งๆเหมือนถูกแช่แข็งตายอย่างน่าสยดสยอง นอนตาย ต่อหน้าต่อตามาโกโตะ ยูกิก้าวข้ามศพของลูกน้องมาโกโตะแล้วเดินเข้าหาอย่างน่ากลัว
"แก...แกไม่ใช่ยูกิ"
"ทำไมชั้นจะไม่ใช่ยูกิ ก็ชั้นนี่ไง ยูกิ ผู้หญิงที่เทิดทูนความรักอย่างสุดหัวใจ แต่สุดท้ายก็ ต้องตายเพราะความรัก ที่แกเป็นคนทำลายมันไงมาโกโตะ ชินเอบะ..หึๆๆ"
มาโกโตะอึ้ง
"ถ้า...ถ้ายูกิตายแล้ว แล้ว...แล้วแก แกเป็นใคร"
ยูกิหัวเราะอย่างสยดสยองน่ากลัวแล้วยื่นมือไปบีบคออย่างแรง มาโกโตะพยายามดิ้นแต่สู้แรงไม่ได้
"อย่า...อย่า"
ยูกิยื่นหน้าเหมือนจะดูดพลังชีวิตของมาโกโตะอย่างศพอื่นๆ แต่เธอกลับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วปล่อย มาโกโตะรีบคลานถอยไปจนชิดห้อง ยูกิเข้าไปใกล้ ความเย็นยะเยือกในห้องทำให้ลมหายใจของมาโกโตะออกมาเป็นควันระหว่างที่คุยกับยูกิ
"แกยังตายไม่ได้หรอกมาโกโตะ แกต้องมีชีวิตอยู่เพื่อชดใช้ความเลวที่แกทำไว้กับยูกิ"
"อยากได้อะไร เงินเหรอ เอาไปเลย อยากได้เท่าไหร่บอกมา"
"หึๆๆนั่นมันคือสิ่งที่มนุษย์ชั้นต่ำอย่างพวกแกต้องการ แต่สำหรับชั้น..มันไม่ใช่"
"แล้ว..แล้วจะให้ชั้นทำอะไรให้"
"เป็นทาสผู้ซื่อสัตย์รับคำสั่งของชั้นอย่างเดียว"
"ทาส ?"
"ชั้นกำลังตามหาใครคนหนึ่ง และแกก็ต้องช่วยชั้น แกจะทำให้ชั้นได้มั้ย"
มาโกโตะสีหน้าแปลกใจสงสัย ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อ นังนั่นมันกลับมาทำไม..คุณพ่อ"
ยูกิค่อยๆหันไปทางประตูแล้วยิ้มร้ายไม่คิดจะไว้ชีวิตริเอะ
"อย่านะ..อย่าทำอะไรลูกสาวชั้น ชั้นยอมทำตามทุกอย่าง จะให้เป็นทาสรับใช้อะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่อย่าทำอะไรลูกสาวชั้น ชั้นขอร้อง"
ยูกิหันกลับมาที่มาโกโตะแล้วแสยะยิ้มน่ากลัวด้วยใบหน้าขาวซีด
มาโกโตะจับแขนลูกสาวบีบแน่นพาลากตัวออกมาที่ห้องโถง ท่าทางมาโกโตะยังตื่นตระหนก
"คุณพ่อ ริเอะเจ็บนะ เกิดอะไรขึ้น นังนั่นมันกลับมาทำไม ไหนคุณพ่อบอกว่าจัดการมัน ไปแล้วไง"
"หุบปากของแกได้แล้ว ห้ามแกไปยุ่งกับยูกิเด็ดขาด..เข้าใจมั้ย"
ริเอะตกใจ
"คุณพ่อ !! ทำไมคะ..นังนั่นมันมาแบลคเมล์อะไร คุณพ่อถึงต้องไปยอมมันด้วย"
"แกไม่ต้องถามหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น ทำตามที่ชั้นสั่งก็พอ"
"แต่ว่า"
มาโกโตะจับไหล่ลูกสาวมาบีบแรง
"ชั้นสั่งแกต้องทำตาม ไม่งั้นก็ไปให้พ้นจากบ้านนี้ จำเอาไว้.. อย่าไปยุ่งกับยูกิ อยู่ให้ห่างๆเอาไว้ อย่าเข้าใกล้เด็ดขาด"
"อยู่ให้ห่าง ? หมายความว่า..นังนั่นจะมาอยู่ที่นี่เหรอคะ"
มาโกโตะหน้าเครียด
"กลับไปทำงานของแกได้แล้ว แล้วจำคำเตือนของชั้นเอาไว้ให้ดี..ไป"
มาโกโตะผลักลูกสาวแล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงาน ริเอะสีหน้าฉงนสงสัยและไม่พอใจ
บริเวณสวน รินดาราเดินเข้ามามองหาอายูมิ
"อายูมิจ๊ะ..อายูมิ"
รินดาราไม่เห็นอายูมิก็แปลกใจ ระหว่างนั้นเธอได้ยินเสียงเพลงจากเครื่องดนตรีแปลกๆที่ไม่เคยได้ยิน ดังแว่วมาจากในคฤหาสน์
"เสียงอะไร…เพราะจังเลย"
รินดาราเงี่ยหูฟังแล้วเห็นนานะผ่านเข้ามา
"นานะจ๊ะ..เห็นอายูมิรึเปล่า"
"คุณหนูอยู่ในบ้านค่ะ..กำลังเล่นอยู่กับท่านชาย"
"เล่นกับท่านชาย ?"
รินดาราสีหน้าแปลกใจ
ต้นตอเสียงเพลงเพราะๆที่รินดาราได้ยิน คือเสียงจากเครื่องดนตรีแก้วน้ำที่ท่านชายกำลังเล่นให้อายูมิฟัง ท่วงทำนองที่ท่านชายเล่นก็คือตัวโน้ตจากเพลงที่ท่านชายเล่นให้เมียวโจโอจินฟังนั่นเอง นิ้วมือของท่านชายลูบไล้เป็นจังหวะไปบนขอบแก้วน้ำที่เรียงรายชานเรือน อายูมิรู้สึกทึ่งและตื่นเต้น ปรบมือเสียงดังเมื่อเพลงจบ
"เพราะจังเลยค่ะท่านชาย..อายูมิเคยเห็นแต่ในรายการทีวี ยังไม่เคยเห็นเล่นจริงๆซะที"
"วันๆดูแต่ทีวีไม่ดีหรอกนะอายูมิ"
อายูมิหน้าเศร้าๆ
"ก็อายูมิไปไหนไม่ได้นี่คะ"
อายูมิพูดไปก็มองขาตัวเองในสภาพที่นั่งอยู่ในรถเข็น โฮชิสงสารเลยจับมืออายูมิมาบีบมือให้กำลังใจ
"อายูมิอยากลองเล่นดูมั้ย เดี๋ยวชั้นสอนให้"
"จริงเหรอคะท่านชาย"
โฮชิยิ้มรับ
"มาลองดูกันว่าอายูมิจะเก่งกว่าชั้นรึเปล่า"
อายูมิดีใจเริ่มจากท่านชายจับมืออายูมิ เอานิ้วจุ่มลงไปในแก้วน้ำเพื่อให้นิ้วชุ่มน้ำ
"ต้องเอานิ้วจุ่มน้ำก่อนนะ เวลาวนรอบปากแก้วน้ำจะได้ลื่นๆ ทีนี้ก็เรียงไปตามตัวโน้ต"
โฮชิจับมืออายูมิวนขอบปากแก้วน้ำไล่จากโน้ตตัวแรก..โด..เร..มี..ไปเรื่อยครบ 7 ตัวโน้ต
อายูมิดีใจ
"เป็นเสียงตัวโน้ตแล้วค่ะท่านชาย"
"เก่งมากจ้ะ ทีนี้ลองเป็นเพลงตามที่ชั้นบอกนะ"
"ค่ะ"
อายูมิสีหน้ามุ่งมั่น
เสียงเพลงจากแก้วน้ำทำนอง Twinkle little star ที่โฮชิชี้ตัวโน้ตแล้วให้อายูมิเล่นดังคลอ เสียงที่ออกมาแว่วกังวาลไพเราะ ทำให้อายุมิรู้สึกสนุกตื่นเต้น
รินดาราเข้ามายืนมองและฟังเพลงด้วยความชื่นชม
รินดารามองโฮชิกับอายูมิเพลิน และอายูมิเล่นเพลงจบ
"ไชโย..ในที่สุดอายูมิก็เล่นเป็นแล้ว"
"เห็นมั้ย...ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่อายูมิทำไม่ได้หรอก ถ้าตั้งใจและอยากทำจริงๆ อายูมิก็ทำได้หมดทุกอย่าง แม้แต่.." โฮชิจับที่เข่า "เรื่องกลับมาเดินได้อีกครั้ง"
"จริงเหรอคะท่านชาย"
"จริงสิจ๊ะ..รู้มั้ยว่าพี่รินดาราเขามีมนต์วิเศษ ถ้าอายูมิเชื่อและทำตามที่เขาบอก เขาก็จะร่ายมนต์ช่วยให้อายูมิกลับมาเดินได้อีกแน่นอน"
รินดาราเข้ามา
"ท่านชายคะ ไปบอกอายูมิจังแบบนั้น ชั้นก็แย่น่ะสิคะ"
"จริงนะ...พราะชั้นมั่นใจว่าเธอจะช่วยอายูมิได้ เหมือนมีมนต์วิเศษจริงๆ"
"ไปกันใหญ่แล้วค่ะ เดี๋ยวอายูมิเกิดเชื่อแบบนั้นจริงๆ แล้วถ้าชั้นช่วยให้อายูมิกลับมาเดินไม่ได้ แทนที่ชั้นจะดูเป็นเจ้าหญิง ชั้นจะกลายเป็นนางแม่มดไปน่ะสิคะ"
"ไม่หรอกค่ะพี่รินดารา ท่านชายบอกว่าถ้าอายูมิตั้งใจ อายูมิจะทำได้หมดทุกอย่าง งั้นเรามาช่วยกันร่ายมนต์วิเศษด้วยกันนะคะ"
รินดาราทึ่งดีใจ
"อายูมิจัง"
อายูมิยิ้มให้รินดาราแล้วมองไปที่โฮชิ เธอเปิดกระเป๋าสะพายใบเล็กๆที่ติดตัวอยู่เสมอออกมาแล้วเอาห่อ Kitkat รสชาเขียวยื่นให้ท่านชาย
"อายูมิไม่มีอะไรตอบแทนที่ท่านชายสอน อายูมิมีแต่ขนมที่ชอบ อายูมิให้ท่านชายค่ะ"
โฮชิรับขนมจากอายูมิมาแล้วมองด้วยสีหน้าแปลกใจไม่เคยกินขนมแบบนี้
บริเวณสวน อายูมิเข็นรถเข็นออกมาแล้วฮัมเพลง Twinkle Little Star อย่างอารมณ์ดี
ที่ตามหลังมาก็คือ รินดารากับโฮชิซึ่งเพิ่งได้ลิ้มรสชาติของขนมยุคปัจจุบันอย่าง KitKat รสชาเขียว โฮชิติดใจอร่อย
รินดาราอมยิ้ม
"อร่อยเหรอคะท่านชาย"
"อร่อยดีนะฮิคาริ...ปกติขนมสมัยใหม่แบบนี้ชั้นไม่ค่อยได้กินหรอก"
"สมัยใหม่"
"ชั้นหมายถึงว่า..ปกติชั้นมักจะทานแต่ดังโงะหรือไม่ก็โมจิฝีมือมิกิแค่นั้น"
"ระวังนะคะมาติดใจขนมสมัยใหม่แบบนี้ ย่ามิกิจะงอนเอาได้"
"นั่นสิ..โมจิฝีมือมิกิคงเป็นหม้าย"
โฮชิพูดไปก็ยิ้มแล้วกัดขนม KitKat อย่างอร่อย ระหว่างนั้นรินดาราเห็นริมฝีปากของท่านชายเปื้อนครีมชาเขียว ที่เคลือบอยู่เลยชี้ให้ดู
"ท่านชายคะ..เลอะปากค่ะ"
โฮชิยกมือขึ้นจะเช็ดเป็นจังหวะที่รินดาราจะเอาผ้าเช็ดหน้าช่วยเช็ดให้ มือทั้งสองเลยแตะกันพอดี
โฮชิกับรินดารานิ่งมองกัน โฮชิลดมือลงแล้วให้รินดาราช่วยเช็ดคราบขนมที่เละอออกให้
"ขอบใจนะฮิคาริ"
"ชั้นมีเรื่องต้องให้ขอบคุณท่านชายมากกว่าเยอะ ได้มาเมืองสึกิที่ชั้นใฝ่ฝันก็เพราะท่านชาย ได้มาอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตแบบนี้ก็เพราะท่านชาย เรื่องแค่นี้จิ๊บๆค่ะ"
โฮชิสงสัย
"จิ๊บๆ"
"เอ่อ..เป็นแสลงภาษาไทยค่ะ หมายถึงว่าเล็กๆน้อยๆค่ะ"
"อ๋อ..จิ๊บๆ"
โฮชิกับรินดาราขำให้กันดูมีความสุข แววตาที่มองกันดูเข้ากันได้ดี ระหว่างนั้นเสียงเรียกของอายูมิแทรกเข้ามา
"พี่รินดาราคะ"
"จ้ะอายูมิจัง..ท่านชายจะไปเดินเล่นกับเราด้วยมั้ยคะ"
"ฮิคาริพาอายูมิไปเถอะ..ยิ่งอายูมิสนิทกับฮิคาริมากเท่าไหร่ อายูมิก็ยิ่งไว้ใจให้ฮิคาริดูแลมากขึ้นเท่านั้น"
"งั้นชั้นไปนะคะ"
โฮชิมองตามอายูมิ แววตามีความสุขจนเห็นรินดาราเข็นอายูมิออกไป เสียงกระแอมของย่ามิกิก็ดังเข้ามา
"โมจิฝีมือดิชั้น ถึงกับต้องเป็นหม้ายเลยเหรอคะท่าน"
มิกิค้อนขวับ
"อ้าว...มิกิ"
มิกิยังงอนค้อนท่านชาย เลื่อนจานขนมโมจิน่ากินที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยออกไปเก็บ แต่โฮชิเลื่อนกลับ
"อะไรกันมิกิ..มางอนแบบนี้ ไม่ใช่สาวๆแล้วนะ"
มิกิยิ่งงอนกว่าเดิม
"ท่านชาย !! ก็โมจิฝีมือมิกิมันไม่อร่อยแล้วนี่"
"ไม่ได้บอกว่าไม่อร่อยซะหน่อย"
"มิกิได้ยินนะคะ..ใช่สิ ตอนนี้ท่านชายต้องหันมาสนใจอะไรใหม่ๆเพื่อจะได้เป็นข้ออ้างใกล้ชิดฮิคาริ"
"เรียกว่าอยากรู้จักให้มากกว่านี้จะดีกว่านะมิกิ เพราะตอนนี้รินดาราต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง จนกว่าจะถึงวันนึง วันที่เธอพร้อมยอมรับได้ว่าเธอคืออวตารของเมียวโจโอจิน"
"ก็ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหนใช่มั้ยคะ งั้นดิชั้นชักจะเป็นห่วง กลัวว่ายิ่งท่านชายพยายามใกล้ ชิด..เอ่อ..พยายามจะรู้จักเธอมากเท่าไหร่ เธอก็จะหลงคิดไปว่าท่านชายอยากจะ..."
