xs
xsm
sm
md
lg

บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 22

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 22

วันรุ่งขึ้น ขณะที่นิรมลกับนิชาเดินเข้าล็อบบี้โรงแรมตอนสาย สองแม่ลูกตรงไปขึ้นลิฟท์ เลขาส่วนตัวของนิรมลถือหนังสือพิมพ์วิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางร้อนใจ

“ท่านคะ มีข่าวสำคัญค่ะ”
นิรมลรับหนังสือพิมพ์จากเลขามา “ข่าวอะไร”
นิรมลอ่านข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แล้วชะงัก
“คุณปานรุ้งถูกยิง”
“อะไรนะคะ”
นิชาหยิบหนังสือพิมพ์จากแม่มาอ่านแล้วอึ้ง นิ่งงันไป เธอคิดถึงและเป็นห่วงปรกขึ้นมาครามครัน

เวลานั้นปานรุ้งนอนหลับอยู่บนเตียงห้องพักฟื้นวีไอพีโรงพยาบาลประจำ วาสุเทพ และปรก นั่งเฝ้าปานรุ้งอยู่ด้วยกันทั้งคืน ท่าทางเหนื่อยอ่อนทั้งคู่
วาสุเทพลูบเรือนผมปานรุ้งอย่างสงสาร “รุ้ง”
เกื้อเดินเข้าห้องตรงมาหาวาสุเทพ
“ตามตัวปานเทพกับชูนามเจอไหมเกื้อ”
“ยังไม่เจอครับ ตอนนี้ตำรวจตั้งด่านตรวจแล้ว คุณชูนามกับคุณปานเทพ คงหนีไปไหนไม่ได้ไกลหรอกครับ” เกื้อมองปานรุ้งทั้งสงสารและเป็นห่วง “คุณหนูเป็นยังไงบ้างครับ”
“เมื่อคืนมีไข้ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
ปรกบอกกับวาสุเทพว่า “คุณพ่อกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมดูแลนายแม่เอง”
“ปรกนั่นแหละควรกลับไปนอน ตั้งแต่เมื่อคืน ปรกยังไม่ได้นอนเลยนะลูก”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไหว อีกอย่าง ยังมีเรื่องของปกรณ์ที่คุณพ่อควรจะทราบ”
วาสุเทพมีสีหน้าฉงน “เรื่องอะไร”
ปรกมองวาสุเทพกับเกื้อด้วยสีหน้าหนักใจ

ทั้งวาสุเทพ เกื้อ และปรกเดินออกจากห้องปานรุ้งด้วยสีหน้าเครียด
“เดี๋ยวพ่อกลับไปคุยกับปกรณ์เรื่องนั้นอีกที ส่วนจะรับผิดชอบยังไงต่อไป คงต้องรอแม่ฟื้นขึ้นมาก่อน”
เกื้อกำชับปรก “ยังไงปรกก็ดูแลแม่ดีๆ นะ อย่าให้คิดอะไรมาก”
“ครับ”
นิชาเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหลังปรก เธอไหว้วาสุเทพและเกื้อ สองคนรับไหว้
ปรกหันหลังไปมองแล้วชะงัก คาดไม่ถึงว่านิชาจะมา
“นิชา”
นิชามองปรกนิ่ง

ปรกกับนิชานั่งคุยกันอยู่ในสวนสวยของโรงพยาบาล นิชามองสภาพปรกที่ดูทรุดโทรม เหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดก็ใจหาย
“คุณนอนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
ปรกหยอกเย้างอนง้อนิชาในที “คืนสุดท้ายที่เมียนอนด้วย”
“ไม่ขำเลยนะ”
ปรกเอื้อมมือไปจับมือนิชามากอบกุมพลางถาม
“หายโกรธผมแล้วเหรอ”
“ก็อยากจะโกรธ แต่พอเห็นข่าวนายแม่แล้ว ก็โกรธไม่ลง ไม่คิดเลยว่าพี่ปานเทพจะทำกับนายแม่ได้ แล้วตอนนี้นายแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็เจ็บทั้งทางกาย เจ็บทั้งทางใจ หมอพยายามให้นายแม่พักมากๆ” ปรกมองหน้านิชา ถามออกไปตรงๆ “คุณกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิมได้ไหม”
นิชาอึดอัด “ฉัน”
“แต่ถ้าคุณไม่อยากกลับ ก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ตอนนี้ที่บ้านมีแต่ปัญหา ผมเองก็ไม่อยากพาคุณมาเดือดร้อนอีก”
“ตกลงคุณจะไม่ฟังคำตอบของฉันเหรอคะ”
ปรกมองนิ่ง นิชาจับมือเขามากุมไว้ “จำได้ไหม ฉันเคยบอกว่าฉันคิดว่าถ้าฉันแต่งงาน คุณจะอยู่ข้างฉัน ปกป้องฉัน”
“จำได้ และผมก็ยังยืนยันนะว่าผมอยู่ข้างคุณและปกป้องคุณเสมอ”
“ที่ฉันมาหาคุณวันนี้ เพราะอยากให้คุณรู้ ว่านอกจากคุณจะอยู่ข้างฉันแล้ว เวลาที่คุณไม่มีใคร คุณยังมีฉันอยู่ข้างคุณเสมอ”
ปรกกอดนิชาอย่างดีใจ
“คุณไปดูแลนายแม่เถอะ ส่วนเรื่องที่บ้าน ฉันจะช่วยดูแลให้เอง”
“ขอบคุณนะนิชา”

นิชายิ้มให้กำลังใจปรก

ปรกกลับเข้ามาในห้อง เห็นปานรุ้งขยับตัวตื่น ก็รีบเข้ามาดูแล

“นายแม่”
“เจอปานเทพรึยัง”
“ยังเลยครับ”
“แล้วปานวาดล่ะ มีใครได้ข่าวน้องบ้างไหม”
“ยังเหมือนกันครับ” ปานรุ้งชักสีหน้าหงุดหงิดกับคำตอบ ปรกพยายามหาเรื่องอื่นคุย ไม่ให้แม่เครียด “นายแม่หิวไหมครับ น้าน้อยต้มซุปหูฉลามที่นายแม่ ชอบมาให้ เดี๋ยวผมใส่ถ้วยให้นะครับ”
“แม่ไม่หิว แล้วเรื่องปกรณ์ คุณพ่อว่ายังไงบ้าง”
“ยังไม่ว่ายังไงครับ คุณพ่อคงรอคุยกับนายแม่ เอ่อ วันนี้นิชามาเยี่ยม นายแม่ด้วยนะครับ”
ปานรุ้งไม่ใส่ใจเรื่องนิชา “แม่ว่าแทนที่ปรกจะมาเสียเวลาอยู่อย่างนี้ ปรกไปตามข่าวพี่ปานเทพให้แม่ดีกว่า”
“งั้นเดี๋ยวผมรอน้าน้อยมาก่อนนะครับ”
ปานรุ้งสั่งเสียงเข้ม “ไม่ต้องรอ รีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
ปรกอิดออด ด้วยห่วงที่ปานรุ้งอยู่คนเดียวอาจคิดมาก “แต่ว่า...”
“ทำไมต้องมีแต่ เดี๋ยวนี้แม่สั่งอะไรไม่มีใครเชื่อแม่แล้วใช่ไหม” เห็นปรกนิ่งปานรุ้งหงุดหงิดมากขึ้น “ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ กลับบ้านไป ไม่ต้องมาเฝ้าแม่”
ปานรุ้งหันหน้าหนีไปมองทางอื่น
ปรกบอกด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ถ้านายแม่อยากให้ผมไป ผมไปก็ได้ครับ แต่ถ้าต้องการอะไร
นายแม่กดออดเรียกพยาบาลได้เลยนะครับ”
ปานรุ้งนิ่ง ไม่หันมามองหน้า ปรกมองคุณหญิงมารดาอย่างเป็นห่วง แล้วเดินออกไป

