ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 4
ตี๋เล็กนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ กลังโหลดรูปภาพอาหารลงในแฟนเพจของร้าน พักใหญ่เฮงกับจางก็เดินเข้ามาดู
“ทำแฟนเพจร้านแล้วเหรอครับ” จางทำท่าตื่นเต้น
“ใช่ ตอนนี้ร้านเรามีทั้งแฟนเพจแล้วก็อินสตราแกรม ฝากบอกต่อด้วยนะพี่”
“แหม น่าจะทำไฮไฟว์ด้วย”
ตี๋เล็กยิ้มขำ “จัดไป”
“ล้อเล่น”
“อ้าว ไมอะ” ตี๋เล็กแกล้งย้อนถาม
“ไม่มีใครเล่นแล้ว ไฮไฟว์เนี่ย”
“อ้าว ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย”
จางรีบรับมุกต่อ “รู้ยังว่าสายันณ์ สัญญาตายแล้ว”
“เฮ้ย พูดเป็นเล่นน่ะพี่ ไม่เอาสิ อย่าไปแช่งเค้า”
เฮงส่ายหน้าเซ็ง “นี่ถ้ารู้ว่าเจ๊าะมุกเก่งกันขนาดนี้ อั๊วเปิดร้านหมูกระทะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า”
“ก็เห็นเตี่ยหน้าเครียดๆ ดูดิ คิ้วจะชนกันอยู่ละ เตรียมโทรเรียกประกันมาได้เลย”
จางหันมองหน้าเฮง แล้วก็หันกลับมาทางตี๋เล็ก
“ชนกันหน้ายับขนาดนี้ เรียกปอเต๊กตึ๊งเลยดีกว่าครับ”
เฮงยกมือข่วนหน้าจาง “นี่แน่ะ ลามปามแล้วไอ้จาง”
“โอ๊ย หน้าคนนะเฮีย ไม่ใช่กระต่ายขูดมะพร้าว”
“ทำแบบนี้มันจะเวิร์คเหรอตี๋เล็ก” เฮงหันมาถามลูกชาย
“เวิร์คสิเตี่ย หรือเตี่ยคิดว่ามีวิธีที่เวิร์คกว่านี้”
“เตี่ยว่าทำใบปลิวแจกจะดีกว่านะ อย่างน้อยเราก็เห็นว่าข้อมูลถึงมือคนรับแน่นอน โปรโมตในอินเตอร์เน็ตแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาดูรึเปล่า”
ตี๋เล็กพยายามอธิบาย “แจกใบปลิวถึงมือคนรับก็จริง แต่ก่อนเค้าจะเปิดดู เค้าทิ้งลงถังขยะก่อนแล้วเตี่ย”
จางเห็นด้วย “ใช่เฮีย ผมรับแจกใบปลิวปุ๊บ ผมทิ้งลงถังปั๊บ”
“ขี้เกียจอ่าน?”
จางหน้าเจื่อน “เปล่า ผมอ่านหนังสือไม่ออก”
จังหวะนั้นตี๋ใหญ่ก็เดินเข้ามาพร้อมหมวยเล็ก
“มุงอะไรกันอยู่อ่ะ” หมวยเล็กเอ่ยถาม
“คุณตี๋เล็กทำแฟนเพจร้านอาหารครับ ตามไปกดไลค์ได้เลย” จางเสนอหน้าตอบ
“ดี๊ ดีอ่ะ ไหนชื่อแฟนเพจอะไร เดี๋ยวตามไปไลค์”
หมวยเล็กดูชื่อเพจที่หน้าจอคอม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากด
“เตี่ยว่ามันจะเป็นแค่กระแสฉาบฉวยหรือเปล่า พวกเทคโนโลยีเนี่ย มาแป๊บๆ เดี๋ยวก็ไป”
เฮงไม่วายกังวล แต่ตี๋ใหญ่กลับเห็นด้วยกับน้องชาย
“แต่อั๊วเห็นด้วยกับตี๋เล็กนะเตี่ย ทำใบปลิวเราเสียค่าออกแบบ ค่าพิมพ์นู้นนี่นั่นตั้งหลายอย่าง แต่เฟซบุ๊กเนี่ย เราไม่เสียอะไรเลย แถมกระจายข่าวสารได้เร็วกว่าเยอะเลย”
“ถ้าลื้อมั่นใจแบบนี้เตี่ยก็สบายใจ เนี่ย เตี่ยถึงอยากให้ลื้อมาบริหารงานที่ร้านนี่ไง”
ตี๋เล็กหันมองเตี่ยอย่างน้อยใจ ตี๋ใหญ่เหลือบมอง รู้ว่าน้องชายคิดอะไร ก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุย
“วันนี้เดี๋ยวผมไปส่งหมวยเล็กเองนะเตี่ย”
หมวยเล็กรีบยกหมือไหว้ “หวัดดีเตี่ย”
พอตี๋ใหญ่พาหมวยเล็กเดินออกไป เฮงก็เปรยออกมา
“เฮ้อ ไม่ได้อาตี๋ใหญ่ซักคน อั้วคงเหนื่อยอีกเยอะเลย”
ตี๋เล็กทำหน้าเซ็ง ที่เฮงไม่เห็นคุณค่า จางแอบมองด้วยความเห็นใจ
รถวิ่งมาจอดที่หน้าโรงเรียน ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กลงมายืนคุยกันข้างๆ รถ
“ตั้งใจเรียนนะหมวย ถ้าเกรดดีเฮียมีรางวัล”
“อะเค มีรางวัลล่อใจแบบนี้ค่อยมีแรงฮึดหน่อย”
หมวยเล็กพูดจบ แท็กซี่ก็วิ่งเข้ามาจอด ก่อนที่หญิงใหญ่กับชายเล็กจะเดินลงมา
“หวัดดี”
ชายเล็กเผลอพูดดีด้วย แต่กลับถูกหมวยเล็กจิกตาใส่
“กองไว้ตรงนั้นแหละ”
ชายเล็กทำหน้างง “อ้าว”
หมวยเล็กรีบกระพริบตาส่งสัญญาณ ชายเล็กถึงจำได้ว่าต้องแกล้งทะเลาะกัน
“คิดว่าอยากคุยด้วยมากรึไง ก็ทักไปงั้นแหละ เหมือนทักหมู ทักหมา”
หญิงใหญ่รีบห้ามน้อง
“ไม่เอาน่ะชายน้อย เดี๋ยวครูได้ยินเข้าก็เป็นเรื่องหรอก”
“ปากแบบนี้ฉีดพิษสุนัขบ้าบ้างก็ดีนะ” หมวยเล็กแกล้งด่าต่อ
“เฮ้ย เราไม่ใช่หมาเว้ย”
ตี๋ใหญ่ปรามน้องสาวบ้าง “ไม่เอาน่ะหมวยเล็ก ไป เข้าเรียนได้แล้ว”
“ไปก็ได้ อยู่ตรงนี้นานๆ แล้วของขึ้น ชิ”
ชายเล็กกับหมวยเล็กเดินแยกกันไปคนละทาง ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่ถอนหายใจโล่งอก
“เดี๋ยวเข้าออฟฟิศเลยหรือเปล่า” ตี๋ใหญ่หันมาถาม
“เข้าเลยสิคะ คิดว่าฉันจะไปเถลไถลที่ไหนต่อล่ะ”
“ไม่ได้คิดอย่างนั้น ที่ถามเนี่ยก็จะชวนติดรถไปด้วยกัน จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าแท็กซี่”หญิงใหญ่รีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ไม่รบกวนดีกว่า”
“แน่ใจนะ ไม่กลัวเหรอ”
“กลัวอะไร” หญิงใหญ่ย้อนถาม
“ก็กลัวโดนปล้ำในรถอย่างวันนั้นไงล่ะ”
