ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 2
ที่บ้านลิเกคืนนั้น ลูกดอกกับแฉะกำลังซ้อมอุ้มจริยา ด้วยท่าของเชียร์ลีดเดอร์ปอมๆ เตรียมเอาไว้เชียร์มวยหาตังค์รอบหน้า กะให้ชาวทุ่งไก่หลงฮือฮา
ส่วนเพชรกับรักษ์นั่งนับเงิน เป็นพวกแบงค์ 20 แบงค์ 100 มีสำเริงนั่งเอกเขนกดู
“นับนะ 1 2 3 ฮึบ”
แฉะกับลูกดอกโยนจริยาทิ้ง ปรากฏว่าจริยาล้มก้นจ้ำเบ้า โวยลั่น
“โอ้ย เชียร์ลีดเดอร์ จะกลายเป็นเชียร์ลีดเดี้ยงก่อนซะละมั้ง”
“แต่มันคุ้มมากเลยนะพี่ นี่เราไปเชียร์แค่แป๊บเดียว ได้เงินเยอะกว่าเล่นลิเกทั้งคืนอีก พวกที่พนันฝ่ายพี่พริมน่ะ ให้ติ๊ปเราไม่อั้นเลย” ลูกดอกเชียร์
เพชรเสริมขึ้นว่า “แล้วถ้าต่อไปเราเก็งถูกว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ แล้วเราก็เชียร์ฝ่ายนั้นจนชนะจริงๆ เราก็จะได้ติ๊ปบานเลย คิดดูสิ คืนนึงชกกันตั้ง 5-6 คู่ เราจะได้เงินเท่าไหร่”
“แล้วพวกแม่อรเค้าไม่ว่าอะไรเหรอ ไปทำเสียงดังเย้วๆ” สำเริงถามขึ้น
“ไม่ว่าหรอก เค้าออกจะชอบ”
สิ้นคำพูดของเพชร เสียงพริมดังขึ้น “ไม่ชอบ”
ชาวลิเกหันไปทางเสียง
เห็น พริม ขนุน เอื้อย บุญหลง เดินขบวนเข้ามา พริม เอื้อย และบุญหลงหน้าตาขึงขัง แต่ขนุนไม่อยากมีเรื่อง
“เวลาชั้นชก ชั้นไม่อนุญาตให้ใครไปเชียร์ทั้งนั้น มันเสียสมาธิ” พริมว่า
“อ้าว แต่ชั้นก็เห็นชาวบ้านเชียร์เธอกันลึ่มๆ แล้วทำไมชั้นจะเชียร์เธอบ้างไม่ได้”
“คนอื่นเชียร์ได้ แต่พวกลิเกเราไม่อนุญาต” เอื้อยหัวเราะมาดนางร้าย “ฮ่าๆๆๆ”
บุญหลงพูดเป็นเชิงขู่ “อย่าให้เห็นว่าไปป่วนที่เวทีมวยอีกนะ”
สำเริงไม่อยากมีเรื่อง “จ้ะๆ ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ไปกวนอีกแล้ว ขอโทษแทนเด็กๆ มันด้วยนะ”
“ลุงเริงรับปากแล้วนะ พวกเรา กลับ”
พริม ขนุน เอื้อย และบุญหลง ยกขบวนกลับ
ลูกดอกบ่น “เสียดายอ่ะ เงินดีซะด้วย”
“เรามันเป็นลิเก ไม่ใช่เชียร์ลีดเดอร์ กลับมาเล่นลิเกอย่างเดิมน่ะดีแล้ว” รักษ์บอก
“ถ้าเล่นลิเกมันเงินดีเหมือนชกมวยก็คงจะดี” จริยาว่า
ทุกคนกลุ้มใจ ส่วนเพชรกำลังคิดแผนอะไรอยู่ในใจ
เช้านี้ บรรยากาศในค่ายมวยคึกคักเช่นทุกวัน นักมวยลงนวมฝึกซ้อมกันอยู่ เด่น แคนจับคู่ซ้อมกัน
อรชรนั่งอยู่ที่โต๊ะสนาม พริมนั่งข้างๆ แม่ สักครู่เพชรเดินเข้ามาหา ด้วยท่าทางนอบน้อม
“มาขอโทษอีกแล้ว ความผิดเยอะนักนะ” พริมหมั่นไส้
“เมื่อวานที่พวกชั้นทำไปก็ด้วยความคึกคะนอง ชั้นมาให้สัญญาว่าวันหลังจะไม่ไปทำเสียงดังอย่างนั้นอีกแล้ว น้าอร กับพริม ให้อภัยชั้นนะจ๊ะ”
“เมื่อวานลุงเริงก็ให้สัญญาแล้ว ชั้นรับรู้แล้วล่ะ จะมาพูดอะไรอีกเยอะแยะ” พริมมองตาขวาง
“คือชั้นมีอีกเรื่องนึงน่ะจ้ะ คณะลิเกของเราตอนนี้มีปัญหาเรื่องเงิน เมื่อวานที่เราไปเชียร์พริมน่ะ เราก็ได้ติ๊ปมาเยอะเลย แต่ถ้าไม่ให้พวกชั้นไปเชียร์แล้ว เราก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้ ชั้นก็เลย...ขอมาสมัครงานที่ค่ายมวยนี่ได้มั้ย”
อรชรรองลั่น “หา สมัครอะไร จะมาเป็นกองเชียร์ประจำค่ายเหรอ ไม่ ค่ายเราไม่ต้องการกองเชียร์”
“เปล่าๆ ชั้นไม่ได้จะมาสมัครเป็นกองเชียร์ ชั้นมาสมัครเป็น นักมวยจ้ะ”
อรชร กับ พริม อึ้ง คาดไม่ถึง อุทานพร้อมกันเสียงดังลั่น
“นักมวย”
ถูกอรชรตะเพิดกลับมาที่บ้านลิเก เพชรเล่าเรื่องให้ รักษ์ ลูกดอก แฉะ และจริยา ที่สุมหัวนั่งคุยกันอยู่หลังบ้านฟัง แต่บอกแค่ตนไปสมัครเป็นนักมวย
รักษ์ ลูกดอก และ แฉะ พากันแหกปากร้องลั่นประสานเสียง “ไปสมัครเป็นนักมวย!”
รักษ์ไม่พอใจ “เสียสติไปแล้วเหรอไอ้เพชร คิดอะไรของแกอยู่”
“ก็คิดจะช่วยให้คณะลิเกของเราพ้นหนี้พ้นสินซักทีน่ะสิ เมื่อวานพี่ไม่เห็นที่พริมชกชนะเหรอ ได้เงินรางวัลเป็นหมื่น พวกเราแหกปากเชียร์กันตั้งหลายคน ยังได้ไม่เท่าเลย” เพชรบอกเหตุผล
ลูกดอกอดถามไม่ได้ “แล้วพี่ต่อยมวยเป็นเหรอ”
“ไม่เป็น ถึงได้ไปสมัครนี่ไง”
“ไปสมัครแล้วเค้าว่าไงมั่ง” แฉะซัก
“ไม่ว่าไงหรอก”
รักษ์ครุ่นคิด “แปลก ทำไมยอมรับง่ายๆ ทั้งๆ ที่เค้าเกลียดเราจะตาย”
เพชรบอก “รับที่ไหนล่ะ โดนไล่ตะเพิดออกมาต่างหาก”
รักษ์ ลูกดอก และ แฉะ ร้อง “อ้าว”
“แต่ชั้นเชื่อว่า ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก” ดูทรงแล้วเพชรมุ่งมั่นมาก
“แล้วนี่พ่อเริงเค้ายอมให้แกไปเป็นนักมวยได้ไง” รักษ์นึกสงสัย
“ไม่รู้สิ ชั้นยังไม่ได้บอก”
รักษ์ ลูกดอก และ แฉะ ร้อง “อ้าว” อีก
“ชั้นกะว่าจะรอให้น้าอรรับชั้นเป็นนักมวยก่อนแล้วค่อยบอกน่ะ”
สามคนติดลมร้อง “อ้าว”
เพชรเซ็ง “พอแล้ว”
“แล้วพ่อเริงเค้าจะยอมเหรอ” แฉะกังวลแทน
“ถึงตอนนั้นไม่ยอมก็ต้องยอมแล้วล่ะ พวกพี่ไปช่วยชั้นตื๊อให้ชั้นเข้าค่ายมวยให้ได้ก่อนเถอะ”
รักษ์ท้วง มองไม่เห็นทาง “ตื๊อยังไง ทั้งน้าอร ทั้งพริม ใจแข็งกันจะตาย”
“ใจแข็งยังไง ถ้าได้เจอลูกอ้อนชั้น ก็อ่อนหมดแหละ”
เพชรยิ้มมั่นใจ
ตอนเช้าอีกวัน เพชรมาแบบจัดเต็มเพื่อให้โลกและชาวค่ายมวยรู้ว่าเขามุ่งมั่นตั้งใจมวาก...พระเอกลิเกหน้าหวานใส่กางเกงนักมวย สวมเสื้อกล้าม แถมยังมีมงคลนักมวยคล้องหัวอีกต่างหาก พาตัวเองมาคุกเข่าอยู่หน้าค่ายมวย เปิดฉากดราม่าตะโกนเข้าไปในค่ายมวย
“ข้าน้อยไอ้เพชร ลูกพ่อสำเริง มาด้วยใจศรัทธาในศิลปะแม่ไม้มวยไทย ข้าน้อยจะขอคุกเข่าอยู่อย่างนี้จนกว่าค่ายมวย ศ.อรชร จะรับเป็นศิษย์”
เพชรหันไปข้างๆ พยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกดอกที่ถือสายยาง ให้โปรยน้ำขึ้นฟ้าทำเป็นฝนตก
“แม้ฝนจะตก แดดจะออก พายุจะเข้า...”
