เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 10 อวสาน
ปากทางเข้าโกดังเล้ง ที่เดียวกับที่คณินขับรถมาจอดไว้ หลินเดินด้อมๆ มองๆ เข้ามา แล้วเห็นรถคณิน
“อาคุณคิ้มอยู่ที่นี่ แย่แล้ว”
หลินจะเดินไป
“อาหลิน”
หลินหันขวับมาตามเสียง เห็นเป้งก็ตกใจ
“เฮีย เฮียมาทำอะไรที่นี่”
“อั๊วก็ตามลื้อมาไง เห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ตั้งแต่เช้า อั๊วก็เลยตามมาดู และอั๊วมากกว่าที่ต้องถามลื้อว่า ลื้อมาทำอะไรที่นี่”
“อั๊วก็มาทำธุระของอั๊วซิ”
“ธุระอะไรในป่าอย่างนี้”
“ธุระส่วนตัว เฮียไม่ต้องยุ่งหรอกน่า กลับบ้านไปช่วยอามนสิเฝ้าร้านเลยนะเฮีย อั๊วทำธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับ”
เป้งยังนิ่ง
“ไปซิ”
เป้งแปลกใจ แต่จำใจต้องเดินออกไป หลินมองตามจนคิดว่าเป้งกลับไปแล้ว
“อามนชิต อั๊วจะไม่ยอมให้ลื้อทำผิดอีกเด็ดขาด”
หลินเดินเข้าไป เป้งมองด้วยความสงสัย
เล้งเดินกลับเข้ามาภายในโกดัง มนชิตตามเข้ามาเอาเรื่อง
“เสี่ยทำอย่างนี้ได้ยังไง”
“อั๊วทำอะไร”
“ก็เสี่ยเผายาถอนพิษทิ้ง แบบนี้อาแพนก็ต้องตายแน่”
“ก็ใช่ไง อั๊วอยากให้มันตายทั้งผัวทั้งเมีย แล้วลื้อจะทำไม”
“แต่อั๊วไม่ยอมให้อีตาย อั๊วรักอี”
โอชินเดินเข้ามา
“ก็ฆ่านายใหญ่แล้วก็ค้นตัวเขาดูซิ เผื่อคุณจะเจอยาถอนพิษอีกสักซอง เหมือนที่คุณเคยทำกับฉันไง”
เล้งตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ไม่ใช่ซิ ต้องบอกว่า เหมือนที่นายใหญ่เคยสั่งให้คุณไปฆ่าฉันไง”
“อั๊วไม่เคยสั่งให้ใครไปฆ่าลื้อ”
“งั้นคุณก็คง คิดเอง ลงมือเองซินะคุณมนชิต”
“ใช่ แล้วจะทำไม”
เล้งตบหน้ามนชิตทันที
“อั๊วเคยบอกลื้อแล้วใช่มั้ย ถ้าจะขึ้นเป็นใหญ่ต้องรู้จักเสียสละ”
“แต่อาแพนคือผู้หญิงที่อั๊วรัก”
“แล้วอีรักลื้อหรือเปล่า”
มนชิตอึ้ง
คณินกับแพนถูกจับมัดอยู่กับต้นไม้คนละต้น สภาพแพนย่ำแย่ เลือดยังกระอักออกมาเรื่อยๆ
คณินมองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงมาก รอบๆ มีลูกน้องมนชิตเฝ้าอยู่แน่นหนา
“แพน อดทนนะ ผมเชื่อว่าซินแสง้วงจะต้องปรุงยาถอนพิษได้”
“คุณไม่น่ากินมันเลย”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างไอ้เสี่ยเล้งมันต้องเล่นตุกติก แต่ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องเสี่ยง”
“ฉันทำให้คุณลำบากจริงๆ ฉันขอโทษนะคะ”
“ผมไม่ลำบาก ผมรักคุณ ผมดีใจซะอีก ถ้าผมต้องตาย และได้ตายพร้อมกับคุณ เมียรักของผม”
แพนน้ำตาไหล ซาบซึ้ง
“ฉันก็ดีใจที่ได้ตายเคียงข้างคุณค่ะ คุณคิ้ม”
มนชิตยืนมองสองคนคุยกันอยู่มุมหนึ่ง พร้อมกับเล้งและโอชิน
“รักเขาข้างเดียว มันเจ็บปวด อั๊วเข้าใจดี เพราะฉะนั้นอั๊วถึงไม่อยากให้ลื้อเป็นอย่างอั๊ว”
มนชิตมองหน้าเล้ง
“แล้วอั๊วควรทำยังไง”
“หนามหยอก ก็ต้องเอาหนามบ่งซิ”
มนชิตกระชับปืนแล้วเดินออกไป เล้งสบตากับโอชินเดินตามไป มนชิตถือปืนมามองหน้าแพนที่ถูกมัดอยู่ตรงต้นไม้
“เฮีย”
มนชิตเช็ดเลือดบนใบหน้าของแพนอย่างเบามือด้วยความรัก
“แกจะทำอะไร อย่าแตะต้องแพนนะ”
มนชิตยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วหันมาจ้องหน้าแพน
“แพน แพนเคยรักเฮียบ้างมั้ย”
“เราเป็นพี่น้องกันนะเฮีย ฉันมีความรัก ให้กับคนในครอบครัวของเราเสมอ”
“นั่นก็แสดงว่า แพนไม่เคยรักเฮียเลย”
“ใช่ เพราะคนรักของแพนคือฉัน ไม่ใช่แก”
“เฮียให้โอกาสแพนอีกครั้ง แพนรักเฮียหรือเปล่า”
“เฮีย คือพี่ชายของฉัน”
มนชิตน้ำตาไหล
“ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ย ลื้อคงตัดสินใจได้แล้วซินะ” เล้งพูดขึ้น
“พิสูจน์ให้นายใหญ่ได้เห็นซิคะ ว่าคุณมีคุณสมบัติพอที่จะก้าวขึ้นไปเป็นใหญ่ได้”
มนชิตจ่อปืนไปทางแพน คณินโวยวาย
“แกจะทำอะไร ไอ้มนชิต ถ้าแกฆ่าแพน ฉันฆ่าแกแน่”
“แกจะพบรักแท้ได้ง่ายๆ เพียงแค่แกได้ก้าวขึ้นเป็นใหญ่ คราวนี้จะไม่มีผู้หญิงหน้าไหน กล้าปฏิเสธแกอีกต่อไป”
เล้งเกลี้ยกล่อม มนชิตเอานิ้วสอดเข้าไปในไกปืน
“ไอ้มนชิต อย่านะเว้ย”
“ทำให้ฉันเห็นว่าแกแข็งแกร่งพอ”
มนชิตจะเหนี่ยวไก ทันใดนั้น หลินก็โผล่เข้ามา
“อย่านะอามนชิต”
“ม้า”
เล้งหันไปเห็น
“อาหลิน”
ลูกน้องจ่อปืนไปที่หลิน มนชิตรีบห้าม
“อย่ายิงนะ”
ทุกคนลดปืนลง หลินรีบรี่เข้ามาขวางมนชิตไว้ เป้งแอบตามหลินเข้ามา เห็นเหตุการณ์
“เสี่ยเล้ง อามนชิต”
เป้งรีบหลบเข้าหลังพุ่มไม้คอยดูเหตุการณ์ ในขณะที่หลินมองหน้ามนชิต
“อามนชิต กลับบ้านกับม้าเดี๋ยวนี้”
“ม้าพูดอะไร ถอยไปนะม้า”
“อั๊วไม่ถอย ถ้าลื้อจะฆ่าคน ลื้อต้องฆ่าอั๊วก่อน”
เล้งก้าวเข้ามาหาหลิน
“ลื้ออย่าขวางทางยิ่งใหญ่ของลูกซิอาหลิน”
“ทางยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยซากศพ คนเป็นแม่อย่างอั๊วไม่มีวันภูมิใจหรอก กลับบ้านเถอะอามนชิต อย่าทำผิดไปมากกว่านี้ ม้าขอร้อง”
