คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 23
สิริกันยาเต้นเร่าๆ คาดไม่ถึงว่าศจีจะกล้าตบตัวเอง
“แก...แกกล้าเหรอ”
“ใครกล้ากับฉัน ฉันก็กล้าเหมือนกัน”
สิริกันยายกมือขึ้นจะตบศจีอีก แต่ศจีคว้าข้อมือของสิริกันยาไว้ทัน สองสาวยื้อยุดกัน
“ถ้าอยากจะมีเรื่องในวันนี้ละก็ ขอเตือนไว้ด้วยความหวังดีนะ ดิฉันเป็นใครมาจากไหนไม่มีคนสนใจนักหรอก แต่คุณสิริกันยา ลูกสาวรองอธิบดีน่ะ พวกนักข่าวคงได้เอาไปเขียนกันสนุกเชียวละ”
สิริกันยาสะบัดแขนออกจากศจี ชี้หน้าด่า
“แกอย่าผยองไปนักนะนังศจี คุณน้ารัชนีฉายไม่ยอมให้แกชูคออยู่ได้นานหรอก”
“ดิฉันไม่สนคนอื่น นอกจากคุณหญิงกับคุณปราจิตเท่านั้น อ้อ แล้วก็ลูกแก้ว กับ พี่วิน ด้วย”
พูดจบศจีก็ลอยหน้าลอยตาออกไป ทิ้งให้สิริกันยากำมือแน่น อยากจะกรีดร้องออกมาแต่ก็ได้แค่ร้องอยู่ในใจ
ระหว่างนี้สุพรรณแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง ด้วยสีหน้าทั้งผิดหวังและเจ็บปวดสุดจะประมาณ
ศจีจะกลับเข้าไปในงาน แต่ชะงักเมื่อเจอใครบางคนขวางอยู่ ศจีเมินมอง แล้วจะเดินเลี่ยงไป แต่สุพรรณเข้าไปขวาง
“จะไม่ทักทายกันบ้างเลยเหรอ”
“สวัสดีค่ะ”
“ทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันได้เก่งมาก”
“ขอโทษค่ะ คุณเป็นแขกของลูกแก้ว ไม่ใช่แขกของคุณหญิง”
ศจีเดินเลี่ยงออกไป สุพรรณรีบตามไปอย่างไม่ยอม
สุพรรณตามศจีมาในมุมลับตา แล้วดึงเธอให้หันมา
“ทำไม ลูกศิษย์วัดอย่างผมมันก็แค่ก้อนกรวด ไม่คู่ควรกับเพชรเจียระไนอย่างคุณใช่ไหม”
“เราสองคนก็ไม่ต่างกันหรอก เกิดมาเป็นแค่ก้อนกรวด แต่พยายามตะเกียกตะกายขึ้นไปเป็นเพชรที่ประดับยอดแหวนล้ำค่า”
สุพรรณแดกดัน “ที่แท้คุณก็ ขาย ตัวเองไปเป็นแค่เพชรที่ประดับหัวแหวนเท่านั้นเองเหรอ”
“ก็ยังดีกว่า พลอย ที่ประดับเข็มกลัดเนคไทเท่านั้น”
“ตอนนี้ เป็นอันว่าเราต่างคนต่างแข่งกันพัฒนาละสินะ”
“จะเรียกว่า แข่ง ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเราลงกันคนละสนาม”
“หวังว่า สนาม ของคุณ คงจะราบรื่นดี”
“เจ้าของสนามน่ะ คงไม่มีปัญหา แต่เจ้าของคอกคงจะไม่ยอมง่ายๆเสียละมั้ง”
“เรามันคนพื้นเพใกล้เคียงกัน ถ้าใคร ได้ดี ก็ควรจะดีใจจริงไหม”
“การจะ ได้ดี หรือ ได้เลว ของผู้หญิงนั้นเป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วว่าสุดแต่จะหาผัวได้ดีแค่ไหน แต่ผู้ชายที่รอจะได้ดีได้เลวเพราะเกาะเมียนั้นเห็นจะยังไม่มีใครยอมรับ”
สุพรรณโมโหดึงศจีเข้ามาจูบ ศจีดิ้นหนี พร้อมกับผลักเขาออก จนทำให้เข็มกลัดเนคไทของสุพรรณหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัว ศจีตบหน้าสุพรรณฉาดใหญ่ เนื้อตัวสั่นเทา
“สันดานผู้ชาย”
“สันดานผู้ชายอย่างผมก็พอๆ กับผู้หญิงอย่างคุณนั่นแหละ เรามันสัญชาติอีกาอยากเป็นหงส์เหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาผมเลือกหยิบหินมาเจียระไน เพราะมองผิดไป คิดว่าหินก้อนนั้นจะเจียออกมาเป็นเพชรแท้ได้ แต่ที่จริงไม่ใช่ หินก้อนนั้นมันเป็นแค่ก้อนกรวดที่มีประกายเพชรเท่านั้นเอง”
พูดจบสุพรรณก็หันหลังเดินออกไป ศจีมองตามอย่างเจ็บปวดขมขื่น แต่ครู่เดียวก็ยังเชิดหน้าอย่างไม่ยี่หระ
สองคนเดินออกไป เข็มกลัดเนคไทของสุพรรณตกอยู่บนพื้นอย่างนั้นโดยไม่มีใครเห็น