เพชรหันไปอีกข้าง ส่งสัญญาณให้รักษ์ที่ถือถุงใบไม้แห้ง แฉะถือพัดลม ให้พัดใบไม้เข้ามา
“ข้าน้อยก็จะทน”
ทั้งน้ำทั้งลม ทั้งใบไม้ โปรยใส่เพชรไม่หยุด เพชรเริ่มทำให้เสียงเศร้าชวนให้สงสารมากขึ้น ก้มหน้าลง
“ได้โปรดเมตตารับข้าเป็นศิษย์ด้วย ได้โปรดเมตตารับข้าเป็นศิษย์ด้วย ได้โปรดเมตตา...”
อยู่ๆ มีน้ำสาดโครมลงมาใส่หัวเพชร
“ไอ้ลูกดอก บอกให้ทำเป็นฝอยๆ เล่นสาดโครมมาได้ไงวะ” เพชรโวยคิดว่าเป็นชาวคณะ
“ชั้นไม่ได้ทำ” ลูกดอกบอกพร้อมกับส่ายหัว
“แกไม่ทำแล้วหมาที่ไหนทำ”
เสียงพริมดังขึ้น “ชั้นเอง”
เพชรเงยหน้าขึ้นมามองเห็นพริมยืนถือถังน้ำอยู่ตรงหน้า ข้างๆ มีขนุน เอื้อย และ บุญช่วย พวก รักษ์ ลูกดอก และแฉะ ออกมาอยู่ข้างเพชร
“พริม ช่วยบอกน้าอรให้รับชั้นเป็นศิษย์ด้วยเถอะนะ” เพชรอ้อน
“กลับไปซะ ค่ายเราไม่ต้อนรับพวกลิเก”
“แต่ชั้นตั้งใจจริงๆ นะพริม”
“พูดไม่รู้เรื่องรึไง กลับไป” บุญหลงตะคอก
“นี่ไอ้บุญหลง แกพูดกับใครวะ ชั้นไม่เห็นมีใครพูดกับแกซักคน”
บุญหลงโกรธจะเข้าซัดเพชร แต่ขนุนห้ามไว้
“อย่าพี่หลง” แล้วหันมาบอกเพชร “กลับไปเถอะพี่เพชร เดี๋ยวจะปอดบวมตายซะก่อน” จากนั้นหันไปทางพวกพี่ๆ “เข้าบ้านเถอะพี่”
ขนุนจูงพริมกับบุญหลงกลับเข้าไป เอื้อยเดินมายืนจ้องหน้าเพชร ท่าทางอย่างกับนางร้ายละครช่อง8 เป๊ะ
“แล้วอย่ากลับมาให้เห็นอีกนะ เหม็นขี้หน้า” ปิดจ๊อบด้วยเสียงหัวเราะนางร้าย “ฮ่าๆๆๆ” แล้วสะบัดหน้าเดินบิดตูดเข้าค่ายมวยไป
แฉะมองตาเยิ้ม “อู้ย คนอะไร ขนาดร้ายก็ยังน่ารัก”
“พี่แฉะ อย่าเพิ่งเพ้อ ช่วยพยุงชั้นลุกก่อน ตะคริวกิน”
แฉะ รักษ์ และลูกดอก ช่วยกันพยุงเพชรลุกขึ้น
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 2 (ต่อ)
เพชรในสภาพหัวยังเปียกหมาดๆ กำลังห่มผ้าขาวม้า จาม 2-3 ที ลูกดอกยกน้ำอุ่นมาให้ รักษ์กับแฉะ นั่งกลุ้มอยู่แถวนั้น
“เนี่ยเหรอ ลูกอ้อนของแก ไม่เห็นจะได้ผลเลย”
“ชั้นต้องเพิ่มระดับความน่าสงสารขึ้นไปอีก เหมือนตอนที่ร้องอ้อนแม่ยก”
ว่าแล้วเพชรก็ร้องลิเก
“โปรดสงสารลูกนก ลิเกยาจกคนยาก
รักฉันไม่ต้องมาก แต่ให้ฝากรักนาน...นาน”
“อ้อนไปก็ไม่ได้ผลหรอกพี่ พวกนั้นต้องใช้ไม้แข็ง” ลูกดอกบอก
“จะให้ชั้นไปขู่ตะคอกเค้าหรือไง “เฮ้ย จะรับไม่รับ ไม่รับโดนตื๊บ!” ชั้นคงโดนตื๊บคนแรก”
“เอางี้สิ จี้คอตัวเองเป็นตัวประกัน” พลางแฉะคว้าไม้แถวนั้นมาจี้คอตัวเองต่างมีด แล้วเล่นเหมือนคนเมายาบ้า “จะรับชั้นเป็นศิษย์มั้ย ถ้าไม่ ไอ้นี่ตาย! แฮ่”
เสียงสำเริงดังเข้ามาจากทางหลังบ้าน “หายหัวไปไหนกันหมด มาช่วยกันทำครัวหน่อยซิ”
เพชรกระซิบทุกคนเบาๆ “ห้ามให้พ่อรู้เรื่องนี้เด็ดขาดนะ” แล้วแหกปากตะโกนตอบไป “มาแล้วจ้ะพ่อ”
สำเริงกับจริยา วางถุงผักต่างๆ ลงบนโต๊ะในครัว เพชรยังห่มผ้าขาวม้า รักษ์ ลูกดอก และแฉะ ตามกันเข้ามา ลูกดอก แฉะ และ รักษ์ ไปช่วยจริยาล้างผัก
“วันนี้มีอะไรกินบ้างจ๊ะ” เพชรถามขึ้น
“ผัก ผัก แล้วก็ผัก ดูสิกินจนหน้าเขียวไปหมดแล้ว” จริยาประชด
“กินผักน่ะสิดี ร่ายกายแข็งแรง” สำเริงไม่สน
เพชรจาม 1 ที สำเริงหันมามองลูก “ไม่สบายเหรอ”
“อ๋อ เปล่า ชั้น ชั้นอาบน้ำนานไปหน่อย”
“ไอ้นี่หนิ บอกว่าให้ช่วยกันประหยัดน้ำประหยัดไฟ ยังจะมาอาบน้ำนานอีก ขอประกาศตรงนี้เลยนะ ต่อไปนี้ อาบน้ำได้วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 5 ขัน ไฟ เปิดได้ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม ตู้เย็นงดใช้ดึงปลั๊กออกไปเลย ส่วนทีวี จะต้องมีคนดูพร้อมกันอย่างน้อย 3 คนถึงจะเปิดได้” เจอมาตรการรัดเข็มขัดชุดใหญ่เลย
จริยาท้วง “แต่ทั้งบ้านมีชั้นดูละครอยู่คนเดียว ชั้นก็อดสิ”
“เออ” สำเริงกระแทกเสียงใส่
เห็นทุกคนจ๋อง เพชรกลุ้มใจหนัก ต้องหาทางช่วยที่บ้านให้ได้โดยไว
อรชร เพิ่งกลับเข้าค่ายมา พริม และเอื้อย รีบรายงานเรื่องเพชรมาตื๊อเป็นนักมวย
“ไล่ไปแล้วใช่มั้ย ดีมาก พวกเราชาวค่ายมวย ศ.อรชร ไม่มีทางญาติดีกับไอ้คณะลิเกเพชรสำเริงเด็ดขาด”
ขนุนที่อยู่ด้วย ฟังแล้วหวั่นใจ
“ชั้นไม่มีวันลืมความแค้นที่ลุงเริงเคยทำไว้กับแม่ได้หรอก”
สีหน้าพริมมาแนวแค้น เมื่อนึกถึงความชอกช้ำใจที่แม่อรชร ได้รับ เมื่อ 20 ปีก่อน
เมื่อในอดีต อรชรกับสำเริงเป็นแฟนกัน สองคนพลอดรักจู๋จี๋กันไม่รู้เบื่อ
“อรรอพี่นะ ถ้าพี่เก็บเงินได้เมื่อไหร่ พี่จะรีบมาขออรทันทีเลย อรอย่าเพิ่งไปมีใครอื่นซะล่ะ”
สำเริงร้องลิเกเกี้ยว
“พี่สำเริงสัญญา จะรีบมาสู่ขอ
น้องอรชรช่วยรอ อย่าเพิ่งท้อทดใจ
พี่รักจริงหวังแต่ง อย่าแบ่งรักให้ใคร...”