“เดินหน้าแล้ว จะถอยหลังไม่ได้”
“เฮียเล้ง”
เล้งจ้องหน้าหลิน
“ลื้อนั่นแหละที่จะต้องกลับไป”
“อั๊วไม่กลับ จนกว่าอามนชิตจะกลับไปกับอั๊วด้วย”
“งั้นลื้อก็ยืนมองความสำเร็จของลูกลื้ออยู่ตรงนี้แหละ”
เล้งพยักหน้าให้ลูกน้องจับตัวหลินไว้ ลูกน้องเข้าล็อคตัวหลินทั้งสองข้าง หลินโวยวาย
“ปล่อยอั๊วนะ อามนชิต ลื้ออย่าทำนะ”
“อย่าลืมเป้าหมายในชีวิตของลื้อซิ ว่าลื้อต้องการอะไร ถ้าลื้อทำงานนี้สำเร็จ ลื้อจะได้เป็นใหญ่คุมสี่แก๊งปากน้ำโพแทนมัน และที่สำคัญ”
“อั๊วจะได้เจอกับพ่อแท้ๆ ของอั๊ว”
“ใช่ จะช้าอยู่ทำไม รีบจัดการซะ”
มนชิตเล็งปืนไปที่แพนอีกครั้ง โอชินเดินไปจับตัวแพนให้ตั้งตรงขึ้น คณินคลั่ง
“ไอ้มนชิต”
“ยิง”
เล้งตะโกน เป้งลุ้นระทึก
“อาแพน”
ซินแสง้วง กิตติ กริช มาถึงป่าทางเข้าโกดังริมน้ำ ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ทุกคนตกใจ
“เสียงปืน”
“คุณคิ้ม”
“แพน”
“มัวแต่รำพึงกันอยู่ได้ รีบเข้าซิ”
ซินแสง้วงเดินนำกริชกับกิตติไปทันที ทั้งสองรู้ตัวรีบสั่งลูกน้อง
“กระจายกำลังไปรอบๆ ระวังตัวให้ดีด้วย”
“ครับผม”
“พวกนายตามไปสมทบด้วย ที่เหลือตามฉันมา”
กริชกับกิตติรีบนำลูกน้องเข้าไปทันที
แพนหลับตาปี๋ ลูกน้องมนชิตคนหนึ่งทรุดลง ทุกคนตะลึง เพราะมนชิตไม่ได้ยิงแพน แต่ยิงลูกน้องแทน มนชิตทิ้งปืน ทรุดลงคุกเข่า
“อั๊วทำไม่ได้ อั๊วข้าลื้อไม่ได้ อาแพน”
“พระเอกไปหรือเปล่าวะ” คณินพึมพำ
เล้งโกรธมากเดินเข้าไปตบหน้ามนชิตอย่างแรง
“ลื้อมันไม่ได้เรื่อง ใจเสาะแบบนี้จะขึ้นเป็นใหญ่ได้ยังไง”
“ผมขอโทษครับเสี่ย แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ”
“ไม่ได้ ลื้อต้องทำ ฆ่ามันเดี๋ยวนี้ ลื้อไม่อยากเจอพ่อลื้อเหรอไง”
หลินทนไม่ได้โพล่งออกมา
“เลิกบังคับอามนชิตให้มืออีต้องเปื้อนเลือดซะที เฮียเป็นพ่อประเภทไหนกัน”
ทุกคนตกใจกับสิ่งที่หลินพูดออกมา
“พ่อ” คณินพึมพำ
ซินแสง้วง กิตติ กริช ชะงัก เพราะได้ยินสิ่งที่หลินพูดเช่นกัน กริชให้สัญญาณลูกน้องให้หยุด ทุกคนตั้งใจฟัง เป้งตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเช่นกัน มนชิตเงยหน้าขึ้น ไม่อยากจะเชื่อ
“ม้าพูดอะไร”
“ลื้ออยากเจอป๊าแท้ๆ ของลื้อมากไม่ใช่เหรอ นี่ไง อียืนอยู่ตรงหน้าลื้อนี่ไง”
มนชิตมองหน้าเล้ง
“ป๊าของอั๊ว เสี่ยเล้ง จริงเหรอครับ”
เล้งมองหน้ามนชิตนิ่ง หลินทนไม่ได้
“พูดความจริงออกมาซิ หรือเฮียจะหลอกใช้อีอย่างนี้ตลอดไป”
“ใช่ อั๊วคือป๊าของลื้อ”
มนชิตอึ้ง ไม่ต่างจากแพนและคณิน ซินแสง้วง กริช กิตติ อึ้งไปเช่นกัน
“จุดไต้ตำตอ” กิตติเปรย
“โชคชะตาเล่นตลกอีกแล้วซินะ” ซินแสง้วงพึมพำ
เป้งตกตะลึงเช่นกัน มนชิตน้ำตาไหล
“ทำไมม้าไม่บอกอั๊ว”
“ลูกที่เกิดมาเพราะความไม่ตั้งใจ ของผู้หญิงโรงน้ำชา กับหัวหน้าแก๊งมังกรดำ มันไม่ใช่เรื่องที่น่ารื้อฟื้นหรอกนะ”
“เสี่ยทอดทิ้งม้ากับอั๊วงั้นเหรอ”
“อั๊วไม่เคยทอดทิ้งลื้อ แม้อั๊วจะไม่เคยรักอาม้าของลื้อ แต่เมื่ออั๊วรู้ข่าวว่าลื้อเกิดมา อั๊วก็ส่งคนมาดูแลลื้อตลอด ไอ้ไท ไอ้คัง ไอ้เคนจิ และก็โอชินนี่ไง”
“แล้วก็ใช้ความฝันของอั๊ว หลอกใช้อั๊วใช่มั้ย”
“อั๊วไม่เคยหลอกใช้ลื้อ แต่อั๊วต้องการฝึกให้ลื้อแข็งแกร่ง เพื่อเป็นใหญ่ในวันข้างหน้า”
“แล้วก็ฝึกให้เลือดเย็นด้วยใช่มั้ย” คณินเย้ย
“หุบปาก ในเมื่อลื้อรู้แล้ว ว่าลื้อคือลูกของอั๊ว เสี่ยเล้งแห่งแก๊งมังกรดำ ลื้อก็ต้องพิสูจน์ให้อั๊วเห็นว่า เลือดของอั๊วในตัวลื้อมันยังข้นอยู่ โอชิน”
“คะนายใหญ่”
“เอาตัวนังนี่ไป อั๊วจะให้อามนชิตเผาอีทั้งเป็นให้อั๊วดู”
“ค่ะ นายใหญ่”
โอชินแก้มัดแพน แล้วลากตัวไปที่สันดอนกลางลำน้ำ คณินโวยวาย
“เฮ้ย จะเผาแพนเลยเหรอ โหดไปหรือเปล่า ปล่อยแพนนะเว้ย”
“โหดหรือไม่โหดลื้อก็จะโดนเหมือนกัน”
เล้งเดินนำไป มนชิตเดินตาม หลินตะโกนลั่น
“อย่าทำนะอามนชิต ม้าขอร้อง อย่านะ”
หลินตะโกนตามไปแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะโดนลูกน้องมนชิตจับตัวไว้ คณินเป็นห่วงแพนจับใจ
เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
โอชินลากแพนมากลางแจ้ง ลูกน้องเข้ามาช่วยมัดแพนไว้กับเสาไม้ไผ่
มนชิตยืนมองนิ่งๆ เหมือนคนไร้สติ คณินพยายามดิ้น
“ปล่อยอั๊วนะเว้ย ปล่อย”
“เงียบ ดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ ตายอยากสงบดีกว่านะ”
“แกซิตาย”
กิตติซัดเข้ากราม ลูกน้องมนชิตสลบทันที ลูกน้องที่เหลือไหวตัวแต่ไม่ทัน เพราะกริชกับลูกน้องเข้าซัดอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบจนลูกน้องที่อยู่ตรงนั้นหมดสติ กิตติเข้าช่วยแก้มัดคณิน
“คุณคิ้ม”
“เฮียเป็นไงบ้าง” กริชถาม
“กินยาพิษไปแล้ว แต่ยังไม่ตาย”
