xs
xsm
sm
md
lg

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 6

เต็กคุยโทรศัพท์บ้าน สายส่งข่าวเรื่องสุงถูกลอบฆ่า
 
"โรงงิ้วเฟิ่งหวงไฟไหม้ ! แล้วพี่ใหญ่ล่ะ ห๊ะ ! เออๆ อั๊วจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
เต็กวางหูโทรศัพท์อย่างร้อนใจ กำลังจะรีบออกไปที่โรงพยาบาล ตี๋เล็กเสื้อผ้ายับยู่ยี่เดินสวนกลับมา เต็กเห็นเข้าพอดี
"มัวไปฟัดกับหมาที่ไหนวะไอ้ตี๋เล็ก รู้มั้ย ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว"
ตี๋เล็กแกล้งทำตัวให้เป็นปกติ เต็กจะได้ไม่สงสัย แต่ก็ยังมีพิรุธอยู่ดี
"เรื่องอะไร"
"โรงงิ้วเฟิ่งหวงถูกไฟไหม้ พี่ใหญ่ก็ถูกลอบทำร้าย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล เป็นหรือตายยังไม่รู้ ลื้อจะไปกับอั๊วหรือเปล่า"
"ไม่อ่ะ อาป๊าไปคนเดียวเหอะ อั๊วจะนอน"
ตี๋เล็กพูดจบก็ขึ้นบันไดไปอย่างไม่สนใจ
"เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ มันยังหลับลงอีกเหรอวะเนี่ย"
เต็กส่ายหน้าที่ตี๋เล็กไม่อินังขังขอบต่อเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้น

เต็กรีบร้อนมาที่โรงพยาบาลในเวลากลางคืน เห็นทุกคนนั่งเสียใจ หมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
"พี่ใหญ่เป็นยังไงมั่ง"
ทุกคนได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่มีใครกล้าตอบ สลดใจต่อการตายของสุง
"อั๊วถาม ทั้งหัวหงอกหัวดำหูหนวกกันหรือไง!"
หงส์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามกลั้นน้ำตา แต่น้ำตากลับไหลออกมาเอง
"อาป๊า... อีไปแล้ว"
เต็กฟังแล้วอึ้ง ช็อคไปชั่วขณะ
เต็กโมโห
"ใครวะ ใครเป็นคนคุ้มกันพี่ใหญ่ ทำไมถึงได้ปล่อยให้พี่ใหญ่เป็นแบบนี้"
"อั๊วเอง"
เต็กเข้าไปใช้หลังมือตบหน้าหลงอย่างแรง
"ลื้ออยู่แก๊งเฮียไช้ เฮียไช้ก็ตาย ลื้อย้ายมาอยู่กับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ก็ตายอีก ! ลื้อเป็นมือปืนคุ้มกันประสาห่าอะไรวะ ! ห๊ะ ! ไอ้ตัวซวย"
หลงก้มหน้า ไม่โต้ตอบสักคำ หงส์สะกิดใจกับคำว่าตัวซวย
"อย่าว่าอาหลงเลยค่ะอาเจ็ก หงส์ต่างหากที่เป็นตัวซวย เกิดมาพร้อมกับความวิบัติ ทำให้อาป๊า อาม้า แล้วก็เฮียฉางต้องตาย"
"ไม่เอาเจ้ อย่าโทษตัวเองเลย มันเป็นกรรม ไม่ใช่เพราะเจ้หรือเพราะใครทั้งนั้น" หมวยบอก
หงส์กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ วิ่งออกไปทันที
"เจ้หงส์ !"
หมวยขยับจะตาม แต่กุ่ยรั้งแขนหมวยไว้ ส่งสายตาปราม.... ไม่ให้ตามไป ปล่อยให้หงส์อยู่คนเดียวสักพัก

หงส์มาแอบร้องไห้ ทรุดนั่งอยู่คนเดียวข้างๆบันได สิ้นสภาพ หงส์ร้องไห้อย่างหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีสุง ไม่มีฉาง ไม่มีโรงงิ้วเฟิ่งหวงอีกแล้ว
หลงแอบมองอยู่ห่างๆ ได้แต่ส่งสายตาปลอบโยนหงส์เท่านั้น

เมฆินทร์อ่านหนังสือพิมพ์จีนในตอนเช้าในสวน คฤหาสน์ นสพ. หน้าหนึ่ง พาดหัวตัวใหญ่ ลงข่าวสุงถูกแทงตาย
"เถ้าแก่สุงถูกคนร้ายใช้อาวุธงิ้วแทงจนตาย ฝีมือคนของแกใช้มั้ย"
"หามิได้ครับท่าน ไม่ใช่คนของกระผมแน่นอน" เกาบอก
"หมายความว่ายังมีคนอื่น นอกจากเราคิดโค่นเถ้าแก่สุงด้วยเหรอวะ"
"ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม พญามังกรอย่างเถ้าแก่สุงถูกโค่นโดยที่เราไม่ต้องเปลืองแรง ฝ่ายเรามีแต่ได้กับได้"
"เถ้าแก่สุงอยู่มาจนถึงวันนี้ นับว่ามาไกลมากแล้ว ถึงเวลาที่อำนาจจะต้องเปลี่ยนมือสักที"
"กระผมได้ข่าวว่าเถ้าแก่ตง หัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ ตอนนี้ก็กำลังป่วยหนัก เห็นทีประมุขสมาคมเลือดมังกรคนต่อไปคงจะหนีไม่พ้นเสี่ยเล้ง หัวหน้าแก๊งมังกรดำ"
"แกเป็นลูกพี่ไอ้เสี่ยเล้งใช่มั้ย"
"ใช่ครับ กระผมแซ่เดียวกับเสี่ยเล้ง เสี่ยเล้งเลยพากระผมเข้าสมาคมเลือดมังกรเมื่อ 10 ปีก่อน"
"ใครจะได้นั่งเก้าอี้นายกสมาคม ฉันไม่สนใจหรอก เพราะถึงยังไงสมาคมเลือดมังกรก็อยู่ในอุ้งมือฉันอยู่ดี ฉันสนใจอาหงส์ ลูกสาวเถ้าแก่สุงมากกว่า"
เมฆินทร์เอามือลูบคาง ยิ้มเจ้าเล่ห์

หงส์กับหลงมาดูซากโรงงิ้วที่ถูกไฟไหม้แทบไม่เหลือซาก ควันยังลอยกรุ่น
"ไม่เหลืออะไรเลย เสื้อผ้า อาวุธ เครื่องประดับทุกชิ้น ไหม้ไปพร้อมกับโรงงิ้ว"
"สมบัตินอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้.... ยังดีที่พวกคนงานช่วยกันดับทัน ไฟเลยไม่ลามเข้าไปในบ้าน"
หงส์เห็นป้ายโรงงิ้วเฟิ่งหวงไหม้ดำเป็นตอตะโก รู้สึกใจหาย
"ฉันเคยรับปากกับเฮียฉางไว้ก่อนตายว่าจะดูแลอาป๊า ดูแลคณะงิ้ว แต่สุดท้ายฉันก็ทำตามคำสั่งเสียของเฮียฉางไม่ได้สักอย่าง"
"ถึงโรงงิ้วจะถูกไฟไหม้ แต้คณะงิ้วยังอยู่ รอให้คุณกอบกู้กลับคืนมาอีกครั้ง"
"ไม่มีอาป๊าแล้ว ฉันก็ไม่รู้จะทำไปเพื่อใคร"
"เพื่อปณิธานของเถ้าแก่สุง เถ้าแก่สุงรักงิ้วมาก อยากให้ศิลปะงิ้วยังคงอยู่ต่อไป คุณหนูลืมแล้วเหรอ"
หงส์ครุ่นคิด มีความหวังที่จะกอบกู้โรงงิ้วขึ้นมาอีกครั้ง
"นายคิดว่าใครฆ่าอาป๊า ? ไอ้คนที่มันบุกเข้ามาวันก่อนหรือเปล่า"
"ผมยังไม่แน่ใจจนกว่าจะได้ตัวมันมา แต่ดูจากวิธีฆ่าแล้ว ไม่น่าใช่ฝีมือของนักฆ่ามืออาชีพ มันคงจะแค้นส่วนตัวมากกว่าเรื่องผลประโยชน์ ถึงได้ฆ่าเถ้าแก่สุงแล้วยังเผาโรงงิ้ววอดทั้งหลัง"
"มันแค้นอะไรอาป๊านักหนาถึงได้ฆ่าอย่างเลือดเย็นขนาดนั้น"
หลงก้มหน้านิ่ง ยังไม่รู้ตัวคนร้าย และสาเหตุที่แน่ชัด คิดว่าไม่น่าจะใช่ซ้ง
"ตอนนี้ผมว่าเตรียมพิธีศพเถ้าแก่สุงให้สมเกียรติก่อนจะดีกว่า"
"อาหลง ! ฉันอยากให้นายช่วยจับตาแขกทุกคนที่มาในงานศพอาป๊า ฉันเชื่อว่าไอ้คนที่สั่งฆ่าอาป๊าจะต้องปะปนกับพวกเราในคืนนั้นแน่นอน"
หลงก้มหัวน้อมรับคำสั่งหงส์ คิดไม่ต่างกันว่าคนร้ายจะต้องปะปนมาในงานศพ
"ถ้าจับได้ว่ามันเป็นใคร ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่"

หงส์แววตาเจ็บแค้น กำมือแน่น น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของหงส์นั้นทำให้หลงเองยังรู้สึกครั้นคร้าม

ท้องฟ้าคืนนี้เป็นคืนเดือนดับ ไม่มีดาวสักดวง
 
บรรยากาศหดหู่ เศร้าหมอง หงส์เข้ามานั่งคุกเข่าบริเวณเก้าอี้ที่สุงเคยนั่งเป็นประจำ ก้มหน้า น้ำตาร่วงเผาะๆ
"ไม่มีอาป๊าแล้ว หงส์จะอยู่ได้ยังไง"
เสียงสุงดังขึ้น แต่เป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยเมตตา คนละอารมณ์กับในอดีตกับคำพูดในประโยคเดียวกัน
"นั่งตัวตรงๆให้สมกับที่เป็นลูกอั๊ว"
สุงปรากฏขึ้น เป็นภาพในหัวของหงส์ เสมือนกับว่าสุงยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวนี้หน้าหิ้งอาฉางตลอดเวลา
"อาป๊า... หงส์ก็เป็นแค่หงส์ ไม่ใช่มังกรเหมือนอาป๊า"
"ถึงเป็นหงส์ ลื้อก็ต้องสง่าอย่างพญาหงส์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่าทำตัวเป็นห่านให้อั๊วเห็นอีก"
หงส์พยายามข่มใจ กลั้นน้ำตาทำตามที่สุงสอน
"เป็นลูกอาป๊าต้องห้ามเสียน้ำตาใช่มั้ย"
"ลูกมังกรต้องไม่ร้องไห้ มีแต่หมาเท่านั้นที่เจ็บแล้วร้อง"
"หงส์ทำไม่ได้หรอก"
"ลื้อต้องทำได้ เพราะลื้อเป็นลูกอั๊ว"
หงส์รู้สึกเปี่ยมล้นขึ้นมาในหัวใจ คำๆนี้ทำให้หงส์มีกำลังใจขึ้น
"ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หงส์จะเข้มแข็งให้สมกับที่เป็นลูกอาป๊า หงส์สัญญาว่าจะไม่อ่อนแอให้อาป๊าเห็นอีก"
สุงยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนหายวับไป เหลือเพียงแต่เก้าอี้ว่างเปล่าตัวเดิม หงส์ทำใจให้แกร่ง ตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป

หน้าโลงจำปาที่ถูกประดับประดา ตกแต่งอย่างสวยงามและสมเกียรติเจ้าพ่อใหญ่นายกสมาคมเลือดมังกร มีโคมวิญญาณ บ้านกระดาษจำลอง คนรับใช้ และกระดาษเงินกระดาษทองตามหลักพิธีการ
แขกเหรื่อทยอยกันเข้ามาในงานเคารพศพสุง จนแน่นขนัด
เต็กเข้ามาในงานพร้อมกับตี๋เล็ก หงส์โค้งคำนับตามมารยาท
"อาเจ็ก... เฮียตี๋เล็ก"
"อั๊วให้เด็กที่ร้านตระเตรียมเครื่องเซ่นไหว้สำหรับพิธีกงเต็กให้เรียบร้อยแล้วนะ ลื้อไม่ต้องห่วง"
"ขอบคุณมากค่ะ อาเจ็ก"
เต็กพยักหน้ารับรู้ ไม่ต้องพิธีรีตองให้มากความ
"พี่ใหญ่เคยทำให้อั๊วมากกว่านี้ อั๊วอยากทำให้พี่ใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย"
ตี๋เล็กมองหงส์เหมือนลูกไก่ในกำมือ ไม่มีสุงคอยเป็นก้างขวางคอแล้ว
"ถึงไม่มีอาป๊า แต่น้องหงส์ก็ยังมีเฮียตี๋เล็กอยู่ทั้งคน"
หงส์ไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำ ยิ่งรู้จักยิ่งรังเกียจในความไม่รู้จักกาละเทศะของตี๋เล็ก
"เมื่อไหร่น้องหงส์จะยอมเป็นเมียเฮียสักทีล่ะจ๊ะ"
หยกมณีแต่งชุดดำแต่ยังแฝงด้วยความเซ็กซี่เดินเข้ามาขัดจังหวะ เข้ามาเกาะแกะตี๋เล็ก
"แหม... ได้หยกเป็นเมียก้นหม้อข้าวยังไม่ทันดำ จะทิ้งหยกไปซะแล้วเหรอคะเฮีย"
เต็กพูดลอดไรฟัน
"จริงเหรอวะไอ้ตี๋เล็ก"
"ได้เป็นเมียตอนไหน อั๊วยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ"
"เห็นทีคงต้องกลับไปทบทวนกันสักหน่อย ดีมั้ยคะเฮีย"
"หยำฉ่า ! อยู่ในวัดในวา พูดจาไม่อายฟ้าอายดิน"
หยกมณียิ้มระรื่น ลอยหน้ารับคำด่าของเต็ก
"ไอ้ตี๋เล็ก ! ตามอั๊วมา กลับไปอั๊วจะเอาน้ำมนต์มาอาบให้ลื้อล้างซวย"
เต็กลากแขนให้ตี๋เล็กเข้าไปในงานพร้อมกับตน รังเกียจหยกมณีราวกับขี้ ไม่อยากให้ตี๋เล็กอยู่ใกล้ หงส์ก้มหัวให้หยกมณี ทักทายและขอบคุณที่มาช่วยไว้ได้ทันเวลา
"เจ้หยก"
หยกมณีจับที่ต้นแขนหงส์ อย่างให้กำลังใจ ทั้งสองมองตากัน ต่างเข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรโดยไม่ต้องพูดกันสักคำ

หยกมณีเข้ามาภายในงานเจอหมวยกับกุ่ยที่ยืนต้อนรับอยู่ หมวยกับกุ่ยพอเห็นหยกมณีมางานก็ไม่ค่อยสบอารมณ์ เพราะไม่ชอบหยกมณีเป็นทุน
"นึกว่าเจ้หยกจะไม่มาซะแล้ว" หมวยบอก
"นักร้องเบอร์หนึ่งแห่งฉั่วเทียนเหลาให้เกียรติมาเคารพศพ เถ้าแก่สุงคงดีใจตายล่ะ" กุ่ยบอก
"ถึงฉันจะไปได้ดิบได้ดี แต่ก็ไม่เคยลืมกำพืดตัวเองว่าโตมาจากที่ไหน... เถ้าแก่สุงมีพระคุณกับฉันไม่น้อยไปกว่าพวกเธอ"
"แต่เจ้ก็ใจดำทิ้งเถ้าแก่ ทิ้งโรงงิ้ว ทิ้งพวกเราทุกคนได้ลงคอ" หมวยว่า
"ไม่เรียกว่าเนรคุณแล้วจะให้เรียกว่าอะไร" กุ่ยว่า
"อยากเรียกอะไรก็ได้ที่ทำให้พวกเธอสบายใจ"
หยกมณีไม่ตอบโต้หมวยกับกุ่ย เดินลอยหน้าไปเสมือนหนึ่งว่าไม่อินังขังขอบ
 