“หึ ไม่กลัวหรอก เพราะฉันมีนี่” หญิงใหญ่รีบหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าจากกระเป๋ามาโชว์
“ถ้าทำอะไรฉันล่ะก็ โดน”
จังหวะที่หญิงใหญ่กดเครื่องช็อตไฟฟ้าโชว์ บังเอิญมีเด็กวิ่งมาชน มือหญิงใหญ่ที่ถือเครื่องช็อตไฟฟ้าเลยจี้ไปโดนแขนตี๋ใหญ่ที่ถูกช็อตจนตาค้าง ก่อนจะหมดสติไป
หญิงใหญ่ขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดของบริษัท ตี๋ใหญ่ที่นั่งมาด้วย ค่อยๆ ลืมตาตื่น พร้อมกับมีอาการเจ็บแขนบริเวณโดนช็อต
“เป็นไงบ้างอ่ะ”
“โอเคแล้วล่ะ แต่เจ็บแขนนิดหน่อย”
พูดจบก็รีบเปิดประตูออกไปจากรถ หญิงใหญ่รู้สึกผิด ก่อนจะเปิดประตูตามไป ภรณีเดินผ่านมา เห็นทั้งคู่มาด้วยกัน ก็แอบงง
“หวัดดีครับ” ตี๋ใหญ่หันไปทัก
“หวัดดีค่ะ นี่มาด้วยกันได้ยังไงคะเนี่ย”
หญิงใหญ่อึกอัก
\“พอดีเกิดเอ็กซิเดนนิดหน่อยน่ะ”
“เอ็กซิเดน รถชนเหรอคะ” ภรณีถามพลางเดินวนดูรอบรถ “ก็ไม่มีรอยอะไรนี่ เอ็กซิเดนอะไรอ่ะแก”
“คือผู้ช่วยเจอเครื่องช็อตไฟฟ้าของฉันเข้าไป ก็เลยเจ็บแขน ขับรถไม่ได้”
ภรณีตกใจ “โดนเครื่องช็อตไฟฟ้า นี่อย่าบอกนะว่าผู้ช่วยทำมิดีมิร้ายแก”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่จะอ้าปากอธิบายความจริง แต่ไม่ทันปากภรณีที่ด่าเป็นชุด
“ตายแล้ว หน้าตาดี สุภาพเรียบร้อยแบบนี้ ไม่น่าหื่นกามเลยนะคะ..โอ้โห นี่ณีไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าผู้ช่วยจะเป็นคนแบบนี้ ทำไมคะ อดอยากปากแห้งมากรึไง ถึงหักห้ามใจตัวเองไม่ไหวน่ะ ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยค่ะ ณีผิดหวังในตัวผู้ช่วยจริงๆ เสียแรงที่เคารพ เสียแรงที่แอบปลื้ม ไม่คิดเลยว่าจะโรคจิต บ้ากามขนาดนี้”
หญิงใหญ่พยายามจะอธิบาย “เฮ้ยมันไม่..”
“แกไม่ต้องพูด ผู้ชายพันธุ์นี้ปล่อยให้ลอยนวลไปไม่ได้ เดี๋ยวชั้นจะโทรหามูลนิธิปวีณา ให้มูลนิธิ
ปวีณามา”..
หญิงใหญ่กับตี๋ใหญ่โพล่งออกมาพร้อมกัน “หุบปาก”
ภรณีเงียบกริบทันที หญิงใหญรีบเล่าให้ฟัง
“ผู้ช่วยไม่ได้ปล้ำฉัน บังเอิญฉันเทสต์เครื่องช็อตไฟฟ้าอยู่ แล้วมีคนวิ่งมากระแทก เครื่องช็อตก็เลยพลาดไปโดนผู้ช่วย”
ภรณีหน้าแตก “อ้าวเหรอ”
“ครับ ตามนั้นเลย”
“โอเคค่ะ..รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”
ภรณีทำเนียนเดินเข้าออฟฟิศไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตี๋ใหญ่หน้าเหวอ
“เอ่อ แล้วที่ด่าเป็นชุดเมื่อกี๊นี้”.
หญิงใหญ่ยิ้มขำ “ก็ไม่รู้สินะ”
หญิงใหญ่เดินเข้าออฟฟิศไป ทิ้งให้ตี๋ใหญ่ทำหน้าเซ็งที่โดนด่าฟรี
แก้วกัลยานั่งเช็ดกระทะทองเหลืองอยูในครัว มีเครื่องครัวสไตล์ไทยวางอยู่ใกล้ๆ ตัว ส่วนหญิงเล็กนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คอยู่ใกล้ๆ
“นั่งจ้องคอมตั้งพักใหญ่แล้ว ทำอะไรอยู่เหรอลูก”
“ทำแฟนเพจร้านอาหารของเราอยู่ค่ะแม่”
แก้วกัลยาทำหน้าตื่นเต้น
“ไหน แม่ดูซิ”
ที่หน้าจอคอม เป็นภาพแฟนเพจ ชื่อร้าน “แก้วกัลยา"
“เยี่ยมมากลูก บอกเพื่อนให้ช่วยกันไลค์ช่วยกันแชร์เลยนะ ร้านเรากำลังจะเปิดเร็วๆ นี้แหละ”
“ค่ะแม่”
หญิงเล็กดูหน้าจอคอมพิวเตอร์สักพักก็สะดุดตากับอะไรบางอย่าง
“เอ๊ะ ไอ้ก้อยมันไปไลค์เพจร้านอะไรเนี่ย ชื่อคุ้นๆ”
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นหน้าแฟนเพจร้านของเฮง แก้วกัลยาชะโงกหน้ามามอง
“นี่มันร้านไอ้งิ้วข้างบ้านเรานี่”
“ใช่ค่ะ มีแฟนเพจกับเค้าด้วยเหรอเนี่ย”
“ใช่ร้านมันจริงหรือเปล่า”
หญิงเล็กกดดูภาพอาหาร ภาพเฮงกับคนในครอบครัว และบรรยากาศร้าน
“ใช่ร้านเค้าจริงๆ ค่ะแม่ แหม นังก้อย ไปกดไลค์ทำไมเนี่ย”
“กดไลค์มันดีมั้ยลูก เผื่อจะได้ส่องดูความเคลื่อนไหวของร้านมัน”
หญิงเล็กรีบบอก
“ไม่ได้ค่ะแม่ ถ้าหญิงกดไลค์ คนบ้านนั้นก็จะรู้ว่าหญิงกำลังติดตามร้านเค้าอยู่”
“ร้านไอ้งิ้วนั่นนำเราไปไกลแบบนี้ แม่ต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ”
แก้วกัลยาครุ่นคิด หน้าตาเคร่งเครียด
ภรณีทำหน้าตกใจ หลังจากรู้ว่าหญิงใหญ่โดนรังสิวิทย์ปล้ำ
“นั่นไง ฉันว่าแล้ว ไอ้รังสิวิทย์มันต้องเป็นพวกหื่นกาม เฮ้อ แกไม่น่าหลงกลไปกับมันเลยอ่ะ”
หญิงใหญ่หน้าเจื่อน “ฉันไม่คิดว่ามันจะกล้าทำถึงขนาดนี้น่ะ”
“ให้ตำรวจจัดการให้ถึงที่สุดเลยนะแก อย่าให้มันหลุดรอดมาทำแบบนี้กับใครอีก”
“เออ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่มียอมความแน่”
ภรณีทำหน้ากรุ้มกริ่ม เมื่อมโนถึงตอนตี๋ใหญ่สวมบทพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วย
“แหม คิดๆ แล้วก็อิจฉาแกเหมือนกันนะ”
“จะบ้าเหรอ ฉันจะโดนโรคจิตข่มขืนนะ มาอิจฉาฉันเรื่อง...?”