“งั้นไปหาซินแสง้วงก่อนนะครับ ซินแสง้วงปรุงยาถอนพิษได้แล้ว ตอนนี้ผมให้ซินแสซ่อนอยู่ในที่ปลอดภัย” กิตติบอก
“ไม่ ฉันจะไปช่วยแพนก่อน”
คณินรีบวิ่งไปทันที
“คุณคิ้ม ช่วยด้วยนะ อย่าให้อามนชิตอีทำผิดนะคุณคิ้ม”
หลินตะโกน กริชจะวิ่งตามคณินไป แต่กิตติกลับวิ่งไปอีกทาง
“นายจะไปไหน”
“ฝากทางนี้กับคุณกริชไว้สักครู่นะครับ ผมจะไปรวบรวมพล ผมว่างานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด อ้อ”
กิตติคิดออก หยิบปืนเส็งที่มอบให้คณินออกมาจากเอวแล้วยื่นให้กริช
“ฝากปืนของเถ้าแก่ให้คุณคิ้มด้วย เผื่อจำเป็น”
“ได้”
กิตติออกไปทันที
ที่สันดอนกลางน้ำ ลังระเบิดหลายลังวางลงบริเวณรอบๆ เสาไม้ไผ่ที่มัดแพนอยู่ โอชินจุดคบเพลิง
“อั๊วรู้ว่าลื้อรักอีมาก อั๊วเลยเปลี่ยนจากฟางมาเป็นระเบิด ให้คนที่ลื้อรักไม่ต้องทรมาน”
เล้งบอกกกับมนชิต โอชินส่งคบเพลิงให้มนชิต คณินวิ่งเข้ามา
“ไอ้มนชิต อย่านะ”
คณินจะพุ่งเข้าหามนชิต โอชินเข้าขวาง ทั้งสองต่อสู้กัน ยาพิษในตัวคณินกำเริบขึ้น เขาทรุดฮวบ พลาดท่าให้โอชิน โอชินเอามีดจ่อคอคณิน เล้งหัวเราะสะใจ
“ยาพิษในตัวลื้อเริ่มออกฤทธิ์แล้วซินะ ทนดูเมียลื้อตายก่อนนะ แล้วลื้อค่อยตายตามเมีย”
“ไอ้สารเลว”
“ขอบคุณที่ชม รีบจัดการเร็วเข้าอามนชิต ลื้อจะได้เรียกอั๊วว่า ป๊า ได้เต็มปากซะที”
มนชิตจ้องหน้าแพนที่ซีดเผือด เพราะเลือดออกมาก แพนสิ้นเรี่ยวแรง มนชิตถือคบเพลิง ก้าวเข้าไปใกล้ลังระเบิด ทุกคนลุ้นระทึก มนชิตจ้องหน้าแพน
“มันผิดที่ลื้อไม่ยอมรักเฮียตั้งแต่ต้น ลื้อจะโทษเฮียไม่ได้”
แพนมองหน้ามนชิตนิ่ง
“ร้องขอชีวิตเฮียซิ แล้วเฮียจะช่วยลื้อ”
“ฆ่า อั๊ว ซะ”
มนชิตยิ่งเจ็บใจ
“ลื้อบังคับเฮียเองนะ”
มนชิตจะวางคบเพลิงลงบนกองระเบิด ทันใดนั้น เป้งก็วิ่งเข้ามา
“อย่านะ”
มนชิตชะงัก
“ป๊า”
“อย่าทำอาแพนเลยนะ ป๊าขอร้อง”
“มันไม่ใช่ป๊าลื้อ อั๊วต่างหากที่เป็นป๊าลื้อ”
“ถึงอั๊วจะไม่ใช่ป๊าแท้ๆ ของลื้อ แต่อั๊วก็รักลื้อเหมือนลูกในไส้ ชีวิตอั๊วมีลื้อ มีอาแพน มีอามนสิ เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจ ลื้อสามคนเป็นพี่น้องกัน อย่าฆ่ากันเองเลยนะ”
มนชิตอึ้งสับสน เป้งคุกเข่าลง
“อั๊วคุกเข่า ขอร้องลื้อ ขอร้องเสี่ยเล้ง อย่าทำร้ายกันอีกเลยนะ อาแพนไม่รู้เรื่องอะไรด้วย อาแพนไม่ผิด ถ้าอยากฆ่า อั๊วเป็นพ่ออี ฆ่าอั๊วแทนเถอะ”
“อาป๊า” แพนตกใจ
“ฆ่าอั๊วเถอะ ฆ่าอั๊วเลยทุกอย่างจะได้จบ”
หลินเข้ามา
“อามนชิต ลื้อจะทำอะไรป๊าลื้อไม่ได้นะ”
เล้งยั้ว “พวกลื้อหุบปากซะที”
“โธ่เว้ย ทำไมทุกคนต้องกดดันอั๊วด้วย ทำไม”
มนชิตสับสน ทิ้งคบเพลิง แล้ววิ่งหนีไปทันที เล้งโกรธ
“ไอ้คนใจเสาะ ไอ้คนขี้ขลาด แกไม่ควรเกิดมาเป็นลูกฉัน ได้ ถ้าแกไม่ทำ ฉันทำเอง”
เล้งหยิบคบเพลิงขึ้นมา จะวางลงบนกองระเบิด ทันใดนั้น ก็มีกระสุนพุ่งมากระแทกเข้าที่คบเพลิง ทำให้คบเพลิงตกจากมือเล้ง เล้งหันขวับมามอง เห็นกริชกับลูกน้องถือปืนจ่อ คณินยิ้มดีใจ
“ไอ้น้องกริช”
“เฮีย”
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้หน้าจืดหัวแก๊งกวางสวรรค์นี่เอง”
“ปล่อยทุกคนไปเถอะเสี่ยเล้ง เลิกคิดชั่ว ทำชั่วซะที”
“เด็กเมื่อวานซืนอย่างแก กล้าสอนฉันด้วยเหรอ”
เล้งควักปืนออกมายิงใส่กริชทันที กริชกระโดดหลบ ลูกน้องของกริชกับลูกน้องมนชิตต่างสาดกระสุนใส่กัน
“อามนชิต อามนชิต”
หลินรีบวิ่งออกไปอีกทาง คณินฉวยจังหวะที่โอชินเผลอ ผลักโอชินจนเซล้ม แล้วจะพุ่งไปหาแพน
“เฮียคิ้ม”
คณินหันไป กริชโยนปืนของเส็งให้
“ขอบใจ”
เป้งฉวยโอกาสนั้นรีบแก้มัดแพนทันที
“อาแพน ป๊ามาช่วยลื้อแล้ว ป๊ามาแล้ว”
แพนมองหน้าเป้ง ซึ้งใจ รู้ว่าพ่อรักและห่วงเธอเหมือนกัน
“ป๊า”
“ลื้อไม่ต้องพูดอะไรนะอาแพน หนีไปได้ ป๊าจะพาลื้อไปหาหมอ”
คณินพุ่งเข้ามาจะช่วยแพน เล้งเห็นก็ยิงสกัดไว้ คณินหลบ อาการกำเริบ แต่เขาไม่ยอมแพ้ ยิงสู้กลับไปจนเล้งต้องหลบ เป้งไม่รู้จะทำอย่างไรต้องกดตัวแพนให้หมอบแล้วเอาตัวเองบัง คณินเป็นห่วงแพนมาก
มนชิตวิ่งร้องไห้มาตามทาง เจ็บปวดและสับสนอย่างหนัก
“ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทำไม”
จังหวะนั้น เทียนถือปืนวิ่งเข้ามาพร้อมลูกน้องในแก๊ง
“เจ็บปวดเป็นเหมือนกันเหรอไอ้ฆาตกร”
“ไอ้เทียน”
“ลื้อฆ่าป๊าอั๊ว”
เก๋อก้าวเข้ามาเล็งปืนด้านหลังมนชิต
“แล้วลื้อก็ฆ่าน้องชายอั๊วด้วย”
“วันนี้ลื้อต้องชดใช้”
เทียนกับเก๋อเหนียวไก มนชิตอึ้ง หลินวิ่งเข้ามากรีดร้อง
“อย่านะ อย่ายิงลูกอั๊ว”
ทุกคนชะงัก หันมองหลิน มนชิตฉวยจังหวะนั้นเตะเทียนและเก๋อกระเด็น ยิงปืนสะกัดไว้แล้ววิ่งหนีไปทันที เทียนกับเก๋อรีบตามไป หลินเป็นห่วงมนชิตมาก
เล้งกับคณินยังคงสาดกระสุนใส่กัน โอชินฟาดฟันกับลูกน้องของกริช ไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดจะเพลี่ยงพล้ำ เป้งยังคงกอดแพนไว้ แล้วเอาตัวเองเป็นที่กำบัง กริชคอยช่วยยิงอีกแรง จังหวะนั้น กิตติก็วิ่งเข้ามาสมทบ