หมวยกับกุ่ยเบ้ปาก ไม่ชอบคนอกตัญญูอย่างหยกมณี

เกาเพิ่งมาถึง เข้ามาทักทายหงส์แบบหยามหยัน อาซายืนอารักขาอยู่ด้านหลัง
 
"อั๊วเสียใจด้วยนะคุณหนูหงส์....เห็นกันอยู่หลัดๆแท้ๆ เถ้าแก่สุงไม่น่าอายุสั้นเลย โรงงิ้วเฟิ่งหวงก็ดันมาถูกไฟไหม้ไม่เหลือซาก ไม่รู้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรนักหนา"
"สุขกับทุกข์เป็นของคู่กัน ไม่มีใครเสวยสุขตลอดไป และไม่มีใครทนทุกข์กันทั้งชาติ"
"ดูเหมือนคุณหนูจะไม่ค่อยเสียใจกับความหายนะสักเท่าไหร่.... แม้แต่น้ำตาสักหยดก็ยังไม่มี"
"มีประโยชน์อะไรที่ต้องมานั่งร้องไห้คร่ำครวญ อาป๊าเคยสอนไว้ว่า ลูกมังกรต้องไม่ร้องไห้ มีแต่หมาเท่านั้นที่เจ็บแล้วร้อง"
"ช่างน่าปลื้มใจแทนเถ้าแก่สุงที่มีลูกสาวใจเด็ดเกินหญิง ถ้าคุณหนูเป็นผู้ชายคงจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำไปแล้ว แต่ก็อย่างว่าเรื่องอำนาจวาสนามันกำหนดกฎเกณฑ์กันไม่ได้ สุดท้ายแก๊งหงส์ดำก็คงจะต้องยุบตัวไปเหมือนกับแก๊งไก่ฟ้า"
"ของแบบนี้มันไม่แน่ไม่นอน บางทีแก๊งค้างคาวอาจจะต้องปิดตำนานลงเหมือนโรงงิ้วเปี่ยนฟู่ของเถ้าแก่ก็เป็นได้"
เกายั๊วะ โดนหงส์ตอกย้ำความอับอาย โวยวายเอะอะอย่างลืมตัว
"โอหังนักนะ ! นังเด็กเมื่อวานซืน ลื้อกล้าดียังไงมาตีปากกับอั๊ว"
ซาขยับจะชักปืนยิงหงส์ ขณะเดียวกันหลงเองจะขยับจะชักปืนออกมายิงเกาเช่นกัน
เสียงเมฆินทร์ดังลั่นอย่างมีอำนาจขึ้นมาก่อน
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เกา"
หลงจำได้แม่นยำ เสียงนี้คือเสียงที่เคยได้ยินที่ภัตตาคารฉั่วเทียนเหลา หลงหันควับไปทันที เห็น แววตาแข็งกร้าว คนนี้เลยที่สั่งฆ่าไช้ เมฆินทร์เข้ามาพร้อมกับจือเจ็ง เจ้าพ่อทุกคน ต้องยอมก้มหัวให้นักการเมืองใหญ่
"เมื่อไหร่แกจะเลิกระรานคนอื่นเป็นหมาบ้าสักที ขนาดงานศพเถ้าแก่สุงแกยังกล้า ในสายตาแกยังเห็นฉันมีความหมายอยู่หรือเปล่าวะ ห๊ะ"
เกาหงอเมื่อเจอเมฆินทร์ตวาดกลางงานอย่างไม่ไว้หน้า
"รอให้ฉันเคารพศพเถ้าแก่สุงก่อน แล้วแกกลับกับฉัน เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
"ครับท่าน" เกาน้อมรับ
เมฆินทร์หันมาพูดกับหงส์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เสียงอ่อนเสียงหวาน ต่างจากเกาอย่างเห็นได้ชัด
"ไม่เป็นไรนะหนูหงส์... คนของฉันเสียงดังไปหน่อย เดี๋ยวฉันจะจัดการกับมันเอง"
หงส์ค้อมศีรษะแทนคำขอบคุณ เมฆินทร์มองหงส์ด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย หลงจ้องหน้าเจ็ง เจ็งหันมาเห็นหลง คู่ปรับเก่าก็ตกใจ ต่างฝ่ายต่างรู้ชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนของใคร !

มุมหนึ่งในงาน ทรงกลด / ภรพ / คณิน / ธาม จับตามองเมฆินทร์ แล้วคุยกันเบาๆ
ภรพบอก
"ฉันไม่ค่อยชอบหน้าไอ้เมฆินทร์เลย ดูสายตาที่มันจ้องมองหงส์สิ อย่างกับจะเขมือบซะให้ได้"
"ก็ตามประสาวัวแก่ชอบเคี้ยวหญ้าอ่อนนั่นแหละ ไอ้แก่ตัณหากลับเอ๊ย" คณินบอก
ทรงกลดบอก
"สมาคมเลือดมังกรของเถ้าแก่สุงอยู่ภายใต้การดูแลของไอ้เมฆินทร์ จะพูดจะจาระวังปากกันมั่ง เดี๋ยวก็เดือดร้อนกันหมดหรอก"
มันจะใหญ่มากจากไหน ฉันไม่กลัวทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับหงส์ก็แล้วกัน ไม่งั้นคงได้แหลกกันไปข้าง" ธามว่า
"ไม่รู้ใครจะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนต่อไป" ภรพว่า
"ไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งนี้เท่าหงส์อีกแล้ว" ธามบอก
"ติดอยู่อย่างเดียว หงส์เป็นผู้หญิง การก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งสูงสุด ทำให้ผู้ชายอกสามศอกต้องยอมก้มหัวให้ ไม่ใช่เรื่องง่าย" ทรงกลดบอก
คณินทำตาเป็นประกาย พูดสองแง่สองง่าม
"นี่มันสมัยไหนแล้วเฮีย... ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดก่อนผู้ชายมีถมไป"
3 หนุ่มโพล่งพร้อมกัน
"ไอ้ทะลึ่ง !"
ธามมองหงส์ด้วยความเป็นห่วง ไม่ไว้ใจเมฆินทร์เลยสักนิด

เล้งเข้ามาในงานพร้อมสมุน ทักทายหงส์ตามมารยาท
"อั๊วเสียใจด้วยนะ คุณหนู"
เล้งเห็นอาหลงที่ยืนคุ้มกันหงส์อยู่ หลงค้อมศีรษะคารวะตามประสานายเก่า
"อาหลง ! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ลื้อสบายดีเหรอ"
"ครับนาย"
"หายหน้าหายตาไปซะนาน อั๊วส่งคนตามหาลื้อแทบพลิกแผ่นดิน ที่แท้ก็มาอยู่แก๊งหงส์ดำนี่เอง"
เล้งยิ้มเย็นๆให้หลง ตบบ่าเบาๆ ก่อนเดินเข้าไปในงานพร้อมด้วยสมุนซ้ายขวาที่ตามอารักขาเป็นพรวน ถึงแม้ว่าเล้งจะโอภาปราศรัยเป็นอย่างดี แต่หลงกลับรู้สึกตะครั่นตะครออย่างประหลาด
"เสี่ยเล้งคงอยากให้นายกลับไปอยู่แก๊งมังกรดำมากสินะ ถึงขนาดต้องส่งคนออกตามหาตัวนายแทบพลิกแผ่นดิน"
"ผมทำงานให้แก๊งมังกรดำไม่ถึงอาทิตย์ ยังไม่รู้ว่าตื้นลึกหนาบางเสี่ยเล้งเป็นยังไง"
"คนที่พูดจาไพเราะที่สุด ดูอ่อนโยนเป็นมิตรที่สุด มักเป็นคนที่อาป๊าเตือนให้ระวังที่สุดด้วยเช่นกัน"
หงส์มองเล้งอย่างไม่ค่อยวางใจ

ในงานพิธีเคารพศพเถ้าแก่สุง แปะจางกล่าวเชิญผู้มีเกียรติให้มาคารวะศพสุงที่ด้านหน้าทีละคน
"ขอกราบเรียนเชิญ ฯพณฯ เมฆินทร์ คารวะวิญญาณผู้ตาย"
แปะจางไล่เรียงไปตามลำดับอาวุโสของหัวหน้าแก๊งต่างๆ ไล่เรียงไปจนครบหัวหน้าทุกแก๊ง
"ขอกราบเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านมาพร้อมเพรียงกันที่หน้าแท่นพิธี เพื่อคารวะวิญญาณผู้ตาย"
แขกเหรื่อยืนหน้ากระดานหน้าแท่นพิธี หวังยื่นธูปดอกใหญ่ๆ 1 ดอกให้เมฆินทร์ และหัวหน้าแก๊ง
ภรพ ทรงกลด ธาม คณิน ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเดียวกัน
"คำนับครั้งที่ 1.... คำนับครั้งที่ 2.... คำนับครั้งที่ 3..."

หงส์จับตามองสังเกตอากัปกิริยาของทุกคนที่มาร่วมงาน โดยเฉพาะเล้งกับเกาที่อยู่ใกล้กันกัน
หลงจับตามองเมฆินทร์ตาไม่กะพริบ เจ็งเอาศอกสะกิดจือ บุ้ยหน้าให้จับตาดูหลง ทำนองว่า...ให้ระวังหลงให้ดี มันไม่น่าไว้วางใจ หลงจับตามองเมฆินทร์ทุกฝีก้าว เห็นคนคุ้มกันเมฆินทร์อย่างแน่นหนา ยากจะถึงตัว

ตี๋เล็กยืนล้วงกระเป๋า ท่าทางไม่สำรวมตรงหน้ากรอบรูปสุง
"อโหสิให้อั๊วด้วยนะ อาแปะ"
ตี๋เล็กยิ้มมุมปากอย่างอหังการ รอยยิ้มแห่งชัยชนะ เหมือนจะสะใจที่สามารถโค่นเจ้าพ่อใหญ่อย่างสุงลงได้
 
หลงแอบสังเกตเห็นเข้า ดูออกว่ารอยยิ้มนั้นไม่ธรรมดา หลงสงสัยตี๋เล็กขึ้นมาทันที

หงส์มาส่งเมฆินทร์กลับ หลังจากเคารพศพสุงเรียบร้อยแล้ว
 
"เรื่องอาเกา หนูไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวกลับไปฉันจะจัดการกับมันเอง รับรองมันไม่กล้ากร่างกับหนูอีกแน่"
"หงส์ต้องกราบขอบพระคุณที่ท่านเมตตาค่ะ"
หงส์ยกมือไหว้ เมฆินทร์เอามือมารับ ส่งสายตาเจ้าชู้
หลงเห็นเข้า มองอย่างไม่ค่อยพอใจที่เมฆินทร์ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง แต่ทำอะไรไม่ได้ หงส์ค่อยๆชักมือออกอย่างสำรวมกริยา
"ไม่เป็นไร... แค่น้ำใจเล็กๆน้อยๆน่ะ สำหรับหนู ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย ไม่ต้องเกรงใจ บอกมาได้เลย ฉันยินดีช่วยเต็มที่ ผู้หญิงทั้งสวยทั้งฉลาดอย่างหนูเนี่ย ฉันชอบ"
เมฆินทร์ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนขึ้นรถไป พร้อมกับจือและเจ็ง
จือจับตามองหลงตลอดเวลา รู้สึกไม่ไว้ใจหลง
หลงมองตามเมฆินทร์ จำน้ำเสียงได้แม่นยำว่าเป็นคนที่สั่งให้เกาฆ่าไช้ที่ภัตตาคารที่ฉั่วเทียนเหลา

ทันทีที่เมฆินทร์ขึ้นรถมา จือก็รีบรายงานเมฆินทร์ทันที
"ท่านต้องระวังคนคุ้มกันคุณหนูหงส์ให้ดีนะครับ ท่าทางมันไม่ค่อยน่าไว้วางใจ"
"มันเป็นใคร"
"มันเคยอยู่แก๊งไก่ฟ้ามาก่อนครับ ฝีมือมันไม่เลว"
เมฆินทร์มองหลงผ่านกระจกกันกระสุน ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป
"ก็แค่หมาหัวเน่าตัวนึง ! ขนาดไอ้ไช้นายมันยังปกป้องไว้ไม่ได้ เลี้ยงเสียข้าวสุก"
เมฆินทร์ยิ้มเหยียดๆไม่เห็นหลงอยู่ในสายตา

ด้านนอกของวัดจีน หลงกระซิบเตือนผมเบาๆ
"คนๆนี้คือคนที่สั่งฆ่าเถ้าแก่ไช้"
หงส์ตกใจ
"ท่านเมฆินทร์น่ะเหรอ นายรู้ได้ยังไง"
"ผมจำเสียงมันได้"
"แต่นายก็เห็น ท่านกับเสี่ยเกาเหมือนจะไม่ลงรอยกัน"
"มันก็แค่เล่นปาหี่ตบตาคนในงานเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว มันซูเอี๋ยกันอยู่ ผมสงสัยว่าพวกมันจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการสังหารเถ้าแก่ไช้และเถ้าแก่สุง"
"ท่านเมฆินทร์มีอำนาจบาตรใหญ่ จะกล่าวหาลอยๆไม่ได้"
"ผมจะไปฆ่ามัน"
"อย่า ! เอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ"
"คุณหนูจะให้ผมใจเย็นอยู่ได้ยังไง"
"ศัตรูของนายไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้มีอิทธิพลคับฟ้า แม้แต่อาป๊ายังต้องยอมก้มหัวให้ คิดจะทำงานใหญ่ ต้องอย่าประมาท ต้องรอบคอบรัดกุม ไม่อย่างนั้นมันจะแว้งมากัดเราได้"
หลงรู้สึกได้ถึงความเฉียบขาด และอำนาจบางอย่างของหงส์ ทำให้เขายอมหยุดได้

ผ่านเวลาจนกระทั่งเป็นช่วงกลางคืน ภายหลังจากพิธีกงเต็กเสร็จแล้ว แขกเหรื่อทยอยกันกันกลับจนเกือบหมด เหลือแต่คนที่สนิทชิดเชื้อจริงๆเท่านั้น
ทุกคนในโรงงิ้วช่วยกันคนละไม้คนละมือนำเครื่องเซ่นไหว้กระดาษเงินกระดาษทอง บ้านกระดาษกงเต็ก ไปเผาเป็นขั้นตอนสุดท้ายของวัน เปลวไฟลุกโชติช่วงเผาบ้านกระดาษ จับใบหน้าหงส์ที่ดูนิ่งขึงจนแดงฉาน ในใจคิดแต่จะแก้แค้นให้สุง
ผ่านเวลา เปลวไฟมอดดับลง เหลือแต่ขี้เถ้าที่ถูกลมพัด กลายเป็นธุลี ว่างเปล่า...เห็นถึงความอนิจจัง ไม่เที่ยงในชีวิต

หยกมณีนั่งคุกเข่าต่อหน้ารูปสุงที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพเพียงลำพัง แขกเหรื่อกลับกันหมดแล้ว
เธอหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อในอดีต
สุงสอนหยกมณีร้องเพลงงิ้ว เป็นบทโศกทำนองพิลาปรำพันถึงบุคคลอันเป็นที่รักตาย หยกมณีหัวดี สอนไม่กี่ทีก็จำได้ มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงตั้งแต่เด็ก
"เสียงดีใช้ได้ โตขึ้นลื้อต้องเป็นนางเอกงิ้วชื่อดังแน่ๆ"
"หยกไม่อยากเป็นนางเอกงิ้ว"
"แล้วลื้ออยากเป็นอะไร"
"หยกอยากเป็นนักร้อง แต่งตัวสวยๆ กินอาหารหรูๆตามภัตตาคาร"
"เด็กโง่ ! ลื้อไม่กลัวถูกไอ้พวกชีกอมันแต๊ะอั๋งเอาเหรอ"
"หยกไม่กลัว หยกซะอย่าง เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว"
สุงส่ายหน้า ถอนใจหนักๆ แต่รู้ว่าคนอย่างหยกมณีดื้อรั้นเกินจะทัดทาน
"ไม่ว่าลื้ออยากจะเป็นอะไร ขอให้ลื้อเป็นได้ดั่งใจฝัน อั๊วขอให้ลื้อประสบความสำเร็จ เป็นนักร้องโด่งดังตามที่ตั้งใจ ถึงลื้อจะไม่เล่นงิ้ว แต่ก็อย่าได้ลืมศิลปะของงิ้วเด็ดขาด จำเอาไว้"
หยกมณีแววตามุ่งมั่น ใฝ่ฝันว่าสักวันจะต้องเป็นนักร้องดังให้ได้
หยกมณีน้ำตารื้น ร้องไห้ออกมา เครื่องสำอางเลอะไปหมด หมวยกับกุ่ยมองหน้ากัน เห็นหยกมณีร้องไห้ไปก็เข้าใจความรู้สึกของหยกมณี คลายความชิงชังลง

อีกมุมหนึ่งในวัด หงส์คุยกับธามตามลำพังสองคน
"หลังเสร็จพิธีที่สุสานแล้ว หงส์จะทำอะไรต่อไป"
"ยังไม่รู้เลยเฮีย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก ไวจนหงส์ตั้งตัวไม่ติด"
"มังกรไร้หัว ท่อนหางย่อมระส่ำระสาย คนในแก๊งหงส์ดำคงเตรียมหาสังกัดใหม่"
"อาเจ็กเต็กคงขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำแทนอาป๊า"
"คนที่ขึ้นเป็นประมุขแก๊งหงส์ดำเท่ากับได้ครอบครองที่ดินหัวมังกรของโรงงิ้วเฟิ่งหวงด้วย ถ้าอาเจ๊กเต็กขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำจริง คนของแก๊งสามวิหคจะตกอยู่ใต้อาณัติของอาเจ็กเต็กทำให้กลายเป็นเจ้าพ่อที่มีบารมีที่สุดในเยาวราช "
"ทุกอย่างอาป๊าคงคิดในใจไว้หมดแล้ว รอแค่การเปิดพินัยกรรมอาป๊าอย่างเป็นทางการเท่านั้น หงส์เป็นแค่ลูกสาวคงทำอะไรไม่ได้"
"อย่าปล่อยให้มังกรไร้หัวนานเกินไป เพราะนั่นหมายถึง...ทุกอย่างจบสิ้นเกินแก้ไข"
"หงส์กลัวเฮีย กลัวอะไรก็ไม่รู้ พอไม่มีอาป๊าแล้ว ทุกอย่างมันดูน่ากลัวไปหมด"
"ไม่ต้องกลัว เฮียอยู่ทั้งคน เฮียจะดูแลหงส์เอง จะไม่มีใครทำอะไรหงส์ได้ทั้งนั้น"

หงส์โผเข้ากอดธามอย่างพี่ชาย หลงเห็นธามกับหงส์กอดกัน ร้าวรานใจ เข้าใจผิดคิดว่าหงส์คบหามีใจอยู่กับธาม

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

หลงมานั่งเป่าเพลงใบไม้คนเดียว บริเวณที่ฝังศพภายในวัด รู้สึกว้าเหว่ อ้างว้าง ไม่เหลือใคร
 
