กลกิโมโน ตอนที่ 7
รินดาราเดินถือสมุดตามโฮชิเข้ามาที่ศาลเทพเจ้านกกระเรียน
รินดารากางสมุดที่โฮชิเขียนเป็นภาษาไทยให้ดู แล้วแกล้งถาม
"ท่านชาย ท่านชายคะ ท่านชายเขียนแบบนี้หมายความว่า ถ้าชั้นเชื่อว่า ท่านชายมีอายุอยู่มาสี่ร้อยปีอย่างที่ท่านชายพูด มันก็อาจจะเป็นแบบที่ชั้นเชื่อได้หรือคะ"
"อยู่ที่ว่าเธอเชื่อจริงหรือแค่แกล้งถามชั้น"
"ชั้นก็อยากจะเชื่อจริงๆ ค่ะ แต่ชั้นคิดไม่ออกว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง"
โฮชิยิ้มมุมปากทีเล่นทีจริงแทนคำตอบ
มือถือของรินดาราดังขึ้น รินดาราดูหน้าจอเห็นว่าที่บ้านโทร.มา จึงหันไปมองท่านชาย
"ขอตัวสักครู่นะคะ" รินดาราเดินห่างออกมาหน่อยพร้อมกับรับสาย "ฮัลโหล" เมื่อฟังน้องสาวแล้วตกใจ "ว่าไงนะนภา พ่อไม่สบาย"
เรืองนภาคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งของบ้าน คอยมองไปรอบๆ ราวกับกลัวใครจะได้ยิน
"จ้ะพี่ แต่พ่อไม่ยอมให้ใครโทร.บอกพี่ดารา พ่อเป็นห่วงกลัวพี่จะไม่สบายใจ"
"แล้วอาการพ่อเป็นยังไงบ้าง"
"ความดันขึ้นน่ะพี่ เป็นลมหน้ามืดตลอด ตั้งแต่พ่อรู้ว่าพี่ถูกมหาวิทยาลัยหยุดให้ทุน พ่อก็ไปรับจ้างทำงานเพิ่มทุกวัน พ่อบอกว่าอยากช่วยหาเงินค่าเทอมให้พี่ ใครห้ามก็ไม่ฟัง"
"พ่อไปหาหมอหรือยัง"
"พ่อไม่ยอมไป บอกว่าเสียดายเงิน แล้วที่หนูโทร.าบอกพี่ดารา เผื่อว่าพี่จะโทร.มาห้ามพ่อไม่ให้ทำงาน แต่พี่ห้ามบอกพ่อนะว่าหนูแอบส่งข่าว ไม่งั้นพ่อโกรธหนูตายเลย"
"จ้ะๆ พี่รู้แล้ว ขอบใจมากนะนภา ฝากดูแลพ่อด้วยนะ"
รินดาราวางสาย หน้าเศร้ามาก โฮชิมองอย่างสงสาร คว้ามือรินดารามาแล้วดึงมากุมบีบให้กำลังใจ
"ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์มีน้ำตาเอาไว้ปลดปล่อยความรู้สึก ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมา ร้องกับชั้นให้เต็มที่ เธอจะได้กลับไปเป็นฮิคาริผู้สดใสเข้มแข็งคนเดิม"
รินดาราปล่อยโฮ
"ชั้นเป็นลูกที่ไม่ดี เป็นต้นเหตุทำให้พ่อไม่สบาย หรือว่าชั้นจะเลิกเรียน แล้วบินกลับเมืองไทยไปอยู่กับพ่อเลยดี พ่อจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจเรื่องการเรียนของชั้นอีก"
"แต่คุณพ่อของเธอก็จะโทษตัวเองว่าที่เธอเรียนไม่จบเป็นเพราะท่าน"
รินดารานิ่งไป
"แล้วชั้นจะทำยังไงดีคะท่านชาย"
"ทำให้ท่านเชื่อให้ได้สิว่าเธออยู่ที่นี่มีความสุขดี ค่าตอบแทนที่มิยาคาวะให้เธอ จะทำให้ เธอมีเงินค่าเทอมได้ไปจนจบ"
รินดารายิ้มรับ โฮชิจับบ่าสองข้างของรินดารา
"แล้วที่สำคัญ เธอเชื่อชั้นนะ คุณพ่อของเธอถึงท่านจะป่วย แต่ท่านไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ ท่านยังอยู่กับเธออีกนาน"
"ทำไมท่านชายแน่ใจคะ"
โฮชิทีเล่นทีจริ
"เพราะชั้นคือท่านชายโฮชิ ผู้มีอายุยืนยาวสี่ร้อยปี"
รินดาราคิดว่าโฮชิล้อเล่นจึงยิ้มหัวเราะออกมาได้ โฮชิมองรินดาราด้วยสายตาอบอุ่นจนรินดารารู้สึกดีมาก
"ขอบคุณนะคะท่านชาย ขอบคุณที่ปลอบใจชั้น ไม่ทำให้ชั้นรู้สึกโดดเดี่ยว ถ้าที่เมืองสึกิ ไม่มีท่านชาย ชั้นคงแย่ ชั้นขอตัวไปโทร.หาพ่อก่อนนะคะ"
รินดาราเดินออกไป โฮชิมองตามหลังรินดารา
"ถ้าชั้นไม่มีเธอ ชั้นก็แย่เหมือนกันฮิคาริ"
โฮชิยืนมองรินดาราอย่างสุขใจเหลือเกิน
ฮิเดโนริเดินมาตามทาง กำลังจะไปไหว้ศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกอย่างที่เคยทำเป็นประจำ อาคิระเดินตามเข้ามาอย่างโกรธจัด นึกถึงเรื่องที่รู้มาจากอายูมิ
อาคิระถามอายูมิ
"ทำไมอายูมิถึงไม่บอกอา อายูมิไม่ไว้ใจอาเหรอครับ"
อายูมิครุ่นคิดแล้วตัดสินใจ
"เขาเป็นเพื่อนของหนูค่ะคุณอา"
"เพื่อนเหรอ"
อายูมิพยักหน้ารับ อาคิระคิ้วขมวดสงสัยหน้านิ่วอยากรู้
"ค่ะ เขาอยู่ที่บ้านโคสึกะ เขาบอกว่าพวกโคสึกะอยากให้พี่รินดาราตาย"
อาคิระโกรธมากแล้วเดินพุ่งเข้าไปหาฮิเดโนริด้วยอาการโมโหสุดขีด ด้วยสัญชาตญาณของสุนัขจิ้งจอกทำให้ฮิเดโนริได้ยินเสียงเดินด้านหลังโดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร พร้อมๆ กับที่เสียงอาคิระเรียกชื่อเขาดังขึ้น
"ฮิเดะ"
อาคิระเงื้อหมัดจะชก ฮิเดโนริเบี่ยงตัวหลบทันแล้วคว้าแขนของอาคิระจับบิด
"อาคิระ แกคิดจะลอบกัดชั้นเหรอ"
แต่อาคิระก็พลิกตัวกลับมาแล้วกระชากคอเสื้อของฮิเดโนริเอาไว้ได้
"ต่อให้ต้องถล่มโคสึกะทั้งตระกูลชั้นก็จะทำ ถ้าแกยังคิดทำร้ายคุณรินดารา"
สองหนุ่มมองหน้ากันและยื้อหยุดฉุดกระชากกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ไอวิ่งตามเข้ามา วิ่งเข้าไปแยกสองหนุ่มออกจากกัน
"อาคิระ อาคิระอย่า !" ไอดึงตัวอาคิระถอยออกมา "ใจเย็นๆ ก่อนได้มั้ย ที่อายูมิพูดอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ อายูมิอาจจะเหงาก็เลยจินตนาการว่ามีเพื่อนจากโคสึกะมาเล่นด้วย"
"แต่อายูมิไม่เคยโกหก"
"แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นเด็กจากโคสึกะเข้ามาในบ้านเราเหมือนกัน"
ฮิเดโนริแปลกใจหันไปถามไอเพราะรู้ว่าเธอตอบแน่
"เด็กจากโคสึกะ"
"ใช่ค่ะ อายูมิบอกว่ามีเด็กจากโคสึกะไปเล่นด้วย และเด็กคนนั้นก็เตือนว่าคุณจะฆ่าคุณรินดารา"
ฮิเดโนรินิ่วหน้าครุ่นคิด มิน่าฮิโตชิถึงหายหัวไปบ่อยๆ
"คุณรินดาราไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลของชั้นกับแก อย่าเอาเธอเข้ามาเกี่ยวข้อง"
"ไม่อยากจะเชื่อว่าอาคิระผู้นำแห่งมิยาคาวะจะเชื่อคำพูดของเด็ก เด็กของชั้นอาจจะดูการ์ตูนอะไรมา แล้วเอามาเล่าให้หลานของแกฟังสนุกๆ นี่ถ้าเด็กพูดว่าอุตร้าแมนจะพังคฤหาสน์มิยาคาวะ แกก็คงจะต้องพาหลานพิการกับย่าแก่ๆ หนีออกไปด้วยสินะ"
"ไอ้ฮิเดะ"
อาคิระจะพุ่งเข้าไปชกฮิเดโนริ แต่ไอดึงตัวอาคิระห้ามเอาไว้
"อาคิระพอได้แล้ว !! ที่นี่ศาลเจ้านะ แล้วคนของเขาก็อยู่เต็มไปหมด กลับกันก่อนเถอะ เชื่อชั้นเถอะนะ..ไปเถอะอาคิระ"
ไอพยายามรั้งและดึงให้อาคิระออกไปกับเธอ จนอาคิระต้องยอม
"จำเอาไว้นะฮิเดะ ถ้าคุณรินดาราเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว ชั้นจะฆ่าแกด้วยมือชั้นเอง"
ไอลากอาคิระออกไป ฮิเดโนริยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาท แต่พอไอพาอาคิระห่างออกไปจนลับตา ฮิเดโนริก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นโมโหทันที
"ฮิโตชิ"
ในห้องนอนฮิเดโนริ ฮิโตชิร้องไห้โฮ
น้ำตาไหลเป็นสีดำ ตัวสะดุ้งไปตามเสียงแส้ฟาดของฮิเดโนริที่ลงแส้อาคมลงโทษเด็กน้อยจนสะใจ
"นี่เป็นโทษที่แกหนีออกไปเล่นกับพวกมิยาคาวะ" ฮิเดโนริหยิบตุ๊กตาฮินะรูปเด็กผู้ชายแบบที่สามารถถอดหัวได้ "แล้วนี่ก็เป็นโทษที่แกกล้าเอาเรื่องของชั้นไปเตือนพวกมัน"
ฮิโตชิปล่อยโฮก้มโค้งคำนับถี่ๆ
"ไม่เอา...ไม่เอา ฮิโตชิไม่อยากถูกขัง..ฮิโตชิขอโทษ...ฮิโตชิ ไม่ไปไหนแล้ว ไม่พูดแล้ว"
แต่ฮิเดโนริไม่สนใจคำร้องขอของเด็กชาย เขาเปิดท่อนหัวของตุ๊กตาฮินะแล้วจ้องไปที่ฮิโตชิ ดวงตาของเขา เปลี่ยนเป็นสีเขียว แล้วฮิโตชิก็กลายเป็นควันสีดำถูกดูดเข้าไปในตุ๊กตา เสียงฮิโตชิร้องไห้ยังดังต่อเนื่อง
เสียงฮิโตชิร้องดัง
"ฮิโตชิขอโทษ...ฮิโตชิขอโทษ"
ฮิเดโนริปิดฝา เสียงฮิโตชิเงียบหายไป ฮิเดโนริวางตุ๊กตาไว้บนชั้น สีหน้าของเขายังหงุดหงิดไม่หาย
ประตูเลื่อนเปิดออก ไดซุเกะกับอัตซุโอะเดินเข้ามา ไดซุเกะมีสีหน้าหงุดหงิดโมโห ฮิเดโนริหันไปหาปู่และโค้ง คำนับแสดงความเคารพ
"คุณปู่มีธุระอะไรกับผมหรือครับ"
จู่ๆ ไดซุเกะตบหน้าหลานชายอย่างแรง
"เมื่อวานแกอุตส่าห์ได้โอกาสอยู่กับนังผู้หญิงคนนั้นตามลำพัง แล้วทำไมไม่จัดการมันซะ แกจะรอให้มันมาทำลายตระกูลของเราหรือไง"
"ปู่ส่งคนสะกดรอยตามผมหรือครับ" ฮิเดโนริมองอัตซุโอะ
"ผมไม่ได้สะกดรอยตามคุณฮิเดะนะครับ แต่บังเอิญว่าผมผ่านไปเห็นคุณฮิเดะนั่งคุยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่สวน"
"งั้นแสดงว่าแกไม่เห็นตอนที่ชั้นเกือบจะถูกนังปีศาจฆ่าตายล่ะสิ ชั้นถึงยังไม่มีแรงจะลงมือฆ่าใคร"
ไดซุเกะถาม
"ปีศาจอะไรของแก"
"ผมไม่รู้ครับว่ามันเป็นใคร แต่สภาพของมันเหมือนผีตายซาก ตัวมันเย็นอย่างกับหิมะ"
"ตัวเย็นเป็นหิมะ"
"ผมใช้พลังปีศาจจิ้งจอกในตัวต่อสู้กับมัน ยังทำอะไรมันไม่ได้ ดวงตาสีฟ้าของมันมีพลังเหลือเกิน"
"แกว่ามันมีดวงตาสีอะไรนะ"
"สีฟ้าครับ"
ไดซุเกะใจไม่ดีจึงรีบหันหลังเดินออกไปจากห้องทันที ฮิเดโนริกับอัตซุโอะตามไป
ไดซุเกะเดินเร็วๆ เข้ามาหยุดยืนหน้าหิ้งตั้งตุ๊กตาฮินะ ฮิเดโนริตามเข้ามาด้วยแต่เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ไดซุเกะหลับตาขมุบขมิบท่องคาถาแล้วหยิบตุ๊กตาฮิะขึ้นมาดู แล้วพบว่ายันต์ที่ติดอยู่ใต้ฐานได้หายไปแล้ว
"มีอะไรหรือครับปู่"
"ยันต์ที่ควบคุมจิตวิญญาณของนางปีศาจหิมะหายไป แสดงว่านางปีศาจหิมะหลุดออกไปแล้ว"
ทุกคนอึ้งตกใจ !
