เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 7
เวลากลางคืน ตี๋เล็กปีนกำแพงหลังบ้านเถ้าแก่สุง จะเข้าหาหงส์ให้ได้ คราวนี้รู้ลู่ทางเป็นอย่างดี
หลงเข้ามาพร้อมกับสมุน 2 คน เห็นเงาตี๋เล็กตะคุ่มๆวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว จึงตามไป
ตี๋เล็กกระโดด ปีนเข้าไปในบ้านอย่างช่ำชอง ไม่เงอะงะเหมือนคราวที่แล้ว
หลงตามมา แต่เงาคนหายไปแล้ว จึงสั่งลูกน้อง
"ลื้อ 2 คนไปทางโน้น ส่วนอั๊วจะไปทางนี้"
"ครับเฮีย"
หลงแยกกับสมุน สีหน้าเครียดต้องหาตัวคนที่บุกรุกเข้ามาให้ได้
ตี๋เล็กปีนหน้าต่างเข้ามา ปรากฏว่าเป็นห้องงานสุง ตี๋เล็กได้ยินเสียงเหมือนคนจะเปิดประตู จึงรีบแอบตัวอยู่มุมห้องลับตา
หงส์ในชุดนอนเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา เห็นหน้าต่างเปิดอยู่ แปลกใจ
ตี๋เล็กพอรู้ว่าเป็นหงส์จึงยอมออกมาจากที่ซ่อน
"เฮียตี๋เล็ก !"
ตี๋เล็กยิ้ม ถือวิสาสะนั่งที่เก้าอี้ทำงานหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ
"เก้าอี้ประมุขแก๊งหงส์ดำมันนั่งสบายอย่างงี้นี่เอง มิน่า น้องหงส์ถึงไม่ยอมลุก"
"นอกจากอาป๊าแล้ว มีแต่หัวหน้าแก๊งหงส์ดำเท่านั้นที่สามารถนั่งเก้าอี้ตัวนี้ได้"
"อีกหน่อยเรา 2 คนตกล่องปล่องชิ้นกันแล้ว อะไรๆที่เป็นของน้องหงส์ก็ต้องเป็นของเฮียอยู่ดี"
"ฝันไปเถอะ หัวเด็ดตีนขาดหงส์ก็ไม่มีวันยอมเป็นของเฮีย"
ตี๋เล็กยิ้มๆ
"แต่เฮียมีข้อเสนอ บางทีข้อเสนอของเฮียอาจทำให้น้องหงส์เปลี่ยนใจก็ได้"
"ข้อเสนอ ? ข้อเสนออะไร"
"การเลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกร ใครๆก็รู้ แก๊งมังกรดำต้องชนะการเลือกตั้งแก๊งเขี้ยวสิงห์อยู่แล้ว สู้ไปก็แพ้ อับอายขายขี้หน้าเค้าเปล่าๆ แต่ถ้าน้องหงส์อยากจะให้ไอ้ทรงกลดขึ้นเป็นนายสมาคมคนต่อไปล่ะก็ เฮียพอมีวิธี"
หงส์สงสัยว่า วิธีอะไร ตี๋เล็กเข้าไปกระซิบที่ข้างหูหงส์
"แต่งงานกับเฮียสิ"
"อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ถึงแก๊งกระเรียนจะอยู่ข้างแก๊งหงส์ดำ ก็ไม่ได้หมายความว่าเฮียทรงกลดจะชนะการเลือกตั้ง"
"อย่าลืมสิ ! อาป๊าเฮียเป็นคนกว้างขวาง แค่พูดกับบรรดาหัวหน้าแก๊งต่างๆไม่กี่คำก็ทำให้ไอ้ทรงกลดมันขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรได้อย่างสบายๆ"
"ถ้าเฮียทรงกลดจะชนะ ก็ต้องชนะอย่างสมศักดิ์ศรี วิธีสกปรกของเฮียตี๋เล็ก หงส์คงไม่เล่นด้วย"
"คิดดูให้ดีๆ มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ไอ้ทรงกลดเอาชนะเสี่ยเล้งได้ ยอมแต่งงานเป็นเมียเฮีย แล้วแก๊งกระเรียนจะคอยสนับสนุนแก๊งหงส์ดำทุกอย่าง ตกลงมั้ย"
ตี๋เล็กยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์อย่างเป็นต่อ แล้วกระหวัดร่างหงส์เข้ามาใกล้
หงส์ผลักออก แต่ตี๋เล็กแข็งขืน หมายจะเผด็จศึกหงส์ให้ได้ในคืนนี้
"ปล่อย"
ตี๋เล็กฝังแก้มลงกับซอกคอหงส์อย่างหื่นกระหาย
"ปล่อยให้โง่สิ เนื้อกำลังจะเข้าปากเสืออยู่แล้ว อย่าดีดดิ้นนักเลย อยู่เฉยๆ เดี๋ยวเฮียจะพาน้องหงส์ขึ้นสวรรค์ชั้น 7 เอง"
หงส์ใช้วิชาป้องกันตัวอย่างที่หลงเคยสอน เล่นงานตี๋เล็กที่หน้ามืดจนไม่ทันระวังตัว
"อาหงส์ ! อั๊วชักจะหมดความอดทนกับลื้อแล้วนะ"
ตี๋เล็กเลือดขึ้นหน้า พยายามจะปลุกปล้ำจะเอาหงส์เป็นเมียให้ได้
ที่ชั้นล่างหลงได้ยินเสียงโครมครามจากห้องเถ้าแก่สุงที่อยู่ชั้นบน
"นายน้อย !"
หลงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที ด้วยความเป็นห่วงหงส์
หลงเปิดประตูเข้ามา เห็นตี๋เล็กกำลังลวนลามหงส์ หลงรีบตรงเข้าไปกระชากเสื้อ แล้วต่อยเปรี้ยงอย่างแรง ตี๋เล็กลงไปนอนนับดาวกับพื้น หน้าเหยเก
"ไอ้หลง ! มึง"
หลงจะเข้าไปซ้ำตี๋เล็ก แต่หงส์เข้ามาขวางเอาไว้
"อาหลง ! ไม่ต้อง "
หลงชะงักเพราะคำสั่งหงส์
"แต่นายน้อย"
หงส์ยกมือปรามหลงว่า... ไม่ต้องพูด ตี๋เล็กยิ้มเยาะหลง เข้าใจว่าหงส์เข้าข้าง หงส์เดินเข้ามาตบหน้าตี๋เล็กฉาดใหญ่ จนตี๋เล็กหน้าชา ไม่คิดว่าจะถูกตบ
"พอกันที ! นับตั้งแต่วันนี้ เราขาดกัน อั๊วจะไม่นับถือว่าลื้อเป็นอาเฮียของอั๊วอีก"
หลงส่ายหน้าน้อยๆ หงส์เห็นสายตาของหลงจึงค่อยใจเย็นลง สายตาทั้งสอง ตี๋เล็กพอรู้ความหมายว่าสองคนมีใจให้กัน
"อั๊วรู้ละ ! ที่ลื้อไม่ยอมแต่งงานกับอั๊ว เพราะไอ้ลูกหมานี่ใช่มั้ย ! ลื้อมีใจให้มันใช่มั้ย ห๊า อาหงส์"
หงส์หน้าชาไปวูบหนึ่ง คำพูดนั้นเหมือนแทงใจดำ พูดไม่ออก
"ไม่นึกเลยว่าลื้อจะตาต่ำ คว้าขี้ข้าเอามาทำผัว"
"หยุดพูดจาจ้วงจาบนายน้อยได้แล้ว"
ตี๋เล็กตะคอก
"มึงอย่าแส่ !"
ตี๋เล็กกับหลงจ้องตากับเขม็ง พร้อมจะตะบันหน้ากันได้ทุกนาที
"บุกรุกเข้ามาที่นี่ยามวิกาล ตามกฎของแก๊งหงส์ดำ อั๊วจะฆ่าลื้อก็ได้ ตี๋เล็ก !"
ตี๋เล็กท้า
"ก็เอาสิ ! ดีเหมือนกัน กล้าฆ่าอั๊วหรือเปล่าล่ะ"
"เห็นแก่หน้าอาป๊าลื้อ อั๊วจะยอมไว้ชีวิตลื้อสักครั้ง ไสหัวไปซะ แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก ! นับแต่นี้ แก๊งหงส์ดำกับแก๊งกระเรียนทางใครก็ทางมัน"
"อั๊วไปก็ได้...แต่รู้ไว้ด้วยนะ คนอย่างอั๊ว อยากได้อะไรแล้วต้องได้"
ตี๋เล็กจ้องหน้าหงส์เหมือนลูกไก่อยู่ในกำมือ ก่อนมองหลงด้วยสายตาอาฆาต แล้วหัวเสียออกไป
หลงจับสังเกต ตี๋เล็กเหมือนรู้ทางเป็นอย่างดี
หงส์หน้าเครียด ทรุดลงนั่งเก้าอี้ รู้สึกว่าความขัดแย้งระหว่างแก๊งหงส์ดำกับแก๊งกระเรียนถึงขั้นแตกหัก
"นายน้อยครับ"
หงส์กุมขมับ
"นายออกไปก่อน ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก"
หลงค้อมศีรษะ ก่อนออกจากห้องไป หงส์หลับตาลง รู้สึกเหนื่อยอ่อน
หมวย กุ่ย หวัง กำลังซ้อมต่อบทงิ้วกันอยู่ ตี๋เล็กเดินฝ่าเข้ามากลางวง พาลอย่างหมาบ้า
"หลีก ! เกะกะ"
หมวย กุ่ย หวัง มองตามตี๋เล็กอย่างงงๆ
"ลูกชายเถ้าแก่เต็กมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ลื้อเห็นหรือเปล่า" กุ่ยถาม
หมวยส่ายหน้า
"ก็ซ้อมงิ้วอยู่ด้วยกัน เฮียไม่เห็น แล้วหมวยจะเห็นได้ยังไง"
"สงสัยจะหายตัวเข้ามา" หวังบอก
กุ่ยตบหัวหวัง
"ตลก ! ตอนนี้เจ้หงส์เป็นถึงหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ จะปล่อยให้คนอื่นมาเข้านอกออกในเพ่นพ่านแบบนี้ไม่ได้ เกิดเป็นพวกไอ้ซ้งมาแก้แค้นจะว่ายังไง"
"หมวยไม่อยากจะไว้ใจเฮียตี๋เล็กเลย ดูท่าทางเหมือนคนโรคจิตยังไงไม่รู้"
กุ่ยเห็นหลงเดินออกมาพอดี เลยแกล้งพูดลอยๆให้เข้าหู
"คุ้มกันประสาอะไร ปล่อยให้คนนอกเข้ามาถึงในนี้ได้ ชุ่ยจริงๆ กลับไปหาบกระเพาะปลาขายอย่างเดิมดีกว่ามั้ง"
หมวยปรามกุ่ยด้วยสายตา กุ่ยมองหลงด้วยสายตาตำหนิ หลงไม่ต่อปากต่อคำ แต่ไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน
หงส์คุกเข่าหน้าแท่นบูชาสุง
"อาป๊า... ตี๋เล็กคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ ถ้าหงส์ไม่เด็ดขาด ตี๋เล็กก็คงตามรังควานไม่เลิก แต่ถ้าหากแก๊งหงส์ดำต้องแตกกับแก๊งกระเรียนจริงๆ ก็เท่ากับมิตรภาพระหว่างอาป๊ากับอาเจ็กเต็กต้องขาดสะบั้นลง หงส์ควรทำยังไงดี อาป๊า"
หงส์หนักใจ รู้สึกกังวลถึงศัตรูรอบตัวที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
วันใหม่ หลงเข้ามาสำรวจภายในห้องทำงานสุง
"ไม่มีทางอื่นที่ตี๋เล็กจะเข้ามาในนี้ได้ นอกจากปีนหน้าต่างเข้ามา"
"ทำตัวอย่างกับไอ้พวกย่องเบา ตี๋เล็กชักจะหนักข้อขึ้นทุกวัน ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกของอาเจ็กเต็ก ฉันคงลากคอส่งตำรวจไปแล้ว"
"ผมไม่คิดว่าตี๋เล็กจะถือวิสาสะเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก ดูเหมือนคุณตี๋เล็กรู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี"
"ตี๋เล็กจะบุกเข้ามาที่นี่ทำไม"
หลงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์วันงานศพสุง ที่เห็นตี๋เล็กยืนล้วงกระเป๋า ท่าทางไม่สำรวมตรงหน้ากรอบรูปสุง
"อโหสิให้อั๊วด้วยนะ อาแปะ"
ตี๋เล็กยิ้มมุมปากอย่างอหังการ รอยยิ้มแห่งชัยชนะ เหมือนสะใจที่สามารถโค่นเจ้าพ่อใหญ่อย่างสุงลงได้
หลงแอบสังเกตเห็นเข้า ดูออกว่ารอยยิ้มนั้นไม่ธรรมดา
หลงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว เห็นเค้ารางว่า ตี๋เล็กเป็นคนฆ่าสุง