หงส์เดินตามเสียงเพลงมาจนพบกับหลง
"วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน นายควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว"
"คุณหนูยังไม่กลับ จะให้ผมกลับได้ยังไง"
"นายไม่ต้องอยู่คอยคุ้มกันฉันตลอด 24 ชั่วโมงก็ได้ เฮียธามก็อยู่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรฉันหรอก"
"ถ้าคุณหนูมีคนอื่นคอยดูแลอยู่แล้ว... ผมคงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่รับใช้คุณหนูในแก๊งหงส์ดำอีกต่อไป"
หลงงอนที่หงส์อยู่กับธาม เข้าใจผิด ลุกขึ้น หันหลัง เดินจากไป
หงส์ตะโกนไล่หลัง
"ไหนนายเคยบอกว่าจะช่วยคุ้มกันให้ฉันไง ไม่ทันไรนายก็จะทิ้งฉันไปแล้ว... อาป๊า อาม้า เฮียฉางต่างก็ทิ้งฉันไป ทำไมทุกคนถึงได้ทิ้งฉันกันไปหมด"
หงส์ยืนอยู่คนเดียวตามลำพัง เห็นแต่ที่ฝังศพคนตาย รู้สึกโดดเดี่ยว หดหู่อย่างบอกไม่ถูก
หงส์หันกลับมา เห็นหลงยืนอยู่ด้านหลัง หงส์เซอร์ไพรส์
"เรากลับบ้านกันได้หรือยังครับ คุณหนู"
หงส์งอนๆ
"จะให้ฉันอยู่เฝ้าสุสานที่นี่หรือไงล่ะ"
หลงยิ้มจางๆ หงส์รู้สึกอบอุ่นใจที่อย่างน้อยก็มีหลงอยู่ข้างๆ

กุ่ยจะมาชวนหงส์กลับบ้าน เห็นหงส์อยู่กับหลงด้วยกันสองต่อสอง ก็หึงควันออกหู หมวยตามกุ่ยมาเห็นเหตุการณ์ตลอด รู้ว่ากุ่ยยั๊วะเรื่องหงส์กับหลง

กุ่ยหัวเสีย เตะต้นไม้ระบายอารมณ์ เตะเองก็เจ็บเอง
กุ่ยแหกปากร้องลั่น
"โอ๊ย"
กุ่ยกุมหน้าแข้งตัวเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
"ต้นไม้ก็อยู่ของมันดีๆ ไปเตะทำไมให้เจ็บตัว"
"ใช่ซี้...อั๊วทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง ใครจะไปเหมือนอาหลงล่ะ ทำอะไรก็ดูดีไปหมด"
"ทำไม ? เห็นเจ้หงส์สนิทกับเฮียหลงเข้าหน่อย อิจฉาเค้าเหรอ ไหนดูซิ ตาลุกเป็นไฟแล้วหรือยัง"
หมวยขยับจะเข้ามาแหกตา กุ่ยปัดออกอย่างรำคาญ
"ไปๆๆ จะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่ง คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ เซ้าซี้อยู่ได้ น่ารำคาญ"
หมวยหน้ามุ่ย กำลังจะเดินหนี กุ่ยคิดอะไรบางอย่างออก
"เดี๋ยวก่อน อาหมวย"
หมวยอมยิ้ม คิดว่ากุ่ยจะต้องง้อแน่ๆ
"อั๊วมีอะไรอยากให้ช่วยหน่อย"
"เพิ่งไล่หมวยอยู่แหมบๆ ทำไมหมวยต้องช่วยเฮียด้วย"
"เออน่า... ถ้าลื้อช่วยอั๊วสำเร็จ ลื้ออยากได้อะไร อั๊วจะเอามาถวายให้ลื้อทุกอย่าง" กุ่ยคุกเข่าอ้อนวอน "นะอาหมวย....มีแต่ลื้อเท่านั้นที่ช่วยอั๊วได้ ขอร้องล่ะ"
หมวยเห็นกุ่ยยอมลงทุน คุกเข่าขอร้องขนาดนั้นก็ใจอ่อน ยอมตอบตกลงแต่เล่นตัวนิดๆ
"จะให้ช่วยอะไรก็ว่ามา"
"ช่วยทำยังก็ได้ให้เจ้หงส์ตกลงปลงใจกับอั๊วที"
"จะบ้าเหรอเฮีย ! ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน หมวยจะไปช่วยเฮียได้ยังไง"
"ลื้อสนิทกับเจ้หงส์ ลื้อพูดอะไร เจ้หงส์ก็เชื่อทั้งนั้นแหละ น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน สักวันเจ้หงส์ก็ต้องยอมใจอ่อนมั่งล่ะน่า อาหมวย ช่วยอั๊วด้วยนะ"
กุ่ยตื๊อหมวย แต่หมวยยังหนักใจอยู่ จนกุ่ยต้องหันมาใช้ไม้แข็ง
"ช่วยเป็นแม่สื่อให้อั๊วสมหวังกับเจ้หงส์แค่นี้ไม่ได้หรือไง เออ... จำไว้ ถ้าลื้อไม่ช่วยอั๊ว ชาตินี้ก็ไม่ต้องมายุ่งกับอั๊วอีกเลย"
หมวยกลัวว่าจะไม่ได้ใกล้ชิดกับกุ่ยอีก จึงจำใจต้องตอบตกลง
"ก็ได้ ! แล้วหมวยจะพยายามก็แล้วกัน"
กุ่"ต้องอย่างนี้สิ อาหมวย ลื้อนี่น่ารักจริงๆ น่ารักยิ่งกว่าหมีแพนด้าที่เมืองจีนอีก"
กุ่ยหยิกแก้มหมวย ดึงหน้าไปมา ดีใจที่หมวยรับปากว่าจะช่วย

ณ โรงงิ้วเฟิ่งหวง ตอนกลางคืน หงส์กลับมาที่บ้านแล้ว อยู่ในชุดนอน แต่ยังนอนไม่หลับ นั่งอยู่ที่ระเบียง เหม่อมองในความมืด หมวยเข้ามานั่งข้างๆ คุยเป็นเพื่อน
"ยังไม่นอนอีกเหรอเจ้"
"เจ้นอนไม่หลับ คิดถึงอาป๊า"
"ก่อนเถ้าแก่สุงจากไป หมวยเคยได้ยินเถ้าแก่เปรยๆไว้ว่าอยากให้เจ้เป็นฝั่งเป็นฝา มีคู่ครองที่ดี ตอนนี้เจ้มีคนที่ถูกใจแล้วหรือยัง"
"ผู้หญิงอย่างเราเลือกได้ด้วยเหรอ ผู้ชายต่างหากที่เป็นฝ่ายเลือกผู้หญิงที่ถูกใจ"
"มีทั้งหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ไปจนถึงอาเสี่ยรวยๆทั้งเยาวราชต่อแถวรอให้เจ้หงส์เลือกยาวเหยียด แต่เจ้ไม่ยอมเลือกเอง แม้แต่หางตาก็ยังไม่แล"
"อาป๊าเพิ่งเสีย เจ้ยังไม่อยากคิดให้ปวดหัว"
"ไม่อยากคิดก็ต้องคิด เจ้หงส์ควรจะรีบๆแต่งงานสักที เถ้าแก่สุงจะได้หมดห่วง ถ้าเจ้ยังไม่มีผู้ชายคนไหนที่ถูกใจ หมวยมีคนๆนึงจะแนะนำ เค้าแอบรักเจ้มาตั้งนานแล้ว นิสัยก็ดี๊...ดี... แถมมีอารมณ์ขันอีกต่างหาก"
หงส์หาว
"ไว้วันหลังค่อยแนะนำก็แล้วกัน เจ้ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ"
หงส์ตัดบทลุกออกไป ไม่อยากคุยเรื่องแต่งงานให้กลุ้ม
"อ้าว ! เจ้ ! ไม่อยากรู้เหรอว่าใคร"

หมวยลำบากใจที่ต้องช่วยให้กุ่ยที่ตนแอบรักต้องสมหวังกับหงส์

ผ่านเวลา จนถึงเช้าวันหนึ่ง ที่ศาลเจ้า หงส์ไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จพอดี หลงคอยยืนคุ้มกันอยู่ใกล้ๆ
 
"วันนี้เป็นวันเปิดพินัยกรรมอาป๊า ไม่รู้ว่าแก๊งหงส์ดำจะเป็นยังไงต่อไป"
"ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำคนใหม่จะมีบารมีแค่ไหน"
"อาป๊าคงแต่งตั้งให้อาเจ็กเต็กสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ"
"บอกตามตรง ผมไม่ค่อยไว้ใจเถ้าแก่เต็กกับตี๋เล็กสักเท่าไหร่"
"ไม่เห็นจะแปลก ก็นายเคยมีเรื่องกับเฮียตี๋เล็กมาก่อน"
"ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ... ในงานเคารพศพเถ้าแก่สุง ผมเห็นตี๋เล็กยิ้มแปลกๆ"
"คนอย่างเฮียตี๋เล็กไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร นายก็เห็นไม่ใช่เหรอ แม้แต่ในงานศพอาป๊า เฮียตี๋เล็กก็ยังไม่วายพูดจาก้อร่อก้อติกฉัน"
"แต่ที่ผมเห็นไม่ใช่รอยยิ้มของคนเจ้าชู้ มันเป็นรอยยิ้มของความสะใจ"
"นายหมายความว่าเฮียตี๋เล็กสะใจที่อาป๊าฉันตายงั้นเหรอ"
หลงพยักหน้าเนิบช้าค่อนข้างมั่นใจในคำตอบ หงส์ขมวดคิ้ว ตี๋เล็กสะใจเรื่องอะไร
ทันใดนั้น เสียงนุ่มเครือของซินแสง้วงดังขึ้นขัดจังหวะ
"คุณหนูหงส์"
หงส์กับหลงหันไปเห็นซินแสง้วงยืนอยู่

ซินแสง้วงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเก่า
"อั๊วเสียใจด้วยนะคุณหนู เรื่องเถ้าแก่สุง"
"ใครๆก็ร่ำลือว่าซินแสเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน ช่วยบอกหงส์ทีได้มั้ยคะว่าใครฆ่าอาป๊า"
"ทุกสิ่งบนโลกนี้มันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ต่อให้รู้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้"
"ซินแสได้โปรดบอกว่ามันเป็นใคร อั๊วจะไปลากคอมันมาเดี๋ยวนี้"
"หากได้ตัวคนฆ่าเถ้าแก่สุงมาแล้ว คุณหนูจะทำยังไง จะล้างแค้นมันไหม"
"หงส์ยังตอบไม่ได้"
"ไม่ว่าเร็วหรือช้า สักวันคุณหนูก็ต้องรู้ตัวมันอยู่ดี ไม่มีใครหนีกรรมที่ตัวเองก่อไปได้"
"หงส์เป็นตัวซวยทำให้อาป๊า อาม้า แล้วก็เฮียฉางต้องตายจริงๆเหรอคะ ซินแส"
"ไม่มีสิ่งใดๆในโลกที่ดีหรือเลว... มีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ก่อให้เกิดความดีและความเลว.. คนเราอาจเลือกเป็นตัวซวยหรือตัวนำโชคได้ก็ด้วยกรรมที่ตัวเองทำลงไป คุณหนูทำใจให้สบายเถอะ."
หงส์ฟังซินแสง้วงแล้วค่อยคลายใจลงบ้าง
ซินแสง้วงตวัดพู่กันจีนด้วยตัวอักษรจีนสีแดงเป็นคำอวยพรว่า 文 (เหวิน - ความดีงามสูงส่ง)
"เตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้ อั๊วขอให้คุณหนูโชคดี"
ซินแสง้วงส่งกระดาษที่เขียนคำอวยพรให้หงส์ ยิ้มอย่างเมตตา

รถเถ้าแก่เต็กเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านบ้านเถ้าสุง คนขับรถเปิดประตูให้ เต็กกับตี๋เล็กลงจากรถ แต่งตัวโก้เต็มที่ เตรียมมารับตำแหน่งต่อจากสุง
"ถึงไม่เปิดพินัยกรรมอาแปะสุง ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนต่อไปต้องเป็นของอาป๊า"
"อั๊วรอวันนี้มานาน ในที่สุดเก้าอี้พี่ใหญ่และที่ดินหัวมังกรแปลงนี้ก็ตกเป็นของอั๊ว"
"อย่าลืมประกาศยกแก๊งกระเรียนให้อั๊วคุมนะ อาป๊า"
"แน่นอน ! เราสองพ่อลูกจะเป็นเจ้าพ่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเยาวราช อั๊วเตรียมสั่งปิดภัตตาคารฉั่วเทียนเหลาฉลอง 7 วัน 7 คืนไว้แล้ว"
"รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ อาป๊า อั๊วอยากเป็นหัวหน้าแก๊งใจจะขาดแล้ว"
ตี๋เล็กกับเต็กรีบเข้าไปในบ้านสุงทันที อยากเป็นหัวหน้าแก๊งจนตัวสั่นทั้งพ่อทั้งลูก

เต็กกับตี๋เล็กเข้ามานั่งประจำตำแหน่งด้วยท่าทางวางโต ทุกคนพร้อมหน้าคอยอยู่ก่อนแล้ว เก้าอี้ของสุงยังคงตั้งอยู่ ณ ที่เดิม แต่ตั้งไว้ว่างๆเสมือนสุงยังคงอยู่เป็นประธาน
หงส์และคนอื่นๆต่างก้มหัวให้เต็ก ทุกคนต่างเชื่อว่าเต็กจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งคนต่อไปแน่นอน
เต็กนั่งฝั่งขวาของเก้าอี้สุง ตามด้วยตี๋เล็ก สมาชิกอื่นๆ นั่งเรียงตามลำดับศักดิ์ในแก๊งหงส์ดำ
"ถ้าทุกคนพร้อมกันแล้ว ก็อ่านพินัยกรรมพี่ใหญ่ได้เลย"
หมวยกับกุ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆกันซุบซิบนินทาเต็ก
"ยังไม่ทันไรก็วางโตอวดเบ่งซะแล้ว"
"คงจะดีใจจนตัวสั่นทั้งพ่อทั้งลูก"
แปะจางเอาพินัยกรรมออกมาจากซองสีน้ำตาลที่มีรอยครั่งสีแดงประทับเป็นตราหงส์
แปะจางอ่าน
"ข้าพเจ้านายสุธี กฤษฎาพาณิชยกุล นายกสมาคมเลือดมังกรและผู้ก่อตั้งแก๊งหงส์ดำขอประกาศแต่งตั้งให้...."
แปะจางเว้นวรรคครู่หนึ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
เต็ก ตี๋เล็ก และคนอื่นรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
"แต่งตั้งให้ใครก็รีบๆอ่านมาสิ อ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้" ตี่เล็กบอก
แปะจางอ่านต่อ
"นางสาวลลิต กฤษฎาพาณิชยกุล ผู้เป็นบุตรีของข้าพเจ้าขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนต่อไป มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่ากับข้าพเจ้าทุกประการ"
หงส์ตกใจไม่คิดว่าสุงจะแต่งตั้งตนขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง หมวยกับกุ่ยดีใจที่เป็นหงส์ สมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำถึงกับพูดอะไรไม่ออก มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่เชื่อว่าหงส์จะเป็นผู้นำได้
เต็กยั๊วะสุดขีด รู้สึกเสียหน้าอย่างแรง ตบโต๊ะปัง
"เป็นไปไม่ได้ ! พี่ใหญ่เคยบอกว่าจะยกแก๊งหงส์ดำให้อั๊ว ทำไมถึงได้กลายเป็นอาหงส์ไปได้"
"อั๊วอ่านตามพินัยกรรมของเถ้าแก่สุง ถ้าไม่เชื่อ เถ้าแก่ก็ดูเอาเองละกัน" แปะจางบอก
เต็กกระชากพินัยกรรมจากแปะจางมาดู เห็นลงชื่อสุงประทับตราแก๊งหงส์ดำ ก็โกรธจัดจนพูดไม่ออก ตี๋เล็กปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อแปะจางอย่างอันธพาล
"พวกลื้อรวมหัวกันเล่นตลกใช่มั้ย ไอ้แก่ ! พินัยกรรมตัวจริงอยู่ที่ไหน !บอกมา "
กุ่ยกับหวังต้องเข้าไปกระชากตี๋เล็กออกมา สภาพวุ่นวายมาก
หงส์เสียงเด็ดขาด
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ เฮียตี๋เล็ก ที่นี่บ้านอาป๊า อาแปะจางก็เป็นคนของอาป๊า ให้เกียรติอาป๊าหงส์บ้าง
"คำสั่งของเถ้าแก่สุงถือเป็นเด็ดขาด ใครกล้าคัดค้านไม่ยอมรับก็เท่ากับประกาศตัวเป็นปรปักษ์กับแก๊งหงส์ดำด้วย"
หลงบอก

ตี๋เล็กชี้หน้าหลง
 
"มึงอย่าแส่ ! ไอ้หมาสองราง"
หลงกับตี๋เล็กจ้องหน้ากันตาไม่กะพริบ หวิดจะวางมวยกันอีกคู่ แต่เต็กห้ามไว้ก่อน
"ตี๋เล็ก ! กลับ"
เต็กหัวเสีย ชวนตี๋เล็กกลับทันที ตี๋เล็กมองหลงอย่างเอาเรื่อง หมวย กุ่ย หวัง ต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับหงส์ หลงแอบมอง ยิ้มนิดๆ ดีใจที่หงส์ได้รับการยอมรับ