เห็นปรกเดินจ๋อยๆ ออกมาจากห้องปานรุ้ง น้อยซึ่งถือตะกร้าของเยี่ยมจากบ้านมองฉงน
“อ้าว คุณปรกจะไปไหนคะ”
“นายแม่อยากให้ผมไปตามหาพี่ปานเทพครับ”
“ก็คุณวาสุเทพกับเกื้อ แล้วตำรวจเค้าก็ตามหากันอยู่นี่คะ”
“ครับ แต่นายแม่คงร้อนใจเลยไล่ให้ผมไปช่วย ผมจะอยู่รอน้าน้อยก่อน นายแม่ยังไม่ยอมให้อยู่เลยครับ”
น้อยฟังแล้วสงสาร “โถ คุณปรก”
“ฝากดูแลนายแม่ด้วยนะครับน้าน้อย”
“ค่ะ”
ปรกรีบเดินออกไปทันที น้อยมองตามหลังด้วยความสงสาร

ปรกอยู่บนโรงพัก ท้องที่เกิดเหตุสักระยะแล้ว และกำลังเดินคุยกับนายตำรวจยศสูงเจ้าของคดี
“เราเพิ่งได้เบาะแสมาครับ แต่สายไม่ยืนยันว่าใช่คุณชูนามจริงๆ หรือเปล่า ผมเลยจะนำกำลังออกไปค้น”
“งั้นผมขอไปด้วยนะครับ”

ภายนอก-หน้าบ่อนแห่งหนึ่งผ่านเวลา / กลางคืน
ไม่นานต่อมา ปรกยืนซ่อนตัวมุมหนึ่งของด้านหน้าบ่อนกับกลุ่มตำรวจ
นายตำรวจคนเดิมบอกกับปรกว่า “มีคนเห็นคุณปานเทพและคุณชูนามอยู่ในบ่อนนี้ครับ”
ฉับพลันนั้นเอง มีเสียงคนในบ่อนตะโกนออกมาด้วยความตระหนกตกใจ
“เฮ้ย ตำรวจมา”
กองกำลังตำรวจวิ่งกรูเข้าไปในบ่อน บรรดา เซียนไพ่ และนักพนันต่างตื่นตกใจ วิ่งหนีตำรวจเป็นที่อลหม่าน
ปรกยืนมองเหตุการณ์ คอยสอดตามองหาปานเทพ จนเห็นชายคนหนึ่ง บุคลิกคล้ายปานเทพมาก วิ่งหนีออกไปกับกลุ่มนักเลงคุมบ่อน
“พี่ปานเทพ”
ปรกรีบวิ่งตามไป

ปรกวิ่งตามผู้ชายคล้ายปานเทพที่หนีตำรวจมาในซอย
“พี่ปานเทพ หยุดก่อน”
ผู้ชายคนนั้นยังวิ่งต่อ ไม่ยอมหยุด ปรกตัดสินใจกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อจากทางด้านหลัง ชายคนดังกล่าวหันหน้ามาร้องด้วยความตกใจ
“เฮ้ย”
ปรกชะงัก เมื่อพบว่าไม่ใช่ปานเทพ
“เอ่อ”
ชายคนนั้นคิดว่าปรกเป็นตำรวจ
“กูไม่ยอมให้จับง่ายๆ หรอกเว้ย”
มันต่อยเปรี้ยง ร่างปรกล้มลง ตำรวจ 2 นายวิ่งมาพอดี ชายคล้ายปานเทพรีบวิ่งหนีไป
ตำรวจรีบเข้ามาดูปรก
“คุณปรก เป็นยังไงบ้างครับ”

ปรกลุกขึ้นมาจับตรงหน้าที่โดนต่อยรู้สึกเจ็บเอาการ

ดึกแล้ว แต่ปานรุ้งนอนไม่หลับ ลุกขึ้นนั่งท่าทีหงุดหงิด น้อยที่นอนเฝ้าพลอยตื่นด้วย แล้วรีบลุกขึ้นมาดู

“เอาอะไรเหรอคะคุณหนู”
“น้อยลองโทร.หาปรกหน่อยซิ ฉันบอกให้ไปตามหาปานเทพ เงียบไปเลย ได้เรื่องอะไรยังไง ทำไมไม่โทรมาบอก”
“แต่นี่ดึกมากแล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณปรกก็คงมา”
“พรุ่งนี้มันก็อาจจะสายไปแล้วนะน้อย ปานเทพอาจจะโดนตำรวจจับ หรือไม่ก็โดนไอ้ชูนามมันพาไปทำอะไรไม่ดีอีก ปรกนะปรก สั่งอะไรไม่เคยได้เรื่องสักอย่าง”
น้อยประชด “ใช่ค่ะ คุณปรกทำอะไรไม่เคยได้ดั่งใจคุณหนูสักอย่าง”
ปานรุ้งชะงัก “อะไรอีกล่ะน้อย”
น้อยอึดอัด แต่ตัดสินใจพูดเตือน “น้อยรู้นะคะว่าคุณหนูรักลูกทุกคน แต่คนที่ไม่เคยมีปัญหาอย่างคุณปรก ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการความรักจากคุณหนูน้อยกว่าคนอื่นนะคะ”
ปานรุ้งฉุน “นี่น้อยจะบอกว่าฉันรักลูกลำเอียงเหรอ”
“ลำเอียงหรือเปล่าไม่รู้ค่ะ แต่คุณหนูแสดงออกไม่เท่ากันแน่ๆ”
ปานรุ้งสนใจ “ไหนๆ ก็พูดออกมาแล้ว พูดมาให้หมดสิ”
“ขอโทษค่ะ แต่น้อยแค่ไม่อยากให้อะไรๆ มันเลวร้ายลงไปกว่าที่เป็นอยู่ ตอนนี้ที่บ้านแทบจะไม่มีใครเป็นหลักเลย คุณวาสุเทพก็ต้องวิ่งวุ่น เหลือแต่คุณปรกที่ต้องงกๆ ทำทุกอย่าง แต่แทนที่คุณจะชื่นชม เจอหน้าเธอทีไรคุณหนูก็เอาแต่บ่น เอาแต่ว่าเธอ คุณหนูสูญเสียไปมากแล้วนะคะ ทำไมถึงไม่รักษาคนที่มีอยู่ไว้ให้ดี”
“ที่ผ่านมาปรกเค้าก็อยู่มาได้ เค้าไม่เคยเรียกร้องอะไรจากฉัน”
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอไม่ต้องการความรักจากคุณนะคะ”
ปานรุ้งอึ้ง นิ่งงันไป