รัชนีฉายยังควงแขนปราจิตไปคุยกับคนนั้นคนนี้ แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ อรุณวตีลุกมาตักอาหาร กัลยาเข้ามาคุยด้วย
“โถ คุณรัชนีฉายเธอน่ารักนะคะ รักคุณพี่ยังกับอะไรดี มีอะไรก็เห็นทำให้ทั้งนั้น ระหว่างคุณหญิงเจ็บป่วยนี่ ก็เธอทั้งน้าน เป็นเจ้าภาพแทนเอย ออกงานกับคุณจิตแทนเอย อุ๊ย ลืมเล่า คราวก่อนยังมีคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคุณหญิงด้วยซ้ำไป”
อรุณวตีเพียงยิ้มบางๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
“เป็นลางดีว่าจะได้เป็นคุณหญิงทั้งพี่ทั้งน้อง” คุณหญิงพูดแกมหัวเราะ “ข้างหลังคงจะหิวแย่แล้วค่ะ เรายืนคุยขวางทางอยู่นานแล้ว”
อรุณวตีหันไป เห็นสุพรรณยืนอยู่ จึงชะงักนิดหนึ่ง
“อ้อ คุณ กลุ่มเด็กๆ อยู่ทางไหนจ๊ะนี่”
“ทางโน้นขอรับ” สุพรรณชี้บอกไปทางโต๊ะกลุ่มเพื่อนๆ แกมแก้ว
“คุณสินะ ที่เป็นพี่รหัสของลูกแก้ว เป็นเพื่อนกับหนูจีด้วยใช่ไหมจ๊ะ”
สุพรรณรีบบอก “เรียกว่า เพื่อน คงไม่ได้ขอรับ ต้องเรียกว่าคนอยู่แถวบ้านเดียวกันมากกว่า”
แววตาของอรุณวตีมีร่องรอยประหลาดใจ จนสุพรรณจับได้
“เอ้อ คิดว่าชอบพอกัน”
สุพรรณเองก็ชะงักไปนิดหนึ่งอย่างประหลาดใจ
“มิได้ขอรับ”
“วันนี้ฉันยังไม่ได้ขอบใจเด็กๆ เลย ที่อุตส่าห์มาอวยพร บางคนมาช่วยเลี้ยงพระตั้งแต่เพล”
อรุณวตีเดินนำออกมาอีกมุมในสวนสวย โดยมีสุพรรณถือจานอาหารของตัวเอง กับของคุณหญิงตามมาด้วย
“ยายลูกแก้วอยู่มหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้างจ๊ะ เป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน ก็คิดเสียว่ายายลูกแก้วแกเป็นน้องก็แล้วกัน ฝากๆ ด้วยนะจ๊ะ”
“คุณลูกแก้ว เธอเรียบร้อยดีขอรับ”
“หมู่นี้ริอ่านขับรถขับรา ทำเป็นสาวสมัย”
“เธอยังขับไม่คล่องขอรับ”
“นั่นสิ ออกเป็นห่วงอยู่ เดี๋ยวนี้ดูเขาเก่งขึ้นมาก”
“แต่ให้เธอหัดช่วยตัวเองเสียบ้างก็ดีขอรับ”
“ใช่ โลกมันเปลี่ยนไป ยุคของฉันเป็นยุคที่ผู้ชายเท้าหน้าผู้หญิงเท้าหลังว่าอะไรว่าตามกัน เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาพยายามเป็นเท้าหน้าด้วยข้างนึงแล้ว ไม่ใช่เหรอ”
“ผู้หญิงมีอำนาจอยู่เสมอแหละขอรับ แต่ผู้หญิงไม่รู้ตัว กลับพยายามจะเรียกร้องหาสิ่งที่ตนเองได้มาแล้ว”
คุณหญิงอดทึ่งไม่ได้ “เข้าใจพูด น่าจะเรียนทางการทูตมากกว่าการปกครอง”
“กระผมถนัดทาง ตัดไมตรี มากกว่าเจริญสัมพันธไมตรีขอรับ”
อรุณวตีหัวเราะอย่างแจ่มใส
ถัดมา แกมแก้วยิ้มทักทายอรุณวตีที่เดินเข้ามาหา โดยมีสุพรรณตามมา แกมแก้วมีสีหน้าแจ่มใสที่เห็นอรุณวตีหัวเราะหัวใคร่กับสุพรรณ
“วันนี้คุณแม่หัวเราะมากกว่าทุกวัน”
“ก็แม่เลิกร้องไห้มานานแล้วนี่จ๊ะ เอาไว้ให้คนอื่นเขาร้องให้แม่ดีกว่า”
แต่แล้วอรุณวตีก็สะดุดตากับอะไรบางอย่างที่เป็นประกายวาววามในมือแกมแก้ว
“นั่นอะไรจ๊ะ”
แกมแก้วแบมืออก
“เข็มกลัดเนคไทของพี่พรรณค่ะ ทำตกไว้ แต่แก้วเห็นเสียก่อน แหม ดีไม่เหยียบ งั้นลูกแก้วคงร้องไห้แย่เลย ทำมากับมือแท้ๆ แล้วตัวเองมาเหยียบแบนแต๊ดแต๋เสียนี่”
สุพรรณจับเนคไทของตัวเองอย่างตกใจ
“พี่คงทำหล่นตอนไปเข้าห้องน้ำ”
อรุณวตีอึ้งไปนิดหนึ่ง พยายามระงับใจ ถามแกมแก้วออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ
“ลูกแก้วเอามาจากไหนจ๊ะ ขอแม่ดูหน่อย”