"อยากจะอะไร"
"ต้องให้พูดด้วยเหรอคะ ผู้หญิงผู้ชายอยู่ใกล้ชิดกัน จะมีอะไรให้คิดได้อีก ท่านชายเนี่ย"
โฮชิยิ้มรับ
"ว่าไปแล้วฮิคาริก็น่ารักดีนะ..เธอสดใส ขี้เล่น ต่างจากเมียวโจโอจินอยู่หลายอย่างเหมือนกัน"
โฮชิพูดไปก็อมยิ้มมีความสุขเมื่อพูดถึงรินดารา ก่อนจะใช้ซ้อมไม้เล็กๆตัดขนมโมจิในจานตรงหน้าขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย แล้วยิ้มกวนๆให้มิกิ
"อร่อยจัง รสชาติเหมือนเพิ่งได้กินครั้งแรกในชีวิตเลยมิกิ"
มิกิงอน
"ท่านชาย !! มิกิไม่คุยด้วยแล้ว จะไม่ทำมาให้ท่านชายทานอีกแล้วด้วย"
มิกิค้อนขวับแล้วคลานเข่าออกไป ทิ้งให้โฮชิยิ้มสนุกที่ได้แกล้งหยอกมิกิ
บริเวณศาลเจ้านกกระเรียน เคโกะกำลังทำความสะอาดปัดกวาดเศษใบไม้ที่หน้าศาลเจ้า ก่อนจะเห็นรินดาราเข็น อายูมิผ่านเข้ามา
"อย่าลืมสัญญากันนะจ๊ะอายูมิ กลับจากไปเที่ยวในเมืองกันแล้ว อายูมิจะตั้งใจปฏิบัติ ตามโปรแกรมกายภาพบำบัดของพี่"
อายูมิชูนิ้วก้อย
"อายูมิสัญญาค่ะ"
รินดาราเกี่ยวก้อยกับอายูมิแล้วยิ้มให้กัน แต่ยังไม่ทันจะพากันออกไป เคโกะก็เข้ามาขัด
"นี่คุณจะพาคุณหนูออกไปข้างนอกไม่ได้นะคะ คุณอาคิระสั่งห้ามไว้เด็ดขาด ถ้าจะออกไปต้องมีคุณอาคิระไปด้วย"
"แต่ท่านชายเป็นคนอนุญาตให้ชั้นพาอายูมิออกไปเดินเล่นข้างนอกได้"
เคโกะชะงัก
"ท่านชายน่ะเหรอเป็นคนอนุญาต ชั้นว่าคุณอ้างท่านชายมากกว่า"
"ชั้นคุยกับท่านชายแล้วจริงๆ"
"จริงค่ะป้าเคโกะ"
"จริงเหรอคะคุณหนู ... งั้นให้ป้าเข้าไปฟังคำยืนยันจากคุณท่านก่อน ส่วนคุณ อย่าเพิ่งพาคุณหนูออกไป..รอชั้นกลับมาก่อน"
รินดารายิ้มรับแล้วปล่อยให้เคโกะเดินกลับไปที่คฤหาสน์ พอพ้นสายตาได้ครู่ก็หันมายิ้มกับอายูมิอย่างซนๆทั้งคู่
"พร้อมไปสนุกในเมืองกันรึยังจ๊ะอายูมิจัง"
"พร้อมค่ะ"
รินดารายิ้มชอบใจแล้วเข็นอายูมิไปตามทางเดินอย่างสนุกสนานกันทันที
บรรยากาศถนนในเมือง Kurokawa Onzen ซึ่งเป็นเมืองเก่าๆสวยงาม ถนนเลียบคลองใสสะอาด
รินดาราเข็นรถพาอายูมิเดินเล่น มุมน้ำในคลองลดหลั่นเป็นชั้นๆ
"คนเยอะดีจังเลยนะคะพี่รินดารา"
"อายูมิอยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยได้เจอคนเยอะๆน่ะสิจ๊ะ"
"ค่ะ..ถ้าท่านชายไม่เป็นคนอนุญาต อายูมิก็ต้องรอ..รอ..แล้วก็รอให้คุณอาพาออกมา"
"งั้นไหนๆเราก็ได้ออกมาแล้ว..พี่จะพาอายูมิจังซิ่งกันเลย"
"ซิ่ง"
"ภาษาที่บ้านพี่จ้ะ หมายถึงว่า..."
รินดาราจับคันบังคับรถเข็นแล้วทำท่าบิดเลียนเสียงเครื่องยนต์
"บรื้น...บรื้น..บรื้น"
"อ๋อ..อายูมิเข้าใจแล้วค่ะ งั้นเราไปซิ่งกันเลย..Let’s go"
รินดาราเข็นอายูมิออกไปตามทางเดินเลียบคลองใสสะอาดในเมือง
รินดาราพาอายูมิแวะซื้อชูครีมกินที่ร้านข้างทาง สองคนกัดกินชูครีมจนครีมเลอะปากเอร็ดอร่อย
รถเข็นจอดที่หน้าเพิงแช่เท้ากับน้ำร้อน รินดาราพาอายูมิมานั่งแช่เท้าในบ่อน้ำร้อน สองคนหันมายิ้มให้กัน อย่างผ่อนคลาย
รินดาราเข็นรถพาอายูมิมาหยุดที่กลางสะพานข้ามคลองในเมือง แล้วรินดาราเริ่มเชิดหน้าสูดอากาศเข้าไป เต็มๆปอดทำให้อามูยิดู อายูมิเชิดหน้าสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดบ้าง
"สดชื่นที่สุด..."
"สดชื่นที่สุด..."
แล้วสองสาวก็หันมาหัวเราะยิ้มให้กัน มีความสุขท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่เดินไปมา ระหว่างนั้นเองสายตาของรินดาราเหลือบไปเห็นไอเดินอยู่ตรงมุมถนน รินดาราแปลกใจ
"นั่นคุณไอนี่"
ไอกำลังเดินอยู่ตรงถนน รินดารารีบเข็นอายูมิเข้าไปทัก
"คุณไอ...คุณไอคะ"
ไอได้ยินเสียงเรียกก็ชะงักหันมาเห็นรินดารากับอายูมิแล้วตกใจ
"คุณอามาทำอะไรในเมืองเหรอคะ อายูมินึกว่าคุณอาจะทำงานอยู่ที่โรงงานซะอีก"
"เอ่อ..คือ..อา อาออกมาทำธุระจ้ะ อายูมิล่ะออกมาทำอะไร"
"ชั้นพาอายูมิออกมาเที่ยวค่ะ ว่าแต่คุณไอเสร็จธุระรึยังคะจะได้ไปทานราเม็งที่ร้านตรงนั้นด้วยกัน"
"ยังค่ะคุณรินดารา ชั้นว่าคุณพาอายูมิไปเถอะค่ะ"
"ว้า..น่าเสียดายจัง" อายูมิบอก
"งั้นเราไปเที่ยวกันต่อนะคะ"
ไอยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่กลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง เธอยืนมองรินดาราเข็นอายูมิออกไปด้วยแววตาไม่ค่อยชอบใจ
เมือง SAGA หน้า Ureshino onzen - บ่อออนเซนท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม ฮิเดโนริแช่ตัวอยู่ในบ่อออนเซน ที่เห็นวิวทิวทัศน์ภูเขาสวย งาม แต่อารมณ์หงุดหงิดหัวเสีย
"ปากดีนักนะไอ้อาคิระ ! สักวันชั้นจะเล่นงานแกให้ตายคามือ"
ฮิเดโนริฟาดมือลงไปที่ผิวน้ำจนแตกกระจายระบายอารมณ์ขุนมัว ก่อนจะชะงักกึกเพราะความผิดปกติของ ร่างกายบางอย่าง หยดน้ำจากปลายกระบอกไม้ไผ่หยดลงบนบ่อน้ำร้อนทีละหยดส่งเสียงดัง..
ตึ๊ง..ตึ๊ง..ตึ๊ง!
ฮิเดโนริได้ยินถนัด กึกก้องในรูหู จึงหันขวับอย่างฉุนเฉียว
"โอ๊ย ! ทำไมเสียงดังอย่างนี้วะ"
ฮิเดโนริปาผ้าขนหนูสีขาวที่อยู่ใกล้มือไปที่ปลายกระบอกไม้ไผ่ รู้สึกว่าผิดปกติกับตัวเอง สีหน้าแปลกใจ
แผ่นหลังหญิงสาวในชุดกิโมโนสีสวยเดินกางร่มมาตามทางเดินโรยกรวดหน้าอาคารที่เป็นบ่อน้ำร้อนทำจากไม้สนเก่าแก่ เห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาโดยรอบบริเวณ บ่งบอกว่าที่นี่คือ Onsen ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
หญิงสาวหยุดที่หน้าอาคารไม้สนแล้วเลื่อนบานเลื่อนเข้าไปข้างใน
ฮิเดโนริสีหน้าหงุดหงิดกับเสียงหยดน้ำดัง ระหว่างนั้นมีเสียงคนเดินเหยียบพื้นกรวดเข้ามาใกล้ จมูกฮิเดะเหมือนได้กลิ่นบางอย่างฟุดฟิด ก่อนจะเอียง หน้าไปนิดนึงแล้วพูดขึ้นทันที
"เธอตามชั้นมาถึงเมือง SAGA ได้ยังไง"
หญิงสาวในชุดกิโมโนสีสวยที่ก้าวเข้ามาคือ...ไอ มิยาคาวะ !
"ก็จากลูกน้องเธอไง..อัตสึโอะ กว่าชั้นจะบังคับให้บอกได้ว่าเธอหลบมาอยู่ที่ Saga ชั้นต้องอธิบายยืดยาวว่ามีธุระสำคัญที่ต้องเจอเธอวันนี้ให้ได้ ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไงว่าชั้นมา"
"เสียงน้ำหนักเท้าของเธอเวลาเดินทำไมชั้นจะจำไม่ได้ แล้วยังกลิ่นน้ำหอมของเธออีก ชั้นเป็นคนซื้อให้ไม่ใช่เหรอ"
"ปากหวานแบบนี้ แสดงว่าวันนี้เธอแย่งตัวรุ่นพี่ของอาคิระมาได้ใช่ไหม"
ฮิเดโนริยิ้มร้าย
"แน่นอน"
"เรื่องน่าดีใจแบบนี้ แล้วมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้เธอหงุดหงิดอยู่ บอกชั้นสิ"
"ช่างมันเถอะ...ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ธุระสำคัญของเธอคืออะไร"
ไอยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วเข้าไปคุกเข่าลงข้างๆฮิเดโนริที่ยังแช่ตัวอยู่ในบ่อออนเซนแล้วโน้มหน้าไปกระซิบข้างหูเขาอย่างแผ่วเบาเซ็กซี่
"สุขสันต์วันเกิดอายุครบยี่สิบห้านะจ๊ะฮิเดะ"
ฮิเดโนริยิ้มรับ
"แค่นี้เองเหรอ..แล้วของขวัญล่ะ"
"ชั้นเตรียมมาให้เธอแล้ว แต่ไม่รู้จะพอทำให้หายหงุดหงิดรึเปล่า"
ไอลุกขึ้นยืน แล้วคลี่กิโมโนที่สวมมาออกจนหมดจนเหลือร่างที่เปลือยเปล่า ก่อนจะก้าวลงไปในบ่อน้ำร้อน ฮิเดโนริกระหยิ่มยิ้มย่องและมองไอด้วยสายตาเจ้าชู้
"มันต้องแบบนี้สิ...ที่รักของชั้น"
จากนั้นทั้งคู่ก็กอดรัดฟัดกันในบ่อออนเซ็น มีฉากเบื้องหลัง เป็นทิวทัศน์ภูเขาสวยงาม
กลกิโมโน ตอนที่ 4 (ต่อ)
อาคิระกลับเข้ามา เคโกะรีบเดินออกมาช่วยรับกระเป๋าเอกสาร ท่าทางของเคโกะดูไม่ค่อยกล้าเข้าหน้าอาคิระเท่าไรนัก
"ทำไมวันนี้คุณอาคิระกลับเร็วล่ะคะ"
"พอดีเรื่องที่ต้องทำวันนี้ไม่ต้องทำแล้ว อายูมิล่ะ"
"เอ่อคือ...คือว่า"
"มีอะไร...อายูมิอยู่ไหน"
"คุณรินดาราพาคุณหนูไปเที่ยวในเมืองค่ะ"
"ว่าไงนะ..ป้าปล่อยให้พาอายูมิเข้าเมืองไปได้ยังไง คนในเมืองเยอะแยะ เดี๋ยวก็ได้พลัด หลงเหมือนตอนไปสวนสนุกหรอก"
"ป้าเตือนแล้วค่ะคุณอาคิระ..แต่คนที่อนุญาตคือท่านชายค่ะ ป้าก็เลยไม่รู้จะห้ามยังไง"
อาคิระสีหน้าไม่สบายใจ
รินดาราเข็นอายูมิเข้ามาตามทาง หลังจากไปเที่ยวกันมาจนเหนื่อยแล้ว
"วันนี้สนุกจังเลยค่ะพี่รินดารา"
"พี่ก็สนุกเหมือนกันจ้ะ..อายูมิหิวน้ำมั้ย พี่ซื้อให้"
รินดาราจอดรถอายูมิไว้ที่เลียบฟุตบาธ แล้วยืนหยิบเงินในกระเป๋าสะพาย
ขณะนั้นมีผู้ชายขี้เมาแต่งตัวดีเหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป ถูกผลักกระเด็นออกมาจากในร้านนวดแผนโบราณ ร้านข้างๆร้านที่รินดาราจะซื้อน้ำอยู่
ผู้ชายล้มกลิ้งมาใกล้รินดารา แล้วสากกะเบือไม้ก็ลอยมาจากในร้านเกือบโดนหัวไอ้ผู้ชาย
สากกะเบือกลิ้งไปอยู่ที่เท้าของรินดารา รินดาราก้มมองแล้วเงยหน้าขึ้นมองแป้งร่ำที่เดินตามออกมาจากในร้าน ตามมายืนเท้าสะเอวชี้หน้าด่าไอ้ผู้ชายขี้เมาตามสไตล์ไทยแลนด์
"ไปให้พ้นเลยนะไอ้หื่นกาม ที่นี่มีแต่บริการนวดแผนโบราณ ถ้าอยากซื้อปลาซื้อหอยไปซื้อที่อื่น ที่นี่ไม่มี !"
