xs
xsm
sm
md
lg

เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 9

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 9

วิภาดาถอยห่างจากมนชิตเพื่อป้องกันตัวเอง
 
“นาย”
“ตกใจอะไรครับ หรือว่าตกใจที่ไม่ใช่คนที่กำลังรอ”
“นายเป็นคนเขียนจดหมายงั้นเหรอ”
“แล้วคุณอยากให้ใครเขียนครับ”
“นายต้องการอะไร”
มนชิตยิ้มเย้ยหยันขยับเท้าเข้าหาหญิงสาว วิภาดาถอยหลังกรูดเพราะตกใจกับท่าทีของชายหนุ่ม
“วิ”
เสียงกริชดังมาจากด้านหลัง ทำให้มนชิตชะงัก วิภาดาเห็นกริชเดินเข้ามา เธอโล่งใจวิ่งไปหากริช มนชิตกัดฟันกรอดก่อนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หันมาคุยกับกริชและวิภาดาด้วยสีหน้าปกติ
“เห็นคุณวิภาดายืนอยู่คนเดียว เลยจะเข้ามาเตือนว่าให้ระวังตัวหน่อย เพราะช่วงนี้คนร้ายชุกชุม กลัวจะมีอันตราย”
“จริงหรือวิ”
“คือ”
“ใกล้เวลาประชุมละ ไงก็ฝากดูแลคุณวิภาดาต่อด้วยละกัน หวังว่า คุณกริชคงไม่ใช่ศัตรูของแก๊งเรานะครับ”
มนชิตรีบเดินหนีไปดื้อๆ กริชกับวิภาดามองด้วยความระแวง ก่อนหันมาจับไม้จับมือกัน
“เป็นไงบ้างวิ มันทำอะไรวิรึเปล่า มันเอามือสกปรกมาโดนวิมั้ย”
“มันอ่ะไม่ ยังไม่ทันทำอะไรหรอก นายโผล่มาซะก่อน แต่ถ้านายไม่มา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ดีนะ ที่เราเฉลียวใจ มาแอบมองวิที่กำแพงบ้าน พอเห็นวิออกมา เราก็แอบย่องตามมาเลย”
“ใครกันแน่อันตราย ทั้งแอบมอง ทั้งสะกดรอยตาม”
“ก็คนมันคิดถึง เฮ่อ ค่อยโล่งใจหน่อย ตอนแรกคิดว่าวิแอบนัดกับมันซะอีก แต่พอเห็นวิทำหน้ายักษ์ใส่มัน เราเลยต้องออกมา หมอนี่ไว้ใจไม่ได้ วิควรจะรู้ไว้นะ”
“อืม รู้ และจะบอกเฮียให้รู้ด้วย”
วิภาดาถอนใจโล่งอกที่รอดจากมนชิตได้

ที่สมาคมเหยี่ยวแดง คณินพูดต่อหน้าสมาชิกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ที่นัดประชุมวันนี้ เพราะต้องการจะประกาศให้ทุกคนในแก๊งของเรารู้ว่า แก๊งของเรามีหนอนบ่อนไส้แฝงตัวอยู่ มันเป็นสุนัขรับใช้ที่คอยเป็นสายและทำงานให้กับแก๊งชั่วแก๊งหนึ่งมานานแล้ว”
ทุกคนหันมองหน้ากันว่าเป็นใคร เป้งกับบุ๊งมองหน้ากัน
“และอั๊วรู้ตัวแล้วว่ามันเป็นใคร ถ้ายังไม่อยากตาย คุกเข่าลง”
ทุกคนยืนนิ่ง
“อั๊วจะนับหนึ่งถึงสิบ สิบวินาทีกับลมหายใจชั่วชีวิต คิดให้ดีๆ ล่ะ จะเลือกอะไร”
มนชิตขยับเข้ามายืนปะปนกับลูกน้องในแถวหลัง

“สิบ เก้า แปด”

ซินแสง้วงแตะตัวแพนที่นั่งพิงเสาอยู่อย่างหมดแรง
 
“อาแพน”
แพนค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนได้สติ เพราะความคิดตกค้างเรื่องคณินผุดขึ้นทันที
“อย่าให้เขาไปนะคะซินแส อย่าให้เขาไป”
“อย่าเพิ่งห่วงคนอื่น ห่วงตัวลื้อก่อน ตอนนี้อาการลื้อแย่ลงอีกแล้ว”
แพนกลั้นใจประคองตัวขึ้นนั่งแล้วจับมือซินแสไว้ พลางอ้อนวอน
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ซินแสไม่ต้องห่วง ซินแสไปหาเขา บอกเขาว่าซินแสสกัดยาถอนพิษได้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรแล้ว ให้เขาหยุดทุกอย่าง”
“ขอบใจนะ ที่ลื้อชี้หนทางให้อั๊วทำผิดศีลข้อมุสา ขอบใจลื้อจริงๆ”
“โกหกเพื่อให้เขามีชีวิตรอด คงไม่บาปหรอกค่ะ นะคะซินแส”
“ลื้อละเว้น แต่สวรรค์เอาด้วยรึเปล่าไม่รู้”
แพนอยากจะร้องไห้ ทำไมชีวิตถึงได้ยากเย็นอย่างนี้

คณินกวาดสายตาดุดันมองทุกคนที่ยังยืนเฉยอย่างหัวเสีย
“สาม สอง หนึ่ง”
ทุกคนยืนนิ่ง แม้แต่มนชิต คณินหันไปมองลูกน้อง 4 คนที่ยืนอยู่มุมห้อง แล้วพยักหน้าให้เข้ามา โดยไม่ต้องออกคำสั่ง ลูกน้องทั้งสี่เข้ามาก็ตรงเข้าล็อคตัวกิตติไว้
“เฮ้ย ทำอะไรอั๊ว”
ทุกคนตกใจ แปลกใจ ประหลาดใจ บุ๊ง เป้งหันมองหน้ากัน มนชิตอึ้ง คณินเข้าไปจับคอเสื้อกิตติกระชากอย่างแรง
“ลื้อคือคนที่อั๊วไว้ใจที่สุด แต่ลื้อกลับทรยศอย่างเลือดเย็น”
“เปล่านะครับคุณคิ้ม ผมซื่อสัตย์กับเถ้าแก่และคุณเท่าชีวิต ลมหายใจของผมเป็นของแก๊งเหยี่ยวแดง”
“พอ อั๊วไม่อยากฟัง บอกมาว่าลื้อขายข่าวให้ศัตรูของเรามานานเท่าไหร่แล้ว”
“ไม่นะครับคุณคิ้ม ผมไม่ได้ทำ”
คณินตบหน้ากิตติอย่างแรงจนเลือดกบปาก ก่อนถีบที่หน้าท้องอย่างแรงจนกิตติล้มกลิ้งไป
“ฉีกเสื้อมันออก”
ลูกน้องจัดการฉีกเสื้อกิตติออกจนเห็นแผ่นหลังที่ประทับตราแก๊งมังกรดำไว้ ทุกคนตกใจตะลึงงัน ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น บุ๊งตาเหลือก
“แก๊งมังกรดำ”
“มันเป็นคนของไอ้เล้ง”
เป้งพูดขึ้น มนชิตอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อสายตา
“เป็นไปไม่ได้”
คณินตามไปเหยียบอกกิตติไว้
“คนอย่างแกมันสมควรตายไอ้”
“ใช่ เมื่อก่อนผมเป็นคนของแก๊งมังกรดำ แต่ตอนนี้ ผมเป็นคนของแก๊งเหยี่ยวแดงนะครับ”
“ถ้าลื้อเป็นคนของอั๊ว ก็บอกมาสิว่าเอาเมียอั๊วไปซ่อนไว้ที่ไหน”
เป้งตกใจ
“อาแพน”
“ผมเปล่านะ ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“ลื้อพูดได้แค่นี้ใช่มะ ลากตัวมันออกไป จัดการจนกว่ามันจะพูด”
กิตติถูกลูกน้องลากออกไปอย่างทุลักทุเล ตะโกนโหวกเหวก
“คุณคิ้ม ผมอยู่ข้างคุณ ผมไม่ได้ทำ”
มนชิตเคลือบแคลง