“ชั้นจะไปมีใครให้รัก พี่เริงต่างหาก ทั้งแม่ยกแฟนลิเกติดกันเป็นฝูง แล้วไหนจะ แม่มณีนางเอกของพี่อีก ชั้นได้ข่าวว่าชอบๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“โธ่ คิดมากน่ะ พวกแม่ยกก็มีแต่รุ่นแม่รุ่นป้า ส่วนแม่มณีน่ะ ก็รักกันเฉพาะในเรื่อง ลิเกจบก็จบกัน ...แหม ขี้หึงเหมือนกันนะอร”
อรชรเขินทุบตีสำเริงพองาม “บ้า...”
เหตุการณ์ต่อมา ในขณะที่อรชรเพิ่งใส่นวมเสร็จ กำลังชกกระสอบ เอื้อยถือการ์ดแต่งงานวิ่งเข้ามา
“อร อร”
“มีอะไรเอื้อย ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
“ไม่ตื่นเต้นได้ไงล่ะ ดูนี่สิ”
เอื้อยยื่นการ์ดแต่งงานให้ดู อรชรหยิบมาอ่าน
“ขอเชิญร่วมพิธรมงคลสมรสระหว่าง นางสาวมณี รัศมีส่องแสง กับ นายสำเริง ศิลป์บันเทิง”
อรชรไม่อยากเชื่อ “ไม่จริง”
“จริงอร มันเป็นเรื่องจริง พี่เริงกำลังจะแต่งงานกับมณี”
เมื่อได้ฟังใบหน้าอรชรจากเสียใจ เปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
อรชร หันไปชกกระสอบทรายอย่างหนัก ระบายแค้น
อรชรเองนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ของขึ้นทู๊กที
“แค้นครั้งนั้นชั้นไม่มีวันลืมหรอก และยิ่งตอนนี้ชั้นได้เป็นเจ้าหนี้ของพวกลิเกแล้ว ก็ยิ่งหาทางแกล้งได้ง่ายขึ้น”
อรชรยิ้มร้ายออกมา
เอื้อยสวมบทนางร้ายหัวเราะร่าทันที “วะ ฮ่าๆๆๆๆ”
อรชรมองเขม่นเอื้อย หัวเราะทำไมอีนี่?
ส่วนบ้านลิเก เพชรห่มผ้าขาวม้าอย่างเก่า รักษ์ ลูกดอก แฉะ และสำเริง นั่งล้อมวงกินข้าวมื้อกลางวัน กับข้าวมีต้มผักกับผัดผัก มีไข่เจียวใบหนึ่ง
สำเริงเอาช้อนตัดแบ่งไข่เจียวเป็น 6 ชิ้น ยังกะแบ่งเค้ก ให้ทุกคนตักไปคนละชิ้น
“ถามหน่อยดิพ่อ ทำไมพวกค่ายมวยเค้าถึงเกลียดเรานักหนา”
คำถามของลูกชาย ทำเอาสำเริงอึกอัก ไปแทบไม่เป็น
“ก็...เพราะเราชอบทำเสียงดังรบกวนเค้านั่นแหละ แล้วแม่อรเค้าก็เป็นคนจริงจังกับชีวิต แต่เรามันพวกลิเกชอบความเฮฮา”
“เอ๊...แต่ชั้นจำได้ ตอนชั้นสาวๆ ชั้นเห็นแม่อรน่ารักแล้วก็ร่าเริงกว่านี้นะ อ้อ ชั้นยังเคยเห็นเค้าไปดูพ่อเริงเล่นลิเกเลย” จริยาว่า
สำเริงพูดปัดไป “จำผิดแล้วมั้ง”
เสียงคนวิ่งตึงตังเข้าบ้านมา ตามด้วยเสียงลิลลี่
“พี่เพชร พี่เพชร! พี่เพชรถูกไอ้พวกค่ายมวยมันรังแกมาเหรอจ๊ะ”
เพชร รักษ์ ลูกดอก และแฉะ ตาเหลือก ความแตก
เพชรรีบปฏิเสธเสียงสูง “เปล๊า เอามาจากไหน ใครบอก”
“ก็เมื่อกี้ชั้นไปส่งกาแฟที่ค่ายมา พี่เอื้อยเล่าให้ฟังว่าพี่น่ะไปขอสมัครเป็นนักมวย แต่พริมดันเอาน้ำมาสาดไล่”
ผู้สื่อข่าวพิเศษสาระแนรายงานละเอียดยิบ เล่นเอาสำเริงหูผึ่ง หันมาทางลูกชายตาเขียวปั๊ด
“จริงเหรอไอ้เพชร”
เพชรอึกอัก หลักฐานมัดแน่น
เพชรนั่งเครียดอยู่ในห้อง ถูกสำเริงปิดห้องดุ
“มือของเรามีเอาไว้รำลิเก ไม่ได้มีเอาไว้ชกมวย”
“แต่มือของชั้นอาจจะทำได้ทั้ง 2 อย่างก็ได้นะพ่อ” เขาย้อนแย้ง
“ยังจะเถียงอีก คนในตระกูลเราแต่ละคนแทบจะรำลิเกออกมาจากท้องแม่ ตั้งแต่ปู่ชั้น พ่อชั้น ตัวชั้น รวมทั้งตัวแกด้วย แล้วจู่ๆจะมาแหกคอกไปต่อยมวย มันจะไปได้ดีได้ยังไง”
“ยังไม่ได้ลองเลย แล้วจะไปรู้ได้ยังไงล่ะพ่อ มันก็ต้องได้ลองก่อนสิ”
“ไม่ต้องลองชั้นก็เห็นอนาคตแล้ว แกจะไปเป็นที่รองมือรองตีนเค้าเปล่าๆ”
สำเริงตรงไปที่ประตูห้อง แล้วเปิดออก
พวก รักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยา และลิลลี่ ก็เลยไหลทะลักเข้ามา เพราะแนบหูแอบฟังกันอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว
“ทุกคนฟังไว้ตรงนี้เลยนะ ห้ามใครไปยุ่งเกี่ยวกับพวกค่ายมวยอีกเป็นอันขาด”
คำประกาศของพ่อยิ่งทำให้เพชรโมโห คิดปราดเดียว พูดโพล่งขึ้น
“ไม่ได้หรอกพ่อ เพราะน้าอร เค้ารับชั้นเป็นนักมวยในค่ายแล้ว”
สำเริงตกใจ “อะไรนะ”
“ขนาดน้าอรเค้ายังยอมรับเลย พ่อก็ต้องยอมรับสิ”
“อรชร”
สำเริงคำรามในคอ ท่าทางโกรธมาก เดินหุนหันออกจากห้องไปเลย
“เพชร น้าอรเค้ารับแกตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” รักษ์งง
“ยังหรอก ชั้นก็พูดไปงั้นแหละ เผื่อพ่อจะยอม”
แฉะพยักพเยิด “แล้วดูท่าสิ ยอมมั้ยล่ะน่ะ”
“ชั้นว่าพ่อเริงต้องไปหาน้าอรแน่เลย เรารีบตามไปเหอะ”
จบคำพูดของจริยา ทุกคนรีบกรูกันออกไปเป็นฝูง
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 2 (ต่อ)
ขณะที่อรชรกำลังเดินดูความเรียบร้อยในค่าย มีเอื้อยเดินตามคอยรอจังหวะหัวเราะสอพลอ พริม ขนุน บุญหลง ชาติ แชมป์ เด่น แคน และนักมวยอื่นๆ กำลังซ้อมกันอยู่ ระหว่างนี้สำเริงเดินอาดๆ เข้ามาอย่างเอาเรื่อง เรียกอรชรเสียงดังลั่น
“แม่อร มาคุยกันหน่อยซิ”
อรชนงง “มีอะไร ทำไมต้องเสียงดังด้วย”
คนในค่ายเริ่มเข้ามาดู