ผู้ชายเมาลุกขึ้น แทบจะยืนไม่อยู่ หยิบกระเป๋าเงินออกมาโยนใส่หน้าแป้งร่ำ
"เงินที่ชั้นให้น้อยไปใช่มั้ยถึงปฏิเสธ งั้นเอาไปอีก" เขาโยนแบงค์หลายใบใส่หน้าแป้งร่ำ "ทีนี้ จะนวดให้ชั้นได้ใช่ไหม"
แป้งร่ำยกมือขึ้นปัดหน้า จึงไม่ทันตั้งตัว ผู้ชายปราดเข้าไปกอดจูบแป้งร่ำ
"แอร๊ย ปล่อยชั้นนะไอ้บ้า ! ไอ้ลามกจกเปรต"
"เขาพูดภาษาอะไรเหรอคะพี่รินดารา"
"ภาษาไทยค่ะ อายูมิรอพี่อยู่นี่นะ"
รินดาราหันไปคว้าท่อนไม้แถวนั้นเข้าไปตีหลังผู้ชาย ผู้ชายเจ็บงอตัว รินดาราเตะเป้าป้าบ ผู้ชายจุกหน้าเขียว
"ไปให้พ้น ! ไม่งั้นชั้นจะแจ้งตำรวจ" พร้อมโชว์มือถือ "ชั้นถ่ายวีดีโอความทุเรศของนายเอาไว้ หมดแล้วด้วย นายไม่รอดแน่"
ผู้ชายอึ้งเหวอ
"ไป"
ผู้ชายมองรินดาราอย่างโกรธเคือง แล้วหันหลังจะเดินไป
"ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยชั้น" แป้งร่ำบอก
"ถ้าไทยไม่ช่วยไทย แล้วใครจะช่วยเราล่ะคะ"
"คุณเป็นคนไทยเหรอคะ" รินดารายิ้มรับ "ดีใจจังเลยค่ะ นานๆ ทีจะได้เจอคนไทยด้วยกัน"
โดยไม่คาดฝัน จู่ๆ ผู้ชายขี้เมาหันหลังกลับไปหารินดารา
"พี่รินดาราระวังค่ะ"
แต่ไม่ทันแล้ว ผู้ชายขี้มากระชากตัวรินดารา จะกระชากกระเป๋า
"เอาโทรศัพท์มาให้ชั้นเดี๋ยวนี้"
"ไม่ให้"
ผู้ชายกับรินดารายื้อแย่งกระเป๋ากัน แป้งร่ำพยายามเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกผู้ชายผลักออกมา รินดาราโดนผู้ชายล็อกคอ ทั้งกระทุ้งศอกทั้งเตะทั้งข่วน แต่ก็ยังไม่รอด รินดาราหายใจไม่ออก
"ช่วยด้วย ! ช่วยพี่รินดาราด้วยค่ะ"
อาคิระวิ่งชะเง้อตามหาอายูมิกับรินดารา แล้วเสียงอายูมิร้องดังมาจากด้านหนึ่ง
"ช่วยด้วย ! ช่วยพี่รินดาราด้วยค่ะ"
อาคิระหันไปทางเสียงอย่างตกใจ
รินดารายังโดนผู้ชายเมาล็อค รินดาราจึงกัดลงไปที่แขนของผู้ชายเต็มแรง ผู้ชายเจ็บมาก
"อ๊าก"
ผู้ชายเหวี่ยงรินดาราถลาไปหาอายูมิ ทั้งรินดาราและอายูมิต่างตกใจ ! แต่อาคิระโผล่มารับร่างของรินดาราก่อนที่จะล้มใส่รถเข็นของอายูมิเอาไว้ได้ รินดาราอึ้งตะลึงเมื่อเห็นอาคิระ
ผู้ชายขี้เมาจะเข้ามาแย่งกระเป๋ารินดารา อาคิระซัดหมัดใส่หน้าผู้ชายอย่างแรงจนมันล้มกองกับพื้นเลือดกบปาก
"อย่ามายุ่งกับเธอ"
ผู้ชายวิ่งลนลานหนีออกไป รินดาราเข้าไปหาอายูมิ
"อายูมิเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
อายูมิยังไม่ทันตอบ อาคิระปราดเข้าไปดึงตัวรินดาราออกจากอายูมิ และมองหน้าเธออย่างโกรธจัด
"ไม่ต้องมายุ่งกับหลานสาวของผม" เขาบอกกับอายูมิ "กลับบ้านกันได้แล้ว"
อาคิระเข็นอายูมิออกไป รินดาราไม่สบายใจ
"คุณ ! เดี๋ยวสิคุณ"
แป้งร่ำยืนเหวอๆงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก
อาคิระเข็นอายูมิเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธจัด อายูมิเองก็ไม่สบายใจไปด้วย รินดาราวิ่งตามมาขวางหน้า
"หยุดก่อนคุณอาคิระ ! คุณโกรธชั้นเรื่องอะไร ชั้นทำอะไรผิด"
อาคิระหยุดเข็นอายูมิ จ้องหน้ารินดาราอย่างไม่พอใจ
"ยังถามอีกว่าทำอะไรผิด หลานผมเกือบโดนลูกหลงจากพวกกุ๊ยข้างถนนก็เพราะคุณ"
"ชั้นเห็นคนกำลังเดือดร้อน ชั้นก็เข้าไปช่วย ไม่รู้นี่ว่าจะเป็นแบบนี้"
"อย่ามาพูดแต่ว่าไม่รู้..เพราะถ้าคุณไม่พาอายูมิออกมา เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิด"
"แต่ที่ชั้นพาอายูมิออกมาก็เพราะชั้นหวังดี แกควรจะได้ออกมาเจอโลกภายนอก ได้ออก มาเปิดหูเปิดตาบ้าง"
"เปิดหูเปิดตาใครกันแน่ อายูมิหรือคุณ"
รินดาราอึ้ง
"คุณหาว่าชั้นเอาอายูมิมาอ้างเพื่อจะได้ออกมาเที่ยวเหรอ"
"ไม่จริงนะคะคุณอา พี่รินดาราไม่ได้ทำแบบนั้น"
"คุณนี่ท่าทางจะเก่งเรื่องมัดใจคนนะ ไหนจะเด็ก ไหนจะผู้ใหญ่"
"คุณหมายความว่ายังไง"
"ผมเตือนคุณเอาไว้เลยนะ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสำคัญของใคร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะมีสิทธิ์ทำอะไรตามอำเภอใจ โดยเฉพาะกับหลานสาวของผม"
รินดารากำมือแน่น โมโหมาก
"ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว เชิญคุณอยู่เปิดหูเปิดตาให้หนำใจเลย ผมจะพาอายูมิกลับเอง"
รินดาราโกรธมาก ประชด
"ดี!! ในเมื่อคุณอนุญาต ชั้นก็จะอยู่เที่ยวให้สะใจ แล้วอย่ามาว่าชั้นละเลยหน้าที่ล่ะ ไม่งั้นชั้นเอาเรื่องคุณจริงๆ ด้วย " เธอเดินย้อนกลับไป) "ตาบ้าเอ้ย"
"คุณอาขา คุณอาไปตามพี่รินดารากลับมาเถอะค่ะ อายูมิอยากให้พี่รินดารากลับบ้าน พร้อมเรา"
อาคิระหันมาหน้าดุไม่ตอบหลานสาวแล้วเข็นอายูมิออกไปอีกทาง อายูมิมองตามรินดาราไปอย่างไม่สบายใจ
แป้งร่ำกำลังเก็บข้าวของ ป้ายร้านที่ล้มระเนระนาด มือเก็บไปปากก็บ่นไป
"ไอ้ทุเรศเอ้ย..ปกติก็ทำมาหากินลำบากอยู่แล้ว ยังมาทำให้ต้องหากินยากกว่าเดิมอีก"
"มาทำมาหากินบ้านคนอื่นเขาก็อย่างนี้แหละจ้ะ..ต้องอดทนอย่างเดียว ชั้นช่วยจ้ะ" รินดาราบอก
"อ้าวคุณ...ชั้นนึกว่าไปแล้วซะอีก"
รินดารายิ้มให้
"มีเรื่องกับเจ้านายเขาน่ะ เลยขี้เกียจตามไปฟังเขาบ่น"
"เจ้านาย ? ผู้ชายหล่อๆ เท่ๆ ที่บู๊อย่างกับจาพนมเมื่อกี้นี้น่ะเหรอเจ้านายคุณ"
"จ้ะ..แต่ชั้นว่าเขาไม่ได้หล่อ ไม่ได้เท่แล้วก็ไม่ได้เก่งอย่างจาพนมหรอก"
"แหม..ถ้าขนาดนั้นยังไม่หล่อเท่ล่ะก็ ชั้นว่าคุณคงมีปัญหาเรื่องการมองผู้ชายแล้วล่ะ"
รินดารายังไม่ทันตอบอะไรแป้งร่ำ เสียงเกียวก็แหวกอากาศแหลมปรี๊ดเข้ามา
"อีแป้ง..แกเป็นไงมั่งเนี่ย..โอ๊ยตายๆๆๆ อกอีเกียวจะแตก ได้ยินพวกที่สถานีรถไฟเมาท์ให้ฟัง นึกว่าแกจะเละเป็นโจ๊กต้องหามส่งโรง’บาลซะแล้ว"
"ปากเหรอเนี่ยนังเกียว..โผล่มาปุ๊บก็มาแช่งชั้นปั๊บ"
"แหมแก..ถ้าชั้นไม่มัวยุ่งส่งกิ๊กขึ้นรถไฟไปโตเกียว ชั้นได้อยู่ปะฉะดะกับพวกกากๆพวกนั้นไปแล้ว"
"ย่ะ !! แกมันตำรวจมาตอนจบทุกทีนั่นแหละ"
เกียวเพิ่งเห็นรินดารา
"แล้วนี่..ใครเหรอแก"
"อ๋อ..คนไทยด้วยกันนี่แหละ เขามาช่วยชั้นเอาไว้"
"ตายแล้ว..คนไทยเหรอ..ชื่ออะไรล่ะ นักท่องเที่ยวหรือว่าคนที่นี่" เกียวถาม
"เออใช่..คุยเป็นวรรคเป็นเวรตั้งนาน ยังไม่รู้จักคุณเลย"
รินดารามองแป้งร่ำกับเกียวที่มีท่าทางตลกๆรับส่งกันสนุกเลยยิ้มให้พร้อมแนะนำตัว
โฮชิยืนมองแก้วน้ำที่ใช้เป็นเครื่องดนตรีที่เล่นกับอายูมิ โฮชิจะเล่นเพลงจากแก้วน้ำอีกครั้ง แต่พอใช้นิ้ว แตะวนขอบแก้วไปได้แค่ไม่กี่ตัวโน้ต แก้วน้ำที่อยู่ขอบๆก็แตก..เพล้ง !!!! โดยไม่มีสาเหตุ
โฮชิชะงักมองแก้วที่แตกน้ำหกกระจายด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
ลางสังหรณ์ล่วงหน้าของโฮชิ เห็นรินดาราวิ่งร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจนมาล้มลงตรงสุดทางในตรอกแคบๆ ท่าทางเธอตื่น ตระหนกตกใจ
"อย่าเข้ามานะ...อย่าเข้ามา"
รินดาราตื่นกลัวบางอย่างที่กำลังเยื้องกรายเข้าใกล้เธอ บางอย่างที่อันตรายและน่ากลัวจนเธอต้องชักมีดพกใน กระเป๋าออกมาแล้วขู่
ภาพลางสังหรณ์นั้น ทำให้โฮชิใจคอไม่ดี ระหว่างนั้นมิกิเข้ามาทำให้โฮชิสะดุ้ง
"ตายแล้ว..ท่านชายระวังนะคะ เดี๋ยวแก้วจะบาด"
"มิกิ"
โฮชิมองมิกิด้วยสีหน้าค่อนข้างเป็นกังวล มิกิอ่านจากแววตาพอจะเดาออก
"ลางสังหรณ์ไม่ดีอีกเหรอคะท่านชาย"
"ชั้นรู้สึกเป็นห่วงฮิคาริยังไงก็ไม่รู้"
บริเวณสวนของคฤหาสน์ อาคิระเข็นรถเข็นพาอายูมิกลับเข้ามา แต่อายูมิเอาแต่นั่งกอดอกปั้นหน้าโกรธ งอนสุดฤทธิ์จนแก้มป่อง
"ถึงบ้านแล้ว จะให้อาอุ้มเข้าไปมั้ย"
"ไม่ค่ะ...อายูมิจะไม่ลงจากรถเข็น"
"อายูมิอย่าดื้อกับอาสิ"
"ก็คุณอาทำไม่ถูก คุณอาไปพูดจาแรงๆกับพี่รินดาราแบบนั้นไม่ได้"
"เขาเป็นลูกจ้าง ทำผิดในสิ่งที่อาห้าม แล้วอาจะไม่มีสิทธิ์ต่อว่าเขาได้ยังไง"
"ถ้าคุณอาจะเอาแต่โทษพี่รินดารา คุณอาก็ต้องโทษอายูมิด้วย เพราะอายูมิเป็นคนอยากออกไป"
"อายูมิอยากให้อาลงโทษอายูมิด้วยใช่มั้ย"
"ถ้าคุณอาจะลงโทษอายูมิแล้วไปขอโทษพี่รินดารา อายูมิก็ยอมค่ะ"
"เด็กดื้อ !! งั้นนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ต้องเข้าบ้าน"
อาคิระเสียงดุจริงจังแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์ อายูมิอึ้งไปไม่คิดว่าคุณอาจะลงโทษจริงๆ
"คุณอา"
อาคิระสีหน้าดุๆเข้ามาในทางเดิน เคโกะกับนานะรีบถามอย่างเป็นห่วง
"เอ่อ..ทำแบบนั้นจะดีเหรอคะคุณอาคิระ"
"ถูกตามใจซะเคยตัว ถ้าไม่ดุซะบ้าง ต่อไปจะยิ่งเอาแต่ใจตัวเอง"
"ค่ะ..เหมือนอย่างที่คุณรินดาราพูดไว้เลย พวกเราต้องใจแข็ง หัดขัดใจคุณหนูบ้าง คุณหนูจะได้ไม่เอาแต่ใจอีก" นานะบอก
เคโกะหันไปดุ
"นานะ !! ไม่ใช่เพราะรินดาราเหรอไง คุณหนูถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้"
นานะจ๋อย)
"ขอโทษค่ะ..พูดไม่คิด..แหะๆ"
เคโกะค้อนใส่นานะแล้วขอร้องอาคิระ
"คุณอาคิระคะ..ป้าว่าพาคุณหนูเข้ามาเถอะค่ะ แล้ว ค่อยๆสอนกันจะดีกว่า"
สีหน้าเคโกะขอร้อง อาคิระคิ้วขมวดครุ่นคิด
อายูมินั่งอยู่ในเดียวในสวนบนรถเข็น ตาแดงๆเริ่มจะร้องไห้เสียใจเพราะไม่เคยเลยที่จะถูกอาคิระลงโทษ
"คุณอา..คุณอาลงโทษอายูมิจริงๆ..ฮือๆๆ"
อายูมิเสียใจจนน้ำตาเริ่มไหลและร้องไห้ระหว่างนั้นเสียงเรียกของฮิโตชิดังแว่วเข้ามาไกลๆ
"อายูมิจัง..อายูมิจัง"
"ฮิโตชิ..นั่นเธอเหรอ"
อายูมิหันไปตามเสียงเรียกและได้ยินเสียงร้องเพลงกล่อมเด็กที่ฮิโตชอบร้องอยู่บ่อยๆดังแว่วมาจึงแน่ใจ
"ใช่เธอจริงๆด้วย..เธออยู่ตรงไหนฮิโตชิ"
"ชั้นอยู่ทางนี้..มาเล่นกันเถอะ"
อายูมิหันไปแล้วเห็นฮิโตชิยืนหลบอยู่หลังต้นไม้แอบโบกมือเรียก อายูมิเลยรีบเข็นรถเข็นไปหา แต่ยังไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีมือของมิกิและโฮชิยื่นมาจับรถเข็นดึงเอาไว้
"จะไปไหนเหรอจ๊ะอายูมิ"
"ท่านชาย !!...คือ..เอ่อ"
อายูมิไม่รู้จะตอบท่านชายยังไง เพราะเคยบอกฮิโตชิไว้ว่า จะปิดเป็นความลับเรื่องที่ฮิโตชิแอบเข้ามาในคฤหาสน์
โฮชิเห็นอายูมิเอาแต่มองไปที่ต้นไม้ใหญ่ไกลๆเลยสงสัยมองตามแต่ไม่เห็นอะไร
"ตรงนั้นมีอะไรเหรอจ๊ะอายูมิจัง"
"เปล่าค่ะท่านชาย"
"ทำไมอายูมิออกมาอยู่ที่สวนคนเดียว" มิกิเห็นตาแดงๆคราบน้ำตาบนหน้า "แล้วอายูมิร้อง ไห้เหรอ..ร้องไห้ทำไม..เกิดอะไรขึ้น"
"คุณย่าคะ..คือ..คือว่า"
อาคิระเข้ามา
"คุณย่า..ท่านชาย"
อาคิระโค้งหัวต่ำให้ตามมารยาท ย่ามิกิสงสัยรีบถามอาคิระ
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมปล่อยให้อายูมินั่งร้องไห้อยู่ที่สวนคนเดียว"
อาคิระอึกอัก
"ผมขอโทษครับคุณย่า ผมกำลังลงโทษอายูมิอยู่ครับ"
"ลงโทษ อายูมิไปทำผิดอะไร..บอกย่ามาเดี๋ยวนี้"
อาคิระมองหน้าคุณย่าอย่างหนักใจ และยิ่งอยู่ต่อหน้าท่านชาย เขาก็ยิ่งเหมือนคนที่พร้อมถูกตำหนิได้ทุกเรื่อง เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่น่าเคารพยำเกรง
ในห้องญี่ปุ่น โฮชิอยู่กับอาคิระและมิกิ โฮชินิ่งมองอาคิระอย่างครุ่นคิด
"ย่าว่าเรื่องนี้อาคิระทำเกินไป"
"ผมต้องห่วงความปลอดภัยของอายูมินะครับคุณย่า รินดาราต้องฟังคำสั่งผม เพราะเขา เป็นลูกจ้าง"
"แต่ท่านชายเป็นคนแนะนำให้รินดารามาพาอายูมิออกไปเที่ยว อาคิระควรให้เกียรติท่านชายด้วย"