"บางทีคนที่ลอบสังหารเถ้าแก่สุงอาจเป็นคนใกล้ตัวนายน้อยก็ได้"
"นายสงสัยว่าเป็นตี๋เล็กงั้นเหรอ"
หลงพยักหน้าเนิบช้า แต่มั่นใจ
"ถึงตี๋เล็กจะเป็นคนเลือดร้อน แต่ฉันไม่เชื่อว่าจะกล้าทำเรื่องอุกอาจขนาดฆ่าอาป๊าฉันได้ลงคอ"
"นายน้อยอย่าประมาทคนอย่างตี๋เล็กเป็นอันขาด คนๆนี้ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่นายน้อยก็คาดไม่ถึง"
หงส์ยังไม่อยากปักใจว่าเป็นตี๋เล็กเสียทีเดียว แต่ท่าทีของหลงดูจะมั่นใจมาก
ตี๋เล็กยุงยงใส่ไฟเต็มที่ เต็กฉุนกึก
"มันกล้าโอหังขนาดนี้เชียวเหรอ"
"อั๊วได้ยินมาเต็มสองรูหู อาหงส์ประกาศปาวๆว่านับแต่นี้ แก๊งกระเรียนกับแก๊งหงส์ดำขาดกัน ไม่ต้องมาคบค้าสมาคมกันอีก ผีไม่ต้องเผา เงาก็ไม่ต้องเหยียบ"
"พี่ใหญ่ตายไม่ทันไร มันก็ไม่เห็นหัวอั๊วซะแล้ว ถ้าแก๊งหงส์ดำไม่มีแก๊งกระเรียนคอยเป็นบันไดรองตีน จะยืนได้อย่างทุกวันนี้มั้ย"
"อาหงส์คงเจ็บใจที่อาป๊าคัดค้านอีขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง พอโดนไอ้ขี้ข้าหลงมันเป่าหูยุแยงเข้าหน่อยก็เลยตัดขาดความสัมพันธ์กับเรา"
"นังเด็กเมื่อวานซืน ! ขึ้นมาเป็นใหญ่ไม่ทันไรก็ทำผยอง เห็นทีคงญาติดีด้วยไม่ได้"
"เอาเลยอาป๊า ลุยเป็นลุย เปิดศึกกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ถ้าอาป๊าไม่เปิด อั๊วเปิดเองไม่ต้องเกรงหน้าไหนทั้งนั้น ตอนนี้คนของเรามีมากกว่าแก๊งมันตั้งเยอะ"
"ลื้อคิดจะทำอะไรวะ ตี๋เล็ก"
ตี๋เล็กยิ้มร้าย มีแผนชั่วในใจ
ในสวนหย่อม หงส์ใจลอย กำลังคิดเรื่องที่หลงบอกว่า ตี๋เล็กอาจจะเป็นคนฆ่าสุง
"นายน้อยอย่าประมาทคนอย่างตี๋เล็กเป็นอันขาด คนๆนี้ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่นายน้อยก็คาดไม่ถึง"
ความคิดหงส์ก้ำกึ่ง ลังเล ใช่ตี๋เล็กแน่เหรอ ทันใดนั้น ก็มีลูกยางลูกเล็กๆปาใส่หัว หงส์หันไป... ไม่เห็นใคร
" ใครน่ะ ! ฉันถามว่าใคร"
หงส์หันมา เห็นคนๆหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ตกใจเล็กน้อย
ธามยืนยิ้มให้ อย่างเท่
"หงส์ของเฮียกลายเป็นแม่เสือตั้งแต่เมื่อไหร่ หืม"
"เฮียธาม"
หงส์ยิ้ม โผเข้าไปกอดธาม ด้วยความดีใจ หลงยืนแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่ง คอตก เห็นหงส์สนิทชิดเชื้อกับธาม ช่างเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก
ธามนั่งคุยกับหงส์ที่ลานฝึกงิ้ว ซึ่งเป็นมุมเดียวกับที่ธามเคยมาดูหงส์แอบฝึกงิ้วตอนเด็กๆ
"จำได้ว่าตอนเด็กๆ หงส์เคยแอบอาแปะสุงเล่นงิ้วตรงนี้ แต่ถูกจับได้เลยโดนลงโทษ"
"ตอนนั้นพวกเฮียต้องมาช่วยหงส์ตักน้ำใส่ตุ่ม อาป๊าถึงได้ยอมยกโทษให้"
"วันเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน แผลอแป๊บเดียวหงส์ของเฮียก็ขึ้นเป็นเจ้าแม่แก๊งหงส์ดำซะแล้ว"
"ตำแหน่งนี้เหมาะจะเป็นของเฮียฉางมากกว่าหงส์ ถ้าเฮียฉางยังอยู่ หงส์คงไม่ต้องแบกรับภาระหนักอึ้งขนาดนี้"
"เฮียเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ คนบนฟ้าได้กำหนดเอาไว้แล้ว เราเพียงแค่ทำมันให้ดีที่สุดก็พอ อาแปะสุงคงภูมิใจที่หงส์สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ"
"แต่ถ้าภายใน 3 เดือนนี้ หงส์ยังหาตัวคนร้ายที่ฆ่าอาป๊าไม่ได้ หงส์ก็หมดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไป"
"เฮียกำลังช่วยสืบอยู่ พอรู้เลาๆว่าไอ้ซ้งเป็นคนของไอ้เสี่ยเล้ง"
"หมายความว่าเสี่ยเล้งส่งคนมาฆ่าอาป๊าเหรอเฮีย"
"ใช่ แต่มันทำงานพลาด เสี่ยเล้งเลยสั่งให้มันหนีไปกบดานที่อื่น ก่อนที่จะถูกคนของหงส์ไปเอาตัวมา"
"เฮียแน่ใจนะว่าไม่ใช่ฝีมือเสี่ยเล้ง"
"เฮียคอยจับตามันแทบทุกฝีก้าว อาแปะสุงตายไม่ใช่ฝีมือมันแน่นอน"
หงส์คิด...ถ้าไม่ใช่เสี่ยเล้ง ก็เหลือแค่เถ้าแก่เกากับตี๋เล็กเท่านั้น
"หงส์อย่าเพิ่งร้อนใจไป ทรงกลดขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรเมื่อไหร่ ไอ้คนชั่วพวกเนี้ยจะต้องถูกล้างบาง"
"ถ้าคนที่ชนะการเลือกตั้งไม่ใช่เฮียทรงกลด แต่เป็นเสี่ยเล้งล่ะ "
"สมาคมเลือดมังกรก็คงต้องเป็นลุกเป็นไฟ"
หงส์อดใจหายไม่ได้เมื่อคิดว่าทรงกลดจะแพ้เสี่ยเล้ง
ภายในครัว กุ่ยโยนผักบุ้งลงในกระทะไฟลุกท่วม
"ไม่คิดว่าเฮียกุ่ยจะเข้าครัวทำกับข้าวกับเค้าเป็นด้วย" หมวยว่า
"ลื้อเห็นอั๊วเป็นคนไม่เอาถ่านนักหรือไงห๊ะ"
"อย่าว่าแต่ไม่เอาถ่านเลย ทั้งฟืน ทั้งเตา ก็ไม่เอาสักอย่าง"
"ดูถูกกันเกินไปแล้ว " กุ่ยทำหน้ากรุ้มกริ่ม "จะบอกให้ อั๊วน่ะมีดีกว่าที่ลื้อคิด"
"อี๋.... ทะลึ่ง !"
กุ่ยขำเบาๆ
"เอ้า ! รับให้ดีนะ อาหมวย !"
หมวยถือจานตั้งท่า กำลังจะรอรับผักบุ้งลอยฟ้าจากกุ่ย
"รู้แล้วน่า ! โยนสักทีสิ ! ลีลาอยู่นั่นแหละ หมวยพร้อมตั้งนานแล้ว"
"เอาละนะ เจ๊ก... หนอ... ซา ! ฮึ่บ !"
กุ่ยโยนผักบุ้งจากกระทะ หมวยเล็งจะรับ
ทันใดนั้น หวังก็วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาพอดี พร้อมกับโวยวายลั่น
"เกิดเรื่องแล้ว"
ผักบุ้งไฟแดงลอยหวือ ตกลงตรงกลางกบาลหวังพอดี
กุ่ยกับหมวยตกใจ ตาโต อ้าปากค้าง
"อั๊ยยะ ! เต็มๆ" กุ่ยอุทาน
หวังทำหน้าเซ็ง หมดอารมณ์ เอาผักบุ้งบนหัวใส่ปาก
ตรงม้านั่งหินอ่อน หมวยส่งผ้าชุบน้ำให้หวังเช็ดหัว หวังทำหน้าเลิ่กลั่กๆ
"หมดกัน ผักบุ้งไฟแดงฝีมืออั๊ว เพราะลื้อคนเดียว ทะเล่อทะล่าเข้ามาได้ ไม่ดูตาม้าตาเรือ" กุ่ยบอก
"ทำหน้ายังกะเห็นผี มีอะไรก็รีบว่ามาสิ"หมวยว่า
"ตอนนี้ที่ตลาดวุ่นวายใหญ่แล้ว"
กุ่ยกับหมวยตั้งใจฟังเรื่องที่หวังเล่า
หวังเดินแทะสาลี่อยู่ในตลาดเก่า พ่อค้าแม่ขายขายของแน่นขนัด
ทันใดนั้น เสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น หวังรีบวิ่งไปดูทันที
ตี๋เล็กกับสมุนคว่ำแผงพ่อค้าแม่ค้า ข้าวของระเนระนาดกระจายเกลื่อน พ่อค้าแม่ค้าต่างไม่กล้ายุ่งด้วย บ้างวิ่งหนี บ้างก็หลบอยู่ กลัวตี๋เล็กกับพวกจนตัวสั่น
ตี๋เล็กกับพวกซ้อมพ่อค้าคนหนึ่งจนสะบักสะบอม นอนดิ้นอยู่กับพื้น
"มึงจะจ่ายหรือไม่จ่าย ห๊า ไอ้แก่"
พ่อค้าเอื้อมมือหยิบเงินในกระเป๋าเสื้อส่งให้ตี๋เล็กเป็นค่าคุ้มครองด้วยมืออันสั่นเทา สมุนคว้าหมับส่งให้ตี๋เล็ก
ตี๋เล็กตะโกนลั่น
"พวกมึงทุกตัวฟังไว้ให้ดี ! นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามคนที่ฝักใฝ่แก๊งหงส์ดำเข้ามาทำมาหากินในถิ่นของแก๊งกระเรียนเป็นอันขาด แต่ถ้าเตือนกันดีๆไม่เชื่อ ยังกล้าข้ามถิ่นละก็ อั๊วไม่รับรองความปลอดภัย !"
หวังซึ่งแอบดูอยู่ตกใจที่เห็นตี๋เล็กอาละวาด รีบวิ่งกลับไปทันที
หมวยฟังหวังเล่าจบ ก็อารมณ์ขึ้นปรี๊ดทันที
"อันธพาลที่สุด ! หาเรื่องกระทั่งคนไม่มีทางสู้"
"ตี๋เล็กทำแบบนี้เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกับแก๊งหงส์ดำชัดๆ"
"ตั้งแต่สิ้นเถ้าแก่สุง แก๊งกระเรียนก็แข็งข้อขึ้นทุกวัน จนตอนนี้แทบไม่เห็นเจ้หงส์อยู่ในสายตาอยู่แล้ว"
"หนำซ้ำพวกมันยังเที่ยวระรานเขาไปทั่ว ใครไม่อยากมีเรื่องก็ต้องจ่ายค่าคุ้มครองมหาโหดให้พวกมัน"
"เลวจริงๆ ! อั๊วจะไปสั่งสอนมันเอง" กุ่ยบอก
หมวยรั้งกุ่ยไว้
"อย่าอวดเก่งได้มั้ย เฮียกุ่ยคนเดียวจะเอาอะไรไปสู้กับพวกมันทั้งโขยง"
กุ่ยสะบัดมือหมวยออก ฮึดฮัด ไม่สบอารมณ์
"แล้วนี่เจ้หงส์รู้เรื่องแล้วหรือยัง"
หมวยถามหวัง น้ำเสียงเดือดปุดๆ
หลงรายงานเรื่องตี๋เล็กเก็บค่าคุ้มครองที่ตลาดให้หงส์ฟัง
"ตี๋เล็กกับพวกตั้งแก๊งขูดรีดเก็บค่าคุ้มครองรายวัน ถ้าใครไม่อยากเจ็บตัวก็ต้องยอมจ่ายให้มัน ถึงจะค้าขายในถิ่นของแก๊งกระเรียนได้"
"ถ้าอาเจ็กเต็กไม่คอยให้ท้าย ตี๋เล็กก็คงไม่กล้ากร่างขนาดนี้"
"ผมคิดว่าเถ้าแก่เต็กกับตี๋เล็กคงต้องการบีบนายน้อยทางอ้อมให้ลงจากตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ"
"ข่มเหงรังแกคนไม่มีทางสู้ ใช้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นเครื่องต่อรอง เนี่ยน่ะเหรอคนที่เป็นเจ้าพ่อ พฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับกุ๊ยกะเฬวรากข้างถนน"
หงส์ผุดลุกขึ้น เตรียมจะออกไปข้างนอก
"นายน้อยจะไปไหนครับ"
"ฉันจะไปคุยกับอาเจ็กเต็กให้รู้เรื่อง !"