“เธอมันใจร้ายมาก ไอ้เพชรตัวมันก็เท่านั้น จะให้มันถูกยำจนตายเลยรึไง เธอถึงจะพอใจ”
“พูดอะไร ชั้นรู้ไม่เรื่อง” อรชรงง
“ยังมาทำไก๋อีก เธอจะโกรธจะเกลียดอะไรชั้นก็โกรธก็เกลียดไปเถอะ แต่เด็กมันไม่เกี่ยว เธอก็ไม่ควรไปลงที่เด็ก”
“เดี๋ยวนะพ่อเริง เราไม่รู้เรื่องจริงๆว่าพ่อเริงพูดเรื่องอะไร ใครไปทำอะไรไอ้เพชร ชั้นก็แค่สาดน้ำใส่มันเท่านั้นแหละ” พริมพยามอธิบาย
เพชร รักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยา ลิลลี่วิ่งเข้ามา
“เพชรมันบอกชั้นว่า แม่อรรับมันมาเป็นนักมวยในค่ายแล้ว”
คนฝั่งค่ายมวยงง เพชรเสียวว่าจะโดนอรชรด่าที่โกหก
“ที่แม่อรรับ ก็เพื่อจะเอามันมาทารุณเล่นใช่มั้ย เอามาให้ไอ้พวกนี้” สำเริงชี้กราดไปที่พวกนักมวยในค่าย “หักกระดูกเล่นใช่มั้ย เลือดเย็น เลือดเย็นที่สุด ชั้นไม่คิดเลยว่าคนอย่างแม่อรจะเอาความแค้นในอดีตมาลงที่เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบนี้”
อรชรโมโห ที่สำเริงมาถึงก็ด่าเอาๆ ไม่ฟังตนเลย ประมวลความคิดแล้วบอกไปว่า
“ใช่! ชั้นรับไอ้เพชรมาเป็นนักมวยแล้ว”
คนฝั่งค่ายมวยตกใจ เพชรเองก็งง
พริมตกใจกว่าใคร “แม่”
อรชรยกมือห้ามพริมไม่ให้พูด
“ก็ในเมื่อเพชรมันอยากมาเอง ชั้นก็รับไว้ แล้วชั้นผิดตรงไหนไม่ทราบ เพชร”
เสียงเข้มของอรชร ทำเอาเพชรถึงกับสะดุ้ง
“อยากเป็นนักมวยไม่ใช่เหรอ มานี่สิ”
เพชรยังลังเล ค่อยๆ เดินไปหาอรชร
“ไอ้เพชร” สำเริงเสียงเข้มกว่าเก่า
เพชรสะดุ้งอีก หยุดเดินอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 กลุ่มพอดี
“แกตอบให้ชั้นมั่นใจอีกทีซิ ว่าแกอยากเป็นนักมวยจริงๆ”
“ใช่ ชั้นอยากเป็นนักมวย…”
สำเริงแค้นแทบกระอัก “ไอ้เพชร”
เพชรบอกต่ออีกว่า “แต่ชั้นก็อยากเล่นลิเกด้วยจ้ะ”
“ถ้าแกจะเป็นนักมวย แกก็ไม่ต้องเป็นลิเก นับจากวันนี้เป็นต้นไป แกก็อยู่ที่นี่มันซะเลย ไม่ต้องไปเหยียบที่บ้านชั้นอีก”
สำเริงประกาศกร้าวแล้วหันหลัง เดินหุนหันออกไปทันที
รักษ์หันมาบอก “เพชร รีบตามไปขอโทษพ่อเร็ว”
เพชรตัดใจ “ไม่ ชั้นจะเป็นนักมวย ชั้นจะเป็นนักมวย พวกพี่กลับไปเถอะ”
“กลับไปกันได้แล้ว ไม่ได้ยินเหรอ ว่าเพชรเค้าจะเป็นนักมวย”
ถูกอรชรตะเพิด พวกรักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยา และลิลลี่พากันกลับไปอย่างงงๆ
พริมพยายามค้าน “แม่...”
“ไว้ไปคุยกันข้างใน เพชร รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
อรชรเดินไป พริมตาม คนอื่นๆ แยกย้ายสลายโต๋
เพชรนั่งลงแถวนั้นอย่างเคว้งคว้างกับชีวิตใหม่ในค่ายมวย
อรชรเดินเข้ามาในมุมออฟฟิศรับงานภายในบ้าน พริมตามมาบ่น
“ชั้นจะต้องประสาทกินแล้วก็ไม่เป็นอันซ้อมแน่ๆ ถ้ามีไอ้ลิเกนั่นอยู่ในค่าย แม่อย่ารับมันนะ”
“ก็ชั้นรับมาแล้ว ทุกคนก็ได้ยินกันหมด”
พริมขัดใจ “แต่แม่...”
อรชรตัดบท “ไม่ต้องแล้วพริม อรชรพูดคำไหนคำนั้น ไม่กลับกลอกเหมือนพวกลิเก”
พริมอารมณ์เสีย
ฝ่ายสำเริงกลับเข้าบ้านมากินข้าวต่อด้วยความโมโห คนอื่นเข้ามาอย่างเกรงๆ รักษ์เข้าไปตักกับข้าวให้สำเริง
“เดี๋ยวเรากินข้าวกันอิ่มแล้ว เราไปรับเพชรมันกลับมากันนะ”
“อือ แต่ไม่ต้องเอามันกลับมาที่นี่นะ จะไปที่ไหนก็ไป” สำเริงกะตัดหางลูกชาย
จริยาเอาน้ำมาให้สำเริง
“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะ ใจจะได้เย็นๆ พ่อลูกกัน ตัดยังไงก็ไม่ขาดหรอก”
สำเริงโมโหพุ่งจนพาล “แล้วมันเห็นชั้นเป็นพ่อมั้ย มันเป็นลูกลิเก แต่ดันไปพูดต่อหน้าชาวบ้านว่าอยากเป็นนักมวย ชั้นไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”
“แล้วพ่อเริงจะปล่อยให้พี่เพชรถูกซ้อมตายอยู่ที่ค่ายมวยเหรอ” ลิลลี่โวยวาย
“ตายไปเลย ชั้นไม่เคยมีลูกอย่างมัน”
“พ่อเริงใจร้าย คิดว่าพี่เพชรเค้าอยากเจ็บตัวเหรอ ที่พี่เค้าต้องไปเป็นนักมวย เพราะเค้าอยากได้เงินมาใช้หนี้ เราจะได้กินดีอยู่ดีกันซะที ไม่ใช่กินแต่ต้มผักกับผัดผักทุกมื้อแบบนี้”
คำพูดแทงใจจากปากลูกดอก กระแทกเข้าหน้าโต้โผลิเกจังๆ สำเริงถึงกับอึ้งไปเลย
ฝ่ายอรชรกำลังอบรมเพชร ต่อหน้าทุกคนตรงลานบ้าน
“ชั้นไม่ได้รับเธอเข้ามาเพื่อให้มากินฟรีอยู่ฟรีหรอกนะ ชั้นรู้ว่าตอนนี้พ่อของเธอไม่มีปัญญาจะจ่ายดอกเบี้ยชั้นแน่ๆ เพราะฉะนั้น เธอก็ต้องอยู่ที่นี่ในฐานะตัวขัดดอก”
“เธอจะต้องทำงานแลกข้าว แลกที่ซุกหัวนอน เธอต้องทำงานทุกอย่างแล้วแต่พวกเราจะใช้” เอื้อยบอก
พริมหันไปทางบุญหลง “บุญหลง งานอะไรที่เคยทำ ต่อไปนี้ให้เพชรเค้าทำแทนนะ”
เพชรยอมรับสภาพ
“จ้ะ ยังไงก็ได้ ขอให้สอนมวยชั้น ให้ชั้นเป็นนักมวย ให้ชั้นได้ขึ้นชก ชั้นยอมหมด”
