เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 10 อวสาน
ซินแสง้วงใช้โกร่งบดยาจีนจนกระทั่งแหลกเป็นผง แล้วเทลงใส่หม้อต้มยา เคี่ยวยาเดือดปุดๆ
"ทุกคนล้วนแต่ต้องมีอันเป็นไปเพราะหงส์เป็นต้นเหตุ หงส์มันเป็นตัวซวยอย่างที่อาป๊าเคยบอกจริงๆ"
"ความซวยไม่มีอยู่จริงหรอก มีแต่กรรมเก่าที่เราเคยทำเอาไว้ย้อนกลับมาส่งผลหาเราในทางไม่ดีเท่านั้น"
"ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หงส์จะหลุดพ้นจากกรรมเก่านั่นเสียที"
"กรรมปัจจุบันสำคัญที่สุด อดีตแก้ไขไม่ได้ อนาคตคาดเดาไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราควรทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ...กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ"
หงส์ถามซินแสง้วงด้วยความเป็นห่วง
"อาหลงจะตายมั้ยคะ"
"พรุ่งนี้เช้า ถ้าอียังไม่ตายก็รอด"
ซินแสเทยาจากหม้อใส่ชามยื่นให้หงส์
"คุณหนูเอายานี่ไปให้อาหลงกิน... ยาจะออกฤทธิ์ประมาณยามสาม อาหลงจะเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสราวกับมีมีดนับพันๆเล่มปักอยู่บนร่าง"
"อาหลงต้องทนทรมานนานสักแค่ไหนคะ ซินแส"
"จนกว่าจะขับเลือดเสียภายในร่างกายออกจนหมด หากพ้นคืนนี้ไปได้ ก็ถือว่าดวงชะตาอาหลงยังไม่ถึงฆาต"
หงส์มองชามยาในมือวิตกกังวลไม่น้อย
หงส์ค่อยๆป้อนยาให้หลง
"แข็งใจหน่อยนะ อาหลง"
หลงค่อยๆกลืนยานั้นล่วงลำคอเข้าไปอย่างยากเย็นจนหมดถ้วย
"นายน้อยครับ...ผมขออะไรนายน้อยสักอย่างได้มั้ย"
"ได้สิ... ได้ทั้งนั้น"
อาหลงยิ้มเพลียๆ ตาจะปิดอยู่แล้ว น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นขึ้นเรื่อยๆ
"ผมอยากฟังเพลงงิ้ว... นายน้อยช่วยร้องให้ผมฟังสักเพลงเถอะนะครับ"
"นายต้องสัญญากับฉันก่อนว่าพรุ่งนี้นายจะต้องหายเป็นปกติ"
หลงพยักหน้าช้าๆ แทนคำสัญญา
หงส์ร้องเพลงงิ้วกล่อมหลง เป็นเพลงที่รำพันถึงคนรัก หวานซึ้งมาก ร้องไป น้ำตาก็ร่วงเผาะ แต่ก็ยิ้ม หลงนอนหนุนตักหลง ฟังหงส์ร้องเพลงงิ้วแล้วยิ้มจนค่อยๆหลับไป
ในยามสาม เสียงหลงร้องอย่างทรมาน ดิ้นทุรนทุราย ยาของซินแสง้วงออกฤทธิ์ เจ็บปวดทรมานเหมือนอย่างที่ซินแสง้วงเคยบอก
หงส์เห็นอาการหลงดิ้นพราดเหมือนคนกำลังจะตาย ก็ใจคอไม่ค่อยดี เสียงสั่นเครือ
"ทำใจดีๆไว้ นายจะต้องหาย นายสัญญากับฉันแล้วนะ อาหลง"
อาหลงยังดิ้นไม่หยุด กระอักเลือดเสียสีดำที่ตกในออกมาเป็นลิ่มๆ
"อาหลง นายอย่าเป็นอะไรนะ"
หงส์กอดอาหลงไว้แน่น กลัวว่าหลงจะตาย
ณ วิหารเก่าในบริเวณศาลเจ้า แสงเงินแสงทองจับทองฟ้า เช้าวันใหม่แล้ว หงส์นั่งสัปหงก สะดุ้งตื่น รู้สึกตัว แต่หลงหายไปแล้ว
"อาหลง"
หงส์ใจหาย รีบวิ่งออกไปตามหาหลงข้างนอกทันที
หงส์วิ่งออกมา แต่ไม่เห็นอาหลง ได้ยินเสียงเป่าเพลงใบไม้ดังแว่วขึ้นมา
หงส์หันไปเจออาหลงนั่งเป่าใบไม้อยู่ ก็วิ่งโผเข้าไปกอดด้วยความดีใจ
"อาหลง... นี่นายค่อยยังชั่วแล้วเหรอ"
หลงพยักหน้า
"ผมสัญญากับนายน้อยไว้แล้วว่าจะหายก็ต้องหาย"
"นายนี่มันดวงแข็งจริงๆ"
"จะฆ่ายังไงผมก็ไม่ตายหรอกครับ"
"ทำไม นายถอดดวงใจได้หรือไง"
"ครับ... ผมถอดดวงใจผมฝากเอาไว้ที่นายน้อยตั้งนานแล้ว"
หงส์เขินหลงจนหน้าแดง
ที่โรงงิ้วเฟิ่งหวง หมวยรู้สึกตัว ค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นหน้ากุ่ยเป็นคนแรก
"นี่หมวยยังไม่ตายอีกเหรอ"
กุ่ยดีใจที่หมวยยังไม่ตาย แต่แกล้งกลบเกลื่อน ทำเป็นไม่สนใจไยดี
"ดีที่อั๊วใส่ตีนหมาวิ่งหลบลูกกระสุนทัน ไม่งั้นลื้อกับอั๊วคงพรุนไปแล้ว"
หมวยเห็นกุ่ยหน้าตาบอบช้ำ จะขยับเอื้อมมือไปลูบหน้ากุ่ย
"เฮียกุ่ยเป็นยังไงบ้าง" แต่เจ็บแผลที่ถูกแทง "โอ๊ย"
"อั๊วมันหนังเหนียว ตายยาก ห่วงตัวเองก่อนเถอะ"
หมวยก้มลงมองแผลที่ถูกแทง เห็นผ้าพันแผลที่กุ่ยทำให้ก็ยิ้มปลื้ม
"เฮียทำแผลให้หมวยเหรอ"
"ไม่ใช่อั๊วแล้วจะใคร จุ้นจ้านนัก อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องเจ็บตัว"
หมวยชักงอน
"พูดดีๆไม่เป็นหรือไงลำบากมากนัก น่าจะปล่อยให้หมวยตายๆไปซะ"
กุ่ยเห็นหมวยงอน เลยเสียงอ่อนลง ยอมพูดดีด้วย
"ถ้าลื้อตาย แล้วอั๊วจะต่อล้อต่อเถียงกับใคร เหงาแย่"
หมวยยังไม่หายงอนแกล้งเบือนหน้าหนี
"อั๊วก็แค่ไม่อยากให้ลื้อเสี่ยงชีวิตมาช่วยอั๊วแบบนี้อีก อั๊วเป็นห่วงลื้อ"
หมวยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
"ห๊า ? ว่าไงนะ ไม่ได้ยิน"
"อั๊วบอกว่า อั๊วเป็นห่วงลื้อ ! เป็นห่วงลื้อ ได้ยินมั้ย"
หมวยอมยิ้ม ขำที่เอาคืนกุ่ยได้
"ไหนลองพูดอีกทีซิ"
กุ่ยรู้แกวว่าโดนหมวยแกล้ง คราวนี้ไม่พูด แต่ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มหมวยฟอดใหญ่ หมวยตาโต อ้าปากหวอ ตั้งตัวไม่ติด
"คราวนี้ได้ยินแล้วหรือยัง"
กุ่ยยิ้มทะเล้น หมวยเขินพูดอะไรไม่ออก
บ้านเถ้าแก่เต็ก เล้งโกรธจัดเมื่อรู้ว่าแผนที่วางไว้ล้มเหลวอาละวาดขว้างปาข้าวของ
"ทำไม ! ทำไมพวกมันถึงไม่ตายห่าตายโหงซะที ทำไม"
เต็กน้ำเสียงราบเรียบ ขอบตาดำคล้ำ ลึกโหล เหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ
"เถ้าแก่เกาก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ เหลือแค่ลื้อกับอั๊วเท่านั้น"
เล้งหันไปถามซา
"ตอนนี้คนของเราเหลืออยู่เท่าไหร่"
"รวมแล้วไม่ถึงครึ่งครับ"
เล้งตบโต๊ะปัง อารมณ์พลุ่งพล่านมากขึ้นนับตั้งแต่กลายเป็นคนพิการ
"อั๊วจะเอาเลือดพวกมันมาล้างตีนให้ได้ ลื้อต้องช่วยอั๊วนะ เถ้าแก่เต็ก"
"ทุกคนที่นังหงส์รักถือเป็นศัตรูกับอั๊ว อั๊วจะทำให้นังตัวดีมันเจ็บยิ่งกว่าที่อั๊วเจ็บ เวลาเห็นคนที่มันรักต้องตายต่อหน้าต่อตา"
เล้งยุ
"ถ้าวิญญาณของอาตี๋เล็กได้ยินเข้าคงจะดีใจไม่น้อย"
เต็กได้ยินชื่อตี๋เล็ก ความแค้นยิ่งคุกรุ่น เหมือนสาดน้ำมันเข้ากองเพลิง
"มีคนเห็นคุณหนูหงส์พาไอ้หลงไปที่ศาลเจ้าซินแสง้วง"
"ตราบใดที่อั๊วยังอยู่ อย่าหวังเลยว่าพวกลื้อจะได้เสวยสุข"
เล้งยิ้มหวังใช้เต็กเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น
หงส์ยืนมองจิตรกรรมฝาผนังรูปหงส์ดำหลงเดินเข้ามายืนข้างๆ
"ตอนเด็กๆอาป๊าเคยเล่านิทานเรื่องพญาหงส์ดำให้เฮียฉางกับฉันฟัง"
"เรื่องราวเป็นยังไงเหรอครับ"
"นายพรานคนหนึ่งต้องการจับหงส์ดำไปถวายฮ่องเต้เพื่อปรุงยาอายุวัฒนะ จึงวางบ่วงแร้วดักเอาไว้ริมสระน้ำ พญาหงส์ดำเห็นบ่วงแร้วของนายพรานก็เกรงว่าบริวารจะเป็นอันตราย จึงยอมติดกับเสียเองเพื่อให้ฝูงหงส์ทั้งหลายได้บินหนีไป"
"น้ำใจของพญาหงส์ดำช่างกว้างใหญ่นัก... ถ้าผมเป็นฮ่องเต้คงกินเนื้อหงส์ดำตัวนั้นไม่ลงและคงปล่อยพญาหงส์ตัวนั้นไป"
"เปล่าเลย... พญาหงส์ดำถูกฆ่าเพื่อปรุงเป็นโอสถ แต่ก่อนตาย พญาหงส์ดำได้ทูลขอฮ่องเต้ว่า หากเสวยเนื้อของตนแล้วหายจากอาการประชวร ขออย่าให้มีการล่าหงส์ดำในอาณาจักรของพระองค์อีก ฮ่องเต้ทรงรับปาก... พญาหงส์ดำยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อให้บริวารทั้งหมดของตนได้อยู่รอดปลอดภัย"
"นิทานของนายน้อยเศร้าจังเลยสุดท้ายพญาหงส์ดำก็ตายเปล่า"
"ใครว่านิทานจบลงแค่นี้ล่ะ"
หงส์กับหลงหันไปเห็นซินแสง้วงเดินเข้ามา ค้อมศีรษะให้เล็กน้อย
"ด้วยคุณงามความดีของพญาหงส์ดำ ทำให้เง็กเซียนฮ่องเต้และเจ้าแม่หวังหมู่รับเอาพญาหงส์ดำขึ้นไปอยู่บนฟากฟ้ากลายเป็นกลุ่มดาวหงส์ ส่องแสงระยิบระยับเพื่อประกาศความดีของพญาหงส์ดำไว้ชั่วนิรันดร์"
"อย่างนี้นี่เอง เถ้าแก่สุงถึงได้ตั้งชื่อแก๊งว่าหงส์ดำ"
"เถ้าแก่สุงอยากให้ลูกสาวมีความเสียสละและเมตตาเหมือนกับพญาหงส์ดำตัวนั้น จึงได้ตั้งชื่อคุณหนูว่า หงส์"
หงส์หันกลับไปมองที่ภาพหงส์ดำตัวนั้นอีกครั้ง เพิ่งเข้าใจถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในชื่อตนเอง
หลงยกชามยาขึ้นกระดกจนหมด ซินแสง้วงตรวจดูอาการหลง เห็นว่าใกล้จะหายดีแล้ว
"ยาของซินแสได้ผลชะงัดนัก"
"หากไม่ได้ซินแสช่วยไว้ อั๊วคงตายไปแล้ว"
"ที่ลื้อรอดมาได้ เพราะลื้อไม่ยอมตายเองต่างหาก"
ซินแสง้วงหัวเราะเบาๆ มองหลงอย่างรู้ทันว่าที่หลงไม่ยอมตายเพราะหงส์
"ตอนนี้ลื้อกำลังถูกหมายหัวจากทางการลื้อจะทำยังไงต่อไปห๊ะ อาหลง"
"แต่อาหลงไม่ได้เป็นคนฆ่าเมฆินทร์ สมุนของมันออกมาพูดเองว่าเถ้าแก่เกาต่างหากที่เป็นคนฆ่า"
"อาจือกับอาเจ็งตายไปแล้ว ไม่มีใครเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ให้ผมได้อีก"
หงส์ใจแป้ว ไม่เหลือพยานอีกแล้ว หลงต้องมีความผิดข้อหาฆ่าคนตายตลอดไป
"ตำรวจกำลังไล่ล่าตัวผมอยู่ ผมคงอยู่ที่นี่นานไม่ได้"
ซินแสง้วงเห็นหลงเพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บ ยังไม่พร้อมจะเดินทาง
"อั๊วว่าลื้อพักฟื้นให้หายดีเสียก่อนเถอะ อย่าเพิ่งรีบร้อนนักเลย"
"ที่นี่อยู่กลางเมืองผู้คนพลุกพล่าน อั๊วเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย"
"ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด…ศาลเจ้าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสิ่งชั่วร้ายใดเข้ามากล้ำกรายได้หรอก"
หลงยังไม่วางใจ แต่เห็นสภาพร่างกายของตนยังไม่หายเป็นปกติ จึงยอมเชื่อซินแสง้วง
ซินแสง้วงกำลังกวาดลานหน้าวิหารเก่าอยู่ เต็กพาตำรวจมาถึงที่ศาลเจ้า มั่นใจว่าหลงต้องอยู่ที่นี่แน่
"หาดูให้ทั่ว"
เต็กบุ้ยหน้าให้ซาพาสมุนกระจายกำลังช่วยตำรวจค้นหาหลงอีกแรง เต็กเดินเข้ามาทักทายซินแสง้วง
เต็กค้อมศีรษะให้เล็กน้อย
"ซินแสง้วง"
"พวกลื้อมาทำอะไรกันที่นี่"
"อั๊วพาตำรวจมาล่าตัวคนร้ายที่สังหารท่านเมฆินทร์หวังว่าซินแสคงจะไม่ถือสา"
"คนที่เถ้าแก่ตามหาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกกลับไปซะเถอะ"
"นักโทษคดีอุกฉกรรจ์หลบหนี ซินแสอยู่แถวนี้ก็ควรจะระวังตัวด้วย"
ซินแสง้วงพูดเตือนสติแบบอ้อม แต่กวาดลานไปด้วยเหมือนไม่เจาะจงว่าหมายถึงใคร
"ตราบใดที่ยังไม่ปลดปล่อยตัวเองออกจากกรงขังแห่งความเคียดแค้นชิงชังก็ไม่มีวันที่จะเป็นสุข"
"แก้แค้นได้เมื่อไหร่ อั๊วก็เป็นสุขเมื่อนั้น"
ซินแสง้วงกับเต็กจ้องหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งรุ่มร้อนด้วยความแค้น อีกฝ่ายเยือกเย็นด้วยความเมตตา
หงส์เห็นเต็กพาตำรวจมาล้อมศาลเจ้าก็ตกใจ
"อาเจ็กเต็ก"
"ตำรวจล้อมเอาไว้หมดทุกด้าน ผมคงหนีออกไปตอนนี้ไม่ได้ ผมจะออกไปมอบตัว"
หงส์รั้งหลงเอาไว้
"อย่า !"