“มันรู้งั้นเรอะ”

พู่กันจีนใส่ในถ้วยใบเล็กที่มีน้ำสีดำข้นๆ วางอยู่
 
ซึ่งเป็นสีที่ใช้วาดรูปตรามังกรดำบนหลังกิตติ ใกล้กันนั้นมีกระดาษวางอยู่ ซึ่งเป็นการลองวาดตรามังกรดำ 3-4 รูป ซินแสง้วงกำลังคนยา แพนเดินมาหยุดด้านหลังซินแสง้วง ยังกังวลไม่เลิก
“ซินแสคิดเอาเองนะ ระหว่างฉันกับเขา ใครควรมีชีวิตอยู่มากกว่ากัน”
ซินแสง้วงทำเหมือนหูหนวก ใช้ตะบวยตักยาขึ้นมาดมแล้วพิจารณา
“ยังใช้ไม่ได้”
ซินแสง้วงหันไปยกหม้อขึ้นมาแล้วเทยาทิ้งทั้งหม้อ
“ถือว่าเป็นการขอร้องครั้งสุดท้ายของคนใกล้ตาย เมตตาด้วยเถอะ”
แพนนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าซินแสง้วงที่เฉยเมยเหมือนเดิม
“ได้ กลับไปที่เตียง อั๊วจะฝั่งเข็มให้”
แพนหยิบมีดขึ้นมาจ่อที่คอตัวเองเพื่อขู่ซินแส
“ถ้าซินแสไม่ช่วย ฉันจะฆ่าตัวตาย”
ซินแสง้วงหนักใจกับความดื้อของแพน

คณินพูดกับทุกคนเบื้องหน้าที่ประชุม ด้วยท่าทีขึงขังยิ่งกว่าเดิม
“เอาล่ะ ยังมีเรื่องสำคัญที่จะประกาศให้ทุกคนรู้ นั่นก็คือ ต่อจากนี้ไป”
ทุกคนลุ้นว่าใช่เรื่องข่าวลือที่จะลาออกหรือไม่ มนชิตพูดกับตัวเอง
“ถึงไม่มีแพน แกก็จะลาออกงั้นเหรอ”
“เราจะตอบรับนโยบายของนายกสมาคมเลือดมังกรคนใหม่ ที่ไม่ต้องการให้พี่น้องของเราทุกแก๊ง ทำมาหากินกับสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด ดังนั้น คนของแก๊งเหยี่ยวแดงที่หากินกับของร้อนพวกนี้อยู่ ก็ควรจะหยุดและวางมือซะ”
บุ๊งแอบกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย เป้งเสียดายที่ต้องอดเล่นพนัน มนชิตสีหน้าเย็นชา ขยำจดหมายในมือแน่น หมดความหวังเรื่องคณินประกาศลาออก พึมพำกับตัวเอง
“เธอรักมันมากจนถึงกับยอมสละชีวิต แต่มันรักอำนาจมากกว่า ฉันสัญญาว่าเธอจะไม่ตายคนเดียวแพน”
คณินสีหน้าเรียบเฉย แต่มีแววตามั่นคง ไม่หวั่นไหว
“ถ้ายังอยากอยู่บนแผ่นดินนี้อย่างคน ก็ควรยอมรับกฏและปฏิบัติ แต่ถ้าใครยอมรับไม่ได้ เตรียมโล้สำเภากลับบ้านเก่าได้”
บุ๊งหันมาพูดกับเป้ง
“สมัยนี้มีเรือบินแล้วโว้ย โล้สำเภาให้โง่”
“อีหมายถึงไปนรก”
มนชิตเบื่อหน่ายขยับจะออกไปจากที่ประชุม
“และเรื่องสุดท้ายที่จะประกาศให้ทุกคนรู้”
ทุกคนกลับมาสงบ มนชิตชะงัก หยุดฟังอย่างแปลกใจ
“ผมจะลาออกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ทุกคนฮือฮา บุ๊งอ้าปาก มนชิตอึ้ง
“โดยจะคืนตำแหน่งให้”
เส็งเข็นรถเข้ามาหยุดต่อหน้าทุกคนด้วยตัวเอง
“อั๊วเอง”
ทุกคนฮือฮายิ่งขึ้นเมื่อเห็นเส็งปรากฏตัว บุ๊งกัดฟันกรอด
“พูดไม่ดูสังขารตัวเองเลย”
เส็งกวาดตามองทุกคน ที่มีความลังแลและกังวลเล็กน้อย คงเพราะไม่อยากมีหัวหน้าแก๊งพิการ
เขากลั้นใจทนความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ลุกจากเก้าอี้แล้วยืนขึ้นอย่างสง่างาม ทุกคนตกใจ แม้แต่คณิน เส็งแสร้งยิ้มอย่างเปิดเผย แต่ทรงอำนาจ ทั้งที่เจ็บขาทั้งสองข้างมาก จนคณินยังแอบเห็นใจพ่อ
“ใครกล้า มีปัญหาบ้าง”
บุ๊งอ้าปากค้าง ทุกคนปรบมือ ไม่มีใครกล้ามีปัญหา
 
มนชิตไม่อยากจะเชื่อสายตาเหมือนกับทุกคนก้มมองจดหมายในมือที่ต้องส่งต่อให้คณินตามแผน คณินสบตาพ่ออย่างรู้กัน

แพนยังถือมีดจ่อคอ สีหน้าอิดโรย หน้าซีดปากสั่น เหงื่อเต็มหน้า
 
“ไม่มีประโยชน์หรอกอาแพน สายเกินไป อาคิ้มอีประกาศลาออกแล้ว”
“ถึงจะลาออกแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไปตามนัด ถือว่าไม่สายเกินไป”
“วางมีดลงก่อน”
“ไม่ค่ะ ซินแสต้องรับปากก่อน ว่าจะจับเขามัดไว้ ไม่ปล่อยให้เขาไปหาที่ตายแบบนั้น”
“อั๊วคิดผิดหรือคิดถูกวะ ที่พาลื้อมาจากสถานีรถไฟ”
โอชินค่อยๆ ลืมตาขึ้น แววตาคลั่งแค้นฝังลึกซึ่งมีต่อเล้งและมนชิต