ยูกิทรุดตัวหมอบลงกับพื้นอย่างผู้ที่หมดเรี่ยวแรง ร่างกายอ่อนแอสุดขีด ทำให้นิ้วและเล็บทั้งสิบนิ้วของ ยูกิเขียวเน่าช้ำเลือดช้ำหนอง
มาโกโตะย่อตัวลงดู จนต้องเบนหน้าไปทางอื่น สีหน้าสะอิดสะเอียนกับกลิ่นเหม็นเน่าราวซากศพจากตัวยูกิ แต่ก็ต้องกัดฟัน ทนกลิ่นเหม็น ไม่อยากให้ยูกิขุ่นเคือง
"เธอหายไปไหนมาทั้งคืน ชั้นเป็นห่วงเธอแทบแย่"
ยูกิเสียงแหบพร่า
"กว่าแกจะหาเหยื่อมาให้ชั้นได้ ชั้นคงนอนให้ร่างเน่าตายไปแล้ว"
"สภาพเธอตอนนี้ต้องการมากกว่าปกติ กว่าชั้นจะหาพวกที่กิเลสหนาๆหนักๆมาได้ ก็ต้องใช้เวลา เอาล่ะ..ชั้นขังเหยื่อที่เตรียมไว้ให้เธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รับรองว่าเธอจะอิ่มกับ ความเลวของมัน"
ยูกิยิ้มร้ายอย่างอ่อนแรง
ริเอะกำลังเดินขึ้นบันได เสียงผู้ชายร้องเอะอะดังออกมาจากด้านในทางห้องยูกิ
"ยะ...ยะ...อย่า"
ริเอะหันขวับมองไปทางเสียง แล้วเดินไปทางนั้นด้วยความอยากรู้
ภายในห้อง ผู้ชายยืนชิดติดกำแพง ไม่มีทางหนีแล้ว ยูกิยืนตรงหน้าผู้ชายแล้วยื่นมือมาบีบคอผู้ชายด้วยมือเดียว ผู้ชายใช้มือสองข้างจับแขนยูกิพยายามจะแกะแขนเธอออก แต่ทำไม่สำเร็จ
"ปล่อยกู ! ปล่อย...ปล่อย"
ยูกิมองลึกเข้าไปในดวงตาของผู้ชาย สะกดให้ปากของผู้ชายก็อ้าออกเอง ผู้ชายเหลือบตาต่ำมองปากตัวเองด้วยความอึ้งตะลึงงันที่ปากของเขาไม่สามารถบังคับได้
ยูกิอ้าปากกว้าง...ปากของเธอค่อยๆกว้าง..กว้าง..กว้าง
ลูกตาของผู้ชายเบิกโพลงด้วยความตกใจและหวาดกลัวจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เขาพยายามดิ้นๆ แขนสองข้างที่ห้อยต่องแต่งปัดป่ายไปโดนกำแพง หรือเฟอร์นิเจอร์ใกล้ตัวเสียงดังปึงปัง
ริเอะได้ยินเสียงดังปึงปังจากในห้อง หยุดเดิน นิ่วหน้าครุ่นคิด
"คุณพ่อทำอะไร"
ในห้องยูกิอ้าปากกว้างจนมุมปากใกล้ถึงติ่งหู แล้วมวลพลังงานในรูปแบบของควันสีขาวหนาแน่นออกจากปากผู้ชายถ่ายเทเข้าสู่ปากของยูกิ ร่างของมันค่อยๆแห้งทีละนิดๆ
เล็บเขียวช้ำของยูกิที่อยู่บนลำคอของผู้ชายค่อยๆ ดีขึ้น
ยูกิหันขวับไปมองทางหน้าห้อง รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของริเอะ มาโกโตะมองแปลกใจ
ริเอะจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่เจอมาโกโตะยืนขวางอยู่ที่หน้าประตูอยู่
"คุณพ่อ ริเอะได้ยินเสียงคนร้องอยู่ในห้อง เกิดอะไรขึ้นคะ"
มาโกโตะมีอาการล่อกแล่ก หลบสายตาอย่างมีพิรุธ
"เอ่อ...พ่อ พ่อลงโทษลูกน้อง"
ริเอะตกใจ
"คุณพ่อฆ่าคนตายในบ้านของเราหรือคะ ! เราเคยตกลงกันแล้วนี่คะ ว่าจะไม่ให้ใครมาตายในบ้านของเราเหมือนตอนที่คุณแม่ยังอยู่ ทำไมคุณพ่อถึงทำผิดสัญญา"
"ริเอะฟังพ่อ พ่อไม่ได้ฆ่าใคร"
"คุณพ่อลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ ริเอะเป็นลูกสาว คุณพ่อโกหกไม่ได้หรอกค่ะ"
ริเอะสะบัดตัวออกจากมาโกโตะแล้วปราดเข้าไปในห้อง
"ริเอะ อย่า"
ริเอะเดินพรวดพราดเข้ามาในห้อง สิ่งที่พบคือ ยูกินั่งหวีผมตัวเองช้าๆ ตามประสาคนรักสวยรักงาม
แม้ใบหน้าของยูกิจะยังซีดเซียว แต่เธอได้พลังกลับคืนมาบ้างแล้วจากการดูดกิเลสของเหยื่อรายล่าสุด แต่ก็ยังไม่มากพอ ที่จะทำให้กลับมาเป็นปกติ
"ชั้นได้ยินเสียงผู้ชายดังออกมาจากห้องนี้ เขาอยู่ไหน"
ยูกิหวีผมไม่สนใจคำถามของริเอะ ทำเหมือนว่าริเอะเป็นอากาศธาตุ ริเอะปรี๊ดแตกปราดเข้าไปกระชากหวีจากมือยูกิแล้วปาทิ้งพร้อมกับตะคอกถาม
"ชั้นถามเธอ ไม่ได้ยินหรือไง"
มาโกโตะตามเข้ามาเห็นภาพนั้นเข้าพอดีก็อึ้งตกใจ...ฉิบหายแล้ว ! จึงรีบเข้าไปดึงตัวริเอะออกมาจากยูกิ
"ริเอะ พ่อบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร ออกไปข้างนอกกันเถอะ"
ริเอะสะบัดมือมาโกโตะออกจากตัว
"ไม่ ! ริเอะไม่ไปไหนทั้งนั้น ริเอะทนปิดหูปิดตามานาน แล้ว วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าพ่อกับมันกำลังปิดบังอะไรริเอะอยู่"
ยูกิน้ำเสียงราบเรียบ
"ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์เป็นเรื่องที่น่าโง่เขลาที่สุด"
"ถ้าเธอไม่ได้อยู่ในบ้านของชั้น ชั้นก็ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องของผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอหรอก คุณพ่อบอกริเอะมาเดี๋ยวนี้ เสียงผู้ชายคนนั้นมาจากไหน"
"ออกมากับพ่อ เดี๋ยวพ่อเล่าให้ฟัง"
"ไม่ ! ริเอะต้องรู้เดี๋ยวนี้" เธอหยิบมือถือในกระเป๋าออกมา "ถ้าคุณพ่อไม่บอก ริเอะจะโทร. แจ้งตำรวจให้มาช่วยริเอะหาคำตอบ"
มาโกโตะหนักใจ ริเอะยิ้มมุมปากรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นฝ่ายชนะ แล้วตอนนั้นเองที่ยูกิยื่นมือไปที่หวีที่อยู่บนพื้น แล้วหวีก็เคลื่อนเข้ามาอยู่ที่มือของยูกิ
ริเอะหันขวับไปมอง แต่ยังไม่เห็นเต็มตา
ยูกิหวีผมช้าๆ พร่ำพรรณราถ้อยความเดิม
"ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์เป็นเรื่องที่น่าโง่เขลาที่สุด"
ทันใดนั้นเส้นผมของยูกิค่อยๆยาวขึ้น..ยาวขึ้น..จนถึงพื้น ริเอะกับมาโกโตะตกตะลึงสุดขีด โดยเฉพาะริเอะ
"นั่น...นั่นอะไร"
เส้นผมของยูกิไล่ลงไปตามพื้นแล้วพุ่งอย่างเร็วไปพันรอบตัวริเอะ จนริเอะล้มลงกับพื้น มือถือในมือหล่นลงพื้น ริเอะกรี๊ดลั่น
"ยูกิ อย่า"
มาโกโตะจะเข้าไปช่วย แต่ยูกิสะบัดหน้าหันมามองมาโกโตะ ดวงตาเป็นสีฟ้าวาบทำให้ขาของมาโกโตะแข็งอยู่กับที่ มาโกโตะจะร้องก็ไม่มีเสียงเปล่งออกมา
"ไม่ต้องห่วง ชั้นไม่ทำอะไรลูกสาวของทาสผู้แสนดีของชั้นหรอก ชั้นแค่จะตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นให้ริเอะเท่านั้นเอง"
ยูกิหันหน้าไปหาริเอะ ร่างของริเอะก็ถูกเส้นผมกระชากมาที่หน้าตู้ ยูกิมองขวับไปที่ประตูตู้
ประตูตู้เปิดออกแล้วศพแห้งกรังจนกลายเป็นหนังติดกระดูกของเหยื่อรายล่าสุดก็หน้าคว่ำลงมาทับอยู่บนร่างของริเอะ ริเอะกรี๊ดลั่น หลับตาปี๋และเบือนหน้าหนี
"ดูเดี๋ยวนี้"
ใบหน้าของริเอะถูกดึงกลับมา ดวงตาเบิกโพลงด้วยพลังอำนาจจากยูกิ
"ไม่ !เอาออกไป ชั้นไม่อยากดู คุณพ่อช่วยริเอะด้วย"
ยูกิพูดกระหืดกระหอบเพราะต้องใช้พลังที่มีอยู่น้อยนิด
"ทำไมไม่อยากดูล่ะ ดูให้เต็มตาซะ อยากรู้ไม่ใช่หรือไง นี่ไงผู้ชายที่เธอถามหา พ่อเธอพามันให้มาเป็นเหยื่อของชั้น กิเลส ความเลวในตัวมันทำให้ชั้นรู้สึกดีขึ้น แต่เสียดายที่ร่างกายของชั้นอ่อนแอมากเกินไป"
ยูกิทนใช้พลังอันน้อยนิดไม่ไหวแล้ว เธอยอมปลดปล่อยพลังแล้วดวงตาสีฟ้าของยูกิหายไปอย่างไว พร้อมๆกับที่ เส้นผมคลายตัวออกจากร่างริเอะแล้วหดลงเป็นเส้นผมปกติอย่างเร็ว
ริเอะตะเกียกตะกายลุกขึ้น มาโกโตะกลับมาในสภาพปกติ จึงรีบปราดเข้าไปดูลูกสาวอย่างห่วงใย
"ริเอะ...ริเอะเป็นยังไงบ้าง"
ริเอะมองยูกิด้วยความกลัวและเกลียดชังแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้อง
"เธอทำแบบนี้ทำไม อยากให้คนอื่นรู้เรื่องใช่มั้ย"
มาโกโตะมองยูกิอย่างไม่พอใจ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้แล้ววิ่งตามริเอะออกไป ยูกิมองตามอย่างอ่อนแรง
ริเอะวิ่งหน้าตาตื่นตกใจกลัวที่สุดในชีวิต เข้ามาในห้อง ปิดประตูให้สนิทแล้ววิ่งไปคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าโกยข้าวของ ใส่กระเป๋าจะไม่อยู่บ้านหลังนี้แล้ว
มาโกโตะตามที่หน้าห้อง เปิดประตูห้อง แต่ประตูล็อค จึงเคาะประตู
"ริเอะเปิดประตูให้พ่อ เราต้องคุยกัน"
"ริเอะไม่มีอะไรจะคุยกับคุณพ่ออีกแล้ว"
"ริเอะฟังพ่อนะ" เขาพูดเสียงเบากลัวคนอื่นได้ยิน "ถึงยูกิจะไม่ใช่คน แต่มันจะไม่ทำร้ายเรา ถ้าเราช่วยทำให้หวังได้สมหวังกับคนที่มันรัก มันจะให้ทุกอย่างที่เราต้องการ ทั้งเงินทอง ชื่อเสียงหรือแม้กระทั่งตัวอาคิระ ลูกก็จะได้นะริเอะ"
"เชิญคุณพ่อเชื่อมันไปคนเดียวเถอะค่ะ และบอกไว้เลยนะคะว่าริเอะจะไม่มีวันทนอยู่ใกล้นังปีศาจเหมือนคุณพ่อแน่ๆ ริเอะจะไปจากที่นี่"
มาโกโตะตัดสินใจอะไรบางอย่าง
"แต่พ่อจะไม่ยอมให้ลูกไปไหนทั้งนั้น"
ภายในห้องริเอะเก็บกระเป๋าเสร็จ ก็หิ้วกระเป๋าเดินมาเปิดประตู แต่พบว่าประตูถูกล็อคจากข้างนอก
ริเอะเคาะประตู
"คุณพ่อ ! คุณพ่อขังริเอะแบบนี้ไม่ได้นะคะ เปิดประตูให้ริเอะเดี๋ยวนี้ "
ริเอะปากระเป๋าอย่างโมโหสุดขีด
มิกิยืนถือดินสอและกระดาษพิจารณากิโมโนสีหวานที่แขวนกางอยู่ เธอกำลังคิดออกแบบว่า ลายกิโมโนให้ยูกิว่า ลายพวงวีสทีเรียจะเหมาะกับสีไหน
ยูกินั่งอยู่หน้ากระจก ดวงตาเป็นสีฟ้าวาบ สั่งมิกิให้คิดถึงริเอะ จู่ๆ ภาพของริเอะก็ปรากฎแว่บเข้ามาในหัว มิกิรู้สึกเวียนหัวทรงตัวไม่อยู่จึงต้องนั่งลงบนพื้น
อาคิระถือซองสีน้ำตาลเข้ามาในห้อง
"คุณย่าครับ ไอบอกว่าคุณย่าต้องการรูปดอกวีสทีเรียมาคิดลายออกแบบชุดกิโมโนให้คุณยูกิ ผมก็เลยให้คนไปถ่ายรูปดอกจริงมาให้" อาคิระส่งซองสีน้ำตาลให้ย่ามิกิ
แล้วจู่ๆภาพริเอะร้องไห้ก็ปรากฎเข้ามาในหัวอีก มิกิกระพริบตาถี่ๆ หน้านิ่ว คิ้วขมวดเกิดความไม่สบายใจ
"คุณย่าครับ คุณย่า"
"โทษทีจ้ะ เมื่อกี้อาคิระพูดว่ายังไงนะ"
"คุณย่าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"ย่ามัวแต่เป็นห่วงหนูริเอะน่ะจ้ะ"
อาคิระแปลกใจ
"ทำไมคุณย่าถึงเป็นห่วงริเอะขึ้นมาล่ะครับ"
ยูกิดวงตายังเป็นสีฟ้า พูดเพื่อส่งกระแสจิตไปบังคับให้มิกิพูดว่า
"ย่าอยากรู้ว่า หนูริเอะสบายใจแล้วหรือยัง"
มิกิพูดตามที่ยูกิพูด
"ย่าอยากรู้ว่าหนูริเอะสบายใจแล้วหรือยัง เมื่อคืนริเอะโทร.มาปรับทุกข์กับย่าบอกว่า เหงา ว้าเหว่ อยากได้คนปรึกษา"
"อย่างริเอะน่ะเหรอครับว่า จะรู้จักคำว่าเหงา ผมไม่อยากจะเชื่อ"
"อาคิระจะไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ย่าเชื่อ หนูริเอะต้องโตมาโดยไม่มีแม่ ไม่มีญาติผู้ใหญ่คอยดูแลให้คำปรึกษา พ่อก็มัวแต่ทำงาน เธอน่าสงสารมากนะ อาคิระ"
"แต่ผมว่าริเอะเข้มแข็งกว่าที่คุณย่าคิดมากนะครับ"
"ที่หนูริเอะต้องแสดงว่าตัวเองเข้มแข็ง เพราะคุณมาโกโตะไม่ชอบให้หนูริเอะอ่อนแอ หนูริเอะทำทุกอย่างเพื่อต้องการความรักจากผู้เป็นพ่อเท่านั้นเอง"
"เธอบอกคุณย่าแบบนั้นเหรอครับ"
"เปล่าจ้ะ ริเอะแทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว"
อาคิระเริ่มอ่อนลง
"ย่ายอมรับว่าเมื่อก่อนไม่ค่อยชอบริเอะ แต่หลังจากที่ได้คุยกับหนูริเอะมากขึ้น ย่ากลับสงสารเด็กคนนี้มาก พรุ่งนี้อาคิระไปหาหนูริเอะให้หน่อยสิ ย่าอยากแน่ใจว่า เธอสบายใจขึ้นแล้ว ... เห็นแก่ความเป็นเพื่อนกันนะ อาคิระ ย่าเชื่อว่าถ้าเราช่วยกันดูแลหนูริเอะดีๆ เป็นเพื่อนเป็นที่ปรึกษาให้เธอ เธอจะเป็นคนน่ารักมากที่สุดคนหนึ่งเลย อาคิระร่วมมือกับย่าเพื่อเปลี่ยนแปลงหนูริเอะได้มั้ย"
"ครับคุณย่า ผมก็มีเรื่องจะคุยกับริเอะอยู่เหมือนกัน"
อาคิระนึกถึงเรื่องที่ริเอะขับรถชนรินดารา
มิกิยิ้มรับ
ยูกิดวงตาสีฟ้าหายไป แต่ยิ้มร้ายสมใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน พร้อมกับร่างกายที่เหนื่อยอ่อน
วันใหม่ รินดาราช่วยใส่เข็มขัดพยุงผู้ป่วยสำหรับการช่วยพยุงให้อายูมิเริ่มหัดเดินโดยเข็มขัดนี้ช่วย พยุงอายูมิและป้องกันการล้ม
"ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่จะคอยจับเอาไว้ตลอด อายูมิไม่ล้มลงแน่นอน แต่ถ้ารู้สึกเจ็บขึ้นมา ต้องบอกพี่ ห้ามฝืนมากเกินไป พร้อมนะคะ"
อายูมิพยักหน้ารับ แล้วอายูมิก็ค่อยๆ ลุกขึ้น..สีหน้าเจ็บปวดจากอาการกล้ามเนื้อขาตึง ขณะที่รินดาราจับตามอง อายูมิเอาไว้อย่างดีและเตรียมพร้อมรับถ้าในกรณีที่เด็กน้อยล้มลง
แต่ในที่สุดอายูมิก็สามารถลุกยืนได้ด้วยตัวเอง รินดาราส่งมือให้จับ อายูมิจับมือทั้งสองข้างของรินดารา
"อายูมิของพี่เก่งที่สุดเลยค่ะ"
"อีกไม่นานอายูมิจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิมแล้วใช่มั้ยคะ"
"แน่นอนค่ะ ถ้าอายูมิขยันตั้งใจทำกายภาพแบบนี้ อีกไม่นานก็จะกลับมาเดินได้อีกครั้ง เป็นรางวัลให้ตัวเองแน่นอน วันนี้เราหัดยืนกันแค่นี้ก่อนนะคะ"
รินดาราพยุงอายูมิให้นั่งลงที่รถเข็นเหมือนเดิม แล้วเอาขนมที่เตรียมไว้ยื่นให้
"นี่จ้ะ..รางวัลสำหรับคนเก่งวันนี้"
"ขอบคุณค่ะ"
อายูมิยิ้มดีใจแล้วเห็นท่านชายโฮชิเดินเข้ามา จึงเข็นรถไปหาท่านชายแล้วแบมือให้ท่านชาย
"ขอรางวัลให้อายูมิด้วยค่ะท่านชาย"
โฮชิยิ้มรับ
"อายูมิอยากได้อะไรล่ะ"
อายูมิคิด
"อืม...อายูมิอยากให้ท่านชายเล่นมายากลให้ดูค่ะ"
โฮชิยิ้มอย่างสดชื่นแล้วโน้มกิ่งไม้มาดึงใบ แล้วโยนขึ้นในอากาศ ทันใดนั้นใบไม้นั้นเปลี่ยนเป็นผีเสื้อสีสวย
อายูมิกับรินดาราตกตะลึง
"ว้าว...สุดยอดไปเลยค่ะ เอาอีกได้ไหมคะท่านชาย"
โฮชิเด็ดใบไม้มาอีก แล้วโยนขึ้นไปในอากาศ ใบไม้ก็กลายเป็นผีเสื้อ อายูมิตบมือชอบใจมาก
โฮชิหันไปถามรินดารา
"เรื่องคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง"
"ชั้นบอกท่านไปแล้วค่ะว่าชั้นไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองอะไรเลย แล้วก็ขอให้ท่านเลิกทำงานหนัก ท่านก็ตกลงค่ะ"
"ทีนี้ก็สบายใจแล้วนะ"
รินดารายิ้มสดใส แล้วมือถือในกระเป๋าของรินดาราดังขึ้นจึงเดินเลี่ยงออกมาจากโฮชิและอายูมิเพื่อรับโทรศัพท์
"สวัสดีค่ะพี่แป้งร่ำ"
แป้งร่ำคุยโทรศัพท์ไป มือก็เก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ เกียวช่วยปัดกวาดเช็ดถูอย่างเหนื่อย หอบ...ทั้งสองกำลังทำ "ผักชีโรยหน้า" สร้างภาพกับพ่อผัวแป้งร่ำ
"คุณน้องรินดารา วันนี้แวะมาที่ร้านพี่หน่อยสิคะ"
"มีอะไรหรือคะ"
"เดี๋ยวผัวพี่จะพาคุณพ่อเขาไปหาหมอที่โตเกียว แต่จะแวะเข้ามาที่ร้านก่อน พี่อยากโชว์นวดแผนไทยผสมผสานกับวิชากายภาพบำบัดของคุณน้องให้พ่อผัวพี่ดู เผื่อเขาจะยอมเจียดเงินมาเป็นสปอร์นเซอร์ให้พี่ทำร้าน"
"คุณพ่อสามีของพี่แป้งร่ำที่เป็นเจ้าของรูปถ่ายที่เราดูกันใช่มั้ยคะ"
"คนนั่นล่ะค่ะ อุ้ย! ถ้าคุณน้องได้เจอกับพ่อผัวของพี่ก็ดีเหมือนกันนะคะ คุณน้องจะได้ถามเรื่องผู้ชายที่หน้าเหมือนคุณโฮชิด้วยว่าตกลงผู้ชายคนนั้นเป็นใคร"
"อย่าไปเชื่อมันค่ะคุณน้อง ขนาดหน้าหน้านังแป้งพ่อผัวมันยังหลงๆลืมๆบ่อยๆ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เคยเจอเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว" เกียวว่าดังแทรกสายเข้ามา
"เออน่า...ค่อยๆถาม เดี๋ยวแกก็จำได้"
"พี่เกียวพูดถูก คุณพ่อสามีของพี่แป้งร่ำอาจจะจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ นอกซะจากว่า..."
