xs
xsm
sm
md
lg

บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 21

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 21

ขณะเดียวกันวิรินทร์เดินเข้ามาในร้านขายยา มองหาที่ตรวจครรภ์ จนเห็นว่าวางอยู่ด้านในเคาน์เตอร์ก็ชะงัก คนขายยามองยิ้มๆ

“หายาอะไรอยู่บอกได้นะคะ”
“เอ่อ...เอายาแก้ปวดแผงนึงค่ะ” วิรินทร์เฉไฉ
คนขายยาหันไปหยิบยาแก้ปวดให้
“เอาอย่างอื่นอีกไหมคะ”
วิรินทร์ชะงัก อายจนไม่กล้าบอก “ไม่เอาแล้วค่ะ”
คนขายหยิบยาใส่ถุงให้ วิรินทร์รับมา จ่ายเงิน แล้วเดินออกจากร้าน
วิรินทร์ชะงักหยุดที่หน้าร้าน หันหลังกลับเข้ามาใหม่
“พี่คะ ขอที่ตรวจครรภ์อันนึงด้วยค่ะ”

วิรินทร์นั่งชักโครกในห้องน้ำที่แฟลต สีหน้าเครียด ในมือถือที่ตรวจครรภ์อยู่
วิรินทร์กลั้นใจ ค่อยๆ หยิบที่ตรวจครรภ์ขึ้นมาดู พบว่าขึ้นเป็น 2 ขีดก็อึ้งไป
วิรินทร์หยิบกล่องที่ตรวจครรภ์ขึ้นมา แกะคู่มือออกอ่านอีกทีเพื่อความชัวร์
คู่มือเขียนอธิบายชัดเจนว่า 1 ขีด คือไม่ท้อง และ 2 ขีดคือท้อง
วิรินทร์หยิบที่ตรวจครรภ์ของตัวเองขึ้นมาดู เห็นว่าเป็น 2 ขีด
“เราท้องเหรอ”

พอรู้ตัวว่าท้องแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะบอกปกรณ์กับแม่ยังไง เด็กสาวผู้มุ่งมั่นทำมาหากินอีกทั้งใฝ่ดีมาตลอด เครียดจัด

เย็นนั้น นิชานั่งกินข้าวอยู่คนเดียว ในบรรยากาศเหงาๆ ของร้านอาหารแห่งนี้ หันไปมองคู่รักที่ทานข้าวด้วยกันอย่างชื่นมื่นแล้วสะท้อนใจ

จนกระทั่งปรกเดินมายืนข้างหลัง ชะโงกมากระซิบถามข้างหู
“ถ้าอยากมีคู่อย่างเขา ผมยินดีเป็นคู่ให้นะครับ”
นิชาหันมามองปรก แต่ยังงอนอยู่
“รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
ปรกยกมือถือที่เปิดไอจีนิชามาโชว์ “ถึงตัวจะไกล แต่ดูไอจีไม่เคยห่าง เลยนะ”
“แล้วมาหาฉันทำไม”
ปรกเปิดปากอ้อน “เหงา ไม่มีเมียให้นอนกอดมาหลายคืน จะเฉาตายอยู่แล้ว”
“สมควร”
“ไม่ฉงฉานกันหน่อยเหรอ” ปรกอ้อนเมียอีก
“ฉันมันอาชญากร จะกลับไปอยู่บ้านคุณได้ยังไงล่ะคะ”
ปรกเอื้อมมือไปจับมือนิชามากุม
“คุณไม่ใช่อาชญากร ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยใดๆอีกต่อไปแล้ว”
นิชามองปรกสีหน้าฉงน “หมายความว่ายังไงคะ”
“พ่อเกื้อสืบได้แล้วว่าใครยักยอกเงินบริษัท”
“แล้วถ้าเดาไม่ผิด คือพี่ชายคุณใช่ไหม” นิชาถามกลับ
ปรกเฉไฉไม่อยากพูดถึง “ทีนี้ กลับไปนอนข้างๆ ผมได้แล้วนะ”
นิชาเล่นตัว “กลับก็ได้ แต่ไม่ใช่คืนนี้ เป็นพรุ่งนี้ดีกว่า”
ปรกถอนใจเซ็ง

ตกกลางคืนปานรุ้งนั่งรอปานเทพจนหลับไปอยู่บนโซฟา ปรกกลับเข้ามาเห็น จึงเดินเข้าไปหาปานรุ้งเงียบๆ แตะแขนปลุกปานรุ้งเบาๆ

