เพื่อนแพง ตอนที่ 2
บริเวณตลาดน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายอันเฟื่องฟูของอำเภอ ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา หลากฐานะ เพื่อนเดินตามเรืองกับแสงเข้ามาในตลาด ครูมองหาลูกสาวตัวเอง
“นังแรมมันไปอยู่ไหนของมัน ก็ในจดหมายนัดให้มันรออยู่แถวนี้”
แสงบ่นไปสอดส่ายสายตามองหาไป ส่วนเรืองก็พะวงกับเพื่อนที่พยายามจะแยกตัวไป
“ฉันว่าแม่เพื่อนไปคนเดียวไม่ดีหรอก รออยู่แถวนี้ดีกว่าเดี๋ยวไอ้ลอมันก็คงโผล่มา”
“ให้ฉันรออยู่เฉยๆ ฉันรอไม่ได้หรอก ฉันเป็นห่วงพี่ลอ”
“แต่ถ้าไอ้ลอมันรู้ว่าฉันปากโป้งพูดเรื่องนี้ให้แม่เพื่อนรู้ มันเอาเรื่องฉันแย่”
“งั้นเอ็งก็ไปกับข้า”
“ไปก็มีเรื่องน่ะสิ ฉันไม่ถนัดหรอกนะ ฉันลูกครูปี่พาทย์ ไม่ใช่ลูกครูมวย”
แสงเดินเข้ามา
“ไอ้เรือง ข้าหาพี่สาวเอ็งไม่เจอ คนก็เยอะแยะไปหมด เอ็งช่วยไปเดินตามหาแถวนี้หน่อย เผื่อนังแรมมันจะไปเดินซื้อของแล้วลืมมาเจอเรา”
เพื่อนรีบเสนอ
“งั้นฉันกับไอ้เรืองจะไปช่วยเดินตามหาให้จ้ะครู”
“แล้วเอ็งไม่ทำธุระของเอ็งเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ธุระฉันไม่รีบ”
เพื่อนหันไปพยักหน้าให้เรืองเออออตาม เรืองเลยต้องยิ้มรับกับพ่อแล้วเดินออกไปกับเพื่อน
ที่บริเวณลานวัด แก้วกับด้วงเพิ่งรู้จากแพงเรื่องลอ
“ว่าไงนะ พี่ลอน่ะเหรอบุกไปหาไอ้วีระถึงโรงสีบ้านมัน ทำแบบนี้เขาเรียกว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน” แก้วตกใจ
“เออ ใช่เลยอีแพง ไอ้ลอหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ ข้าว่าได้เป็นเรื่องแน่” ด้วงกังวล
“ข้าถึงตามพวกเอ็งให้มาช่วยข้าคิดไงว่าจะช่วยพี่ลอยังไง”
“ป่านนี้เนี่ยนะ เอ็งจะไปช่วยอะไรพี่ลอเขาได้ โรงสีของไอ้วีระต้องนั่งเรือไปอำเภอ แล้วเรือที่ท่าก็ออกไปตั้งนานแล้วด้วย”
“เดินไปไม่ไหวข้าก็จะขี่ไอ้เปลี่ยวไป”
“ไปกันใหญ่แล้วอีแพง ขืนเอ็งขี่ไอ้เปลี่ยวเข้าไปที่อำเภอได้แตกตื่นกันพอดี”
“แต่ข้าว่า ข้าพอจะมีทางช่วยเอ็งว่ะอีแพง”
“จริงเหรอแก้ว”
“เออ ที่สวนกล้วยแม่ข้า มีพ่อค้าจากอำเภอมาตัดกล้วยเอาไปขาย บางทีเอ็งอาจจะขอติดเรือเขาเข้าไปอำเภอได้”
แพงฟังแก้วแนะนำแล้วเริ่มยิ้มมีความหวัง
บริเวณโรงสี มีเสียงร้องเอะอะโวยวายของคนงานที่กำลังตกอกตกใจเพราะควันไฟโขมงออกมาจากโกดัง บางคนที่เข้าไปดับไฟสำลักควันต้องช่วยพยุงกันออกมา วีระกับประจวบเข้ามาเห็นเข้าก็ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นวะ ไฟไหม้โกดังข้าวของข้าได้ยังไง”
“ไม่ ไม่รู้ครับนาย อยู่ๆ ควันไฟมันก็โขมงออกมาจากข้างใน พอพวกเราเข้าไปดู ไฟมันก็ลุกพรึ่บเลย”
วีระกระชากคอเสื้อลูกน้องมาตะคอก
“ไฟมันจะไหม้ของมันเองได้ยังไง เป็นไปไม่ได้เว้ย”
วีระฉุนลูกน้องจับเหวี่ยงจนล้มลงไปกอง แล้วหันไปสั่งไม้กับมาด
“ไอ้มาด เอ็งสั่งให้พวกเราดับไฟให้ได้ อย่าให้ลามไปโดนข้าวในโกดังเด็ดขาด ส่วนเอ็ง ไอ้ไม้ เอ็งกับข้าไปตรวจดูแถวๆ นี้ ข้าสังหรณ์ว่านี่จะไม่ใช่อุบัติเหตุ”
“ถ้าไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่เอ็งคิด แล้วใครจะกล้ามาลูบคมคนอย่างข้า”
“มีคนที่ฉันสงสัยอยู่ แต่ขอไปดูให้แน่ใจ เพราะถ้าเป็นมันจริงๆ ล่ะก็ หึ มันเสร็จฉันแน่”
“เอ็งระวังตัวด้วยแล้วกัน”
ประจวบเตือน วีระพยักหน้ารับแล้วเดินแยกไปพร้อมกับมาด
ด้านหนึ่งของโรงสี ก้อนพยายามห้ามลอที่จะไปช่วยเขาดับไฟที่โกดังข้าว
“เอ็งจะไปช่วยพวกมันดับไฟทำไมวะ ปล่อยให้โกดังข้าวของมันไหม้ให้ชิบหายวายวอดไปเลยน่ะแหละดีแล้ว”
ลอปัดมือแล้วดึงคอเสื้อก้อน จ้องเขม็ง
“ถ้าเอ็งคิดแต่จะสะใจ วันนี้เอ็งได้สะใจแน่ แต่หลังจากนี้ล่ะ เอ็งคิดรึเปล่าไอ้ก้อน”
“ไม่เห็นมีอะไรต้องคิดมากเลยนี่หว่า มันบุกไปข่มเหงนังเพื่อนของเอ็งถึงทุ่งบ้านสร้าง มันก็สมควรโดนแบบนี้แล้ว ต่อไปมันจะได้เข็ดไม่กล้าไปยุ่งกับพวกเราอีก”
“โธ่เว้ย เอ็งไม่เข้าใจเหรอไงวะ ข้ากับมันเขม่นกันมาตั้งนานแล้วเพราะเรื่องแม่เพื่อน แล้วอยู่ๆ โกดังมันมาถูกลอบวางเพลิงหลังจากที่มันเพิ่งมีเรื่องที่ทุ่งบ้านสร้างไป คนแรกที่มันคิดถึงต้องเป็นข้า”
ก้อนชะงักไปเสียงอ่อนลง
“ไม่หรอกมั้ง คนอย่างไอ้วีระกับพ่อมันมีศัตรูไปทั่ว มันอาจคิดไม่ถึงว่าเป็นเอ็ง เพราะฉะนั้นเอ็งกับข้าควรรีบไปจากที่นี่ก่อนที่มันจะมาเจอ”
ก้อนจะพาลอออกไปจากบริเวณนั้น แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสายไป เมื่อวีระกับไม้พากันเดินเข้ามาใกล้ๆ แต่ยังไม่เห็นทั้งคู่
“เอ็งได้ยินรึเปล่าวะไอ้ไม้ ข้าว่าข้าได้ยินเสียงคุยกันอยู่แถวนี้”
“ได้ยินครับนาย ไม่ใช่พวกเราแน่”
“หาตัวให้เจอ ถ้าเป็นไอ้ลอที่คิดจะมาเอาคืนข้าอย่างที่คิดไว้ล่ะก็ มันรนหาเรื่องตาย”
ไม้พยักหน้ารับแล้วเดินมาทางที่ลอกับก้อนก้มหัวหลบ
ลอหน้าเสียมองหน้ากับก้อน ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกไป
หน้าโกดังข้าวยังคงชุลมุนวุ่นวายและเต็มไปด้วยควันไฟที่ลอยออกมาจากโกดังข้าวไม่หยุด พวกลูกน้อง ประจวบยังวิ่งเข้าวิ่งออกเอาถังน้ำเข้าไปดับไฟโดยมีประจวบคอยยืนสั่งการ
“เร็วสิเว้ย ดับไฟให้ได้ ถ้าข้าวกูเสียหายหมดโกดังล่ะก็พวกมึงต้องช่วยกันรับผิดชอบ”
ลูกน้องคนหนึ่งสำลักควันไฟออกมาโซเซจะหมดสติ มาดรีบเอาใจนายเข้าไปกระชากตัวขึ้นมาแล้วตะคอก
“อย่ามาทำสำออยตอนนี้ ไม่ได้ยินที่นายสั่งเหรอไง เข้าไปดับไฟ ไปสิเว้ย”
มาดผลักมันเข้าไปในโกดังแล้วรีบเดินมาเอาหน้า
“ไฟใกล้จะดับแล้วจ้ะนาย อย่างมากก็เสียหายไม่เท่าไหร่ แค่ร้อยกระสอบน่าจะได้”
ประจวบกระชากคอเสื้อมาด
“ข้าวร้อยกระสอบของกู รู้มั้ยว่าเงินเท่าไหร่”
มาดตกใจ
“รู้ รู้จ้ะนาย”
“ถ้ารู้มึงก็ต้องรีบเข้าไปช่วยพวกมันดับไฟ เพราะถ้าเสียหายเพิ่มมาอีกแม้แต่กระสอบเดียว มึงนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ ที่ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาเผาโกดังกู”
ประจวบผลักมาดให้เข้าไปในโกดัง ชาวบ้านในย่านนั้นมามุงดู ในกลุ่มชาวบ้านมีเรืองกับเพื่อนอยู่ด้วย เรืองตกใจเมื่อได้ยินประจวบพูด เลยดึงเพื่อนออกมาห่างจากพวกชาวบ้าน
“ได้ยินที่นายประจวบพูดรึเปล่าแม่เพื่อน พวกมันรู้ว่าโดนลอบเผา”
“ได้ยิน และก็คงเป็นฝีมือใครไม่ได้นอกจากพี่ลอ”
“งั้นเรารีบไปจากที่นี่เถอะ ไม่งั้นจะซวยตามไอ้ลอไปด้วย”
“ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นนะเรือง ฉันไม่ทิ้งพี่ลอไว้แบบนี้แน่”
“แต่แม่เพื่อนจะทำอะไรได้”
“ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าฉันต้องหาพี่ลอให้เจอ ไม่ยอมให้พี่ลอต้องมาถูกพวกมันเล่นงาน เพราะฉันแน่”
เพื่อนรีบเดินออกไป เรืองหน้าเสียกังวลเครียดขึ้นมาทันที
“ไปกันใหญ่แล้ว เอาไงดีวะเนี่ยกู”
ลอกับก้อนพยายามจะหาทางออกจากบริเวณโกดังเก็บข้าวของพวกวีระ แต่ระหว่างนั้นเสียง ของวีระกับไม้ดังไปทั่วโกดัง
“ไอ้ลอ ข้ารู้ว่าเป็นฝีมือเอ็ง ถุย คิดจะมาเผาโรงสีข้า เอ็งมันก็แค่ไอ้กระจอก ยังไงวันนี้เอ็งได้คาตีนข้าแน่”
เสียงขู่ของวีระทำให้ลอกับก้อนชะงักมองหน้ากัน
“ข้าว่าเอ็งหนีไปเถอะวะไอ้ลอ เดี๋ยวข้าจะรับมือพวกมันเอง ข้าหาเรื่องเดือดร้อนให้เอ็ง ข้าก็ต้องรับผิดชอบเอง”
“เอ็งเป็นเพื่อนข้า ข้าจะไม่ทิ้งให้เอ็งต้องซวยคนเดียวแน่”
“แต่เอ็งจะหนีไปได้ยังไง”
“ต้องซัดมันให้หมอบโดยไม่ให้รู้ว่าเป็นข้ากับเอ็ง”
ลอพูดไปก็เอาผ้าขาวม้าขึ้นมาโพกหัวพันหน้าจนเหลือแค่ลูกตา ก้อนเลยพอจะเข้าใจ
“ถ้าคว่ำมันไม่ได้ก็หนีไม่ได้”
“งั้นก็ได้เวลางัดเชิงมวยของพ่อข้าออกมาใช้จริงๆ แล้วสิวะ”
ก้อนเห็นด้วย เอาผ้าขาวม้ามาโพกหัวพันหน้าเหลือแค่ลูกตาแล้วตั้งท่าเชิงมวยรอ จังหวะนั้นเองวีระกับไม้ ก็ตามเข้ามาเห็นชายต้องสงสัยพันหน้าพันตายืนรออยู่
“เจอตัวไอ้พวกรนหาที่จนได้ หนีไปไหนไม่ได้สุดท้ายก็ต้องปักหลักสู้อย่างหมาจนตรอก”
ลอกับก้อนชูกำปั้นยืนเคียงกันพร้อมรับมือโดยไม่พูดสักคำ
“สงสัยต้องจับพวกมันหักขาหักแขนหมดฤทธิ์ก่อน ถึงจะรู้ว่าใช่ไอ้ลอรึเปล่าที่กล้ามารนหาเรื่อง”
“เต็มที่เลยไอ้ไม้ ให้คุ้มกับค่าจ้างที่ข้าจ้างให้เอ็งมาเป็นมือขวาของข้า”
ไม้พยักหน้ารับ ก่อนจะพุ่งเข้าไปโจมตี ลอกับก้อนพุ่งเข้าไปปะทะเชิงมวย
แพงนั่งเรือพ่อค้ารับซื้อกล้วยจากชาวสวนมาขึ้นที่ท่า
“ขอบใจนะจ๊ะลุง”
แพงรีบขึ้นจากเรือแล้วตั้งหน้าตั้งตามุ่งไปที่โรงสี ระหว่างนั้นได้ยินเสียงพวกชาวบ้านคุยกัน
“จริงเหรอวะ ตกลงที่ไฟไหม้โรงสีนายประจวบเพราะมีคนไปวางเพลิง”
“เห็นนายประจวบโวยวายว่าใช่นะ ตอนนี้กำลังให้ไอ้วีระตามล่าตัวอยู่”
“ให้ไอ้วีระไปตามล่า งั้นถ้าได้ตัวคงไม่เจ็บตัวธรรมดาแน่ ไอ้คนวางเพลิงนี่ก็ช่างกระไร ใจกล้าไม่พอต้องอยากตายด้วยมั้ง”
แพงหยุดฟังพวกชาวบ้านคุยกันหน้าเสีย กังวลเป็นห่วงลอขึ้นมาทันที จึงรีบหันขวับจะเร่งไปช่วยแต่ไม่ทัน ระวังเลยชนเข้ากับแรม ซึ่งใส่ชุดสวยอย่างสาวพระนคร แต่งหน้าจัดและควงแขนมากับผู้ชายดูมีฐานะคนหนึ่ง
“ว้าย อีบ้า จะรีบไปตายที่ไหน”
“ขอโทษจ้ะพี่สาว ฉันไม่ตั้งใจ ฉันรีบจ้ะ”
“รีบอะไรนักหนา เสื้อผ้าฉันราคาไม่ใช่ถูกๆ เนื้อตัวแกมอมแมมแบบนี้ ทำให้เสื้อผ้าฉันเลอะเทอะไปหมดแล้ว”
แรมโวยวายใส่เพราะจำแพงไม่ได้ แต่แพงมองหน้าแล้วคุ้นๆ จนนึกออกว่าเป็นใคร
“พี่แรม พี่แรมใช่มั้ยจ้ะ”
แรมชะงักหน้าเสียที่มีคนมาเรียกชื่อเดิม ผู้ชายที่ควงแขนมากับแรมมองงงๆ
“รู้จักกันด้วยเหรอ”
“เอ่อ เปล่าจ้ะ ฉันไม่รู้จักนังเด็กกะโหลกกะลานี่หรอก รีบไปเถอะจ้ะ อย่าเสียเวลาเลย”
แรมรีบควงแขนชายหนุ่มมีฐานะคนหนึ่งเดินออกไปอย่างเร่งรีบและไม่พยายามสบตากับแพง แพงมองตามไปอย่างงงๆ ที่ทักแล้วกลับทำเป็นไม่รู้จัก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเพราะต้องรีบไปช่วยลอ
แพงรีบเดินออกไป คล้อยหลังแพงออกไปไม่นาน แสงยืนมองตามหลังแรม ลูกสาวที่เดินหายไปกับชายหนุ่มที่ไม่รู้จัก แสงมองสงสัย
หน้าโรงแรมละแวกตลาดท่าน้ำเป็นห้องแถวครึ่งปูนครึ่งไม้ แรมควงแขนชายหนุ่มเดินเข้ามาเช่าห้องพัก
“ขอห้องแบบชั่วคราวนะ”
“ค้างคืนกับพี่ไม่ได้เหรอ”
“แต่ฉันบอกพ่อว่าจะกลับบ้านวันนี้นะจ๊ะพี่”
“แต่พี่เพิ่งเจอกับน้องสาวยังไม่ถึงชั่วโมง อยากรู้จักน้องสาวเยอะๆ”
“แหม ปากหวาน เดี๋ยวขึ้นไปบนห้องก็จะได้รู้จักฉันเพิ่มขึ้นอีกตั้งชั่วโมง”
ชายหนุ่มยิ่มกริ่มแล้วจับมือมาหอม
“แล้วถ้าพี่ให้ค่าเสียเวลาน้องสาวเพิ่มขึ้นอีกล่ะ น้องสาวจะยอมค้างคืนกับพี่รึเปล่า”
แรมชะงัก ครุ่นคิดอย่างสนใจ ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าควักธนบัตรออกมาอีกสองสามใบแล้วยัดใส่มือแรม
“นานๆ พี่จะได้เจอสาวจากพระนครสวยๆ แบบนี้ พี่ก็อยากชื่นใจให้นานๆ”
“ตามใจพี่ชายแล้วกันจ้ะ กลับบ้านช้าไปวันเดียว พ่อฉันไม่ว่าหรอก”
แรมเอียงหัวซบบ่าชายหนุ่มแล้วเดินขึ้นบันไดหายไปด้วยกัน แสงเดินตามหาลูกสาวผ่านมาที่หน้าโรงแรมแล้วพยายามมองหา แต่ไม่เจอลูกสาวตัวเองแล้ว
ชายสูงวัยนึกสงสัย เพราะมั่นใจว่าใช่ลูกสาวตัวเองแน่ จึงเดินตามหาต่อ
ลอโดนไม้ถีบโครมเข้าที่อกจนเซถลาไปกองจุกเจ็บ ก้อนจะฉวยโอกาสเข้าเล่นงานไม้ แต่กลับเจอไม้ตวัดศอกกลับซัดเข้าหน้าจนโซเซ
จากนั้นไม้ก็ตามไปเล่นงานก้อนอย่างต่อเนื่องอีกหลายหมัด เข่า ศอก ประเคนใส่อย่างกับพายุจนก้อนตั้งรับแทบไม่ทัน ลอเห็นก้อนกำลังเสียท่าเลยฮึดเข้าไปช่วย แต่กลับเจอวีระก้าวเข้ามาขวางพร้อมกับชักมีดพกออกมากวัดแกว่งไปมาอย่างท้าทาย
“ฝีมือเชิงมวยของพวกเอ็งมันเข้าท่าดีว่ะ ยิ่งถ้าไม่ใช่พวกที่เคยฝึกเชิงมวยมาก่อน คงไม่มี ทางรับมือกับไอ้ไม้ได้ตั้งหลายหมัด แสดงว่าเอ็งน่าจะเป็นคนที่ข้าสงสัย เพราะได้ยินว่ามันก็ฝึกเชิงมวยมาเหมือนกัน”
ลอชะงักกับสายตาของวีระที่จ้องจับผิด เลยปรี่เข้าจะเล่นงาน แต่วีระก็ไม่ธรรมดา ฉากหลบแล้วเตะ เข้ากลางหลังจนลอเซถลา ส่วนก้อนก็พยายามฮึดรับมือกับไม้อย่างไม่ลดละ
“ในเมื่อเอ็งยังไม่ยอมรับว่าเอ็งคือคนที่ข้าสงสัย งั้นข้าก็ต้องกระซวกเอ็งให้ไส้ทะลักก่อน เอ็งถึงจะยอมให้ข้าจับได้แบบคาหนังคาเขา”
วีระควงมีดพกแล้วเข้าไปเล่นงานอีก ลอเลยต้องตั้งรับหลบหลีกคมมีดสลับกับสวนหมัดกลับไปอีกหลายที วีระโดนไปหลายหมัดแต่ก็ตอบโต้กลับ ระหว่างนั้นก้อนกำลังรับมือกับไม้ ฝีมือของก้อนเป็นรองไม้เลยทำให้โดนเล่นงานหนักจนเกือบจะหมดแรง
ลอรับมืออยู่กับวีระหันมาเห็นก้อนกำลังจะถูกกระชากผ้าขาวม้าพันหน้าออก เลยทำให้เสียจังหวะพลาดท่าโดนวีระตวัดมีดโดนต้นแขนจนเลือดสาด จังหวะนั้นเองเรืองกับเพื่อนตามเข้ามาตามหาแล้วเห็นลอถูกวีระเล่นงานจนได้เลือด เพื่อนตกใจกำลังจะร้อง แต่เรืองรีบเอามือปิดปากไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งส่งเสียงไปสิแม่เพื่อน เดี๋ยวพวกมันก็จับได้หรอก”