“ก็อิจฉาที่ได้พระเอกขี่ม้าขาวอย่างผู้ช่วยไปช่วยได้ทันเวลายังไงล่ะ”
หญิงใหญ่ทำหน้ายี้
“แหวะ หน้าอย่างกับบอยแบนด์หลงยุค เหมือนพระเอกตรงไหนยะ”
“เหมือนทุกตรงนั่นแหละ ผู้ช่วยออกจะหล่อแล้วก็สุภาพขนาดนั้น แกนี่มีตา หามียายไม่”
หญิงใหญ่ส่ายหน้าเซ็งๆ
“แวว ชงมุกใหม่ๆ หน่อยได้มะ เก่าซะไม่อยากรับเลย”
“ฉันนางเอกนะ ไม่ใช่ตลกอาชีพ”
จู่ๆ ตี๋ใหญ่ก็เดินเข้ามา ที่แขนยังมีอาการเจ็บนิดๆ ก่อนจะหันมาพูดกับหญิงใหญ่
“ว่างอยู่ใช่มั้ย”
หญิงใหญ่ย้อนถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “จะให้ชงกาแฟให้เหรอคะ”
“ทำไม ติดใจงานชงกาแฟแล้วเหรอ ให้ผมปรับตำแหน่งให้เลยมั้ยล่ะ”
“อย่ากวน มีอะไรก็ว่ามา”
“ผมมีงานให้ช่วยน่ะ “ ตี๋ใหญ่พูดอย่างเอาการเอางาน
“ให้ณีช่วยก็ได้นะคะ ยัยนี่น่ะท่าเยอะค่ะ กว่าจะคุยกันรู้เรื่องเสียเวลาเยอะ” ภารณีรีบเสนอตัว
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะ” ตี๋ใหญ่ยิ้มขอบคุณ ก่อนจะหันมาพูดกับหญิงใหญ่ “ตามผม
ไปที่ห้องนะ”
พูดจบก็เดินกลับไปที่ห้อง ภารณีรีบกระซิบบอกเพื่อน
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ร้องดังๆ นะแก หรือไม่ก็ตีหัวผู้ช่วยให้สลบ เดี๋ยวฉันเข้าไปสวมรอยแกเอง”
“บ้า”
หญิงใหญ่ยิ้มขำ แล้วรีบเดินออกไป ภรณีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมตี๋ใหญ่ต้องตามหญิงใหญ่ไปทำงาน คิดอะไรกันอยู่หรือเปล่า
ตี๋เล็กนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่ครัว ที่ตามีผ้าปิดอยู่ เฮงกับจางยืนอยู่ใกล้ๆ ข้างๆ กันมีกุ้งแม่น้ำ หมูป่า ผักชีกำใหญ่ วางอยู่บนโต๊ะเตรียมอาหาร
“การจะเป็นสุดยอดเชฟ นอกจากลิ้นที่ดีแล้ว จมูกก็ต้องสุดยอดด้วย และนี่คือบททดสอบการเป็นเชฟ พร้อมมั้ยตี๋เล็ก”
เฮงถามท่าทางขึงขัง
“พร้อมครับ”
“อาจาง เริ่มการทดสอบ”
จางหยิบกุ้งแม่น้ำไปจ่อจมูก ตี๋เล็กดมนิดเดียวก็ตอบอย่างมั่นใจ
“กุ้งแม่น้ำ”
“ถูก”
จางหยิบผักชีที่มัดรวมกับคะน้าจ่อจมูก ตี๋เล็กดมนิดเดียวก็ตอบ
“ผักชี”
จางหันมาพูดกับเฮง
“แหมเฮีย ผักชีนี่ง่ายไป เป็นผมหลับตาทายก็ถูก”
ตี๋เล็กรีบคว้ามือจางไว้ “เดี๋ยว ในผักชีมีใบกระเพราซ่อนอยู่”
จางคุ้ยหาใบกะเพราแล้วก็เจอจริงๆ เฮงรีบบอก
“อั้วซ่อนไว้เองแหละ ชิ้นต่อไปเลย”
จางรีบหยิบหมูป่าไปจ่อ ตี๋เล็กดมนิดเดียวก็ตอบอย่างมั่นใจ
“หมูป่า”
“อั๊ยยะ นี่ผมอุตส่าห์ล้างตั้งหลายน้ำนะครับเนี่ย ยังมีกลิ่นสาบอีกเหรอ”
“นี่ไม่ใช่หมูป่าเลี้ยงด้วยนะ กลิ่นสาบป่าเตะจมูกมาก ตายตรงดินโป่งใช่มั้ย”
เฮงพยักหน้า
“ใช่ เพื่อนเตี่ยหิ้วมาฝากจากแม่สอด ชาวบ้านยิงมันตายตอนกำลังกินดินโป่งอยู่”
จางทำหน้าตกใจ “บ้าแล้ว รู้ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”
จู่ๆ เสี่ยชาญก็โผล่เข้ามา “เล่นปิดตาตีหม้อกันอยู่เหรอ”
“เปล่าเสี่ย กำลังทดสอบการดมกลิ่นของอาตี๋เล็กอยู่ อาจาง ลื้อไปดูข้างนอกไป เผื่อลูกค้าจะสั่งอะไรเพิ่ม”
พอจางเดินออกไป เสี่ยชาญก็หันมาพูดล้อๆ
“ติวเข้มกันใหญ่เลยนะ”
“ไม่ได้สิ เดี๋ยวจะมีคู่แข่งแล้ว อั๊วต้องพร้อมรบไว้ก่อน” เฮงรีบบอก
“เฮ้อ ทำไมลื้อไม่สามัคคีกันไว้นะ”
“สามัคคีเพื่อ?” เฮงย้อนถาม
“ก็เพื่อความเข้มแข็งทางธุรกิจอาหารไง อั๊วเพิ่งไปต่างจังหวัดมา มีอยู่ที่นึง เค้ารวบรวมร้านอร่อยๆมาอยู่ที่เดียวกัน คนนี่แน่นเลย”
เฮงสั่นหัวดิก “ไม่ล่ะ อั้วไม่ชอบฟิเจอริ่งกับใคร โดยเฉพาะบ้านนั้นยิ่งไม่มีทาง”
ขาดคำ จางก็เดินเข้ามา
“เฮียครับ เมื่อกี๊มีลูกค้าโทรมาจองโต๊ะที่นึงนะครับ ผมล็อกที่ไว้ให้แล้ว”
“โอเค เห็นมั้ย ลูกค้าร้านอั๊วมีตลอดๆ แบบนี้ ทำไมต้องไปฟิเจอริ่งกับใครด้วย”
“ก็แล้วแต่ลื้อละกัน อั๊วขี้เกียจพวดแล้ว”
เสี่ยชาญส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ที่พยายามสร้างความสามัคคีแต่ไม่สำเร็จ
มอเตอร์ไซค์รับจ้างส่งโทรศัพท์คืนให้แก้วกัลยา ที่ยืนอยู่ที่หน้าบ้าน
“ขอบใจมาก อ่ะนี่” แก้วกัลยายื่นเงินให้หนึ่งร้อยบาท ก่อนพูดย้ำ “ความลับสุดยอดนะ”
มอเตอร์ไซค์ทำท่ารูดซิปปาก ก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขี่รถออกไป หญิงเล็กเดินเข้ามาถาม“แม่โทรไปจองโต๊ะที่บ้านโน้นทำไมคะ”
“ร้านไอ้งิ้วนั่นมันนำเราไปไกลเกิน แม่ต้องสกัดดาวร่วงมันหน่อย”
“ดาวรุ่งค่ะแม่”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็ร่วงแล้วล่ะ คอยดูสิ” แก้วกัลยาพูดอย่างมั่นใจ
“แม่จะทำอะไรคะ”
“ทำอะไรเดี๋ยวก็รู้ ที่สำคัญงานนี้ลูกต้องร่วมมือกับแม่ด้วยนะ”
แก้วกัลยายิ้มกริ่มมีแผนการ หญิงเล็กมองอย่างสงสัยว่าแม่กำลังจะทำอะไร
ฟากหญิงใหญ่ก็กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะทำงานของตี๋ใหญ่ โดยที่เจ้าของโต๊ะนั่งมองอยู่ข้างๆ