หลงเป็นห่วงหงส์ที่ต้องบุกไปถึงถิ่นของสองพ่อลูกมหาภัย รีบตามหงส์ไปทันที
ชั้นบน บ้านเถ้าแก่เต็ก ตี๋เล็กกำลังนับเงินที่เก็บค่าคุ้มครองมาได้
"เป็นเจ้าพ่อมันดีอย่างงี้นี่เอง แค่ออกแรงนิดๆหน่อยๆก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ"
"จะทำอะไรอย่าให้มันมากเกินไปนักนะ ตี๋เล็ก ! พี่ใหญ่สอนให้อั๊วปกครองคนด้วยหลักเมตตาธรรม"
"เมตตง เมตตามันกินได้ซะที่ไหนล่ะอาป๊า อาแปะสุงโง่เอง เป็นถึงนายกสมาคมเลือดมังกร แต่ดันไม่รู้จักช่องทางหาเงินเข้ากระเป๋า"
"ให้มันน้อยๆหน่อย ตี๋เล็ก ! ถึงยังไงพี่ใหญ่ก็เคยมีบุญคุณกับอั๊ว"
"อาแปะสุงไม่ได้มีบุญคุณกับอั๊วนี่ สำหรับอั๊ว อาแปะสุงก็แค่ตาแก่หัวดื้อคนนึงเท่านั้น อยู่ไปก็รกโลกเปล่าๆ"
เต็กส่ายหัวกับความคิดความอ่านของตี๋เล็ก ไม่รู้จะสั่งสอนยังไง
โส่ยเข้ามาหาเต็ก
"มีอะไรวะ อาโส่ย"
"คุณหงส์มาขอพบเถ้าแก่ครับ"
เต็กกับตี๋เล็กมองหน้ากัน พอรู้แล้วว่าหงส์มาด้วยเรื่องอะไร
หงส์นั่งรอเต็กที่ห้องรับแขก อาโส่ย พ่อบ้านยกน้ำชาและของว่างมารับรอง
"รอสักครู่นะครับ เถ้าแก่เต็กกับคุณตี๋เล็กกำลังลงมา"
หลงกวาดตามองโดยรอบอย่างไม่วางใจ กลัวว่าเต็กกับตี๋เล็กจะเล่นตุกติก เต็กเดินหน้าตาปั้นปึงเข้ามา ผิดกับตี๋เล็กที่สีหน้าระรื่นยิ้มกริ่ม ยียวนโทสะ
หงส์ทักทาย
"อาเจ็ก"
"มาที่นี่ ลื้อมีอะไร"
"วันนี้คนแก๊งหงส์ดำถูกทำร้ายเพราะเข้าไปค้าขายในถิ่นของแก๊งกระเรียน"
"แล้วไง"
"แต่ไหนแต่ไรมา คนในแก๊งสามวิหคจะทำมาค้าขายถิ่นไหนก็ได้ ไม่เคยแบ่งแยก ถือว่าเป็นพี่น้องต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน"
"เรื่องในอดีตผ่านมาแล้ว ลื้อจะพูดฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไม"
"หงส์อยากให้อาเจ็กเห็นแก่มิตรภาพระหว่างแก๊งหงส์ดำกับแก๊งกระเรียนที่คบหากันมานานกว่า 30 ปี"
เต็กนิ่งไปครู่หนึ่ง
"ก็ได้"
หงส์ค่อยคลายใจ ไม่คิดว่าการเจรจาจะง่ายขนาดนี้
"ความสัมพันธ์ทั้งสองแก๊งจะกลับมาแน่นแฟ้นเหมือนเมื่อครั้งพี่ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ลื้อต้องแต่งงานกับตี๋เล็ก"
หงส์กับหลงตกใจเมื่อได้ยินเต็กยื่นเงื่อนไข
ตี๋เล็กยิ้มกริ่ม เข้าทาง
"คิดดูให้ดี ! ถ้าตกลงตามนี้ เฮียกับอาป๊าจะทำตามที่น้องหงส์ต้องการทุกอย่าง" ตี๋เล็กบอก
"แต่ถ้าลื้อยังยืนกรานปฏิเสธไมตรีจากอั๊ว ก็เชิญไสหัวกลับไปซะ"
หงส์แววตากร้าว อย่าหวังเลยว่าจะยอมแต่งงานกับตี๋เล็ก !
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
หงส์เพิ่งกลับมาจากบ้านเถ้าแก่เต็กทรุดตัวลงนั่งด้วยความโมโห
"อาเจ็กเต็กจะบีบให้ฉันแต่งงานกับตี๋เล็กให้ได้"
"หากนายน้อยแต่งงานกับตี๋เล็ก แก๊งหงส์ดำก็ตกอยู่ในมือสองพ่อลูกโดยปริยาย"
"แต่ถ้าฉันยังหาตัวคนร้ายที่ฆ่าอาป๊าไม่ได้ เก้าอี้หัวหน้าแก๊งหงส์ดำก็ต้องตกเป็นของอาเจ็กเต็กอยู่ดี สถานการณ์แบบนี้เราเสียเปรียบทุกประตู"
"นายน้อยปฏิเสธการแต่งงานกับตี๋เล็ก เถ้าแก่เต็กคงทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณหนูพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ นายน้อยต้องรีบหาตัวคนร้ายที่ฆ่าเถ้าแก่สุงโดยเร็วก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป"
"เฮียธามบอกฉันว่าการตายของอาป๊าไม่ใช่ฝีมือของเสี่ยเล้ง"
"หมวดชานนท์ก็แจ้งว่ารอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายไม่ตรงกับกับลายนิ้วมือในแฟ้มทะเบียนประวัติอาชญากรที่เคยก่อคดีมาก่อน"
"แสดงว่ามันไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพ... แต่ใครจะกล้าบุกมาฆ่าเจ้าพ่อใหญ่อย่างอาป๊าถึงในบ้าน"
"ก็คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างตี๋เล็กยังไงล่ะครับ"
หงส์เริ่มเอนเอียงมาทางหลง... หรือว่าตี๋เล็กจะฆ่าอาป๊าจริงๆ
ฝ่ายตี๋เล็กฮึดฮัดที่หงส์ไม่ยอมแต่งงานด้วย
"จนป่านนี้น้องหงส์ก็ยังไม่ยอมตกลงปลงใจกับอั๊วสักที"
"ต่อให้วันนี้อีกล้าปฏิเสธ แต่ภายใน 3 เดือนนี้ ถ้ายังหาตัวคนฆ่าพี่ใหญ่ไม่ได้ ถึงตอนนั้นอีก็วิ่งแร่มาหาลื้อเองนั่นแหละ"
"อาป๊ารู้ได้ไง อีใจแข็งจะตาย"
"อำนาจเปรียบเสมือนขนมหวานชวนให้ลิ้มลอง ใครได้ครอบครองก็ติดใจกันทั้งนั้น อาหงส์อีคงไม่ยอมปล่อยอำนาจที่เคยมีอยู่ในมือให้หลุดลอยไปง่ายๆหรอก"
ตี๋เล็กค่อยยิ้มออก คล้อยตามลมปากเต็ก
"อั๊วจะได้เตรียมหาเรือนหอรอไว้เลย ยังไงอีก็ไม่มีทางหาตัวคนร้ายเจอเด็ดขาด"
เต็กผิดสังเกตในท่าทีมั่นอกมั่นใจของตี๋เล็ก
"ทำไมลื้อถึงมั่นใจนักวะ ตี๋เล็ก"
ตี๋เล็กไม่ตอบ เต็กชักสงสัย ทำไม ตี๋เล็กดูมั่นใจนักหนา
เมฆินทร์สวมชุดคลุมนั่งอยู่เก้าอี้ริมสระน้ำ มีสาวๆคอยนวดให้ เกาเทไวน์ใส่แก้วส่งให้
"สายของกระผมรายงานว่าแก๊งหงส์ดำกับแก๊งกระเรียนบาดหมางกันถึงขั้นแตกหัก งานนี้เถ้าแก่เต็กคงหันมาสนับสนุนเสี่ยเล้งขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรเต็มตัว"
เมฆินทร์หัวเราะ
"ก็ดีนะสิ เถ้าแก่เต็กเป็นคนเก่าคนแก่ กว้างขวางในวงการ รู้จักกับหัวหน้าแก๊งกิเลน อินทรี หมีขาว ม้าป่า และกวางสวรรค์เป็นอย่างดี ได้มันมาเป็นพวกก็เท่ากับได้เสียงจากแก๊งต่างๆในสมาคมเกือบครึ่ง"
"เถ้าแก่เต็กคนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ คงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำแทนลูกสาวเถ้าแก่สุงจนได้"
"เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ถ้าไม่แน่จริงคงไม่มาได้ไกลถึงขนาดนี้"
"เพราะอย่างนั้น เถ้าแก่เต็กถึงได้อยากให้ตี๋เล็กลูกชายมันแต่งงานกับคุณหนูหงส์"
เมฆินทร์ฉุน
"อาหงส์เป็นของฉัน ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น"
"ของแบบนี้ใจเย็นไม่ได้หรอกครับท่าน ตี๋เล็กมันก็มีใจให้คุณหนูหงส์อยู่ไม่น้อย ขืนปล่อยไว้ ท่านอาจจะชวดสิ่งที่หวังก็ได้นะครับ"
เมฆินทร์เริ่มกังวล กลัวว่าหงส์จะตกเป็นของตี๋เล็ก
ผ่านเวลา ณ ศาลเจ้าของซินแสง้วง ตอนกลางคืน มีโคมแขวนมลังเมลือง หลงส่งธูปที่จุดเรียบร้อยแล้วให้หงส์
หงส์ไหว้อธิษฐานต่อองค์เจ้าแม่กวนอิม เสร็จแล้วจึงส่งธูปให้หลงไปปักในกระถาง
"นายน้อยอธิษฐานอะไร"
"ฉันขอให้พรุ่งนี้เฮียทรงกลดได้ขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกร"
"ถ้าคุณทรงกลดชนะการเลือกตั้งก็คงพอคานอำนาจพวกของเสี่ยเล้งได้บ้าง"
"แต่ฉันยังมองไม่เห็นหนทางที่เฮียทรงกลดจะชนะได้เลย อาเจ็กเต็กกับพรรคพวกก็คงหันไปสนับสนุนเสี่ยเล้ง พึ่งพาไม่ได้... หรือฉันควรจะยอมแต่งงานกับตี๋เล็กดี ทุกอย่างจะได้จบ"
"ต่อให้นายน้อยเข้าพิธีแต่งงานกับตี๋เล็กก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ตรงกันข้าม กลับยิ่งเปิดโอกาสให้สองพ่อลูกนั่นเข้ามาใช้อิทธิพลเหนือแก๊งหงส์ดำ ไม่ต่างอะไรกับการยื่นดาบให้โจร"
หงส์ท้อแท้ รู้สึกเหมือนตัวเองถูกเต็กกับตี๋เล็กต้อนจนมุม
"ฉันควรจะทำยังไงดี อาหลง"
"มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้"
หลงมั่นใจว่าซินแสง้วงจะต้องมีทางออกให้หงส์แน่ๆ
ซินแสง้วงถือพัดขนนก กำลังยืนดูดาวอยู่ที่ระเบียง ท่าทีประหนึ่งขงเบ้ง หลงพาหงส์เข้ามาหา
"ซินแส... หงส์มีเรื่องไม่สบายใจอยากจะปรึกษา"
ซินแสง้วงรู้ทัน
"คนส่วนใหญ่มักกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ความกังวลเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ว่าใครก็ตามก็มักจะขยายตัวใหญ่ขึ้น และเมื่อกังวลเรื่องหนึ่งได้ มันก็จะกังวลต่อไปอีก ไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง"
"ซินแสทราบว่าหงส์กำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่"
ซินแสง้วงไม่ตอบ แหงนมองดาวสิงห์ทางทิศเหนือ ส่องแสงไม่สว่างนักเพราะมีเมฆดำทะมึนเคลื่อนบังอยู่
"ดาวสิงห์ค่ำคืนนี้ไม่ค่อยสว่างเท่าไรนัก เพราะมีเมฆดำบดบังอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังทอแสงให้เรายังพอมองเห็น เช่นเดียวกับดาวหงส์ที่อับแสงลงเช่นเดียวกัน"
หงส์มองตามซินแสง้วงเห็นกลุ่มดาวหงส์อ่อนแสงลง จะดับแหล่ไม่ดับแหล่
หงส์วิตก
"เฮียทรงกลดจะแพ้การเลือกตั้งเหรอคะ ซินแส"
"พอมีวิธีไหนแก้ไขได้บ้างหรือเปล่าครับ" หลงถาม
"เรื่องของดวงดาว ใครเล่าจะไปกำหนดได้ ทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วนไม่เที่ยงแท้ มีขึ้น-มีลงได้ตลอดเวลา ยิ่งไปกังวลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น"
"ตั้งแต่หงส์เกิดมา ทำไมถึงมีแต่เรื่องให้เป็นทุกข์ไม่รู้จบสักที"
"ทุกข์มีไว้ให้เห็น ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้เป็น คนส่วนมากมักจะเป็นทุกข์ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ เห็นทุกข์... สุขหรือทุกข์ก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น มีแต่ใจของลื้อนั่นแหละ ที่คอยจะไปยุ่งกับมัน"
"ฟังดูง่ายแต่ทำยาก ถ้าหงส์ปล่อยวางอย่างที่ซินแสแนะนำได้ก็คงจะดี"
"สุข-ทุกข์อยู่ที่ใจ ถ้าปล่อยก็ว่าง ถ้าวางก็เบา แต่ถ้าถือเอาไว้ ทั้งกายและใจก็หนัก"
หงส์มองไปยังดาวหงส์ที่อับแสงบนฟากฟ้า ถึงจะรู้ว่าต้องปล่อยวาง แต่ก็ยากจะทำตามได้