"ผมไม่อยากทำให้ซินแสง้วงกับนายน้อยต้องเดือดร้อน"
"ตำรวจที่มาเป็นพวกของอาเจ็กทั้งนั้น นายออกไปตอนนี้ ก็ไม่พ้นถูกวิสามัญฯ"
หงส์คิดหาวิธีที่จะช่วยหลง ก่อนคิดออก
"ตามฉันมา"
หงส์รีบพาหลงไปซ่อนในวิหารเก่า
เต็กหรี่ตา มองซินแสง้วงอย่างจับพิรุธ
"ซินแสไม่อยากรู้มั่งเลยเหรอว่าพวกอั๊วมาตามหาใคร"
ซินแสง้วงกวาดลานต่อ ไม่สนใจเต็ก
"ลื้อจะตามหาใครมันก็เรื่องของลื้อ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของอั๊ว"
"พูดแบบนี้ ยิ่งทำให้อั๊วสงสัย"
ซากับสมุนกลับมาหลังจากหาจนทั่วศาลเจ้าแล้ว
"ไม่พบครับเถ้าแก่"
"คราวนี้พวกลื้อจะกลับกันได้แล้วหรือยัง"
เต็กโมโหที่คว้าน้ำเหลว กำลังจะหันหลังกลับอยู่แล้ว
เต็กเห็นวิหารเก่าชักเอะใจ
"ขออั๊วเข้าไปดูในนั้นหน่อย"
เต็กพาตำรวจบุกเข้าไปในวิหาร ซินแสง้วงมองตามด้วยความวิตก
ประตูวิหารเปิดออก เต็กกับซา พาตำรวจบุกเข้ามา
"ค้นให้ทั่วทุกซอกทุกมุม"
เต็กเห็นรูปปั้นเทพเจ้าสี่เทียนไต้อ๊วง ท้าวจตุโลกบาลของจีนในชุดนักรบถืออาวุธต่างๆ
ซากับตำรวจ เดินสำรวจภายใน ไม่มีวี่แววของหงส์กับหลงเลย ซาอ้อมไปดูทางด้านหลังรูปปั้นเทพเจ้าสี่เทียนไต้อ๊วง
ทันใดนั้นซาก็เหลือบไปเห็นชามกระเบื้องยาที่หลงกินวางอยู่ รีบไปดูทันที
"นี่อะไร"
"ไม่เคยเห็นชามกระเบื้องหรือไง"
ตำรวจรู้สึกผิดสังเกต
"ชามกระเบื้องใหม่ๆ ทำไมถึงมาอยู่ในวิหารซอมซ่อหลังนี้ได้"
"นั่นสิ ! ต้องมีใครเข้ามาในนี้แน่ๆ ซินแสจะบอกหรือไม่บอก" ชาว่า
"อั๊วไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น"
เต็กจ้องซินแสง้วงทำนองข่มขู่ แต่ซินแสง้วงนิ่งเฉย ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
"ซินแสง้วงถือศีลกินเจ คงจะไม่กล้าโกหกหรอก จริงมั้ย"
"กลับไปซะเถอะ ถ้าไม่เห็นแก่อั๊ว ก็ขอให้เห็นแก่สี่เทียนไต้อ๊วงเทพเจ้าทั้งสี่ที่ปกปัก
รักษาวิหารแห่งนี้"
เต็กเหลือบมองรูปปั้นเทพเจ้าสี่เทียนไต้อ๊วงใบหน้าดุดันถมึงทึงแล้วอดรู้สึกครั่นคร้ามหวั่นเกรงไม่ได้
"ไป ! กลับ"
เกากับพวกสมุนออกไปจากวิหาร หัวเสียที่ไม่ได้ตัวหงส์กับหลงกลับไป
ซินแสง้วงปิดประตูลั่นดาน แล้วเดินอ้อมไปทางด้านหลังรูปปั้นเทพเจ้า
"พวกนั้นกลับไปหมดแล้ว ออกมาเถอะ"
หงส์กับหลงคลานออกมาจากใต้ฐานรูปปั้นเทพเจ้าสี่เทียนไต้อ๊วง
"ทำไมนายน้อยถึงรู้ว่าใต้ฐานเทวรูปมีช่องลับสำหรับซ่อนตัวได้"
"ตอนแอบอาป๊ามาฝึกงิ้วที่นี่ ฉันเอาอาวุธที่โรงงิ้วมาซ่อนไว้ในช่องนี้"
หลงถึงบางอ้อ นึกชื่นชมในไหวพริบและความช่างสังเกตของหงส์
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
หงส์พนมมือไหว้เทพเจ้าสี่เทียนไต้อ๊วงที่ช่วยคุ้มครอง
"สี่เทียนไต้อ๊วงคุ้มครองเราสองคนไว้แท้ๆ"
"เป็นเพราะสติปัญญาของคุณหนูต่างหากที่ทำให้รอดพ้นเงื้อมมือคนพาลมาได้"
"ไม่รู้ว่าหงส์จะเอาตัวรอดจากพวกมันได้อีกสักกี่น้ำ"
"โบราณว่าไว้ สิบคนจะหาผู้กล้าได้คนหนึ่ง ร้อยคนจะหาผู้มีสติปัญญาได้คนหนึ่ง คุณหนูมีทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญ ชาตินี้ย่อมไม่มีวันอับจน เชื่ออั๊วเถอะ"
ซินแสง้วงยิ้มให้หงส์ มั่นใจว่าหงส์จะต้องกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งได้แน่นอน
ในห้องประชุมที่บ้าน ทรงกลดหัวเสีย บ่นอุบกับภรพ ธาม คณิน
"ใช้ไม้นวมก็แล้ว ไม้แข็งก็แล้วเค้นเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมปริปากว่าใครส่งมันมา"
ภรพบอก "ท่าทางมันเหมือนพวกจีนแผ่นดินใหญ่ที่ถล่มพวกเราในงานสารทจีน"
"เป็นไปไม่ได้ ไอ้เสี่ยเล้งถูกยิงตกน้ำตกท่าป่านนี้กลายเป็นอาหารปลาสวายแล้วมั้ง" คณินว่า
"ยังไม่พบศพ แกอย่าเพิ่งมั่นใจนัก" ธามบอก
"มันไม่ได้ต้องการเล่นงานหงส์แค่คนเดียว แต่ต้องการกำจัดพวกเราทุกคนด้วย"
"คนที่รู้ก็มีแต่ไอ้หมอนั่นเท่านั้น"คณินว่า
"ไว้ฉันจะลองเกลี้ยกล่อมถามมันดูอีกทีก็แล้วกัน"แภรพบอก
"ไม่ต้อง ! เรื่องนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง" ธามบอก
ธามพูดจบก็ลุกพรวดทันที
ธามเข้ามาในห้องเก็บของ เห็นสมุนเล้งถูกมัดมือมัดเท้านั่งอยู่บนเก้าอี้ ธามจ้องหน้า แววตาดุดัน น่ากลัว
"ลื้อกล้ามากที่ลอบกัดอั๊ว"
สมุนเล้งที่มาจากแผ่นดินใหญ่ยังปิดปากนิ่ง เหงื่อแตกพลั่กๆ กลัวธาม
"อั๊วจะไม่ถามลื้อว่าใครส่งลื้อมาให้เสียเวลา แต่อั๊วจะรอจนกว่าชื่อมันหลุดออกจากปากลื้อเอง"
ธามเล่นสงครามประสาท ข่มขวัญ หยิบมีดโกนคมกริบแบบที่ช่างตัดผมใช้ออกมา
"หนวดเคราลื้อยาวแล้ว น่าจะโกนซะบ้าง"
ธามจรดมีดโกนค่อยๆลากไปตามลำคอของสมุนเล้ง อย่างน่าเสียวไส้ สมุนเล้งเหมือนใจจะขาดเสียให้ได้
"หมู่นี้ไม่รู้เป็นอะไร ข้อมืออั๊วชอบกระตุกอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่อั๊วหงุดหงิด"
สมุนเล้งปัสสาวะราดออกมาจนนองพื้น ปากคอสั่น
"เสี่ยเล้ง.... เสี่ยเล้งส่งอั๊วมา... เสี่ยเล้งสั่งให้ฆ่าพวกลื้อ"
ธมหูผึ่ง คิดไม่ถึงว่าเสี่ยเล้งยังมีชีวิตอยู่
"ไอ้เล้งมันยังไม่ตายอีกเหรอ"
สมุนเล้งพยักหน้าหงึกๆด้วยความรักตัวกลัวตาย ธามดวงตาวาวโรจน์ หายใจถี่ แค้นจัด
ธามเอาเรื่องที่ได้จากปากสมุนเล้งมาเล่าให้ทุกคนฟัง
"มันรับสารภาพว่าเสี่ยเล้งสั่งให้มันกับพวกถล่มโรงงิ้วเมื่อวันสารทจีนและสั่งเก็บพวกเราที่ฉั่วเทียนเหลา"
"บัดซบ ! นี่มันคงกะใช้แผนสกปรกขุดรากถอนโคนพวกเราให้สิ้นซาก" ทรงกลดบอก
"นรกส่งมันมาเกิดแท้ๆ ถึงได้ตายยากตายเย็นนัก"คณินว่า
"ต่อให้ตอนนี้ยังมีชีวิต แต่ยังไงมันก็ไม่รอดคราวนี้ฉันจะเป็นคนฆ่ามันเอง" ภรตบอก
"ไอ้หมอนั่นมันบอกเฮียหรือเปล่าว่าตอนนี้ไอ้เสี่ยเล้งมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน"
ธามส่ายหน้า ไม่มีเบาะแสเรื่องเล้งแม้แต่น้อย
"ไอ้เสี่ยเล้งมันหายไปราวกับล่องหน แต่ฉันเชื่อว่ามันต้องกบดานอยู่ที่ไหนสักที่ในเยาวราช"
"จะทำอะไรอย่าเพิ่งผลีผลาม มันอยู่ที่ลับเราอยู่ที่แจ้ง จะลอบกัดเราอีกเมื่อไหร่ก็ได้" ทรงกลดบอก
ภรพบอก
"มันจะลงมือเมื่อไหร่ไม่สำคัญ สำคัญคือต้องไม่เป็นเป้านิ่งให้มันเล่นงานเราอีก"
"เรื่องเสี่ยเล้งฉันอยากให้พวกแกเก็บเป็นความลับ ใกล้ถึงวันขึ้นรับตำแหน่งแล้ว ฉันไม่อยากให้หงส์ไม่สบายใจ" ธามบอก
ทั้งสามพยักหน้าเห็นพ้องต้องกัน ธามหน้าเครียด อดเป็นห่วงหงส์ไม่ได้
หงส์นั่งกอดเข่าดูพระอาทิตย์ตกคนเดียวที่หลังศาลเจ้า
ในบรรยากาศเหงาๆ หลงเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ชวนคุย
"อีก 3 วัน นายน้อยก็จะได้เป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำมีศักดิ์และสิทธิ์โดยสมบูรณ์"
หงส์นิ่งขรึมไม่ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น จนหลงอดถามไม่ได้
"นายน้อยไม่ดีใจเหรอครับ"
หงส์ส่ายหน้า สีหน้าหม่นลง ไม่อยากเป็นหัวหน้าแก๊งแม้แต่น้อย รู้ถึงภาระใหญ่หลวงที่จะตามมา
"เป็นหัวหน้าแก๊งดียังไง ทำไมใครต่อใครถึงได้อยากเป็นกันนัก ถึงขนาดรบราฆ่าฟันกันเองก็ยอม"
"คนอยากเป็นใหญ่เพราะอยาก มีอำนาจบารมี อยากให้คนอื่นยอมก้มหัวให้"
"แต่ฉันไม่ต้องการ"
"บางทีคนที่เหมาะจะได้รับอำนาจที่สุดก็คือคนที่ไม่เคยแสวงหามันเลย"
"ฉันไม่คิดว่าฉันจะเป็นนายใหญ่แก๊งหงส์ดำแทนอาป๊าได้"
"นายน้อยเป็นได้ ผมเชื่อ...เถ้าแก่สุงมองคนไม่เคยพลาด"
หงส์ครุ่นคิดตัดสินใจครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา
"ฉันจะให้อาเจ็กเต็กเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำร่วมกับฉัน"
หลงตกใจ
"นายน้อย !เถ้าแก่เต็กไม่ใช่คนดี"
"โลกใบนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวและสีดำเท่านั้น แต่ยังมีสีเทาด้วย ไม่มีใครหรอกที่ดีพร้อม
หรือเลวไปเสียทั้งหมด... อย่างน้อยอาเจ็กเต็กก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับอาป๊าร่วมกันก่อตั้งแก๊งสามวิหคด้วยกันมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นดาวรุ่ง"
"นายน้อยลืมแล้วเหรอ เถ้าแก่เต็กเคยทำอะไรไว้กับนายน้อยบ้าง"
"อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ทุกวันนี้อาเจ็กเองก็ได้รับผลกรรมที่ตัวเองเคยทำไว้แล้ว ฉันไม่อยากผูกใจให้เป็นเวรเป็นกรรมต่อกันอีก"
หงส์พูดอย่างคนไม่ยึดติดในอำนาจ ให้อภัยสิ่งที่เต็กเคยทำกับตนไว้
บ้านเถ้าแก่สุง หมวยตาโตเมื่อรู้ว่าหงส์จะให้เต็กมาเป็นหัวหน้าแก๊งร่วมกัน
"ห๊ะ !!! เจ้หงส์จะให้เถ้าแก่เต็กมาเป็นหัวหน้าแก๊งด้วย"
"นี่เจ้กินยาไม่ได้เขย่าขวดหรือเปล่า พูดผิดพูดใหม่ได้นะ"กุ่ยถาม
"เจ้ตัดสินใจแล้ว อาเจ็กจะได้มาช่วยบริหารกิจการต่างๆในแก๊งหงส์ดำ เจ้จะได้ดูแลโรงงิ้วเฟิ่งหวงของเราเต็มตัวเสียที"
"ไม่เคยมีแก๊งไหนในสมาคมเลือดมังกรที่มีหัวหน้าแก๊งถึง 2 คนมาก่อน" แปะจางบอก
"ผู้หญิงอย่างหงส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งก็ไม่เคยมีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ อาแปะ"
"แต่ลูกชายเถ้าแก่เต็กเป็นคนฆ่าเถ้าแก่สุงของพวกเรา" หวังบอก
หมวย / กุ่ยพร้อมกัน "ใช่ !"