“คุณคิ้ม กิตติมาแล้ว”
“แกไปไหนมา”
“ไปหาพวกมาครับ มาอีกเยอะเลย”
กิตติมองไปข้างหลัง เห็นลูกน้องของแก๊งพังพอน และกระต่ายป่า โผล่มาพร้อมอาวุธครบมือ เล้งตกใจ
“ดี ยิงสะกัดไว้ ฉันจะไปช่วยแพนกับป๊า”
“ครับ”
กิตติกับลูกน้องทั้งสี่แก๊งช่วยกันยิงสกัด จนลูกน้องมนชิตร่วงไปหลายคน คณินเข้าไปถึงตัวแพนและเป้ง
“คุณคิ้ม”
“ผมมาแล้วป๊า แพน คุณจะปลอดภัย ผมสัญญา”
คณินอุ้มแพนจะพาออกไป เล้งเห็นเข้า เกิดความคั่งแค้น
“ไอ้คณิน แกไม่รอดง่ายๆ หรอก”
เล้งหยิบคบเพลิงที่ยังคงลุกโชนอยู่ ขว้างเข้าไปในลังระเบิดที่อยู่ใกล้กับกลุ่มของคณิน
จังหวะนั้น กิตติเห็นพอดีก็ตะโกน
“คุณคิ้ม ระวัง”
คณินหันมาเห็น รีบผลักเป้งให้พ้นวิถีระเบิด ส่วนตัวเองซึ่งอุ้มแพนก็กระโจนไปอีกทางได้ทัน ก่อนที่คบเพลิงจะถึงลังระเบิด และระเบิดขึ้นตามมาจนทุกอย่างกระเด็น ไฟไหม้ ทุกคนหมอบหลบแทบไม่ทัน เล้งมองผลงานตัวเอง แล้วรีบคว้าปืนวิ่งหนีไป โดยมีโอชินตามไปด้วย คณินเห็นแค้นจัด
“แพน ป๊า เป็นอะไรมั้ย”
“อั๊วไม่เป็นไร”
กริชวิ่งเข้ามา
“เฮีย เป็นอะไรมั้ย”
“ไม่เป็นไร นายรีบพาแพนกับอาป๊าไปหาซินแสง้วง ไปอยู่ในที่ปลอดภัยซะ เร็วเข้า”
“แล้วเฮียจะไปไหน”
“ไปล้างแค้น”
คณินกัดฟันฝืนความเจ็บปวดกระชับปืน วิ่งตามเล้งไป
มนชิตวิ่งหนีมาตามทางในป่า เจอกับเล้งซึ่งวิ่งมาพร้อมกับโอชิน
“เสี่ยเล้ง”
“ไอ้ขี้ขลาด แกหายหัวไปไหนมา”
“อั๊วสับสน มันกดดันไปหมด”
“อั๊วไม่มีเวลามาฟังลื้อพล่ามแล้ว เราต้องหนี”
“หนีไปไหน”
“ไม่ต้องถามมาก มากับอั๊ว”
เล้งคว้ามือมนชิตวิ่งไปอีกทาง เทียนกับเก๋อตามมาทัน
“จะหนีไปไหนหาไอ้มนชิต”
เทียนกับเก๋อสาดกระสุนใส่มนชิตกับเล้ง เล้งไวมาก คว้าตัวโอชินมาเป็นที่กำบัง โอชินไม่ทันตั้งตัว รับกระสุนแทนเล้งกับมนชิต เล้งทิ้งร่างโอชินลงแล้ววิ่งหนีต่อไป มนชิตวิ่งตาม โอชินเจ็บปวด เลือดนอง
กริชอุ้มแพนมาหาซินแสง้วงโดยมีเป้งตามมาด้วย
“ซินแส”
“มาแล้วเหรอ”
“รีบให้อาแพนกินยาเร็วเข้า” เป้งบอก
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ วางนอนลง แล้วประคองอีไว้”
ซินแสค่อยๆ ป้อนยาแพน ทุกคนลุ้นระทึก
“หวังว่าจะได้ผลนะ”
“ต้องได้ผลซิซินแส ลูกอั๊วต้องไม่เป็นไร อาแพนต้องไม่เป็นไร”
เป้งกอดแพนแน่น กริชมองสะเทือนใจ ทันใดนั้น หลินก็เข้ามาพร้อมลูกน้องของกริชสองคน
“เฮีย”
“อาหลิน”
“เฮีย ช่วยอามนชิตด้วย อีถูกอาเทียนกับเฮียเก๋อไล่ฆ่า คนพวกนั้นจะแก้แค้นอีที่อีไปฆ่าคนไว้ เฮีย ช่วยลูกด้วยนะเฮีย”
“ไม่ต้องห่วง อั๊วจะไม่ยอมให้อามนชิตเป็นอะไร ฝากดูอาแพนด้วยนะอั๊วจะออกไปตามอีเอง”
“อั๊วไปด้วยอาเจ็ก ดูแลที่นี่ไว้ให้ดี อย่าให้ใครเป็นอะไรเด็ดขาด”
กริชกับเป้งรีบออกไป หลินมองตามร้องไห้ ซินแสง้วงหนักใจ แพนยังคงไม่ได้สติ
เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
มนชิตกับเล้งวิ่งหนีกันมาจนถึงบริเวณที่มีแพจอดอยู่
“ขึ้นไป”
“แพลำแค่นี้ เราจะหนีรอดเหรอ”
“คนอย่างอั๊ว ถ้าอั๊วไม่ยอมตาย ยังไงก็ต้องรอด”
คณินวิ่งเข้ามาพร้อมกับกิตติ
“แต่คราวนี้ดูท่าจะยาก เพราะอั๊วจะไม่ยอมปล่อยให้ลื้อรอดไปอีก”
“หนังเหนียวจริงๆ นะไอ้คิ้ม ทนพิษของยาได้นานดี”
“คนดี ไม่ตายง่ายๆ หรอกเว้ย” กิตติเย้ย
กริชกับเป้งวิ่งเข้ามา
“อามนชิต”
“ป๊า”
“กลับตัวกลับใจซะนะ ถ้าไม่เห็นแก่ป๊า ก็เห็นแก่ม้าของลื้อเถอะ อีเป็นห่วงลื้อมาก อย่าทำให้อีเสียใจไปมากกว่านี้เลยนะ”
มนชิตอึกอักเริ่มลังเล
“สายไปแล้ว อามนชิตเป็นลูกอั๊ว อั๊วเท่านั้นที่มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายให้อี ไม่ใช่ลื้ออีกต่อไป”
โอชินตามเข้ามา
“นายใหญ่พูดเหมือนรักลูกมาก ก็ไม่น่าจะทิ้งขว้างลูกไว้ตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกเลยนะคะ”
เล้งกับมนชิตหันไป เห็นโอชินลากร่างที่เต็มไปด้วยเลือดตามมา
“ตกใจทำไม ฉันก็เหมือนนายใหญ่นั่นแหละ ถ้าฉันไม่ยอมตาย ก็อย่ามายัดเยียดความตายให้ฉัน นี่น่ะเหรอสิ่งที่นายใหญ่ตอบแทนความซื่อสัตย์ของลูกน้องผู้ภักดี”
“แล้วเธอต้องการอะไร”
“ก็ชีวิตของสองพ่อลูกจอมทรยศไง”
โอชินเหนียวไก เล็งเห็นก็หลบวืดผลักมนชิตออกไปรับกระสุน เป้งเห็นรีบโผเข้าป้องกันมนชิต กระสุนทะลุหลังเป้งไปสองนัดซ้อน ทุกคนตกตะลึง
“ป๊า”
มนชิตทรุดลงประคองเป้งไว้
“ป๊า ป๊าต้องไม่เป็นไรนะป๊า”
“อั๊วรักลื้อนะอามนชิต ลื้อคือลูกชายของอั๊ว ลูกชายคนเดียวของอั๊ว”
เป้งสิ้นลม มนชิตช็อค
“ไม่ ป๊า ป๊า”
โอชินเจ็บใจ
“ไอ้แก่เอ๊ย รักลูกนอกไส้มากกว่าชีวิตตัวเอง โง่จริงๆๆ”
โอชินจะเหนี่ยวไกอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้น โอชินตาเหลือกทรุดลง เทียนกับเก๋อตามเข้ามา
“พวกเรามาช่วยแล้ว”
