สื่อริษยา ตอนที่ 12
ภาสกรทะเลาะกับวิไลลักษณ์อย่างรุนแรง แม่ลูกทุ่มเถียงกันมาพักหนึ่งแล้ว
“คุณแม่ทำไม่ถูก จะให้ผมรับแต่ลูก ไม่ยอมรับดาว ดาวเป็นแม่ของลูกผมนะครับ”
“เด็กคนนั้นไม่สมควรเป็นแม่ใคร ลืมกำพืดตัวเอง เห็นแก่เงิน ขี้โกง โกหกเป็นไฟ แม่จะสอนหลานของแม่เอง สอนให้หลานเป็นคนดี”
ดาวโทร.เข้ามาพอดี ภาสกรรับสาย “เดี๋ยวผมโทรกลับนะดาว คุยกับคุณแม่อยู่”
ดาวอยู่ที่คอนโด “คุณวิไลลักษณ์สั่งปิดข่าวใช่มั้ยคะ”
วิไลลักษณ์แย่งโทรศัพท์ภาสกรมาคุยเอง
“ดาว เธอไม่มีวันได้แต่งงานกับลูกชายชั้น ตาภาสสูงส่งเกินไปสำหรับผู้หญิงจิตใจต่ำอย่างเธอ ! ชั้นบอกไว้เลย ชั้นยอมรับแต่หลาน ไม่ยอมรับแม่”
วิไลลักษณ์วางสายไปเลยภาสกรไม่พอใจที่แม่ทำ
“ผมจะโทร.ไปบอกนักข่าว ให้ลงบทสัมภาษณ์ผมพรุ่งนี้”
“แม่ก็จะโทรไปบอก.หัวหน้าบก. ข่าว ห้ามลงข่าวภาส ดีนะ เมื่อวานบก. หนังสือพิมพ์โทร.มาสัมภาษณ์แม่ ถึงขอให้ปิดข่าวทัน...จะไม่มีการแต่งงานระหว่างภาสกับดาว นี่คือคำบัญชาแม่”
ภาสกรหัวเสียมาก แม่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ภาสกรหนีออกไปทำงาน
“คุณวิไลลักษณ์ ผมก็ไม่ได้ปลื้มดาวหรอกนะ แต่ดาวเป็นแม่ของหลานเรา ยอมให้ลูกแต่งเถอะ”
“แต่งงานกับเด็กนั่น ชีวิตตาภาสต้องเหมือนตกนรก หลานชั้นก็มีแม่ห่วยๆ สอนให้ลูกเห็นแก่ตัว ไม่มีคุณธรรม ชั้นยอมรับบทนางยักษ์ ปกป้องลูกกับหลานชั้น”
ส่วนที่คอนโด ดาวเจ็บใจถูกวิไลลักษณ์ขัดขวางจนวินาทีสุดท้าย ตุ่นต้องคอยปลอบ
“อย่าฝ่อลูก ลุยมาขนาดนี้ ต้องตีให้ค่ายแตก ไปหาคุณวิไลลักษณ์ที่บ้าน ไปพินอบพิเทาให้เค้าเอ็นดู”
“คุณวิไลลักษณ์ชอบคนหัวอ่อนก็จริง แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้กราบเท้าเช้าเย็น ก็ไม่ยอมลงให้ดาวหรอกค่ะ”
“งั้นก็ไปกราบเช้ากลางวันเย็น ก่อนนอน ก่อนตื่น ก่อนอาบน้ำเลยลูก”
ดาวพอรู้วิธีต่อรองกับวิไลลักษณ์ ที่นางพญาต้องยอม !
วิไลลักษณ์กับโอภาสออกมาดูหน้าบ้าน เห็นคนใช้เปิดประตูรั้วให้รถแล่นเข้ามา พอเห็นผู้มาเยือน เจ้าของบ้านก็อึ้ง!
ดาวขนกระเป๋าเสื้อผ้าลงจากรถ มีตุ่นช่วยขนท่าทีกล้าๆ กลัวๆ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่ คนท้องไม่ควรอยู่คนเดียว เกิดล้มไป ไม่มีใครช่วย ดาวขอมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่นะคะ”
“เธออยู่ก็ด้าย ไปกางเต็นท์นอนหน้าบ้านนู้น” วิไลลักษณ์บอก
“คุณแม่รังเกียจดาว งั้นดาวไม่อยู่ก็ได้ค่ะ ไม่อยู่ในกรุงเทพฯ ด้วย คุณแม่จะได้สบายใจ เจ๊ตุ่นขา ดาวหนีไปอยู่ต่างจังหวัดดีมั้ยคะ เอ...หรือไปอยู่ต่างประเทศเลย คุณแม่จะได้ ไม่ต้องเห็นหน้าหลาน”
ดาวใช้ลูกในท้องเป็นเครื่องมือข่มขู่ วิไลลักษณ์โกรธจัด
“นี่เธอเอาหลานมาขู่ชั้น เธอเป็นแม่ประสาอะไร ใช้ลูกเป็นเครื่องมือ”
“ผิดด้วยเหรอคะที่แม่คนนึงอยากให้ลูกมีครอบครัวอบอุ่น มีพ่อแม่ปู่ย่าอยู่พร้อมหน้า”
“เธอไม่ได้ทำเพื่อลูก เธอทำเพื่อตัวเอง”
“ดาวรักลูก รักคุณภาส คุณแม่ไม่เชื่อก็ให้ดาวพิสูจน์ตัวเองสิคะ แล้วคุณแม่จะเห็น ดาวรัก เทิดทูนลูกชายคุณแม่มากแค่ไหน ส่วนลูก ดาวจะเลี้ยงเค้าให้ดีที่สุด”
โอภาสหันไปสั่งสาวใช้ “ช่วยคุณดาวขนของไปห้องคุณภาส”
วิไลลักษณ์ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ขัดสามีด้วยเห็นแก่หลาน
ดาวกับตุ่นเห็นวิไลลักษณ์เฉยๆ ก็คิดว่าวิไลลักษณ์ยอมรับดาวเป็นสะใภ้ ดีใจกันสุดๆ ตุ่นยิ้มปากแทบฉีกถึงรูหู ลืมตัวหลุดปาก
“ไม่คิดว่าจะง่ายอย่างนี้เลยค่าลูกกกกก เหมือนปอกกล้วย...เข้าปากเจ๊ ฮ่าๆๆๆ”
พอหันมาเจอสายตาพิฆาตของวิไลลักษณ์จ้องมา รีบเบรกหัวเราะแทบไม่ทัน
“ยังไม่ได้แต่งงาน นอนห้องเดียวกันน่าเกลียด”
ดาวเครียดวิไลลักษณ์จะมาไม้ไหน
ภาสกรกลับมาบ้านตอนเย็น ทะเลาะกับแม่อีก ดาวยืนอยู่ข้างๆ
“แม่ผิดตรงไหน ภาสกับดาวยังไม่ได้แต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว ดาวนอนห้องพักแขกก็ถูกแล้ว”
“ดาวเป็นเมียผมนะครับคุณแม่”
วิไลลักษณ์หันมาสั่งดาว “คลอดลูกแล้วชั้นจะให้เงินเธอก้อนนึง จะเอากี่สิบล้านว่ามา แล้วตัว
เธอก็ไปซะ”
“ดาวไม่ยกลูกให้ใครค่ะ”
“ใช่สิ ยังอยู่บ้านนี้ เธอจะได้มากกว่าสิบล้าน สมบัติชั้นเยอะแยะ แหม...ชีวิตสมบูรณ์แบบ ได้ผู้ชาย ได้ลูก ได้เงิน”
“ตามหลักแล้ว ดาวก็มีสิทธิ์ได้นี่ครับ” ภาสกรบอกกับดาวว่า “ไปขนของที่ห้องพักแขก ไปไว้ห้องผม
ดาวมองภาสกรอย่างซาบซึ้ง สองคนขึ้นข้างบนไป วิไลลักษณ์ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตาม
“ตาภาสนะตาภาส ยอมให้เด็กนั่นใช้ลูกเป็นเครื่องมือต่อรอง”
“พูดจริงๆ นะคุณ ผมเป็นภาส ผมก็ทำแบบเดียวกัน”