หงส์ทั้งหมดเป็นฝีมือของตี๋เล็กคนเดียว อาเจ็กเต็กไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย
กุ่ยแอบกระซิบกระซาบกับหมวยเบาๆ
"ไม่รู้ไม่เห็นอะไร เข้าข้างลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสุดลิ่มทิ่มประตูซะขนาดนั้น"
"ถึงขนาดส่งไอ้กวงเก้านิ้วมาลอบฆ่ายังจะไปเห็นอกเห็นใจมันอีก งูพิษชัดๆ" หมวยบอก
หงส์ได้ยินกุ่ยกับหมวยแอบคุยกัน แกล้งกระแอม จ้องส่งสายตาดุๆ ปรามหมวยกับกุ่ย
ทั้งคู่รีบก้มหน้า หุบปากทันที
"ตอนนี้ตี๋เล็กก็ชดใช้กรรมไปแล้ว หงส์อยากให้ทุกคนให้อภัย ลืมเรื่องร้ายๆที่เคยเกิดขึ้น แล้วหันมาเริ่มต้นกันใหม่ แก๊งหงส์ดำกับแก๊งกระเรียนจะได้กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเมื่อครั้งที่อาป๊ายังมีชีวิตอยู่"
ทุกคนได้แต่มองหน้ากันพูดอะไรไม่ออก สุดปัญญาจะทัดทาน หงส์แววตามุ่งมั่น จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองแก๊งกลับคืนมาให้ได้
ภายในห้องทำงานสุง หงส์หยิบรูปถ่ายของสุง เต็ก ไช้ที่ร้านน่ำแซในลิ้นชักขึ้นมาดู เห็นมิตรภาพระหว่างผองเพื่อน หงส์พลิกภาพไปเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นภาพเต็กถ่ายเดี่ยว แต่งตัวเต็มยศตอนเป็นหัวหน้าแก๊งกระเรียนแล้ว
หงส์มองไปยังรูปของเต็ก แล้วหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต
หงส์ในวัยเด็กวัย 8 ขวบนั่งร้องไห้อยู่หลังโรงงิ้วคนเดียว เพิ่งถูกสุงตีมา เต็กเดินเข้ามาหา รีบเข้าไปปลอบ
"ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่นี่"
หงส์เงยหน้าขึ้นมา หน้าตาอาบหน้า สะอึกสะอื้นบอกเต็ก น่าสงสารมาก
"อาป๊าจับได้ว่าหงส์แอบเล่นงิ้วกับเฮียฉาง เลยเอาไม้ตีหงส์ใหญ่เลย"
"เฮ่ย! แย่จริงๆ พี่ใหญ่ช่างไม่รู้จักโอนอ่อนมั่งเลย"
หงส์ก้มหน้านิ่ง เต็กแกล้งมองหาไม้
"ไหน ! ไม้อันไหนที่พี่ใหญ่ตีลื้อ อั๊วจะเอาไม้ไปตีอีมั่งตีให้หนักๆเลย"
หงส์ตาโต
"อย่านะคะอาเจ็ก... เดี๋ยวอาป๊าเจ็บ"
เต็กหัวเราะเบาๆ อุ้มหงส์มานั่งตัก
"ทำไมอาป๊าไม่เห็นรักหงส์เหมือนเฮียฉางเลยคะ ตีเอาๆ"
"ที่พี่ใหญ่ตีลื้อก็เพราะรักลื้อมากน่ะสิ"
"จริงเหรอคะอาเจ็ก"
"จริงสิ ! อั๊วรู้นิสัยพี่ใหญ่ดีมากกว่าใครๆ ภาษิตว่าไว้รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี พี่ใหญ่รักลื้อ ถึงได้ตีลื้อยังไงล่ะ...เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไปล้างหน้าล้างตาซะ อั๊วจะพาลื้อไปซื้อพุทราเชื่อมที่ตลาด ไปมั้ย"
หงส์รีบปาดน้ำหูน้ำตา ยิ้มร่า อยากกินพุทราเชื่อม
"ไปค่ะ ไป"
เต็กลูบหัวหงส์ด้วยความเอ็นดูที่เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย
หงส์ยิ้มจางๆ ยังจำถึงพุทราเชื่อมที่เต็กเคยซื้อให้กินได้
"อาป๊า... ไม่ต้องห่วงนะคะ อาเจ็กเต็กเคยมีพระคุณกับหงส์ หงส์ไม่เคยลืม ตอนนี้อีไม่เหลือใครแล้ว หงส์จะดูแลอาเจ็กเต็กเหมือนกับที่ดูแลอาป๊า"
หงส์ตั้งปณิธานกับตัวเองไว้จะดูแลเต็ก เธอเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆคนหนึ่ง
วันใหม่ หงส์ถือปิ่นโตอาหารมาหาเต็กที่หน้าบ้าน
"อาเจ็กคะ ! อาเจ็กอยู่หรือเปล่าคะ"
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ บ้านเต็กเงียบสงัดเหมือนร้างไร้คนอาศัย
หงส์ค่อยๆเอื้อมมือผลักรั้วเข้าไปภายใน ที่ดูรกร้าง ใบไม้ร่วงเต็มลานหน้าบ้านไปหมด ไม่มีคนดูแล หงส์รู้สึกเป็นห่วงเต็ก รีบเข้าไปภายในทันที
หงส์เดินเข้ามาภายในโถงล่าง หน้าต่างทุกบานถูกปิดมืดทึบ ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน
"อาเจ็กคะ ! อาเจ็ก"
หงส์หันกลับมา สะดุ้งเฮือก เต็กยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"อาเจ็กเต็ก"
เต็กสภาพอิดโรย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ผอมกะหร่องเพราะตรอมใจ ดูเหมือนซากศพที่เดินได้มากกว่า
"จะมาดูว่าอั๊วตายแล้วหรือไง ฮึ ! อั๊วยังไม่ยอมตายง่ายๆหรอก"
"หงส์ทำกับข้าวที่อาเจ็กชอบแล้วก็เอายาบำรุงมาให้"
เต็กหรี่ตามองปิ่นโตในมือหงส์ ระแวงว่าจะมียาพิษ
"ยาบำรุงหรือว่ายาพิษกันแน่"
"อาเจ็ก !"
"อย่านึกว่าอั๊วรู้ไม่ทัน ลื้อจะฆ่าอั๊วเหมือนที่ฆ่าตี๋เล็กใช่มั้ย"
"หงส์ไม่เคยคิดจะฆ่าใคร ที่เฮียตี๋เล็กตายก็เพราะอีทำตัวของอีเองต่างหาก"
"ไม่จริง ! ลื้อนั่นแหละที่เป็นตัวการ ถ้าลื้อไม่พาตำรวจมาที่บ้านอั๊ว ตี๋เล็กก็คงไม่ตายอย่างน่าอเนจอนาถแบบนี้ ความเจ็บปวดของอั๊วลื้อไม่มีวันเข้าใจหรอก"
"อาเจ็กเสียลูกชาย หงส์ก็เสียอาป๊า เราสองคนต่างสูญเสีย ต่างก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน"
"หุบปากนะ นังตัวดี !ถ้าคืนนั้นตี๋เล็กไม่ไปหาลื้อ พี่ใหญ่ก็คงไม่ต้องตาย ทุกอย่างก็คงจะไม่ลงเอยแบบนี้... เพราะลื้อคนเดียว"
เต็กปรี่เข้าไปจะบีบคอ หงส์ยืนนิ่งยอมให้เต็กขย้ำที่คอหอย ไม่คิดต่อสู้
"ถ้าฆ่าหงส์แล้วอาเจ็กหายแค้นก็เชิญลงมือเลย"
"ริอาจท้าทายอั๊ว อย่านึกว่าอั๊วไม่กล้านะ"
"หงส์ไม่ได้ท้าทาย... ถ้าความตายของหงส์ทำให้แก๊งหงส์ดำกับแก๊งกระเรียนกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนก่อน.... ขออย่างเดียว ถ้าหงส์ตายแล้ว ฝากแก๊งหงส์ดำกับโรงงิ้วเฟิ่งหวงด้วยนะอาเจ็ก ถือว่าเห็นแก่ดวงวิญญาณของอาป๊า"
เต็กจะฆ่าหงส์ แต่ก็ฆ่าไม่ลง ค่อยๆคลายมือออก
"ลื้อมาที่นี่ ต้องการอะไรกันแน่"
เต็กค่อยอ่อนลง ความเยือกเย็นของหงส์ทำให้เต็กค่อยคลายโทสะยอมฟังหงส์
เล้งนั่งอยู่บนรถเข็นแอบมองดูอยู่อย่างเงียบๆด้วยแววตาเกลียดชัง
ทางด้านหมวย กุ่ย หวังจับกลุ่มคุยกัน ขณะพักซ้อมฝึกงิ้ว
"ชวนจิ้งจอกเฒ่าอย่างเถ้าแก่เต็กมาเป็นหัวหน้าแก๊งด้วย ไม่รู้เจ้หงส์คิดอะไรอยู่" กุ่ยว่า
"เถ้าแก่เต็กเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น มีเหรอจะยอมลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นง่ายๆ ลูกชาย
ตัวเองตายทั้งคน" หมวยบอก
"หรือนายน้อยจะใช้ยุทธวิธีเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร" หวังบอก
"มีเถ้าแก่เต็กเป็นมิตรก็เหมือนเลี้ยงงูพิษไว้ใกล้ตัว พร้อมจะแว้งกัดได้ทุกเมื่อ" กุ่ยบอก
"เถ้าแก่เต็กเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเถ้าแก่สุง คงไม่กล้าคิดร้ายกับนายน้อยหรอก"
"น้อยไปสิ ! คนเราลองปล่อยให้ความหลงผิดบังตาจนมืดบอด เห็นกงจักรเป็นดอกบัวแล้วล่ะก็ ต่อให้ช้างมาฉุดก็หยุดคิดชั่ว ทำชั่วไปไม่ได้"
หมวยบอก
"ถ้าอย่างงั้น เจ้หงส์ก็กำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ"
ทั้งสามได้แต่มองหน้ากัน ร้อนใจ เป็นห่วง กลัวว่าเต็กจะคิดร้ายกับหงส์
หงส์ขอร้องเต็กด้วยความอ่อนน้อม
"อีก 3 วันหงส์จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ หงส์อยากจะชวนอาเจ็กร่วมเป็นหัวหน้าแก๊งกับหงส์ด้วย"
เต็กหรี่ตามองหงส์อย่างไม่ไว้ใจ
"นี่ลื้อจะมาไม้ไหน"
"หงส์จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำตามคำสั่งเสียของอาป๊าในพินัยกรรม แต่หงส์อายุยังน้อยด้อยประสบการณ์ ยังต้องเรียนรู้จากอาเจ็กอีกมาก เลยอยากให้อาเจ็กช่วยชี้แนะด้วย"
หงส์ลุ้นอยู่ว่าเต็กจะตัดสินใจอย่างไร เต็กนิ่งชั่วครู่ ก่อนระเบิดหัวเราะออกมา
"อาหงส์... คิดเหรอว่าลูกไม้ตื้นๆของลื้อจะตบตาอั๊วได้"
"อาเจ็กหมายความว่ายังไง"
"ลื้อต้องการอาศัยบารมีของอั๊ว รวมแก๊งกระเรียนให้อยู่ในกำมือของแก๊งหงส์ดำ หลังจากนั้น ลื้อก็จะย้อนกลับมาตลบหลังกำจัดอั๊ว"
"อาเจ็กเปรียบเสมือนตัวแทนของอาป๊า หงส์จะทำอย่างนั้นได้ยังไง"
"อั๊วไม่ได้หน้าโง่เหมือนไอ้ตี๋เล็กจะได้หลงกลนังผู้หญิงร้อยเล่ห์อย่างลื้อ"
หงส์ตะลึงงันคิดไม่ถึงว่าเต็กจะแปรความหวังดีของตนเป็นอย่างอื่น
"เลิกเสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นแม่พระได้แล้ว ! ตำแหน่งของลื้อ อั๊วไม่ต้องการ"
"แล้วอาเจ็กต้องการอะไร"
เต็กยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พูดลอดไรฟัน
"ต้องการอะไรน่ะเหรอ....หึๆ อั๊วต้องการเห็นลื้อพินาศย่อยยับ ต้องเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น นังตัวซวย !"
