สื่อริษยา ตอนที่ 15 อวสาน
เช้าวันนี้ ครอบครัวหิรัญกุลออกมารอรับตำรวจในโถงบ้านพร้อมหน้า สักครู่สาวใช้พาตำรวจเข้ามาในนั้น ดาวยืนหลบๆ หลังภาสกร ประสาวัวสันหลังหวะ
“คดีมีความคืบอะไรครับ” โอภาสถามขึ้น
“พบรอยนิ้วมือคุณศรัณบนขอบระเบียงคอนโด คาดว่าผู้ตายเกาะขอบระเบียง ก่อนตกลงไป”
ภาสุรีเหลียวขวับไปจ้องดาว “ไหนเธอว่าแฟนเก่ากระโดดลงไป แล้วมีรอยนิ้วมือบนขอบระเบียงได้ยังไง”
วิไลลักษณ์คาดคั้น “ความจริงคืออะไรกันแน่ดาว พูดมาซิ”
ดาวโดนทุกสายตาจ้องเค้นเอาคำตอบ แม้แต่ภาสกรก็อยากรู้ความจริง
“ต้องโทษแพร แพรหาว่าดาวฆ่าพี่ศรัณ ถ้าดาวเล่าความจริง ทุกคนก็ต้องเคลือบแคลงสงสัยดาว”
“ดาว คุณไม่ได้ทำผิด ก็ไม่มีใครกล่าวหาคุณได้” ภาสกรว่า
“พี่ศรัณจะฆ่าตัวตายจริงๆ ค่ะ แต่พอปีนขอบระเบียงขึ้นไป พี่ศรัณก็เปลี่ยนใจ”
แววตาดาวรำลึกจดจำเหตุการณ์วันนั้น
ดาวเล่าว่า ศรัณปีนระเบียงคอนโดจะฆ่าตัวตาย พอขึ้นไปยืนบนระเบียงแล้วเกิดเปลี่ยนใจ
“พี่ศรัณปีนลงจากขอบระเบียงเสียหลัก พลัดตกลงไป”
ศรัณพลัดตกสองมือคว้าขอบระเบียงไว้ได้
“ดาว ดึงพี่ขึ้นไปที”
“ดาวรีบไปช่วยพี่ศรัณ พยายามดึงขึ้นมา แต่ไม่ไหว พี่ศรัณตกลงไป”
ดาวบอกว่าตนไม่มีแรงดึงศรัณขึ้นมา สุดท้ายศรัณตกลงไปตายข้างล่าง
ทุกคนฟังคำอธิบายของดาวแล้ว ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ มองดาวอย่างข้องใจ ดาวพูดกลับไปกลับมา
ดาวอ่านสายตาทุกคนออก “เห็นมั้ยคะ พอดาวบอกความจริง ทุกคนก็ไม่เชื่อ คุณภาส ดาวเป็นเมียคุณ คุณต้องเชื่อดาวนะคะ”
ภาสกรกระอักกระอ่วนใจ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดาวพูดจาไม่น่าเชื่อถือ แต่หล่อนเป็นเมีย และกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่
ภาสกรบอกตำรวจว่า “ผมจะโทร.หาทนาย” พลางหันมองดาว ยังไงก็ต้องปกป้องแม่ของลูก
อีกฟาก แม่ศรัณในชุดดำหน้าระทมทุกข์ออกมาหน้าบ้านจะไปวัด สายตาเห็นรถลูกชายแล่นมาจอด
“ศรัณกลับมาหาแม่”
ศรัณลงจากรถ หิ้วถุงปลาหมึกทรงเครื่อง ยิ้มแฉ่งให้แม่
“ปลาหมึกทรงเครื่องที่แม่อยากกินครับ”
แม่วิ่งไปกอดลูกชาย ร้องไห้โฮ
“ป้าครับ” เสียงคนถูกกอดเอ่ยขึ้น
ไม่ใช่ศรัณนี่ แม่มองคนที่กอดอยู่ ที่แท้คือหลานชายที่มาช่วยงานศพ พ่อศรัณออกมามองหลาน
“ขอบใจมาก ไปขับรถศรัณจากกรุงเทพฯ มาให้”
“ตาฝาด นึกว่าลูกกลับบ้าน”
แม่ร้องไห้ พ่อกอดไว้ ปลอบใจกันและกัน
ดาวนอนเจ็บแผลผ่าตัด พอประตูเปิด ดาวรีบเก็บอาการ เป็นภาสกรเดินเข้ามาหาดาว
“ตำรวจเพิ่งคุยกับทนายเสร็จ กลับไปเมื่อกี้ คุณต้องไปให้ปากคำที่โรงพักใหม่”
“ได้ค่ะ คุณภาสเชื่อดาวใช่มั้ยคะ”
ภาสกรไม่ตอบ ดาวดูออกว่าภาสกรเคลือบแคลงใจ และสงสัยในตัวหล่อน
“ผมลงไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ก่อน” ภาสกรออกไปเลย
สายจากสมพรโทร.มาพอดี ดาวกดรับสาย
“แม่พี่ศรัณด่าแม่อีกหรือเปล่า”
สมพรโทร.จากบ้านที่สมุทรสงคราม
“ไม่ได้เจอใครเลย แม่ไม่กล้าออกไปไหน ชาวบ้านเกลียดแม่”
“ไอ้พวกศาลเตี้ย ชอบตัดสินใจคนอื่น ไอ้พวกโง่” ดาวแค้น
“อยู่โรงพยาบาลหรือเปล่าลูก วันนี้พยาบาลนัดดาวไปดูแผลผ่าตัด”
“ช่างแผลมันเถอะแม่ ตอนเนี้ยคุณภาสสงสัยดาว ดาวเสียใจ”
“ใครจะมองลูกยังไงก็ช่างเค้า แม่เชื่อดาว ลูกแม่เป็นคนดี ไม่ทำร้ายใคร”
“ดาวแทบบ้าตายแล้วแม่”
“อดทนไว้ลูก ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ”
ดาวถูกบีบคั้น กดดันหนัก ร้องไห้ระบายกับแม่ทางโทรศัพท์
ภาสกรหลบมาใช้ความคิดอยู่เงียบๆ ใคร่ครวญถึงสาเหตุการตายของศรัณ คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“พบรอยนิ้วมือคุณศรัณบนขอบระเบียงคอนโด คาดว่าผู้ตายเกาะขอบระเบียง ก่อนตกลงไป”
“ไหนเธอว่าแฟนเก่ากระโดดลงไป แล้วมีรอยนิ้วมือบนขอบระเบียงได้ยังไง”
“พี่ศรัณจะฆ่าตัวตายจริงๆ ค่ะ แต่พอปีนขอบระเบียงขึ้นไป พี่ศรัณก็เปลี่ยนใจ”
ภาสกรไม่พร้อมยอมรับความจริง แม่ของลูกตน อาจเป็นฆาตกร
ภานุเดินเข้ามาหาพี่ชาย
“หลักฐานใหม่ รอยนิ้วมือพี่ศรัณบนขอบระเบียง ทำเอาผมเป๋เลยครับ พี่ศรัณอาจไม่ได้ฆ่าตัวตาย อาจเป็น...ฝีมือดาว”
น้องชายมาออกความเห็นจี้จุดอีก ภาสกรลุกหนีไปเลย ไม่อยากคุย
ภานุเข้าใจพี่ชาย “แม่ของลูกถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย เป็นผมก็รับไม่ได้”
ตกกลางคืนภาสกรเหลียวมองดาวที่หลับอยู่บนเตียง ค่ำคืนนี้ชายหนุ่มข่มตาไม่ลง หากผู้หญิงที่อุ้มท้องลูกเขาเป็นฆาตกรล่ะ อนาคตลูกเขาจะเป็นยังไง
“เพื่อลูก ผมจะช่วยคุณให้ถึงที่สุด แต่ถ้าหลักฐานบอกคุณทำจริง คุณก็ต้องติดคุก...พ่อขอโทษนะลูก ถ้าลูกต้องเกิดในคุก”
ภาสกรมีสีหน้าเจ็บปวดเหลือแสน นึกสงสารลูกที่กำลังจะเกิดมา
หลายวันผ่านไป
เย็นนี้เป็นวันฌาปนกิจศพศรัณ แขกขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์กันเกือบหมดแล้ว ปัญชลี ภาสกร ภานุ
แพรพรรณ และเก้ขึ้นไปวางเป็นชุดสุดท้าย ทุกคนเศร้าสลด โดยเฉพาะแพรพรรณน้ำตากลบตา
พอแขกชุดสุดท้ายลงจากเมรุ สัปเหร่อวัดก็เตรียมเอาโลงเข้าเตาเผา
“ครอบครัวญาติพี่น้องมาดูหน้าครั้งสุดท้ายครับ”
พ่อ แม่ และญาติพี่น้องศรัณมารุมล้อมโลงศพ ดูหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย สัปเหร่อเปิดฝาโลง แม่ปล่อยโฮ ใจจะขาดรอนๆ
พวกปัญชลีเห็นแม่ศรัณร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วจะร้องไห้ตาม
“เห็นถึงหัวอกคนเป็นแม่เลย”
“ไม่ไปลาพี่ศรัณเหรอแพร” ภานุเอ่ยขึ้น
“ขอเก็บภาพความทรงจำดีๆ ไว้ดีกว่า”
“ตำรวจเจอรอยนิ้วมือพี่ศรัณบนขอบระเบียงคอนโด” ภานุบอก
“ภาบอกพวกพี่แล้ว” ปัญชลีว่า
ภาสกรเอ่ยขึ้น “รอยนิ้วมือไม่ได้พิสูจน์ ดาวผลักคุณศรัณตกคอนโด”
แพรพรรณทนไม่ได้ ตรงไปต่อว่าภาสกรซึ่งๆ หน้า
“คดีขึ้นศาลเมื่อไหร่ คุณภาสกรใช้อำนาจเงิน ใช้อิทธิพลในวงการสื่อ ช่วยดาวพ้นผิด แพรจะแฉ! เอาให้เสื่อมเสียวงศ์ตระกูลไปเลย”
เก้ตกใจรีบไปดึงแพรกลับมา “ชักจะแรงไปแล้วนะแพร พี่ภาสไม่ใช่มาเฟีย”
ภาสกรตัดบท ไม่อยากมีเรื่อง “ผมกลับก่อนนะลี”
จากนั้นภาสกรเดินนำไปก่อน ภานุมองแพรพรรณที่เพิ่งอาละวาดใส่พี่ชายตน แววตาของเขาอ่อนลง ไม่แข็งกร้าวเชื่อมั่นในความคิดตัวเองเหมือนก่อน เพราะเริ่มคล้อยตามแพรพรรณไม่น้อย
แพรพรรณจ้องตาภานุดูออก “นายเชื่อชั้น พี่ศรัณไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
ภานุไม่ตอบ เดินตามพี่ชายไปขึ้นรถ
แขกกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่ญาติ ๆ พ่อแม่ศรัณซึมเศร้า มองเมรุเผาศพ ร่างลูกชายคนเดียวกำลังมอดไหม้อยู่บนนั้น แพรพรรณอยู่ข้างแม่ศรัณ สงสารจับจิต
ปัญชลีกับเก้มาหาแพรพรรณ
“กลับกันได้แล้วแพร” เก้ว่า