โอภาสไปอีกคน วิไลลักษณ์กลุ้มใจมาก ไล่ดาวไม่ง่ายเลย เด็กดาวอุ้มท้องหลานนาง
คืนนั้น ภาสกรนอนหน้าเครียดอยู่บนเตียง ไม่ชินแล้วก็ไม่ชอบ แต่ปฏิเสธไม่ได้ ดาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มานอนข้างๆ กอดซุกภาสกร
“วันอาทิตย์นี้ ผมจะพาคุณไปฝากครรภ์ วันเสาร์ผมไม่ว่าง”
“ค่ะ คุณภาสขา งานแต่งงานของเราล่ะคะ”
“ผมให้เวดดิ้งสตูดิโอเตรียมงานแล้ว เค้าจัดงานให้ได้เร็วสุด ปลายเดือนหน้า”
“เดือนหน้าดาวจะได้แต่งงานกับคุณภาส” ดาวดีใจมาก หอมแก้มภาสกร
ภาสกรเฉยๆ ไม่พิศวาสดาวเลย “ลูกคลอดแล้ว ผมจะจ้างพยาบาลมาเป็นพี่เลี้ยง ดูแลสุขอนามัยลูก เรื่องเรียน ผมอยากให้ลูกไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ประถม”
“คุณภาสพูดถึงแต่ลูก ไม่นึกถึงแม่ของลูกเลย” ดาวน้อยใจ
“คุณจะเอาอะไรจากผมอีกดาว ฮึ” ภาสกรชักหงุดหงิด
“คนท้องต้องได้รับความเอาใจใส่ คุณภาสก็น่าจะรู้”
ดาวงอนพลิกตัวนอนหลังให้ แต่ภาสกรไม่ง้อ นอนเครียดคิดถึงอนาคตตัวเอง และอนาคตลูก โดยไม่เห็นว่าดาวมีอาการปวดท้องน้อยขึ้นมาอีก
วิไลลักษณ์กลุ้มหนัก นั่งเครียดอยู่ในโถงข้างล่างนานสองนาน จนสามีต้องงัวเงียลงมาตาม
“นอนเถอะคุณ ตี 2 แล้ว”
“หลับไม่ลงค่ะ ตาภาสนะตาภาส ไปคว้าผู้หญิงแย่ๆ มาเป็นแม่ของลูก”
“ลูกพลาดไปแล้ว เราก็ต้องยอมรับ”
“ชั้นยอมรับค่ะ ยอมรับหลาน แต่ไม่รับนังแม่ ชั้นจะยืนกราน คลอดลูกแล้ว ดาวต้องไป”
โอภาสถอนหายใจกับความรั้นของภรรยา
ทางฝ่ายปัญชลีเองก็นอนไม่หลับ เสียใจที่ภาสกรจะแต่งงานกับดาว ร้องไห้เงียบๆ เพียงลำพัง ยังทำใจไม่ได้
เช้าวันถัดมา ครอบครัวภาสกรรอกินข้าวพร้อมหน้า ภานุกับภาสุรีนั่งอึดอัดลำบากใจทำหน้าไม่ถูกอยู่
ส่วนวิไลลักษณ์หน้าบึ้งตึง เกลียดสมาชิกใหม่ของบ้านเข้าไส้ ภาสกรพาดาวมานั่งกินข้าวกับครอบครัว
วิไลลักษณ์เมินมอง “ไม่ได้จัดอาหารเช้าเผื่อเธอ ไปกินในครัว”
ดาวมองหน้าภาสกรบีบน้ำตา
“ไม่ชอบดาว คุณแม่ก็ไม่ต้องสนใจดาวก็ได้นี่ครับ แต่อย่าทำไม่ดีกับดาว สุขภาพจิตแม่มีผลกับลูกในท้อง”
ดาวได้ฟังภาสกรพูดดังนั้น ก็รีบเช็ดน้ำตาป้อยๆ เศร้าสุด ๆ
“อย่าร้อง เดี๋ยวหลานชั้นเกิดมาเป็นเด็กขี้แย” ภาสุรีบอก
“ดาวเสียใจนี่คะ คุณแม่เกลียดดาว” ดาวถอนสะอื้นตบท้าย
“คุณแม่ครับ ดาวเป็นครอบครัวเดียวกับเราแล้ว อีกหน่อยก็มีหลานให้เรา พวกเราควรดีกับดาวมาก ๆ” ภานุหยอกแม่ “ดาวไม่แบ่งคิวให้คุณแม่เลี้ยงหลาน ผมไม่รู้ด้วยนะครับ”
วิไลลักษณ์ค้อนภานุ
โอภาสหันไปสั่งคนใช้ “ไปทำอาหารเช้ามาให้คุณดาว”
ภาสุรีเอ่ยขึ้น “ห้ามกินอาหารรสเค็มจัดล่ะดาว เมื่อวานชั้นอ่านหนังสือแม่และเด็ก เค้าว่าการ
กินเค็ม อาจทำให้ครรภ์เป็นพิษ”
ภานุตกใจ “ครรภ์เป็นพิษ แค่กินเค็มเนี่ยนะพี่ภา”
“อาหารรสเค็ม ทำให้ความดันโลหิตสูง แม่ตั้งครรภ์ที่ความดันโลหิตสูง เสี่ยงกับการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง”
“เลี่ยงกินเค็มนะดาว” โอภาสขอร้อง
“ค่ะคุณพ่อ”
ดาวหันมองวิไลลักษณ์ เห็นสายตาเป็นห่วง ฉายออกมาจากแววตาว่าที่แม่ผัว วิไลลักษณ์นางก็ห่วงหลานในท้องดาว ครอบครัวภาสกรเริ่มกินข้าว ภาสกรนั่งอ่านไลน์รอดาวกินพร้อมกัน
ดาวมองภาสุรีอีกฝ่ายฝืนยิ้มให้ พอมองภานุเขาก็ยิ้มฝืดๆ ให้เช่นกัน มีโอภาสที่ดีหน่อยยิ้มจริงใจกว่าคนอื่น ดาวรู้ว่าทุกคนไม่ได้ใยดีหล่อน พวกเขาห่วงเด็กในท้องต่างหาก
ดาวก้มมองลูกในท้อง เพราะลูกแท้เทียวหล่อนถึงได้รับการยอมรับจากครอบครัวมหาเศรษฐีครอบครัวนี้
ปัญชลีสอนเคล็ดลับเป็นพิธีกรให้แพรพรรณอยู่ในฝ่ายรายการ
“เวลาคนโทร.เข้ามาในรายการ ไม่ยอมวางสาย ให้บอกว่าคุยต่อหลังรายการจบ อย่าตัดบทออกอากาศ เราจะดูใจดำ”
ศินีนาฏหน้าเริดมารายงานข่าวใหญ่
“ฮอต นิวส์ คุณภาเล่าให้ฟังเมื่อกี้ ดาวขนเสื้อผ้าไปอยู่บ้านคุณภาสกร”
“โอ้โห มุ่งมั่นจะเอาคุณภาสกรให้ได้ แพรนี่ลุกขึ้นให้การคำนับเลย” แพรพรรณทึ่งลุกขึ้นยืน
ตรง โค้งคำนับ ศินีนาฏเห็นแล้วขำ
“อุ๊ยตายเธอนี่ แซบนัวเหมือนกันเนอะ ฮะๆๆๆ”
ปัญชลีไม่ขำด้วย เจ็บช้ำในใจ “ช่างเค้าเถอะ ศิ วันอาทิตย์นี้ ฝากประชุมหมายข่าวรายการ
กระแสข่าวเช้าแทนชั้นทีนะ ชั้นจะไปต่างจังหวัด”
ศินีนาฎมองเห็นใจปัญชลี “ไปพักผ่อนมั่งก็ดี เธอน่ะเจอแต่เรื่องบั่นทอนกำลังใจ”
“เดี๋ยวพี่มาสอนต่อนะแพร ไปชงกาแฟเดี๋ยว”
ปัญชลีหยิบถ้วยกาแฟ เดินซึมออกไป สองสาวมองตาม รู้ว่าปัญชลีเจ็บลึก แต่ไม่พูด
“คนเข้มแข็งอย่างพี่ลี ยังเจ็บขนาดนี้ แล้วคนใจอ่อน จะอาการหนักขนาดไหน”
ศินีนาฎหันมองเป็นเชิงถาม แพรพรรณหมายถึงใคร
ใครคนที่แพรพรรณห่วงใย นอนหมดอาลัยตายอยากบนโซฟา ชีวิตไม่มีอะไรเหลือแล้ว ดาวสุดที่รักท้องกับคนอื่น และกำลังจะแต่งงาน
