ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 18
ภายในร้านของเฮง
ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก และหมวยเล็ก กำลังช่วยกันตักเศษข้าว และเศษอาหารเหลือใส่ชามรวมกัน หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จังหวะนั้นจางก็เดินเข้ามา พร้อมกับพูดทัก
“กินข้าวกันอยู่เหรอฮ้าฟ จางแจมด้วยคนสิ”
ตี๋ใหญ่หันมายิ้มรับ “ไม่ต้องแจม เตรียมไว้ให้แล้ว”
“ดี๊ดีอ่ะ”
จางพูดจบ ตี๋ใหญ่ก็ส่งชามเศษอาหารให้ ทำเอาฝ่ายแรกโวยลั่น
“โอ้โห นี่ข้าวหรืออ้วกหมาครับ”
ตี๋เล็กหันมาย้อนถาม “รังเกียจเหรอ”
“มากเลยแหละ แหม ใครจะไปกินลง”-
เฮงรีบบอก “กินไม่ลงก็ยกไปล้างให้หมด”
จางหน้างอทันที “โห่ มาถึงยังไม่ได้กินอะไรเลย ใช้งานแระ”
“งั้นก็ไปหาอะไรกินซะ”
“แล้วก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกชิมิ”
เฮงพยักหน้ารับ “ถูก”
จางทำแกล้งงอน สะบัดหน้ายกจานชามออกไปล้าง หมวยเล็กหัวเราะขำ
“แหม เจ้านายลูกน้องคู่นี้ รู้ใจกันซะจริง”
เฮงนึกขึ้นมาได้ รีบหันมาบอกลูกๆ “เอ้อ วันนี้เตี่ยมีแขกสำคัญมาที่บ้านนะ”
ตี๋เล็กทำสำเนียงแขกล้อเลียนเตี่ย “อีนี้เป็นแขกมาจากประเทศไหนเหรอจ๊ะ เตี่ยจ๋า”
แต่เฮงไม่ขำด้วย กลับทำเสียงจริงจัง “ลื้ออย่าทำเป็นเล่นไปนะตี๋เล็ก เพื่อนเตี่ยคนนี้ไม่ธรรมดานะ”
หมวยเล็กโยนมุกต่อ “ไข่ดาวกี่ฟองเตี่ย”
“ 2 ฟอง จะบ้าเหรอ เพื่อนเตี่ยไม่ใช่ผัดกระเพรา เพื่อนเตี่ยเป็นเจ้าพ่อฮ่องกง”
ทั้งตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก และหมวยเล็กอุทานขึ้นมาพร้อมกัน “เจ้าพ่อฮ่องกง”
“ใช่ เจ้าพ่อฮ่องกง”
ขาดคำ จางก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมา “เจ้าพ่อฮ่องกง”
เฮงทำหน้าเซ็ง “ แหม ดีเลย์เป็นเครื่องบินเลย”
“ก็ผมวิ่งมาไกลนี่ครับ เจ้าพ่อฮ่องกงอะไรเหรอเฮีย”
เฮงกวาดสายตามองทุกคน ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเพื่อนเจ้าพ่อให้ฟัง
รถตู้แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน พร้อมกับที่เฮงบรรยายถึงเพื่อนที่เป็นเจ้าพ่อ
“เตี่ยกับอาปิง เราเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็กๆ”
บอดี้การ์ดคนแรกค่อยๆ ก้าวออกมาจากรถ พร้อมกับกวาดตามองไปทั่ว เฮงเล่าต่อ
“เราต้องแยกจากกันเพราะอาปิงต้องกลับไปรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมังกรไฟต่อจากพ่อที่ฮ่องกง”
บอดี้การ์ดคนที่สองก้าวออกมาจากรถ ก่อนจะหยิบวิทยุสื่อสารออกมาพูด
“ตั้งแต่อาปิงรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมังกรไฟต่อจากพ่อ แก๊งมังกรไฟก็ผงาดขึ้นมายิ่งใหญ่ ไม่มีแก๊งไหน กล้ามาท้าทายอำนาจอีกต่อไป”
อาปิงแต่งตัวแบบผ้าขี้ริ้วห่อทอง ก้าวออกจากรถ ก่อนจะไถลลื่น ดีที่บอดี้การ์ดรีบประคองไว้ทัน
ทุกคนนั่งฟังกันหน้าสลอน เฮงรีบกำชับ
“เตี่ยเลยอยากให้พวกลื้อทำตัวให้ดี ถ้าจะฮาก็อย่าให้มันเลยเถิดมากนัก”
จางหน้าซีด “เฮียเล่ามาแบบนี้ ผมไม่กล้าฮาแล้วล่ะครับ”
เฮงหันมาทางลูกชายคนโต “โดยเฉพาะลื้อนะตี๋ใหญ่ ลื้อต้องรับรองแขกสำคัญอีกหนึ่งคน”
“ใครเหรอเตี่ย”
เฮงนิ่ง สีหน้าดูจริงจังมาก
“ไว้ลื้อรอเจอด้วยตัวเองดีกว่า”
“นี่จะแวะบ้านทรายทองเหรอเนี่ย”
อาปิงหันมาถามลูกสาว โศรยาก้าวออกมาจากรถตู้คันหรู พร้อมกับถือชะลอมลงมา อารมณ์เหมือนพจมานเดินเข้าบ้านทรายทอง
“ก็ของฝากให้เพื่อนแด๊ดไงคะ”
“แหม หิ้วชะลอมอย่างกับจะเข้าบ้านทรายทอง”
โศรยาทำเสียงงอนๆ “อย่ามาแซวหนูนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าชอบจำเลยรักมากกว่าบ้านทรายทอง หนูเปลี่ยน
ชื่อเป็นพจมานไปแล้วแหละ”
“อ่ะๆๆ ไม่ต้องงอนๆ เดี๋ยวก่อนกลับฮ่องกง แด่ดี๊จะพาไปซื้อซีรีส์ ซื้อละครที่สะพานเหล็ก ดูให้ตาแฉะเลย”
อาปิงพูดจบ ก็รีบเดินนำโศรยาเข้าบ้านแก้วกัลยา โดยมีบอดี้การ์ดเดินตามไปติดๆ
หญิงใหญ่ ที่กำลังช่วยจัดโต๊ะอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับชายเล็กและฮันนี่ หันไปเห็นอาปิง โศรยาและบอดี้การ์ดเดินเข้ามา ก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีค่า”
บอดี้การ์ดรีบปราดเข้ามาขวางหญิงใหญ่ ไม่ให้เข้าใกล้อาปิงกับโศรยามาก ฮันนี่เห็นท่าทีของบอดี้การ์ด
ก็ปรี่เข้ามาหาหญิงใหญ่
“ตอนนี้อาหารยังไม่พร้อมนะคะ ถ้าจะทานรบกวนนั่งรอสักครู่ค่ะ” หญิงใหญ่พูดอย่างสุภาพ
อาปิงทำเสียงเข้ม “ฉันไม่ได้มากินอาหาร”
ฮันนี่ทำหน้างง “อ้าว แล้วมาทำแมวอะไรล่ะคะ”
บอดี้การ์ดคนแรกหันไปตวาดกลับ
“ เฮ้ย พูดกับนายฉันดีๆ หน่อย รู้มั้ยว่านายฉันเป็นใคร”
ฮันนี่มองสารรูปอาปิงหัวจดเท้า “คนถีบสามล้อเหรอ”
อาปิงพยักหน้ารับ “ มีของเก่าไม่ใช่แล้วจะขายมั้ย จะบ้าเหรอ ฉันเป็นเจ้าพ่อ หัวหน้าแก๊งมังกรไฟ”
แก้วกัลยากับหญิงเล็กได้ยินเสียงเอะอะ ก็รีบเดินออกมาดู
“มีเรื่องอะไรกันน่ะ”
ชายเล็กรีบหันมาบอก “ไม่รู้เหมือนกันครับแม่”
โศรยาพูดขึ้นมาบ้าง “พวกเรามาหาเถ้าแก่เฮงค่ะ”
“เถ้าแก่เฮงไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ค่ะ”
หญิงใหญ่พูดจบ โศรยาก็เสียงแข็งขึ้นมาทันที “แล้วอยู่หลังไหนไม่ทราบ”
จังหวะนั้นเสียงของเฮงก็ดังสวนขึ้นมา “อาปิง”
ทุกคนหันไปมอง เห็นเฮงยืนอยู่ที่ริมรั้ว
“นี่ บ้านอั๊วหลังนี้”