หงส์เข้ามาในห้องสุง คารวะป้ายวิญญาณสุงที่อยู่ใกล้ๆกับอาฉาง หงส์มองไปยังกรอบรูปสุง ปลื้มใจที่สุงยอมรับตัวเองให้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ
"ขอบพระคุณค่ะ อาป๊า ที่ไว้ใจหงส์... หงส์สัญญาว่าจะปกครองแก๊งหงส์ดำด้วยความเมตตา ทำความดีทุกครั้งที่มีโอกาสเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินเหมือนที่อาป๊าเคยสอน... และกอบกู้โรงงิ้วเฟิ่งหวงของเรากลับคืนมาให้ได้... อาป๊ากับเฮียฉางเป็นกำลังให้หงส์ด้วยนะคะ"
หงส์กล่าวกับรูปสุงด้วยความมุ่งมั่น หลงที่ยืนคอยอารักขาอยู่ที่หน้าประตู ชื่มชมในความมุ่งมั่นของหงส์
"ส่วนเรื่องคนที่มันทำกับอาป๊าและเฮียฉาง... อีกไม่นาน มันต้องชดใช้"
หงส์แววตาดุดันกร้าวขึ้น หัวใจอัดแน่นด้วยความทุกข์ระคนแค้น

บริเวณม้านั่งหินอ่อน ในมุมร่มรื่น แปะจางจิบน้ำชา เตรียมพิธีการรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่
"อีก 3 วัน หลังผ่านพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งคนใหม่ที่สมาคมเลือดมังกร คุณหนูหงส์ก็จะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำเต็มตัว"
"น่าปลื้มใจจริงๆ ! ในที่สุดเถ้าแก่สุงก็ยอมรับในตัวเจ้หงส์จนได้" หมวยบอก
"เถ้าแก่สุงมอบตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้เจ้หงส์ เพราะไม่ไว้ใจเถ้าแก่เต็กกับตี๋เล็กว่าจะปกครองแก๊งหงส์ดำได้ต่างหาก" กุ่ยว่า
"อำนาจที่อยู่ในมือของคนพาลย่อมปราศจากความเมตตา และนำมาซึ่งความเดือดร้อนวุ่นวายไม่รู้จบ"
"แต่ดูท่าทางสองพ่อลูกนั่นคงจะยั๊วะมากที่ไม่ได้รับตำแหน่ง" กุ่ยว่า
"เถ้าแก่เต็กหมายมั่นปั้นมือจะครอบครองแก๊งหงส์ดำและที่ดินหัวมังกรเต็มที่ แต่สุดท้ายต้องหน้าแตก หงายเก๋งกลับไป สะใจจริงจริ๊ง" หมวยว่า
"ป่านนี้คงกลับบ้านไปกระอักเลือดเป็นจิวยี่แล้วมั้ง"
กุ่ยทำท่าล้อเลียนเต็กตอนกระอักเลือด หมวยกับหวังขำกุ่ย

เต็กเดินพล่าน นั่งไม่เป็นสุขเมื่อรู้ว่าตนไม่ได้เป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ
"พี่ใหญ่คิดยังไงถึงให้อาหงส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ ผู้หญิงจะเป็นใหญ่เหนือผู้ชายได้ยังไง รู้ถึงไหนอายถึงนั่น"
"ถึงยังไงเลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำอยู่ดี อาแปะสุงคงไม่เห็นอาป๊าดีไปกว่าลูกสาวแท้ๆของตัวเองหรอก"
"ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำไม่ใช่ของเล่น แต่หมายถึงฐานอำนาจสำคัญในเยาวราช ! พี่ใหญ่นะพี่ใหญ่ ทำแบบนี้เท่ากับไม่เห็นหัวอั๊วชัดๆ"
"รู้อย่างงี้ อั๊วน่าจะฆ่าแล้วลากไส้ให้หมากิน"
"ลื้อพูดอะไรน่ะตี๋เล็ก"
ตี๋เล็กรู้ตัวว่าพลั้งปาก จึงรีบเสไปพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อน
"พินัยกรรมอาแปะสุงก็ประกาศอยู่ปาวๆ แต่งตั้งน้องหงส์ให้เป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ อาป๊าจะทำอะไรได้"
"อั๊วไม่ยอมแพ้นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมง่ายๆหรอก ! อีก 3 วันจะมีการจัดพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งคนใหม่ อั๊วอยากรู้นักว่าจะมีใครหน้าไหนยอมก้มหัวให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างอาหงส์บ้าง"
เต็กยังมั่นใจว่าไม่มีใครยอมรับในตัวหงส์

ท้องฟ้ายามราตรี พอมีแสงดาวอยู่รำไรที่ปลายเวิ้งฟ้า หลงเป่าเพลงใบไม้ แหงนมองไปยังดาวดวงนั้น เสมือนตัวเองกับหงส์ที่นับวันยิ่งต่างกันคนละชั้น ในความคิดหลง ตอนที่เห็นหงส์กับธามกอดกัน หงส์เดินเข้ามาพร้อมม้วนกระดาษ หลงโค้งศีรษะคารวะให้ด้วยความนอบน้อม พินอบพิเทากว่าเดิม
"นายน้อย"
"ทำไมไม่เรียกฉันว่าคุณหนูเหมือนเดิม"
"ตอนนี้นายน้อยไม่ใช่คุณหนูหงส์คนเดิมอีกต่อไป แต่เป็นถึงหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ มีฐานะเทียบเท่าเถ้าแก่สุงและหัวหน้าแก๊งอื่นๆในสมาคมเลือดมังกร"
"ฉันก็ยังเป็นฉันคนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน"
"ตั้งแต่สิ้นเถ้าแก่สุง คุณดูแปลกไป"
"แปลกยังไง"
"ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจเสมอ"
หงส์หัวเราะเบาๆในลำคอ
"คนเรายิ่งโตก็ยิ่งต้องมีเรื่องคิดมาก"
"คุณกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่"
"ฉันต้องการตัวไอ้ฆาตกรที่ฆ่าอาป๊าและเฮียฉาง"
"ตอนนี้สายของเรากำลังสืบหาแหล่งกบดานของมันอยู่"
"ช้าไป ! ฉันต้องการตัวมันไวกว่านี้ ! อาหลง ! นายต้องช่วยฉัน"
หงส์ยื่นม้วนกระดาษที่สเกตช์หน้าซ้งเป็นปึกๆยื่นให้หลง
"สั่งการถึงทุกคนในแก๊งหงส์ดำและพันธมิตร ฉันต้องการจับเป็นคนที่อยู่ในภาพภายใน 3 วัน"
หลงรับมาดูเห็นเป็นภาพใบหน้าซ้ง
"นายบอกว่ามันยิงเฮียฉาง บางทีมันอาจเป็นคนฆ่าอาป๊าและอาเจ็กไช้ด้วยก็ได้"
"มีภาพเหมือนคนร้ายขนาดนี้ ต่อให้มีปีก มันก็หนีไม่พ้น"
"ดี ! ฉันจะสอบสวนมันในวันขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำด้วยตัวของฉันเอง"
หลงก้มหัวรับโองการจากหงส์ รู้สึกครั่นคร้าม เกรงกริ่งในความเด็ดขาดของหงส์

ในโกดังร้าง หลงสั่งการลูกน้องในสังกัดประมาณ 10 คน ทุกคนร่างล่ำสัน ถูกฝึกสำหรับเป็นคนคุ้มกันโดยเฉพาะ ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน กระดาษสเกตช์ใบหน้าซ้งถูกแจกจ่ายออกไป
"ตามหาคนในภาพนี้ให้พบก่อนวันพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่"
"มันเป็นใครเหรอเฮีย"
"นายน้อยสงสัยว่ามันเป็นคนฆ่าเถ้าแก่สุง"
ลูกน้องต่างโกรธเกรี้ยวเมื่อรู้ว่าคนในรูปเป็นคนฆ่าสุง
"นายน้อยต้องการให้จับเป็น ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน ก็ต้องเอาตัวมันมาให้ได้"

ลูกน้องรับคำสั่งหลงแล้วแยกย้ายกันออกไปตามหาซ้งทันที หลงมั่นใจว่าซ้งหนีไม่รอดแน่

ซ้งมาพบกับเกี๊ยงที่จุดนัดหมายในตรอกเปลี่ยวในมุมลับตาคน
 
"นายสั่งให้ลื้อข้ามไปกบดานฝั่งโน้นสักพัก รอให้เรื่องซาแล้วค่อยกลับไปใหม่"
"แต่เรื่องเถ้าแก่สุง อั๊วเปล่า"
"ใช่หรือไม่ใช่ ตอนนี้แก๊งหงส์ดำก็กำลังตามล่าตัวลื้อ ลื้อรีบหนีไปก่อนดีกว่า"
เกี๊ยงยื่นซองสีน้ำตาลใส่เงินจนหนาให้ซ้ง
" นายฝากเงินนี่ให้ลื้อ รีบไปซะ ก่อนที่พวกมันจะได้กลิ่น"
ซ้งรับเงินแล้วเตรียมหนีข้ามไปเขมร ลูกน้องแก๊งหงส์ดำซึ่งดักอยู่ที่ท่ารถมองรูปสเกตช์ซ้งในมือ แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันไม่ผิดแน่

บรรยากาศตลาดยามเช้าที่เยาวราช ผ่านเวลาเล็กน้อย หมวยเพิ่งกลับจากจ่ายตลาดมา พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"คนเค้าลือกันทั้งตลาด เรื่องเจ้หงส์จะขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ" หมวยบอก
"ไม่เคยมีผู้หญิงขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งมาก่อน ใครรู้ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา" กุ่ยบอก
"การที่ก้าวขึ้นเป็นคนเหนือคนไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าอาป๊าจะมีบารมีเป็นที่ยอมรับนับถือก็ต้องใช้เวลาสั่งสมมาหลายสิบปี"
"ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ไปกว่าคุณหนู... เอ่อ นายน้อยอีกแล้ว"
"พรุ่งนี้เจ้หงส์ก็จะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งแล้ว เจ้มีชุดสวยๆใส่แล้วหรือยัง"
หงส์ส่ายหน้า ยังไม่คิดถึงเรื่องนี้
"ไม่ได้นะเจ้ ! พิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำทั้งที เจ้จะต้องสวยและสง่าที่สุด"
หมวยขยิบหูขยิบตากับกุ่ย ส่งรหัสว่าเปิดช่องให้แล้ว ให้รีบเสนอตัว
"จริงด้วย ! เจ้ให้อั๊วไปช่วยเลือกชุดเป็นเพื่อนมั้ยล่ะ"
"เจ้ไม่ว่าง ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้"
กุ่ยจ๋อย อดทำคะแนนจีบหงส์ หลงเดินเข้ามาพอดี กุ่ยเห็นหน้าหลงก็เบ้ปาก เหม็นขี้หน้า ทำจมูกฟุดฟิด
"ลื้อได้กลิ่นอะไรเหม็นตุๆแถวนี้มั่งมั้ย อาหมวย"
"ไม่นะเฮีย กลิ่นอะไรเหรอ"
"อ้อ... อั๊วรู้ละ ที่แท้ก็กลิ่นหมาหัวเน่านี่เอง"
กุ่ยเบ้ปากใส่หลงที่เป็นศัตรูหัวใจ ก่อนเดินยียวน แกล้งกระแทกบ่าหลงออกไป

หลงรายงานหงส์เกี่ยวกับเบาะแสเรื่องซ้ง ในห้องทำงานสุง หงส์กำลังอ่านเอกสารเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับต่างๆภายในแก๊งหงส์ดำ
"สายของเรารายงานว่าเห็นมันเตรียมหนีออกนอกประเทศ"
"อย่าให้มันหนีไปได้เด็ดขาด... ฉันต้องการตัวมันให้ทันวันพิธีสถาปนา"
"ผมจะไปดักรอมันที่ท่าเรือคืนนี้"
"ต้องการคนเท่าไหร่"
"แค่ผมคนเดียวก็เกินพอ"
"แน่ใจเหรอ"
หลงพยักหน้า
"ผมไม่อยากให้เอิกเกริก เดี๋ยวมันจะไหวตัวทันซะก่อน"
หลงพูดจบก็โค้งศีรษะเตรียมจะไปล่าตัวซ้ง
"เดี๋ยว"
หลงชะงักหันกลับมา
"ระวังตัวด้วย"
หลงค้อมศีรษะคารวะด้วยความเจียมตัว มองหงส์ไม่ต่างจากดอกฟ้าที่เทิดทูน
"ครับ นายน้อย"
หงส์มองตามหลังหลง อดเป็นห่วงไม่ได้

คืนนั้น ซ้งผุดลุกผุดนั่ง รอเวลาที่เรือจะออกจากท่า หลงเห็นซ้งเป้าหมายอยู่ตรงหน้า เดินออกมาอย่างเท่ ซ้งเห็นหลงเข้าก็ตาเบิกโพลง รีบวิ่งหนีทันที
"เวรแล้ว"
หลงรีบวิ่งตามไป จนกระทั่งซ้งจนมุม
"มึงหนีกูไม่พ้นหรอก ไอ้ชาติชั่ว"
ซ้งชักปืนจะยิงหลง สู้อย่างหมาจนตรอก หลงหลบทัน ถีบปืนตกน้ำ หลงกับซ้งสู้กัน ฝีมือสูสีมาก แต่ในที่สุดหลงเป็นฝ่ายชนะ ล็อกตัวซ้งเอาไว้ได้ ซ้งในสภาพสะบักสะบอม
หลงกัดฟันกรอ
"มึงฆ่าอาเหมยทำไม"
"ปล่อยกู"
"ถ้านายน้อยไม่สั่งให้กูจับเป็นมึงล่ะก็ มึงกลายเป็นผีเฝ้าท่าเรือไปแล้"
หลงลากตัวซ้งกลับไปให้หงส์สอบสวน

บริเวณโรงงิ้วเฟิ่งหวง กลางคืน กุ่ยลากหมวยมาคุยด้วย
"เรื่องที่อั๊วให้ช่วยพูดกับเจ้หงส์ สำเร็จมั้ย"
"สำเร็จกับผีน่ะสิ แค่หมวยเกริ่นๆ เจ้หงส์ก็ไม่ฟังแล้ว"
"ลื้อก็พยายามหน่อยสิ ! ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่นั่น ตื๊อบ่อยๆ เดี๋ยวเจ้หงส์ก็ใจอ่อนเองนั่นแหละ"
"เจ้หงส์บอกว่ายังไม่อยากคิดเรื่องแต่งงานตอนนี้"
"ยังไม่คิด ลื้อก็ต้องทำให้คิด"
"จะให้ทำยังไง"
"ไม่รู้ "
"อ้าว ! ทำไมพูดง่ายอย่างเงี้ยะ"
"ลื้อทำยังไงก็ได้ให้เจ้หงส์แต่งงานกับอั๊วให้ได้ นะอาหมวยนะ"
กุ่ยบีบนวดหมวย ออดอ้อนเป็นเด็กๆ

เช้าวันใหม่ แม่ของม่วยจูกำลังยืนชะเง้อชะแง้อยู่หน้าโรงงิ้ว กุ่ยเพิ่งตื่นนอน ออกมาบิดขี้เกียจที่หน้าโรงงิ้ว เห็นคนมายืนลับๆล่อๆ ก็ตวาดลั่น
"ใครน่ะ"
แม่ม่วยจูหันมา สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

หงส์กำลังนั่งอ่านเอกสารต่างๆภายในแก๊งหงส์ดำที่เก๋งจีน ในสวน กุ่ยพาแม่ม่วยจูมาพบหงส์
"เจ้หงส์ มีคนมาหา"
"คุณหนู... จำอั๊วได้มั้ย "
หงส์จำได้ - แม่ม่วยจูวิ่งเข้ากอดลูกร้องไห้ น้ำหูน้ำตาไหล ดีใจที่ลูกไม่เป็นอันตราย พร่ำขอบคุณหงส์ไม่ขาดปาก
"โตยเชี้ย คุณหนูที่ช่วยลูกสาวอั๊วเอาไว้ โตยเชี้ยนะ...โตยชี้"
แม่ของม่วยจูแทบจะก้มลงกราบคารวะหงส์ที่ช่วยลูกสาวตัวเองไว้ได้ หงส์นึกถึงเหตุการณ์แล้วก็จำได้
หงส์ยิ้ม
"อาซ้อ นั่นเอง"
"ฮ่อๆ... อั๊วได้ยินว่าคุณหนูจะขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำวันพรุ่งนี้"
แม่ม่วยจูแกะห่อผ้าภายในมีกล่องใส่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างปราณีต ยื่นให้หงส์ กุ่ยตาโตเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่แม่ของม่วยจูตัดให้ สวยมาก
"เสื้อผ้าชุดนี้อั๊วตัดเย็บเองกับมือ ตั้งใจเอามามอบให้คุณหนูโดยเฉพาะ"
"อาซ้อไม่น่าจะต้องลำบาก"
"คุณหนูได้โปรดรับไว้เถอะ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากอั๊ว ถ้าไม่ได้คุณหนู อาม่วยจูคงซี้แหงแก๋ไปแล้ว"
"ขอบคุณอาซ้อ"

หงส์ยิ้มตื้นตันในน้ำใจของแม่ม่วยจู

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ณ คฤหาสน์เมฆินทร์ เต็กกับตี๋เล็กมาวิ่งเต้นล็อบบี้ เพื่อหาเสียงสนับสนุน
 
"มีที่ไหนกัน ผู้หญิงขึ้นเป็นใหญ่ ! ทำแบบนี้เสียระบบการปกครองหมด"
"พรุ่งนี้จะมีพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่ ลูกสาวเถ้าแก่สุงก็จะมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบสมาคมเลือดมังกรโดยสมบูรณ์ เรื่องภายในสมาคม เถ้าแก่จะให้ฉันยื่นมือช่วยอะไรได้"
"หากสมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำยืนกรานไม่ยอมรับอาหงส์เป็นหัวหน้าแก๊งคนใหม่ พิธีสถาปนาอาหงส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งก็เป็นอันต้องล้มเลิก"
"แต่สมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำก็ล้วนแต่เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเถ้าแก่สุงทั้งนั้น"
"ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนพวกนี้ได้รับการช่วยเหลือจากกระผมไม่น้อย แต่ไหนแต่ไร ต้องอาศัยบารมีกระผมในการทำธุรกิจมืด คนพวกนี้ไม่มีวันยอมรับอาหงส์ขึ้นเป็นผู้นำได้อย่างสนิทใจเด็ดขาด"
"ถึงน้องหงส์จะสวยบาดใจแค่ไหนก็ตาม แต่ใครล่ะจะยอมก้มหัวอยู่ใต้อำนาจผู้หญิง จริงมั้ยท่าน" ตี๋เล็กบอก
เมฆินทร์พยักหน้าเห็นด้วย
"เรื่องนี้กระผมได้หารือกับสมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำไว้แล้ว ขอเพียงแค่ท่านคอยสนับสนุนกระผมเท่านั้น หากได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำเมื่อไหร่ กระผมจะตอบแทนบุญคุณใหญ่หลวงของท่านอย่างเต็มที่"
เมฆินทร์ยิ้มด้วยความละโมบ ตกลงรับข้อเสนอของเต็กทันที !