ลอเจ็บใจแขนเลือดอาบ วีระได้โอกาสจะเข้าไปแทงซ้ำแต่ลอหันไปคว้าไม้หน้าสามมาฟาดหน้าวีระ จนเซถลา ไม้เห็นเจ้านายโดนเล่นงานก็เสียจังหวะที่กำลังจะกระชากผ้าขาวม้าบนหน้าก้อน ก้อนฉวยโอกาสถีบยอดอกไม้จนเซแล้วรีบวิ่งไปช่วยกันประคองลอพากันหนีไป วีระเจ็บใจและเจ็บจนหน้าชา
“ไอ้ระยำเอ๊ย อย่าให้มันหนีไปได้ เอาตัวมันมาให้ได้”
ไม้รีบไล่ตามไอ้โม่ง 2 คนนั่นไป วีระเจ็บใจเดินตามไปด้วยอีกคน เพื่อนแกะมือเรืองที่ปิดปากออก
“ห้ามฉันไม่ให้ช่วยพี่ลอทำไม”
“เมื่อกี้นี้ถ้าแม่เพื่อนพูดอะไรออกไป พวกมันรู้แน่ว่าเป็นไอ้ลอ”
“แต่พี่ลอกำลังลำบาก”
“ไม่หรอก ถ้าจะช่วยไอ้ลอให้รอดไปได้ เราต้องช่วยกันตอนนี้ล่ะ”
เพื่อนมองเรืองอย่างสงสัย
ก้อนกับลอประคองกันมา พยายามหนีออกไปที่ท่าน้ำ แต่เลือดที่แขนลอไหลไม่หยุดจนก้อน ต้องเอาผ้าขาวม้ามาพันแขนห้ามเลือด
“ไหวมั้ยวะไอ้ลอ”
ลอพยักหน้ารับแล้วพากันเดินออกไปกับก้อนพ้นตรงมุมทางเลี้ยว คล้อยหลังไม่นานวีระกับไม้ตามมา
“ลากคอมันมาให้ได้ อย่าให้หนีรอดได้เด็ดขาด”
ไม้พยักหน้ารับแล้วดูที่พื้นเห็นรอยเลือดหยดเป็นทาง
“พวกมันมาทางนี้แน่”
“เสร็จข้าล่ะ”
วีระกับไม้จะตามไป แต่จังหวะนั้นเอง คนที่เดินโผล่มาขัดทำทีเป็นเพิ่งเดินมาจากทางเลี้ยวก็คือเพื่อนกับเรือง
“แม่เพื่อน แม่เพื่อนมาทำอะไรแถวนี้”
เพื่อนสบตากับเรืองให้เรืองเป็นคนพูดหันเหความสนใจของวีระ
“ข้ากับแม่เพื่อนมารอรับพี่สาวข้าที่กำลังมาจากพระนคร แต่ได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าโรงสีของเอ็งถูกวางเพลิง ก็เลยอยากมาดูให้เห็นกับตา”
“ข้าถามแม่เพื่อน ไม่ได้ถามไอ้กระจอกอย่างเอ็ง ไอ้เรือง”
วีระผลักอกเรืองจนเซแล้วขยับเข้าไปใกล้เพื่อน แต่เพื่อนแสดงท่าทีไม่กลัววีระ
“ข้าก็บอกเหมือนไอ้เรืองนั่นแหละ เห็นชาวบ้านเขาแตกตื่นกันที่โรงสีของเอ็งไฟไหม้ ข้าก็เลยต้องมาดูให้เห็นกับตาว่าเวลาพวกเอ็งเจอกับความชิบหายบ้าง มันจะเป็นยังไง”
“แม่เพื่อน”
วีระบีบแขนเพื่อนอย่างแรงที่โดนพูดจาถากถางแบบนั้น ไม้เข้ามากระซิบลูกพี่เตือน
“ฉันว่าพี่วีอย่าเสียเวลาตรงนี้เลย เดี๋ยวจะตามไอ้สองตัวนั่นไปไม่ทัน”
“เอ็งตามพวกมัน ไป”
ไม้พยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกไป เพื่อนได้ทีปัดมือวีระออกจากแขนอย่างแรงแล้วมองหน้าเขม็ง
บริเวณท่าน้ำ ก้อนกับลอประคองกันมาเพราะเจ็บตัวกันมาเยอะ ระหว่างนั้นแพงรีบวิ่งเข้ามา ไม่ทันมอง เลยเกือบชนกับทั้งคู่ ก้อนโมโห
“โธ่เว้ยอีแพง เอ็งเหรอวะเนี่ย”
“เป็นฉันน่ะดีเท่าไหร่แล้ว เพราะถ้าเป็นพวกไอ้วีระโผล่มาล่ะก็ พี่ลอกับเอ็งได้ถูกมันลากคอกลับไปกระทืบตายแน่ หาเรื่องกันแท้ๆ”
“เอ็งรู้ได้ไงว่าพวกข้าอยู่ที่นี่”
“ถามไอ้เรืองเอาน่ะสิจ๊ะ”
“ไอ้เรืองปากโป้งอีกแล้ว”
“เอ็งไม่ต้องว่าไอ้เรืองมันหรอก รีบหาทางหนีออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า เมื่อกี้นี้ฉันเห็นเรือผูกทิ้งไว้อยู่ตรงท่าโน้น เอ็งไปเอาเรือมารับ เดี๋ยวข้าจะพาพี่ลอไปเอง”
“ทำตามที่อีแพงมันบอกเถอะ”
ก้อนพยักหน้าตามที่ลอสั่งแล้วส่งลอให้แพงช่วยพยุงก่อนจะออกไป แพงเห็นลอเจ็บไปทั้งตัวและที่แขน ก็มีเลือดซึมออกมาก็ยิ่งเป็นห่วง
“โธ่พี่ลอ เจ็บมากเลยใช่มั้ยจ๊ะ”
ทั้งสองสบตากัน
วีระจ้องหน้าเพื่อนเขม็งเหมือนต้องการจับผิด
“แม่เพื่อนจะชักแม่น้ำมาพูดอะไรให้ฉันฟัง ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าอยู่ๆ แม่เพื่อนจะบังเอิญมาที่นี่พอดีกับที่ฉันกำลังตามล่าตัวไอ้มือเพลิง”
“เอ็งไม่อยากจะเชื่อคำพูดข้า มันก็เรื่องของเอ็ง ส่วนข้ารู้สึกสะใจที่เห็นคนอย่างเอ็งวิ่งพล่านเพราะจับมือคนเล่นงานเอ็งไม่ได้ ไอ้เรืองกลับกันได้แล้ว”
เพื่อนจะชวนเรืองกลับ แต่วีระไม่ยอมปล่อยให้ไปง่ายๆ จึงคว้าข้อมือเพื่อนรั้งเอาไว้ เรืองจะเข้าไปช่วย
“ปล่อยแม่เพื่อนนะไอ้วี”
“อย่าสะเออะ”
วีระจ่อมีดไปที่หน้าเรืองอย่างเอาจริงทำเอาเรืองชะงักอึ้งไม่กล้าขึ้นมาทันที ประจวบเดินเข้ามา
“ไอ้วี พอได้แล้ว”
“พ่อ”
วีระหันไปมองประจวบซึ่งเข้ามาพร้อมกับมาดและลูกน้องอีก 2-3 คน เพื่อนเลยได้โอกาสผลักวีระออกจากตัว
“ไหน ตกลงเอ็งตามตัวไอ้คนเผาโรงสีของข้าได้รึเปล่า”
“กำลังจะได้อยู่แล้วพ่อ”
“แล้วทำไมถึงยังไม่ได้”
“ตอนนี้ไอ้ไม้ไปตามตัวอยู่ รับรองว่าต้องได้ตัวมันมาแน่ แล้วถ้าได้เห็นหน้าว่ามันเป็นใครล่ะก็ แม่เพื่อนรู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เพื่อนไม่พูดอะไร พยายามไม่สนใจคำขู่ของวีระ เธอรีบออกไปพร้อมกับเรือง
วีระมองตามอย่างเจ็บใจ
แพงประคองลอมารอใกล้ๆ เกือบจะถึงท่าน้ำ
“แค่ไปเอาเรือมา ทำไมนานนักนะไอ้ก้อน”
“เอ็งไม่ควรตามมายุ่งเรื่องของข้านะอีแพง”
“พี่ลอเลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว มันไม่มีหรอกนะเรื่องไหนของพี่ลอ เรื่องไหนของฉันน่ะ”
“ใช่สิ เพราะเอ็งมันชอบจุ้นจ้านเรื่องของข้าไปซะทุกเรื่อง แล้วก็ขี้ตู่ทึกทักเอาเองว่าข้าไม่ว่าเอ็งเพราะเห็นเอ็งเป็นน้องเป็นนุ่ง”
“พี่ลอ ฉันเป็นห่วงพี่นะ พี่ยังมาพูดแบบนี้อีก มันน่าน้อยใจจริงๆ”
“เอ็งน้อยใจข้า ข้ายังสบายใจกว่าต้องเห็นเอ็งเอาตัวเองมาเสี่ยงกับเรื่องอันตรายแบบนี้”
“พี่ลอ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ช่วยชีวิตฉันไว้ตอนเด็กๆ ฉันก็คงตายไปแล้ว พี่เป็นเจ้าชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับพี่ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟไปช่วย ฉันก็ต้องทำ”
“อีแพง”
แพงกับลอสบตากันนิ่งไปครู่ ก่อนที่ลอจะได้ยินเสียงฝีเท้าของไม้ดังเข้ามา ลอรีบดึงแพงเข้ามาใกล้ๆ ไม้เดินเข้ามาตามหา มีดาบมาด้วยพร้อมจะจัดการเด็ดขาด ลอแอบมองผ่านช่องสังกะสีที่พรางตัวเอาไว้อย่างเป็นห่วงแพง
“เอาไงดีล่ะพี่ลอ”
“เงียบๆ ไว้ ถ้ามันเห็นเรา เอ็งก็หนีไปเลยนะไม่ต้องหันกลับมา ข้าจะจัดการกับมันเอง”
“แต่สภาพพี่ลอตอนนี้ พี่โดนมันฆ่าแน่”
“ข้าไม่ตายง่ายๆ เพราะคมหอกคมดาบของพวกมันหรอก เพราะข้ายังมีหน้าที่ต้องดูแลเอ็งกับพี่สาวเอ็ง”
ลอพูดพร้อมกับใช้มือข้างที่ยังเจ็บดึงแพงมาโอบกอดเอาไว้แนบอกอย่างพี่ชายที่ต้องการปกป้องน้องสาว แต่สำหรับแพงที่ได้ซบหน้ากับแผ่นอกของลอ หัวใจแพงรู้สึกอบอุ่นพองโต จนอดเงยหน้ามองใบหน้าของลอไม่ได้ ระหว่างนั้น ไม้เข้ามาใกล้และชักดาบออกมาเตรียมพร้อมลงมือถ้าเจอตัว ลอโอบแพงแน่นขึ้นพร้อมปกป้อง จังหวะนั้นเองเสียงดังเอะอะโวยวายของชาวบ้านก็ดังเข้ามา
“ช่วยด้วย โจรขโมยเรือ ช่วยจับโจรขโมยเรือให้ด้วยจ้า”
ไม้ชะงักหันไปตามเสียง ชาวบ้านออกมาร้องโหวกเหวกคิดว่าเป็นพวกนั้นแน่เลยเก็บดาบแล้วรีบตามไป
ลอกับแพงเป่าปากโล่งอกที่รอดจากไม้มาได้หวุดหวิด ระหว่างนั้นก้อนโผล่เข้ามา
“พวกเอ็งปลอดภัยรึเปล่าวะ”
“ไอ้ก้อน ให้ไปเอาเรือมารับ แล้วไหนล่ะเรือ”
“เอาเรือแจวชาวบ้านไปมันหนีไปไม่รอดหรอกอีแพง ข้าก็เลยปล่อยเรือให้ไหลไปกับน้ำ หลอกว่าเรือโดนขโมย ช่วยถ่วงเวลาพาพวกเอ็งหนีไปทางอื่นดีกว่า”
“ฉลาดขึ้นมาเลยนะเอ็ง”
ลอพูดไปก็เจ็บแผลที่แขน แพงเลยเป็นห่วง
“งั้นฉันว่าเรารีบไปกันดีกว่าจ้ะพี่ลอ ฉันจะได้กลับไปทำแผลให้พี่”
ลอพยักหน้ารับ ก้อนเข้ามาช่วยพยุงอีกแรงแล้วพากันออกไป
ลอกับแพงพากันมาที่กระท่อมปลายนาของลอ เสียงร้องของลอดังออกมา เมื่อแพงพยายามแกะผ้าชุ่มเลือดที่พันแผลตรงแขนลอออก
“เบาๆ หน่อยสิวะอีแพง มันเจ็บนะเว้ย”
“เจ็บเหรอจ๊ะพี่ลอ โธ่น่าสงสารจังเลย แต่ฉันต้องเอาผ้านี่ออกก่อนแล้วทำแผลใหม่ให้ ไม่งั้นแผลพี่จะเน่า เดี๋ยวฉันจะเบาๆ มือแล้วกันนะจ๊ะ”
แพงทำเสียงหวาน แต่พอลงมือแกะผ้าจริงๆ ก็ดึงออกมาแรงๆ ทำเอาลอสะดุ้งโหยง
“โว้ย อีแพง แผลข้าจะแหกกว่าเดิมสิไม่ว่า”
“แหม พี่ลอจ๋า ทีตอนนี้ล่ะทำร้องโอดร้องโอย ทีตอนหาเรื่องใส่ตัวไม่รู้จักคิดมั่ง แค่นี้ยังถือว่าโชคดี เพราะถ้าฉันไปช่วยพี่ลอไม่ทันล่ะก็ ไอ้วีมันกระทืบพี่ปางตายแน่”
“เออ ข้าขอบใจเอ็งก็ได้วะที่เป็นห่วงแล้วไปช่วยข้า แต่ไม่ใช่เอ็งคนเดียวหรอกที่ช่วยให้ข้ารอดมาได้”
“พี่ลอหมายความว่ายังไง”
“ตอนที่ข้าเกือบจะถูกไอ้วีระจับได้ แม่เพื่อนคงรู้เรื่องข้าจากไอ้เรือง ก็เลยเข้ามาช่วยข้าจนรอดจากมันได้ก่อนที่เอ็งจะไปถึง เฮ้อ ป่านนี้ไม่รู้แม่เพื่อนจะเป็นยังไง”
ลอเป็นห่วงเพื่อนจนแพงแอบน้อยใจ ระหว่างนั้นก้อนเข้ามา
“ไอ้ลอ ข้าแอบเอาขึ้ผึ้งใส่แผลของหลวงพ่อมาให้ เอ็งเอาไปป้ายแผลซะ แผลจะได้ไม่เน่า”
“เออ ขอบใจว่ะไอ้ก้อน แต่ข้าว่าเอ็งรีบกลับบ้านไปเถอะ ถ้าพ่อเอ็งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเอ็งจะซวยเพราะข้า”
เออ งั้นข้ากลับก่อน อีแพง ฝากเอ็งดูไอ้ลอให้ด้วยนะ”
ก้อนออกไป ทิ้งตลับขี้ผึ้งใส่แผลไว้
“เอ็งด้วยอีแพง มืดค่ำแล้วหายออกจากบ้าน ถ้าอาพิศรู้เข้าเอ็งจะโดนไม้เรียวเอาอีก”
“ให้ฉันอยู่ทาแผลให้พี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันค่อยปีนต้นไม้แอบย่องเข้าหน้าต่างห้อง รับรอง พ่อไม่รู้หรอกว่าฉันหายไปไหน”
“เอ็งอย่าหาเรื่องให้อาพิศโกรธ เวลาเอ็งโดนตีทีไร มันเดือดร้อนข้าต้องคอยห้ามทุกที”
แพงจะอ้าปากเถียงขออยู่ต่ออีก แต่เสียงเพื่อนแทรกเข้ามา
“เอ็งกลับไปได้แล้วอีแพง เดี๋ยวข้าจะช่วยดูแลพี่ลอเอง”
“แม่เพื่อน”
เพื่อนดีใจเมื่อเห็นลอปลอดภัย ทั้งคู่โผหากัน สายตาสบประสานต่อหน้าต่อตาแพงที่กลายเป็นส่วนเกินไปในบัดดล
อ่านต่อหน้า 2
เพื่อนแพง ตอนที่ 2 (ต่อ)
เพื่อนช่วยประคองลอนั่งลงที่ตั่งนอนอย่างเป็นห่วง
“ขอฉันดูแผลพี่หน่อยนะจ๊ะพี่ลอ”
เพื่อนขยับแขนลอมาดูแผลรอยถูกฟันพอเห็นแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง
“ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะจ๊ะพี่ลอ ขี้ผึ้งของหลวงพ่ออย่างเดียวจะไหวเหรอ”
“แค่นี้เองน่าแม่เพื่อน อย่าตกใจไปเลย เวลาพี่ไปฝึกเชิงมวยกับผู้ใหญ่พลาดท่าโดนเตะ โดนอัดมายังเจ็บกว่านี้เลย”
“พี่ลอก็ปากเก่ง แผลโดนฟันไม่ใช่โดนหมัดโดนตีน ให้ฉันพาพี่ไปหาหมอรักษาดีกว่า”
“ไม่ได้หรอกแม่เพื่อน จะเป็นเรื่องใหญ่ให้ไอ้วีย้อนกลับมาเอาเรื่องพี่ได้”
“แต่ว่า”
ลอจับมือเพื่อนบีบเบาๆ มือลูบแก้มให้คลายความกังวล
“พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะแม่เพื่อน ถ้าแผลแค่นี้ทำให้พี่ถึงกับตายได้แล้วพี่จะดูแลแม่เพื่อนกับอีแพงได้ยังไง”
ลอพูดไปก็สบตากับเพื่อนอย่างซาบซึ้ง แต่เสียงเตะชามสังกะสีที่พื้นดังแทรกเข้ามาทำให้ทั้งคู่ชะงักหันไปเห็นแพงยังแอบผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ข้างนอก
“อีแพง นั่นเอ็งยังไม่ไปอีกเหรอ”
แพงรู้ตัวว่าโดนจับได้ก็ค่อยๆ ยื่นหน้ายิ้มแหะๆ ยิ่งกับสายตาของพี่สาวที่มองดุมาที่ตนเองยิ่งทำให้หน้าจ๋อย
“กำลังจะไปแล้วจ้ะพี่ลอ พี่เพื่อน ฉันไปนะ”
“เดี๋ยวอีแพง”
“จ๋าพี่เพื่อน”
สองพี่น้องออกมาคุยกันนอกกระท่อม แพงชะงักย้อนถามพี่สาว
“พี่เพื่อนจะอยู่ค้างคืนกับพี่ลอเหรอ”
“ใช่ ข้าเป็นห่วงพี่ลอ แผลลึกเอาเรื่องแบบนั้น ถ้าเกิดเป็นไข้ขึ้นมาจะไม่มีใครดูแล”
“แต่ถ้าพ่อรู้เรื่องเข้า ถึงจะชอบพอพี่ลอ แต่พ่อแกก็ต้องไม่พอใจ พี่กับพี่ลอยังไม่ใช่ผัวเมียกันซะหน่อย”
“ก็ถ้าพ่อไม่รู้ก็ไม่มีเรื่อง”
“พ่อจะไม่รู้ได้ยังไง กลับบ้านไปพ่อเจอแต่ฉันคนเดียว ไม่เจอหน้าพี่พ่อก็ถามหาแล้ว”
“เอ็งไม่ต้องพูดพร่ำให้มากความ ทีเรื่องอื่นล่ะหัวหมอได้ทุกเรื่อง ถ้าแค่นี้จะฉลาดช่วยข้าไม่ได้ ต่อไปก็ไม่ต้องมาเป็นพี่เป็นน้องกับข้ากับพี่ลออีก”
“ให้ฉันช่วยอย่างอื่นฉันช่วยได้นะ แต่เรื่องนี้”
“อีแพง เอ็งห่วงตัวเองโดนพ่อด่าหรือห่วงพี่ลอเจ็บแล้วไม่มีใครดูแล บอกมา”
แพงนิ่งไปหน้าสลดมองพี่สาว
แพงเดินกลับมาอย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นเห็นพ่อกำลังเดินกลับมาที่บ้าน แพงตกใจเพราะถ้าพ่อขึ้นเรือนไปไม่เจอใครต้องมีปัญหาแน่
“หายหัวไปไหนกันหมด บ้านช่องเงียบเชียบ”
พิศกวาดตามองหาลูกสาวแล้วเรียกหาอีกแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบ แพงซึ่งแอบอยู่หน้าเครียดขึ้นมาทันทีถ้า พ่อไม่เห็นอยู่ในบ้านมีหวังเป็นเรื่อง เธอแอบย่องจากตรงนั้นวิ่งจ้ำอย่างรวดเร็วไปหลังบ้าน แต่ขาดันไปเตะชะลอมดักปลาล้ม พิศได้ยิน หันขวับ แพงวิ่งหายไปอย่างเร็ว พิศสงสัย
ต้นไม้หลังบ้านที่แผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่จนยื่นเข้าไปใกล้กับหน้าต่างห้อง แพงรีบปีนขึ้นต้นไม้ ไต่ไปตามกิ่งก้านสาขาอย่างคล่องแคล่วเพราะทำประจำ ระหว่างนั้น พิศเดินเรียกหาลูกสาวทั้งสองคน
“นังเพื่อน อีแพง ดึกๆ ดื่นๆ หายหัวไปไหนกันหมด หนีเที่ยวกันอีกแล้วใช่มั้ย”
พิศเริ่มโมโหหันไปที่ข้างฝาคว้าไม้เรียวซึ่งเหน็บอยู่ขึ้นมา แพงกำลังปีนต้นไม้กลับไปที่ห้องไม่ให้พ่อรู้ แต่เพราะเร่งรีบมากเลยไม่ทันระวังพลัดตกลงมาโครม แพงอยากร้องเจ็บแต่ต้องเอามืออุดปากไม่ให้ส่งเสียงแล้วพยายามลุกขึ้นปีนต้นไม่อีกครั้ง ขาแพงเลือดออก ไหลหยดเป็นทาง พิศเข้ามาเคาะประตูปังๆ เรียกลูกสาว