“นายแม่ครับ”
ปานรุ้งสะดุ้งตื่น มองปรกอาการง่วงงุน
“ปานเทพกลับมาแล้วเหรอ”
“ยังครับ ผมไม่เห็นรถพี่ปานเทพเลย นายแม่ขึ้นไปนอนบนห้องเถอะนะครับ เดี๋ยวผมพาไป”
“ไม่ล่ะ แม่จะรอปานเทพ แม่ต้องคุยกับเขา”
“นายแม่ขึ้นไปนอนรอบนห้องก็ได้ครับ เดี๋ยวผมรอพี่ปานเทพให้เอง”
ปานรุ้งมองหน้าปรก “ปรก”
“ครับนายแม่”
“เรื่องที่พี่ปานเทพเอาเงินบริษัทไป อย่าบอกใครได้ไหม”
ปรกชะงัก นิ่งงันไป
“ถ้าไม่บอก คนก็จะเชื่อว่านิชาเป็นคนผิดต่อไปสิครับ”
“แล้วพี่ชายเราล่ะ ปรกไม่ห่วงชื่อเสียงพี่ปานเทพบ้างเลยเหรอ”
“แต่พี่ปานเทพทำผิด”
“แม่ก็พยายามแก้ไขทุกอย่างอยู่นี่ไง”
ปรกมองปานรุ้งด้วยแววตาผิดหวัง
“ผมรู้ว่านายแม่รักพี่ปานเทพ แต่พี่ปานเทพทำผิด นายแม่ควรทำอะไรสักอย่าง”
“นี่ปรกกำลังสอนแม่เหรอ”
“เปล่าครับ ผมแค่พูดตามที่ผมคิด”
“เป็นครั้งแรกนะ ที่ปรกกล้าพูดแบบนี้กับแม่ เมื่อก่อน แม่ขออะไร ปรกจะให้โดยไม่พูดอะไรสักคำ คงเพราะผู้หญิงคนนั้นสินะ”
“ไม่เกี่ยวกับนิชาหรอกครับนายแม่”
“เอาเถอะ ถ้าปรกเห็นว่าอะไรดี ก็ทำไป แม่ก็แค่ขอเท่าแม่จะขอได้เท่านั้นเอง”
ปานรุ้งตัดพ้อ จะเดินขึ้นบันได ปรกมองตามด้วยความรู้สึกน้อยใจ จนกระทั่งเห็นน้อยพาตำรวจเข้ามา
“คุณหญิงคะ ตำรวจมาขอพบคุณปานเทพค่ะ”
ปรกหันไปมองตำรวจ ปานรุ้งชะงัก เหลียวลงมามองตำรวจอย่างประหลาดใจ
“มีเรื่องอะไรเหรอคะคุณตำรวจ ดิฉันเป็นแม่ของปานเทพเอง”
“คุณวิภาวีเป็นภรรยาคุณปานเทพใช่ไหมครับ” ตำรวจ 1 ถาม
“เคยเป็นค่ะ แต่ตอนนี้เลิกไปแล้ว ทำไมเหรอคะ วิภาวีใส่ร้ายอะไรปานเทพเหรอคะ”
ตำรวจ 2 บอกว่า “คุณวิภาวีใส่ร้ายอะไรคุณปานเทพไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณวิภาวีเสียชีวิตแล้ว”
ปานรุ้งชะงัก “อะไรนะคะ”
ตำรวจ 1 เสริม “และมีผู้ให้เบาะแสเป็นคลิปวิดีโอบ่งบอกว่าคุณปานเทพคือคนฆ่าคุณวิภาวีครับ”

ปานรุ้งซวนเซจะเป็นลม ปรกปราดเข้าไปประคองไว้ได้ทัน

อ่านต่อตอนต่อไป

บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 21 (ต่อ)

ขณะเดียวกันที่อีกฟากหนึ่ง สามคนรวมตัวกันอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน ชูนามนั้นหน้าเครียดจัด ในขณะที่ปานเทพมีอาการลนลาน กลัวถูกจับเข้าคุก ส่วนร้อยกรองยืนที่หน้าต่างเพื่อคอยจับตาดูต้นทาง ทีท่าร้อนใจพอกัน

“ต้องเป็นฝีมือนังนวรัตน์แน่ๆ มันคงส่งลูกน้องตามเรา นี่มันหวังเล่นเราให้ถึงตาย” ชูนามคำรามด้วยความแค้น
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะครับพ่อ ผมไม่อยากติดคุก”
ชูนามตบไหล่ปลอบลูก “ไม่ต้องกลัว พ่อไม่ยอมให้เราติดคุกแน่” ชูนามบอกกับร้อยกรองว่า “แม่ รีบไปเก็บของ แล้วหลบไปอยู่กับญาติที่ปราจีนฯ สักพักก่อน”
“แล้วชูนามกับปานเทพล่ะ”
“เดี๋ยวหนูจะพาปานเทพหลบตำรวจไปอยู่กับเพื่อนแถวชายแดนสักพัก” ชูนามคิดถึงสิ่งที่นวรัตน์ทำกับตนด้วยสีหน้าแค้น “แล้วค่อยกลับมาจัดการกับนังทรยศให้ สาสม”

ฝ่ายนวรัตน์โทร.จากบ้านพักในต่างประเทศ กำลังคุยมือถือกับธีรพงษ์ที่ส่งข่าวทางเมืองไทยมารายงานเป็นระยะ
“ต่อให้มันหนีไปนรก เธอก็ต้องตามจัดการสองพ่อลูกนั่นให้ได้ อย่าปล่อยให้มันย้อนมาทำลายฉัน”

ฝ่ายปานรุ้งกำลังทุ่มเถียงกับวาสุเทพและเกื้ออยู่ในห้องทำงานที่บ้านสมุทรเทวา เพื่อหาทางช่วยลูกชายสุดสวาท

“เธอมีพรรคพวกในกรมตำรวจตั้งมากมาย ต้องมีใครสักคนช่วยปานเทพได้สิเกื้อ”
เกื้อหนักใจ “ผมพยายามอยู่ครับคุณหนู แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคุณปานเทพมีทั้งคดี ฆ่าคนตาย ทั้งฉ้อโกงบริษัท และทุกคดีก็มีหลักฐานมัดตัวคุณปานเทพชัดเจน”
ปานรุ้งฉุน “ฉันบอกแล้วไงว่าปานเทพไม่ได้ทำ ฉันเลี้ยงลูกมากับมือ ฉันรู้จักเขาดีว่าเขารักแม่ เขาไม่มีวันทำให้แม่เสียใจ แต่ที่ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ เพราะชูนามเสี้ยมให้ปานเทพเกลียดฉัน ชูนามเป็นคนบงการให้ปานเทพโกงบริษัท เป็นคนส่งปืนให้ลูกฆ่าคน ชูนามคือคนทำให้ชีวิตปานเทพตกนรก” ปานรุ้งหันไปอ้อนวอนวาสุเทพ “ได้โปรดเถอะค่ะพี่เทพ ช่วยปานเทพด้วย พี่เทพจำได้ไหมตอนที่รุ้งตั้งชื่อปานเทพ รุ้งตั้งตามชื่อพี่เทพ เพราะรุ้งรู้ว่าถ้าปานเทพมีพ่ออย่างชูนาม ชีวิตเขาต้องเป็นอย่างพ่อเขา รุ้งถึงอยากให้ปานเทพมีพ่ออย่างพี่เทพ ถ้าพี่เทพรักลูก ช่วยลูกของเราด้วยนะคะ”
วาสุเทพเข้าไปกอดปลอบปานรุ้ง “พี่จะช่วยลูกของเราให้ได้”
ปานรุ้งกอดวาสุเทพยึดเป็นที่พึ่ง
เกื้อกับปรกได้แต่มองปานรุ้ง ด้วยความรักและแสนสงสาร