อาคิระนิ่งไม่ตอบโต้ย่าแล้วชำเลืองมองท่านชายด้วยสีหน้าอึดอัดใจ จนท่านชายรู้สึกได้
"อย่าไปว่าอาคิระแบบนั้นเลยมิกิ อาคิระมีหน้าที่ดูแลทุกคนในตระกูลมิยาคาวะ เขาจึง ต้องเข้มงวดในกฏเกณฑ์ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนอย่างในอดีต ชั้นเอง นั่นแหละที่ผิดที่ไม่ได้ปรึกษากับอาคิระก่อน" โฮชิหันไปโค้งขอโทษ "ชั้นขอโทษด้วยนะอาคิระ"
อาคิระโน้มตัวก้มศรีษะให้ท่านชาย
"ผมเองก็ต้องขอโทษท่านชายด้วยที่ผมไม่รู้ว่า..รินดารามีความสำคัญกับท่านชายมากกว่าการเป็นแค่ลูกจ้าง"
มิกิตกใจดุทันที
"อาคิระ !! ถ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกมา"
"งั้นผมควรต้องรู้อะไรด้วยรึเปล่าครับคุณย่า"
มิกิสีหน้าหนักใจกับท่าทางดื้อของอาคิระที่แสดงออกมา
"อาคิระ..คนของตระกูลมิยาคาวะดีกับชั้นทุกคน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ชั้นทำทุกอย่าง ชั้นทำ เพราะความห่วงใยต่อทุกคนไม่น้อยกว่าเธอ"
มิกิสั่ง
"รู้แล้วก็ขอโทษท่านชายซะอาคิระ"
"พอเถอะมิกิ..อาคิระโตพอแล้ว เธออย่าไปบังคับให้อาคิระต้องฝืนใจเลย นี่ก็จะมืดแล้ว ชั้นจะไปตามรินดารากลับมาเอง"
เวลาคล้อยสู่เย็น บริเวณทางเดินลอดใต้เสาโทริอิแดง (Yutoku Inari Shrine in Saga ) ที่เรียงรายจนดูเป็นอุโมงค์ที่มีความสวยปนความขลัง
ฮิเดโนริในชุดยูกาตะเดินมาตามทางเดินใต้เสาโทริอิ ระหว่างเดิน ฮิเดโนริได้ยินเสียงบางอย่าง เขาจึงหยุดแต่ไม่หันกลับไปมอง แล้วทำสีหน้าเรียบเฉยเดินต่อไป
ไอเดินมาตามหลังมา แล้วอยู่ๆก็ไม่เห็นตัว
"หายไปไหนแล้วล่ะ"
ไอมองหาแต่ไม่เจอ ซักพัก ฮิเดโนริก็ยื่นมือออกมาจากช่องว่างข้างๆเสาโทริอิที่เรียงรายแล้วดึงไอเข้าไป
ไอตกใจจะส่งเสียงร้อง เขาเอามือปิดปากเธอไม่ให้ส่งเสียง
"เธอตามชั้นมาทำไมอีก เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอยู่ข้างนอกเราจะไม่รู้จักกัน"
"แต่แถวนี้ไม่มีใครนี่ฮิเดะ ชั้นดูดีแล้ว"
"เธออย่าประมาท เพราะถ้ามีคนเห็นเธออยู่กับชั้นแล้วเอาไปบอกอาคิระ เธอรับผิดชอบ คนเดียวไม่ได้แน่"
"ชั้นขอโทษ ชั้นแค่อยากจะตามมาถามเธอว่า..เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกเมื่อไหร่"
"ถึงเวลาแล้วชั้นจะเรียกเธอเอง"
ฮิเดโนริตอบแบบไม่ได้ใส่อะไรแล้วจะเดินออกไป แต่อยู่ๆ เขาก็มีอาการชะงักเพราะรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา
"ฮิเดะ..เป็นอะไร..ไม่สบายเหรอ"
เขาเอามือกุมหัวที่ปวดจี๊ดขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ พอเงยหน้าขึ้นมาเลือดกำเดาก็ไหลออกจากจมูก ไอตกใจ
"ตายแล้ว..เลือดกำเกาเธอไหล"
ไอจะเอาผ้าเช็ดหน้ามาช่วยเช็ดให้ แต่ฮิเดโนริปัดมือแล้วใช้มือเช็ดออกเอง
"ชั้นไม่ได้เป็นอะไร สงสัยจะแช่น้ำร้อนนานไปหน่อย เธอรีบกลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องตาม ชั้นมาอีก ชั้นไม่อยากให้ใครมาเห็นเธออยู่กับชั้น"
ฮิเดโนริบอกไอแล้วรีบเดินออกไป ท่าเดินของเขาดูเซๆไม่ค่อยปกติ ไอได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
บริเวณศาล ไดซึเกะยืนพนมมือไหว้ขอพรรูปปั้นเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกแล้วโค้งคำนับ ระหว่างนั้นอัตสึโอะเข้ามา
" ฮิเดะล่ะอัตสึโอะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ"
"วันนี้วันเกิดของคุณฮิเดะครับคุณท่าน เห็นว่ามีนัดเที่ยวฉลองกับเพื่อนคงกลับเช้าเลย"
"วันเกิดของฮิเดะ..ปีที่ 25 แล้วสินะ"
ไดซุเกะพูดขึ้นมาแล้วหันไปมองที่รูปปั้นสุนัขจิ้งจอกในศาล สีหน้าของไดซุเกะมีร่องรอยของความกังวลบางอย่าง
ศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกเมื่อ 25 ปีก่อน ไดซุเกะในเวลานั้นกราบไหว้เทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก ปรบมือ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการเรียกเทพเจ้า จากนั้นจึงพนมมือไหว้ขอพร
"ขอให้ลูกชายของผมปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง และถ้าท่านเทพเจ้าจะเมตตาก็ขอให้พาเขากลับมาหาผมด้วยเถอะ"
ไดซุเกะไหว้ขอพรเสร็จก็โค้งลงคำนับเทพเจ้าที่ตัวเองเคารพ ทันใดนั้นเสียงหอนของสุนัขจิ้งจอกก็ดังแว่วเข้ามาอย่างโหยหวน ไดซุเกะชะงักหันขวับกลับไป รอบๆบริเวณศาลเจ้าทุกอย่างเงียบกริบไม่มีอะไรแปลก เสียงสุนัขจิ้งจอกโหยหวนเมื่อครู่ ก็เงียบไป แล้วมีเสียงเด็กแบเบาะร้องจ้ามาจากในศาล
ไดซุเกะรีบเดินเข้าไปดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าในศาลเทพเจ้านั้นมีเด็กแบเบาะถูกทิ้งไว้ในตะกร้าร้องไห้เสียงดัง
ไดซุเกะมองเด็กด้วยความแปลกประหลาดใจก่อนจะอุ้มเด็กขึ้นมาแล้วพบจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ในนั้น
เมืองสึกิเวลากลางคืน แป้งร่ำกับเกียวเดินออกมาส่งรินดาราที่หน้าร้าน
"ดูสิ..เผลอแป๊บเดียวคุยติดลมจนมืดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้"
"ไม่ใช่ติดลมธรรมดาด้วยนะแก..ลมเพลมพัดเลยแหละ พัดเอาสาวไทยใจกล้าหาญ 3 นางมาเจอกัน มันก็เลยต้องมีเรื่องเมาท์มอยกันไม่หยุด..ชิมิชิมิคุณน้องขา" เกียวบอก
รินดาราล้อเลียน"
"ว๊าย !! เดี๋ยวตีปากเลยนี่ ห้ามเรียกเจ๊นำหน้าชื่อชั้นย่ะ ไม่ได้แก่ขนาดนั้น ต้องเรียกว่า มาดามเกียวสิจ๊ะ จะได้ดูเริ่ดๆเชิ่ดๆ"
แป้งร่ำหมั่นไส้ผลักกระเด็น
"พอเลยนังเกียว !!! ตอนนี้ชั้นได้โอกาสถีบหัวแกส่งแล้ว หลังจากต้องทนหมั่นไส้แกมานานเพราะเป็นคนไทยกันอยู่แค่ 2 คนในเมือง"
"อ๊าย !! แกอ่ะ..นี่แกไม่สงสารชะนีน้อยๆในเมืองชนบทแบบนี้บ้างเหรอไง"
รินดาราขำ)
"พี่เกียว พี่แป้งร่ำ..ชั้นรู้สึกว่าชั้นโชคดีจังที่ได้เจอพวกพี่ 2 คน ไว้ชั้นจะหาโอกาสแวะ มาคุยกับพวกพี่บ่อยๆ"
"มาได้ตลอดเวลาเลยค่ะคุณน้อง คนไทยอยู่ต่างบ้านต่างเมืองต้องรู้รักสามัคคี มีเรื่อง อะไรให้ช่วยเหลือมาบอกพี่ได้ ผัวพี่เป็นคนที่นี่ ขาดเหลืออะไรบอก พี่จัดให้ได้"
"ส่วนพี่ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตนแต่ก็ช่วยได้ทุกเรื่องเหมือนกัน" เกียวบอก
"จ้ะ..ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะ ชั้นว่าชั้นไปดีกว่า เดี๋ยวจะโดนเจ้านายว่าเอาอีก"
รินดาราโบกมือจะลาแต่แป้งร่ำนึกขึ้นได้
"เดี๋ยวก่อนคุณน้อง...พี่ลืมไป พี่ว่าคุณน้องพกนี่ติดตัวไปด้วยดีกว่า ค่ำๆมืดๆเดินกลับไปบ้าน เผื่อเจอไอ้พวกกุ๊บพวกนั้น จะได้เอาไว้ป้องกันตัว"
รินดารารับมีดพกมาแล้วไหว้ขอบคุณ
"ขอบคุณมากค่ะพี่แป้งร่ำ"
รินดาราเอามีดพกใส่กระเป๋าแล้วเดินไปตามทาง แป้งร่ำกับเกียวมองส่ง
รินดาราเดินมาหยุดที่ป้ายรถริมทาง(Imari Village in Saga) แล้วมองหารถบัสที่จะโดยสารกลับคฤหาสน์มิยาคาวะ แต่ดูเวลา แล้วหน้าเสีย
"ตายแล้ว..รถหมดแล้วนี่..โอ้ย...ต้องเดินกลับเหรอเนี่ย"
รินดาราถอนหายใจเซ็งๆแล้วตัดสินใจเดินไปตามทางเดินเปลี่ยวๆคนเดียว แต่ระหว่างนั้นเธอรู้สึกแปลกๆ หูของเธอได้ยินบางสิ่ง
"นั่นใคร"
รินดารามองไปแล้วก็เห็นแต่ความเงียบและความมืด จังหวะนั้นมีเงาตะคุ่มๆของบางอย่างวูบผ่านหลังเธอไป อย่างเร็ว เธอหันขวับกลับไปอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นอะไร
รินดาราเริ่มใจคอไม่ดี ระแวงสงสัย แล้วเสียงสุนัขจิ้งจอกก็หอนโหยหวนแว่วเข้ามา...บรู้วว์...
รินดาราตกใจรีบถอยแล้ววิ่งหนีออกไปทันที
โฮชิเดินตามหารินดาราตามถนนในเมือง
"ฮิคาริ...ฮิคาริ"
โฮชิเดินตามหาแล้วไม่เจอสีหน้าเลยชักเป็นกังวล ระหว่างนั้นอาคิระเดินเข้ามา
"ท่านชายครับ..ผมไปถามร้านนวดของคนไทยที่เจอเธอครั้งสุดท้าย เขาบอกว่าเธอกลับ ไปได้ครู่ใหญ่แล้ว"
"เธออาจจะไปถึงบ้านแล้ว"
"เปล่าครับ..ผมโทร.เข้าไปถาม เธอยังไม่ถึงบ้าน"
โฮชิยิ่งมีสีหน้ากังวล กลัวเรื่องลางสังหรณ์ที่จะเกิดเรื่องไม่ดีกับรินดารา
"ชั้นว่าเราแยกกันออกตามหาดีกว่า..ชั้นจะไปทางนี้เอง"
โฮชิรีบเดินออกไป อาคิระมองตามท่านชายแล้วเริ่มรู้สึกเป็นห่วงรินดาราขึ้นมาเหมือนกันเลยเดินไปอีกทาง
รินดาราวิ่งร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจนมาล้มลงที่สุดทางในตรอกแคบๆ ท่าทางเธอตื่น ตระหนกตกใจ
"อย่าเข้ามานะ..อย่าเข้ามา"
รินดาราตื่นกลัวบางอย่างที่กำลังเยื้องกรายเข้าใกล้เธอ บางอย่างที่อันตรายและน่ากลัวจนเธอต้องชักมีดพกใน กระเป๋าออกมาแล้วขู่
เงาของสุนัขจิ้งจอกใหญ่โตทาบที่ผนังข้างตรอก
"ชั้นบอกว่าอย่าเข้ามา..ไม่เข้าใจที่ชั้นพูดเหรอ ชั้นทำร้ายเธอได้นะ ออกไป..ออกไป"
รินดาราชูมีดขู่ แล้วสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งหน้าตาน่ากลัวก็เดินออกมาจากเงามืด ดวงตามันเป็นสีส้ม มันแยกเขี้ยว คมกริบ คำรามออกมาเสียงดังแล้วหอนเสียงน่ากลัว….บรู้วว์
รินดาราตกใจอย่างที่สุดตัดสินใจปามีดพกใส่มันทันที
"ออกไปให้พ้น...ออกไป"
รินดาราปามีดออกไปแล้วก็รีบถอยมาจนชิดกับรั้วตาข่ายเหล็กที่สุดทางแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตากอดเข่ากลัวตัวสั่น จะหนีต่อไปก็ไม่ได้เพราะได้รับบาดเจ็บที่ขาตอนล้มลงครั้งแรก
"ช่วยด้วย...ฮือๆๆช่วยด้วย...ฮือๆ"
รินดาราตัวสั่นกลัวอยู่อย่างนั้น ครู่หนึ่งมีมือหนึ่งยื่นเข้ามาแตะตัวเธอทำให้เธอสะดุ้งตกใจ
"อย่าเข้ามา..ชั้นกลัวแล้ว..ออกไป"
"ฮิคาริ..ชั้นเอง"
รินดาราชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมาเจอท่านชายโฮชิก็ดีใจ
"ท่านชาย "
รินดาราโผเข้าไปกอดด้วยความตกใจ โฮชิกอดเธอไว้แน่นและปลอบใจ
"ไม่เป็นอะไรแล้วนะฮิคาริ เธอปลอดภัยแล้ว"
รินดารายังตัวสั่นกอดท่านชายไม่ปล่อย โฮชิเห็นที่ขาของเธอได้รับบาดเจ็บก็ช้อนตัวเธออุ้มขึ้นมา
"ไม่ต้องกลัวแล้วนะ...ชั้นจะพาเธอกลับบ้านเอง"
โฮชิยิ้มให้อย่างปลอบโยนแล้วอุ้มรินดาราเดินออกไป
คล้อยหลังโฮชิอุ้มรินดาราเดินออกไปได้ครู่ อาคิระก็ตามเข้ามาแล้วเห็นรินดาราอยู่ในอ้อมกอดของโฮชิ
อาคิระมองตามทั้งคู่ก่อนจะเหลือบไปเห็นมีดพกตกอยู่ที่พื้น ตรงบริเวณนั้นมีรอยหยดเลือดหยดเป็นทาง และที่ปลายมีด พกก็มีคราบเลือดติดอยู่
กลกิโมโน ตอนที่ 4 (ต่อ)
เวลากลางคืนต่อมา โฮชิอุ้มรินดาราวางลงที่พื้นเสื่อในห้องโถง ขาข้างหนึ่งเธอมีเลือดซิบๆจากแผลถลอกล้ม
อาคิระตามเข้ามาด้วย ไล่หลังด้วยมิกิซึ่งพอมาเห็นเข้าก็ตกใจ
"ตายแล้ว..เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณรินดาราถึงกลับมาสภาพแบบนี้ล่ะ"
"มีสุนัขจิ้งจอกหลุดเข้ามาในเมืองครับคุณย่า มันไล่ตามเธอแต่โชคดีที่ท่านชายไปพบเข้า ก็เลยบาดเจ็บกลับมานิดหน่อย"
"งั้นต้องรีบทำแผล เดี๋ยวย่าจะไปเอากระเป๋ายามาให้"
มิกิรีบเดินออกไป โฮชิจับมือรินดาราอย่างเป็นห่วง
"เดี๋ยวชั้นช่วยดูแผลให้นะฮิคาริ"
"ค่ะท่านชาย"
โฮชิช่วยดูแผลของรินดาราที่ถลอกจนเลือดซิบๆและขากางเกงก็ขาด
อาคิระเห็นความเป็นห่วงของโฮชิแล้วอดสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้ เขามองตามด้วยสายตาที่มั่นใจว่า ทั้งคู่น่าจะรู้จักกันมาก่อน นึกไปถึงคำพูดที่คุยไว้กับนักสืบ
.....