หงส์ในชุดคลุมยาวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้โยก สายตาเหม่อมองออกไปยังดาวหงส์ที่อยู่นอกหน้าต่างบานใหญ่ หลงเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
"นายน้อยยังไม่เข้านอนอีกเหรอครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปสมาคมเลือดมังกรแต่เช้า"
"ฉันนอนไม่หลับ นายช่วยนั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"
หลงนั่งลงกับพื้น ทิ้งระยะห่างระหว่างกันพอควร รู้ดีว่าไม่ควรใกล้ชิดกับหงส์มากไปกว่านี้
"ทำไมไม่มานั่งใกล้ๆ กลัวว่าตัวซวยจากฉันจะกระโดดไปเกาะนายหรือไง"
"คุณเป็นนาย ผมเป็นบ่าว ไม่สมควรตีเสมอ"
"ฉันไม่เคยคิดว่านายเป็นลูกน้องฉัน ที่ผ่านมานายเป็นเพื่อนฉัน อาหลง"
"คนต่ำต้อยอย่างผมได้เป็นเพื่อนกับนายน้อยก็ดีใจมากแล้ว"
หลงยิ้มจางๆ คิดในใจว่า หงส์มีธามเป็นคนรักอยู่แล้ว แค่ได้เฝ้ามองก็สุขใจแล้ว
"นายช่วยเป่าเพลงใบไม้ให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย"
"นายน้อยอยากฟังเหรอครับ"
หงส์ยิ้มเศร้าๆ พยักหน้าแทนคำตอบ หลงเด็ดใบไม้ในกระถางขึ้นมาเป่าเป็นเพลงที่หวานปนเศร้า โรแมนติกมากๆ
หงส์ฟังเพลงใบไม้แล้วค่อยๆเคลิ้มหลับไป หลงขยับเข้าไปห่มผ้าให้ คอยโบกมือไล่ยุงให้ด้วยความทะนุถนอม ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม
หลงมองหงส์ที่หลับไป เผลอยิ้มออกมา มีความสุขที่ได้คอยรับใช้หงส์อยู่อย่างนี้
เช้าวันใหม่ หลงในชุดสูทสมกับเป็นบอดี้การ์ดเจ้าแม่ เช็ดรถประจำตำแหน่งจนเงาวาบ ยืนรอหงส์อยู่
กุ่ยยืนรอส่งหงส์ พร้อมกับหมวยและหวัง มองหน้าหงส์แล้วเบ้ปาก หมั่นไส้ที่หลงกลายเป็นคนสนิท
"เป็นอะไร กินยาไม่ได้เขย่าขวดหรือไง" หมวยถาม
กุ่ยแกล้งพูดกระทบกระเทียบดังๆให้หลงได้ยิน
"หมั่นไส้ พวกคางคกขึ้นวอ"
หลงได้ยิน นิ่ง ไม่ตอบโต้ เจียมเนื้อเจียมตัว
หวังมองหาที่พื้น
"ไหนคางคก อั๊วไม่เห็นสักกะตัว"
กุ่ยชักสีหน้า รำคาญความซื่อบื้อของหวัง
หมวยดีใจ
"เจ้หงส์ลงมาแล้ว"
หงส์ลงมาด้วยชุดเจ้าแม่ ดูสง่าและสวยงาม สมกับไปงานเลือกตั้งนายกสมาคม
หลงและกุ่ยต่างตะลึงในความงามสง่าเยี่ยงนางพญาหงส์
"วันนี้เจ้หงส์สวยจัง สวยยิ่งกว่านางพญาหงส์"
"มีหวังพวกบรรดาหัวหน้าแก๊งหนุ่มๆคงจ้องเจ้ตาเป็นมัน" กุ่ยบอก
"พวกลื้อชมเจ้เกินไปแล้ว เลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกรทั้งที ก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย แก๊งอื่นเค้าจะได้ไม่ดูถูก"
หงส์หันมามองหลง หลงที่มองตะลึงอยู่ พอเห็นหงส์จ้องมา ก็รีบก้มหน้าหลบตา
"ไปกันได้หรือยัง อาหลง"
หลงพยักหน้า รีบเปิดประตูให้หงส์ขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง หลงนั่งประจำตำแหน่งคนขับ เหลือบมองหงส์ผ่านกระจกส่องหลังแวบหนึ่ง
รถของหงส์เคลื่อนออกจากบ้านเถ้าแก่สุง มุ่งไปยังสมาคมเลือดมังกรทันที
ณ สมาคมเลือดมังกร หัวหน้าแก๊งต่างๆ เดินทางมายังสมาคมเลือดมังกรทั้ง 20 แก๊ง
หงส์เดินเข้ามาในสมาคม มีหลงคอยคุ้มกันให้อยู่ด้านหลัง หัวหน้าแก๊งต่างมองหงส์ซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในงานเป็นตาเดียวกัน
ธามเห็นหงส์เข้าก็ยิ้ม ภาคภูมิใจในตัวน้องสาว แกล้งกระเซ้า
"ใช่อาหงส์ของเฮียจริงๆเหรอเนี่ย"
" ถ้าไม่ใช่หงส์ เฮียธามคิดว่าเป็นไก่ฟ้าหรือว่าห่านป่าปลอมมาล่ะ"
ธามแกล้งมองรอบๆตัวหงส์
"ตั้งแต่เล็กจนโต เฮียเคยเห็นแต่หงส์แต่งตัวกะโปโลเป็นเด็กผู้ชาย เพิ่งจะเห็นลูกเป็ดขี้เหร่กลายเป็นนางพญาหงส์ก็คราวนี้"
หงส์หัวเราะ อดขำในคำเปรียบเปรยของธามไม่ได้ ก็จริงอยู่ พี่ๆของเธอเห็นเธอแต่งชุดปอนๆมาตลอด
หงส์กวาดตามองหา
"แล้วเฮียทรงกลด เฮียภรพ เฮียคณินล่ะ มากันแล้วหรือยัง"
"รออยู่ข้างใน เราเข้าไปกันเถอะ"
ธามพาห้องเข้าไปในห้องวีไอพีสำหรับการเลือกตั้งนายกสมาคม หลงได้แต่ยืนรออยู่ที่หน้าห้อง มองตามหงส์กับธามตาละห้อย
ภายในห้องประชุมใหญ่ทรงกลดกล่าวเปิดการเลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกร หัวหน้าแก๊งแต่ละแก๊งเริ่มลงคะแนนเสียง เริ่มจากแก๊งเสือ (ภรพ) เป็นเสียงแรก โยนติ้วแดงเลือกทรงกลด ตามด้วยแก๊งกระทิง (ธาม) แก๊งเหยี่ยวแดง (คณิน) แก๊งหงส์ดำ (หงส์) โยนติ้วแดงเลือกทรงกลดเช่นกัน
แก๊งค้างคาว (เกา) โยนติ้วดำเลือกเสี่ยเล้ง เช่นเดียวกับแก๊งเต่ามังกร (เคี้ยง) แก๊งกิเลน แก๊งอินทรี แก๊งหมีขาว แก๊งม้าป่า แก๊งจิ้งจอกขาว
เสี่ยอ๋า หัวหน้าแก๊งหมูป่าโยนติ้วแดงเลือกทรงกลด สนับสนุนเต็มที่ เพราะเห็นว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรง ทำให้เสี่ยเล้งไม่ค่อยพอใจ หมายหัวเสี่ยอ๋าเอาไว้
เต็ก หัวหน้าแก๊งกระเรียนโยนติ้วเป็นคนสุดท้าย ถ้าโยนติ้วแดง ทรงกลดชนะ แต่ถ้าโยนติ้วดำเล้งเสมอ
หงส์มองหน้าเต็ก วัดใจว่าเต็กจะยังเห็นแก่สุงอยู่หรือไม่
เต็กโยนติ้วดำเลือกเล้งเป็นคนสุดท้าย ปรากฏว่าเสียงของทรงกลดกับเล้งเท่ากัน 9 : 9
เต็กมองหน้าหงส์อย่างท้าทาย ไม่เห็นแก่แก๊งหงส์ดำอีกต่อไปแล้ว
เล้งงดออกเสียง แต่ทรงกลดโยนติ้วแดงเลือกตัวเองเป็นนายก ทำให้ทรงกลดชนะการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมไปอย่างเฉียดฉิว
ทรงกลดประกาศ “นโยบายถิ่นมังกรสีขาว” ท่ามกลางเสียงสนับสนุนของภรพ ธาม คณิน และหงส์
เสี่ยอ๋า เห็นด้วยกับนโยบาย แก๊งอื่นๆไม่พอใจ เกิดการทะเลาะถุ้งเถียงกันอย่างหนัก จนต้องยกเลิกการประชุม
เสี่ยเล้งสรุปว่าอีก 3 เดือนค่อยมีการสรุปผลนโยบายของทรงกลดอีกครั้ง
หงส์เดินคุยกับธาม หลังออกมาจากห้องประชุมใหญ่
"มีวิธีไหนที่พอจะช่วยเฮียทรงกลดได้บ้างมั้ย"
"มี !"
หงส์หยุดเดิน ตั้งใจฟังธามเต็มที่
ธามพูดทีเล่นทีจริง
"ถอนรากถอนโคนพวกที่สนับสนุนไอ้เสี่ยเล้งให้หมด"
"เฮีย ! หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะพูดเล่นอีก"
"ทำไงได้ นโยบายไม่ผ่านเพราะพวกมากลากไป เรามันเสียงส่วนน้อย ยังไงก็แพ้"
"ถึงหัวหน้าแก๊งบางคนจะเห็นด้วยกับนโยบาย แต่ก็ไม่กล้าสนับสนุนเฮียทรงกลด"
"พวกมันกลัวจนหัวหดน่ะสิ ไม่มีใครอยากงัดกับเสี่ยเล้งถ้าไม่จำเป็น เพราะเกรงบารมีของเมฆินทร์"
"น่าละอายจริงๆ ! เป็นเจ้าพ่อซะเปล่า แต่กลับไม่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง กลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อน"
หงส์กับธามเดินมาถึงที่จอดรถของสมาคม หลงยืนรออยู่
"แล้วนี่หงส์จะกลับยังไง ให้เฮียไปส่งมั้ย"
"หงส์กลับกับอาหลงได้ เฮียไม่ต้องห่วง"
ธามมองไปยังอาหลง เห็นหน่วยก้านไม่เลว
"ลื้อเป็นคนคุ้มกันให้อาหงส์เหรอ"
"ครับ"
ธามยิ้ม ต้องการทดสอบฝีมือหลง ไม่พูดพร่ำทำเพลง หวดหมัดใส่หน้าหลงไม่ทันให้ตั้งตัวสัก 2-3 หมัด
หลงเบี่ยงตัวหลบธามได้อย่างฉับไว ไม่เพลี่ยงพล้ำธามแม้แต่น้อย หลงมองธามอย่างสงสัย เช่นเดียวกับหงส์ แต่ธามกลับหัวเราะชอบใจ
"ใช้ได้ ! คนของหงส์ฝีมือไม่เลว เห็นแล้วเฮียค่อยวางใจหน่อย"
"เฮียก็... เล่นอะไรไม่รู้ หงส์ตกใจหมด"
ธามแกล้งถามลองใจหลง หยั่งเชิงดู
"อาหลง มาเป็นคนคุ้มกันให้อั๊วมั้ย อั๊วให้ค่าตอบแทนลื้อ 3 เท่า"
"จะกี่เท่า ผมก็ไปไม่ได้ครับ"
"ทำไม ลื้อไม่อยากเข้าแก๊งกระทิงของอั๊วเหรอ"
"ผมเคยรับปากกับเถ้าแก่สุงไว้ว่าจะปกป้องนายน้อยด้วยชีวิต"
หงส์ได้ยินแล้วหัวใจพองโต อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ธามยิ้มชอบใจ
"อย่าลืมคำพูดของลื้อก็แล้วกัน"
ธามพอดูออกว่าหลงรู้สึกยังไงกับหงส์
หน้าสมาคมเลือดมังกรเล้งกับเกาเดินเข้ามาหาเต็กด้วยท่าทีอันเป็นมิตร
"อั๊วขอบใจที่เถ้าแก่สนับสนุนอั๊วเป็นนายกสมาคม" เล้งว่า
"เรื่องเล็กน้อย อย่าเก็บมาใส่ใจ อั๊วแค่เห็นว่าเสี่ยเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าอาทรงกลด""พูดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย มีอย่างที่ไหน ลงคะแนนให้ตัวเอง แบบนี้ มันโกงกันชัดๆ"เกาบอก
"เรื่องมันแล้วไปแล้วน่า ใครจะได้เป็นนายกสมาคมก็ไม่สำคัญ อั๊วห่วงก็แต่ความรู้สึกของพี่น้องเรามากกว่า นโยบายของทรงกลดจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของพวกเรา" เล้งบอก
"อั๊วรู้... กิจการพวกนี้ เราทำกันมาตั้งแต่อาทรงกลดยังไม่เกิด อยู่ๆจะให้ทุบหม้อข้าวตัวเองได้ยังไง แม้แต่พี่ใหญ่ก็ยังไม่เคยประกาศนโยบายตัดช่องทางทำมาหากินพวกเราแบบนี้" เต็กว่า
"ไม่นึกว่าเถ้าแก่เต็กจะเห็นพ้องต้องกันกับพวกอั๊ว" เกาบอก
"เห็นที ถ้ามีโอกาสอั๊วคงต้องเชิญเถ้าแก่มาร่วมวงจิบน้ำชากันซะหน่อย" เล้งว่า
"ด้วยความยินดี"
ทั้งสามต่างยิ้มกริ่ม มีแนวร่วมเดียวกัน
เวลาต่อมา หงส์เล่าเหตุการณ์ที่สมาคมเลือดมังกรให้ทุกคนฟัง
"ถึงเฮียทรงกลดจะขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรต่อจากอาป๊า แต่บรรดาหัวหน้าแก๊งส่วนใหญ่ก็คัดค้านนโยบายถิ่นมังกรสีขาว"
"ทำไมล่ะ ดีออก จะได้กวาดล้างพวกอบายมุขให้สิ้นซาก" หมวยบอก
"อย่างที่รู้ๆกัน เจ้าพ่อแก๊งต่างๆในสมาคม ส่วนใหญ่ก็หารายได้จากธุรกิจมืดทั้งเบื้องหน้าและลับหลัง คงไม่มีใครยอมเสียผลประโยชน์มหาศาลที่เคยได้รับ" หลงว่า
"ไอ้เสี่ยเล้งนั่นแหละตัวดี ทั้งเปิดบ่อน ค้ายา ไหนจะเปิดโรงฝิ่นลับๆอีก คนหน้าเนื้อ
ใจเสืออย่างมันอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน" กุ่ยหันไปแขวะหลง "ไง นายเก่าลื้อไม่ใช่เหรอ" กุ่ยบอก