ทันทีที่รถแท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้าน ชูนามรีบพาร้อยกรองมาขึ้นรถ มีปานเทพเดินตามมาด้วยท่าทางหวาดระแวง กลัวใครจะเห็น
“รีบไปซะแม่ เดี๋ยวหนูจัดการทุกอย่างได้ หนูจะไปรับแม่กลับมา”
ร้อยกรองสวมกอดชูนาม ร้องไห้ออกมาด้วยความรักและเป็นห่วงลูกเหลือเกิน
“ระวังตัวนะลูก สัญญานะว่าจะไปรับแม่”
“ไม่ต้องห่วง แม่ก็รู้ว่าหนูไม่เคยทิ้งแม่”
“แม่จะรอนะ”
“รีบไปเถอะแม่”
ชูนามรุนหลังดันตัวร้อยกรองขึ้นรถ มองส่งจนรถแท็กซี่ขับออกไป ร้อยกรองเปิดหน้าต่างออกมามองชูนาม ราวกับว่าจะไม่เห็นชูนามไปอีกนานแสนนาน
ชูนามมองแม่ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์จนลับตา
จู่ๆ สายตาชูนามแลเห็นรถแวน 2 คัน ขับสวนกับรถแท็กซี่ มุ่งตรงมาที่หน้าบ้านของเขา
ชูนามมองปราดเดียวดูออกว่าอะไรเป็นอะไร รีบบอกลูกชาย “ปานเทพ รีบเข้าไปหลบในรถพ่อก่อนเร็ว ถ้ามีอะไร ขับหนีไปเลยนะ”
ปานเทพเหวอๆ งงๆ “อะไรเหรอพ่อ”
ชูนามตวาด “ไม่ต้องถาม ทำตามที่พ่อพูด เร็ว”
ปานเทพตกใจ รีบวิ่งไปหลบในรถชูนาม ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน เตรียมพร้อมจะหนี

พอเห็นรถแวน 2 คัน จอดหน้าบ้าน ชูนามวิ่งล่อ หนีไปคนละทางกับรถที่จอดอยู่ เพื่อให้ปานเทพหนีไปได้

เป็น วาสุเทพ เกื้อ และ บอดี้การ์ด ลงจากรถ วาสุเทพกับบอดี้การ์ดพุ่งมาจับตัวชูนามไว้

“ปล่อยกู”
“ปานเทพอยู่ไหน”
ชูนามพยายามสะบัดตัวหนี แต่วาสุเทพยังยึดตัวชูนามไว้มั่น “กูไม่รู้”
วาสุเทพสั่งบอดี้การ์ดที่เหลือ “เข้าไปในบ้าน หาตัวปานเทพให้เจอ”
บอดี้การ์ดรีบเข้าบ้านไป ชูนามโวยวาย ตวาด ด่าทอต่อว่า วาสุเทพอย่างโกรธแค้น
“มึงจะเอาตัวลูกกูไปไหน ถ้าคิดจะพาลูกกูไปส่งตำรวจ พวกมึงข้ามศพกูไปก่อน”
ชูนามต่อยหน้าวาสุเทพสุดแรง จนวาสุเทพซวนเซ ชูนามจะวิ่งหนี แต่เกื้อถลามายืนขวางชูนามไว้ ด่านิ่มนิ่ง
“เท่านี้คุณยังทำลายชีวิตลูกคุณไม่พออีกเหรอครับ”
ชูนามต่อยหน้าเกื้อสุดแรง
“มึงไม่มีสิทธิ์มาพูดอย่างนี้กับกู ถึงมึงจะเป็นรัฐมนตรี แต่สำหรับกู มึงก็แค่ไอ้ขี้ข้าชั้นต่ำ”
ชูนามจะเข้าไปต่อยเกื้อซ้ำอีก วาสุเทพเข้ามากระชากร่างชูนามออก แล้วต่อยอย่างแรง จนชูนามเซล้มลง
ปานเทพที่แอบอยู่ มองดูพ่อถูกวาสุเทพต่อยอย่างกระวนกระวาย
“คุณต่างหากที่ต่ำ คุณออกมาเรียกร้องหาสิทธิ์ของความเป็นพ่อ แล้วนี่เหรอคือสิ่งที่คุณทำให้กับชีวิตลูกของคุณ คุณยังมีความเป็นคนอยู่ไหม”
ชูนามลุกขึ้นมาเถียงอย่างโกรธแค้นเกรี้ยวกราด “กูไม่ใช่คนทำลายชีวิตลูก คนที่ทำลายชีวิตลูกกู คือนังปานรุ้ง เพราะความไม่รู้จักพอของมัน มันถึงได้ทำทุกอย่าง แม้กระทั่งยอมเป็นเมียคนขับรถอย่างมึงไงไอ้เกื้อ”
“หยุดพูดถึงคุณหนูแบบนั้นเดี๋ยวนี้นะคุณชูนาม” เกื้อโมโห
“กูจะพูด มึงจะทำไม อย่าคิดว่ากูจะกลัวตำแหน่งรัฐมนตรีของมึง กูจะบอกให้ว่าที่นังปานรุ้งอยู่กับมึง ไม่ใช่เพราะเขารักมึง แต่ตอนนั้นมันไม่มีที่จะไปต่างหาก ไอ้ขี้ข้า ไอ้ควาย!”