แกมแก้วส่งเข็มกลัดเนคไทให้คุณหญิงมารดา เมื่อพิจารณาระยะใกล้ยิ่งแน่ใจขึ้น อรุณวตีหน้าซีดเผือดไปครู่หนึ่ง ดวงตาที่มองลูกสาวพร่าพราวไปเล็กน้อย ทั้งระแวงแคลงใจและเสียใจ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา
“แหมสวยจริง”
“จี เขาให้ลูกแก้วค่ะ”
อรุณวตีมองหน้าแกมแก้ว เห็นความสดใสในดวงตา จึงรู้ว่ามีความผิดปกติอยู่ในนั้น
“ลูกแก้วเลยเอามาทำเข็มกลัดให้พี่พรรณ ตอนวันเกิด” หญิงสาวโลกสวยเล่าต่อ
อรุณวตีรู้สึกร้อนวูบ สุพรรณเองก็ชาวาบไปทั้งตัวเช่นกันเมื่อรู้ที่มา
คุณหญิงอรุณวตีเงยหน้าขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน คำถามร้อยแปดประดังขึ้นมา แต่ไม่สามารถจะพูดออกมาได้ นอกจากอัดไว้ในอก จนศจีเข้ามากระซิบเตือน
ไคุณหญิงเจ้าคะ มิสซิสปีเตอร์สัน เพิ่งมาถึงเจ้าค่ะ”
อรุณวตีค่อยๆ หันไปเหมือนคนที่กำลังพยายามตื่นจากภวังค์
“อะไรนะจ๊ะ”
“มิสซิสปีเตอร์สันเพิ่งมาถึงเจ้าค่ะ”
อรุณวตียื่นมือออกไป ศจีช่วยจับมือนั้นมากุมไว้
อรุณวตีรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ขณะที่ศจีพาเธอเดินออกไป
อ่านต่อหน้า 2
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 23 (ต่อ)
ศจีพากึ่งจูงกึ่งประคองอรุณวตีเดินออกมา อรุณวตีคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง นัยน์ตาพร่าพราว
“ก้าวตรงๆ เจ้าค่ะ ช้าๆ คุณหญิงวิรุณรักษ์ ยิ้มกับท่านเจ้าค่ะ ทางขวา” ศจีคอยกระซิบบอก
อรุณวตีหันไปยิ้มแต่พองาม พลางโบกมือน้อยๆ ให้วิรุณรักษ์
“เดี๋ยวนะเจ้าคะ ดิฉันไปพบมิสซิสปีเตอร์สันก่อน”
“เลี้ยวซ้ายเจ้าค่ะ”
ลมหายใจอรุณวตีหายเป็นห้วงๆ คุณหญิงกำมือศจีไว้แน่นมากขึ้นอย่างหาที่พึ่ง
“หนูจี ฉันเหนื่อย”
ศจีกระชับมืออรุณวตีไว้แน่นขึ้นเช่นกัน
“เจ้าค่ะ ดิฉันทราบ”
อรุณวตีพยายามนึกคำถาม “มิสซิส...”
“ท่านจำไม่ได้หรือเจ้าคะ มิสซิสปีเตอร์สันมาลากลับประเทศของเธอตั้งแต่เดือนที่แล้ว ดิฉันขอยืมชื่อมาอ้าง เพราะเห็นท่านไม่ค่อยสบาย จวนถึงบันไดแล้วเจ้าค่ะ ช้าๆ”
ศจีประคองอรุณวตีขึ้นบันไดไป
“หนูจี นายคนนั้น.”
“บันไดเจ้าค่ะ ก้าว”
อรุณวตีค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดอย่างช้าๆ เหมือนจะหมดแรงเสียตรงนั้น
พอศจีประคองอรุณวตีเข้ามาในบ้าน ลับสายตาผู้คน อรุณวตีก็รู้สึกหมดแรง จะทรุดฮวบลงไป
“คุณหญิงเจ้าคะ”
วรรณพรวดเข้ามาอย่างตกใจ
“อุ๊ย เป็นอะไรคะ เป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ”
ศจีบอกกับวรรณ “ป้าวรรณคะ ขออะไรร้อนๆ สักถ้วนได้ไหมคะ คุณหญิงท่านเหนื่อยนิดหน่อย”
วรรณรับคำ แล้วรีบออกไป
“หนูจี”
“เดี๋ยวเจ้าค่ะ ไปที่ห้องก่อน”
ศจีพาอรุณวตีเข้าไปในห้องนอน
เวลานี้อรุณวตีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงแล้ว ขณะศจีเทน้ำจากเหยือกใส่แก้ว แล้วยื่นให้พร้อมกับแก้วเล็กใส่ยา
“ยาเจ้าค่ะ”
อรุณวตีซึ่งหลับตาพักสายตาอยู่ลืมตาขึ้นมา
“ไม่ เลิกเถอะหนู เลิกที...ผู้ชายคนนั้นน่ะใคร”
ศจีมีสีหน้าฉงน “คนไหนเจ้าคะ”
“นายคนที่ลูกแก้วเขาทำเข็มกลัดให้”
ศจีนิ่งไปชั่วครู่ พยายามเรียบเรียงถ้อยคำให้ดีที่สุด
“พี่รหัสคุณลูกแก้วเจ้าค่ะ คุณลูกแก้วคงเห็นเป็นรุ่นน้องคุณวินด้วย เลยสนใจมากกว่าคนอื่น”
อรุณวตีถามเป็นห้วงๆ อย่างรู้สึกอึดอัดในอก
“เขียวส่องเม็ดนั้น”