เต็กเสียงกร้าว คำพูดนั้นคล้ายจะเป็นคำสาปแช่งจนหงส์อดขนลุกไม่ได้
เต็กตวาดเน้นเสียง
"ออกไป"
เต็กโยนปิ่นโตกับข้าวและห่อยาโยนทิ้งตรงหน้าหงส์อย่างไม่แยแส ไล่หงส์เหมือนหมูหมา เล้งซึ่งแอบดูอยู่ ยิ้มสะใจ
ในศาลเจ้า หงส์มาปรับทุกข์ให้หลงฟัง ไม่สบายใจเรื่องเต็ก
"อาเจ็กเต็กเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับที่ฉันเคยรู้จัก คิดแต่ว่าฉันเป็นต้นเหตุทำให้เฮียตี๋เล็กต้องตาย"
"ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเถ้าแก่เต็กเองนั่นแหละที่เลี้ยงลูกจนเสียคน ไม่รู้จักสั่งสอนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ทำร้ายลูกด้วยความรักแบบผิดๆ ถึงได้มีจุดจบเช่นนี้"
"พ่อแม่รังแกฉันเป็นอย่างงี้นี่เอง"
"ช่วงนี้นายน้อยไปไหนมาไหนต้องระวังตัวให้มาก เถ้าแก่เต็กอาจกำลังคิดร้ายกับนายน้อย"
หงส์ส่ายหน้า
"ไม่หรอก ถ้าอาเจ็กจะฆ่าฉัน คงบีบคอฉันตายไปแล้ว"
"อย่ายุ่งเกี่ยวกับเถ้าแก่เต็กอีกเลย ถึงนายน้อยจะปรารถนาดีกับอี แต่อีก็ไม่มีวันมองเห็น คอยแต่ระแวงว่านายน้อยจะปองร้ายอี เหมือนที่อีเคยทำกับนายน้อย ศัตรูยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น"
"ฉันไม่ถือว่าอาเจ็กเต็กเป็นศัตรู ต่อให้อาเจ็กคิดร้ายกับฉันจริง ฉันก็ทิ้งอาเจ็กไปไม่ได้"
"นายน้อย"
"คุณหนูทำถูกต้องแล้ว"
ซินแสง้วงลูบเครา ยิ้ม ชื่นชมในความคิดหงส์
ซินแสง้วงพาหงส์กับหลงมายังหน้าเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือองค์ใหญ่ สวยงามมาก
ทั้งคู่ยกมือไหว้เทวรูปเจ้าแม่กวนอิมด้วยความเลื่อมใส ศรัทธา
"ในอดีตชาติ เจ้าแม่กวนอิมทรงเคยกำเนิดเป็นองค์หญิงเมี่ยวซ่าน ราชธิดาของพระเจ้าเมี่ยวจง..."
หงส์มองไปยังภาพจิตรกรรมฝาผนังประวัติเจ้าแม่กวนอิมที่วาดอย่างวิจิตร
"องค์หญิงเมี่ยวซ่านปรารถนาจะละทางโลก มุ่งออกบวชบำเพ็ญภาวนาเพื่อหลุดพ้นวัฏสังสารสร้างความขุ่นเคืองพระทัยแก่พระราชบิดาถึงขั้นรับสั่งให้นำตัวองค์หญิงไปประหารชีวิต... แต่ทว่าคนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ องค์หญิงเมี่ยวซ่านรอดพ้นจากความตายมาได้จึงบำเพ็ญเพียรจนกระทั่งบรรลุมรรคผลในที่สุด"
"แล้วพระเจ้าเมี่ยวจงล่ะครับ ไม่ได้รับผลกรรมอะไรบ้างเลยเหรอ" หลงถาม
"บาปกรรมที่เคยก่อไว้ ส่งผลให้พระองค์ประชวรด้วยโรคร้าย รักษาอย่างไรก็ไม่หาย องค์หญิงเมี่ยวซ่านพอรู้ว่าพระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวที จึงได้สละดวงตาและแขนสองข้าง เพื่อเป็นยารักษาพระบิดาจนหายจากอาการประชวร ด้วยอานุภาพแห่งความเมตตาจึงทำให้องค์หญิงเมี่ยวซ่านได้ดวงตาและพระกรกลับคืนมานับพัน"
"คนที่ยอมสละแม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือศัตรูคงมีเพียงแค่ในตำนานเท่านั้น" หลงบอก
"ซินแสกำลังจะบอกว่าไม่มีชัยชนะใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้อภัยด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตายิ่งให้ก็ยิ่งได้รับ"
ซินแสง้วงพยักหน้า หงส์เข้าใจถึงคำสอนอย่างถ่องแท้
"ความแค้นยับยั้งด้วยการให้อภัย ความเสียใจยับยั้งได้ด้วยการปล่อยวาง"
"ความแค้นหากไม่ได้รับการชำระ แล้วชีวิตจะเป็นสุขได้ยังไง" หลงบอก
"ที่สุดของการล้างแค้นคือการรบต่อความดำมืดในใจตนสิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจคือ ความโกรธเกลียดเคียดแค้นพร้อมจะสร้างศัตรูใหม่ขึ้นมาได้ตลอดเวลา หาไม่ก็เป็นอารมณ์ร้ายของตัวเองที่ตามรบกวนจิตใจไม่ให้เป็นสุข วิธีแก้แค้นที่ดีที่สุดจึงไม่ใช่ทำให้ใครตาย แต่เป็นการทำให้ความเกลียดจางหายไปจากใจเราเอง"
หงส์ครุ่นคิดตามได้สติ ขณะที่หลงยังคงกังขา
"ถ้านายน้อยยอมให้อภัย แต่เถ้าแก่เต็กยังไม่รู้สำนึกล่ะครับ"
"นั่นก็ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรม"
ซินแสง้วงพูดอย่างปลงๆ เหมือนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในภายภาคหน้า
เต็กเก็บตัวอยู่ในห้องที่มืดสนิท ไม่มีแสงสาดเข้ามาแม้จะเป็นเวลากลางวัน ได้แต่เหม่อมมองดูรูปตี๋เล็ก รู้สึกเหน็ดเหนื่อย วูบหนึ่งของความคิด อยากจะหันหลังล้างมือออกจากวงการ
เล้งเข็นรถเข็นเข้ามาช้าๆ พูดขึ้นมาอย่างรู้ทันความคิดเต็ก
"ไม่ทันไร ลื้อก็ถอดใจแล้วเหรอ"
เต็กค่อยๆหันมามองเล้งอย่างช้าๆ
"อั๊วเหนื่อยเต็มทีแล้ว เหนื่อยจนไม่อยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรอีก"
"ไม่ได้ ! นังหงส์ทำให้ลูกชายลื้อต้องตาย ลื้อจะยอมแพ้ง่ายๆอย่างนี้น่ะเหรอ ถ้าลื้อคิดจะแก้แค้นแทนตี๋เล็ก ลื้อก็ต้องใจแข็ง ทิ้งความรู้สึกผิดในใจให้หมด อย่าคิดเมตตากับคนอื่น ห้ามมีมนุษยธรรมหลงเหลือแม้แต่น้อยนิด"
"สิ่งที่ลื้อบอกอั๊วมันช่างต่างจากคำสอนของพี่ใหญ่ราวฟ้ากับเหว"
"มีแต่คนอ่อนแอ ขี้ขลาดตาขาวเท่านั้นที่อ้างเมตตาธรรมขึ้นมาบังหน้า ถ้าลื้อไม่ขุดรากถอนโคนมันเสียตั้งแต่วันนี้ ต่อไปภายภาคหน้า เราจะยิ่งกำจัดมันยากขึ้น"
เต็กเริ่มลังเลในคำยั่วยุของเล้ง
"ลื้อจะปล่อยให้คนที่มันทำกับลูกลื้อลอยนวลอยู่อย่างนี้น่ะเหรอ ตี๋เล็กตายน่าอนาถแค่ไหน ลืมไปแล้วหรือไง... รีบๆกำจัดศัตรูของลื้อซะ วิญญาณตี๋เล็กลูกชายลื้อจะได้ไปสู่สุคติ"
เต็กสับสน สองจิตสองใจ แต่ก็พยักหน้า พร้อมที่จะทำตามเล้ง
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
กลางคืน พระจันทร์ดวงกลมโต
หลงนั่งเป่าเพลงใบไม้อยู่มุมหนึ่งหลังศาลเจ้าให้หงส์ฟัง หงส์ค่อยๆเอนหัวลงซบบนไหล่หลง รู้สึกอบอุ่นยามอยู่ใกล้แม้ว่าในใจจะรู้สึกหวาดหวิว
"อีก 3 วันฉันก็จะก้าวขึ้นหลังเสือแล้วฉันจะรอดพ้นจากการถูกตะปบไหม อาหลง"
หลงหยุดเป่าใบไม้ คุยกับหงส์ แม้จะสนิทชิดเชื้อ แต่กระนั้นก็มิได้ตีเสมอ
"ต้องรอดสิครับนายน้อย"
"ทำไมนายถึงได้มั่นใจนัก คนที่ขี่หลังเสือใช่ว่าจะบังคับเสือได้ทุกรายไป ฉันเห็นถูกเสือขย้ำตายมานักต่อนัก"
"คนขี่หลังเสือส่วนใหญ่บังคับเสือด้วยพระเดช เมื่อหมดอำนาจ ก็ย่อมถูกเสือร้ายหมายขย้ำ แต่นายน้อยบังคับเสือด้วยพระคุณ เสือที่ดุร้ายก็ยอมสยบเชื่องลงได้"
หงส์อมยิ้ม ชอบใจในการอุปมาอุปไมยของหลง ทำให้พอคลายใจลงได้บ้าง
"วันสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ ฉันอยากให้นายอยู่ข้างๆฉัน"
"วันสำคัญของนายน้อย ผมต้องไปร่วมยินดีอยู่แล้ว"
"นายต้องมาให้ได้นะ อาหลง ฉันจะรอ"
"ครับ ผมให้สัญญา ไม่ว่านายน้อยจะอยู่ที่ไหน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ผมก็จะติดตามไปเป็นข้าช่วงใช้นายน้อยทุกที่"
หงส์คลี่ยิ้มจ้องตาหลง แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนหน้าชายหนุ่ม ดูหล่อเหลาราวภาพวาด
"ถ้าฉันจะมีใครสักคนอยู่เคียงข้างกันจนวันตาย คนๆนั้นคงเป็นนาย"
หลงอึ้งเป็นชั่วขณะ หัวใจพองโต เมื่อหงส์เผยความในใจออกมา
"นายน้อย"
"จนป่านนี้แล้ว นายยังเรียกฉันว่านายน้อยอีกเหรอ"
"ไม่ให้เรียกว่านายน้อยจะให้ผมเรียกว่าอะไร"
"อาหงส์... ฉันอยากให้นายเรียกฉันว่า “อาหงส์” เฉยๆ"
หงส์ยื่นหน้ามาใกล้หลงจนจมูกแทบชนกัน หลงหักห้ามใจไม่อยากสานสัมพันธ์มากไปกว่านี้ รีบเบือนหน้า หลุบตาลงต่ำอย่างเจียมตัว หงส์ผิดหวังเล็กๆ
หลงหันกลับมา ประคองหน้าหงส์แล้วช้อนขึ้นมาอย่างทะนุถนอม
"อาหงส์"
หงส์ยิ้มทั้งสองจูบกันเบาๆด้วยความรัก
เช้าวันใหม่ หงส์นั่งยิ้มคนเดียวในศาลาจีน คิดถึงตอนที่อยู่กับหลงสองต่อสองเมื่อคืน
หมวยแต่งตัวสวย เตรียมออกไปข้างนอก ร้องเพลงงิ้วบทรัก ผ่านมาพอดี
"เจ้หงส์ !"