เกื้ออึ้งไป เป็นวาสุเทพที่ทนเห็นเกื้อถูกดูแคลนไม่ไหว พุ่งเข้าไปต่อยชูนามอีก

บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 21 (ต่อ)

แต่ชูนามระวังตัวอยู่แล้ว ปัดมือวาสุเทพออก ด่าใส่หน้า

“ส่วนมึงมันก็ไอ้โง่ไม่ต่างจากไอ้เกื้อ โดนนังปานรุ้งใช้เสน่ห์ยั่วเข้าหน่อยถึงกับทิ้งกติยามา มึงไม่รู้เหรอว่านังปานรุ้งมันแค่ต้องการใช้ตำแหน่งของมึงเป็นใบเบิกทางสู่ความร่ำรวย มันไม่เคยรักมึง คนที่นังปานรุ้งรักมีอยู่คนเดียว คือกู ฮ่าๆๆๆๆๆ”
วาสุเทพโกรธสุดขีด เข้าไปต่อยชูนามอย่างแรงจนชูนามเซ วาสุเทพไม่ยอมหยุดตามเข้าไปอัดชูนามต่อไม่ยั้ง เกื้อเห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามาดึงห้ามวาสุเทพไว้
“คุณวาสุเทพ พอเถอะครับ!”
“ปล่อยฉันเกื้อ ฉันยอมทนให้คนแบบนี้มายืนด่ารุ้งไม่ได้”
“ฮ่าๆๆๆๆ นังปานรุ้งนี่มันเก่งจริงๆ ทั้งผัวเก่าผัวใหม่สนิทสนมกลมเกลียวช่วยกันปกป้องมัน ควายทั้งคู่ มึงแหกตาดูไอ้เกื้อไว้ดีดีนะ กูว่าที่มันมาคอยตามดูแลนังปานรุ้ง เพราะมันหวังจะแทงข้างหลังมึงอยู่”
ชูนามเสี้ยม เล่นเอาวาสุเทพกับเกื้ออึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่เกื้อจะสวนออกมา
“ไม่จริง ที่ผมทำทุกวันนี้เพราะผมรู้ดีว่า กว่าคุณหนูจะก้าวมาถึงวันนี้ได้ คุณหนูต้องสู้ ต้องอดทนมากแค่ไหน คุณหนูไม่เคยทำเพื่อตัวเอง แต่คุณหนูทำทุกอย่างเพื่อลูก แล้วหนึ่งในนั้นก็คือลูกของผม ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณหนูต้องเหนื่อยอยู่คนเดียวเหมือนที่คุณทำ”
“อ๋อ นี่มึงยอมรับแล้วใช่ไหมว่าที่มึงคอยจ้องอยู่ เพราะมึงตั้งใจจะเอาไอ้ลูกขี้ข้าของมึงขึ้นมาเสียบแทนปานเทพลูกของกู” ปานเทพได้ยินแล้วอึ้งไป ชูนามพล่ามต่อ “มึงอิจฉาที่ลูกกูได้ทุกอย่างดีกว่าลูกมึง มึงก็เลยคอยวางแผนจะแก้แค้นลูกของกู ไอ้ขี้ข้า กูจะไม่ยอมให้ปานรุ้งมันเฉดหัวลูกกูทิ้ง เหมือนที่มันเคย ทำกับกู”
วาสุเทพโกรธ พยายามสะบัดตัวออก “ปล่อยฉันเกื้อ ปล่อย ให้ฉันจัดการมันเดี๋ยวนี้”
ชูนามชะงัก เพราะเห็นวาสุเทพเอาจริงกว่าทุกครั้ง ปานเทพทนฟังอยู่นาน ตัดสินใจวิ่งลงจากรถ พร้อมกับชักปืนขึ้นมาขู่เกื้อกับวาสุเทพ ทั้งคู่ตกตะลึง อุทานลั่น

“คุณปานเทพ” / “ปานเทพ”

“คุณสองคนถอยออกไป อย่ามายุ่งกับพ่อของผม”

ปานเทพเล็งปืนขู่ วาสุเทพพยายามเกลี้ยกล่อม
“ปานเทพกลับไปหาแม่เถอะ แม่เขาเป็นห่วงเรามาก อย่าไปฟังที่ชูนามพูด วางปืนลงแล้วไปกับลุง แม่เขาจะช่วยปานเทพเอง”
“ช่วยด้วยการจับผมเข้าคุก เหมือนที่นายแม่เคยทำกับพ่อน่ะเหรอ”
วาสุเทพตกใจ “ปานเทพ”
“คนเดียวที่ช่วยผมได้คือพ่อ พ่อทำทุกอย่างเพื่อรักษาสิ่งที่ควรเป็นของผม ในขณะที่นายแม่กับคนอื่นคิดจะแย่งไป”
ชูนามมองไป เห็นพวกบอดี้การ์ดกำลังจะออกมาจากบ้าน เลยหันมาดึงปานเทพ
“ไปลูก รีบขึ้นรถเร็ว”
สองพ่อลูกรีบวิ่งหนีขึ้นรถ วาสุเทพกับเกื้อจะเข้าไปห้าม
“ปานเทพ...ปานเทพ”
ปานเทพปิดประตูรถสุดแรง ชูนามรีบขับรถพาลูกหนีไปทันควัน
วาสุเทพ กับ เกื้อมองตามรถของชูนามด้วยสีหน้าเครียด