ถัดจากนั้น ขนุน เอื้อย บุญหลง ชาติ แชมป์ เด่น แคน นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ โดยมีพริมยืนอยู่ข้างหน้า
“ทุกคนก็รู้นะ ว่าชั้นเกลียดไอ้ลิเกนั่นขนาดไหน เพราะฉะนั้น เราต้องทำทุกวิถีทาง ให้มันทนอยู่ที่นี่ไม่ได้”
เอื้อยรับลูกทันที “เรื่องแกล้งคน ชั้นถนัดอยู่แล้ว ขอให้บอกเถอะ”
“พี่พริม ชั้นว่าไม่ต้องไปแกล้งเค้าหรอก ลองได้ซ้อมเตะกระสอบแค่วันเดียว เค้าอาจจะถอดใจแล้วก็ได้” ขนุนว่า
ชาติยัวะลูกสาว “อีขนุน แกไปเห็นใจมันทำไม อย่าบอกนะว่าหลงเสน่ห์มันเข้าให้แล้ว”
“ไม่ใช่ซะหน่อยพ่อ ชั้นก็แค่ไม่อยากให้เราทำบาปทำกรรม”
“ไม่ถึงกับบาปหรอกขนุน เราไม่ได้เอาถึงตายซะหน่อย”
พริมยิ้มร้ายคิดแผนชั่วแกล้งเพชรไว้แล้ว
เอื้อยรู้ทันหัวเราะเสียงนางร้ายชอบอกชอบใจ “ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
อีกฟาก เวลาเย็นคล้อยจวนค่ำ รักษ์นั่งรออยู่ที่ศาลาหลังวัด จนขนุนเข้ามา
“เป็นไงมั่งขนุน”
“พี่พริมเค้าบอกให้ทุกคนในค่ายรุมแกล้งพี่เพชร พวกพี่รีบไปรับพี่เพชรเค้ากลับมาเหอะ”
“พวกชั้นก็อยากอยู่หรอก แต่พ่อเริงน่ะสิ ยังโกรธเพชรไม่หาย ระหว่างนี้ ก็ต้องฝากขนุนช่วยดูเพชรมันด้วยล่ะกัน”
จริยาโผล่พรวดออกมา
“จ๊ะเอ๋ ขนุน เรามาเริ่มเรียนบทต่อไปกันเถอะ วันนี้พี่จะสอนทำเสียง...กุก กุ้ก กุ๊ก กุ้ก กุก กุก กุก”
“พี่จริยา หนูไม่มีตังค์แล้วอ่ะ” ขนุนบอก
“อ้าว แล้วเธอไม่อยากเป็นนักร้องแล้วเหรอ ความฝันของเธอนะ”
“อยากค่ะ หนูเลยให้พี่รักษ์สอนแทน”
จริยาเหลียวขวับมองรักษ์ตาเขียว “รักษ์! เธอมาแย่งงานแย่งอาชีพชั้นได้ยังไง”
“ชั้นสอนให้ฟรี แลกกับที่ขนุนต้องคอยมาบอกเรื่องในค่ายมวย”
จริยากรี๊ด “ไม่นะ” แล้วร้องลิเกทันที
“เงินหายรายได้หด ช่างรันทดชีวี
ต้องเร่งรีบหาสามี ไว้เป็นที่พึ่งพา
เสี่ยเล็กหรือเสี่ยใหญ่ รีบมาไวไวรีบมา”
จริยารำโศกออกไป
ขนุนส่ายหัวมองตาม “ชั้นว่าชั้นคิดถูกแล้วล่ะที่เปลี่ยนมาให้พี่รักษ์สอนแทน”
ส่วนที่ค่ายมวย พริม บุญหลงเดินนำเพชรมาที่ห้องพัก เปิดประตูเข้าไป มีฟูกที่นอนอยู่ชิดฝาด้านหนึ่ง มีข้าวของเครื่องใช้อยู่นิดหน่อย ส่วนอีกด้านหนึ่งโล่งๆ
“พักห้องนี้แหละ” พริมบอก
เพชรดี๊ด๊ารีบเข้าไปนอนกลิ้งที่ฟูก
“ขอบใจนะ อุตส่าห์จัดที่นอนให้ชั้น ถึงแม้มันจะ สกปรกไปหน่อย”
“นั่นที่นอนชั้น” บุญหลงบอก
เพชรสะดุ้งโหยง กระถดตัวออกมาแทบไม่ทัน
“ห้องพักมันเต็ม ก็เลยให้มาอาศัยบุญหลงอยู่ บุญหลง ทนอึดอัดหน่อยนะ แต่ชั้นว่าไม่นานหรอก เพชรก็คงไปแล้วละ”
บุญหลงชี้ตรงที่โล่งๆ “แกนอนตรงนี้แล้วกัน”
“แล้วที่นอนหมอนมุ้งไม่มีซักอย่างเลยเหรอ” เพชรมองไปทั่วห้อง
“แค่ชั้นให้เข้ามานอนให้ห้องก็บุญเท่าไหร่แล้ว อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป”
พริมสะบัดเดินออกไป เพชรทำหน้าล้อเลียนไล่หลัง บุญหลงเหล่ตามองเขม่น เพชรทำหน้าเป็นใส่
ที่โรงอาหารค่ายมวย มีหม้อข้าวใบใหญ่ ถาดใส่อาหาร และถาดใส่ไข่ต้ม โดยมีพริมเป็นคนตักข้าว ส่วนเอื้อยเป็นคนตักกับข้าว พวกนักมวยถือจานต่อคิวรับข้าวแล้วเดินไปนั่งโต๊ะ คิวสุดท้ายคือเพชร แต่ข้าวหมดแล้ว กับก็เหลือแต่เศษๆ น้ำๆ ไข่ต้มหมด
พริมแสร้งถาม “อ้าว ทำไมวันนี้ข้าวไม่พอล่ะพี่เอื้อย”
“ก็เพราะว่าวันนี้มีส่วนเกินน่ะสิ ขอโทษทีนะเพชร พรุ่งนี้ชั้นจะทำเพิ่มให้ ส่วนวันนี้ คงต้องอดไปก่อน ฮ่าๆๆๆๆ”
เพชรทำหน้าเศร้าเอาทัพพีขูดก้นหม้อ ได้ข้าวมานิดหน่อย ตักเศษกับข้าวและน้ำราด คลุกๆ แล้วไปนั่งที่
เพชรเดินมานั่งที่ แถวนั้นมีพริม ขนุน บุญหลง เด่น แคน นั่งกินอยู่ก่อน
“จะอิ่มเหรอพี่เพชร แบ่งของชั้นไปสิ”
ขนุนกำลังจะตักข้าวแบ่งให้เพชร พริมดุ
“ขนุน! เดี๋ยวก็ไม่มีแรงซ้อมหรอก”
“แค่ขนุนมีน้ำใจกับชั้น ชั้นก็อิ่มใจแล้วจ้ะ”
พริมเบะปากที่เพชรทำเป็นปากหวานใส่
อ่านต่อหน้า 4
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 2 (ต่อ)
เพชรเหลือบไปมองไข่ต้มในจานของเด่น กลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วคิดแผนได้ แกล้งชี้ไปไกลๆ
“เฮ้ย นั่นอะไร”
ทุกคนมองตามที่เพชรชี้ แต่ไม่เห็นมีอะไร
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
เด่นกลับมามองในจานตัวเองพบว่าไข่ต้มหาย
“เฮ้ย ไข่ชั้นหายไปไหน”
แคนเอามือจับเป้าเด่น
“เฮ้ย ทำไรวะ” เด่นงง
“ไข่แกก็อยู่ครบ 2 ใบนี่หว่า”
“ชั้นหมายถึงไข่ต้มในจาน ใครเอาไป”
“ชั้นไม่ได้เอาไปนะเว้ย”
บุญหลงบอก “ชั้นก็เปล่า”
ขนุนว่า “ชั้นก็เปล่า”
พริมส่ายหัว “ชั้นก็เปล่า”
เพชรปากตุ่ยเพราะอมไข่ต้มทั้งใบอยู่ แต่ส่ายหน้าดิกๆ
“แล้วอมอะไรอยู่ในปาก” เด่นถาม
“พี่เพชรเค้าอมน้ำน่ะ เมื่อกี้กินโดนพริกเข้าไป” ขนุนช่วย
“อย่าให้ชั้นรู้นะว่าใครเอาไป ชั้นกระทืบไส้แตกแน่!”