“วันนี้เราจะจัดการคนชั่วอย่างเสี่ยเล้งกับไอ้มนชิตให้ได้”
“อั๊วด้วย”
กริชเข้ามา คณินมองยิ้มขอบคุณ คณิน กริช เทียน เก๋อ จ่อปืนไปที่เล้ง เล้งมองเริ่มจวนตัว
“สี่แก๊งปากน้ำโพ ผนึกกำลังกันไม่ต่างจากหมาหมู่เลยนะ”
“ก็ยังดีกว่าหมาลอบกัดอย่างเสี่ย” คณินโต้
“แต่ลื้อก็น่าจะรู้ ว่าหมาอย่างอั๊วไม่เคยจนตรอก”
เล้งคว้าตัวมนชิตขึ้นมาเป็นเกราะกำบัง เอาปืนจี้ไว้
“ถ้าพวกลื้อก้าวเข้ามา อั๊วจะฆ่าอีซะ”
“แม้กระทั่งลูกในไส้ของตัวเองยังไม่เว้น ลื้อมันไม่ใช่คนแล้ว” คณินประณาม
“หุบปาก เด็กเมื่อวานซืนอย่างลื้อ ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนอั๊ว อย่าเข้ามานะ”
เล้งเอาปืนจ่อมนชิต แล้วลากตัวหายขึ้นไปบนแพ พวกคณินยังคงจับตาอยู่ข้างนอก ไม่ลดละ
แพนลืมตาขึ้นแล้วตะโกนลั่น ขณะนอนบนเตียงในห้องนอนบ้านคณิน
“พ่อ”
วิภาดาจับมือแพนไว้แน่น ซกเค็งนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ซ้อฟื้นแล้ว ซ้อปลอดภัยแล้ว”
“พ่อ คิ้ม พวกเขาเป็นไงบ้างคะ”
“ไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้น ตอนนี้พ่อของหนูอยู่โรงพยาบาล ส่วนอาคิ้มอี”
“เขาโดนยิง เขาเป็นยังไงบ้างคะ เขาอยู่ไหนคะ เขาอยู่ไหน”
แพนสลบลงอีกครั้ง วิภาดากับซกเค็งช่วยกันเช็ดเนื้อเช็ดตัวและดูแลต่อ เส็งและซินแสง้วงยืนดูจากมุมห้อง
“เมื่อผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว จะมีคนตายอย่างแน่นอน”
“ต้องเป็นมัน มันเท่านั้น ไอ้เล้ง”
“สิ้นมังกรดำ แต่”
“แต่อะไรซินแส”
“แต่ ไม่มีอะไร”
เส็งงง
เล้งจี้ปืนที่หัวมนชิตลากขึ้นมาบนแพ
“ยังไงอั๊วจะต้องรอด อั๊วไม่มีวันยอมตายด้วยน้ำมือเด็กเมื่อวานซืนพวกนั้นแน่ ลื้อต้องช่วยอั๊ว”
“เสี่ยเคยรักอั๊วบ้างมั้ย”
“ลื้อมาถามอะไรตอนนี้”
“อั๊วอยากรู้ ตอบอั๊วมาก่อน ว่าเสี่ยเคยรักลูกคนนี้บ้างมั้ย”
“ลูกก็คือลูก”
“อั๊วถามว่ารักบ้างมั้ย หรือว่าเสี่ยรักตัวเองมากกว่า”
เล้งอึ้งไป
“ไม่ตอบ แสดงว่าสิ่งที่อั๊วพูดเป็นความจริง เพราะเสี่ยไม่เคยรักอาม้าของอั๊ว เสี่ยก็เลยไม่เคยรักลูกอย่างอั๊ว ที่เสี่ยเลี้ยงดูอั๊ว คอยส่งเสริมอั๊ว มันก็แค่เรื่องโกหก เพื่อหลอกใช้อั๊วไปวันๆ เท่านั้น ใช่มั้ย”
“ใช่ แล้วจะทำไม อั๊วจะรักลื้อหรือไม่รัก อั๊วก็คือป๊าของลื้อ เป็นคนทำให้ลื้อเกิดมาลืมตาดูโลกได้ บุญคุณแค่นี้ก็ท่วมหัว จนลื้อชดใช้อั๊วไม่หมดแล้ว กะอีแค่ทำงานให้อั๊ว มันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไรหนักหนาหรอก มันเป็นหน้าที่ของลูกกตัญญูที่จะต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อยู่แล้ว”
“ใช่ อั๊วต้องตอบแทนบุญคุณ”
มนชิตคุกเข่าลงตรงหน้าเล้ง
คณินและหัวหน้าแก๊งอีกสามแก๊ง รวมถึงลูกน้องยังคงตรึงกำลัง ไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตา คณินหน้าเริ่มซีด เลือดเริ่มออกจากปาก เซ แต่พยายามทรงตัวไว้ กิตติเห็น ตกใจ
“คุณคิ้ม เลือดออกใหญ่แล้ว คุณคิ้มรีบกลับไปหาซินแสง้วงเถอะครับ”
“ใช่เฮีย รีบกลับไปรักษาตัวก่อนเถอะ ทางนี้พวกเราจัดการเอง”
“ไม่ อั๊วจะไม่ยอมไปไหน จนกว่าจะจัดการกับไอ้เสี่ยเล้งจอมบงการให้สำเร็จ”
คณินเช็ดเลือดตัวเองออก พยายามตั้งสติให้มั่น
มนชิตยังคงคุกเข่าตรงหน้าเล้ง
“ลื้อจะทำอะไร เวลานี้เราต้องหนีเท่านั้นนะ”
“สิ่งที่อั๊วใฝ่ฝันที่อยากจะได้มาตลอดชีวิต นอกจากอำนาจ ลาภยศ ก็คือ ได้เห็นหน้าป๊าแท้ๆของอั๊ว และวันนี้ฝันของอั๊วก็เป็นจริงแล้ว อั๊วขอเรียกเสี่ยว่า ป๊า สักครั้งได้มั้ย”
“ก็เรียกซิ”
“อาป๊า”
มนชิตเอาหัวโขกพื้นตรงเท้าเล้งเป็นการคำนับ
“และในฐานะลูกอั๊วมีหน้าที่ต้องตอบแทนบุญคุณป๊า ม้า แม้ป๊าจะไม่เคยรักอั๊วเลยก็ตาม”
มนชิตเอาปืนขึ้นจ่อขมับตัวเอง
“ลื้อจะทำอะไร”
“หนีไปซะ นี่คงเป็นสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายที่อั๊วจะตอบแทนบุญคุณป๊าได้ และตอบแทนพระคุณเสี่ยเป้ง ป๊าที่เลี้ยงอั๊วมาตั้งแต่เล็กจนโต ชีวิตทดแทนด้วยชีวิต”
มนชิตลั่นไกปืน เลือดกระเด็นเข้าหน้าเล้งจนเปื้อนไปหมด แล้วเขาก็ล้มลงกับพื้น พวกคณินสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปืน ทุกคนมองหน้ากันแล้วรีบวิ่งไปในแพ เห็นเพียงศพมนชิตจมกองเลือดอยู่
“ซี้แหงแก๋เลยครับ” กิตติบอก
“แล้วไอ้เสี่ยเล้ง มันหายไปไหน” เทียนท้วง
คณินหันขวับไปกลางแม่น้ำ เห็นเล้งกำลังพยายามถ่อแพออกไป
“คิดจะหนีไปได้ง่ายๆ เหรอไอ้เสี่ยชั่ว”
คณินกัดฟันฝืนความเจ็บปวดกระโจนออกจากแพไปทันที
“คุณคิ้ม” กิตติตกใจ
คณินวิ่งลุยแม่น้ำตรงไปหาแพที่เล้งกำลังถ่ออย่างเต็มกำลัง
“ไอ้เล้ง แกหนีฉันไม่พ้นหรอก”
“พ้นไม่พ้น เดี๋ยวก็รู้”
เล้งยิงปืนใส่คณินทันที คณินหลบพัลวัน แต่ก็โดนเข้าไปที่แขนหนึ่งนัด ปืนของเส็งที่คณินถือมาตกลงไปในน้ำ