แม่ศรัณถือกระเป๋าเดินผ่าน จะไปข้างนอก
“แม่โกรธผมเรื่องอะไรครับ ไม่พูดกับผมเลย”
แม่หันมามองศรัณ แววตาตัดพ้อน้อยใจลูกชายคนเดียวมาก
ศรัณลุกไปหา “ถ้าเป็นเรื่องดาว แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่กลับไปหาดาวอีกแล้ว ดาวเค้ากำลังจะแต่งงาน”
“งั้นเหรอ” แม่ไม่เชื่อใจลูกชายนัก “เกิดวันหน้าแม่ดาวเค้าทะเลาะกับสามี โทร.มาหา เราก็ขับรถด่วนจี๋ไปปลอบใจเค้าอยู่ดี อยากเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ก็ตามใจลูกเถอะ ความหวังดีของแม่มันไม่สำคัญ น้ำตาแม่ล้านหยด ไม่มีค่าเท่าน้ำตาแม่ดาวเค้าหยดเดียว”
ผู้เป็นแม่อัดอั้นจนน้ำตาร่วง เสียใจ และน้อยใจลูกชายเหลือเกิน
ศรัณอึ้ง “แม่”
แม่ออกไป ศรัณได้แต่ยืนมอง จนพ่อมา
“แม่เค้าน้อยใจลูกน่ะ”
พ่อยิ้มเศร้าให้ลูกก่อนจะเดินตามไป ตัวเองก็น้อยใจแต่ไม่โกรธเหมือนเมีย
ศรัณเสียใจมาก ทำแม่เสียน้ำตา
ตกกลางคืน ศรัณออกมารอหน้าบ้าน จนพ่อขับรถกลับมา เขารีบยิ้มไปเอาใจแม่
“แม่ครับ ผมทำกับข้าวไว้ให้แม่กับพ่อ”
“นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมาฮึลูก”
“แม่ทำกับข้าวอร่อยๆ ให้ผมกินทุกวัน วันนี้ผมอยากทำให้แม่บ้างครับ แม่... ผมทอดไข่เจียวกุ้งสับ ของโปรดแม่ด้วยน้า”
“แม่กินมาแล้ว”
แม่ตัดบทไม่อยากคุย เดินหนีเข้าบ้านไป
“เอาใจบ่อยๆ เดี๋ยวแม่เค้าก็หายน้อยใจ”
ศรัณผิดหวัง แม่ไม่หายเคือง
ปัญชลีกับเก้ มาถึงรีสอร์ตแสนสวยของสมุทรสงครามตอนเช้า เวลานี้สองคนในชุดลำลองเก๋ไก๋สบายๆ เดินเข้าไปส่วนต้อนรับ ฝากกุญแจด้วยท่าทีพอใจ ก็ห้องพักสวยเก๋ รอบบริเวณร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ บรรยากาศแสนสดชื่นขนาดนี้
เช็คอินเสร็จ สองคนจะไปเที่ยวข้างนอกกัน สักพักศรัณเดินหน้าตาซึมเศร้าเข้ามาหา เก้ประหลาดใจ
“คุณศรัณ มาเที่ยวสมุทรสงครามเหมือนกันหรอครับ”
“ศรัณเป็นคนที่นี่” ปัญชลีบอก
“อ้าวเหรอครับ ผมเพิ่งรู้ เป็นหนุ่มนาเกลือนี่เอง เอ...มีหนุ่มนาเกลือหล่อๆ ล่ำๆ แนะนำให้ผมมั้ยครับ”
ศรัณเหวอ เก้รีเควสผู้ชาย
“พูดเล่นคร้าบ”
ปัญชลีแซว “แต่ได้จริงก็ดี อย่าถือสานะศรัณ นานๆ เกย์กรุงเทพฯ ได้มาปลดปล่อยต่างจังหวัด”
“อืม...ครับ แพรโทร.บอกผมให้มาพาคุณปัญชลีไปเที่ยว”
“ยัยแพรจอมจุ้น” ปัญชลีเห็นศรัณหน้าเศร้าอยากทำให้เขายิ้ม “ขอเซลฟี่กับไกด์ท้องถิ่นหน่อย”
ปัญชลีใช้กล้องมือถือถ่ายรูปตัวเองกับศรัณ ยิ้มแย้มเล่นกล้องหลายรูป หลายท่า แล้วอัพรูปลงไอจีเขียนข้อความใต้ภาพว่า
“มาเที่ยวสมุทรสงคราม ได้น้องชายคนดีพาเที่ยว ขอบใจนะจ๊ะ”
แฟนคลับปัญชลีมาโพสต์ตอบกลับทันทีว่า
“อยากไปด้วยจุง” / ”น้องชายหล่ออ่ะค่ะ จองได้ปะคะ 555”
ศรัณอ่านจากมือถือตัวเอง “แฟนคลับคุณปัญชลีชมผมหล่อ”
เก้ทึ่ง “คุณศรัณตามไอจี พี่ลีด้วย”
“เพิ่งตามน่ะครับ แพรแท็กมาให้ในเฟซบุค”
“ศรัณเรียกพี่ว่า พี่ลี เหมือนเก้กับแพรก็ได้”
“พี่ลีอยากไปเที่ยวไหนครับ”
“พี่อยากไปไหว้พระ”
ศรัณมองนับถือปัญชลี ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีเหลือเกิน ส่วนปัญชลีก็มองศรัณอย่างเอ็นดูเหมือนน้องชาย
อีกฟาก สาวใช้บ้านหิรัญกุลพาตุ่นขึ้นมาหาดาวที่ห้องภาสกร
“คนในบ้านไปไหนกันหมดอะ บ้านเงี๊ยบเงียบ เข็มตกยังได้ยิน”
“คุณท่านกับคุณผู้หญิงไปงานเลี้ยง พวกคุณๆ ไปไหนไม่ทราบค่ะ คุณดาวอยู่ห้องนี้นะคะ”
พอคนใช้ไป ตุ่นก็เคาะประตูเรียก “ดาว เจ๊เองลูก ดาว”
ตุ่นเคาะเรียกอยู่นานแต่ดาวไม่มาเปิดประตูสักที เลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป เห็นดาวนอนตัวงอ กุมท้องอยู่บนพื้นข้างเตียง
“ดาว”
ตุ่นถลาไปประคองดาวขึ้นมา ดาวปวดท้องจนหน้าซีด ปวดตรงท้องน้อยที่เดิม
“เจ๊...ดาวปวดจนร้าวไปถึงหลังเลย”
“เจ๊จะพาไปหาหมอ”
ตุ่นพยุงดาวขึ้นพาออกไป
ตุ่นกับคนใช้ช่วยกันพยุงดาวที่ออกอาการปวดท้องมาก มาขึ้นรถของดาว ตุ่นหันไปบอกคนใช้
“คุณภาสกลับมา บอกด้วย ดาวไปโรงพยาบาล”
แต่ดาวกลับห้าม “ห้ามบอกคุณภาส”
“ทำไมไม่ให้บอกล่ะลูก”
ดาวย้ำกับคนใช้ “ห้ามบอกทุกคนในบ้านว่าชั้นปวดท้อง”
“ค่ะ”
“เจ๊พาดาวไปโรงพยาบาลเร็ว”
“อ่ะๆ ไม่อยากบอกสามีก็แล้วแต่ลูก”
ตุ่นขับรถพาดาวไปทั้งที่ยังงงๆ
อ่านต่อหน้า 2
สื่อริษยา ตอนที่ 12 (ต่อ)
ศรัณตัดสินใจพาปัญชลีกับเก้มาไหว้พระในโบสถ์เก่าแก่ วัดละแวกบ้านของเขา
“วัดบ้านแหลมคนเยอะ พี่ลีไม่ชอบคนเยอะๆ ผมเลยพามาวัดแถวบ้านผมครับ”
“ไหว้พระวัดไหนก็เหมือนกันแหละ”
“มาวัดทีไร ชอบนึกถึงตอนบวช” เก้ว่า
ศรัณทึ่ง “คุณเก้เคยบวช”