คณินยืนนิ่งสงบต่อหน้าเทพเจ้าต่างๆ ภายในศาลเจ้า
“ตอนนี้ท่านๆ ว่างกันรึยังครับ ถ้าว่างแล้ว ช่วยกรุณากลับมาทำหน้าที่ของตัวเองด้วย คนดีท้อจะแย่อยู่แล้ว อย่าปล่อยให้คนชั่วเหิมเกริมนานนักสิครับ เมียของผมลำบากมามากพอแล้ว”
ด้านหลังรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ แพนนั่งพนมมือไหว้ตรงข้ามกับคณิน
“ขอให้คุณเปลี่ยนใจไม่ไปตามนัด”
“พาเธอกลับมาหาผมได้มั้ยครับ”
“ขอให้คุณลืมฉันให้หมดใจ”
“ผมจะไปเอายามารักษาเธอให้หายให้ได้”
“และให้อภัยครอบครัวของฉันด้วย”
“ไม่ต้องคุ้มครองผมนะครับ คุ้มครองเธอ”
“คุ้มครองเขาด้วยนะคะ ไม่ต้องคุ้มครองฉัน”
ซินแสง้วงยืนอยู่ในที่ที่เห็นทั้งสองคน
“แล้วท่านจะฟังคำขอของใครวะ”
ลูกน้องหัวเลือดไหล ตรงเข้าหาคณินอย่างร้อนใจ คณินตกใจ
“เฮ้ย ข้างนอกมีเรื่องหรือวะ”
ลูกน้องยื่นจดหมายจากมนชิตให้
“เปล่าครับ พอดีจดหมายมันถูกขว้างเข้ามาพร้อมก้อนหินครับ โดนหัวผมพอดี นี่ครับ”
คณินพยักหน้าก่อนรับจดหมายมาเปิดอ่าน
“พรุ่งนี้เที่ยงเจอกันที่สุสาน”
คณินไหว้เทพเจ้าครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกจากศาลเจ้าไปพร้อมขบวนลูกน้องติดตาม แพนลุกขึ้นชะเง้อมองชายหนุ่ม ตัวโงนเงนเพราะปวดหัว คณินเดินนำลูกน้องออกมานอกศาลเจ้า หันไปมองต้นท้อครู่หนึ่ง นึกถึงลูกท้อที่ให้แพนไว้

คณินเปิดประตูรถขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับ เส็งนั่งเบาะหลังอย่างทะนงองอาจ
“ที่ไหน เมื่อไหร่”
“สุสาน พรุ่งนี้เที่ยง”
“กลางวันแสกๆ ก็ดี ตายห่าแล้วฝังทีเดียวเลย”
กิตติถูกซ้อมจนสภาพสะบักสะบอมวิ่งมาขวางหน้ารถไว้
“เถ้าแก่ คุณคิ้ม ผมไม่ได้ทรยศนะครับ ผมไม่ได้ทำจริงๆ”
คณินรำคาญออกรถอย่างไร้ความปราณีจนกิตติกระโดดหนีแทบไม่ทัน ล้มลงไปนอนคลุกฝุ่นข้างถนน ลูกน้องคณินเข้ากระทืบซ้ำคนละทีสองทีก่อนเดินข้ามร่างกิตติไป มนชิตเดินออกมาจากมุมหนึ่ง มองกิตติอย่างเวทนา แต่แฝงไว้ด้วยความคิดบางอย่าง กิตติกัดฟันเจ็บปวดปนแค้น

“ไอ้คิ้ม”

เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 9 (ต่อ)

วิภาดากับกริชคุยจีบกันที่กำแพงใกล้ประตูหน้าบ้าน
 
“คราวหลังห้ามออกไปไหนคนเดียวอีก เข้าใจมั้ย”
“รู้แล้วน่า กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะไม่งาม”
“ใครบอกไม่งาม คุณหนูวิของไอ้หนุ่มเชิดสิงโตคนนี้ งามที่สุดในหัวใจเลย”
“งามแบบนั้นไม่กลัว กลัวจะงามหน้าน่ะสิ”
“งั้นกลับก็ได้ แต่ก่อนกลับ ขอหอม”
วิภาดายกหมัดขึ้น
“ก่อนจะโดนชกหน้าหงาย ไปเดี๋ยวนี้”
กริชยื่นหน้าเข้าไปใกล้หมัดของวิภาดา
“ไม่ได้หอมแก้ม หอมหมัดก็ยังดี”
รถคณินกับเส็งขับผ่านมาก่อนจะเลี้ยวเข้าบ้าน ทั้งสองเห็นกริชกับวิภาดาในท่าหอมหมัดพอดี
วิภาดาเห็นรถของที่บ้านผ่านมาก็รีบผลักหน้ากริชไป
“ป๊ากับเฮียต้องเห็นแน่เลย ทำไงดี”
“กลัวอะไร เราไม่ได้ทำอะไรผิดนะ”
“ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูก”
“งั้นทำให้ถูก เข้าไปสารภาพว่าเราสองคนรักกันจะแต่งงานกัน”
“อย่าปากดีไปหน่อยเลย ก่อนจะคุยกันป๊าเรา กลับไปคุยกับป๊าของนายให้รู้เรื่องก่อนเหอะ”
วิภาดากังวล ผละจากกริช รีบเดินกลับเข้าบ้านไป กริชเซ็ง

คณินประคองเส็งที่เจ็บเท้ามากลงจากรถแล้วพาลงนั่งบนรถเข็น โดยซกเค็งเป็นคนเข็นรถให้ วิภาดาเดินเข้ามา ยังไม่ทันพูดอะไร
“ห้ามลื้อยุ่งเกี่ยวกับลูกชายของไอ้บุ๊งเด็ดขาด”
วิภาดาหน้าซีดเผือด คณินแอบเห็นใจน้องสาว
“อาวิอีไปยุ่งกับลูกชายบ้านนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” ซกเค็งถาม
“เมื่อไหร่ก็ช่าง แต่อย่าให้อั๊วเห็นอีกว่าลื้ออยู่กับมัน”
“โธ่ป๊า ยังไงก็แก๊งเดียวกันน่า เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน ได้ข่าวว่าบ้านนั้นก็รวยอยู่นา” คณินช่วยแก้แทน
“จะรวยบุญหรือรวยบาปก็เรื่องของมัน แต่อั๊วไม่มีทางดองกับมัน ถ้าลื้อรักอั๊ว ห้ามลื้อเจอกับมันอีก เข้าใจนะอาวิ”
“ค่ะ”
ซกเค็งแอบเห็นใจลูกสาว เส็งหันมาพูดกับซกเค็ง
“พาอั๊วไปที่ห้อง อั๊วอยากปรึกษาเรื่องนัดดูตัวของอาวิ”
“วันก่อนไม่เห็นด้วย หวงลูกสาว วันนี้มาชวนหารือ เลือดลมลื้อแปรปรวนยิ่งกว่าอั๊วซะอีก”
ซกเค็งเข็นรถพาสามีเข้าบ้านไป คณินมองวิภาดาด้วยความเห็นใจ
“ป๊าก็พูดไปงั้นแหละ ถ้าป๊ารังเกียจไอ้หน้าจืดจริง ป๊าชักปืนออกมาไล่ยิงแล้ว”
“เฮียไม่ต้องปลอบใจฉันหรอก ฉันรู้ดีว่าป๊าพูดจริง เรื่องของฉันกับเขาคงเป็นไปไม่ได้”
“ไม่เอาน่า อย่าเพิ่งหมดหวัง ตราบใดที่เรายังไม่ตาย”
“ขอบใจเฮียมากนะ ที่เข้าใจ”
“ความจริงก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก ไปรักชอบกันตอนไหน ทำไมเฮียไม่เคยรู้เลย”
“เฮียจะรู้ได้ไง ฉันเองก็เพิ่งรู้ใจตัวเองเหมือนกัน เฮ่อ ทำไมชีวิตรักของเราสองพี่น้องถึงได้อาภัพอย่างนี้ล่ะเฮีย”