"ว่าอะไรคะ"
รินดาราไม่ตอบ แต่มองโฮชิที่กำลังเล่นอยู่กับอายูมิ
อายูมิปรบมือชอบใจหลังจากที่โฮชิเสกผีเสื้อสีสวยเต็มไปหมด โฮชิลูบหัวอายูมิ
"ถ้าอายูมิเดินได้ ชั้นจะให้รางวัลด้วยการทำให้อายูมิบินได้เหมือนผีเสื้อ"
อายูมิยื่นนิ้วก้อย
"สัญญาต้องเป็นสัญญา"
โฮชิเกี่ยวนิ้วก้อยกับอายูมิ
"สัญญาว่าทำต้องทำ"
โฮชิกับอายูมิหัวเราะชอบใจกัน
รินดาราเดินเข้ามาหาโฮชิ สีหน้าครุ่นคิดหาทางชวนโฮชิไปร้านแป้งร่ำ
โฮชิหันมามองเห็นท่าทางครุ่นคิดของรินดาราจึงถาม
"มีอะไรหรือเปล่าฮิคาริ"
"ไม่มีค่ะ" เธอนั่งลงข้างๆ โฮชิ "เมื่อกี้พี่แป้งร่ำที่ท่านชายเคยเจอในงานทานาบาตะโทรมาคุยด้วยค่ะ พี่แป้งร่ำเป็นเจ้าของร้านนวดแผนโบราณที่อยู่ในเมือง ท่านชายเคยนวดไทยแผนโบราณบ้างมั้ยคะ แก้ปวดเมื่อยได้ดีเลยนะคะ"
"ชั้นไม่เคยปวดเมื่อย บางทีก็อยากรู้สึกเหมือนกันว่าปวดเมื่อยเป็นยังไง"
"ไม่ปวดเมื่อยก็นวดได้นะคะ การนวดช่วยให้ผ่อนคลายจากความเครียด"
"ชั้นไม่เคยเครียด"
รินดาราจ๋อยไปนิด แต่ไม่ยอมแพ้
"นวดไทยแผนโบราณช่วยฟื้นฟูร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง อายุยืน"
โฮชิยิ้มขำ
"อายุยืนเหรอ งั้นชั้นคงไม่ต้องพึ่งการนวดหรอก"
โฮชิพูดเหมือนติดตลกแกล้งรินดาราไปงั้น จนเห็นรินดาราจ๋อยหมดหวังจะพาโฮชิไปแล้ว
"แต่ที่ฮิคาริพูดประโยชน์ของการนวดมาทั้งหมด ชั้นว่าเหมาะกับมิกิมากกว่านะ ตั้งแต่มิกิรับทำกิโมโนให้คุณยูกิ ได้ยินบ่นว่าทั้งเครียดทั้งปวดเมื่อย น่าจะอยากนวดมากกว่า ส่วนชั้นขอไปนั่งดูอย่างเดียวก็พอ"
รินดารายิ้มดีใจ
"ได้เลยค่ะ ไปนวดด้วยกันมั้ยอายูมิ"
อายูมิมองกล่องขนมในมือคิดถึงฮิโตชิจึงตอบเลี่ยง
"อายูมิขออยู่บ้านดีกว่าค่ะ การบ้านศิลปะที่รับปากคุณครูพิเศษไว้ยังทำไม่เสร็จเลย"
รินดารากับโฮชิยิ้มให้อายูมิ
เวลาต่อเนื่องมา อายูมิเข็นรถเข้ามา ปิดประตู ในมือถือกล่องขนมที่รินดาราให้ คิดว่าฮิโตชิอาจจะอยู่ในห้อง
"ฮิโตชิ เธอในห้องชั้นรึเปล่า...ฮิโตชิ พี่รินดาราเอาขนมมาให้อีกแล้ว มากินขนมกันเถอะ"
แต่ไม่มีฮิโตชิอยู่ในห้อง อายูมิไม่สบายใจนึกเป็นห่วงฮิโตชิ
อาคิระตามลูกน้องมาโกโตะเข้ามาข้างใน มาโกโตะเดินออกมาจากด้านใน อาคิระโค้งแสดงความเคารพ
"อาคิระมีธุระอะไรเหรอ"
"ผมมาหาริเอะครับ คุณย่ามิกิเป็นห่วงริเอะ ผมโทร.ติดต่อริเอะไม่ได้เลย ก็เลยแวะมาที่นี่ ริเอะอยู่ไหมครับ"
มาโกโตะกำลังจะปฎิเสธว่าไม่..แต่เสียงยูกิดังแทรกขึ้น
"อยู่ค่ะ"
มาโกโตะเห็นยูกิยืนอยู่ ใบหน้าของเธอซีดเซียวเหมือนคนไม่สบาย
"ริเอะอยู่ในห้อง"
อาคิระถาม
"คุณยูกิไม่สบายหรือครับ"
"ค่ะ ฝากบอกคุณมิกิด้วยนะคะ ว่าถ้าดิชั้นหายดีแล้ว ดิชั้นจะแวะไปหา เชิญคุณอาคิระไปพบริเอะเถอะค่ะ คิดว่าเธอคงอยากพบคุณมาก" ยูกิบอกกับลูกน้อง "ไปเปิดประตูห้องริเอะ"
อาคิระยิ้มรับแล้วเข้าไปข้างใน ยูกิมองตามอาคิระแล้วยิ้มร้ายสมใจ มาโกโตะเห็นรอยยิ้มของยูกิก็เข้าใจได้ทันที
"เธอเป็นคนทำให้อาคิระมาหาริเอะเหรอ"
"ถึงชั้นจะรู้จักริเอะได้ไม่นาน แต่ก็รู้ว่าอะไรที่จะทำให้ริเอะยอมปิดปากเรื่องของชั้น"
ยูกิยิ้มร้าย
กลกิโมโน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ริเอะนั่งหวาดกลัวอยู่ในห้องมีเสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นที่ลูกบิดประตู ริเอะปราดลุกขึ้นไปกระชากประตูออก
ตั้งใจจะวิ่งหนีออกไปให้ได้ แต่พบอาคิระยืนอยู่ ลูกน้องมาโกโตะถือกุญแจพวงใหญ่และแม่กุญแจถอยออกไป
ริเอะดีใจ
"อาคิระ"
ริเอะโผกอดอาคิระแน่นและร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
"อาคิระพาริเอะออกไปจากที่นี่ที ริเอะไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ริเอะกลัว"
"ริเอะ...เกิดอะไรขึ้น"
ริเอะไม่ตอบ แต่มีน้ำตานองหน้า
ริเอะยืนทอดสายตามองออกไปสะพานเบื้องหน้า (KurokawaOnzen in Kumamoto) อาคิระเดินเอาน้ำกระป๋องมาให้ริเอะ
"ขอบคุณค่ะ เมื่อกี้คุณโทร.หาใครคะ"
"คุณย่า...ผมโทร.ไปบอกท่านว่าได้เจอคุณแล้ว ท่านเป็นห่วงคุณมาก"
ริเอะแปลกใจมาก
"คุณย่ามิกิน่ะหรือคะเป็นห่วงริเอะ"
"ใช่..วันก่อนคุณโทร.ไปปรับทุกข์กับคุณย่าไม่ใช่เหรอ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณคุยอะไรกับคุณย่าบ้าง แต่ตอนนี้คุณย่าเป็นห่วงคุณมาก ท่านถึงให้ผมมาหาคุณ เพราะท่านอยากรู้ว่าคุณสบายใจแล้วหรือยัง"
ริเอะยิ่งงง เพราะเธอไม่ได้โทร.หามิกิเลยสักนิด
"มีอะไรหรือเปล่า"
ริเอะอึกอัก
"เอ่อ...ไม่มีค่ะ"
"แต่มีปัญหาอะไรก็บอกผมได้นะริเอะ ผมสัญญาว่าต่อไปนี้ผมจะพยายามจะจำแต่เรื่องดีๆของเราสองคน เรื่องอะไรที่คุณเคยทำไว้ไม่ดี อย่างเรื่องที่คุณขับรถชนคุณรินดารา"
ริเอะอึ้ง..รีบปฎิเสธ
" ริเอะไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุนะอาคิระ"
"ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้วและรินดาราก็ไม่ติดใจเอาเรื่อง แต่ผมจะให้โอกาสคุณแก้ไขตัวเอง และให้โอกาสเรากลับมาเป็นเพื่อนกัน คุณจะได้รู้ว่าโลกนี้ยังมีผมอีกคนที่เป็นเพื่อนคุณได้เสมอ"
อาคิระมองริเอะด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างที่ริเอะไม่ได้เห็นมันมานานแล้ว ริเอะดีใจมากโผเข้ากอดอาคิระ
"ขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสริเอะ"
"ขอบคุณคุณย่าดีกว่าครับ ที่พูดให้ผมได้คิดเข้าใจคุณ" เขาดึงตัวริเอะออกจากแล้วถาม "ตกลงจะบอกผมได้หรือยังว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นกับคุณ คุณร้องไห้กลัวอะไร"
ริเอะมองอาคิระนิ่งอย่างตัดสินใจ แล้วนึกไปถึงคำพูดของมาโกโตะที่พูดว่ายูกิจะให้ทุกอย่างที่เราต้องการ
"ริเอะเปิดประตูให้พ่อ เราต้องคุยกัน"
"ริเอะไม่มีอะไรจะคุยกับคุณพ่ออีกแล้ว"
"ถึงยูกิจะไม่ใช่คน แต่มันจะไม่ทำร้ายเรา ถ้าเราช่วยทำให้หวังได้สมหวังกับคนที่มันรัก มันจะให้ทุกอย่างที่เราต้องการ ทั้งเงินทอง ชื่อเสียงหรือแม้กระทั่งตัวอาคิระ ลูกก็จะได้นะริเอะ"
ริเอะตัดสินใจพูดออกไปว่า
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ริเอะแค่ทะเลาะกับคุณพ่อก็เลยอยากเรียกร้องความสนใจจากคุณ ริเอะขอโทษนะอาคิระ ต่อไปริเอะจะไม่ทำแบบนี้อีก"
ริเอะตีหน้าเศร้าขอโทษ อาคิระพยักหน้ารับยอมรับการขอโทษจากริเอะ ระหว่างนั้นมือถือของอาคิระดังขึ้น
"ขอโทษที" อาคิระรับสาย "ฮัลโหลไอ"
"อาคิระ..เมื่อกี้คุณแฮโรลด์โทร.ติดต่อมาที่บริษัทว่า อยากจะขอกิโมโนของเราไปจัดแฟชั่นโชว์ที่สถาบันของเขาเป็นเจ้าภาพ"
"แฮโรลด์...ที่เป็นเจ้าของสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชียใช่มั้ย"
ริเอะหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อแฮโรลด์เจ้าของสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย
"อาคิระรู้จักเขาด้วยเหรอ"
อาคิระหันไปมองริเอะ
"เคยได้ยินริเอะพูดถึงคุณแฮโรลด์มานานแล้ว"
ไอแซว
"ตั้งแต่ยังคบกันสินะ"
"ไอปฎิเสธเขาไปเลย บอกว่ากิโมโนของมิยาคาวะไม่เคยมีนโยบายให้ใครเอาไปแสดงแฟชั่นโชว์"
ริเอะรีบท้วงทันที)
"ไม่ได้นะอาคิระ อย่าตัดสัมพันธ์กับเขาแบบนั้น คุณแฮโรลด์เป็นคนกว้างขวางในวงการแฟชั่นมาก อาคิระควรจะผูกมิตรไว้ดีกว่าสร้างศัตรู..เชื่อริเอะนะ"
ไอได้ยิน
"เป็นครั้งแรกที่ยัยริเอะพูดถูกใจไอ ทำอย่างที่ริเอะบอกเถอะ ไปพบคุณแฮโรลด์เขาหน่อย ไปปฎิเสธเขาด้วยตัวเอง พายัยริเอะไปด้วยก็ได้ ยัยนั่นคงจะมีเรื่องคุยกับคุณแฮโรลด์แทนอาคิระเยอะเลย"
"ก็ได้" อาคิระวางสายแล้วหันไปพูดกับริเอะอย่างเป็นมิตร "ไปพบคุณแฮโรลด์กับผมมั้ย"
ริเอะยิ้มกว้างดีใจ
"ขอบคุณนะคะอาคิระ"
ริเอะกับอาคิระยิ้มให้กันอย่างมีมิตรไมตรีที่ดี
รินดาราเดินนำโฮชิกับมิกิมาที่หน้าร้าน แป้งร่ำกับเกียวยืนคอยอยู่แล้วทั้งสองใส่ชุดยูกาตะ ชุดของเกียวมี ลายนกกระเรียนอยู่บนชุด พอทั้งหมดเดินเข้ามาแป้งร่ำกับเกียวโค้งคำนับเป็นการทักทาย
"สวัสดีค่ะคุณโฮชิ คุณย่ามิกิ ดิชั้นดีใจมากค่ะที่คุณทั้งสองให้เกียรติมาใช้บริการร้านเล็กๆ ของดิชั้น"
"ขอบคุณฮิคาริดีกว่าครับ เพราะฮิคาริทำให้เราอยากมาใช้บริการของคุณ"
รินดารายิ้มรับ
"รับรองด้วยค่ะว่าสาวไทยใจสวยจะนวดให้สุดฝีมือ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เกียวจะเป็นคนนวดน้ำมันอโรมาให้คุณโฮชิเอง" เกียวพูดพลางส่งสายตาวิบวับ
โฮชิค่อนข้างสยองกับอาการของเกียว แป้งร่ำเห็นสีหน้าของโฮชิ จึงรีบเข้าไปดึงเกียวออกมาให้ห่างแล้วกระซิบด่า
"อีเกียว เก็บอาการหน่อย นอขึ้นจมูกแล้ว"
เกียวกระซิบตอบ
"ต๊าย อีนี่! ชั้นไม่ได้มีวาระซ่อนเร้นสักหน่อย ชั้นแค่จะช่วยพิสูจน์ให้ถึงเนื้อถึงหนังว่าคุณโฮชิเป็นพวกอยู่ยงคงกระพันจริงหรือเปล่า ส่วนเรื่องอื่นเป็นแค่ของแถม ... เชิญค่ะ"
เกียวเดินนำมิกิกับโฮชิเข้าไปข้างใน รินดาราเข้าไปหาแป้งร่ำ
"มากันหรือยังคะ"
"มาแล้วค่ะ อยู่ข้างใน อยู่คนเดียวด้วย สามีของพี่ออกไปซื้อตั๋วรถไฟ" แป้งร่ำบอก
รินดาราพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้นและลุ้นว่าถ้าโฮชิเจอกับพ่อสามีของแป้งร่ำแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
เกียวเดินนำโฮชิกับมิกิเข้ามาในร้าน เกียวเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่วางเตรียมเอาไว้พร้อมกับพูด
"เดี๋ยวคุณโฮชิกับคุณมิกิเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ"
แต่เกียวยังไม่ทันยื่นชุดให้โฮชิกับมิกิ เสียงไอค่อกแค่กของผู้ชายแก่ก็ดังขึ้นจากมุมหนึ่ง รินดารากับแป้งร่ำตามเข้ามา แป้งร่ำเดินแซงขึ้นไปหาพ่อผัว
"คุณพ่อ คุณพ่อเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
โฮชิกับมิกิมองตาม เห็นแป้งร่ำเข้าไปนั่งย่อตัวถามผู้ชายสูงวัยที่นั่งไอค่อกแค่กอยู่ที่โซฟาอย่างห่วงใย
โฮชิกับมิกิเห็นหน้าเคนตะเต็มตา มิกิอึ้งตะลึงงัน ขณะที่โฮชิเองก็ตกใจ แต่สีหน้าของเขาเรียบเฉยเพราะเก็บ อารมณ์ได้ดีกว่า
มิกิอุทานเสียงเบา
"คุณหมอเคนตะ !"
มิกิมองโฮชิด้วยสายตาเป็นกังวล แต่โฮชิก็ยังนิ่งสงบ ขณะที่รินดาราสังเกตอาการของมิกิและโฮชิอยู่ตลอด
เคนตะไอเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาถามแป้งร่ำ
"เธอเป็นใคร"
แป้งร่ำเซ็ง แล้วตอบเน้นๆ ชัดๆ
"หนูแป้งร่ำลูกสะใภ้ของคุณพ่อค่ะ"
"อ๋อ..แป้งร่ำเอง ไม่ต้องเป็นห่วง พ่อไม่เป็นอะไร" แล้วมองโฮชิกับมิกิ "แล้วสองคนนี้ใคร"
"ลูกค้าของหนูค่ะ นี่คุณโฮชิกับคุณมิยาคาวะ มิกิค่ะ คุณโฮชิคุณมิกิคะ นี่คุณพ่อสามีของแป้งค่ะ"
มิกิทักตามมารยาท
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" แล้วหันไปพูดกับเกียว "เปลี่ยนเสื้อตรงไหนคะ"
"ข้างในค่ะ เชิญเลย"
มิกิรับเสื้อมาจากเกียว
"ดิชั้นกับท่านชายขอตัวก่อนนะคะ"
มิกิเดินนำโฮชิออกไป แต่โฮชิไม่ไปยังยืนมองเคนตะเพราะสัมผัสของเขารับรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเคนตะในอีกไม่นานนี้ มิกิต้องหันกลับมาดึงแขนโฮชิออกไป เคนตะมองตามโฮชิไม่วางตา
รินดารา แป้งร่ำ เกียวพยักหน้าให้กัน แล้วแป้งร่ำกับเกียวก็เข้าไปห้อมล้อมเคนตะ รินดารายืนดูอยู่ใกล้ๆ
"พ่อคะ พ่อเคยรู้จักคุณโฮชิหรือเปล่าคะ"
เคนตะครุ่นคิดแล้วตอบเสียงแหบพร่า
"คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน"
"เห็นที่โรงพยาบาลเมื่อห้าสิบปีที่แล้วหรือเปล่าคะคุณพ่อ"
"อย่าถามพ่อมากได้มั้ยแป้งร่ำ พ่อปวดหัว"
เกียวบอก
"เชื่อแล้วว่าพ่อผัวแกไม่เคยจำแกได้จริงๆ"
"ไม่เป็นไร ขอให้จำคุณโฮชิได้ก็พอ ... คุณพ่อลองคิดดูดีๆ สิคะว่าเคยเห็นคุณโฮชิที่ไหน"
เคนตะคิดจนคิ้วขมวดบอกแต่ว่า "คุ้นๆ"
มิกิดึงมือโฮชิเข้ามา มิกิหันกลับไปมองข้างหลังให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแล้วพูดกับโฮชิ ขณะที่โฮชิมีสีหน้า ไม่สบายใจเพราะรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเคนตะ
"ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนที่เคยพบท่านชายตั้งแต่ห้าสิบปีก่อน แล้วมีอายุยืนอยู่ถึงขนาดนี้ เรารีบกลับกันเถอะค่ะท่านชาย ถ้าคุณหมอเคนตะเกิดจำท่านชายได้ขึ้นมา แล้วเล่าให้คุณแป้งร่ำฟัง ท่านชายจะลำบากนะคะ"
โฮชิยืนเฉย มีสีหน้าไม่สบายใจ มิกิสังเกตเห็นสีหน้าของโฮชิก็นึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
"มีอะไรหรือเปล่าคะ"
โฮชิไม่ตอบแต่มีสีหน้าหนักใจ
เคนตะยังใช้ความคิดนึกจนคิ้วย่น รินดารา แป้งร่ำ เกียวนั่งและยืนรายล้อมรอบตัวเคนตะอย่างลุ้นๆ แล้วจู่ๆ เคนตะก็โพล่งขึ้นมาว่า
"แป้ง"
รินดารา แป้งร่ำ เกียวสะดุ้งแล้วตื่นเต้นมีความหวังมาก
"ขาคุณพ่อ คุณพ่อจำได้แล้วเหรอคะ"
"หิวน้ำ ขอน้ำหน่อย" เคนตะพูดพลางไอค่อกแค่ก
"ค่ะๆ"
แป้งร่ำหันไปรินน้ำชาใส่ถ้วยมาให้เคนตะ
"ชั้นว่าอาการท่านดูไม่ค่อยดี อย่าเพิ่งคาดคั้นอะไรท่านเลยค่ะ ท่านคงจะไม่เคยพบกับท่านชายโฮชิจริงๆ"
แป้งร่ำกับเกียวพยักหน้าเห็นด้วย แล้วแป้งร่ำก็นำถ้วยน้ำชาเข้าไปให้เคนตะ
"คุณพ่อค่ะ น้ำชาค่ะ คุณพ่อเลิกคิดเถอะค่ะว่าเคยเจอกับคุณโฮชิมาก่อนหรือเปล่า พวกหนูไม่อยากรู้แล้ว"
เคนตะยกถ้วยน้ำชาขึ้นซด แล้วก็เกิดไอขึ้นมาอย่างแรง ทำให้สำลักน้ำชาหกกระเด็นเละไปหมด
"คุณพ่อ"
แป้งร่ำ รินดารา เกียวเข้าไปช่วยเช็ดน้ำชาดูแลเคนตะ แล้วตอนนั้นเองที่เคนตะหันมาเห็นรูปนกกระเรียนที่อยู่บนชุดยูกาตะของเกียว
เคนตะพร่ำพูดในลำคอ
"นกกระเรียน...นกกระเรียน"
เคนตะย้อนนึกถึงวันที่เคยเจอโฮชิเมื่อห้าสิบปีก่อน
เด็กวัยรุ่นผู้ชายวัย 15 ปีนอนห่มผ้าครึ่งท่อน เขากำลังชักอย่างแรงจนตาเหลือก ประตูห้องเลื่อนเปิดออก ผู้เป็นแม่เดินนำหมอเคนตะเข้ามา แม่ร้องไห้อย่างหนักหน่วง
"คุณหมอเคนตะช่วยลูกชายชั้นด้วย"
เคนตะดูอาการ
"เขาติดเชื้ออหิวาห์มานานเท่าไหร่แล้ว"
"ห้าวันค่ะ"
เคนตะเปิดกล่องอุปกรณ์แพทย์ที่หิ้วติดมือมา หยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาไล่ฟองอากาศพร้อมสั่งแม่เด็กวัยรุ่นชาย
"จับเขาไว้"
แม่ช่วยจับแขนของเด็กชาย แต่พอเคนตะจะฉีด ตัวเด็กชายก็หลุดจากการเกาะกุมของผู้เป็นแม่ แรงดิ้นทำให้เข็ม ฉีดยากระเด็นไปตกแตกพื้น
"แย่แล้ว ! ตอนนี้เกิดโรคระบาดอย่างหนัก ผมมียาแค่เข็มเดียวเท่านั้น"
"หมายความว่าลูกชายดิชั้นจะตายหรือคะหมอ" แม่ร้องไห้โฮ
ทันใดนั้นประตูห้องเลื่อนเปิดออก เด็กหญิงมิกิเดินนำโฮชิเข้ามา ผู้เป็นแม่หันไปเห็นมิกิ แต่เธอไม่รู้จักท่านชาย โฮชิเดินเข้ามายืนข้างเตียงเด็กชาย มิกิน้ำตานองหน้า
"มิกิ หนูพาใครมา"
"ท่านชายโฮชิค่ะ หนูพาท่านชายมาส่งเรนค่ะ ท่านชายคะช่วยเพื่อนของมิกิด้วย มิกิไม่ อยากให้เขาทรมานอีกแล้ว"
โฮชิบอกเคนตะ
"ขออนุญาตนะครับคุณหมอ"
โฮชิก้าวเข้าไปนั่งลงข้างๆ ร่างของเด็กชายที่ยังชักต่อเนื่อง แล้วจับมือเด็กชายมาเกาะกุมพร้อมกับฮัมเพลงในลำคอ ขณะที่เคนตะกับแม่แปลกใจว่าโฮชิทำอะไร สักพักเด็กชายก็ค่อยๆ หยุดชักเปลี่ยนเป็นนอนนิ่งสงบ ทำเอา เคนตะกับแม่อึ้งไปเลย
"คุณทำได้ยังไง"
โฮชิยิ้มอบอุ่นแทนคำตอบ แล้วจับมือของเด็กชายหงายขึ้น กำมือตัวเองลงบนฝ่ามือเด็กชาย ก่อนจะปล่อยออก มีนกกระเรียนกระดาษวางบนมือให้เด็กชาย
เคนตะมองอย่างสนใจว่าโฮชินำนกกระเรียนกระดาษมาจากไหน
เด็กชายปรือตาขึ้นมองโฮชิ เขาเห็นโฮชิในสภาพของเทพเจ้านกกระเรียนแต่คนอื่นไม่เห็น แล้วเด็กชายก็ยิ้ม อย่างมีความสุข
"คุณ... คุณคือ...เทพ..เทพจะ....(เจ้า)"
"โชคดีนะ แล้วเราคงได้เจอกัน"
เด็กชายยิ้มสิ้นใจตายไปพร้อมกับรอยยิ้ม ไม่มีร่องรอยของความทรมานเหลืออยู่เลย คนเป็นแม่ปล่อยร้องไห้โฮ
มิกิร้องไห้เสียใจด้วย
โฮชิโค้งให้ศพของเด็กชาย มิกิทำตาม ขณะที่เคนตะมองโฮชินิ่งไม่วางตา
เคนตะจำได้แล้วก็โพล่งออกมาด้วยความดีใจ
"นกกระเรียน...จำได้แล้ว..จำได้แล้ว..เขา...เขา"
ทันใดนั้นเคนตะก็มีอาการโรคหัวใจกำเริบ เขารู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจอย่างรุนแรง ยกมือกุมที่หัวใจ สีหน้าเจ็บปวด
"โอ๊ย !"