“รู้แล้วใช่มั้ยคะ ว่าหลังไหน”
หญิงใหญ่มองหน้าโศรยานิ่งๆ อารมณ์เคืองๆ ที่มาทำเสียงแข็งใส่ อีกฝ่ายมองกลับหน้านิ่งเช่นกัน
อาปิง โศรยาและบอดี้การ์ดเดินออกจากบ้านแก้วกัลยา มาเจอเฮง ตี๋ใหญ่ จาง ที่เดินออกมาจากบ้านพอดี
“เวลคัม ทู ไทยแลนด์”
เฮงพูดจบก็ถลาเข้ากอดกับอาปิงแบบชื่นมื่น แก้วกัลยา ที่เดินออกจากบ้านมาพร้อมกับหญิงใหญ่และ
ฮันนี่ทำหน้าไม่พอใจ
“นี่ นัดกับเพื่อนทำไมไม่นัดให้มันดีๆ ยะ เพื่อนเข้าผิดบ้าน แถมยังมาทำกิริยาไม่ดีอีกเนี่ย”
เฮงหันไปยักคิ้วแผล่บ “แหม บ้านติดกันแบบนี้ เข้าผิดนิดผิดหน่อยจะเป็นอะไรนักหนาจ๊ะแม่คุณ”
อาปิงมองแบบหยันๆ “งอแงแบบนี้จะเรียกร้องค่าเสียหายน่ะสิ จะเอาเท่าไหร่”
หญิงใหญ่เชิดหน้าใส่ “พวกเราไม่ต้องการเงินค่ะ แต่ถ้ายังพอมีมารยาทบ้าง จะขอโทษสักนิด เราก็ยินดี”
ฮันนี่รีบยกนิ้วโป้งให้ “ กดไลค์หนึ่งทีค่ะ”
แก้วกัลยายกนิ้วโป้งตาม “ให้อีกหนึ่งไลค์”
โศรยารีบเดินรี่เข้าหาหญิงใหญ่ท่าทางเอาเรื่อง
“ฉันว่าฉันไม่ได้ผิด จนถึงขั้นจะต้องขอโทษพวกเธอนะ”
หญิงใหญ่สะบัดหน้ากลับ “ ก็แล้วแต่คุณแล้วกัน”
ตี๋ใหญ่รีบสะกิดบอกเตี่ย “เตี่ย เคลียร์หน่อยสิ”
เฮงรีบหันมาทางบ้านแก้วกัลยา
“นี่ เพื่อนฉันคนนี้เป็นหัวหน้าแก๊งมังกรไฟ เจ้าพ่อฮ่องกงเชียวนะ แน่ใจนะว่าจะให้ขอโทษ”
“เอ่อ นี่เคลียร์ใช่มั้ยเนี่ย”
จางย้อนถาม ตี๋ใหญ่รีบถามย้ำกับเตี่ย
“นั่นดิเตี่ย เคลียร์หรือจะเชียร์ให้มีเรื่องกันเนี่ย”
อาปิงเดินเข้าไปโอบโศรยา “และนี่ก็เป็นลูกสาวคนเดียวของฉัน ซึ่งจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนายหญิงของแก๊งมังกรไฟคนต่อไป”
เฮงรีบพูดต่อ “โดยมีตี๋ใหญ่ลูกชายอั๊ว เป็นว่าที่สามีและจะเป็นนายใหญ่ของแก๊งมังกรไฟคนต่อไป”
ตี๋ใหญ่ชะงัก อึ้ง “เฮ้ย นี่พูดเล่นหรือพูดเล่นเนี่ยเตี่ย”
“ไม่ได้พูดเล่น พูดจริง”
ตี๋ใหญ่ยิ่งตกใจหนัก หญิงใหญ่ก็อึ้งไม่แพ้กัน แก้วกัลยากับฮันนี่ก็พลอยอึ้งไปด้วย
ตี๋เล็กตกใจหลังจากรู้ว่าตี๋ใหญ่จะเป็นหัวหน้าแก๊งมังกรไฟคนต่อไป
“เฮียจะไปเป็นหัวหน้าแก๊งมังกรไฟคนต่อไป นี่อำกันใช่มั้ยเตี่ย”
เฮงหันมาบอกกับทุกคนที่นั่งเบียดกัน จนแลดูน่าอึดอัด ด้วยสีหน้าจริงจัง
“จริง เตี่ยกับอาปิงเคยตกลงกันไว้ว่า ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะให้ตี๋ใหญ่กับอาโศรยามาคบหากัน”
โศรยารีบพูดขัดขึ้นมา “เอ่อ มีใครอึดอัดกันบ้างมั้ยคะเนี่ย”
อาปิงรีบหันไปสั่งบอดี้การ์ด “มึง 2 คนออกไปข้างนอกก่อนไป มายืนแย่งอากาศหายใจอยู่ได้”
2 บอดี้การ์ดรีบเดินออกไป จางหันไปทำปากยี้ใส่
“เอ้อ อยู่แล้วไม่มีประโยชน์จะมาเสนอหน้าอยู่ทำไม”
แต่เจอเฮงตะคอกกลับ “ลื้อด้วย”
“ผมด้วย?”
“เออ ลื้อคนเดียวเท่ากับไอ้ 2 คนเมื่อกี๊รวมกันเลยล่ะ ออกไปพองตัวข้างนอกโน้น”
จางทำหน้างอ “คนนะไม่ใช่ปลาปักเป้า”
เฮงสวนกลับอีกดอก “คางคกโว้ย”
จางทำหน้าเซ็ง ก่อนจะเดินออกไป เฮงหันมามองอาปิง
“ลื้อนี่แต่งตัวซกมกเหมือนเดิม ไม่สมกับเป็นเจ้าพ่อเลย”
“ฉันไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใครน่ะ”
ตี๋ใหญ่รีบพูดขัดขึ้นมา “เอ่อ คุยเรื่องผมกันต่อมั้ยครับ สรุปมันยังไงกันแน่”
ตี๋เล็กพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ เฮียจะไปเป็นหัวหน้าแก๊งเจ้าพ่อ อั้วนี่งงเลย”
เฮงรีบอธิบาย “อย่างที่บอก เตี่ยกับอาปิงคุยกันไว้นานแล้ว ว่าจะให้ตี๋ใหญ่กับอาโศรยาลองคบหากัน”
“ว่าไงโศรยา เจอตัวพี่เค้าแล้วรู้สึกยังไงบ้าง” อาปิงหันมาถามลูกสาว
“ก็โอเคค่ะแด๊ด” โศรยายิ้มหวาน ก่อนจะหันมาพูดกับตี๋ใหญ่ “แล้ววันนี้เฮียไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“เดี๋ยวก็จะไปแล้วล่ะครับ”
เฮงรีบยุ “ พาน้องไปด้วยสิตี๋ใหญ่ เปิดตัวซะ สาวๆ ที่ออฟฟิศจะได้ไม่ต้องมาเกาะแกะอีก”
อาปิงตาโต “โห นี่เสน่ห์แรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
เฮงทำหน้าภูมิใจ “ ก็พอตัว อั๊วก็หวั่นๆ ว่าลูกสาวคนโตบ้านนั้น จะมาหลงเสน่ห์ลูกอั๊วอยู่”
“ลูกสาวคนโตบ้านข้างๆ นี่เหรอคะ” โศรยาถามย้ำ
“ใช่ คนที่จะมีเรื่องกับหนูนั่นแหละ อีทำงานอยู่ที่เดียวกับตี๋ใหญ่”
“ถ้าอย่างนั้นโศรคงต้องขอตามเฮียตี๋ใหญ่ไปเที่ยวที่ออฟฟิศหน่อยแล้วล่ะค่ะ”
ตี๋ใหญ่หน้าเครียด ขณะที่โศรยายิ้มกริ่ม เหมือนมีแผนการบางอย่าง
หมวยเล็กกับชายเล็กเดินไปโรงเรียนด้วยกัน พอเห็นเสี่ยชาญที่แกว่งแขนออกกำลังกายอยู่ในสวน ก็พูดทักทาย
“แกว่งเบาๆ นะเสี่ย รุ่นนี้อะไหล่หายากแล้วนะ”
ชายเล็กยิ้มขำ “แบบนี้เซียงกงเยอะแยะ”
“เฮ้ย คนนะไม่ใช่อะไหล่รถ แซวมากเดี๋ยวก็ฟ้องเตี่ยกับแม่ลื้อซะหรอก” เสี่ยชาญพูดขู่
“อย่าเลยเสี่ย เมื่อเช้าก็จะมีเรื่องกันมาทีนึงแล้ว”
เสี่ยชาญทำหน้าตกใจ “มีเรื่องอะไรกันอีกล่ะ”
“วันนี้ที่บ้านมีเจ้าพ่อมาจากฮ่องกงน่ะเสี่ย แล้วเข้าผิดบ้านยังไงไม่รู้ เตี่ยกับแม่ชายเล็กเลยง้องแง้งกันนิดนึง”
ชายเล็กพลิกดูนาฬิกาข้อมือ แล้วรีบบอก “รีบไปโรงเรียนเถอะ สายแล้ว”
“ไปก่อนนะเสี่ย”
ทั้งคู่รีบเดินออกไป เสี่ยชาญพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“เจ้าพ่อเข้าผิดบ้าน สงสัยเจ้าพ่อจะศักดิ์เสียด ก็เลยแย่งตัวเจ้าพ่อกัน”
ตี๋ใหญ่เดินนำโศรยาและบอดี้การ์ดมาตามทางเดินในออฟฟิศ จนมาถึงโต๊ะหญิงใหญ่ อัครเดชรีบลุกพรวดขึ้นยืน