ปานเทพนั่งในรถด้วยสีหน้าอึ้งๆ
“ที่พ่อพูดถึงนายแม่เมื่อกี้ มันเป็นความจริงใช่มั้ยครับ”
ชูนามชะงัก รู้ว่าปานเทพเสียใจ แต่คิดว่าดีแล้ว เพราะลูกจะได้เชื่อฟังตนมากกว่าปานรุ้ง
“จริงสิลูก แม่เค้าแค่ต้องการใช้ลูกเป็นเครื่องมือแก้ปมที่ผิดพลาดของเค้า คนที่รักลูกมากที่สุดก็คือพ่อ จำไว้”
ปานเทพทั้งเสียใจ และผิดหวัง เชื่อคำพูดชูนามทุกคำ
ชูนามลอบมอง เห็นปานเทพนิ่งไปก็ยิ้มร้ายสะใจ ที่เห็นลูกเกลียดปานรุ้ง

ด้านปานรุ้งนั่งอยู่บนเตียงนอนปานเทพ คุยสายกับวาสุเทพ
“ปานเทพหนีไปกับชูนามเหรอคะพี่เทพ”
มือปานรุ้งที่ถือโทรศัพท์ วางโทรศัพท์ลงอย่างหมดแรง เหลียวมองกรอบรูปปานเทพที่โต๊ะข้างเตียง หยิบรูปนั้นมากอด ร่ำไห้ออกมา
“ปานเทพ ลูกไปไหน ทำไมไม่กลับมาหาแม่”
ระหว่างนี้ปรกค่อยๆ เปิดประตูเข้ามา มองสภาพแม่ด้วยความสงสาร ปรกจะเดินเข้าไปปลอบ
“นายแม่ครับ”
ปานรุ้งไม่แม้แต่จะหันไปมองปรก
“ออกไปซะปรก แม่ไม่อยากคุยกับใคร”
“นายแม่”
“แม่บอกให้ออกไปไง”
ปรกมองแม่ด้วยความน้อยใจ เดินออกจากห้องไปเงียบๆ

ทิ้งปานรุ้งให้นั่งกอดรูปปานเทพ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เพียงลำพัง

ปรกปิดประตูห้องปานเทพลงด้วยสีหน้าเศร้า ปกรณ์เดินเข้ามาหา

“นายแม่เป็นยังไงบ้างพี่ปรก”
“กำลังแย่ ปกรณ์เข้าไปดูนายแม่หน่อยสิ”
“ไม่เอาอ่ะ ขนาดพี่ปรกยังโดนดุ ผมเข้าไปก็คงโดนเหมือนกัน”
ปรกพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ปกรณ์กับพี่ไม่เหมือนกันหรอก” พลางลูบหัวน้องชาย “นายแม่รักปกรณ์มากนะ ตอนนี้นายแม่ไม่เหลือใคร ปกรณ์อย่าทำให้นายแม่ต้องเสียใจนะ”
ปรกเดินคอตกออกไป
ปกรณ์มองตามเครียดจัด

เช้าวันนี้ วิรินทร์ใส่หมวกกันน็อคเสร็จ ก้าวขึ้นรถ โดยไม่ทันมองว่าปกรณ์เดินเข้ามาจากมุมหนึ่ง
วิรินทร์สตาร์ตรถแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปเลย
ปกรณ์เห็นวิรินทร์ก็ตะโกนเรียก
“รินทร์! รินทร์!”
วิรินทร์ไม่ได้ยิน ปกรณ์มองตาม แล้วหันไปเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าแฟลต
“พี่ครับ”
มอเตอร์ไซค์ขี่รถมาหา ปกรณ์ซ้อนท้าย ชี้มอเตอร์ไซค์วิรินทร์ที่แล่นออกไป
“ตามมอ’ไซค์คันนั้นไปเลยครับ”

ในซอยเปลี่ยว ที่แทบไม่มีผู้คนเดินผ่านไป มาเลย วิรินทร์ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าตึกแถวโทรมๆ ในนั้น ถอดหมวกแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู เหลียวมองไปที่คลินิกเบื้องหน้า พบว่าเป็นคลินิกเดียวกับที่ในอินเตอร์เน็ตบอกไว้

วิรินทร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ลงรถจะเดินเข้าไปในคลินิกเถื่อน เพื่อทำแท้ง!

บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 21 (ต่อ)

ฉับพลันทันใดนั้นเอง มีมือใครคนหนึ่งมาคว้ามือวิรินทร์ไว้อย่างแรง วิรินทร์ตกใจหันขวับไปจึงเห็นว่าเป็นปกรณ์ที่มองมาด้วยสายตาคาดคั้น