ตอนเช้าวันใหม่อันแสนสดใส และดูมีความหวัง ปานรุ้งนอนหลับอยู่บนเตียง
ปรกในสภาพใบหน้ามีริ้วรอยเขียวช้ำนิดๆ เปิดประตูเข้ามา เจอน้อยกำลังเตรียมอาหารปานรุ้งที่นำมาจากบ้านง่วนอยู่
“น้าน้อยจะออกไปซื้ออะไรทานก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมดูนายแม่ให้”
“ขอบคุณค่ะคุณปรก แล้วนี่ได้นอนบ้างรึยังคะ”
“ยังเลยครับ เมื่อคืนไปช่วยตำรวจตามหาพี่ปานเทพ นี่เลยแวะมาดูนายแม่ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยกลับไปนอน”
“งั้นเดี๋ยวน้อยรีบกลับมานะคะ”
น้อยตรวจข้าวของ แล้วคว้าสัมภาระออกจากห้องไป
ปรกเดินเข้าไปดูปานรุ้งที่หลับอยู่ ขยับผ้าห่มคลุมให้ ก่อนจะลงนั่งข้างเตียง นั่งมองแม่ที่หลับด้วยความเป็นห่วง ปรกเผลอฟุบหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ปานรุ้งขยับตัว ตื่นขึ้นมา เห็นปรกนั่งหลับอยู่ข้างๆ ก็ชะงัก นึกถึงคำพูดของน้อย เอื้อมมือไปลูบหัวปรกเบาๆ
ปรกสะดุ้งตื่น “นายแม่ ตื่นนานแล้วเหรอครับ”
“เมื่อกี้นี้” ปานรุ้งชะงัก เมื่อเห็นรอยช้ำที่หน้าลูก “นั่นหน้าไปโดนอะไรมา”
ปรกกระอึกกระอัก “เอ่อ ผมซุ่มซ่ามน่ะครับ เดินไปชนประตูเมื่อคืนนี้” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง ด้วยไม่ชอบโกหกนัก “เรื่องพี่ปานเทพ ตำรวจพอจะรู้แล้วนะครับว่า พี่ปานเทพกับลุงชูนามน่าจะไปอยู่แถวกาญจนบุรี เดี๋ยวสายๆ ผมจะลองโทร.หาเพื่อนที่อยู่ที่นั่นให้ช่วยสืบให้อีกทาง นายแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”
ปานรุ้งมองปรกที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสบายใจ แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เหนื่อยไหมลูก”
ปรกชะงักมองปานรุ้งนิ่ง “ตามหาพี่ปานเทพไม่เหนื่อยหรอกครับนายแม่”
“แม่หมายถึง ปรกเหนื่อยที่ต้องดูแลแม่มากไหม”
ปรกรีบตอบ “ผมไม่เคยเหนื่อยที่จะดูแลนายแม่เลยครับ”
“ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะลูก ไม่ต้องทำอะไรให้แม่ขนาดนี้ก็ได้ เพราะแม่ก็ ไม่ได้ทำอะไรให้ปรกมากเท่ากับที่แม่ทำให้ลูกคนอื่นเหมือนกัน”
ปรกอึ้งไป “ไม่เป็นไรหรอกครับนายแม่ ผมไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ” ปานรุ้งมองลูกชายนิ่ง” จริงๆ นะครับ ผมไม่เคยน้อยใจนายแม่เลย ถึงนายแม่จะไม่เคยซื้อของเล่นใหม่ๆ ให้ผมเหมือนพี่ปานเทพ ไม่เคยเล่านิทานก่อนนอนให้ผมฟังเหมือนปานวาด ไม่เคยกอดผมเหมือนปกรณ์ แต่ผมก็รู้ครับว่านายแม่รักผม”
ปานรุ้งฟังแล้วถึงกับอึ้งไป “ปรก”
“วันที่พ่อเกื้อบอกให้ผมมาอยู่กับนายแม่ พ่อเกื้อสั่งให้ผมดูแลนายแม่แทน พ่อเกื้อ ตั้งแต่วันนั้นผมก็บอกตัวเองว่า หน้าที่ของชีวิตผมคือดูแลนายแม่ นายแม่ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเหนื่อยครับ ถ้าผมได้เห็นนายแม่มี ความสุข ผมก็มีความสุขแล้ว”
ปานรุ้งมองปรกด้วยแววตาปวดร้าว เสียใจว่าตัวเองลืมใส่ใจลูกคนนี้ได้ยังไง
“ปรก มาให้แม่กอดทีสิลูก”
เห็นปานรุ้งอ้าแขนรอ ปรกอึ้ง คาดไม่ถึง และทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยคิดว่าจะได้กอดแม่ ปรกค่อยๆ ขยับเข้าไปกอดคุณหญิงมารดาเนื้อตัวสั่นสะท้าน เขาเฝ้ารอคอยวันนี้มาชั่วชีวิต
ปานรุ้งกอดปรกไว้แน่น “แม่ขอโทษนะปรก แม่รักลูกนะ”
ปรกกอดตอบปานรุ้งเต็มรัก สัมผัสอ่อนอุ่นจากแม่ที่เขาโหยหาเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ วันนี้เขาได้รับแล้ว

ปรกร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้ง และปลื้มปีติสูงสุดในชีวิต

อ่านต่อหน้า 2

บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 22 (ต่อ)

กลับถึงเมืองไทยเย็นวันนั้น นวรัตน์ใช้กระเป๋าตบหน้าบอดี้การ์ดสุดแรงเกิด มันแรงมากขนาดที่บอดี้การ์ดเซแทบล้ม

“ฉันให้เวลาพวกแกตามหาไอ้สองพ่อลูกนั่นหลายวัน ป่านนี้ยังหา หัวพวกมันไม่เจอ”
นวรัตน์หยิบปืนจากกระเป๋า จ่อที่หัวบอดี้การ์ดอย่างเกรี้ยวกราด
“ต้องให้ฉันยิงหัวแกแทนหัวมันสองคนใช่ไหม”
“ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณนวรัตน์ เรากำลังตามหาไอ้สองพ่อลูกอยู่ ไม่นานน่าจะเจอ”
“แกทำงานกับฉันมานาน แกน่ารู้ว่าคนอย่างฉัน ไม่มีคำว่ารอ”
ธีรพงษ์เดินเข้ามาพร้อมลูกน้อง 2 คน
“คุณนวรัตน์ครับ”
“หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังอีกคนนะ”
ธีรพงษ์ยิ้มชั่วแทนคำตอบ นวรัตน์มองคนสนิทด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมพอกัน

ชูนามขับรถมาจอดในปั้มน้ำมันริมถนน ตรงมุมซึ่งทั้งมืด และไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา ชูนามกับปานเทพซึ่งแต่งตัวเหมือนชาวบ้านทั่วไป ใส่หมวกแก๊ป พรางหน้า พากันลงจากรถ คอยมองซ้าย มองขวา อย่างระแวดระวัง กลัวคนจะเห็น
“ปานเทพรีบไปซื้อของนะ เดี๋ยวพ่อไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”
“ครับพ่อ”
ชูนามวิ่งไปทางห้องน้ำชาย ปานเทพตรงไปทางร้านขายของในปั๊ม โดยไม่ทันเห็นรถตู้คันหนึ่งขับมาจอดข้างรถของชูนาม และธีรพงษ์ลงจากรถคันนั้น พร้อมกับลูกน้อง

ชูนามยืนฉี่อยู่ที่โถฉี่ในห้องน้ำ ลูกน้องธีรพงษ์ มือปืน 1 เดินเข้ามายืนที่โถฉี่ข้างๆ ชูนาม แล้วทำท่าปลดเข็มขัดเหมือนจะฉี่ แต่ความจริงกำลังชักปืน
ชูนามระวังตัวอยู่ ฟาดถังขยะซึ่งถือไว้อยู่แล้วใส่มือปืน 1 เต็มแรง จนมันล้มลงกับพื้น จากนั้นชูนามรีบวิ่งจะออกจากห้องน้ำไป
ทว่าธีรพงษ์ และสมุนดักรออยู่ ธีรพงษ์เล็งปืนจ่อหน้าชูนามทันทีที่ก้าวพ้นประตูห้องน้ำออกมา ชูนามชะงัก ยกมือยอมแพ้ ลูกน้องธีรพงษ์เข้าไปค้นตัวชูนาม ริบปืนออกมาเก็บไว้
“เชิญครับคุณชูนาม”
ธีรพงษ์กับลูกน้องเก็บปืนแล้วคุมตัวชูนามเดินออกมา ชูนามมองไปเห็นปานเทพก็ถูกคุมตัวเดินออกมาจากร้านค้าเช่นกัน
สองพ่อลูกถูกคุมตัวพาขึ้นรถตู้ที่จอรออยู่ แล้วรถก็ขับออกไปในทันที