“สมัยก่อนเปิดตัวเป็นสาวครับ ปีนั้นพ่อผมป่วยหนัก แม่ขอให้บวชให้พ่อ ผมเพิ่งเรียนจบ อยากทำงาน แต่ก็ยอมบวช ปีถัดมา พ่อผมเสีย หลังจากนั้นอีก 3 ปี แม่ผมก็เสียอีกคน ผมดีใจมาก ที่ได้บวชให้พ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองก่อนตาย”
ปัญชลีกับเก้หันไปจุดธูปไหว้พระประธาน ศรัณมองทึ่งขนาดเกย์อย่างเก้ยังบวชให้พ่อแม่ เขาเป็นลูกผู้ชายแท้ๆ กลับไม่ยอมบวชให้บุพการี
หนุ่มลูกน้ำเค็มสะท้อนใจ เพราะเมื่อหลายปีก่อน หลังกลับจากรับปริญญาในชุดครุยเขาก้มกราบเท้าแม่และพ่อ แม่บอกขึ้นว่า
“เรียนจบแล้วก็บวชนะศรัณ แม่อยากเกาะชายผ้าเหลืองลูกขึ้นสวรรค์” แม่บอก
“ผมว่าจะช่วยงานพ่อที่สะพานปลาครับ”
และอีกเหตุการณ์ เมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนั้นศรัณเอาการ์ดแต่งงานใส่ซอง แล้วแม่พูดขึ้นอีกว่า
“ธรรมเนียมไทย ต้องบวชก่อนเบียดนะลูก”
“ยุคนี้ 4G แล้วครับแม่เค้าไม่สนธรรมเนียมไทยกันแล้ว” และหันไปหยิบการ์ดใส่ซอง
นึกแล้วศรัณยิ่งเสียใจ เขาไม่เคยทำตามคำขอของแม่เรื่องบวช หนำซ้ำยังบาปหนักทำร้ายจิตใจทำแม่ร้องไห้
ศรัณรู้สึกผิด ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆ โดยไม่สนว่าปัญชลีกับเก้ที่อยู่ในโบสถ์ด้วยจะมองอย่างไร ในใจนึกถึงแต่แม่
ปัญชลีกับเก้ไหว้พระเสร็จ หันมาเห็นศรัณร้องไห้อย่างหนัก เก้เป็นห่วงอ้าปากจะถาม ปัญชลีส่ายหน้าห้ามไว้ สองคนเลี่ยงออกทางประตูโบสถ์ด้านหลัง ปล่อยให้ศรัณอยู่คนเดียว
ศรัณเงยหน้ามองใบหน้าอิ่มเอิบของพระพุทธรูปองค์ประธาน
“หลวงพ่อครับ ผมทำบาป ทำให้แม่ร้องไห้ ผมจะบวชให้แม่ ให้พ่อกับแม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองลูกชายคนนี้ขึ้นสวรรค์”
ศรัณก้มกราบพระประธาน แนบหน้าบนหลังมือตัวเอง ร้องไห้ต่อหน้าองค์พระ
ถัดจากนั้น ศรัณเดินหาปัญชลีกับเก้ มาเจอทั้งคู่ยืนรออยู่ข้างโบสถ์ อดเขินไม่ได้ เมื่อกี้ร้องไห้เหมือนเด็กๆ
“เอ่อ พี่ลีอยากไปเที่ยวไหนต่อครับ”
“อย่าเสียน้ำตาให้คนที่ไม่รักเราเลยศรัณ เค้าไม่เห็นค่าหรอก” ปัญชลีบอก
“ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะดาวครับ ผมนึกถึงแม่”
“แม่ศรัณเป็นอะไร”
“เป็นทุกข์เพราะผมครับ ผมทุ่มเทให้ผู้หญิงจนลืมแม่ ตอนนี้ผมรู้แล้ว ผู้หญิงที่ผมควรทุ่มเทให้ คือแม่ แม่คือผู้หญิงคนเดียวที่ไม่เคยทำผมเสียใจ คือผู้หญิงคนเดียวที่รักผมแบบไม่มีเงื่อนไข”
“โบราณเค้าถึงว่า ร้อยชู้ฤาจะสู้เนื้อเมียตน เมียร้อยคนหรือจะสู้แม่ได้”
“ต่อให้เมียพันคน ก็เทียบแม่ไม่ได้ครับ”
ศรัณเดินไปหน้าที่เก็บอัฐิตากับยายตรงกำแพงโบสถ์ ไหว้อัฐิตายาย
“ตา...ยาย ผมสัญญา จะไม่ทำให้แม่ร้องไห้อีก”
“อัฐิครอบครัวคุณศรัณอยู่วัดนี้หรอครับ” เก้เป็นคนถาม
“ตายายผมเป็นคนที่นี่ครับ ต่อไปพวกเราลูกๆ หลานๆ ก็ต้องมาอยู่ที่นี่กันหมด ผมจองไว้ช่องนึงแล้ว” ศรัณชี้ตรงช่องข้างอัฐิตายาย มีช่องว่าง รอเก็บอัฐิลูกหลาน
“ไปเที่ยวต่อเหอะ แล้วอย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกล่ะศรัณ พี่ไม่โอ๋”
“ผู้ชายอะไร ขี้แย กิ้วๆ” เก้ล้อ
“อย่าล้อซีครับคุณเก้ ผู้ชายก็เขินเป็นนะครับ”
ปัญชลีกับเก้หัวเราะขำ ศรัณยิ้มสดใส ท่าทางสบายอกสบายใจขึ้นเยอะ หน้าตาไม่ระทมทุกข์เหมือนเคย
ด้านหมอยังคงซักถามอาการดาวอย่างละเอียด
“มีเลือดประจำเดือนออกมั้ยคะ”
“มีค่ะ ดิชั้นยังแปลกใจ คนท้องต้องไม่มีประจำเดือน... ดิชั้นแท้งลูกเหรอคะ”
“หมอขอตรวจภายในนะคะ ญาติคนไข้เชิญรอข้างนอก คนไข้ขึ้นเตียงเลยค่ะ”
ตุ่นช่วยพยุงดาวขึ้นเตียงแล้วออกไป ดาวเครียดมาก กลัวเสียลูกในท้องไป
ศรัณพาปัญชลีกับเก้มาบ้านลุงเจ้าของสวนมะพร้าวที่สนิทกัน ลุงลงมาต้อนรับ
“หวัดดีครับลุง วันนี้วันหยุด คนมาเที่ยวสมุทรสงครามเยอะ สวนไหนๆ ก็คนเพียบ ผมเลยพาพี่สาวมาสวนลุง เงียบดี” ศรัณหันไปบอกปัญชลี “ลุงไม่เปิดสวนให้นักท่องเที่ยวเข้าครับ”
ลุงมองปัญชลี จำได้ “นักข่าวในทีวีนี่”
“ดีใจจังเจอแฟนรายการ” ปัญชลียิ้มให้
“ยืมเรือพาพี่ลีไปเที่ยวสวนหน่อยซีลุง”
“ทีนี้ล่ะยืม แต่ก่อนมาแอบพายไปดื้อๆ” ลุงหันมาฟ้องปัญชลี “ตอนเด็ก ศรัณ ทโมน มากครับ ชอบแอบมาปีนป่ายพายเรือเล่นในสวนผม ไล่ตีทุกวี่ทุกวัน”
“ตอนเด็ก ๆ ผมมีฉายาว่า ไอ้แสบหน้าวอกครับ” ศรัณเสริม
“ไอ้แสบหน้าวอก ใครตั้งให้อ่ะ เริด” เก้ยิ้มขำ
“เพื่อนๆ ครับ พวกมันก็เหลือเกิ๊น ผมเอาเรือพายไปนะลุง”
ศรัณเดินควงไม้พายเล่นเป็นกระบองไปที่ท่าน้ำ
“ท่าทางแสบจริงๆ” ปัญชลีมองตามอย่างเอ็นดู
ศรัณพายเรือให้ปัญชลีกับเก้นั่ง ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย น้ำในคลองใสสะอาด
“น้ำน่าเล่นจังนะครับ”
“เล่นน้ำกันครับคุณเก้” ศรัณตาโตเหมือนเด็กอยากเล่นสนุก