รินดารา แป้งร่ำ เกียวต่างตกใจ
แป้งร่ำตะโกนลั่
"คุณพ่อ"
โฮชิกับมิกิได้ยินเสียงแป้งร่ำร้องดังมาจากในร้าน หันขวับกลับไปมอง
แป้งร่ำ รินดารา เกียวปราดเข้าไปดูเคนตะ
"คุณพ่อ คุณพ่อเป็นอะไรคะ"
รินดาราถาม
"เขาเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าคะ ถ้าเป็นแสดงว่าโรคหัวใจกำลังกำเริบ"
แป้งร่ำร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก
"เป็นค่ะเป็น มียากิน ยาอยู่ไหน ยาอยู่ที่" เธอมองหา "อยู่ในกระเป๋า ผัวพี่ ผัวพี่อยู่ไหน...ผัวพี่อยู่สถานีรถไฟ...แย่ล่ะสิ คุณพ่ออดทนก่อนนะคะ แป้งไปเอายาให้ " แป้งร่ำวิ่งออกไปจากร้าน
"อีแป้ง ! อีแป้งกลับมา กว่าจะวิ่งไปถึงสถานีรถไฟก็ไม่ทันพอดี"
"งั้นโทร.เรียกรถพยาบาลด้วยเถอะค่ะพี่เกียว อาการไม่ดีเลย" รินดาราบอก
"ค่ะๆ" เกียววิ่งออกไป
รินดาราจับมือเคนตะ
"อดทนไว้นะคะ"
โฮชิกับมิกิกลับเข้ามาจากหลังร้าน
"เกิดอะไรขึ้นคะ"
"คุณเคนตะโรคหัวใจกำเริบค่ะ"
เคนตะปรือตามองที่โฮชิ พูดอย่างอ่อนแรงเพราะเจ็บที่หัวใจอยู่มาก
"คุณโฮชิ" เขาจับมือโฮชิ "คุณจริงๆ ด้วย จำผมได้ไหม เราเคยเจอกันเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว"
ความนั้นทำให้รินดาราอึ้ง แน่ใจแล้วว่าโฮชิคือคนนั้นจริงๆ มิกิมองรินดาราทันทีแล้วมีสีหน้าหนักใจเพราะ ยังไม่ได้เตรียมใจว่ารินดาราจะรู้ความลับของโฮชิ แต่โฮชิสมาธิอยู่กับคนใกล้จะตายอย่างเคนตะอย่างเดียว
"จำได้"
"ทำไม...คุณ...ยัง...เหมือน...เดิม"
มิกิขัด
"อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยนะคะ นอนพักนิ่งๆ ก่อนดีกว่า"
"เธอ...คือ..มิกิ มิกิจัง เด็กผู้หญิง...คน...คนนั้น...ที่พา...เขา...มาส่งเพื่อน..ของเธอใช่มั้ย"
มิกิหนักใจ แต่ดิ้นไม่รอดแล้ว จำต้องยอมรับ
"ค่ะ...ดิชั้นเอง มิกิจัง"
รินดารานิ่วหน้า แปลกใจ
โฮชิจับมือของเคนตะหงายขึ้น กำมือตัวเองลงบนฝ่ามือของเคนตะก่อนจะปล่อยออกเผยให้เห็นนกกระเรียน กระดาษวางบนมือให้เคนตะ เคนตะเหลือบมองนกกระเรียนกระดาษแล้วเงยขึ้นมองที่โฮชิ
ดวงตาของเคนตะมีแสงสีขาวผสมทองสะท้อนเข้าไปลูกตาดำ เห็นโฮชิเป็นเทพเจ้านกกระเรียนทอง
เคนตะจ้องโฮชินิ่งไม่วางตา น้ำตารื้นด้วยความตื้นตันยินดี
"ผมรู้แล้วว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเห็นอะไรก่อนที่เขาจะตาย...ผมรู้แล้ว"
รินดารามองตามสายตาของเคนตะที่เอาแต่มองโฮชิ ขณะที่โฮชิก็ยิ้มละมุนและจับมือเคนตะเอาไว้
"โชคดีนะ แล้วเราจะได้เจอกันอีก"
"คุณคือ...เท..เทพะ...จะ..(เจ้า)"
เคนตะสิ้นใจตายไปก่อน รินดาราตกใจ พร้อมๆ กับที่เกียวกลับเข้ามา
"คุณพ่อตายแล้ว"
โฮชิโค้งให้ศพของเคนตะ มิกิทำตาม รินดารามองโฮชิด้วยคำถามที่มากมายเต็มไปหมด
เวลาต่อมา แป้งร่ำออกมาส่งโฮชิ รินดาราและมิกิ
"ต้องขอโทษคุณโฮชิกับคุณมิกิด้วยนะคะอุตส่าห์มา แต่ยังไม่ได้นวดเลย"
"ไม่เป็นไร เอาไว้วันหลังดิชั้นจะพาท่านชายมาใช้บริการใหม่ก็ได้" มิกิบอก
"แสดงความเสียใจเรื่องคุณเคนตะด้วยนะครับ คุณเคนตะเป็นคนดี ช่วยเหลือผู้คนมามาก ตอนนี้เขาไปอยู่ในที่ๆ ดีแล้ว" โฮชิบอก
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณโฮชิช่วยอะไรดิชั้นอีกอย่างนะคะ พอดีดิชั้นเป็นคนร้องไห้แล้วต้องซบอกผู้ชาย แต่ตอนนี้สามีไม่ว่าง ขอโทษนะคะ ฮือ !"
แป้งร่ำร้องไห้โฮแล้วโผกอดโฮชิ โฮชิยอมให้กอดอย่างไม่ถือสา
รินดารามองโฮชิตลอดเวลา หลังจากที่รับรู้แล้วว่าเขาคือคนที่อยู่ในรูปของพ่อผัวแป้งร่ำจริงๆ
มิกิ รู้ว่ารินดาราได้ข้อมูลเกี่ยวกับโฮชิเพิ่มขึ้นแล้ว
ในคฤหาสน์โคสึกะ ไดซุเกะเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างร้อนใจ ฮิเดโนริเปิดประตูเข้ามา ไดซุเกะรีบเข้าไปถาม
"เป็นยังไง ได้ข่าวอะไรมาบ้าง"
"ผมถามเพื่อนที่เป็นตำรวจ เขาบอกว่าระยะหลังมานี้มักจะพบศพผู้ชายแห้งเหี่ยวติดกระดูกเหมือนตายมานานแล้ว แต่ตามประวัติของศพพวกนั้นล้วนแต่เป็นพวกยากูซ่า มีคดีติดตัวกันเพียบ"
"นั่นแหละฝีมือของนางปีศาจหิมะ มันดูดกิเลสของคนพวกนั้นเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง"
"แล้วนางปีศาจหิมะมันต้องการอะไรครับปู่"
"มันกินกิเลสเป็นอาหาร แสดงว่าจิตใจของมันก็เต็มไปด้วยกิเลสคิดอยากแก้แค้นเรา หรือไม่ก็พวกมิยาคาวะ"
"พวกมิยาคาวะเกี่ยวอะไรครับปู่"
"ตามตำนานที่ปู่ฟังมาจากบรรพบุรุษ นังปีศาจหิมะมันหลงรักเทพเจ้านกกระเรียนที่พวกมิยาคาวะเคารพ ถ้าเทพเจ้านกกระเรียนยังอยู่บนโลกมนุษย์จริงอย่างที่บรรพบุรุษของเราบอก นั่นก็แสดงว่า นังปีศาจหิมะอาจจะไปที่มิยาคาวะ"
"งั้นผมจะลองสืบจากคนในมิยาคาวะดูว่านางปีศาจหิมะไปวนเวียนที่มิยาคาวะบ้างหรือเปล่า"
"ดี...รีบตามล่าหามันให้พบ เพราะถ้ามันแข็งแรงขึ้นมาเมื่อไหร่ มันอาจจะย้อนกลับมาแก้แค้นเราที่กักขังมันมานานหลายร้อยปี"
ฮิเดโนริสีหน้าเครียดตึง
บรรยากาศเมือง Fukuoka City (Golden Week)ที่มีหนาแน่นไปด้วย อาคิระกับริเอะเดินเข้ามาหยุดยืนที่หน้าตึกโรงแรม ริเอะหันมาพูดกับอาคิระ
"อาคิระสัญญากับริเอะนะคะ ว่าจะรอฟังข้อเสนอของคุณแฮโรลด์ก่อน อย่าเพิ่งปฎิเสธเขาทันที"
อาคิระพยักหน้ารับ ทั้งสองกำลังจะเดินเข้าตึก แต่อาคิระหันไปเห็นไอเดินอยู่ไกลๆ
"ไอ !? มาทำอะไรแถวนี้ ... ริเอะ เดี๋ยวผมมา"
อาคิระไม่รอให้ริเอะตอบ แล้วเดินไปหาไอทันที
"อาคิระคะ อาคิระจะไปไหนคะ" ริเอะมองตามอย่างแปลกใจ
"ไอ"
อาคิระเดินตามไอท่ามกลางฝูงชนมากมาย
"ไอ ! ไอ"
แต่ไอไม่ได้ยิน ไอเดินหายเข้าไปในฝูงชน อาคิระเร่งฝีเท้าตาม
ไอเดินผ่านฝูงชนเข้ามาเจอฮิเดโนริที่ยืนคอยอยู่ ฮิเดโนริหันมายิ้มหวานให้
"คิดว่าเธอจะเคลียร์งานออกมาหาชั้นไม่ได้ซะแล้ว"
"เธอก็รู้ เพื่อเธอ ชั้นทำได้ทุกอย่าง ไปกันเลยมั้ยคะ"
"ยังก่อน"
ฮิเดโนริโน้มหน้าจูบไอ ไอหลับตาพริ้ม ซึ่งตอนนั้นอาคิระเดินผ่านฝูงชนเข้ามาจนเกือบจะเจอฮิเดโนริกับไออยู่ด้วยกันแล้ว ! แต่ริเอะก็เข้ามาคว้าแขน อาคิระให้หันกลับไป
"อาคิระ..มาทำอะไรตรงนี้"
อาคิระหันมาที่ริเอะแล้วหันกลับไปมองหาไอ แต่ไม่เจอไอซะแล้ว อาคิระสีหน้าสงสัย
ภายในโรงแรมที่หน้าฟร้อนต์ อาคิระง่วนอยู่กับการพยายามโทร.หาไอ
แต่โทร.ติดต่อไม่ได้ ส่วนริเอะกำลังคุยอยู่กับพนักงานโรงแรมเพื่อขึ้นไปพบกับแฮโรลด์
"อาคิระคะ..คุณแฮโรลด์ให้เราขึ้นไปพบเขาได้แล้ว..อาคิระคะ"
อาคิระยังพยายามโทร.หาไอ จนริเอะต้องแตะมือให้อาคิระเลิกโทร.
"โทร.หาไอไม่ได้ก็ไม่ต้องโทร.แล้วล่ะ"
"แต่ผมอยากรู้ว่าไอเข้าเมืองมาทำอะไร แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน"
"ไออาจจะมาทำธุระสำคัญก็เลยต้องปิดมือถือไม่อยากให้กวน อาคิระจะไปสงสัยทำไม"
"ผมไม่ได้สงสัยแต่ผมเป็นห่วง เพราะตอนที่ผมตามไอไป..ผมคลับคล้ายคลับคลาว่า จะเห็น…"
"เห็นอะไรคะ"
"ฮิเดะ"
"พวกโคสึกะน่ะเหรอ"
"ไม่รู้สิ..ผมเห็นไม่ชัด แต่คุ้นมาก เลยห่วงว่าถ้าเป็นมันจริงๆ ไอก็อาจจะเป็นอันตราย"
"แต่ริเอะว่าอาคิระคิดมากเกินไป ตอนนี้อาคิระมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณแฮโรลด์ ไว้เสร็จธุระตรงนี้แล้วค่อยติดต่อหาไออีกที..นะ..อย่าให้คุณแฮโรลด์รอนานเลย"
ริเอะแตะแขนอาคิระ อาคิระครุ่นคิด
ภายในห้องพักห้องสูทอย่างหรู มือหนึ่งของแฮโรลด์ถือโทรศัพท์คุย ส่วนสายตาชำเลืองมองแบบเสื้อผ้าอยู่กับ สไตลิสต์ แฮโรลด์หน้านิ่วคิ้วขมวด
แฮโรลด์คุยโทรศัพท์
"พอเลยยัยเพกา..นิสัยขี้มโนของหล่อนนี่มันเลิกไม่ได้จริงๆ แต่งงานแต่งการแล้วก็เลิกไปจุ้นจ้านกับคนอื่นเขา เดี๋ยวจะงานเข้าตัวอีก..โอเคนะ ชั้นต้องทำงานแล้ว" เขาวางสายแล้วหันมาดูแบบ "แต่ชุดนี้ไม่โอเค..ชุดนี้ก็... ก็ไม่โอเค..ส่วนชุดนี้" คิดนานขึ้นอีก "โอ๊ย...ไม่ไหวจะเคลียร์ เอาสมองส่วนไหนออกแบบเนี่ย งานโตเกียว แฟชั่นวีคนะ ไม่ใช่งานเทศกาลขายขนมโมจิ ขืนปล่อยให้เสื้อผ้าพวกนี้ขึ้นไปบนเวที หน้าชั้นได้แหกหมอไม่รับเย็บสิ"
แฮโรลด์บ่นไปแล้วปรี๊ดขึ้นเหวี่ยงวีนโยนแบบร่างเสื้อผ้าแฟชั่นกระจายเต็มพื้น
ริเอะกับอาคิระเดินเข้ามา ริเอะหยิบแบบเสื้อผ้าขึ้นมาแล้วพิจารณาอยู่ครู่
"แต่ริเอะว่าแบบเสื้อผ้าพวกนี้มันก็ไม่ได้แย่ขนาดใช้ไม่ได้เลยนะคะ ถ้าคุณให้โอกาส ริเอะก็อยากช่วยปรับเปลี่ยนสไตล์ใหม่ๆเข้าไปให้คุณพอใจได้ค่ะคุณแฮโรลด์"
แฮโรลด์ชะงักมองริเอะที่มากับอาคิระชายหนุ่มหน้าตาดี
"เธอเป็นใคร...กล้าดียังไงถึงเอาขยะที่ชั้นทิ้งไปแล้วมารีไซเคิลให้ชั้นใช้อีก"
"คุณคงจำชั้นไม่ได้..ตอนเรียนออกแบบเสื้อผ้าที่นิวยอร์ก ชั้นเคยเข้าไปฟังแลคเชอร์ของคุณค่ะ...ชั้น...ชินเอบะ ริเอะ"
แฮโรลด์หน้านิ่วคิดแล้วนึก
"อ๋อ..ชั้นนึกออกแล้ว ริเอะ..แม่สาวเจแปนนิสที่ควงนายแบบฝรั่งเศสเข้ามาฟังแลคเชอร์แล้วนัวเนียกันจนโดนชั้นเชิญออกจากคลาส"
ริเอะชะงักหน้าเสีย อายอาคิระ
แฮโรลด์แดกดันริเอะอย่างไม่สนใจแล้วเดินไปที่อาคิระ พิจารณามองหัวจรดเท้าอย่างสนใจ
"แล้วสุภาพบุรุษคนนี้คือ…"
"ผมมิยาคาวะ อาคิระ"
แฮโรลด์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
"มิยาคาวะนัดกันไว้ใช่มั้ย...ตายแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะครับ เชิญทางนี้เลยครับคุณอาคิระ"
แฮโรลด์ต้อนรับอาคิระอย่างดี ชวนให้ไปคุยกันอีกห้องหนึ่งเดินผ่านริเอะอย่างไม่สนใจ ทำให้ริเอะชักสีหน้า
มิกิ โฮชิและรินดาราเดินเข้ามาหลังจากเพิ่งกลับจากร้านแป้งร่ำ รินดาราเดินรั้งท้าย เธอลอบมองโฮชิตลอด เวลา..ในหัวคิดแต่เรื่องที่เพิ่งรู้ว่า โฮชิคือผู้ชายคนที่อยู่ในรูปของพ่อผัวแป้งร่ำเมื่อห้าสิบปีก่อนจริงๆ
มิกิกับโฮชิหยุดเดิน มิกิหันมาหารินดารา
"คุณรินดาราคะ"
โฮชิพลอยหันมามองรินดารา รินดาราต้องรีบชักสายตามาหามิกิ แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เดี๋ยวทานของว่างด้วยกันก่อนนะคะ ดิชั้นจะให้นานะจัดขนมทานกับน้ำชา"
"ไม่เป็นไรค่ะ ดิชั้นยังไม่หิว เดี๋ยวจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปดูแลหนูอายูมิต่อด้วยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"
รินดารายิ้มให้มิกิกับโฮชิ แต่รินดาราไม่สบตาโฮชิเพราะทำหน้าไม่ถูก แล้วเดินออกไป
โฮชิมองตามรินดาราไปอย่างเศร้าๆ ส่วนมิกิมองโฮชิด้วยความสงสารเห็นใจ
รินดาราเดินเข้ามา แล้วคิดถึงสิ่งที่ได้ยินจากหมอเคนตะเรื่องที่เขาเคยพบกับหมอเคนตะเมื่อห้าสิบปีก่อน "คุณโฮชิ คุณจริงๆ ด้วย จำผมได้ไหม เราเคยเจอกันเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว"
รินดาราครุ่นคิดสงสัย
"ผู้ชายในรูปคือท่านชายโฮชิจริงๆ ผ่านมาห้าสิบปีแล้วทำไมท่านชายถึงยังดูเหมือนเดิม เป็นไปไม่ได้ หรือว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด"
จู่ๆ ปานแดงที่หลังของรินดาราสว่างวาบ รินดาราเจ็บอย่างรุนแรงราวกับว่าปานแดงนั้นค้านความคิดของเธอ
"โอ๊ย"
รินดาราเจ็บจนทรงตัวไม่อยู่ เซพิงกับเสาไม้ แล้วโฮชิก็เข้ามาช่วยประคองรินดารา
"เจ็บปานที่หลังอีกแล้วเหรอฮิคาริ"
รินดาราชะงักกึกหันไปมองหน้าโฮชิอย่างหวาดๆ ปั้นหน้าไม่ถูกเพราะมีคำถามเกี่ยวกับเขาเต็มหัวไปหมด
"เอ่อ...ค่ะ แต่ชั้นไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ" เธอรีบผละออกจากการประคองของโฮชิ "ชั้นขอตัวก่อนนะคะ"
โฮชิคว้ามือรินดาราไว้
"เดี๋ยวฮิคาริ ชั้นมีบางอย่างอยากจะบอกเธอ"
โฮชิก้าวเข้าไปยืนตรงหน้า สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอ เธอไม่สบตาเขาก้มมองต่ำตลอด แล้วโฮชิก็นำมือที่เกาะกุมมือเธอมาวางบนหน้าอกข้างซ้ายของเขา
รินดาราเงยหน้าสบตากับโฮชิด้วยความอึ้ง คาดไม่ถึงทันที
"ฮิคาริ..ไม่ว่าเธอจะคิดอะไรอยู่ แต่ชั้นอยากให้เธอรู้ว่ารอยยิ้มของเธอทำให้ชั้นมีความสุข ชั้นขอให้ได้เห็นรอยยิ้มของเธอเหมือนเดิมได้มั้ย"
"ถ้าอย่างนั้นท่านชายบอกชั้นได้ไหมคะ ว่าความจริงแล้วท่านชายเป็นใคร"
"เธอรู้ดีว่าชั้นเป็นใคร"
รินดาราแปลกใจ
"ชั้นน่ะเหรอคะที่รู้"
" ใช่..เธอรู้..ลองคิดดูให้ดีๆสิ แต่อย่าคิดด้วยสมอง ต้องใช้หัวใจคิด แล้วเธอจะรู้คำตอบว่า ชั้นเป็นใคร"
รินดารามองโฮชิอย่างแปลกใจ
กลกิโมโน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ห้องกิโมโนโฮชิบนหอคอย มิกิพูดกับโฮชิที่ยืนมองกิโนโฮชิซึ่งแขวนอยู่ตรงหน้า
"ทำไมท่านชายไม่บอกความจริงกับเธอไปเลยล่ะคะ ว่าท่านชายเป็นใครและตัวคุณรินดาราเป็นใคร"
"ชั้นยังทำใจไม่ได้หรอกมิกิ แค่ฮิคาริสงสัยว่าชั้นคือคนที่มีชีวิตอยู่เมื่อห้าสิบปีที่แล้ว เธอยังมองชั้นเหมือนเป็นตัวประหลาด แล้วถ้าฮิคาริรู้ความจริงทั้งหมดในตอนนี้แล้วเกิดกลัวชั้นขึ้นมา."