“แพรจะอยู่ทำบุญกระดูกพี่ศรัณพรุ่งนี้ค่ะ แม่คะ แพรขอค้างบ้านแม่นะคะ”
แม่พยักหน้าอนุญาตจับมือแพรพรรณ ซึ่งใจที่คอยอยู่ร่วมทุกข์
“ลีไปนะคะคุณพ่อคุณแม่”
“ผมลานะครับ แล้วจะมาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่”
“ขอบคุณนะครับที่มา”
ปัญชลีกับเก้ หยุดแหงนมองปล่องเมรุอีกครั้งท่าทางหดหู่ใจมาก ควันสีดำลอยอ้อยอิ่งสลายไปในอากาศ
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ ค่อยๆ เคลื่อนตัวตกในทะเล ท้องฟ้ามืดลงอย่างช้าๆ เหมือนชีวิตหนึ่งได้ดับสูญไป
เช้าวันถัดมาแพรพรรณกับพ่อและแม่ศรัณออกจากบ้านแต่เช้า จะไปเก็บอัฐิศรัณที่วัด แพรพรรณถือรูปศรัณ แม่ถือกระถางธูป
“เอารถลูกไปนะแม่ ให้ลูกนั่งรถตัวเองกลับบ้าน”
พ่อเปิดรถศรัณ แพรพรรณเห็นหนังสือบทสวดมนต์สำหรับคนเตรียมตัวจะบวชก็แปลกใจ จนแม่บอกว่า
“ของศรัณน่ะลูก ศรัณกำลังจะบวช”
แพรพรรณสนใจ “พี่ศรัณจะบวช”
“จำที่พ่อพูด ตอนเอาของฝากไปให้ที่รีสอร์ตได้มั้ย พ่อบอกว่า ศรัณทำเรื่องดราม่า น้ำตาท่วมบ้าน”
พ่อเล่าถึงเหตุการณ์หลายอาทิตย์ก่อน ช่วงที่แม่ศรัณยังโกรธลูกชายอยู่ ลูกเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าแม่ ขณะพ่อแม่กำลังนั่งคุยกัน จู่ๆ ศรัณยกกะละมังใบย่อมใส่น้ำ พร้อมผ้าขนหนูเข้ามาหา
พ่อมองฉงน “อะไรน่ะลูก
ศรัณเช็ดเท้าพ่อแม่อย่างเบามือ ทะนุถนอม พ่อแม่ฉงนสนเท่พฤติกรรมลูกชาย พอเช็ดเท้าพ่อแม่เสร็จ ศรัณก็พนมมือไหว้ขอขมาพ่อแม่
“หากผมกระทำการประมาทพลาดพลั้ง ให้พ่อกับแม่เป็นทุกข์ ไม่ว่าจะด้วยวจีกรรม กายกรรม มโนกรรม ขอพ่อกับแม่อโหสิกรรมให้ลูกชายคนนี้ ต่อไปลูกจะสำรวมกายวาจาใจ ไม่ทำสิ่งใดให้พ่อแม่ทุกข์ใจอีก”
ศรัณก้มกราบเท้าพ่อแม่
“พ่อไม่เคยโกรธลูกเลยลูก”
ศรัณเอ่ยขึ้น “พ่อครับ แม่ครับ ผมจะบวช”
พ่อตื่นเต้น “พูดจริงนะลูก”
“แม่เคยขอให้ผมบวชหลายครั้ง ผมดื้อ ไม่ยอมบวช แม่ครับ ผมจะบวชให้พ่อกับแม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์”
แม่มองปลื้มปีติ ให้อภัยลูกชายสิ้น ก้มลงกอดลูกเต็มรัก พ่อขอกอดด้วย สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันกลม ร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง
หลังจากวันนั้น ศรัณกับแม่มาเลือกซื้อจีวร เครื่องอัฐบริขาร แม่เลือกร่มสำหรับพระ
“หน้าฝนค่อยซื้อครับแม่”
“เผื่อญาติโยมนิมนต์ไปสวดตอนเที่ยง แดดร้อนเปรี้ยง ลูกชายสุดหล่อของแม่ก็ดำเมี่ยม หมดหล่อสิลูก”
“เป็นพระ ต้องไม่ห่วงหล่อครับ”
“แม่อยากซื้อให้ลูกอ่ะ”
ศรัณยิ้มตามใจ ทำหน้าที่เดินตามคอยช่วยแม่ถือของ
แพรพรรณรับฟังอย่างสนใจ ซักถามเรื่องศรัณจะบวช
“พี่ศรัณจะบวชเมื่อไหร่คะ”
“วันที่ 24 เดือนหน้า หลวงพ่อท่านให้ฤกษ์มา”
“วันที่ศรัณตาย นัดหลวงพ่อไว้ จะไปคุยเรื่องพระอุปัชฌาย์” แม่เสริม
“คนจะบวช ไม่ฆ่าตัวตายแน่นอน” แพรพรรณพึมพำแล้วกดโทรศัพท์โทร.ออก ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พี่ลีคะ แพรมีเรื่องให้ช่วยค่ะ”
ปัญชลีวางจีวรที่แพรพรรณนำมาจากบ้านศรัณ ลงบนโต๊ะทำงานภาสกร
“ถ้าชีวิตไม่ดับสูญ นี่คือสิ่งที่ควรห่อหุ้มร่างศรัณ ไม่ใช่โลงศพ ศรัณกำลังจะบวช”
“น่าสงสารมาก มาตายก่อนบวช” ภาสุรีหน้าเศร้า
“ภาสคะ ก่อนหน้านี้ลีไม่ปักใจเชื่อว่าดาวฆ่าศรัณ จนมารู้ว่าศรัณจะบวชเดือนหน้า ลีก็ชัดเจน ศรัณตัดใจจากดาวได้แล้ว ไม่ได้นัดดาวไปขอคืนดี อย่างที่ดาวให้การกับตำรวจ ดาวโกหก ศรัณไม่ได้ฆ่าตัวตายหนีปัญหาความรัก”
“ผมมองพี่ศรัณผิดไป” ภานุหน้าสลดลง
แพรพรรณเสริม “ลูกใครๆ ก็รัก คุณภาสกรห่วงลูกตัวเองในท้องดาว แล้วพ่อแม่พี่ศรัณล่ะคะ เค้าไม่ห่วง ไม่รักลูกเค้าหรอ”
ปัญชลีแทรกขึ้น “พี่พูดเองแพร ดาวรักภาสมาก ภาสเกลี้ยกล่อมดาวให้สารภาพความจริงนะคะ วิญญาณดวงหนึ่งกำลังรอรับความเป็นธรรม ซึ่งภาสสามารถหยิบยื่นให้ได้”
ภาสกรนิ่งงันไป ขณะที่ทุกคนรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“กังวลเรื่องลูก พอดาวคลอดลูกในคุก พี่ภาสก็เอาลูกมาเลี้ยง บอกลูกว่าแม่ตายแล้วซีคะ” ภาสุรีว่า
“พี่ขออยู่คนเดียว”
เมื่อภาสกรไม่ยอมตอบ ทุกคนจึงถอยออกไป
พอประตูปิดลง ภาสกรแทบร้องไห้ออกมา เขาเชื่อปัญชลีกับแพรพรรณว่าดาวฆ่าศรัณ
อ่านต่อหน้า 2
สื่อริษยา ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
ทั้งหมดรวมตัวอยู่ในห้องทำงานภาสุรี ช่วยกันแชร์ความคิด หาแรงจูงใจ เหตุใดดาวจึงต้องฆ่าศรัณ
“เติมช่องว่างช่วงที่ดาวหายไปได้ เราก็รู้คำตอบ แรงจูงใจของดาวคืออะไร”
“ผมว่าต้องเกี่ยวกับอาการป่วย พี่ลีเห็นดาวปวดท้อง หรือ ดาวเป็นโรคร้ายแรงครับ” ภานุตั้งข้อสังเกต
“เอดส์หรอ ไม่น่าใช่ ดาวมีลูก” แพรพรรณใช้ความคิด
“พี่เคยสะกดรอยตามตุ่นไปถึงโรงพยาบาล คิดว่าดาวแอบมารักษาตัว เช็คกับโรงพยาบาล ไม่มีคนไข้ชื่อดารินกานต์ กิตติวงศ์”
“ที่บ้านก็โทร.เช็คทุกโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ครับ เลยไปถึงปริมณฑลด้วย ไม่เจอชื่อดาว”
“แพรเป็นเพื่อนดาว รู้จักดาวดีกว่าทุกคน ดาวโกหกเก่ง ฉลาดเป็นกรด ดาวต้องใช้ชื่อปลอมค่ะ”
ปัญชลีเห็นด้วย “เป็นไปได้”
“ไปตระเวนถามทุกโรงพยาบาล ดาวไปรักษาตัวมั้ย ดาวเคยดังอยู่พักนึง ต้องมีคนสะดุดตาบ้าง” ภาสุรีว่า
ปัญชลีพยักหน้า “เริ่มจากโรงพยาบาลที่ลีแอบตามตุ่นไปก่อนเลย”
พวกปัญชลียกพลมาถามข้อมูลดาวถึงโรงพยาบาล เวลานี้อยู่ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์บริเวณล็อบบี้
“เคยเห็นอดีตพิธีกรข่าวคนนี้มารักษาตัวมั้ยคะ”
ภานุเปิดรูปดาวในมือถือให้เจ้าหน้าที่ดู
“ไม่เคยเห็นเลยค่ะ” เจ้าหน้าที่บอก
“มีเจ้าหน้าที่คนอื่นพอสอบถามได้อีกมั้ยคะ คือผู้หญิงคนนี้เป็นสะใภ้บ้านดิชั้น อยู่ๆ ก็หายตัวไป” ภาสุรีบอก
“จะถามหัวหน้าพยาบาลให้ค่ะ” เจ้าหน้าที่โทร.ออกทันที
สักพัก หัวหน้าพยาบาลเดินเข้ามาหาพวกปัญชลี
“สวัสดีค่ะ ดิชั้นเป็นหัวหน้าพยาบาล” ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเป็นปัญชลี “คุณปัญชลีนี่นา ดิชั้นดูรายการ
คุณทุกเช้าเลยค่ะ”
ปัญชลียิ้มตอบ “อดีตพิธีกรร่วมดิชั้น คุณดารินกานต์ เคยมารักษาตัวที่นี่มั้ยคะ อาจใช้ชื่ออื่นใน
ระเบียนผู้ป่วย”
“ดิชั้นดูแลหวอดที่คุณดารินกานต์นอนพักฟื้นค่ะ เธอใช้ชื่อ ดาว กิตติวงศ์”
แพรพรรณสมใจ “แพรคิดไม่ผิด ดาวใช้ชื่อปลอม ดาวป่วยเป็นโรคอะไรคะ”
“ทางเราไม่สามารถเปิดเผยประวัติผู้ป่วยได้ค่ะ” หัวหน้าพยาบาลบอก
“ดาวเป็นฆาตกร ไม่ต้องปกป้องหรอกค่ะ”
“เค้าต้องทำตามจรรยาบรรณวิชาชีพน่ะแพร” ปัญชลีปราม
“นุ โทร.หาตำรวจ ถามว่าขอหมายค้นให้ได้มั้ย”
ภานุรีบโทร.หาตำรวจทันที