“อ๋อ” ศจีนิ่งนึกหาคำตอบอีก “คุณลูกแก้วเธอว่าสวย ดิฉันเองไม่มีปัญญาไปทำเรือนเลยให้เธอไป เธอคงไม่รู้ราคาถึงได้ทำเข็มกลัดให้ไปอีกต่อหนึ่ง คงไม่คิดอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ นอกจากเห็นสีแปลกดี”
อรุณวตีถอนใจยาว แม้ไม่เชื่อทั้งหมดแต่ก็ค่อยคลายใจ คิดในทางดีไว้ก่อน
“หนูจี หนูแน่ใจ”
ศจีเน้นเสียงให้ดูหนักแน่น “เจ้าค่ะ”
“ฟังดูแล้ว ฉันออกจะเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัวสักหน่อย แต่ ฉันอยากให้ยายลูกแก้วมีความสุข ไม่ใช่อย่างฉัน มีหน้าที่เป็นบันไดให้ผัว เป็นหลักเชิดชูหน้าตาเป็นหัวตอที่ให้เขาข้าม อย่าให้ลูกแก้วต้องเป็นอย่างนี้เลย”
“เจ้าค่ะ”
อรุณวตีจะพูดอะไรต่อ แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะเห็นวรรณเปิดเข้ามาพร้อมกับเครื่องดื่ม พลางถามศจี
“คุณหญิงท่านเป็นอะไร”
อรุณวตีชิงตอบ “เปล่า พี่วรรณ เหนื่อยหน่อยเท่านั้น”
“ต๊าย หน้าออกเขียว เรียกหมอซิ โธ่ นั่งอยู่ได้” วรรณเอ็ดเอากับศจี
“อย่าวุ่นเลยพี่วรรณ ขอฉันพูดกับหนูจีสักสองสามคำเถอะ พี่วรรณช่วยดูอาหารทีนะจ๊ะ ใครถามถึงช่วยแก้ตัวให้ด้วย”
“ค่ะ”
วรรณรับคำไม่เต็มปากนัก มองอรุณวตีอย่างลังเลนิดหนึ่งด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง
ฝ่ายวรรณปิดประตูลง ครวญออกมาด้วยสีหน้าหนักใจ
“โธ่ คุณ จนตอนนี้แล้วยังจะแข็งใจอยู่อีก”
อรุณวตีมองจนแน่ใจว่าวรรณไปแล้ว จึงถามศจีอีกครั้ง
“เด็กคนนั้นลูกเต้าเหล่าใครหนูรู้ไหมจ๊ะ”
“ไม่ทราบเจ้าค่ะ รู้แต่ว่าเข้ามาเรียนหนังสือ อาศัยอยู่กับพระ เวลาว่างก็ทำงาน”
“รอยเดียวกัน ลูกแก้ว ถ้าเลือก...จะต้องเป็นบันไดให้เขาแน่ลูกเอ๋ย หนูจี” อรุณวตีเอื้อมมือมาจับมือศจีกำไว้มั่น “ฉันไม่ขออย่างอื่นจากหนูหรอกนอกจากว่า หนูจะพยายามไม่ให้ลูกแก้วสนใจ นายนั่น มากไปกว่านี้”
“ดิฉันคง ทำอะไรไม่ได้มาก” ศจีรับปากอ้อมๆ
“ไม่เป็นไร ขอแต่ให้หนูสัญญา”
“ดิฉันคิดว่า คุณหญิง...”
คุณหญิงตัดบท “เถอะ สัญญา ขอให้หนูเห็นแก่ฉัน ถ้าฉัน...ไม่อยู่...หนูจะทำหน้าที่แทนฉันถ้าฉัน...ยังอยู่ หนูจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ฉัน”
ศจีมองหน้าอรุณวตีอย่างลังเล
อรุณวตีเร่งเร้า “สัญญา หนูจี สัญญา”
“เจ้าค่ะ ดิฉันจะพยายาม”
อรุณวตีผ่อนลมหายใจยาว
“ขอบใจ ศจี ขอบใจหนูมาก หนูช่วยให้ใครไปตามพี่วรรณที แล้วออกไปรับแขกแทนหน่อย ถ้าใครถามถึงบอกว่า ฉันขอพักสักครู่รัชนีฉายเขาคงทำหน้าที่แทนฉันได้หรอก”
อรุณวตีหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าอ่อนแรงเต็มทน ศจีมองอย่างเห็นใจ
ศจีก้าวออกมาจากห้องอย่างอ่อนเพลีย มือเสยลูกผมที่ตกระอยู่บนหน้าผากขึ้นไป แต่พอหันไปจากประตูก็เกือบชนกับใครบางคน ชีวินช่วยประคองไหล่ศจีไว้
“ขอโทษ”
ทั้งสองสบตากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
ชีวินรู้สึกหวั่นไหว จึงรีบปล่อยมือ มองศจีหัวจรดเท้า รอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้า
“นึกว่าใคร”
ชีวินทำท่าค้อมตัว พลางผายมืออย่างล้อเลียน
“เชิญคร้าบ คุณหญิง”
ศจีสลัดแววอ่อนล้านั้นทิ้ง ยืดกายตั้งตัวตรงราวกับนางพญา แล้วเดินผ่านไปด้วยท่วงทีสง่า ชีวินได้แต่มองตามอย่างเจ็บปวด
ศจีกลับมาเข้ามาในห้องนอนท่านทูตปราจิตอย่างฉุนเฉียว ไขว้มือเตรียมรูดซิปเสื้อเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้าน แต่แล้วก็หยุดกึกลงฉับพลันตรงหน้าประตูด้านใน เมื่อเห็นใครบางคนอยู่ในห้องก่อนแล้ว