“นังเพื่อน อีแพง ข้าเรียกพวกเอ็งคอแทบแตก ทำไมพวกเอ็งไม่ตอบข้า อย่าให้โมโหพวกเอ็งนะเว้ย เป็นสาวเป็นนางจับได้ว่าหนีเที่ยวล่ะก็ ฮึ่ม”
ไม่ทันขาดคำ แพงแง้มประตูออกมาแล้วยื่นหน้ามาแค่คอ
“อารมณ์เสียอะไรมาเหรอจ๊ะพ่อ”
“ข้าเรียกเอ็งตั้งนานทำไมไม่ตอบข้า”
“ก็ ก็ฉันกำลังลองเสื้อผ้าชุดใหม่กันอยู่นี่จ๊ะ”
“กับนังเพื่อนน่ะเหรอ”
“ใช่สิจ๊ะพ่อ อยู่ด้วยกันนี่แหละ พอดีวันนี้พี่เพื่อนเขาไปซื้อผ้าถุงผืนใหม่มาจากอำเภอ พ่อมีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า เห็นพวกเอ็งหายเงียบข้าก็นึกว่าจะมัวแต่ไปเที่ยวทิ้งบ้านทิ้งช่องไม่ดูแล”
“ได้ยังไงล่ะพ่อ ไม้เรียวในมือพ่อจะได้ฟาดขาฉันลาย”
“เออ รู้ดีก็ดีแล้ว แล้วก็รีบๆ นอนล่ะ พรุ่งนี้มีงานมีการให้ทำอีกเยอะ”
“จ้ะพ่อ”
พิศเดินออกไป แพงเป่าปากโล่งอก มองที่ขาตัวเองซึ่งยังมีเลือดไหลโชกจากแผลถลอก
ที่กระท่อมปลายนา ลมพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่องคล้ายจะมีฝน ลมพัดเอาใบไม้แห้งปลิวเข้ามาในกระท่อม เพื่อนรีบไปปิดหน้าต่าง
“ลมแรงแบบนี้สงสัยคืนนี้ฝนจะตกหนักนะจ๊ะพี่ลอ”
“อาทิตย์ก่อนฝนก็ตกหนักตอนกลางคืนแบบนี้ ดีที่น้ำท่วมมาไม่ถึงไม่งั้นคงวุ่นวาย พี่ว่าแม่เพื่อนน่าจะกลับบ้านก่อนฝนมา”
“ถ้าฝนตกหนักแล้วน้ำท่วมขึ้นมาถึงกระท่อมของพี่ ฉันว่าฉันก็ไม่ควรกลับบ้านหรอกจ้ะ”
ลอชะงัก
“แต่ว่าถ้าอาพิศรู้ว่าแม่เพื่อนมาค้างอยู่กับพี่ที่นี่ แม่เพื่อนไม่โดนดุอย่างเดียวแน่”
“เรื่องนั้นพี่ลอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ป่านนี้อีแพงคงช่วยจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้ากลับบ้านไป พ่อไม่ทันรู้หรอกว่าฉันมาค้างคืนดูแลพี่ลออยู่ที่นี่”
ลอชะงัก เพื่อนยิ้มนิดๆ อายๆ แล้วเดินไปที่อ่างน้ำซึ่งเตรียมไว้เช็ดตัวให้ลอ
“เดี๋ยวฉันจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พี่ลอนะจ๊ะ คืนนี้จะได้นอนหลับสบายๆ ไม่เหนียวตัว”
เพื่อนเอาผ้าชุบน้ำมาบิด ลอรู้สึกตื่นเต้นตามประสาชายหนุ่มที่จะได้ใกล้ชิดตามลำพังกับสาวคนรัก จึงโผเข้าไปกอดเพื่อนจากข้างหลัง มืออันแข็งแกร่งของเขากอดรัดแน่นจนเพื่อนสะดุ้ง
“พี่ลอ”
ลอหัวใจพองโต หอมแก้มเพื่อนฟอดใหญ่
หลังจากแน่ใจว่าโกหกจนพ่อไม่สนใจแล้วแพงจึงปิดประตูแล้วเดินกะเผลกเจ็บขาที่ถลอกจน เลือดไหลซิบๆ เป็นทาง แพงหาผ้ามาซับเลือด ยอมทนเจ็บปวดเพื่อให้ลอกับเพื่อนได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่คำพูดของเพื่อนก็ยังตอกย้ำความรู้สึกของแพงให้เจ็บปวด
“อีแพง เอ็งห่วงตัวเองโดนพ่อด่าหรือพ่วงพี่ลอเจ็บแล้วไม่มีใครดูแล บอกมา”
แพงค่อยๆ ซับเลือดที่ขา ปากก็พร่ำไปด้วยความน้อยใจ
“เพราะฉันรักพี่ลอมากกว่าที่ฉันจะรักตัวเองไงล่ะจ๊ะพี่เพื่อน”
น้ำตาของแพงเอ่อออกมาด้วยความเสียใจ ทั้งๆ ที่อยากเป็นคนดูแลลอ แต่ก็ทำหน้าที่นั้นไม่ได้
เพื่อนอยู่ในอ้อมกอดอันล่ำสันของลอ และยังถูกลอหอมแก้มซ้ายขวา
“พี่ลอ ปล่อยฉันเถอะจ้ะ มากอดมาหอมฉันแบบนี้ แล้วฉันจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พี่ได้ยังไง”
“แม่เพื่อนบอกว่าจะอยู่ค้างคืนกับพี่ที่นี่ พี่ก็คงไม่บ้าพอรอเช็ดเนื้อเช็ดตัวหรอกจ้ะ”
“เอ๊ะ พี่ลอนี่ก็ พูดพิเรนทร์แบบนี้ได้ยังไง คิดกับฉันแบบนี้เดี๋ยวก็ตีตายเลย”
เพื่อนหยิกแขนลอที่มาโอบกอดเธอเอาไว้จนลอร้องสะดุ้ง
“โธ่แม่เพื่อนจ๋า มือของแม่เพื่อนพี่ก็เคยหอม แก้มพี่ก็เคยชื่นใจ คืนนี้พี่จะได้นอนบนแผ่นกระดานเดียวกัน แล้วแม่เพื่อนจะไม่ให้พี่ตายเพราะความดีใจได้ยังไง”
“หยุดปากหวานเลยนะพี่ลอ ที่ฉันเคยให้พี่กอดหอมก็เพราะฉันรักพี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเป็นผู้หญิงใจง่ายให้พี่ทำอะไรก็ได้ มันน่าน้อยใจที่พี่คิดกับฉันแค่นี้”
เพื่อนวางผ้าชุบน้ำหมาดลงไปในอ่างแล้วเดินออกไปเลย ลอหน้าจ๋อย เดินตามเพื่อนออกมาแล้วรีบคว้าข้อมือเอาไว้
“พี่ขอโทษจ้ะ ความรักของพี่ที่มีต่อแม่เพื่อน แม่เพื่อนก็รู้ว่ามีมานานเท่าไหร่ มันทั้งสุมทั้ง แน่นอยู่ในอกพี่จนแทบจะแตกตายวันละหลายๆ รอบ”
“แต่พี่ลอก็ไม่เห็นตายสักทีนี่จ๊ะ ทุกวันก็ยังมาปากหวานตอดฉันนิดตอดฉันหน่อยประจำ”
“แม่เพื่อน”
“ฉันล้อเล่นจ้ะพี่ลอ ฉันรู้ว่าพี่ลอรักฉันมาก ฉันเองก็รักพี่ลอไม่น้อยไปกว่าที่พี่ลอรักฉันเหมือนกันจ้ะ”
“จริงนะแม่เพื่อน”
“ฉันไม่สัญญากับพี่หรอก ฉันบอกได้แค่ว่า ฉันกล้าพอจะกรีดหัวใจตัวเองไว้แผลหนึ่ง เพื่อยืนยันว่าฉันรักพี่ลอไม่น้อยไปกว่าใคร”
ลอดีใจจับมือเพื่อนมากุม
“แม่เพื่อนไม่ต้องพิสูจน์ความรักต่อพี่ด้วยวิธีนั้นหรอกจ้ะ เพราะเดี๋ยวผิวสวยๆ ของแม่เพื่อนจะเป็นริ้วเป็นรอย ถ้าจะมีสักแผลที่ยืนยันว่ามันคือความรักของเรา ก็ขอให้แผลนั้นมันเกิดขึ้นบนตัวพี่คนเดียวก็พอ”
ลอจับมือเพื่อนขึ้นมาหอมหลังมือเบาๆ อย่างทะนุถนอม เพื่อนอมยิ้มมีความสุขแล้วยิ้มมุมปากร้ายนิดๆ
“งั้นแผลนั้นก็คงเริ่มจากแผลนี้ก่อนใช่มั้ยจ้ะพี่ลอ”
เพื่อนแตะที่แผลตรงแขนของลอเบาๆ แต่ลอร้องเจ็บเสียงหลง
“โอ๊ยแม่เพื่อน พี่เจ็บ”
“พี่ลอ ฉันขอโทษ”
ลอแอบยิ้มชอบใจที่แกล้งหลอกเพื่อนได้ เพื่อนพอรู้ตัวว่าโดนแกล้งก็ตีแขนลอทันที
“พี่ลอแกล้งฉัน เช็ดตัวเองแล้วกัน ฉันไม่เช็ดตัวให้แล้ว”
เพื่อนสะบัดหน้างอนๆ เดินเข้าไปในบ้าน ลออมยิ้มชอบใจร้องตะโกน
“พี่สัญญา พี่จะไม่ล่วงเกินแม่เพื่อนจนกว่าอาพิศจะยกแม่เพื่อนให้เป็นเมีย แต่สิ่งที่พี่ขออย่างเดียวในคืนนี้ พี่ขอแค่ได้อิ่มใจว่าตื่นขึ้นมาแล้วพี่จะมีแม่เพื่อนอยู่ใกล้ๆ ก็พอ”
ลอพูดจบ เพื่อนจึงค่อยๆ เดินออกมาด้วยใบหน้าอิ่มสุข น้ำตาปริ่ม
“เพราะพี่ลอเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้ไง ฉันถึงได้รักพี่ลอด้วยหัวใจทั้งดวงของฉัน”
เพื่อนน้ำตาคลอพร้อมกับรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิใจในตัวคนรัก
เช้ามืด แพงนอนอยู่คนเดียวในมุ้ง กระสับกระส่ายเพราะความฝัน
“พี่ลอจ๋า ฮือๆๆ พี่ลอจ๋า”
เสียงของแพงกระซิกๆ จนน่าเวทนา
ภาพฝันจากอดีต พิศอยู่ในอาการป่วย ผลจากการดื่มเหล้ามาก หน้าตาหมองคล้ำและไอโขลกๆ ไม่หยุด เรี่ยวแรงก็แทบจะไม่มี แต่ก็ยังพยายามลุกมาคว้าไหเหล้าขึ้นมาเขย่าๆ แต่ในไหก็ไม่มีเหล้าเหลืออยู่ จนเหลือบไปที่ ระเบียงเห็นแพงกำลังเอาไหเหล้าอีกอันหนึ่งไปเททิ้ง
“อีแพง ไอ้ลูกเวร เอ็งเอาเหล้าข้าไปเททิ้งทำไม”
แพงตกใจที่พ่อดุเลยเผลอทำไหเหล้าตกแตกกระจาย
“ฉัน ฉันขอโทษจ้ะพ่อ อาเทิดสั่งไม่ให้พ่อกินเหล้าอีก ไม่งั้นพ่อจะไม่หายป่วย ฉันก็เลยต้องเอาเหล้ามาเททิ้ง”
“นังตัวซวย ถ้าไม่ใช่เพราะเอ็งเกิดมาแล้วทำให้แม่เอ็งตาย ข้าก็ไม่ต้องมานั่งกินเหล้าย้อมใจอยู่แบบนี้หรอก”
พิศหันไปคว้าไม้เรียวมาแล้วจับแพงมาตีไปสองสามที แพงร้องไห้จ้าเจ็บ ระหว่างนั้นลอกับเพื่อนเข้ามา
“อาพิศ พอเถอะจ้ะ อย่าไปตีอีแพงเลย ฉันขอล่ะ”
ลอเข้าห้ามจนพิศยอมถอยห่างออกมาแล้วปาไม้เรียวทิ้ง และไอติดต่อกันจนตัวโยนแทบจะประคองตัวไม่อยู่ เพื่อนรีบเข้าไปประคองพ่อ
“ฉันว่าพ่อไปนอนพักเถอะจ้ะ เชื่อที่อาเทิดบอก แล้วเดี๋ยวพออาเทิดไปพาหมอมารักษาพ่อ พ่อจะได้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมไงจ๊ะ”
พิศเริ่มอ่อนลงเพราะคำร้องขอของลูกสาวที่รักมากกว่าแพง ยอมให้เพื่อนประคองพาไปนอนที่เดิม
ส่วนแพงเอาแต่ร้องไห้สะอื้นเจ็บตัวจนลอเห็นแล้วก็ยิ่งสงสาร
“พี่ลอจ๋า ฮือๆๆ”
ลอพาแพงมานั่งที่แคร่หน้าบ้านใกล้คอกควาย
“ทีหลังเอ็งไม่ต้องไปกวนพ่อเขา ตอนนี้เขาไม่ค่อยสบาย ไม่งั้นเอ็งก็จะโดนแบบนี้อีก”
“แล้วทำไมพี่เพื่อนถึงไม่โดนตีบ้างล่ะจ๊ะพี่ลอ ฮือๆๆ”
“เอ็งไม่ต้องสงสัยมากนักหรอกอีแพง เชื่อที่พี่บอกก็พอ”
“จ้ะพี่ลอ แต่ แต่ฉันเป็นห่วงพ่อ กว่าอาเทิดจะกลับมาฉันกลัวว่าพ่อจะเป็นหนัก”
“ก็จริงของเอ็ง พ่อพี่หายไปนานแล้ว อาการอาพิศก็มีแต่จะหนักขึ้น”
“พี่ลอจ๋า ฉันอยากช่วยพ่อ ฉันสงสารพ่อ เราไปหายามาให้พ่อกินกันเถอะนะจ๊ะพี่ลอ นะจ๊ะ ฉันสงสารพ่อจังเลย ฮือๆๆ”
แพงร้องไห้อย่างน่าสงสารแม้พ่อจะใจร้ายกับตัวเอง แต่ก็ยังรักพ่อสุดหัวใจ ลอนิ่งมองครุ่นคิด
บริเวณท่าน้ำของวัด มีชาวบ้านเอาของวางพื้นขายเพราะเป็นจุดที่ชาวบ้านมาขึ้นลงเรือ เรือขายยาของพ่อค้ายาเร่ลำหนึ่งจอดอยู่ใกล้กับท่าน้ำ พ่อค้ายาเร่ร้องเรียกลูกค้า
“เร่เข้ามาจ้ะ เร่เข้ามา เจ็บป่วย เจ็บไข้ ปวดหัวตัวร้อน นอนกระสับกระส่าย ยาลูกกลอนถ้วยทองเม็ดเดียวได้ผลชะงัด กินเช้ากลางวันหาย กินบ่ายกลางคืนไปเตะปี๊บได้สบาย”
ลอเดินเข้ามายืนมองพ่อค้ายาเร่ที่กำลังเรียกลูกค้า ระหว่างนั้นแพงตามเข้ามาหาลอ
“พี่ลอจ๋า”
“อีแพง เอ็งตามข้ามาทำไม”
“พี่ลอจ๋า”
“โธ่เว้ย เอ็งนี่มันดื้อจริงๆ อยู่เฉยๆ ตรงนี้ ข้าจะไปขอยาจากเขาไปช่วยอาพิศเอง”
ลอดันให้แพงไปยืนหลบข้างๆ ท่าน้ำแล้วรีบเดินเข้าไปหาพ่อค้ายาเร่
“ฉันขอซื้อยาลูกกลอนหน่อยสิพ่อค้า”
“ได้สิไอ้หนู มีสตางค์รึเปล่าล่ะ”
“เอ่อ ฉัน ฉันไม่มีสตางค์หรอกจ้ะ”
“ไม่มีสตางค์แล้วจะมาขอฟรีๆ ได้ยังไงวะ ไปเลยไอ้เด็กเวร เสียเวลาทำมาหากินข้า”
พ่อค้ายาผลักลอจนเซ แต่ลอไม่ยอมยังขอตื้อเกาะแขนแน่น
“แต่อาฉันเขาป่วยมาก ฉันอยากได้ยาไปช่วยเขา วันนี้ฉันไม่มีสตางค์ แต่ฉันสัญญาว่า ฉันจะมาทำงานชดใช้ให้ นะจ๊ะ ขอยาให้ฉันเอากลับไปช่วยอาเขานะ”
“เอ็งจะกลับมาทำงานให้ข้าเหรอ”
“จ้ะ จะใช้ให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันทำได้หมดทุกอย่าง”
พ่อค้ายายิ้มเหมือนพอใจแต่กลับยันโครมแถมตบหน้าลออีกฉาดใหญ่
“ไอ้เด็กเปรต ข้าไม่หลงกลเอ็งหรอกเว้ย ไปให้พ้นเลย ก่อนที่จะโดนกระทืบ ไป”
ลอเลือดกลบปาก แต่ไม่ยอมแพ้ ต้องเอายาไปช่วยพิศให้ได้ ส่วนแพงเห็นลอโดนทำร้ายก็เป็นห่วงเข้ามาเกาะแขนร้องไห้จ้า
“ไม่ต้องห่วงพี่นะอีแพง ยังไงพี่ก็ต้องช่วยอาพิศให้ได้ พอข้านับถึง 3 เอ็งรีบวิ่งกลับไปบ้านเลย ไม่ต้องหันกลับมา”
“พี่ลอจะทำอะไร”
“เอ็งไม่ต้องถาม วิ่งอย่างเดียว วิ่งให้สุดชีวิตเลย 1 2 3”
สิ้นเสียงนับ แพงวิ่งหน้าตั้งกลับไปอย่างที่ลอสั่ง ส่วนลอก็จิกหน้าเอาจริง ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คิดจะทำ
เขาเดินเข้าไปที่พ่อค้ายาแล้วผลักอย่างแรงจนพ่อค้าตกลงไปในคลอง จากนั้นลอก็ฉวยเอากระปุกยาลูกกลอน มาไว้ในมือแล้วตั้งหน้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
“เฮ้ย ไอ้เด็กขี้ขโมย จับมัน มันขโมยของข้า อย่าให้มันหนีไปได้ จับมัน”
ลอวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตรงบริเวณพระพุทธรูปในลานวัด เริ่มเป็นห่วงแพง
“อีแพง อีแพง”
“ทางนี้จ้ะพี่ลอจ๋า”
ลอหันไปทางเสียงแล้วเห็นแพงเดินออกมาจากหลังพระพุทธรูป แต่คนที่เดินตามหลังแพงออกมาทำให้ลอตกใจเพราะคือเทิด พ่อของเขาเอง
“พ่อ”
“ไอ้ลอ ข้าเห็นชาวบ้านโหวกเหวกว่ามีเด็กไปขโมยของ พอมาเจออีแพงหลบอยู่ตรงนี้ ข้าเลยรู้ว่า ไอ้เด็กเวรนั่นมันเป็นลูกชายข้าเอง”
“พ่อ ฉัน ฉันขอโทษ ฉันจำเป็นต้องทำ ฉันอยากช่วยให้อาพิศหายป่วย”
“ด้วยการขโมยของคนอื่นน่ะเหรอ ข้าไม่เคยสอนเอ็งให้เป็นขโมยเว้ย ไอ้ลอ”
เทิดเงื้อมือจะเข้าไปตีสั่งสอนแต่แพงเกาะขาเทิดเอาไว้
“อย่าตีพี่ลอเลยจ้ะอา อย่าตีพี่ลอนะ ตีอีแพงก็ได้ แต่อย่าตีพี่ลอ ฮือๆๆ”
เทิดชะงัก
“อีแพง”
ระหว่างนั้นเสียงชาวบ้านโหวกเหวกเข้ามาทำให้เทิดหันไป รีบดึงลอกับแพงเข้าไปหลบหลังพระพุทธรูป
พ่อค้ายาเร่กับพวกชาวบ้านพากันเข้ามาพร้อมกับตำรวจ
“ฉันเห็นไอ้เด็กหัวขโมยนั่นวิ่งหนีมาทางนี้แหละจ้ะคุณตำรวจ”
“เด็กตัวกะเปี๊ยกไม่น่าหนีไปไหนไกล ลากคอมันมาสั่งสอนให้ได้นะ โตขึ้นมันจะได้ไม่เป็นโจรมาเล่นงานพวกเราอีก”
“จำหน้ามันได้ใช่มั้ย”
“จำได้แม่นเลยจ้ะคุณตำรวจ”
ตำรวจพยักหน้ารับแล้วพาพวกชาวบ้านกับพ่อค้ายาเร่เดินออกไปหาตัวหัวขโมยต่อ เทิดค่อยๆ พาลอกับแพงออกมาจากหลังพระพุทธรูปมองตามตำรวจด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกังวลมาก
“ฉันขอโทษจ้ะพ่อ ฉันจะเอายาไปคืนเขา”
เทิดหันมา โกรธจนลืมตัวตบหน้าลอทันที ลอเซล้มเลือดซิบมุมปากอย่างตกใจ แพงเองก็ตกใจร้องลั่น
“พี่ลอ”
มันสายไปแล้วไอ้ลอ เอ็งหาเรื่องเดือดร้อนทำให้ข้าจะไม่ได้อยู่ที่ทุ่งบ้านสร้างนี่อีก”
เทิดโกรธลูกชายกำหมัดแน่นแล้วรีบเดินออกไป ลอเจ็บหน้าที่ถูกพ่อตบระคนงุนงง แพงก็เอาแต่สง สารลอเกาะแขนร้องไห้เป็นห่วง
“พี่ลอจ๋า ฮือๆๆๆ”
แพงสะดุ้งเฮือกตื่นจากฝันขึ้นมาเหงื่อเต็มหน้า
“พี่ลอ”
แพงตกใจอยู่ครู่จนรู้สึกตัวว่าเป็นเพราะฝันถึงอดีตที่เป็นจุดเริ่มต้นของจุดหักเหของชีวิตลอที่มีส่วนทำให้พ่อลอต้องตาย ระหว่างนั้นเสียงพิศดังจากนอกบ้าน
“นังเพื่อนอีแพง ตื่นแล้วก็รีบลงมาช่วยข้าทำงาน จะนอนให้แดดมันแยงหน้าไปถึงไหน”
แพงชะงักหันไปมองข้างตัวที่นอนว่างเปล่าเพราะเพื่อนไม่กลับมาจริงๆ แพงต้องหาทางช่วยไม่ให้พ่อรู้ แพงรีบไปที่หน้าต่างตะโกนบอกพ่อ