โฮชินิ่งไป มิกิรู้ทันความรู้สึกท่านชาย
"แค่เธอกลัวท่านชายเพียงวินาทีเดียว ก็ทำให้ท่านชายทรมานมากกว่าเวลาที่ต้องติดอยู่บนโลกถึงสี่ร้อยปี"
"ใช่..แม้วินาทีเดียวชั้นก็ไม่อยากถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น"
"เฮ้อ...งั้นเราก็ต้องรอให้รินดารารู้ความจริงด้วยตัวเองแบบนี้ต่อไปใช่มั้ยคะ แล้วจะเมื่อไหร่ล่ะคะ เพราะเธอก็ดันไปรับปากอาคิระว่าจะไม่ขึ้นมาที่หอคอยอีกจนกว่าอาคิระจะอนุญาต"
"เมื่อถึงเวลาที่เธอพร้อมทำหน้าที่ ที่เมียวโจเลือกอวตารลงมาในร่างของเธอ"
โฮชิพูดพร้อมกับยื่นมือไปลูบที่ลายปีกนกกระเรียนสีทองบนกิโมโนโฮชิ
"หน้าที่ค้นหาเส้นไหมจากขนนกกระเรียนทองคำ แล้วนำมาปักลายบนกิโมโนของชั้นให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อส่งชั้นกลับสู่สวรรค์อีกครั้ง"
รินดาราคุยโทรศัพท์กับแม่อยู่ในห้องนอน
"จริงๆนะคะแม่ ท่านชายโฮชิคือคนที่มีอายุมานาน แต่เขาไม่แก่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย"
ดวงดาวคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้าน
"จะเป็นไปได้ยังไง อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะดารา"
"หนูว่าไม่ใช่หรอกค่ะ ท่านชายกับคุณย่ามิกิต้องมีความลับอะไรปิดบังอยู่"
"เขามีความลับอะไรมันก็เรื่องของเขา ระวังหนูจะไปยุ่งวุ่นวายกับเขามากเกินไปนะลูก"
"ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับหนู หนูก็ไม่อยากยุ่งหรอกค่ะ แต่หนูแค่อยากรู้ว่าทำไมยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งสงสัยเรื่องของท่านชายมากเท่าไหร่ หนูก็จะยิ่งเจ็บปานที่หลังและเจอเรื่องไม่น่าเชื่อ มากขึ้น แล้วอีกอย่างท่านชายก็พูดแปลกๆเหมือนกับว่า หนูเคยรู้จักเขามาก่อน...ไม่แน่นะคะแม่ เรื่องที่หนูรู้ทั้งหมดนี้อาจจะเกี่ยวกับคำตอบที่หนูตามหาอยู่ก็ได้"
ดวงดาวเป็นห่วงแต่ก็เตือน
"งั้นก็ระวังๆ ด้วยแล้วกันนะลูกนะ"
"ค่ะแม่ ... แม่คะ พ่อเป็นยังไงบ้างคะ"
"สบายดี ไม่ได้ออกไปทำงานข้างนอกตามที่ตกลงกับดาราแล้ว ตอนนี้ก็นั่งดูทีวีอยู่ ดาราไม่ต้องเป็นห่วงนะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี"
"ค่ะแม่ ฝากบอกพ่อด้วยนะคะว่าหนูคิดถึง"
"จ้ะลูก"
ดวงดาววางสาย แล้วหันไปหาสุรินทร์ที่นอนซมอยู่บนเตียง แล้วไอค่อกแค่กขึ้นมา
ดวงดาวเข้าไปหาสุรินทร์
"เป็นยังไงบ้างพี่"
"ไม่เป็นไรหรอก แค่อาการป่วยมันยังมีค้างอยู่ อย่าบอกดาราล่ะ เดี๋ยวลูกจะไม่สบายใจ"
"จ้ะพ่อ"
สุรินทร์ไอค่อกแค่ก ดวงดาวมีสีหน้าไม่สบายใจ
มุมหนึ่งของห้อง แฮโรลด์ชื่นชมอาคิระอย่างออกหน้าออกตา
"กิโมโนของตระกูลมิยาคาวะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่นชั้นสูงมาช้านานหลายร้อยปี โด่งดังจนเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ถ้าชีวิตนี้ผมไม่ได้สัมผัสอย่างลึกซึ้ง คงถือว่าเสียชาติเกิด"
"ขอบคุณมากครับคุณแฮโรลด์ กิโมโนของมิยาคาวะทุกชุดไม่ใช่แค่อาภรณ์ไว้สวมใส่ แต่มันคือจิตวิญญาณที่เรารับมาจากบรรพบุรุษ และส่งต่อให้กับผู้ที่มีใจรักในชุดกิโมโน"
"ผมเห็นด้วยครับ ผมเองก็ศึกษากิโมโนมาหลายปี แต่ยังไม่เคยเห็นกิโมโนของตระกูลไหนที่เพียงแค่สัมผัสก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ และความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ในทุกเส้นไหมและลายผ้า ผมถึงไม่อยากให้ของสูงค่าอย่างกิโมโนของมิยาคาวะต้องซ่อนตัวอยู่แค่ในหุบเขาสึกิ"
อาคิระโค้งหัวให้
"ขอบคุณอีกครั้งครับที่คุณให้ความสำคัญกับกิโมโนของเรา แต่ก็อย่างที่คุณรับรู้นั่นแหละครับ กิโมโนของเรามีชื่อเสียงมาช้านาน เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะไปป่าวประกาศอวดใครต่อใครอีก"
แฮโรลด์ชะงักหน้าเสีย อาคิระลุกขึ้นแล้วพูดลา
"ผมตั้งใจมาพบคุณก็เพื่อจะบอกด้วยตัวเอง หวังว่าคนที่ศึกษากิโมโนของเรามาตลอดจะเข้าใจเจตนารมณ์ของเรานะครับ"
อาคิระเดินออกไป แฮโรลด์เหวออึ้ง ริเอะหน้าเสียรีบเข้าไปจับมือแฮโรลด์
"อาคิระเขาเป็นคนค่อนข้างจะหัวโบราณ ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของคุณ แต่ริเอะช่วยพูดกับเขาให้ได้นะคะ"
"ถ้าเธอช่วยได้..ชั้นจะให้โอกาสที่เธอถามหาเมื่อกี้ แล้วก็อย่านานล่ะเพราะเสร็จจากที่ญี่ปุ่นแล้ว ชั้นต้องนำส่าหรีโบราณของราชวงศ์มันตราปุระที่ขอยืมไปจัดแสดงนิทรรศการเอากลับไปคืนให้มหาราชา"
ริเอะสีหน้ายิ้มทันที
"ค่ะคุณแฮโรลด์"
ริเอะรีบตามอาคิระมาที่ลิฟต์ ระหว่างที่อาคิระกำลังเรียกลิฟต์
"อาคิระ..เดี๋ยวสิ"
"ผมตัดสินใจไปแล้วนะริเอะ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมพูด"
"แต่ริเอะอยากให้อาคิระคิดไตร่ตรองดูให้ถี่ถ้วนอีกที สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชียของคุณแฮโรลด์เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเสื้อผ้าที่ดีที่สุดในโลก ถ้าเขาไม่เห็นคุณค่ากิโมโนของมิยาคาวะ เขาจะบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาติดต่อเหรอ"
"ของบางอย่างมันก็ควรอยู่ในที่ๆมันควรอยู่"
"เหมือนหัวใจของอาคิระใช่มั้ย ที่ถูกขังอยู่แต่ข้างใน ไม่ว่าริเอะจะเห็นค่ามากแค่ไหน อาคิระก็ไม่ยอมเปิดหัวใจให้อีก"
ระหว่างนั้นลิฟต์มาถึงพอดีประตูเปิด
อาคิระนิ่งไป)
"ผมว่าถ้าคุณสบายใจเรื่องที่บ้านแล้ว เราก็ควรจะกลับกันซะที ผมจะไปส่ง"
อาคิระผายมือให้ริเอะสีหน้าเรียบเฉย
Fukuoka City - Food street at Nakasu Hataka ตอนกลางคืน ไอควงแขนฮิเดโนริเดินตามทางเดิน อิงศีรษะซบไหล่
"ที่เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมันจะสั้นแค่นิดเดียวมันเป็นแบบนี้นี่เอง"
"ผมก็เหมือนกัน ถ้าสามารถหยุดเวลาได้ ผมก็อยากจะหยุดเวลาให้มีแต่เราสองคน"
"แต่ไอว่าแทนที่ฮิเดะจะคิดเรื่องหยุดเวลา ฮิเดะน่าจะคิดอะไรที่จริงจังกว่านะ"
ฮิเดโนริชะงัก
"ผมเองก็ไม่อยากให้คุณต้องมาอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ แต่ในเมื่อความขัดแย้งของตระกูลเรามันมันยากที่จะประสานรอยร้าวได้ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง"
"แล้วถ้าเราหนีกันไปสองคนล่ะ ไม่ต้องมารับรู้ปัญหาที่เราไม่ได้ก่อ"
"คุณอยากเห็นผมเป็นผู้ชายยอกตัญญูทิ้งปู่ที่เลี้ยงดูผมไปเหรอ"
ไอนิ่งไปครู่
"งั้นไอถามหน่อยได้มั้ย เรื่องที่อายูมิพูดถึงเด็กจากบ้านโคสึกะ"
"ที่หาว่าพวกผมมีแผนฆ่ารินดาราน่ะเหรอ ผมเสียใจมากนะ ถ้าไอจะเชื่อเรื่องแบบนั้น"
ไอจับมือเขามากุมมองหน้าอย่างซึ้ง
"ยังไงไอก็ไม่เชื่อหรอก ฮิเดะเป็นคนดีเกินกว่าที่จะทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้นได้"
ฮิเดโนริยิ้มรับแล้วหอมหน้าผากไอ
"ขอบคุณครับสำหรับความไว้ใจผม ผมว่าก่อนที่เราจะต้องแยกย้ายกันกลับ เราแวะไปหาของอร่อยๆกินกัน มีอีกหลายเรื่องเลยที่ผมอยากถามคุณ"
ไอยิ้มรับแล้วเดินควงแขนฮิเดะเดินไปตามทางต่อ
เวลากลางคืนต่อมา ในคฤหาสน์โคสึกะ ไดซุเกะสีหน้าครุ่นคิดหลังจากฟังหลานชายมารายงาน
"แกแน่ใจนะว่าคนของแกยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดปกติ"
"ครับคุณปู่ ผมตะล่อมถามหลายอย่างเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับนางปีศาจหิมะ เผื่อว่ามันจะเข้าไปป้วนเปี้ยนที่บ้านมิยาคาวะ แต่เท่าที่ฟังจากคนของผมแล้วนางปีศาจหิมะ ยังไม่ได้ไปปรากฏตัวที่นั่น"
ไดซุเกะนิ่งคิด
"เป็นไปได้มั้ยครับว่ามันอาจจะหนีไปแล้ว ไม่ได้คิดสนใจเทพเจ้านกกระเรียนอีก"
"เป็นไปไม่ได้...ความต้องการของนางปีศาจหิมะมีอยู่เพียงอย่างเดียว ยิ่งมันต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกกักขังมาเป็นร้อยๆปี มันก็ยิ่งอยากจะตามหาเป้าหมายของมันมากขึ้นเท่านั้น"
"งั้นถ้าเราหามันเจอ ก็เท่ากับเราจะได้เจอเทพเจ้าของพวกมิยาคาวะ ได้จัดการพวกมัน แก้แค้นให้กับเทพเจ้าของเรา"
"แต่นั่นหมายความว่าเราต้องกำราบนางปีศาจหิมะให้อยู่ในมือเราให้ได้ก่อนนะฮิเดะ"
"ผมเข้าใจครับปู่ พลังของมันน่ากลัวมาก ขนาดตอนที่มันกำลังอ่อนแอ ผมยังเกือบถูกมันเล่นงาน แย่งเอาพลังปีศาจจิ้งจอกของผมไปได้เลย"
ไดซุเกะสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักใจอยู่ครู่ก่อนจะลุกไปหยิบตำราโบราณของตระกูลมานิ่งมอง
"บางทีอาจจะถึงเวลาที่ปู่ต้องลองเสี่ยงดู"
"เสี่ยง ? หมายความว่ายังไงครับปู่"
อาคิระมาส่งริเอะถึงห้องโถง
"ขอบคุณมากนะอาคิระ..อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจริเอะทั้งวัน"
"คุณย่าเป็นห่วงคุณ ผมเองก็เป็นเพื่อนคุณ ถ้ามีอะไรก็ปรึกษากันได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"
"จ้ะ" เธอเข้าไปจับมืออาคิระมากุม พยายามซบตาซึ้ง "ถ้าไม่มีอาคิระ ริเอะก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร"
อาคิระแตะมือริเอะเบาๆ
"ถ้าผมไม่ว่างคุณก็ยังมีคุณย่าคอยให้คำปรึกษา ท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านรู้ดีกว่าผมว่าควรจะต้องแก้ปัญหายังไง"
ริเอะชะงัก
"เอ่อ..จ้ะ..แล้วริเอะจะโทร.ไปขอบคุณคุณย่าด้วย"
อาคิระปล่อยมือจากริเอะแล้วเดินออกไป ริเอะทักเพราะต้องการย้ำ
"เดี๋ยวก่อนค่ะอาคิระ เรื่องคุณแฮโรลด์ ริเอะอยากให้คิดดูอีกที คุณแฮโรลด์แค่จะขอยืมกิโมโนไปจัดแสดง 3 เดือน มันคือโอกาสดีที่อาคิระจะเผยแพร่ให้คนตะวันตกรู้ถึงภูมิปัญญาและงานศิลปะของประเทศเรา"
อาคิระนิ่งคิด
"อาคิระไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงของตระกูลอย่างเดียว แต่กำลังทำเพื่อชื่อเสียงประเทศด้วย"
"ไว้ผมจะเอากลับไปปรึกษาคุณย่าแล้วกัน..ผมกลับนะริเอะ"
อาคิระเดินออกไป ริเอะมองตามอย่างมีความหวัง ระหว่างนั้นมาโกโตะเดินเข้ามา
"หายไปกับอาคิระทั้งวัน คงทำให้ลูกเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่ายูกิทำอะไรได้บ้าง"
ริเอะชะงักหันมามองมาโกโตะ
ในบรรยากาศวังเวงของค่ำคืน ไดซุเกะถือเทียนสีขาวเล่มใหญ่เดินมาตามทางเดินโรยกรวด มีเทียนเล่มเล็กๆเรียงรายตามสองข้างทาง และมัน สว่างติดเองทีละเล่มๆระหว่างที่ไดซุเกะเดินผ่านและสว่างทุกเล่มครบเมื่อไดซุเกะเดินมาหยุดที่หน้าศาลเทพเจ้าจิ้งจอกประจำคฤหาสน์โคสึกะ
"แกกลับไปรอปู่ที่คฤหาสน์ เสร็จธุระแล้วปู่จะกลับไปเอง"
"แต่ปู่ครับ"
"ชั้นบอกให้กลับไป"
ฮิเดโนริสีหน้าเป็นห่วง แต่ไดซุเกะมีสีหน้าจริงจังและหันไปพยักหน้าสั่งอัตสุโอะอีกที
"ครับคุณท่าน"
อัตสุโอะรับคำสั่งอย่างรู้ทัน ด้วยการเอามีดพกซามูไรเล่มเล็กๆที่เหน็บเอวมายื่นให้ ไดซุเกะรับมาแล้วหน้ามุ่งมั่น
"ไปกันได้แล้ว..ชั้นไม่อยากให้พวกแกรบกวนสมาธิ..ไป"
ฮิเดโนริโค้งให้ปู่แล้วทยอยเดินออกไป โดยสายตายังมองปู่ด้วยสีหน้ากังวล
หลังจากฮิเดโนริออกไปกับอัตสุโอะแล้ว ไดซุเกะก็เข้าไปนั่งขัดสมาธิที่หน้าศาล เอาคัมภีร์คาถาโบราณของตระกูล ออกมาเปิด แล้วเริ่มบริกรรมคาถาพึมพัม ระหว่างนั้นเองสายลมเริ่มพัดเข้ามาไล่ดับเทียนที่ทางเดินให้ดับไปทีละ ดวง..ละดวง
ในห้องสตูดิโอของริเอะ มาโกโตะพาริเอะเข้ามาหายูกิที่กำลังยืนชื่นชมกับเสื้อผ้าที่ริเอะออกแบบตัดเย็บ และแขวนอยู่บนตัวหุ่นโชว์
"เอามือสกปรกของแกออกจากเสื้อผ้าของชั้นเดี๋ยวนี้..นังปีศาจ"
ริเอะขึ้นเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจ ยูกิหันขวับมาจิกตากร้าวมองด้วยใบหน้าขาวซีด แม้พลังจะยังคืนมาไม่เต็มที่ แต่เธอก็ยังดูน่าเกรงขามและน่ากลัวอยู่
"แกเรียกชั้นว่านังปีศาจเหรอ..นังมนุษย์ชั้นต่ำ"
ยูกิยื่นมือออกไปกลางอากาศแล้วบีบ ริเอะก็หน้าดำหน้าแดงหายใจไม่ออก
มาโกโตะตกใจ
"ยูกิ..อย่าทำลูกสาวชั้นเลย ชั้นขอร้อง ริเอะไม่ได้พูดเรื่องของเธอให้ใครฟังเลย"
มาโกโตะเว้าวอน ยูกิจึงค่อยๆคลายมือ ริเอะหายใจเฮือกใหญ่เกือบตายจนมาโกโตะต้องเข้าไปประคองตัวขึ้น
"เห็นรึยังริเอะว่ายูกิสามารถช่วยอะไรเราได้บ้าง เรื่องวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะยูกิสะกดจิตสั่งมิกิ ลูกก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่กับอาคิระสองต่อสองแบบนี้"
"และถ้าเธอทำตัวดีเป็นทาสซื่อสัตย์ให้กับชั้นเหมือนที่พ่อเธอทำ อาคิระก็จะเป็นของเธอ"
ริเอะนิ่งมองแล้วแกะมือพ่อเดินเข้าไปหายูกิอย่างไม่กลัวปีศาจ
"ถ้าหมายถึงจะสะกดจิตอาคิระให้มาเป็นของชั้นล่ะก็..ไม่ต้อง !! ชั้นอยากให้เขากลับมารักชั้นเหมือนเมื่อก่อน
ด้วยความรักจริงๆ ไม่ใช่หุ่นเชิดที่ต้องรอให้ชั้นชักใย"
ยูกิเห็นสีหน้าจริงจังของริเอะแล้วก็ยิ้มชอบใจ ยื่นมือที่ขาวซีดเข้าไปใกล้หน้าริเอะซึ่งค่อนข้างสะอิดเอียดการ สัมผัสจากปีศาจ ริเอะพยายามเบือนหน้าหลบ แต่มือยูกิก็มาสัมผัสแก้มเธออย่างแผ่วเบา
ไดซุเกะบริกรรมคาถาจากคัมภีร์โบราณของตระกูล ลมเริ่มพัดเข้ามาแรงขึ้นจนทำให้ต้นไม้รอบๆศาลเจ้า ไหวไปมา และเทียนที่ไล่ดับไปทีละดวงก็ดับจนหมด รวมทั้งเทียนสีขาวเล่มใหญ่ที่ไดซุเกะถือมา
บรรยากาศอยู่ในความมืด ลมที่พัดมาหยุดนิ่งไปดื้อๆ จากนั้นเทียนทุกเล่มที่ดับไปแล้วก็ติดขึ้นมาเองพร้อมกัน หมดทุกดวง...พรึ่บ !!