"ตอนนี้เฮียทรงกลดเป็นนายกสมาคมก็จริง แต่ก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น ถ้ายังหาเสียงมาสนับสนุนนโยบายภายใน 3 เดือนไม่ได้ พวกของเสี่ยเล้งคงกดดันให้เฮียทรงกลดต้องลาออก"
"ถ้าเสี่ยเล้งอยากนั่งเก้าอี้นายกเลือดมังกรมากนักก็ยกๆให้มันไปเถอะ" หวังบอก
กุ่ยตบกะโหลกหวังที่พูดไม่คิด
"ขืนปล่อยให้คนชั่วอย่างมันขึ้นเป็นใหญ่ก็บรรลัยน่ะสิ"
"คิดตื้นๆแบบนี้ไปอยู่แก๊งมังกรดำเลยไป ชิ้ว !" หมวยบอก
"อาป๊าเคยสอนว่า อำนาจที่ปราศจากเหตุผลคืออำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตาคืออำนาจที่นำมาซึ่งความพินาศ เจ้เชื่อว่าเฮียทรงกลดไม่ยอมแพ้เสี่ยเล้งง่ายๆแน่"
หงส์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
เต็กพูดด้วยน้ำเสียงหยามหยัน
"ยังไงมันก็แพ้ ! เสียงที่สนับสนุนไอ้ทรงกลดมีแค่หยิบมือ ใครมันจะไปเอาด้วย นโยบายชุ่ยๆแบบนี้"
"แต่มันก็ยังมีวาสนาได้นั่งเก้าอี้นายกสมาคมเลือดมังกร"
"ก็แค่เสือกระดาษเท่านั้นแหละว๊า น้ำหน้าอย่างมันจะทำอะไรได้ น้ำน้อยย่อมแพ้
ไฟวันยันค่ำ ไม่มีอำนาจในมือ อีกหน่อยมันก็กระเด็นออกไปเอง"
"ตอนนี้ไอ้ทรงกลดมันก็เป็นจระเข้ขวางคลอง เราจะทำอะไรแก๊งหงส์ดำก็ไม่สะดวก น่าจะส่งคนไปกำจัดไอ้ทรงกลดซะก็สิ้นเรื่อง"
"ลื้อคิดว่าฆ่าคนมันง่ายเหมือนเชือดเป็ดเชือดไก่หรือไงวะ"
"ก็ไม่เห็นจะยากตรงไหน ใหญ่กว่านี้ อั๊วยังส่งไปลงนรกมาแล้ว"
เต็กสะดุด
"ลื้อหมายถึงใครวะ อาตี๋เล็ก"
ตี๋เล็กยิ้มอหังการ สะใจในวีรกรรมของตัวเองที่โค่นสุงได้ เต็กรู้สึกทะแม่งๆกับคำพูดของตี๋เล็ก ชักสงสัยตี๋เล็กมากขึ้นทุกที
คฤหาสน์ตอนกลางคืน เมฆินทร์ฟังแล้วก็ไม่สบอารมณ์ โวยวายลั่นดังขึ้นมาก่อน
"บัดซบ"
เมฆินทร์เมื่อรู้เรื่องทรงกลดขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรก็โกรธหัวหัวเหวี่ยง
"อาสุงตาย คิดว่าจะหมดเสี้ยนหนาม พวกแกกลับปล่อยให้ไอ้ทรงกลดมันขึ้นมานั่งชูคอเป็นนายกสมาคมได้อีก ! ไอ้พวกหน้าโง่ "
"กระผมยอมรับว่าประมาทมันไปหน่อย ไม่คิดว่ามันจะกล้าเล่นตลกกับเรา" เล้งบอก
"แต่เสี่ยเล้งก็ยังกุมเสียงข้างมากในสมาคมอยู่ดี มันคงขยับทำอะไรไม่ได้มาก" เกาว่า
เมฆินทร์กลอกตา ครุ่นคิด
"ไอ้ทรงกลดมันคงไม่นั่งงอมืองอตีนอยู่เฉยๆปล่อยให้พวกแกเล่นงานมันฝ่ายเดียวแน่ มีใครสนับสนุนนโยบายของมันบ้าง"
"มีแต่พวกของมัน แล้วก็ไอ้เสี่ยอ๋า หัวหน้าแก๊งหมูป่าครับท่าน"
"จัดการเชือดไก่ให้ลิงดูซะ ข่มขวัญพวกมัน อย่าให้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง" เมฆินทร์สั่ง
"ครับท่าน พรุ่งนี้แก๊งหมูป่าจะไม่มีหัวหน้าอีกต่อไป"
เมฆินทร์แนะนำเล้งให้สั่งเก็บเสี่ยอ๋า แววตาอำมหิต
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
บริเวณม้านั่งในสวน วันใหม่ หงส์เห็นข่าวเสี่ยอ๋าถูกยิงตายจากหน้าหนังสือพิมพ์
“เด็ดชีพเจ้าพ่อแก๊งหมูป่า ตำรวจยังมืดแปดด้าน”
หงส์อ่านแล้วถึงกับโยนหนังสือพิมพ์ทิ้ง เครียด ปวดหัวหนึบ
"เสี่ยอ๋าถูกพวกมันเล่นงานจนได้"
"ตอนนี้คงไม่มีใครกล้างัดข้อกับเสี่ยเล้งอีก"
"บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแปเข้าไปทุกที พวกมันถึงกล้าท้าทายกฎหมายได้ถึงขนาดนี้ ความหวังที่ฉันจะล่าตัวไอ้คนชั่วที่ทำกับอาป๊า มันช่างริบหรี่เต็มทน"
"หลักฐานอย่างเดียวที่มันทิ้งเอาไว้คือรอยนิ้วมือ"
"ตำรวจยังไม่รู้เลยว่าเป็นลายนิ้วมือของใคร นายจะรู้ได้ยังไง"
"ผมสงสัยตี๋เล็ก"
" อาหลง ในเวลาอย่างนี้ สถานการณ์อย่างนี้ มันไม่เป็นการสมควรเลยแม้แต่นิดเดียวที่นายจะใช้ความรู้สึกของตัวเองเข้ามาปะปน"
"ผมเชื่อในสัญชาตญาณของผม นายน้อยก็ควรเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง คนที่อยู่ในวงการนี้ล้วนมีสัญชาตญาณของนักเลง"
"ฉันรู้ว่าตี๋เล็กเป็นคนยังไง แต่ฉันไม่อยากให้แก๊งหงส์ดำกับแก๊งกระเรียนต้องแตกแยกร้าวฉานกันมากไปกว่านี้อีกแล้ว... ฟังให้ดี ! ตราบใดที่นายยังไม่มีหลักฐาน อย่าพูดพล่อยๆแบบนี้ให้ฉันได้ยินอีก"
หงส์พูดจบก็ลุกพรวดออกไปทันที เครียดอย่างถึงที่สุด หลงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดหาทางจะหาหลักฐานมัดตัวตี๋เล็กให้จงได้
หงส์มองไปยังกรอบรูปที่แขวนไว้ที่ข้างฝา เป็นรูปสุง ไช้ และเต็ก ถ่ายรูปร่วมกันในวัยหนุ่ม
หงส์เห็นมิตรภาพของแก๊งสามวิหคในอดีตที่แตกต่างกับในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
"จากแก๊งที่เคยรักใคร่กลมเกลียวต้องกลายเป็นศัตรูกัน... ถ้าอาป๊ายังอยู่ ทุกอย่างก็คงจะไม่เป็นแบบนี้…"
หงส์คิดแล้วอดใจหายไม่ได้
เต็กตะโกนเรียกตี๋เล็กเสียงดังล้งเล้งจากข้างล่าง
"ตี๋เล็ก ! อาตี๋เล็กโว้ย"
เต็กชักยั๊วะเรียกเท่าไหร่ ตี๋เล็กก็ไม่ขานรับสักที
"หรือว่ามันจะยังไม่ตื่น"
ตี๋เล็กส่ายหน้า ระอาใจ ขึ้นไปดูตี๋เล็กบนห้อง
เต็กเปิดประตูห้องตี๋เล็กเข้ามา
"ไอ้ตี๋เล็ก !"
เต็กไม่เห็นตี๋เล็กอยู่ในห้อง นอกจากเสื้อผ้าที่ถอดกองสุมๆอยู่ที่พื้นเกลื่อนกลาด
"มันอยู่เข้าไปได้ยังไงวะ ห้องรกยังกับรังหนู"
อาโส่ยได้ยินเสียงเต็กเรียกตี๋เล็ก จึงรีบตามขึ้นมา
"อาโส่ย อาตี๋เล็กไปไหนวะ"
"เมื่อคืนคุณตี๋เล็กไม่ได้กลับมานอนบ้านครับ"
"ฮึ่ย.... สงสัยไปนอนกกอีนังนักร้องหยำฉ่านั่นแน่ๆ"
เต็กหันมาสั่งอาโส่ย พ่อบ้าน
"ลื้อเก็บกวาดห้องอาตี๋เล็กให้รีบร้อยนะ เก็บเสื้อผ้าเอาไปซักด้วย หมกเอาไว้กี่วันแล้ววะเนี่ย เหม็นหึ่งไปหมด"
"ครับ เถ้าแก่"
โส่ยก้มลงเก็บเสื้อผ้าตี๋เล็กที่ทิ้งเกลื่อนกลาดที่พื้นใส่ตะกร้าผ้าแล้วเดินออกไป
เต็กเห็นสภาพห้องของตี๋เล็ก ได้แต่ส่ายหน้าบ่นพึมพำ
"ดูมัน ! ขี้เกียจสันหลังยาวจริงๆ"
เต็กเหลือบเห็นเสื้อตี๋เล็กตัวหนึ่งซุกเอาไว้ใต้เตียง เหมือนต้องการจะซ่อนเอาไว้ ก็ก้มลงหยิบเสื้อตัวนั้นออกมา เห็นเสื้อเปื้อนคราบเลือด ชักใจคอไม่ค่อยดี
เต็กจำได้ว่าเป็นเสื้อตัวเดียวกันกับที่ตี๋เล็กใส่วันที่เต็กได้รับข่าวว่าสุงตาย
เต็กก้มลงมองเสื้อเปื้อนเลือดในมืออีกครั้ง.... ได้แต่ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย !
เล็กเพิ่งกลับจากบ่อนมาถึงบ้านตอนดึก เสียไพ่หมดตัว บ่นเป็นหมีกินผึ้ง
"วันนี้มันวันซวยอะไรวะ มือไม่ขึ้นเลย กี่ตาๆเจ้ามือกินเรียบ หรือมันทำไพ่วะ"
สมุน 1บอก "เฮียอย่าคิดมากสิครับ การพนันขันต่อมันก็ต้องมีได้มีเสียเป็นธรรมดา"
สมุน 2รีบสอพลอ "คิดซะว่าเงินไปเที่ยว เดี๋ยวเดียวก็กลับ ไปแล้วไม่ไปลับหรอกครับเฮีย"
"แต่มันคาใจเว้ย ! พรุ่งนี้อั๊วต้องกลับไปล้างตาให้ได้"
ตี๋เล็กเห็นเต็กรออยู่ สีหน้าเคร่งเครียด
"เอ้า ! อาป๊า ! มานั่งถ่างตาทำไมเนี่ย ไม่ง่วงหรือไง"
"ลื้อ 2 คนกลับไปก่อน"
สมุนตี๋เล็ก 2 คนโค้งรับคำสั่งเต็กก่อนออกไป
"ส่วนลื้อ อาตี๋เล็ก ตามอั๊วขึ้นไปเหล่าเต๊ง เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
เต็กจ้องตี๋เล็กตาเขียว ก่อนเดินนำขึ้นไปชั้นบน
ชั้นบนที่มุมหนึ่งเต็กเอาเสื้อเปื้อนเลือดโยนลงตรงหน้าตี๋เล็ก
"รอยเลือดนี่ ลื้อไปตีรันฟันแทงกับใครมา อาตี๋เล็ก"
ตี๋เล็กตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
"ไอ้พวกปากเสีย แก่แล้วไม่อยู่ส่วนแก่ อั๊วก็เลยสั่งสอนมันนิดหน่อย"
"ใคร"
ตี๋เล็กเอานิ้วแคะหูยียวน แกล้งทำหูทวนลม เต็กยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่ คาดคั้น
"ไอ้ตี๋เล็ก ! อั๊วถามว่าใคร"
"ก็แค่ไอ้แก่ข้างถนน อาป๊าจะสนใจทำไม"
"ลื้อใส่เสื้อตัวนี้ วันที่พี่ใหญ่ถูกฆ่าตาย อาตี๋เล็กบอกอั๊วมา ไม่ใช่ลื้อใช่มั้ย"
"ใช่ ! อั๊วเป็นคนฆ่าอาแปะสุงเอง อาป๊าจะทำไม จะลากคออั๊วเข้าคุกหรือไง"
เต็กเข่าอ่อน
"ไอ้ตี๋เล็ก ! ลื้อทำอะไรลงไป รู้ตัวหรือเปล่า นั่นอาแปะลื้อนะ"
"อาแปะสุงไม่ชอบหน้าอั๊ว มิหนำซ้ำยังคอยกีดกันอั๊วกับอาหงส์อีก ไอ้แก่จ้าเล่ห์เอ๊ย...แทนที่มันจะยกแก๊งหงส์ดำให้อาป๊า กลับตระบัดสัตย์ ยกให้ลูกสาวตัวเองที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ยังงี้มันสมควรตายมั้ย"
เต็กน้ำตาคลอ
"ทำไมลื้อถึงได้ทำอะไรโง่ๆอย่างงี้ คนอื่นฆ่าพี่ใหญ่ อั๊วยังไม่เสียใจเท่ากับลูกชายอั๊วเป็นคนฆ่าซะเอง"
"ที่จริงอาป๊าควรจะภาคภูมิใจในตัวอั๊วด้วยซ้ำที่สามารถโค่นเจ้าพ่อใหญ่ นายกสมาคมเลือดมังกรอย่างอาแปะสุงได้ อาป๊าเป็นคนสอนอั๊วเองไม่ใช่เหรอว่าปเป็นเจ้าพ่อต้องเด็ดขาด จะใจเสาะเป็นปลาซิวไม่ได้"
เต็กอึ้งพูดอะไรไม่ออก รู้ซึ้งถึงสำนวนพ่อแม่รังแกฉันว่าเป็นอย่างไร
"ไม่มีอาแปะสุงสักคน อาป๊าก็คงได้เป็นใหญ่ในแก๊งหงส์ดำไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ ไอ้พินัยกรรมบ้าๆนั่น ของจริงหรือของเก๊ก็ไม่รู้"
ตี๋เล็กพูดจบก็เข้าห้องไปอย่างไม่สะทกสะท้าน จนเต็กถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก
เต็กปักธูปดอกเดียวในกระถาง หน้ากรอบรูปสุง ตาแดงช้ำ พร่ำพรรณนากับรูปสุง
"อโหสิให้อาตี๋เล็กด้วยเถอะนะ พี่ใหญ่.... อีไม่น่าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้เลย ไม่น่าเลยจริงๆ... ถ้าจะโทษ ก็โทษอั๊วเถอะ อั๊วมันไม่ดีเอง ที่เลี้ยงลูกตามใจจนเสียคน อั๊วผิดไปแล้ว พี่ใหญ่ อภัยให้อั๊วด้วย"
เต็กก้มลงกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า คารวะสุงด้วยความรู้สึกผิด