กิตติ กริช เทียน เก๋อ ช่วยกันยิงสกัดเล้งไว้ ทำให้เล้งต้องหมอบหลบเช่นกัน เล้งพยามยามเงยหน้าขึ้นยิงตอบ จนกระสุนหมด
“กระสุนเกลี้ยงแล้วใช่มั้ย ไอ้ชั่ว”
คณินกระโจนขึ้นไปบนแพต่อสู้กับเล้งทันที เล้งได้เปรียบกว่า เพราะคณินเจ็บปวดเพราะยาพิษ แต่ก็กัดฟันสู้ เล้งใช้ไม้ถ่อแพ ตีคณินจนตกน้ำ คณินเงยหน้าขึ้นจากน้ำ เห็นเล้งถ่อแพไกลออกไปเรื่อยๆ
“อั๊วจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนี้ อั๊วไม่ยอม”
จังหวะนั้นเอง มือของคณินก็คลำไปเจอปืนของเส็งที่หล่นอยู่ในน้ำ เขาหยิบขึ้นมามองปืนในมือ
นึกถึงตอนที่เส็งส่งปืนให้เขาเพื่อปกป้องครอบครัว
“ถึงเวลาแล้วที่อั๊วจะใช้มันเพื่อปกป้องคนที่อั๊วรักทุกคน”
คณินกัดฟันเล็งปืนไปที่เล้งซึ่งกำลังถ่อแพไกลออกไปเรื่อยๆ
“ป๊า ช่วยอั๊วด้วยนะ”
คณินเหนียวไกปืน กระสุนพุ่งเข้าตรงกลางอกเล้งอย่างแม่นยำ เล้งกระเด็นตกจากแพทันที
“จบซะที”
คณินกระอักเลือด แล้วหมดสติไป ทุกคนบนตลิ่งตกใจ กิตติรีบพุ่งเข้าไปหาทันที
“คุณคิ้ม”
กลางคืน ซินแสง้วงช่วยชีวิตคณินอย่างสุดกำลัง เอายาถอนพิษให้กิน ทำแผลถูกยิงให้ โดยคณินยังคงไม่ได้สติ
ตอนเช้า หลินกับมนสิชานั่งมองดูรูปของเป้งกับมนชิตที่อยู่บนแท่นบูชา
สองแม่ลูกร้องไห้อย่างหนัก เสียใจ และเจ็บปวด กิตติเข้ามายื่นโฉนดบ้านให้หลิน
“คุณแพนฝากให้ครับ”
มนสิชาจ้องกิตติไม่วางตา
“ขอบใจนะ ฉันจะรักษาบ้านหลังนี้ให้ดีที่สุด เผื่อว่าอามนชิตอียังไม่ตาย อีจะได้กลับมาที่บ้าน”
“เฮียจะกล้ากลับมาหรือม้า ก่อเรื่องไว้ซะขนาดนั้น เจ้แพนให้อภัยก็บุญโขแล้ว”
“ถ้าอีกลับมา อั๊วจะจับอีส่งตำรวจเอง อยู่ในคุก อย่างน้อย อั๊วก็ได้รู้ว่าอียังอยู่ ไม่ได้ตายจากกัน”
หลินเดินร้องไห้กลับเข้าบ้าน
“ม้า”
มนสิชามองแม่ด้วยความไม่สบายใจ จะตามไปปลอบ
“เดี๋ยว”
มนสิชาชะงัก หันกลับมามองกิตติ
“จะด่าอะไรอีกล่ะ”
“วันนี้คุณแต่งตัวสวยดี”
“ฉันก็สวยของฉันทุกวัน”
“ถ้ามีอะไรขาดเหลือ ก็บอกได้ ผมจะจัดการให้”
“ทำไมดีจัง”
กิตติจะอ้าปากบอก มนสิชาแย่งพูด
“คุณแพนสั่ง ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องหรอก ไอ้ที่เหลืออยู่เนี่ย ก็ดีถมเถแล้ว นายกลับไปรับใช้เจ้านายเถอะ”
กิตติจะไป มนสิชาจะเดินเข้าบ้าน แต่กลับเรียกไว้
“เดี๋ยว”
กิตติหันกลับมา
“ฝากบอกเจ้แพนด้วยว่า ฉันจะพยายามเป็นน้องที่ดีให้ได้”
กิตติยิ้ม
“แล้วจะเป็นผู้หญิงที่ดีด้วย”
กิตติพยักหน้าแล้วเดินจากไป มนสิชายิ้ม เดินกลับเข้าบ้านอย่างสบายใจ
คณินกับแพนเดินคู่กันมา โดยมีลูกน้องเดินตามหลัง
“สบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ อย่างน้อยดวงวิญญาณของป๊าก็คงหายห่วง”
“ป่านนี้ป๊าคุณคงนั่งยิ้มอยู่บนสวรรค์แล้ว”
แพนเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
“ป๊ากับแม่ของฉัน คงได้เจอกันแล้วซินะ”
แพนยิ้มทั้งน้ำตา คณินโอบกอดหญิงสาวไว้ด้วยความรัก
บุ๊งกับลูกน้องจำนวนหนึ่งเข้ามาในรั้วบ้านของคณิน ขณะที่คนของคณินนับสิบก็กรูออกมา เตรียมรับมือ
“ไหน พี่เส็ง ออกมาคุยกันหน่อยซิ”
กริชวิ่งตามมาจนถึงตัวบุ๊ง
“ป๊า กลับเถอะน่า เดี๋ยวเจอข้อหาบุกรุกหรอก”
“ไม่ อั๊วไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
เส็งเข็นรถออกมา ตามด้วยซกเค็งและวิภาดา
“อ้าวๆ หมาที่ไหนมาเห่าแถวนี้วะ เสียงดังน่ารำคาญ หนวกหูเว้ย”
“พี่เส็ง พี่มีสิทธิ์อะไรมาไล่อั๊วออกจากที่นี่”
“ลื้อไม่ได้คุยกับลูกชายลื้อเรอะ”
“ใช่ ถึงอั๊วจะทำเรื่องไม่ดีกับพี่ แต่มันก็สมควรไม่ใช่เหรอ อั๊วก็แค่เอาคืนที่พี่เคยทำกับอั๊วไว้”
“อั๊วไปทำอะไรลื้อตั้งแต่ชาติปางไหน”
“ไม่ต้องชาติไหน ก็ชาตินี้แหละ พี่คงจำไม่ได้ล่ะสิ ว่าเคยถีบใครลงเรือ”
“ถีบ”
“ใช่ พี่ถีบอั๊วลงจากเรือ ทำให้อั๊วเกือบตาย พี่ไม่คิดจะชดใช้ความผิดหน่อยเรอะ”
เส็งหัวเราะจนน้ำตาไหล
“นี่ที่ลื้อคอยหาเรื่องอั๊วมาตลอด เพราะเรื่องนี้เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ พี่เกือบทำให้อั๊วไม่ได้มาแผ่นดินนี้ แล้วมันสมควรมั้ยล่ะ ที่อั๊วจะเกลียดและทำทุกอย่างเพื่อให้พี่ล่มจม”
“ลื้อเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิด อั๊วเห็นเต็มตา ว่ามันเป็นตีนของพี่”
“ตีนอั๊วก็จริง แต่ที่อั๊วถีบลื้อ เพราะต้องการจะช่วยชีวิตลื้อไว้เท่านั้น”
“ช่วยชีวิต ซี้ซั้ว พี่คิดจะฆ่าอั๊วชัดๆ”
"อั๊วช่วยชีวิตลื้อไว้ ก่อนที่ลื้อจะตายเพราะมีดบินของมัน ถ้าลื้อไม่เชื่อ ไปที่เยาวราช"
"มีพี่น้องมากมายที่พร้อมจะเป็นพยานให้อั๊ว"
เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
บุ๊งอึ้ง ไม่คิดจะตอบโต้อีกแล้ว
“อาบุ๊ง ลื้อยังอยากเป็นหัวหน้าแก๊งอยู่มั้ย”
บุ๊งชะงัก ก่อนหันกลับมามองเส็งด้วยความแปลกใจ
“พี่พูดอะไร”