ถัดมาหัวหน้าพยาบาลส่งแฟ้มประวัติผู้ป่วยของดาวให้ตำรวจ ตำรวจเจ้าของคดีเปิดแฟ้มอ่าน ทุกคนรอฟัง อยากรู้ใจแทบขาด
แพรพรรณรอไม่ไหว “ดาวป่วยเป็นอะไรคะ”
“คุณดารินกานต์ถูกส่งตัวมาห้องฉุกเฉินด้วยอาการช็อก เลือดตกใน จากการท้องนอกมดลูก”
ปัญชลีตกใจ “ดาวท้องนอกมดลูก”
“หมอทำการผ่าตัดด่วน เอาเด็กออก เพื่อรักษาชีวิตแม่” ตำรวจเสริม
ภาสุรีคุมแค้นโกรธ “นี่ดาวหลอกพวกเราว่ายังท้อง”
“ก็ถ้าไม่หลอก พี่ภาสไม่แต่งด้วยสิครับ” ภานุแค้นไม่ต่างกัน
ปัญชลีมองเรื่องราวขาด
“ศรัณต้องบังเอิญไปรู้เรื่องนี้เข้า ดาวก็เลย ฆ่าปิดปากศรัณ”
หลังสืบจนรู้แน่ชัดว่าดาวท้องนอกมดลูก และผ่าเอาลูกออกแล้ว ปัญชลี แพรพรรณ ภาสุรี และ ภานุ ก็รีบรุดมาที่บ้านหิรัญกุล เพื่อแฉดาวต่อหน้าคนอื่นๆ
วิไลลักษณ์นั่งอยู่ในห้องโถงกับโอภาสมองฉงน “ยกโขยงมาทำอะไรกัน”
ภาสุรีหน้าตาโกรธขึ้งอยู่มาก “ดาวอยู่ไหนคะคุณแม่”
“บนห้องนอน”
“ผมเห็นพี่รถภาส”
“เมื่อกี๊ภาสกลับมาบ้าน พาดาวขึ้นห้อง ปิดประตูปัง ทะเลาะกันเสียงดัง ไม่รู้กินรังแตนมาจากไหน”
“ภาสต้องกำลังเค้นความจริงดาว” ปัญชลีว่า
แพรพรรณยิ้มดีใจ “คุณภาสกรเชื่อแพร”
ปัญชลีกับภาสุรีรีบขึ้นไปหาภาสกร
วิไลลักษณ์งง “เค้นความจริงอะไรตานุ ฮึ”
“คุณแม่ครับ หลานคุณแม่ในท้องดาว...อ่า...ไม่อยู่แล้วนะครับ ดาวผ่าเอาลูกออกแล้ว”
วิไลลักษณ์ กับ โอภาสตกใจ อุทานลั่น
“อะไรนะ”
ภาสกรทะเลาะกับดาวอย่างรุนแรง แต่เป็นตายอย่างไร ดาวก็ไม่สารภาพ
“คนจะบวช ไม่ฆ่าตัวตายหรอก คุณฆ่าคุณศรัณทำไม นึกถึงลูกของผมในท้องคุณบ้างมั้ย ลูกผมต้องมีแม่เป็นฆาตกร”
“ดาวเป็นแม่ของลูกคุณ คุณต้องปกป้องดาวสิคะ ไม่ใช่กล่าวหาดาวเหมือนคนอื่น”
“เปิดประตูค่ะพี่ภาส” เสียงเคาะประตูจากฝีมือภาสุรีดังระรัว
ภาสกรไปเปิดประตูให้ เห็นปัญชลีมาด้วย หน้าตาขึงขังทั้งคู่ ก็รู้ว่ามาเอาเรื่องดาว
“ให้พี่คุยกับดาวเอง”
ภาสุรีไม่ฟัง พุ่งไปหาดาว ตบหน้าดาวเปรี้ยงด้วยความแค้นใจ
“แค่นี้ยังน้อยนักเมื่อเทียบกับที่เธอทำกับพี่ชายชั้น ครอบครัวชั้น ไหน ขอดูแผลผ่าตัดที่ท้องหน่อยสิ”
“แผลผ่าตัดอะไรคะ” ดาวไขสือ ทำเป็นไม่เข้าใจ
ภาสุรีจ้องหน้าดาวอย่างชิงชัง ผู้หญิงคนนี้ต้องแฉด้วยหลักฐานจะๆ ถึงยอมสารภาพ ภาสุรีพยายามจะเลิกชายเสื้อดูแผลผ่าตัดที่ท้อง แต่ดาวขัดขืนไม่ยอมให้เลิกชายเสื้อขึ้น
“คุณภาสช่วยด้วยค่ะ น้องสาวคุณหาเรื่องดาว”
ภาสกรขยับจะช่วยดาว ปัญชลียกมือห้ามไว้ก่อน แล้วเข้าไปช่วยภาสุรี และพยายามจะเลิกชายเสื้อดาวขึ้น
เมื่อโดน 2 รุม 1 ดาวสู้แรงไม่ไหว ภาสุรีเลิกชายเสื้อดาวขึ้นจนได้ พบว่ามีผ้าก็อชแผ่นใหญ่ปิดตรงท้อง มีรอยเลือดซึมเลอะผ้าก็อชเป็นปื้น
“แผลผ่าตัดเธอปริแน่ะ” ปัญชลีเย้ย
ดาวหน้าซีดเผือด ความลับแตกแล้ว
“พี่ภาสคะ พวกเราเพิ่งมาจากโรงพยาบาล ที่ดาวหายตัวไปหลายวัน แอบไปผ่าตัด ดาวท้องนอกมดลูก ผ่าเอาลูกออกแล้ว ตอนนี้ประวัติรักษาดาวอยู่ที่ตำรวจ”
ภาสกรจ้องหน้าดาว ทั้งโกรธ เสียใจ และเจ็บปวด ความรู้สึกปะดังปะเด เขาทนดูหน้าผู้หญิงใจชั่วคนนี้ไม่ได้ ผลุนผลันออกไป
“คุณภาส” ดาวรีบตามไป
ภาสกรเดินหนีลงมาข้างล่าง ดาววิ่งตามมาขอโทษขอโพย
“ยกโทษให้ดาวนะคะ ดาวรักคุณมาก ถึงโกหกคุณ ดาวเสียคุณไปไม่ได้”
วิไลลักษณ์กับโอภาสรู้เรื่องท้องนอกมดลูกจากภานุแล้ว โกรธดาวมาก
“ดาว เธอมันยิ่งกว่าอสรพิษ ไปให้พ้นบ้านชั้น”
ปัญชลีกับภาสุรีตามลงมา เห็นดาวโผไปหาภาสกรที่เอาแต่เดินหนี อย่างรังเกียจและชิงชังผู้หญิงคนนี้มาก
ดาวร้องไห้ เสียใจจริงๆ “ลองเอาใจคุณภาส มาใส่ใจดาวซีคะ คนที่เรารัก ยอมแต่งงานกับเราเพราะลูก ถ้าเค้ารู้ว่าไม่มีลูกแล้ว เค้าก็ทิ้งเรา สงสารดาวบ้าง”
“ผมสงสารตัวเองที่เคยเผลอใจให้ผู้หญิงอย่างคุณ”
“ให้โอกาสดาวนะคะ ดาวจะทำทุกอย่าง ให้คุณภาสกลับมาชอบดาว แล้วดาวจะมีลูกให้คุณภาสหลายๆ คน”
“ลูกผมต้องไม่มีแม่เลวๆ แบบคุณ”
“อยากให้นังปัญชลีเป็นแม่ของลูกสินะคะ” ดาวเหลียวขวับมาถลึงตาใส่ปัญชลี
ระหว่างนี้คนใช้เปิดประตูรั้วให้ตำรวจเข้าบ้าน
เมื่ออ้อนวอนภาสกรไม่สำเร็จ ดาวก็หันมาพาลใส่ปัญชลี
“แกต้องเป็นตัวตั้งตัวตี สืบเรื่องชั้น แย่งผัวคืนจนได้นะนังสารเลว”
“ทุกคำที่เธอพูด สะท้อนถึงสันดานตัวเอง”
แพรพรรณคำราม “สันดานฆาตกร”
คนใช้พาตำรวจเข้าโถงมา ดาวเลิกลัก ลนลานกลัวตำรวจ
“ก่อนส่งตัวให้ตำรวจ ชั้นขอซักฉาดเหอะ” แพรพรรณขยับจะตบหน้าดาว
วิไลลักษณ์ห้ามไว้ “อย่าหนูแพร มือหนูจะสกปรก”
วิไลลักษณ์เดินเข้ามาตบดาวจนหน้าหัน
“เสียงตบเมื่อกี้ ถือเป็นเสียงปัดเป่าขับไล่เสนียดจัญไร เอาความเลวทรามต่ำช้าของเธอไปขังไว้ในคุก อย่าให้ออกมาทำร้ายทำลายใครอีก”
โอภาสก็เกินจะรับไหว “เอาตัวผู้หญิงคนนี้ไปเลยครับคุณตำรวจ”
“ดาวไม่ไป ดาวไม่ได้ทำอะไรผิด”
“คุณต้องไปให้ปากคำที่โรงพักครับ”
ดาววิ่งไปเกาะแขนภาสกรให้ช่วย ภาสุรีดึงดาวออกจากพี่ชาย ผลักจนล้มพลัก ดาวไม่ยอมจะเข้าไปหาภาสกรอีก
“พี่ชายผมไม่เกี่ยวข้องกับคุณแล้ว ไม่มีหน้าที่ปกป้องคุณ” ภานุมายืนขวางดาว ไม่ให้ไปใกล้พี่ชาย
ภาสกรมองดาวด้วยสายตาว่างเปล่า หมดสิ้นเยื่อใยกับผู้หญิงคนนี้แล้ว
ไม่มีใครช่วย หรือคอยอยู่เคียงข้างสักคน ดาวปล่อยโฮอย่างหมดความอาย
“เชิญไปโรงพักครับ” ตำรวจบอกอีก
“คุณภาส ดาวรักคุณนะคะ อย่าทิ้งดาว คุณภาส...คุณภาส”
ดาวถูกตำรวจคุมตัวพาออกไป ขณะยังตะโกนเรียกชื่อภาสกรไม่หยุดหย่อน
ตั้งแต่ถูกนำตัวมาโรงพักดาวยังไม่ได้ให้ปากคำ เอาแต่ร้องไห้ ทุกขเวทนากับชะตาชีวิตตัวเอง นายตำรวจเจ้าของคดีเข้ามาหว่านล้อมโน้มน้าวดีๆ
“พร้อมให้ปากคำหรือยังครับ เราได้ประวัติการรักษาของคุณมา คุณศรัณรู้เรื่องคุณท้องนอกมดลูกเมื่อไหร่ครับ”
ดาวสะอื้นไห้ “ดิชั้นยืนยันคำเดิม พี่ศรัณพลัดตกคอนโด ดิชั้นไม่ได้ผลัก”
ดาวโศกสลด ชีวิตพินทุ์พังไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ดาวซมซานกลับมาบ้านอย่างคนหมดอาลัยในชีวิต สมพรเห็นสภาพลูกสาวก็รีบมาประคองลูก
“จบแล้วแม่ ชีวิตดาวจบแล้ว คุณภาสทิ้งดาว ดาวไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”
“ดาวยังมีแม่นะลูก”
สมพรประคองลูกมานั่ง ดาวทิ้งตัวลงนอน หมดแรงกายแรงใจ ขณะล้มตัวลงเจ็บแผลแปลบ
สมพรเลิกชายเสื้อลูกดู เห็นเลือดแห้งซึมติดผ้าก๊อช “เลือดออก” แล้วรีบไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล“ผ่าตัดมาเป็นอาทิตย์ แผลไม่หายซะที แม่ทำแผลให้นะลูก”
สมพรแกะผ้าก็อชออก เห็นสภาพแผลแล้วต้องตกใจ เมื่อพบว่าแผลเริ่มอักเสบมีหนอง
“ตายแล้ว มีหนองด้วย ไม่ค่อยล้างแผลสิลูก”
สมพรเช็ดทำความสะอาดแผลให้ ดาวหน้าตาเหยเก เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ ปวดร้าวทรมานเหลือแสน