หลังโรงงิ้ว หลงเอาลูกกระสุนใส่รังเพลิงปืนคู่ใจ กะจะไปยิงตี๋เล็กแก้แค้นให้สุง หงส์ยืนข้างหลัง ใบหน้าเฉียบขาด
"นายจะทำอะไรของนาย อาหลง"
"ผมจะทำในสิ่งที่ผมควรทำ"
"อย่าบอกนะว่านายจะไปยิงตี๋เล็กแก้แค้นให้อาป๊า"
"ผมอดทนรอให้ฟ้าดินลงโทษคนชั่วไม่ได้ ผมจะไปจัดการมันเอง"
"ต่อให้นายฆ่าตี๋เล็กตาย ทุกอย่างก็ไม่จบ มีแต่จะเลวร้ายยิ่งขึ้น"
"นายน้อยก็เลยปล่อยให้ตี๋เล็กทำตามอำเภอใจ ขนาดมันกล้าบุกเข้ามาข่มเหงนาย
น้อยก็ยังปล่อยมันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
"แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ! ฟ้องอาเจ็กเต็ก...แจ้งความ... หรือเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมว่าตี๋เล็กบุกเข้ามาปล้ำฉันถึงในบ้าน ! คนอื่นจะได้หัวเราะเยาะฉันน่ะสิ เรื่องนี้ฉันมีแต่เสียกับเสีย ทำอะไรตี๋เล็กมันไม่ได้สักอย่าง"
"นายน้อยไม่จำเป็นต้องทำ แค่สั่งมาคำเดียว ผมและทุกคนในแก๊งหงส์ดำต่างก็พร้อมจะทำตาม แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม"
"อาป๊าสอนว่าอำนาจที่ขาดเมตตาธรรมก็เหมือนเสือที่หลุดจากกรง ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่มือเปื้อนเลือดเป็นต้นเหตุทำให้คนอื่นๆต้องมาตายเพราะฉัน"
หลงเริ่มอ่อนลง รู้สึกได้ถึงกระแสแห่งความเมตตาที่แผ่ซ่านเข้ามาดับไฟแห่งความแค้นในใจตน
"หน้าที่ของนายแค่หาหลักฐานคนร้ายที่ฆ่าอาป๊าเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์พิพากษาชีวิตใคร... ถ้านายทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง ฉันจะถือว่านายไม่ใช่คนของฉันอีกต่อไป"
หงส์สั่งหลงน้ำเสียงเด็ดขาด
ในโกดังร้างยามค่ำคืน หลงนั่งมองปืนในมือตัวเอง สับสนในใจ
นึกถึงหน้าตี๋เล็กที่ยิ้มอย่างอหังการท้าทาย ผุดขึ้นมาในหัว
"ก็เอาสิ !...กล้าฆ่าอั๊วหรือเปล่าล่ะ"
หลงขยับลุกขึ้น ตัดสินใจจะไปแก้แค้นตี๋เล็ก
ทันใดนั้นเสียงหงส์ก็ดังแทรกเข้ามา
"ถ้านายทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง ฉันจะถือว่านายไม่ใช่คนของฉันอีกต่อไป"
หลงชะงัก ต้องยอมทำตามคำสั่งหงส์ กลัวจะไม่ได้ใกล้ชิดหงส์อย่างนี้อีก
บริเวณลานฝึกงิ้ว วันใหม่ แปะจางนั่งดูหมวย กุ่ย ซ้อมร้องงิ้วกันอยู่ เป็นบทเข้าพระเข้านางระหว่างหยางจงเป่ากับมู่กุ้ยอิง
หมวยร้องเพลงงิ้ว ถ่ายทอดอารมณ์ความรักที่มีต่อกุ่ย ได้อย่างมีอินเนอร์ แปะจางที่นั่งดูอยู่ยิ้มด้วยความพอใจ อาหวังเคลิ้ม ทำหน้าซาบซึ้งมาก
กุ่ยมองตาหมวยแล้วถึงกับค้างตกอยู่ในภวังค์ รับรู้ได้ถึงพลังของหมวยที่ถ่ายทอดมา
กุ่ยนิ่งงัน ค้าง พอถึงบทตัวเองแล้วถึงกับไปไม่เป็น ร้องต่อไม่ถูก
"อากุ่ย ! ร้องสิ ! ลืมเนื้อหรือไง"แปะจางบอก
กุ่ยรู้สึกตัว
"อั๊วต้องร้องว่าอะไรนะ อาแปะ"
แปะจางต่อเนื้อให้
"ฮ๊าย... ลื้อมัวใจลอยไปไหนวะ อากุ่ย"
"เสียอารมณ์หมด อั๊วฟังอาหมวยเพลินๆ กำลังถึงบทเข้าพระเข้านางอยู่แล้วเชียว" หวังว่า
"อั๊วขอไปพักก่อนนะ อาแปะ"
กุ่ยพูดจบก็รีบปลีกตัวออกไป รู้สึกว่าจิตใจแกว่งๆ ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว หมวยมองตามกุ่ยด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ว่ากุ่ยเป็นอะไร
กุ่ยปลีกตัวมานั่งอยู่เงียบๆคนเดียวหลังโรงงิ้ว สับสนในความรู้สึกของตนเองกับหมวย
หมวยเดินเข้ามานั่งข้างๆ เห็นกุ่ยไม่สบายใจ ตัวเองก็ยิ่งเป็นทุกข์
"เฮียยังคิดถึงเจ้หงส์อยู่อีกเหรอ"
กุ่ยส่ายหน้า
"เรื่องนั้นอั๊วตัดใจได้แล้ว เจ้หงส์กับอั๊วเหมาะจะเป็นพี่เป็นน้องกันมากกว่า ไม่เหมาะจะใช้ชีวิตคู่กันอย่างคนรักหรอก"
"แล้วเฮียกุ่ยไม่สบายใจเรื่องอะไร เล่าให้หมวยฟังได้นะ"
กุ่ยมองหน้าหมวย เริ่มรู้สึกหวั่นไหว ก่อนรีบสลัดความรู้สึกนั้นออกไปจากหัว
"อั๊วก็ไม่รู้เหมือนกัน"
กุ่ยขยับจะลุกหนี หมวยลุกตามไปคุยให้รู้เรื่อง
"เดี๋ยวสิเฮีย ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย"
"อั๊วไม่มีอะไรจะคุย... ไม่ต้องตามอั๊วมานะ อั๊วอยากอยู่คนเดียว"
"หมวยเป็นห่วงเฮียนะ"
กุ่ยชะงักนิดหนึ่ง หยุด แต่ไม่ยอมหันมา
"ลื้อจะมาห่วงอั๊วทำไม"
หมวยระบายความรู้สึกที่อัดอั้นภายในใจออกมา
"จนป่านนี้แล้ว คนใกล้ชิดเราเค้ารู้กันหมดแล้วว่าหมวยรู้สึกยังไงกับเฮีย แต่เฮียกลับไม่เคยรู้... ไม่เคยเลย... เฮียยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า"
กุ่ยตัดใจเดินหนีไป
หมวยตะโกนไล่หลัง
"คนไร้หัวใจ"
หมวยน้ำตาคลอ ได้แต่มองตาละห้อย รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าในสายตากุ่ยเลยสักนิด
หงส์เห็นความสัมพันธ์ระหว่างหมวยกับกุ่ย อยากให้ทั้งสองสมหวัง
บริเวณศาลาในสวน กุ่ยคิดถึงคำพูดที่หมวยระบายออกมา
"จนป่านนี้แล้ว คนใกล้ชิดเราเค้ารู้กันหมดแล้วว่าหมวยรู้สึกยังไงกับเฮีย แต่เฮียกลับไม่เคยรู้... ไม่เคยเลย... เฮียยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า"
กุ่ยขยี้หัวตัวเอง สับสน ว้าวุ่น ไม่รู้หัวใจตัวเอง
หงส์เดินเข้ามานั่งข้างๆกุ่ย ยิ้มให้อย่างพี่น้อง รู้ดีว่ากุ่ยกำลังรู้สึกอย่างไร
"เจ้หงส์"
"ลื้อกำลังสับสน เรื่องอาหมวย"
"เจ้รู้ได้ยังไง"
หง"เพราะว่าลื้อเป็นน้องชายเจ้ เราโตมาด้วยกัน ลื้อคิดอะไรอยู่ ทำไมเจ้จะไม่รู้"
"อั๊วไม่รู้ว่าความรู้สึกที่อั๊วมีต่ออาหมวยเป็นแบบ...คนที่เค้ารักกัน หรือแค่ผูกพันตามประสาพี่น้องเท่านั้น"
"ความรักกับความผูกพันบางทีมันก็ใกล้กันจนแยกไม่ออก... ความรักมักมาแบบไม่ทันตั้งตัว พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นความผูกพันจนขาดกันไม่ได้ซะแล้ว"
"อั๊วกลัว... กลัวว่าจะทำให้อาหมวยต้องเสียใจเพราะอั๊ว"
"ถ้าคิดจะรัก ลื้อก็ต้องลืมคำว่าเสียใจ ไม่ต้องสนว่าหนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากแค่ไหน ปล่อยให้ความรักนำทางไปก็พอ"
"แต่อั๊วยังไม่พร้อม"
"ชีวิตคนเรามันสั้น อย่ากลัวที่จะรักใครสักคนเมื่อยังมีลมหายใจอยู่"
หงส์ยิ้มเป็นกำลังใจให้กุ่ย
พระจันทร์ดวงกลมโตบนท้องฟ้า หมวยร้องเพลงงิ้วกับดวงจันทร์
พร่ำพรรณนาถึงชายคนรัก น้ำตาร่วงเผาะๆ อินจัด หงส์เดินเข้ามาหาหมวย พูดถึงเพลงที่หมวยร้อง หมวยรีบปาดน้ำตาทันที
"ถ้าเจ้เป็นผู้ชายคนนั้น ได้ยินเพลงนี้เข้าก็คงจะทนใจแข็งต่อไปไม่ได้"
ห"แต่น่าเสียดาย... ร้องเท่าไหร่ เค้าก็ไม่เคยคิดที่จะฟัง"
"ถึงวันนี้เขายังไม่ฟัง แต่เจ้เชื่อว่าสักวันเขาต้องได้ยิน"
"คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ต่อให้ทำความดีสักล้านครั้งเขาก็มองไม่เห็นค่าของมันหรอก"
"หน้าที่ของความรักคือการให้ไป..ไม่ใช่ดิ้นรนเพื่อให้ได้มา แค่มีความสุขที่ได้รักเท่านี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ"
"แต่หมวยเหนื่อยแล้วเจ้ เหนื่อยที่ต้องวิ่งตาม... เหนื่อยที่ต้องเอาใจ… เหนื่อยที่ต้องรอ...เหนื่อยที่ต้องรัก... หมวยอยากจะลืมเขาสักที"
"เราอาจจะต้องใช้เวลาลืมใครเท่าๆกับเวลาที่เรารู้จักเขา แต่ถ้าคนนั้นพิเศษเกินใคร อาจต้องใช้เวลาหลายเท่า หรือแม้กระทั่งตราบชั่วชีวิต"
หมวยอึ้ง ถูกของหงส์ จะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าตัวเองจะลืมกุ่ยได้
"การคิดจะรักใครสักคน หัวใจเราอาจไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก แต่การตัดใจให้ลืมต่างหากที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ระหว่างความสุขยามที่หมวยได้สบตาเขา กับความทุกข์ยามที่ต้องคอยหลบตากัน หมวยจะเลือกอย่างไหน ก็ลองชั่งใจดู"
หมวยลังเล ยังเลือกไม่ถูกว่าจะยังคงรักต่อไปหรือควรจะตัดใจดี
หมวยกำลังจะเดินกลับห้อง เจอกุ่ยเดินสวนมาพอดี
หมวยพยายามหลบตากุ่ย จะหลีกทางให้ แต่ใจตรงกับกุ่ย ขยับไปทางไหนก็ตรงกับกุ่ยทุกครั้ง
"จะไปก็ไปสิ ! ขวางอยู่ได้"
"ใครกันแน่ ลื้อนั่นแหละ ต้อนหน้าต้อนหลังอั๊ว จะไปก็ไม่ไป"
"ใช่ซี๊.... หมวยทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่เคยถูกใจเฮียสักอย่าง"
กุ่ยแกล้งยวน
"รู้ตัวก็ดีแล้วนี่"
หมวยโมโห ผลักอกกุ่ยที่ยืนลอยหน้าลอยตาน่าหมั่นไส้จนล้มลง จะรีบไปๆให้พ้นหน้า
กุ่ยร้องลั่น "โอ๊ย !"
หมวยได้ยินเสียงกุ่ยร้องลั่น ก็รีบเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
"เฮียกุ่ย ! เป็นอะไร"
กุ่ยแกล้งเจ็บที่แขน ร้องครวญคราง ดิ้นพราดๆโอเว่อร์มาก
"แขนอั๊ว ! สงสัยแขนอั๊วจะหัก โอ๊ย"
หมวยตกใจสุดขีดดูที่แขนกุ่ย ลนลานไปหมด เสียใจที่กุ่ยต้องเจ็บเพราะตัวเอง
"แขนหัก ! ทำไงดีล่ะ เฮีย ! หมวยขอโทษ หมวยไม่ได้ตั้งใจ"
กุ่ยเห็นหมวยหน้าซีดเป็นไก่ต้มก็อดขำไม่ได้ ปล่อยก๊ากออกมา
"แขนเฮียไม่ได้หักนี่"
"ไม่ทำแบบนี้ จะรู้เหรอว่าลื้อเป็นห่วงอั๊วมากแค่ไหน"
"คนบ้า ! เล่นบ้าอะไรก็ไม่รู้"
กุ่ยกับหมวยจ้องตากัน ค้างนิ่ง อยู่ในภวังค์แห่งรัก
"เวลาลื้องอนนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ อาหมวย"
หมวยหน้าแดง
"ท่าจะติงต๊อง อยู่ดีๆก็ชมว่าน่ารัก... เขินนะ"
"ปากนิดจมูกหน่อย ดูๆไปลื้อก็หน้าเหมือนตุ๊กตาเสียกบาลเหมือนกันนะ" กุ่ยหัวเราะ
หมวยมาว่าหน้าหมวยเหมือนตุ๊กตาเสียกบาล มันน่าฟาดให้แขนหักจริงๆเลยนี่
กุ่ยวิ่งหนี หมวยเอาทวนวิ่งไล่ตีกุ่ยเหมือนเด็กๆ... ความรักระหว่างกุ่ยกับหมวยเริ่มผลิบานแล้ว...