“ถ้าลื้อยังอยากเป็นอยู่ ก็จงอยู่ที่นี่ต่อ แล้วทำทุกอย่างเพื่อแย่งตำแหน่งนั้นจากลูกชายอั๊ว”
“ได้ อั๊วจะอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อสักวันจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเหยี่ยวแดง”
“อย่าทำให้อั๊วผิดหวังล่ะ”
เส็งกับบุ๊งมองหน้ากัน กริชกับวิภาดาแอบยิ้มให้กัน เพราะคิดว่าสถานการณ์ของสองครอบครัวเริ่มคลี่คลายแล้ว
ซินแสง้วงจัดของใส่ย่ามเรียบร้อยเดินออกมาจากศาลเจ้า บอกกับแพนและคณิน
“อั๊วต้องกลับแล้ว”
“อยู่ที่นี่อีกหน่อยไม่ได้หรือคะ”
“ห้ามฝนไม่ให้ตก ห้ามแดดไม่ให้ออก ยังง่ายกว่าห้ามซินแส”
“ดวงลื้อนี่นะ มีศัตรูตลอดชีวิต”
“อ้าว ทำไมแช่งกันอย่างนั้นซินแส”
“อั๊วไม่ได้แช่ง แค่จะเตือน”
“จริงหรือคะซินแส แล้วจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอีกรึเปล่าคะ”
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
“หมายถึง ลูกผมใช่มั้ย ผมกำลังจะมีลูกใช่มั้ยครับ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“คุณคิ้ม ซินแสคะ เรื่องร้ายที่ว่ามีทางแก้ยังไงบ้างคะ”
“แก้ผ้าไงจ๊ะเมียจ๋า แค่นี้ไม่ยาก”
แพนมองคณินตาขวาง คณินจึงหยุด ซินแสง้วงหัวเราะชอบใจ
“ทางแก้ก็คือ อาแพน ลื้อคือทางแก้ของชีวิตอาคิ้ม ทำให้อีรู้ว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ”
“อ้าวซินแส พูดอย่างนี้ได้ไง แค่นี้ก็ยากสุดๆ ละ กลับมาก่อน”
ซินแสง้วงเดินหัวเราะเยาะออกไป แพนมองคณินอย่างใช้ความคิด
“ใช่ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ”
“อย่าทำตามซินแสบอกเด็ดขาด เชื่อผม แล้วจะดีเอง”
กริชปีนต้นไม้ที่อยู่ติดกำแพงบ้านคณินขึ้นไปแล้วมองหา เห็นวิภาดากำลังเก็บตำลึงอยู่ข้างกำแพงด้านในบ้าน
“วิ”
“นาย มาทำไม”
“อยากเห็นหน้า”
“เห็นแล้วก็ไปสิ”
“อีกนิดนะ ยังไม่หายคิดถึงเลย”
“อยากโดนป๊าเรายิงกบาลรึไง”
“พูดกับใครวะอาวิ”
เส็งเข็นรถเข้ามา วิภาดาตกใจหันขวับมายิ้มกับพ่อ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีพิรุธมาก กริชตกใจหล่นจากต้นไม้ลงไปนอนกับพื้น
“โอ๊ย”
“เสียงใครวะ คนหรือหมา”
“มะ หมามั้งจ๊ะ”
กริชแกล้งทำเป็นเห่าเพื่อให้สมจริง
“หมาก็ได้รู้ไป แต่ถ้าคน อั๊วจะยิงให้เหมือนหมาเลย โทษฐานที่ไม่เข้าตามตรอก ไม่ออกตามประตู ไม่มีมารยาท”
เส็งพูดทิ้งท้ายแล้วเข็นรถจากไป วิภาดารอจนพ่อไปไกล จึงรีบเข้าชิดกำแพงถามกริช
“เป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ย”
“ไม่เป็นไร สบายดี วิ คราวหลังเราไม่ปีนรั้วแล้วนะ แต่เราจะเข้าทางประตูแทน งานนี้โดนยิงก็ยอมแล้ว”
วิภาดายิ้มเขิน
ยามค่ำคืน คณินแต่งตัวหน้ากระจกอย่างจริงจัง
“คืนนี้ผมจะไปนอนที่โรงสีนะ”
แพนเดินเข้ามาด้านหลัง สงสัยเล็กน้อย มือที่ถือผ้าพันคอ จัดการคล้องคอพันให้ชายหนุ่มหลวมๆ
“ทำไมคะ หรือว่าโกรธที่ฉันไม่ให้นอนร่วมเตียงด้วย”
“เปล่าน่า ผมแค่จะเร่งงานเพื่อส่งข้าวล็อตใหญ่ให้ทันในอีกสามวันข้างหน้า คนงานไม่หยุดทำงานแล้วเจ้านายจะหยุดได้ไง จริงมั้ย”
คณินหันมาหาแพนแล้วกอดด้วยความรัก แต่แพนยังสงสัย
“ไม่ต้องห่วงนะ พรุ่งนี้เช้า ผมจะกลับมากินข้าวเช้าด้วย”
คณินดึงผ้าพันคอจากคอตัวเองแล้วคล้องให้แพนแทน
“คืนนี้ฝันถึงผมด้วยนะ”
คณินยิ้มอบอุ่น เดินออกจากห้องไป แพนสงสัย
“ต้องมีอะไรแน่ๆ”
คณินขึ้นนั่งข้างคนขับ โดยมีกิตติรับหน้าที่ขับเหมือนเดิม
“ใช่แน่ครับ มันกลับมาแล้ว มันซ่อนตัวอยู่ที่นั่นตลอด”
“คืนนี้ต้องจับมันให้ได้ จับเป็นนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ หนนี้ไม่พลาดแน่”
รถแล่นออกจากบ้านไป แพนชะเง้อมองรถของคณินที่เพิ่งขับออกไป
“ไม่ได้ไปโรงสีแน่ คอยดูนะ ถ้าจับได้ว่ามีผู้หญิงอื่น ตายแน่”
“ใครมีผู้หญิงอื่นจ๊ะ”
วิภาดาแต่งตัวสวยเดินเข้ามา
“เปล่าหรอก แค่สงสัยน่ะ วิจะไปไหน”
“จะออกไปดูโคมไฟ ไปด้วยกันมั้ยซ้อ”
“ไปสิ”
วิภาดาจะเดินนำไป
“เอ่อวิ ที่วิเคยบอกว่ามีความลับของพี่ชาย มันคืออะไรเหรอ”
“ถ้าวิบอก ซ้ออย่าหัวเราะนะ แล้วก็ ห้ามพูดหรือแซวด้วย เดี๋ยวเฮียจะหมดความมั่นใจ”
“บอกมาเถอะน่า”
วิภาดากระซิบที่หูแพน แพนตกใจตาโต ก่อนจะหัวเราะออกมา
แพนเดินมากับวิภาดาตามถนนเปลี่ยว
“วิ ไหนบอกว่าจะไปเที่ยวงานโคมไฟไง แล้วไหงพามาเดินที่เปลี่ยวขนาดนี้”
“เปลี่ยวที่ไหน นั่นไงมีคนมาแล้ว”
แพนมองตาม เห็นคณินนำขบวนถือโคมไฟเล็กๆ น่ารักๆ ออกมา มนสิชากับหลินก็มาด้วย แพนยิ้ม
“งานโคมไฟเล็กๆ ของพวกเรากันเองนี่เอง”
“ชอบมั้ย เฮียเขาอยากจะทำให้ซ้อประหลาดใจ จะได้ประทับใจ”
“ใครบอก คนที่เฮียอยากทำให้ประหลาดใจ ไม่ใช่แพนสักหน่อย”
“อ้าว แล้วเฮียวางแผนหลอกใคร”
“ป๊า ม้า”
ซกเค็งกับเส็งยิ้ม
“ออกมาได้แล้ว”
เส็งร้องบอก กริชก้าวออกมาจากมุมหนึ่งพร้อมกับบุ๊ง มีดอกไม้ช่อเล็กๆ น่ารัก และกล่องแหวน