“รินทร์มาทำอะไรที่นี่”
วิรินทร์ชะงัก ไม่รู้จะตอบยังไง ปกรณ์มองรอบๆ และมองไปยังคลินิกตรงหน้างงๆ
“รินทร์มาที่นี่ทำไม ไม่สบายเหรอ” วิรินทร์ยังนิ่ง “รินทร์ เป็นอะไร มีอะไรก็บอกเราสิ” ปกรณ์แปลกใจที่เห็นวิรินทร์เอาแต่นิ่ง เรียกเสียงดังขึ้น “รินทร์”
วิรินทร์โพล่งออกไป “เราท้องปกรณ์”
ปกรณ์ชะงัก มองวิรินทร์อึ้งๆ
“ท้อง”
วิรินทร์พยายามเข้มแข็ง “นายไม่ต้องตกใจหรอก เราไม่ให้นายรับผิดชอบ อยู่แล้ว เราถึงได้มาที่นี่ไง”
วิรินทร์หันตัวจะเดินเข้าคลินิก
ปกรณ์ได้สติ ดึงแขนวิรินทร์ไว้ “ไม่นะรินทร์ เราไม่ให้รินทร์เข้าไป”
วิรินทร์มองปกรณ์สีหน้าฉงนฉงาย
“ทำไม อย่าบอกนะว่านายจะให้เราเก็บไว้”
ปกรณ์สับสนมาก วิรินทร์มองอย่างเข้าใจ
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เราเข้าใจว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไป ทั้งเราทั้งนาย ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ กลับไปเถอะ ทางนี้ เราจัดการเอง”
ปกรณ์มองจ้องวิรินทร์ อีกฝ่ายพยายามซ่อนความเจ็บปวดไว้ แล้วจะเดินเข้าคลินิก ในขณะที่ปกรณ์ยังจับมือเธอไว้มั่น วิรินทร์หันมามองปกรณ์
ปกรณ์ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว “เราเคยบอกรินทร์แล้วไง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เราทำเพราะ
รักรินทร์ ดังนั้น ลูกเกิดจากความรักของเรา กรณ์ให้รินทร์ทำลายเขาไม่ได้...กรณ์จะรับผิดชอบ”
วิรินทร์ยิ้มให้ “ขอบใจนะปกรณ์ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันคือชีวิตอีกหนึ่งชีวิต ไหนจะพ่อแม่ของเรา ยังไงแม่ปกรณ์คงไม่ยอมรับเรา กับลูกแน่ๆ”
ปกรณ์บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่ถ้านายแม่รักเรา นายแม่ต้องยอมรับในกาตัดสินใจ
ของเรา”
วิรินทร์ซึ้งใจ “ปกรณ์”
“นี่คือชีวิตเรา เราเลือกรินทร์กับลูก นายแม่ดูแลร่างกายเราได้ แต่ควบคุมชีวิตและหัวใจเราไม่ได้ เราสัญญา ไม่ว่านายแม่จะพูดยังไง เราจะปกป้องรินทร์กับลูก รินทร์กับลูกต้องอยู่กับเรา”
วิรินทร์มองชายคนรักอย่างตื้นตัน ปกรณ์สวมกอดวิรินทร์ไว้กับอ้อมอก

ค่ำนั้น ขณะปรกกำลังจะเดินเข้าตึก ปกรณ์ยืนดักรออยู่ที่มุมบ้านสักระยะแล้ว พอเห็นก็รีบดึงแขนพี่ชายไว้
“พี่ปรก”
ปรกมองฉงน “มีอะไรปกรณ์”
“ผมมีเรื่องจะปรึกษา”
ปรกมองปกรณ์อย่างสงสัย

สองหนุ่มหลบมาคุยกันอยู่ตรงท่าน้ำบ้านสมุทรเทวา ปรกมองปกรณ์ด้วยสีหน้าตะลึงตะไล
“อะไรนะปกรณ์ พี่ฟังผิดไปใช่ไหม”
“ไม่ผิดหรอกพี่ปรก รินทร์ท้อง”
ปรกหน้าเครียดจัด คิดถึงปานรุ้งขึ้นมาทันควัน ว่าจะเป็นยังไงถ้ารู้เรื่องนี้
“โธ่ปกรณ์ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”
“ผมจะให้นายแม่ไปสู่ขอรินทร์”
“อะไรนะ” ปกรกตกใจ
“ผมต้องรับผิดชอบรินทร์กับลูก”
“แต่นายยังเรียนไม่จบเลยนะ”
“แล้วยังไงล่ะพี่ ถึงมีลูก ผมก็เรียนต่อได้ ส่วนรินทร์ ดรอปเรียนไว้ก่อน พอคลอดลูกเสร็จ รินทร์ก็เรียนต่อ พอเราเรียนจบ ก็หางานทำ แล้วก็ออกไปสร้างครอบครัว”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะปกรณ์ พี่บอกแล้วไงว่าปกรณ์เป็นลูกที่นายแม่รักมาก แล้วปกรณ์มีเรื่องอย่างนี้ ปกรณ์คิดว่านายแม่จะรับได้ไหม”
“เพราะอย่างนี้ผมถึงมาคุยกับพี่ พี่ปรกเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องผมกับรินทร์ พี่ปรกช่วยผมกับรินทร์นะ”
ปานรุ้งยืนฟังอยู่ด้านหลังปกรณ์กับปรกนานแล้ว โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้
“ลับหลังแม่ ทำกันอย่างนี้นี่เองเหรอ”
ปรกกับปกรณ์หันไปมองปานรุ้งอย่างตกตะลึง
“นายแม่”

รถชูนามที่ปานเทพขับมา จอดลงที่ริมรั้วบ้านสมุทรเทวา ปานเทพมองเข้าไปในบ้าน ก่อนจะหันมาทางชูนามที่เบาะข้างๆ
“เดี๋ยวพ่อรอผมอยู่ในรถนะครับ ผมจะเข้าไปเอาเงินในเซฟของนายแม่ เราจะได้มีเงินหนีกัน”
“ระวังนะลูก ถ้าแม่เค้าเจอลูก เค้าคงไม่ยอมให้ลูกกลับออกมา”
“ไม่ต้องห่วงครับพ่อ นายแม่สั่งอะไรผมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
ปานเทพก้าวลงจากรถ ปีนรั้วบ้านเข้าไปอย่างมุ่งมั่น

ชูนามยิ้มสมใจ ที่ปานเทพกล้างัดข้อกับปานรุ้งถึงขนาดนี้

ปานรุ้งเดินเข้าบ้านมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว มีปรกกับปกรณ์ตามมาอย่างร้อนใจ

“นายแม่ครับ”
ปานรุ้งหยุดในห้องโถงบันได แล้วหันหน้ากลับมามองปกรณ์
“ลูกมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่”
“เอ่อ...”
“เมื่อไหร่” ปานรุ้งคาดคั้น
“วันที่ไปสวนผึ้งครับ”
ปานรุ้งชะงัก เหลียวขวับมามองปรก
“คือวันที่แม่ฝากปรกดูแลน้อง”
ปรกได้แต่ก้มหน้านิ่งยอมรับผิด