เป็นปราจิตที่กำลังเอามือไพล่หลัง เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้อง แล้วก็หยุดกึกเช่นกันเมื่อเห็นอีกฝ่าย
ศจีทำท่าจะถอยหลัง แต่ปราจิตเรียกเสียก่อน
“อ้อ...เข้ามาสิ”
ศจีลังเล แต่ปราจิตทำท่าไม่สนใจ
“ฉันเบื่อข้างล่าง เลยหลบมาอยู่ที่นี่ เพราะคิดว่าคงไม่มีใครเข้ามา”
ศจีก้าวเข้าไปในห้อง แต่ทิ้งบานประตูให้เปิดแง้มไว้
“อายุฉันเห็นจะมากเกินกว่างานเลี้ยงที่ต้องพูด ยิ้ม...พูด...และยิ้มเสียแล้ว”
“อายุท่านยังไม่มาก”
“แต่ก็ไม่ใช่คนหนุ่มแล้ว”
“ความแก่หนุ่มไม่สำคัญเจ้าค่ะ”
“แล้วอะไรสำคัญ”
“งานเจ้าค่ะ คนหนุ่มบางคนตั้งหน้าแต่จะทำให้คนแก่ลง เพราะอบายมุขอื่นๆ ก็ถมไป แต่งานทำให้สติปัญญาพุ่งไปไกล ร่างกายกระฉับกระเฉง แล้วคนแบบนี้จะแก่ได้อย่างไร”
ปราจิตหัวเราะเบาๆ “เธอทำให้ฉันอายแล้วสิ”
“ทำไมเจ้าคะ”
“เพราะฉันแสดงความท้อแท้ให้เธอเห็นเสียก่อนน่ะสิ นี่เธอจะไปไหน”
“คิดว่า...จะขึ้นมาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว แล้วกลับบ้านเจ้าค่ะ”
“ทำไม เบื่อเหมือนกันเหรอ”
“เสร็จงานของดิฉันแล้วนี่เจ้าคะ”
“จะกลับยังไง ป่านนี้แล้ว”
“ยังไม่ดึกนัก พอจะมีรถเจ้าค่ะ”
“ไม่ค้างเสียที่นี่เหรอ”
“คิดว่า...กลับดีกว่าเจ้าค่ะ”
“ฉันจะไปส่ง”
“ดิฉันกลับเองได้เจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ถ้าจะเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ฉันจะคอย”
ปราจิตถอยออกไปยืนข้างหน้าต่าง ทอดสายตาไปข้างนอก โดยไม่มีทีท่าว่าจะเลี่ยงออกจากห้อง
ศจีเหลียวซ้ายแลขวาอย่างอึดอัด ฉากกั้นห้องแต่งตัวมิดชิดก็จริง แต่ก็ไม่คุ้นกับการเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย โดยมีคนอื่นอยู่ในห้อง
“บอกทางบ้านไว้หรือเปล่าว่าจะกลับหรือไม่กลับ” ปราจิตถาม โดยสายตายังมองอยู่ที่เดิม
“แม่ไม่ว่าหรอกค่ะ เพราะเคยอยู่รับแขกกับคุณหญิงท่านเสมอ”
“งั้นถ้าเธอจะกลับ ก็เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสีย”
ศจีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังฉากกั้น
อ่านต่อหน้า 3
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 23 (ต่อ)
ทางด้านรัชนีฉายยืนคุยอยู่กับบรรดาคุณหญิงคุณนายในงานเลี้ยงกลางสวนสวย
“พอคุณหญิงป่วย คุณน้องเลยเหนื่อยแย่นะคะ ต้องออกงานแทนเธอบ่อยๆ” กัลยาว่า
“เหนื่อยก็ทนได้ค่ะ ถ้าไม่ช่วยพี่สาวตัวเองแล้วจะไปช่วยใครละคะ”
สายสุนีย์โพล่งขึ้น “คุณน้องช่างน่ารักมีน้ำใจจริงๆ ทำงานหนักแบบนี้ แล้วไม่คิดจะแต่งงานเหรอคะ”
รัชนีฉายอึ้งไปนิดหนึ่ง รู้เจตนาผู้ถาม แต่ก็ฝืนยิ้ม
“ยังไม่คิดหรอกค่ะ อยากช่วยงานคุณพี่วตีก่อน จนกว่าคุณพี่จะแข็งแรงขึ้น เรื่องอื่นไว้ทีหลังค่ะ”
วัชรินทร์บอกคล้ายชม “โถ...แสนดีจริงๆ คุณวตีโชคดีที่มีน้องสาวทั้งเก่งทั้งดีอย่างคุณน้อง”
รัชนีฉายแสร้งยิ้ม รับรู้ถึงประชดนั้น แล้วเฉไฉทำท่ามองหาอรุณวตี แต่ที่จริงหาปราจิตมากกว่า
“คุณพี่วตีหายไปไหนก็ไม่รู้”
“เมื่อกี้เห็นว่าจะไปคุยกับมิสซิสอะไรสักอย่างนี่คะ แล้วก็ไม่เห็นอีกเลย” งามพร้อมบอก
“น่าเป็นห่วงจริง ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย งั้นน้องขอตัวก่อนนะคะ”