“จ้ะพ่อ เดี๋ยวฉันลงไปช่วย แต่พี่เพื่อนเขาไม่ค่อยสบาย ตัวร้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้”
“งั้นเดี๋ยวข้าขึ้นไปดูมัน”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะพ่อ ให้พี่เพื่อนเขานอนพักเดี๋ยวเขาก็หาย เดี๋ยวฉันรีบลงไปช่วยงานพ่อ เดี๋ยวนี้เลย”
พิศพยักหน้ารับ แพงเป่าปากโล่งอกแล้วหันมามองที่นอนว่างเปล่าอย่างเศร้าๆ
บริเวณท่าน้ำ แสงเข้ามายืนชะเง้อคอมองเรือที่เข้ามาจอดพาชาวบ้านมาขึ้นเรือที่ท่า เรืองอยู่กับพ่อ
“ฉันถามจริงๆ เถอะพ่อ พ่อแน่ใจเหรอว่าเห็นพี่แรมจริงๆ”
“หูตาข้ายังดีนะเว้ยไอ้เรือง ถึงนังแรมมันจะหายไปอยู่พระนครหลายปี แต่มันก็เป็นลูกสาวข้า ข้าจำมันได้”
“แต่ถ้าพี่แรมกลับมาแล้ว ทำไมไม่ยอมมาเจอพวกเราล่ะ”
“ถามข้าแล้วข้าจะรู้เหรอวะ”
แสงยังชะเง้อคอมอง คิดว่าลูกสาวน่าจะมากับเรือโดยสาร แต่ระหว่างนั้นเสียงเอะอะตกใจของชาว บ้านดังขึ้นทำให้สองพ่อลูกต้องหันไปมอง วีระมาพร้อมกับประจวบ และลูกน้องกลุ่มใหญ่ พร้อมเอาเรื่อง ชาวบ้านหลายคนที่เกะกะขวางทางก็ถูกผลักเสียจนล้มกระเด็น เรืองหน้าเสียตกใจคิดว่าที่พวกวีระยกมากันถึงที่นี่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
พิศยืนมองโคนต้นไม้ซึ่งแผ่กิ่งก้านขึ้นไปจนเกือบถึงห้องนอนลูกสาว เห็นรอยเท้าย่ำไปมาก็เริ่มสงสัย
“รอยเท้าใครวะ ย่ำเต็มพื้นไปหมด”
แพงถือเคียวเกี่ยวข้าวเตรียมงอบเผื่อจะเอามาให้พ่อ แต่เห็นพ่อกำลังยืนดูรอยเท้าที่ย่ำเต็มโคนต้นก็ตกใจ รีบเข้าไปดึงความสนใจ
“พ่อจ๋า ยังเช้าตรู่อยู่แท้ๆ แต่แดดแร้ง แรง ฉันว่าเรารีบไปเกี่ยวข้าวกันเถอะจ้ะ สายกว่านี้เดี๋ยวจะยิ่งร้อน”
“อีแพง เมื่อคืนนี้ตอนที่เอ็งนอน เอ็งได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างนอกบ้างรึเปล่า”
“ไม่มีนี่จ๊ะพ่อ เมื่อคืนนี้ฉันกับพี่เพื่อนหลับสบายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย”
“แน่ใจนะ ข้าเห็นรอยเท้าย่ำเต็มพื้นตรงนี้ กลัวว่าจะเป็นพวกไอ้วีระมาป้วนเปี้ยนคิดไม่ดีกับนังเพื่อน”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะพ่อ ถ้าเป็นไอ้พวกนั้นมาป้วนเปี้ยนจริงๆ ฉันก็ต้องได้ยินเสียงแล้ว ฉันไม่ใช่คนขี้เซาซะหน่อย ไปเกี่ยวข้าวกันเถอะจ้ะ”
แพงเกี่ยวแขนชวนพ่อไปด้วยกันแต่รู้สึกแสบแผลถลอกที่ขาเมื่อคืนขึ้นมาเผลอร้อง
“เอ็งเป็นอะไร ทำไมเดินแปลกๆ ไหนข้าดูสิ”
พิศมองขาแพงเห็นรอยแผลถลอกดูแผลยังสดๆ
“นี่ขาเอ็งไปโดนอะไรมาอีแพง”
“ตกต้นไม้จ้ะ เอ๊ย ไม่ใช่จ้ะพ่อ เมื่อวานฉันลงไปจับปลาชะโดที่ลำกระโดง เผลอโดนขอนไม้มันกระแทกเอาจ้ะ”
พิศมองหน้าลูกสาวอย่างสงสัย แพงตีหน้าซื่อพยายามไม่ให้พ่อจับได้
“เดี๋ยวข้าไปเอาขี้ผึ้งมาให้ ทาแผลเอาไว้ซะหน่อยแผลจะได้ไม่เน่า”
พิศเดินกลับเข้าไปในบ้านไม่ทันที่แพงจะร้องบอกไม่ต้อง เพราะได้ยินเสียงผิวปากเบาๆ เรียกให้หันไป
“ไอ้เรือง”
เรืองแอบซุกหลบอยูในกองฟางโผล่มาแต่หน้าให้แพงเห็น
“อีแพง ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเอ็ง”
แพงครุ่นคิด แล้วพาเรืองแยกออกมาคุยไม่ให้พ่อรู้ แต่เรืองยืนเกาไม่หยุดเพราะคันเศษฟางที่ เกาะอยู่เต็มตัว
“เอ็งโผล่มาทำไมไอ้เรือง รู้มั้ยพ่อข้ายิ่งกำลังสงสัยข้าอยู่”
“ก็ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเอ็ง เรื่องคอขาดบาดตาย”
“เรื่องอะไร”
เรืองจะอ้าปากเล่าให้ฟังแต่รู้สึกคันคะเยอในร่มผ้าเอามือล้วงเสื้อล้วงกางเกงเข้าไปเกายิกๆ แพงตกใจ
“ไอ้เรือง ไอ้ลามกจกเปรต ต่อหน้าข้าเอ็งยังกล้ามาทำพิเรนทร์ อยากลองดีใช่มั้ย”
“เดี๋ยวๆๆ อีแพง ข้าไม่ได้ทำพิเรนทร์ให้เอ็งดู แต่เศษฟางมันหลุดเข้าไปในกางเกงข้าเมื่อไหร่ไม่รู้ ข้าก็เลยคันยิบเลยเนี่ย อู้ย”
เรืองพูดไปมือก็เกาเข้าไปในกางเกงยิกๆ ยิ่งทำให้แพงฉุน
“ทุเรศลูกตา ไอ้ลามก”
แพงยกเท้าถีบเรืองจนกระเด็นล้มกลิ้ง เรืองรีบลุกขึ้นมาหายคันทันที
“โธ่อีแพง เอ็งนี่มันนอกจากมือจะหนักแล้วตีนยังหนักอีก”
“ก็ถ้าเอ็งไม่รีบบอกมาว่าเรื่องคอขาดบาดตายของเอ็งคืออะไร เอ็งได้เจอทั้งมือทั้งตีนข้า พร้อมกันแน่”
“บอกแล้วๆ ที่ข้ามาหาเอ็งเพราะข้าไปเห็นพวกไอ้วีระกับพ่อมันยกขโยงมาที่ทุ่งบ้านสร้าง ท่าทางพวกมันต้องมาเอาเรื่องไอ้ลอกับไอ้ก้อนแน่ๆ”
“ว่าไงนะ พวกมันน่ะเหรอยกขโยงมาที่นี่ เป็นเรื่องจนได้สิพี่ลอ”
“ไอ้ลอไปก่อเรื่องอะไรไว้อีแพง”
แพงกับเรืองสะดุ้งโหยงไม่คิดว่าพ่อจะเข้ามาได้ยิน แพงค่อยๆ หันไปเห็นพ่อยืนจ้องหน้าเขม็ง
“เมื่อกี้นี้ข้าขึ้นไปดูที่ห้อง นังเพื่อนไม่ได้อยู่ที่นั่น แสดงว่ามันหายหัวไปตั้งแต่เมื่อคืน อีแพง พี่สาวเอ็งอยู่ไหน”
แพงกับเรืองหน้าเสีย
ภายในกระท่อมปลายนา เพื่อนนอนอยู่ในอ้อมกอดของลอ ใบหน้าซบอยู่กับแผ่นอกแแกร่งของคนรักหนุ่มอย่างมีความสุข
เพื่อนตื่นนานแล้วแต่ไม่ขยับไปไหนเพราะชอบช่วงเวลานี้ที่ได้ลืมตาดูใบหน้าของลอ เธอเลื่อนริมฝีปากไปสัมผัสเบาๆ ที่หน้าผากลอ ไล้ลงมาที่สันจมูก แล้วหยุดที่ริมฝีปากอย่างตื่นเต้นก่อนจะประทับรอยจูบลงไปเบาๆ เพื่อนหลับตาพริ้มมีความสุขอยู่เนิ่นนาน
จนกระทั่งลอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเอื้อมมือมากอดคนรักตอบรับรอยจูบ เพื่อนตกใจ
“พี่ลอ”
เพื่อนเขินอายจนหน้าแดง ลุกขึ้นหลบตาลอแล้วออกไป ลอมองตามสาวคนรัก อมยิ้ม เพื่อนหน้าแดงเขินอายลงจากกระท่อม แต่ลอรีบตามมาคว้าข้อมือเอาไว้
”พี่ขอโทษจ้ะ พี่ไม่ตั้งใจทำให้แม่เพื่อนอาย พี่ไม่คิดว่านอกจากความอิ่มใจที่ตื่นมาแล้วได้เห็นแม่เพื่อนอยู่ในอ้อมกอดพี่ แม่เพื่อนยังจะมอบรอยจูบให้กับพี่อีก”
“พี่ลอ ยังจะพูดอีก”
“เอ่อ พี่ขอโทษ”
“ฉันไม่พูดกับพี่แล้ว ปากดีแบบนี้แสดงว่าฉันไม่มีอะไรต้องห่วงพี่อีก ฉันกลับดีกว่า”
“เดี๋ยวสิแม่เพื่อน อย่าเพิ่งรีบกลับเลย อยู่กับพี่ก่อน ให้พี่หุงหาอาหารตอบแทนน้ำใจแม่เพื่อนที่ช่วยดูแลพี่ กินอิ่มแล้วค่อยกลับ นะจ๊ะ”
“ให้ฉันกินกับข้าวฝีมือพี่ลอน่ะเหรอ เอาเกลือคลุกข้าวยังจะอร่อยซะกว่า”
“โธ่แม่เพื่อน พี่แค่อยากเป็นฝ่ายตอบแทนแม่เพื่อนบ้าง แต่แม่เพื่อนกลับพูดเหมือนพี่มันเป็นคนไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง แม้แต่จะหุงหาอาหารให้ผู้หญิงที่มันรักก็ยังทำไม่ได้”
“ฉันไม่ได้ว่าพี่ลอแบบนั้นนะ”
“แต่ก็พูดให้พี่คิดไปแล้ว”
“แค่นี้ก็ทำเป็นน้อยใจนะจ๊ะพี่ลอ ฉันจะบอกให้ว่าคนอย่างนังเพื่อนลองถ้ามันรักแล้วล่ะก็ มันยกหัวใจทั้งหมดให้กับผู้ชายที่เหมือนหมาก็ได้”
“อุ้ย เปรียบพี่เป็นหมาเลยเหรอจ๊ะแม่เพื่อน”
“ฉันก็แค่เปรียบเปรยจ้ะ เพราะฉันมั่นใจว่าพี่ลอคนเก่งของฉันจะไม่เป็นแค่หมา เพราะสักวันพี่ลอก็จะเป็นได้อย่างราชสีห์ ใช่มั้ยจ๊ะ”
ลอนิ่งไป แล้วเข้าใจความหมายที่เพื่อนต้องการบอกตน
“พี่เข้าใจแล้วจ้ะ พี่ยอมรับว่าวันนี้พี่ก็ไม่ต่างจากหมาจรจัดไร้เจ้าของตัวหนึ่ง ที่ได้รับเมตตาจากอาพิศ ให้ที่คุ้มกะลาหัว ให้ข้าวให้น้ำ แต่พี่จะไม่เป็นแค่หมา สักวันพี่จะเป็นอย่างราชสีห์ให้ได้ เพื่ออนาคตของแม่เพื่อน อีแพงและอาพิศจะได้สุขสบาย”
ลอพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทำให้เพื่อนรู้สึกประทับใจ
ผาดถูกไม้ใช้เชิงมวยคมๆ เล่นงานจนกระเด็นไปกระแทกฝาเรือน นักมวยคนอื่นๆ เห็นเพื่อนโดนเล่นงานก็โผเข้ามาช่วยแต่ฝีมือเชิงมวยไม้จัดจ้านเอาเรื่องเลยรับมือได้ แล้วจับคนหนึ่งเหวี่ยงไปทางวีระที่รออยู่แล้ว ใช้เชิงมวยเล่นงาน
ก้อนแบกตาข่ายดักจับปลาเดินกลับเข้ามาเจอเหตุการณ์นักมวยในบ้านตัวเองถูกไม้กับวีระเล่นงานก็ตกใจ โยนตาข่ายทิ้งแล้วพุ่งเข้าไปใช้เชิงมวยต่อสู้กับไม้ หมัดต่อหมัดของก้อนถาโถมเล่นงานไม้อย่างหนักหน่วงถึงพริกถึงขิงแต่สุดท้ายก็พลาดท่าโดนไม้ถีบยอดอกกระเด็นลงไปจุก ก้อนจะลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ถูกวีระชักดาบออกมาชี้หน้า
“พอได้แล้วไอ้ก้อน ถ้าเอ็งยังลุกขึ้นมาหือกับพวกข้าอีก คมดาบข้าจะบากหน้าเอ็งให้กลายเป็นไอ้อัปลักษณ์”
“คมดาบเอ็งจะไวกว่าหมัดข้าก็ลองดู”
“เอ็งท้าทายใช่มั้ย งั้นก็ได้”
วีระเงื้อดาบ ก้อนกำหมัดแน่น แต่ผาดตะโกนเสียงดังห้าม
“หยุด”
วีระชะงักหันไปทางผาด ก้อนได้โอกาสใช้เท้าถีบไปที่หน้าแข้งวีระจนล้มลง ดาบหลุดมือ ก้อนรีบคว้าขึ้นมาเงื้อจะเล่นงานกลับ แต่ผาดรีบเข้ามาคว้าข้อมือลูกชายห้ามไว้
“พอได้แล้วไอ้ก้อน เอ็งก็ด้วยเหมือนกัน คืนดาบให้มันไป”
“แต่มันบุกมาเล่นงานพวกเรา แถมยังจะฟันหน้าฉันอีกนะพ่อ เรื่องอะไรจะปล่อยมัน ฉันต้องเอาคืน”
“ข้าสั่งเอ็งไม่ต้องมาเถียง”
ผาดบิดข้อมือลูกชายจนดาบร่วงแล้วตบหน้า ก้อนเซถลา จากนั้นผาดก็เอาดาบไปคืนให้ประจวบ
“เอ็งกับพวกคงไม่ถ่อมาจากอำเภอ เพราะว่าคันมือคันตีนอยากมาลองเชิงมวยกับพวกข้าโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยแน่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าก็คงต้องสั่งสอนไล่ตะเพิดพวกเอ็งให้กลับไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนกัน”
คำพูดของผาดเหมือนต้องการขู่กลับ พวกนักมวยคนอื่นๆ และก้อนเข้ามายืนเป็นแผงข้างหลัง พร้อมลุย ประจวบยิ้มร้าย
“หึๆ สมเป็นครูมวยฝีมือดีและผู้ใหญ่แห่งทุ่งบ้านสร้าง ใช่ ข้าพาลูกชายกับพวกบุกมาที่นี่เพราะต้องการลากคอไอ้มือวางเพลิงที่มันบุกไปเผาโกดังข้าวข้าเมื่อวาน”
“ข้าได้ยินพวกชาวบ้านพูดกันเรื่องโกดังข้าวเอ็งถูกวางเพลิง แต่มันเกี่ยวอะไรกับพวกข้า”
“แทนที่ผู้ใหญ่จะถามพวกฉัน ฉันว่าควรจะหันไปถามไอ้ก้อนลูกชายผู้ใหญ่มากกว่ามั้ง ว่าเมื่อวานมันกับไอ้ลออยู่ที่ไหนตอนที่โกดังข้าวพ่อฉันโดนวางเพลิง”
ผาดชะงักหันไปมองก้อนซึ่งชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยายามกลบเกลื่อนด้วยการทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
อ่านต่อหน้า 3
เพื่อนแพง ตอนที่ 2 (ต่อ)
ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกของลอกับเพื่อนดังมาแต่ไกล เพื่อนวิ่งเล่นกับลอไล่จับกันไม่ต่างจากเด็กที่เล่นไล่จับ
“จับฉันให้ได้สิจ๊ะพี่ลอ”
เพื่อนหัวเราะแล้ววิ่งหนี ลอพยายามวิ่งไล่ตามพุ่งกระโจนเข้าคว้าตัว แต่เพื่อนเอี้ยวตัวหลบจนลอ หน้าคะมำลงพื้น เพื่อนอดขำไม่ได้
“นี่น่ะเหรอจ๊ะพี่ลอที่บอกว่าจะเป็นราชสีห์เลี้ยงดูฉัน แค่ไล่ตามจับฉันพี่ลอยังจับไม่ได้เลย”
“เห็นตัวแค่นี้ ไม่คิดว่าแม่เพื่อนจะไวยิ่งกว่าปรอท ลื่นยิ่งกว่าปลาไหลจนพี่ไล่จับไม่ทัน”
“บ้าสิพี่ลอ เปรียบฉันอย่างกับฉันเป็นผู้ชายเจ้าชู้งั้นแหละ”
“พี่แค่เปรียบว่าพี่ไล่จับแม่เพื่อนไม่ทัน”
“แต่ก็นั่นแหละ ฉันเป็นผู้หญิงฉันไม่มีทางเจ้าชู้ประตูดินหรอก”
“จะให้พี่เชื่อได้ยังไง ก็แม่เพื่อนสวยที่สุดในทุ่งบ้านสร้าง ไม่ใช่สิ น่าจะเรียกว่าสวยที่สุดในจังหวัด ผู้หญิงสวยๆ ไม่แคล้วต้องเจ้าชู้”
“พูดแบบนี้แสดงว่าที่ฉันบอกรักพี่ลอไปก็ไม่มีความหมายน่ะสิ พี่ลอบ้า”
เพื่อนหน้างอโกรธ รีบเดินออกไป ลอทำทีลุกจะตามแต่แกล้งร้องเจ็บแขนที่พันแผลเอาไว้ เพื่อนหันมาตกใจเล็กน้อย แต่ไม่สนใจ
“สมน้ำหน้า”
เพื่อนรีบจ้ำเดินออกไป ลอลุกขึ้นปัดไม้ปัดมือเป็นปกติไม่ได้เจ็บอะไร ซ้ำยังอมยิ้มทะเล้น เป็น ไปตามแผนที่เขาหาเรื่องหยอกเย้าแกล้งเพื่อน เพื่อนหน้างอเดินออกมาจากลอปากก็บ่นไป
“พี่ลอบ้า มาว่าเราเป็นผู้หญิงเจ้าชู้ได้ยังไง หึ”
เพื่อนบ่นไปได้ครู่ ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นพงหญ้ารกๆ ข้างทางขยับไหวไปมาและมีเสียงหัวเราะกันอย่างมีความสุขดังออกมา ก็สงสัย
“ไม่เอาน่าพี่ชาย แรมจั๊กจี๋”
“ขอพี่ชื่นใจหน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่ก็จะไม่ได้เจอแม่แรมคนสวยอีกแล้ว”
ด้วยความสงสัย เพื่อนจึงขยับแหวกพงหญ้าเข้าไปดูอย่างอยากรู้อยากเห็น แล้วภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ตะลึง เมื่อเห็นแรม ลูกสาวแสงกำลังกอดรัดนัวเนียกับชายหนุ่มหน้าตาดี อย่างไม่อายฟ้าดิน เสื้อผ้าของแรมถูกถอดออกมากองที่พื้นเหลือเพียงแค่เสื้อซับในพริ้วเบา เสียงของแรมร้องครางอย่างได้อารมณ์
“พี่จ๋า พอ พอเถอะจ้ะ จูบฉันจนช้ำทั่วไปทั้งตัวแบบนี้ เดี๋ยวพ่อมาเห็นรอยเข้า ฉันก็แย่หมดสิจ๊ะ”
บทรักของแรมกับชายหนุ่มที่เร่าร้อน ทำให้เพื่อนอดใจเต้นตึกตักหน้าแดงไม่ได้
“งั้นแม่แรมก็ไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านนอกคอกนา ตามกลับไปเป็นเมียพี่เลยสิจ๊ะ”
แรมชะงักแล้วยิ้มร้ายค่อยๆ ดันชายหนุ่มออกจากตัว
“อยากได้แรมไปเป็นเมีย พี่ชายก็ต้องเลิกกับเมียแล้วจัดขันหมากสินสอดมาขอแรมสิจ๊ะ เพราะแรมไม่ยอมเป็นแค่เมียน้อย”
ชายหนุ่มชะงัก ลุกขึ้นติดกระดุมเสื้อ
“พี่ลืมไปว่าพี่ต้องรีบกลับ มีงานต้องรีบไปทำ”
“แหม พอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้าทิ้งลูกทิ้งเมีย สันดานผู้ชายมันก็แบบนี้แหละ ไอ้เลวเอ๊ย”
ชายหนุ่มไม่พอใจหันมาตบหน้าแรมทันที
“แกมันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว เอาเงินไป แล้วอย่าให้ฉันเห็นหน้าแถวอำเภออีก จำไว้”
ชายหนุ่มโยนธนบัตรจนปลิวกระจายแล้วเดินออกไป ทิ้งให้แรมหัวเสียไล่เก็บธนบัตรขึ้นมาพร้อมตะโกนด่าไล่
“ไอ้สารเลวเอ๊ย ผู้ชายอย่างแกก็ไม่เท่าไหร่หรอกเว้ย ก็แค่ข้าราชการหาเช้ากินค่ำ สักวันเถอะ คนอย่างอีแรมจะหาผัวที่รวยกว่าพวกแกร้อยเท่าพันเท่า ฉันนี่แหละจะเป็นคุณแรม นั่งๆ นอนๆ อยู่บนกองเงินกองทอง จำไว้”
แรมด่าไปเก็บเงินไป น้ำตาคลอไปอย่างเจ็บใจ จนเพิ่งสังเกตเห็นว่าเพื่อนกำลังยืนมองเธอ แรมตกใจที่มีคนในหมู่บ้านเห็นเธอในสภาพนี้และกลัวจะเอาเรื่องของเธอไปพูด แรมรีบเอาเสื้อมาสวม เก็บ เงินยัดใส่กระเป๋าแล้วลุกออกไปทันที ส่วนเพื่อนเหลือบไปเห็นเข็มกลัดสวยๆ ตกพื้นเลยเก็บขึ้นมา แล้วเดินตามแรมไป
“เดี๋ยวสิจ๊ะ เข็มกลัดสวยๆ อันนี้ ของพี่สาวทำตกไว้รึเปล่าจ้ะ”
แรมชะงักหันกลับไปเห็นเข็มกลัดอยู่ในมือของสาวชาวบ้าน จะเข้าไปแย่งคืนจากมือ แต่ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“ใช่ เป็นเข็มกลัดของฉันเอง”
“สวยดีนะจ๊ะ ท่าทางจะแพงด้วย พี่สาวเอาคืนไปเถอะจ้ะ”
“หล่อนชอบเหรอ”
“ของสวยๆ งามๆ ราคาแพงแบบนี้ มีใครบ้างที่จะไม่ชอบล่ะจ๊ะ”
แรมแอบยิ้ม
“นั่นสิ ของสวยๆ งามๆ ราคาแพงๆ แบบนี้ ก็ต้องเหมาะกับผู้หญิงสวยๆ ยิ่งกับหล่อนที่สวยเกินกว่าจะเป็นสาวชาวบ้านแถวนี้”
เพื่อนอมยิ้มเขินที่ถูกชม
“พี่แรมคงจำฉันไม่ได้ เพราะพี่แรมไปอยู่พระนครตั้งแต่ตอนฉันยังเป็นเด็ก ฉันนังเพื่อน ลูกสาวพ่อพิศไงล่ะจ๊ะ”
“นังเพื่อน อ๋อ ฉันจำได้แล้ว คุณพระ นี่หล่อนโตเป็นสาวแล้วสวยขนาดนี้เลยเหรอ”
“นี่จ้ะเข็มกลัดของพี่แรม เอาคืนไปเถอะจ้ะ”
“เก็บไว้เถอะนังเพื่อน ฉันให้หล่อน”
“ของแพงแบบนี้ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกจ้ะพี่แรม”
“รับไว้เถอะ ฉันอยากให้หล่อนเก็บไว้เป็นสมบัติ เอาไว้ชื่นชมของสวยๆ งามๆ เหมือน อย่างสาวพระนครบ้าง รับไปสิ”
แรมปฏิเสธไม่ยอมรับเข็มกลัดคืน เพื่อนเลยกำเข็มกลัดเอาไว้ในมือ ชื่นชมของสวยงามมีราคาที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
“แต่ฉันขออย่างเดียว ทุกอย่างที่หล่อนเห็น ที่หล่อนได้ยินเมื่อกี้ หล่อนจะช่วยฉันปิดเป็นความลับไม่บอกให้ใครรู้ หล่อนจะช่วยฉันได้มั้ย”
เพื่อนนิ่งไป มองแรมอย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นเสียงลอดังแว่วเข้ามาตามหาเพื่อน
“แม่เพื่อน อยู่ไหน โกรธพี่จริงๆ เหรอจ๊ะ พี่ขอโทษ แม่เพื่อนจ๋า”
“ว่าไงล่ะ ถ้าหล่อนรับปากช่วย ฉันยังมีของสวยๆ งามๆ จากพระนครตั้งหลายอย่าง แล้วฉันจะเอามาให้หล่อนดูอีก นังเพื่อน”
เพื่อนมองหน้าแรมสบตากันนิ่งๆ
ตรงลานต้นไทรริมบึงน้ำที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่งบริเวณ ร่มรื่นเมื่อมีแสงแดดส่อง แต่เมื่อไหร่ที่ไม่มีแสงแดดเข้ามา ที่นี่ก็ดูวังเวงจนชวนขนลุกได้
ลอมองไปที่โคนต้นไทรแววตาหม่นลงไปชั่วครู่ เพราะมีความหลังกับที่แห่งนี้ แต่ก็พยายามจะไม่นึกถึง แล้วหันไปเรียกหาคนรักแทน
“แม่เพื่อน อยู่ไหน ออกมาเถอะ พี่ขอโทษ แม่เพื่อนจ๋า แม่เพื่อน”
“ฉันอยู่นี่จ้ะพี่ลอ”
“แม่เพื่อน หายไปไหนมา พี่เป็นห่วงแทบแย่”
“เอ่อ ฉัน ฉันไม่ได้หายไปไหนนี่จ๊ะพี่ลอ ฉัน ฉันก็อยู่แถวๆ นี้แหละ”
ระหว่างที่เพื่อนบอกลอ มือของเธอกำเข็มกลัดเอาไว้ไม่ให้ลอเห็น
“พี่ขอโทษนะแม่เพื่อน พี่มันชอบปากเสีย ชอบทำให้แม่เพื่อนโกรธ แต่ก็เพราะพี่จะได้มีเรื่องง้อแม่เพื่อนบ่อยๆ ไง แม่เพื่อนอย่าโกรธพี่เลยนะ”
“ช่างเถอะจ้ะพี่ลอ ฉันไม่ติดใจหรอก”
“แต่พี่ก็ทำให้แม่เพื่อนโกรธ เพราะพี่มันปากไม่ดี หึงหวงแม่เพื่อน เห็นว่าแม่เพื่อนของพี่ สวยจนใครๆ ก็อยากได้ พี่ก็เลยกลัวว่าจะเสียแม่เพื่อนไป”
“พี่ลอจ๊ะ ขอให้พี่ลอมั่นในคำพูดของฉัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เปลี่ยนรักได้เหมือนเดือนปีที่ เปลี่ยนฤดูอยู่เป็นประจำ”
ลอยิ้มดีใจ
“จ้ะ พี่เชื่อใจแม่เพื่อนแล้ว แล้วพี่ก็อยากจะให้คำมั่นกับแม่เพื่อนเหมือนกัน”
ลอสบตากับเพื่อนแล้วหันไปที่โคนต้นไทรซึ่งเป็นความทรงจำอันยากจะลืมของเขา
“พี่ไม่รู้ตัวเลยว่าระหว่างที่พี่ตามหาแม่เพื่อนแล้วสองเท้าจะพาพี่ให้มาถึงที่นี่”
ลอน้ำตาคลอ จนเพื่อนรู้ตัวว่าลอกำลังพูดถึงอะไร
“พี่ลอ ฉันขอโทษจ้ะ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าฉันจะเป็นต้นเหตุทำให้พี่ลอต้องกลับมาที่นี่ ถ้าพี่ลอ เห็นแล้วไม่สบายใจ ฉันว่าเรากลับกันเถอะ”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่เพื่อน ถึงภาพนั้นมันจะติดตาพี่อยู่ แต่เหตุการณ์นั้นมันก็ผ่านมาแล้ว และพี่ก็เชื่อว่าวิญญาณของพ่อพี่ที่อาจจะยังวนเวียนอยู่แถวนี้ จะช่วยเป็นพยานให้กับ คำมั่นสัญญาที่พี่ตั้งใจจะให้แก่แม่เพื่อน”
ลอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมากำสร้อยพระของพ่อที่ห้อยคออยู่ แววตาจริงจัง มองไปที่โคนต้นไทร ภาพในอดีตยังแจ่มชัดในความทรงจำของเขา โกฏิบรรจุอัฐิของสาย วางบนหิ้งบูชาในบ้าน พิศนั่งอยู่กับเทิด อาการป่วย ของพิศยังดูไม่ได้ทุเลาลงเท่าไหร่
“ต่อหน้าอัฐิของเมียเอ็ง ข้าอยากให้เอ็งรับปากข้า”
“เลิกพูดเรื่องนี้กับข้าเถอะวะไอ้เทิด ถ้ายังนับถือกันเป็นสหาย”
พิศพูดโดยไม่ยอมมองหน้าเทิดสหายรัก แต่กลับถูกเทิดกระชากคอเสื้อดึงให้หันมาเผชิญหน้า ระหว่างนั้น ลอแอบอยู่ข้างนอกหลังพิงผนังเรือน ฟังทุกอย่างที่พ่อคุยกับพิศ
“เอ็งอย่าหลบหน้าข้าเพราะข้าจะไม่ปล่อยให้เอ็งเอาความคิดผิดๆ มาตัดสินชีวิตลูกสาว เอ็ง รับปากกับข้ากับอัฐิเมียเอ็ง จะไม่โทษอีแพงว่ามันเป็นสาเหตุทำให้เมียเอ็งตาย”
“แต่พออีแพงมันเกิดมาเมียข้าก็ตาย ชีวิตข้าก็มีแต่ชิบหายลงทุกวัน”
“ไม่จริงหรอกไอ้พิศ ชีวิตเอ็งชิบหายลงทุกวันเพราะเหล้าที่เอ็งกินต่างหาก ชีวิตคนเราจะแย่จะดียังไง ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น เอ็งดูข้าเป็นตัวอย่างสิวะ เพราะข้าทำตัวข้าเอง ข้าถึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับมาที่นี่ไง”
พิศนิ่งไป
“ลำพังชีวิตลูกสาวเอ็งต้องกำพร้าแม่ มันก็น่าสงสารพอแล้ว เอ็งอย่าไปซ้ำเติมมันอีกเลย ข้าสงสารมัน ถ้าเอ็งรับปากข้าได้ ข้าจะได้หายห่วงที่จะฝากให้เอ็งดูแลไอ้ลอ”
“เอ็งพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
เทิดนิ่งไปแล้วกำพระที่ห้อยคอแน่น
“บาปกรรมที่ข้าเคยทำไว้มันกำลังไล่ตามข้า ข้าอาจจะไม่ได้อยู่เลี้ยงไอ้ลอ”
ลอซึ่งแอบฟังอยู่ข้างนอก สงสัย
บริเวณทางเดินกลับกระท่อม เทิดเดินนำ พาลอกลับ ลอเดินตามหลังพ่อ ครุ่นคิดมาตลอดทาง
“เป็นอะไรไอ้ลอ รีบๆ ตามข้ากลับไปกระท่อม เก็บเสื้อผ้าเอ็งแล้วไปอยู่ที่บ้านไอ้พิศ ต่อไปนี้เอ็งมีหน้าที่ต้องช่วยทำงานในไร่ในนา ดูแลนังเพื่อนอีแพง”
“แล้วพ่อล่ะ จะอยู่คนเดียวที่กระท่อมนี่เหรอ”
“ข้ามีธุระต้องไปจากทุ่งบ้านสร้างสักระยะ”
“พ่อจะไปไหน”
“เอ็งไม่ต้องรู้หรอก ก็เหมือนที่ข้าเคยเอาเอ็งไปฝากให้หลวงตาเลี้ยงนั่นแหละ เสร็จธุระ แล้วข้าจะกลับมาเยี่ยม”
“ฉันว่าพ่อบอกความจริงฉันเถอะ ฉันได้ยินพ่อคุยกับอาพิศแล้ว พ่อเคยทำอะไรผิดเหรอ ถึงต้องพาฉันหนีมาทุ่งบ้านสร้าง”
เทิดชะงัก
“ไอ้ลอ นี่เอ็งแอบฟังข้าเหรอ”
เทิดไม่พอใจเข้าไปบีบแขนลูกชายอย่างดุดัน
“ฉันขอโทษจ้ะพ่อ ฉันเป็นห่วงพ่อนะ ฉันไม่เหลือใครแล้ว ก็มีแต่พ่อคนเดียว”
เทิดนิ่งไป มือที่บีบแขนลูกชายแน่นเริ่มคลายอย่างเป็นห่วง
“เอ็งอย่ารู้เลยดีกว่าไอ้ลอ จำคำพ่อไว้อย่างเดียวว่าเอ็งจะต้องเป็นคนดี”
ลอไม่ทันจะตอบอะไร ระหว่างนั้นเทิดได้ยินเสียงดังมาจากทางกระท่อมที่อาศัย เขาหันขวับหน้าเคร่งเครียด
“มีใครมาหาเราที่กระท่อมเหรอพ่อ”
“ชู่ว เงียบๆ ไว้ อย่าเพิ่งเข้าไป รอพ่ออยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาดเข้าใจมั้ย”
“แต่ว่า”
“เอ็งต้องทำตามคำสั่งพ่อ”
“จ้ะพ่อ”
เทิดแอบซุ่มเข้ามาใกล้ๆ บริเวณกระท่อม ใช้พุ่มไม้รอบๆ กระท่อมเป็นที่อำพรางตา เห็นตำรวจหลายคนเข้ามารื้อค้นจนกระท่อมกระจุยกระจาย เทิดผงะตกใจหน้าเสีย
“หาให้ทั่ว เจอหลักฐานอะไรเก็บเอาไปให้หมด จะได้เอาไว้เล่นงานไอ้เสือเทิดให้อยู่หมัด”
เทิดหน้าเสียเหงื่อตกไม่คิดว่าตำรวจจะตามสืบจนมาเจอได้ ระหว่างนั้นตำรวจคนหนึ่งหันมาตรงพุ่ม ไม้ที่เทิดแอบซุ่มดูด้วยความสงสัย เทิดไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะเป็นที่ผิดสังเกต เลยอยู่นิ่งๆ แทบกลั้นหายใจ ลุ้นให้ตำรวจที่เดินเข้ามาไม่เห็นอะไรแล้วเดินกลับไปเอง
ตำรวจเดินเข้ามาใกล้เทิดแล้วใช้กระบองเขี่ยดูรอบๆ จนเข้ามาใกล้ตัวเทิดทุกที เทิดจำเป็นต้องชักมีดพกที่เหน็บหลังเอวขึ้นมากำเอาไว้ พร้อมสำหรับสถานการณ์จำเป็น
“เจออะไรรึเปล่าวะ”
ตำรวจอีกคนเข้ามาตามเพื่อนเลยทำให้เทิดรอดตัว
“แถวนี้ไม่มีอะไร ลองไปดูที่อื่นดีกว่า”
พวกตำรวจกำลังจะพากันออกไป แต่ระหว่างนั้นเสียงของลอก็ดังลั่นเข้ามา
“พ่อ ช่วยฉันด้วย”
เทิดตกใจ
“ไอ้ลอ”
เทิดลุกพรวดขึ้นมาเพราะความเป็นห่วงลูกชาย เลยทำให้ตำรวจ 3 นายตรงนั้นเจอเขาพอดี
“ไอ้เสือเทิด”
ตำรวจชักปืนยิงใส่ เทิดรีบกระโจนหลบ วิ่งหนี พวกตำรวจรีบไล่ตาม
ลอโดนตำรวจอีกคนที่เดินสำรวจรอบๆ กระท่อม จับตัวได้ ลอพยายามต่อสู้
“ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย”
“อยู่เฉยๆ อย่าคิดสู้นะเว้ยไอ้หัวขโมย เอ็งก็เหมือนกับพ่อเอ็งนั่นแหละ พ่อเป็นโจร ลูกก็สันดานโจร”
“ไม่จริง พ่อข้าไม่ได้เป็นโจร”
ลอไม่ยอมให้ถูกจับ เลยจับมือตำรวจมากัดเต็มแรง ตำรวจร้องลั่น ลอหลุดจากมือได้ก็พยายามจะวิ่งหนี แต่ก็เจอตำรวจอีกคนเข้ามาขวางแล้วตบหัวทันที ลอล้มกลิ้งเลือดกบปาก เจ็บใจ ตำรวจทั้ง 2 คน เดินเข้ามาท่าทางเอาเรื่อง ลอหมดทางหนี
เทิดวิ่งหนีเข้ามาตรงหลังกระท่อมด้วยท่าทางร้อนรนแล้วตรงไปที่โคนต้นไม้ซึ่งฝังบางอย่างเอาไว้ เขารีบคว้าเสียมที่อยู่ใกล้ๆ มา แล้วลงมือขุดอย่างเร่งรีบ แต่ระหว่างนั้นตำรวจ 3 คนที่ไล่ตามมาก็มาทัน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ยไอ้เสือเทิด ยกมือขึ้น”
เทิดชะงักกำเสียมในมือแน่นหน้าเครียด
“ยกมือขึ้นสิเว้ย”
เทิดจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง โยนเสียมทิ้งแล้วชูมือขึ้น ค่อยๆ หันกลับมา ตำรวจมองไปที่โคนต้นไม้ที่เทิดกำลังขุด
“นั่นใช่มั้ย สมบัติที่เอ็งเที่ยวปล้นฆ่าแล้วหนีเอามาซ่อนไว้”
“ไม่ใช่ ข้าไม่มีสมบัติอะไรติดตัวมาทั้งนั้น”
“เอ็งอย่ามาโกหก ชื่อเสียงความโหดเหี้ยมของไอ้เสือเทิดมันกระฉ่อนไปทั้งพิจิตร เอ็ง เที่ยวปล้นฆ่าคนมาเป็นร้อยศพ วันนี้เอ็งโดนลากคอเข้าตะรางพร้อมลูกชายเอ็งแน่”
“อย่ายุ่งกับลูกชายข้า”
เทิดจะขยับ แต่ตำรวจยื่นปืนขู่ เลยได้แต่ยืนนิ่ง ตำรวจอีก 2 คนจะเข้ามาจับเทิดใส่กุญแจมือ เขาเลยจำเป็นต้องฉวยโอกาสนี้งัดเชิงมวยขึ้นมาเล่นงานตำรวจทั้ง 2 คน และใช้บังกระสุนปืนจากตำรวจอีกคนที่พยายามจะยิง จนในที่สุดก็สามารถเล่นงานตำรวจทั้ง 3 คนได้
หลังจากเล่นงานตำรวจทั้ง 3 คนไปเรียบร้อยแล้ว เทิดก็ไปขุดดินที่โคนต้นไม้ต่อจึงพบว่าสิ่งที่ฝังเอาไว้ คือปืนเก่าๆ อาวุธที่เคยใช้ก่อเหตุตอนที่เป็นเสือเทิดนั่นเอง
ลอถูกตำรวจลากตัวเข้ามาบริเวณลานต้นไทร
“ปล่อย ปล่อยข้า บอกให้ปล่อย”
ลอพยายามดิ้นสุดแรง แต่ก็สู้แรงผู้ใหญ่ตัวโตๆ ไม่ได้ ซ้ำยังโดนไสหัวผลักจนล้มลงไปกองกับพื้น
“ฤทธิ์เยอะนักนะไอ้หัวขโมย สันดานโจรถอดพ่อมาไม่ผิด”
“ไม่จริง พ่อข้าไม่ใช่โจร ข้าไม่เชื่อ พ่อข้าเป็นแค่พ่อค้าเร่ เขาไม่ใช่โจร”
“อ๋อ นี่แสดงว่าไอ้เสือเทิดมันคงไม่เคยให้ลูกมันรู้ว่ามันทำระยำอะไรไว้ ไอ้หนูเอ๊ย ข้าจะบอกความจริงอะไรให้ พ่อเอ็งนี่แหละคือไอ้เสือเทิด ไอ้มหาโจรที่เที่ยวปล้นฆ่าคนนับไม่ถ้วน ชื่อเสียงของมันกระฉ่อนไปทั่วพิจิตร แต่พอมันถูกกดดันไล่ล่ามากๆ เข้า มันก็หนีมากบดานที่นี่”
“ไม่จริง พ่อไม่ใช่โจร พ่อข้าไม่ใช่โจร”
“ไว้เอ็งไปถึงโรงพักเมื่อไหร่แล้วพวกข้าลากคอพ่อเอ็งมาได้ ข้าจะให้เจ้าทุกข์ที่รอดตาย มาได้ชี้ตัวพ่อเอ็งให้ดู เอ็งจะได้รู้ว่าสันดานจริงๆของพ่อเอ็งน่ะมันก็คือโจร”
ตำรวจกระชากคอเสื้อลอให้ขึ้นมาแล้วจะพาตัวไป แต่เสียงปืนดังลั่นขึ้น เทิดเข้ามา ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า แล้วเล็งปืนไปที่ตำรวจทั้ง 2 คน
“ปล่อยลูกชายข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าพวกเอ็งอยากได้ตัวข้าก็มาเอาตัวข้าไป ลูกชายข้าไม่เกี่ยว”
“ไอ้เสือเทิด”
“บอกให้ปล่อยลูกชายข้า ข้ายอมให้พวกเอ็งเอาตัวข้าไปแล้ว”
ตำรวจนิ่งไป มองเทิดอย่างตัดสินใจแล้วจึงยอมทำตาม แก้มัดมือลอออก เทิดจึงค่อยๆ ลดปืนลงวางพื้นช้าๆ
“พ่อ”
“ไปซะไอ้ลอ ไม่ต้องห่วงพ่อ”
“พ่อ พ่อบอกเขาไปสิว่าพ่อไม่ใช่โจร”
“พ่อขอโทษ พ่อเป็นโจรจริงๆ พ่อขอโทษเอ็งด้วยไอ้ลอ”
“พ่อ”