“หวัดดีครับผู้ช่วย”
บอดี้การ์ดตกใจ ทำท่าจะควักปืน อัครเดชรีบมุดโต๊ะหลบ ภรณีรีบก้มหลบตาม ยกเว้นหญิงใหญ่นั่งทำงานนิ่งๆ
ตี๋ใหญ่หันมาแนะนำ “เอ่อ ลูกน้องผมเองครับ”
โศรยาหันไปดุบอดี้การ์ด “ ระวังกิริยาหน่อย”
“ขอโทษครับนายหญิง”
ภรณีทำหน้างงๆ “เอ่อ นี่ผู้ช่วยพาใครมาคะเนี่ย”
อัครเดชค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากใต้โต๊ะ “ นั่นสิครับ ท่าทางดูเป็นมิตรมากเลย”
“ดูเป็นมิตรตรงไหนของแก” ภรณีย้อนถาม
“ก็มิจฉาชีพน่ะสิ โห้ดโหด”
โศรยาเหล่มองหญิงใหญ่ที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ แต่อีกฝ่ายก้มหน้าทำงานไม่สนใจ ตี๋ใหญ่รีบแนะนำ
“นี่คุณโศรยาครับ เป็นลูกสาวเพื่อนเตี่ยผมเอง”
โศรยายิ้มรับ “สวัสดีค่ะ ต้องขอโทษแทนลูกน้องเตี่ยฉันด้วยนะคะ”
ขาดคำ หญิงใหญ่ก็พูดลอยๆ ขึ้นมา “อ่อ ขอโทษก็เป็นนี่”
“ว่าไงนะ”
ตี๋ใหญ่กลัวจะมีเรื่องอีก รีบพูดตัดบท “เอ่อ ไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานเฮียดีกว่านะ”
ว่าแล้วก็รีบพาโศรยาเดินไปที่ห้องทำงาน ภรณีหันขวับมาทางหญิงใหญ่
“เฮ้ย เค้าเป็นใครมาจากไหนวะแก”
“เป็นลูกสาวเจ้าพ่อฮ่องกงน่ะ”
อัครเดชถามต่อ “ประทับทรงเจ้าองค์ไหน?”
หญิงใหญ่หันมาตอบหน้าตาย “เจ้าพ่อเห้งเจีย”
อัครเดชทำท่าลิงใส่ “เจี๊ยกๆๆๆๆ”
ภรณีทำหน้าเอือม “ไอ้นี่ก็พาออกนอกเรื่องตลอด” ก่อนจะหันมาพูดกับหญิงใหญ่ “ท่าทาง เค้าดูสนิทสนมกับผู้ช่วยเนอะ”
หญิงใหญ่พยักหน้ารับ “ก็เห็นว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันน่ะ”
ภรณีทำหน้าตกใจ “อั๊ยย่ะ งั้นแกต้องไปถวายสังฆทานแล้วล่ะ เพราะดูท่านางจะเปิดศึกกับแกอยู่นะ”
อัครเดชรีบแทรกขึ้นมาอีก “ถวายสังฆทานไม่น่าพอ สร้างพระประธานสักองค์เลยดีกว่า”
หญิงใหญ่แอบทำหน้าเครียด
โศรยานั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตี๋ใหญ่ โดยมีบอดี้การ์ดยืนอยู่ใกล้ๆ
“ออกไปรอนอกห้อง”
บอดี้การ์ดรับคำ “ครับ นายหญิง”
จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องไป โศรยารีบหันมาถามเข้าประเด็น
“ลูกสาวเจ้าของร้านอาหารคนนั้น เค้ามีแฟนรึยังคะเฮีย”
“แก้วกรรณิการ์น่ะเหรอ เฮียก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ”
โศรยาทำตาโต “ นี่รู้ชื่อจริงกันด้วยเหรอคะ”
“อ้าว ทำงานด้วยกันก็ต้องรู้ชื่อกันสิ”
“แล้วรู้ใจกันด้วยรึเปล่าคะ” โศรยาย้อนถาม
ตี๋ใหญ่อึกอัก “รู้ใจกันแบบไหนล่ะ”
โศรยายิ้มกริ่ม พลางคิดในใจ “หึ อึกอักแบบนี้แสดงว่ามีซัมติงอะไรกันแน่ๆ อย่าหวังเลยว่าฉัน
จะยอม ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ”
โศรยาโยกหน้ารับกับเสียงหัวเราะใหญ่ในใจ ตี๋ใหญ่หันมาเห็น ก็งงว่าเป็นอะไร
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ น้ำขิงซักแก้วมั้ย”
“เปล่าค่ะเฮีย ส่วนเรื่องแก้วกรรณิการ์ หวังว่าเฮียคงจะไม่ได้คิดอะไรกับเค้านะคะ”
“ครับ” ตี๋ใหญ่เริ่มอึดอัดใจ แต่ก็ไม่แสดงอาการอะไรออกมา
ส่วนที่บ้านของเฮง เจ้าของบ้านกำลังนั่งคุยอยู่กับอาปิง ก่อนที่จางจะเดินเข้ามาเสิร์ฟกระเพาะปลา
“กระเพาะปลาสูตรเด็ด ซิกเนเจอร์ของร้านนี้ครับผม”
เฮงรีบนำเสนอ “ฝีมือตี๋เล็กลูกชายอั๊วเอง”
“เหรอ ท่าทางลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้นเลยนะเนี่ย”
จางรีบพูดต่อ “กระเพาะปลาร้านเราคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดครับ เฮียนี่เลือกหนังหมูอย่างดีมาทำ
ให้ลูกค้ากินเลย”
เฮงเผลอผยักหน้ารับ “ใช่ นี่เป็นหนังหมูออแกนิก เลี้ยงแบบฟาร์มเปิดให้หมูวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า” ก่อนจะหันไปถุยใส่หน้าจาง “ถุย! กระเพาะปลาร้านอั๊วของแท้ ไม่ใช่หนังหมู”
จางทำหน้ากวน “ ก็หยอกเล่นหนุกหนาน มาเป็นฟองเลย”
ระหว่างนั้น เสี่ยชาญก็เดินเข้ามาพร้อมดอกไม้ธูปเทียน “ซาหวักลี”
เฮงทำหน้าสงสัย “ลื้อจะไปไหว้เจ้าที่ไหนวะเสี่ย”
“ก็ที่บ้านลื้อนี่ไง อาหมวยเล็กบอกว่าวันนี้มีเจ้าพ่อมาจากฮ่องกงไม่ใช่เหรอ อีประทับเจ้าองค์ไหนวะ”
จางรีบบอก “เจ้าพ่อเห้งเจียครับเสี่ย”
ขาดคำ อาปิงก็ทำท่าสั่นเป็นเจ้าเข้า ก่อนจะทำหน้าลิงเป็นเจ้าพ่อเห้งเจีย
เสี่ยชาญมองแบบทึ่งๆ “เจ้าพ่อประทับร่างแล้ว สวดยวดไปเลย”
จางทำหน้าทะเล้น “ขอ 2 ตัวตรงๆ ได้มั้ยครับเจ้าพ่อ”
“เอาไปสาม”
จางพูดสวนกลับ “อย่าบอกว่าลูกหมา”
“ 3 กระโหลกนี่แหละ”
ขาดคำ อาปิงก็เขกกระโหลกจางไป 3 ทีหนักๆ
เฮงรีบหันมาบอกเสี่ยชาญ “ เจ้าพ่อเข้าทรงที่ไหนไม่มีหรอก”
“อ้าว ไม่ใช่เจ้าพ่อแล้วไอ้นี่เป็นใครเนี่ย คนถีบสามล้อเหรอ”
เสี่ยชาญพูดยังไม่ทันจบดี ก็ถูกบอดี้การ์ดปรี่เข้ามาล็อกตัวไว้ “ว่าใครถีบสามล้อเฮ้ย”
เสี่ยชาญตกใจ “เฮ้ย นี่มันอะไรกันวะอาเฮง”
เฮงรีบหันมาแนะนำกับอาปิง “นี่เสี่ยชาญ เพื่อนอั๊วเอง”
“ปล่อยมัน”
อาปิงหันไปสั่ง บอดี้การ์ดรีบปล่อยตัวเสี่ยชาญ
“นี่อาปิงเพื่อนอั๊ว เป็นหัวหน้าแก๊งมังกรไฟ เจ้าพ่อใหญ่แห่งเกาะฮ่องกง”
เสี่ยชาญตาโต “เป็นเจ้าพ่อฮ่องกง”
“ทำไม อั๊วดูไม่เหมาะกับเป็นเจ้าพ่อรึไง” อาปิงทำหน้าไม่พอใจ
“โอ๊ย เหมาะครับพี่ ดีครับผม สวดยอดครับท่าน อั๊วนี่มีตา หามียายไม่”
เสี่ยชาญพูดประจบ จางช่วยแก้คำให้ “แวว”
“อั๊วกำพร้ายายตั้งแต่ยังไม่เกิด”
