เพื่อน แพง ตอนที่ 15 อวสาน
ตกตอนกลางคืน แพงนั่งกอดเข่าร้องห่มร้องไห้สะอื้นอยู่ข้างคอกไอ้เปลี่ยว
“พี่ลอ ฮือๆๆ พี่ลอจ๋า ฮือๆๆ”
“เอ็งจะมาร้องไห้สะอึกสะอื้นหาสวรรค์วิมานอะไรอีแพง เพราะเอ็งนั่นแหละที่ทำให้พี่ลอ ต้องไปตกหลุมพรางพวกมัน ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้”
แพงพยายามกลั้นสะอื้นหันมามองพี่สาวอย่างเจ็บใจแล้วลุกเดินหนี ไม่อยากต่อปากด้วย แต่เพื่อนรั้งไว้
“ข้ายังด่าเอ็งไม่จบ เอ็งไม่ต้องเสือกหนี ถ้าพี่ลอเขาไม่รอดกลับมา เอ็งต้องรับผิดชอบ เพราะเอ็งเป็นคนส่งเสริมให้เขาไปตาย”
“พี่ลอเขาจะต้องไม่ตาย เขาสัญญากับฉันว่าจะกลับมา”
“เขาสัญญากับเอ็ง”
“ใช่ ที่คุ้งต้นไทร ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีคุ้งผีน้ำ วิญญาณพ่อของพี่ลอที่ยังวนเวียน เพราะฉะนั้น กรรมดีทั้งของฉันและพี่ลอที่ทำร่วมกันไว้ จะช่วยให้เขาแคล้วคลาดกลับมาหาฉัน”
เพื่อนอึ้งไป พูดไม่ออก
“ที่นี้ก็รู้แล้วใช่มั้ย ไม่ใช่พี่คนเดียวอีกแล้วที่พี่ลอจะสาบานรักด้วยชีวิต เพราะฉะนั้นเลิก ทะนงตัวว่าสูงส่งกว่าใครซะที พี่ไม่ได้งามอย่างดอกไม้ที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของอีก เพราะสันดานเห็นแก่ตัว ทำให้พี่ไม่ต่างจากพี่แรม ตอแหล ทะเยอทะยาน เป็นได้แค่อีแพศยา”
“อีแพง มึง”
เพื่อนพุ่งเข้าไปตบหน้าแพงฉาดใหญ่ แพงล้มลงหน้าหันเลือดซิบมุมปาก สองพี่น้องจ้องหน้ากันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เพื่อนโกรธจนตัดสินใจเด็ดขาด
“นับแต่นี้ไป มึงกับกูขาดกัน อย่ามาเรียกกูว่าพี่มึงอีกอีแพง”
เพื่อนชี้หน้าอาฆาตแล้วเดินออกไป แพงมองพี่สาวแล้วเอามือประคองท้องตัวเอง
แพงเดินร้องไห้สะอื้นมาบริเวณท่าน้ำ ทรุดนั่งลงร้องไห้จนตัวโยนอย่างน่าเวทนา
“พี่ลอจ๋า พี่ลอ ฮือๆๆ พี่ต้องกลับมาหาฉันให้ได้นะ”
แพงร้องไห้ ก้มมองท้องตัวเองแล้วลูบเบาๆ อย่างทะนุถนอม
“พี่สาบานว่าจะกลับมาหาฉัน พี่สาบานแล้วนะพี่ลอ พี่ต้องกลับมาให้ได้ เพราะตอนนี้ไม่ใช่ฉันคนเดียวอีกแล้วที่กำลังรอพี่อยู่ พี่ลอจ๋า ฮือๆๆ”
แพงแตะท้องแล้วร้องไห้อย่างน่าเวทนาสงสาร
ตั้งแต่วันที่ลอออกจากบ้านสร้างไป นารอบใหม่เริ่มเขียวขจี พิศเดินเหงื่อโซมกายเข้ามาพักที่เถียงนา เพื่อนรีบเอาน้ำให้พ่อกิน
“กินน้ำก่อนเถอะจ้ะพ่อ ฉันว่าวันนี้พ่อพอก่อนเถอะ เพิ่งจะหายดีไม่ทันไร เดี๋ยวจะล้มไป กลางทุ่งกลางนาซะก่อน”
“ถ้าข้าไม่ลงไปดูนาข้าวเอง แล้วใครจะทำวะนังเพื่อน”
“เดี๋ยวฉันจ้างคนอื่นมาทำให้ก็ได้ เงินฉันก็มีเหลือ”
“เสียดายเงิน เก็บไว้ตั้งตัวหลังแต่งงานกับไอ้ลอดีกว่า เออ แล้วไอ้ที่เอ็งคุยกับข้าไว้ จะเอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอวะ ถ้าไอ้ลอมันกลับมาแล้วรู้เรื่องเข้า”