ร่างชูนามกับปานเทพถูกเหวี่ยงลงไปคลุกฝุ่นกลางลานจอดรถในตึกร้าง ธีรพงษ์กับลูกน้องยืนคุม สักครู่นวรัตน์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องอีกกลุ่ม
ชูนามตวัดสายตาไปมองอย่างโกรธแค้น “อีนังสารเลว มึงคิดผิดแล้วที่ทำอย่างนี้กับกู”
นวรัตน์เหยียดยิ้มเย้ยหยัน “อย่าโกรธฉันเลยชูนาม ถ้าจะโกรธ ก็โกรธที่ตัวเองโลภจนโง่”
“ที่ชีวิตกูพังเพราะพวกมึงทรยศกู” ชูนามตวาดลั่น
“ก็ถ้าคุณไม่โลภมากจนหลอกลูกตัวเองได้ขนาดนี้ ฉันก็คงไม่ระแวงจน ต้องกำจัดคุณอย่างนี้หรอก”
ปานเทพหูผึ่ง “อะไรนะ”
นวรัตน์มองปานเทพ “ฉันจะสอนให้นะคุณปานเทพ การจะทำธุรกิจให้เจริญอย่างแม่คุณ อย่างแรก อย่าไว้ใจพ่อคุณ แม่คุณเคยถูกพ่อคุณหลอกจนหมดตัวมาแล้ว เขาถึงปกป้องคุณไม่ให้ยุ่งกับพ่อไง” ปานเทพอึ้งไปเลย
ชูนามปฏิเสธลั่น “ไม่จริง พ่อไม่ได้โกง พ่อโดนไอ้วาสุเทพกับไอ้เกื้อให้ความใส่ร้าย”
“ไม่เอาน่าชูนาม มาถึงขนาดนี้ อย่าโกหกลูกอีกเลย อย่างน้อยจะได้บาปน้อยลง” นวรัตน์ยิ้มเยาะชูนาม ก่อนจะหันมาหาปานเทพที่ตะลึงตะไลอยู่ “โลกมันก็โหดร้ายอย่างนี้แหละคุณปานเทพ คนที่คุณคิดว่าเขารัก ความจริงเขาแค่ใช้ความรักและความศรัทธาของคุณเป็นเครื่องมือทำลายแม่คุณ”
“จริงเหรอครับพ่อ”
“ไม่จริงลูกหุบปากได้แล้ว แกเตรียมตัวติดคุกได้เลย คนอย่างฉันไม่มีวันยอมโดนโกงหรอกเว้ย”
“คนอย่างฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาขู่ฉันเหมือนกัน”
นวรัตน์พยักหน้าให้ธีรพงษ์
ธีรพงษ์หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของปานเทพกับชูนาม ที่ริบจากรถชูนาม มาเททุกอย่างลงกับพื้น
“เฮ้ย ของฉัน”
ชูนามจะเข้าไปแย่ง แต่ถูกลูกน้องนวรัตน์กระชากตัวไว้
ธีรพงษ์หยิบทัมป์ไดรฟ์ และมือถือของชูนามที่อัดคลิปนวรัตน์ไว้ มาส่งให้นวรัตน์
“คิดว่าฉันจะยอมให้แกเอาหลักฐานพวกนี้ไปเล่นงานฉันงั้นเหรอ ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ฉันไม่ขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับนังปานรุ้งเมียเก่าของคุณได้หรอก” นวรัตน์หันมาทางปานเทพอีกที “เสียใจด้วยนะคุณปานเทพ คุณพลาดเอง ที่เชื่อพ่อคุณ”
ปานเทพอึ้ง ชูนามหันมองลูกที่อึ้งๆ ตะลึงตะไล แล้วยิ่งแค้นนวรัตน์
นวรัตน์หันไปสั่งธีรพงษ์ “จัดการมันสองคนซะ เอาให้แนบเนียนด้วยนะ”
“ถ้างั้น ทำให้เหมือนมันทะเลาะแบ่งเงินกันไม่ลง พ่อเลยฆ่าลูกตัวเองดีไหมครับ”
“ดี” นวรัตน์มองชูนามยิ้มหยันอย่างสะอิดสะเอียน
“หลอกใช้ลูกมันก็ทำมาแล้ว แค่จะฆ่าลูกทิ้ง ทำไมคนอย่างมันจะทำไม่ได้”

จากนั้นนวรัตน์เดินออกไปพร้อมกับลูกน้อง 2 คน เดิม

มองส่งจนรถนวรัตน์ออกไปแล้ว ธีรพงษ์หันมาจะจัดการชูนาม แต่ชูนามอาศัยจังหวะที่ธีรพงษ์หันไปมองส่งนวรัตน์ กระแทกตัวใส่ลูกน้องคนที่อยู่ใกล้ๆ แล้วแย่งปืนมาอย่างเร็ว
ลูกน้อง 1 จะยิง แต่ถูกชูนามหันไปยิงก่อน ลูกน้องธีรพงษ์ล้มลงตายคาที่ ปานเทพตกตะลึง
“หนีเร็วปานเทพ”
ชูนามดึงปานเทพให้วิ่งหนีหายเข้าไปในมุมตึกโดยไว ธีรพงษ์กับลูกน้อง อีก 3 คน ยิงไล่หลัง ก่อนจะรีบตามไป

สองคนแอบอยู่มุมตึกร้าง ปานเทพเพิ่งเห็นว่าชูนามมีเลือดออกที่ลำตัว
“พ่อ พ่อถูกยิงเหรอครับ”
“พ่อไม่เป็นไร แผลแค่นี้จิ๊บๆ ฟังพ่อนะไอ้ลูกชาย พ่อไม่เคยหลอกใช้ลูก ไม่ว่าพ่อจะเคยทำร้ายแม่มาขนาดไหน แต่พ่ออยากให้ลูกรู้ว่าพ่อไม่ เคยคิดทำร้ายลูก พ่ออาจเป็นคนตอแหล แต่ทุกครั้งที่พ่อบอกว่ารักลูก พ่อพูดจากหัวใจ”
“ผมก็รักพ่อครับ”
ชูนามดึงปานเทพมากอด เจ็บแผลแปล้บขึ้นมา
“ต้องอย่างนี้สิไอ้ลูกชาย” ชูนามมองไป เห็นพวกธีรพงษ์วิ่งเข้ามาทางนี้แล้ว “พวกมันตามมาแล้ว เดี๋ยวพ่อจะยิงพวกมันไว้ แล้วลูกรีบวิ่งหนีไปนะ”
“แล้วพ่อล่ะครับ”
“ไม่ต้องห่วงพ่อ พวกนั้นทำอะไรพ่อไม่ได้หรอก เดี๋ยวจัดการพวกมันเสร็จแล้วพ่อค่อยตามไป”
“พ่อต้องตามไปนะครับ อย่าทิ้งผมนะครับพ่อ”
ชูนามดึงปานเทพมากอดเต็มรักเต็มแรง เสมือนเป็นรอยกอดเป็นครั้งสุดท้ายกระนั้น
“พ่ออยู่กับลูกเสมอ” แล้วรีบผลักปานเทพออกไปอย่างแรง “ไปได้แล้วลูก”
ปานเทพมองชูนามอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนีไปทางหนึ่ง
จังหวะนี้ธีรพงษ์และมือปืนได้ยินเสียงคนวิ่งก็หันมา ต่างก็เล็งจะยิงไปทางปานเทพ แต่ชูนามซึ่งเล็งอยู่แล้วลุกขึ้นยิงใส่ธีรพงษ์ก่อน ธีรพงษ์โดนยิง เซไป
ชูนามแหกปากตะโกนใส่อย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเดินลุยเข้าไปแลกชีวิตธีรพงษ์กับลูกน้องปกป้องปานเทพเป็นครั้งสุดท้าย
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ปานเทพที่วิ่งออกไป ชะงัก หันกลับมามองแล้วต้อง ตะลึงตะไล
เมื่อพบว่าธีรพงษ์ยิงใส่ โดนชูนามล้มลง แต่ชูนามก็ไม่ยอมแพ้ ยิงลูกน้องและธีรพงษ์จนล้มลงตาย เกลื่อนก่อนที่ตัวเองจะทรุดตัวล้มลงกับพื้น
ปานเทพรีบวิ่งกลับมาดู กอดประคองชูนามไว้ทั้งตัว
“พ่อ พ่ออย่าทิ้งผม พ่อ”
ชูนามกำลังจะหมดลมรวบรวมเรี่ยวแรงตะโกนออกไป “ไป หนีไป” ปานเทพละล้าละลังร้องไห้โฮ “หนีไป ไอ้ลูก ชาย”
ชูนามขาดใจตายคาอกปานเทพที่ร้องไห้ราวกับจะขาดใจตาม
ระหว่างนี้มีเสียงคนวิ่งเข้ามาหลายคน อันเนื่องจากเสียงดวลปืนกันเมื่อครู่นี้ ปานเทพตกใจ จำต้องวางร่างชูนามลง แล้วรีบวิ่งหนีออกไป