“ผมไม่เคยเล่นน้ำคลอง เราไปเล่นในสระที่รีสอร์ตแล้วกันครับ”
“โธ่เอ๊ยคุณเก้ ชวนแล้วไม่ยอมเล่น”
ศรัณแกล้งโคลงเรือกะให้เรือล่ม เก้จะได้เล่นน้ำคลอง
เก้วี้ดว้าย “ว้ายคุณศรัณ”
“ศรัณ พี่ไม่อยากเปียก”
ศรัณคึก เล่นไม่เลิก เรือพายเอียงวูบ เก้ร้องวี้ดว้าย แต๋วแตก
ปัญชลีดุ “หยุดเล่นนะ ไอ้แสบหน้าวอก”
“อุ๊ย โดนด่าไอ้แสบเลย”
ศรัณจ๋อย พายเรือไป ไม่กล้าเล่นเป็นเด็กอีก จนปัญชลีหันมายิ้มให้ ศรัณถึงค่อยยิ้มออก
ดาวเพิ่งลงจากเตียง หลังตรวจภายในเสร็จ
“ตอนไปตรวจครรภ์ครั้งแรก คุณหมอตรวจอะไรบ้างคะ”
“เจาะเลือดไปตรวจค่ะ ดิชั้นให้ทำใบรับรองว่าตั้งครรภ์”
“ตรวจไม่ละเอียด มิน่าถึงไม่รู้”
ดาวใจเสีย “ดิชั้นเป็นอะไรคะ ลูกในท้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“คุณท้องนอกมดลูกค่ะ”
ดาวช็อก ตะลึงตะไล
ศรัณพาปัญชลีกับเก้มาเที่ยวสวน แล้วนึกสนุกช่วยคนงานสอยมะพร้าว จนมะพร้าวตกลงพื้นดิน
“ว้าย” เก้กระโดดหลบลูกมะพร้าว ทั้งที่ตกห่างเป็นเมตร
“เก็บอาการหน่อยครับคุณเก้ ผีมะพร้าวไม่ชอบเกย์ เดี๋ยวผีแกล้งบิดทะลายมะพร้าวใส่หัว”
“ผีมะพร้าว จะให้กลัวหรือให้ขำ” เก้งง
ศรัณหัวเราะร่วน
“พอหายเศร้า หัวเราะอย่างกับเมากัญชา”
“พี่ลีครับ เดี๋ยวลองชิม มะพร้าวสวนนี้หอมมาก เนื้อมะพร้าวก็นิ่มป๋อย”
“ไม่นิ่ม พี่จะเฉาะกะโหลกเราให้”
“อุ๊ย โหดจุง”
ศรัณแกล้งทำเป็นกลัว ปัญชลีหัวเราะขำ
ฟากดาวนั่งนิ่งเป็นหุ่น ยังทำใจไม่ได้กับคำตอบของหมอ ว่าหล่อนท้องนอกมดลูก ตุ่นกระวนกระวาย ซักไซ้ดาวไม่หยุด
“ลืมปากไว้ในห้องหมอเหรอลูก ตั้งแต่ออกมาไม่พูดซักคำ หมอบอกว่าลูกเป็นอะไร”
ดาวเริ่มตั้งสติได้ “ดาวสังหรณ์ใจ เลยไม่บอกคุณภาสว่าปวดท้อง”
“พอพูดออกมา ก็พาเจ๊งวยงง”
“เจ๊ ดาว...ดาวท้องนอกมดลูก ต้องผ่าตัด เอาลูกออก”
“อะไรนะ” ตุ่นตกใจ
ดาวลูบท้องตัวเองเบาๆ “แม่ไม่มีวาสนาได้อยู่กับลูก” แล้วร้องไห้ออกมา
“ห้ามเอาลูกออกเด็ดขาด ไม่มีลูก ดาวก็ไม่ได้แต่งงานกับคุณภาสกร”
“ดาวรู้ ครอบครัวคุณภาสยอมรับดาวก็เพราะลูก พวกเค้าไม่ได้ชอบดาว แต่หมอบอกว่า ถ้าไม่รีบผ่าตัด ดาว...ดาวอาจจะตาย”
ตุ่นหน้าเสีย “ถึงตายเลยเหรอ”
ดาวสะอื้นไห้ กราฟชีวิตพุ่งขึ้นแล้วพลันดิ่งลงชนิดตั้งตัวไม่ทันตุ่นผิดหวังสุดๆ อะไรจะโชคร้ายขนาดนี้
“จะเอายังไงดาว เอาเด็กออก ก็ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้เป็นนายหญิงช่อง THAI KK เจ๊ก็ชวด ไม่ได้งานคืน” ตุ่นบอกอย่างเห็นแก่ตัว นึกถึงประโยชน์ตัวเอง
ดาวปาดน้ำตา รวบรวมพลังใจ “เดินหน้ามาถึงขั้นนี้ เลิกกลางคัน ทุกอย่างที่ทำมาก็สูญเปล่า ดาวจะเก็บลูกไว้ จนกว่าจะได้แต่งงาน”
ตุ่นพยักหน้าเอาด้วย ไม่ได้ห่วงชีวิตดาวสักน้อย
ดาวก้มลูบท้องตัวเอง เสียใจถึงขีดสุด
ที่กรุงเทพฯ ดาวเจอปัญหาใหญ่หลวง ส่วนทางสมุทรสงคราม กำลังสนุกสนานแฮปปี้ ศรัณใช้มีดเฉาะมะพร้าวอย่างคล่องแคล่ว แต่เก้ปิดตาหวาดเสียว กลัวมีดโดนมือศรัณ
“ชาวสวนเก่าสิเรา คล่องเชียว” ปัญชลียิ้ม
“พ่อผมเคยทำสวนมะพร้าวครับ”
ภานุกับแพรพรรณเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาสมทบ
ศรัณยิ้มทัก “มาได้ไงนุ แพร”
“อยากตามพี่ลีมาเที่ยวครับไลน์หาพี่ลี รู้ว่าอยู่สวนนี้ พี่ลีครับ ผมโทร.ชวนแพรมาด้วย”
“ชั้นอยากมาจอยกับพี่ลีหรอก ถึงยอมนั่งรถมากับนาย”
“เอ๊ะ ตอนพี่ชวน แพรบอกติดนัดเพื่อนที่มหาลัย” ปัญชลีมองล้อ รู้ทันสาวรุ่นน้อง
“อ๋อคือ...เพื่อนแพรยกเลิกนัดค่ะ มะพร้าวน่ากินจัง”
“พี่เฉาะให้”
แพรพรรณผละจากภานุไปคลอเคลียศรัณ ภานุหวงหึง
เก้กระซิบปัญชลี “ดูแพรทำ ไปยั่วให้นุหึง”
“รายนั้นก็บิวท์ขึ้นซะด้วย”
ภานุเลี่ยงไปเดินเล่นชมสวนห่างๆ ดีกว่าเห็นคนรักจี๋จ๋าคนอื่น แพรพรรณทำหน้ามึนไม่แคร์ภานุ
“เลิกฟอร์มได้แล้วแพร” ศรัณหมั่นไส้
“ฟอร์มอะไรคะ”
ศรัณส่ายหน้าเป็นเชิงตำหนิแพรพรรณ มัวแต่ฟอร์มเดี๋ยวผู้ชายดีๆ ก็หนี
ฝ่ายดาวนั่งหน้าอมทุกข์ ตุ่นไปรับยามา ที่หมอสั่งจ่ายยาแก้ปวดให้
“เภสัชกรที่ห้องยาบอกว่า ห้ามกินยาแก้ปวดเกิน 8 เม็ดต่อวัน”
“กินวันละโหล ดาวยังไม่หายปวดเลย” ดาวหันไปเห็นภาสุรีก็ชะงัก “คุณภา”
ภาสุรีเดินมาในล็อบบี้ เพิ่งตรวจเสร็จ ชะงักที่หันมาเห็นดาวกับตุ่น
“ลืมไป คุณภารักษาโรงพยาบาลนี้ ไม่น่ามาหาหมอที่นี่เลย”
“หนีไม่ทันแล้วด้วย ทำไงดี”
ภาสุรีเดินตรงมาหาสองคน ดาวยิ้มทัก
“คุณภามาหาหมอเหรอคะ”
“ฮื่อ หมอนัดมาตรวจ ที่ชั้นเป็นโรคบ้านหมุนน่ะ เธอเป็นอะไรดาว”
ดาวพยายามคิดหาคำโกหกมาหลอกภาสุรีที่จ้องมาตาไม่กะพริบ
อ่านต่อหน้า 3
สื่อริษยา ตอนที่ 12 (ต่อ)
เห็นดาวเงียบไปนาน จนภาสุรีต้องถามย้ำ