เสี่ยชาญพูดพร้อมกับเข้าไปบีบนวดเอาใจอาปิง
ทางด้านที่ทำงานของตี๋ใหญ่
หญิงใหญ่กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ฉายโปรเจ็กเตอร์เพื่อการพรีเซนต์อยู่ในห้องประชุม โศรยาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเข้มขรึม
“ทำอะไรอยู่เหรอ”
หญิงใหญ่ทำงานไปด้วย ตอบไปด้วย “เตรียมพรีเซนต์งานค่ะ”
“ถามอะไรอย่างสิ”
หญิงใหญ่ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ปากก็พูดไปด้วย “หลายอย่างก็ได้ค่ะ”
“อย่างเดียวนี่แหละ แต่ขอให้ตอบความจริงแล้วกัน”
หญิงใหญ่หยุดทำงานทันที “เชิญค่ะ”
ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับโศรยาอย่างไม่เกรงกลัว ฝ่ายหลังยิ้มกริ่ม ก่อนจะปั้นหน้าขรึมและยิงคำถามตรงประเด็น
“เธอคิดอะไรกับเฮียตี๋ใหญ่หรือเปล่า”
หญิงใหญ่อึ้งไปเล็กน้อย “คุณตี๋ใหญ่ก็เป็นเจ้านายที่ดี”
โศรยารีบตัดบททันที “ฉันหมายถึงเรื่องความรัก แบบแฟนน่ะ”
ภรณีเดินเข้ามา เห็นบรรยากาศกำลังตึงเครียด
“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าแก”
“ไม่มีอะไรหรอก” หญิงใหญ่หันมาบอกเพื่อน ก่อนจะหันมาพูดกับโศรยา “ฉันกับผู้ช่วย เราเป็นแค่เจ้านายลูกน้องเท่านั้นค่ะ ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านี้”
โศรยายิ้มกว้าง “ดี ไม่มีอะไรกัน ฉันก็สบายใจ”
ภรณีรีบเสนอหน้าบ้าง “ส่วนฉันกับผู้ช่วย..”
โศรยารีบตัดบท “ เธอไม่ต้อง”
ภรณีหน้าจ๋อย “อ้าว เดี๋ยวจะไม่สบายใจนะคะ”
โศรยายิ้มเยาะ “บล็อกหน้าแบบนี้ ไม่ใช่ทางเฮียตี๋ใหญ่แน่นอน”
ภรณีมองหน้าโศรยาแล้วแอบด่าในใจ “แหม สวยตายล่ะแก”
โศรยาเชิดหน้าหยิ่งใส่ “ก็สวยกว่าเธอก็แล้วกัน”
พูดจบก็รีบเดินออกจากห้องไป ภรณีทำหน้างง ว่ารู้ความคิดเธอได้ยังไง
“เฮ้ย นี่ฉันคิดดังขนาดนั้นเลยเหรอ รู้ได้ไงแว้”
“แหม ก็เล่นหน้าชัด อย่างกับนางร้ายในละครซะขนาดนั้น ใครก็เดาถูกว่าคิดอะไร”
หญิงใหญ่พูดยิ้มๆ ก่อนจะทำหน้าเครียดที่มีปัญหากับโศรยา
ตี๋ใหญ่เดินถือแฟ้มงาน นำหน้าโศรยาเดินออกมาจากห้องทำงาน โดยมีบอดี้การ์ดตามมาติดๆ
“เอกสารที่ต้องเซ็น ผมเซ็นให้หมดแล้วนะ”
พูดพลางยื่นส่งแฟ้มเอกสารให้หญิงใหญ่
“ขอบคุณค่ะ”
โศรยาหันมายิงคำถามต่อ “เฮียตี๋ใหญ่บอกว่า ร้านอาหารของเธอเป็นอาหารไทยชาววังงั้นเหรอ”
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ฉันขอพิสูจน์หน่อยสิ ว่าจะอร่อยอย่างที่ร่ำลือกันรึเปล่า”
ตี๋ใหญ่รีบพูดขัดขึ้นมา “เอ่อ วันนี้เตี่ยบอกว่าจะทำอาหารเลี้ยงเถ้าแก่ปิงอยู่นะครับ”
โศรยาโวยวายเสียงดัง “แต่โศรอยากกินอาหารไทย”
บอดี้การ์ดเห็นโศรยาโกรธ ก็ทำท่าจะควักปืนยิง ตี๋ใหญ่ถึงกับสะดุ้ง ภรณีกับอัครเดชพลอยหลบไปด้วย
โศรยาหันไปทำหน้าดุใส่บอดี้การ์ด
“นี่ ปืนนะไม่ใช่อมยิ้ม เอะอะควัก เอะอะควัก คนเค้าตกใจ เห็นมั้ยเนี่ย”
บอดี้การ์ดหน้าเจื่อน “ขอโทษครับ พอดีเห็นคุณโศรไม่พอใจน่ะครับ”
ตี๋ใหญ่รีบพูดปราม “ค่อยๆ คุยนะโศร เดี๋ยวปืนลั่นโป้งป้างขึ้นมาจะยุ่ง”
“แต่โศรอยากทานอาหารไทยค่ะ แล้วเตี่ยก็ตามใจโศรทุกอย่างอยู่แล้ว เฮียไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
ตี๋ใหญ่เริ่มเครียด เพราะกลัวจะไปมีเรื่องกันอีก
“เธอคงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย” โศรายาหันไปถามหญิงใหญ่
“ถ้ามากิน ไม่ได้มาก่อกวน ก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ดี ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เจอกัน”
โศรยาพูดจบ ก็เดินนำออกไป ตี๋ใหญ่มองหญิงใหญ่ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ก่อนจะรีบเดินตามไป ภรณีหันมองหญิงใหญ่อย่างเป็นห่วง
“ไหวมั้ยแก ให้พวกฉันไปช่วยที่ร้านมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ฉันว่าฉันเอาอยู่”
อัครเดชรีบพูดเอาหน้า “เทคแคร์นะแก้ว มีอะไรโทรหาเราได้เสมอนะ”
ภรณีมองค้อน “ ถ้าเป็นห่วง ก็ไปดูแลให้ถึงที่ร้านเลยสิ”
“โอ๊ย ฉันไปทีไรมีเรื่องทุกที แล้วนี่ลูกสาวเจ้าพ่อด้วย ขืนฉันไป งานนี้คงยิงกันเลือดสาด”
หญิงใหญ่ครุ่นคิด สีหน้าเคร่งเครียด
แก้วกัลยานั่งหน้าเครียดอยู่ในบ้าน ก่อนที่หญิงเล็กกับฮันนี่จะเดินเข้ามา
“อ้าวแม่ ไม่สบายหรือเปล่าคะเนี่ย”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรหรอกลูก”
ฮันนี่ทำหน้าสงสัย “อ้าว แล้วมานั่งเครียด เรียกรอยตีนกาอยู่ทำไมล่ะคะบอส”
แก้วกัลยามองตาขวาง “นังฮันนี่”
“ก็ฮันนี่ไม่อยากให้เครียด เพราะเครียดมากๆ ตีนกาจะมานะคะบอส”
“เครียดเรื่องอะไรเหรอคะแม่” หญิงเล็กถามอย่างเป็นห่วง
“ก็ไอ้เจ้าพ่อฮ่องกงฟุตน่ะสิ”
หญิงเล็กรีบปิดปากแม่ “ ฮ่องกงเฉยๆ ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเค้าได้ยินเราจะแย่”
“แม่ไม่แคร์หรอก แม่ไม่ชอบพวกนักเลงหัวไม้”
“แล้วเจ้าพ่อเค้าจะมายุ่งอะไรกับเราเหรอคะบอส” ฮันนี่ถามอีก
“ลูกสาวมัน จะมากินอาหารที่ร้านเราคืนนี้น่ะสิ”
หญิงเล็กตกใจ “แล้วแม่ว่าไงคะ”
ฮันนี่พูดแทรกขึ้นมาทันที “ ระดับนี้ปฏิเสธไปชัวร์ มันต้องอย่างนี้สิคะบอส เค้าถึงจะเรียกว่าคนจริง”
แก้วกัลยาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันบอกขอคิดดูก่อน”
ฮันนี่ส่ายหัวดิก “โห่ คิดว่าจะเก๋า”
“ฉันก็กลัวมันจะมาอาละวาดที่ร้านฉันน่ะสิ หรือแกเก๋าล่ะ”