อีกฟาก ปรกพยุงปานรุ้งเข้ามาในห้องโถงบ้านสมุทรเทวา ปานรุ้งยังใส่ที่คล้องแขนจากแผลที่โดนปานเทพยิงไว้ ตามคำสั่งแพทย์
ปกรณ์เห็นก็รีบวิ่งมาหาปานรุ้งด้วยความดีใจ
“นายแม่ นายแม่หายดีแล้วเหรอครับ”
ปานรุ้งพยักหน้ารับ “ปกรณ์มาก็ดีแล้ว แม่มีเรื่องจะคุยด้วย ปรก พาแม่ไปที่ห้องทำงาน”

ปรกพยุงปานรุ้งไปที่ห้องทำงานบนตึก

ปกรณ์นั่งอยู่ต่อหน้าปานรุ้ง โวยวายขึ้นทันทีหลังฟังจบ

“นายแม่จะไม่ให้ผมแต่งงานกับรินทร์งั้นเหรอครับ”
“เดี๋ยวก่อนปกรณ์ ฟังแม่พูดให้จบก่อน ที่แม่บอกว่าแม่ยังไม่ให้เรา แต่งงานกับวิรินทร์ เพราะตอนนี้ที่บ้านเรามีแต่เรื่อง ปกรณ์ก็รู้ใช่ไหม”
ปกรณ์จ๋อยสนิท “ครับ”
“เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับแม่ของวิรินทร์เพื่อขอให้วิรินทร์ย้ายมา อยู่ที่นี่กับปกรณ์ก่อน แล้วถ้าเรื่องในบ้านของเราดีขึ้นกว่านี้ แม่ก็จะจัดงานแต่งงานให้ปกรณ์กับวิรินทร์”
ปกรณ์ยิ้มออก ดีใจ “จริงเหรอครับนายแม่”
“แม่เคยโกหกปกรณ์เหรอลูก”
ปกรณ์ดีใจลุกไปกอดปานรุ้ง “ขอบคุณครับนายแม่ ผมรักนายแม่ที่สุดเลย”
ปานรุ้งลูบหัวปกรณ์อย่างรักใคร่ ปรกยิ้มดีใจที่ดูเหมือนทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี

ปานรุ้งนั่งพักอยู่ที่โซฟาห้องลั่งเล่น ขณะวาสุเทพเดินเข้ามา
“ปรกเล่าให้พี่ฟังเรื่องปกรณ์แล้ว พี่ดีใจนะที่รุ้งยอมรับเด็กคนนั้น”
“เพราะรุ้งไม่อยากทำผิดเหมือนที่ผ่านๆ มาอีกค่ะพี่เทพ”
“รุ้ง”
“รุ้งเรียนรู้แล้วค่ะว่า เพราะรุ้งบีบบังคับชีวิตลูกมากจนเกินไป รุ้งถึงต้องเสีย ลูกไปถึง 2 คนต่อไปนี้อะไรที่เป็นความสุขของลูก รุ้งจะไม่ลังเลอีกแล้ว รุ้งเสียลูกไปอีกไม่ได้แล้วค่ะพี่เทพ”
วาสุเทพกอดปลอบดีใจที่ในที่สุดปานรุ้งก็คิดได้

ทางฝ่าย ปานเทพหนีกระเซอะกระเซิงมาหลบอยู่แถวกองขยะย่านชานเมือง มีคนเก็บขยะเก็บกันอยู่
ปานเทพสะดุดล้มลง ทำให้กระเป๋าเงินหล่นออกมา คนเก็บขยะที่อยู่แถวนั้นรีบวิ่งมาเก็บไปทันที
“เอากระเป๋าเงินของกูคืนมา”
“มันกระเด็นออกมาตกที่พื้นก็ไม่ใช่ของมึงแล้ว”
“บอกให้เอาคืนมา”
คนเก็บขยะหันไปคว้าแป๊บเหล็กมาตีปานเทพ จนล้มลงบนกองขยะ
คนเก็บขยะจะวิ่งหนี แต่ปานเทพถลันเข้าไปกอดขาไว้
“อย่าทำกับผมอย่างนี้เลย ผมต้องใช้เงินกลับไปหาแม่”
คนเก็บขยะไม่สนเตะเสยคาง จนปานเทพลงไปนอนกองรวมกับซากขยะ จากนั้นคนเก็บขยะเดินออกไป
ปานเทพหมดแรง มองกองขยะ แล้วร้องไห้กับสภาพชีวิตตัวเองตอนนี้

คืนเดียวกันนั้น ทางด้าน โดม กับ ปานวาดนอนมึนยาอยู่ในห้องพักที่ร้านอาหารและซ่องของกุชชี่
ชาย 1 ลูกน้องกุชชี่เปิดประตูเข้ามา ในมือถือหลอดยากับเข็มมาด้วย
“อภินันทนาการจากเจ๊กุชชี่มาแล้ว”
ปานวาดลุกขึ้นมาจากเตียงทันที แล้วโผเผจะคว้ายา แต่ลูกน้องดึงหลบ
ปานวาดจะคว้าอีก ลูกน้องก็แกล้งดึงหลบอย่างสนุกสนาน ปานวาดคว้าอากาศไปมา ชาย 1 มองขำ ปานวาดไม่ลดละ พยายามคว้ายาอีก ลูกน้องดึงหลบหลอกล่อ
จู่ๆ โดมที่ดูมีสติกว่า ลุกขึ้นมาแล้วคว้าหลอดยาไปในทันที ชาย 1 ตกใจ
“ขอยาพวกผมนะ”
“เออ นอนลงสิ เดี๋ยวจะฉีดให้” ชาย 1 บอก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกผมจัดการเอง” โดมบอก
ชาย 1 มองโดม ก่อนจะยื่นยากับเข็มฉีดยาให้ แล้วเดินออกไป
รอจนลูกน้องของกุชชี่เดินออกไปแล้ว โดมก็หยิบหลอดยามาเปิดหลอด แล้วเทยาทิ้งลงพื้นทันทีจนหมดหลอด ปานวาดเห็นโดมทำอย่างนั้นก็ตกใจ ลุกขึ้นไปโวยวายแล้วทรุดลงโกยกอบยาบนพื้นอย่างเสียดาย
“ยา...คุณเททิ้งทำไม”
โดมเห็นท่าทางปานวาดที่อยากยามากก็ลุกไปกอดปานวาดไว้
“วาด ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นแบบนี้อีกแล้ว”
ปานวาดไม่สนยังพยายามโกยยาที่พื้น “ยา วาดอยากได้ยา”
โดมกอดปานวาดไว้แน่น “วาด ตั้งสติไว้ เราต้องหาย ผมจะพาคุณหนีไปจากที่นี่ให้ได้”
ปานวาดไม่รู้สึกรู้สา “คุณ ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย”