วิภาดาเดินเข้าไปในสวนอย่างเศร้าสร้อย คณินถอนใจเสียงดัง

แพนใส่ผ้าคลุมหัวแต่งตัวมิดชิดเพื่ออำพรางตัว
 
ยืนมองพระอาทิตย์ตกด้วยความเศร้า มือถือลูกท้อที่คณินให้ไว้แนบกับอก น้ำตาคลอ นึกถึงอดีตระหว่างตัวเองกับคณิน
ตรงจุดที่แพนอยู่ หญิงสาวหายไปแล้ว เหลือแต่ลูกท้อที่วางอยู่ตรงนั้น คณินเดินเข้ามาอย่างทดท้อใจและคิดถึงแพนจับใจ เขามายืนตรงจุดเดียวกับแพน ตะโกนก้อง
“ผู้หญิงใจร้าย”
คณินเตะลมต่อยอากาศระบายความเครียด
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ อย่าให้ผมโมโหไปมากกว่านี้นะ แพน ผมจะนับหนึ่งถึงสามนะ ถ้าคุณไม่ออกมา ผมจะมีเมียน้อย สาม สอง”
ทุกอย่างเงียบกริบ คณินยังคงยืนอยู่คนเดียวต่อหน้าดวงตะวันสีทอง
“คุณไปอยู่ที่ไหนของคุณ ไม่รู้รึไงว่าผมคิดถึง ผมคิดถึงคุณ”
คณินจะหันหลังกลับ แต่เหลือบไปเห็นลูกท้อวางอยู่ เลยหยิบขึ้นมาดู เอะใจ
“แพน”
ความหวังประกายวาบ คณินหันมองหาแพนทันที
“แพน คุณอยู่ที่นี่ใช่มั้ย แพน”
คณินวิ่งพล่านตามหาแพนไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่เจอ เขาเหนื่อยหอบหมดแรง แต่ก็มีความหวังเล็กๆ ผุดขึ้นในใจ
“ต้องเป็นคุณแน่ๆ คุณยังอยู่ที่นี่ คุณไม่ได้หายไปไหนทั้งนั้น เมียจ๋า”
คณินวิ่งไปที่ศาลเจ้า ขณะซินแสง้วงนั่งไหว้เทพเจ้าอยู่อย่างสงบ
“ซินแสๆ”
คณินลงไปนั่งกับซินแสง้วง ยื่นลูกท้อให้ดู
“ดูนี่ซินแส ดูให้เต็มตา ว่านี่อะไร”
“ลูกท้อ”
“ถูกต้อง มันคือลูกท้อ”
“แล้วไง”
“ผมเจอมันตกอยู่ที่ริมน้ำ ใกล้โรงสี ผมแน่ใจว่ามันคือลูกเดียวกับที่ผมให้แพนไว้ เธอยังอยู่ที่นี่ซินแส เธอไม่ได้หายไปไหน”
“ลูกท้อนี่มันมีลูกเดียวในโลกรึไง”
“แต่ผมมั่นใจ มันต้องเป็นลูกเดียวกัน ที่ๆ ผมเจอ มันเป็นที่ๆ เราสองคนนัดเจอกันประจำ ไม่มีทางที่จะเป็นคนอื่นไปได้”
แพนแอบมองอยู่หลังเทพเจ้า กังวลใจอย่างมาก
“ไม่น่าทำตกไว้เลย สะเพร่าจริงๆ ทำไงดี”
ซินแสง้วงหันไปหยิบจานใส่ลูกท้อบนโต๊ะบูชา ซึ่งมีลูกท้อนับสิบลูกวางบนจานแล้วส่งให้คณิน
“เอาใส่รวมกัน แล้วลื้อหยิบลูกท้อที่ลื้อเจอขึ้นมาใหม่”
คณินจะวางลงก็ชะงักมือ
“ไม่เอาหรอก ท้อลูกนี้ มีความสำคัญกับผมมาก ถ้าผมเกิดเลือกผิด ผมก็เสียมันไปสิ ผมไม่อยากเสียอะไรไปอีกแล้ว”
“งั้นลื้อก็ไม่เชื่อจริงๆ น่ะสิ ว่าลื้อจำมันได้ สงบสติอารมณ์ซะบ้าง จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”
คณินสลดลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผมแค่อยากรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ปลอดภัยรึเปล่า”
“อั๊วรู้ ว่าเมียลื้อซ่อนอยู่ที่ไหน”
“ที่ไหนครับ บอกมา”
“ที่ใจลื้อ”

แพนยังแอบมองคณิน พลางปาดน้ำตา

มนชิตรินเหล้าให้กิตติ ซึ่งสะบักสะบอม โดยทั้งคู่นั่งโต๊ะเดียวกัน ในมุมสลัวและอับๆ ของร้าน
 
“นายเป็นคนของแก๊งมังกรดำอย่างนั้นเหรอ”
“มันเป็นอดีตที่อั๊วลืมไปหมดแล้ว”
“ทำไมล่ะ เป็นคนของแก๊งมังกรดำไม่น่าภูมิใจตรงไหน ตราบนแผ่นหลังของนาย ไม่ใช่ใครจะได้มาง่ายๆ”
“ใช่ ต้องเลวระยำจริงๆ ถึงจะได้มันมา อั๊วเบื่อที่จะต้องฆ่าคนไปเรื่อยๆ ลื้อไม่เข้าใจหรอก”
“อั๊วอยากจะเข้าใจจริงๆ แล้วลื้อจะเอาไงต่อ”
“เอาไงต่อเหรอ ทำยังไงก็ได้ให้มีชีวิตรอด”
“เรื่องนั้นไม่ยากหรอก ลื้อคงรู้คำนี้ ไม่ฆ่ามัน มันฆ่าเรา”
“เพราะงั้น ชิงฆ่ามันซะก่อน เราถึงจะรอด”
มนชิตดื่มเหล้าทีเดียวหมดแก้ว
“ว่าแต่นายรู้เห็นเรื่องการหายตัวไปของแพน”
“ใช่ อั๊วรู้ว่าตอนนี้เมียมันอยู่ที่ไหน แต่อั๊วจะไม่บอกใคร จนกว่าจะถึงเวลา”
มนชิตมองกิตติอย่างใจเย็นและไม่ตื่นเต้นอะไร เพื่อไม่ให้กิตติใช้เป็นเครื่องต่อรอง