“ฮันนี่ไม่เก๋าค่ะ ฮันนี่เป็นคนเกร๋ๆ”
หญิงเล็กรีบเสนอ “ตอบรับเค้าไปเถอะค่ะแม่ เอาเงินเข้าร้านก่อนดีกว่า หนูว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
แก้วกัลยาครุ่นคิดหนัก
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 18 (ต่อ)
ทางด้านเฮงก็กำลังเครียดไม่แพ้กัน
“ทำไมต้องไปกินร้านนั้นด้วย อั๊วอุตส่าห์เตรียมของดีๆ ไว้ทำอาหารให้ลื้อตั้งเยอะ”
อาปิงที่นั่งอยู่ใกล้ๆ รีบหันมาบอก
“ก็ลูกสาวฉันอยากไปกินร้านนั้นนี่ ฉันบอกแล้วว่ากินที่นี่ก็ได้ แต่ก็ไม่ยอม”
หมวยเล็กที่ทำการบ้านอยู่แถวนั้น รีบพูดสนับสนุน
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดีนะเตี่ย กินแต่ที่บ้าน เบื่อจะแย่ล่ะ”
จังหวะนั้นตี๋เล็กเดินเข้ามาได้ยินพอดี “ไปกินไหน อั๊วไปด้วยสิ”
เฮงทำหน้าเซ็ง “ไปร้านนังลิเกหลงวิก ลื้ออยากไปเหรอ”
ตี๋เล็กเผลอยิ้มดีใจ “อยากสิเตี่ย”
เฮงทำหน้าแปลกใจ “ทำไมดีใจจัง”
ตี๋เล็กอึกอัก รีบพูดกลบเกลื่อน “เอ่อ ไปกินร้านนั้น อั๊วจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำกับข้าวไงเตี่ย ไหนจะ
ล้างจานอีก”
หมวยเล็กเห็นดีด้วย “ใช่ หมวยก็ขี้เกียจล้างจานเหมือนกัน ไปอุดหนุนร้านเค้าวันนี้ วันหน้าเค้าจะได้มา
อุดหนุนเราบ้างไง”
เสี่ยชาญเดินเข้ามาสมทบ “ไปไหนกัน อั๊วไปด้วยสิ”
อาปิงรีบบอก “ไปถล่มแก๊งคู่อริ”
เสี่ยชาญหน้าซีดเผือด “ลืมไปว่าตากผ้าไว้ กลับไปเก็บก่อนนะ เดี๋ยวฝนตวก”
หมวยเล็กหัวเราะขัน “ แหม เสี่ยงตายล่ะถอยเลยนะเสี่ย”
“อั๊วไม่กลับหรอกน่า ตั้งแต่เย็นยังไม่ได้เกียนอะไรเลย”
อาปิงหันมาพูดอย่างเป็นการเป็นงาน
“นี่ วันนี้ลูกสาวฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกด้วยนะ สงสัยจะเป็นเรื่องอาตี๋ใหญ่”
เสี่ยชาญตาวาว “อ้าว อย่างนี้ก็ต้องฉลองสิ ใครเป็นเจ้าภาพดี”
เฮงสวนกลับอย่างรู้ทัน “กินฟรีว่างั้น”
“เรียกว่าร่วมเป็นสักขีพยานจะดีกว่า เรื่องดีๆ แบบนี้ อยู่ด้วยกันเยอะๆ จะได้คึกคัก”
เสี่ยชาญพูดจบ เฮงก็ทำหน้าคิดหนัก ที่จะต้องไปกินอาหารที่ร้านแก้วกัลยา
ฟากที่ร้านแก้วกัลยา
หญิงใหญ่และชายเล็ก กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารอยู่ ขณะที่แก้วกัลยาและหญิงเล็กช่วยกันยกอาหารออกมาจัดวาง
“อ้าว นังฮันนี่ไปไหนล่ะลูก ทำไมไม่มาช่วยกันจัดโต๊ะ”
ชายเล็กรีบบอก “พี่ฮันนี่ขอออกไปที่คลีนิกแป๊บนึงครับคุณแม่”
หญิงเล็กทำหน้าสงสัย “พี่ฮันนี่เป็นอะไรเหรอ”
หญิงใหญ่รีบบอก “เห็นบ่นปวดท้องน่ะ เดินตัวงอออกไปเป็นกุ้งเลย”
ระหว่างนั้น เฮงก็เดินนำเสี่ยชาญ ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก หมวยเล็ก อาปิง และโศรยาเข้ามา แก้วกัลยาหันไปเห็น ก็แอบทำหน้าเอือม
“แหม มากันยั้วเยี้ยเลยนะ”
เสี่ยชาญรีบขัดขึ้นมา “เยอะแยะดีกว่ามั้ย นี่คนนะไม่ใช่เพลี้ยกระโดด”
หญิงใหญ่รีบเชื้อเชิญ “เชิญนั่งค่ะ”
ทุกคนรีบนั่งลงที่โต๊ะ หญิงเล็กมองอย่างสงสัย
“เอ๊ะ แล้วลักยมหน้าเข้มไม่มาด้วยเหรอคะ”
ตี๋เล็กรีบบอก “เค้าเรียกบอดี้การ์ดครับคุณ”
เฮงหันมาทำหน้าดุ “แซวเจ้าพ่อ เดี๋ยวก็ได้ลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงหรอก”
อาปิงรีบพูดอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไร วันนี้วันดี ที่ลูกสาวฉันจะประกาศข่าวดี ไม่ว่าใครจะแซวอะไร ฉันก็จะไม่โกรธ”
หญิงใหญ่กับตี๋ใหญ่มองหน้ากัน อารมณ์คิดว่าจะหมั้นหมายกัน โศรยาแอบจับตาดูปฏิกิริยาของทั้งคู่ไม่วางตา
หญิงเล็กมองหน้าผากอาปิง แล้วแอบขำ
“แหม หน้าผากกว้างกี่ไร่คะเนี่ย ขอเช่าเปิดตลาดนัดหน่อยได้มั้ยคะ”
ตี๋เล็กรีบปราม “ เฮ้ย แซวแรงไปป่าว”
“อ้าว ก็เพื่อนเตี่ยนายบอกเอง ว่าวันนี้ใครแซวอะไรก็ไม่โกรธ หรือว่าจะผิดคำพูด”
อาปิงพูดเสียงเข้ม “ คนจริงย่อมไม่ผิดคำพูด”
ขาดคำ เสี่ยชาญก็เริ่มอำอย่างเป็นทางการ โดยเสยผมอาปิงโชว์หัวเถิกให้ทุกคนมาชี้จองพื้นที่เปิดตลาดนัด
“งั้นอั๊วจองตรงนี้ 2 ล็อกนะ อั๊วจะเปิดซุ้มปาลูกโป่ง”
แก้วกัลยาเอาบ้าง “งั้นฉันจองตรงนี้ 2 ล็อก จะขายขนมจีน”
ต่อด้วยหมวยเล็ก “แต่แปลงนี้ก็สวยนะเตี่ย ถ้าแปลงนั้นแน่น เรามาพัฒนาแปลงนี้กันดีกว่า”
ตี๋ใหญ่เล่นด้วย “ไม่เห็นยาก ก็เอา 2 แปลงรวมกันซะเลยสิ”
ขาดคำเฮงก็จับหัวอาปิงกับหัวเสี่ยชาญชนกัน
“เอาล่ะครับ นี่เป็นศึกช้างชนช้างนัดพิเศษ ระหว่าง” ชี้ที่เสี่ยชาญ “ชะโดตีแปลงกับ” ชี้ที่อาปิง “ง่ามเทโพ ใครจะอยู่ใครจะไป ขอเชิญชมเชิญเชียร์กันตามอัธยาศัยเลยนะครับ เอ้า ชน”
เสี่ยชาญกับอาปิงเคลิ้มเล่นหัวล้านชนกัน ทุกคนก็เชียร์กันสนุกสนาน ก่อนที่ทั้งคู่จะช็อตใส่
“เฮ้ย สนุกกันใหญ่เลยนะ”
อาปิงทำหน้าไม่พอใจ “ได้ทีละเพลินกันเลย”
ทุกคนรีบขยับไปนั่งที่เดิม ก่อนที่โศรยาจะพูดขึ้นมา
“เอ่อ ขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั้ยคะ”
ชายเล็กรีบผายมือเชิญ “เชิญในบ้านเลยครับ”
“พี่คงไปไม่ถูกหรอกค่ะ พาไปหน่อยได้มั้ย”
“ได้ครับ”
โศรยาทำหน้ากรุ้มกริ่ม “พี่หมายถึงคุณแก้วกรรณิการ์น่ะค่ะ”
หญิงใหญ่อึ้งไปเล็กน้อย “เชิญค่ะ”
จากนั้นก็เดินนำโศรยาเข้าไปในบ้าน ตี๋ใหญ่มองตามสีหน้ากังวล รู้สึกเป็นห่วงหญิงใหญ่
หญิงใหญ่เดินนำโศรยามาที่หน้าห้องน้ำ
“เชิญค่ะ”
โศรยามองหน้าหญิงใหญ่แล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็ออกมาแทบจะทันที