โดมกอดหญิงคนรักแน่น คิดว่าจะต้องช่วยปานวาดหนีจากนรกนี้ให้สำเร็จให้ได้

อ่านต่อหน้า 3

บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 22 (ต่อ)

ตกกลางดึก เต้มาเคาะห้องพักปานวาดกับโดมเสียงดังลั่น ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา เห็นโดมกับปานวาดนอนหมดแรงอยู่บนเตียง

“เฮ้ย เจ๊ให้มาตาม”
โดมทำท่าจะลุก เต้บอก
“ไม่ใช่มึง เมียมึง”
โดมชะงักมองมาทางปานวาด ส่วนปานวาดรู้ทันทีว่ากุชชี่มาตามให้ไปรับแขกแน่ๆ
“ตามเมียฉันไปทำไม”
ปานวาดรีบบอก “ไปทำงานน่ะ”
“นี่เจ๊ให้วาดทำงานอะไร”
เต้ยิ้มกวนตีน “งานพิเศษ”
ปานวาดพยายามไม่พูดให้โดมคิดมาก “งานเสิร์ฟในร้านนี่แหละ ไม่มีอะไรหรอก ฉันไปไม่นาน เดี๋ยวฉันกลับมา” ปานวาดลุกจะเดินออกไปกับเต้
แต่เต้ห้ามไว้ “เดี๋ยว ก่อนออกไปแต่งหน้าแต่งตัวให้มันดีกว่านี้หน่อย ผีตายซากแบบนี้ ไม่มีใครเค้าเอาหรอก”
เต้เหวี่ยงปิดประตูห้อง เสียงดังปัง
ปานวาดรีบเข้าห้องน้ำไปแต่งหน้าแต่งตัว โดมมองตามด้วยสายตาสงสัย

ปานวาดเดินมาหยุดที่หน้าห้องเบอร์ 4 ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เห็นแขกฝรั่งคราวพ่อที่ถอดเสื้อเปลือยท่อนบน เหลือแต่กางเกงในนั่งอยู่ที่ปลายเตียงรออยู่
“Come on” ฝรั่งชี้ที่ริมเตียง
ปานวาดปิดประตู ก่อนจะเดินเข้าไปหาแขกฝรั่ง ประตูห้องค่อยๆ ปิดลงจนสนิท เห็นเลขห้องเบอร์ 4 เด่นหรา

ด้านโดมเดินตามหาปานวาดเข้ามาในซ่องชั้นล่าง ที่เปิดเป็นร้านอาหารบังหน้า จนเห็นสาวนั่งดริ้งค์คนหนึ่งเดินผ่านมา โดมรีบดึงแขนมาถาม
“เห็นวาดไหม”
“เห็น มันเดินขึ้นสวรรค์ไปนั่นไง” สาวนั่งดริ้งค์ยิ้มเป็นนัยพลางชี้ไปที่ห้องพักชั้นบนของร้าน โดมชะงัก มองตามด้วยสีหน้าฉงน

โดมเดินขึ้นบันไดมายังชั้นที่เปิดเป็นห้องพักชั่วคราวสำหรับแขกเป็นครั้งแรก พบว่ามีห้องพักเรียงกันอยู่ 4-5 ห้อง และพอรู้ว่าเป็นห้องเชือดสวรรค์ชั่วคราวสำหรับแขกกับเด็กนั่งดริ้งค์
โดมตกใจ เมื่อคิดว่าปานวาดอยู่บนนี้ เขารีบเดินไล่เปิดดูมาตั้งแต่ห้องเบอร์ 1 พบว่าเป็นห้องเปล่าไม่มีใครใช้ เดินมาที่ห้องเบอร์ 2 แต่ห้องเปิดไม่ได้ เพราะถูกล็อค
จนมาถึงห้องเบอร์ 3 โดมกำลังจะเปิด แต่แขกคนหนึ่งเดินกอดกันออกมากับผู้หญิงขายตัว โดยไม่ได้สนใจโดม โดมชะงักมองอย่างหวั่นกลัวว่าปานวาดจะมาทำงานแบบนี้
โดมเดินไปหยุดที่ห้องเบอร์ 4 จับลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไป แต่แล้วแทบช็อกเมื่อเห็นปานวาดกำลังถูกฝรั่งจูบลูบไล้อยู่บนเตียง เมื่อได้สติโดมพุ่งทะยานเข้าไปกระชากแขกฝรั่งลงจากเตียงแล้วต่อยเปรี้ยงทันที

ปานวาดตกใจสุดขีด “โดม”

โดมสติขาด ไม่สนอะไรแล้ว ต่อยฝรั่งดวงซวยไม่ยั้ง

“Help!...Help me”
โดมบ้าเลือดไม่ฟังอะไรแล้ว เขาต่อยแขกฝรั่งไม่เลี้ยง ปานวาดพยายามห้ามแต่โดมไม่สน
“โดม หยุด”
เต้ และลูกน้องอีก 2 คน วิ่งเข้ามากระชากโดมออกจากแขกฝรั่งซึ่งสภาพเลือดกบปาก กองอยู่ที่พื้น
เต้ต่อยโดมทันที โดมยังไม่ยอมหยุด จะไปซ้อมฝรั่งต่อ เต้เห็นโดมจะเข้าไป ก็ต่อยโดม ลูกน้องช่วยกันจับโดมไว้
“ปล่อยกู มึงจะทำอะไรเมียกู”
“ไม่มีใครทำอะไรทั้งนั้นแหละ เมียมึงยอมทำเอง”
โดมชะงักหันมองปานวาด “จริงเหรอวาด”
เต้เดินไปหาปานวาดใกล้ๆ แล้วกระซิบบอก “บอกมันไปสิว่ามึงยอมทำเอง” แต่พอเห็นปานวาดนิ่ง เต้เลยขู่ว่าจะฆ่าโดม “ถ้ามึงไม่พูด ผัวมึงตายคาตีนกูแน่”
ปานวาดมองโดมแล้วบอกออกไปว่า “ใช่ ไม่มีใครบังคับฉัน ฉันอยากทำเอง อยู่กับคุณแล้วลำบาก ฉันก็ต้องดิ้นรนหาเงินเองแบบนี้แหละ คุณกลับไปรอที่ห้องเถอะ ถ้าฉันเสร็จจากที่นี่ เดี๋ยวจะกลับไปหาคุณเอง” โดมชะงัก คิดไม่ถึง “ไปสิ”
โดมยืนนิ่งเป็นหุ่น และยังไม่ยอมออกไป
ปานวาดบอกกับเต้เสียงแข็ง “พามันออกไปสิ ฉันจะรับแขกต่อ”
เต้มองปานวาดยิ้มชั่วชอบใจ พลางพยักหน้าให้ลูกน้องลากตัวโดมออกไป
โดมหัวใจสลาย ไม่คิดว่าปานวาดจะถึงกับยอมขายตัวจริงๆ