เล้งหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนเจ็บซี่โครง ขณะเดินเข้ามาในโกดังร้างที่เต็มไปด้วยหยากไย่ มีมนชิตเดินตาม
“ในที่สุด มันก็ยอมลาออกจริงๆ ไอ้โง่”
“แต่พ่อมันกลับมา”
“ไอ้เส็งจะมีน้ำยาอะไร ตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากหุ่นไล่กาตัวนึงเท่านั้น แกเตรียมตัวให้พร้อม พอมันตายห่า ลื้อขึ้นแทนมันทันที”
“แต่คนในแก๊งคงไม่ยอมรับผม”
“ใครต่อต้านก็เชือดทิ้งซะ เหลือไว้แต่พวกเชื่องๆ”
“แล้วครอบครัวของไอ้คิ้มล่ะครับ”
“จะเหลือไว้ทำไม ฆ่าทิ้งทั้งบ้าน แล้วเผาอย่าให้เหลือซาก”
เล้งหัวเราะอย่างมีความสุข มนชิตรู้สึกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ

หลินหยิบรูปถ่ายของตนเองกับเล้งออกมามองอย่างโกรธแค้น
“ลื้อมันคนไร้หัวใจ”
หลินจุดไฟเผาภาพถ่ายก่อนทิ้งลงในถัง
“ขอให้ความลับนี้ มันตายไปพร้อมกับอั๊ว”
“ม้า”
“ว้าย”
มนสิชาวิ่งเข้ามา หลินตกใจผงะ ปรับสีหน้าแทบไม่ทัน
“คนเขาพูดกันทั้งตลาด ว่าเจ้แพนหนีตามผู้ชายไป”
“เรอะ ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน น้ำหน้าอย่างมันก็ต้องหนีตามผู้ชายไปอยู่แล้ว ว่าแต่ มันหนีตามใครไปล่ะ”
มนสิชาหน้าหงิกหน้างอ เดินกระทืบเท้าไปนั่งที่โต๊ะ
“ลูกน้องคนสนิทของคุณคิ้ม”
“ต๊ายตาย นี่หมายความว่าผัวอีโดนคนสนิทสวมเขาเรอะ”
“กันท่าเรา แต่ทำซะเอง ไอ้คนทุเรศ”
“แล้วทำไมลื้อไม่ดีใจ ข่าวแบบนี้ไม่ได้ทำให้ลื้อกระดี๊กระด๊าเหรอ”
“แย่งเมียชาวบ้านเขาแบบนี้ได้ไง ไม่มีศีลธรรมเอาซะเล้ย”
มนสิชาก้มหน้าซบกับเข่าเพื่อไม่ให้แม่เห็นความเสียใจของตัวเอง หลินงง

“ลูกสาวอั๊วเพี้ยนไปแล้ว”

ตอนเช้า คณินยืนต่อหน้าลูกน้องทุกคน โดยเส็งนั่งรถเข็น มีซกเค็งและวิภาดายืนอยู่ด้วยกัน
 
“จนกว่าฉันจะกลับมา เราจะใช้กฎ คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า จะไม่มีการอนุโลมใดๆ ทั้งนั้น ดังนั้น ห้ามทุกคนเจ็บป่วยในช่วงนี้เด็ดขาด ผู้หญิงขอให้เก็บตัวแต่ในบ้าน ส่วนผู้ชาย ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับรับมือกับกลุ่มคนร้ายที่อาจจะใช้จังหวะนี้เข้ามาก่อเหตุ”
“ลื้อไม่ต้องห่วง เพราะถึงอั๊วยังเดินไม่คล่อง แต่อั๊วยังยิงปืนแม่นอยู่ หมาตัวไหนกล้ามายุ่งย่ามแถวนี้ ได้เห็นดีกันแน่”
ซกเค็งเดินมาจับมือคณิน
“อาคิ้ม ลื้อไม่ไปไม่ได้เหรอ”
“ไม่ต้องห่วงม้า ไปธุระเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็กลับ ม้าไม่ทันคิดถึง”
“แต่ม้ารู้มาว่าไอ้แก๊งมังกรดำ มันทั้งเจ้าเล่ห์และโหดร้าย ลื้อคนเดียวจะสู้กับมันไหวเหรอ”
“นั่นสิเฮีย พวกเราเสียเฮียไปไม่ได้นะ”
“เฮียก็เสียทุกคนไปไม่ได้เหมือนกัน กลับมาเย็นนี้ เตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้ให้ด้วยนะ”
คณินคุกเข่าต่อหน้าบิดาเพื่อทำความเคารพ เส็งจึงโน้มตัวลงกระซิบ
“อาแพน อีฝากบอกว่า อีอยู่ข้างลื้อ”
คณินเงยหน้ามองพ่ออึ้งๆ ก่อนจะยิ้มดีใจ

ในป่าละเมาะใกล้สุสานจีนริมน้ำ มนชิตยืนคุยกับกิตติ โดยมีลูกน้อง 20 คน ยืนเรียงแถวรอนายแบ่ง กิตติหันมาพูดกับมนชิต
“พวกแถวหลังคนงานของเสี่ยบุ๊งทั้งนั้น”
“ใช่ ลื้อจะต้องนำพวกมันไปถล่มบ้านไอ้เส็งให้ราบ”
“ดี ไม่คิดว่าอั๊วจะได้แก้แค้นไอ้คิ้มเร็วขนาดนี้”
“อั๊วพาลื้อมาหานายใหญ่แล้ว จะบอกได้รียังว่าแพนอยู่ที่ไหน”
มนชิตแอบตาขวาง เพราะตั้งใจจะเก็บกิตติหลังจากเสร็จเรื่อง
“อย่าเพิ่งสิ ไว้ลื้อตั้งอั๊วเป็นรองหัวหน้าแก๊งก่อน ถึงตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
เล้งเดินเข้ามาหยุดต่อหน้าทุกคน กิตติเห็นนายใหญ่แล้วตกใจตาค้าง แต่ระงับความตื่นเต้นไว้แล้วก้มหน้า เล้งกวาดสายตาแหลมคมมองทุกคน
“วันนี้แล้วสินะ ที่เหยี่ยวแดงมันจะร่วงตกจากฟ้า แล้วมังกรดำจะกลับมาผงาดอีกครั้ง”
เล้งขยับมายืนตรงหน้ากิตติที่งุดหน้าลงจนคางชิดอก

“พวกลื้อจงภูมิใจ ที่ได้ทำงานภายใต้คำสั่งของผู้ยิ่งใหญ่อย่างอั๊ว”

เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 9 (ต่อ)