หมวยรีบเอามือปิดปาก รู้ตัวว่าไม่สมควรเรียกตีสนิทกับหงส์
"วันมะรืนก็จะถึงพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่แล้ว อีกหน่อยหมวยต้องเรียกเจ้ว่า นายหญิง"
"เรียกเจ้หงส์ อย่างเดิมน่ะดีแล้ว"
"ไม่ได้หรอก อาแปะจางได้ยินเข้า มีหวังบ่นหมวยหูชา"
หงส์หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยถามหมวยด้วยความเอ็นดูอย่างน้องสาว
"อาหมวย... ความฝันของลื้อคืออะไร"
หมวยบิดผ้าเช็ดหน้าเป็นเกลียว เขินอายม้วน หน้าแดง
"เจ้อ่ะ...ถามไรก็ไม่รู้ หมวยเขินนะ"
"บอกมาเถอะน่า"
"หมวยอยากแต่งงานกับเฮียกุ่ย อยู่กิน มีลูกด้วยกัน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว"
"ความฝันของหมวยใกล้เป็นความจริงขึ้นทุกที เจ้ยินดีด้วย"
หมวยยิ้มรับ กุ่ยเข้ามามาตามหมวย
"อาหมวย... เร็วเข้าสิ มัวโอ้เอ้ เดี๋ยวก๊วยจั๊บหน้าโรงหนังก็หมดกันพอ"
กุ่ยหันมาเห็นหงส์คุยกับหมวยอยู่ก็รีบก้มหัว สงบปากสงบคำทันที ไม่กล้าบ่นต่อ
"เจ้หงส์"
"หมวยขอตัวก่อนนะเจ้"
หงส์ยิ้ม พยักหน้า... ไปเถอะ
หมวยกับกุ่ยพะเน้าพะนอกันตามประสาคนรักเดินออกไป
หงส์มองตาม ยิ้ม อิจฉาหมวยกับกุ่ยที่ไม่ต้องมีภาระเหมือนตัวเอง มีความสุขกับคนรัก
หงส์คิดถึงคำพูดที่ตนเคยคุยไว้กับหลง
"อาหลง... นายเคยมีความฝันมั้ย"
"ทุกคนต่างก็มีความฝันกันทั้งนั้น"
"ความฝันของฉันคือทำให้คณะเฟิ่งหวงกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง อาป๊าจะได้ภูมิใจในตัวฉันบ้าง...แล้วความฝันนายล่ะคืออะไร"
"ผมเคยฝันอยากมีชีวิตราบเรียบอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมหน้ากันพ่อ แม่ ลูก เท่านี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ก็ได้"
หงส์เห็นด้วยกับความของหลง
"ตอนนี้ ฉันเริ่มอยากมีความฝันเหมือนนายแล้ว อาหลง"
หงส์เข้าใจในชีวิตมากขึ้น ถวิลหาความสุขเรียบง่ายกับคนที่ตนรัก
บ้านเถ้าแก่เต็ก กลางวัน ซารายงานเล้งกับเต็ก
"ระยะนี้คุณหนูหงส์ไปที่ศาลเจ้าซินแสง้วงทุกวัน"
"ไม่ใช่วันพระ มันไปทำไม" เล้งว่า
"เรื่องนั้น อั๊วไม่รู้ รู้แต่ว่าคุณหนูหงส์ใช้เวลาอยู่ในศาลเจ้านานผิดปกติ บางทีก็หายเข้าไปเป็นวันๆ"
"หรือว่ามันจะไปหาไอ้หลงที่นั่น"
"อั๊วกับเถ้าแก่เต็กเคยเอาคนไปค้นที่นั่นแล้ว แต่ก็ไม่พบ ป่านนี้ไอ้หลงมันคงหนีคดีหัวซุกหัวซุน ไม่เสี่ยงกบดานอยู่ที่นี่แน่"
"จับตาดูนังหงส์ไว้ให้ดี มีอะไรรีบมารายงานอั๊ว"
ซาก้มหัว รับคำสั่งเล้งแล้วออกไป
เล้งเหลือบมองไปยังเต็กที่เอาแต่นั่งไม่รับไม่รู้ เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจตลอดเวลา จนเล้งชักยั๊วะ
"นี่ลื้อจะไม่ออกความเห็นอะไรมั่งเลยเหรอ"
"คนอย่างอั๊วไม่มัวพล่ามเป็นหมาเห่าใบตองแห้งให้เสียเวลา ถ้าคิดจะทำก็ทำเลย"
เต็กพูดจบก็ลุกเดินออกไป เล้งกำมือแน่น หงุดหงิดในท่าทีไม่แยแสของเต็ก
"ถ้าอั๊วไม่อยู่ในสภาพนี้ คงไม่ยืมมือแก๊งกระจอกอย่างลื้อหรอก"
เล้งหัวเสีย ยิ่งเดินไม่ได้ อารมณ์ยิ่งพลุ่งพล่าน แค้นพวกของธามที่ทำให้ตกอยู่ในสภาพนี้
หลังศาลเจ้าซินแสง้วง หลงเอามีดพับสลักแผ่นไม้เล็กๆเป็นรูปหงส์แบบนูนต่ำแกะไปก็ยิ้มไป
คิดถึงตอนที่จูบกับหงส์เมื่อคืน เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว หลงมองแผ่นไม้ที่สลักเป็นรูปพญาหงส์กางปีกในมือ ตั้งใจจะเอาให้หงส์วันนี้
หลงถือแผ่นไม้แกะสลักรูปพญาหงส์ที่เพิ่งแกะเสร็จเข้ามาภายในวิหารหลังเก่า แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นเต็กยืนรอท่าอยู่ภายในศาลเจ้านั้น
"เถ้าแก่เต็ก"
"นึกแล้วเชียวว่าลื้อต้องอยู่ที่นี่... ลื้อทิ้งนายลื้อไปไม่ได้หรอก"
เต็กจ้องไปยังแผ่นไม้ที่หลงแกะเป็นรูปหงส์ รู้ถึงความรู้สึกที่หลงมีต่อหงส์เป็นอย่างดี จนหลงต้องหลบตา
"ลื้อรักอาหงส์เหรอ"
"อั๊วไม่จำเป็นต้องตอบลื้อ"
"คนไร้หัวใจอย่างลื้อ รู้จักรักด้วยเหรอ"
"มีแต่คนตายแล้วเท่านั้นที่ไม่รู้ว่ารักคืออะไร นายน้อยให้ชีวิตใหม่กับอั๊ว อีเป็นยิ่ง
ว่าคนที่อั๊วรัก"
เต็กหัวเราะ
"งั้นเหรอ ลื้อคงรักอีมากสินะ ถึงได้ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายปกป้องอีครั้งแล้วครั้งเล่า เค้าถึงว่ากันว่าความรักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ"
"อั๊วมันคนโง่ คนป่าคนดอยอย่างอั๊วไม่เข้าใจที่ลื้อพูด รู้แต่เพียงว่าความรักทำให้อั๊วมีลมหายอยู่จนทุกวันนี้"
"ลื้ออยู่เพราะความรัก แต่อั๊วอยู่เพราะความแค้น อั๊วคงนอนตายตาไม่หลับ ถ้ายังไม่ได้สะสางความแค้นให้ตี๋เล็ก"
เต็กกล่าวด้วยน้ำเสียงอาฆาตมาดร้ายจนหลงอดขนลุกไม่ได้
"ลื้อจะทำอะไรนายน้อย"
เต็กหัวเราะในลำคอ ไม่ตอบ เดินออกจากศาลเจ้าไป
หลงเหงื่อชุ่มเป็นห่วงหงส์ กลัวว่าจะถูกเต็กปองร้ายหมายชีวิต
ในมุมลับตาของศาลเจ้าหลงมาลาซินแสง้วง
"ลื้อไม่อยู่ลาคุณหนูหงส์ก่อนเหรอ"
"อั๊วไม่อยากให้นายน้อยเป็นห่วง ตอนนี้เถ้าแก่เต็กรู้แล้วว่าอั๊วซ่อนตัวอยู่ที่นี่ อั๊วไม่อยากให้ซินแสต้องมาพลอยเดือดร้อนไปกับอั๊ว"
"ลื้อรู้แล้วเหรอว่าจะไปไหน"
"อั๊วอาจหนีไปตั้งหลักสักที่ คอยคุ้มกันนายน้อยอยู่ห่างๆ อั๊วไม่รู้ว่าเถ้าแก่เต็กคิดจะทำอะไรนายน้อย"
ซินแสง้วงส่งห่อผ้าภายในใส่เสบียงอาหารให้หลง
"ในห่อนี้เป็นอาหารที่ผ่านการเซ่นไหว้แล้ว เก็บไว้เป็นเสบียงระหว่างทาง"
หลงรับของจากซินแสง้วง ก้มหัวด้วยความเคารพ
"วันข้างหน้าอั๊วจะเป็นตายอย่างไรไม่อาจรู้ได้ อั๊วอยากจะขอพรจากซินแส"
"อั๊วไม่มีพรจะให้พวกลื้อหรอก ไม่มีพรใดเปรียบได้กับคุณงามความดีที่ทำเอง"
หลงโค้งศีรษะ น้อมรับคำสั่งสอนของซินแสง้วง หันหลังกำลังจะออกจากศาลเจ้า
ซินแสง้วงมีอะไรบางอย่างในใจจะเตือนหลง สองจิตสองใจ ก่อนตัดสินใจที่จะเตือน
"อาหลง"
หลงหันหน้ากลับมาหาซินแสง้วง
"ช่วงนี้ดวงชะตาลื้อไม่ค่อยดีนัก ภายใน 2-3 วันนี้ ลื้ออย่าจับอาวุธทุกชนิดเด็ดขาด
หาไม่จะมีภัยถึงชีวิต"
หลงพยักหน้ารับคำ ก่อนสวมหมวกใบใหญ่บดบังใบหน้า ลักลอบหนีออกจากศาลเจ้าไป
ซินแสง้วงมองตามหลังหลง ไม่วายห่วง ได้แต่ภาวนาให้หลงอยู่รอดปลอดภัย
หลงขยับหมวกลงมาปิดหน้า เดินออกมาจากศาลเจ้า ไม่ให้มีพิรุธ แล้วเห็นประกาศจับ
มีภาพสเก็ตช์หน้าตัวเองแปะอยู่ที่กำแพงเต็มไปหมด ตั้งค่าหัวสูงลิ่ว
ซากับสมุนนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟริมถนนหน้าศาลเจ้า พอเห็นชายสวมหมวกปิดหน้าปิดตา ก็รู้ทันทีว่าเป็นหลง ซาบุ้ยหน้ากับสมุน รีบลุกพรวดวิ่งตามหลงไปทันที
หลงรู้ว่าซากับสมุนตามมาก็รีบสาวเท้าฉับๆ เลี้ยวหายเข้าไปในตรอกทันที
หลงกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในตรอกที่มีผู้คนจอแจเต็มไปหมด ซากับสมุนวิ่งตาม เบียดตัวแทรกชาวบ้านเข้าไปอย่างยากเย็น ชาวบ้านด่าไล่หลัง หลงวิ่งอ้าว มีซากับสมุนยิงไล่หลังเป็นระยะๆ แต่ยิงหลงไม่ถนัดนัก
หลงจะชักปืนออกมา แต่คิดถึงคำเตือนของซินแสง้วง จึงเก็บปืนเข้าที่ วิ่งหนีอย่างเดียว
หลงวิ่งออกมาทะลุถึงถนนใหญ่อีกด้าน เจอเข้ากับชานนท์กับตำรวจที่กำลังออกลาดตระเวนพอดี
ชานนท์หันมาเห็นหลงเข้าพอดี ก็รีบสั่งกับตำรวจให้ติดตาม
"นายหลง" ชานนท์สั่งลูกน้อง "จ่า ! อ้อมไปดักทางโน้น ส่วนผมจะตามไปทางนี้"
ตำรวจรีบวิ่งอ้อมไปอีกทาง ส่วนชานนท์กระโดดอย่างเท่ ติดตามหลงไปอย่างไม่ลดละ
หลงถูกไล่ล่าทั้งจากซา และชานนท์ ต่างวิ่งตามหลงกันเป็นพรวน
หลงวิ่งมาจนกระทั่งถึงทางตัน หันซ้ายหันขวา ไม่มีทางหนีต่อ เหงื่อตก
ชานนท์กับซาวิ่งตามมาจนถึงทางตัน กวาดตามองหา หลงหายไปราวกับล่องหน
ซาบ่นอุบ
"มันหนีไปได้"
พอเห็นชานนท์กับซาไปแล้ว หลงจึงคลานออกมาจากเข่งขยะ เนื้อตัวมอมแมม นั่งกับพื้น พิงกำแพง หอบแฮ่กๆ รอดมาได้อย่างหวุดหวิด
ผ่านเวลาเล็กน้อย ณ ศาลเจ้าซินแสง้วงยามเย็น หงส์ตกใจเมื่อรู้จากซินแสง้วง
"อาหลงไปแล้ว"
ซินแสง้วงพยักหน้า หงส์ถึงกับเข่าอ่อน
"อาหลงกลัวว่าเถ้าแก่เต็กจะส่งตำรวจมาจับตัวที่นี่ก็เลยรีบหนีไปก่อน"
"เถ้าแก่เต็กรู้ได้ยังไงว่าอาหลงอยู่ที่นี่"
"อีเป็นคนฉลาด อ่านออกว่าอาหลงคิดยังไง"
"แล้วอาหลงบอกซินแสหรือเปล่าคะว่าจะหนีไปที่ไหน"
ซินแสง้วงส่ายหน้าช้าๆ
"ก่อนไป อีฝากจดหมายฉบับนี้ไว้ให้คุณหนู"
ซินแสง้วงส่งซองจดหมายสีขาวส่งให้หงส์
ภายในห้องนอน เวลากลางคืน หงส์แกะซองจดหมายที่หลงเขียนด้วยลายมือเป็นภาษาจีนออกอ่าน
"นายน้อยของอาหลง"
ที่ศาลเจ้า หลงใช้พู่กันจีนเขียนจดหมายด้วยลายมือลงในกระดาษขาวอย่างตั้งใจ
"ผมขอโทษที่ต้องจากนายน้อยไปโดยไม่ทันได้ร่ำลา ตอนนี้ผมเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์มีชนักปักหลัง ไม่ใช่อาหลงคนเดิมอีกต่อไป แต่ผมยินดีและเต็มใจที่จะอยู่ในสภาพนี้ ขอเพียงแค่ได้ทำเพื่อนายน้อย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็ยอม..."