“ฝาชักโครกไม่สะอาด”
หญิงใหญ่ชะโงกไปดู “ก็ไม่เห็นสกปรกตรงไหนนี่คะ”
“แต่ห้องน้ำบ้านฉันสะอาดกว่านี้เยอะ”
หญิงใหญ่แอบเบ้หน้า “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวฉันเช็ดให้แล้วกัน”
“ล้าง”
“ล้าง?” หญิงใหญ่ถามย้ำ
“ใช่ ล้างให้หอมๆ ฉันไม่ชอบใช้ห้องน้ำที่มีกลิ่นแบบนี้”
“นี่จะแกล้งกันใช่มั้ย”
โศรยาทำหน้านิ่ง “เปล่านะ ฉันก็แค่มีมาตรฐานของฉัน และอีกอย่าง วันนี้ฉันก็เป็นลูกค้าคน
สำคัญของร้านเธอ แค่นี้ทำให้ลูกค้าไม่ได้รึไง”
หญิงใหญ่จำต้องเข้าไปทำความสะอาดให้ โศรยายิ้มกริ่มสะใจเล็กๆ
เฮง ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก หมวยเล็กและอาปิงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร แก้วกัลยา หญิงเล็กและชายเล็กยืนดูแลอยู่ใกล้ๆ
เฮงตะโกนเสียงดัง “เอ้า น้ำหมดแก้วแล้ว ไม่มีใครบริการเลยรึไง”
แก้วกัลยาทำหน้าเซ็ง “นังฮันนี่ ไปหาหมอถึงไหนของมันเนี่ย”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ชายเล็กรีบรินน้ำให้เฮง ก่อนจะรินให้หมวยเล็ก
“ขอบใจนะ”
ชายเล็กยิ้มหวาน “ด้วยความยินดี”
แต่พอเจอเฮงกระแอมขัด ชายเล็กก็สะดุ้งจากภวังค์ ตี๋เล็กกระดกน้ำหมดแก้ว ก่อนจะยกแก้วให้หญิงเล็ก
“ขอน้ำด้วยครับ”
หญิงเล็กยิ้มหวาน “ด้วยความยินดีค่า”
จากนั้นก็แกล้งรินน้ำให้ตี๋เล็กแบบกรวดน้ำ
“อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย”
ทุกคนเคลิ้ม ยกมือพนมไหว้แผ่เมตตา หญิงเล็กรีบอธิษฐาน
“ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าขอญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า จงมีความสุขกาย
สุขใจด้วยเถิด”
ทุกคนสาธุพร้อมกัน ก่อนที่ตี๋เล็กจะได้สติ
“เฮ้ย ฉันให้ริน ไม่ใช่กรวดน้ำ”
“อ้าวเหรอ เห็นหน้าหมองๆ ก็เลยกรวดน้ำให้”
ระหว่างนั้น หญิงใหญ่กับโศรยาเดินกลับมาที่โต๊ะ เฮงรีบพูดขึ้นมาอย่างเป็นการเป็นงาน
“มาคุยเรื่องระหว่างอาตี๋ใหญ่กับหนูโศรยากันดีกว่า ถ้าลงเอยกันแล้ว ลูกอั๊วต้องไปอยู่ฮ่องกงเลย
ใช่มั้ยเนี่ย”
อาปิงพยักหน้ารับ “ก็ใช่น่ะสิ อาตี๋ใหญ่ต้องเตรียมรับช่วงหัวหน้าแก๊งต่อจากฉัน ส่วนเรือนหอที่เมืองไทย เดี๋ยวค่อยดูกันอีกที”
โศรยามองกวาดไปรอบๆ บ้าน
“บ้านหลังนี้ก็สงบร่มรื่นดีนะคะ ถ้าเป็นไปได้ หนูอาจจะซื้อบ้านหลังนี้ไว้”
แก้วกัลยารีบขัดขึ้นมาทันที
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะสัญญาเช่ายังเหลือเวลาอีกนานมาก แล้วฉันก็ไม่ขายสัญญาด้วย”
โศรยายักไหล่ “ไม่เป็นไรค่ะ หมดสัญญาเมื่อไหร่ ฉันจะมาซื้อที่นี่แน่ หวังว่าถึงตอนนั้น เสี่ยชาญจะขายให้ฉันนะคะ”
เสี่ยชาญอึกอัก “เอ่อ..”
อาปิงลุกพรวดขึ้น ทำท่าเหมือนจะควักปืน เสี่ยชาญรีบก้มหลบ
“โอเค ๆ ขายก็ได้ ขายๆๆ”
อาปิงทำหน้างง “ ตกใจอะไร ฉันคันท้อง ลุกขึ้นมาเกาเฉยๆ”
เสี่ยชาญถอนใจเฮือก “โห่ ตวดอวดตวดใจหมด”
ทุกคนกินข้าวต่อ ขณะที่แก้วกัลยากับลูกๆ พากันเครียด
ตี๋ใหญ่นั่งอึดอัด คิดหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้
หญิงใหญ่ยืนล้างจานอยู่ในครัวคนเดียว ก่อนที่โศรยาจะเดินเข้ามา
“เป็นแม่บ้านแม่เรือนซะจริงนะ”
หญิงใหญ่หมดความอดทน หันกลับมาถามอย่างมีอารมณ์
“นี่คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่เนี่ย”
โศรยายิ้มกริ่ม “อยากรู้จริงอ่ะ”
“ว่ามาเลย ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน แล้วเราจะคุยกันไม่รู้เรื่อง”
โศรยายิ้มอย่างพอใจ “โว้ว ดุแบบนี้สิ ถึงจะอยู่ด้วยกันได้”
หญิงใหญ่ทำหน้างง “คืออะไร อยู่ด้วยกันได้”
โศรยาขยับเข้าใกล้หญิงใหญ่ และจับมืออย่างรักใคร่
“ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไง อยู่คนเดียวมานาน มันฟุ้งซ่านมาอยู่ด้วยกันดีกว่าจะได้ฟรุ้งฟริ้ง”
หญิงใหญ่รีบสะบัดมือออก “เฮ้ย นี่คุณเมารึเปล่าเนี่ย”
“ฉันไม่ได้เมา ฉันชอบเธอจริงๆ”
“คุณเป็นเบี้ยน?” หญิงใหญ่ตกใจ
“อย่าเสียงดังสิ เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้”
“รวมถึงพ่อคุณด้วยงั้นเหรอ”
โศรยาพยักหน้ารับ “ใช่ ที่พ่อฉันบอกว่า ฉันจะประกาศข่าวดี จริงๆแล้ววันนี้ฉันจะแกรนด์โอเพนนิ่งตัวตนของฉันต่างหาก แล้วก็จะเปิดตัวเธอกับเตี่ยฉันด้วย”
หญิงใหญ่เริ่มสับสน
“เดี๋ยวนะ ขอเคลียร์ไปทีละเรื่อง ที่คุณว่าชอบฉัน แต่ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงมีท่าทีเกลียดฉันนักล่ะ”
โศรยาทำตาหวาน “พระเอกนางเอกก่อนจะรักกัน ก็ต้องเกลียดกันก่อนทั้งนั้นแหละ เปิดเรื่องมารักกันเลย ก็ไม่สนุกน่ะสิ”
หญิงใหญ่แอบบ่นพึมพำ “แล้วงานนี้ใครเป็นพระเอกนางเอกล่ะเนี่ย”
“ฉันให้เธอเลือกก่อนเลยว่า จะรับหรือรุก หรือจะสลับกันก็ได้นะ”
หญิงใหญ่อึ้ง จนพูดอะไรไม่ออก
หญิงใหญ่เดินมาสงบสติอารมณ์ที่ข้างรั้ว ก่อนจะแว่วได้ยินเสียงโศรยาดังขึ้นมา
“ฉันให้เธอเลือกก่อนเลยว่าจะรับหรือรุก หรือจะสลับกันก็ได้นะ”
คิดพลางทำท่าขนลุกซู่ ก่อนที่ตี๋ใหญ่จะเดินเข้ามา
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ยคุณ”
หญิงใหญ่หันมาย้อนถาม “มีอะไรเหรอ”
“เพื่อนเตี่ยผมอยากฟังดนตรีไทยน่ะ ผมก็เลยบอกว่าคุณสีซอเป็น คุณไปเล่นโชว์หน่อยสิ เดี๋ยวผมแจม”
หญิงใหญ่ทำหน้างง “ แจม?”