ฝ่ายปานเทพหลบมุมตึกแอบมอง เห็นหน้าต่างห้องทำงานบนชั้นสองเปิดอยู่ จึงปีนขึ้นไปที่ระเบียงห้องทำงานของปานรุ้ง

ปานรุ้งมองปรกด้วยสายตาผิดหวัง
“รู้ใช่ไหมว่าแม่สั่งห้ามปกรณ์คบกับผู้หญิงคนนั้น”
“ครับ”
“แล้วปรกก็ปล่อยให้น้องคบ ปล่อยให้ยุ่งเกี่ยวกันจนท้อง แม่อุตส่าห์ไว้ใจปรกให้ดูแลน้อง นี่เหรอคือสิ่งที่ปรกทำกับแม่”
ปกรณ์พยายามอธิบายช่วยพี่ชาย “นายแม่ครับ”
ปานรุ้งไม่สนใจฟัง ต่อว่าปรกต่อ “ปรกเคยบอกว่าปรกเป็นลูกพ่อเกื้อ ปรกจะไม่มีวันทำให้แม่เสียใจ แม่คิดว่าปรกคือที่พึ่งเดียวที่แม่ไว้ใจได้ แต่สุดท้าย นอกจากปรกทำให้แม่เสียใจ ปรกยังทำให้น้องเสียอนาคตด้วย”
“พี่ปรกไม่เกี่ยวนะครับนายแม่” ปกรณ์สอดขึ้นมา
ปรกรู้สึกผิดเต็มประตู “ผมขอโทษครับนายแม่”
“ไม่ต้องขอโทษแม่หรอก แม่ผิดเองที่หวังพึ่งปรกมากเกินไป”
ปรกชะงัก เจ็บลึกๆ
ปกรณ์พยายามจะแก้ตัวให้ปรก “นายแม่”
“เรื่องของปกรณ์ รอคุณพ่อกลับมาค่อยว่ากัน แม่ไม่อยากคุยอะไรตอนนี้ แม่เหนื่อย”
ปานรุ้งเดินหนีขึ้นบันไดไป ตรงไปทางห้องทำงาน
ปรกกับปกรณ์ได้แต่มองตาม
ปกรณ์รู้สึกผิด “พี่ปรก”
“ขึ้นห้องไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่คอยดูแลนายแม่เอง”
ปรกเดินขึ้นบันไดตามแม่ไป ปกรณ์มองตามหลังพี่ชายอย่างรู้สึกผิด

ปานรุ้งเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางเหนื่อยล้า แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นปานเทพอยู่ในห้อง แต่ยังไม่ทันสังเกตว่าลูกชายสุดที่รักกำลังโกยเงินสดในตู้เซฟใส่ถุงผ้า
“ปานเทพ”
ปานเทพชะงัก “นายแม่”
“นี่ลูกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ปานรุ้งมองจ้อง “แล้วนั่นลูกจะทำอะไร”
“ผมจะมาเอาส่วนแบ่งของผม”
“ส่วนแบ่ง”
ปานเทพประชด “หรือว่าลูกคนนี้มันชั่วมาก จนนายแม่ไม่เหลือความรัก ไม่คิดจะแบ่งสมบัติสักบาทให้ครับ”
“ลูกพูดอะไรปานเทพ ถ้าแม่ไม่รัก แม่จะให้ลุงวาสุเทพกับพ่อเกื้อ ออกตามหาลูกอย่างนี้เหรอ ลูกกลับมาก็ดีแล้ว อยู่กับแม่ อย่ากลับไปหาไอ้พ่อเลวๆ นั่นอีก แม่จะช่วยลูกเอง แม่จะไม่ยอมให้ มันทำลายชีวิตลูกไปมากกว่านี้”
ปานรุ้งจะเข้าไปกอด แต่ปานเทพกลับถอยห่าง
“คนที่ทำให้ชีวิตผมต้องเป็นแบบนี้คือนายแม่ต่างหาก”
ปานรุ้งอึ้ง “อะไรนะ”
“นายแม่บอกว่ารักผมที่สุด แต่พอผมทำผิดพลาด นายแม่ก็ถีบหัวผมส่ง เหมือนที่นายแม่เคยทำกับพ่อชูนาม นายแม่เอาไอ้ปรกขึ้นมาแทนผม เหมือนที่นายแม่เคยคว้าพ่อมันขึ้นมาแทนพ่อของผม พ่อพูดถูก ผมมันก็แค่เครื่องมือแก้ปมของนายแม่เท่านั้นเอง”
ปานรุ้งโกรธชูนามมาก “ไม่จริง อย่าไปฟังคำพูดของไอ้คนสารเลวนั่น ที่แม่ทิ้งมันเพราะมันทำให้ชีวิตแม่พัง แล้วนี่มันยังมาทำให้ชีวิตลูกของแม่พังไปอีกคน กลับมาหาแม่เถอะปานเทพ..ไม่ว่าลูกจะทำผิดแค่ไหน แม่จะปกป้องคุ้มครองลูกเอง แม่รักปานเทพมากนะลูก” ปานรุ้งค่อยๆ เดินเข้าไปหาลูก
“ไม่จริง นายแม่รักตัวเอง”
“ไม่จริง แม่รักลูก”
“ถ้างั้นนายแม่ก็ปล่อยให้ผมหนีไปกับพ่อสิครับ”
ปานรุ้งอึ้ง นิ่งงันไป แล้วโกรธที่ปานเทพเลือกชูนาม “ถ้าลูกอยากจะไปกับพ่อ งั้นลูกก็วางเงินทั้งหมด ไว้ตรงนี้”
“ไหนนายแม่บอกว่ารักผม สุดท้ายนายแม่ก็รักเงินของนายแม่มากกว่า”
“แม่ไม่ได้รักเงิน แต่ที่แม่ทำเพราะแม่อยากให้ลูกเห็นธาตุแท้ของไอ้คนชั่วนั่น”
“แต่ไอ้คนชั่วนั่น คือพ่อของผม แม่ทิ้งพ่อได้ แต่ผมทิ้งพ่อผมไม่ได้”