โดมโดนเต้กับลูกน้องถีบเข้ามาในห้อง โดมกลิ้งลงกับพื้นท่าทางหมดแรงกับสิ่งที่ได้รับรู้
เต้มองโดมอย่างสมเพชก่อนเตะซ้ำอีกทีแล้วเดินออกไป โดมมองห้องที่ว่างเปล่าแล้วคิดถึงสิ่งที่ปานวาดพูด
“ไม่มีใครบังคับฉัน ฉันอยากทำเอง อยู่กับคุณแล้วลำบาก ฉันก็ต้องดิ้นรนหาเงินเองแบบนี้แหละ”
“ไม่จริง ไม่จริง”
โดมสุดจะรับไหว เขาโมโหตัวเองปัดข้าวของในห้องกระจัดกระจายเกลื่อนห้องไปหมด

ปานวาดเสร็จภารกิจขายตัว รีบร้อนเปิดประตูห้องพักเข้ามา เพื่อจะมาอธิบายให้โดมฟัง
ต้องชะงักนิดๆ เมื่อเห็นสภาพห้องข้าวของเกลื่อนกล่นกระจัดกระจาย แต่เธอไม่ได้สนใจ กวาดตามองหาโดม แต่ไม่เห็น
ปานวาดเปิดห้องน้ำดู แต่ก็ไม่มีร่างโดมอีกเช่นกัน
ปานวาดเดินออกมา คิดว่าโดมคงโกรธมาก แต่คงไม่ได้ไปไหนไกล
สุดท้ายตัดสินใจว่าจะออกไปตาม ขณะจะเดินออกจากห้อง สาวใจแตกรู้สึกเหมือนเหยียบอะไรบนพื้นห้อง
พอก้มดู ก็เห็นเป็นกระดาษยับๆ แผ่นหนึ่งตกอยู่ที่พื้น ปานวาดหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นข้อความที่เขียนด้วยลายมือโดมว่า
“ลาก่อน”

ปานวาดอึ้ง ไม่อยากเชื่อว่าโดมจะทิ้งเธอไปจริงๆ

ปานวาดวิ่งหน้าตาตื่น ลงมาจากห้องพักชั้นบน และกำลังจะวิ่งออกจากร้าน กุชชี่ที่กำลังดูแลแขกในร้านอยู่เห็น รีบวิ่งออกมาขวางไว้

“จะไปไหน”
ปานวาดไม่ตอบจะวิ่งออกไป เต้เข้ามาล็อคตัวไว้ทันที
“ปล่อยฉันเจ๊ ฉันจะไปตามโดม”
ปานวาดพยายามดิ้น ให้หลุดพ้นจากเต้ แต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
“ปล่อย! ปล่อยฉัน”
“ไอ้เต้ หายาให้ม้าพยศซิ”
เต้ยิ้มชั่ว แล้วลากปานวาดไปทางหลังร้านทันที กุชชี่มองตามด้วยสายตาอำมหิต ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าหันมายิ้มระรื่นกับแขกในร้านที่แตกตื่นอยู่
“ไม่มีอะไรค่ะ เด็กมันดื้อ”

ปานวาดดิ้นอยู่กับพื้นห้องเก็บของ เพราะถูกเต้นั่งคร่อมตัวไว้ เต้ใช้ปากดึงปลอกเข็มฉีดยาออก แล้วใช้เข็มดึงยาขึ้นมาจนหมดขวด ปานวาดพยายามดิ้น แต่สู้แรงเต้ไม่ไหว
เต้โยนขวดเปล่าทิ้ง มองเข็มฉีดยา ก่อนจะเอามือจับแขนปานวาดล็อคไว้ แล้วฉีดยาให้ปานวาดทันที
จากที่ดิ้นๆ อยู่ ปานวาดค่อยๆ สงบลง เต้ยิ้มสะใจ ลุกเดินออกไป

โดยไม่สนใจปานวาด ที่กำลังช็อกตาตั้ง ร่างชักกระตุกๆ เพราะร่างกายได้รับยามากเกินขนาด

อ่านต่อหน้า 3

บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 22 (ต่อ)

เช้าวันนี้ ปานรุ้ง และ วาสุเทพ พากันมานั่งอยู่ตรงหน้าสา เข้ม และวิรินทร์ ในห้องพักบนแฟลต ปกรณ์นั่งข้างๆ วิรินทร์ ยิ้มหน้าบานให้สาวคนรักเป็นระยะ ส่วนวิรินทร์นั่งเกร็งปานรุ้งอยู่

ปานรุ้งเอ่ยขึ้นว่า “เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ คุณคงรู้แล้วว่าลูกสาวคุณท้อง”
เข้มสวนออกมาทันที “เพราะลูกชายคุณฉวยโอกาส”
ปานรุ้งปรายตามองท่าทีของเข้ม
สาปราม “เข้ม”
“ฉันเห็นเธอหลายทีแล้ว เห็นเธอแสดงท่าทางห่วงรินทร์ เธอเป็นอะไรกับ รินทร์ พี่ชายเหรอ”
“เข้มเป็นเพื่อนของรินทร์ตั้งแต่เด็กค่ะ โตมาด้วยกัน เข้มเลยเป็นห่วงรินทร์เหมือนพี่ชาย” สาบอก
ปานรุ้งมองจ้องเข้ม “อ๋อ งั้นเธอไม่ต้องเป็นห่วง ที่ฉันมาวันนี้ ก็เพื่อจะมาแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเพื่อนของเธอ” แล้วหันมาทางสา “ลูกสาวของคุณ”
“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณมาขอด้วยความจริงใจ ไม่ใช่มาขอไปงั้นๆ เพราะตอนแรก คุณแสดงความรังเกียจเราจะตาย”
วาสุเทพขัดเข้มขึ้น “เอาเป็นว่าฉันเอาเกียรติและชื่อเสียงของฉันเป็นประกัน” แล้วยกมือไหว้สา “ผมต้องกราบขมาแทนลูกชายของผมที่ทำล่วงเกินลูกสาว ของคุณ ผมเองในฐานะพ่อของผู้ชาย ก็อยากจะ รับผิดชอบ แล้วอีกอย่างเด็กสองคนรักกัน คุณคงจะไม่ว่าอะไร ถ้าผมจะมาขอ ลูกสาวของคุณให้ลูกชายของผม และอยากจะรับลูกสาวของคุณไป อยู่ที่บ้านของเราด้วย”
เข้มสอดอีก “ไปอยู่เฉยๆเหรอ แล้วงานแต่งล่ะ”
“ตอนนี้ที่บ้านฉันกำลังมีปัญหามากมาย และลูกสาวคุณก็ยังเรียนอยู่ ฉันเลยคิดว่าน่าจะเป็นการดีกว่าถ้าเรายังไม่จัดงานตอนนี้ ให้รินทร์ ดรอปเรียนช่วงที่ท้อง พอคลอดลูกเสร็จ ก็กลับไปเรียนใหม่ เรียนจบถึงจัดงานแต่ง จะมีเกียรติกับลูกสาวคุณมากกว่า”
เข้มทักท้วง “แต่ว่า...”
สาแทรกขึ้น “ฉันเห็นด้วยค่ะ”
“น้าสา” เข้มขัดใจ
“แต่ฉันขอคำสัญญาอย่างหนึ่งได้ไหมคะ”
วาสุเทพยิ้มบอก “ว่ามาได้เลยครับ”
“ถ้าระหว่างที่รินทร์ไปอยู่กับปกรณ์ แล้วสมมุติว่ารินทร์กับปกรณ์เรียนรู้ว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้ จนต้องเลิกรากัน ฉันขอตัวลูกสาวและหลานฉันคืนนะคะ”
ปกรณ์รีบชิงพูด “มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอนครับคุณน้า ผมรักรินทร์ และจะรักคนเดียว ผมจะปกป้องรินทร์กับลูก ผมจะไม่มีวันเลิกกับรินทร์แน่นอน”
“น้าก็พูดเผื่อไว้ก่อน เพราะเรื่องของรินทร์กับปกรณ์มันเกิดขึ้นเร็ว มันอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้ แต่ถ้าไม่เกิดขึ้น น้าก็ดีใจ”
ปกรณ์จับมือวิรินทร์มากุม “ผมสัญญา ว่าจะไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้นแน่นอนครับ”
วิรินทร์มองปกรณ์ สองคนยิ้มให้กัน เข้มมองภาพนั้นด้วยแววตาอันเจ็บปวด