ไดซุเกะลืมตาโพล่งขึ้นมา สีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็ค่อยๆชักมีดพกซามูไรออกจากฝักแล้วกรีดมันลงไปที่ฝ่ามือ ให้เลือดสีแดงฉานค่อยๆไหลซึมออกมา ใบหน้าของไดซุเกะแสดงอาการเจ็บปวดขึ้นมาทีละนิด
เลือดของไดซุเกะค่อยๆหยดลงมาที่ตุ๊กตาฮินะซึ่งเคยเป็นที่กักขังจิตวิญญาณของยูกิ
ยูกิลูบมืออันเย็นเชียบของเธอไปที่แก้มริเอะพร้อมแสยะยิ้มร้ายน่ากลัว ริเอะขนลุกซู่เย็นชียบ
"ความรักอันยิ่งใหญ่ของเธอช่างเหมือนชั้นจริงๆริเอะ..นี่ถ้าร่างของยูกิคนนี้เกิดใช้การไม่ได้ขึ้นมา ร่างของเธอก็เหมาะมากที่จะใช้เป็นที่อยู่ใหม่ให้กับชั้น"
ริเอะตกใจผวารีบถอยทันที
"อย่านะ..อย่ามายุ่งกับร่างของชั้น"
ยูกิหัวเราะชอบใจ
"ชั้นก็แค่ขู่เธอเท่านั้นแหละริเอะ ยังไงร่างของยูกิคนนี้ก็เป็นร่างที่ชั้นชอบมากที่สุด"
"เอาเป็นว่า..ต่อไปนี้ ริเอะจะเชื่อฟังเธอ แลกกับสิ่งที่เธอรับปากว่าจะตอบแทนให้พวกเรา"
"แน่นอน..ตราบใดที่แกสองคนพ่อลูกยังคงเป็นทาสที่ซื่อสัตย์กับชั้นตลอดไป"
ยูกิพูดไปได้ไม่ทันขาดคำ ไฟในห้องก็ติดๆดับๆขึ้น แล้วยูกิก็เริ่มมีอาการปวดหัวรุนแรงจนส่งเสียงร้อง...กรี๊ด
สองพ่อลูกตกใจเพราะเสียงร้องของเธอดังจนแสบแก้วหู หุ่นลองเสื้อผ้าล้มระเนระนาด
"ปวด..ปวดเหลือเกิน..โอ้ย"
ยูกิเอามือกุมหัวร้องลั่นก่อนจะแน่นิ่งไป
ในคฤหาสน์ ฮิเดโนริจะเดินออกไปที่ศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอกด้วยความเป็นห่วง อัตสุโอะตามหลังพยายามห้าม
"คุณฮิเดะครับ..นายท่านสั่งห้ามว่าถ้ายังทำพิธีไม่เสร็จ ห้ามเข้าไปรบกวนนะครับ"
"แต่นี่มันนานเกินไปแล้ว พิธีโบราณของตระกูลที่ปู่ใช้สั่งสอนนางปีศาจหิมะ มันอันตรายกับคนที่ใช้ ตอนนี้ปู่ยิ่งร่างกายไม่แข็งแรง ถ้าทนกับความเจ็บปวดระหว่างทำพิธีไม่ได้" เขากระชากคอเสื้ออัตสุโอะ "แกรู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับปู่ของชั้น"
"ผม..ผมทราบครับ ผมเองก็เป็นห่วง แต่คุณท่านกำชับ"
"ชั้นไม่สนใจ"
ระหว่างนั้นเสียงร้องของไดซุเกะดังลั่นเข้ามา
"อ๊าก"
ฮิเดโนริตกใจ "ปู่ !"
ฮิเดโนริกับอัตสุโอะวิ่งเข้ามาที่หน้าศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก พบไดซุเกะนอนหายใจหอบถี่ ท่าทางเหนื่อยและอ่อนแรงมาก มีดซามูไรเล่มเล็กตกอยู่ที่พื้นใกล้กับตุ๊กตาฮิะที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดของไดซุเกะ
"ปู่..ปู่ครับ"
"ปู่..ปู่ใช้คา..คาถาโบราณของตระกูลเรา ไปควบ...ควบคุมนางปีศาจหิมะเอาไว้แล้ว จากนี้ไป..ไม่ว่า..มัน..มันจะอยู่ที่ไหน..มันจะต้องกลับ..กลับมาหาเรา"
ไดซุเกะพูดอย่างอ่อนแรงตาปรือ ก่อนจะค่อยๆนิ่งหมดแรง ฮิเดะตกใจ
"ปู่"
"คุณท่าน"
ฮิเดโนริจับมือปู่แน่นเอียงหูนิดเดียวเพื่อฟังเสียงหัวใจ
"ปู่ยังไม่ตาย..แกรีบไปตามหมอมาเร็ว"
อัตสุโอะรับคำแล้วรีบออกไป ฮิเดะกำมือปู่แน่นมองด้วยความเป็นห่วง
มาโกโตะช่วยพยุงริเอะให้มานั่งที่เก้าอี้ทำงาน ยูกิอยู่ในสภาพอ่อนแรงปากซีดพอๆกับใบหน้าที่ซีดขาว
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอคะพ่อ"
มาโกโตะพยายามแตะตัวเรียกสติ)
"ยูกิ..ยูกิ..เกิดอะไรขึ้นกับเธอ"
"คุณพ่อคะ..หรือว่า..เธออยากจะได้เหยื่ออีก... ช่วยพากันไปกินเหยื่อข้างนอกกันได้มั้ยคะ ริเอะสะอิดเอียน ขนลุกรับไม่ได้ค่ะ"
"ยูกิ..เธอต้องการเหยื่ออีกเหรอ..ยูกิ"
"ไม่..ไม่..ชั้นถูกพวกมัน..เล่นงานชั้นเข้าให้แล้ว"
ยูกิพูดพร้อมกับแหวกคอเสื้อออกให้มาโกโตะเห็นชัดๆว่าที่คอของเธอมีรอยคล้ำสีแดงพันรอบคอเหมือนกับมี เชือกมารัดคอเอาไว้ ริเอะกับมาโกโตะเห็นเข้าก็แปลกใจ
"พวกมันคงรู้ตัวแล้วว่าชั้นหลุดจากการจองจำ..พวกมันก็เลยพยายามจะควบคุมชั้น"
"พวกมัน? ใครเหรอยูกิ"
"พวก..พวกโคสึกะ"
ยูกิพูดด้วยความยากลำบากในการพูดและรู้สึกเจ็บปวดที่รอยรัดคอจากฝีมือของไดซุเกะ
วันใหม่ รินดาราเดินไปเดินมาอยู่ที่สวน สายตาจับจ้องไปที่บนหอคอย เธอครุ่นคิด จนไม่รู้ว่าอาคิระเดินเข้ามา เธอเลยหันไปชนอย่างจัง
"โอ๊ย !! คุณอาคิระ นี่คุณมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"
"มาสักพักแล้ว ถึงได้เห็นว่าเธอเอาแต่มองไปที่หอคอยของท่านชาย ว่างมากไม่มีงานต้องทำกายภาพให้อายูมิเหรอไง"
รินดาราชะงัก
"ตอนนี้อายูมิกำลังเรียนกับครูพิเศษอยู่"
"เธอก็เลยมาป้วนเปี้ยน...คิดอยากขึ้นไปบนหอคอยของท่านชาย"
"ชั้นรับปากคุณแล้ว อะไรที่เป็นกฏของคุณ ชั้นต้องทำตามอย่างเคร่งครัด !!" รินดาราประชด
"ก็ดีที่คุณพยายามให้ความร่วมมืออยู่ร่วมกับกฏระเบียบในบ้านผม ทั้งๆที่มันคงขัดกับความอยากรู้อยากเห็นของคุณ...มาก"
รินดาราฉุน
"ก็เรื่องที่ชั้นอยากรู้มันเรื่องที่เกี่ยวกับตัวฉะ..." เธอจะบอกว่าเกี่ยวกับตัวเองแต่นิ่งไป เพราะไม่อยากให้อาคิระรู้ "ไม่มีอะไรหรอก ชั้นกลับห้องชั้นก็ได้"
รินดารารีบเดินออกไปตามทางในสวน อาคิระมองตามสีหน้าสนใจ
รินดาราเข้ามาในห้อง นั่งลงหน้ากระจกแล้วเปิดไหล่เอี้ยวตัวหันไปดูปานรูปดาวที่แผ่นหลังสีหน้าครุ่น คิดเปรยบ่นๆ
"ถ้ามันไม่เกี่ยวกับปัญหาของตัวชั้น ก็ไม่ได้อยากจุ้นจ้านสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นหรอก"
รินดาราถอนใจออกมาสีหน้าครุ่นได้ครู่ เสียงอาคิระก็กระแอมไอมาจากหน้าห้องผ่านบานเลื่อน
รินดารารีบปิดเสื้อคืนแล้วลุกไปเลื่อนประตูสีหน้าไม่พอใจใส่อาคิระ
"จะตามมาว่าอะไรชั้นอีกไม่ทราบ"
"ก็เรายังคุยกันไม่จบแล้วคุณก็เดินหนีผมมา"
"ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว"
"ไม่มีอะไรจะพูด หรือมีแต่ไม่อยากพูด"
"นี่คุณ..ถึงชั้นจะเป็นลูกจ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นที่ชั้นจะต้องตอบทุกคำถามของนายจ้างนะ ชั้นก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวของชั้นบ้าง"
รินดาราจะเลื่อนประตูปิด แต่อาคิระเอามือดันไว้ไม่ให้ปิด
"แต่ถ้าเรื่องส่วนตัวคุณมันเกี่ยวข้องกับเรื่องในบ้านที่ผมต้องดูแล..คุณก็ต้องคุยกับผม"
อาคิระดันไม่ให้รินดาราปิดประตู แถมยังพุ่งตัวเข้าไปในห้องเธออย่างไม่สนใจคำร้องห้าม
"นี่คุณ..จะมากไปแล้วนะ นี่มันห้องชั้น"
"เล่าสิ่งที่คุณเกือบจะพูดออกมาให้ผมฟัง ไม่อย่างนั้น ผมจะนั่งอยู่ในนี้ไม่ไปไหน"
"ถ้าคุณไม่ไป..ชั้นไปเอง"
"งั้นก็ต้องหนีผมให้ตลอดนะ..เพราะผมจะตามคุณไปทุกที"
"คุณอาคิระ"
อาคิระกอดอกมองรินดาราหน้านิ่งๆ แต่ดูกวนประสาทมาก รินดาราหน้าเซ็งๆ หางตามองอาคิระแล้วคิดเอาไงดี
รินดาราคว่ำภาพถ่ายที่ได้มาจากแป้งร่ำ เลื่อนไปบนโต๊ะญี่ปุ่นให้อาคิระ
อาคิระมองอย่างสงสัยและกำลังจะรีบไปดู แต่อยู่ๆรินดาราก็เลื่อนกลับเปลี่ยนใจ
"ไม่เอาดีกว่า..ถ้าชั้นบอกคุณ คุณจะหาว่าชั้นเพ้อเจ้อไร้สาระเหมือนที่ชั้นโดนผีหลอก"
"ถ้าผมเห็นว่าคุณเพ้อเจ้อจนไม่น่าไว้ใจล่ะก็...ป่านนี้คุณคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วล่ะรินดารา"
รินดารานิ่งไปครู่แล้วตัดสินใจ
"งั้นเป็นไงเป็นกัน ถ้าชั้นทำให้คุณสงสัยเหมือนกับที่ชั้นสงสัยได้ บางทีคุณอาจจะยอมช่วยให้ชั้นไขปริศนาเกี่ยวกับท่านชาย..และตัวชั้น"
รินดารายื่นรูปถ่ายให้ อาคิระรับไปพลิกขึ้นมาดู แต่ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต
"ก็ภาพเก่าๆธรรมดา..ไม่เห็นมีอะไร"
"ดูดีๆ..แล้วคุณจะเห็นท่านชายอยู่ในภาพที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่ท่านชายกลับเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว"
อาคิระคิ้วขมวดสงสัยยกรูปขึ้นมาดูอีกครั้ง
ในห้องโถงของคฤหาสน์ มิกิกำลังตัดแต่งกิ่งไม้ปักลงประดับแจกัน ไอเข้ามา
"ขอโทษด้วยค่ะคุณย่า..ไอนึกว่าอาคิระจะอยู่ที่นี่"
"ตามหาอาคิระทำไมเหรอ"
"จะตามเรื่องเอกสารของโรงงานที่อาคิระเก็บไว้ค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวอาคิระเสร็จธุระแล้วย่าจะให้เขาไปหาไอที่โรงงานนะ"
"อาคิระมีธุระอะไรเหรอคะ"
"ธุระกับรินดาราจ้ะ"
ไอสีหน้าสงสัย มิกิยิ้มมุมปากนิดๆเหมือนมีเลศนัย แล้วลงมือตัดกิ่งไม้ประดับแจกันต่อไปเงียบๆ ไอเลยไม่ถามอะไรเพิ่ม โค้งเคารพให้คุณย่าแล้วเดินออกไป ระหว่างนั้นโฮชิเดินเข้ามาพอดี
"ท่านชาย"
โฮชิยิ้มให้ไอนิดนึง ไอโค้งให้ท่านชายแล้วเดินออกไป โฮชิจึงเข้ามาที่มิกิ
"เจ้ากี้เจ้าการวางแผนจังเลยนะมิกิ"
"ดิชั้นไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ แค่ให้อาคิระไปเจอรินดาราแล้วปล่อยให้ความสงสัยของเธอทำหน้าที่ไปก็แค่นั้น"
"แค่นั้นก็เรียกว่าจัดฉากแล้ว"
"แหม..ท่านชายก็...ถ้าอยู่เฉยๆรอให้รินดาราสงสัยไม่ทำอะไรเลย แล้วเมื่อไหร่เธอจะรู้ความจริงซะที ดิชั้นรอไม่ได้นานเท่าท่านชายหรอกค่ะ"
มิกิพูดไปก็อมยิ้มมือตัดกิ่งไม้แล้วปักแจกัน โฮชิยิ้มส่ายหน้ากับความเจ้ากี้เจ้าการของมิกิ
ตรงทางเดิน ไอยังไม่ได้เดินออกไปไหน แต่ยังหยุดฟังมิกิคุยกับท่านชายด้วยสีหน้าแปลกใจ สงสัยว่ามีความลับอะไรที่ทั้งคู่ปกปิดเอาไว้
อาคิระอึ้งไปเมื่อรู้เรื่องจากรินดารา จนเขาต้องมองที่ภาพถ่ายซึ่งถ่ายติดโฮชิอยู่ที่มุมภาพอีกครั้ง
"ที่ชั้นเล่าให้คุณฟังทั้งที่มาของภาพถ่าย ทั้งเหตุการณ์วันที่ท่านชายไปพบกับคุณตาเคนตะ จนกระทั่งท่านจากไป จะเอาชั้นไปสาบานที่ไหนก็ได้..ชั้นไม่ได้คิดเอง ทุกอย่างชั้นเห็นกับตา"
"ถ้าผมเชื่อที่คุณว่ามา นั้นก็หมายความว่า ท่านชายควรจะมีอายุร่วมร้อยปีแล้ว"
"ชั้นไม่รู้ว่ากี่ปี...แต่อย่างน้อยท่านชายต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เราคุยอยู่ทุกวันแน่"
"แต่ผมว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเชื่อเลยนะรินดารา"
"นั่นไง..สุดท้ายพอชั้นยอมเล่าให้ฟัง คุณก็ไม่เชื่อชั้นอยู่ดี...งั้นเอารูปชั้นคืนมา แล้วจะไปฟ้องท่านชายว่า ชั้นคิดกับเขาไม่ดีก็ตามใจคุณ ชั้นยอมโดนไล่ออกจากงาน"
รินดาราเอื้อมมือไปขอรูปคืน แต่อาคิระดึงกลับไม่ยอมคืน
"มีเหตุผลหน่อย..ผมไม่ใช่คนที่เอะอะอะไรก็ไล่ตะเพิดลูกจ้าง"
"แต่ชั้นสงสัยคนในครอบครัวคุณ คิดเรื่องไม่ดีกับเขา คุณก็มีเหตุผลจะไล่ชั้น..เอาคืนมา"
รินดาราเข้าไปแย่งภาพถ่ายจากมือ แต่อาคิระดึงกลับไม่ยอมคืน รินดาราเลยเสียจังหวะหน้าคะมำจะล้ม อาคิระรีบประคองเธอเอาไว้ รินดาราเลยอยู่ในอ้อมแขนของอาคิระ ทั้งคู่ชะงักมองหน้ากันนิ่ง
โฮชิเดินเข้ามาที่สวน มองตรงไปที่ยังห้องรินดารา ซึ่งเขารู้ดีว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่กับอาคิระ
มิกิตามเข้ามา
"ก็อย่างที่ท่านชายบอกเสมอๆ..ความลับไม่มีในโลก มีแค่จะรู้ช้าหรือรู้เร็ว ดิชั้นเลยเห็นว่า..ตอนนี้อาจจะถึงเวลาแล้วที่อาคิระจะต้องรู้ความลับของตระกูลเรา"
"ถ้าการรู้ความลับของชั้นจะช่วยทำให้ฮิคาริรู้ความจริง ชั้นก็ไม่ว่าหรอก"
โฮชิพูดไปก็เริ่มรู้สึกขัดจมูกเหมือนจะจามแต่กลั้นไว้ มิกิหันมาสงสัย
"ไม่มีอะไรหรอกมิกิ กลับเข้าข้างในเถอะ ข้างนอกมันร้อน"
มิกิโค้งรับแล้วเดินออกไป โฮชิมองส่งจนมิกิเดินเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว โฮชิยังมีอาการจะจามอีกแต่ก็กลั้นเอาไว้ และมองไปที่ห้องพักของรินดารา
รินดารายังอยู่ในอ้อมแขนของอาคิระ ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่ รินดารารู้สึกตัวพยายามจะผละตัวออก แต่กลับเจออาคิระใช้มือโอบรัดไว้แน่นไม่ปล่อย
"ปล่อยชั้นนะคุณ"
เขายังไม่ปล่อย
"ผมยังไม่ได้บอกว่าผมไม่เชื่อคุณ มันก็แค่ความสงสัยที่ยังไม่ชัดเจน เพราะ คุณบอกว่าเรื่องของท่านชายมันเกี่ยวข้องกับคุณ"
รินดารานิ่งไปอยู่ในอ้อมกอดของอาคิระ
"เล่ามาให้ผมรู้ความสงสัยของคุณแล้วผมจะปล่อย..เรื่องของคุณมันเกี่ยวข้องอะไรกับท่านชาย"
รินดารายังเงียบ อาคิระกอดรัดเธอแน่นขึ้น
"รินดารา"
เธอตัดสินใจ
"ที่ชั้นสงสัยอยากรู้เรื่องของท่านชาย เพราะ..เพราะเวลาที่ชั้นอยู่ใกล้ท่านชายหลายครั้งแล้วที่ชั้นมักจะเจ็บปวดตรงรอยปานที่หลัง"
"ปาน"
อาคิระหน้านิ่วสงสัยจนคลายกอด รินดาราเลยได้โอกาสผละจากเขาแล้วผลักอาคิระจนเซ
"ชั้นสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกัน ชั้นถึงต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชั้นกันแน่"
"ก่อนจะสงสัยอะไรแปลกๆแบบนั้น คุณเคยไปให้หมอตรวจมาก่อนรึเปล่า"
"คุณไม่ได้เจ็บแบบชั้น คุณไม่รู้หรอกว่ามันปวดแบบผิดปกติ"
"งั้นถ้าผมจะขอดู..เอ่อ..."