เด่นขู่จนเพชรกลัว ทำท่าตื่นเต้นชี้ไปทางหนุ่งพอทุกคนมองตาม เพชรรีบคายไข่ออกมาแล้วใส่คืนจานเด่นโดยไว
“เฮ้ย ไข่กลับมาแล้วว่ะ ก็ยังดี ที่ยังมีสำนึก”
เด่นตักไข่กินหน้าเฉย
“อืมมม...วันนี้พี่เอื้อยต้มไข่อร่อย เป็นยางมะตูมเชียว”
เพชรทำหน้าแขยงจะอ้วกเอา ขนุนแขยงตาม
ตกค่ำเพชรนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว ถือขันน้ำ เดินกระมิดกระเมี้ยนมาที่บ่อซีเมนต์สำหรับอาบน้ำหลังค่ายมวย เสียงนักมวยอาบน้ำโครมครามๆ
“อาบน้ำรวมเนี่ยนะ เอาวะ ครั้งนึงชีวิตลูกผู้ชาย”
เพชรเดินไป เจอ บุญหลง เด่น แคน และนักมวยอื่นๆ ใส่ กางเกงในตัวเดียวอาบน้ำกันอยู่ โดยไม่มีใครอายกัน ทุกคนหยุดอาบ หันมามองเพชรเป็นตาเดียว เพชรผงะ หน้าเจื่อน
“อุ๊ย ขอโทษทีที่มาขัดจังหวะ ชั้นไม่อาบละ ชั้นหนาว”
เพชรจะเหลียวหลังกลับ
บุญหลงเรียกไว้ “เดี๋ยว มันเป็นกฎของที่นี่ ที่เด็กใหม่จะต้องถูกวัดไซส์”
เพชรเสียวหว่างขาวูบวาบ “ซะ...ซะ ไซส์อะไร”
“ก็ไซส์น้องชายน่ะสิ” บุญหลงหันไปสั่ง “ไอ้เด่น ไอ้แคน”
สองคนเข้าล็อคแขนเพชรคนละข้าง
“เฮ้ย ชั้นไม่มีน้องชาย ชั้นเป็นลูกคนเดียว...เฮ้ย อย่า”
บุญหลงเข้าไปดึงผ้าขาวม้าเพชรออกเหลือแต่ กางเกงใน เพชรถีบขาคู่ใส่เต็มแรงร่างบุญหลงกระเด็น แต่เด่น และแคนยังหิ้วปีกเพชรอยู่ ด้วยความว่องไว เพชรดิ้นจนหลุดแล้วเอาขันปิดเป้าวิ่งหนีออกมา
“จับมัน!” บุญหลงตะโกนก้อง
บุญหลง เด่น แคน และนักมวยทั้งหลายวิ่งตามเพชรไปพรวน
เพชรวิ่งเอาขันปิดเป้าออกมา พวกคนอื่นวิ่งไล่ตามมากันเป็นฝูง เพชรวิ่งวนรอบต้นไม้ วิ่งซิกแซ็ก ปีนนู่น ข้ามนี่ มุดนั่น พวกนักมวยก็ทำตาม วิ่งไปทั่วค่าย ใครเห็นก็คงขำ
พริม ขนุน พร้อม เอื้อย เดินออกมาจากบ้าน
“ได้ยินเสียงใครโวยวายอะไรมั้ยขนุน”
“ได้ยินแว่วๆ นะ”
เอื้อยมองออกไปแล้วกรี๊ดสุดเสียง “แอร๊ยยย ฝูงเปรต”
ภาพที่สามสาวเห็นคือเพชรวิ่งเอาขันปิดเป้าเข้ามา ตามมาด้วยบุญหลง เด่น แคน นักมวยทั้งหลายที่ยกมือกุมเป้าเช่นกัน
“เฮ้ย อย่าเข้ามานะ”
เพชรวิ่งมาหาพริม โยนขันทิ้งแล้วไปหลบหลังพริม จับไหล่พริมไว้เป็นกันชน
“ช่วยด้วยพริม ช่วยด้วย”
พวกบุญหลง เด่น แคน และนักมวยอื่นๆ วิ่งมาแล้วเอามือกุมเป้าอยู่
“ไอ้เพชรมันถีบชั้น” บุญหลงฟ้อง
“ก็พวกแกจะรุมโทรมชั้นนี่”
“จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แกปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้ไอ้เพชร” พริมพยายามสะบัดตัวออก
“ไม่ ถ้าชั้นปล่อย ชั้นโดนพวกมันฆ่าตายแน่ๆ”
“ไม่ปล่อยใช่มั้ย”
พริมฟันศอกหลัง โดนคางเพชรจังๆ เบอร์ เพชรหน้าเหยเกทุกอย่างดับวูบลง
เพชรถูกจับใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นหน้าพริมเบลอๆ จนสายตาเริ่มปรับชัด พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่พื้นที่โล่งๆ บุญหลงนั่งอยู่ที่ฟูกตัวเอง พริม ขนุน เอื้อย ยืนดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ยังไม่ตายอีกเหรอ” พริมถาม
เพชรยังมึนหัวอยู่ “เมื่อกี้ชั้นโดนช้างถีบหน้ารึไงเนี่ย”
พริมยัวะยกกำปั้นขู่ “เอาอีกดอกมั้ย”
“พอแล้วจ๊ะ”
ขนุนกำชับบุญหลง “ฝากดูด้วยนะบุญหลง พรุ่งนี้ต้องตื่นไปวิ่งแต่เช้า”
พริม กะ ขนุน เดินออกไป เอื้อยตามแต่หัวเราะส่งท้ายเขย่าขวัญ
“ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ”
เพชรหันไปมองบุญหลง พออยู่กัน 2 ต่อ 2 เพชรก็เสียวๆ รีบนอนหันหน้าเข้าฝา
คืนเดียวกันนั้น สำเริงนั่งเหม่อคิดถึงเพชรอยู่มุมหนึ่งหน้าบ้าน รักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยาเดินเข้ามา
“ป่านนี้ไอ้เพชรจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
ลูกดอกเห็นสำเริงนั่งเหม่ออยู่ก็ จุ๊ปาก แล้วบุ้ยใบ้ชี้ให้รักษ์ แฉะ จริยาดู
“ท่าเนี้ย คิดถึงเพชรแน่ๆ” รักษ์ว่า
“เราลองไปขอร้องดูอีกทีมั้ย เผื่อจะยอมใจอ่อนยอมให้รับพี่เพชรกลับ”
ทุกคนพยักหน้าเห็นดีกับลูกดอก พากันเดินเข้าไปหาสำเริง
รักษ์พูดลอยๆ “สงสารเพชรจังเลยเนอะ ป่านนี้จะได้กินข้าวรึยังก็ไม่รู้”
จริยารับลูก “ที่หลับที่นอนจะเป็นไงบ้างนะ หรือเค้าจะให้มันนอนกลางดินกินกลางทราย”
“หรือจะโดนพวกไอ้บุญหลงหักแขนหักขาไปแล้ว” แฉะว่า
“ใช่ๆ ตัวก็แค่นั้น จะไปสู้ไอ้พวกนักมวยมันได้ยังไง” รักษ์บอก
ลูกดอกถอนใจเศร้า “โธ่...ไม่น่าเลยพี่เพชร เพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆ”
รักษ์ แฉะ จริยา ลูกดอก สวมบทโศกพากันร้องไห้ระงม
สำเริงรำคาญ “โว้ย! ถ้าเป็นห่วงมันนัก ก็ย้ายไปอยู่กับมันที่ค่ายมวยเลยไป๊”
รักษ์ แฉะ จริยา และ ลูกดอก กระเจิดกระเจิงไปคนละทาง
พ้นสายตาทุกคนสำเริงนั่งคอตกหน้าเศร้า ในใจเป็นห่วงลูกชายยิ่งกว่าใครอื่น
ทุกวันตั้งแต่เช้ามืดนักมวยค่ายศ.อรชร ต้องออกวิ่งไปตามถนนรอบหมู่บ้าน บุญหลง เด่น แคน และนักมวยคนอื่นๆ ใส่รองเท้า วอร์มร่างกายแล้วออกวิ่ง พริม และขนุน วิ่งเหยาะๆ เข้ามา
“ไอ้ลิเกล่ะ”
“ปลุกไม่ยอมตื่น” บุญหลงบอก
“วิ่งไปก่อนเลย ชั้นจัดการเอง”
บุญหลงกับขนุนออกวิ่ง ส่วนพริมเดินไปทางห้องพักเพชร
เพชรกำลังนอนหลับ อ้าปากหวอ พริมยืนอยู่หน้าประตู