ปานรุ้งลอบมองท่าทีของเข้มอย่างจับสังเกต

เข้มเดินถือกระเป๋ามาส่งวิรินทร์ที่หน้าแฟลต

“ฝากแม่ด้วยนะพี่เข้ม”
“พี่ว่ารินทร์ห่วงตัวเองเถอะ เข้าบ้านนั้นไปจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้”
วิรินทร์แอบหนักใจ แต่ก็ฝืนยิ้มสู้ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ พี่เข้มก็รู้ว่าคนอย่างรินทร์ไม่ยอมให้ใครทำฝ่ายเดียว”
“แต่ถ้ามีใครทำอะไรรินทร์ รินทร์ต้องมาบอกพี่นะ”
วิรินทร์พยักหน้า “รินทร์ไปนะ”
เข้มดึงมือวิรินทร์ไว้ “รินทร์ ถ้าไม่ไหวก็กลับมานะ พี่อยู่ตรงนี้เสมอ”
วิรินทร์พยักหน้าพลางยิ้มให้ แล้วเดินออกไปยังรถปานรุ้งที่จอดรออยู่ เข้มมองตามหน้าเศร้า
ปานรุ้งเดินออกมามองเข้มกับวิรินทร์ รู้ได้ในทันทีว่าเข้มต้องชอบวิรินทร์แน่ๆ

คืนนั้น วิรินทร์นั่งอยู่ตรงโซฟาในห้องนอนปกรณ์ มองรอบๆ ห้องอย่างแปลกตา และอดทึ่งไม่ได้ว่าแค่ห้องนอนของปกรณ์ห้องเดียว ยังใหญ่กว่าห้องเช่าที่แฟลตทั้งห้อง สักครู่ปกรณ์เดินถือแก้วนมเข้ามา 1 แก้ว
วิรินทร์มองแก้วนมขำๆ “นายนี่เป็นลูกคุณหนูจริงๆ นะ ก่อนนอนก็ยังต้องกินนม”
“ผิดแล้วครับ แก้วนี้ของรินทร์ต่างหาก”
“หือ ของเรา”
“ไม่ใช่ของรินทร์สิ ของลูกเราต่างหาก” ปกรณ์ยื่นนมให้ “ต่อไปเราจะเอานม มาให้รินทร์ดื่มทุกวัน เพราะเราไปอ่านจากเน็ตมาแล้วว่านมมีความสำคัญต่อเด็กในท้องมากๆ เพราะฉะนั้นรินทร์ต้องกินทุกวัน” วิรินทร์นิ่งไม่ยอมรับแก้ว “ถ้ายังไม่ยอมดื่ม จะป้อนนะ”
วิรินทร์เลยรีบรับแก้มนมมาดื่มจนหมด ปกรณ์ยิ้มชื่น จูงมือวิรินทร์มานั่งที่เตียง
“รินทร์ เราขอโทษนะที่ยังจัดงานแต่งงานกับรินทร์ไม่ได้”
“ไม่เป็นไร เราเข้าใจ”
ปกรณ์มองวิรินทร์ แล้วค่อยๆ ปลดสร้อยทองที่คอ ถอดออกมา วิรินทร์มองงงๆ
“สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยที่นายแม่ซื้อให้เราใส่ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เราได้มา เราก็ไม่เคยถอดมันเลย แต่วันนี้เราขอยกสร้อยเส้นนี้ให้รินทร์นะ”
“แล้วนายจะมายกให้เราทำไม”
“รินทร์ก็รู้ว่าเรายังเรียนไม่จบ หน้าที่การงานก็ยังไม่มี เงินก็ต้องขอนายแม่ ใช้” ปกรณ์ยิ้มอายๆ “เราเลยยังไม่มีเงินซื้อแหวนให้รินทร์ งั้นเราขอยกสร้อย เส้นนี้ให้รินทร์ไว้ก่อน ถือว่าเป็นแหวนแต่งงานจากเรานะ แต่แค่มันเป็นแหวนวงใหญ่หน่อยเท่านั้นเอง”
ปกรณ์ใส่สร้อยให้จนเสร็จ

วิรินทร์มองแล้วยิ้มชื่น สุขใจ

อีกฟาก โดมในสภาพเหมือนซากชีวิต ทั้งผอม ทั้งโทรม ผ่านการตกระกำจากการรอนแรมหนีมาจากภูเก็ต เดินโซเซอย่างคนหมดแรงเข้าบ้านมา กติยาเดินลงบันไดมาเจอพอดี เมื่อเห็นสภาพลูกแล้วตกใจแทบช็อก

“โดม”
โดมฮึดแรงเฮือกสุดท้ายเซซังเข้าไปกอดแม่
“แม่”
แม่ลูกสวมกอดกัน กติยากอดลูกเต็มรักตกใจไม่หาย คิดไม่ถึงว่าสภาพลูกจะทรุดโทรมขนาดนี้ โดมหมดสติไปในอ้อมกอดกติยาในบัดดล
“โดม”

ไม่นานต่อมา โดมนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน หมอเพิ่งตรวจเสร็จ กติยานั่งอยู่ข้างๆ คอยมองหมออย่างตั้งใจ
“ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะหมอ”
“สภาพร่างกายอ่อนแอมาก ตามแขนมีร่องรอยเหมือนถูกฉีดยา ผมว่าพาไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่าครับ อย่างน้อยจะได้นอนพักให้ยา ให้น้ำเกลือ”
โดมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นพูดน้ำเสียงนิ่งๆ “ผมไม่ไป”
กติยาดีใจ โผเข้าไปกอดลูก
“โดม”
โดมยังคงนอนนิ่ง คิดถึงคำพูดปานวาดขึ้นมาอีก น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมา
“ถ้าร่างกายผมจะตาย ก็ปล่อยให้มันตายไป ผมก็ไม่อยากมีชีวิตแล้วเหมือนกัน”
“โดม ทำไมพูดแบบนี้”
โดมค่อยๆ หันมามองกติยาด้วยแววตาอันชอกช้ำของคนหัวใจสลาย
“ผมรักเขามากนะแม่ รักมากกว่าชีวิตของผม ผมยอมทิ้งแม่ ทิ้งทุกอย่างไป เพื่ออยู่กับเขา แต่ทำไม เขาถึงทำกับผมอย่างนี้เคยสัญญาว่าจะรักและอยู่ด้วยกันตลอดไป สุดท้าย เขาไล่ผม
เหมือนหมูเหมือนหมา แล้วไปนอนกับผู้ชายคนอื่นเพื่อเงิน” โดมร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด “เขาทำอย่างนี้กับผมได้ยังไง แม่ เขาทำได้ยังไง
กติยากอดปลอบโดม มีสีหน้าสะใจ
“อย่าเสียใจไปเลยลูก ดีแล้วที่ลูกได้เห็นสันดานของผู้หญิงคนนั้น ก็อย่างว่า แม่มันเป็นยังไง ลูกก็เป็นอย่างนั้น ลุกขึ้น แล้วไปกับแม่”
โดมมองแม่ด้วยแววตาสงสัย “ไปไหนครับแม่”

“แม่จะไม่ยอมให้ลูกเจ็บคนเดียว ใครทำเราเจ็บ แม่จะทำให้มันเจ็บยิ่งกว่า”

อ่านต่อตอนที่ 23
กำลังโหลดความคิดเห็น