อาหลงยิ้มเศร้าๆ น่าสงสารมากเขียนจดหมายต่อไป
หงส์นั่งอ่านจดหมายน้ำตาร่วงเผาะ
"นายน้อยอย่าได้กังวลไปเลย ผมจะเฝ้าดูนายน้อยขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำอยู่ห่างๆ นายน้อยจะต้องเป็นพญาหงส์ที่สง่างาม กางปีกโบยบินเหนือพญามังกรทั้งมวล และยึดมั่นในเมตตาธรรมเหมือนนิทานเรื่องพญาหงส์ดำที่นายน้อยเคยเล่าให้ผมฟัง ผมสัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมต้องไปร่วมแสดงความยินดีกับนายน้อยให้ได้ ลาก่อนนายน้อยของอาหลง"
หงส์สังเกตเห็นว่ายังมีของบางอย่างอยู่ในซองจดหมาย
หงส์หยิบแผ่นไม้แกะสลักเล็กๆรูปพญาหงส์กางปีก
หงส์กำแผ่นไม้แกะสลักที่หลงทำให้ไว้แน่น
"นายหนีฉันไปอีกแล้วนะ อาหลง"
หงส์น้ำตาคลอ เป็นห่วงหลงจับใจ
เวลากลางคืน หลงสวมหมวกบดบังหน้า เงยขึ้นมามองหงส์ที่ชั้นบนด้วยสายตาห่วงใย หลงยังคงวนเวียนอยู่แถวๆโรงงิ้วเฟิ่งหวง คุ้มครองป้องกันภยันตรายให้หงส์อยู่ห่างๆ หงส์อยู่ชั้นบนแต่มองไม่เห็นหลง เป็นความสัมพันธ์บนเส้นขนาน แตกต่างเหมือนหมาวัดที่เฝ้าแหงนมองดอกฟ้าที่อยู่สูงเกินเอื้อม
โรงงิ้วเฟิ่งหวง วันใหม่ คนงานในโรงงิ้วกำลังง่วนกับการเตรียมงานพิธีสถาปนาหงส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่
หมวยยืนชี้นิ้วสั่งกุ่ยกับหวังให้เอาผ้าม่านปีนขึ้นไปติดประดับประดาบริเวณหลังคาปะรำพิธี
หมวยตะโกน
"ติดให้มันเร็วๆเข้า อย่าอู้ !จะได้เสร็จทันพรุ่งนี้"
"ทำเป็นเสียงดัง หน้าแดง แรงไม่ออก ชี้นิ้วสั่งอยู่ได้ อยากให้ไวก็มาช่วยกันสิ" กุ่ยว่า
หมวยเท้าสะเอว
"เดี๋ยวนี้เฮียกล้าเถียงหมวยเหรอ"
กุ่ยเสียงอ่อย
"เปล่า... แค่พูดให้ฟังเฉยๆ"
"แล้วไป !"
หวังกระซิบกระซาบกับกุ่ย
"ไหนเฮียบอกว่าเฮียจะเป็นช้างเท้าหน้าไง"
"ก็เป็นอยู่เนี่ย... แต่อาหมวยอีไม่ยอมเป็นช้างเท้าหลัง ดันผ่าเป็นควาญช้าง"
กุ่ยกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ ขำที่กุ่ยกลับกลายเป็นถูกหมวยข่ม
หมวยแว้ดขึ้นมา
"นินทาอะไรกัน"
"เปล่าจ้า" กุ่ยหันไปตบหัวหวัง "อาหวัง ลื้ออย่าชวนอั๊วคุย"
หวังทำหน้าเหยเก ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พอเป็นซีนขำๆ อมยิ้ม
"อะไรว๊า"
หยกมณีเดินนวยนาดเข้ามา แต่งตัวสวยพริ้งมองบรรดาคนงานที่ตระเตรียมสถานที่
"ถ้าไม่รู้มาก่อน ฉันคงนึกว่างานฉลองตำแหน่งนายกสมาคมเลือดมังกร"
หมวยบอก
"แก๊งหงส์ดำเก่าแก่ที่สุดในบรรดา 20 แก๊ง พิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งทั้งทีจะให้น้อยหน้าแก๊งอื่นเค้าได้ยังไง"
"หลังพิธีรับมอบตำแหน่ง เจ้หงส์จะเล่นงิ้วเพื่อเซ่นสรวงดวงวิญญาณเถ้าแก่สุงและบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วด้วย" กุ่ยบอก
"น่าสนใจนี่ ! แล้วนายหญิงของลื้อไปไหนซะล่ะ"
หยกมณีกวาดตามองหาหงส์
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
หงส์ยังคงนั่งเหม่ออยู่ในห้อง
ในมือยังคงถือแผ่นไม้สลักที่หลงทำให้ หยกมณีถือวิสาสะเข้ามาทางด้านหลังทักทายหงส์ด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
"กำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ นายหญิง"
หงส์หันมา
"เจ้หยก...หงส์ก็แค่ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"
"เดี๋ยวนี้นายหญิงริอาจมีความลับกับเจ้หรือเจ้าคะ"
"เจ้หยกคิดถึงเฮียอันมั้ย"
หยกมณีเจอคำถามแทงจำได้ จากที่ร่าเริงเมื่อครู่ก็สลดลงทันที
"คิดสิ...ไม่มีวันไหนที่เจ้ไม่คิดถึงเฮียอัน"
"แล้วเจ้อยู่ได้ยังไงโดยที่ไม่มีเค้า"
"เฮียอันไม่ได้ไปไหน เขายังอยู่ในใจเจ้เสมอ"
หยกมณียิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขปนเศร้า
"ความรักน่ะไม่จำเป็นต้องลงเอยด้วยการแต่งงานอยู่กินด้วยกันเสมอไปหรอกนะ ต่อให้รักกันปานจะกลืนขนาดไหน สุดท้ายก็ต้องตายจากกันอยู่ดีจะเหลือไว้ก็แต่ความทรงจำตอนที่มีความสุขด้วยกันเท่านั้น เด็กโง่เอ๊ย"
หงส์รู้สึกตาสว่าง นึกชื่มชมในความเด็ดเดี่ยวเกินหญิงของหยกมณี
หงส์มองแผ่นไม้สลักในมือแล้วยกขึ้นไว้แนบอก
"ฉันจะรอนายกลับมานะ อาหลง"
หงส์เปี่ยมด้วยความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
หงส์กำลังนั่งอ่านลำดับพิธีการขึ้นรับตำแหน่งที่เก๋งจีน ในสวน ใบหน้าของหลงเข้ามารบกวนหงส์ตลอดเวลา หงส์เห็นเงาตะคุ่มอยู่ริมรั้ว
"นั่นใครน่ะ"
"คุณหนู... จำอั๊วได้มั้ย"
หงส์นึกถึงเหตุการณ์ของแม่ม่วยจูแล้วก็จำได้
"อาซ้อ นั่นเอง"
"ฮ่อๆ... อั๊วได้ยินว่าคุณหนูจะขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำวันพรุ่งนี้"
แม่ม่วยจูแกะห่อผ้าภายในมีกล่องใส่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างปราณีต ยื่นให้หงส์
หงส์ตาโตเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่แม่ของม่วยจูตัดให้ สวยมาก
"เสื้อผ้าชุดนี้อั๊วตัดเย็บเองกับมือ ตั้งใจเอามามอบให้คุณหนูโดยเฉพาะ"
"อาซ้อไม่น่าจะต้องลำบาก"
"คุณหนูได้โปรดรับไว้เถอะ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากอั๊ว ถ้าไม่ได้คุณหนูอาม่วยจูคงซี้แหงแก๋ไปแล้ว"
"ขอบคุณอาซ้อ"
หงส์ยิ้ม ตื้นตันในน้ำใจของแม่ม่วยจู
เล้งยื่นกระเป๋าใส่เงินเป็นปึกๆให้ซา
"เอาเงินนี่ไป แล้วจัดการให้เรียบร้อย"
"เสี่ยจะให้ลงมือเมื่อไหร่ครับ"
"นังหงส์ขึ้นรับตำแหน่งเมื่อไหร่ จัดการได้เลย"
"ครับเสี่ย"
อาซารับคำสั่งเล้งก่อนออกไป เต็กนั่งนิ่งเฉย ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรในใจ
"พรุ่งนี้... บัญชีแค้นระหว่างอั๊วกับพวกมันจะจบสิ้นกันเสียที"
"พังมาตั้งหลายหนแล้ว แน่ใจได้ยังไงว่าคราวนี้จะไม่พลาด"
เล้งไม่พอใจที่เต็กพูดขวางหู หันมาว้ากใส่
"แต่ครั้งนี้อั๊วเทหมดหน้าตัก พวกมันต้องตายกันไปข้าง ถ้ายังเด็ดหัวพวกมันไม่ได้ ก็จะไม่มีเจ้าพ่อชื่อเสี่ยเล้งอีกต่อไป"
เล้งแสยะยิ้ม จิตใจจ่อมจมอยู่กับการแก้แค้น
ทรงกลดได้รับเทียบเชิญในพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ
"เทียบเชิญจากแก๊งหงส์ดำ"
"ไม่เห็นจะต้องพิธีรีตอง พี่น้องกันทั้งนั้น ถึงยังไงพวกเราก็ต้องไปอยู่แล้ว" ภรพว่า
"ชักอยากเห็นตอนที่หงส์ขึ้นรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าแก๊งผู้หญิงคนแรกของสมาคมเลือดมังกรแล้วสิ" คณินบอก
"ไอ้เสี่ยเล้งมันต้องฉวยโอกาสนี้ลอบกัดเราอีกแน่ๆ" ธาม
"ตอนนี้เสี่ยเล้งเหมือนพยัคฆ์เขี้ยวหัก แก๊งมังกรดำแตกกระสานซ่านเซ็น เถ้าแก่
เกาลูกพี่มันก็ตายไปแล้ว จะมีแก๊งไหนมาหนุนหลังมันอีกถ้ามันลงมือวันพรุ่งนี้ก็นับว่าโง่เต็มทน
คณินพยักเพยิดตามทรงกลด "มีเหตุผล"
"แกยังไม่รู้จักมันดีพอ ไอ้เสี่ยเล้งมันเหมือนหมาบ้า กล้าทำในสิ่งที่แกเองก็คิดไม่ถึง" ธามว่า
คณินพยักเพยิดตามธาม "นี่ก็น่าคิด"
"นี่แกอยู่ข้างใครกันแน่วะ ไอ้คณิน" ภรพว่า
"เอาน่า จะเถียงกันไปทำไม ไอ้เล้งมันอยากจะวัดกับพวกเรา 5 คนหรือเปล่า เดี๋ยว
พรุ่งนี้ก็รู้เอง" คณินบอก
ธามหน้าเครียด รู้ดีว่าเล้งลงมือแน่
คืนนั้น หงส์นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาบนเตียง
จิตใจว้าวุ่นสับสนไปหมด หงส์หยิบแผ่นไม้แกะสลักรูปหงส์ออกมาจากใต้หมอน จ้องมองคิดถึงหลง
"พรุ่งนี้นายจะมาหาฉันมั้ยนะ อาหลง...ฉันอยากเจอนาย"
หงส์เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ตรอกเล็กๆในเยาวราชหลงกำลังคิดถึงหงส์อยู่เช่นเดียวกัน
"ผมต้องไปแน่ครับ นายน้อย"
หลงสังหรณ์ใจลึกๆ รู้สึกราวกับว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นหน้าหงส์เป็นครั้งสุดท้าย
เช้าวันใหม่ ณ โรงงิ้วเฟิ่งหวง สมาชิกแก๊งหงส์ดำต่างหลั่งไหลมาร่วมพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ
ทรงกลด ภรพ คณินและธามเดินเรียงแถวหน้ากระดานเข้ามาภายในงานอย่างเท่
"จับตาดูให้
"ก็พวกเรานี่ไง"
ภรพฟังแล้วหมั่นไส้ เบิร์ดกะโหลกคณิน
"ไอ้นี่! เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา หมายถึงคนอื่นโว้ย"
"ก็พูดให้มันชัดๆสิ"
บรรยากาศภายในงานคราคร่ำไปด้วยสมาชิกแก๊งหงส์ดำ
"พิธีใกล้จะเริ่มแล้ว ยังไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ ฉันว่าแกระแวงเกินกว่าเหตุ" ทรงกลดว่า
"คลื่นลมมักจะสงบก่อนที่พายุใหญ่จะมา แกคอยดูต่อไปก็แล้วกัน"
ธามมั่นใจว่าเล้งจะต้องลงมือแน่
ในห้องแต่งตัว หยกมณีมาแต่งหน้าให้หงส์ เปลี่ยนโฉมจากสาวน้อยใสซื่อ กลายเป็นเจ้าแม่ที่น่าเกรงขาม
"โบราณว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ผู้หญิงเราต้องรู้จักแต่งหน้า แต่งตัว
ถึงจะสามารถสยบผู้ชายได้"
"หงส์ไม่อยากให้คนอื่นยอมสยบเพราะความสวยที่ปรุงแต่งขึ้น"
"แล้วนายหญิงจะใช้อะไรเจ้าคะ ไหนลองบอกมาซิ"
"หงส์จะใช้ความเมตตา เหมือนที่อาป๊าเคยใช้"
หยกมณียิ้ม
"ความเมตตา ฟังดูดีนี่ แต่ใครที่ไหนจะกลัวเธอ"
"หงส์ไม่อยากให้เค้าเกรงกลัว แต่อยากให้เค้าเกรงใจมากกว่า เป็นนายคนต้อง
ปกครองด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม หากกุมหัวใจคนอื่นได้ ก็จะเป็นผู้นำที่ดีได้"