“พี่ลอรู้แล้วจะทำไม อีแพงมันเป็นลูกสาวพ่อ เป็นน้องสาวฉัน พ่อไม่ต้องห่วงหรอก คราวนี้ ฉันต้องเอาจริง ถึงเวลาที่ต้องให้มันไปพ้นอกเราซะที”
เพื่อนยิ้มร้าย
แพงกำลังเอาปลาช่อนที่แล่เรียบร้อยแล้วมาเรียงใส่กระจาดตากแห้ง แต่ทำไปก็พะอืดพะอมไป แพ้กลิ่นปลาช่อนจนต้องถอยไปอาเจียน แก้วกับเรืองแวะมาเยี่ยมเห็นเข้าก็ตกใจ
“อีแพง เอ็งเป็นอีกแล้วเหรอวะ หมู่นี้ข้าว่าเอ็งโอ้กอ้ากบ่อยๆ ไปให้หมอเขาดูหน่อยมั้ย”
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรหรอกอีแก้ว แค่เหม็นกลิ่นปลาช่อนตาก ได้กลิ่นแล้วพาลจะอ้วกทุกที”
“แต่เอ็งไม่เคยบ่นเหม็นมาก่อนเลยนี่หว่า ชอบกินซะด้วยซ้ำ”
คำท้วงของเรือง ทำให้แพงชะงักไป
“เอ่อ ก็เดี๋ยวนี้มันเหม็น ไม่ได้ชอบกินแล้วด้วย”
แพงรีบเก็บกระจาดจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่แก้วเริ่มสงสัย รีบเข้าไปรั้งแขน
“เดี๋ยวก่อน ท่าทางเอ็งกำลังมีอะไรปิดข้าอยู่แน่ๆ บอกมานะอีแพง”
“ข้าไม่มีอะไรปิดเอ็งซะหน่อย อย่าขี้สงสัยไปเลยอีแก้ว”
“อีแพง เอ็งไม่กล้าพูดเพราะมันใช่เรื่องใหญ่อย่างที่ข้าคิดใช่มั้ย”
แพงนิ่งไป หน้าเครียด ระหว่างนั้นมีเสียงชายคนหนึ่ง หน้าซื่อๆ เดินเข้ามา
“สวัสดีจ้ะ ที่นี่บ้านพ่อเฒ่าพิศใช่มั้ยจ๊ะ”
“ใช่ มีธุระอะไรกับพ่อเหรอ”
“จ้ะ ฉันมาจากบางเปรี้ยว แม่เพื่อนให้ฉันมาคุยกับพ่อเฒ่าพิศ ที่ฉันกำลังคุยอยู่ด้วย คนไหนคืออีแพงเหรอจ๊ะ”
“ฉันเอง”
ชายหนุ่มยิ้มพอใจทันที
“อ๋อ คนนี้เหรอ ดีๆๆ หน้าตาดูมีน้ำมีนวล ผิวคล้ำไปหน่อย แต่สะโพกผายกลมกลึง นี่แหละแม่พันธุ์ที่อยากได้ สมกับที่แม่เพื่อนเล่าให้ฟังเลย”
“หมายความว่ายังไง พี่เพื่อนเอาฉันไปเล่าให้ฟังทำไม”
ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างหน้าซื่อๆ
ชายหนุ่มดวงซวยร้องเจ็บดังลั่นแล้ววิ่งออกมา มือกุมหัวเลือดอาบ สวนกับพิศและเพื่อนซึ่งเข้ามาพอดี
“อ้าว ไอ้เจิด เกิดอะไรขึ้น เอ็งไปโดนใครฟาดกบาลมาเลือดอาบวะ”
“อีแพงลูกสาวพ่อเฒ่านั่นแหละ ดุอย่างกับหมาบ้า ฉันไม่เอามันมาทำเมียหรอก”
ชายหนุ่มร้องโอดโอยแล้วรีบออกไป เลือดหยดเป็นทาง แพงกับแก้วรีบตามออกมาตะโกนไล่หลัง
“อย่าให้เห็นหน้าอีกนะมึง คราวหน้าจะไม่ใช่แค่แสกกลางกบาลแต่จะหักขาให้เป๋เลย”
“อีแพง”
แพงจ้องพี่สาวเขม็ง
“ทีหลังไม่ต้องสะเออะริหาผัวให้ฉันอีก แล้วจะหาว่าไม่เตือน”
เพื่อนเจ็บใจเข้าไปบีบแขนกระชากลากตัว
“มานี่เลยอีแพง”
แก้วกับเรืองตกใจจะตามไป แต่พิศชี้หน้า
“เอ็งกับไอ้เรืองไม่ต้องยุ่ง”
แพงถูกเพื่อนกระชากเข้ามาในบ้าน แล้วผลักลงไปที่พื้น
“มึงอย่าพยศให้มากนักอีแพง ไม่งั้นล่ะก็”
“ทำไม จะทำอะไรฉัน ถึงตีให้ตายก็อย่าหวังว่าฉันจะยอมให้พี่ให้พ่อยัดเยียดผัวให้”