ปานเทพหอบถุงเงิน เปิดประตูระเบียง แล้วจะปีนลงไป

ปานรุ้งใจจะขาด ที่หนูจะหนี เข้าไปดึงรั้งปานเทพไว้

“ไม่ ปานเทพ แม่ไม่ให้ลูกไป”
ปานเทพพยายามสะบัดออก “นายแม่ปล่อย”
ปานรุ้งยื้อยุดลูกไว้สุดแรงเกิด “ไม่ปล่อย กลับมาหาแม่เดี๋ยวนี้ แม่สั่งว่าให้กลับมา ปานเทพ”
ปานเทพตัดสินใจชักปืนเล็งไปที่ปานรุ้ง
“ผมบอกให้ปล่อยไงครับนายแม่”
ปานรุ้งอึ้ง ตะลึงตะไล คาดไม่ถึงว่าลูกจะทำอย่างนี้กับตน
“นั่น...ลูกเอาปืนมาทำไม ลูกจะยิงแม่เหรอปานเทพ”
“อย่าเข้ามาครับนายแม่ อย่าบีบคั้นผม ผมแค่ต้องการจะมาเอาเงินเพื่อผมกับพ่อจะได้หนีไป นายแม่ปล่อยผมไปเถอะครับ”
“ไม่มีแม่คนไหนยอมปล่อยให้ลูกตัวเองเดินลงเหวไปต่อหน้าตา แม่จะไม่มีวันปล่อยให้ปานเทพไปตกนรกกับไอ้คนสารเลวนั่น”
ปานเทพคับแค้นใจ จะร้องไห้ “อย่าบีบผมครับนายแม่”
ปานรุ้งสืบเท้าเดินเข้าไปหาปานเทพที่ถือปืนเล็งอยู่ “ยิงแม่สิปานเทพ หรือไม่ก็วางปืนลงซะ แล้วกลับมาหาแม่...” ปานเทพกดดันหนัก “แม่จะช่วยลูกให้พ้นคดี แล้วจับตัวไอ้ชูนามเข้าคุก มันจะได้ไม่มีทางกลับมาทำลายลูกของแม่ได้อีก”
“ผมบอกว่าอย่าเข้ามาไงครับ”
ปานรุ้งไม่กลัว เพราะยังมั่นใจว่าปานเทพจะไม่มีวันยิงตัวเองได้ลงคอ
จังหวะที่ปานเทพกำลังสับสนอย่างหนักนั้น ปรกก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
ปรกเห็นปานเทพเล็งปืนใส่ทางปานรุ้งก็ตกใจ
“พี่ปานเทพ พี่ทำอะไร”
ปานเทพชะงัก ปรกรีบวิ่งเข้าไปแย่งปืนจากปานเทพ แต่ปานเทพไม่ยอมให้ สองพี่น้องยื้อแย่งปืนกันไปมาน่าหวาดเสียวเป็นที่สุด
ปานรุ้งใจเสียพยายามห้าม “หยุดนะปรก หยุดนะปานเทพ แม่บอกให้หยุดทั้งคู่”
ปรกกับปานเทพยังต่อยและแย่งปืนกัน จังหวะหนึ่งปรกยื้อปืนขึ้น แล้วปืนไปจ่อที่หน้าปานเทพ
ปานรุ้งตะโกนก้อง “ปรก อย่าทำอะไรพี่เค้า”
ปรกตกใจ เลยพลาดท่าถูกปานเทพต่อยแล้วดึงปืนคืนไป ปรกไม่ยอมเข้าไปแย่งปืนอีก
“พอ หยุดเดี๋ยวนี้! แม่บอกให้หยุด ได้ยินไหม แม่บอกให้...”
ปานรุ้งพูดไม่ทันจบคำ ทันใดนั้นได้ยินเสียงปืนดังปัง
สามคนต่างชะงักงัน
ปานรุ้งมองกรากไปที่ลูกทั้งสองว่ามีใครบาดเจ็บไหม แต่กลับเห็นเลือดไหลออกจากแขนตัวเอง
“นายแม่” ปรกรีบถลาเข้าไปประคองแม่
ปานเทพถือปืนยืนอึ้งตะลึงตะไลอยู่ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะยิงปานรุ้ง
ปานรุ้งมองปานเทพอย่างเจ็บปวด
“พี่ปานเทพ พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไง” ปรกโกรธจัด
“ปรก อย่าว่าพี่ แม่ไม่เป็นไร” ปานรุ้งยื่นมือข้างที่ไท่โดนยิงออกหาปานเทพ หวังให้ลูกจับมือ “ปานเทพ มาหาแม่” ปานเทพเสียใจน้ำตาร่วง “กลับมาหาแม่สิลูก”
ปานเทพร้องไห้โฮออกมามองปานรุ้งเหมือนจะจดจำไปตลอดกาล ก่อนจะตัดสินใจปีนระเบียงหนีออกไป
ปานรุ้งใจจะขาดรอนๆ ร่ำไห้ขอร้อง “ปานเทพ อย่าไปลูก กลับมาหาแม่ ปานเทพ...ปานเทพ!”
ปานเทพไม่ยอมเหลียวหลัง
เห็นลูกรักหนีไปอีกคน ต่อหน้าต่อตาเหมือนที่ปานวาดทำ ปานรุ้งหัวใจสลาย หมดแรงเป็นลมคาอกปรก
“นายแม่”
ปกรณ์ขึ้นบันไดเดินมาตามระเบียง ได้ยินเสียงเอะอะ รีบวิ่งเข้าประตูห้องปานรุ้งมาดูเหตุการณ์ แล้วต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น

“นายแม่”

อ่านต่อตอนที่ 22
กำลังโหลดความคิดเห็น