“กริช”
กริชเดินมาหาวิภาดา แล้วยื่นดอกไม้ให้ วิภาดารับมาเขินๆ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว
“นายทำอะไรของนาย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ”
“ลุกไม่ได้ จนกว่าวิจะตอบตกลงแต่งงานกับเราก่อน เราขอวิแต่งงาน แต่งงานกับเรานะ”
วิภาดาอึ้งไป ทำอะไรไม่ถูก
“ตกลงเราคือคนที่ถูกซ้อนแผนเหรอเนี่ย”
“อืม”
“อาซ้อ”
“เอ้าๆๆ มัวแต่ยึกยักอยู่ได้ อยากแต่งก็รีบๆ ตอบตกลงไปซะ ไม่งั้นป๊าเปลี่ยนใจไม่อนุญาต แล้วจะยุ่ง”
“เอ้าๆๆ ทำไมพูดอย่างนี้ละเฮียเส็ง อั๊วอยากได้ลูกสะใภ้เป็นหนูวินะ เฮียห้ามบิดพลิ้วซิ”
“อย่าเพิ่งเถียงกันค่ะ อาป๊า อาเจ็กบุ๊ง วิ ตกลงค่ะ”
“ไชโย”
กริชโผเข้ากอดวิภาดาแน่น
“เราดีใจที่สุดเลย”
ทุกคนมีความสุข กิตติกับมนสิชาแอบอิงพิงกันเคลิ้มตาม
“น่ารักเนอะ”
“อยากมีแบบนี้บ้างมั้ยละ เดี๋ยวจัดให้”
“บ้า ถามม้าดูก่อนซิ”
“อาม้าว่าไงครับ”
“ให้ไวเลย อั๊วก็อยากมีลูกเขยเต็มแก่แล้ว”
มนสิชากับกิตติยิ้มเขิน คณินพูดท่ามกลางทุกคน
“ในที่สุดครอบครัวเรากับครอบครัวอาเจ็กบุ๊งก็ได้เป็นทองแผ่นเดียวกันซะที ต่อไปต้องสามัคคีกัน อย่าทะเลาะกันบ่อยนะป๊า นะเจ๊ก”
เส็งกับบุ๊งมองหน้ากัน แล้วต่างเมินหน้ากันไปคนละทางราวกับเป็นเด็ก ทุกคนขำเฮฮามีความสุข
ตอนเช้า กับแพนยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันอย่างมีความสุข
“ในที่สุด เราสองคนก็ได้มาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน”
คณินจับมือแพนไว้แน่น แพนยิ้มอย่างมีความสุข
“เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่อบอุ่นและมั่นคง”
“ต่อไปนี้ ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด จะสร้างฐานะให้ดีๆ คุณจะได้สบาย”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือสบายใจต่างหาก ถ้าคุณทำให้ฉันรู้สึกสบายใจที่จะอยู่กับคุณได้ จะรวยจนก็ไม่ใช่ปัญหา”
“โอเค ผมจะทำตัวดีๆ เป็นสามีที่น่ารัก และเป็นพ่อที่เจ๋งที่สุด”
“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำให้ฉันนะคะ ฉันจะตอบแทนคุณด้วยการดูแลคุณเป็นอย่างดี”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ แค่รักผมให้มากๆ และรักผมคนเดียวก็พอ”
“ก็ได้ ในเมื่อคุณอุตส่าห์ถนอมเนื้อตัวไว้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องจนกระทั่งแต่งงานกับฉัน ฉันก็ควรจะถนอมคุณด้วยความรักทั้งหมดของฉันเหมือนกัน”
“อะไรนะ นี่คุณรู้ได้ไงว่าผมไม่เคย”
แพนหัวเราะ
“ต่อหน้าคนอื่น ทำเป็นเจ๋ง แต่จริงๆ ไม่กล้า”
“ยัยวิแน่ๆ ทำไม ผมก็แค่อยากเก็บไว้ให้ผู้หญิงที่รัก มันผิดตรงไหน”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็แค่แปลกใจเท่านั้นเอง เพื่อนๆ คุณรู้เรื่องนี้รึเปล่า”
“อย่าเชียวนะ อย่าไปบอกพวกมันนะ พวกมันรู้ ต้องหัวเราะเยาะผมตายแน่”
กิตติวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ
“คุณคิ้มครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
“อีกแล้วเหรอ”
บุ๊งยืนต่อหน้าทุกคนที่สมาคมเหยี่ยวแดง
“ในเมื่อพี่เส็งปฏิบัติงานไม่ได้ ไอ้คิ้ม เอ๊ย คุณคิ้มก็ลาออกไปแล้ว เราก็ควรจะเลือกหัวหน้าคนใหม่ จริงมั้ยวะ”
ทุกคนเห็นด้วย
“งั้นก็ควรจะเสนอชื่อและคัดเลือกกันให้เร็วที่สุด”
“ใช่ ว่าแต่ ไม่มีใครส่งข่าวคุณคิ้มเรอะ ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มาอีก”
“ก็คนไม่มีความรับผิดชอบ จะไปหวังอะไรจากอี ดีแล้วที่ลาออกไปได้ คนไร้ความสามารถอย่างนั้น คุมใครไม่ได้หรอก” บุ๊งประณาม
“ใครบอกว่าผมลาออก”
คณินเดินเข้ามา พร้อมกิตติและลูกน้อง
“อ้าว ก็ลื้อเองที่ประกาศปาวๆ”
“ที่ผมประกาศวันก่อนนะเหรอ ปัดโธ่ ที่ผมบอกว่าลาออกวันนั้น คือตำแหน่งผู้จัดการโรงสี ไม่ใช่ตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง”
ทุกคนตกใจ
“ขี้โกง ลื้อขี้โกงนี่หว่า” บุ๊งโกรธ
“ผมไม่ได้ขี้โกง ผมแค่พูดไม่หมดเท่านั้นเอง ขอโทษทุกท่านด้วยที่ทำให้ตกอกตกใจกันไป ยังไง ผมก็คงต้องทำหน้าที่หัวหน้าแก๊งต่อไปนะครับ เสียใจด้วย ถ้าใครคิดอยากจะฮุบตำแหน่ง เพราะยาก”
คณินสวมเสื้อสูทอย่างดีรับถุงดินจากเส็งแล้วนำมาเก็บไว้ในเสื้อสูท
“ลื้อคือความหวังของทุกคนที่นี่”
“ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”
“อั๊วตายตาหลับแล้ว”
“อย่ารีบป๊า อยู่อุ้มหลานก่อนนะ ปีหน้าหลานชายคนแรกจะมาละ”
“อั๊วไม่รีบหรอก เป็นห่วงหลาน เพราะป๊ามันก็เพิ่งจะเป็นผู้เป็นคนได้ไม่นาน ไม่รู้จะเอาอะไรสอนลูก”
“ขอบคุณที่ชมครับ”
รถคันงามของคณินแล่นออกจากบ้านแล้วขับออกสู่ถนนใหญ่ เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยภารกิจสำคัญในวันนี้
จบบริบูรณ์