ตำรวจเข้ามาถึงตัวเทิดแล้วลงมือชกหน้าเทิดจนล้มลง เลือดกบปาก และซ้อมไปอีกหลายหมัด
“วันนี้ถึงวันที่ต้องปิดฉากโจรใจเหี้ยมอย่างเอ็งแล้วไอ้เสือเทิด”
ลอตกใจที่เห็นพ่อโดนชกโดนรุมก็เป็นห่วง เลยพุ่งเข้าไปกอดรัดเอวตำรวจพยายามร้องขอไม่ให้ทำร้ายพ่อ
“อย่าทำร้ายพ่อข้า ปล่อยเขา ปล่อย”
“ไอ้เด็กบ้า ไปให้พ้น บอกให้ไปให้พ้น”
ตำรวจโมโหเลยจับลอเหวี่ยงกระเด็นจนไปกระแทกกับต้นไทรเลือดอาบ เทิดเห็นลูกชายเจ็บก็เลยโกรธ
“ไอ้ลอ”
เทิดคว้าปืนที่พื้นขึ้นมา ตำรวจเลยชักปืนจ่อชนิดพร้อมยิง
“ทิ้งปืนเอ็งเดี๋ยวนี้ไอ้เสือเทิด ไม่งั้นลูกชายเอ็งโดนลูกหลงไปด้วยแน่”
“ไอ้ลอ ไปซะ ไปให้พ้นจากที่นี่ พ่อบอกให้ไป”
“ไม่จ้ะพ่อ ฉันจะไม่ทิ้งพ่อไปไหน”
“ไอ้เสือเทิด ทิ้งปืน”
เทิดตัดสินใจลำบากเพราะเป็นห่วงลูก ลอลุกขึ้นจะเดินมาหาพ่อ เลยเป็นจังหวะทำให้ตำรวจตัดสินใจยิงใส่ เทิดทันที เทิดโดนลูกปืนเจาะเข้าร่างพรุนไปทั้งตัวต่อหน้าต่อตาลูกชาย
“พ่อ”
ลอสะดุ้งเฮือกเหมือนภาพเหตุการณ์ในอดีตนั้นเพิ่งจะเกิดไปได้ไม่นาน เขาเดินน้ำตาคลอเข้าไปยังบริเวณที่พ่อเคยถูกยิงตายแล้วทรุดลงคุกเข่า
“พ่อ”
เพื่อนเห็นอาการเจ็บปวดและเศร้าเสียใจของลอที่นึกถึงอดีต ก็โผเข้าไปกอดลอไว้อย่างสงสาร
“พ่อพี่ตายตรงนี้ และพี่ก็ให้คำมั่นสัญญากับพ่อ”
ลอนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ร่างของเทิดทรุดลงกับพื้น มือที่กำปืนอยู่นั้นร่วงลง ตำรวจรีบเข้าไปหยิบปืนของเทิดขึ้นมาแล้วตกใจ
“ปืนมันไม่มีลูกกระสุน”
ตำรวจทั้งสองอึ้งไป แล้วมองไปที่เทิดที่เลือดท่วมตัว ส่วนลอก็เข้าไปประคองร่างพ่อมันเอาไว้ ร้องห่มร้องไห้
“พ่อ พ่ออย่าเป็นอะไรนะ อยู่กับฉันสิพ่อ พ่อต้องอยู่กับฉัน”
“ไอ้ ไอ้ลอ พ่อ พ่อขอโทษเอ็งด้วย”
“ไม่จ้ะ ฉันไม่โกรธพ่อ ฉันรู้ว่าพ่อเป็นคนดี พ่อฉันเป็นคนดี พ่อไม่ใช่โจร ฮือๆๆ”
“พ่อ พ่ออยากเป็นคนดีจริงๆ นะไอ้ลอ แต่ แต่ว่า แต่พ่อก็ทำไม่ได้ พ่อ พ่อถึงไม่อยากให้เอ็ง เป็น เป็นอย่างพ่อ”
“พ่อไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะช่วยพ่อ ฉันต้องพาพ่อไปหาหมอ”
ลอพยายามจะพยุงพ่อให้ลุกขึ้น แต่ร่างอันหนักอึ้งทำให้เด็กอย่างเขาทำอะไรไม่ได้
“เอ็งไม่ต้องช่วยพ่อหรอกไอ้ลอ นี่มันคือเวรกรรมที่พ่อ พ่อต้องชดใช้ เอ็งต้องดู ดูไว้เป็นตัวอย่าง”
“พ่อ ไม่นะพ่อ ฮือๆๆ”
“สา สาบานกับพ่อสิไอ้ ไอ้ลอ สาบานกับพระที่ ที่ห้อยคอพ่ออยู่นี่ สาบาน”
เทิดยกมือขึ้นกำสร้อยพระที่ห้อยคออยู่ขึ้นมา เพื่อให้ลูกชายกำไว้และร่วมสาบาน
“เอ็งต้องไม่เอาพ่อเป็นเยี่ยงอย่าง เอ็งจะต้องเป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม อย่าได้ริเป็นคน ใจคดอย่างพ่อ สาบานสิไอ้ลอ สาบาน”
ลอสะอื้น
“ฉัน ฉันสาบานจ้ะพ่อ ฉัน ฉันจะไม่เอาพ่อเป็นเยี่ยงอย่าง ฮือๆๆ”
“เอ็งสาบานกับพ่อ กับพระองค์นี้ของพ่อแล้วนะไอ้ลอ ถ้าเอ็งผิดคำสาบาน ที่นี่จะเป็น จุดจบของเอ็งเหมือนกับพ่อ”
“ฉันสาบาน”
เสือร้ายกลับใจมองลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย แล้วมือก็ร่วงลงพื้นจากไปอย่างสงบ ลอร้องไห้ลั่น เสียงดังก้องไปทั่วลานต้นไทร
“พ่อ”
นึกขึ้นมาแล้วลอน้ำตาคลอ มือกำสร้อยพระที่ห้อยคอซึ่งเคยสัญญาไว้ ณ ที่ใต้ต้นไทรตรงนี้ตอนที่พ่อตาย
“เลือดของพ่อเปื้อนมือพี่ พี่เห็นความเจ็บปวดของพ่อก่อนที่เขาจะตาย แต่เขาก็ยังทนเจ็บ เพื่อรอฟังคำสาบานจากพี่ว่าจะเป็นคนดี ไม่ใจคด ให้อยู่แต่ในศีลในธรรม”
เพื่อนกุมมือลออย่างเห็นใจ
“ทุกวันนี้พี่ลอก็ทำตามคำสาบานของพ่อพี่แล้ว ในทุ่งบ้านสร้าง ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะมีจิตใจเปี่ยมด้วยความดีเหมือนอย่างพี่ลออีก ฉันเชื่อว่าพ่อพี่จะต้องชื่นชมพี่อยู่แน่ๆ จ้ะ”
“แม่เพื่อน เพราะที่นี่มีความหมายกับพี่ ถ้าพี่ผิดคำสาบานต่อพ่อ จุดจบ ของพี่ก็ต้องมาลงเอยที่นี่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น พี่ก็อยากให้ที่นี่เป็นที่สาบานความรัก ของพี่กับแม่เพื่อนเหมือนกัน”
“พี่ลอ”
“ถ้าวิญญาณของพ่อพี่ยังไม่ได้ไปไหน และวนเวียนอยู่ที่นี่ พี่ก็อยากให้พ่อพี่มาช่วยเป็น สักขีพยานความรักที่พี่มีต่อแม่เพื่อน”
เพื่อนรีบแตะปากลอ
“ฉันเชื่อว่าพี่ลอรักฉันมาก แต่การจะเอาชีวิตพี่ลอมาสาบานรักกับฉัน ฉันใจคอไม่ดี ไม่ต้องสาบานก็ได้”
“แม่เพื่อนอย่ากลัวไปเลย พี่กล้าสาบานต่อหน้าพระ ต่อหน้าพ่อ เพราะพี่มั่นใจว่าพี่ไม่มี ทางผิดคำสาบานแน่ และพี่ก็จะสาบานอีกครั้งต่อหน้าแม่เพื่อน ให้ที่นี่เป็นสักขีพยานว่า”
ลอยังไม่ทันเริ่มกล่าวคำสาบาน ฉับพลันลมก็กรรโชกเข้ามาจนใบไม้แห้งรอบๆ ปลิว เพื่อนตกใจ
“พี่ลอ ฉันว่าพี่ลออย่าสบานเลยนะ ฉันใจคอไม่ดีจริงๆ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่เพื่อน มันก็แค่ลมเปลี่ยนฤดูปกติ เดี๋ยวมันก็สงบ”
“แต่ว่า”
เพื่อนยังไม่ทันจะขัดอะไรลอ ลมที่พัดกรรโชกก็สงบลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เห็นมั้ยจ๊ะแม่เพื่อน ก็แค่ลมเปลี่ยนฤดู ไม่มีอะไรให้แม่เพื่อนต้องคิดไปในทางไม่ดี มีแต่ เทวดาฟ้าฝนจะมาช่วยเป็นพยานกับคำสาบานที่พี่จะบอกแม่เพื่อนว่า”
ลอกำลังจะเอ่ยคำสาบานขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงแพงดังลั่นเข้ามาขัด
“พี่ลอ พี่เพื่อน แย่แล้วจ้า”
ไม้กับมาดพร้อมด้วยลูกน้องยกขโยงเข้ามาที่กระท่อมของลอ
“เข้าไปลากคอไอ้ลอออกมา ถ้ามันขัดขืนก็รุมกระทืบมันได้เลย”
ไม้กับพวกรับคำสั่งจะบุกขึ้นไปที่กระท่อมของลอ แต่ผาดกับก้อนรีบเข้ามาขวาง
“ข้าว่ามันจะเกินไปแล้วนะเว้ยไอ้วี บ้านเมืองมีขื่อมีแป ถ้าไอ้ลอมันทำผิดจริงอย่างที่เอ็งกล่าวหามา ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เขา”
“เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ผู้ใหญ่ว่า หมายถึงตัวผู้ใหญ่เองใช่มั้ย” วีระย้อน
“พ่อข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านของทุ่งบ้านสร้าง เอ็งจะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาพ่อข้าไม่ได้” ก้อนโต้ตอบ
“งั้นฉันก็ยิ่งต้องลากคอไอ้ลอมาจัดการเอง”
“ไอ้วี”
ก้อนจะขยับเอาเรื่อง แต่ไม้กับมาดเข้ามาขวางพร้อมเล่นงาน ก้อนเลยชะงัก จ้องหน้ากันเขม็ง
“บอกลูกชายผู้ใหญ่ให้หลบไปดีกว่า แล้วก็อย่าเอาเรื่องขื่อเรื่องแปมาพูดกับฉันอีก เพราะ ถ้าไม่เห็นแก่หน้าผู้ใหญ่ที่เป็นคนดูแลหมู่บ้านนี้ ฉันก็คงยกพวกมาลากคอไอ้ลอไปแล้ว ไม่ต้องบุกไปที่บ้านผู้ใหญ่เพื่อบอกให้รู้ก่อนหรอก”
“แต่เรื่องนี้ควรต้องมีการสอบสวนกันก่อน”
“เสียเวลาสอบสวน ฉันนี่แหละยืนยันได้ว่าไอ้ลอมันบุกไปเผาโกดังข้าวจริงๆ”
วีระขึ้นเสียงแล้วพยักหน้าให้พวกลูกน้องบุกขึ้นไปบนกระท่อมลอ ก้อนไม่พอใจจะลงมือขวางแต่เจอวีระชัก ดาบออกมาชี้หน้า ก้อนชะงักอึ้ง
ไม้กับมาดพร้อมพรรคพวกขึ้นไปรื้อค้นและทำลายข้าวของ เอาหม้อไหออกมาโยนโครมๆ จน แตกกระจายเต็มหน้าบ้าน ระหว่างนั้นพิศเข้ามาร้องเสียงดังห้าม
“พอได้แล้ว ไอ้ลอมันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”
พวกวีระชะงัก หันขวับไปเห็นพิศยืนจังก้ามือกำดาบ พร้อมเอาเรื่อง
ที่ลานต้นไทร เพื่อนสงสัยแพงที่อยู่ๆ ก็โผล่มาขัด
“อะไรของเอ็ง หา อีแพง”
“พ่อรู้เรื่องพี่กับพี่ลอแล้วน่ะสิ”
“ว่าไงนะ เอ็งไปทำอีท่าไหนพ่อถึงจับได้ นังนี่ ไว้ใจไม่ได้สักอย่าง”
เพื่อนเข้าไปหยิกแขนแพงอย่างอารมณ์เสีย แพงพยายามปัดและอธิบาย
“ฟังฉันก่อนสิพี่เพื่อน มันไม่ใช่แค่นั้น”
“ไม่ต้องแก้ตัว อุตส่าห์ไหว้วานให้ช่วย ข้าจะได้อยู่ดูแลพี่ลอ แต่เอ็งก็ยังทำให้ข้าไม่ได้”
“ฉันพยายามช่วยแล้วนะพี่เพื่อน แต่ว่า”
“หยุดตอแหลเลย ถ้าเอ็งคิดอยากจะช่วยข้ากับพี่ลอจริงๆ พ่อก็คงจับไม่ได้หรอก ทำไม หาอีแพง ทำไมเอ็งถึงต้องคอยหาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ข้ากับพี่ลออยู่ได้ตลอดเวลา”
แพงโมโห เหลือจะทน ปัดมือพี่สาวแรงๆ
“โธ่เอ๊ยพี่เพื่อน หยุดว่าแต่ฉันสักทีได้มั้ย ถ้าฉันไม่คิดจะช่วยให้พี่กับพี่ลอได้อยู่ด้วยกันทั้งคืนล่ะก็ ป่านนี้พี่โดนพ่อลากไปตีหลังลายแล้ว”
“อีแพง”
“พอได้แล้วล่ะแม่เพื่อน พี่ผิดเอง พี่ควรจะต้องเป็นคนไปขอขมากับอาพิศที่ทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรให้แกไม่พอใจ”
“ไอ้เรื่องนั้นมันไม่เท่าไหร่หรอกพี่ลอ เรื่องที่พ่อไปรับหน้าไม่ให้พวกไอ้วีมาเล่นงานพี่ต่างหากที่น่าหนักใจกว่า เพราะถ้าพ่อไล่พวกมันกลับไปไม่ได้ พ่อก็จะเอาเรื่องกับพวกมัน”
ลอตกใจ
“ว่าไงนะอีแพง”
ลอเดินหน้าตาถมึงทึงเอาเรื่อง จะไปช่วยพิศ เพื่อนกับแพงรีบตามประกบห้าม
“พี่ลอ ใจเย็นๆ ก่อน ที่พ่อให้ฉันมาบอกพี่ พ่อเขาไม่ได้จะให้พี่ไปช่วยเขานะ”
“ปล่อยข้าอีแพง ข้าไม่ยอมให้อาพิศเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับพวกมันเพื่อช่วยข้าหรอก”
“แต่ฉันเห็นด้วยกับที่พ่อสั่งอีแพง ไม่ให้พี่โผล่หน้าไปให้พวกมันเห็นนะพี่ลอ”
“แม่เพื่อน”
“พวกมันยกขโยงมาถึงที่แบบนี้ ถ้าพี่ลอเจอกับมันเข้า ยังไงพวกมันก็ต้องหาเรื่องเล่นงานพี่ลอถึงตายแน่”
“ใช่จ้ะ พ่อก็เลยกำชับสั่งให้พี่ลออยู่เฉยๆ จนกว่าพ่อจะช่วยทำให้พวกมันเลิกยุ่งกับพี่ลอ”
“สวะอย่างพวกมัน พี่ไม่ปล่อยให้มันแตะต้องอาพิศแน่”
ลอแกะมือเพื่อนที่พยายามรั้งแขนเขาออก แล้วหันไปเป่าปากเรียกไอ้เปลี่ยวที่กำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ๆ คันนา ลอกระโดดขึ้นขี่หลังไอ้เปลี่ยวแล้วควบขี่ออกไป
“ไปกันใหญ่แล้วพี่เพื่อน เอาไงดีล่ะ”
เพื่อนเคร่งเครียดครุ่นคิด เป็นห่วงคนรัก
อ่านต่อหน้า 4
เพื่อนแพง ตอนที่ 2 (ต่อ)
เครื่องใช้หม้อไหในกระท่อมของลอถูกโยนออกมาข้างนอกจนแตกกระจาย ทั้งๆ ที่พิศเข้ามาห้ามแล้ว แต่พวกวีระก็ไม่สนใจ
“เฮ้ย ข้าบอกว่าไอ้ลอมันไม่ได้อยู่ที่นี่ หยุดทำลายข้าวของมันได้แล้ว”
พิศพยายามจะเข้าไปห้าม แต่ถูกวีระเข้ามาชี้นิ้วจิ้มไหล่อย่างกวนๆ
“ไม่เอาน่าว่าที่พ่อตา อย่าเสียเวลาไปปกป้องไอ้กระจอกอย่างไอ้ลอเลย คนอย่างมันมีประโยชน์ก็แค่แรงงานช่วยเลี้ยงควาย ทำไร่ไถนา เทียบกับฉันไม่ได้หรอก พ่ออยากได้แรงงานช่วยทำนาปีละกี่คน อยากได้ข้าวปีละกี่เกวียน บอกไอ้วี เดี๋ยวจัดการให้หมด”
พิศจ้องเขม็งแล้วจับนิ้ววีระมาบิดแรงๆ
“เอ็งไม่มีสิทธิ์มาเรียกข้าว่าพ่อ ถึงไอ้ลอจะไม่ใช่ลูกชายข้า แต่ข้าก็ให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงมันมากับมือ เพราะฉะนั้นมันเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์เรียกข้าว่าพ่อ”
พิศบิดแรงแล้วผลักวีระจนเซ ก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนเรือนแล้วขวางพวกไม้กับมาด
“ไสหัวพวกเอ็งไปให้พ้น ไป ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
พิศเข้าไปคว้าคอเสื้อมาดที่ไม่ทันระวังแล้วจับโยนลงมากระแทกพื้น วีระเห็นแบบนั้นก็ยิ่งโมโห
“พูดดีๆ ไม่ฟัง ยังเห็นมันดีกว่า งั้นคงต้องพูดด้วยกำลัง ไอ้ไม้ลากพ่อตาข้าออกไป”
ไม้ปรี่เข้าไปเล่นงานพิศ กระชากคอเสื้อแล้วจะลากตัวไป ก้อนเห็นแบบนั้นก็เหลืออด
“ทำเกินไปแล้ว ขอเถอะพ่อ ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ก้อนปรี่เข้าไปช่วยพิศเล่นงานไม้ พิศถูกลูกหลงกระเด็นมาทางผาด เจ็บเลือดกบปาก ผาดเริ่มอดไม่ไหวเหมือนกัน
“ไอ้ประจวบ สั่งพรรคพวกเอ็งให้หยุดเดี๋ยวนี้”
“เห็นทีจะยากนะผู้ใหญ่ จนกว่าไอ้ลอจะโผล่หัวมา ใครอยากขวางทางก็ต้องเจ็บตัว”
“งั้นข้าก็จะไม่ไว้หน้าใครเหมือนกัน”
ผาดกำหมัดแน่น ปรี่เข้าไปใช้เชิงมวยช่วยก้อนกับพิศเปิดฉากตะลุมบอน
แพงเรียกพี่สาวอย่างไม่พอใจเพราะเพื่อนจ้ำเท้าเดินไม่สนใจน้อง
“พี่เพื่อน ฉันบอกให้หยุด พี่เพื่อน หยุดมาคุยกับฉันก่อนสิ”
แพงเริ่มโมโห เลยพุ่งเข้าไปคว้าไหล่กระชาก แต่ถูกเพื่อนหันมาปัดมือแล้วผลักแพงล้มจ้ำเบ้า
“อย่ามายุ่งกับข้าได้มั้ยอีแพง เกะกะน่ารำคาญ จะไปไหนก็ไป”
“ทำไมพี่เพื่อนทำแบบนี้ พี่ลอกำลังเดือดร้อน แต่พี่เพื่อนกลับไม่คิดหาทางช่วย”
“เอ็งรู้ได้ไงว่าข้าไม่คิดจะช่วยพี่ลอ”
“ก็ที่พี่เพื่อนกำลังเดินหนีอยู่นี่ไง พอรู้ว่าพี่ลอจะไปมีเรื่อง พี่เพื่อนก็กลัวเดือดร้อน เห็นแก่ตัว เดินหนีมาดื้อๆ ไม่ยอมช่วยกันคิดหาทางช่วยพี่ลอเลย”
“อีแพง”
เพื่อนโกรธจัดพุ่งเข้าไปตบหน้าแพง แพงอึ้ง ไปไม่คิดว่าพี่สาวจะลงมือกับตน
“พี่เพื่อน”
“ปากเอ็งอย่าเก่งให้มันเกินตัวนักอีแพง ถ้าไม่รู้อะไรก็หัดหุบปากไปซะบ้าง ไม่งั้นข้าจะเอาเลือดเอ็งกบปาก ไป กลับบ้านไปเลย แล้วก็อย่าสะเออะตามข้ามาอีก”
เพื่อนรีบเดินอย่างเร็วๆ ออกไปตามท้องนา แพงจับแก้มตัวเองที่เพิ่งโดนตบจนเป็นรอยแดง มองตามพี่สาวอย่างเจ็บใจ น้ำตาคลอเบ้า
“พี่เพื่อน พี่มันเห็นแก่ตัว เสียแรงที่พี่ลอรักพี่ ฉันเกลียดพี่ ถ้าพี่ลอเป็นอะไรไป เราสอง คนพี่น้องก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน”
เพื่อนได้ยินแพงตะโกนด่าไล่หลังก็ชะงักกึก ไม่พอใจ