หงส์ยืนมองกุ่ยกับหมวยอยู่ที่ระเบียงชั้นบน ยิ้มเศร้าๆ ย้อนคิดถึงตัวเองถ้าไม่ต้องเป็นเจ้าแม่ มีชีวิตเรียบง่ายอย่างหมวย และได้ใกล้ชิดกับคนรักก็คงจะดี
หงส์รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่บนหอคอยงาช้าง เลิศหรู แต่เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง
วันใหม่ บ้านเถ้าแก่สุง หงส์คุยโทรศัพท์กับธามนัดหมายเรื่องการประชุมเพื่อหาเสียงสนับสนุนนโยบายถิ่นมังกรสีขาว
"ตกลงตามนั้นเฮีย ! แล้วพบกัน"
หงส์วางหูโทรศัพท์ เพิ่งจะคุยกับธามเสร็จ หลงเดินเข้ามาพอดี
"อาหลง ! เตรียมรถให้ฉันด้วย"
"นายน้อยจะไปไหนครับ"
"เฮียธามโทรศัพท์มาตามให้ฉันไปประชุมด่วนที่ฉั่วเทียนเหลา"
"ได้เบาะแสมัดตัวคนร้ายที่สังหารเถ้าแก่สุงแล้วเหรอครับ"
"เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้น... เฮียทรงกลดต้องการหารือเรื่องเสียงสนับสนุนนโยบายถิ่นมังกรสีขาวจากบรรดาหัวหน้าแก๊งต่างๆในสมาคมเลือดมังกร"
"นายน้อยไม่ไปไม่ได้เหรอครับ"
"ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า"
"พวกมันอยู่ที่ลับ นายน้อยอยู่ที่แจ้ง... ถ้ามีศัตรูคิดปองร้ายนายน้อยและพี่ชาย มันน่าจะฉวยโอกาสนี้ชิงลงมือ"
"ฉันไม่กลัวหรอก... นายรับปากกับอาป๊าฉันไว้ไม่ใช่เหรอว่าจะปกป้องฉันด้วยชีวิต"
หงส์ยิ้มมั่นใจว่าหลงจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นอันตรายเด็ดขาด
เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ในห้องวีไอพี ฉั่วเทียนเหลา
บรรยากาศการประชุมเพื่อหารือเรื่องเสียงสนับสนุนนโยบายถิ่นมังกรสีขาวจากบรรดาหัวหน้าแก๊งต่างๆในสมาคมเลือดมังกร
ทรงกลดมอบหมายให้แต่ละคนหาเสียงสนับสนุนจากแก๊งที่อยู่ในสังกัดเพื่อให้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง
หงส์ค่อนข้างหนักใจเพราะเต็กหัวหน้าแก๊งกระเรียนคงไม่ยอมอยู่ข้างเดียวกับเธอแน่ หากเธอไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานกับตี๋เล็ก
ก่อนที่การประชุมจะสิ้นสุดลง กระสุนปืนก็สาดเข้ามาราวกับห่าฝน
ทั้งห้าแตกฮือ รีบหาที่หลบลูกกระสุนคนละทิศคนละทาง ธามปกป้องหงส์เอาไว้
ธามกดให้หงส์หลบที่ใต้โต๊ะใช้เป็นที่กำบัง แล้วสั่งให้หงส์รีบหนีออกไป
"หงส์รีบหนีออกไปก่อน ! เดี๋ยวเฮียจะยิงคุ้มกันให้"
"แล้วเฮียธามล่ะ"
"ไม่ต่องห่วงเฮีย ! รีบไปเถอะน่า"
หงส์กลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระจึงรีบหนีออกไปจากห้อง ธามยิงคุ้มกันให้
หงส์ออกมาจากห้องก็ต้องตาค้าง ปรากฏว่าข้างนอกก็ยิงกันอุตลุดเช่นเดียวกัน เหล่าบอดี้การ์ดคุ้มกันของทั้ง 5 แก๊งถูกมือปืนลึกลับของเสี่ยเล้งยิงตายเป็นใบไม้ร่วง
หงส์วิ่งหนี มือปืนคนหนึ่งซึ่งเป็นมือปืนที่ติดตามเล้งไปในงานศพสุงด้วยวิ่งตาม หมายจะยิงหงส์ให้ได้ จนกระทั่งหงส์วิ่งมาถึงทางตัน ประตูมีเหล็กดัด คล้องกุญแจ หนีไปไหนไม่รอด
มือปืนแสยะยิ้ม ทันใดนั้น กระสุนนัดหนึ่งก็ยิงเข้ากลางแสกหน้ามือปืน ก่อนร่วงผล็อยลงกับพื้น
หงส์หันไปเห็นหลงยืนถือปืนอยู่อย่างเท่
"อาหลง !
หงส์โผเข้าไปหาหลงด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
"นายน้อย ตามผมมาทางนี้"
"แล้วเฮียธามล่ะ"
หลงจี๊ดที่ใจ
"ชีวิตนายน้อยสำคัญที่สุด รีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ"
หลงจับมือหงส์แล้วยิงคุ้มกันพวกมือปืน พาหงส์ออกไปให้พ้นจากฉั่วเทียนเหลาซึ่งตอนนี้คนตายเกลื่อน
แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤต แต่หงส์ก็รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ๆหลง
หลงยิงพวกมือปืนที่วิ่งกรูกันเข้ามา แล้วพาหงส์ออกไปจากฉั่วเทียนเหลาได้ในที่สุด
หลงพาหงส์หนีออกมายังริมน้ำ บริเวณท่าน้ำราชวงศ์ หงส์หอบจนตัวโยน เหนื่อยแทบขาดใจ
"ขอบใจนะ... นายช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว"
"ผมแค่ทำตามหน้าที่คอยคุ้มกันนายน้อย"
"ไม่รู้ว่าเฮียธามกับคนอื่นๆจะเป็นยังไงบ้าง"
"หัวหน้าแก๊งกระทิงคงไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกครับ นายน้อยอย่าห่วงไปเลย"
"วิธีจู่โจมของพวกมันเหมือนไอ้มือปืนที่ถล่มโรงงิ้ววันสารทจีนไม่มีผิด"
"พวกมันเป็นคนของเสี่ยเล้ง ผมเคยเห็นพวกมันในพิธีศพเถ้าแก่สุง"
"เลวจริงๆ ! เป็นถึงเจ้าพ่อใหญ่ แต่กลับใช้วิธีหมาลอบกัด"
"เสี่ยเล้งคงแค้นใจที่คุณทรงกลดขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรเลยส่งพวกมันมาถล่ม หวังจะถอนรากถอนโคนทุกคนที่สนับสนุนแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"ถ้าเป็นฝีมือเสี่ยเล้งจริง เฮียธามจะต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุดแน่"
"คุณธามคงสำคัญกับนายน้อยมากนะครับ"
"ตั้งแต่เล็กจนโต เฮียธามทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ อย่างน้อยเฮียธามก็ไม่มีวันทอดทิ้งฉัน"
หลงถึงกับอึ้งไป มั่นใจว่าธามคงเป็นคนที่หงส์รัก แอบร้าวรานใจเงียบๆคนเดียว
เต็กรู้ข่าวเรื่องฉั่วเทียนเหลาถูกถล่มจากตี๋เล็ก
"ไอ้ทรงกลดกับพรรคพวกถูกยิงถล่มที่ฉั่วเทียนเหลาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน คราวนี้คงไม่กล้ากำแหงไปอีกนาน"
"ฮึ ! นั่งเก้าอี้นายกสมาคมก้นยังไม่ทันจะร้อนก็ถูกลูบคมซะแล้ว"
"คนของอั๊วรายงานว่าเป็นฝีมือของเสี่ยเล้ง หัวหน้าแก๊งมังกรดำ อาป๊าว่าจริงหรือเปล่า"
เต็กแสยะยิ้มมุมปาก ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นฝีมือเล้ง
"ต่อให้เสี่ยเล้งไม่ลงมือ พวกเจ้าพ่อธุรกิจมืดก็คงลงขันกันกำจัดไอ้ทรงกลดอยู่ดี"
"ตายเพียบ เจ็บกันระนาวขนาดนี้ แต่พวกมันก็ยังดวงแข็ง ไม่ยักตายโหงสักคน"
"ถ้าอาหงส์มีอันเป็นไป คงไม่มีใครเป็นเสี้ยนหนามอั๊วอีก"
" ไม่ได้นะอาป๊า ! เกิดน้องหงส์เป็นอะไรตอนนี้ ก็เสียดายแย่ อั๊วยังไม่เคยเห็นแม้แต่ขาอ่อนของอี"
"ผู้หญิงอวดดื้อถือดี หัวแข็ง ปกครองยาก ลื้อจะเอามาทำอะไร"
"ถามได้ ! ก็เอามาทำเมียสิอาป๊า ! ไม่เคยได้ยินเหรอ ที่เค้าว่ากันว่าผู้หญิงก็เหมือนม้า ยิ่งพยศ ก็ยิ่งควบสนุก"
ตี๋เล็กยิ้มส่อแววทะลึ่ง ถึงแม้เต็กจะไม่ชอบหงส์ แต่ก็ยอมตามใจตี๋เล็ก ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
ฝ่ายเมฆินทร์โกรธจัดเมื่อรู้ว่าเล้งสั่งคนไปถล่มฉั่วเทียนเหลาโดยไม่บอกกล่าว
"ฉั่วเทียนเหลาถูกถล่มราบเป็นหน้ากลอง ! ถ้าอาหงส์เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะว่ายังไง"
"เสี่ยเล้งคงไม่ได้ตั้งใจให้คุณหนูหงส์ตกอยู่ในอันตราย แค่ต้องการสั่งสอนเด็กเมื่อวานซืนอย่างไอ้ทรงกลดเท่านั้น" เกาบอก
"แกยังมีหน้ามาเข้าข้างมันอีกเหรอ ดูก็รู้ ไอ้เล้งมันคิดจะกำจัดทุกคนที่ขวางทางมัน"
"เสี่ยเล้งเป็นคนเด็ดขาดแต่ไหนแต่ไร คงต้องการตัดไฟเสียแต่ต้นลม"
"ฉันเตือนแล้วใช่มั้ย จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าแตะผู้หญิงของฉัน"
"กระผมต้องขออภัยท่านเป็นอย่างสูงครับที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น"
เมฆินทร์พลิกวิกฤตเป็นโอกาส กอบโกยผลประโยชน์จากเหตุการณ์ครั้งนี้
"แกสองคนพี่น้องไม่เห็นหัวฉัน แค่ขอโทษคำเดียวมันไม่พอหรอกเว้ย"
"หากมีอะไรที่จะพอไถ่โทษครั้งนี้ได้ กระผมก็ยินดี"
"บ่อนของแกที่สะพานเหลือง"
เกาไม่พอใจทันที
"มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอครับ"
จือกับเจ็งชักปืนจ่อเกา เช่นเดียวกับซาที่ชักปืนมาจ่อเมฆินทร์เช่นกัน
เมฆินทร์ท้าทาย
"ถ้าแกอยากลองดีกับฉันก็เอา"
เกายกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้ซาลดปืนลง
"ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ท่านต้องการครับ"
เมฆินทร์ยิ้มพอใจ คิดในใจว่า พวกเจ้าพ่อกระจอกพวกนี้ไม่มีวันกล้าหือกับตน เกาแม้จะตกลงด้วยท่าทีอ่อนน้อม แต่กลับขบกรามแน่น เหมือนโดนปล้นซึ่งๆหน้า
เกาหัวเสีย ก้าวเท้าฉับๆ ออกมาจะขึ้นรถที่จอดรออยู่ตรงหน้ามุขคฤหาสน์เมฆินทร์
"แบบนี้มันปล้นกันชัดๆ"
"บ่อนสะพานเหลืองเป็นรายได้หลักของแก๊งเรา เถ้าแก่จะยกให้ท่านจริงๆเหรอครับ"
"ฝันไปเถอะ"
เกาครุ่นคิดหาวิธีรับมือกับเมฆินทร์
ลานฝึกงิ้วกลางคืน มีแสงไฟจากกระถางไฟวอมแวมให้แสงสว่าง หงส์เรียกทุกคนในโรงงิ้วเฟิ่งหวงมาประชุมด่วน
"ทุกคนคงรู้แล้วว่าตอนนี้แก๊งหงส์ดำของเราต้องรับศึกหลายด้าน ทั้งศัตรูในที่ลับและที่แจ้ง อั๊วไม่อยากให้พวกลื้อประมาท"
"ลำพังแค่แก๊งค้างคาวของไอ้เสี่ยเกา พวกเราก็รับมือกันไม่ไหวแล้ว นี่แก๊งกระเรียนของเถ้าแก่เต็กที่เคยเป็นมิตรก็ยังหันมาเป็นศัตรูกับเราอีก"
"ตั้งแต่เสี่ยอ๋า หัวหน้าแก๊งหมูป่าถูกยิงตาย ใครๆก็แห่กันไปเข้าแก๊งมังกรดำของเสี่ยเล้งกันหมด พวกขี้ขลาดตาขาว !" หมวยบอก
"พอสิ้นอาป๊าสถานการณ์ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร แก๊งหงส์ดำที่เคยมั่นคงเป็นปึกแผ่นก็วุ่นวายระส่ำระสาย แม้แต่อั๊วเองก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก"
"พวกเราทุกคนต่างนับถือนายน้อยไม่ต่างจากเถ้าแก่สุง คำสั่งของนายน้อยพวกเราพร้อมปฎิบัติตามทุกอย่าง" หลงบอก
"ดี ! อั๊วอยากให้พวกลื้อทุกคนฝึกศิลปะป้องกันตัว"
คนงานในโรงงิ้วต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"พวกเราเคยแต่เล่นงิ้ว จะให้เตะต่อยแบบพวกนักเลงคงไม่ถนัด" หวังบอก
"ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิด...อันที่จริงลีลาบู๊ของงิ้วก็ถูกดัดแปลงท่วงท่ามาจากศิลปะการต่อสู้ พวกลื้อน่าจะเรียนรู้ได้ไม่ยาก"