กริชโวยวายใส่พ่อดังลั่น ขณะบรรยากาศโรงสีเงียบเหงา ไม่มีลูกน้องสักคน
 
“คนงานหายไปทั้งโรงสี ป๊าส่งพวกเขาไปไหน”
“ไปทำงานสำคัญให้อั๊ว”
“งานอะไรป๊า อย่าบอกนะ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้มนชิต”
“ใช่”
“ป๊า”
“ลื้อก็รู้ ถ้าอั๊วไม่ได้เป็นหัวหน้าแก๊ง อั๊วตายตาไม่หลับ ไอ้มนชิตมันเสนอตัวจะจัดการให้ฟรีๆ”
“ป๊าถูกมันหลอกใช้ รู้ตัวรึเปล่า มันลงทุนทรยศนายคิ้มขนาดนี้ คงยอมให้ป๊าขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหรอก ผมว่าป๊าหยุดดีกว่า ถอยออกมาตอนนี้ยังทัน”
“ไม่ทันแล้ว มันเริ่มต้นไปแล้ว ที่เหลือคือเดินหน้าอย่างเดียว”
“มันไม่ใช่ของๆ ป๊า ป๊ายังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“ถึงไม่ใช่ อั๊วก็จะเอา”
“ได้ ถ้าป๊าไม่หยุด ผมจะไปหยุดเอง”
“ลื้อจะบ้าไปถึงไหน นี่อั๊วเป็นป๊าลื้อนะ ลื้อควรจะเข้าข้างอั๊วสิ”
“ขอโทษนะป๊า ผมแยกผิดถูกออก ผมจะไม่อยู่ข้างคนผิด”
“ไอ้ลูก”
กริชเดินออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว บุ๊งฟืดฟัดขัดใจ แต่ก็แอบเครียดว่าตัดสินใจถูกหรือไม่

คณินขับรถออกจากประตูบ้านแล้วเลี้ยวขึ้นถนน เป้งยืนรออยู่ข้างทางเดินออกมาขวางหน้ารถไว้ คณินจอดรถแล้วลงไปหาเป้ง
“อาคุณคิ้ม อั๊วไปที่หลุมศพแม่ของอาแพนมา แล้วอั๊วเจอนี่”
เป้งยื่นดอกท้อช่อเล็กๆ ให้คณิน
“ดอกท้อ”
“อาแพนแน่ๆ แม่อีตัวคนเดียวไม่มีญาติที่ไหน มีแต่อีคนเดียวที่ไปเยี่ยมอยู่ทุกเดือน”
“ดอกท้อ”
“อาคุณคิ้ม ที่อีทิ้งอาคุณคิ้มไป อาจเพราะอีไม่อยากเป็นภาระ อีไม่ได้หนีตามผู้ชายไปอย่างที่พวกคนปากหมาเขาลือกันหรอกนะ”
คณินนึกได้ว่าเคยเห็นต้นท้อที่ไหน เขาผละจากเป้งวิ่งขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
“อย่าทิ้งอาแพนนะคุณคิ้ม”

เป้งมองตามรถไปด้วยความเศร้า

คณินวิ่งเข้ามาที่ต้นท้อใกล้ศาลเจ้า
 
เห็นหญิงสาวใต้ต้นท้อก็หยุดยืนนิ่ง ด้วยความอึ้งและดีใจ แพนยืนอยู่ใต้ต้นท้อ ท่ามกลางสายลมหนาวเย็นและกลีบดอกท้อปลิดปลิว เธอหันมาเห็นคณินก็ตกใจจะวิ่งหนี คณินวิ่งเข้าไปสวมกอดเธอไว้แนบแน่นด้วยความคิดถึงอย่างที่สุด
“อย่าหนีผมไปอีกแพน”
แพนน้ำตาไหล ตื้นตันในหัวใจแต่ก็เศร้าอย่างที่สุด
“ได้ ฉันจะไม่หนีคุณไปไหนอีกแล้ว”
“ขอบคุณนะ”
“แต่มีข้อแม้”
“อะไร”
“อย่าไปตามนัดของพวกมัน ได้มั้ย”
“ไม่ได้หรอก ผมต้องไปเอายามาให้คุณ”
“แต่มันเป็นกับดักนะ”
“ผมรู้ แต่ผมจะทำให้ได้ ผมจะกลับมา จะไม่ยอมให้คุณเป็นหม้ายเด็ดขาด”
“แต่”
“เชื่อใจผม”
“ฉันขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องลำบาก”
คณินเช็ดน้ำตาให้แพนอย่างอ่อนโยน
“ถ้าคุณอยากให้ผมยกโทษให้ คุณต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้ เข้าใจรึเปล่า”
ทั้งคู่กอดกันด้วยความรักและคิดถึงสุดหัวใจ

รถของคณินแล่นมาจอดหน้าสุสานจีน เขาก้าวลงจากรถ บิดขี้เกียจแล้วเดินเข้าสุสานอย่างอารมณ์ดี
เวลาเดียวกันนั้น แพนไหว้เทพเจ้าที่ศาลเจ้าด้วยสายตาอ้อนวอนร้องขอความเมตตา
“คุ้มครองเขาด้วยนะคะ”

คณินเดินเข้ามาในสุสาน คนของมนชิต10 คน เดินออกมาขวางหน้าไว้ คณินสู้กับคนของมนชิตจนสะบักสะบอม

ลูกน้องคนสนิทมนชิตเดินนำลูกน้องเข้ามาบริเวณบ้านของเส็ง รวมทั้งกิตติที่ห้อยติดขบวนมา
 
“จำไว้นะ ห้ามให้พวกมันรอดแม้แต่คนเดียว”
คนของคณินเดินเวรยามและเฝ้าประตูรั้วบ้านประมาณ 5-6 คน ลูกน้องมนชิตส่งสัญญาณให้ลูกน้องทั้งหมดหยุดและเข้าหลบหลังพงหญ้า
“อย่าเพิ่งยิง รอฟังคำสั่ง”
กิตติสายตาล่อกแล่ก คิดหาทางส่งข่าวเข้าไปในบ้านเส็ง

คณินต่อสู้กับลูกน้องมนชิตจนทุกคนล้มหมดสภาพ ร้องโอดโอย เขาเหนื่อยหอบ มีแผลฟกช้ำเล็กน้อย เสียงปรบมือนำมา คณินหันไปมอง เห็นมนชิตเดินออกมา ด้วยท่าทีขึงขังกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น
“ไอ้มนชิต”
“แกกล้ามากนะ ที่มาที่นี่คนเดียว”
“มีอะไรต้องกลัว”
“ความตายไง”
“ตายจนเบื่อแระ แต่ไอ้คนสั่งการไม่ยักกะเบื่อแฮะ ลื้อคิดอะไรอยู่ ถึงเอาชีวิตน้องสาวตัวเองมาเป็นเดิมพัน”
“คนจะเป็นใหญ่ มันต้องรู้จักเสียสละบ้าง ป๊าลื้อไม่สอนเหรอ”
“สอน แต่ไม่เอาด้วย เรื่องอะไรจะสละ กว่าจะได้เมียคนนี้มามันยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน เฮ่อ เวรกรรมของเมียอั๊ว ที่มีพี่เลวๆ อย่างลื้อ แต่ยังโชคดีที่มีผัวดี”
“หุบปากเหอะ ถ้าลื้อดีจริง แพนไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก”
“แกนั่นแหละหุบปาก แล้วส่งยาถอนพิษมา”
“เสียใจด้วย ไม่ได้อยู่ที่อั๊ว”
“แล้วอยู่ที่ใคร”
“ยังอยากจะได้ไปทำอะไร ในเมื่อเมียแกก็ไม่อยู่แล้ว”
เล้งเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสบายๆ โยนห่อยาเล่น
“กูตาฝาดหรือกูอยู่ในนรกวะเนี่ย โผล่มาได้ไง”
“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ เพื่อนเก่า”
“นรกปล่อยเสี่ยมาทำไมเนี่ย”
“ที่เรายังต้องพบกัน สวรรค์ย่อมมีเหตุผล ว่ามั้ยล่ะ”
“ไม่สนสวรรค์ล่ะครับ ผมทำตามเงื่อนไขแล้ว เสี่ยเองก็ควรจะทำตามที่พูดเหมือนกัน ส่งยามาให้ผมเดี๋ยวนี้”
เล้งหัวเราะลั่น สีหน้าเหี้ยมเกรียม
“คุกเข่าลง”
คณินนิ่วหน้า กัดฟันกรอด