“อีแพง”
“เอาเลย จะจิกหัวด่า จะจิกหัวตบอีแพงยังไงก็เข้ามาเลย ถ้าไม่ต้องนับพี่นับน้องกันอีก อีแพงนี่แหละจะต่ำสถุลมึงกู ตบให้ตายกันไปข้างเลยคอยดู”
เพื่อนกัดฟันกำมือแน่นพุ่งเข้ามา แพงกำหมัดพร้อมมีเรื่อง แต่พอเพื่อนพุ่งมาถึงตัว กลับใช้แค่นิ้วชี้จิ้มหัวแพงแรงๆ
“อีโง่ ถ้าคนอย่างข้าคิดแต่ห่วงตัวเองเห็นแก่ตัว ป่านนี้ข้าออกเรือนมีผัวเป็นเศรษฐีให้ พ่อกับเอ็งอยู่กินสบายกว่านี้ไปแล้ว อีแพง”
“พี่เพื่อนพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ข้ากำลังหาทางช่วยพี่ลออยู่ แต่ข้าขี้เกียจเล่าให้เอ็งฟัง มันเสียเวลาช่วยพี่ลอ”
“อ้าว แล้วพี่เพื่อนจะช่วยพี่ลอยังไง”
เพื่อนมองหน้าน้องสาวด้วยความหงุดหงิดหัวเสีย
ก้อนปะทะฝีมือกับไม้ ผาดก็ปะทะเชิงมวยกับลูกน้องของวีระอีก 2 คน และพิศก็ออกเชิง มวยสู้กับมาดและพวกลูกน้องวีระ จนเป็นการตะลุมบอน แต่พิศพลาดท่าเสียทีถูกมาดเล่นงานเซถลา ผาดเห็นพิศเสียท่าก็จะเข้ามาช่วย แต่ถูกลูกน้องวีระฉวยโอกาสเล่นงานไปอีกคน ก้อนหันมาเห็นพ่อเสียท่าก็ทำให้ตัวเองพลาดท่าไปด้วย โดนไม้ไล่ถลุงจนยกมือขึ้นป้องแทบไม่ทัน ทั้งก้อน ผาดและพิศ ถูกรุมด้วยความสะใจของวีระกับประจวบ
“อยากช่วยไอ้ลอกันนัก พวกเอ็งก็ต้องเจ็บตัวให้ไอ้ลอมันเห็น ฮ่าๆๆ”
วีระหัวเราะสะใจและไม่ทันระวัง ลอโผล่เข้ามาจากข้างหลังแล้วยันโครมจนกระเด็น
“เอ็งนั่นแหละไอ้วีที่ต้องเจ็บตัวกว่าพวกข้า”
ลอไม่รอช้า ตามเข้าไปกระชากวีระขึ้นมาแล้วประเคนหมัดเข่าศอกไม่ยั้งอย่างดุเดือด วีระไม่ทันปัดป้อง ประจวบตกใจ
“เฮ้ย มัวยืนดูเฉยๆ ทำไม ช่วยลูกข้าสิเว้ย”
ประจวบผลักพวกลูกน้องให้เข้าช่วย แต่ลอจับวีระขึ้นมาล็อคคอแล้วใช้ดาบจ่อคอขู่พวกประจวบ
“อย่าเข้ามานะเว้ย ไม่งั้น ข้าจะเชือดคอมันเหมือนเชือดคอไก่”
“ไอ้ลอ”
ประจวบตกใจ พวกลูกน้องไม่มีใครกล้าเข้าไป ก้อนกับผาดใช้จังหวะนี้ยันโครมไม้กับมาดแล้วช่วยพยุงพิศขึ้นมา
“ไอ้ก้อน พาอาพิศกับพ่อเอ็งออกไป ข้าจะล่อพวกมันไปเอง”
“ไอ้ลอ”
“ไปได้แล้ว”
ลอสั่งเสียงดังแล้วลากตัววีระเป็นตัวประกันออกไปอีกทาง ประจวบเจ็บใจ สั่งลูกน้องเสียงลั่น
“ไปสิเว้ย ไปช่วยลูกชายข้า”
ไม้กับมาดยกขโยงพาลูกน้องตามลอไป
แสงกับเรืองพากันเดินกลับมาที่บ้าน
“เห็นมั้ยพ่อ ฉันก็บอกแล้วว่าพ่อน่ะตาฝาด เห็นคนอื่นเป็นพี่แรม เลยต้องเสียเวลาไปรอที่ท่าน้ำตั้งครึ่งค่อนวัน”
“แต่ข้าว่าข้าไม่ได้ตาฝาด ที่ข้าเห็นเมื่อวานมันคือนังแรมจริงๆ”
“ฉันขี้เกียจเถียงพ่อแล้ว แก่แล้วยิ่งเลอะเลือน”
“ไอ้เรือง ปากเอ็งนี่มันหาเรื่อง ถึงข้าจะแก่ แต่ข้าก็ยังลุกขึ้นมาไล่เตะปากเอ็งได้นะเว้ย”
“เหรอจ๊ะพ่อ”
แสงชักโมโหความกวนประสาทของลูกชาย เลยลุกพรวดขึ้นมาไล่เตะ ระหว่างนั้นเสียงแรมดังขึ้น
“ไอ้เรือง เอ็งนี่มันเก่งแต่หาเรื่องยั่วโมโหพ่อไม่เลิกนะ”
แสงกับเรืองชะงักมองไปที่ใต้ถุนบ้าน เห็นแรมยืนยิ้มอยู่
“พี่แรม นี่พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ข้ากลับมาได้สักพักแล้ว มาถึงก็ไม่เห็นมีใครอยู่บ้านสักคน เอ็งอยู่บ้านช่วยพ่อทำงานยัง ไง หา ไอ้เรือง ถึงปล่อยให้บ้านรกอย่างกับรังหนู”
“อ้าวพี่แรม กลับมาถึงก็บ่นฉันเลย”
“นังแรม ไหนเอ็งจดหมายบอกว่าจะกลับบ้านตั้งแต่เมื่อวาน ข้ากับไอ้เรืองอุตส่าห์ไปรอรับที่อำเภอ แล้วทำไมเอ็งถึงโผล่มาวันนี้”
“เอ่อคือ พอดีว่าฉัน ฉัน”
แรมกำลังคิดหาเรื่องโกหกพ่ออยู่ แต่ระหว่างนั้นเสียงเพื่อนดังขึ้นขัดจังหวะ
“พอดีเมื่อวานนี้เกิดเรื่องกับพี่แรมเขานิดหน่อยจ้ะครู”
ทุกคนชะงัก เพื่อนโผล่เข้ามาพร้อมกับแพง เพื่อนมองแรม ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“นังเพื่อน”
ทางฝ่ายลอลากตัววีระมาเป็นตัวประกันโดยมีดาบของวีระเป็นอาวุธจ่อคอไว้
“ไอ้ลอ อย่าคิดว่าเอ็งทำแบบนี้แล้วเอ็งจะรอด ยังไงเอ็งก็ไม่มีวันหนีพวกข้าพ้นหรอกเว้ย”
“ต่อให้พวกเอ็งยกพวกมาอีกเป็นขโยงคนอย่างไอ้ลอก็ไม่เคยกลัว”
“ถ้าเอ็งไม่กลัว งั้นเอ็งปล่อยข้าสิวะ ลากข้ามาเป็นตัวประกันแบบนี้ แสดงว่าเอ็งมันก็แค่ ไอ้ขี้ขลาด เก่งแต่ราคาคุย ถุย”
“เอ็งคิดผิดแล้วไอ้วี คนอย่างไอ้ลอ ไม่เคยกลัวตาย ที่ข้าลากเอ็งมาเพราะข้าไม่อยากให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะข้า แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าก็คือ ข้าจะได้กระทืบสั่งสอนเอ็งได้เต็มที่โดยไม่มีใครมากวนใจข้าไง”
ลอพูดไปแล้วก็ผลักวีระให้ล้มลงหน้าคะมำแล้วโยนดาบคืนให้ไป
“หยิบดาบขึ้นมาแล้วมาวัดฝีมือกัน ถ้าเอ็งแพ้ข้า ชาตินี้ห้ามเอ็งเหยียบทุ่งบ้านสร้างอีก”
“นี่เอ็งท้าข้าเหรอ ถุย น้ำหน้าอย่างไอ้ลูกมหาโจรอย่างเอ็ง ไม่คู่ควรกับข้าหรอกโว้ย”
“หึ ใช่ ข้ามันก็แค่ไอ้ลอ ลูกมหาโจร จะไปเทียบอะไรกับลูกเศรษฐีเงินถุงเงินถังอย่างเอ็ง แต่ถ้าทั้งจังหวัดรู้ว่าไอ้วีระไม่กล้ารับคำท้าไอ้ลอ ดูสิว่ามันยังกล้าเดินอวดเงินพ่อมัน ตามตรอกตามถนนได้อีกรึเปล่า”
ลอหัวเราะเยาะวีระอย่างสมเพช เป็นการยั่วโมโหอย่างจงใจ และก็ได้ผล วีระคว้าดาบขึ้นมา
“ไอ้ลูกโจร วันนี้เอ็งได้ตายคาดาบข้าแน่”
วีระคว้าดาบขึ้นมาควงอย่างคล่องแคล่ว แล้วพุ่งเข้าฟาดฟันใส่ลอไม่ยั้งมือ ลอฉากหลบอย่างว่องไวแล้วสวนด้วยหมัดเข้าไป วีระเซถลา ดาบร่วงลงพื้น เลือดกำเดาไหล
“ถ้าฝีมือเอ็งมีดีแค่นี้ ก็เตรียมไปซื้อผ้าถุงมาคลุมหัวเดินกลับบ้านได้เลยไอ้วี”
ลอหัวเราะสมเพช แล้วเตะดาบคืนไปให้ วีระคว้าดาบขึ้นมา
“เมื่อกี้ข้าประมาทเอ็งไป แต่คราวนี้ของจริงแล้วไอ้ลอ ไอ้ลูกโจร”
แสงฟังเพื่อนเล่าทั้งหมด แล้วสงสัย ตกใจ รีบถามแรม
“ที่นังเพื่อนมันเล่ามา จริงเหรอวะนังแรม”
แรมอึกอัก ไม่แน่ใจจะตอบ จนเพื่อนต้องรีบย้ำพูดตัดหน้าไม่ให้แรมพูดอะไรออกมา
“จริงจ้ะครู พี่แรมไปเจอผู้ชายดักฉุดระหว่างที่ไปรอเจอครู แต่โชคดีพี่ลอไปเห็นเข้า ก็เลยช่วยเหลือพี่แรมเอาไว้ได้ แต่เพราะพวกนั้นมันมีกันหลายคน พี่ลอก็เลยต้องพาพี่แรมไปหลบซ่อนตัวจนมืดค่ำ พอพวกมันเลิกตามหา พี่แรมถึงได้กลับมาบ้านได้นี่แหละจ้ะ”
เพื่อนอธิบายไปก็มองหน้าแรมด้วยสายตาอ้อนวอน ขอร้องให้แรมเออออตามคำโกหก
“ว่าไงนังแรม”
“ครูจ๋า ครูเสียงดังถามพี่แรมแบบนี้ พี่แรมเขายังตกใจกลัวอยู่แล้วเขาจะกล้าบอกครูได้ยังไง ใช่มั้ยจ๊ะพี่แรม”
แพงพยายามขยิบตาให้แรมเออออตามน้ำ
“เอ่อ จ้ะพ่อ ก็อย่างที่นังเพื่อนมันเล่าให้พ่อฟังนั่นแหละ ฉันเจอพวกผู้ชายในอำเภอมากันหลายคน ก็หลงไว้ใจคิดว่าเป็นคนบ้านเดียวกันจะมีน้ำใจพาฉันมาส่งทุ่งบ้านสร้าง แต่พวกมันกลับพยายามทำร้ายฉันจะลากฉันไปข่มขืน”
แสงเจ็บใจลุกพรวด
“เห็นมั้ยไอ้เรือง ข้าบอกแล้วว่าเมื่อวานข้าเห็นพี่สาวเอ็ง”
เรืองยังทำหน้างงๆ ตามแพงกับเพื่อนไม่ทัน แพงเลยต้องเข้าไปแอบเหยียบเท้าจิกหน้าให้เออออตาม
“จ้ะ จ้ะพ่อ”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ นังแรม เอ็งจำหน้าพวกมันได้รึเปล่า ข้าจะได้พาเอ็งไปหาตำรวจ ไปตามลากคอพวกระยำนั่นให้มันติดคุกติดตะรางให้เข็ด”
“ครู เรื่องนั้นฉันว่าไว้จัดการทีหลังเถอะ”
“จะปล่อยไว้ได้ยังไงวะนังเพื่อน ลูกสาวข้าเกือบจะโดนพวกจัญไรมันข่มเหง ข้าต้องเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”
“แต่ตอนนี้พี่ลอกำลังต้องการความช่วยเหลือจากพี่แรมมากกว่านะจ๊ะครู”
แพงพูดไปก็เหยียบเท้าให้เรืองช่วยพูด
“อ๋อ ใช่พ่อ ไอ้ลอมัน มันกำลังเดือดร้อนอยู่”
“ตอนนี้พี่ลอกำลังถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนเผาโกดังข้าวของพวกนายประจวบ ทั้งๆ ที่เมื่อวาน พี่ลอเป็นคนช่วยพี่แรมและอยู่กับพี่แรมตลอดวัน พี่แรม ฉันอยากให้พี่ไปช่วยพี่ลอ นะจ๊ะพี่แรม”
แรมนิ่งมองหน้าเพื่อนที่ใช้แววตาอธิบายความต้องการ ทั้งสองคนต่างรู้ดีว่าความจริงคืออะไร
“ก็ได้นังเพื่อน ข้าจะไปช่วยไอ้ลอให้เอ็ง แต่ข้าต้องคุยอะไรกับเอ็งก่อน”
แรมบีบมือเพื่อนแล้วดึงพาออกไป แพงมองตามอย่างเป็นห่วง เรืองแอบสะกิดถามเบาๆ
“ตกลงแผนอะไรของเอ็งเนี่ยอีแพง เอ็งต้องเล่าให้ข้าฟังให้หมดเปลือกนะเว้ย”
“ข้าก็ไม่รู้อะไรมากหรอก พี่เพื่อนสั่งว่าถ้าจะช่วยพี่ลอให้ตามน้ำเขาแค่นั้น”
แสงหันมาที่แพงกับเรือง ทั้งสองคนยิ้มแหยๆ
แรมพาเพื่อนออกมาคุยกันที่หลังบ้าน
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนังเพื่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ก็อย่างที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นั่นแหละ ถ้าพี่แรมจำฉันได้ก็ต้องจำพี่ลอได้”
“ข้าจำได้ ไอ้ลอลูกเสือเทิดที่ถูกยิงตายตรงคุ้งต้นไทร”
“ใช่จ้ะ ตอนนี้พี่ลอกำลังลำบาก ถ้าพี่แรมไม่ช่วย ฉันก็จนปัญญาจะช่วยพี่ลอ”
“หึ อีเพื่อนเอ๊ย ข้ากลับมาทุ่งบ้านสร้างไม่ได้อยากมีปัญหาอะไรกับใครนะเว้ย”
“พี่แรม ฉันขอร้องล่ะ เวลานี้พี่ลอต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ฉันไม่รู้จะขอให้ใครช่วย ก็นึกถึงพี่คนเดียว เพราะพี่เรียนจบมาจากพระนคร คำพูดของคนมีการศึกษาอย่างพี่ จะทำให้คนอื่นเชื่อ”
“แต่ข้าอยู่เฉยๆ ของข้ามันก็สบายดีอยู่แล้วนี่หว่านังเพื่อน”
“พี่แรม อย่าลืมว่าฉันรู้เห็นอะไรมา ทั้งบ้านสร้างเขารู้กันว่าครูแสงรักพี่มาก ไม่งั้นคงไม่ยอมขายที่ขายนาส่งพี่ไปร่ำเรียนนาฏศิลป์ถึงพระนคร เพราะฉะนั้นฉันต่างหากที่กำลังช่วยพี่ไม่ให้ถูกครูแสงจับได้ว่าพี่”
“นังเพื่อน”
แรมไม่พอใจเข้าไปบีบแขนเพื่อน จิกหน้าเงื้อมือพร้อมจะตบ แต่เพื่อนเชิดหน้าสู้
“ฉันช่วยพี่ พี่ช่วยฉัน ฉันขอแค่นี้”
“หึๆๆ เอ็งมันไม่ใช่ผู้หญิงชาวบ้านซื่อๆ อย่างที่ข้าเข้าใจซะแล้วนังเพื่อน มองเอ็งแล้วเหมือนมองตัวข้าเองจริงๆ แบบนี้สิถึงทำให้ข้าอยู่ทุ่งบ้านสร้างต่อได้อีก”
แรมหัวเราะเสียงแหลมๆ อย่างชอบอกชอบใจ
วีระควงดาบไล่ฟาดฟันใส่ลออย่างบ้าคลั่ง ลอฉากหลบแล้วพยายามหาจังหวะสวนกลับ แต่วีระระวังตัวมากขึ้น ลอเลยโดนแทงเฉียดได้เลือดซิบๆ
“ไอ้คนที่เก่งแต่เห่าน่ะมันคือเอ็งต่างหาก ท้าใครไม่ท้า มาท้าข้า คอยดูเถอะ ก่อนที่ข้าจะเอาดินทุ่งบ้านสร้างกลบหน้าเอ็ง ข้าจะลากนังเพื่อนมาปล้ำทำเมียต่อหน้าเอ็ง แล้วจับมือนังเพื่อนให้แทงเอ็งตายต่อหน้าต่อตาข้า ฮ่าๆๆ”
“สารเลวอย่างเอ็ง ไม่ควรจะอยู่ให้รกโลก ชาวบ้านเขาจะเดือดร้อน”
ลอเป็นฝ่ายเอาจริง มองไปที่พื้นเห็นท่อนไม้ใกล้ๆ ก็ใช้เท้าเขี่ยแล้วเตะให้กระเด็นขึ้นมาคว้าหมับใช้ เป็นกระบองเพื่อรับมือกับดาบของวีระ
“เอ็งได้ตายคาดาบข้าแน่”
วีระกับลอโผเข้าฟาดฟันกันอย่างดุเดือดและสูสี ลอเกือบพลาดท่าแต่ก็พลิกกลับมาเอี้ยวตัวหลบ วีระพุ่ง เข้าฟัน คมดาบฟันไปติดกับต้นไม้จนแน่น ลอได้โอกาสถีบวีระกระเด็น แล้วตามประเคนหมัด ซัดเข้าใส่จนวีระโงนเงน ลอเตรียมจบหมัดท้าย ไม้ตามเข้ามาแล้วกระโจนโดดถีบจนลอล้มกลิ้ง ลอรีบลุกขึ้นมาแล้วชะงัก เมื่อเห็นประจวบ ไม้ มาดและพวกลูกน้องตามเข้ามา
“ไอ้พวกหมาหมู่”
“หมาหมู่มันใช้กับพวกนักเลง แต่พวกข้ามาล่าตัวไอ้มือเพลิงที่มันกล้าบุกไปเผาโกดังข้าวของข้าต่างหาก” ประจวบกร้าวใส่
“ที่พวกเอ็งมีกินมีอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะเก่งแต่โกง เก่งแต่กดขี่ข่มเหงชาวนาจนๆ ที่เขารู้ไม่เท่าทันพวกเอ็ง ถ้าข้าวของพวกเอ็งจะวอดวายไปซะบ้างมันก็ดีแล้ว จะได้รู้ว่าเวรกรรม มันมีจริง”
“หึ ไอ้ลอ ไอ้ลูกมหาโจร น้ำหน้าอย่างเอ็งมาพูดเรื่องเวรเรื่องกรรมกับข้า ดูพ่อเอ็งเป็นตัวอย่างก่อนเถอะวะ ใครกันแน่ที่โดนยิงตายเหมือนหมา ชดใช้เวรกรรมที่มันก่อ”
ประจวบพูดไปก็หัวเราะเยาะสมเพชลอเสียงดัง พวกลูกน้องพากันหัวเราะเยาะตาม ลอกัดฟันกำหมัดแน่นเจ็บใจ
“พ่อข้าอาจเป็นมหาโจร แต่ก็ไม่เคยสอนข้าให้เป็นคนใจคด แม้เวลาที่เขาจะตาย เขาก็ยังเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าพวกเอ็ง”
ลอนึกถึงตอนพ่อถูกตำรวจยิงตาย และพบว่าปืนของเทิดไม่ลูกกระสุน ลอ กำหมัดแล้วตั้งการ์ดเชิงมวยพร้อมสู้กับพวกประจวบทุกคน
“เอ็งด่าข้าว่าเป็นไอ้ลูกโจรได้ แต่เอ็งจะดูถูกความเป็นสุภาพบุรุษของพ่อข้าไม่ได้”
ลอเสียงขึงขังแล้วพุ่งเข้าไปงัดเชิงมวยเล่นงานใส่ลูกน้องประจวบอย่างรุนแรงดุดัน พวกลูกน้องคนอื่นๆ รีบ เข้าไปช่วยรุมล้อมกรอบลอ แล้วผลัดกันเข้ารุมเล่นงาน แรกๆ ลอพอจะรับมือได้เพราะบ้าคลั่งสู้ไม่ถอย แต่พอถูกรุมเข้ามาเยอะๆ ลอก็เริ่มเสียท่าโดนไม้เข้าเล่นงานจนเริ่มโงนเงน ถูกถีบจนล้มลงไปกอง เลือดกบปาก วีระได้โอกาสเข้ามายืนมองอย่างหยามเหยียด
“เอ็งท้าข้าเองใช่มั้ยไอ้ลอ ในเมื่อเอ็งแพ้ เอ็งก็ต้องทำตามที่เอ็งพูด”
“ข้า ข้าไม่ได้แพ้เอ็ง ไอ้ ไอ้พวกหมา หมาหมู่ แน่ แน่จริง มา มาตัวๆ กับข้าสิวะ ไอ้วี”
“ถุย แพ้ข้าแพ้พวกข้า มันก็แพ้เหมือนกันแหละโว้ย ไอ้ลอ”
วีระยกเท้าถีบเข้าหน้า ลอเซลงไปแน่นิ่งหมดสติท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะ ก่อนจะถูกไม้กับมาดหิ้วปีกลากผ่านหมู่บ้านเพื่อไปที่ท่าเรือ