“ตื่น....ตื่นได้แล้ว”
เพชรยังนอนนิ่ง พริมตีประตูปังๆ
“ตื่น ๆๆๆ”
เพชรพลิกตัวอีกนิดหน่อย แต่ยังหลับอยู่ พริมโมโห เข้ามาในห้อง มองซ้ายมองขวาหาตัวช่วย เห็นยาหม่องวางอยู่ที่ชั้น หยิบมา แล้วควักยาหม่องป้ายปากเพชร
เพชรขยับปาก แจ่บๆ แล้วก็ตกใจตื่น ถุยๆๆๆ เพราะเผ็ดและร้อนปากมวาก
“พริมนี่เอง ก่อนนอนก็เห็นหน้า ตื่นมาก็เห็นเธอ ชีวิตนักมวยช่างมีความสุขจริงๆ”
“เดี๋ยวได้มีความสุขแน่ ลุกได้แล้ว ไปวิ่ง”
“แล้วพริมจะวิ่งเคียงข้างเพชรรึเปล่าล่ะ”
พริมยิ้มเจ้าเล่ห์ “แน่นอน”
พวกบุญหลง เด่น แคน นักมวยคนอื่นๆ วิ่งเกาะกลุ่มกัน ทิ้งระยะห่างออกไปพอสมควร พริมกับเพชรวิ่งตามมา พริมวิ่งนำหน้าหน่อยหนึ่ง เพชรเหนื่อยมาก
“เป็นไง มีความสุขมั้ย”
“มีจ้ะ แต่จะสุขมากกว่านี้ถ้าพริมจะวิ่งช้าลงหน่อย”
“ช้าไม่ได้ ไม่เห็นเหรอว่าเค้าวิ่งไปกันนู่นแล้ว รีบตามมา”
พริมเร่งความเร็ว เพชรพยายามเร่งตาม วิ่งมาได้สักระยะพริมพูดโดยไม่หันไปมองคิดว่าเพชรวิ่งตามมาอยู่
“เป็นนักมวย ต้องวิ่งทุกเช้า วิ่งเสร็จก็ต้องกลับไปซ้อมต่อ ตอนเย็นก็ต้องทำเหมือนกัน คิดว่าไหวมั้ย ถ้าไม่ไหว ก็รีบไปลาออกซะ จะได้ไม่เหนื่อยเปล่า...” เพชรเงียบไม่หืออือ พริมถามซ้ำ “ได้ยินที่ชั้นพูดมั้ย”
พริมหันไปดูเพชร พบว่าเพชรนอนฟุบอยู่ไกลๆ
“อ้าว เฮ้ย”
พริมรีบวิ่งกลับไปดู เห็นเพชรหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม พริมจะขอให้ใครช่วยก็ไม่ได้เพราะเขาวิ่งนำไปไกลแล้ว
“ค่อยๆ ลุก”
พริมประคองเพชรลุกขึ้น พากันค่อยๆ เดินไป
เพชรซึ้งใจไม่น้อย ที่พริมกลับมาช่วย
เพชรนั่งกินข้าวอย่างหิวโหยอยู่ที่โรงอาหาร
“ท่าทางขี้โรคแบบเนี้ย เอาไปคืนเค้าเหอะ เลี้ยงต่อไปก็ตายเปล่า”พริมบอก
“คนนะ ไม่ใช่ลูกหมา นี่เพิ่งวันแรกเองมันก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปสิพริม” เพชรแก้ตัว
“รอดูไปอีกซัก 3-4 วันแล้วกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยให้พ่อเริงมารับกลับ ถ้าเลิกตอนนี้ เค้าจะหาว่าค่าย ศ.อรชร ฝึกนักมวยไม่เป็น” อรชรบอก
“เพชร กินข้าวเสร็จแล้ว เดี๋ยวไปกระโดดเชือก ชกลม เล่นเชิง เตะเป้า ปล้ำคอ เตะกระสอบ ลุกนั่ง สก๊อกจั๊ม วิดพื้น ซิทอัพ โหนคอ โหนเชือก กัดลูกตุ้ม ดึงข้อ ยกลูกเหล็ก นะ” เอื้อยสั่งเป็นชุด
เพชรอึ้งในขณะที่ข้าวยังเต็มปาก
เอื้อยหัวเราะมาดนางร้าย “ฮ่าๆๆๆๆ”
กลางวงอาหารบ้านลิเก มีผัดถั่วงอก และไข่เจียว สำเริงจัดแจงตัดแบ่งไข่เจียวเป็น 6 ชิ้น แต่ละคนตักไปคนละชิ้น เหลืออยู่ 1 ชิ้น
แฉะจ้อง “เหลืออีกชิ้นนึง ใครจะกิน”
ลูกดอกหน้าเศร้า “ชั้นไม่กินหรอก ชั้นกินของพี่เพชรไม่ลง”
“งั้นเก็บเอาไว้ รอเพชรมันกลับมา” รักษ์บอก
“จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไข่เน่าพอดี จริงๆ ชั้นก็อยากกินนะ แต่กลัวกินเข้าไปแล้วมันจะเศร้าอ่ะ” จริยาว่า
แฉะบอก “ชั้นก็เหมือนกัน”
ลูกดอกว่า “ชั้นก็เหมือนกัน”
รักษ์ก็พูดคำเดียวกัน “ชั้นก็เหมือนกัน”
สำเริงรำคาญ คว้าไข่เจียวชิ้นนั้นมาแล้วโยนออกไปนอกบ้าน
“ไม่มีใครกิน ก็โยนให้หมามันกิน”
ทุกคนอึ้ง ก้มหน้าก้มตากินต่อไป
ด้านเพชรนั่งรออยู่หน้าบ้าน สักครู่หนึ่งพริมเดินถือผ้าพันมือออกมา 2 ม้วน โยนให้ เพชรรับไว้เกือบทำหล่น
“อะไรจ๊ะ”
“ผ้าพันมือ ป้องกันไม่ให้มือบาดเจ็บ”
“เป็นห่วงชั้นด้วยเหรอเนี่ย” เพชรยิ้มกริ่ม
“นักมวยทุกคนต้องพันก่อนใส่นวม”
“พันยังไง ชั้นทำไม่เป็น”
“พันๆ ไปเถอะน่ะ”
เพชรพันเองมั่วๆ ไม่เป็นเอาเลย พริมรำคาญทนไม่ได้เลยแก้ออก
“ดู แล้วจำให้ดีๆ นะ ชั้นจะทำให้ดูแค่ครั้งเดียว”
พริมจับมือเพชรมาแล้วพันผ้าให้ อย่างคล่องแคล่ว เพชรเคลิ้มรู้สึกดี มองมือพริมที่บรรจงพันผ้าให้ตาเยิ้ม เพชรลอบมองหน้าสาวหมัดหนัก พริมพันผ้าและอธิบายให้ฟังทีละขั้น จนเริ่มรู้สึกตัวว่าถูกเพชรมอง
“นี่ดูอยู่รึเปล่า”
“ดูอยู่”
พริมพันให้จนเสร็จ “อีกข้างน่ะ ทำเอง”
“มันคนละข้าง มันก็พันไม่เหมือนกันสิ ชั้นทำไม่ถูกหรอก”
“มันเหมือนกัน แค่สลับด้าน”
“ยากอ่ะพริม ชั้นเป็นคนหัวช้า ทำให้ดูอีกทีสิ”
พริมตัดรำคาญ คว้าผ้ามาพันมือให้เพชรอีกข้าง
เพชรลอบมองหน้าพริม แล้วแอบยิ้มที่หลอกให้สาวเจ้าจับมือได้ พริมหันมาเจอ
“ยิ้มอะไร”
“ผ้าพันมือเนี่ย ให้ไปเลยรึเปล่า”
“อือ... ทำไม”
“เปล๊า”
เพชรลอบยิ้มตาเยิ้ม
ชาติ กับ แชมป์ ยืนอยู่บนเวที พริมพาเพชรซึ่งสวมนวมแล้วมาหา ขนุนซ้อมอยู่แถวนั้น บุญหลง เด่น แคน และนักมวยคนอื่นๆ กระจายตัวกันซ้อมอยู่
“ลุงชาติ ลุงแชมป์ พาลูกศิษย์คนใหม่มาฝากตัว” พริมบอก
แชมป์มองเหล่ “ท่าทางสะอ๋องสะแอ๋งแบบนี้ จะไปรอดเรอะ”
เพชรยิ้มแป้น “รอดสิครู ชั้นเป็นพระเอกลิเก ชั้นเล่นบทบู๊เก่งนะ”
“ไปต่อยกระสอบทรายให้ดูซิ”
เพชรเดินไปตามที่ชาติบอก ดูมั่นใจมาก ง้างสุดแขน แล้วต่อยกระสอบทรายอย่างแรง
“โอ้ย! ช่วยด้วย แขนหัก”
ทุกคนหัวเราะ
ชาติดุ “อย่าสำออย เตะกระสอบทรายซิ”
เพชรโอด “ชั้นเจ็บแขนอยู่”
“เตะบ้านป้าแกใช้แขนรึไง ขาสิขา”
เพชรโมโห ที่ถูกหัวเราะและถูกด่า เลยฮึด ออกแรงเหวี่ยงขาเตะสุดกำลัง แต่แล้วล้มเอง
“โอ๊ย!”