"ทะลึ่ง !! เรื่องอะไรชั้นจะให้คุณดู"
"แต่คุณอยากให้ผมเชื่อว่าเรื่องที่คุณสงสัยมันเป็นเรื่องจริง คุณก็ต้องยืนยันสิ"
รินดารานิ่งไปครู่ก่อนจะตัดสินใจหันหลังให้อาคิระ แล้วค่อยๆเปิดไหล่เสื้อออกเผยให้เห็นไหล่ขาวๆ จนเห็นรอยปานรูปดาว อาคิระได้เห็นปานรูปดาวที่แผ่นหลังรินดาราก็แปลกใจ จนเผลอจะเอื้อมมือ ไปสัมผัสด้วยความอยากรู้ แต่รินดาราหันขวับมาเอามือตีมือเขาทันที..เพี๊ยะ !!
"ดูได้แต่ตา..อย่ามาแตะ"
รินดารารีบดึงเสื้อกลับคืน แล้วเข้าไปผลักอาคิระให้ออกไป
"ชั้นบอกทุกอย่างไปหมดแล้ว..ทีนี้ก็อยู่ที่คุณ ถ้าเชื่อก็ช่วยชั้นหาความจริง ถ้าไม่เชื่อ อยากจะไล่ชั้นออกก็ตามใจ ชั้นต้องไปดูแลอายูมิแล้ว"
รินดาราเดินออกจากห้องไป อาคิระมองตามหน้านิ่วครุ่นคิด
กลกิโมโน ตอนที่ 7 (ต่อ)
รินดาราเดินจากห้องตัวเองผ่านสวนจะไปที่คฤหาสน์ แต่ชะงักเมื่อเจอโฮชิยืนอยู่
"ท่านชาย"
โฮชิพยายามจะยิ้มให้
"วันนี้ทั้งวันชั้นแทบจะไม่ได้คุยกับเธอเลยนะฮิคาริ"
"เอ่อ..คือ"
รินดาราพยายามหลบตาท่านชายที่มองมา จนโฮชิต้องขยับเข้าใกล้
"มีอะไรอยากจะถาม..หรือปรึกษาชั้นรึเปล่า"
"ไม่มีค่ะ...ชั้นขอไปทำกายภาพให้อายูมิก่อนนะคะ ป่านนี้คงเรียนพิเศษเสร็จแล้ว"
รินดาราก้มหัวให้แล้วรีบเดินเข้าไปในคฤหาสน์ โฮชิมองตามเธอไป ก่อนจะหันมาเป็นอาคิระเดินผ่านไปอีกทาง อาคิระก้มหัวโค้งให้โฮชิแล้วเดินออกไป
โฮชิมองตามอาคิระไปแล้วรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกับความสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จึงจามออกมา เสียงดัง..ฮัดเช้ย !
บริเวณหน้าศาลเทพเจ้านกกระเรียน อาคิระเดินเลี่ยงออกมาคนเดียวได้ครู่ เมื่อไม่มีใครเดินเข้ามาเขาจึงกดโทร ศัพท์โทร.ออก รออยู่ครู่ปลายสายก็มีคนรับ
"ผมเองครับคุณนักสืบ..ผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับท่านชายมาบางอย่าง อยากให้คุณลองไปค้นเพิ่มเติมดู โดยเฉพาะกับภาพถ่ายเก่าๆของเมืองสึกิ ยิ่งเก่าเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องหามาให้ได้ แล้วส่งมาให้ผมดู ขอบคุณมาก"
อาคิระตัดสายไป แล้วหันไปมองรูปปั้นเทพเจ้านกกระเรียนในศาลเจ้าที่เคารพของตระกูล ระหว่างนั้นไอเข้ามา
"อาคิระ"
"ไอ...มาพอดีเลย ว่าจะเข้าไปคุยด้วยที่โรงงานอยู่เลย"
"คุณย่าบอกว่าอาคิระมีธุระกับรินดารา..ธุระอะไรเหรอ" ไอถามอย่างอยากรู้
"ไม่มีอะไรหรอก คุยกันเรื่องอายูมิน่ะ"
อาคิระไม่ยอมบอกความจริง
"เหรอ..นึกว่าเป็นธุระสำคัญอะไรซะอีก"
"เรื่องสำคัญน่ะมี แต่เป็นเรื่องที่ชั้นอยากจะถามไอมากกว่า วันก่อนที่ในเมือง ชั้นเห็นไอเดินอยู่ที่นั่น ไอเข้าเมืองไปทำอะไร"
ไอชะงัก
"เอ่อ..ไอไปหาเพื่อนน่ะอาคิระ เพื่อนไอเขามาจากต่างประเทศ ไอเลยไปเป็นธุระเรื่องจองโรงแรมจองที่เที่ยวให้เขา"
"ถ้าไม่มีอะไรก็ดี เพราะชั้นเจอฮิเดะอยู่ที่นั่นด้วย กลัวว่าพวกโคสึกะจะคิดทำร้ายคนของตระกูลเราอีก ยังไงไอต้องระวังตัวไว้บ้างนะ"
อาคิระเข้าไปจับบ่าไอบีบเบาๆด้วยความเป็นห่วง ไอพยักหน้ารับขอบใจ อาคิระยิ้มให้แล้วเดินออกไป ไอมองตาม สีหน้าครุ่นคิดสงสัยเรื่องที่ได้ยินมาจากมิกิเกี่ยวกับความลับของท่านชาย
ในคฤหาสน์โคสึกะ ภายในห้องนอนฮิเดโนริ ไอลุกจากฟูกที่นอนมาสวมเสื้อคลุมทับร่างอันเปลือย เปล่าแล้วหวีผมแต่งตัวเตรียมจะกลับ เขาเปลือยท่อนบนลุกขึ้นมาหอมเอาใจสุดฤทธิ์
"ขอบใจนะไอที่เอาข้อมูลสำคัญมาบอก"
"ความจริงมันก็เป็นเรื่องที่ไอคาใจอยากรู้มาตลอดเหมือนกันนั่นแหละ เพราะตั้งแต่ไอถูกคุณย่าตามให้มาช่วยดูแลงานของตระกูล ไอก็สงสัยมาตลอดว่าท่านชายเป็นใคร ทำไมถึงได้มีความสำคัญกับคุณย่ามาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามคุณย่า"
"ความสงสัยของเธอ ชั้นจะพยายามหาคำตอบให้ เพราะพฤติกรรมแปลกๆไม่น่าไว้ใจของท่านชายโฮชิ ยังไงก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน"
ไอหันมายิ้มให้กับฮิเดโนริ แล้วหันไปโอบคอโน้มตัวเขาเข้าใกล้
"ฮิเดะห่วงไอใช่มั้ย"
ฮิเดโนริยิ้มรับแล้วหอมแก้ม ระหว่างนั้นได้ยินเสียงอัตสุโอะเข้ามาที่หน้าห้อง
"มีอะไรอัตสุโอะ"
อัตสุโอะคุกเข่ารออยู่หน้าประตูบานเลื่อนห้องฮิเดโนริ
"คุณท่านรู้สึกตัวแล้วครับ"
"เดี๋ยวชั้นไป"
ฮิเดะตอบอัตสุโอะแล้วหันมาที่ไอ
"ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็มาบอกชั้นอีกนะ..ที่รักของชั้น"
เขาหอมหน้าผากไออีกครั้ง แล้วหันไปหยิบเสื้อยูกาตะมาคลุมก่อนจะออกไปกับอัตสุโอะ
ไอรู้สึกอารมณ์ดีที่ได้รับความรักจากฮิเดโนริจึงหวีผมมองตัวเองในกระจกต่อ แต่สักพักไอก็ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกๆของเด็กผู้ชายดังแว่วเข้ามา
"ฮือๆๆ..ช่วยด้วย..ช่วยด้วย...ฮือๆ"
ไอหันขวับ
ภายในห้องไดซุเกะ ฮิเดะเข้ามา ปู่ซึ่งนอนอยู่บนฟูก
"เป็นยังไงบ้างครับปู่"
ไดซุเกะพยายามจะลุก
"อย่าเพิ่งลุกเลยครับ..หมอสั่งมาว่าปู่ต้องนอนพักให้ดีขึ้นกว่านี้ก่อน"
"ชั้นนึกว่าชั้นจะไม่รอดแล้วซะอีก พลังของนางปีศาจหิมะมันมากมายกว่าปีศาจทุกตัว แต่ก็ต้องเสี่ยงเพราะถ้าควบคุมมันได้ ก็เหมือนได้ม้าศึกเก่งๆไว้ใช้ออกสนามรบ"
"ครับปู่..ยังไงผมก็เชื่อว่ามันต้องทนทรมานไม่ไหวต้องโผล่มาหาเราแน่ แต่ตอนนี้ปู่ต้องนอนพักให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นก่อนนะครับ"
ไดซุเกะพยักหน้ารับ แล้วยอมนอนพักอย่างอ่อนแรง ก่อนจะบีบมือฮิเดโนริกำชับอีกเรื่อง
"ถึงสภาพชั้นจะต้องมาเป็นแบบนี้..แต่แกก็อย่าลืมคำสั่งของชั้น..หาทางกำจัดนังผู้หญิง คนนั้น อย่าให้มันเป็นไปตามคำทำนาย"
เดโนรินิ่งไปสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักใจ
"ครับปู่..ปู่นอนพักเถอะครับ"
เสียงเด็กร้องขอความช่วยเหลือแล้วเสียงเงียบไป
ไอก็หันมาแต่งตัวใส่ชุดกิโมโนเรียบร้อยและจะออกจากห้อง แต่อยู่ๆเสียงร้องไห้ของเด็กก็ดังให้ได้ยินอีก
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย..ฮือๆๆๆ...ช่วยผมออกไปที..ฮือๆ"
ไอเริ่มมีสีหน้าแปลกใจ มั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินไม่ใช่หูแว่วแน่ๆ
"ใคร"
ไอเดินไปเปิดประตูบานเลื่อนชะโงกหน้าออกไปมองซ้ายขวาที่ทางเดินนอกห้อง แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรผิดปกติ
ไอถอยกลับเข้ามาในห้องสีหน้าครุ่นคิดแล้วได้ยินเสียงอีก
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย..ฮือๆๆๆ...ช่วยผมออกไปที..ฮือๆๆ"
คราวนี้ไอมั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินดังแว่วมาจากในห้องของฮิเดโนรินั่นเอง ไอลองฟังดูอีกทีจึงเริ่มได้ยินว่ามันดังมาจากตุ๊กตาญี่ปุ่นที่วางอยู่บนชั้นโชว์ตรงมุมห้อง
ไอหน้านิ่วสงสัยเข้าไปมองตุ๊กตาบนชั้นซึ่งมีหลายตัว ก่อนจะไปหยุดสนใจที่ตุ๊กตาซึ่งฮิเดโนริใช้ลงโทษกักขังฮิโตชิ
ไอหยิบมันขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่เสียงของฮิโตชิเงียบไปแล้ว แล้วจู่ๆเสียงฮิโตชิก็ดังขึ้นอีก
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย..ฮือๆๆๆ...ช่วยผมออกไปที..ฮือๆๆ"
คราวนี้ไอตกใจเพราะแน่ใจว่าเสียงดังออกมาจากตุ๊กตาในมือ ไอจึงทำตุ๊กตาตกพื้น หัวตุ๊กตาที่ใช้เสียบกับตัว ตุ๊กตากระเด็นออกมา ทันใดนั้นไฟในห้องก็ติดๆดับๆกระพริบจนมืดอยู่ครู่หนึ่ง
ภายในความมืดสลัวๆไอคลำมือไปที่สวิตช์ เปิดๆปิดๆอยู่หลายครั้งไฟจึงสว่างกลับมาเป็นปกติ แต่ภาพที่เห็นที่ มุมห้อง ไอเจอเด็กผู้ชายในชุดยูกาตะ ผมม้าเต่อ ตาสีดำมีคราบน้ำตาเป็นเลือด คุกเข่าขุดคู้มองมาอย่างน่ากลัว
"ขอบคุณครับ..ขอบคุณที่ช่วยผม"
ไอตกใจสุดขีด กรีดร้องดัง
ไอวิ่งหนีออกมาที่ทางเดินอย่างตื่นตระหนกตกใจกลัว ระหว่างนั้นฮิเดโนริโผล่มาคว้าเธอเอาไว้
"ไอ..เธอเป็นอะไร"
"ฮิเดะ..ช่วยด้วย..ไอเจอ..เจอผี"
"ผี...ผีที่ไหน"
"ใน..ในห้องของฮิเดะ ไอได้ยินเสียงเด็กร้องไห้มาจากตุ๊กตาในห้อง ไอก็เลยไปหยิบมาดู แล้วอยู่ๆ...ผีเด็กผู้ชายหน้าตาน่ากลัวก็โผล่ออกมา"
ไอกลัวมากสวมกอดฮิเขาไว้แน่น สีหน้าดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เขาจับไอดันออกจากตัว
"ชั้นว่าเธอตาฝาดไปมากกว่า"
"แต่ไอเห็นจริงๆนะฮิเดะ..ผีเด็กนั่นมันน่ากลัวมาก..ไอเห็นจริงๆ"
ฮิเดะโนริดุขึ้นเสียง
" พอได้แล้วไอ !! เธอแค่ตาฝาด อัตสุโอะ..พาเธอออกไป"
อัตสุโอะรับคำแล้วเข้ามาจับแขนพาไอออกไป
"ฮิเดะ..ชั้นไม่ได้โกหกนะ..ชั้นเห็นผีเด็กอยู่ในห้องเธอจริงๆ..ฮิเดะ"
ฮิเดโนริไม่สนใจปล่อยให้อัตสุโอะพาไอไป ก่อนจะหันมาจิกหน้าร้ายเอาเรื่องไม่พอใจ ดวงตาเป็นสีส้มของจิ้งจอก
กลางคืน ภายในห้องนอนอายูมิ อาคิระนั่งอ่านนิทานให้อายูมิฟังอยู่บนเตียง
"เอาล่ะ..นิทานจบแล้วค่ะ ถึงเวลาที่อายูมิสัญญากับคุณอาไว้ใช่มั้ยครับ"
"แต่อายูมิยังไม่ง่วงเลยนี่คะคุณอา"
"ไม่เอาสิครับอย่าเกเร เป็นเด็กนอนดึกไม่ดีนะ"
"แต่ว่า"
"ถ้าดื้อกับอาล่ะก็..พรุ่งนี้อาจะสั่งให้พี่รินดาราหยุดงานหนึ่งวันแล้วให้อายูมิเรียนพิเศษกับครูทั้งวัน ไม่ต้องทำกายภาพกับพี่รินดารา..เอาแบบนั้นมั้ย"
อายูมิหน้าเสีย
"คุณอาใจร้าย !! อายูมิอยากอยู่กับพี่รินดาราทั้งวัน ไม่ได้อยากเรียนพิเศษทั้งวันนะคะ"
อาคิระยิ้มชอบใจ
"ใช้ไม้นี้ได้ผลจริงด้วย"
อายูมิงอนแก้มป่อง
"คุณอา"
"งั้นก็นอนสิคะ แล้วพรุ่งนี้อาจะให้พี่รินดาราพาอายูมิไปเดินเล่นในเมืองอีก"
อายูมิยิ้มดีใจทันที
"ก็ได้ค่ะ..งั้นอายูมิจะรีบนอนเลย"
อายูมิรีบล้มตัวลงนอนบนเตียงหลับตาปี๋ให้รู้ว่านอน อาคิระอมยิ้มห่มผ้าให้หลานสาวแล้วหอมหน้าผากเบาๆ แต่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง อายูมิเปรยเรียกอาคิระ
"คุณอาคะ..คุณอาชอบพี่รินดารารึเปล่า"
อาคิระชะงัก
"ทำไมถามแบบนั้นล่ะ"
"เพราะอายูมิชอบพี่รินดารามาก...แล้วถ้าคุณอาชอบพี่รินดารามากเหมือนอายูมิด้วย.. อายูมิจะดีใจที่สุดในโลกเลย"
อาคิระหยุดคิดนิดนึง แล้วนึกถึงรินดาราในอ้อมกอดเขาเมื่อกลางวัน
"รินดาราเป็นคนน่ารัก..อาก็ชอบเขาเหมือนกันจ้ะ"
"เย้ๆๆๆ"
"นี่..ไหนบอกจะนอนแล้วไง"
"ขอโทษค่ะ..นอนแล้วค่ะ"
อายูมิหลับตาปี๋อย่างน่ารัก อาคิระยิ้มแล้วปิดไฟเดินออกจากห้อง
บรรยากาศวังเวงของบ่อน้ำ ร่างของฮิโตชิปราฏตัวขึ้น วิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนกตกใจ
"ฮิโตชิกลัวแล้ว..อย่าลงโทษฮิโตชิเลย"
ฮิโตชิถอยไปจนชิดขอบบ่อด้วยความหวาดกลัว ฮิเดโนริที่เดินตามเข้ามา
"ชั้นลงโทษให้แกรู้จักเข็ด ต่อไปจะได้เชื่อฟัง แต่แกกลับไปทำให้ไอรู้เรื่องของแก"
"ฮิโตชิขอโทษ..ฮิโตชิไม่ชอบถูกขัง"
"ไม่ชอบ แต่แกก็ต้องโดนจับกลับไปขังเหมือนเดิม"
"ไม่เอา..ฮิโตชิไม่กลับไป"
ฮิโตชิรีบถอยหลังแล้วหายวับหนีไป ฮิเดะมองตามแล้วยิ้มร้าย
"คิดว่าจะหนีชั้นพ้นเหรอ..ฮิโตชิ"
อายูมิกำลังนอนเคลิ้มๆใกล้จะหลับ อายูมิได้ยินเสียงเรียกของฮิโตชิเบาๆ
"อายูมิ..อายูมิ..ช่วยฮิโตชิด้วย...อายูมิ"