รัชนีฉายเดินออกไป ในวงก็ซุบซิบทันที พิจิตราเปิดประเดิม
“ห่วงคุณพี่หรือสามีคุณพี่กันแน่นะ”
สายสุนีย์เสริมว่า “น่าคิดนะคะคุณหญิงขา”
ต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ขณะถอดชุดราตรีออก มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ศจีชะงัก ปราจิตอ้าปากจะตอบ แต่รัชนีฉายเปิดประตูพรวดเข้ามาเสียก่อน
“อ้อ มาหลบอยู่นี่เองเหรอคะ”
ปราจิตหงุดหงิด “ทำไมต้องใช้คำว่าหลบ”
“อ้าว ก็ทำไมคุณพี่ขึ้นมาอยู่บนนี้ล่ะคะ”
“ทำไม ฉันขึ้นมาไม่ได้เหรอ”
“แขกข้างล่างจะนึกยังไงคะ เจ้าภาพหายไปหมด คุณพี่ คุณพี่วตี”
“ช่างเถอะ ใครเขาจะคิดยังไงก็”
ศจีเอื้อมมือไปดึงเสื้อชุดเดิมของตัวเองที่พาดไว้บนขอบฉากลงมาอย่างเบามือ แต่เข็มกลัดที่ปลดง้างไว้
หลุดตกลงมากระทบพื้นเสียงดังแก๊ก
รัชนีฉายเหลียวขวับไปมองทางนั้น
“อะไรคะ”
ปราจิตไม่ตอบ รัชนีฉายก้าวยาวเข้าไปใกล้ ศจีซึ่งอยู่หลังฉากทำตัวลีบเล็ก รัชนีฉายเก็บเข็มกลัดที่หล่นอยู่ขึ้นมา
“อ้าว เข็มกลัดใครคะ”
ปราจิตเฉยตามเคย แต่รัชนีฉายไม่ยอมเฉยด้วย
“เพิ่งตกลงมานี่ ใครอยู่กับคุณพี่คะ”
“ออกไปข้างนอกด้วยกันดีกว่า ไหนว่าแขกเขาคอย”
“คุณพี่ขึ้นมากับใครคะ”
“ออกไปเถอะคุณ”
ปราจิตถึงขั้นจับมือถือแขนลากรัชนีฉายออกไป แต่รัชนีฉายขัดขืน
“ไม่ต้องลากน้องหรอกค่ะคุณพี่ แบบนี้แสดงว่า ใคร บอกมานะคะคุณพี่”
ปราจิตยื้อยุดจะพาออกไป “ไปกับพี่ดีกว่า”
“ไม่ น้องต้องรู้ให้ได้ว่าใคร...น้องคิดว่า”
ศจีปลดชุดเก่าลงจากขอแขวนภายในฉาก แต่ไม่ทัน รัชนีฉายที่ถลันเข้ามาเห็นก่อน
ทั้งสองประจันหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างตกใจ ตะลึงงันไปทั้งคู่
รัชนีฉายเห็นศจีในชุดซับในบางเบา ก็ถึงกับปากสั่น หน้าเขียว น้ำเสียงโหยหวน เจ็บช้ำ ผิดหวังขั้นรุนแรงและสูงสุด
“แก...คุณพี่...ยังงี้เอง...แอร๊ย...”
อรุณวตีที่หลับตาอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอันโหยหวนของรัชนีฉายดังลั่นเข้ามา
“เสียงใครน่ะพี่วรรณ ใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
วรรณกำลังเตรียมชุดนอนให้อรุณวตีเปลี่ยนก็ชะงัก เงี่ยหูฟังอย่างงุนงง
“เหมือนเสียงคุณรัชนีฉายนะคะ”
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างงุนงง
ทุกคนในงานเลี้ยงต่างเมียงมองเข้าไปในตึกใหญ่อย่างงวยงงและสงสัย
“เสียงใครดังลั่นออกมาจากในบ้าน” สุรศักดิ์มองไปตามเสียง
“นั่นสิคะคุณพ่อ กรี๊ดเสียดังเชียว” สิริกันยาว่า
“เหมือนจะเป็นเสียงคุณรัชนีฉายนะ” กัลยาบอก
สุพรรณกับดนัยเองก็สบตากันอย่างแปลกใจ
“ใครวะร้องยังกับหมาถูกเชือด”
สุพรรณอดเป็นห่วงศจีไม่ได้ “ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น”
รัชนีฉายเข้าไปกระชากแขนของศจีออกมาตบตี
“นี่เอง จับได้คาหนังคาเขา คุณพี่จะรับไหมคะ รับไหม”
ปราจิตรีบเข้าไปดึงรัชนีฉายออกมา
“เธอเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิด จะให้น้องเข้าใจยังไงคะถึงจะถูก”
ปราจิตทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วสุดท้ายก็เฉยเสีย
“แบบนี้นี่เอง ที่นี่ คุณพี่ทำเหมือนเหยียบจมูกน้อง ดูถูกคุณพี่วตีลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับนังเด็กชั้นต่ำนี่”
ศจีสะบัดมือออกจากรัชนีฉาย
“คุณกำลังเข้าใจผิดจริงๆ คือว่า...”