ซินแสง้วงเทยาทั้งหมดที่ปรุงไม่สำเร็จลงดินอีกครั้ง เขามีความกังวลและหนักใจ
 
ในขณะที่แพนยังคงไหว้เทพเจ้า เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากจมูกของเธอ

คณินยังยืนนิ่ง ไม่ยอมคุกเข่า ท่ามกลางวงล้อมของศัตรู
 
“แล้วผมจะรู้ได้ไงว่ายานั่นของจริง”
“ลื้อไม่เชื่อใจอั๊วเหรอ”
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สอนให้ผมรู้ว่า ไม่มีสัจจะในหมู่โจร โดยเฉพาะโจรที่ชื่อเล้ง”
“แล้วลื้อมาที่นี่ทำไม”
“มาสั่งสอนโจรให้มันรู้ว่า อะไรควรไม่ควร”
“ลื้อลืมไปรึเปล่า ว่ายืนอยู่ท่ามกลางคนของอั๊ว”
“ใครกันแน่ที่ลืม ที่นี่ถิ่นใคร”
เล้งกัดฟันกรอด ชูยาในมือขึ้น พลิกมือลงเพื่อขู่ว่าจะเททิ้ง
“ลื้อคงไม่อยากได้ยานี่แล้วใช่มั้ย”
“ทำตามที่นายใหญ่สั่งเถอะ คุกเข่าแล้วคลานเข้ามา” มนชิตสั่ง
“ก็ได้ แต่ส่งยามาก่อน”
เล้งหัวเราะก่อนล้วงยาพิษโยนให้คณิน คณินรับไว้
“ถ้าไม่อยากเสียหัวเข่าให้อั๊ว งั้นก็กินยาพิษนั่นซะ แล้วอั๊วจะมอบยาถอนพิษเมียลื้อให้”
“พิสูจน์ให้เห็นหน่อย ว่าลื้อตายแทนน้องสาวอั๊วได้”
คณินหน้าเรียบเฉย เหลือบมองยาในมือ

ลูกน้องมนชิตนำลูกน้องเข้ายิงถล่มบ้านของคณิน ขณะลูกน้องคณินยิงตอบโต้กลับมา กิตติแกล้งทำเป็นยิงปืนสะเปะสะปะ ก่อนกลิ้งตัวเข้าไปในบ้าน เส็งเข็นรถออกมาแล้วยิงปืนใส่ แต่ลูกน้องมนชิตหลบทัน เส็งเลื่อนรถเข็นพลางยิงสู้คนร้ายไปด้วย วิภาดากับซกเค็งแอบมองอยู่ที่ประตูตกใจกลัวเส็งได้รับอันตราย วิภาดาคลานออกมาหาพ่อ
“ป๊า เข้าข้างในเถอะ เร็วป๊า”
“ลื้อนั่นแหละ เข้าไป”
เส็งยิงตอบโต้คนร้ายอย่างไม่เกรงกลัว ลูกน้องมนชิตบุกเข้ามาในบ้านได้สำเร็จแล้วกระจายไปตามจุดต่างๆ ของบ้าน กิตติคลานมาแอบหลังพุ่มไม้แล้วยิงคนของมนชิตตายไปสองศพ วิภาดาคลานหลบกระสุนไปด้วยความตกใจลนลาน ลูกน้องมนชิตกระโดดออกมาขวางหน้าวิภาดาไว้ กำลังจะเข้ามาจับตัว กริชโผล่ออกมาถีบกระเด็นไป
“กริช”
กริชวิ่งเข้ามาบังตัววิภาดาไว้ แล้วยิงตอบโต้ลูกน้องมนชิตตาย กิตติใช้ผ้าคลุมปิดหน้าเข้ามาลากเส็งออกไป
 
คนจากแก๊งกวางสวรรค์จำนวนกว่า 20 คน กรูกันเข้ามาจัดการคนของมนชิต

เลือดมังกร : แรด ตอนที่ 9 (ต่อ)

แพนยังคงไหว้เทพเจ้าอย่างมั่นคงและไม่หวั่นไหว เธอกระอักเลือดออกมาจนเลอะที่หน้าอก แต่ยังทนไหว้ต่อไปอย่างเข้มแข็ง

คณินกำยาเม็ดแน่นต่อหน้าเล็ง
“ถ้าผมกินมันเข้าไป ผมจะอยู่ต่อได้นานเท่าไหร่”
“นานพอให้ลื้อได้กลับไปส่งข่าวให้เพื่อนๆ ลื้อรู้ว่า อั๊วกลับมาแล้ว และกำลังจะล่าหัวพวกมันทีละคน เริ่มจากใครก่อนดี ไอ้ธาม ไอ้ทรงกลด หรือไอ้ภรพ อยากได้ใครไปอยู่เป็นเพื่อนในนรกก่อน”
คณินแสร้งทำเป็นกินและกลืนยาลงไปอย่างเร็ว มนชิตตกใจ ไม่คิดว่าคณินจะกล้า
“ผมทำตามเงื่อนไขแล้ว คราวนี้ส่งยามาได้แล้ว”
“ผมเอาไปให้มันเองครับ”
“ใครบอกว่าอั๊วจะให้มัน”
มนชิตเหลือบมองยาในมือเล้งด้วยความตกใจ เมื่อเล้งจุดไฟแช็กขึ้น คณินกัดฟันด้วยความโกรธ ขยับเท้าจะเข้าหาเล้ง
“อย่านะ”
เล้งหัวเราะลั่นอย่างสบายอารมณ์
“อั๊วชอบเหลือเกิน เวลามีคนร้องขอชีวิต”
เล้งจุดไฟเผายาทิ้งแล้วเหยียบจนแบน
“ไอ้สารเลว”
คณินตกใจ มนชิตตาเหลือก เล้งหัวเราะลั่นเหมือนคนบ้า ก่อนยัดปืนใส่มือมนชิตแล้วเดินออกไป
“ฆ่ามันซะ”
คนของมนชิตกรูเข้าล้อมหน้าล้อมหลังคณินไว้