“ว่ายังไงดาว มาหาหมอเป็นอะไร ลูกในท้องเธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
สุดท้ายดาวโกหกหน้าตาย “ดาวมาเป็นเพื่อนเจ๊ตุ่นค่ะ เจ๊อาหารเป็นพิษ”
ตุ่นรีบรับลูก ทำทีเป็นไม่มีเรี่ยวแรงจะเป็นจะตายทันควัน
“ตุ่นอาเจียนจนหมดท้องเลยค่ะคุณภา ลากสังขารมาโรงพยาบาลไม่ไหว เลยโทร.ให้ดาวไปรับมา”
“จะกลับบ้านเลยหรือเปล่าดาว จะได้ขับรถตามกันไป”
“เจ๊ตุ่นไม่สบายอยู่ ดาวจะไปส่งแล้วอยู่เป็นเพื่อนเจ๊ตุ่นซักพักค่ะ”
“ถ้าไงก็ขับรถดีๆ ล่ะ กำลังท้องอ่อนๆ กระเทือนมากไม่ได้ เจอกันที่บ้านนะ”
พอภาสุรีแยกไปจนลับตา ตุ่นถามทันที “ลูกว่าคุณภาสุรีสงสัยมั้ย”
“ไม่หรอกค่ะ” ดาวอาการปวดท้องกำเริบ เอามือกุมท้อง หน้าเหยเก
“กลับบ้านไปสภาพเนี้ย ครอบครัวคุณภาสกรต้องจับได้ว่าลูกป่วย”
ดาวเห็นด้วยกับตุ่น กลับบ้านหิรัญกุลสภาพนี้ มีโอกาสความลับแตกสูง ต้องหาทางหลบเลี่ยง
ภาสกรกลับถึงบ้านเจอพ่อแม่ที่เพิ่งกลับมาได้สักพัก สองคนไปงานสังคมมา
“ดาวไปไหนครับ ผมไม่เห็นรถ”
“แม่ก็ว่าจะถามเรา เมียเราเค้าไปไหน กลับมาก็ไม่เจอ”
“ดาวไม่ได้บอกภาสเหรอลูก จะออกไปไหน กำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย”
ภาสกรเป็นห่วงดาว โทร.หาทันที
ฝ่ายดาวนอนซมปวดท้องอยู่ที่คอนโด มีตุ่นคอยเป็นเพื่อน ภาสกรโทร.มาหาพอดี ดาวกดรับสาย พยายามทำน้ำเสียงปกติที่สุด ทั้งที่กำลังปวดเจียนตาย
“ดาวกลับมาอยู่คอนโดแล้วค่ะคุณภาส”
ภาสกรอยู่ที่บ้านคุยสาย “ทำไมล่ะดาว”
“อยู่บ้านคุณภาสแล้วอึดอัดค่ะ คุณแม่เกลียดดาว คุณภาสคะ ดาวอยากรีบแต่งงาน ไม่อยากรอถึงเดือนหน้า เราไปจดทะเบียนสมรสกันวันจันทร์นี้เลยนะคะ ส่วนงานแต่ง ไม่ต้องจัดแล้ว”
ภาสกรแปลกใจ “ผมคิดว่าคุณอยากให้จัดงานใหญ่โตซะอีก”
“เราเลยจุดนั้นมาแล้วค่ะ ดาวท้องแล้ว ตอนนี้ดาวอยากเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณภาส วันจันทร์คุณภาสมารับดาวที่คอนโด แล้วเราไปจดทะเบียนที่เขตกันนะคะ”
ภาสกรยืนยันความคิดบอกว่า “แต่ผมอยากจัดงาน ตั้งใจจะเชิญผู้ใหญ่หลายคนที่นับถือ”
“เราไปไหว้ท่านทีหลังก็ได้ค่ะ ดาวอยากแต่งงานเร็วที่สุด รอถึงเดือนหน้าไม่ไหว”
“ขอผมคิดดูก่อน” ภาสกรวางสายไป
ฟากตุ่นเห็นงามตามไอเดียลูกสาว
“รีบแต่งก็ดีลูก ความลับแตกก่อน ลูกก็ชวด อดแต่ง”
“จดทะเบียนแล้วค่อยผ่าตัดเอาลูกออก ดาวเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย คุณภาสจะหย่า ก็ต้องคิดหนัก”
ดาวยิ้มย่อง ขอสู้ตาย ปวดท้องแค่ไหนก็จะอดทน เพื่อให้ได้แต่งงานกับภาสกร
ส่วนที่บ้านหิรัญกุล วิไลลักษณ์โวยลั่น ไม่พอใจดาวมาก
“แม่ดาวนี่ผีเข้าผีออก วันก่อนหน้าด้านขนเสื้อผ้ามา วันนี้หนีกลับบ้านหน้าตาเฉย”
“คนท้อง อารมณ์แปรปรวนน่ะคุณ”
“อารมณ์แปรปรวนหมายถึงหงุดหงิดโมโหง่าย เอะอะก็ร้องไห้น้อยใจ แต่แม่ดาว มุ่งมั่นอยากมาอยู่บ้านเรามาก ไม่น่าหนีกลับไปง่ายๆ”
ภาสกรแปลกใจพฤติกรรมดาวอยู่แล้ว ยิ่งฟังแม่พูด ก็ยิ่งชวนให้เคลือบแคลงสงสัยมากขึ้น ดาวต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างที่ไม่ยอมบอกตน
ภาสกรอยากรู้ดาวมีปัญหาอะไรกันแน่ ถึงหนีกลับมาอยู่คอนโด เลยขับรถมาหา แต่ไม่มีการ์ด เข้าคอนโดไม่ได้ ชายหนุ่มจะโทร.หาดาว
“ขึ้นไปไม่ให้ดาวรู้ตัวดีกว่า” เขาแต่เปลี่ยนใจไม่โทร. อยากจับผิดดาว
ภาสกรยืนรอจังหวะจนมีคนออกจากคอนโดประตูเปิด ถึงเดินสวนเข้าไปเลย
เสียงเคาะประตู นำพาตุ่นมายืนส่องดูช่องตาแมวจากในห้อง และต้องตกใจที่เห็นภาสกรมา
“โอ๊ะพ่อเจ้า คุณภาสกรมา”
ตุ่นหันไปมองดาวที่นอนแบ่บหมดสภาพ กุมท้องอยู่บนโซฟา ต้องโดนจับได้แน่!
“เจ๊อย่าเพิ่งเปิดประตู”
ดาวบอก พลางลุกขึ้นนั่ง หยิบนิตยสารแม่และเด็กมาอ่าน ทนฝืนเก็บอาการปวดท้อง ภาสกรต้องไม่รู้เรื่องท้องนอกมดลูก จนเมื่อพร้อมจึงพยักหน้าบอกให้ตุ่นเปิดประตูได้
ภาสกรเข้ามาในห้อง เห็นดาวนั่งอ่านหนังสือ หน้าตายิ้มแย้มต้อนรับ
“ขึ้นมาได้ยังไงคะ คุณภาสไม่มีการ์ด”
ภาสกรใช้สายตาไล่ตุ่นในที ตุ่นเลี่ยงเข้าห้องนอน ปิดประตูปล่อยให้ผัวเมียคุยกันเป็นการส่วนตัว
“ดาวเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ โดนคุณแม่ว่านิดหน่อย ไม่น่าหนีกลับ” ภาสกรมองจ้องจับผิดดาว
“ฮอร์โมนเปลี่ยน ดาวเลยอ่อนไหวง่าย มีเรื่องกระทบใจนิดหน่อย ก็สะเทือนใจค่ะ”
“หน้าดาวดูซีดๆ”
“หิวน่ะค่ะ ดาวแพ้ท้องอาเจียน เลยไม่อยากกินอะไร”
ภาสกรเกิดความรู้สึกห่วงลูกในท้อง เลิกจับผิดดาว
“ไม่กินไม่ได้ ลูกในท้องต้องการสารอาหาร”
ภาสกรไปตรงเคาน์เตอร์ครัว หาข้าวสาร จะทำข้าวต้ม พอภาสกรหันหลังให้ ดาวก็แตะท้องน้อย
เพราะปวดมาก
“ข้าวสารอยู่ไหน”
ภาสกรหันมาเกือบได้เห็นดาวปวดท้อง!