เช้าตรู่วันนี้ ครอบครัวหิรัญกุลร่วมกันทำบุญใส่บาตร ให้ลูกภาสกรที่ตายไป ภาสกรเศร้ากว่าใครอื่น
“ภาส คิดซะว่าเรากับเด็กคนนั้นทำบุญร่วมกันมาแค่นี้”
“กลับมาเกิดเป็นลูกพ่ออีกนะ พ่อจะรอวันที่เราได้พบกัน”
ภาสกรเดินซึมเข้าบ้านไป พ่อแม่ และน้องๆ สงสารมาก
“โลกเรานี่ก็แปลก คนไม่อยากมีลูก มีกันให้โครม ๆ พี่ภาสอยากมีลูกมาก แต่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกด้วยซ้ำ” ภาสุรีครวญ
“วันนี้วันหยุด ไปเที่ยวทะเลกันมั้ยครับ พี่ภาสจะได้หายเศร้า” ภานุว่า
“พ่อกลัวจะเปลี่ยนที่เศร้าน่ะซี่”
วิไลลักษณ์คิดแผนชุบชีวิตลูกชายคนโต มีคนๆ หนึ่งจะช่วยให้ภาสกรยิ้มได้
ตอนสาย วิไลลักษณ์รับดอกไม้ที่คนใช้ตัดมาปักจัดใส่แจกัน ในห้องโถงเต็มไปด้วยแจกันดอกไม้หลากสี โอภาสยิ้ม มองรู้ทันว่าภรรยามีแผน
สักครู่ปัญชลียิ้มเบิกบานเข้ามา
“แปลงบ้านเป็นสวนดอกไม้เหรอคะคุณแม่”
“มาๆ ลูก มาช่วยแม่จัดดอกไม้ ว้า...โอเอซีสไม่พอ ลีไปซื้อให้แม่ทีสิลูก ร้านดอกไม้ใน AVENUE แถวบ้านเรามีขาย”
ภาสกรเดินมาหาปัญชลี “ผมเห็นรถลี”
“ภาสขับรถพาลีไปซื้อโอเอซีส วันนี้วันหยุด จะเลยไปกินข้าวดูหนังกันก็ได้นะลูก”
วิไลลักษณ์ทำฟอร์มเอาแจกันดอกไม้ไปเดินหามุมตั้ง จัดการให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนเก่าแล้ว หมดหน้าที่ก็เดินหายไป
ปัญชลีงงกับวิไลลักษณ์ “คุณแม่โทร.ชวนลีมากินข้าวบ้าน”
“ลีก็รู้ แม่เค้าเป็นคนเจ้าแผนการ” โอภาสเดินอมยิ้มตามภรรยาไป
ปัญชลียิ้ม คิดออกว่าคงแผนการวิไลลักษณ์ “อยากไปข้างนอกมั้ยคะภาส ลีตามใจภาส ไปไหนก็ได้”
“ช่วงนี้ผมไม่อยากไปไหน ใจนึกถึงแต่ลูกที่เสียไป” ภาสกรหน้าสลดลง
“มีจิตผูกพันกันแล้ว เค้าต้องกลับมาเกิดเป็นลูกภาสอีกค่ะ”
แม่ศรัณโทร.มาหาปัญชลีพอดี
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ว่างค่ะ เจอกันที่โรงพักนะคะ” ปัญชลีวางสาย บอกภาสกร “แม่ศรัณโทร.มาให้ลีไปช่วยคุยกับตำรวจ เรื่องคดีศรัณ”
เช้าตำรวจโทร.นัดพ่อ แม่ศรัณ มาฟังสรุปคดี ปัญชลีกับภาสกรมาฟังด้วย
“คดีนี้มีหลักฐานน้อยมาก ไม่มีพยานบุคคล วันเกิดเหตุ ข้างห้องไม่มีใครอยู่ วัตถุพยานก็ไม่บ่งชี้ มีการใช้กำลังในที่เกิดเหตุ รอยนิ้วมือผู้ตายบนขอบระเบียง บอกว่าผู้ตายเกาะระเบียง ก่อนตกลงไป ไม่ชี้ชัดว่าถูกผลัก”
แม่ศรัณผิดหวัง ท้วงขึ้น “ดาวพ้นผิดเหรอคะ”
“สำนวนอ่อนมาก ส่งให้อัยการก็โดนตีกลับครับ” นายตำรวจเจ้าของคดีบอก
ปัญชลีเอ่ยขึ้น “แล้วที่ดาวให้การกลับไปกลับมาล่ะคะ”
“พยานหลายคนให้การไม่เหมือนกับที่ให้ไว้ครั้งแรก อาจเกิดจากความสับสน หรือเพิ่งนึกออก”
พ่อครวญ “ลูกชายผมตายฟรี”
“คดียังไม่ปิดครับ ถ้าพบหลักฐานใหม่ ก็เปิดคดีสืบสวนใหม่ได้”
“โลกนี้ไม่ยุติธรรม คนดีตาย คนชั่วลอยนวล” แม่ศรัณตัดพ้อ
“ผมเองก็มีส่วนผิด ผมไม่ลองคบกับดาว ก็ไม่เกิดโศกนาฏกรรม”
แม่ศรัณดูเหมือนจะหายโกรธภาสกรแล้ว “หนูแพรเล่าว่า นังนั่นหลอกคุณ ทำลายชีวิตคุณซะ
ยับเยิน ขอโทษนะคะที่เคยว่าคุณ เรากลับบ้านกันเถอะพ่อ”
ปัญชลีสงสารพ่อแม่ศรัณจับใจ ลูกชายต้องตายฟรี เอาผิดอะไรดาวไม่ได้
อ่านต่อหน้า 3
สื่อริษยา ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
เมื่อพากันกลับมาถึงบ้าน พ่อแม่ศรัณจุดธูปไหว้บอกลูกชายที่เพิ่งตายจาก
“ศรัณลูก คนที่ฆ่าลูกไม่ติดคุก กฎหมายเอื้อมไม่ถึง แม่ขอให้กฎแห่งกรรมตามสนองมัน ไม่มีใครหนีหนี้กรรมพ้น”
แม่มองรูปถ่ายลูกชาย เห็นหน้าลูกแล้วคิดถึงจับหัวใจ น้ำตาคลอเบ้า
ผู้เป็นพ่อนึกถึงวันที่ลูกชายเตรียมตัวบวช
โดยวันนั้นพ่อเดินมาเห็นลูกคุกเข่าหัดท่องหนังสือบทสวดสำหรับพระบวชใหม่
“สังฆัมภันเต อุปะสัมปะทัง ยาจามิ...” ศรัณอ่านต่อเนื่องไป
พ่อมองแล้วยิ้มปลาบปลื้ม ลูกชายกำลังจะบวชให้
พ่อดึงตัวเองกลับมา พูดกับภาพศรัณ
“ก่อนตายลูกคิดจะบวชเรียน ได้สะสมบุญกุศล วิญญาณลูกต้องไปดี ทิ้งความเคียดแค้นไว้ในชาตินี้นะลูกนะ อโหสิกรรมให้ผู้หญิงคนนั้น ชาติหน้าได้ไม่เจอกันอีก”
พ่อปักธูปลงกระถาง ปลงใจได้ ไม่เคียดแค้นเป็นทุกข์เหมือนแม่
สมพรกลับจากสวน ขึ้นบ้านมาถอดหมวกคุยกับลูกสาว
“โชคดีมีคนมาซื้อผลไม้ถึงสวน พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดเกลียดแม่ ไม่ซื้อผลไม้สวนแม่”
ดาวนอนซมปวดแผลเป็นไข้สูง เหงื่อโทรมกาย
สมพรแตะตัวลูกแล้วตกใจ “ร้อนเป็นไฟเลย แม่จะเรียกรถพาดาวไปหาหมอ”
ดาวเพียงปรือตามอง ไม่มีเรี่ยวแรง
หมอตรวจอาการดาวแล้ว พบว่าดาวติดเชื้อในกระแสเลือด จึงให้ยาฆ่าเชื้อผ่านทางน้ำเกลือ ดาวนอนซมบนเตียง หน้าตาซีดเซียว แววตาเลื่อนลอย กายก็ป่วย ใจก็ป่วย
“ต้องเอาเชื้อไปเพาะ เพื่อดูว่าคนไข้ติดเชื้ออะไร ได้ให้ยาฆ่าเชื้อถูก ตอนนี้หมอให้ยาฆ่าเชื้อแบบครอบคลุมไปก่อนครับ” หมอบอกสมพร
“เชื้อโรคเข้าไปในเลือดลูกชั้นได้ยังไงจ๊ะ”
“แผลผ่าตัดคนไข้สกปรก มีอาการอักเสบ เชื้อโรคจากบาดแผล เข้าไปในร่างกายครับ พยายามให้คนไข้กินเยอะๆ นะครับ ร่างกายคนไข้อ่อนแอมาก”
“จ้ะหมอ”
หมอออกไป สมพรหันมามองดาวลูบผมอย่างรักใคร่
“อยากกินอะไรลูก แม่ไปซื้อให้”
ดาวส่ายหน้า ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น
ที่ช่องไทยเคเค ปัญชลีมาหาภาสกรที่สวนสวย ซื้อขนมของชอบมาให้ ชายหนุ่มนั่งเล่นอยู่
“เลขาภาสบอกว่าภาสอยู่นี่ ภาสไม่เคยมานั่งที่สวน”
“อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนมุมมอง ได้เห็นอะไรใหม่ๆ เผื่อชีวิตจะได้เริ่มต้นใหม่ซะที”
“ปล่อยวางได้ก็เป็นสุขค่ะภาส ลีซื้อขนมมาฝาก” ปัญชลีแกะกล่องขนมให้ภาสกรทาน
“ลีจำของโปรดผมได้”
ปัญชลีเย้า “คนอะไร หน้าฝรั่ง แต่ชอบขนมไทย”
ภาสกรหยอกตอบ “ลีก็หน้าไทย แต่ชอบขนมอบฝรั่ง”
สองคนหัวเราะกันเบาๆ ภาสกรหยิบขนมทานมือเลอะ ปัญชลีเอาทิชชู่เช็ดมือให้ภาสกร
ระหว่างนี้ ศินีนาฏเดินมาเห็นแฟนเก่าฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งกัน ศินีนาฏยิ้มย่อง จัดแจงแอบถ่ายคลิปภาสกรกับปัญชลี กินขนม คุยหัวเราะหัวใคร่ร่าเริงเบิกบาน ส่งไปให้ดาวดู
ดาวนอนซมอยู่บนเตียง หมอเพิ่งให้ยาฆ่าเชื้อผ่านทางน้ำเกลือ มีเสียงไลน์เข้ามือถือ
พอดูคลิปดาวแทบกระอักเลือด เจ็บถึงขั้วหัวใจ ศินีนาฏส่งคลิปภาสกรกับปัญชลีจู๋จี๋กันมาให้ดู
ศินีนาฏไม่หนำใจ โทร.มาอีก ดาวรับสาย พูดเสียงแผ่ว
“แกต้องการอะไรจากชั้น”
ศินีนาฏอยู่หน้าสวนช่องTHAI KK
“พูดดังหน่อยสิ หรือพูดดังแล้วแต่สัญญาณไม่ดี ในคุกสัญญาณอ่อน”
“อีปากเน่า ชั้นไม่ได้ติดคุก”
“อ๊าย... ฟินผุดๆ คุณภาสกุมมือลี”
ที่จริงภาสกรแค่นั่งกินขนมคุยกับปัญชลี ไม่ได้กุมมือถือแขน ศินีนาฏตอแหลให้ดาวฟัง ดาวนึกภาพตาม คุมแค้น หวงผัวเก่า!