ที่บ้านคณิน คนร้ายที่รอดชีวิตประมาณ 3-4 คน ถูกมัดรวมกันไว้ ที่เหลือตายเกลื่อน
 
เส็งเข็นรถเข้ามาแล้วมองหน้าคนร้ายสายตาไร้ความปราณี
“พวกลื้อเป็นคนของใคร”
กริชขยับเท้าออกจากกลุ่มลูกน้องแก๊งกวางสวรรค์ของตัวเองที่แต่ละคนได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
“ผมต้องขอโทษเถ้าแก่และทุกคนในครอบครัวแทนป๊าผมด้วย”
“ไอ้บุ๊ง”
กริชมองหน้าวิภาดาอย่างสำนึกผิดและเสียใจ
“อั๊วจะทำยังไงกับมันดี”
“ผมขอรับผิดทั้งหมดแทนป๊าครับ”
“ไหวเรอะ”
เส็งชักปืนออกมา วิภาดาหน้าเสีย ลงไปนั่งคุกเข่า
“ป๊าอย่าทำอะไรเขาเลย เขาช่วยชีวิตหนูไว้”
“นั่นสิเฮีย ที่พวกเรารอดมาได้ก็เพราะอียื่นมือเข้ามาช่วย ไม่ได้อี พวกเราอาจซี้แหงแก๋ไปแล้วก็ได้”
เส็งหยุดคิด ทุกคนต่างลุ้นว่าเส็งจะทำอย่างไร
“พาป๊าลื้อไปจากที่นี่ซะ”
กริชกับวิภาดาตกใจอึ้ง ก่อนจ้องมองกันอย่างหมดอาลัยตายอยากในความรักที่หมดหวัง กิตติแอบมองอยู่ล่าถอยออกไป

คณินถูกรุมกระทืบ แต่ก็ยังสู้ไหว ลูกน้องทั้งหมดจะกรูเข้าใส่คณินอีก มนชิตยืนมองชักรำคาญ จึงขึ้นไกปืนแล้วส่องไปยังคณิน
“ไอ้คิ้ม แกตาย”
มนชิตกราดยิงไปทั่ว จนโดนคนของตัวเองตายไปหลายคน คณินคว้าลูกน้องมนชิตมาเป็นโล่กำบัง แล้วตะโกนถาม
“ที่ผ่านมา ฝีมือแกทั้งหมดใช่มั้ย”
“ใช่ อั๊วทำเองทุกอย่าง”
“ทุกศพ”

“ใช่ รวมทั้งศพแกด้วย”

มนชิตขึ้นไกจะลั่นปืน ฉับพลันลูกปืนปริศนาพุ่งมาเจาะข้อมือเขาจนทำให้ปืนกระเด็นไป
 
“โอ๊ย”
เจ้าของปืนปริศนาคือกิตติที่ซุ่มอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
“จับไอ้คิ้มให้ได้ อย่าให้มันรอดกลับไปเด็ดขาด”
ลูกน้องกรูเข้าไปหาคณิน แต่กลับชะงัก เพราะเห็นแก๊งพังพอน10 คน หัวหน้าแก๊งกระต่ายป่าวิ่งเข้ามาพร้อมอาวุธ สองแก๊งตะลุมบอลกันจนชุลมุน คณินต่อสู้กับมนชิตที่พยายามจะคว้าปืนให้ได้ กิตติอาศัยช่วงชุลมุนหยิบปืนแล้วเข้าต่อสู้กับคณินแทนมนชิตที่ถูกถีบกระเด็นไป พลางบอกมนชิต
“หนีไป”
มนชิตเห็นท่าไม่ดี เพราะลูกน้องถูกกระทืบจนปางตายแทบทุกคนแล้วจึงวิ่งหนีไป กิตติแอบบอกกับคณิน
“ที่บ้านเรียบร้อย”
กิตติวิ่งไปอีกคน คณินหยิบซากยาที่ถูกเผาขึ้นมาดูด้วยความหวัง แม้เหลือแค่เศษเล็กน้อย

ซินแสง้วงตักยาในหม้อขึ้นสูดกลิ่นแล้วชิมดู คราวนี้ถึงกับตาโต
“ลื้อรอดแล้วอาแพน”
ซินแสง้วงหันหลังจะออกไป แต่เห็นเตียงที่โอชินเคยนอนอยู่ว่างเปล่า เขามีลางว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่จึงรีบออกจากห้องลับไปบริเวณศาลเจ้า เห็นโอชินใช้ปิ่นปักผมจี้ที่คอแพนไว้ ขณะแพนหน้าซีดเซียว เลือดเลอะเต็มเสื้อ
“ปล่อยอาแพน”
“ขอโทษด้วย ฉันจำเป็นต้องใช้ผู้หญิงคนนี้”
โอชินลากแพนออกไปจากศาลเจ้าอย่างทุลักทุเล ซินแสง้วงเดินตามออกไป
“อย่าตามมา”
โอชินพาแพนหลบออกไปอย่างรวดเร็ว
 
ซินแสง้วงเดินตรงไปที่จุดสุดท้ายที่โอชินปรากฏตัว แล้วมองหาไปทั่ว แต่ไม่พบใครอีก

คณินเดินเข้ามาในบริเวณศาลเจ้า ซินแสง้วงตรงมาหา คณินยื่นห่อยาที่ถูกไฟไหม้ให้
 
“ได้มาแค่นี้”
“ไม่จำเป็นแล้ว เพราะอั๊วสกัดยาถอนพิษได้แล้ว”
“จริงหรือซินแส”
“ใช่ แต่ที่จริงยิ่งกว่าก็คือ อาแพนถูกอาโอชินจับตัวไป”
“ว่าไงนะ”
“รีบไปช่วยอี เหลือเวลาไม่มากแล้ว ถ้าพ้นคืนนี้ไป อีหมดลมแน่นอน”
คณินช็อก ก่อนจะวิ่งออกไป

ภายในโกดังร้าง เล้งตบมนชิตอย่างแรงจนเลือดกบปาก กิตติยืนรวมกลุ่มกับลูกน้อง 5 คน เงยหน้ามองด้วยความสะใจ
“ลื้อปล่อยให้มันหนีไปได้อย่างนั้นเหรอ”
“มีคนของแก๊งพังพอนมาช่วยมันครับ”
“แล้วคนของลื้อล่ะ มีตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงทำอะไรมันไม่ได้”
เล้งจับมือมนชิตที่โดนยิงแล้วบีบอย่างแรงจนมนชิตกรีดร้องด้วยความเจ็บ
“ลื้อมันไม่ได้เรื่อง”
โอชินเดินเข้ามาพร้อมแพนที่สภาพทรุดโทรมเต็มที
“แล้วทำไมนายใหญ่ถึงได้เลือกมัน”
ทุกคนหันขวับไปมองโอชิน กิตติตกใจตาเหลือก มนชิตตกใจแทนความเจ็บ ในขณะที่เล้งแปลกใจ
“นี่ลื้อยังไม่ตาย”
“ทำไมคะ นายใหญ่ผิดหวังเหรอที่ฉันยังอยู่”
“อั๊วจะผิดหวังได้ยังไง ในเมื่อลื้อคือมือดีที่ยังเหลืออยู่ของอั๊ว สวรรค์เข้าข้างอั๊วอีกแล้วใช่มั้ย”
โอชินมองมนชิตด้วยสายตาเลือดเย็น มนชิตหน้าซีดกว่าเดิม
“สวรรค์คงมีเหตุผลให้ฉันกลับมา”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ผู้หญิงที่ศัตรูของเรา รักมากที่สุด”

เล้งอึ้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
 
จบตอนที่ 9 
กำลังโหลดความคิดเห็น