“อยู่ในตู้ค่ะ”
พอภาสกรหันหน้ากลับไป ดาวก็เอามือแตะท้อง ปวด เจ็บ และจุกเสียดสุดๆ
ภาสกรทำข้าวต้ม เปิดตู้เย็นหาเครื่องเคียง ทุกครั้งที่ภาสกรหันหน้าหรือเอียงหน้ามาทางโถงรับแขก ดาวก็รีบเก็บอาการปวดท้องอดทนถึงที่สุด จนภาสกรไม่รู้ไม่เห็นว่าหล่อนปวดท้องเจียนตาย
ภาสกรกลับเข้าบ้านมา เจอพ่อแม่ที่ออกมารอฟังข่าว แปลกใจที่ไม่เห็นดาวกลับมาด้วย
“ดาวจะนอนที่คอนโดครับ”
“แม่ดาวเค้าต้องการอะไรจากครอบครัวเราเนี่ย ฮึ ก็ยอมให้อยู่บ้านแล้ว หรือจะให้แม่สร้างคฤหาสน์ส่วนตัวให้” วิไลลักษณ์หมั่นไส้
“เด็กไม่เรียกร้องถึงขั้นนั้นหรอกคุณ ภาสหมั่นไปหาดาวล่ะ พากลับมาบ้านได้ยิ่งดี พ่อห่วงหลาน”
“ผมก็ห่วงลูก ยังไงจะหว่านล้อมให้ดาวกลับมาอยู่บ้านเราครับ”
วิไลลักษณ์หน้างอ โอภาสพาภรรยาเข้าบ้าน ภาสุรีเดินสวนพ่อแม่ออกมา
“คุณแม่หงุดหงิดดาวอีกซีคะ”
“ดาวย้ายกลับไปอยู่คอนโดแล้ว พี่ไปตามก็ไม่ยอมกลับ อ้างว่าอยู่บ้านเราแล้วอึดอัด แต่พี่ว่า ดาวต้องมีเหตุผลอื่น”
“พี่ภาสคิดว่าเพราะอะไรคะ”
“พี่นึกไม่ออก ดาวแพ้ท้องกินไม่ค่อยได้ พี่เป็นห่วง นี่ฝากให้ตุ่นอยู่เป็นเพื่อนดาว”
ภาสุรีแปลกใจ “ตุ่นอยู่คอนโดดาว”
“มีอะไรเหรอภา”
“เปล่าค่ะ”
ภาสกรเข้าบ้านไป ภาสุรีนึกถึงตอนเจอดาวกับตุ่นที่โรงพยาบาล
โดยตุ่นแสร้งหมดเรี่ยวแรง หลังดาวโกหกภาสุรีว่าตุ่นอาหารเป็นพิษ อาเจียนหนัก
“เจ๊ตุ่นไม่สบายอยู่ ดาวจะไปส่งแล้วอยู่เป็นเพื่อนเจ๊ตุ่นซักพักค่ะ”
“ใครไม่สบายกันแน่” ภาสุรีคาใจ กดโทร.ไปเช็คโรงพยาบาลทันที
เสียงเจ้าหน้าที่รับสาย “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ยินดีให้บริการค่ะ”
ภาสุรีคุยสาย “ดิชั้นโทร.มาถามอาการภรรยาพี่ชายค่ะ ชื่อ ดารินกานต์ กิตติวงศ์”
“ซักครู่นะคะ...คุณ ดารินกานต์ กิตติวงศ์ มาตรวจที่แผนกสูติฯ วันนี้ค่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่ตอบกลับมา
“ไปฝากท้องเหรอคะ”
“ทางเราไม่สามารถให้ประวัติการรักษาคนไข้ได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ภาสุรีวางสายสีหน้าฉงน “ทำไมดาวต้องโกหกว่าพาตุ่นไปหาหมอ”
ภาสุรีแปลกใจ คาใจ และสุดท้ายกลายเป็นไม่สบายใจ
อ่านต่อหน้า 4
สื่อริษยา ตอนที่ 12 (ต่อ)
อีกฟาก ศรัณพาก๊วนปัญชลีมาเที่ยวสะพานปลาของครอบครัว มีพ่อแม่ออกมารอต้อนรับปัญชลี
“พี่ลีครับ นี่พ่อแม่ผม”
“พอศรัณโทร.มาบอกว่าจะพาคุณปัญชลีมาเที่ยว ผมกับภรรยารีบมารอต้อนรับเลยครับ ภรรยาผมเป็นแฟนคลับคุณปัญชลี ดูรายการคุณทุกวัน” พ่อศรัณบอกหน้าตายิ้มแย้ม
ปัญชลียิ้มให้ “ดีใจที่เจอแฟนรายการค่ะ”
“แม่มายืนข้างพี่ลีครับ ผมถ่ายรูปให้”
ผู้เป็นแม่ยังเคืองอยู่ จึงเมินลูก “จะพาไปเดินดูสะพานปลา เชิญค่ะ”
แม่มองค้อนศรัณแล้วพาปัญชลีไปเดินเล่น ทุกคนดูออก ว่าแม่โกรธลูกชายไม่หาย
ศรัณซึม “แม่โกรธพี่เรื่องดาวน่ะ นุพาแพรไปเดินเล่นทางนู้นสิ วิวทะเลสวย”
“ไป ดาร์หลิง”
“ดาร์หลิงบ้าบออะไรของนาย” แต่ก็ยอมให้ภานุจูงมือไป
“แพรเอ๊ย ฟอร์มมากๆ เดี๋ยวผู้ชายเค้าก็หนีหรอก” ศรัณเดินแยกไป
เหลือเก้ยืนอยู่กับพ่อศรัณสองคน เก้ตาวาว มองหนุ่มชาวประมงคมเข้ม หน้าตาโดดเด่นสุดในกลุ่ม
“คุณพ่อขา คนนั้นน่ะ คนไทย หรือ พม่าคะ”
พ่อศรัณหน้าเหวอ ตาเหลือก ไอ้นี่มันตุ๊ดเหรอวะ เห็นแต่งตัวเหมือนผู้ชายนี่หว่า
เก้ยิ้มเขินเรี่ยราด เห็นผู้ชายล่ำๆ ดำๆ สเปค แล้วสาวแตก เก็บอาการไม่อยู่
ปัญชลีเดินมากับแม่ศรัณตามสะพานปลา
“คุณปัญชลีน่าจะมาเช้าๆ สะพานปลาคึกคัก ชาวเรือเอาปลามาขึ้น มีปลาสดๆ ให้เลือกเยอะเชียวค่ะ”
“อดกินปลาทูแม่กลองสดๆ เลยนะคะ” ปัญชลีตัดสินใจช่วยพูดให้ศรัณ “ตอนไปไหว้พระที่วัด ศรัณบอกลี คุณแม่เป็นทุกข์เพราะเค้า ศรัณคิดได้แล้วล่ะค่ะ ผู้หญิงที่ควรทุ่มเทให้คือ คุณแม่ ไม่ใช่ดาว”
“พูดอย่าง แต่ทำอีกอย่าง ลูกชายดิชั้นตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คงติดหนี้กันมาแต่ชาติปางไหน”
“ศรัณรักดาวมาก จะให้ตัดใจทันที คงยาก คุณแม่ให้กำลังใจลูกชายนะคะ ความรักยิ่งใหญ่ของคุณแม่จะเป็นแสงนำทางให้ศรัณกลับมามีชีวิตของตัวเอง รักตัวเองเป็น”
คำพูดด้วยเหตุผลของปัญชลีทำให้แม่ศรัณใจอ่อน
ฝ่ายภานุกับแพรพรรณยืนจับมือกันดูวิวทะเล แดดอ่อนยามบ่ายแก่ๆ ส่องแสงกระทบผืนน้ำทะเลเป็นประกายระยิบ
“วันหลังเรามาเที่ยวทะเลกันสองคนนะแพร นอนเล่นบนหาดทราย ฟังเสียงคลื่น”
“ชวนสาวไฮโซซักคนมาเที่ยวดิ ให้แม่นายหาให้” แพรพรรณดึงมือออกจากมือภานุ
ภานุหันมองแพรพรรณจะตัดพ้อ โดนสาวเจ้าเมินหน้าหนี ไม่อยากคุย ไม่อยากสวีตด้วยแล้ว ภานุหมดอารมณ์โรแมนติก วิวทะเลสวยๆ ช่วยอะไรไม่ได้
ภานุหันมาเห็นศรัณ ยิ้มเซ็งให้พี่ แล้วแยกไปเดินเล่นคนเดียว
“แพร รักเค้าก็บอกไปสิ ยากเย็นตรงไหน” ศรัณต่อว่า แพรพรรณจะเถียง “อย่าโกหกว่าไม่ได้รัก พี่รู้จักแพรมานาน ดูแพรออก”
แพรพรรณผ่อนลมหายใจยาว ระบายความในใจกับศรัณ “แพรกลัวค่ะ กลัวเสียใจ”
“แพรว่าทะเลตอนนี้สวยมั้ย”
“สวยค่ะ”
“ต้องมาเห็นตอนพายุเข้า คลื่นสูงเป็นเมตรซัดเขื่อนแทบพัง ความรักก็เหมือนทะเล มีวันที่สงบ มีวันที่พายุเข้า แพรอยากนั่งมองทะเลสวยๆ กับใครซักคน ก็อย่ากลัววันที่ทะเลคลั่ง เพราะเดี๋ยวพายุก็ผ่านไป”