“โอ...ว้าว ฝรั่งมักมาก คิสกันในสวน ไม่แคร์สายตาประชาชี”
ศินีนาฏตอแหลต่อ ดาวจุก เจ็บแค้นจนร้องไห้ออกมา
“กอสสิป วงในอินไซเดอร์ เลยนะยะ คุณภาสกับลีจะลั่นระฆังวิวาห์เดือนหน้า ชั้นจะถ่ายรูปการ์ดแต่งงาน ส่งไลน์ไปให้เธอน้า ตัวเธออดแต่ง ได้การ์ดแต่งงานเป็นรางวัลปลอบใจก็ยังดี ฮะๆๆๆๆ”
ศินีนาฏหัวเราะเยาะซ้ำเติมดาวจนสะใจจึงวางสาย
ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล แรงแค้นทำให้ดาวฮึด มีเรี่ยวแรงขึ้นมา ดาวยันกายลุกขึ้น ปวดแผลก็ทน กดโทรศัพท์หาตุ่น
“เจ๊มารับดาวที่สมุทรสงครามที ดาวจะไปกรุงเทพฯ”
ดาวแค้นสุดจะประมาณ
ไม่นานนัก ตุ่นขับรถจากกรุงเทพฯ บินมาหาที่สมุทรสงคราม เวลานี้ประคองดาวที่ป่วยหนักจะพามาขึ้นรถ
“ลากสังขารไปไหวมั้ยเนี่ย ไม่ใช่ตายในรถชั้นนะ”
ดาวเห็นสมพรหิ้วถุงของกินมา เพิ่งไปซื้อข้าวให้ลูก ดาวบอกตุ่นเสียงพร่า
“หลบก่อน อย่าให้แม่ดาวเห็น”
ตุ่นพาดาวหาที่หลบ สมพรจึงไม่เห็นลูกสาว
“ให้เจ๊ 5 หมื่นแน่นะ ค่าจ้างขับรถมารับถึงที่”
“เสร็จงาน จะกดเงินให้” ดาวหยิบบัตรเอทีเอ็มในกระเป๋าให้ตุ่นดู ตุ่นยึดบัตรนั้นมาเก็บไว้กับตัว เพื่อความชัวร์ว่าได้ตังค์แน่ แล้วประคองดาวไปที่รถ
“ลงทุนยืมรถผัวมาเลยนะเนี่ย”
ตุ่นขับรถพาดาวที่ป่วยหนักออกไป
ดาวซุ่มดักรอปัญชลีอยู่ในรถหน้าช่อง ตั้งแต่ค่ำจนดึก ตุ่นบ่นบ้า เซ็งสุดขีด
“ลุยมาถึงนี่ อยากตบนังปัญชลีก็บุกเข้าไปซัดเลยซี่ นั่งหดหัวในรถเป็นชั่วโมงแล้วเมื่อย”
ปัญชลีจัดรายการดึกเสร็จ เดินออกมาพร้อมลูกน้อง จะกลับบ้าน
ดาวเห็นเป้าหมายออกมาแล้ว
“เจ๊ย้ายไปนั่งเบาะหลัง” ตุ่นไม่ขยับ ”ให้ค่าจ้างเพิ่ม 5 หมื่น”
ตุ่นยอมย้ายตูดไปนั่งเบาะหลัง โดยลงรถไปขึ้นใหม่ ดาวย้ายไปนั่งเบาะคนขับ
ปัญชลียืนส่งหน้าตึก พวกลูกน้องแยกไปขึ้นรถ
ดาวนั่งหลังพวงมาลัย จ้องปัญชลีด้วยสายตาอาฆาตแค้นสุดขีด แล้วเหยียบคันเร่งขับรถพุ่งไปหาปัญชลี
ตุ่นร้องลั่น “เบรก”
นอกจากไม่หยุด ดาวกดคันเร่งลงไปอีก รถพุ่งทะยานไปหาเป้าหมายในการชน ปัญชลีหันมาเห็นรถก็จวนตัวแล้ว ยืนตะลึง !
ภาสกรวิ่งมาโดยเร็วดึงปัญชลีหลบพ้นทาง รอดจากการโดนชนหวุดหวิด
ดาวคลั่ง ไม่สนว่าภาสกรจะยืนอยู่กับปัญชลี จะขับรถชนอีกรอบภาสกรรีบพาปัญชลีหนีเข้าตัวตึก รปภ.ออกมาช่วย
“คุณภาสไม่น่าช่วยมัน”
ปัญชลีหลบอยู่ในตึกไม่ออกมาแน่ ดาวตัดสินใจขับหนีไป ตุ่นแทบเป็นลมคาเบาะหลัง ดาวเหี้ยมขนาดจะฆ่าคน
ดาวขับรถมาจอดข้างทาง ตุ่นรีบลงจากเบาะหลังมากระชากตัวดาวลงจากรถ
“อีนังดาว อยู่ดีๆ มาลากขากูเข้าตะราง”
“จะเอาเงินมั้ย” ดาวเลือดขึ้นหน้า
“กูไม่เอาแล้ว” ตุ่นปาบัตรเอทีเอ็มคืนดาว “กูตกงานก็เพราะมึง นี่จะติดคุกเพราะมึงอีก กูจะย้อนกลับไปบอกปัญชลี มึงเป็นคนขับ ไม่ใช่กู”
“ห้ามไปนะ”
ดาวคว้าตัวตุ่นไว้ แต่โดนผลักล้มก้นจ้เบ้า ไม่ค่อยมีแรง ป่วยอยู่
ขณะตุ่นกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ ดาวมาข้างหลังตุ่นไม่ทันระวัง โดนดาวผลักเบาๆ ก็เซ
รถคันหนึ่งวิ่งมา เบรกไปไม่ทัน ชนร่างตุ่นที่เซแซดๆ เข้ามาในเลนรถวิ่ง เหตุการณ์นั้นเกิดเร็วมาก ตุ่นหันมาเห็นแสงไฟหน้ารถไม่ทันได้หลบ
ตุ่นนอนแน่นิ่งบนพื้นถนน ตาเหลือก เลือดอาบโชกแต่ยังไม่ตาย ดาวช็อก ตะลึงตะไล
คนขับรถที่ชนตุ่น ลงมาด่าดาว “คุณฆ่าเค้า ชั้นเห็นคุณผลักเค้า”
ดาวตกใจกลัวสุดขีด วิ่งหนีไปจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงพอมี
ดาววิ่งมาเลยจากจุดที่เจ๊ตุ่นโดนชนมาไม่ไกล เห็นแท็กซี่จอดรอผู้โดยสารอยู่ รีบขึ้นไปทันที
ฝ่ายตุ่น เปลือกตาหรุบลงช้าๆ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือพื้นถนน
ดาวซมซานหนีมาหลบในคอนโด ล็อกห้องแน่นหนา เสียงโทรศัพท์ดัง ดาวสะดุ้งโหยง กลัวปัญชลีโทร.มา พอดูเบอร์เห็นเป็นเบอร์แม่ ดาวไม่ต้องการให้ใครติดต่อได้ ถอดแบตเตอรี่โทรศัพท์ออก
มีเสียงคนเดินมาหน้าห้อง ดาวไม่อยากให้ใครรู้ ว่ามีคนอยู่ในห้องปิดไฟทั้งห้อง อาศัยแสงสว่างจากข้างนอกที่ลอดผ่านกระจกเข้ามา
อาการติดเชื้อในกระแสเลือดทำให้ร่างกายดาวอ่อนแอมาก ซ้ำร้ายดาวยังหนีออกจากโรงพยาบาล ไม่ยอมรักษาตัว
ดาวโงนเงนไปล้มลงบนโซฟา อาการป่วยกำเริบหนัก
ภาสกรเป็นห่วงความปลอดภัยปัญชลี ขับรถตามมาส่งรถปัญชลีถึงบ้าน
ปัญชลีลงรถไปหา “ขอบคุณนะคะที่ขับตามมาส่ง”
“เมื่อกี๊ตำรวจโทร.มาแจ้งความคืบหน้า กล้องตรงสี่แยกแถวสถานีจับภาพรถคนร้ายได้ เดี๋ยวก็รู้ว่าใคร”
“ลีว่า...ดาว”
“ระวังตัวนะลี”
“ค่ะ”
ภาสกรรอจนปัญชลีเข้าบ้านไป ชายหนุ่มจึงขับรถกลับไป
ที่บ้านหิรัญกุล พ่อกับแม่ลอบมองลูกชายคนเล็กที่เอาแต่นั่งซึม เหม่อลอย อาการอกหักรักคุด
“เจ้านุจอมซ่าของเรา ซึมไปเป็นคนละคนเลยนะคุณ”
“ชั้นผิดเอง กีดกันลูกกับแพรพรรณ คุณคะ ชั้นอยากช่วยลูก”
โอภาสหันไปมองภรรยาเอาด้วย อยากช่วยลูกเหมือนกัน
วันถัดมา ขณะที่ปัญชลีกับลูกน้องกำลังประชุมงานอยู่ ภาสกรเข้ามาหาปัญชลี
“ตำรวจเจอตัวเจ้าของรถที่จะชนลีเมื่อคืนแล้ว เป็นแฟนตุ่น”
“ตุ่นจะฆ่าลีทำไม”
ศินีนาฏหน้าเริดมาแต่ไกล มีข่าวใหญ่มาเม้าท์ชัวร์
“กะเทยในห้องคอสตูมเม้าท์กัน นังตุ่นโดนรถชนเมื่อคืน”
ปัญชลีสนใจ “เล่ามาให้ละเอียดสิศิ”
“พวกกะเทยไปเยี่ยมตุ่นที่โรงพยาบาล นังตุ่นนอนอ้าปากพะงาบๆ เล่าให้ฟัง นังดาวเอารถตุ่นไปขับไล่ชนลีเมื่อคืน นังตุ่นกลัวติดคุก แตกคอกัน นังดาวเลยผลักนังตุ่นให้รถชน นี่ตำรวจตามล่านังดาวอยู่”
“พยายามฆ่า 2 กระทง ดาวต้องติดคุกหลายปี” ภาสกรยอกแสลงใจ สงสารอยู่บ้าง อย่างไรดาวก็เป็นเมียเก่า
ปัญชลีเข้าใจภาสกร “ดาวติดคุก ภาสก็ไปเยี่ยมซีคะ”
“ดาวเค้าเลือกเส้นทางชีวิตของเค้าแล้ว ผมก็เลือกทางของผม อย่าเจอกันดีกว่า”
ศินีนาฏเม้าท์กับทีมงานสนุกปาก “นังตุ่นอาการสาหัสมาก เห็นว่าหายกลับมาร่างกายจะไม่เหมือนเดิม กลายเป็น อีกะเทยขาเป๋ ฮะๆๆๆๆ”
พวกทีมงานหน้าตาสมน้ำหน้าตุ่น ทำเลวไว้เยอะ สมควรรับกรรม
ส่วนปัญชลีกับภาสกรรู้สึกเวทนาตุ่นมากกว่า
“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
“กรรมตามทันตุ่น หวังว่า ตุ่นจะสำนึกได้ เลิกทำชั่ว”
ทางด้านตุ่นนอนพันผ้าทั้งตัวเป็นมัมมี่อยู่ในโรงพยาบาล ขาหักทั้งสองข้าง มีเพื่อนๆ กะเทยมาเฝ้า แต่พวกนั้นไม่ได้สนใจไยดีตุ่นนัก มานั่งเม้าท์มอยเฮฮาปาร์ตี้ หัวเราะเสียงดังลั่นห้อง ตุ่นน้ำตาร่วง
“ไม่มีใครรักกรูเลย...ฮือๆๆๆๆๆ”
วันเดียวกันตำรวจมาเคาะประตูเรียกดาวให้เปิดประตู
โดยในห้อง ดาวป่วยหนักกำลังค้นตู้หาของกิน พอได้ยินเสียงเคาะประตู ก็หยุดการเคลื่อนไหวไม่ให้เกิดเสียงดัง
ตำรวจเคาะเรียก แต่ไม่มีใครมาเปิดประตู
“หนีไปกบดานที่อื่นแล้วล่ะ”