เสียงของฮิโตชิทำให้อายูมิรู้สึกตัว งัวเงียค่อยๆลุกขึ้นนั่ง เห็นฮิโตชิเกาะอยู่ที่ขอบปลายเตียง
"ฮิโตชิ..เธอเข้ามาได้ยังไง"
"ฮิโตชิหนีเขามา"
"หนี ? คนที่ตระกูลโคสึกะน่ะเหรอ"
ฮิโตชิพยักหน้ารับ
"เขาจะมาพาฮิโตชิกลับไป..ฮิโตชิไม่อยากกลับ..เขาจะขังฮิโตชิ"
"อายูมิไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฮิโตชิเด็ดขาด ฮิโตชิอยู่ที่นี่นะ..อายูมิจะไปบอกให้คุณอาอาคิระมาช่วย"
อายูมิพยายามจะลุกจากเตียงแล้วเอื้อมมือไปเอารถเข็นให้เข้ามาใกล้ๆ แต่ฮิโตชิรีบห้าม
"ไม่ได้นะอายูมิ..จะให้คนอื่นรู้เรื่องฮิโตชิอีกไม่ได้"
"ทำไมล่ะฮิโตชิ..คุณอาอาคิระช่วยเธอได้นะ"
"ไม่ได้...ยิ่งมีคนรู้เรื่องฮิโตชิ เจ้านายเขาจะยิ่งโกรธ แล้วยิ่งเขาโกรธเขาก็จะยิ่งน่ากลัว"
ระหว่างนั้นเองหน้าต่างห้องนอนของอายูมิก็เปิดออกเอง..ผ่าง !! ลมพัดเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ย ฮิโตชิหันขวับ
"เขาจะมาเอาตัวฮิโตชิไปให้ได้..ฮิโตชิต้องหนี"
ฮิโตชิบอกอายูมิอย่างตื่นกลัว แล้วถอยหายวับไปในความมืดที่ปลายเตียง
"ฮิโตชิ"
อายูมิเป็นห่วงฮิโตชิมากเลยพยายามลุกจากเตียงแล้วเอื้อมมือคว้ารถเข็นสุดฤทธิ์
บนหอคอย โฮชิกำลังใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดโกโตะอยู่ ระหว่างนั้นสัมผัสพิเศษของโฮชิรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของฮิโตชิดังแว่วๆ
"ช่วยด้วย..ฮือๆๆ..ช่วยด้วย...ฮือๆๆ"
โฮชิสงสัยและแปลกใจจนต้องลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบดาบซามูไรซึ่งประดับอยู่ที่แท่น โฮชิกำดาบซามูไรแน่น
ภายในห้องนอน รินดารากำลังอ่านหนังสือวิชากายภาพอยู่ก็ได้ยินเสียงของฮิโตชิดังแว่วเข้ามาเหมือนกัน
"ช่วยด้วย..ฮือๆๆ..ช่วยด้วย...ฮือๆๆ"
รินดาราหันขวับสีหน้าแปลกใจ เกิดความลังเลไม่แน่ใจเพราะความกลัวเรื่องผีเด็กคราวที่แล้วยังทำให้เธอหวั่นๆ ขนลุกไม่หาย ภาพเหตุการณ์ที่รินดาราเจอผีเด็กหลอก ผ่านเข้ามา
รินดารานึกถึงแล้วยังกลัวไม่หายเลยรีบเปิดลิ้นชักหยิบเอาเหรียญเซโมริของท่านชายมากำไว้แน่น ระหว่างนั้น เธอได้ยินเสียงเหมือนมีใครอยู่ที่ประตู เธอถึงกับผงะ
ประตูเริ่มที่เสียงเคาะดัง..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..รินดาราเริ่มไม่ไว้ใจมือกำเหรียญเซโมริแน่น
เสียงประตูเริ่มเคาะดังถี่ขึ้น จนเธอต้องรวบรวมความกล้ามือนึงกำเหรียญเซโมริเอาไว้อีกมือก็ยื่นไปค่อยๆเลื่อน ประตูเปิดออกแล้วหลับตาปี๋
"ทำอะไรอยู่..ผมเคาะประตูเรียก
"คุณเองเหรอ"
"ก็ผมน่ะสิ..เห็นดึกแล้วแต่ไฟห้องคุณยังเปิดอยู่ เลยแวะมาดู แล้วคุณคิดว่าผมเป็นใคร ท่านชายเหรอ"
"นี่คุณ..ชั้นยิ่งใจคอไม่ดีอยู่นะ"
"ใจคอไม่ดี..เป็นอะไร"
"ก็ชั้น..ชั้นกำลังอ่านหนังสืออยู่..แล้ว..แล้วชั้นก็ได้ยินเสียง..เสียงเด็กผู้ชายที่เคยหลอกชั้น"
"ผีเด็กน่ะเหรอ"
รินดาราพยักหน้ารับ มือยังกำเหรียญเซโมริแน่น อาคิระจับมือเธอมาแบออก
"คุณก็เลยคิดว่าเหรียญเซโมรินี่จะปกป้องคุณ"
รินดาราดึงมือกลับคืน
"อย่างน้อยก็เคยช่วยชั้นได้จริงๆ"
"แต่ตอนนี้คุณมีผมอยู่ด้วย เครื่องรางอะไรก็ปกป้องคุณไม่ได้นอกจากผม" เขาจับมือรินดารา
ขึ้นมา "มา..ผมจะพาคุณไปพิสูจน์ ถ้ามีผีมาหลอกคุณจริงๆ ผมจะเล่นงานมันเอง"
อาคิระดึงมือพารินดาราออกไปด้วยกันทันที
อาคิระจับมือรินดาราพาเดินเข้ามาที่บริเวณป่าสนซึ่งรินดาราเคยเจอผีหลอก
"ปล่อยชั้นนะคุณอาคิระ..คุณจะพาชั้นมาที่นี่ทำไมอีก..ปล่อยฉัน"
"ผมจะพาคุณมาพิสูจน์ คุณได้ยินเสียงผีเด็กนั่นไม่ใช่เหรอ ถ้ามันอยากมาหลอกคุณก็โผล่มาเลย"
อาคิระหันไปตะโกนก้องไปทั่วป่าสน
"ว่าไง..แกอยู่ไหน..โผล่ออกมาสิ"
"คุณจะบ้าเหรออาคิระ..หยุดนะ"
"ผมไม่หยุด..เพราะผมไม่กลัว และที่ผมต้องทำแบบนี้เพราะผมไม่อยากให้คุณกลัวด้วยเหมือนกัน" เขาหันไปตะโกนต่อ "ว่าไง..โผล่ออกมาสิ ถ้าแกอยากทำร้ายผู้หญิงคนนี้นักล่ะก็ แกต้องเจอกับชั้นก่อน"
"หยุดเถอะอาคิระ...อย่าทำอย่างนี้"
รินดาราชะงัก แต่ก็ยังไม่พอใจผลักอาคิระออกอย่างแรงจนเซแล้วตบหน้าตบหน้าเขาทันที..เพี๊ยะ !!
"คุณมันบ้าไปแล้ว"
รินดาราน้ำตาคลอแล้ววิ่งออกไปทันที อาคิระชะงักจับแก้มตัวเองแล้ววิ่งตามไป
รินดาราวิ่งน้ำตาคลอเข้ามาด้วยความขุ่นเคืองอาคิระ มุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์มิยาคาวะ แต่อยู่ๆเสียง ฮิโตชิร้องไห้ดังขึ้นแว่วๆ
"ฮือๆ"
รินดาราชะงักหยุดวิ่ง แล้วมองหาที่มาของเสียง เธอเห็นเงาดำของเด็กวิ่งผ่านต้นไม้ไปมา หนีหาที่หลบฮิเดโนริอย่างหวาดกลัว พร้อมกับส่งเสียงร้องไห้กระซิกๆ เธอตะลึงแล้วมองตามเงาดำนั้นไปมา
"ใคร นั่นใคร"
รินดาราก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัวแล้วสะดุดก้อนหินล้มลงกับพื้น อาคิระตามเข้ามาแล้วตกใจเมื่อเห็นอาการของรินดารา
"รินดารา ! เกิดอะไรขึ้น"
รินดาราชี้ไปข้างหน้า
"ชั้นเห็นเงาเด็กอยู่ตรงนั้น ต้องเป็นผีเด็กผู้ชายที่เคยหลอกชั้นแน่ๆ"
อาคิระมองแต่ไม่เห็นอะไรเลย เขาตัดสินใจกุมมือเธอ พร้อมสั่ง
"มากับผม"
รินดาราไม่ยอมลุก
"คุณจะพาชั้นไปไหนอีก"
"ไปดูให้เห็นกับตาว่ามีเด็กผู้ชายจริงหรือเปล่า"
อาคิระฉุดมือรินดาราขึ้นแล้วพาเดินไปทางที่รินดาราเห็นเงาของฮิโตชิ
ฮิโตชิวิ่งหนีเข้ามาแล้วล้มลงตรงบ่อน้ำ ฮิเดโนริตามฮิโตชิเข้ามาด้วยดวงตาสีส้มของสัตว์เดรัจฉาน
"ปล่อยฮิโตชิไปเถอะ..ฮิโตชิกลัว ฮิโตชิไม่อยากถูกจับไปขัง"
"แกเป็นทาสของชั้น..แกรู้เรื่องของชั้นเยอะเกินกว่าที่ชั้นจะปลดปล่อยแกไป"
"ฮิโตชิไม่บอกใคร..ฮิโตชิสัญญาว่าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น"
"แกเป็นผีนะฮิโตชิ..แกไม่ใช่มนุษย์ ไม่มีใครเขาอยากคบแกเป็นเพื่อนหรอก ยิ่งนังเด็กอายูมินั่น..ถ้ามันรู้ว่าแกเป็นตัวอะไร..แกคิดเหรอว่ามันจะไม่กลัวแก"
ฮิโตชินิ่งไปก้มหน้าคิดหนัก
"นี่แสดงว่าแกยังไม่เคยให้มันเห็นว่าแกเป็นตัวอะไรใช่มั้ย..หึ..แกมันโง่ฮิโตชิ..แกไปอยู่ที่ไหนไม่ได้หรอกนอกจากต้องกลับไปอยู่กับชั้น"
ฮิเดโนริยิ้มร้ายแล้วเข้าไปจับคอเสื้อด้านหลังฮิโตชิดึงตัวขึ้นมาเหมือนจับหลังคอกระต่าย
"กลับไปให้ชั้นลงโทษแก..คราวนี้แกจะไม่ได้ออกมาอีก"
ฮิดโนริจะลากตัวฮิโตชิออกไป แต่ทันใดนั้นโฮชิก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับดาบซามูไรในมือ
"ปล่อยเด็กไปซะ"
ฮิเดโนริชะงักหันไปเห็นชายบนหอคอยที่ทุกคนพูดถึงแต่ฮิเดะยังไม่เคยเจอตัว
"แกเป็นใคร"
โฮชิไม่ตอบอะไร แต่กลับชักดาบซามูไรออกมาแล้วชี้ปลายดาบไปที่ฮิเดโนริอย่างเอาจริง
"ปล่อยเด็กคนนั้นไปซะ..อย่าให้ชั้นต้องลงมือกับแก ลูกครึ่งปีศาจสุนัขจิ้งจอก"
"นี่แก...แกคือโฮชิชายที่อยู่บนหอคอยของตระกูลมิยาคาวะใช่มั้ย"
โฮชิไม่ตอบชี้ปลายดาบไปอย่างเอาจริง
อาคิระเดินจูงมือรินดาราเข้ามาในความมืดเธอมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว แต่อาคิระมีสีหน้าเด็ด เดี่ยวจริงจัง...ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด
"จำเอาไว้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ห้ามปล่อยมือผมเด็ดขาด"
อาคิระบีบมือรินดาราไว้แน่น รินดาราเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างซึ้งใจ อาคิระเห็นสายตาแววตาอ่อนโยนของรินดารา ทั้งคู่สบตากัน
จู่ๆ มีเสียงนกฮูกร้องดังก้องป่า รินดาราสะดุ้งแล้วโผเข้าไปในอ้อมกอดของอาคิระและหลับตาปี๋ อาคิระกระชับ กอดรินดาราไว้อย่างปกป้อง
"เสียงนกฮูกน่ะคุณ ที่เห็นเมื่อตะกี้ก็คงจะเป็นเงาต้นไม้ ทีนี้เลิกกลัวผีได้แล้วใช่ไหม"
รินดาราลืมตาขึ้นทันที...อารมณ์เสียที่ถูกว่าอีกแล้ว จึงผลักอาคิระออกแล้วเดินกลับไปทางคฤหาสน์
"คุณ ! เดี๋ยวสิคุณ"
โฮชิชี้ปลายดาบซามูไรไปที่ฮิเดโนริอย่างเอาจริง แต่เขากลับแสยะยิ้มไม่กลัว
"หึ..เป็นแกจริงๆด้วยชายลึกลับบนหอคอย ได้ยินมาตลอดว่าแกมีความลับที่น่าสงสัย มาขวางทางแบบนี้ก็ดี จะได้จับแกมาเค้นเอาความลับที่ทุกคนอยากรู้ว่าแกเป็นใคร"
ฮิเดโนริปรี่เข้าไปหาโฮชิด้วยกรงเล็บที่ยาวแหลมคมซึ่งงอกออกมา เป็นการต่อสู้อย่างปีศาจสุนัขจิ้งจอก
โฮชิกวัดแกว่งดาบซามูไรรับมืออย่างคล่องแคล่ว แล้วสวนกลับ ด้วยการฟันดาบเพียงจังหวะเดียวทำให้ฮิเดโนริได้รับบาดเจ็บจากคมดาบได้เลือดไหลซิบๆที่แขน
ฮิเดโนริร้องเจ็บ..อ๊าก... มือกุมแขนเลือดอาบ
โฮชิเล่นงานไปแล้วก็เก็บดาบซามูไรคืนฝักอย่างเท่ๆแล้วเข้าไปที่ฮิโตชิ
"มากับชั้นเถอะ..เธอปลอดภัยแล้วเจ้าหนู"
ฮิโตชิมองโฮชิอย่างกล้าๆกลัวๆแล้วมองที่ฮิเดโนริ
"ต่อไปนี้เขาจะทำอันตรายเธอไม่ได้อีก"
ฮิโตชิยิ้มออกมาได้แล้วรีบลุกขึ้นยื่นมือไปให้โฮชิจับ
ฮิเดโนริเจ็บใจจิกหน้าโกรธจัดเข้าไปขวาง
"แกมันจะเก่งสักแค่ไหนเชียว ยังไงแกก็ไม่รอดจากชั้นหรอก"
ฮิเดโนริจิกหน้าร้ายกาจพร้อมจะเอาเรื่องเต็มที่ โฮชินิ่งไม่หวั่นกลัวค่อยๆยื่นมือออกไป ในมือมีขนนกกระเรียนสีขาว บริสุทธิ์ เมื่อโฮชิเป่าเบาๆ จากขนนกกระเรียนอันเดียวก็กระจายออกมาเป็นขนนกกระเรียนนัยร้อยๆพันๆฟุ้งไปทั่ว
ฮิเดโนริตกใจที่ตัวเองถูกห้อมล้อมไปด้วยขนนกจนมองไม่เห็นอะไร เมื่อเอามือปัดขนนกออกไปจนขนนกหายไปหมด โฮชิกับฮิโตชิก็หายไปจากบริเวณนั้น ฮิเดโนริกัดฟันขบกรามแน่นมือกุมแขนที่เลือดอาบสีหน้าเจ็บใจ
รินดาราเดินเร็วเข้ามาด้วยความขุ่นเคืองที่อาคิระไม่เคยเชื่อเธอเรื่องที่เธอเห็นผี อาคิระตาม เธอเข้ามา
"เดี๋ยวสิรินดารา..ถ้าผมทำอะไรให้คุณโกรธ ผมขอโทษ..ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณกลัว ผมถึงต้องทำแบบนั้น"
"คุณมันบ้า !! รู้ตัวมั้ยว่าคุณมันบ้าที่สุด"
"ผมรู้..แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ แล้วผมจะช่วยให้คุณกล้าเผชิญหน้ากับความกลัวได้ยังไง"
"แล้วถ้าไอ้ผีพวกมันมันโผล่มาทำร้ายคุณล่ะ คุณคิดว่าชั้นจะเผชิญหน้ากับความกลัวได้อีกเหรอ"
"ได้สิ..เพราะผมไม่มีความกลัวต่อสิ่งที่ชั่วร้าย ยิ่งเป็นเรื่องชั่วร้ายที่จงใจจะมาคุกคามคุณ ผมยิ่งต้องไม่กลัวพวกมัน เพราะผมต้องปกป้องคุณให้ได้..รินดารา"
อาคิระพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนสื่อออกมาได้ว่าจริงใจสุดๆ รินดาราชะงัก อึ้ง
อาคิระค่อยเข้าไปมาใกล้เธอแล้วจับไหล่เธอแน่นด้วยสองมือที่แข็งแรง
"ไม่ใช่มีแค่เหรียญเซโมริที่ปกป้องคุณได้อย่างเดียวนะรินดารา..แต่ผมก็ปกป้องคุณได้เหมือนกัน"
อาคิระดึงรินดาราเข้ามากอดไว้แนบอก คราวนี้รินดาราไม่ขยับหนีกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอยู่ในอ้อมกอดของ อาคิระขึ้นมา ทั้งๆที่มือเธอยังกำเหรียญเซโมริของโฮชิเอาไว้
ท่านชายโฮชิ ยืนดูทั้งคู่ ครู่ใหญ่แล้ว
โฮชินิ่งมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดระยะ เวลา 400 ปีที่ติดอยู่บนโลกมนุษย์ ความรู้สึกแบบนี้มันยิ่งกว่าอาการจามเพราะความหึงหวงรินดารา
น้ำตาใสๆอยู่ๆก็ไหลออกมาจากดวงตาข้างหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว โฮชิเอามือสัมผัสน้ำตาแล้วอึ้งไป
จบตอนที่ 7