ตี๋ใหญ่ควักฉิ่งออกมาโชว์ “นี่ไง คุณสีซอ เดี๋ยวผมตีฉิ่ง ฉิ่งฉับ ฉิ่งฉับ ฉิ่งฉับ ฉิ่งฉับ”
หญิงใหญ่รีบยกมืออุดหู “หยุด”
“เป็นอะไรอ่ะคุณ”
“คุณโศรยาเค้าเพิ่งสารภาพรักกับฉันเมื่อกี๊”
ตี๋ใหญ่ตกใจ “หะ? นี่อำผมเล่นรึเปล่าเนี่ย”
“ฉันจะอำให้ได้อะไรล่ะ”
ขาดคำเสียงอาปิงก็ดังลั่นออกมาจากข้างใน
“อะไรนะ ลื้อชอบผู้หญิงงั้นเหรอ อาโศรยา”
หญิงใหญ่รีบหันมาบอก “นั่นไง เค้าแกรนด์โอเพนนิ่งแล้ว ได้ยินมั้ย”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่รีบเดินกลับไปที่โต๊ะทันที
บรรยากาศที่โต๊ะอาหารกำลังตึงเครียดสุดๆ แก้วกัลยา หญิงเล็กและชายเล็กยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ
โศรยายืดอกรับอย่างไม่เกรงกลัว
“ใช่แล้วแด๊ด หนูชอบผู้หญิงค่ะ ไม่ได้ชอบผู้ชาย”
เฮงกับอาปิงอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก หญิงเล็กหันไปกระซิบกับแม่
“ปกติเจ้าพ่อเจอแต่เรื่องหักเหลี่ยม งานนี้เจอลูกสาวหักมุมซะหงายเงิบเลยนะคะ”
แก้วกัลยายิ้มสะใจ “สมน้ำหน้าไอ้งิ้วมัน กะจะได้ลูกสาวเจ้าพ่อเป็นสะใภ้งานนี้เงิบทั้งคู่ งิงิงิ”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่รีบวิ่งมาที่โต๊ะ
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
เฮงกับอาปิงต่างปิดปากเงียบ ไม่มีใครอยากพูดอะไรตอนนี้ โศรยายิ้มหวาน พร้อมกับชี้มือไปที่หญิงใหญ่
“ แล้วคนที่หนูชอบก็คือคนนี้ค่ะ”
หญิงเล็กตกใจ “พี่หญิงใหญ่?”
แก้วกัลยาช็อก อ้าปากค้าง
ชายเล็กก็อึ้งไม่แพ้กัน “งานนี้มีเงิบหมู่แล้วล่ะครับคุณแม่”
“เอ่อ นี่มันอะไรกันหญิงใหญ่ บอกแม่ซิว่าลูกไม่ใช่”
หญิงใหญ่รีบบอก “หนูเป็นผู้หญิงค่ะแม่ แล้วก็ชอบผู้ชาย ไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วยกัน” จากนั้นก็หันไปบอกกับโศรยา “นี่คุณเราเป็นเพื่อนกันก็พอ”
โศรยาทำตากรุ้มกริ่ม “เป็นเพื่อนมันได้ยืนแค่ข้างๆ แขน เป็นแฟนสิ จะได้ยืนข้างๆ ใจ”
ตี๋ใหญ่หน้าเจื่อน “อั๊ยย่ะ”
เสี่ยชาญมองหยิงใหญ่ที มองโศรยาทีแบบงงๆ “แล้วนี่ใครเป็นทอมใครเป็นดี้วะเนี่ย อั๊วดูไม่ออกเลย”
ตี๋เล็กรีบอธิบาย “ไม่มีใครทอมใครดี้หรอกเสี่ย แบบนี้เค้าเรียกเลสเบี้ยน หญิงรักหญิง”
โศรยาหันมายื่นคำขาดกับอาปิง
“ถ้าแด๊ดไม่ยอมให้หนูคบกับผู้หญิงที่หนูรัก หนูก็ไม่กลับฮ่องกง”
“เฮ้ย ถ้าลูกคบผู้หญิงด้วยกันแบบนี้ แล้วใครจะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งต่อจากแด๊ด”
โศรยารีบโอบแขนกอดหญิงใหญ่
“ก็คนนี้ไงแด๊ด เห็นเค้าเป็นผู้หญิง แบบนี้ แต่ใจเค้าเด็ดเดี่ยวมากเลยนะ”
เสี่ยชาญรีบหันไปบอกอาปิง
“ลื้อเคยได้ยินมั้ย หงส์เหนือมังกรน่ะ ผู้หญิงก็เป็นหัวหน้าแก๊งได้”
แก้วกัลยารีบแย้งขึ้นมา “อย่าชี้โพรงสิเสี่ย ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้ลูกฉันไปชอบกับผู้หญิงด้วยกันหรอกนะ”
โศรยาทำหน้าจริงจัง “ไม่ให้ชอบหนูก็จะจีบ หนูจะพิสูจน์ให้เห็นว่าหนูจริงจังแก้วแค่ไหน”
หญิงใหญ่หน้าเสีย ตี๋ใหญ่ก็พยายามคิดหาทางช่วย ก่อนที่หญิงเล็กจะแทรกขึ้นมา
“แล้วถ้าจะบอกว่าพี่สาวฉันมีแฟนแล้วล่ะ”
โศรยามองไปรอบๆ “ไหนล่ะ ถ้าแก้วมีแฟนแล้ว ฉันก็พร้อมจะหลีกทาง”
หญิงใหญ่อึกอัก “เอ่อ ฉันยังไม่อยากเปิดตัวน่ะ อยากศึกษากันให้แน่ใจก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยังไม่เรียกว่าแฟน”
ตี๋ใหญ่ครุ่นคิดหนัก ก่อนจะตัดสินใจลุกพรวดขึ้น
“ผมนี่แหละครับ แฟนของแก้ว”
แต่ละคนช็อกอ้าปากค้าง อึ้งไปตามๆ กัน
“นี่มันงานเงิบชัดๆ” หญิงเล็กทำท่าจะเป็นลม
ตี๋ใหญ่นั่งสลดอยู่ในบ้าน โดยมีตี๋เล็กตบไหล่ปลอบอยู่ข้างๆ ส่วนเฮงยืนนิ่งอยู่อีกมุม มีหมวยเล็กยืนพัดอยู่ข้างๆ ให้ใจเย็นๆ
“ทำไปเพราะช่วยลูกสาวบ้านนั้นเหรอ เหตุผลฟังขึ้นมากเลยนะ”
“อั๊วพูดจริงนะเตี่ย ถ้าอั๊วไม่บอกว่าเป็นแฟน โศรยาก็คงไม่หยุดตามตื้อแก้วแน่ๆ”
ตี๋เล็กหันมาย้อนถาม “แล้วนี่เค้าจะโกรธเฮียมั้ยเนี่ย ที่ไปแย่งผู้หญิงที่เค้ารักมาน่ะ ซื้อชุดเกราะใส่หน่อยก็ดีนะเฮีย”
หมวยเล็กพูดแทรกขึ้นมาบ้าง “รถหุ้มเกราะสักคันก็โอเคนะ”
เฮงทำหน้าจริงจัง “จะบ้าเหรอ เค้าไม่โหดบ้าเลือดขนาดนั้นหรอก อย่างมากก็แค่จ้างสิบล้อขับชน แล้วทำให้ดูเป็นอุบัติเหตุ”
ตี๋ใหญ่หน้าจ๋อย “เฮ้ย พูดเล่นหรือพูดเล่นนี่เตี่ย”
“พูดจริง”
ตี๋ใหญ่ตกใจ “ห๊ะ?”
“งั้นก็พูดความจริงมา ว่าเป็นแฟนกับลูกสาวบ้านนั้น จริงมั้ย” เฮงถามย้ำ
“ไม่ได้เป็นจริงๆ เตี่ย เชื่ออั๊วสิ”
เฮงค่อยสบายใจขึ้นมา “โอเค เมื่อกี๊นี้เตี่ยพูดเล่น”
ตี๋ใหญ่ถอนหายใจโล่ง ก่อนที่เฮงจะพูดต่อ
“แต่เตือนไว้ก่อนนะ ลื้อช่วยเค้าแบบนี้ ก็เท่ากับเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่าง ถ้าคิดว่าไฟจะปะทุก็รีบเอาขี้เถ้ากลบซะ ลื้อทุกคนห้ามชอบกับลูกบ้านโน้นเด็ดขาด”
ทั้งตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและหมวยเล็ก ต่างพากันสลดไปหมด
ทางด้านแก้วกัลยาก็กำลังวางโคมไฟลงบนโต๊ะกลางหน้าโซฟา แล้วเปิดไฟส่องหน้าหญิงใหญ่ เหมือนกำลังสอบสวนหาข้อเท็จจริง
“โอ๊ย ถ้าจะขนาดนี้ก็เครื่องจับเท็จด้วยเลยมั้ยคะคุณแม่”
“แม่เตรียมไว้แล้ว”
หญิงใหญ่สะดุ้งเฮือก “ ห๊ะ?”