แพรพรรณซึมซับคำสอนของศรัณ แล้วหันไปมองทางหนึ่ง เธอเห็นภานุที่เดินเล่นอยู่คนเดียว ชายหนุ่มดูเหงาๆ ซึมๆ น่าสงสาร แพรพรรณอยากไปเดินเล่นกับภานุ แต่ใจยังหวาดหวั่น กลัวเจ็บช้ำเพราะรักอีก
คืนนั้น เก้ทาครีมประทินโฉมทั่วสรรพางค์อยู่หน้ากระจก กรีดนิ้วแตะผิวหน้าเต็มจริตหญิง แพรพรรณนั่งครุ่นคิดถึงคำพูดของศรัณตรงสะพานปลาเมื่อบ่าย
“แพรอยากนั่งมองทะเลสวยๆ กับใครซักคน ก็อย่ากลัววันที่ทะเลคลั่ง เพราะเดี๋ยวพายุก็ผ่านไป”
ปัญชลีอาบน้ำเสร็จ เช็ดผมออกมา
“ตาแพรอาบจ้ะ”
ภานุมาเคาะประตู ปัญชลีเป็นคนเปิดประตูให้
“ผมมาชวนแพรไปเดินเล่นครับ”
ภานุส่งสายวิงวอนมาให้ แพรพรรณลังเล
ไม่นานถัดมา ภานุกับแพรพรรณเดินเคียงข้างกันมาตามทาง กลางหว่างบรรยากาศสวยงามโรแมนซ์ยามค่ำคืนของรีสอร์ต
“ผมมาคิดดู เราลองสลับสถานะกัน ผมเป็นพนักงาน คุณเป็นลูกเจ้าของสถานี ผมก็ไม่กล้าจีบคุณ แพร ผมจะกลับไปเป็นครีเอทีฟ คุณได้ไม่รู้สึกว่าเราต่างกัน”
“ไปทำข่าวข้างนอกเหนื่อยนะ ตากแดด ตากฝน”
“ให้ไปเจอทอร์นาโด ผมก็ไม่หวั่น ผมอยากเป็นนายโย่งคนเดิมของคุณ ผมจะขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนคุณ ไปหาข่าวข้างนอก คุณหิว เราก็แวะกินข้าวข้างทาง คุณง่วง ก็ซบบ่าผมหลับ คุณหงุดหงิด ก็ทุบผม หรืออยากให้ผมทำอะไรให้ก็ได้ เพราะสำหรับผม แพรคือเจ้านายตัวจริง”
แพรพรรณซึ้งจนน้ำตาจะร่วง “นายรักชั้นถึงขนาดนี้เลยหรอ”
“ถ้ายังไม่พอ ผมเพิ่มดีกรีความรักได้อีกนะ ผมจะดูแลคุณทุกฝีก้าว ไปรับไปส่งคุณทุกวัน”
“อย่าเหนื่อยเพราะชั้นเลย แค่นี้...อ่า...” แพรพรรณเขินจัด “ชั้นก็รักนายจะแย่อยู่แล้ว”
ภานุปลื้มสุดๆ ที่สาวรับรัก “ยัยทอม”
แพรพรรณนี่เซ็งเลย “เอ้ย ชั้นอุตส่าห์ทำซึ้ง นายไม่ฟินเลยหรอ”
“ฟินดิ ฟินสไตล์ยัยทอมของนายโย่งไง”
ภานุดึงร่างแบบบางมากอดเต็มรัก เป็นครั้งแรกที่สาวเจ้าไม่แข็งขืน กอดตอบโดยดีในบรรยากาศแสนโรแมนติกนั้น
ภานุจูงมือแพรพรรณมาส่งถึงในห้อง สองคนมองสบตากันทีหวานเชื่อม ปัญชลีกับเก้ดูอาการออก สองหนุ่มสาวอินเลิฟกันแน่แล้ว ปัญชลีเหน็บ
“ตอนออกไปยังพ่อแง่แม่งอนกันอยู่เลย เปลี่ยนอารมณ์เป็นหวานฉ่ำ จนพี่ตามไม่ทัน”
แพรพรรณเขิน “หวานอะไรกันคะพี่ลี กลับห้องไปได้แล้วนายโย่ง”
“ขอกู๊ดไนท์ คิส”
แพรพรรณเจอขอจูบเขินจัด ดันภานุออกไปแล้วปิดประตูใส่หน้า ส่วนภานุเดินยิ้มกริ่มกลับห้อง ตาเยิ้ม เป็นสุขล้น
แพรพรรณโดนเก้แซว
“คืนนี้ต้องมีคนนอนไม่หลับ ฝันหวานถึงแฟน...”
แพรพรรณอดกังวลไม่ได้ “จะว่าไป แพรก็ยังกลัวๆ นะคะ แม่นุไม่ยอมรับแพร...แพรกลัวเจ็บเหมือนพี่ลี”
ปัญชลีอึ้ง โดนขุดโคนความเจ็บปวดขึ้นมา หน้าเศร้าไปถนัดตา แพรพรรณรู้ตัว
“ขอโทษค่ะพี่ลี แพรไม่ได้ตั้งใจพูดให้พี่ลีสะเทือนใจ”
ปัญชลียิ้มบางๆ ให้ “คุณแม่อ่อนกว่าแต่ก่อนมาก แล้วนิสัยแพรก็ไม่แข็งเหมือนพี่ ความรักของแพรกับนุ ถึงมีอุปสรรค ก็ไม่หนักเท่าของพี่หรอกจ้ะ”
ถึงปัญชลีไม่เคือง แต่แพรพรรณก็หน้าเจื่อน รู้สึกผิดที่หลุดปากพูดแทงใจดำออกไป เก้มองสงสารจับใจ
ปัญชลียังดื่มกินความเจ็บปวดจากพิษรักอยู่
ดึกมากแล้ว ปัญชลีนอนไม่หลับ พกใบหน้าสวยเศร้า มานั่งอมทุกข์กอดความโศกศัลย์ อยู่ตรงมุมสวนสวยของรีสอร์ตนานแล้ว จนเก้ออกมาตาม
“ผมตื่นมาเข้าห้องน้ำ ไม่เห็นพี่ลี ทำใจเรื่องพี่ภาสนะครับ สวยๆ เก่งๆ อย่างพี่ลี หาดีกว่าพี่ภาสสิบเท่ายังได้”
“ไม่มีใครดีกับพี่เท่าภาสอีกแล้วล่ะเก้ เวลาพี่เอาแต่ใจ ภาสก็ยอมตามใจ เวลาพี่โมโห ภาสก็ทำให้พี่เย็นลง พี่เจอผู้ชายที่เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตที่หายไป แต่พี่ไม่เห็นค่า เลยเสียเค้าให้คนอื่น ชีวิตที่เหลือ พี่ต้องอยู่แบบครึ่งๆ กลาง ๆ”
“ผมเชื่อว่าทุกคนในโลกต้องมีใครซักคนรออยู่ พี่ลีเปิดใจ ก็จะเจอคนดีๆ เค้าอาจเป็นคนที่ใช่”
“พี่รักคนยาก ภาสเป็นแฟนคนแรกของพี่ แล้วก็อาจเป็นผู้ชายคนเดียวที่พี่มอบหัวใจให้”
เก้สงสาร กอดซบปัญชลีปลุกปลอบใจ ปัญชลียิ้มเศร้าๆ ให้ เห็นทีชีวิตนี้คงต้องอยู่น้องรัก เกย์ครับผม คนนี้ไปจนตาย
ฝ่ายภานุนอนไม่หลับ ขับรถมาจอดหน้าร้านอาหารริมทะเล ศรัณรออยู่
“ไม่พาพวกสาวๆ มาด้วยล่ะ”
“ที่ผมโทร.ชวนพี่ศรัณออกมา อยากคุยกันตามประสาผู้ชายครับ” ภานุยิ้มกริ่ม “แพรยอมเป็นแฟนผมแล้วนะครับ”
“พี่ดีใจด้วย งั้น มื้อนี้พี่เลี้ยง”
ศรัณกอดคอภานุพาเข้าร้านไป
ถัดมาสองหนุ่มนั่งกินข้าวคุยกันแมนๆ โดยไม่มีแอลกอฮอล์สักหยด
“พี่ศรัณจบนิเทศมาเหมือนแพร ไม่อยากทำงานตามที่เรียนมาเหรอครับ”
“ก็มีบ้าง แต่พี่อยากช่วยพ่อมากกว่า พ่อพี่ทำงานหนักมาก ถึงเวลาพักซะที พี่เคยเกือบทิ้งพ่อไป ตอนโดนดาวหักอก”
“ยังไงครับ”
“พี่จะโดดทะเลตาย” เขาหันไปมองผืนทะเลสีดำยามค่ำคืน “ตอนนั้นพี่ช้ำใจมาก ออกทะเลไปกับเรือประมง ไม่กิน ไม่นอน คิดอย่างเดียว อยากตาย”
“ตอนอยู่เมืองนอก ผมโดนหักอก แต่ก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย”
“ภูมิคุ้มกันทางใจคนเราไม่เท่ากัน บางคนแบกรับความทุกข์ไม่ไหว เลยฆ่าตัวตายหนีโลกนี้ไปซะ”
“เวลาผมเห็นข่าวคนฆ่าตัวตายเพราะอกหัก ผมไม่เข้าใจ เค้าไม่รักตัวเองเลยเหรอ ตายไปแล้วยังไง จะหายเสียใจมั้ย”
“หมดลมหายใจ ก็หมดความอาลัยอาดูร”
ศรัณเหม่อมองทะเล แววตาเศร้า นึกถึงวันที่เขาเกือบโดดทะเลตาย เพราะอกหัก
ภานุสงสารจับใจ ตระหนักชัดว่าศรัณรักดาวมาก ยังรักอยู่ และคงยากจะตัดใจลืมลง
อ่านต่อตอนที่ 13