“ตรงนี้เคาะเว้นวรรคให้ผมหน่อยสิ เดี๋ยวคนอ่านจะงง ตรงนี้เคาะขึ้นย่อหน้าใหม่เลยดีกว่า มันเป็นประเด็นใหม่ล่ะ”
“ค่ะ” หญิงใหญ่พิมพ์งานไปบ่นไป “เป็นพนักงานฝ่ายขายดีๆ ต้องมานั่งพิมพ์งาน มันใช่มั้ยเนี่ย”
“มันใช่นะ คุณพิมพ์เร็วใช้ได้เลย เคยเปิดร้านรับจ้างพิมพ์งานมาก่อนเหรอ”
หญิงใหญ่เผลอตอบ
“เปิดมา 2 ปี จะบ้าเหรอ ฉันไม่เคยรับจ้างพิมพ์งานย่ะ”
ตี๋ใหญ่แกล้งทำกระลิ้มกระเหลี่ย “งั้นผมก็เปิดซิงคุณสิเนี่ย”
“เปิดซิงอะไร พูดดีๆ นะ”
หญิงใหญ่พูดพลางหยิบเครื่องช็อตออกจากกระเป๋าถือมากด ตี๋ใหญ่ถึงกับผงะ
“ผมหมายถึงพิมพ์งาน”
“ไม่อยากโดนอีกก็เงียบๆ ไป”
หญิงใหญ่วางเครื่องช็อตไฟฟ้าแล้วพิมพ์งานต่อ ตี๋ใหญ่นั่งนิ่ง ท่าทางสงบเสงี่ยม
เสียงดนตรีไทยดังจากลำโพงเบาๆ แก้วกัลยาเดินนำหญิงเล็กกับชายเล็กเดินออกมาที่หน้าบ้าน
“เดี๋ยวบริเวณนี้แม่จะจัดเป็นโซนเอาท์ดอร์ ให้ลูกค้ากินอาหารกลางสวนสวยๆ ดนตรีคลอเพลินๆ เสริมอรรถรสในการกิน ลูกว่าเป็นไง”
ชายเล็กรีบท้วง “เปิดเพลงแบบนี้ลูกค้าไม่หลับคาจานเหรอครับ”
“เราเปิดร้านอาหารไทย ไม่เปิดดนตรีไทยจะให้เปิดดนตรีอะไรล่ะลูก”
ขาดคำเสียงดนตรีงิ้วก็ดังมาจากบ้านเฮง หญิงเล็กรีบบอก
“แบบนี้ดีมั้ยแม่”
แก้วกัลยาตอบแบบเคลิ้มๆ
“เออ ก็เก๋ดีนะ เหมือนกินน้ำพริกปลาทูเคียงคู่หูฉลาม ว้าย เสียงมันมาจากไหนเนี่ย”
“ก็บ้านนั้นไงคะแม่”
“แล้วมันจะเปิดบ้าอะไรดังขนาดนั้น หูหนวกกันรึไง นี่ เบาๆหน่อยได้มั้ย หูหนวกกันเหรอ”
ชายเล็กรีบห้าม
“ไม่เอาน่ะแม่ เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีกหรอก”
“ทะเลาะก็ทะเลาะสิ เล่นเปิดเพลงดังรบกวนชาวบ้านเค้าแบบนี้ มันถูกซะที่ไหน ฉันบอกให้เบา
เสียงหน่อย ไม่ได้ยินเหรอ”
แก้วกัลยาตะโกนโหวกเหวก หญิงเล็กรีบหันมาบอกแม่
“เปิดดังซะขนาดนี้ เค้าไม่ได้ยินเสียงเราหรอกค่ะแม่”
“อ้าว แล้วจะทำไงกับมันดีล่ะเนี่ย”
“เกลือจิ้มเกลือสิคะ เค้าดังมาเราก็ดังกลับไป รอแป๊บนะคะแม่ เดี๋ยวหนูจัดให้”
หญิงเล็กพูดจบก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน
เฮงนั่งฟังงิ้วอยู่เพลินๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดนตรีไทยดังแทรกเข้ามา หมวยเล็กที่นั่งทำการบ้านอยู่ ทำหน้างง
“เอ๊ะเตี่ย เดี๋ยวนี้งิ้วเค้ามีฉิ่งฉับมาเล่นด้วยแล้วเหรอ”
“คงจะฟีเจอริ่งกันนี่แหละ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เตี่ยว่าจังหวะมันแปลกๆ มันดูคร่อมๆ กันยังไงพิกล”
ระหว่างนั้นตี๋เล็กก็เดินเข้ามา
“บ้านนั้นเค้านึกครึ้มอะไรขึ้นมาเนี่ย เปิดเพลงซะลั่นบ้านเลย”
“เพลงอะไรเหรอ” เฮงถามลูกชายคนรอง
“ก็ดนตรีไทยไงเตี่ย เตี่ยไม่ได้ยินเหรอ”
เฮงพยายามเงี่ยหูฟัง
เสียงดนตรีไทยดังลั่น หญิงเล็กเดินออกมาพร้อมรีโมทเครื่องเสียง ส่วนแก้วกัลยากับชายเล็กยังยืนอยู่ที่เดิม
“ดังพอมั้ยคะแม่”
“ไอ้พวกบ้านนั้นมันยังนิ่งอยู่เลย ดังอีกลูก ดังอีก”
หญิงเล็กกดรีโมทเร่งเสียงให้ดังขึ้นอีก เฮงถือรีโมท เดินนำตี๋เล็กและหมวยเล็กออกมาจากบ้าน
“เฮ้ยๆ จะจัดงานวัดกันรึไง เปิดซะดังเลยเฮ้ย”
แก้วกัลยาทำหน้าเชิดใส่ “ก็แล้วใครเปิดดังก่อนล่ะ”
“อะไร ใครเปิดดังคืออะไร”
“ก็ตอนแรกฉันเปิดของฉันเบาๆ แล้วเสียงงิ้วจากบ้านลื้อก็ดังมาถึงนี่ ฉันตะโกนให้หรี่เสียงก็ไม่ยอมหรี่กัน”
เฮงรีบพูดอวด “อ้าว ก็เครื่องเสียงที่บ้านอั๊วมันดี มันก็ต้องเปิดดังๆ ให้ได้ยินรายละเอียดเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นหน่อย”
หญิงเล็กรีบพูดแทรก “แต่มันรบกวนคนอื่นเค้านะคะ คนอื่นเค้าไม่อยากฟังงิ้วด้วยซะหน่อย”
ตี๋เล็กสวนกลับ “ไม่อยากฟังก็เข้าบ้านปิดหน้าต่างไปสิ”
“อ้าว พูดแบบนี้ก็ต้องทะเลาะกันแล้วล่ะ ยังไงดี เปิดเพลงประชันกันเลยมั้ย”
แก้วกัลยาตะโกนท้า เฮงตะโกนกลับ
“เอ้า กลัวที่ไหนล่ะ จัดไปสิ”
พูดจบก็รีบกดรีโมทเร่งเสียง
“มีรีโมทคนเดียวรึไง ฉันก็มีโว้ย”
แก้วกัลยาไม่ยอมแพ้ รีบดึงรีโมทจากหญิงเล็กมากดเร่งเสียงบ้าง
“ดังได้แค่นี้เหรอ กระจอกอ่ะ” เฮงหัวเราะเยาะเย้ย
“ไม่ต้องมาท้า ยังดังได้อีกเยอะโว้ย”
“สุดเสียงเลยแม่”
แก้วกัลยาเร่งสุดเสียง ชายเล็กกับหมวยเล็กยกมืออุดหู
“ช้าอยู่ใยเตี่ย เค้าสุดเราก็สุดไปเลย” ตี๋เล็กพูดยุ
เฮงรีบกดรีโมทเร่งสุดเสียง พลันเสียงไซเรนรถตำรวจก็ดังเข้ามา ทุกคนหันไปมอง แล้วก็ทำหน้าเหวอ
อ่านต่อหน้า 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 4 (ต่อ)
หญิงใหญ่กับตี๋ใหญ่เดินเข้ามาในสถานีตำรวจหน้าตาเหรอหรา
ที่โต๊ะร้อยเวร เฮง ตี๋เล็ก หมวยเล็ก แก้วกัลยา หญิงเล็ก ชายเล็ก นั่งหน้าสลด ร้อยเวรกำลังจดบันทึกปากคำอยู่
“เกิดเรื่องอะไรกันคะแม่”
แก้วกัลยาอึกอัก ไม่รู้จะอธิบายยังไง “เอ่อ...”