หวังทำหน้าเลี่ยนๆ ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเตะต่อยกับเค้าได้
หมวยถกแขนเสื้อ ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างไม่กลัวเกรง จนผู้ชายอกสามศอกยังอาย
หมวยบอกกับหวัง
"โอ้ย... ไม่อยากฝึกก็ไม่ต้องฝึก หมวยฝึกเอง เจ้หงส์จะให้พวกเราไปลุยกับเสี่ยเกาหรือตี๋เล็ก ว่ามา ! เดี๋ยวหมวยเป็นทัพหน้าเอง"
"เปล่า... เจ้ไม่ได้ให้สู้รบตบมือกับใคร แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เจ้อยากให้พวกเราฝึกเพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามคับขัน และช่วยเหลือคนอื่นที่ถูกรังแกโดยใช้หลักเมตตาธรรมตามที่อาป๊ายึดมั่นมาตลอดชีวิต"
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับอุดมการณ์ของหงส์
"แล้วใครล่ะจะเป็นคนสอนพวกอั๊ว"
หงส์ยิ้ม มีคำตอบในใจ
หลงเป็นคนสอนศิลปะป้องกันตัวให้คนในโรงงิ้ว
"ศิลปะป้องกันตัวคือการผสมผสานระหว่างการป้องกันและการโจมตีอย่างว่องไว เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้รวดเร็วที่สุด"
กุ่ยหาวหวอดๆ ทนฟังแบบเสียไม่ได้
"เรื่องพื้นๆ ใครๆเค้าก็รู้กันทั้งนั้น ทำเต๊ะจุ๊ยไปได้"
หมวยซึ่งตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ เอาข้อศอกกระทุ้ง หงุดหงิด
"นี่ ! บ่นงึมงำอยู่ได้ เสียสมาธิหมด เดี๋ยวหมวยตามไม่ทันกันพอดี"
กุ่ยเห็นหมวยเข้าข้างหลง ก็ยิ่งหมั่นไส้หลงเต็มแก่
"พอได้ละ ! ไม่ต้องมาสาธยายหรอก เปลืองน้ำลาย เอาจริงเลยดีกว่า"
กุ่ยเข้าไปหยิบทวนซึ่งเป็นอาวุธที่ตัวเองถนัด ก้าวออกมาท้าหลงประลอง คนอื่นๆตาสว่าง เมื่อเห็นกุ่ยกับหลงตั้งท่าจะประลองกัน ส่งเสียงเฮ แบ่งฝ่ายเชียร์ลั่น
กุ่ยใช้ทวน ขณะที่หลงสู้ด้วยมือเปล่าปัดป้องไปมา อย่างแคล่วคล่องว่องไว กุ่ยโดนข้อศอกหลงกระแทกเข้าที่หน้าอย่างจัง
"ว่าไง ยอมแพ้หรือยัง"
"ไม่เคยได้ยินหรือไง สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร"
กุ่ยยิ่งเสียหน้าต้องเอาคืนหลงให้ได้
กุ่ยจู่โจมไม่ยั้ง ในขณะที่หลงยังคงตั้งรับอย่างใจเย็น กุ่ยเปิดช่องว่างให้หลงเล่นงานจนลงไปนอนกลิ้งคลุกฝุ่นกับพื้น จุกจนลุกไม่ขึ้น หลงยั้งมือไว้
"ไม่ยักรู้ว่าเฮียหลงจะมีทีเด็ดขนาดนี้ สุดยอดจริงๆ" หวังยกนิ้วให้
หมวยแซว
"คราวนี้จะยกน้ำชาฝากตัวเป็นศิษย์เฮียหลงได้หรือยัง"
หลงเข้าไปยื่นมือให้กุ่ยให้ลุกขึ้นมา อย่างรู้แพ้ รู้ชนะ
กุ่ยมองหน้าหลง ทิ้งจังหวะครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือไปจับมือหลงไว้ แล้วลุกขึ้น ตบบ่าหลงแทนคำชม แก้เก้อ
"คราวนี้อั๊วออมมือให้ลื้อหรอกน่า"
กุ่ยกับหลงยิ้มให้กัน มิตรภาพของทั้งสองแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น หงส์ยืนดูอยู่ ยิ้มที่เห็นหลงกับกุ่ยหันหน้าสามัคคีกัน
หลงฝึกคนในโรงงิ้วให้เรียนศิลปะป้องกันตัว หลงจัดท่าให้หมวยซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่หัดเรียนรวมกับผู้ชาย หมวยลองฝึกคู่กับกุ่ย ปรากฏว่าหมวยสามารถล้มกุ่ยได้ หงส์ยืนดูอย่างพอใจ ฝีมือของคนในโรงงิ้วรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
กุ่ยหอบแฮ่กๆ อยู่ใต้ต้นไม้
"ผู้หญิงอะไรหมัดหนักเป็นบ้า ! ทั้งเตะทั้งต่อยจนอั๊วน่วมไปทั้งตัวแล้ว"
"บ่นเป็นหมีกินผึ้งไปได้ ผู้ชายอะร๊ายป้อแป้ชะมัด"
"เห๊อะ ! อ๊วะแค่ไม่อยากสู้กับผู้หญิงต่างหาก มันไม่สมศักดิ์ศรี"
"ทำไม ! ถึงผู้หญิงจะอ่อนโยน แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างที่พวกผู้ชายคิดหรอกนะ พูดอย่างงี้มาตัวต่อตัวเลยดีกว่า"
กุ่ยยิ้มทะเล้น
"แน่ใจนะ"
หมวยตั้งท่า
"เข้ามาเลย"
กุ่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ พอสบโอกาสก็หอมแก้มหมวยทันที หมวยตาโต ค้างคิดไม่ถึง
" ลื้อแพ้ละ"
กุ่ยพูดจบก็วิ่งหนีไป หมวยได้สติ อายหน้าแดง วิ่งด่าไล่หลัง
"คนบ้า ! คนผีทะเล ! แน่จริงอย่าหนีสิ จะเตะให้ซี่โครงหลุดเลย คอยดู"
ตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ ฉันอยากให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม พวกมันอาจลอบโจมตีเราได้ทุกเมื่อ
"ศึกนอกยังไม่น่าห่วงเท่ากับศึกใน สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือนายน้อยต้องหาตัวคนร้ายที่ฆ่าเถ้าแก่สุงมาลงโทษให้ได้"
"ถ้าไม่ใช่คนอำมหิตอย่างเสี่ยเล้ง ฉันยังมองไม่เห็นเลยว่ามันเป็นใคร"
"นายน้อยมัวแต่ลังเลระวังขุน จนลืมเบี้ยที่อยู่ใกล้ตัว"
"นี่นายกำลังจะบอกฉันว่าตี๋เล็กเป็นคนฆ่าอาป๊าอีกแล้วใช่มั้ย"
"ลายนิ้วมือบนด้ามกระบี่เป็นของตี๋เล็กแน่นอน ผมขอเอาหัวเป็นประกัน"
"ถ้านายมั่นใจนัก ฉันก็จะลองพิสูจน์ ! มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้"
หงส์มั่นใจว่าหยกมณีต้องช่วยได้อย่างแน่นอน
หงส์มาขอความช่วยเหลือจากหยกมณีที่ห้อง
"ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก... ตี๋เล็กไม่ได้มาหาฉันตั้งนานแล้ว"
"ถ้าไม่ได้ลายนิ้วมือของตี๋เล็กก็ไม่มีทางพิสูจน์ข้อสงสัยของอาหลง"
"นึกว่ามีแต่ฉันคนเดียวซะอีกที่สงสัยว่าเป็นฝีมือตี๋เล็ก"
"หงส์ไม่เข้าใจ ตี๋เล็กจะฆ่าอาป๊าไปเพื่ออะไร"
"เด็กโง่เอ๊ย... ข้อแรก เถ้าแก่สุงคอยขัดขวางไม่ให้เธอแต่งงานกับมัน ข้อที่สอง ถ้าไม่มีเถ้าแก่สุง ตี๋เล็กคงคิดว่าอาป๊ามันจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ"
"แค่นี้น่ะเหรอ ตี๋เล็กถึงกับต้องลงมือฆ่าอาป๊า"
"โลกใบนี้มันโหดร้ายกว่าที่เธอคิด เหตุผลที่คนฆ่ากันมันช่างโง่เง่า ถึงจะอธิบายยังไง เธอก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ต่อให้เธอเข้าใจ เธอก็ยอมรับมันไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ"
"ถ้ามีลายนิ้วมือตี๋เล็กทุกอย่างก็คงจะคลี่คลาย แต่จะเอามันมาได้ยังไง"
"ผู้หญิงเรามีจริตมารยาเป็นสุดยอดอาวุธ ต่อให้ผู้ชายจะฉลาดปราดเปรื่องสักแค่ใด ถ้าเจอมารยาหญิงเข้าไปก็กลายเป็นคนโง่เขลาในทันที เรื่องแค่นี้คงไม่ยากเกินสติปัญญานายน้อยหรอกมั้งคะ"
หยกมณีหัวเราะเสียงใสเหมือนจะยั่วเย้าอยู่ในที
หงส์ปรึกษาหลงหน้าเครียด
"เจ้หยกไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับตี๋เล็กเลย"
"ตี๋เล็กมันคงระวังตัว ไม่ปล่อยให้ใครเข้าถึงตัวมันง่ายๆ ผมจะบุกไปหามันถึงรังเอง"
"ไม่ได้ ! มันเสี่ยงเกินไป จะยิ่งทำให้พวกมันไหวตัว"
"แต่ถ้าไม่เสี่ยง เราก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดกับตี๋เล็ก"
"ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น"
หงส์คิดแผนการบางอย่างได้
ตี๋เล็กนอนกระดิกเท้าอยู่บนโซฟา มีสมุนคนหนึ่งคอยรินเหล้าส่งให้ สมุนอีกคนวิ่งเข้ามาพร้อมกับซองจดหมาย
"เฮียครับ มีจดหมายถึงเฮีย"
"ใครส่งมาวะ"
"แก๊งหงส์ดำครับ"
"จดหมายน้องหงส์เหรอ"
ตี๋เล็กหูผึ่งรีบคว้าซองจดหมายมาเปิดอ่านทันที พออ่านจบก็ยิ้มกริ่ม
"นึกว่าจะแน่ ! สุดท้ายก็ต้องยอมอั๊วจนได้"
ตี๋เล็กคิดว่าหงส์ยอมแพ้ ขอเจรจากับตี๋เล็กเป็นส่วนตัวเพื่อขอสงบศึก
ตี๋เล็กเดินตามทางเดินจนกระทั่งมาถึงหน้าห้องวีไอพีฉั่วเทียนเหลาตามที่หงส์นัดหมายไว้
"ลื้อ 2 คนไม่ต้องตามอั๊วเข้าไป"
สมุน 1บอก
"แต่เถ้าแก่เต็กสั่งว่า..."
ตี๋เล็กควักแบงก์เป็นฟ่อนให้สมุนทั้ง 2 คน
"มัวยืนเซ่ออะไรอยู่เล่า จะไปไหนก็ไป.... ไปสิ !"
สมุนทั้ง 2 โค้งแล้วรีบเดินไป ตี๋เล็กขยับเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนผลักประตูเข้าไปข้างใน
ตี๋เล็กเข้ามาภายในห้องวีไอพี เห็นหงส์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"เชิญนั่ง เฮียตี๋เล็ก"
หงส์ผายมือเชิญให้ตี๋เล็กนั่ง ตี๋เล็กนั่งเต๊ะจุ๊ย รู้ว่าตนนั้นถือไพ่เหนือกว่า
"น้องหงส์ตามเฮียมาที่นี่เพราะต้องการเจรจาเรื่องของเราใช่มั้ย"
"หงส์อยากยุติความบาดหมางระหว่างแก๊งหงส์ดำกับแก๊งกระเรียนเสียที"
"ลิ้นกับฟันมันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา แต่ในเมื่ออาป๊าประกาศแยกตัวเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับแก๊งหงส์ดำอีกต่อไป น้องหงส์จะให้เฮียทำยังไงได้"
"หงส์ถึงอยากขอร้องให้เฮียช่วยพูดกับอาเจ็กเต็ก"
"ใครบอกน้องหงส์ล่ะว่าเฮียพูดแล้วอาป๊าจะยอมเปลี่ยนใจ อาแปะสุงบอกเหรอ เรื่องนี้เฮียคงช่วยน้องหงส์ไม่ได้หรอก เสียใจด้วย"
"ถ้าเฮียไม่ช่วย หงส์ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก"
หงส์แกล้งลุกขึ้น ตี๋เล็กรีบคว้าข้อมือหงส์เอาไว้ ดึงหงส์เข้ามาแนบตัว
"เดี๋ยวก่อนสิ ! ถ้าเฮียช่วยหงส์ เฮียจะได้อะไรจากหงส์ล่ะ"
หงส์หว่านเสน่ห์ แสร้งทำจริตมารยาจนตี๋เล็กหลงกล
"มันก็อยู่ที่ว่าเฮียจะต้องการอะไร"
"ก็ตัวน้องหงส์ยังไงล่ะ"
ตี๋เล็กจะฝังจูบลงที่ซอกคอหงส์ แต่หงส์แกล้งผลักออก
"อย่าเล่นตัวนักเลยน่า เฮียรู้นะว่าหงส์ต้องการเฮีย"
หงส์รินเหล้าใส่ถ้วยแล้วส่งให้ตี๋เล็ก
"เหล้าจอกนี้... เพื่อความสัมพันธ์ของเรา"
ตี๋เล็กยิ้ม รับจอกเหล้าจากหงส์มากระดกรวดเดียวหมด
"เป็นของเฮียเถอะนะ"
ตี๋เล็กคว้าร่างหงส์เข้ามากอดจูบ หงส์ปัดป้องด้วยความขยะแขยง
สายตาตี๋เล็กเริ่มพร่าพราย รู้สึกมึนหัวไปหมด ก่อนสลบไป หลงรีบออกมาจากหลังผ้าม่าน เข้ามาหาหงส์ทันที ทั้งห่วงทั้งหวง
"นายน้อย"
"ฉันไม่เป็นไร แต่ถ้ายาของเจ้หยกออกฤทธิ์ช้ากว่านี้ก็ไม่แน่... รีบจัดการเร็วเข้า"
หลงรีบหยิบครั่งสีแดงสำหรับประทับลายนิ้วมือตี๋เล็กออกมา หลงพิมพ์ลายนิ้วมือของตี๋เล็กลงบนกระดาษขาว
"เรียบร้อยแล้วครับ"
"รีบไปจากที่นี่กันเถอะ ก่อนที่ลูกน้องมันจะกลับมา"
หลงกับหงส์รีบออกไปจากห้องนั้นทันที
จบตอนที่ 7