แก้วกัลยารีบหันไปสั่งการ “ฮันนี่ จับการเต้นหัวใจซิ”
ฮันนี่เอื้อมมือจะจับที่หน้าอก หญิงใหญ่รีบหลบ “เฮ้ย”
แก้วกัลยาหันไปทำหน้าดุ “แกจะจับหน้าอกลูกฉันทำไม แกเป็นเบี้ยนเหรอ”
“อ้าว ก็จะจับการเต้นของหัวใจไงคะบอส”
หญิงเล็กรีบบอก “จับที่ข้อมือก็ได้มั้ง”
“งั้นผมจับให้เองครับคุณแม่”
ชายเล็กอาสา เพราะ ตั้งใจจะช่วยพี่สาว แก้วกัลยาเริ่มจ้องหน้าหญิงใหญ่ ก่อนจะถามอย่างจริงจัง
“เราเป็นแฟนกับไอ้ตี๋ใหญ่นั่นจริงรึเปล่า”
ชายเล็กที่จับชีพจรหญิงใหญ่อยู่ รู้สึกว่าเสียงหัวใจของพี่สาวค่อยๆ เต้นเร็วขึ้น
“เปล่าค่ะแม่ หนูกับเค้าไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ที่เค้าพูดไปแบบนั้น ก็เพื่อช่วยปกป้องหนูจากลูกสาว
เจ้าพ่อเท่านั้นเองค่ะ”
“ชีพจรเป็นยังไงบ้างชายเล็ก” แก้วกัลยาหันมาถามลูกชาย
“เต้นปกติครับคุณแม่”
หญิงเล็กรีบเอื้อมมือมาจับมือหญิงใหญ่อีกข้าง เหมือนช่วยปลอบ แต่จริงๆแล้วแอบอยากรู้ว่าหัวใจ
หญิงใหญ่เต้นยังไง
“งั้นแม่ถามตรงๆ เราคิดอะไรกับไอ้ตี๋ใหญ่นั่นรึเปล่า”
ชายเล็กกับหญิงเล็กที่จับชีพจรอยู่ รู้สึกว่าเสียงหัวใจหญิงใหญ่เต้นรัว อารมณ์ตื่นเต้นมีพิรุธ ทั้งคู่รีบปั้นหน้านิ่ง
“ไม่ได้คิดค่ะ”
“จริงนะ” แ ก้วกัลยาถามย้ำ
เสียงชีพจรหญิงใหญ่เต้นรัวขึ้น “จริงสิคะ หนูโฟกัสแต่งานค่ะ เรื่องรักอะไรหนูไม่สนหรอก”
“ชีพจรเป็นยังไงบ้างชายเล็ก”
ชายเล็กช่วยพูดปด “หัวใจเต้นปกติครับคุณแม่”
หญิงเล็กรีบช่วยด้วย “เชื่อพี่หญิงใหญ่เถอะค่ะแม่ หน้าตาธรรมดาๆ แบบนี้ หุ่นก็ไม่ได้เชฟบ๊ะ น่ามองตรงไหน ใครเค้าจะมาชอบ”
หญิงใหญ่ทำหน้างอ “ นี่ช่วยใช่มั้ย”
หญิงเล็กหน้าจ๋อย “ก็กลัวแม่ไม่เชื่อไง”
ฮันนี่รีบช่วยด้วย “เชื่อเถอะค่ะบอส คุณหญิงใหญ่ก็ไม่ได้มีพิรุธอะไรซักนี้ด”
“ครั้งนี้รอดไปนะหญิงใหญ่”
หญิงเล็กรีบกระซิบกับหญิงใหญ่ “หัวใจเต้นแรงไปนะ”
หญิงใหญ่หน้าเจื่อน “เฮ้ย นี่แอบฟังเหรอ”
แก้วกัลยาหันขวับมาทันที “กระซิบอะไรกัน”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะแม่”
หญิงใหญ่ยิ้มกลบเกลื่อน ชายเล็กกับหญิงเล็กแอบยิ้มกริ่ม
หญิงใหญ่ยืนรอหน้าเครียดอยู่ข้างรั้ว ก่อนที่ตี๋ใหญ่จะเดินเข้ามา
“เรียกมาซะดึกเลย มีอะไรเหรอคุณ”
“ยังจะมาถามอีก เพราะคุณ ฉันถึงโดนแม่สอบสวน อย่างกับพวกเอฟบีไอ แถมโดนดุชุดคอมโบ้อีก”
ตี๋ใหญ่เองก็เครียดไม่แพ้กัน
“คุณโดนคนเดียวซะที่ไหน ผมก็โดนเตี่ยสวดยับมาเหมือนกันแหละ”
“แล้วคุณจะบอกว่าเป็นแฟนฉันทำไม”
“เอ้า ก็ถ้าไม่บอก โศรยาก็ตามตื๊อคุณไม่เลิกน่ะสิ”
หญิงใหญ่รีบบอก “แต่ทำแบบนี้ ฉันเสียหายนะ”
“โห ทำบุญกับคนไม่ขึ้นจริงๆ”
หญิงใหญ่มองค้อน “หืมม์ นี่ช่วยฉันเพราะคิดว่าทำบุญทำทานงั้นเหรอ”
“แล้วคิดว่าผมชอบคุณจริงๆ เหรอ” ตี๋ใหญ่ย้อนถาม
หญิงใหญ่ตะคอกเสียงดัง “นี่หลอกด่าว่าฉันไม่สวยใช่แมะ”
ขาดคำ เสียงของเฮงกับแก้วกัลยาก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กัน “เสียงใครน่ะ”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่รีบนั่งลงหาที่กำบัง โดยหลบอยู่หลังกาละมังซักผ้าใบใหญ่
เฮงเดินออกมาดู พร้อมกับแก้วกัลยาที่ออกมาเช่นกัน
“นี่ ดึกๆ ดื่นๆ มาป้วนเปี้ยนอะไรข้างรั้วยะ”
เฮงรีบบอก “ก็ออกมาดูสิ ว่ามีพวกตีนแมวแอบย่องเข้าบ้านบ้างรึเปล่า”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่แอบลุ้น อย่างกลัวจะโดนจับได้
แก้วกัลยามองค้อน “ตีนแมวไม่มีหรอกย่ะ ถ้าจะมีก็ตีนกาที่หน้าลื้อนั่นแหละ”
“แหม แม่หน้าเกลี้ยงเกลา ไร้รอยหย่อนยาน”
แก้วกัลยาเชิดใส่ “ก็ยานน้อยกว่าลื้อก็แล้วกัน”
เฮงทำตากรุ้มกริ่ม “ที่ว่ายานน้อยกว่าน่ะ อะไรเหรอจ๊ะ”
“มองอะไร ไอ้ลามก”
ขาดคำ แก้วกัลยาก็รีบเดินเข้าบ้านไป
“โห่ แค่นี้ก็เผ่นล่ะ ไม่สนุกเลย”
เฮงรีบเดินกลับเข้าบ้านไปอีกคน ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่ถอนหายใจโล่ง ก่อนจะเผลอจ้องตากันเคลิ้มๆ
“อยู่นิ่งๆ นะ อย่าขยับ”
หญิงใหญ่แหวกรั้วขยับเข้าใกล้ ตี๋ใหญ่เผลอคิดไปไกลว่าอีกฝ่ายจะจูบ
“คุณจะทำอะไรอ่ะ”
“นิ่งๆ เถอะน่า”
ตี๋ใหญ่หลับตาพริ้ม กะว่าจูบแน่ ขณะที่หญิงใหญ่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ทีละนิด ทีละนิด ก่อนจะเงื้อมมือ ตบหน้าดังเพี้ยะ
“ตบหน้าผมทำไมเนี่ย”
หญิงใหญ่รีบชูมือให้ดู มีเลือดจากยุงเต็มมือ “ยุงกัดหน้าคุณนี่ไง”
“อ้าว ไม่ได้จะ...”
“จะอะไร คุณนี่ลามกเหมือนเตี่ยคุณไม่มีผิด”
ขาดคำหญิงใหญ่ก็เดินกลับเข้าบ้านไป ทิ้งให้ตี๋ใหญ่นั่งแก้มชาอยู่คนเดียว
อ่านต่อตอนที่ 19