“ว่าไงเตี่ย มีเรื่องอะไรกันครับ” ตี๋ใหญ่หันไปถามเตี่ยบ้าง
เฮงไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน ร้อยเวรเลยตอบแทน
“พอดีมีชาวบ้านละแวกบ้านคุณแจ้งมาว่า พ่อกับแม่คุณเปิดเครื่องเสียงแข่งกันครับ”
ตี๋ใหญ่ตกใจ
“หา เปิดเครื่องเสียงแข่งกัน จริงเหรอเตี่ย”
เฮงหน้าจ๋อย
“ไม่นะ เตี่ยก็เปิดฟังของเตี่ยอยู่ดีๆ แล้วบ้านนี้เค้าก็มาเร่งแข่งกับเตี่ยเอง”
แก้วกัลยาโวยกลับ
“อ้าว พูดงี้ได้ไง บ้านลื้อเปิดดังก่อนนะ”
“ตอนแรกบ้านผมก็เปิดดังไม่มาก แต่บ้านของป้าตั้งใจเร่งเสียงแข่งกับผมเองนะ”
ตี๋เล็กเถียงช่วยเตี่ย
“อ๊าย มันว่าแม่ป้าอ่ะลูก”
หญิงเล็กไม่ยอมแพ้ “แหม ว่าแม่ฉันป้า เตี่ยนายนี่ไม่ลุงเลยเนอะ”
“อ้าว ถ้าอย่างนี้ก็ต้องขอใช้สิทธิพาดพิงกันล่ะ”
เฮงหันมาจะเอาเรื่อง ตี๋ใหญ่รีบห้าม
“ไม่เอาน่ะเตี่ย พอเถอะ”
“พอได้ไง เตี่ยโดนพาดพิง ไม่ได้ยินเหรอ”
“เมื่อกี๊โดนพาดพิง แต่เดี๋ยวขานี่แหละ จะพาดคอลื้อ”
แก้วกัลยาตะคอกกลับ หญิงใหญ่รีบห้ามแม่
“พอแล้วค่ะแม่ อายเค้า”
“ไม่พอ จะอายทำไมคนเยอะแยะ”
ร้อยเวรทนฟังอยู่นาน รีบพูดแทรกขึ้นมาบ้าง
“ถ้าไม่พอผมจะเอาคุณ 2 คนไปสงบสติอารมณ์ในห้องขัง ไปมั้ย คนเยอะแยะเลยนะ”
ได้ผลเฮงกับแก้วกัลยาเงียบกริบ ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่มองหน้ากันด้วยสีหน้าอ่อนใจ เพลียกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้ง 2 ฝ่ายลงจากรถที่หน้าบ้านพร้อมๆ กัน เฮงเริ่มหาเรื่องก่อนทันที
“ตอนนี้ยอดไลค์แฟนเพจร้านเราไปเท่าไหร่แล้วนะตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กรีบรับมุก “หลายร้อยแล้วเตี่ย อาทิตย์นี้ผมว่าถึงพันแน่”
หญิงเล็กแขวะสวนขึ้นมาทันที “คนไลค์หลักพัน คนเกลียดนี่หลักแสนรึเปล่า”
เฮงสวนกลับบ้าง “อ้าว ปากเหรอน่ะที่พูด”
แก้วกัลยาปากไวไม่แพ้กัน “จมูกมั้งที่พูดน่ะ”
หญิงใหญ่ส่ายหน้าอย่างระอา
“เพิ่งออกจากโรงพักมาแป๊บๆ นี่จะกลับกันไปอีกใช่มั้ยคะ”
“ก็มันหาเรื่องเราก่อน ลูกไม่ได้ยินเหรอ”
“หาเรื่องอะไร อั๊วพูดถึงยอดไลค์ร้านอั๊ว ไม่ได้พาดพิงถึงร้านที่ยังไม่เสร็จของลื้อซะหน่อย”
เฮงแอบแบะปากใส่ แก้วกัลยาแทบกรี๊ด
“เนี่ย มันกระแนะกระแหนว่าร้านเรายังไม่เสร็จ อ๊าย”
“นี่มันดึกแล้วนะครับ ละครหลังข่าวจบได้แล้ว”
ชายเล็กถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย
“นางเอกเพลี้ยเพลีย ไปนอนดีกว่า”
หมวยเล็กเดินเข้าบ้านไป อารมณ์เดียวกับชายเล็ก
แก้วกัลยาเดินเข้าไปประจันหน้ากับเฮง
“ลูกลื้อหาว่าฉันเป็นตัวอิจฉางั้นเหรอ เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
เฮงหัวเราะลั่น “ปากลูกอั๊วยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่ปากลื้อนี่ไม่สิ้นกลิ่นปลาร้าจริงๆ อมยาอม
บ้างนะ”
“ฉันปากเหม็น แต่ลื้อเนี่ยปากหมา อมลูกเหม็นบ้างก็ดี”
“ปากอย่างนี้ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกันคงมีตะลุมบอนกันซักฝุ่น”
แก้วกัลยาถกแขนเสื้อพร้อมลุย “ก็เอาซี้ คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วฉันจะกลัวเหรอ พร้อมมั้ยลูกๆ”
แต่พอหันมอง ปรากฎว่าลูกๆ ทั้ง 2 ฝ่ายเข้าบ้านกันหมดแล้ว
“เข้ากันไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“เสียเวลาจริงๆ คุยกับหมากับแมวยังจะมีประโยชน์ซะกว่า”
พูดจบ เฮงก็เดินเข้าบ้านไป
“ปากดีไปเถอะ พรุ่งนี้เจอดีแน่” แก้วกัลยาเบ้ปากใส่
“อะไรนะแม่ แม่จะให้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชายไปกินอาหารที่ร้านไอ้ตี๋เล็กเหรอ”
หญิงเล็กโวยวายเสียงดัง แก้วกัลยาต้องรีบจุ๊ปากห้าม
“ตกใจทำไมลูก แม่ไม่ได้ปล่อยให้ไปคนเดียวซะหน่อย แม่ก็จะปลอมตัวไปกับลูกด้วย”
“แม่จะปลอมตัวไปทำอะไรคะเนี่ย”
“บ้านนั้นมันนำเราไปไกลแล้วลูก แม่ต้องไปสกัดมันหน่อย”
“สกัดยังไงคะ” หญิงเล็กทำหน้าสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละลูก”
“นี่มันไม่ใช่ละครที่ผู้หญิงจะปลอมตัวเป็นผู้ชายไปทำภารกิจอะไรง่ายๆนะคะแม่ หนูกลัวโดนจับได้”