"นอกนั้นประวัติก็สะอาดไม่เคยทำความผิด และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเรียวอิจิ รวมทั้งไม่มีข้อมูลว่าจะเคยรู้จักกับท่านชายโฮชิโนโอจิมาก่อนด้วย"
"แต่ผมเห็นสายตาที่พวกเขามองกันมันมีบางอย่าง ยิ่งกับท่านชายที่ผมเห็นเขามองเธอ มันเหมือนกับว่ารู้จักเธอมานาน"
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สืบยากเหมือนกันครับ เพราะที่คุณให้ผมไปสืบเรื่องของท่านชาย ผมบอกตรงๆ..ข้อมูลของเขาหาไม่มีเลยจริงๆ"
"แต่มันต้องมีสิ...เราทุกคนต่างก็มีประวัติกันทั้งนั้น ผมเป็นห่วงคนในตระกูลของผม การที่เขาไม่มีหลักฐานยืนยันตัวเอง แล้วสามารถบังคับคุณย่าให้ทำตามทุกอย่างที่เขาต้อง การได้ ผมว่ามันน่าอันตราย"
อาคิระยังมองด้วยความสงสัย ระหว่างนั้นมิกิกลับเข้ามาพร้อมกระเป๋ายา
"มาแล้วค่ะท่านชาย"
รินดาราให้โฮชิช่วยทำแผลเลือดซิบๆบริเวณหน้าแข้ง
"เจ็บมั้ยฮิคาริ"
"ไม่ค่ะท่านชาย"
ปากบอกไม่เจ็บแต่พอโฮชิเอาแอลกอฮอล์ล้างแผล รินดาราก็จิกหน้าแสบเม้มปากเก็บเสียงน้ำตาเล็ด
โฮชิเห็นเธอพยายามฝืนเจ็บก็อมยิ้มและช่วยพันแผลต่ออย่างเบามือ
"โชคดีนะที่ได้มาแค่แผลถลอก ไม่โดนสุนัขจิ้งจอกกัดเอา ไม่อย่างนั้นคงต้องพาเธอไป ฉีดยากันพิษสุนัขบ้า จะเจ็บกว่านี้อีกหลายเท่า"
"จะว่าไปก็น่าแปลกนะคะ อยู่ๆสุนัขจิ้งจอกจะหลุดเข้ามาในเมืองได้ยังไง"
"คงเป็นตัวที่หลงฝูงออกมาจากบนเขาน่ะครับคุณย่า" อาคิระบอก
"แล้วถ้ามันหลงเข้ามาในบ้านเราล่ะ ย่าเป็นห่วงอายูมิ" มิกิบอก
"ผมกำชับนารูตะไว้แล้วว่าให้ออกมาเดินดูบริเวณบ้านบ่อยๆ แล้วก็แจ้งทางเทศบาลเมืองไปแล้วด้วย คิดว่าพรุ่งนี้เขาคงแกะรอยตามจับได้"
"งั้นช่วงนี้ไปไหนมาไหนก็อย่าไปคนเดียวแล้วกัน..นะฮิคาริ"
"ค่ะท่านชาย"
"คุณย่าครับ ผมว่านี่ก็ดึกแล้ว รบกวนท่านชายมาทั้งคืน ผมจะพาเธอไปส่งที่ห้องเอง"
"จ้ะอาคิระ..ขอบใจมากนะ ท่านชายจะได้ไปพักผ่อน"
อาคิระยิ้มรับให้มิกิแล้วเข้าไปประคองรินดาราจะพาเธอออกไป รินดารามองอาคิระ แต่เขาไม่สนใจเข้าไปจับมือเธอช่วยพยุงขึ้นทันที
อาคิระช่วยพยุงพารินดาราเดินออกมาตามทางเดินในสวนเพื่อกลับไปที่ห้องเธอ
"ปล่อยชั้นได้แล้วล่ะ..ชั้นว่าชั้นเดินเองได้แล้ว"
"แน่ใจ"
รินดาราพยักหน้ารับ อาคิระเลยปล่อยให้รินดาราเดินเอง แต่เธอยังแสบๆตึงๆที่แผลเลยยังดูขัดๆเวลาเดิน อาคิระจะเข้าไปช่วยอีกแต่เธอห้าม
"ไม่ต้อง"
อาคิระเห็นท่าทางของรินดาราแล้วรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เลยเข้าไปจับตัวเธอ สองมือบีบไหล่พลิกดูไปมาทั้งตัว
"จะทำอะไรชั้น..ปล่อยนะ..ปล่อยสิ"
อาคิระขึ้นเสียง
"อยู่เฉยๆ ผมจะดูว่าตามเนื้อตามตัวคุณมีแผลโดนหมาจิ้งจอกมันข่วนมารึ เปล่า พรุ่งนี้จะได้พาไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้า เผื่อว่าจะช่วยรักษานิสัยบ้าๆของคุณด้วย"
รินดาราอึ้งไปทันทีเลยออกแรงผลักอาคิระกระเด็น
"หลอกด่าชั้นเหรอ"
"ผมเตือนดีๆต่างหาก ถ้าคุณไม่ดื้อ ยอมทำตามที่ผมสั่งไม่พาอายูมิออกไป ยอมกลับมา บ้านพร้อมกับผม คุณก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ให้คนอื่นเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย"
"หยุด ! คุณเองนั่นแหละที่ดื้อ เผด็จการ กักขังอายูมิให้อยู่แต่ในบ้าน แล้วชั้นก็ไม่ได้ อยากให้คุณมาเดือดร้อนเพราะชั้นด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว"
"แน่ใจนะว่าไม่เคยคิดทำให้ผมเดือดร้อน เพราะถ้าผมมารู้ทีหลังว่าที่คุณเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อหวังอะไรล่ะก็...คุณกับผมได้เห็นดีกันแน่"
รินดาราชะงัก
"คุณหมายความว่ายังไง..นี่คุณสงสัยอะไรชั้นอยู่"
อาคิระนิ่งไม่พูดอะไรต่อ
"ถ้าเดินได้เองแล้วล่ะก็...เชิญกลับไปที่ห้องคุณได้แล้ว"
อาคิระสั่งเธอ แต่รินดารานิ่งมองก่อนจะเดินกะเผลกๆเข้าไปหาเขาแล้วหยุดในระยะประชิดตัว ยื่นหน้าจนแทบจะชนหน้าเขาด้วยสายตาเอาเรื่องสุดๆ
"ถ้าคิดว่าทนเห็นหน้าชั้นไม่ไหวแล้วล่ะก็...ช่วยรีบไปบอกท่านชายกับคุณย่าของคุณ ว่า อยากไล่ชั้นออกเต็มทีแล้ว แล้วชั้นจะพร้อมไปทันที"
รินดาราทิ้งสายตากร้าวใส่ก่อนจะเดินกะเผลกๆออกไป อาคิระได้แต่ยืนอึ้งกับสายตาที่รินดารากร้าวใส่
รินดาราเดินหัวเสียแล้วเจ็บแปล๊บที่ขาเธอเกือบจะเซล้มเสียหลัก อาคิระเป็นห่วงรีบโผเข้าไปประคองเธอทันที
อาคิระเข้ารับตัวรินดาราแล้วหน้าเธอหันมาจนเกือบหน้าชนกับเขา ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันนิดเดียว
ทั้งคู่สบตากันนิ่ง อาคิระเห็นเธอแล้วรู้สึกผิดที่พูดไม่ดี
"ผมขอโทษ..ผมไม่ได้อยากจะพูดไม่ดีกับคุณ แต่ครอบครัวของผม เราเหลือกันอยู่แค่ไม่กี่คน ถ้าต้องมีใครเป็นอะไรไป โดยที่ผมไม่ได้พยายามเต็มที่เพื่อปกป้องพวกเขา ผมคงมีหน้าไปกราบไหว้วิญญาณบรรบุรุษอีกไม่ได้"
อาคิระบอกรินดาราแล้วโน้มศรีษะขอโทษ รินดาราชะงักไปเพราะได้เห็นความเป็นลูกผู้ชายและสุภาพบุรุษที่ยอมก้มหัวขอโทษผู้หญิง
"ให้ผมไปส่งคุณที่ห้องนะ"
รินดารานิ่งอยู่ครู่แล้วพยักหน้ารับ อาคิระเข้าไปช่วยประคองพารินดาราเดินไปตามทางเดินในสวน
วันใหม่ ที่หน้าห้องนอนของฮิเดโนริ ฮิโตชินั่งงอเข่าคุดคู้อยู่หน้าห้องก้มหน้าก้มตา ไดซุเกะเข้ามา
"มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้..แล้วเจ้านายแกล่ะ"
ฮิโตชิก้มหน้าก้มตาชี้ไปที่บานเลื่อนห้องนอนแบบญี่ปุ่นของฮิเดโนริ ท่าทางดูตื่นๆกลัวๆ
"สายป่านนี้แล้วมันยังไม่ตื่นอีกเหรอ"
ไดซุเกะไม่พอใจจะเลื่อนประตูเข้าไป ฮิโตชิรีบจับขาไดซุเกะแล้วส่ายหน้าไม่อยากให้เข้าไป
"อะไรของแกอีก...อย่ามาเกะกะชั้น"
ฮิโตชิยังกอดขาไดซุเกะแน่น ไม่ยอมให้เข้าไปจนไดซุเกะรำคาญ
"ถ้าอยากจะเล่นไปหาที่เล่นที่อื่นอย่าให้ชั้นรำคาญแกนะฮิโตชิ...ไป "
ฮิโตชิตกใจกลัวเสียงดุของไดซุเกะเลยรีบปล่อยมือแล้วคลานถอยหลังร่างจางหายไป ไดซุเกะมองห้องฮิเดโนริแล้ว สงสัยจึงเลื่อนประตูออก
ไดซุเกะเข้ามาในห้อง เห็นฮิเดโนริยังนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่ฟูกบนพื้นเสื่อตาตา เขาอยู่ในชุดยูกาตะที่ใส่ นอน ที่พื้นห้องมีหยดเลือดเป็นคราบอยู่ทำให้ไดซุเกะสงสัย
"ฮิเดะ..ฮิเดะ"
ฮิเดโนริสะดุ้งตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียกของไดซุเกะ
"คุณปู่"
ฮิเดโนริลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการเจ็บแผลที่ต้นแขนข้างหนึ่งเลือดแห้งเกรอะกรังด้วยรอยแผลถูกของมีคม
"เกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนนี้แกไปทำอะไรมา"
"เอ่อ..คือ..ผม..ผม"
ฮิเดโนริพยายามนึกแต่นึกอะไรไม่ออก ได้แต่มองแผลที่ต้นแขนอย่างสงสัย
"ผมไม่รู้ครับปู่ ผมจำอะไรไม่ได้เลย"
"ว่าไงนะ...แกบาดเจ็บกลับมาสภาพนี้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง..มันจะเป็นไปได้ยังไง"
"ผมจำอะไรไม่ได้จริงๆครับปู่ ผมรู้แต่ว่าเมื่อคืนนี้ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยเข้านอน แล้ว จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้เลย"
ไดซุเกะชะงักหน้าอึ้งไปทันที
"หรือว่าแก"
"ผมทำไมเหรอครับปู่"
ไดซุเกะมองหลายชายด้วยแววตาตกตะลึงพร้อมกับถอยออกไปจากห้องทันที
"ปู่ครับ...ปู่"
ไดซุเกะรีบเข้ามาที่ศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก มองรูปเคารพ หน้าเคร่งเครียด ระหว่างนั้นอัตสุโอะเข้ามา
"คุณท่านครับ"
"ตอนนี้ชั้นไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น ออกไป"
"เอ่อ..แต่ว่า ผมอยากให้ท่านเข้าไปอยู่ในบ้านก่อนครับจนกว่าจะแน่ใจว่าข้างนอกนี่ปลอดภัยแล้ว"
"ปลอดภัย..หมายความว่าไง"
"คือว่าเมื่อคืนนี้มีสุนัขจิ้งจอกหลุดเข้ามาอาละวาดในเมือง ตอนนี้เทศบาลเมืองกำลังช่วยกันแกะรอยตามล่าอยู่ครับ"
"สุนัขจิ้งจอก"
ไดซุเกะอึ้งหน้าเสีย เป็นจังหวะที่ฮิเดโนริเข้ามา หลังจากไปทำแผลเรียบร้อยแล้ว
"งั้นแกก็รีบพาคุณปู่เข้าบ้านไป แล้วจัดคนมาตรวจรอบๆบริเวณบ้านเราด้วย"
"ไม่ต้อง ! สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นมันจะไม่ออกมาเพ่นพ่านอีก"
"ปู่แน่ใจได้ยังไงครับ ถ้าเกิดมันเป็นสุนัขจิ้งจอกหลงฝูงมาหาอาหาร ผมว่ามันคงหิวโซ เจอใครก็ต้องเข้าทำร้ายแน่"
"ใช่ มันเป็นจิ้งจอกหลงฝูง ที่จะไม่มีวันได้กลับเข้าฝูงของมันอีก และมันก็จะไม่ออกมาเพ่นพ่านอีกเพราะชั้นจะสั่งห้ามมันเอง"
ไดซุเกะพูดไปก็ขยับเข้าไปมองหน้าหลานชายตัวเองด้วยสายตาจริงจัง
รินดารากับอายูมินั่งอยู่ที่ระเบียง มองออกไปเห็นสวนญี่ปุ่นสวยงาม
"พี่รินดารายังเจ็บอยู่มั้ยคะ" อายูมิถาม
รินดารามองที่ขาตัวเองแล้วเอามือแตะๆให้อายูมิดู
"ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วล่ะจ้ะ กลัวเป็นแผลเป็นมากกว่าเดี๋ยวจะหมดสวย" เธอยิ้มให้อายูมิคลายความเป็นห่วง
"อายูมิขอโทษค่ะที่เป็นต้นเหตุให้พี่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ แล้วไหนจะโดนคุณอาต่อว่าอีก"
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะอายูมิ คุณย่ากับท่านชายให้สิทธิ์ในการดูแลอายูมิกับพี่แล้ว มีแต่คุณอาของหนูนี่แหละที่ไม่ยอมเข้าใจอยู่คนเดียว"
อายูมิกอดอก หน้างอนๆ
"หึ..เมื่อก่อนน่ะคุณอาไม่เคยเป็นแบบนี้หรอกนะคะ แต่ตั้งแต่คุณพ่อเสียแล้วอายูมิเป็นแบบนี้ คุณอาก็เปลี่ยนไป เวลาดีก็ดี๊ดี แต่เวลาดุขึ้นมา อายูมิกลัวเลย"
รินดารานิ่งไปนึกถึงคำพูดและการแสดงความรู้สึกของอาคิระต่อหน้าเธอเมื่อคืนนี้ แล้วถอนใจมองอายูมิ
"พี่คิดว่าคุณอาของหนูเขาอาจจะระแวงพี่ ไม่อยากเห็นคนแปลกหน้ามาเดินเพ่นพ่านอยู่ในที่ของเขา คงกลัวใครจะมาทำร้ายคนในครอบครัวเขาอีก"
โฮชิเข้ามา
"งั้นชั้นก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะฮิคาริ ที่ชั้นเป็นคนพาเธอมาที่นี่ ทำให้อาคิระระแวงเธอ"
"ท่านชาย..ไม่เกี่ยวกับท่านชายหรอกค่ะ ชั้นต่างหากที่ต้องหาทางทำให้เขาเลิกระแวงชั้น แล้วเห็นว่าชั้นเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น"
"แต่สำหรับตระกูลมิยาคาวะแล้ว..เธอไม่ใช่แค่ลูกจ้างธรรมดานะฮิคาริ"
รินดาราชะงักกับคำพูดที่แฝงนัยยะบางอย่างของท่านชาย เพราะนอกจากคำพูดแล้วแววตาที่เขามองเธอก็ยังซ่อนความหมายอื่นไว้ด้วย
อายูมินึกขึ้นได้เลยขัดขึ้นมา
"รู้แล้วค่ะ อายูมิรู้แล้ว ถ้าอายูมิกลับมาเดินได้อีกครั้งเร็วๆ เพราะการทำกายภาพบำบัดของพี่ คุณอาก็จะเลิกระแวงพี่แน่นอน"
"แต่การทำกายภาพบำบัดให้อายูมิ พี่บอกไม่ได้หรอกนะว่าต้องใช้เวลาเร็วหรือช้า"
"ต้องทำได้สิคะ..เพราะพี่รินดารามีมนต์วิเศษ จริงมั้ยคะท่านชาย"
โฮชิพยักหน้ารับ
"ชั้นเชื่อว่ามีจ้ะอายูมิ"
"งั้นเรามาพยายามกันเถอะค่ะพี่รินดารา"
รินดาราดีใจ
"พี่ดีใจจัง งั้นเรามาพยายามด้วยกันนะจ๊ะอายูมิ..ไฟท์โตะ"
รินดาราทำท่าไฟท์โตะกับอายูมิพร้อมกันอย่างน่ารักๆ โฮชิเผลอมองความร่าเริงสดใสของรินดาราจนเพลินไม่ละสายตา เมื่อรินดาราหันมาเห็นเขามองเธอก็ออกอาการเขินๆที่เผลอทำอะไรเด็กๆคิกขุไปแบบนั้น
โฮชิไม่อยากให้รินดาราเขินคนเดียว
"งั้นถ้าชั้นจะขอพยายามไปกับอายูมิด้วยจะได้มั้ย"
"ได้สิคะท่านชาย"
"ไฟท์...โตะ"
ท่านชายทำท่าไฟท์โตะแต่ออกมาดูแล้วยังเก้ๆกังๆ อายูมิกับรินดาราเลยขำ
"ไม่ใช่ค่ะท่านชาย..ต้องกำมือแล้วตั้งศอกพร้อมกับพูดเสียงดังๆแบบนี้ค่ะ...ไฟท์โตะ"
โฮชิลองทำอีกครั้งพร้อมๆกับรินดาราและอายูมิ สามคนหัวเราะสนุกสนานชอบอกชอบใจ โดยเฉพาะรินดารากับโฮชิที่รู้สึกดีๆต่อกัน
ในเวลาต่อมา ฮิเดโนริโพล่งถามปู่ด้วยความตกใจ
"สุนัขจิ้งจอกตัวที่ออกอาละวาดเมื่อคืน....คือผม"
ไดซุเกะพยักหน้ารับ ฮิเดโนริอึ้งสุดขีด
"เป็นไปไม่ได้ ! คุณปู่หลอกผมใช่มั้ยครับ ผมไม่ได้เป็นสุนัขจิ้งจอก"
"ถามตัวเองให้แน่ใจว่าสิ่งที่ปู่พูด เป็นไปได้หรือไม่"
ฮิเดโนรินึกถึงเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
หูได้ยินเสียงเหงื่อหยดลงพื้นเสียงกึกก้องสองหู เลือดกำเดาไหล ฮิเดโนริพยายามนึกแต่นึกอะไรไม่ออก ได้แต่มองแผลที่ต้นแขนอย่างสงสัย
"ผมไม่รู้ครับปู่ ผมจำอะไรไม่ได้เลย"
ฮิเดโนริอึ้ง แต่ยังไม่ยอมรับความจริง
"เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมก็แค่ไม่สบายเฉยๆ"
"ฮิเดะ แกจะแก้ปัญหาไม่ได้ ถ้าแกไม่ยอมรับความจริงซะก่อน"
ฮิเดโนริโมโห อาละวาด
"มันไม่ใช่ความจริง จะให้ผมยอมรับอะไร ผมเป็นหลานแท้ๆ ของปู่ ผมจะเป็นสัตว์ประหลาดได้ยังไง"
"ลูกชายของชั้นมันก็เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่แม่ของแกต่างหากที่ไม่ใช่"
"แม่ ?"