ชาวบ้านที่ขายของอยู่ข้างทางพากันยืนซุบซิบสมเพชเวทนากับสภาพของลอที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับนักโทษ ใน กลุ่มนั้นมีด้วงกับแก้วรวมอยู่ด้วย วีระได้ทีอยากโอ้อวดความเก่งกาจของตัวเองเลยยกมือให้ทุกคนหยุด แล้วกระชากคอลอให้ลุกขึ้น
“ดูกันเอาไว้พี่น้องทุ่งบ้านสร้าง นี่แหละไอ้ลอที่ทุกคนคิดว่ามันเป็นคนดี แต่ที่จริงแล้วมันก็ไม่ต่างจากพ่อมัน ในเมื่อพ่อมันเลวมันก็เลวตามสายเลือด ดีไม่ดีจะเลวกว่าด้วยซ้ำ”
วีระไม่พูดเปล่า ซัดหมัดเข้าที่ท้องลออีกจนลอจุกตัวงอและรู้สึกตัว ด้วงกับแก้วเจ็บใจ
“ไอ้ลอไม่ใช่คนเลว พวกเอ็งต่างหากนั่นแหละที่ชั่ว ปล่อยไอ้ลอนะเว้ย”
“ใช่ พวกเอ็งนั่นแหละที่เก่งแต่ข่มเหงรังแกคนอื่น พี่ลอมีแต่ช่วยพวกเรา”
แก้วกับด้วงไม่พอใจพากันเข้าไปจะช่วยลอ แต่กลับถูกลูกน้องของวีระเข้ามาผลักจนแก้วล้มลง
“พวกเอ็งอย่าหาเรื่องเดือดร้อน ไม่งั้นจะโดนลากไปพร้อมไอ้ลอ” วีระประกาศ
“ไอ้ลอมันบุกไปเผาโกดังข้าวของข้า นอกจากมันจะทำให้พวกข้าเดือดร้อนแล้ว มันยังทำให้พวกเอ็งทุกคนในทุ่งบ้านสร้างเดือดร้อนด้วย เพราะข้าวทุกเม็ดในโกดังก็มาจากข้าว ในนาของพวกเอ็งทุกคน” ประจวบยุ
“และในเมื่อข้าวที่ทุกคนเอามาฝากให้พ่อข้าช่วยเก็บเอาไว้ต้องเสียหาย เงินที่ทุกคนควร จะได้ก็ต้องกลายเป็นเถ้าถ่านไปเพราะฝีมือไอ้ลอ”
วีระพูดเสียงดังตอกย้ำแล้วจิกหัวลอขึ้นมาเพื่อให้ชาวบ้านเกลียดชัง ซึ่งก็ได้ผล ทุกคนเริ่มมองลอไม่ดี ชาวบ้านบางคนคว้าเศษผักมาปาใส่ คนอื่นๆ เริ่มทำตาม ด้วงกับแก้วรีบเข้าไปห้ามขอร้องชาวบ้าน
“อย่าทำพี่ลอ ฉันขอร้องล่ะ”
“พี่ลอไม่ใช่คนเลว พี่ลอเป็นคนดีจริงๆ นะจ๊ะทุกคน”
ไม่มีใครฟัง ไข่ไก่ใบหนึ่งถูกปามาโดนหัวด้วง และเศษผักก็ปามาโดนหน้าแก้วจนยกมือป้องไม่ไหว
“ฮ่าๆๆ เห็นมั้ยไอ้ลอ คนที่จะไม่ได้กลับมาเหยียบทุ่งบ้านสร้างอีกคือเอ็ง ไม่ใช่ข้า”
วีระพยักหน้าให้ไม้กับมาดลากตัวลอออกไป แก้วกับด้วงได้แต่มองตามด้วยเป็นห่วงเพราะตัวเองก็ ยังเอาตัวไม่รอด
ด้วงกับแก้วเดินบ่นมาตามทาง สภาพตามเนื้อตามตัวและบนหัวยังมีเศษเปลือกไข่ เศษผักอยู่เต็ม
“เจ็บใจไอ้วีชะมัดยาด นี่ถ้ามันมาตัวๆ กับข้าล่ะก็ ข้าจะจับมันมาทุ่ม ทับ จับหัก แถมกระทืบมันให้จมดินไปเลย”
“เอ็งอย่าขี้คุยไปหน่อยเลยไอ้ด้วง ขนาดพี่ลอยังโดนพวกมันเล่นงาน อย่างเอ็งจะไปเหลืออะไร แทนที่จะมาคุยอวดเก่ง เอ็งควรจะรีบไปตามคนอื่นให้ไปช่วยพี่ลอ เพราะถ้ามันเอาพี่ลอขึ้นเรือไปได้ล่ะก็ พวกเราต้องรอรับศพกลับเท่านั้นแน่”
“แล้วเอ็งจะให้ข้าไปตามใครไปช่วยวะ อีแพงก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ไอ้ก้อนก็อีกคน เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานหายหัวกันหมด”
“ทั้งอีแพงทั้งไอ้ก้อนเรียกมาก็ช่วยยื้อชีวิตพี่ลอไม่ได้หรอก”
“แล้วเอ็งคิดถึงใคร”
แก้วกับด้วงมองหน้ากัน
ลอถูกลากเข้ามาบริเวณท่าน้ำวัด ในสภาพแทบหมดเรี่ยวแรง
“พี่วี ไหนๆ ก็จะไม่เอามันไว้แล้ว ฉันว่าจับมันเชือดคอแล้วโยนลงน้ำไปแถวนี้เลยก็ได้ ไม่ต้องลากกลับไปให้เปลืองแรงหรอก”
“เอ็งมันพูดอะไรโง่ๆ ไอ้มาด ที่นายต้องลากคอไอ้ลอกลับไปเพราะอยากให้ทุกคนคิดว่า พวกเราลากคอมันไปให้เจ้าหน้าที่จัดการ” ไม้ติง
“หึ ใช่ พอถึงอำเภอ เราค่อยจัดการเชือดมัน แล้วค่อยบอกทุกคนว่าไอ้ลอพยายามขัดขืน แค่นี้พวกเราก็ไม่มีความผิด ซ้ำยังได้ชื่อว่าช่วยเหลือราชการอีกต่างหาก”
“ปั๊ดโธ่ ฉันก็คิดไว้แบบนี้แหละจ้ะพี่วี แต่ไม่ได้พูดออกมา เดี๋ยวจะหาว่าฉลาดกว่านาย”
วีระหันมายันโครมมาดอย่างหมั่นไส้ ประจวบเข้าไปจิกหัวลอขึ้นมา
“เอ็งเล่นงานข้าเสียหายไปไม่น้อย ลำพังชีวิตกระจอกๆ ของเอ็ง ชดใช้ยังไงก็ไม่คุ้ม แต่ที่ มันคุ้มคือความสะใจของลูกชายข้า จำไว้ไอ้ลอ”
ประจวบสมเพชลอ แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องพาลอขึ้นเรือ แต่ระหว่างนั้นเสียงแพงดังขึ้น
“ปล่อยพี่ลอเดี๋ยวนี้ พวกเอ็งจะเอาพี่ลอไปจากทุ่งบ้านสร้างไม่ได้เด็ดขาด”
วีระชะงัก หันขวับไปเห็นแพงเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อน
“อีแพง นังเด็กเมื่อวานซืน ตั้งแต่เริ่มโตเป็นสาว เอ็งชักจะชอบหาเรื่องเจ็บตัวได้ไม่เว้นวัน”
“อีแพง พาทุกคนกลับไป อย่า อย่ามายุ่ง”
“พวกฉันไม่กลับไปหรอกจ้ะพี่ลอ จนกว่าจะได้ตัวพี่ลอกลับไปกับพวกฉันด้วย”
“ได้ยินกันแล้วใช่มั้ย ไอ้ลอจะต้องไปรับโทษที่มันทำไว้ ถ้าใครมาขวางทางก็ถือว่าเป็น พวกเดียวและร่วมมือกับไอ้ลอ มันจะโดนลากคอไปด้วย”
วีระพูดพร้อมกับผลักไหล่แพงจนเซ เพื่อนเข้าไปช่วยประคองน้องสาวเอาไว้ แล้วเดินหน้าเข้าไป เผชิญหน้ากับวีระและประจวบ
“เอ็งไม่มีสิทธิ์จะเอาตัวพี่ลอไป เพราะพี่ลอไม่ได้เป็นมือเพลิงอย่างที่เอ็งกล่าวหาเขา”
“แม่เพื่อนมาพูดปกป้องมันโดยไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันแบบนี้ แม่เพื่อนจะทำให้ฉันลำบากใจนะ เพราะฉันเพิ่งลั่นปากเมื่อกี้ว่าถ้าใครปกป้องมัน ฉันจะพาไปด้วย”
วีระคว้าข้อมือเพื่อน เพื่อนตกใจพยายามแกะข้อมือ แต่วีระได้โอกาสฉุดกระชากแขนเพื่อนจะพาไปด้วย
“ปล่อยแม่เพื่อนเดี๋ยวนี้”
ลอจะฮึดฮัดขัดขืนแต่เจอไม้กระชากตัว อัดเข้าลิ้นปี่จนจุกตัวงอ และก่อนทีทุกอย่างจะวุ่นวาย แสงก็พา แรมกับเรืองเข้ามาร้องห้ามเสียงดัง
“หยุดได้แล้วไอ้วี พวกเอ็งต้องปล่อยไอ้ลอเดี๋ยวนี้ ไอ้ลอไม่ใช่มือเพลิงที่พวกเอ็งจะมากล่าวหามัน เพราะเมื่อวานไอ้ลอเป็นคนช่วยชีวิตนังแรมลูกสาวข้า”
วีระและประจวบพากันชะงัก หันไปทางแสงและมองแรมที่แต่งตัวอย่างสาวพระนครยืนเชิดหน้าดูระหงส์ ความแตกต่างของแรมกับสาวทุ่งบ้านสร้างคนอื่น ทำให้วีระอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นใคร ส่วนเพื่อนก็สลัดจากวีระมาสมทบกับแพงและเรือง
“ครูนาฏศิลป์แก่ๆ อย่างเอ็ง อย่าหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเลย กลับไปเต้นกินรำกินต่อเถอะวะ”
วีระผลักไหล่แสง แต่แรมบีบข้อมือวีระแน่น
“ถ้าแกทำพ่อฉันเจ็บตัวล่ะก็ แกมีปัญหาแน่ ไอ้วีระ”
วีระชะงัก ไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนกล้ามาบีบมือและขู่เขาแบบนี้
“เอ็งเป็นใครวะ กล้าดียังไงมาขู่ข้า”
“ฉันแรม ลูกสาวครูแสง ฉันเพิ่งเรียนจบมาจากพระนคร ฉันรู้ว่าแกเป็นใคร ก็แค่นักเลงบ้านนอกที่คิดว่าตัวเองใหญ่ซะเต็มประดา เก่งแต่อวดเบ่งกับชาว ไร่ชาวนา แต่ถ้าเทียบกับคนมีการศึกษาในพระนครแล้วล่ะก็ แกมันก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้กระจอกคนหนึ่ง”
“นังแรม”
วีระเงื้อมือจะตบแรม แต่ประจวบเข้าไปคว้าข้อมือลูกชายขัดเอาไว้แล้วกระซิบเตือน
“ใจเย็น ท่าทางนังนี่จะไม่ธรรมดา ดูมันมีความรู้มีการศึกษาอยู่ ถ้ามันไม่มั่นใจมันคงไม่กล้าท้าทายเอ็ง”
“มันก็แค่ผู้หญิงเท่านั้นแหละพ่อ”
ประจวบบีบมือแรงและพยักหน้าจริงจังให้วีระลดความโกรธลง แรมเลยได้โอกาส
“ที่พ่อเอ็งเตือนมาน่ะถูกแล้วไอ้วีระ ฉันมาเป็นพยานให้ไอ้ลอว่ามันไม่ได้เป็นมือเพลิงเผาโกดังข้าวของพวกเอ็ง เพราะเมื่อวานนี้ไอ้ลอช่วยชีวิตฉันเอาไว้จากพวกนักเลงในอำเภอ”
“ใช่ พี่แรมอยู่กับพี่ลอตลอดทั้งวัน เพราะฉะนั้นเอ็งจะมาเอาตัวพี่ลอไปไม่ได้” เพื่อนช่วยพูด
“นังหนู พูดลอยๆ ไม่มีหลักฐาน พวกข้าจะเชื่อได้ยังไง”
แพงเสนอหน้า ตอกกลับประจวบ
“ก็แล้วไหนล่ะหลักฐานที่พวกเอ็งมั่นใจว่าพี่ลอเป็นมือเพลิง”
วีระชี้ไปที่แขนลอ
“แผลที่แขนไอ้ลอนั่นไง ข้าเป็นคนฟันมันกับมือ”
“ไม่ใช่ แผลนั่น เป็นแผลที่ไอ้ลอช่วยฉันเอาไว้ต่างหาก แล้วนี่ก็ตั๋วรถไฟที่ฉันนั่งมาจากพระนคร เพื่อยืนยันว่าฉันไม่ได้โกหกเรื่องนี้ ฉันจะไปเป็นพยานให้ไอ้ลอ ยังไงเจ้าหน้าที่ก็คงต้องฟังคำพูดคนที่มีการศึกษา จบมาจากพระนครแน่”
วีระฮึดฮัด
“ข้าไม่สนใจหรอกเว้ยว่าพวกเอ็งจะเอาใครมาช่วยไอ้ลอ ยังไงข้าก็ต้องลากคอมันไปจัดการให้ได้”
วีระไม่ฟังใครทั้งนั้น จนเสียงสมภารบุญดังขึ้น
“ถ้าเอ็งยังดื้อดึงทำแบบนั้นก็เท่ากับเอ็งนั่นแหละที่ไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง คิดจะใช้ศาลเตี้ยตามอำเภอใจตัวเอง”
“สมภาร ยุ่งเรื่องของชาวบ้านอีกแล้ว พระอยู่ส่วนพระเว้ย”
“นี่มันยุคเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วนะไอ้วี ถ้าเอ็งอยากขัดคำสั่งของคณะราษฎร ทำตัวใหญ่กว่ากฏหมายใหม่ ก็ลองดูว่าเงินพ่อเอ็งจะช่วยเอ็งได้จริงรึเปล่า”
ประจวบชะงักแล้วรีบสะกิดลูกชาย
“พอได้แล้วไอ้วี อย่าให้มันเป็นเรื่องบานปลาย”
“พ่อ”
ประจวบไม่สนใจท่าทางฮึดฮัดของลูกชาย หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องปล่อยลอ
“โชคดีของเอ็งนะไอ้ลอ ถ้าไม่มีคนมาเป็นพยานให้เอ็งล่ะก็ เอ็งไม่ตายดีแน่ กลับ”
ประจวบหันไปกระชากแขนพาวีระไปขึ้นเรือพร้อมกับลูกน้อง ลอถูกปล่อยตัว แพงดีใจจะเข้าไปหาลอ แต่ก็ช้ากว่าเพื่อนที่น้ำตาคลอโผเข้าหาลอแล้วสวมกอดอย่างตื้นตัน
“พี่ลอ พี่ลอจ๋า เป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงพี่เหลือเกิน”
“แม่เพื่อน”
ลอสวมกอดเพื่อนเอาไว้แน่น ทำให้แพงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนเดินคอตกออกไป
แพงหลบมายืนทำใจใต้ต้นไม้ใหญ่ในบริเวณลานวัด น้ำตาเอ่อ สักพักหนึ่งแก้วกับด้วงตามมาเจอ
“อีแพง เอ็งหลบมาทำอะไรตรงนี้วะ”
แพงชะงัก รีบปาดน้ำตา
“เปล่า ไม่มีอะไร”
แก้วกับด้วงสงสัยขยับเข้ามาใกล้ๆ จนเห็นกับตาว่าแพงแอบหลบมาร้องไห้ ด้วงตกใจ
“หา อีแพงร้องไห้ ให้ฟ้าผ่าตายเถอะวะ นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย อีแพงร้องไห้”
“ไอ้ด้วง ข้าไม่ได้ร้องไห้เว้ย”
“แล้วน้ำตาเอ็งมาจากไหน อย่ามาตอแหลว่าฝุ่นเข้าตานะเว้ย แถวนี้ไม่มีโรงลิเก”
“นั่นสิ เอ็งร้องไห้ทำไม เป็นอะไรบอกพวกข้าสิวะ พวกข้าเป็นเพื่อนรักเอ็งนะ”
“ข้า ข้าก็แค่ แค่ ดีใจ ดีใจที่พี่ลอไม่โดนพวกนั้นลากไปฆ่าทิ้ง”
“แค่นั้นเองเหรออีแพง” แก้วย้ำถาม
“ก็ ก็เออสิวะ ทำไม คนอย่างอีแพงจะมีเรื่องให้ดีใจจนน้ำตาไหลไม่ได้เหรอไง”
“ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ แต่ผิดปกติของอีแพง อีตัวแสบแห่งทุ่งบ้านสร้าง”
“พอเลย เอ็งกับไอ้ด้วงไม่ต้องมาหาเรื่องหลอกด่าข้า ข้ายังไม่ได้เล่นงานพวกเอ็งเลยที่ ดันทะลึ่งไปพาหลวงพ่อมาเมื่อกี้”
“เอ็งจะมาเล่นงานพวกข้าได้ไงวะ พวกข้าอุตส่าห์ช่วย แต่แผนของเอ็งนี่สุดยอดกว่าว่ะ อีแพง ไม่นึกเลยว่าเอ็งจะไปชวนลูกสาวครูแสงมาช่วยโกหกด้วย”
“มันไม่ใช่แผนข้าเว้ย พี่เพื่อนต่างหากที่ไปขอร้องให้พี่แรมมาช่วยโกหก แต่พวกเอ็งดัน ทะลึ่งไปตามหลวงพ่อมาช่วยอีก ทีนี้ข้า พี่เพื่อนแล้วก็พี่ลอเลยต้องบาปหนาผิดศีลมุสาต่อหน้าพระ”
“ไม่ดีเหรอไงวะอีแพง เวลาตกนรก เอ็งกับพี่สาวแล้วก็ไอ้ลอจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน คราวนี้ได้ชวนกันจูงมือไปอยู่ในนรกขุมเดียวกันอีกไง ฮ่าๆๆ”
“ไอ้ด้วง”
แพงโมโห ยกเท้าถีบด้วงทันที
เพื่อนช่วยพยุงลอเข้ามาหาผาด หลังจากก้อนกับผาดพาพิศกลับมาบ้าน แต่พิศนอนพักรักษาอาการเจ็บตัวอยู่ข้างบนบ้าน
“ฉันต้องกราบขอโทษอาผู้ใหญ่ด้วยนะจ๊ะที่เป็นต้นเหตุให้ต้องเดือดร้อนเจ็บเนื้อเจ็บตัวกัน”
ลอก้มลงกราบอย่างสำนึกผิด
“เอ็งมันทำบุญมาดีไอ้ลอ เกือบจะถูกพวกมันลากไปฆ่าทิ้งอยู่รอมร่อ แต่ความดีที่เอ็ง ไปช่วยเหลือนังแรมเอาไว้เลยทำให้เอ็งไม่ถูกเข้าใจผิด”
“ต้องเรียกว่าพ่อมันสอนมาดีมากกว่าผู้ใหญ่ ไอ้ลอถึงไม่ผิดคำสาบานที่ให้ไว้กับพ่อมันก่อนตาย ซ้ำยังมานะเป็นคนดี ความดีถึงปกป้องเอ็งไงไอ้ลอ” แสงชื่นชม
ลอชะงัก
“เอ่อคือ ความจริงแล้วฉันไม่ได้”
แรมขัดขึ้นทันที
“พ่อจ๊ะ ฉันว่าไหนๆ ก็หมดเรื่องหมดราวกันแล้ว กลับบ้านเรากันเถอะจ้ะ ฉันมีของฝากจากพระนครมาให้พ่อกับไอ้เรืองเยอะแยะ”
“จริงเหรอพี่แรม งั้นรีบกลับกันเถอะ”
“ไอ้เรือง เอ็งนี่มันเห็นแก่ของฝากจริงๆ นังเพื่อน ไว้ข้าจะมาเยี่ยมพ่อเอ็งวันหลังแล้วกันนะ ให้มันพักผ่อนให้หายช้ำในไปก่อน”
“จ้ะครู”
แรมเข้ามาจับมือเพื่อนแล้วบีบเบาๆ สบตาอย่างมีเลศนัยที่รู้กันสองคน
“แวะไปหาข้าที่บ้านก็ได้นะนังเพื่อน เอ็งกับข้าคงมีเรื่องต้องคุยกันสนุกแน่ ขอบใจมากนะไอ้ลอ”
แรมพากันออกไปพร้อมกับแสงและเรือง ผาดเข้ามาตบบ่าลอ จะกลับด้วยอีกคน
“ที่ครูแสงพูดถูกแล้วล่ะไอ้ลอ เป็นลูกผู้ชายถ้ายึดมั่นคำสัญญาไม่ได้ก็ไปเอาผ้าถุงมานุ่งซะดีกว่า อย่าให้วิญญาณพ่อเอ็งต้องเสียใจเหมือนที่เคยเสียใจกับการกระทำตัวเอง”
“ครู คือ”
เพื่อนรีบดึงลอไว้ไม่ให้พูด
“ขอบใจผู้ใหญ่มากนะจ๊ะที่ช่วยดูแลพ่อให้”
“ไม่เป็นไรหรอกนังเพื่อน”
ผาดบอกแล้วเดินออกไป ก้อนหันมาตบบ่าลอ
“เอ็งอาจจะหนักใจที่ต้องโกหก แต่พูดแล้วมีแต่จะทำให้แย่ไปกว่าเดิม คนที่เอ็งรักทุกคนต้องเดือดร้อน คิดเอาเองแล้วกันนะไอ้ลอ”
ก้อนบอกแล้วตามผาดไปอีกคน ทิ้งให้ลอหนักใจครุ่นคิด เพื่อนอดเป็นห่วงไม่ได้
“พี่ลอ”
ลอเดินออกไปเงียบๆ
อ่านต่อตอนที่ 3