หลงกลับมารายงานหงส์ในห้องทำงานสุง
"ได้ตัวมันแล้วครับ นายน้อย"
"ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน"
"โกดังร้าง… ผมให้ลูกน้องคุมตัวมันอยู่"
"พาฉันไปที"
"นายน้อยจะไปทำไม"
"ฉันอยากไปดูหน้ามัน"
หงส์แววตาดุดัน น่าเกรงกริ่ง

หงส์เข้ามาในโกดังร้าง ซ้งถูกซ้อมจนสะบักสะบอม หน้ามีรอยฟกช้ำ ถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ มีลูกน้องหลง 2 คนคุมตัวแน่นหนา
หลงบุ้ยหน้าให้ลูกน้องทั้ง 2 คนออกไปก่อน ให้หงส์สอบสวนซ้งตามลำพัง
"ฉันให้คนสืบประวัติของแกแล้ว ถึงได้รู้ว่าแกเป็นนักฆ่าฉายาไอ้ซ้งร้อยศพ"
"จะฆ่าอั๊วก็ฆ่า อย่ามัวพูดพล่ามให้เสียเวลา"
"ฆ่าแกให้ตาย มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ไอ้ฆาตกร"
"คุณหนูกำลังคิดว่าอั๊วพัวพันกับการตายของเถ้าแก่สุง"
"หรือแกจะปฏิเสธว่าไม่ใช่"
ซ้งหัวเราะ
"ถ้าคืนนั้นศพที่ 101 คือเถ้าแก่สุงล่ะก็ อั๊วคงรับเงินก้อนใหญ่สบายไปทั้งชาติ"
"แกนี่มันสารเลวจริง !"
"มันฆ่าเถ้าแก่สุงและพี่ชายของนายน้อย ให้ผมส่งมันไปลงนรกเลยดีกว่า"
หลงชักปืนมาจ่อจะยิงซ้ง แต่หงส์ห้ามเอาไว้
"ไม่ต้อง ! ฉันยังไม่อยากให้มันตายตอนนี้"
หลงถอยออกไปเก็บปืน ทำตามคำสั่งหงส์
"ฉันจะให้เวลาแกคิด 1 คืน... พรุ่งนี้ในพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ... ยอมรับสารภาพซะว่าใครส่งแกมา แล้วฉันจะยอมไว้ชีวิตแก แต่ถ้าแกยังปากแข็งอยู่ล่ะก็ อย่าหาว่าฉันใจดำ"
ซ้งจ้องตาหงส์อย่างท้าทาย แววตาไม่เกรงกลัวหงส์แม้แต่น้อย

หงส์กับหลงคุยกันหลังจากกลับมาจากโกดังร้าง
"ผมพยายามเค้นคอมันให้รับสารภาพ แต่ไอ้ซ้งมันยืนกรานว่ามันไม่ได้ฆ่าเถ้าแก่สุง"
"มันเคยบุกเข้ามาที่นี่หนนึงแล้ว ไม่ใช่มันจะเป็นใคร"
"ไอ้ซ้งมันได้ฉายามือปืนร้อยศพ ถ้ามันเป็นคนฆ่าเถ้าแก่สุง น่าจะใช้ปืนยิงมากกว่า"
"ถึงมันจะไม่ได้ลงมือฆ่าอาป๊า แต่นายมันอาจสั่งคนอื่นมาก็ได้"
"นายมันต้องใหญ่มาก ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าส่งมันมายิงถล่มโรงงิ้วเมื่อวันสารทจีน"
"ฉันสงสัยว่าจะเป็นฝีมือเสี่ยเล้งหรือไม่ก็เถ้าแก่เกา สองคนนี้เป็นคนใกล้ชิดของเมฆินทร์ทั้งคู่"
"หรือไม่ก็อาจจะเป็นคำสั่งของไอ้เมฆินทร์ลงมา เหมือนที่มันเคยสั่งให้ฆ่าเถ้าแก่ไช้"
"พรุ่งนี้ ในพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ เราคงจะได้รู้กัน"
หงส์ขมวดคิ้ว หนักใจไม่น้อยเมื่อคิดถึงพิธีวันพรุ่งนี้

เต็กกับตี๋เล็กเพิ่งกลับจากบ้านเมฆินทร์
"อาแปะสุงก็ลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงแล้ว เมื่อไหร่อั๊วจะได้แต่งงานกับน้องหงส์สักที"
"หลังจากที่อั๊วขึ้นเป็นประมุขแก๊งหงส์ดำลื้อจะแต่งงานกับใครก็ย่อมได้ทั้งนั้น"
"อั๊วจะมีเมีย ทำไมต้องรอให้อาป๊าเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำด้วย"
"หากอาหงส์ขึ้นเป็นใหญ่ คิดเหรอว่าอีจะยอมลดศักดิ์ศรีมาแต่งงานกับลื้อ ห๊ะ"
ตี๋เล็กเห็นด้วยกับเต็ก ถ้าหงส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง ก็ยิ่งหมดสิทธิ์
"น่าจะให้ท่านเมฆินทร์แต่งตั้งอาป๊าเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำไปเลยก็สิ้นเรื่อง"
"ถ้าทำได้ อั๊วทำไปนานแล้ว แต่กฎของแก๊งหงส์ดำ การแต่งตั้งประมุขต้องได้รับการเห็นชอบจากสมาชิกอาวุโสภายในแก๊งเกินกึ่งหนึ่ง ถึงจะขึ้นรับตำแหน่งได้"
"แล้วเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าไอ้แก่พวกนั้นมันจะสนับสนุนอาป๊าขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง"
"คนแก๊งหงส์ดำ ไส้มีกี่ขดๆอั๊วรู้หมด พวกมันไม่มีวันยอมก้มหัวให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างอาหงส์แน่นอน"
"แต่พวกมันจะกล้าฝ่าฝืนคำสั่งเถ้าแก่สุงเหรอ อาป๊า"
"คืนนี้จะมีการประชุมลับระหว่างอั๊วกับสมาชิกอาวุโสแก๊งหงส์ดำที่ฉั่วเทียนเหลา ลื้อจะไปกับอั๊วด้วยมั้ยล่ะ"

ตี๋เล็กยิ้มมุมปาก... น่าสนุกต้องไปแน่นอน

สมาคมเลือดมังกร ทุกคนกำลังสาละวนกับการตระเตรียมพิธีสถาปนาหงส์เป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ
 
"ตื่นเต้นแทนเจ้หงส์จัง พรุ่งนี้ก็จะถึงวันพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่แล้ว โก้ชะมัด!" หมวยบอก
"เป็นหัวหน้าแก๊งมีแต่เรื่องให้ปวดหัว อั๊วล่ะอดเป็นห่วงเจ้หงส์ไม่ได้" กุ่ยบอก
"เจ้หงส์เก่งจะตาย ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วง"
"คิดเหรอว่าเถ้าแก่เต็กกับตี๋เล็ก สองพ่อลูกมหาภัยจะยอมเลิกราง่ายๆ"
"พินัยกรรมเถ้าแก่สุงก็ระบุเอาไว้ชัด เจ้หงส์มีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนต่อไป เถ้าแก่เต็กจะมีน้ำยาทำอะไรได้"
"อย่าลืมสิ เจ้หงส์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับวงการนักเลงเลยด้วยซ้ำ จะรู้สายสนกลในภายในแก๊งหงส์ดำดีเท่าเถ้าแก่เต็กได้ยังไง"
"อยู่ๆไป เดี๋ยวเจ้หงส์ก็รู้เองนั่นแหละ"
"คิดตื้นๆ ถ้ามันง่ายอย่างนั้น อั๊ว...ลื้อ...อาหวัง...ใครๆก็เป็นหัวหน้าแก๊งกันได้น่ะสิ"
"โอ๊ย... ต่อให้เอาตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมาประเคนให้ หมวยไม่เอาด้วยหรอก ร้องงิ้วสนุกกว่าตั้งเยอะ"
หมวยพูดจบก็ร้องเพลงงิ้วเสียงแหลมปรี๊ด กุ่ยเอามืออุดหู เดินหนีด้วยความรำคาญ

กลางคืน หลงเดินผ่านหน้าห้องทำงานสุง เห็นแสงไฟในห้องทำงาน จึงเข้าไปดู หงส์ยังคงนั่งอ่านกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆของแก๊งหงส์ดำ รวมทั้งรายชื่อสมาชิกอาวุโสในแก๊งยาวเหยียด
"พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวเข้าร่วมพิธีตั้งแต่เช้า นายน้อยควรเข้านอนได้แล้ว"
"ฉันยังอ่านกฎข้อบังคับต่างๆในแก๊งหงส์ดำยังไม่จบน่ะ เหลืออีกตั้งร้อยกว่าข้อ"
"แก๊งหงส์ดำขึ้นชื่อว่ามีกฎระเบียบเคร่งครัดที่สุดในสมาคมเลือดมังกร คงไม่ง่ายที่จะทำความเข้าใจได้หมดทุกข้อในคืนเดียว"
"ฉันจะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งวันพรุ่งนี้โดยไม่รู้กฎต่างๆภายในแก๊งหงส์ดำได้ยังไง"
"กฎทุกกฎบนโลกนี้ล้วนกำหนดขึ้นเพื่อควบคุมคนให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ นายน้อยไม่จำเป็นต้องจำกฎได้หมดทุกข้อ แค่อาศัยสัญชาตญาณ แล้วทำตามอุดมการณ์ของเถ้าแก่สุงเท่านั้น"
"ฉันไม่คิดว่าสมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำจะยอมรับฉันง่ายๆ โดยเฉพาะอาเจ็กเต็ก นายก็รู้ มันเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนที่ผู้หญิงจะขึ้นมาเป็นใหญ่ในวงการนักเลง"
"แต่ผู้หญิงหลายคนในประวัติศาสตร์จีนเคยกุมบังเหียนการเมืองไว้ได้"
"นายกำลังยุให้ฉันทำในสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน"
"ไม่ใช่ยุ แต่ผมชี้ให้เห็นถึงสิทธิที่นายน้อยควรมีและควรเป็นต่างหาก"
"อำนาจบารมีไม่สามารถถ่ายทอดได้ทางสายเลือด ถึงฉันจะเป็นลูกอาป๊า แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะต้องยอมก้มหัวให้ฉันเหมือนที่เคยก้มหัวให้อาป๊า"
"นั่นคือสิ่งที่นายน้อยจะต้องทำให้ได้"
"ทำไมต้องเป็นฉัน"
"เพราะนายน้อยเป็นความความหวังสุดท้ายของเถ้าแก่สุง"
หงส์มองไปยังกรอบรูปของสุงที่อยู่บนหิ้งบูชา... ใจสู้ขึ้นมาอีกครั้ง

ภัตตาคารฉั่วทียนเหลา กลางคืน ณ ห้องวีไอพี เต็กนั่งหัวโต๊ะประชุมลับกับสมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำ 5 คน
"อั๊วรับไม่ได้ ! พี่ใหญ่ทำแบบนี้ไม่ถูก ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำจะเป็นผู้หญิงได้ยังไง มันไม่เคยมีมาก่อน"
สมาชิก 1 บอก
"หมากกระดานนี้เดินไปก็แพ้ อั๊วไม่เชื่อว่าคุณหนูหงส์จะขึ้นมาแทนเถ้าแก่สุงได้"
สมาชิก 2 บอก
"ถึงคุณหนูหงส์จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเถ้าแก่สุงก็ตาม แต่เรื่องในวงการ ผู้หญิงจะไปรู้อะไร นอกจากงานบ้านงานครัว"
สมาชิก 3 บอก
"แต่ไหนแต่ไร พวกเราก็ถือว่าเถ้าแก่เต็กเป็นตัวแทนของเถ้าแก่สุงอยู่แล้ว อยู่ๆจะให้คุณหนูหงส์มาชุบมือเปิบได้ยังไง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด"
"งั้นก็แปลว่าทุกท่านเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์ที่จะให้อาป๊าขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ" ตี่เล็กว่า
สมาชิก 1บอก
"ถึงจะไม่เห็นด้วย แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งเสียของเถ้าแก่สุง พวกอั๊วจะทำอะไรได้"
"ต่อให้เป็นคำสั่งของเถ้าแก่สุง แต่ตามกฎของแก๊งหงส์ดำ ถ้าพวกลื้อไม่เห็นด้วยซะอย่าง อาหงส์ก็จะขึ้นรับตำแหน่งไม่ได้" เต็กว่า
สมาชิกอาวุโสต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หนักใจ
สมาชิก 2 ถาม"ทำแบบนี้จะดีเหรอเถ้าแก่"
สมาชิก 3 บอก"คำสั่งเถ้าแก่สุงถือเป็นเด็ดขาด พวกอั๊วไม่กล้าขัดหรอก"
"สิบกว่าปีมานี่ อั๊วช่วยพวกลื้อมามาก เอื้อประโยชน์ให้ตั้งหลายอย่าง ไม่ทันไรก็ไม่เห็นหัวอั๊วแล้วเหรอ"
สมาชิกทุกคนต่างก้มหน้านิ่ง ล้วนแต่เป็นหนี้บุญคุณเต็กทั้งสิ้น
"แม้แต่ท่านเมฆินทร์ยังสนับสนุนให้อาป๊าขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนต่อไป ยังจะมีใครหน้าไหนไม่เห็นด้วยอีก" ตี๋เล็กบอก
ตี๋เล็กวางปืนลงที่โต๊ะด้านหน้าทำนองข่มขู่ เต็กปรามให้ระงับอารมณ์เอาไว้บ้าง เดี๋ยวจะเสียเรื่อง
"อั๊วเองก็ไม่ได้อยากเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำสักเท่าไหร่นักหรอก แต่คิดๆดูก็อดใจหายไม่ได้ถ้าแก๊งเก่าแก่อย่างหงส์ดำจะต้องพินาศย่อยยับเหลือแต่ชื่อด้วยน้ำมือผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ประสีประสาอย่างอาหงส์…พวกลื้อลองคิดดูให้ดีๆก็แล้วกัน"
สมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำต่างยอมจำนนต่อเต็ก
"ถ้าอั๊วได้นั่งเก้าอี้ประมุขแก๊งหงส์ดำเมื่อไหร่ พวกลื้อก็จะพลอยสบายไปด้วย"

เต็กมั่นใจ ว่าตนเองเป็นฝ่ายเหนือกว่า

หยกมณีแอบสอดแนมเหตุการณ์อยู่ที่ห้องข้างๆ
 
พอรู้แผนการเถ้าแก่เต็กล็อบบี้สมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำแล้วก็ตกใจ
"วิ่งเต้นกันขนาดนี้คงอยากขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำจนตั่วสั่น"
หยกมณีนึกเป็นห่วงหงส์ขึ้นมาทันที

เช้ามืด วันใหม่ หงส์ออกมายืนคนเดียวยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นท้องฟ้าใกล้จะสางแล้ว ทั้งคืนยังไม่ได้นอนหงส์ยืนกอดอก รู้สึกหนาวเหน็บอย่างบอกไม่ถูก ถอนหายใจหนักๆ
หลงเดินออกมาพร้อมด้วยชุดคลุมหนาของหงส์
หลงยื่นชุดคลุมให้ หงส์รับไปสวมคลุมกันหนาว
"เช้านี้อากาศเย็น น้ำค้างแรงจัด นายน้อยไม่ควรออกมาข้างนอก เดี๋ยวจะไม่สบาย"
"อาหลง ฉันอยากถอนตัว ฉันคิดว่าฉันไม่เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ"
"ทำไมอยู่ๆนายน้อยถึงได้ถอดใจ"
"คนอยู่ในวงการต้องสั่งสมบารมีจนเป็นที่ยอมรับ อาเจ็กเต็กเหมาะสมมากกว่าฉัน"
"ถ้าเป็นอย่างนั้น เถ้าแก่สุงก็คงจะแต่งตั้งเถ้าแก่เต็กเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำไปตั้งนานแล้ว"
"การเป็นหัวหน้าแก๊งมันไม่ใช่เป้าหมายของฉัน ฉันทำไม่ได้"
"มาถึงขั้นนี้แล้วนายน้อยต้องทำให้ได้... นายน้อยเป็นความหวังเดียวของเถ้าแก่สุง"
"ฉันไม่อยากแบกรับความคาดหวังของใครอีกแล้ว"
"ลองคิดดู ถ้าแก๊งหงส์ดำต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเถ้าแก่เต็กและตี๋เล็ก อะไรมันจะเกิดขึ้น"
"แต่ฉัน..."
"นายน้อยควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเข้าพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำได้แล้ว"
หงส์รู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกรับ

หงส์นั่งคุกเข่าเบื้องหน้าแท่นบูชาเถ้าแก่สุง ซึ่งตั้งอยู่แท่นเดียวกับป้ายวิญญาณอาฉาง
"ถ้าหงส์ไม่ขึ้นรับตำแหน่งวันนี้ หงส์จะผิดต่ออาป๊ามั้ย.... อาป๊าจะยกโทษให้หงส์หรือเปล่า"
สายลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างวูบหนึ่ง พัดเอาหนังสือสวดมนต์จีนเล่มหนาๆที่วางอยู่บนหิ้งเปิดกางออก
ลมพัดรูปที่สอดไส้อยู่ในหนังสือเล่มนั้นตกลงมาตรงหน้า หงส์หยิบรูปที่คว่ำหน้าเหล่านั้นขึ้นมาดู
รูปใบแรกเป็นรูปสุงตอนเป็นหนุ่มถ่ายรูปกับโรงงิ้วเฟิ่งหวง ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
หงส์พลิกดูรูปต่อไป... เป็นภาพสุงตอนหนุ่มในพิธีแต่งงานกับกิมลั้ง
"นี่เหรอ อาม้า"
หงส์ตื้นตัน เพิ่งได้เคยเห็นรูปแม่ตัวเองเป็นครั้งแรก... อย่างน้อยรูปถ่ายก็ไม่ได้ถูกเผาทิ้งไปเสียทั้งหมด
หงส์ยิ้มเศร้าๆ
"หงส์หน้าเหมือนอาม้านี่เอง ถึงได้อาภัพ"
หงส์พลิกดูภาพใบสุดท้าย...เป็นรูปอาฉางในชุดงิ้ว
หงส์รู้สึกน้อยใจที่สุงไม่เคยเก็บรูปตัวเองเอาไว้เลย พลางนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่สุงเคยพูดเอาไว้ว่าชีวิตนี้ภูมิใจอยู่ 3 อย่าง
"ในชีวิตอั๊วมีสิ่งที่ภาคภูมิใจเพียงไม่กี่อย่าง หนึ่งคืออั๊วได้เป็นเจ้าของคณะงิ้วนี้ สองคืออั๊วได้แต่งงานกับกิมลั้ง แม่ของลื้อ และสามคืออั๊วได้ลูกชายที่ดีไว้สืบสกุลอย่างอาฉาง"
หงส์เก็บรูปทั้งสามใบสอดกลับเข้าไปในหนังสือสวดมนต์บนหิ้ง ทันใดนั้นเองหงส์รู้สึกว่ายังมีรูปอีกใบสอดอยู่ที่หน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนั้น
หงส์หงายรูปถ่ายใบนั้นคือมาดู เป็นรูปตอนหงส์ชนะการประลองงิ้วหงส์ไม่รู้ตัวว่าถูกถ่ายตอนไหน
หงส์พูดกับป้ายวิญญาณสุงด้วยความมุ่งมั่น
"หงส์จะทำให้อาป๊าภูมิใจในตัวหงส์ให้ได้ !อาป๊าอวยพรให้หงส์ด้วยนะ"
หมวยเข้ามาตามหงส์ในห้อง
"รีบไปที่สมาคมเถอะเจ้ เดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์พิธี"
หงส์พยักหน้ากับหมวย รับรู้...วันนี้จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้สุงเห็นให้ได้

สมาชิกภายในแก๊งหงส์ดำทั้ง 5 ทยอยเดินทางมาที่สมาคมเลือดมังกร สมุนของหลงคอยยืนตรวจตรา กระจายกำลังคุ้มกัน ตรวจอาวุธแขกที่มาในงานอย่างแน่นหนา
เต็กกับตี๋เล็กเดินเข้ามาในงาน หลงโค้งยืนที่หน้าประตูก่อนเข้างานเป็นด่านสุดท้าย
ตี๋เล็กเอาไม้จิ้มฟันคาบไว้ในปาก ดูกุ๊ยๆ แล้วถุยขี้ฟันใส่หลงอย่างหาเรื่อง ก่อนตามเต็กเข้าไปในงาน หลงมองตามระงับอารมณ์
สมุนหลงเข้ามารายงานเรื่องพาตัวซ้งมาที่นี่แล้ว โดยพูดสั้นๆ รู้กันอยู่สองคน
"เรียบร้อยครับเฮีย"
"คุมตัวมันไว้ให้ดี อย่าประมาท"
"ครับเฮีย"
สมุนหลงรีบไปทำตามคำสั่งหลงทันที

เต็กกับสมาชิกอาวุโสทั้ง 5 จับกลุ่มคุยกันอยู่โขมงโฉงเฉง ตี๋เล็กเข้ามาในงานชะเง้อมองหาหงส์ แต่ไม่พบ
"น้องหงส์อยู่ไหน ตั้งแต่มา อั๊วยังไม่เห็นหน้า"
"ป่านนี้อีคงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง กลัวจนตัวสั่นเป็นลูกนกอยู่ในห้อง นี่จะกล้าออกมาหรือเปล่า อั๊วยังไม่รู้เลย" เต็กบอก
สมาชิก 1บอก"อั๊วเห็นลูกสาวเถ้าแก่สุงมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น แก้ผ้าวิ่งเล่นในโรงงิ้ว ไม่ทันไรจะขึ้นเป็นเจ้าแม่ซะแล้ว"
สมาชิก 2 บอก"ให้ผู้หญิงขึ้นเป็นหัวหน้า อั๊วจุดธูปไหว้เมียที่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ"
สมาชิก3 หัวเราะบอก"แล้วถ้าอีมีผัว ใครจะใหญ่กว่ากันวะ"
"อีกหน่อยอีเป็นเมียอั๊ว อั๊วก็ต้องใหญ่ที่สุดสิ" ตี่เล็กบอก
สมาชิกอาวุโสทั้ง 5 ต่างกลั้นหัวเราะเยาะ ดูถูกหงส์ เต็กยิ้ม เป็นไปตามแผน
 
สมาชิกทั้ง 5 ต่างไม่เห็นว่าหงส์เหมาะสมจะเป็นหัวหน้าแก๊ง

ภายในห้องรับรองภายในสมาคม หงส์สวมชุดที่แม่ของม่วยจูเอามาให้ ดูสวยสง่า
 
ยังคงนั่งนิ่งหน้ากระจก มองเงาตัวเองที่ไว้ผมเปีย ใบหน้าซีด ยังไม่ได้แต่งหน้า ขอบตาคล้ำเพราะอดนอน หยกมณีมายืนกอดอกอยู่ด้านหลัง หงส์คิดว่าเป็นหมวย
"ได้เวลาแล้วเหรอ" เมื่อหันไปเห็นหยกมณี "เจ้หยก!"
"จะขึ้นเป็นเจ้าแม่แก๊งหงส์ดำอยู่แล้ว ยังไว้ผมเปียเป็นเด็กอยู่ได้"
หยกมณีเดินเข้ามาแกะเปียให้หงส์ ปล่อยผมยาวสยายลงมา
หยกมณียื่นหน้าลงมาใกล้ มองหน้าหงส์ผ่านกระจก
"ดูซิ หน้าตาซีดเซียว ขอบตาก็ดำคล้ำ นี่เธอคงไม่ได้นอนทั้งคืนล่ะสิ"
หยกมณีเปิดกระเป๋าที่ใส่เครื่องสำอางแล้วช่วยแต่งหน้าให้ หงส์เอามือผลักออก ห้ามหยกมณี
"ไม่แต่งไม่ได้เหรอเจ้"
"เด็กโง่เอ๊ย... เวลาเธอออกไปเล่นงิ้ว ไม่แต่งหน้าทาปากได้มั้ยล่ะ"
"หงส์จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง ไม่ได้ออกไปเล่นงิ้วสักหน่อย"
"ชีวิตก็เปรียบเสมือนงิ้วโรงใหญ่นั่นแหละ มีทั้งบทดีบ้าง บทไม่ดีบ้าง ให้เราโลดแล่นไปตามบทบาท... ตอนนี้เธอไม่ใช่อาหงส์คนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่เธอคือคุณหงส์ ประมุขคนใหม่ของแก๊งหงส์ดำ... วันนี้เป็นวันพิเศษ ฉันอยากให้เธอสง่างามและดูดีที่สุด ลบภาพอาหงส์เด็กกะโปโลคนเดิมไม่ให้เหลือคราบ"
"เจ้คงไม่ได้มาที่นี่ เพื่อแต่งหน้าให้หงส์แค่นี้ใช่มั้ย"
หยกมณีแต่งหน้าให้หงส์ พลางเล่าเรื่องให้หงส์ฟังอย่างใจเย็น
"เมื่อคืนเถ้าแก่เต็กวิ่งเต้นนัดประชุมลับกับสมาชิกอาวุโสในแก๊งหงส์ดำที่ฉั่วเทียนเหลา เพื่อคัดค้านการขึ้นรับตำแหน่งของเธอวันนี้"
"อาเจ็กเต็กน่ะเหรอจะกล้าทำเรื่องอย่างงั้น"
หยกมณีพยักหน้า
"อำนาจน่ะมันไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ... ตอนนี้ภาพพจน์ของเธอไม่ค่อยดีในสายตาสมาชิกคนอื่นๆสักเท่าไหร่ เธอต้องเรียกขวัญและกำลังใจคนในแก๊งหงส์ดำกลับคืนมา ทำให้คนพวกนั้นเชื่อมั่นในตัวเธอ และยอมก้มหัวให้เธอโดยไม่มีข้อแม้"
"เจ้จะให้หงส์ทำยังไง"
"ฉันไม่รู้ แต่ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ ถึงเธอจะไม่ใช่มังกร แต่เธอก็เป็นนางพญาหงส์... หงส์ที่ผงาดอยู่เหนือมังกร"
หยกมณีจ้องตาหงส์อย่างให้กำลังใจ แต่งหน้าให้หงส์อย่างสุดฝีมือเพื่อเปลี่ยนลุคให้หงส์

เต็กและสมาชิกอาวุโสทั้ง 5 ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน กุ่ยกับหวังแจกธูปให้ทุกคนที่เข้าร่วมพิธี
แปะจางเป็นเจ้าพิธี ประกาศขั้นตอนต่างๆในพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ
"ทั้งหมดคารวะบรรพชน"
ทุกคนต่างยกธูปคารวะป้ายบรรพชนและรูปสุงที่ตั้งตระหง่านในพิธี
แปะจางกล่าวเชิญหงส์ขึ้นมาสาบานตน
"บัดนี้ได้ฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว ขอเชิญคุณหงส์ขึ้นมาสาบานตนที่หน้าแท่นพิธี"
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก หงส์เดินออกมางามสง่าเยี่ยงนางพญาพร้อมกับหยกมณี ทุกคนต่างตะลึงตะไลในภาพลักษณ์ใหม่ของหงส์ที่ไม่ใช่หงส์คนเดิมอีกต่อไป
หลงมองตาค้าง เช่นเดียวกับกุ่ย หมวย ที่มองหงส์อย่างไม่เชื่อสายตา
"นี่อั๊วฝันไปหรือเปล่า"
หมวยตบเพี๊ยะที่แก้มของกุ่ยด้วยความหมั่นไส้
"ตบหน้าอั๊วทำไมเนี่ย อาหมวย"
"ถ้าเจ็บ ก็แสดงว่าเฮียไม่ได้ฝัน !"
หงส์เดินไปยังหน้าแท่นพิธี หลงยื่นธูปดอกใหญ่ๆให้หงส์ 3 ดอก หงส์ไหว้คารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสมาคมแล้วส่งให้หลงเอาไปปักในกระถางธูป หงส์ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ต่อหน้าสมาชิกแก๊งหงส์ดำทุกคน แต่ไม่มีใครยอมก้มหัวให้

หมวยเห็นท่าไม่ดีก็รีบกระซิบกับกุ่ย
"ทำไมไม่มีใครคำนับเจ้หงส์เลยล่ะ"
"พวกสมาชิกอาวุโสรวมหัวกันกระด้างกระเดื่อง ไม่ยอมรับเจ้หงส์เป็นหัวหน้า" กุ่ยบอก
"อย่างนี้พิธีก็ล่มน่ะสิ" หวังบอก
กุ่ยตบกะโหลกอาหวัง พูดไม่เข้าหู
"นี่แน่ะ ! วันนี้วันดี พูดอะไรให้เป็นมงคลหน่อย"
หมวยจุ๊ปากให้เงียบ "ชู่วว์ !"
ทั้งสามต่างยืนลุ้น เอาใจช่วยหงส์

แปะจางเห็นบรรยากาศเริ่มตึงเครียด รีบดำเนินพิธีต่อ
"ขอเชิญเถ้าแก่เต็กขึ้นมอบรายนามสมาชิกแก๊งสามวิหคให้แก่หัวหน้าแก๊ง"
"จะไม่มีการมอบรายนามสมาชิกแก๊งสามวิหคจนกว่าจะมีมติเสียงข้างมากจากสมาชิกอาวุโสอย่างน้อย 3 ใน 5 เสียงรับรองหัวหน้าแก๊งคนใหม่"
ทุกคนที่มาเป็นสักขีพยาน ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ แต่หงส์นิ่งขรึม เตรียมตัวไว้แล้ว
หงส์พูดเฉียบขาด
"มีใครไม่เห็นด้วยที่อั๊วขึ้นรับตำแหน่งก้าวออกมาข้างหน้า!"
สมาชิกอาวุโสทั้ง 5 มองหน้ากันเลิ่กลั่กๆ 3 คนคัดค้าน แต่อีก 2 คนไม่กล้าเสี่ยง
สมาชิก 3 คนจาก 5 คน ก้าวออกไปยืนข้างหน้าพร้อมกัน เต็กยิ้ม สะใจเสียงคัดค้านเกินกึ่งหนึ่ง
"ทำไมพวกลื้อถึงคิดว่าอั๊วไม่เหมาะสม"
สมาชิก 1บอก"อั๊วอยู่วงการมา 20 กว่าปียังไม่เคยมีหัวหน้าแก๊งเป็นผู้หญิงมาก่อน"
"ไม่มีกฎข้อไหนของแก๊งหงส์ดำระบุว่าห้ามผู้หญิงขึ้นเป็นผู้นำ"
สมาชิก 2 บอก"แต่คุณหนูก็ไม่เหมาะที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง"
"ใครเป็นผู้พิสูจน์ว่าอั๊วไม่เหมาะสม ลื้อ... ลื้อ... หรือว่าลื้อ"
สมาชิก 3 บอก"คุณหนูยังไงก็ไม่มีวันแทนเถ้าแก่สุงได้หรอก บอกตามตรง พวกอั๊วทำใจยอมรับลื้อเป็นหัวหน้าแก๊งไม่ได้"
สมาชิกทั้ง 3 เซ็งแซ่ "ใช่ / อั๊วก็รับไม่ได้"
"ตามกฎของแก๊งหงส์ดำถ้าใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของประมุข จะต้องได้รับโทษสูงสุดมัดหินถ่วงทะเล พวกลื้ออยากจะลองดูใช่มั้ย"
สมาชิก 1บอก
"เห๊อะ ! ทำมาเป็นอ้างกฎ แก๊งหงส์ดำมีกฎเหล็กเป็นร้อยๆข้อ พวกอั๊วอยู่แก๊งนี้มาตั้งแต่หัวดำจนหัวหงอกยังจำได้ไม่หมด "
สมาชิก 2 ถาม"แม้แต่เถ้าแก่สุงเอง ยังจำได้แค่บางข้อ ลื้อคิดว่าลื้อเป็นใคร ห๊า !"
สมาชิก 3 บอก"เด็กเมื่อวานซืนอย่างลื้อ กลับไปท่อง ก.ไก่ ข.ไข่ ก่อนดีกว่ามั้ง"
สมาชิกทั้ง 3 หัวเราะเยาะพร้อมๆกัน "ฮ่าๆๆๆ"
"กฎข้อที่ 1 ห้ามทำให้แก๊งหงส์ดำเสื่อมเสียเกียรติ... ข้อ 2 ห้ามทอดทิ้งพี่น้องในยามคับขัน... ข้อ 3 ห้ามเปิดเผยความลับภายในแก๊ง... ข้อ 4 ต้องจงรักภักดีต่อนายเพียงหนึ่งเดียว ข้อ 5..."

สมาชิกทุกคนต่างทึ่ง อึ้งที่หงส์สามารถจำกฎทุกข้อได้โดยไม่ต้องอ่าน

เลือดมังกร : หงส์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

เล็กพึมพำเบาๆกับเต็กระหว่างที่หงส์กำลังท่องอยู่
 
"ข้อ 59 ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด และอบายมุขทุกประเภท... ข้อ 60 ไม่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า... ข้อ 61..."
ตี๋เล็กอ้าปากค้าง
"จำได้ไงวะ"
เต็กหมั่นไส้
"ก็แค่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองแหละว๊า"
"แล้วอาป๊าท่องได้แบบนี้หรือเปล่า"
เต็กมองตี๋เล็กอย่างไม่สบอารมณ์... ใครจะไปท่องได้วะ !!