"แม่ของแกเป็นปีศาจสุนัขจิ้งจอกปลอมตัวเป็นมนุษย์แล้วมารักกับพ่อแก พ่อแกรักแม่แกมาก ถึงขนาดยอมตามแม่ของแกกลับเข้าฝูง แต่เขาสองคนไม่ยอมให้แกไปด้วยก็ เลยทิ้งแกไว้ให้ปู่เลี้ยง"
ฮิเดโนริอึ้ง
"ทำไมปู่ไม่เคยบอกผม"
"บอกไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร ที่ผ่านมาเลือดมนุษย์ในตัวแกเข้มข้นกว่าเลือดสุนัขจิ้งจอก ปู่ภาวนาขอให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป แต่ในเมื่อมันไม่ได้เป็นอย่างที่ปู่คิด แกก็ต้องรู้ความจริง เพื่อที่แกจะได้ระวังตัว" ไดซุเกะจับบ่าหลานชาย "จำไว้นะฮิเดะ..ไม่ว่าแกจะเป็นอะไร แกก็ยังเป็นหลานปู่เหมือนเดิม ปู่จะช่วยแกเอง"
ฮิเดโนริปัดมือปู่แรงๆแล้วเดินพรวดพราดออกไป
"ฮิเดะ ! แกจะไปไหน ! ฮิเดะ"
ฮิเดโนริวิ่งอย่างเร็วมาตามทางของเสาโทริอิ ใบหน้าของเขาตึงเครียด มือสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูด เขาวิ่งเร็วอย่างไม่คิดชีวิต อยากจะหนีจากความจริงว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์
จนกระทั่งวิ่งมาหยุดตรงบริเวณช่องเขา ที่อยู่ข้างบนสุดศาล(Yutoku Shrine in Saga) ลูกตาเปลี่ยนเป็นสีส้ม ตาดำเป็นเส้นบางๆ อย่างสัตว์เดรัจฉาน มือทุบกำแพงหิน ตะโกนกึกก้องว่า
"ม่าย !"
หน้าต่างบนหอคอยที่สามารถมองเห็นภาพกว้างของเมืองสึกิ เสียงหอนโหยหวนของสุนัขจิ้งจอกดัง ลอยเข้ามาแว่วๆ โฮชิหันขวับไปที่หน้าต่าง หยุดนิ่งฟังเสียงประหลาดนั้น แต่เสียงเงียบไปแล้ว
มิกิเดินเข้ามาแล้วเห็นอาการของโฮชิก็แปลกใจ
"มีอะไรหรือคะท่านชาย"
"ไม่มีอะไร อาคิระเป็นยังไงบ้าง"
"เหมือนเดิมค่ะ ทำอยู่สองอย่าง คือทำงานกับทำหน้าบึ้ง"
โฮชิยิ้มนิดๆ
"มิกิต้องเข้าใจอาคิระนะ อาคิระต้องแบกรับภาระเอาไว้มากมาย แล้วยิ่งมีคนแปลกหน้าอย่างฮิคาริมาอยู่ด้วย เขายิ่งต้องอยู่กับความระแวง"
"ท่านชายกำลังโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้อาคิระไม่มีความสุขใช่ไหมคะ"
โฮชิเงียบแทนคำตอบ
"ไม่ใช่ความผิดของท่านชายเลยค่ะ หลานชายของดิชั้นต่างหากที่ต้องรู้จักไว้ใจคนอื่นให้มากขึ้น แล้วชีวิตเขาจะมีความสุขมากกว่านี้ ถ้าอาคิระทำให้ท่านชายไม่สบายใจ ดิชั้นจะไปเตือนเขาให้เอง"
"อย่ามิกิ การไปเตือนคนอย่างอาคิระเท่ากับไปทำให้เขาเสียหน้า"
"แล้วจะทำยังไงล่ะคะ"
"ชั้นคิดว่าเราน่าจะทำให้อาคิระได้รู้จักฮิคาริมากขึ้น อาคิระจะได้รู้เองว่า ฮิคาริไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย มิกิว่ายังไง"
"ความไว้ใจย่อมเกิดจากความใกล้ชิด...ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีค่ะท่านชาย"
โฮชิยิ้มที่มิกิเห็นด้วย
วันใหม่ ในคฤหาสน์มิยาคาวะ มิกิเปิดประตูเดินนำรินดาราเข้ามาด้านในของห้องเก็บผ้ากิโมโน
"เชิญจ้ะ"
รินดาราตามเข้ามาอย่างงุนงง เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ บรรยากาศในห้องนั้นไม่กว้างมาก ไม่มีเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น มีแต่ผ้ากิโมโนหลายชุดหลายสีถูกขึงโชว์ ลวดลายวิจิตร รินดาราตกตะลึง
"กิโมโนสวยจังเลยค่ะ"
"ค่ะ กิโมโนพวกนี้เป็นของรักของหวงมิยาคาวะ ทุกตัวล้วนผ่านการทอและตัดเย็บจาก ภูมิปัญญาของเราที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี"
รินดาราตั้งใจฟังพร้อมกับมองสำรวจกิโมโนด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
"คุณรินดาราชอบชุดไหน เลือกได้เลยค่ะ หรือจะเลือกเป็นแค่ชุดยูกาตะใส่ง่ายๆก็ได้"
"เลือก ?"
"ค่ะ คุณรินดาราจะได้เอาไปใส่ในวันงานทานาบาตะ อายูมิชอบงานทานาบาตะมาก ดิชั้นกับท่านชายลงความเห็นกันว่าเราจะต้องพาอายูมิไปเที่ยวงานเหมือนที่เคยไปทุกปี เพื่อไม่ให้อายูมิรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ อายูมิก็ต้องอยากให้คุณรินดาราไปด้วยแน่นอน ไปเที่ยวงานทานาบาตะด้วยกันนะคะ"
มิกิยิ้มสดใส แต่รินดารากลับมีสีหน้าหวั่นวิตก ไม่ได้สนุก ตื่นเต้นตามคำชวนของมิกิเลย
"ดิชั้นขออนุญาตไม่ไปได้มั้ยคะ"
มิกิแปลกใจ
"ทำไมล่ะคะ"
รินดาราอึกอัก
"เอ่อ..คือ เวลาเจอคนเยอะๆ ทีไร ดิชั้นจะต้องเวียนหัวจะเป็นลมทุกที ถ้าดิชั้นไปด้วย เกรงว่าทุกคนจะต้องหมดสนุกแน่ๆ ดิชั้นขอรออยู่ที่นี่ดีกว่าค่ะ"
รินดาราพยายายามยิ้มสดใส แต่หลบสายตามิกิส่อพิรุธว่าโกหก แล้วเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนสีหน้าจะมีร่องรอยความกังวลในเรื่องอะไรบางอย่าง มิกิมองอาการของรินดาราอย่างแปลกใจ
บริเวณทุ่งหญ้า (Aso Mountain in Kumamoto) แถวจุดลานจอดรถ รินดารานั่งนิ่วหน้าคิดกลุ้มใจอยู่ตามลำพัง ทอดสายตาออกไปยังเบื้องหน้า คิดถึงเรื่องราวของตัวเองที่เกี่ยวข้องกับวันทานาบาตะ
โฮชิเข้ามาหยุดยืนมองรินดาราก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแฝงความห่วงใย
"มิกิบอกว่าเธอไม่อยากไปงานทานาบาตะเหรอ..ฮิคาริ"
รินดาราสะดุ้งเล็กน้อย หันไปเห็นโฮชิยืนอยู่จึงรีบลุกขึ้นแสดงถึงความเคารพเกรงใจ
"งานทานาบาตะตรงกับวันเกิดของเธอ วันเกิดปีนี้เธอได้มาอยู่ที่เมืองสิกิเมืองในฝันของเธอ แล้วทำไมเธอต้องเก็บตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์"
"ท่านชายรู้ได้ยังไงคะว่าตรงกับวันเกิดของชั้น"
"ไม่ใช่แค่ชั้นรู้ อาคิระ มิกิก็รู้ เรามีประวัติของเธอ"
"จริงด้วย ชั้นลืมไป แต่ชั้นบอกเหตุผลกับคุณย่ามิกิไปแล้วว่าที่ชั้นไม่อยากไป เพราะว่าเวลาชั้นเจอคนเยอะๆ ชั้นอาจจะไม่สบาย"
"อาจจะ - แสดงว่ามันอาจจะเป็นจริงหรือไม่ก็ได้" โฮชิหยิบซองขนมคิทแคทออกมาจากกระเป๋า "เธอรู้มั้ย...ถ้าชั้นกลัวที่จะกินเจ้าขนมแท่งแข็งๆ สีเขียวเหมือนแท่งไม้ ไม่ใช่ขนมก้อนกลมนุ่มสีสวยหวานเหมือนอย่างโมจิที่ชั้นคุ้นเคย ชั้นก็คงไม่รู้ว่าเจ้าขนมนี่อร่อยมาก อย่าให้ความกลัวมาขวางการหาความสุขให้ตัวเองเลยนะ ฮิคาริ"
"ท่านชายไม่เข้าใจชั้น"
"งั้นก็บอกให้ชั้นเข้าใจสิ ไม่ต้องห่วง ทุกเรื่องของเธอ จะเป็นความลับระหว่างเราสองคน"
โฮชิพูดพร้อมกับมองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว รินดารามองกลับ ไม่อาจละจากสายตานั้น ได้ราวกับถูกต้องมนต์สะกด
รินดาราเดินขึ้นบันไดยังจุดชมวิว ท่านชายเดินคุยมากับเธอ
"ความจริงชั้นไม่ได้กลัวท่านชายบอกคนอื่นหรอกค่ะ แต่ชั้นกลัวท่านชายหัวเราะชั้น"
โฮชิยิ้มรับแล้วเอาขนมคิทแคทใส่ปาก
"ปากชั้นไม่ว่างให้หัวเราะแล้ว"
รินดาราชะงักยิ้มขำสบายใจแล้วตัดสินใจบอกโฮชิ
"คือทุกวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด..วันเกิดของชั้น ชั้นจะมีอาการเจ็บปวดตรงบริเวณปานรูปดาวที่หลังค่ะ"
ทั้งสองหยุดคุยกันอยู่ที่บันได
"ปานรูปดาว"
"ค่ะ"
"เธอเจ็บมากเลยเหรอ"
"เจ็บปวดมากจนทำอะไรไม่ได้ค่ะ เพราะเหตุนี้ไงคะ ชั้นถึงไม่เคยมีงานฉลองวันเกิด พ่อแม่เคยพาชั้นไปหาหมอ แต่หมอก็ไม่พบสาเหตุ เขาบอกว่าชั้นคิดไปเอง"
"แล้วเธอคิดว่าเกิดจากอะไร"
"ไม่รู้ค่ะ ชั้นไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมชีวิตชั้นถึงมีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น"
"สักวันเธอก็คงจะรู้คำตอบเอง"
"ท่านชายพูดเหมือนแม่ชั้นเลยค่ะ เอ๊ะ ! แสดงว่าท่านชายเชื่อที่ชั้นเล่าเหรอคะ"
"ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องโกหก"
รินดารายิ้มซึ้งใจ
"โลกนี้นอกจากพ่อแม่แล้ว ก็ไม่มีใครเคยเชื่อชั้นเลยนอกจากท่านชาย
"ถ้างั้นเธอก็ต้องเชื่อชั้น ทำลายความกลัวแล้วออกไปหาความสุขให้ชีวิต แล้วชั้นจะช่วยอธิษฐานกับดวงดาว ขอให้อาการประหลาดของเธอหายไป ตกลงมั้ย"
"ค่ะท่านชาย"
โฮชิยิ้มอบอุ่นแล้วเขี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าให้ รินดารายิ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่น
"ว่าแต่ท่านชายเดินออกมาตามชั้นถึงที่นี่เลยเหรอคะ"
"ใครว่าชั้นเดินมา..ชั้นเอารถส่วนตัวมารับเธอกลับ"
โฮชิยิ้มดูกวน รินดารามองสงสัย
บรรยากาศสวยงามของเทือกเขา โฮชิขี่จักรยานแบบวินเทจสวยๆ มีรินดารานั่งซ้อนท้ายเกาะเอว โฮชิหลวมๆ
"รถส่วนตัวของท่านชายสวยจังเลยค่ะ"
"เกาะแน่นๆล่ะ..ระวังตกรถ"
โฮชิแกล้งส่ายรถไปมา รินดาราตกใจเกาะเอวแน่น โฮชิหัวเราะชอบใจ
"ท่านชาย"
โฮชิหัวเราะแล้วขี่จักรยานไปตามทาง
บ้านมาโกะโตะกลางคืน โชจิ นักการเมืองผู้ชายวัยประมาณ 50 นั่งอ่านแผ่นเอกสารพลิกไปมาสีหน้าเคร่งขรึม มาโกะโตะกับริเอะนั่งอยู่ที่โซฟา สองพ่อลูกสบตาและยิ้มให้กันด้วยความมั่นใจ แต่โชจิกลับโยนแผ่นเอกสารลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจ
"ผมยังไม่สนใจข้อเสนอของคุณ..มาโกโตะ"
มาโกะโตะกับริเอะอึ้ง
"ทำไมครับท่าน ติดขัดตรงไหนหรือว่ายังไม่พอใจเรื่องเปอร์เซ็นต์ที่เราจะแบ่งกัน เราคุยกันได้นะครับ"
"ใช่ค่ะ..ท่านแค่ใช้เส้นสายสนับสนุนให้ธุรกิจของเราไม่ต้องถูกตรวจสอบ ผลประโยชน์ที่ตามมารับรองว่าจะถึงมือท่านทุกเยนแน่นอน"
"แต่สายข่าวของผมได้ยินมาว่าธุรกิจของคุณกำลังแย่ แล้วคุณจะเอาเงินทุนจากไหนมาแลกเปลี่ยนเส้นสายจากผม"
มาโกะโตะอึ้ง ทำหน้าไม่ถูก
"คุณรู้เรื่องมาจากไหน"
"วงการธุรกิจไม่ได้กว้างอย่างที่คุณคิดหรอกนะ เอาเป็นว่าผมต้องขอบคุณมากที่อุตส่าห์ยื่นข้อเสนอให้ผม แต่บังเอิญผมไม่ได้โง่"
โชจิลุกจากโซฟากำลังจะเดินออกไป พบยูกิยืนยิ้มเย็นอยูที่ประตู
"เธอเป็นใคร"
"ชั้นเป็นเจ้านายของมาโกะโตะ"
"นี่ ! เธอ มันจะมากเกินไปแล้วนะ" ริเอะว่า
มาโกะโตะห้าม เข้าไปใกล้ริเอะ พูดเสียงแข็ง
"ริเอะ ! อยู่เฉยๆ"
"พ่อ" ริเอะกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องเลย
โชจิมองยูกิด้วยสายตาเจ้าชู้
"มาโกะโตะมีเจ้านายทั้งสาวทั้งสวยขนาดนี้เลยเหรอ...ไม่น่าเชื่อ"
"ชั้นมีอะไรอีกหลายอย่างที่คุณต้องไม่เชื่อ" ยูกิว่า
ยูกิก้าวเข้าไปใกล้ลูกค้า ดวงตาโตจ้องถมึงเข้าไปในดวงตาของลูกค้า จู่ๆ ดวงตาโตก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าวาบขึ้นมาแว่บนึง โดยที่ไม่มีใครมองเห็น นอกจากโชจิคนที่ยูกิตั้งใจให้เห็น
ร่างของโชจิกระตุก ตาค้างนิ่งแข็ง ยูกิพูดใส่ด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
"ยอมทำตามที่มาโกะโตะต้องการ"
ยูกิถอยออกมาจากลูกค้า แล้วยิ้มเย็นเป็นปกติ ลูกค้ากระพริบตาถี่ๆ มึนงงสักพักแล้วก็หันกลับไปหามาโกะโตะ
"มาโกะโตะ..ผมตกลงตามที่คุณเสนอมา"
มาโกะโตะอึ้งประหลาดใจมาก แล้วมองไปที่ยูกิที่กำลังยืนยิ้มนิดๆ เขาพอจะรู้ว่าสาเหตุยูกิถึงทำให้โชจิยอมได้ อย่างง่ายดาย
ยูกิยืนอยู่ที่สวน มาโกะโตะเดินเข้ามา อาการหวาดกลัวในตัวปีศาจตัวนี้ลดน้อยลง ยูกิยิ้มร้ายปากแดง
"คงจะพอใจสินะ สิ่งที่ชั้นตอบแทนให้แกไปเมื่อกี้นี้"
"ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่มีใครไม่พอใจ"
"งั้นถ้าแกช่วยชั้นตามหาเขาจนเจอ แกจะได้ทุกอย่างที่แกต้องการ มากกว่านี้อีกหลายเท่า"
มาโกะโตะกระตุกยิ้มนิดๆ เริ่มเห็นแสงของความรวยยิ่งใหญ่แล้ว
ตอนนั้นที่นอกหน้าต่างมีพลุจุดขึ้นหลายดอกท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด ยูกิกับมาโกะโตะหันไปมอง
"เริ่มจุดพลุกันแล้วเหรอใช่สิ...พรุ่งนี้ในเมืองมีการจัดงานทานาบาตะ"