ทุกคนหันมามองหัวเราะขบขัน
พริมส่ายหัว “วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ละกัน”
ทุกคนแยกย้ายกันไปซ้อมต่อ ปล่อยให้เพชรนั่งร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้น ขนุนสงสารวิ่งเข้ามาดู
“ชั้นพาไปนวดยานะ” ขนุนหิ้วปีกเพชรลุกขึ้น
ถัดมา พริมเดินนำเพชรมาที่เวทีมวย เพชรถือถังน้ำและผ้าถูพื้น บุญหลงเกาะเวทีมองมา เด่น แคน และนักมวยอื่นๆ ซ้อมอยู่ ส่งเสียงร้อง เอช! เอช! ชวนฮึกเหิม
“นี่ชั้นสงสารนะ เห็นว่าแข้งขาไม่ค่อยจะแข็งแรง ก็เลยให้ทำงานเบาๆ”
เพชรบ่นอุบ “เบาตรงไหน แค่ถังน้ำนี่ก็หนัก 10 กิโลแล้ว”
“ถ้าแค่ 10 กิโลแล้วทำบ่น เลิกเป็นนักมวยเหอะ ดูนู่น...” บุญหลงชี้ไปที่นักมวยที่กำลังยกบาร์เบลอยู่ “นั่นน่ะ 30 กิโล”
เพชรตาเหลือก
“เลิกบ่น แล้วก็ถูซะ”
พริมบอกแล้วหันไปซ้อมกับบุญหลงอยู่แถวนั้น
เพชรยกถังน้ำขึ้นวางบนเวทีอย่างลำบากยากเย็น ขณะปีนขึ้นเวที พอจะมุดเชือกก็เก้ๆ กังๆ ขาไปเกี่ยวเชือกจนล้ม
พวกนักมวยแถวนั้นหัวเราะกันใหญ่ พริมส่ายหน้า
เพชรเอาผ้าชุบน้ำแล้วเริ่มถู พลางร้องลิเกไปด้วย
“สวัสดีครับพี่น้อง มาฟังผมร้องลิเก
ถูพื้นแล้วฮาเฮ เพราะเล่นลิเกไปพลาง
เวทีมันมีสี่ด้าน แล้วนงคราญอยู่ด้านไหน
พี่นี้งงสงกะสัย อยากจะไปหาข้างล่าง
แต่เวทีมันสูงนัก ตกไปขาหักครวญคราง...
เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง... เตรง เตร่ง เตร๊ง เตร็ง เตร็งงงง”
พริมรำคาญตะโกนมาด่า “หนวกหู นี่มันเวทีมวย ไม่ใช่เวทีลิเก”
“แหม มันก็เวทีเหมือนกันนั่นแหละ พอได้ขึ้นเวที มันก็คิดถึงลิเกน่ะสิ มันอดไม่ได้” เพชรเล่นลิ้น
พริมฉุน “อดไม่ได้ก็กลับไปเล่นลิเกที่บ้านนู่น ที่นี่ค่ายมวย”
“จ้า...ไม่ร้องก็ได้จ้า...”
เพชรแกล้งถูพื้นแรงๆ เป็นจังหวะ แล้วร้องล้อเลียนนักมวย
“เอช เอช เอช”
พริมเจ็บใจที่ถูกล้อเลียน
รักษ์ แฉะ จริยา พากันพับถุงกระดาษ มีหนังสือพิมพ์เหลืออยู่แค่ 2-3 ฉบับ ข้างๆ แต่ละครมีถุงกระดาษวางอยู่กองโต กาวแป้งเปียก 2 กระปุก รักษ์ แฉะ และ จริยา ช่วยกันพับได้สักพักใหญ่แล้ว
แฉะร้องบอก “อย่าควักแป้งเปียกเยอะสิ มันเปลือง”
“กลัวเปลืองนักให้ชั้นควักขี้มูกแทนกาวเลยมั้ย”
ลูกดอกหอบหนังสือพิมพ์เข้ามาอีกกองหนึ่ง
“มาแล้วพี่ มาแล้ว ที่โรงเรียนเค้าใจดี ให้มาฟรีๆ เลยไม่คิด ตังค์”
“งั้นเราก็จะกำไรเพิ่มขึ้นอีกตั้ง 10 บาทแน่ะ วันนี้เราน่าจะพับได้สัก 500 ใบ ก็ได้ตังค์ 50 บาท หักค่าหนังสือพิมพ์ 10 บาท แป้งเปียก 2 กระปุก 4 บาท เราก็จะเหลือเงิน...50 ลบ 14 ได้ 36 บาท” รักษ์คำนวณคล่องสมกับเป็นนักธุรกิจ
“ซื้อผักได้ตั้ง 3 กำ ขอแม่ค้าลดหน่อยอาจได้ถึง 4 กำเลยนะ” จริยาว่า
สำเริงเข้ามามองอย่างแปลกใจ “ทำอะไรกัน”
“กำลังทำธุรกิจใหม่อยู่จ้ะ” แฉะบอก
จริยาเสริม “หมดนี่กำไรตั้งเกือบ 40 เชียวนะ”
“ใครสั่งให้พวกแกทำ พวกเราเป็นลิเก แล้วมาพับถุงกระดาษขาย รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น”
“ก็ตอนนี้เราว่างงานนี่ ก็ต้องหาอาชีพเสริมทำ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ” ลูกดอกบอก
สำเริงดุ “ชั้นก็เพิ่งออกไปหางานวัด งานบุญงานบวชมานี่ไง รีบๆ เอาไปเก็บให้หมดเลย อย่าให้เห็นอีกนะ”
รักษ์ดีใจ “แปลว่าพ่อเริงหางานเล่นลิเกได้แล้วเหรอจ๊ะ”
สำเริงบอก “ยัง”
รักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยา ผิดหวัง
เอื้อยดังมาจากหน้าบ้าน “พ่อเริง พ่อเริง ออกมาหน่อยซิ”
แฉะจำได้ “เสียงเอื้อยนี่”
พอสำเริง รักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยายกขบวนกันออกมา ก็เห็นอรชรกับเอื้อยยืนรออยู่หน้าบ้าน
“มีธุระอะไร” สำเริงถามขึ้น
“คิดว่าเจ้าหนี้ควรจะมีธุระอะไรกับลูกหนี้ล่ะ” เอื้อยเบ่ง
“ชั้นจะมาเตือนว่า พ่อสำเริงมีหน้าที่จะต้องส่งดอกให้ชั้น เดือนละ 10,000 บาท” อรชรมองหน้าสำเริง
จริยาเซ็ง บ่นเลย “โหย เราจะไปเอาที่ไหนมาให้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปก่อน 36 บาทก่อนก็แล้วกัน”
“ชั้นรู้ ว่าพวกเธอกำลังอยู่ในช่วงตกอับ ชั้นก็เลยจะผ่อนผันให้ ตอนนี้เพชรมันก็ทำงานขัดดอกอยู่กับชั้น แต่เฉพาะค่าแรงเพชรเดือนนึงมันก็ไม่ถึงหมื่นหรอก เพราะฉะนั้นเวลาชั้นต้องการให้พวกพ่อสำเริงทำอะไร ก็ต้องมาช่วยกันหน่อย มันจะได้พอสะสางหนี้หมื่นนึงได้”
“มีอะไรก็ว่ามาเถอะ พวกชั้นไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่” สำเริงประชด
“งานแรกที่อยากให้พ่อสำเริงช่วยก็คือ...”
เอื้อยยิ้มมาดนางร้าย ยักท่าไม่ยอมบอกง่ายๆ
อ่านต่อตอนที่ 3