ตำรวจเลยกลับ ดาวรอจนหน้าห้องเงียบเสียงครู่หนึ่ง จึงไปเปิดประตูดู เห็นหลังตำรวจ 2 นายเดินไวๆ อยู่ ดาวรีบปิดห้อง ซ่อนตัวเงียบ
เย็นนั้น แพรพรรณพาแม่มากินข้าวกับวิไลลักษณ์ตามนัด วิไลลักษณ์กับโอภาสนั่งรอมาถึงก่อน วิไลลักษณ์ยิ้มแย้มผูกมิตรกับก้อย
“สบายดีเหรอคะ”
แพรพรรณแปลกใจท่าทีวิไลลักษณ์ ดูเป็นมิตรผิดปกติ
“เราไม่รู้หนูกับแม่ชอบกินอาหารอะไร ไทย จีน ฝรั่ง เลยนัดมาร้านนี้ มีอาหารนานาชาติ” โอภาสเยื้อนยิ้มถามไถ่
“แค่คุณวิไลลักษณ์โทร.ไปชวนมาทานข้าวเย็น แพรกับแม่ก็ดีใจแล้วค่ะ เราทานอะไรก็ได้”
“นอกจากชวนมากินข้าวแล้ว แม่เอาของมาคืนแพรด้วย เมื่อเช้าพอนุออกจากบ้าน พ่อกับแม่แอบค้นห้องนอนนุ หาเจ้าสิ่งนี้” วิไลลักษณ์ส่งสร้อยที่แพรพรรณคืนให้ภานุ แพรพรรณรับไว้
“เอามาให้แพร คุณวิไลลักษณ์รู้ความหมายของสร้อยหรือเปล่าคะ”
“ก็เพราะรู้น่ะซิ แม่ถึงเอามาให้”
โอภาสยิ้มบอก “ช่วยใส่ให้หนูแพรด้วยสิคุณ”
วิไลลักษณ์ลุกไปช่วยใส่สร้อยให้แพรพรรณอย่างเต็มใจ แพรพรรณน้ำตารื้นที่วิไลลักษณ์ยอมรับตัวเธอ
วิไลลักษณ์ตาไม่ดี เกี่ยวตะขอสร้อยไม่ได้สักที “ตะขอเล็กเกิน”
“ดิชั้นช่วยค่ะ”
ก้อยก็ตาไม่ดีพอกัน แก่แล้วทั้งคู่ ช่วยกันใส่ แต่ก็ใส่ตะขอไม่เข้า เสียงสองแม่บ่นกันใหญ่
“ตะขอมันไม่ดี ไม่ใช่ตาแม่ไม่ดีหรอกนะ”
“แม่ยังไม่แก่”
แพรพรรณกับโอภาสหัวเราะขำ
อ่านต่อหน้า 4
สื่อริษยา ตอนที่ 15 จบบริบูรณ์
ส่วนภานุมาปรับทุกข์กับพี่สาว ระหว่างรอพ่อแม่กลับบ้าน
“คุณพ่อก็พลอยเป็นไปกับคุณแม่ด้วย โทร.สั่งผม ให้มารอเจอลูกสาวเพื่อนคุณแม่ จะจับคู่ผม”
ภาสุรีฉงน “ฟังดูแล้วไม่ใช่คุณพ่อเลย คุณพ่อไม่เคยบังคับลูก”
เสียงรถแล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์ ภานุยิ่งเซ็งโลก ไม่อยากรู้จักลูกสาวเพื่อนแม่ แต่แล้วภานุก็ต้องประหลาดใจ เพราะผู้หญิงที่แม่พามา คือ แพรพรรณ
“ตานุลูก นี่หนูแพร ลูกสาวเพื่อนแม่”
ภานุเง็งกับคุณแม่
“แม่เรากับแม่หนูแพรเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว นัดกันไปทำผมอาทิตย์หน้า” โอภาสว่า
วิไลลักษณ์พยักหน้าบอกแพรพรรณให้ไปบอกภานุเอง แพรพรรณเดินไปยืนตรงหน้าภานุ
“อืม อันที่จริง ชั้นไม่ได้ชอบลูกชายเท่าไหร่หรอก นายนั่นน่ะแสบ ชอบกวนประสาท โชคดีของนายนั่น มีแม่ใจดี ชั้นก็เลยใจอ่อน ยอมใส่เจ้านี่” แพรพรรณเปิดคอให้ภานุดูสร้อยที่สวมอยู่
ภานุเห็นสร้อย ก็เก็ต ยิ้มกว้าง แม่ยอมให้เขาคบหากับแพรพรรณแล้ว
“ใส่แล้วห้ามถอดล่ะ ผมก็จะไม่ถอดของผมเหมือนกัน”
“สร้อยก็ต้องมีขาดบ้างนะจ๊ะน้องพี่” ภาสุรียิ้มกริ่ม
“ขาดก็ต่อซีครับ ผมกับแพร เราจะต่ออายุความรักไปจนตลอดชีวิตของเรา”
ภาสุรีค้อนควัก ทำหน้าปุเลี่ยนๆ ที่น้องชายทำพี่สาวแทบอ้วก
ภานุจับมือแพรพรรณสองหนุ่มสาวสบตากันหวานฉ่ำ ยิ้มชื่น พ่อแม่ดีใจเห็นลูกชายหายเศร้ามีความสุข
คืนนี้แพรพรรณมานอนกับปัญชลีที่บ้าน สองสาวกับหนึ่งเกย์ครับๆ ผมๆ นอนคุยกันเรื่องความรัก แพรพรรณเอามือจับสร้อยเล่น ยิ้มสุขใจ เพิ่งลงเอยกับภานุ
เก้แซว “และแล้วเจ้าชายรูปงามกับเจ้าหญิงแสนสวย ก็ครองรักกันอย่างมีความสุข”
“เทพนิยายเพิ่งเริ่มต้นเองค่ะพี่เก้”
“เมื่อไหร่น้า จะมีเจ้าชายรูปงามประทานสร้อยให้เราบ้าง”
“พรุ่งนี้พี่ซื้อให้เส้น ใส่ข้อเท้าสองข้าง มีโซ่ร้อยติดกัน”
“นั่นมันตรวนครับพี่ลี”
ปัญชลีหัวเราะร่วน แซวเก้หยอกเล่น
“พี่ลีล่ะคะ จะกลับไปคืนดีฟรุ้งฟริ้งกับคุณภาสกรเมื่อไหร่”
“ปล่อยให้แพรนำไปก่อนจ้ะ”
“คืนดีแล้วต้องรีบแต่งงานนะครับพี่ลี ผมอยากตัดชุดเจ้าสาวให้พี่ ง้างกรรไกรรอหลายปีแล้ว”
แพรพรรณนึกถึงศรัณ แล้วเศร้า “มีผู้ชายคนนึงไม่มีโอกาสแต่งงาน ไม่ได้บวช ต้องจากไปก่อนวัยอันควร”
“คนเลวที่พรากชีวิตก็ลอยนวล”
ทั้งสามคนอาลัยอาวรณ์ถึงศรัณ
อีกฟาก โถงห้องพักดาวปิดไฟเหมือนเมื่อวาน ดาวหมกตัวอยู่ไม่ต้องการให้ใครรู้ ยาไส้ด้วยขนมขบเคี้ยวที่กินเพื่อประทังชีวิต ในห้องอันอุดอู้ อากาศไม่ถ่ายเท ดาวป่วยอยู่แล้วยิ่งหายใจไม่สะดวก สุดท้ายหอบสังขารออกไปสูดอากาศตรงระเบียง
ดาวไข้ขึ้นสูงเหงื่อโซม ปวดแผลหนึบ แทบไม่มีเรี่ยวแรงทรงกาย ต้องยืนเกาะขอบระเบียงเพื่อทรงตัว ดาวมองลงไปข้างล่าง นึกถึงวันที่ศรัณตกลงไปตาย
มันเป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ ศรัณทะเลาะกับดาวทุ่มเถียงกันอย่างรุนแรง
“เราเลิกกันแล้วก็ต่างคนต่างอยู่ พี่อย่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวดาว”
“มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องของศีลธรรมคุณธรรม ดาวหลอกผู้ชายว่าท้องให้เค้าแต่งงานด้วย ดาวจะบอกเค้าเอง หรือให้พี่บอก ถ้าพี่บอก เค้าต้องโกรธ เพราะพี่จะไม่แก้ตัวให้ดาว”
“ถ้าพี่บอก ดาวก็โกรธพี่”
“พี่ไม่แคร์ดาว เดือนหน้าพี่จะบวชให้พ่อแม่ พอสึก พี่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หาผู้หญิงดีๆ ซักคนที่รักพี่ แล้วพี่ก็รักเค้า สร้างครอบครัวด้วยกัน ตกลงดาวจะบอกคุณภาสกรเอง หรือให้พี่โทร.บอก”
เห็นดาวทำเฉย ศรัณเลยกดโทรศัพท์หาภาสกร ดาวแย่งโทรศัพท์มาได้ เดินหนีศรัณออกไปที่ระเบียง ศรัณไม่ยอมตามไปเพราะกลัวความสูง
“จริงซิ พี่กลัวความสูง จะสร้างภาพเป็นคนดีทั้งที ดันขี้ขลาดตาขาว”
ศรัณโดนยั่วโมโห ปราดไปที่ระเบียง เข้าแย่งมือถือคืนจากดาว แต่ดาวไม่ให้ สองคนยื้อแย่งมือถือกัน ดาวผลักศรัณออกไป ศรัณเสียหลัก พลัดตกคอนโด โชคดี คว้าขอบระเบียงไว้ได้ ตัวศรัณห้อยต่องแต่งมองลงไปข้างล่าง สีหน้าหวาดเสียว
“ช่วยดึงพี่ขึ้นไป”
ดาวพยายามดึงแขนศรัณขึ้นมา โรคกลัวความสูงทำให้ศรัณลนลาน สติแตก ใช้ขาตะกาย
“อยู่นิ่งๆ สิ”
“พี่กลัว ดาวอย่าปล่อยมือนะ”
ดาวยังจับแขนศรัณอยู่ “สัญญากับดาว จะไม่บอกคุณภาสว่าดาวผ่าเอาลูกออกแล้ว”
“ช่วยพี่ขึ้นไปก่อน”
“สัญญามาก่อน”
ศรัณไม่สัญญา ดาวโมโหเลยปล่อยมือจากแขนศรัณ ไม่ยอมช่วย
“พี่สัญญา พี่จะไม่บอกคุณภาสกร”
ดาวส่ายหน้าไม่เชื่อ “พอดาวช่วยพี่ขึ้นมา พี่ก็กลับคำพูด”
ดาวถอยจากขอบระเบียง หนีกลับเข้าตัวห้อง ไม่ฟังเสียงร้องของศรัณ
“ดาว...ดาว”
ดาวยืนหันหลังให้ระเบียง สีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ดาวไม่เสียใจ หากศรัณต้องตกตึกตาย
ฝ่ายศรัณตั้งสติ ใช้กำลังแขน พยายามยกตัวขึ้น เกือบปีนข้ามกลับมาได้แล้ว แต่ร่วงลงไปอีก ศรัณพยายามใหม่ คราวนี้ใช้ขาตะกายผนังระเบียงด้านนอก เอาขายันตัวขึ้น ไม่สำเร็จ ศรัณเหนื่อยหนัก เริ่มหมดแรง ห้อยอยู่นานหลายนาที แขนล้าไปหมด
ศรัณตะโกนเรียกสุดเสียง “ดาว...ดาว...พี่ไม่ไหวแล้ว”
ไร้วี่แววดาวออกมาช่วย ศรัณหมดแรง มือค่อยๆ หลุดจากขอบระเบียง ตกลงไปตายอย่างอนาถ