"ทานาบาตะ" ยูกิพูดถึงด้วยดวงตาเกลียดชังระคนเจ็บปวดรวดร้าว "วันแห่งความสุขสมหวังของเทพเจ้า หึ...งั้นถ้าเขายังอยู่ที่เมืองสึกิ เขาก็อาจจะออกมาส่งคำอธิษฐานไปถึงมัน"
"เธอหมายถึงใคร"
"แกไม่จำเป็นต้องรู้ ! แค่พาชั้นไปงานก็พอ"
ยูกิยิ้มร้าย
คฤหาสน์มิยาคาวะ วันใหม่ รินดารานั่งพับเพียบอยู่ที่หน้ากระจก เธอสวมยูกาตะที่เป็นชุดนอน เธอค่อยๆปลดชายชุดยูกาตะตรงบริเวณไหล่ ให้เปลือยเปล่า แล้วเอี้ยวตัวไปมองปานรูปดาวที่ด้านหลัง...ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ เกิดขึ้น
"แปลก..ทำไมไม่เจ็บเลย หรือที่ผ่านมาเราจะคิดไปเองจริงๆ ช่างเถอะ แค่ไม่เจ็บอะไรก็ดีทั้งนั้น"
รินดารายิ้มมีความสุข เสียงนานะดังขึ้นที่หน้าประตู
"คุณรินดาราคะ"
"เชิญค่ะ"
นานะเลื่อนประตูเปิดเข้ามา
"คุณย่ามิกิเชิญไปพบค่ะ"
รินดาราแปลกใจ
กลกิโมโน ตอนที่ 4 (ต่อ)
นานะเดินนำรินดาราเข้ามาในห้องเก็บกิโมโน
มิกินั่งกับพื้นบนเสื่อกำลังเลือกผ้าฝ้ายสีสันสดใสออกจากกล่องแล้วนำมา วางเรียงกันบนพื้น
รินดาราก้าวเข้ามาย่อตัวนั่งลง มองผืนผ้าบนพื้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ
"ผ้ากิโมโนสีสวยมากค่ะ"
"ไม่ใช่ผ้ากิโมโนหรอกค่ะ ถ้าเป็นผ้าสำหรับใส่เป็นชุดกิโมโนต้องเป็นผ้าไหมจับแล้วลื่นมือแบบนี้ค่ะ" มิกิ หยิบผ้าอีกผืนให้รินดาราดู "แต่ผ้าพวกนี้ทอจากฝ้ายเหมาะสำหรับใส่เป็นชุดยูกาตะค่ะ เพราะผ้าฝ้ายระบายอากาศได้ดี ใส่แล้วไม่ร้อน"
รินดารายิ้มแห้ง
"ต้องขอโทษด้วยค่ะ ชั้นไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ ว่าแต่คุณมิกิให้นานะเรียกชั้นมาทำไมหรือคะ"
"ชั้นอยากให้คุณเลือกชุดยูกาตะใส่ไปงานทานาบาตะคืนนี้ค่ะ"
รินดาราเกรงใจมาก
"อุ้ย ! ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นใส่ชุดของชั้นเหมือนเดิมดีกว่า ถ้าชั้นใส่ยูกาตะ อาจจะดูแลหนูอายูมิไม่สะดวก"
"พวกเราไม่ใจร้ายให้คุณทำงานในคืนวันทานาบาตะหรอกค่ะ เลือกเถอะนะคะ ถือซะว่า เป็นของขวัญวันเกิดจากชั้น"
รินดาราหนักใจ นานะช่วยพูด
"เลือกเถอะค่ะคุณรินดารา เดี๋ยวคุณย่ามิกิจะเสียน้ำใจนะคะ"
รินดาราจำใจ
"ขอบคุณมากค่ะ"
รินดาราไล่สายตามองผืนผ้ายูกาตะแค่แปบเดียว แล้วก็หยิบผ้าสีชมพูลายดอกซากุระที่อยู่ใกล้มือที่สุด เป็นผืนที่ดูอลังการน้อยที่สุด
"ผืนนี้ก็ได้ค่ะ"
มิกิยิ้มรับแล้วหันไปพยักหน้ากับนานะ
ย่ามิกิกับนานะช่วยกันใส่ชุดยูกาตะให้รินดารา รินดารายืนนิ่งๆ มองตัวเองจากเงาสะท้อนของกระจกด้วยความตื่นเต้นที่เกิดมาไม่เคยใส่ชุดยูกาตะจากผืนผ้า ราคาแพง
อายูมิ อาคิระ ไอ เคโกะ นานะเตรียมตัวไปเที่ยวงานทานาบาตะ อายูมิใส่ชุดยูกาตะ แต่อาคิระพยายามจะใส่เสื้อคลุมให้อายูมิอีกชั้น
"ใส่เสื้อคลุมไปอีกชั้นนะอายูมิ เดี๋ยวเจอลมเจอน้ำค้างแล้วจะไม่สบาย"
อายูมิสีหน้าอิดออดไม่อยากใส่ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากไอ ไอเข้าไปห้ามอาคิระ
"อาคิระ..ใส่หลายๆตัว ออกไปเดินเที่ยวงานเดี๋ยวหลานร้อนก็หมดสนุกกันพอดี"
อาคิระสั่งเด็ดขาด
"ถ้าอายูมิไม่ใส่ก็ไม่ต้องไป"
อายูมิกับไอหน้าบึ้ง เสียงโฮชิดังขึ้น
"ทำตามที่คุณอาบอกเถอะอายูมิ"
ทุกคนหันไปมอง เห็นโฮชิยืนอยู่ที่ประตู ทุกคนต่างถอยออกและก้มหน้าให้นิดๆ เป็นการแสดง ความเคารพเกรงใจ โฮชิก้าวเข้ามารับเสื้อจากอาคิระมาใส่ให้อายูมิ แต่อายูมิยังหน้าบึ้ง ไม่อยากใส่ โฮชิกระซิบ
"ใส่ไปก่อน เดี๋ยวค่อยแอบถอด"
อายูมิแอบยิ้มหัวเราะคิกกับโฮชิ แล้วยอมให้โฮชิใส่เสื้อให้แต่โดยดี อาคิระมองอย่างไม่ค่อยชอบ รู้สึกว่าตัวเองถูกแย่งความสำคัญไปจากหลานรัก
"นานะไปตามคุณรินดาราให้ทีสิ"
อายูมิร้องขึ้น
"พี่รินดาราลงมาแล้วค่ะ"
อาคิระ โฮชิ และทุกคนหันไปที่ทางเดิน รินดาราค่อยๆเดินเข้ามา
รินดาราเดินตามมิกิ เธออยู่ในชุดยูกาตะสีชมพูซากุระ รวบผมขึ้น โชว์ใบหน้าสวยหวาน ทุกคนตกตะลึง แม้กระทั่งเคโกะที่ไม่ชอบรินดาราก็ยังไม่อาจละสายตาไปได้
อายูมิเข็นรถเข้าไปหารินดาราแล้วยื่นการ์ดวันเกิดอยู่บนตักให้
"สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่รินดารา"
รินดารารับการ์ดมาเปิดดู เห็นเป็นรูปตัวการ์ตูนเจ้าหญิงน่ารักๆ และลายมือภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า สุขสันต์วันเกิด
"น่ารักจังเลยจ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะอายูมิจัง"
รินดารากับอายูมิยิ้มให้กันมีความสุข ก่อนที่อาคิระจะเตือนทุกคนว่าถึงเวลา
"ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว ผมว่าเราไปกันเถอะครับ"
ทุกคนเริ่มทยอยเดินออกไป เหลือไอยืนส่ง อาคิระหันมาถามอีกครั้ง
"แน่ใจเหรอไอว่าจะไม่ไปด้วยกัน"
"ไม่ล่ะ รู้สึกไม่ค่อยสบาย..เที่ยวกันให้สนุกเถอะ"
อาคิระพยักหน้าแล้วเดินออกไป ไอมีร่องรอยความเศร้าปรากฎอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน
ไอเดินมาหยุดยืนบนสะพาน ณ บริเวณ Imari Village in Saga เมื่อมองลงไปข้างล่าง เห็นว่าบรรยากาศทั้งเงียบและมืด มีสุสานอยู่เบื้องหน้า ดูวังเวงน่ากลัว
แต่ด้วยความห่วงฮิเดโนริ ไอจึงตัดสินใจเดินลงบันได ใช้มือพยุงกำแพงหินข้างบันไดค่อยๆ เดินลงไปข้างล่าง แล้วเข้าไปใต้สะพาน เจอฮิเดโนรินั่งอยู่ในมุมมืดจริงๆ
"ฮิเดะ คุณอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย"
ฮิเดโนริหันขวับไปมอง สีหน้าไม่พอใจ
"คุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่"
"คุณเคยบอกชั้นว่าเวลาคุณทะเลาะกับปู่ของคุณ คุณจะชอบมานั่งคนเดียวที่นี่ คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือคะฮิเดะ"
ไอก้าวเข้าไปใกล้ฮิเดโนริ
"อย่าเข้ามา !" ไอชะงักหยุด ฮิเดโนริเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่อยากให้ใครเห็นหน้า "ไปให้พ้น ผมยังไม่อยากเจอใคร ผมอยากอยู่คนเดียว"
"ทำไมคุณพูดเหมือนชั้นเป็นคนอื่น ชั้นรักคุณนะคะฮิเดะ ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร จะเกิด อะไรขึ้นกับคุณ ชั้นพร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณ"
"เชื่อผมเถอะ คุณไม่อยากอยู่เคียงข้างผมหรอก"
ไอแปลกใจก้าวเข้าไปจับแขนฮิเดะ
คุณมีปัญหากันแน่คะ ออกมาคุยกันดีๆ เถอะค่ะ ชั้นเป็นห่วงคุณ"
"บอกว่าอย่ามายุ่งกับผม"
ฮิเดโนริสะบัดมือไอออกจากแขน แรงสะบัดจากลูกครึ่งจิ้งจอก ทำให้ไอกระเด็นไปไกล เธอล้มลงกับพื้น
"โอ๊ย ! " ไอหันกลับไป แต่ฮิเดโนริหายไปอย่างไร้ร่องรอย " ฮิเดะ "
ไอลุกขึ้นมองหาไปรอบๆ
"ฮิเดะ! ฮิเดะ ! ... หายไปไหนเร็วจัง คุณเป็นอะไรของคุณนะ ฮิเดะ"
ณ ศาลเทพเจ้านกกระเรียน ซึ่งเป็นที่จัดเป็นงานทานาบาตะ ในเวลากลางคืน บรรยากาศรอบศาลถูกตกแต่งด้วยกระดาษสีและโคมไฟหลากสีสัน ดูสดใสตระการตา มีกระดาษ "ทังซะขุ" ซึ่งเป็นกระดาษสีทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้สีฟ้า ชมพู แดง เหลือง เขียว ตรงกลาง เขียนคำอธิษฐานห้อยอยู่บนกิ่งไผ่ - สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของงาน
ผู้คนที่มาร่วมงานแต่งตัวด้วยชุดยูกาตะมากราบไหว้ศาลและเขียนทังซะขุห้อยติดกับกิ่งไผ่ที่เรียงรายอยู่หน้าศาล บ้างก็ยืนจับกลุ่มเล่นดอกไม้ไฟกันอยู่
โฮชิ รินดารา อาคิระ อายูมิ มิกิเดินเข้ามา อาคิระเข็นรถให้อายูมินำหน้า ส่วนรินดารากับโฮชิรั้งท้าย
"ปานที่หลังเป็นยังไงบ้างฮิคาริ"
"ไม่เจ็บเลยค่ะ แปลกมาก บางทีอาการของชั้นอาจจะเกิดจากการที่ชั้นคิดไปเองเหมือนที่หมอเคยบอกจริงๆก็ได้"
"หรือไม่เทพธิดาดาวเดือนเจ็ดอาจจะมอบสิ่งนี้ให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด"
"ถ้างั้นชั้นขอให้อาการของชั้นหายตลอดไปเลยนะคะ"
โฮชิยิ้มรับแล้วยื่นกระดาษสีทังซะขุกับปากกาเมจิกให้รินดารา
"เขียนคำอธิษฐานขอกับดวงดาวสิ"
รินดารายิ้มและรับกระดาษมา แล้วเธอก็เดินไปนั่งลงที่ม้านั่งเพื่อเขียนคำอธิษฐาน
อาคิระหันกลับไปมองท่าทางสนิทสนมของรินดารากับโฮชิอยู่ตลอดเวลา สักพักอายูมิกระตุกมือของอาคิระ
"คุณอาขา คุณอา"
ทุกคนหันมามองอายูมิ อายูมิหยิบกระดาษทังซะขุที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของตัวเองออกมา
"อายูมิเขียนคำอธิษฐานมาจากบ้านแล้ว คุณอาเอากระดาษไปห้อยที่กิ่งไผ่ให้อายูมิ หน่อยสิคะ"
"จ้ะ..อายูมิเขียนว่าอะไรเอ่ย"
"อายูมิเขียนว่าขอให้คุณพ่อคุณแม่อยู่บนสวรรค์ด้วยกันอย่างมีความสุขค่ะ"
โฮชิกับรินดารามองอายูมิด้วยแววตาเอ็นดูและสงสาร มิกิสงสารหลาน น้ำตาจะไหลจนต้องเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อปกปิดน้ำตา อาคิระย่อตัวลงลูบหัวหลานสาว
"อายูมิเป็นเด็กดี เทพเจ้าบนสวรรค์ต้องทำตามที่อายูมิขอแน่นอนจ้ะ งั้นเดี๋ยวอาผูกให้สูงๆ เลยดีกว่า คำอธิษฐานของอายูมิจะได้อยู่ใกล้เทพเจ้ามากที่สุด"
อายูมิยิ้มร่าเริง คนอื่นๆ ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
รินดารามองก้มมองกระดาษทังซะขุในมือตัวเอง...คิดจะเปลี่ยนคำอธิษฐานที่กำลงเขียน
รินดารากำลังเอากระดาษทังซะขุผูกกับกิ่งไผ่ในซอกหลืบลึกๆ อาคิระที่ยืนผูกอยู่ใกล้ๆ หันมาเห็นก็ มองอย่างจับผิด พอรินดาราผูกเสร็จก็เดินออกไป อาคิระเข้าไปแอบดูว่ารินดาราเขียนคำอธิษฐานว่าอะไร
ข้อความภาษาญี่ปุ่นเขียนคำอธิษฐานอยู่กลางกระดาษ - "ขอให้หนูอายูมิหายป่วย แล้วกลับมาเดินได้อีกครั้ง"
อาคิระ รู้สึกดีกับรินดารา
ทุกคนเดินเล่นอยู่ในงานด้วยกัน สองข้างทางมีการออกร้านรวงต่างๆ ทั้งร้านช้อนปลาทอง ร้านขายทาโกะยากิ ร้านขายไฟเย็น
แป้งร่ำกับเกียวในชุดยูกาตะสีหวานเดินผ่านมา โดยเฉพาะเกียวที่แต่งตัว แต่งหน้า ทำผมสไตล์สาวญี่ปุ่นแท้ๆ เกียวหันมาเห็นแป้งร่ำ
"อุ๊ต๊ะ ! นั่นคุณน้องรินดาราใช่มั้ยคะ แต่งตัวแบบนี้แล้วสวยจนจำไม่ได้เลยค่ะ"
"แต่ชั้นว่าชั้นสวยน้อยกว่าคุณเกียวนะคะ"
"ต้าย...พูดจาน่าคบหา" เกียวมองไปที่ท่านชายโฮชิและอาคิระแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม "แล้วนี่มากับใครเอ่ย หล่อๆ ทั้งนั้น"
โฮชิอมยิ้มไม่ได้ถือสาอะไร แต่อาคิระเก๊กหน้าขรึมไว้ฟอร์ม
"นี่คุณอาคิระ ส่วนนี่ก็คุณโฮชิ จากตระกูลมิยาคาวะ"
เกียวรู้สึกสะดุดตาท่านชาย ส่วนแป้งร่ำชอบอาคิระมาตั้งแต่เจอวันแรก สองคนเลยพยายามส่งสายตาปิ๊งๆใส่
เกียวสาระแนเสนอหน้าเข้าไปแนะนำตัวกับโฮชิ
"ดิชั้นชื่อเกียวค่ะ เราสองคนเป็นคนไทย เปิดร้านนวดแผนโบราณอยู่ตรงโน้น ถ้าปวดเคล็ดขัดยอก เชิญได้ที่ร้านนะคะ"
แป้งร่ำหมั่นไส้แอบจิกเกียวออกมาแล้วเข้าไปคุยกับอาคิระ
" ชั้นแป้งร่ำค่ะ ชั้นเป็นเจ้าของร้าน ส่วนนังเกียว..เป็นลูกมือค่ะ"
แป้งร่ำดันเกียวออกไปห่างๆ แล้วหันไปชวนรินดารา
"คุณน้องคะ..เจอคุณน้องแบบนี้ก็พอดีเลย ไปเที่ยวที่ร้านมั้ยคะ พี่ชวนคนไทยจากเมืองอื่นมาจัดปาร์ตี้เล็กๆกัน"
"ใช่ค่ะ..ปาร์ตี้จัดเต็ม ส้มตำปลาร้าแกล้มข้าวหมักด้วย ลาบทอดก็มีค่ะ พูดแล้วน้ำลายสอใช่มั้ยคะ ไปค่ะ...แวะไปกินด้วยกัน"
รินดาราอยากไป แต่ต้องปฎิเสธ
"เอ่อ..เอาไว้วันหลังดีกว่าค่ะ ตอนนี้ชั้นไม่สะดวก"
โฮชิคิดอะไรขึ้นมาได้
"ไปเถอะฮิคาริ" ทุกคนไม่คิดว่าเขาจะพูดสิ่งนี้ออกมา "นานๆทีเธอจะได้พบคนเชื้อชาติเดียวกัน ไปสนุกกับพวกเขาเถอะ"
มิกิมองโฮชิอย่างเข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไร
"แต่ว่า..."
"ไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจพวกเรา วันนี้วันเกิดเธอ เธอควรจะได้สนุกกับเพื่อนๆ อาคิระ..ไปเป็นเพื่อนคุณรินดาราด้วยนะ" มิกิบอก
อาคิระชะงัก
"ผมต้องดูแลอายูมินะครับคุณย่า"
"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวย่ากับท่านชายจะดูแลอายูมิเอง อาคิระพาคุณรินดาราไปเถอะ"
"แต่ผมคิดว่าคุณรินดาราน่าจะอยากให้ท่านชายพาไปมากกว่า"
"อาคิระพาไปน่ะดีแล้ว เดี๋ยวชั้น มิกิ อายูมิจะเดินเล่นกันอยู่แถวนี้ ไปดูพลุกันมั้ยอายูมิ"
"ไปค่ะ อายูมิอยากดูพลุ"
แป้งร่ำบอก
"งั้นเดี๋ยวคุณน้องไปเจอกันที่ร้านนะคะ พี่กับเกียวฝากร้านเนื้อย่างตรงโน้นให้เตรียมคอหมูย่างเอาไว้ เดี๋ยวไปเอามาก่อน"
แป้งร่ำกับเกียวแยกกันออกมา แล้วซุบซิบๆกัน
"คุณโฮชิน่ารักจังเลย หล่อ เท่ห์ ดูอบอุ่นแบบนี้แหละผู้หญิงชอบ เดี๋ยวชั้นเชียร์ให้คุณน้องจีบดีกว่า น้องเขาจะได้มาตั้งรกรากที่นี่อยู่เป็นเพื่อนเราซะเลย" เกียวบอก
"แต่ชั้นเชียร์คุณอาคิระ หล่อ ขรึม น่าค้นหา อีแป้งช๊อบชอบ"
"แหม...นังนี่ มีผัวอยู่แล้วยังอยากซุกกิ๊กอีก ไม่กลัวผัวตื้บเหรอยะ"
"เขาเรียกอาหารตาย่ะ"
อายูมินั่งบนรถเข็นกำลังเลือกซื้อของเล่น โฮชิกับมิกิยืนอยู่ใกล้ๆ
"ไม่รู้ว่าแผนของเราจะได้ผลหรือเปล่า ดิชั้นกลัวว่าเราให้อาคิระกับคุณรินดาราอยู่ใกล้กัน แล้วแทนที่อาคิระจะรู้จักคุณรินดารามากขึ้น แต่อาคิระจะทำให้รินดาราเกลียดขี้หน้าเข้าไปอีก" มิกิบอก
"ไม่ขนาดนั้นหรอกมิกิ อาคิระกับฮิคาริเป็นคนดีน่ารักด้วยกันทั้งคู่ ชั้นเชื่อว่าเขาจะต้องเห็นมุมดีๆของกันและกัน"
"ถ้าท่านชายไม่ห่วงดิชั้นก็จะได้เบาใจ ว่าแต่วันนี้ดิชั้นไม่เห็นรินดารามีอาการเจ็บปวดที่ปานตรงหลังเธอเลย เป็นเพราะอะไรเหรอคะ"
"เพราะเมียวโจโอจินต้องการสร้างคำถามให้ฮิคาริหาคำตอบเหมือนอย่างที่มิกิสงสัย"
"คำตอบนั้นก็คือท่านชาย"
"ใช่..ฮิคาริได้มาพบชั้น นั่นคือคำตอบว่าทำไมปานที่หลังเธอถึงไม่เจ็บเหมือนอย่างที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับว่าฮิคาริจะหาคำตอบเจอได้อย่างไร"
อาคิระกับรินดาราเดินเข้ามาด้วยกัน เธอมองบรรยากาศงานไปตามจุดต่างๆอย่างตื่นเต้น อาคิระเดินตามหน้านิ่งๆ มองอาการตื่นเต้นดีใจของรินดาราเป็นเรื่องไร้สาระ
ในมุมเก๋ๆ รินดาราส่งมือถือให้อาคิระ
"ถ่ายรูปให้ชั้นหน่อยสิ"
อาคิระรับมือถือไป รินดาราวิ่งไปโผล่ตั้งท่า..เหมือนว่าจะโพสต์ท่าสวยเก๋ แต่นางกลับโพสต์ท่าโก๊ะๆ ฮาๆ แบบที่ ไม่อายสายตาใคร คนที่อายคืออาคิระ
"นี่คุณ..ไม่อายคนอื่นหรือไง"
รินดาราโพสท่า
"อายสิ คุณก็รีบๆถ่ายสิ..เร็ว !"
อาคิระถ่ายไปหลายแอกชั่น พอเสร็จรินดาราวิ่งเข้าไปดูมือถือที่อาคิระ
"ไหนดูสิ สวยหรือยัง ชั้นจะได้ส่งไปให้น้องๆ ที่บ้านดู"
ระหว่างที่รินดารายืนดูมือถืออยู่ตรงหน้าอาคิระ ก็มีกลุ่มคนที่มาเที่ยวงานเดินกระแทกหลังรินดาราอย่างแรง จนกระเด้งไปข้างหน้า
"ว้าย"
รินดาราอ้าแขนสองข้าง แล้วพุ่งเข้าไปกอดอาคิระเต็มๆ ขณะที่อาคิระยืนตัวแข็งทื่อ มองหน้ารินดารา ด้วยแววตาอ่อนโยนขึ้นมาแว่บนึง ก่อนจะเปลี่ยนแววตาเป็นกวนๆ
"จะกอดผมอีกนานมั้ย หรือว่าหลงเสน่ห์ผมเข้าแล้ว"
รินดารารีบปล่อยกอดจากอาคิระทันที
"เอาอะไรคิดเนี่ย"
รินดาราจะเดินไป แต่รองเท้ายังพลิกคาอยู่ จึงเซจะล้ม
"ว้าย"
อาคิระตกใจ อ้าแขนจะรับร่าง แต่รินดาราทรงตัวอยู่แล้วหันมาชี้ห้ามอาคิระ
"หยุดเดี๋ยวนี้ ! ชั้นไม่เป็นอะไร" อาคิระชะงักหยุดในท่าอ้าแขนรินดาราเห็นก็ขำและแซว "นั่นแน่ๆ คิดจะแตะอั๋งชั้นเลยนะ" เธอกวนคืน "หลงเสน่ห์ชั้นเข้าแล้วล่ะซี"
"ผมไม่นิยมของแปลก"
อาคิระเดินออกไป รินดาราอยากจะกรี๊ด
"คุณ ! ชั้นแปลกตรงไหน คุณ ! เห็นหน้านิ่งๆ ปากจัดใช้ได้เลย"
รินดาราจิกหน้ามองตามหมั่นไส้
รินดารายืนเรียกหน้าร้าน อาคิระยืนอยู่ด้วย หน้าร้านนวดตกแต่งด้วยโคมไฟและกระดาษสีสดใสกว่าทุกวัน
"คุณเกียว คุณแป้งคะ ชั้นมาแล้ว" แต่ไม่มีเสียงตอบ "สงสัยยังไม่กลับจากไปเอาของ"
"จะเอายังไงต่อ จะคอยหรือจะกลับ" อาคิระถาม
"คอยสิ เดี๋ยวพวกเขาก็กลับมา"
ระหว่างนั้นรินดารารู้สึกว่าอากาศเย็นขึ้นมาอย่างแปลกๆ
"เป็นอะไรไป"
"คุณไม่รู้สึกเหรอ..อยู่ๆอากาศมันก็เย็นขึ้นมาเฉยเลย"
อาคิระนิ่งไปรู้สึกเหมือนกันจนน่าแปลกใจ
ทางเดินในงานทานาบาตะ เมืองสึกิ ยูกิในชุดกิโมโนสีขาว ปากแดงผมยาวดำขลับเดินเข้ามา มาโกโตะและริเอะตามหลัง กับลูกน้องอีก 2 คน มาโกโตะคอยเดินอำนวยความสะดวกให้ยูกิ จนริเอะหงุดหงิด
"งานแบบนี้ริเอะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่..ไว้ไปเจอกันที่บ้านนะคะ"
ริเอะไม่รอคำตอบเดินออกไปเลย มาโกะโตะไม่สบายใจ แล้วหันไปหายูกิ
"อย่าถือสาริเอะเลยนะ หาเรื่องจะไปตามหาอาคิระมากกว่ามาเดินกับเรา"
แต่ยูกิไม่สนใจยืนหันหน้าเข้าไปในงาน หลับตาเพ่งสมาธิ หัวคิ้วขมวดมุ่น ยกมือห้ามมาโกะโตะ
"ชู่ว์"
มาโกะโตะหยุดพูด แล้วมองท่าทางของยูกิอย่างแปลกใจ ยูกิหลับตา ใบหน้าเครียดตึง สักพักก็เงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งราบเรียบ
"ชั้นรู้สึกได้ว่าเขาอยู่ที่นี่"
ดวงตาของยูกิสะท้อนความดีใจระคนแค้น
ฝ่ายโฮชิเดินเล่นอยู่กับอายูมิและมิกิ จู่ๆอายูมิก็รู้สึกหนาวจับใจ
"อายูมิหนาวจังเลยค่ะคุณย่า"
"เอาเสื้อคลุมใส่อีกตัวแล้วกันนะ"
มิกิย่อตัวใส่เสื้อหนาวให้อายูมิอีกตัว แล้วหันไปพูดแปลกใจกับโฮชิ
"แปลกจังเลยนะคะท่านชาย นี่มันเดือนเจ็ด แต่ทำไมอากาศถึงได้เย็นจนหนาวขึ้นมาได้"
ระหว่างนั้นโฮชิมองไปรอบๆ เห็นผู้คนในงานต่างกอดตัวเองหลวมๆ ถูมือเป่ามือให้คลายความหนาว
โฮชินิ่วหน้าแปลกใจ แล้วเหลือบขึ้นไปบนกระดาษทังซะขุสีชมพูเขียนข้อความธรรมดาทั่วไปว่า "ขอให้เจอเนื้อคู่"
แต่แล้วตัวหนังสือบนกระดาษก็เคลื่อนไหวกลายเป็นข้อความเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "มาหาชั้น" พร้อมกับเสียง เมียวโจโอจินดังขึ้น
"มาหาชั้นสิโฮชิ"
จู่ๆ กระดาษแผ่นนั้นก็ติดไฟลุกพรึ่บ!
โฮชิสะดุ้ง มองตาค้าง มั่นใจว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับรินดารา มิกิหันไปมองที่กระดาษแผ่นที่โฮชิมองเมื่อสักครู่ แต่กระดาษห้อยเป็นปกติ ไม่มีไฟ มิกิมองตามโฮชิแปลกใจ
"เกิดอะไรขึ้นคะท่านชาย"
"รีบตามหาฮิคาริให้เจอ"
มิกิทั้งตกใจและแปลกใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
โฮชิเข็นอายูมิ มิกิเดินตาม ทั้งหมดรีบเดินอยู่ท่ามกลางหมู่มวลเหล่านักท่องเที่ยว ช่วยกันตามหารินดาราด้วยความรู้สึกห่วงใยจับใจ
โฮชิเดินตามหารินดารา เข้าไปถามแม่ค้าแถวนั้น
"รู้มั้ยครับว่าร้านนวดที่เจ้าของชื่อแป้งร่ำอยู่ตรงไหน"
แม่ค้าที่ตัวสั่นเทาด้วยความหนาวปุบปับชี้ไปด้านหนึ่ง
ยูกิเดินนำหน้ามาโกะโตะเล็กน้อย ยูกิเดินนิ่งๆ มองตรงไปข้างหน้า สอดส่ายสายตามองหา
มาโกโตะสงสัย
"คนที่เธออยากให้ช่วยตามหาหน้าตาเป็นยังไง ชั้นจะได้ให้ลูกน้องช่วยตามให้"
"เขาไม่ใช่คนธรรมดา พวกแกมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาหรอก"
"ไม่ใช่คนธรรมดา...หรือว่าเป็นปีศาจเหมือนอย่างเธอ"
ยูกิหันขวับมาที่มาโกโตะด้วยแววตาน่ากลัว
"เขาสูงส่งกว่าที่แกจะคาดคิด... แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่มนุษย์คนนึง และความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของชั้น จะช่วยให้ได้ร่องรอยของเขา"
ยูกิบอกมาโกโตะแล้วหันไปกวาดสายตามองผู้คนที่เดินอยู่ตรงบริเวณนั้น
โฮชิเดินเร็วๆ เข้ามาบริเวณที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว โฮชิหยุดยืนแล้วมองไปรอบๆ ไม่รู้จะไปทางไหนดี แล้วโฮชิก็แหงนหน้ามองบนท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ
"บอกชั้นทีเมียวโจ...ฮิคาริอยู่ที่ไหน"
ระหว่างนั้นดาวตกบนท้องฟ้าพุ่งผ่านไปทางที่รินดารากับอาคิระอยู่
ยูกิที่เดินเข้ามาอีกด้านของถนน แหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นดาวตกเช่นกัน
ยูกิจิกตา ยิ้มร้าย แล้วรีบเดินตรงไปข้างหน้า มาโกะโตะกับลูกน้องรีบตาม
โฮชิรู้ว่านั่นคือสัญญาณจากเมียวโจโอจิน เขาหันหลังจะเดินไปทางที่ดาวตก
จังหวะที่โฮชิหันหลัง เป็นจังหวะเดียวกับที่ยูกิเดินเข้ามา ทำให้ยูกิเห็นหน้าโฮชิเต็มๆ ยูกิอึ้ง แล้วลูกตาก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้า ทันใดนั้นทุกอย่างรอบตัวหยุดฟรีซเป็นภาพเหมือนเวลาหยุดลง ทุกคนใน บริเวณนิ่งค้าง อยู่กับที่ในกิริยาเดิม ยกเว้นมีเพียงโฮชิที่ยังเดิน
ดวงตายูกิกลับมาสีดำ รอบกายเลื่อนไหวตามปกติ ยูกิมั่นใจแล้วว่าเป็นเขา
"เขาอยู่นั่น"
ทุกคนกลับมาเคลื่อนไหวเหมือนเดิม มาโกะโตะมองตามยูกิ เห็นโฮชิกำลังเดินไปด้านหนึ่ง แล้วมิกิก็เข็นอายูมิตามมาถึงโฮชิ มิกิพูดคุยอะไร บางอย่างกับโฮชิด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
"คุณมิกิ"
ยูกิเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเร็วจนเกือบจะลอย มือของยูกิยื่นไปข้างหน้า...ยูกิได้เจอกับโฮชิแน่นอน !
แต่จู่ๆ ยูกิก็หมดแรงแทบจะทรงตัวไม่อยู่ จากที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเร็วมาก กลายเป็นล้มกลิ้งไปกับพื้น ผู้คน แถวนั้นหวีดร้อง มาโกะโตะตกใจปราดเข้าไปประคองร่างยูกิขึ้น ยูกิหายใจหอบเหนื่อย ปากแดงกลายเป็นซีด
"เธอเป็นอะไร"
"ชั้นใช้พลังมากเกินไป" ยูกิมองไป ไม่มีโฮชิแล้ว "ชั้นเสียเขาไปอีกแล้ว"
"ชั้นจะให้ลูกน้องไปลากตัวมาให้เอง"
"อย่า ! เขาสูงส่งเกินกว่าที่คนเลวๆ อย่างพวกแกจะแตะต้องเขา"
"ไหนบอกจะให้ชั้นช่วย แล้วจะให้ทำยังไง"
"ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ชั้นแน่ใจว่าเขายังอยู่ในเมืองสึกิจริงๆ ก็พอ"
ยูกิหน้าตาอาฆาตมาดร้ายมาก
จบตอนที่ 4