หงส์ท่องกฎข้อสุดท้าย
"กฎข้อสุดท้าย... คำสั่งของหัวหน้าแก๊งถือเป็นเด็ดขาด!ใครก็ตามที่กล้าฝ่าฝืนกฎจะต้องได้รับโทษสูงสุด ไม่มีข้อยกเว้น.... มีใครยังข้องใจอะไรอีกมั้ย"
สมาชิกทั้ง 5 กลืนน้ำลายยากเย็น หันมองไปยังเต็กทำนองหาตัวช่วย
"สถานการณ์แบบนี้ คนในแก๊งหงส์ดำย่อมต้องเสียขวัญและกำลังใจเป็นธรรมดา ถ้าลื้ออยากให้ทุกคนก้มหัวยอมรับลื้อเป็นประมุข ก็ยังพอมีทาง" เต็กยิ้มอย่างเป็นต่อและท้าทาย "หาตัวคนร้ายที่ฆ่าอาป๊าลื้อมาลงโทษให้ได้สิ"
สมาชิก 1บอก
"ใช่ ! อั๊วเห็นด้วย ถ้าอยากให้พวกอั๊วยอมรับ ลื้อก็ต้องพิสูจน์ให้เห็น"
สมาชิก 2 สบประมาท
"บ่อมีไก๊ ! ผู้หญิงอย่างลื้อจะมีน้ำยาอะไร"
สมาชิก 3 กล่าวย้ำ
"ขนาดอาฉางพี่ชายลื้อถูกยิงตาย ป่านนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ นับประสาอะไร"
หงส์ยิ้มมุมปาก คิดแล้วว่าจะต้องมามุขนี้ หงส์ตบมือขึ้น 3 ครั้ง
"เอาตัวมันเข้ามา"
หลงก้มศีรษะรับคำสั่ง ก่อนไปตัวซ้งเข้ามาในพิธี

หลงพร้อมด้วยสมุนหลง 2 คนเอาตัวซ้งเข้ามาในงาน ทุกคนที่อยู่ในงานต่างตกตะลึง
"ให้มันคุกเข่าลง"
หลงกดไหล่ซ้งให้คุกเข่าตรงหน้าหงส์
"ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร" เต็กถาม
"พี่น้องทุกท่าน ! มันชื่อซ้ง เป็นมือปืนที่ยิงเฮียฉางเมื่อวันสารทจีน และเกี่ยวพันกับการตายของอาป๊า"
ทุกคนต่างตกใจ วิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่เสียงดังอึงคะนึง
กุ่ยจะปราดเข้าไปกระทืบซ้ง แต่หมวยกับหวังห้ามเอาไว้
"ไอ้ชาติชั่ว ! อั๊วจะเอาเลือดมึง เซ่นวิญญาณเถ้าแก่สุง"
"อาซ้ง ! บอกมา ใครเป็นคนสั่งการลื้อ"
"อั๊วไม่ได้ฆ่าเถ้าแก่สุง"
"ลื้อมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย อยู่ต่อหน้าผู้คนขนาดนี้ ลื้อยังโกหกเอาชีวิตรอด คนอย่างลื้อ ศักดิ์ศรีอยู่ที่ไหน อั๊วมองไม่เห็นแม้แต่นิด คนไร้ศักดิ์ศรีอย่างลื้อมีลมหายใจอยู่ต่อไปมันก็ไร้ความหมาย ลื้อมันสมควรตาย ตายอย่างหมาขี้เรื้อนข้างถนน"
เสียงโห่สาปแช่งซ้งดังก้องไปทั่วสมาคม
" ไอ้หมาขี้เรื้อน ! / เก๋าเจ้ง ! / ไอ้สารเลว"
"คนอย่างอั๊วเป็นลูกผู้ชายพอ กล้าทำก็กล้ารับ อั๊วเป็นคนยิงพี่ชายลื้อจริง แต่อั๊วไม่ได้เป็นคนฆ่าเถ้าแก่สุง"
หน้าตี๋เล็กยิ้มเยาะไม่สะดุ้งสะเทือน ซ้งกลายเป็นแพะรับบาปแทน
"แต่ลื้อก็เคยเข้ามาลอบสังหารอาป๊าถึงในห้อง"
"คืนนั้นอั๊วประมาทไปหน่อย ไม่งั้นอั๊วคงกลายเป็นมือปืนชื่อกระฉ่อนที่โค่นพญามังกรอย่างเถ้าแก่สุงไปแล้ว"
หงส์เห็นแววตาของซ้งว่า พูดจริง ไม่ได้พูดโกหก
"อาซ้ง ! อั๊วจะถามลื้อเป็นครั้งสุดท้าย ใครส่งลื้อมา"
ซ้งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ยอมตอบ อาศัยจังหวะที่สมุนของหลงเผลอ ชักมีดสั้นที่เอวของสมุนหลง และแทงตัวเองสุดแรง
หงส์และคนอื่นๆ ต่างตกใจ คาดไม่ถึงว่าซ้งจะใจเด็ดยอมฆ่าตัวตาย แต่ไม่ยอมปริปากบอก
ซ้งยิ้ม เลือดไหลนองพื้นตาเบิกโพลง ตายตาไม่หลับด้วยยังเป็นห่วงโบตั๋น

สมุนหลง 2 คนลากศพซ้งออกไปกันอุจาด

เต็กปรบมือให้หงส์ สร้งพูดยกยอ
 
"ลื้อช่างเก่งสมกับเป็นลูกสาวพี่ใหญ่จริงๆที่สามารถหาตัวไอ้คนร้ายที่ยิงอาฉาง พี่ชายลื้อได้... คนตายย่อมไม่พูดโกหก ไอ้ซ้งมันบอกว่ามันไม่ได้เป็นคนฆ่าพี่ใหญ่ลื้อจะว่ายังไง"
สมาชิกภายในแก๊งหงส์ดำต่างคล้อยตามเต็ก เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังระเบ็งเซ็งแซ่ขึ้นอีกครั้ง
" ใช่ / ต้องลากคอมันมาให้ได้"
"ขอเวลาอั๊ว 3 เดือน ถ้าอั๊วยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายที่ฆ่าอาป๊าได้ อั๊วจะยอมลงจากตำแหน่งประมุขแก๊งหงส์ดำ"
ตี๋เล็กหน้าซีดเผือด รู้สึกถึงบารมีน่าเกรงกริ่งของหงส์ที่แผ่มากขึ้นทุกที
หลงสังเกตเห็นอาการผิดปกติ ที่ดูหลุกหลิกลุกลี้ลุกลนของตี๋เล็กเมื่อพูดถึงคนฆ่าเถ้าแก่สุง
สมาชิกอาวุโสทั้ง 5 ต่างปรึกษาหารือกัน
สมาชิก 1 บอก
"ตกลง !เห็นแก่วิญญาณของเถ้าแก่สุง ในระหว่างนี้พวกอั๊วจะยอมรับลื้อในฐานะหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่"
สมาชิก 2 บอก
"แต่หลังจากนี้ 3 เดือน ถ้าลื้อยังไม่ได้ตัวคนร้ายที่สังหารเถ้าแก่สุง ลื้อจะพ้นสภาพการเป็นหน้าแก๊งทันที"
สมาชิก 3 ย้ำ "จำคำพูดของลื้อเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน"
แปะจางกล่าวพิธีต่อ
"ลำดับต่อไปขอเชิญหัวหน้าแก๊งหงส์ดำกรีดเลือดสาบานตน"
หงส์หยิบกริชขึ้นมากรีดที่ฝ่ามือให้เลือดหยดลงในจอกที่มีน้ำอยู่เต็มแก้ว หงส์ยื่นส่งจอกนั้นให้เถ้าแก่เต็กดื่ม เต็กส่งต่อสมาชิกอาวุโสคนที่ 1 ดื่ม ไล่จนกระทั่งครบทั้ง 5 คน
"คำนับหัวหน้าแก๊งหงส์ดำคนใหม่ !"
ทุกคนต่างก้มหัวคำนับหงส์โดยพร้อมกัน
เต็กกับตี๋เล็กจำต้องก้มหัวให้หงส์อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
หลง หมวย กุ่ย แปะจาง หวัง หยกมณี ต่างก้มหัวให้หงส์ด้วยความชื่นชม หงส์ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ที่มีรูปหงส์กางปีก ขึ้นเป็นเจ้าแม่แก๊งหงส์ดำคนใหม่อย่างสง่าผ่าเผย

ภายหลังงานพิธีสถาปนาหัวหน้าแก๊งคนใหม่เลิก สมาชิกคนอื่นๆต่างกลับกันไปหมดแล้ว
"ไม่น่าเชื่อ ! เจ้หงส์จะทำให้เถ้าแก่เต็กและสมาชิกแก๊งหงส์ดำคนอื่นๆยอมก้มหัวให้" กุ่ยบอก
"ตอนเจ้หงส์ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ หมวยนึกว่านางพญาบูเช็กเทียนเสียอีก"
"มองแววตานายน้อยเหมือนเถ้าแก่สุงไม่มีผิดคิดแล้วยังขนลุกอยู่เลย" หวังบอก
"เค้าเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น สมแล้วที่แก๊งหงส์ดำได้เจ้หงส์เป็นหัวหน้า"
"แต่ถ้าภายใน 3 เดือน นายน้อยยังหาตัวคนร้ายมาลงโทษไม่ได้ ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งต้องเสร็จเถ้าแก่เต็กแน่ๆ" หวังว่า
กุ่ยบ้องกะโหลกอาหวัง พูดไม่เข้าหูอีกแล้ว
"นี่แน่ะ !ผีเจาะปากมาพูดหรือไง มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้หงส์ของอั๊วไม่มีวันลงจากตำแหน่งง่ายๆหรอก"
หมวยเห็นหยกมณีกำลังจะกลับพอดี ทุกคนรู้สึกญาติดีกับหยกมณีมากขึ้นตั้งแต่ตอนที่เห็นหยกมณีร้องไห้คร่ำครวญในงานศพสุง
"เจ้หยก ! จะกลับแล้วเหรอ"
"ฉันต้องกลับไปเตรียมตัวร้องเพลงคืนนี้... มีอะไรจะกระทบกระเทียบฉันอีกล่ะ"
กุ่ยบอก
"อั๊วอยากจะขอโทษที่เคยมองเจ้หยกผิดไป คิดว่าเจ้หยกจะลืมพี่ลืมน้องซะแล้ว"
หยกมณีสีหน้าราบเรียบ นิ่งไป หมวยกุมมือหยกมณีขึ้นมา ง้อ
"ยังไงเราก็เป็นพี่น้อง เคยกินข้าวหม้อเดียวกัน ยกโทษให้พวกเราด้วยเถอะนะเจ้"
หยกมณีบีบจมูกหมวยเบาๆ
"เด็กโง่เอ๊ย... ฉันเคยโกรธพวกเธอซะที่ไหนกันเล่า"
หยกมณีคลี่ยิ้ม มิตรภาพระหว่างหยกมณีกับทุกคนในโรงงิ้วกลับมาแน่นแฟ้นอีกครั้ง

หงส์คุกเข่าหน้าแท่นบูชาเถ้าแก่สุง
"อาป๊า ! หงส์จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนยอมรับให้ได้"
หลงเข้ามายืนด้านหลังหงส์
"วันนี้เถ้าแก่สุงคงปลาบปลื้มในตัวนายน้อยมาก"
"นายรู้ได้ยังไงว่าวิญญาณอาป๊าจะปลาบปลื้ม"
"เพราะนายน้อยไม่ทำให้เถ้าแก่ผิดหวัง"
"ภาระหน้าที่ของฉันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น"
"ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี... เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง วันนี้นายน้อยทำหน้าที่ได้
อย่างสมบูรณ์"
"ฉันเพิ่งเป็นเด็กไว้ผมเปียอยู่เมื่อวาน วันนี้ต้องกลายเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำซะแล้ว"
"ไม่ว่านายน้อยจะเป็นอะไรก็ตาม แต่ผมก็ยังเป็นอาหลงคนเดิมไม่มีวันเปลี่ยน"
"ขอบใจนายมากนะ อาหลง... นายทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว"

หงส์ยิ้มจางๆให้หลง

กลับถึงบ้าน เต็กตบโต๊ะปัง หายใจถี่ๆด้วยความโกรธจัด
 
"เจ็บใจนัก ! อาหงส์มันก็แค่นังเด็กไร้เดียงสาที่เอาหนังราชสีห์มาสวมแล้วก็เที่ยวแหกตาชาวบ้าน หลอกว่าเป็นนางพญา แต่อีไม่ใช่ และไม่มีวันที่จะใช่"
"แต่ก็ถือว่าน้องหงส์แน่ ที่ทำให้ไอ้แก่พวกนั้นยอมสยบ"
"ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น... ถ้า 3 เดือนนี้อียังหาตัวคนฆ่าเถ้าแก่สุงไม่ได้ อีก็ต้องกระเด็นจากตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำทันที"
"อาป๊าว่าอีจะหาตัวคนร้ายเจอหรือเปล่า"
เต็กแค่นหัวเราะ
"ยาก"
เต็กเดินไป ตี๋เล็กค่อยโล่งใจ

เกามารายงานเรื่องที่สมาคมให้เมฆินทร์รับทราบ
"ไอ้ซ้งมันตายแล้วครับท่าน"
เมฆินทร์ซึ่งกำลังจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ชะงักนิดหนึ่ง
"มันเปิดปากพูดอะไรออกมาหรือเปล่า"
"เปล่าครับ มันชิงฆ่าตัวตายซะก่อน ไม่ได้พาดพิงมาถึงเรา"
"ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว ยังจัดการกันไม่ได้"
"ทุกคนยอมก้มหัวให้มัน เพราะอย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเป็นสายเลือดเถ้าแก่สุง"
เมฆินทร์ตาเป็นประกาย ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
"ลูกสาวเถ้าแก่สุงขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งก็ดีเหมือนกัน อะไรๆมันจะได้ง่ายขึ้น"
"ท่านหมายความว่ายังไงครับ"
"ฉันต้องการกินเนื้อหงส์ แล้วหงส์ตัวนี้ก็ไม่ใช่หงส์ธรรมดา แต่เป็นถึงนางพญาหงส์"
เมฆินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์... ถ้าได้หงส์เป็นเมีย เท่ากับได้ทั้งอำนาจในแก๊งหงส์ดำ และที่ดินหัวมังกร
ชานนท์มารายงานเรื่องผลชันสูตรให้หงส์ฟัง
"ผลชันสูตรรอยนิ้วมือนายซ้งกับบนด้ามกระบี่เป็นคนละรอยกัน"
"อาซ้งไม่ได้เป็นคนฆ่าอาป๊าจริงๆ"
"แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นรอยนิ้วมือของใคร"
"ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังส่งรอยนิ้วมือแฝงไปเปรียบเทียบกับลายนิ้วมือในแฟ้ม
ทะเบียนประวัติอาชญากร อีกไม่นานคงรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ"
"แล้วถ้าคนร้ายไม่เคยมีประวัติมาก่อนละครับ" หลงถาม
"ก็คงเป็นใครสักคนในวงการ"
"คนในวงการมีเป็นร้อยเป็นพัน เราจะรู้ได้ยังไง" หงส์ถาม
"ถ้าได้เบาะแสเมื่อไหร่ ผมจะรีบรายงานให้คุณหงส์ทราบทันที"
หงส์ร้อนใจ หลักฐานมัดตัวคนร้ายที่ฆ่าสุงยังคงมืดแปดด้าน

หลังโรงงิ้ว กุ่ยต่อว่าหมวยที่เรื่องระหว่างตัวเองกับหงส์ยังไม่คืบหน้า
"มัวทำอะไรอยู่! ทำไมป่านนี้เรื่องระหว่างอั๊วกับเจ้หงส์ถึงยังไม่คืบหน้าซะที"
"มันมีโอกาสซะที่ไหนเล่า เดี๋ยวเรื่องโน้น เดี๋ยวเรื่องนี้ วุ่นวายไปหมด"
"อย่ามาอ้างเลย! ลื้อไม่อยากช่วยอั๊วมากกว่า"
"หมวยพยายามแล้ว แต่พูดเรื่องนี้ทีไร เจ้หงส์ก็เบือนหน้าหนีทุกที"
"ลื้อก็หัดสวมวิญญาณแม่สื่อซะสิ พูดเรื่องดีๆของอั๊วให้เจ้หงส์ฟังบ่อยๆ หยอดวัน
ละนิด วันละหน่อย เดี๋ยวเจ้หงส์ก็ใจอ่อนเองนั่นแหละ"
"ตอนนี้เจ้หงส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ ใครจะกล้าพูดเล่นพูดล้อเหมือนแต่ก่อน"
กุ่ยเห็นหมวยปฏิเสธเสียงแข็ง ก็ชักรำคาญ
"ถ้าลื้อไม่ช่วย อั๊วจัดการของอั๊วเองก็ได้ไม่เห็นจะง้อ"
กุ่ยพูดจบก็เดินออกไปอย่างงอนๆ หมวยถอนใจหนักๆ

พระจันทร์เสี้ยวแสงรุบหรู่บนท้องฟ้า หลงเผากระดาษเงินกระดาษทองให้อาเหมย มีส้ม 5 ใบใส่จานไหว้ตามมีตามเกิด หลงนั่งมองเปลวไฟที่ไหม้ลามกระดาษ คิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ซ้งยิงอาเหมยตายต่อหน้า
"สวรรค์มีตา คนที่ฆ่าลื้อ มันไปชดใช้กรรมในนรกแล้ว อาเหมย ไปสู่สุคติเถอะนะ"
หงส์ยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นบนมองลงมาคิดว่าหลงยังตัดใจจากอาเหมยไม่ได้ หลงเผากระดาษเสร็จหันกลับมา แหงนหน้ามองเห็นหงส์มองอยู่ที่หน้าต่างชั้นบน
หลงรู้สึกต่ำต้อยเหมือนหมาวัดที่แหงนมองดอกฟ้าที่อยู่สูงจนสุดเอื้อม หงส์เมื่อรู้ว่าหลงเฝ้ามองอยู่ จึงรีบหลบหน้า เดินออกไป
หลงแอบเศร้า เข้าใจผิด คิดว่าหงส์มอบใจให้กับธาม หัวหน้าแก๊งกระทิงไปแล้ว