“แกไม่ต้องมาแก้ตัว” รัชนีฉายไม่ฟังร้องตะโกนก้อง “พี่วตีอยู่ไหนคะ พี่วตีขา”
รัชนีฉายเดินแกมวิ่งผวาออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“ฟังพี่ก่อนรัชนีฉาย มานี่ ฟังพี่ก่อน”
รัชนีฉายไม่ฟัง ปราจิตหันไปหาศจีอย่างเป็นห่วง
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ รีบไปห้ามคุณรัชนีฉายเถอะเจ้าค่ะ คุณหญิงท่านกำลังไม่สบาย”
ปราจิตรีบรุดตามรัชนีฉายออกไป
อรุณวตีผงกศีรษะขึ้นทันควัน เมื่อได้ยินเสียงรัชนีฉายเปิดประตูกระแทกดังปัง รัชนีฉายน้ำตาไหลอาบแก้ม สะอึกสะอื้น ถลาเข้ามาหาอรุณวตี
“พี่วตี..คุณพี่...คุณพี่กับนังเด็กนั่น”
“อะไรกัน”
“พี่วตีขึ้นไปดูสิคะ นังเด็กนั่นกับคุณพี่...โอ้โลมปฏิโลมกันในห้องขาว ห้องนอนของพี่วตีแท้ๆ”
“อะไรนะ”
อรุณวตียันตัวลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยเร็ว แต่รัชนีฉายก็ไม่สนใจ ชี้ขึ้นไปบนห้อง
“บนห้องนอนคุณพี่เข้าใจไหมคะ บนห้องนอนคุณพี่ น้องเห็นมากับตา”
อรุณวตีผงะไปนิดหนึ่ง “เป็นไปไม่ได้”
“มันเป็นไปแล้วค่ะ เขาอยู่ด้วยกันที่นั่น บนเตียงที่คุณพี่หวงนักหนาเตียงแต่งงาน เตียงส่งตัวนั่นแหละ”
อ่านต่อหน้า 4
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 23 (ต่อ)
สีหน้าของอรุณวตียามนี้ซีดจนเขียว นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด ก่อนจะเอนซบลง พร้อมๆ กับเสียงของวรรณดังขึ้น
“คุณหญิง”
วรรณถลันเข้ามาขึ้นนั่งบนเตียง
“อะไรกันคะ อะไร”
วรรณประคองช้อนศีรษะอรุณวตีไว้แนบอก พูดเสียงสั่นด้วยความตกใจ
“โทร.ตามหมอให้ทีค่ะ เร็ว...โทร.หาหมอให้ที”
แต่รัชนีฉายยังพูดต่อโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“ไหนคุณพี่วตีว่าคุณจิตสัญญาเป็นมั่นเหมาะไงคะ ว่าจะไม่ให้ใครซ้ำรอย แม้แต่น้อง เดี๋ยวนี้...ใคร...ใครคะ นังเด็กนั่นมาจากไหนคุณพี่รู้กำพืดมันหรือเปล่า”
วรรณโกรธจัด “คุณรัชนีฉาย เลิกพูดที โทร.ไปตามหมอ...เร็วๆ เข้า”
รัชนีฉายหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง
“หมอ ฮ่าๆๆ เอะอะก็หมอโรคหัวใจ คุณพี่วตีกีดกันน้อง แต่พยายามยัดเยียดนังเด็กนั่นให้เข้ามาแทน คราวนี้สะใจไหมคะ มันไม่ได้พยายามแทนที่น้องหรอก แต่มันพยายามแทนที่คุณพี่วตีต่างหากคะ ได้ยินไหมคะ มันพยายามแทนที่คุณพี่ไม่ใช่น้อง”
เสียงปราจิตตวาดขึ้น “หยุดได้แล้ว”
รัชนีฉายหยุดกึก หันไปมองด้วยสายตาเจ็บปวด เห็นปราจิตก้าวพรวดเข้ามาดูอรุณวตี
“คุณวตี เป็นยังไงบ้างคะ”
วรรณยังประคองอรุณวตีไว้แนบอก ดวงตาลุกวาว
“หมอ ตามหมอทีสิคะ หรือจะมัวแต่หึงหวงกัน ฉันจะได้หอบคุณหญิงท่านไปตายริมถนน”
ปราจิตกับรัชนีฉายชะงัก ศจีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก้าวตามมา เห็นวรรณตะเบ็งเสียงดังลั่น
“หมอ...ได้ยินไหม หมอ”
ศจีรีบเดินแกมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
พอเข้ามาในห้องทำงาน ศจีรีบเปิดสมุดโทรศัพท์ด้วยมือที่สั่นเทา รีบยกหูโทรศัพท์ แล้วหมุนไปที่เบอร์ของหมอประจำตระกูลทันที
วรรณยังประคองอรุณวตีที่ไม่ได้สติไว้ เสียงอันสั่นสะท้านดังกึกก้องไปทั้งห้อง
“ดูเสียให้เต็มตา ดู นี่ไม่ใช่คนแล้วแต่เป็นซาก คุณเข้าใจไหม ซากศพไงล่ะ ซากศพที่เดินได้ หายใจได้กินได้ แต่ไม่มีหัวใจวิญญาณเพราะไอ้สองอย่างนี่คุณช่วยกันเหยียบย่ำจนแหลกลาญไปนานแล้ว”
วรรณมองกราดจากปราจิตกลับไปยังรัชนีฉายที่ยังคงสะอึกสะอื้นไม่หยุด แล้วมองกลับมาที่ปราจิตอีกครั้ง ปราจิตเอาแต่นิ่ง
“คุณ...สุมหัวกันหาความสุขจากซากนี้มานานแล้ว เคยมีใครบ้างไหมที่คิดว่าเธอรู้สึกอย่างไร ขมขื่น เป็นทุกข์ หรือเสียใจ คุณรู้กันแต่ว่า คุณมีความสุขอยากได้อะไรเป็นได้ เงินทอง หน้าตา เกียรติยศ แม้กระทั่ง...”