“ไม่หรอกลูก แม่จ้างเมคอัพอาร์ทิสมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ รับรองว่าเนียน”
แก้วกัลยาพูดอย่างมั่นใจ ขณะที่หญิงเล็กยังหวั่นๆ
ชายเล็กกับหมวยเล็กนั่งดูตัวอย่างหนัง Step upอยู่ที่ม้าหินที่โรงเรียน
“อยากเต้นให้ได้อย่างนี้อ่ะ”ชายเล็กพูดขึ้นมาก่อน
“โห ร่างกายต้องฟิตสุดๆ เลยนะ ปั้นซิกแพ็คด่วน”
“ตอนนี้ขึ้นมาสองแพ็คครึ่งล่ะ รออีกแป๊บ”
หมวยเล็กหัวเราะขำ “กล้ามท้องหรืออะไรอะ ขึ้นทีละสองแพ็คครึ่ง”
จังหวะนั้น โบว์เพื่อนหมวยเล็กเดินมาเห็นทั้งคู่หัวเราะสนุกสนานกันก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม แกล้งพูดเสียงดัง
“อ้าว สวัสดีค่า เตี่ยเฮง”
หมวยเล็กกับชายเล็กลุกขึ้นทะเลาะกันโดยอัตโนมัติ
“ไอ้หน้าปลาดุกชนเขื่อน มานั่งเกะกะอะไรฉันตรงนี้เนี่ย” หมวกเล็กเริ่มบทบาท
“บ้านเธอมาซื้อที่ตรงนี้ไว้รึไงล่ะ ยัยปลาลิ้นหมาแช่แฟ้บ” ชายเล็กเล่นละครตาม
โบว์ยืนขำแต่ทั้งคู่จ้องจะด่ากันเลยไม่ทันเห็น
“ปลาลิ้นหมาป้าแกสิ ฉันสวยซะขนาดนี้”
“เหรอ พกเข็มทิศบ้างก็ดีนะ”
หมวยเล็กทำหน้างง “พกเพื่อ?”
“ก็จะได้ไม่หลงตัวเองไง”
“เตี่ย เงียบอยู่ได้ ช่วยอั๊วเถียงบ้างสิ”
หมวยเล็กรีบหันหาตัวช่วย แต่กลับไม่เจอเตี่ย “อ้าวเตี่ย อยู่ไหนอะ”
โบว์หัวเราะก๊าก หมวยเล็กกับชายเล็กหันขวับไปมอง
“ไหนวะเตี่ยฉัน”
“ฉันอำแกเล่น แหม่ ใส่กันเป็นชุดเลยเนอะ”
“อำเล่นเหรอ สนุกเนอะ”
หมวยเล็กวิ่งไล่ตี โบว์รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว หมวยเล็กขี้เกียจวิ่งตาม หันมามองชายเล็กขำๆ
“นี่ หน้าเราเหมือนปลาดุกชนเขื่อนจริงๆ เหรอ”
“ก็ด่าเพื่อความสมจริงไปอย่างนั้นแหละ นายเองก็ใช่ย่อย ว่าฉันเป็นปลาลิ้นหมาแช่แฟ้บเนี่ยนะ”
ชายเล็กทำหน้าเบื่อ “ทำยังไงบ้านเราถึงจะคุยกันดีได้ซะทีนะ”
“เราก็พยายามคิดหาวิธีอยู่แหละ”
ทั้งคู่ช่วยกันนคิดหนักว่าจะทำยังไงกันดี
ขณะตี๋เล็กกับจางช่วยกันจัดโต๊ะวีไอพีที่คนโทรมาจองไว้ เสี่ยชาญก็เดินเข้ามาในร้าน เฮงรีบออกมาต้อนรับ
“หวัดดีไอ้เสี่ย วันนี้กินอะไรดี”
“แหม ถ้าขึ้นไอ้ก็ไม่ต้องเรียกเสี่ยละมั้ง”
“หยอกเล่น กินไรสั่งเลย”
เสี่ยชาญรีบบอก “วันนี้อยากกินเป็ดปักกิ่ง”
จางพูดแทรกขึ้นมาทันที “จะกินที่นี่หรือเอากลับไปกินในน้ำครับ”
“งั้นมาดิบๆ เลย อั๊วจะคาบไปกินในน้ำ จะบ้าเหรอ คนนะ ไม่ใช่ตั่วเฮีย”
เฮงรีบหันไปดุลูกน้อง “ปากเสียล่ะไอ้จาง”
“ก็เห็นเฮียหยอกเสี่ย จางก็อยากหยอกบ้าง”
“แล้วนี่โต๊ะใคร” เฮงหันมาถามตี๋เล็ก
“อ๋อ โต๊ะนี้มีคนโทรมาจองครับเสี่ย”
ขาดคำแก้วกัลยากับหญิงเล็กที่ติดหนวดปลอมเป็นผู้ชาย ก็เดินเข้ามา จางรีบปราดเข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีครับ”
แก้วกัลยารีบดัดเสียงผู้ชาย “ผมสมชาย ที่เมื่อวานผมโทรมาจองโต๊ะไว้น่ะครับ”
ตี๋เล็กผายมือเชิญ “อ๋อ โต๊ะนี้เลยครับ เชิญครับ”
หญิงเล็กดัดเสียงผู้ชายตาม “ขอบคุณฮะ”
“หวัดดีฮะ คุณทัดดาว”
เล่นเอาหญิงเล็กเกือบเก๊กหลุด “ฉัน เอ๊ย ผมชื่อสมปองฮะ ไม่ใช่ทัดดาวบุษยา”
แก้วกัลยาพูดต่อ “ใช่ครับ สมปองเป็นน้องสมชายอีกทีครับ”
เสี่ยชาญมองทั้งคู่อย่างไม่คุ้นหน้า “เป็นคนที่ไหนครับเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”
แก้วกัลยาพูดกวนๆ กลับมา “ เป็นคนทุกที่แหละครับผม”
เสี่ยชาญเจอมุกนี้เข้าไปถึงกับหน้าจ๋อย เฮงรีบบอก
“อาหารที่สั่งไว้รอสักครู่นะครับ ใกล้จะเสร็จแล้ว”
แก้วกัลยารีบคำ “ครับผม”
เสี่ยชาญเดินไปนั่งอีกโต๊ะใกล้ๆ กัน ส่วนเฮง ตี๋เล็กและจางเข้าไปในครัว
“เห็นมั้ย ไม่มีใครผิดสังเกตอะไรเลย”
แก้วกัวลยาเอียงหน้ามากระซิบ หญิงเล็กเลยค่อยใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง
พักหนึ่งตี๋เล็กกับจางก็ช่วยกันยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะแก้วกัลยา ตี๋เล็กเข้าเสิร์ฟใกล้ๆ หญิงเล็ก และรู้สึกแปลกๆ เมื่อได้กลิ่นกายของผู้หญิง แต่ก็ไม่พูดอะไร
เฮงเดินออกมาทักทายแก้วกัลยา
“อาหารครบแล้วนะครับ”
แก้วกัลยารีบดัดเสียงผู้ชายตอบ “ครบแล้วครับ”
“นี่มาแถวนี้บ่อยหรือเปล่าครับ”
แก้วกัลยากับหญิงเล็กตอบพร้อมกัน “บ่อย / ไม่บ่อย”