หงส์เข้ามาในห้องทำงานสุง คิดถึงคำพูดตอนที่หลงเคยหลุดปากออกมา
"ผมเคยทำให้คนที่รักตายต่อหน้าต่อตาไปแล้วครั้งนึง คุณหนูรู้มั้ยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ผมจะไม่ยอมให้คนที่ผมรักต้องเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาผมอีก"
หงส์พยายามสลัดเรื่องหลงไปจากหัว มีเรื่องอีกตั้งร้อยแปดที่ต้องสะสาง
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ
"เข้ามาได้"
กุ่ยเข้ามาในห้องทำงานสุง ท่าทางเคอะเขิน เก้ๆกังๆ
"มีอะไรเหรอ อากุ่ย"
"เจ้หงส์ อั๊วมีเรื่องจะสารภาพ"
หงส์ตั้งใจฟังกุ่ย ดูจากท่าทางรู้ว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ
"เอ่อ...คือ... อั๊วรักเจ้หงส์"
"ลื้อรักอั๊วแบบไหน"
"รักแบบคนที่จะแต่งงานกัน ครองคู่อยู่ด้วยกันตลอดชีวิต"
"ลื้อแน่ใจได้ยังไงว่ามันเป็นความรัก"
"เจ้หงส์ อั๊วตกหลุมรักเจ้มาตั้งนานแล้วยิ่งนานวัน อั๊วก็ยิ่งรักเจ้ รักจนไม่อาจจะมีหัวใจรักใครได้อีก ชีวิตนี้อั๊วคงขาดเจ้ไม่ได้"
"ลื้อยังไม่รู้จักความรักดีพออากุ่ย... ความรักมักเริ่มต่ำแล้วขึ้นสูง ส่วนความหลงมักเริ่มจากสูงแล้วลงต่ำ ลื้อไม่ได้รักเจ้ แต่ลื้อกำลังหลง"
กุ่ยหน้าเสีย เริ่มเห็นเค้าลางว่าหงส์จะปฏิเสธ
"เจ้ก็รักลื้อ....แต่รักเหมือนน้องชาย เจ้เห็นลื้อมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยคิดกับลื้อเป็นอื่นเลยแม้แต่น้อย เราเป็นพี่เป็นน้องกันแบบนี้นั่นแหละดีแล้ว สักวันลื้อจะต้องเจอคนที่เหมาะสมกับลื้ออากุ่ย..."
หงส์พูดจบก็เดินออกจากห้องไป

กุ่ยยืนนิ่ง น้ำตารื้น ชาไปทั้งตัว อกหักอย่างแรง

กุ่ยกระดกเหล้าจนเมา หน้าแดงก่ำอยู่ที่หลังโรงงิ้ว หมวยเดินเข้ามาหากุ่ยด้วยความเป็นห่วง
 
"พอได้แล้ว คืนนี้เฮียเมามากแล้วนะ"
"ลื้อไม่อยากให้อั๊วแต่งงานกับเจ้หงส์ใช่มั้ย อาหมวย"
"เฮียพูดอะไร ทำไมหมวยจะไม่อยากให้เฮียแต่งงานกับคนที่เฮียรัก"
"เพราะลื้อรักอั๊วไง"
หมวยถึงกับหน้าชา
"ลื้อรักอั๊วก็เลยไม่อยากให้อั๊วสมหวังกับเจ้หงส์"
"หมวยไม่เคยคิดอย่างงั้น"
"อย่าคิดว่าอั๊วไม่รู้ ลื้อแกล้งเปิดทางให้อาหลงใกล้ชิดกับเจ้หงส์ วางแผนทำให้ให้เจ้หงส์ไปจากอั๊ว ลื้อจะได้รักอั๊วคนเดียว"
"บางครั้งความรักอาจไม่จำเป็นต้องได้ครอบครองเสมอไป ขอแค่เรามีความสุขที่จะรัก...เพียงแค่ได้เฝ้ามองคนที่เรารักมีความสุขก็พอแล้ว"
"อั๊วไม่เชื่อ ! คนที่เสียสละเพื่อความรักอย่างที่ลื้อว่ามา มีแต่ในนิยายเพ้อฝันเท่านั้น"
"เฮียกุ่ย...ตัดใจจากเจ้หงส์ซะเถอะ เรื่องระหว่างเฮียกับเจ้หงส์มันไม่มีวันเป็นไปได้"
"ต่อให้เจ้หงส์ไม่มีวันรักอั๊ว แต่อย่าหวังเลยว่าชาตินี้อั๊วจะหันมามองลื้อ"
กุ่ยพูดจบ เมาแอ๋ เดินไม่เป็น อาเจียนจนเลอะเทอะเนื้อตัวไปหมด กลิ้งสลบอยู่กับพื้น
หมวยทั้งเสียใจ ทั้งแค้นกุ่ย แต่พอเห็นกุ่ยเมาหลับสิ้นสภาพก็อดใจอ่อน สงสารไม่ได้

หมวยประคองกุ่ยกลับมาที่ห้อง คราบอาเจียนเปรอะเนื้อตัวกุ่ยเต็มไปหมด หมวยก็เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้
กุ่ยละเมอ
"อั๊วรักเจ้นะ เจ้หงส์...อั๊วขอร้อง เห็นใจอั๊วบ้างเถอะ"
หมวยเห็นกุ่ยละเมอร้องไห้ แล้วสงสารจับใจ กุ่ยเมา ละเมอคว้าร่างหมวยมากอด นึกว่าเป็นหงส์
"เจ้หงส์... อั๊วรักเจ้นะ"
"หมวยรักเฮียนะ ถึงเฮียจะไม่เคยเห็นหมวยอยู่ในสายตาเลยก็ตาม"
หมวยกอดกุ่ย น้ำตาไหล ทั้งสงสาร ทั้งน้อยใจที่ตัวเองไม่เคยอยู่ในสายตากุ่ยเลย

เช้าวันใหม่ แดดอ่อนๆส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน กุ่ยรู้สึกตัว ตื่นมาปวดหัวหนึบ เพิ่งสร่างเมามองรอบๆ งงว่ากลับมาอยู่ที่ห้องได้ยังไง หมวยยกชามโจ๊ก ใส่ไข่ลวกมาวางตรงหน้ากุ่ย
"หมวยทำโจ๊กร้อนๆมาให้ กินซะ จะได้สร่าง"
"ทำดีกับอั๊วทำไม คิดเหรอว่าอั๊วจะใจอ่อน"
"หมวยทำก็เพราะอยากทำ ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน"
"แม่พระจริงจริ๊ง... แต่อั๊วไม่เชื่อหรอก ไม่มีใครบนโลกที่ทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน ยอมรับซะเถอะ ที่ลื้อทำดีกับอั๊ว ก็เพราะอยากให้อั๊วสนใจลื้อ"
"เฮียจะคิดยังไงก็ช่างหมวยคงเปลี่ยนความคิดเฮียไม่ได้"
หมวยหันหลังจะเดินออก ไม่อยากสนใจกุ่ยอีกต่อไปแล้ว
"เดี๋ยวก่อน"
หมวยหยุดยืนอยู่หน้าประตู แต่ไม่ยอมหันมา
"ขอบใจนะ"
หมวยแกล้งพยักหน้ามึนตึง แล้วรีบออกไปทันที แต่พอออกมาจากห้องกุ่ยได้ก็ยิ้มร่า ดีใจ

หงส์โทรศัพท์คุยกับธาม ธามโทรมาบอกเรื่องเลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกรคนใหม่
"ขอบคุณเฮียธามมากที่ส่งข่าว แล้วหงส์จะไป"
หลงเข้ามาในห้องทำงานสุงพอดี ทันได้ยินว่าธามโทรมา
หลงก้มหัวให้เล็กน้อย
"นายน้อย"
"เฮียธามบอกว่าอีก 7 วันจะมีการเลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกรคนใหม่"
"ถ้าไม่เกิดเรื่องเสียก่อน เถ้าแก่ตงคงขึ้นเป็นนายกสมาคมแทนเถ้าแก่สุง"
"ฉันอยากให้เฮียทรงกลดขึ้นเป็นนายกสมาคม"
"แต่ในเวลานี้ไม่มีแก๊งไหนมีอิทธิพลเท่าแก๊งมังกรดำของเสี่ยเล้ง"
"ตอนนี้ใครๆก็รู้เช่นเห็นชาติเสี่ยเล้งหมดแล้ว หากคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างเสี่ยเล้งได้ขึ้นเป็นใหญ่ คงได้เดือดร้อนกันไปทั่ว"
"เสี่ยเล้งมีสมัครพรรคพวกในสมาคมเลือดมังกรอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังมีท่านเมฆินทร์คอยหนุนหลัง จึงมีโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม"
"ต่อให้เสี่ยเล้งมีอำนาจคับฟ้า แต่ยังไงก็ตามฉันเชื่อว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม"
หงส์พูดด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น ไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจของเสี่ยเล้ง

ภายใน คฤหาสน์เมฆินทร์ มีบอดี้การ์ดคุ้มกันแน่นหนา อาวุธครบมือ เกี๊ยง (สมุนเล้ง) วางกำปั่นจีนต่อหน้าเมฆินทร์ แล้วเปิดฝากำปั่นออกมา
เมฆินทร์ตาโต เห็นทองคำแท่งเป็นรูปสำเภาจีน (กิมตุ้ง) ซ้อนเป็นชั้นๆ
"น้ำใจเล็กๆน้อยๆจากกระผมครับท่าน"
เมฆินทร์หัวเราะ
"พอรู้ว่าฉันจะถามเรื่องเถ้าแก่สุง ก็เลยรีบเอาของมาปิดปากฉันใช่มั้ย"
"เรื่องเถ้าแก่สุงตาย ผมไม่ทราบเรื่องจริงๆนะครับท่าน"
"ไม่ใช่แก ใครจะกล้าโค่นเจ้าพ่อใหญ่นายกสมาคมเลือดมังกร อย่าเลยอาเล้ง! แกอย่ามาปิดฉันเลยดีกว่า"
"ท่านอย่าเข้าใจผมผิดสิครับ ถึงผมจะเคยส่งไอ้ซ้งไปก็ตาม แต่มันก็ดันทำงานพลาด เลี้ยงเสียข้าวสุก !"
"เรื่องนี้กระผมเป็นพยานให้ได้ครับ เสี่ยเล้งไม่รู้เห็นเรื่องการตายของเถ้าแก่สุงจริงๆ" เกาบอก
"แกกับอาเล้งมันคอหอยลูกกระเดือกกัน ก็ต้องเข้าข้างกันสิวะ"
"ท่านเองก็ทราบดีว่ากระผมไม่เคยมีความลับกับท่าน"
"ถ้าแกไม่รู้เรื่อง แล้วทำไมต้องเอาของกำนัลมาให้ฉันด้วยล่ะ"
"จะมีการเลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกรคนใหม่แทนเถ้าแก่สุงในอีก 7 วันข้างหน้า กระผมก็เลยอยากจะมาขอพรท่าน"
"แกจะมาขอพรอะไรจากฉัน"
"ขอให้ทุกแก๊งที่อยู่ในสังกัดท่าน สนับสนุนกระผมขึ้นเป็นนายกสมาคมครับ"
"อืม... ฉันให้พรแก ขอให้แกสมหวังก็แล้วกัน แต่อย่าเอาเรื่องร้อนมาให้ฉันนะ"
"แน่นอนครับท่าน ขอบพระคุณท่านมากครับ"
เสี่ยเล้งมั่นใจว่าจะต้องได้ขึ้นเป็นนายกสมาคมอย่างแน่นอน

เล้งกับเกาออกมาจากคฤหาสน์เมฆินทร์ กำลังจะขึ้นรถกลับ
"แค่นี้ก็เรียบร้อย ตำแหน่งนายกสมาคมเลือดมังกร ลื้อนอนมาเห็นๆ" เกาบอก
"อั๊วได้ข่าวว่าแก๊งหงส์ดำมีหัวหน้าคนใหม่เป็นผู้หญิงงั้นเหรอ"
"จะใครอีกล่ะ ก็อาหงส์ ลูกสาวเถ้าแก่สุงน่ะสิ ไม่รู้ว่าจะไปได้สักกี่น้ำ"
"คงถือว่ามีพี่ๆของมันคอยถือหางอยู่ล่ะสิ ลำพังตัวมันเองคงเอาตัวไม่รอด"
"อีก 3 เดือนก็รู้ว่าจะหมู่หรือจ่า ถ้าอาหงส์ยังหาตัวคนร้ายที่สังหารเถ้าแก่สุงไม่ได้ ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหงส์ดำก็จะตกเป็นของเถ้าแก่เต็กทันที"
"สถานการณ์ตอนนี้ เราต้องการพันธมิตร แก๊งไก่ฟ้าถูกยุบไปแล้ว แก๊งกระเรียนก็แตกกับแก๊งหงส์ดำ เราน่าถือโอกาสนี้ ดึงเถ้าแก่เต็กมาเป็นพวก"
"ไม่เลว... แล้วอั๊วจะลองหาทางดูศัตรูของศัตรูก็คือมหามิตร"
เล้งกับเกาแสยะยิ้ม เห็นไปในทิศทางเดียวกัน

ทางด้านเถ้าแก่เต็ก เชิญสมาชิกอาวุโสแก๊งหงส์ดำ 3 คนที่ยอมคัดค้านหงส์มาเลี้ยงน้ำชาที่บ้าน
"คนที่เหมาะสมจะเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรมีแค่ 2 คนเท่านั้นคืออาทรงกลด ลูกชายเถ้าแก่ตง หัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ กับเสี่ยเล้ง หัวหน้าแก๊งมังกรดำ"
สมาชิก 1บอก
"เสี่ยเล้งกับอาทรงกลดกระดูกคนละเบอร์ ถ้าเถ้าแก่ตงอียังแข็งแรงเหมือนเก่า พวกเราคงไร้ข้อกังขา"
สมาชิก 2 บอก
"อาทรงกลดเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอาหงส์ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะไม่ใช่พี่น้องร่วมไส้แต่อีคงไม่มีวันเลือกเสี่ยเล้งแน่นอน"
สมาชิก 3 บอก
"เลือดจางก็ยังดีกว่าน้ำเปล่า เถ้าแก่สุงเคยกรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องกับเถ้าแก่ตง อาหงส์ย่อมต้องเห็นดีเห็นงามกับอาทรงกลดอยู่แล้ว"
"แต่อั๊วไม่ชอบหน้ามัน ไอ้ขี้เก๊ก อาศัยบารมีอาป๊ามันคุ้มหัว มันถึงมีทุกวันนี้ได้" ตี๋เล็กบอก
"เสี่ยเล้งเป็นคนของท่านเมฆินทร์ ถ้าไม่อยากขัดใจท่าน ก็ต้องสนับสนุนเสี่ยเล้ง"
สมาชิก 1บอก
"แต่ไหนแต่ไรมา แก๊งสามวิหคเราต่างมีความเห็นเป็นหนึ่ง ไม่เคยแตกแยกกัน แล้วเถ้าแก่จะกล้าเห็นต่างจากแก๊งหงส์ดำเหรอ"
"ตอนนี้ไม่มีพี่ใหญ่แล้ว แก๊งกระเรียนจะไม่ยอมขึ้นกับแก๊งหงส์ดำอีกต่อไป"
เต็กขบกรามแน่น คิดถึงหน้าหงส์ทีไรยังเจ็บใจไม่หาย

ภายในเก๋งจีน บ้านเถ้าแก่สุง หงส์เปิดดูรายชื่อสมาชิกในสมาคมเลือดมังกรทั้งหมด
"สมาคมเลือดมังกรมีทั้งหมด 20 แก๊ง มี 5 แก๊งที่สนับสนุนเฮียทรงกลดแน่ๆ คือ
แก๊งเสือ แก๊งเขี้ยวสิงห์ แก๊งกระทิง แก๊งเหยี่ยวแดง และแก๊งหงส์ดำ ส่วนแก๊งกระเรียน ฉันไม่แน่ใจ"
"เถ้าแก่เต็กคงไม่สนับสนุนคุณทรงกลดขึ้นเป็นนายกสมาคม เพื่อตัดขาดความ
ช่วยเหลือนายน้อยในการขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ดำ" หลงว่า
"เสียแรงที่อาป๊าหลงไว้เนื้อเชื่อใจอาเจ็กเต็กมาตั้งนาน"
" พอสิ้นเถ้าแก่สุง แก๊งหงส์ดำก็ระส่ำระสาย เถ้าแก่เต็กคงกระหายอำนาจ อยากขึ้นเป็นใหญ่เสียเอง"
"เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน ทุกวันนี้อาเจ็กเต็กกลายเป็นคนแปลกหน้าที่น่ากลัว สำหรับฉัน... " หงส์ถอนใจ เสียงเศร้าลง "ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นอีก"
"นายน้อยอย่าเพิ่งกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง จะพลอยทำให้ทุกข์เสียเปล่าๆ"
"อาหลง... ถ้าวันพรุ่งนี้ทุกอย่างต่างไปจากวันนี้ นายจะยังเหมือนเดิมมั้ย"
"ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ผมจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"

หลงรับปากกับหงส์แววตามุ่งมั่น หงส์เผยยิ้มให้หลงนิดๆที่มุมปาก เชื่อใจหลง
 
จบตอนที่ 6


กำลังโหลดความคิดเห็น