หยกมณียิ้มชื่นชม
"เจ้ดีใจที่เธอคิดได้อย่างนี้ น่ายินดีแทนแก๊งหงส์ดำที่มีผู้นำอย่างเธอ นับจากนี้เธอจะไม่ใช่อาหงส์คนเดิมอีกต่อไป แต่เธอจะเป็น “นายหญิง” ที่ทุกคนต้องยอมก้มหัวให้"
หงส์ใบหน้าเรียบเฉย เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว
เต็กและสมาชิกอาวุโสอีก 4 คน ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน กุ่ยกับหวังแจกธูปให้ทุกคนที่เข้าร่วมพิธี แปะจางเป็นเจ้าพิธี ประกาศขั้นตอนต่างๆในพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ
"ทั้งหมดคารวะบรรพชน"
ทุกคนต่างยกธูปคารวะป้ายบรรพชนและรูปสุงที่ตั้งตระหง่านในพิธี
แปะจางกล่าวเชิญหงส์ขึ้นมาสาบานตน
"บัดนี้ได้ฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว ขอเชิญนายหญิงขึ้นมาสาบานตนที่หน้าแท่นพิธี"
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก หงส์เดินออกมางามสง่าเยี่ยงนางพญาพร้อมกับหยกมณีเดินตาม
ผู้คนต่างตะลึงตะไลในภาพลักษณ์ใหม่ของหงส์ที่ไม่ใช่หงส์คนเดิมอีกต่อไป
ทรงกลด ภรพ คณิน ธาม ถึงกับมองหงส์อย่างไม่เชื่อสายตา
"นั่นหงส์เหรอ" ภรพถาม
คณินบอก "สวย....ไม่มีที่ติ"
ทรงกลดกับธามไม่พูดอะไร มองด้วยสายตาชื่นชมยินดี อีกมุม กุ่ย หมวย หวังอ้าปากหวอ
"นี่อั๊วฝันไปหรือเปล่า"
หมวยตบเพี๊ยะที่แก้มของกุ่ยด้วยความหมั่นไส้
"ตบหน้าอั๊วทำไมห๊ะ อาหมวย"
"ถ้าเจ็บ ก็แสดงว่าเฮียไม่ได้ฝัน"
หงส์เดินไปยังหน้าแท่นพิธี หลงยื่นธูปดอกใหญ่ๆให้หงส์ 3 ดอก
หงส์ไหว้คารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสมาคม หงส์ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ต่อหน้าสมาชิกแก๊งหงส์ดำทุกคน
บริเวณท่าน้ำ หลังโรงงิ้ว หลงในชุดขาวล้วน ถือช่อดอกไม้สีขาวเช่นกัน รอมอบให้หงส์อยู่ที่ท่าน้ำ
โรงงิ้วเฟิ่งหวงประดับประดาด้วยธงทิวสวยงาม หลงยิ้มยินดีกับหงส์
ฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ ทันใดนั้น หลงก็เหลือบเห็นเงาของซาผ่านเงาสะท้อนจากผิวน้ำเบื้องหน้า
"ไอ้ซา"
ซาบุ้ยหน้ากับมือระเบิดให้เดินสายชนวนระเบิดรอบๆ โรงงิ้ว
ซายิ้มอำมหิต หลงรู้ทันทีว่าซาวางแผนจะบอมบ์โรงงิ้วเฟิ่งหวง
หลงจะชักปืนขึ้นมา คำพูดของซินแสง้วงดังแว่วขึ้นมาในหัว
"ช่วงนี้ดวงชะตาลื้อไม่ค่อยดีนัก ภายใน 2-3 วันนี้ ลื้ออย่าจับอาวุธทุกชนิดเด็ดขาด หาไม่จะมีภัยถึงชีวิต"
หลงเป็นห่วงหงส์มากกว่า ทิ้งช่อดอกไม้สีขาว แล้วตัดสินใจชักปืนคู่ใจออกมา
ณ ปะรำพิธี แปะจางมอบหนังสือรายนามสมาชิกแก๊งหงส์ดำให้หงส์
"รายนามสมาชิกแก๊งหงส์ดำ นายหญิง"
หงส์รับหนังสือรายนาม แปะจางโค้งคารวะ
หลงสู้ยิบตากับซาและพวกมือระเบิด ยิงไม่เลี้ยง แต่ยิ่งยิงเท่าไหร่ พวกมือระเบิดก็กรูมาเท่านั้น มองไม่เห็นทางที่หลงจะชนะ
หลงยิงจนกระสุนหมด เขวี้ยงปืนทิ้ง ชักมีดสั้นออกมา แล้วกระโดดเข้าไปประจันหน้าอย่างบ้าเลือด
ณ ปะรำพิธี แปะจางส่งกริชให้หงส์
"ลำดับต่อไปขอเชิญหัวหน้าแก๊งหงส์ดำกรีดเลือดสาบานตน"
หงส์หยิบกริชขึ้นมากรีดที่ฝ่ามือให้เลือดหยดลงในจอกที่มีน้ำอยู่เต็มแก้ว แล้วกระจายออก
จังหวะนั้นเอง หลงถูกยิงนัดแรก เลือดกระจาย หลงยังไม่ถอดใจ ชักมีดเชือดคอมือระเบิดที่ยิงหลงตายเช่นเดียวกัน
หงส์ยื่นส่งจอกนั้นให้แปะจางดื่ม มือระเบิดอีกคนแทงหลงทางด้านหลัง หลงฆ่าตายไปอีกศพ
แปะจางส่งต่อสมาชิกอาวุโสคนอื่นดื่ม หลงถูกแทงอีกแผล
ด้านนอก มือระเบิดถูกหลงฆ่าตายหมด เหลือแค่หลงกับซาเท่านั้น ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน ซาเปิดเสื้อของตัวเองออก เห็นระเบิดพันอยู่รอบตัว หมายจะระเบิดพลีชีพ
ซาจะจุดชนวน หลงรีบกระโจนเข้าใส่ซาทันที
หงส์ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ที่มีรูปหงส์กางปีก ขึ้นเป็นเจ้าแม่แก๊งหงส์ดำคนใหม่อย่างสง่าผ่าเผย
"คำนับหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่"
ทุกคนต่างก้มหัวคำนับหงส์โดยพร้อมกัน
หลง หมวย กุ่ย แปะจาง หวัง หยกมณี ต่างก้มหัวให้หงส์ด้วยความชื่นชม ทรงกลด ภรพ คณิน ธาม เป็นปลื้มในความสำเร็จของหงส์
หลงกระโดดรวบตัวซา ก่อนที่จะระเบิดหวุดหวิด ทั้งสองตกลงไปในแม่น้ำพร้อมกัน
เสียงระเบิดในน้ำดังสนั่นกัมปนาท น้ำแตกกระจาย เป็นจังหวะเดียวกับเสียงรัวกลองดนตรีงิ้ว และเสียงประทัด ดังกึกก้องขึ้นเซ็งแซ่รัวไม่ได้ศัพท์ กลบเสียงด้านนอก
หงส์จุดธูปคารวะป้ายวิญญาณสุง
"วันนี้หงส์รับตำแหน่งวันแรก หงส์อยากจะมาขอพรจากอาป๊า"
หลงตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำ ปีนขึ้นมาที่ท่า หอบถี่ๆ เหนื่อยแทบขาดใจ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล จะไปหาหงส์ให้ได้ แต่เท้าของเต็กอยู่เบื้องหน้า หน้าตาดำคล้ำ ถมึงทึง
"เถ้าแก่เต็ก"
เต็กค่อยๆชักปืนออกมา แล้วจ่อปากกระบอกปืนไปยังแสกหน้าหลง หลงตาค้าง
ซินแสง้วงกำลังนับประคำ สวดมนต์ขอพรให้หลงปลอดภัยอยู่ ทันใดนั้นลมแรงพัดมาวูบหนึ่งทำให้ตะเกียงน้ำมันที่อยู่ตรงหน้าดับฟึ่บลง
ซินแสง้วงส่ายหน้าอย่างปลงตก รู้แล้วว่าอาหลงไม่รอด
หงส์ในชุดงิ้วสีแดงสด ออกมาจากหลังม่าน ร่ายรำเซ่นสรวงดวงวิญญาณของสุง และบรรพชน
ทุกคนต่างปรบมือกันเกรียวกราว
ธามเหลียวซ้ายแลขวาตลอดเวลา ระแวงว่าเล้งจะส่งคนมาเล่นงานอีก
ขณะที่หงส์กำลังร่ายรำอยู่นั้น ก็เหมือนเห็นอาหลงในชุดขาวยืนยิ้มให้อยู่ด้านหลังสุด
พอหงส์กะพริบตาภาพของอาหลงก็หายวับไป หงส์ยังคงร่ายรำต่อ แต่ในใจเริ่มเป็นห่วงอาหลง
ควันปากกระบอกปืนในมือเต็กควันลอยกรุ่น เต็กหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แข่งกับสายฝนที่เริ่มเทลงมาอย่างหนัก
"ลื้อฆ่าลูกชายอั๊ว อั๊วฆ่าคนรักของลื้อ"
เต็กหัวเราะ แต่น้ำตากลับไหลออกมาไม่รู้ตัว
"อั๊วจะทำให้ลื้อรู้รสชาติของความเจ็บปวดทรมานว่าการตายทั้งเป็นมันเป็นยังไง ต่อให้ต้องเฉือนเนื้อ เลาะกระดูกอั๊วก็ยอม อั๊วเจ็บ แต่ลื้อต้องเจ็บยิ่งกว่า ตี๋เล็ก อั๊วล้างแค้นอาหงส์ให้ลื้อสำเร็จแล้ว ลื้อเห็นมั้ย ตี๋เล็ก"
เต็กหัวเราะลั่น แล้วทรุดลงนั่งลงที่ท่าน้ำ มองสายน้ำตรงหน้า ภาพในอดีตหวนกลับมาในห้วงความคิดเต็กอีกครั้ง
สุงกับไช้ในวัยหนุ่มถอดเสื้อ กระโดดลงน้ำตูมหัวเราะลั่น เต็กอยู่ที่ริมฝั่งคนเดียว ไม่กล้ากระโดด
สุง / ไช้เชียร์ลั่น
"กระโดดเลยๆ"
"อั๊วว่ายน้ำไม่เป็น อั๊วกลัว"
"อั๊วกับพี่ใหญ่อยู่นี่ ลื้อจะกลัวอะไรวะ อาเต็ก" ไช้ว่า
"เราเป็นพี่น้องกันยังไงอั๊วก็ไม่ปล่อยให้ลื้อจมน้ำตายหรอกน่า" เต็กบอก
เต็กยังหวาดๆ ไม่กล้ากระโดด
"ลงมาเถอะ เร็ว ! หรือว่าลื้อไม่ไว้ใจพวกอั๊ว" ไช้ว่า
"หากผ่านสิ่งที่กลัวที่สุดไปได้ ต่อไปลื้อก็จะไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว" สุงบอก
"ถ้าลื้อไม่ลงมา อั๊วจะไม่ถือว่าลื้อเป็นสามวิหค"
คำพูดของสุงกับไช้ ทำให้เต็กตัดสินใจกระโดดลงไป ทั้งสามเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
เต็กมองสายน้ำเชี่ยวกรากท่ามกลางพายุฝนนิ่งนาน
"รออั๊วด้วย พี่ใหญ่ เฮียไช้"
เต็กกระโดดตูมลงไปในสายน้ำเชี่ยวกราก แล้วหายไป ปิดฉากชีวิตตัวเองลง
ฝนหยุดตกพอดี หยาดน้ำเล็กๆบนใบไม้หยดลงมา ทรงกลด ภรพ ธาม คณิน เดินออกมาจากโรงงิ้ว หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสถาปนาหงส์เป็นหัวหน้าแก๊ง
"จนเสร็จพิธี ฉันก็ยังไม่เห็นสมุนไอ้เสี่ยเล้งโผล่มาสักตัวแกเชื่อฉันหรือยังล่ะ" ทรงกลดบอก
ธามรู้สึกเสียหน้าเล็กๆ
คณินบอก
"เฮียทรงกลดพูดถูก ฉะนั้น มื้อค่ำนี้ที่ฉั่วเทียนเหลา เฮียธามต้องเป็นเจ้ามือ"
"เออ ! ฉันเลี้ยงเองก็ได้"
"แต่ก็น่าแปลก ไอ้เสี่ยเล้งมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน" ภรพว่า
คณินบอก
"มันจะอยู่ที่ไหนก็ช่าง อย่าให้เจอก็แล้วกัน มันไม่ดวงดีเหมือนคราวที่แล้วแน่"
ทันทีที่ทั้งสี่ก้าวขาออกจากโรงงิ้ว ก็ต้องตกใจ เห็นศพมือระเบิดนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่ภายนอกโรงงิ้ว
คณินบอกทันที
"สงสัยค่ำนี้ เจ้ามือคงเป็นเฮียทรงกลด"
ทุกคนได้แต่ฉงนว่าคนที่จัดการกับมือระเบิดพวกนี้เป็นใครกันแน่
หงส์ยังคงอยู่ในชุดขึ้นรับตำแหน่ง นั่งรอหลงมาแสดงความยินดีแต่ก็ไร้วี่แวว เสียงเพลงใบไม้ดังแว่วขึ้นมาจากหลังโรงงิ้ว
"อาหลง"
หงส์รีบวิ่งตามเสียงเพลงใบไม้นั้นทันที
หงส์วิ่งออกมาที่หลังโรงงิ้ว เห็นหลงเป่าเพลงใบไม้อยู่ก็ดีใจ
"ฉันนึกแล้วว่านายต้องมา"
หลงมีผ้ากระสอบคลุมตัว โผล่มาแต่หน้า ปิดบังอำพรางแผลที่พรุนไปทั้งร่างไม่ให้หงส์เห็น
ปากซีดมากจนน่ากลัว
"ผมมาแสดงความยินดีกับนายหญิงตามที่เคยสัญญาไว้"
หลงยื่นช่อดอกไม้สีขาวให้หงส์
"ขอบใจนายมาก"
"วันนี้นายหญิงช่างงามสง่าสมกับเป็นพญาหงส์จริงๆ"
หงส์ยื่นแผ่นไม้สลักที่หลงทำให้ออกมา
"ตอนขึ้นรับตำแหน่งฉันเอาของที่นายให้เก็บไว้กับตัวจะได้เป็นตัวแทนนาย"
หลงฝืนยิ้ม เลือดซึมออกมาจากผ้ากระสอบที่คลุมร่างเล็กน้อย
"เข้ามาข้างในก่อนสิ อาหลง"