ดาวดึงตัวเองกลับออกมาจนตอนนี้หล่อนก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดสักนิด ที่ปล่อยศรัณให้ตกตึกตาย
“มันเป็นอุบัติเหตุ ดาวไม่ผิด”
กลางดึกคืนเดียวกัน แม่ศรัณนอนหลับอยู่บนโซฟาโถงบ้าน
“แม่ครับ”
แม่ลืมตาตื่นมา เห็นลูกชายนั่งจ้องอยู่หน้าเศร้า นัยน์ตายิ้ม
“ศรัณ แม่คิดถึงลูกใจแทบขาด”
“ผมมาลาแม่ครับ ผมจะไปแล้ว”
“ไม่ แม่ไม่ให้ลูกไปไหน แม่รักลูก แม่อยากกอดลูก”
ผู้เป็นแม่ร่ำไห้กอดลูกชายแน่น ทั้งรักทั้งหวงแหน ไม่ยอมปล่อย
สุดท้ายแม่ศรัณสะดุ้งตื่น เมื่อเสียงของพ่อดังขึ้นมาพอดี
“หลวงพ่อบอกว่า เรายังยึดติดกับลูก ลูกก็มีห่วง ไม่ไปไหน ปล่อยลูกไปเถอะแม่ ให้ลูกไปอยู่ภพภูมิที่ดีกว่า โลกมนุษย์มีแต่แก่งแย่งชิงดี คนเลวมีอำนาจเหนือคนดี เมื่อถึงเวลาของเรา เราก็ได้ไปเจอลูก”
“แล้วถ้าลูกไปเกิดก่อนเราตายล่ะพ่อ อีกกี่ชาติ จะได้เห็นหน้าลูกอีก” แม่กวาดตามองหาวิญญาณลูก “ศรัณอยู่กับแม่นะลูก ปรากฏตัวให้แม่เห็น มาเข้าฝันแม่ก็ได้ แม่คิดถึงลูก”
แม่หยิบไตรจีวรของลูกชายมากอดราวกับจะบอกว่า ชาตินี้จะไม่มีวันปล่อยลูกชายไปไหนแม้เป็นวิญญาณก็ตาม
รุ่งเช้าพ่อกับแม่ศรัณใส่บาตรทำบุญไปให้ลูกชาย
“หลวงพ่อคะ เมื่อคืนศรัณมาเข้าฝัน ลูกยังอยู่บ้าน”
“อะกินจะนัง นานุปะตันติ ทุกขา ทุกข์ ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล เวลาโยมกังวลห่วงลูก โยมเป็นทุกข์ วิญญาณลูกกังวลเป็นห่วงแม่ วิญญาณก็เป็นทุกข์ ลูกชายโยมมีจิตกุศล คิดบวชเรียน วิญญาณควรไปสู่สุขคติ ตัดกังวลให้ลูกชายซะ อย่าให้ยามชีวิตอยู่ เป็นทุกข์ ตายไปก็เป็นทุกข์”
หลวงพ่อจากไปโดยท่าทีสงบ ทิ้งคำสอนนั้นให้กินลึกเข้าไปในใจผู้เป็นแม่ เพราะยึดติด ทำให้ลูกเป็นห่วง วิญญาณลูกไปไหนไม่ได้
“อย่ายึดลูกไว้เลยแม่ ทุกข์ทั้งคนเป็น คนตาย”
“ลูกเราเป็นคนดี ต้องได้ไปอยู่ภพภูมิที่ดี”
แม่พยายามปล่อยปลง ตัดใจไม่ยึดติดลูก
“ศรัณ ไปเถอะลูก แม่ไม่เป็นไร แม่อยู่ได้ ชาติหน้าฉันใด มาเกิดเป็นลูกแม่อีกนะ”
สิ้นคำพูดของแม่ คล้ายมีสายตาของศรัณที่จ้องอยู่ หมดสิ้นความกังวล จากไปอย่างสงบ
ทางฝ่ายสมพรหอบหน้าตาทุกข์ตรม มาดักรอภาสกรหน้าตึกช่องไทยเคเค พอเห็นภาสกรกับปัญชลีออกมา ก็รีบกรากเข้าไปหา
“ดาวมาหาคุณหรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ”
“ดาวหนีออกจากโรงพยาบาล ชั้นตามหาไม่เจอ ดาวป่วยอยู่ด้วยค่ะ”
ปัญชลีตกใจนิดๆ “เป็นอะไรคะ”
“ติดเชื้อในกระแสเลือด”
“ดาวต้องหนีไปซ่อน คิดว่าลีจะเอาผิด”
“ลูกชั้นทำอะไรพวกคุณอีกค่ะ ชั้นขอโทษแทนลูก” สมพรไหว้ภาสกรกับปัญชลี ปลกๆ
“อย่าทำอย่างนี้ครับคุณน้า” ภาสกรจับมือสมพรลงไม่ให้ไหว้ตน
สองคนสงสารสมพรมาก คนเป็นแม่ต้องรับผลกรรมที่ลูกทำชั่ว
ภาสกรพาปัญชลีกับสมพรมาตามหาดาวที่คอนโด
“ลืมไปเลยว่าดาวมีคอนโด ดาวต้องอยู่ที่นี่แหละค่ะ”
ภาสกรเคาะประตูร้องเรียก “ดาว ผมเอง ภาสกร”
“มีกุญแจก็ไขเข้าไปเลยค่ะ”
ภายในห้อง ดาวนอนคุ้ดคู้ปวดระบมทั้งร่าง โดยเฉพาะบริเวณแผลติดเชื้อตรงท้อง ได้ยินเสียงปัญชลีหน้าห้องก็ตกใจ
“ปัญชลีเอาตำรวจมาจับเรา” ดาวลากสังขาร แทบจะคลานเข้าห้องนอน
“กุญแจห้องอยู่ที่บ้าน ดาว...คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ภาสกรเคาะเรียกอีก
ชายคนข้างห้องกลับมาพอดี
“ไม่มีคนอยู่ครับ ตั้งแต่ผู้ชายตกตึกตาย ห้องก็ปิดเงียบ ผู้หญิงก็ไม่กลับมาอีกเลย”
“ถ้าเห็นผู้หญิงกลับมา ช่วยโทร.บอกผมนะครับ” ภาสกรให้นามบัตรชายคนนั้นไว้
“แม่จนปัญญา ไม่รู้จะไปตามหาลูกที่ไหน” สมพรครวญ
“เพื่อนๆ ดาวที่สมุทรสงครามล่ะคะ” ปัญชลีมองสงสาร
“ดาวไม่ได้ติดต่อเพื่อนเก่าค่ะ เพื่อนทางกรุงเทพฯ ชั้นก็ไม่รู้จัก กลับมาหาแม่เถอะลูก แม่เป็นห่วงลูก”
สมพรเช็ดน้ำตาป้อยๆ น่าเวทนายิ่ง ภาสกรกับปัญชลีเห็นน้ำตาคนเป็นแม่ก็สะเทือนใจ
ส่วนในห้องนอน ดาวหลบอยู่มุมห้อง กลัวขึ้นสมอง ว่าปัญชลีจะพาตำรวจมาจับเข้าคุก
ด้านแพรพรรณโทรเช็คเพื่อนๆ สมัยมหาวิทยาลัย ถามหาดาว ภาสกรกับปัญชลีรอฟังข่าว
“เพื่อนคนไหนเจอดาว โทร.บอกแพรด้วยนะ” แพรพรรณวางสาย “ดาวไม่ได้ไปหาเพื่อนคนไหนเลยค่ะ แพรโทร.เช็คทั้งเพื่อนที่คณะ แล้วก็เพื่อนๆ ตามชมรม”
“ผมจะโทร.หาตำรวจที่รู้จักกันให้ช่วยตามหาดาว”
ภาสกรหน้าเคร่งขรึมออกไป
“โดนดาวทำร้ายซะขนาดนั้น คุณภาสกรยังมีน้ำใจช่วยดาว” ท็อปว่า
“พี่ลีก็เหมือนกันค่ะ เป็นจอย ปล่อยไปตามเวรตามกรรม”
“อ่านเจอคนขอช่วยความเหลือในเฟซบุ๊ค ยังโอนเงินบริจาคไปให้ได้ แล้วนี่คนรู้จักกัน ยังไงก็ต้องช่วย พี่กับคุณภาสสงสารแม่ดาวด้วย”
“ชาติก่อนแม่ดาวคงทำกรรมไว้นะคะ มีลูกเลว” แอนว่า
“บาปกรรมอะไร ก็ไม่หนักเท่าบาปกรรมที่ทำต่อพ่อแม่ ตายไปดาวต้องตกนรก”
แพรพรรณแค้นไม่หาย
ค่ำคืนนั้นดาวทุกข์ทรมานมากสาหัส ปวดแผลเหลือเกิน มีเลือดจากแผลซึมออกมาเปื้อนเสื้อ ดาวเหงื่อโซมกายจากพิษไข้ แต่ยังฝืนสังขาร คลานมาเปิดน้ำก๊อก ร่างกายดาวขาดน้ำ กินน้ำเข้าไปไม่กี่อึกก็สำลัก ร่างกายเริ่มไม่ทำงาน ดาวทรุดรวงล้มลงกับพื้น โดยเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้
ดาวนอนหงายอยู่บนพื้นห้อง ลมหายใจเริ่มรวยริน พูดพร่ำเพ้อเบาๆ ตาปรือ กะพริบถี่ๆ เริ่มเห็นภาพหลอน
ดาวเดินขึ้นเมรุ เห็นโลงศพตั้งอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นโลงศพใคร
ภานุ แพรพรรณ พ่อ และแม่ศรัณ ขึ้นบันไดมาอีกฝั่ง
“นังฆาตกร” แพรพรรณด่าว่า
“ผู้หญิงใจโหด” ภานุด่าตาม
แม่ศรัณตะโกนใส่ “แกฆ่าลูกชั้น”
พ่อศรัณตะคอก “แกต้องตกนรก”
ดาวส่ายหน้า ไม่อยากตาย ไม่อยากตกนรก จะหนีลงเมรุ ทว่าภาสุรีโผล่ขึ้นมาขวาง
“ชั้นจะฆ่าแก แก้แค้นให้พี่ภาส”
ภาสกรตามขึ้นเมรุมา
“ช่วยดาวด้วยค่ะคุณภาส”
“คุณสมควรตาย คุณฆ่าลูกผม”
ปัญชลีขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย
“กรรมตามทันเธอแล้ว เธอตายตกไปตามศรัณ”
“ตายตามพี่ศรัณ” แพรพรรณตะโกนก้อง
ปัญชลีชี้ให้ดาวดูรูปถ่ายหน้าโลงที่เมื่อกี้ไม่มี คราวนี้เป็นรูปดาวเอง
“ศพที่นอนอยู่ในโลง คือ เธอ”
“ไม่...ชั้นยังไม่ตาย ชั้นไม่อยากตาย”
ทุกคนไล่ต้อน เดินคุกคามด้วยหน้าตาเคียดแค้น และอยากให้ดาวตาย
ดาวลนลาน เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนพลัดตกบันได
ร่างดาวกลิ้งลงมานอนหงายบนพื้นด้านล่างเมรุ ประหลาดมาก ท้องฟ้าเบื้องบนที่ดาวเห็น ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเพดานห้อง
ดาวเพ้อจนเกิดภาพหลอน คิดว่าอยู่บนเมรุเผาศพตัวเอง แท้จริงนอนหงายอยู่บนพื้นห้องคอนโด
ลมหายใจดาวแผ่วลงเรื่อยๆ ร่างกายหมดสิ้นเรี่ยวแรง ถึงขั้นไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว ดาวหลับตาลงช้า ๆ เปล่งคำพูดสุดท้ายออกมาเสียงเบาหวิว
“คุณภาส...”