เฮงทำหน้างง “สรุปบ่อยหรือไม่บ่อยครับ”
ทั้งคู่ตอบพร้อมกันอีก “ไม่บ่อย / บ่อย”
ตี๋เล็กหรี่ตามองด้วยสายตาสงสัย
แก้วกัลยารีบบอก “บางทีก็บ่อย บางทีก็ไม่บ่อยน่ะครับ”
หญิงเล็กเอาบ้าง “พอดีติดตามแฟนเพจร้านนี้อยู่น่ะฮะ ก็เลยแวะมาชิมฮะ”
“อ่อเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นตามสบายนะครับ”
เฮงยิ้มให้ 2 แม่ลูก ก่อนจะเดินนำตี๋เล็กและจางไปนั่งคุยกับเสี่ยชาญที่นั่งกินอาหารถัดไปอีกโต๊ะ
“อาหารเป็นไงบ้าง”
“ลื้อก็ลองถามมันดูสิ” เสี่ยชาญตอบกลับแบบกวนๆ
เฮงรับมุก ก้มหน้ามาพูดกับอาหาร
“เฮลโล่ ฮาว อาร์ ยู ทูเดย์ โอเค แอมไฟน์ แต้งกิ้ว ถุย”
“เฮ้ย ถุยลงกับข้าวแบบนี้แล้วอั๊วจะกินต่อยังไงวะ” เสี่ยชายโวยวายเสียงดัง
“ก็อั๊วถามถึงรสชาติอาหาร ว่าเป็นไงบ้าง ลื้อก็ชงไปฮาอยู่ได้”
“ก็ไม่ถามให้เคลียร์ อร่อยดี ฝีมืออาตี๋เล็กเนี่ยสวดยวดอยู่แล้ว”
หญิงเล็กได้ยิน ก็หลุดปาก พูดลอยๆ “ชิ ก็งั้นๆ แหละ”
แก้วกัลยาทำตาดุใส่ หญิงเล็กเลยรีบกลบเกลื่อน
“อ๋อ ร้านที่เราไปกินกันเมื่อวานนี้ ก็งั้นๆ แหละพี่สมชายว่ามั้ยฮะ”
“ใช่ รสชาติจัดว่าแย่มากครับ”
เฮงรีบหันไปบอก “แถวนี้ร้านอาหารที่อร่อยที่สุดก็มีร้านนี้ร้านเดียวแหละครับ”
คราวนี้แก้วกัลยาหลุดบ้าง “หรา”
หญิงเล็กรีบทำตาดุใส่แม่ เฮงขมวดคิ้ว
“เมื่อกี๊เสียงลื้อ”
แก้วกัลยารีบดัดเสียงผู้ชายต่อ “เออ สงสัยหวัดจะลงคอ ต้องไปหาหมอหน่อยล่ะครับ”
“เดี๋ยวกินเสร็จน้องจะพาไปนะฮะ พี่สมชาย”
2 แม่ลูกก้มหน้าข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงเล็กทนไม่ไหวกระซิบถาม
“จะเริ่มกันได้รึยังคะแม่ หญิงเกร็งจะแย่อยู่แล้ว”
แก้วกัลยากระซิบตอบ “รอให้คนเข้ามาเยอะกว่านี้อีกหน่อยลูก”
ตี๋เล็กมองไปที่ 2 แม่ลูกด้วยสายตาสงสัย จนต้องแอบมายืนครุ่นคิดอยู่คนเดียวในครัว ก่อนที่เฮงกับจางจะเดินเข้ามา
“เข้ามายืนทำอะไรคนเดียว ตี๋เล็ก”
“เตี่ย ผมว่าสองคนนั้นดูแปลกๆนะเตี่ย ผมรู้สึกว่าเค้าไม่ใช่ผู้ชายยังไงไม่รู้”
จางรีบเสนอหน้าถาม “ไม่ใช่ผู้ชายแล้วเป็นอะไรล่ะครับ เกย์? กระเทย?”
“เตี่ยว่าเค้าก็ไม่สาวนะ เต็มที่อาจจะเป็นเกย์”
ตี๋เล็กรีบบอก “แต่ผมว่าเค้าเป็นผู้หญิงนะเตี่ย”
เฮงตกใจ “หา ผู้หญิงเหรอ”
“คุณตี๋เล็กดูจากอะไรครับ” จางถามตี๋เล็ก
“ตอนเสิร์ฟอาหาร ผมได้กลิ่นตัวผู้หญิงจากคุณสมปองน่ะครับ”
“จมูกลื้อได้กลิ่นขนาดนั้นเลยเหรอ”
จางรีบบอกเฮง
“เฮียจำไม่ได้เหรอ เมื่อวานเราทดสอบการดมกลิ่นของคุณตี๋เล็ก คุณตี๋เล็กได้กลิ่นแม้กระทั่งหมูป่าตายคาที่อยู่ตรงดินโป่ง”
เฮงเริ่มคล้อยตาม
“เออว่ะ จมูกลื้อนี่สุดยอดจริงๆ แต่ลื้อมั่นใจนะว่าเป็นกลิ่นตัวผู้หญิงแน่”
“มั่นใจครับเตี่ย ผมมั่นใจว่าเป็นผู้หญิงแน่นอน”
“เป็นผู้หญิงแล้วทำตัวเป็นผู้ชายเพื่ออะไรอ่ะครับ หรือว่าเป็นทอม” จางยังสงสัย
“ผมว่ามันดูแปลกๆ ยังไงชอบกลอยู่”
ทั้งหมดครุ่นคิดสงสัย จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียง 2 แม่ลูกโวยวายขึ้นมา
“แมลงสาบ โอ้โห มาได้ไงครับเนี่ย”
ทั้ง 3 คน ตกใจ รีบพากันเดินออกไป
เสียงโวยวายของ 2 แม่ลูกทำเอาทั้งเสี่ยชาญ แล้วก็ลูกค้าในร้านหันมาที่โต๊ะแก้วกัลยาเป็นตาเดียว เฮง ตี๋เล็กและจางเดินออกมาจากครัว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เฮงถามอย่างร้อนรน เสี่ยชาญรีบบอก
“มีแมลงสาบอยู่ในจานกับข้าวลื้อน่ะสิ”
“เฮ้ย เป็นไปได้ยังไง”
แก้วกัลยารีบเอาช้อนตักแมลงสาบขึ้นมาโชว์
“เป็นไปแล้วนี่ไง มาทั้งตัวเลยเนี่ยครับ”
หญิงเล็กรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป “แบบนี้ต้องถ่ายรูปฮะ”
ตี๋เล็กรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วจ้องหน้าหญิงเล็ก
“คุณแน่ใจนะว่าแมลงสาบอยู่ในจานอาหารก่อน ไม่ใช่แอบใส่มาทีหลัง”
หญิงเล็กรีบหลบตา “อ้าว นี่จะโยนความผิดให้ลูกค้าเหรอฮะ”
ตี๋เล็กแกล้งโอบไหล่ หญิงเล็กสะบัดตัวหนี เผลอร้องเสียงหลง
“ว้าย”
ตี๋เล็กทำหน้าตกใจ หญิงเล็กเลยแกล้งเก๊กเสียงเข้มกลบเกลื่อน
“อะไรกันฮะ อยู่ๆ มากอดผมเนี่ย”
“เป็นผู้ชายด้วยกัน ถือสาอะไรล่ะฮะ”