“พอทีเถอะพี่วรรณ”
คำพูดท่านทูตนอกจากจะไม่เป็นผล วรรณไม่หยุด และดูจะหมดความยับยั้งเกรงกลัวอีกต่อไป
“แม้กระทั่ง นอนอยู่ด้วยกันบนโน้น บนหัวคุณหญิงท่านข้างล่างนี่เป็นสุขใช่ไหม” วรรณหันมาเอาเรื่องรัชนีฉาย “คุณอยากได้ทุกอย่างที่คุณหญิงท่านมีคราวนี้เอาไปเสียให้พอ เพราะท่านกำลังจะตายอยู่แล้ว”
รัชนีฉายได้แต่สะอึกสะอื้น
แกมแก้วมองไปในตึกอย่างแปลกใจ พลางถามชีวินไปด้วย
“ข้างในมีเรื่องอะไรกันคะ ดูวุ่นวายจัง”
“นั่นสิ เสียงดังเอะอะ คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่า”
นวลผ่องเดินแกมวิ่งเข้ามา หน้าตาตื่น
“คุณวิน คุณลูกแก้วขา คุณหญิงอรุณวตีเจ็บหนักค่ะ”
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างตกใจ
“คุณแม่”
สองพี่น้องรีบตามนวลผ่องไป สิริกันยาเห็นชีวินก็ร้องถาม
“พี่วินไปไหนคะ พี่วิน เกิดอะไรขึ้น”
ชีวินไม่ตอบ สิริกันยารีบตามเข้าบ้านไป
ชีวินกับแกมแก้วมาถึงหน้าห้อง ซึ่งมีแขกและคนรับใช้มุงดูอยู่มากมาย ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน สิริกันยาตามเข้ามา ถามกัลยาที่มุงอยู่หน้าห้อง
“คุณหญิงน้าเป็นยังไงบ้างคะ”
“ท่าจะอาการหนัก”
ชีวินกับแกมแก้วแหวกผู้คนเข้าไปในห้อง
“ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อย”
“ขอโทษนะคะ”
พอชีวินกับแกมแก้วเข้ามาหน้าห้องได้ ปราจิตก็สั่งน้ำเสียงเด็ดขาด
“ปิดประตูห้อง”
ชีวินรีบเข้าไปแล้วปิดประตูลง ปล่อยให้คนหน้าห้องมองเข้าไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
แกมแก้วเข้ามาเกาะที่เตียงของอรุณวตี จับมือแม่ไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นฮักๆ
“คุณแม่ขา...คุณแม่...”
อรุณวตีนอนหลับใหลไม่ได้สติ ชีวินเข้ามากระซิบ
“วินอยู่นี่นะครับแม่ แม่เข้มแข็งไว้นะครับ”
หนังตาที่ปิดสนิทของอรุณวตีกะพริบนิดๆ
“แม่อาจจะเสียอะไรทุกอย่างหมด แต่แม่ยังมีลูกสองคน” ชายหนุ่มเสียงเครือสั่น “ดวงชีวินของแม่ กับแก้วตาของแม่ไงครับ”
“คุณแม่อย่าทิ้งลูกแก้วไปไหนนะคะ คุณแม่ขา”
ชีวินลูบหลังปลอบน้องสาว
“เดี๋ยวหมอก็มาแล้วลูกแก้ว คุณแม่ต้องปลอดภัย”
แกมแก้วพยักหน้ารับ ศจีนั่งนิ่งอย่างพยายามกลั้นน้ำตา ปราจิตเข้ามาบอกชีวิน
“วิน ช่วยออกไปลาแขกทีลูก บอกว่าคุณแม่ไม่สบายมาก”
“ครับ”
ชีวินก้มลงจูบที่แก้มของแม่เบาๆ ก่อนจะลุกออกไปด้วยท่วงท่าทระนงองอาจ
ถัดมา ชีวินออกมาประกาศกับแขกในงาน
“ขอเชิญทุกท่านกลับไปก่อนนะครับ คุณแม่ไม่สบายมาก”
“คุณหญิงเป็นอะไร โรคหัวใจกำเริบเหรอจ๊ะ” กัลยาถาม
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณพ่อตามหมอแล้ว”
ทุกคนต่างทยอยแยกย้ายกันออกไป ชีวินยกมือไหว้ พลางเดินตามไปส่งแขกผู้ใหญ่
“เชิญครับคุณลุงคุณป้า เชิญครับท่าน”
ฝ่ายดนัยบอกกับสุพรรณที่นั่งมองเข้าไปในตึกไม่ละสายตา
“กลับกันเถอะวะพรรณ”
“เอ็งกลับไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ต่ออีกสักพัก”
“อยู่ให้กำลังใจน้องลูกแก้วเหรอวะ”
สุพรรณไม่ตอบ แต่มองเข้าไปข้างในตึกอย่างห่วงใยใครบางคน ดนัยตบบ่าอย่างเข้าใจ
“เออ ข้าเข้าใจ งั้นข้ากลับก่อน เดี๋ยวรถจะหมด เอ็งอยู่ได้นะ”
“ไม่ต้องห่วง”
ดนัยตบบ่าสุพรรณอีกสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกไป
ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง หมอเงยหน้าขึ้นจากการตรวจอาการอรุณวตี พลางบอกท่านทูตน้ำเสียงเบาว่า
“ส่งโรงพยาบาลด่วนดีกว่า เครื่องไม้เครื่องมือครบกว่า ที่นี่อาจจะ ช่วยได้ดีที่สุด”
ปราจิตผงกศีรษะรับสีหน้าขรึมๆ
“วิน โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลที”
ชีวินรีบออกไปโดยเร็ว ปราจิตหันไปถามหมอ
“หวังได้มากน้อยเพียงใดครับหมอ”
หมอถอนใจ “ผม เห็นจะบอกไม่ได้”
รัชนีฉายเอามือปิดปาก ทำท่าจะกรีดร้อง แต่ปราจิตเหลือบตาไปเห็นเสียก่อน จึงสั่งเสียงเฉียบขาด
“อย่าเอะอะอะไรให้มากไปกว่านี้นะ”
รัชนีฉายจำต้องกลืนกินน้ำเสียงทั้งหมดลงคอไปได้ทันที ปราจิตนิ่งงัน รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน
เสียงแกมแก้วสะอื้นเบาๆ ขึ้นมาอย่างสุดจะกลั้น
วรรณเองแม้ได้พยายามกลั้นน้ำตาที่คลอขึ้นมาเป็นริ้วๆถึงที่สุด แต่ก็ไม่อาจต้านทานไหว
ศจีน้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้มนวลเป็นสาย
ทุกคนในที่นั้นต่างตกอยู่ในความเศร้าสะเทือนใจอย่างใหญ่หลวง แต่ละคนช่วยกันภาวนา ยกเว้นรัชนีฉายละกระมัง
อ่านต่อตอนที่ 24