วันถัดมา ขณะที่ภาสกรทำงานอยู่ เขาได้รับโทรศัพท์จากคนข้างห้องพักดาว
“ครับ ผมภาสกรพูด...ผมจะรีบไปครับ ขอบคุณที่โทร.บอก”
ภาสกรวางสาย หยิบกุญแจรถรีบออกไป
ไม่นานนัก ภาสกรกับปัญชลีรีบมายังห้องดาว ชายคนข้างห้องรออยู่หน้าประตู
“ได้ยินเสียงน้ำไหลทั้งคืนเลยครับ วันก่อนยังไม่ได้ยิน”
ภาสกรไขประตูเข้าไป ภาสกรกับปัญชลีเห็นก๊อกน้ำตรงครัวเปิดอยู่ แต่ไม่เห็นดาว
พอเข้ามาในห้องนอน สองคนเห็นดาวนอนนิ่งบนเตียง หน้าซีด ปากเริ่มเขียว ภาสกรรีบไปดูอาการดาว
“ดาว...ดาว” ภาสกรเขย่าตัวแต่ดาวไม่ตื่น
ปัญชลีเห็นดาวไม่มีอาการตอบสนอง เลยจับชีพจรตรงข้อมือดาว
“เรามาช้าไป”
ดาวตายแล้ว ภาสกรนิ่งงันไป สะเทือนใจใหญ่หลวง อย่างไรเสียดาวก็เคยเป็นคนรักของเขา
ปัญชลีเห็นการ์ดทำเองวางบนหมอนข้างศพ จึงหยิบการ์ดมาเปิดดู เป็นการ์ดแต่งงานของภาสกรกับดาว ที่ดาวประดิษฐ์เอง
โดยก่อนดาวได้เป็นแฟนภาสกร ดาวออกแบบการ์ดแต่งงานของเธอกับภาสกรไว้ ฝันหวานจะได้แต่งงานกับชายในอุดมคติ
ปัญชลีส่งการ์ดนั้นให้ ภาสกรเปิดออกอ่าน น้ำตาคลอ
ปัญชลีออกไป ปล่อยให้ภาสกรอยู่กับดาวลำพัง
“ขอบคุณที่รักผมมากขนาดนี้”
ภาสกรมองใบหน้าดาวที่เคยสวยใส เวลานี้ซีดหมอง ริมฝีปากชมพูกลายเป็นเขียวคล้ำ ตัวดาวเริ่มแข็ง มือเท้าเกร็ง เนื่องจากตายมาหลายชั่วโมง
ภาสกรดึงผ้าห่มขึ้นมาช้าๆ คลุมร่างดาวจนปิดใบหน้า จากนั้นบรรจงวางการ์ดแต่งงานลงบนศพ มองร่างใต้ผ้าคลุมด้วยความอาลัย
งานเผาศพดาวผ่านไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ภาสกรกับปัญชลีมาช่วยสมพรเชิญวิญญาณดาวกลับบ้าน
“ให้เอารูปตั้งตรงไหนครับ”
“บนหิ้งเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ เป็นธุระจัดงานศพดาวให้”
“เป็นหน้าที่ผมครับ” ภาสกรว่า
พ่อกับแม่ศรัณมาสมทบ
“โทษทีนะสมพร ชั้นไม่ได้ไปงานศพดาวเลย”
“ดาวทำอะไรให้ขุ่นข้องหมองใจ ชั้นขออโหสิแทนลูกนะจ๊ะ” สมพรจะร้องไห้อีก
“บอกตรงๆ ชั้นทำใจให้อภัยลูกสมพรไม่ได้ แต่แม่ก็ส่วนแม่ ลูกก็ส่วนลูก สมพรกับชั้นหัวอกเดียวกัน เราเสียลูกไป แล้วนี่สมพรจะอยู่ยังไง ไม่มีลูกแล้ว”
แม่ศรัณกับสมพรแยกไปนั่งคุยกัน ปรับทุกข์ เห็นอกเห็นใจกัน
“เพราะคุณปัญชลีเกลี้ยกล่อม ภรรยาผมถึงเห็นใจสมพร”
“ลีอยากทำสิ่งดีๆ ให้ดาวค่ะ ตอนดาวมีชีวิตอยู่ เราเป็นศัตรูกัน” ปัญชลีหันไปพูดกับรูปถ่ายดาว “ดาว ชั้นช่วยแม่เธอ ถือเป็นคำขอโทษ คำขออโหสิจากชั้นนะ”
รูปถ่ายของดาวใบหน้าสดสวยยิ้มหวาน หากแต่วาสนาน้อยนัก เสียชีวิตในวัยสาว ตายวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558
หลายเดือนต่อมา
ภานุมานั่งเล่นอยู่กับแพรพรรณที่ฝ่ายรายการ สองคนคุยกันหยอกเย้ามุ้งมิ้งน่ารัก กระตุกต่อมอิจฉาพวกพนักงานทั้งแผนก แพรพรรณเห็นสายตาทุกคู่มองมาชักเขิน
“ย้ายทำเลไปตรงสวนเหอะ”
“อายอะไร โชว์เล๊ย” ภานุจัดการจุ๊บผมแพรพรรณโชว์พี่ๆ
“ไอ้โย่งบ้าหน้าไม่อาย”
ภานุหัวเราะฮ่าๆๆ ใช้นิ้วม้วนผมแพรพรรณเล่น หยอกเย้าต่อ อีกฝ่ายปัดมือออกพัลวัน
“เอิ่ม...คุณนุคะ ใจคอจะให้ต่อมอิจฉาพวกเราแตกซ่านเลยเหรอคะ” จอยแซว
“ไม่อยากอิจฉา ก็รีบหาแฟนกันซีครับ”
แอนค้อน “แหมะ พูดอย่างกับหาง่ายเหมือนหาเหาใส่หัว”
ท็อปออกไปธุระข้างนอก กลับมาถึงก็บ่นอุบ
“ลืมดูนาฬิกา ออกไปจ่ายค่าบ้านตอน 3 โมงเย็น เปิดเทอมแล้ว โรงเรียนเลิก รถติดมาก”
แพรพรรณเอ่ยขึ้น “เวลาผ่านไปเร็วจังนะคะ เดือนมิถุนาแล้ว พี่ศรัณกับดาวเสียมาเกือบ 5 เดือน”
“พี่ศรัณอยู่บนสรวงสวรรค์ มองลงมาที่เรา อวยพรให้พวกเรามีความสุข” ภานุว่า
ภาสกรเดินยิ้มเผล่เข้ามา
“ขอแรงทุกคนหน่อย นุกับแพรด้วย ไปช่วยพี่”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างฉงนสนเท่ ภาสกรตามให้ไปช่วยอะไร?
ศินีนาฏชะเง้อรอปัญชลีอยู่หน้าตึกช่อง
สักครู่ใหญ่ รถตู้จอดส่งปัญชลีหน้าตึก
“ไปห้องส่งอย่างด่วนเลยลี คุณภาสสั่งรื้อฉากรายการเรา” ท่าทีสีหน้าศินีนาฏตกใจเอาการ
“ภาสไม่เห็นบอก ขอซื้อกาแฟก่อน ไปสัมภาษณ์รัฐมนตรีมา คุยซะคอแห้ง”
“เดี๋ยวชั้นมาซื้อกาแฟให้สิบแก้วเลย”
ศินีนาฏจูงมือลากปัญชลีเข้าตึกไป
ศินีนาฏจูงมือปัญชลีเข้ามาในห้องส่ง แล้วชิ่งออกไปเฉยๆ ปัญชลีแปลกใจ จนเห็นภาสกรเดินมาหา
“จะรื้อฉากหรอคะภาส ยังดีอยู่เลย”
“ผมเบื่อแล้ว อยากเปลี่ยนฉากชีวิตใหม่”
ปัญชลีฉงนทวนคำพูดเขา “เปลี่ยนฉากชีวิตใหม่”
จู่ๆ ภาสกรก็คุกเข่าลง ในอาการตื่นตะลึงของปัญชลี ที่รู้แล้วว่าเขาจะขอแต่งงาน
“ผมไม่ใช่ผู้ชายเพอร์เฟกต์ ชีวิตเคยทำผิดพลาด ลีได้เห็นมุมที่ดี และไม่ดีของผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ผมแน่ใจ ลีคือผู้หญิงที่ผมอยู่อยากเคียงข้างไปตลอดชีวิต”
ภาสกรนิ่งรอลุ้นคำตอบ
“ลีก็ไม่ใช่ผู้หญิงเพอร์เฟกต์ เราสองคนมีข้อดีข้อเสีย แต่รู้อะไรมั้ยคะภาส เวลาเราอยู่ด้วยกัน ลีรู้สึก เพอร์เฟกต์ที่สุด” ปัญชลียื่นมือออกไปให้ภาสกร
ภาสกรดีใจมาก ลุกขึ้นสวมกอดปัญชลี สวมแหวนให้
ขาเผือก กองเชียร์ทุกคนที่รอลุ้นแอบดูอยู่หน้าห้องส่ง ยกโขยงกันเข้ามา โปรยเม็ดโฟมทำหิมะปลอมให้ว่าที่บ่าวสาว เก้ดึงระเบิดกระดาษเสียงดัง ป๊อก ดึงเอง ตกใจเอง ลืมตัวออกสาวร้อง ”ว้าย” เล่นเอาฮาครืน
เศษกระดาษสีสวยปลิวว่อนปนกับหิมะโฟม
“จำได้มั้ยลี ผมขอลีแต่งงานครั้งแรกที่ฮอกไกโด ตอนเราไปเล่นสกี”
“พี่ภาสอยากย้อนเวลากลับไปครับ” ภานุบอก
“พวกเราเลยจัดเต็มค่ะ” แพรพรรณโปรยหิมะให้ว่าที่บ่าวสาวอย่างเพลิดเพลิน
ภาสุรียิ้มบอก “มีหลานให้ชั้นเร็วๆ นะลี”
“พ่อดีใจกับลูกทั้งสองคนด้วย” โอภาสอวยพร
“ขอต้อนรับสู่ครอบครัวจ้ะ” วิไลลักษณ์สวมกอดปัญชลีอย่างจริงใจ
ภาสกรกับปัญชลียิ้มชื่นให้กัน สวมกอดกันในบรรยากาศโรแมนซ์ อันเกิดจากกลางความรักและความหวังดีของทุกคนในวงล้อมชีวิตของเขาและเธอ
จบบริบูรณ์
โปรดติดตาม “บัลลังก์เมฆ” เร็วๆ นี้