"ผมต้องไปแล้ว"
"นายจะไปไหน"
"ไปที่ที่ไกลแสนไกล"
"อาหลง นายไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ฉันจะจ้างทนายที่เก่งที่สุดมาช่วยนาย ตอนนี้ฉันเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำแล้ว ฉันจะต้องหาวิธีช่วยนายให้ได้ นายจะต้องพ้นคดี"
"ไม่จำเป็นหรอกครับ อาหลงคนนี้จะอยู่หรือตายไม่สำคัญแค่ได้เห็นรอยยิ้มของนายหญิงเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็มีความสุขแล้ว"
หงส์เสียงสั่นจะร้องไห้
"อาหลง นายจะทิ้งฉันไปไม่ได้นะ ไหนนายเคยบอกว่าจะดูแลฉันไง"
เลือดซึมผ่านผ้ากระสอบออกมามากขึ้นทุกที หลงเอามือกดแผลเอาไหว ห้ามเลือดไม่ให้หงส์เห็น
"นายหญิงเปรียบเหมือนของขวัญล้ำค่าที่ฟ้าประทานมาให้ น่าเสียดาย เราสองคนเป็นเหมือนเส้นขนาน ไม่มีวันที่จะบรรจบกันได้ แต่ผมก็มีความสุขที่ครั้งหนึ่งผมได้เคยเป็นเส้นขนานที่ได้อยู่เคียงข้างและคอยดูแลนายหญิง"
"ถึงแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม"
หงส์น้ำตาร่วงเผาะ รู้แล้วว่าหลงจะต้องไปแน่ๆ
"ผมจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ เพราะมันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ลาก่อนครับ นายหญิง"
หลงหันหลังจะเดินจากไป หงส์ตะโกนไล่หลัง
"อาหลง ! นายจะกลับมาหาฉันอีกเมื่อไหร่"
"เมื่อใดที่ได้ยินเสียงเพลงใบไม้ ผมจะกลับมา"
หลงพูดจบก็เดินหายไปในความมืด
หงส์ก้มลงมองช่อดอกไม้ที่หลงมอบให้ มีหยดเลือดติดอยู่ที่กลีบดอกไม้ดอกหนึ่ง
หงส์ใจคอไม่ดี วิ่งตามออกไป
"อาหลง ! กลับมาก่อน อาหลง"
หลงหายไปแล้ว หงส์สังหรณ์ใจรู้สึกราวกับว่าจะไม่ได้เจอกับหงส์อีกแล้ว ชั่วนิรันดร์
เล้งนั่งบนรถเข็นคนเดียวในห้องมืดบ้านเต็ก เล้งกำมือบีบแน่นแล้วคลาย บีบแล้วคลาย ดวงตาล่อกแล่ก รู้แล้วว่าแผนการทุกอย่างพังพินาศ
"มันจะจบแบบนี้ไม่ได้... อั๊วจะแพ้มันไม่ได้ มันต้องไม่เป็นแบบนี้"
เล้งหัวเราะในความพ่ายแพ้ของตัวเอง น้ำตาไหลด้วยความอัปยศ เสียงหัวเราะของเล้งดังโหยหวนออกมา พร้อมกันสัมปชัญญะขาดผึงลง เขากลายเป็นคนเสียสติไปแล้ว
บ้านเถ้าแก่สุง วันใหม่ หงส์นั่งเหม่อเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ
"คราวนี้ไอ้เสี่ยเล้งมันคงกะจะบอมบ์เราไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก" ธามบอก
คณินบอก "ไอ้เล้งมันเล่นไม่เลิก ฉันอยากจะไปล่าถลกหนังหัวมันจริงๆ"
"ยังดีที่อาหลงเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นแถวนี้คงเละเป็นจุณมหาจุณ
... แล้วนี่มีใครได้ร่องรอยของอาหลงแล้วหรือยัง" ภรพถาม
"มีคนเห็นอาหลงครั้งสุดท้าย ตกลงไปในแม่น้ำพร้อมกับไอ้มือระเบิดนั่น ตอนนี้ยัง
ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง"
"ถือว่าสละชีพเพื่อส่วนรวม อาหลงคนเดียวแลกกับชีวิตคนอื่นเป็นร้อยๆ" คณินว่า
ธาม ทรงกลด ภรพ ต้องจ้องคณินตาเขียวที่พูดจาไม่ยั้งปาก
"ฉันพูดผิด"
"หงส์ขอตัวก่อน"
หงส์ทนสะเทือนใจต่อไปไม่ไหว ลุกออกไปทันที ภรพเอานิ้วดีดปากคณิน
"ไอ้ปากไม่มีหูรูด ผีเจาะปากมาพูดหรือไง"
คณินเอามือกุมปากตัวเอง รู้แล้วว่าพลั้งปากออกไป
หงส์ซบหน้าลงกับหมอน ร้องไห้ เสียใจอย่างสุดซึ้ง ดอกไม้สีขาวที่เปื้อนหยดเลือดยังคงอยู่บนที่นอน เสียงของหลงดังแว่วขึ้นมาในหัวเสมือนจารึกอยู่ในความทรงจำ
"ผมยินดีและเต็มใจที่จะอยู่ในสภาพนี้ ขอเพียงแค่ได้ทำเพื่อนายน้อย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็ยอม"
หงส์หยิบเอาแผ่นไม้แกะสลักรูปพญาหงส์ที่หลงแกะสลักให้ขึ้นมาดูด้วยน้ำตานองหน้า
"นายน้อยจะต้องเป็นพญาหงส์ที่สง่างาม กางปีกโบยบินเหนือพญามังกรทั้งมวล และยึดมั่นในเมตตาธรรมเหมือนนิทานเรื่องพญาหงส์ดำที่นายน้อยเคยเล่าให้ผมฟัง"
หงส์เสียใจอย่างสุดซึ้ง เหมือนใจจะขาด
"ทำไมนายต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้ด้วย อาหลง"
เธอนึกถึงตอนที่หลงมาเพื่ออำลาหงส์เมื่อคืน
"อาหลงคนนี้จะอยู่หรือตายไม่สำคัญแค่ได้เห็นรอยยิ้มของนายหญิงเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็มีความสุขแล้ว...ผมจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ เพราะมันคือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต"
หงส์ร้องไห้สะอึกสะอื้นคนเดียว คนที่รักจากไปอย่างไม่หวนกลับ
ผ่านเวลา วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านร่างอ้วนมากใช้มีดปังตอสับเป็ดพะโล้บนเขียงขนาดใหญ่
ช่วงที่เจ้าของร้านเผลอ เล้งค่อยๆเอื้อมมาหยิบเป็ดบนเขียงไป
เล้งเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ากระเซิงเป็นสังกะตัง กินเป็ดพะโล้อย่างมูมมาม หิวโหย เจ้าของร้านหันมา เห็นเป็ดหาย กวาดตามองเห็นเล้งกำลังฉีกทึ้งเป็ดกินอยู่
"ไอ้ขอทาน"
เจ้าของคว้ามีดปังตอออกมาจะเอาเรื่อ เล้งเห็นท่าไม่ดีรีบกอดเป็ดพะโล้ แล้ววิ่งลากขาฝ่าชาวบ้านหนีไป
"มึงกลับมาเดี๋ยวนี้นะ !ไอ้เป๋ จับได้ กูจะซัดให้น่วม"
เจ้าของร้านร่างอ้วน วิ่งตามเล้งไป หอบแฮ่กๆ
ในตลาดอีกมุมหนึ่ง ทรงกลด ภรพ คณิน นั่งรถมาด้วยกัน ธามเป็นคนขับ
ทันใดนั้น เล้งวิ่งกะโผลกกะเผลก ตัดหน้ารถ ธามเบรกเอี๊ยดจนคณินหัวทิ่ม
"ข้ามถนนประสาอะไรวะ"
เล้งเกาะกระจกรถ ทำให้ทุกคนเห็นหน้าชัดๆ
"เสี่ยเล้ง !"
ธามไม่รอช้า ชักปืน ลงจากรถ แล้วตามเล้งไปทันที เล้งเลิ่กลั่ก หันไปเห็นเจ้าของเป็ดพะโล้วิ่งถือปังตอมาใกล้ทุกที เล้งรีบวิ่งหนีกระเซอะกระเซิง แต่ยังกอดเป็ดพะโล้เอาไว้แน่น
"ไอ้ตัวแสบ ! คราวนี้ไม่รอดแน่"
ธาม ทรงกลด ภรพ คณิน วิ่งตามเล้งไปเป็นพรวน
เป็นเวลาที่หงส์ หมวย กุ่ย หวัง ในชุดขาว กำลังจะเดินเข้าศาลเจ้า เล้งวิ่งเข้ามากอดเข่า ขอให้หงส์ช่วยเหลือ
หมวย กุ่ย หวังตกใจเมือเห็นหน้าชัดว่าเป็นเล้ง
"ไอ้เสี่ยเล้ง"
กุ่ยจะเข้าไปกระทืบ แต่หงส์ปรามเอาไว้
"อากุ่"
สี่หนุ่มตามมาทัน ธามยกปืนขึ้นจะยิง หงส์เข้ามาขวาง
"อย่าทำเค้า"
"ไอ้เล้งมันต้องตายถึงจะสาสม" ธามบอก
"ตอนนี้เค้าก็ได้รับผลกรรมที่เคยทำไว้แล้ว อย่าฆ่าแกงให้เป็นบาปกรรมติดตัวเลย หงส์ขอร้อง"
"ปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ แล้วถ้ามันย้อนกลับมาเล่นงานเราอีกล่ะ"
ธามหันไปมองทรงกลด ทำนองขอความเห็น
ทรงกลดพยักหน้า ให้ธามลดปืนลง
"สภาพมันตอนนี้มันคงก่อกรรมทำเข็ญกับใครไม่ได้อีกแล้วล่ะ"
ภรพบอก
"ที่นี่มันเขตศาลเจ้า เห็นแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือซะว่าปล่อยสัตว์ทำทานก็แล้วกัน"
"เฮียไม่ต้องเปลืองมือหรอก โน่น !เจ้ากรรมนายเวรมันตามมาทวงคืนโน่นแล้ว" คณินว่า
คนขายเป็ดพะโล้ร่างอ้วนถ่อสังขารวิ่งหอบแฮ่กๆตามมาทันพอดี กระชากคอเสื้อเล้งจะต่อย
เล้งยกมือไหว้ปลกๆ
"ไอ้ขอทานสกปรก มึงกล้าขโมยเป็ดกูเหรอ"
หงส์ควักเงินให้เจ้าของเป็ด
"ปล่อยเค้าไปเถอะ เงินนี่ถือเป็นค่าชดใช้"
"กำเซี่ยๆ"
เจ้าของเป็ดรับเงินค่าเป็ดจากหงส์ จึงยอมปล่อยตัวเล้ง เล้งวิ่งจู๊ดหนีไปทันที
ภรพพูดเบาๆกับคณิน
"น้องสาวเรานี่นางเอกจริงๆ"
คณินโพล่ง "เสียดาย พระเอกดันตายตอนจบ"
ภรพเอาศอกกระทุ้งคณินจนจุก
หงส์มองตามเล้ง คิดถึงเมื่อคราวที่เล้งมีบารมีล้นฟ้าเป็นเจ้าพ่อ หัวหน้าแก๊งหงส์ดำ มีบริวารมากมาย
"อำนาจมันมาแล้วก็ไป คนที่มัวเมาหลงระเริงในอำนาจย่อมตกอยู่ในวังวนของกิเลสไม่สิ้นสุด"
หงส์มองเล้งอย่างปลงๆ เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
เล้งวิ่งหนีไปชนกับกุ๊ยวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเข้า เป็ดพะโล้ร่วงกระเด็นไปอยู่ปลายเท้ากุ๊ยกลุ่มนั้น เหมือนหนีเสือปะจระเข้
เล้งหยิบเป็ดขึ้นมาจากพื้น เอามือปัดๆฝุ่น แล้วเอาใส่ปากด้วยความหิวโหย
กุ๊ยลูกพี่ถาม
"มึงเก๋านักเหรอ ไอ้เป๋"
กุ๊ยลูกน้องบอก"ลูกพี่กูเปี๊ยก เสือเผ่นมึงรู้จักหรือเปล่า"
ลูกน้องตบกะโหลกเล้งอย่างแรง
เล้งอาศัยจังหวะที่เผลอผลักกุ๊ยพวกนั้นล้ม แล้ววิ่งหนีหายไปทันที
"เฮ้ย !ตามไปกระทืบมัน"
หงส์กับพี่ชายทั้ง 4 มองตามแล้วส่ายหน้า รู้สึกเวทนาที่เห็นเล้งถูกพวกกุ๊ยรุ่นกระทงตามไปกระทืบ
ณ วิหารกวนอิม ในศาลเจ้า บรรยากาศเงียบสงบ น่าเลื่อมใส หงส์ในชุดขาวบริสุทธิ์ แต่งตัวด้วยชุดหัวหน้าแก๊ง ก้มลงกราบเจ้าแม่กวนอิม
หงส์สวดมนต์อ้อนวอนขอให้หลงมีความสุขในสัมปรายภพ
"อาหลง... ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อน"
หงส์พูดด้วยแววตาที่เข้มแข็ง ไม่อ่อนแออีกต่อไป เอามือจับสร้อยซึ่งเป็นแผ่นไม้สลักรูปพญาหงส์ที่หลงทำให้ สวมคล้องคอติดตัวไว้เสมอ
หงส์ก้าวออกมาจากวิหาร หมวย กุ่ย หวัง รออยู่ที่ด้านหน้า
"เราไปกันเถอะ"
ก่อนที่หงส์จะกลับ เสียงเพลงใบไม้ก็ดังขึ้น
"เมื่อใดที่ได้ยินเสียงเพลงใบไม้ ผมจะกลับมา"
หงส์หันไปมอง เห็นกิ่งไม้บนต้นไม้ใหญ่ไหวซู่ไม่เห็นหลง
หงส์ยิ้ม ด้วยความปีติในหัวใจ ไม่มีใครรู้ว่าหลงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
แต่เขาจะอยู่ในใจของหงส์ตราบชั่วนิจนิรันดร์...
-- จบบริบูรณ์--