พูดจบตี๋เล็กก็เข้าไปกอดแน่นขึ้น หญิงเล็กพยายามดิ้น แต่ตี๋เล็กไม่ยอมปล่อย
“นั่นสิ เราแมนๆ กอดกันอย่างแมนๆ จริงมั้ย”
เฮงพูดพร้อมกับเข้าไปกอดแก้วกัลยาบ้าง กัลยาพยายามดิ้นหนี แต่เฮงยิ่งกอดแน่น
“ปล่อยผมนะฮะ” หญิงเล็กโวยวาย
“ไม่ปล่อย แหม เนื้อตัวนี่นิ่มอย่างกับผู้หญิงเลยนะ”
ตี๋เล็กทำหน้าตากรุ้มกริ่ม เฮงรีบผสมโรง
“เออ คนนี้ก็นิ่มเหมือนกัน ท่าทางจะบำรุงผิวกันดี”
หญิงเล็กทนไม่ไหว ตะโกนเป็นเสียงผู้หญิง “แม่ ช่วยหญิงด้วย”
“หา ไหนแม่?” ตี๋เล็กทำเป็นตกใจ
“นั่นสิไหนแม่ นี่ผู้ชายชัดๆ”
เฮงรับมุกต่อ แล้วจู่ๆ ก็เอียงหน้าไปหอมแก้ม แก้วกัลยาทนไม่ไหวเหมือนกัน รีบกรนะชากหนวดออก
“อ๊าย ฉันจะแจ้งตำรวจ ข้อหาลวนลามฉัน ไอ้เฒ่าลามก”
เสี่ยชาญตกใจ “เฮ้ย อาแก้วกัลยา”
ตี๋เล็กรีบดึงหนวดหญิงเล็กออก
“แม่เผยตัวแล้ว ลูกจะไม่เผยตัวหน่อยเหรอ”
หญิงเล็กดิ้นหลุดจากตี๋เล็ก “แจ้งจับมันทั้งคู่เลยค่ะหญิงแม่”
เฮงสวนกลับทันที
“เอาซี้ อั๊วจะได้แจ้งความกลับ ที่ลื้อกับลูกเอาแมลงสาบมาแอบใส่ในอาหารอั๊ว”
2 แม่ลูกอึ้งทำอะไรไม่ถูก เสี่ยชาญมองคนนั้นที คนนี้ทีแบบงงๆ
“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย อั๊วงงสวดๆ เลย”
“กลับบ้านเราลูก”
แก้วกัลยารีบจูงหญิงเล็กกลับออกไป เฮงกับตี๋เล็กรีบโห่ไล่หลัง
2 แม่ลูกกลับเข้าบ้านด้วยอาการขยะแขยง
“อี๋ ขยะแขยงที่สุด”
“ไม่รู้ต้องอาบน้ำกี่วัน ถึงจะล้างกลิ่นสาบไอ้ตี๋โรคจิตนั่นได้ แหวะ”
หญิงเล็กทำท่าเหมือนจะอ้วก
“ไปอาบน้ำมนต์กันดีกว่าลูก”
“หนูขอเก้าวัดนะคะแม่ จะได้ล้างซวย”
จู่ๆ เสี่ยชาญก็โผล่เข้ามา
“พวกลื้อ 2 คนนี่เล่นแรงเกินไปรึเปล่า”
“แรงเริงอะไรเสี่ย นี่ถ้าจะเข้าข้างพวกมันก็ออกจากบ้านฉันไปเลยนะ”
หญิงเล็กรีบกระซิบบอก “นี่บ้านเสี่ยเค้านะคะ”
“บ้านเสี่ย แต่เราเช่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ฉะนั้นเรามีสิทธิไล่เค้าได้ลูก ไป๊ ชิ้วๆ”
เสี่ยชาญเผลอตัวทำเสียงขู่แบบหมา “แฮ่”
“แม่คะ ระวังหมากัด”
“เย้ย อั๊วไม่ใช่หมา”
หญิงเล็กหัวเราะขำ “ก็แฮ่ซะเหมือนเลยนี่เสี่ย”
“เสี่ยกลับไปเลย ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย” แก้วกัลยาออกปากไล่
“กลับก็ได้ แต่ช่วยจ่ายค่าอาหารให้อาเฮงมาก่อนได้มั้ย ทั้งหมดก็สี่ร้อยยี่สิบ”
แก้วกัลยายักไหล่ “ถ้ามันอยากได้ก็ให้มาเก็บเองสิ”
“ก็อีไม่อยากย่างกรายเข้ามาในบ้านลื้อ อั๊วถึงต้องมาเป็นหนังหน้าไฟให้นี่ไง”
“จ่ายไปเถอะค่ะแม่ หนูไม่อยากให้พวกนั้นเข้ามาในบ้านเรา แค่นี้น้ำมนต์เก้าวัดก็ไม่รู้จะเอาอยู่
รึเปล่า”
แก้วกัลยารีบหหยิบเงินให้เสี่ยชาญ “อ่ะนี่ แล้วก็รีบออกไปเลย ฉันกับลูกจะไปอาบน้ำมนต์ล้างซวย”
พอเสี่ยชาญเดินออกไป 2 แม่ลูกก็ทำท่าขยะแขยงต่อ
ตี๋ใหญ่ตกใจหลังจากรู้เรื่องที่แก้วกัลยากับหญิงเล็กปลอมตัวมาแกล้งที่ร้าน
“เฮ้ย นี่เค้าลงทุนปลอมตัวเป็นผู้ชายมาแกล้งเราเลยเหรอเนี่ย”
เฮงพยักหน้าหงึก “ใช่ บ้านนั้นมันกล้ามาก เตี่ยคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะกล้ามาไม้นี้”
“เหมือนในละครเลยอะ น่าสนุกดีเนอะ”
หมวยเล็กพูดแบบโลกสวย แต่ตี๋เล็กไม่สวยด้วย
”น่าสนุกตรงไหน นี่ถ้าเราจับไม่ได้ ร้านเราเสียชื่อเลยนะหมวยเล็ก”
เฮงรีบบอกกับตี๋ใหญ่
“เนี่ย ถ้าลื้อมาช่วยงานที่ร้าน ร้านก็คงไม่วุ่นวายแบบนี้หรอก”
“ผมอยู่แล้วจะช่วยอะไรได้เตี่ย แล้ววันนี้ที่จับเค้าได้ก็เพราะตี๋เล็กต่างหาก”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าลื้ออยู่อั๊วก็อุ่นใจกว่านี้แล้วกัน”
“อั๊วง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ”
ตี๋เล็กงอนลุกเดินออกไป ตี๋ใหญ่มองตามรู้สึกเห็นใจน้อง หมวกเล็กรีบบอกเตี่ย
“อีกแล้วนะเตี่ย พูดจาไม่ถนอมน้ำใจเฮียตี๋เล็กเลยนะ”
“ลื้ออย่าเพิ่งมาสอนอะไรอั้วตอนนี้ได้มั้ย อั๊วกำลังหาทางเอาคืนบ้านนั้นอยู่เนี่ย”
ตี๋ใหญ่รีบโบกมือห้าม “พอเหอะเตี่ย แก้แค้นไปมันก็ไม่จบไม่สิ้นกันพอดี”
“ไม่จบอยู่แล้ว อั๊วโดนลูบคมขนาดนี้ อั๊วต้องเอาคืน”
เฮงครุ่นคิดหาทางเอาคืน ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กมองเตี่ยอย่างอ่อนใจ
อ่านต่อตอนที่ 5