พิศเดินเข้ามา
“มึงไม่ต้องมาเถียง ถ้ากูจะให้มึงมีผัว มึงก็ต้องมี”
“ไม่ เป็นตายฉันก็ไม่ยอม พ่อบังคับฉันไม่ได้”
“งั้นก็ลากให้เขาเอามันไปทำเมียเลย ในเมื่อพูดกันดีๆ ขอกันดีๆ มันก็ยังดื้อ ก็คงต้องให้ เจ็บตัวบ้าง”
“ไม่ ไม่นะพ่อ อย่าให้ใครพาฉันไปเลย ฉันแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้น นะจ๊ะพ่อจ๋า อย่าให้ฉันแต่งงานกับคนอื่นเลย”
“ข้ากับพ่อหวังดีไม่ได้อยากทรมานเอ็ง ไอ้ที่เอ็งฟาดกบาลเขาไป ข้าก็เลือกให้อย่างดีแล้ว”
“ดีแค่ไหนฉันก็แต่งไม่ได้ แต่งงานไม่ได้จริงๆ”
“ทำไม อีแพง ร้อยไม่เอาพันไม่เอา ทำไม มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้”
แพงนิ่งหน้าสลด เพื่อนเข้าไปจิกแขนแพงขึ้นมาบังคับให้พูด
“บอกพ่อเขาไปสิอีแพง ทำไมเอ็งถึงแต่งงานไม่ได้ ไม่งั้นข้าลากเอ็งไปให้เขาทำเมียแน่”
แพงมองหน้าเพื่อนเขม็ง ปิดปากเงียบ ถึงตายก็ไม่ยอมพูด
“อีแพง ได้ เอ็งอยากท้าทายข้านักใช่มั้ย”
เพื่อนเข้าไปกระชากตัวแพงขึ้น สายตากร้าวใส่ แพงร้องเสียงดังลั่นไม่ยอม
“ไม่นะพี่เพื่อน อย่า อย่า”
เรืองกับแก้วแอบชะเง้อห่วงอยู่นอกบ้านได้ยินเสียงแพงร้องลั่นก็ยิ่งตกใจ
“เอาแล้วไง เอ็งได้ยินมั้ยอีแก้ว อีแพงร้องลั่นเลย”
“จะไม่ได้ยินได้ไงวะ เสียงมันไม่ได้แค่ดังบาดหู แต่บาดใจข้าด้วย อีแพง”
แพงโดนเพื่อนฉุดกระชากลากออกมาจากบ้านลงบันได แพงพยายามฝืนสุดฤทธิ์ไม่ยอมไป
“ไม่นะพี่เพื่อน ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันไม่ไป”
“เอ็งไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วอีแพง อย่าคิดว่าเอ็งเล่นงานไล่ตะเพิดไปได้คนหนึ่งแล้วข้าจะไม่ เหลือผู้ชายให้มาเป็นผัวเอ็งอีก ยังมีให้ข้าพาเอ็งไปหาอีกเยอะ”
“พอได้แล้วพี่เพื่อน ฉันว่าพี่ทำกับอีแพงเกินไปแล้ว” แก้งท้วง
“ใช่ อีแพงมันไม่ใช่วัวใช่ควายที่เอ็งจะลากมันไปให้ตัวผู้ทับเล่น มันคนนะโว้ย แล้ว ก็เป็นน้องสาวเอ็งด้วย” เรืองเหลืออด
“ก็เพราะมันเป็นน้องสาวข้าไง ข้าถึงมีสิทธิ์เลือกผัวให้มัน แต่พวกเอ็งนั่นแหละเป็นใคร ถึงมาสาระแนเรื่องในบ้านข้านัก”
“จะด่าว่าเสือกก็ว่ามาเลย เพราะไอ้เรื่องที่ต้องเสือกมันเป็นเรื่องที่ทนดูไม่ได้ มันมีแต่ คนที่ทำกับสัตว์ไม่ใช่ทำกับคนด้วยกัน”
“พอได้แล้ว พวกเอ็งสองคนไม่ต้องมาต่อปากต่อคำกับนังเพื่อน ที่นี่บ้านข้า อีแพงก็เป็น ลูกสาวข้า ถ้าพวกเอ็งไม่ไสหัวไปให้พ้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
“อาพิศ ฉันขอ”
“ไอ้เรือง กูเอาจริงนะโว้ย”
เรืองชะงักเพราะโดนพิศกระชากคอมา เพื่อนยิ้มพอใจ แล้วกระชากแพงอย่างแรงให้ลุกขึ้น
“ไปได้แล้วอีแพง”
“ไม่ ฉันไม่ไป ไม่ไป ช่วยข้าด้วยอีแก้ว ไอ้เรือง”
พิศชี้หน้าขู่ไม่ให้เรืองกับแก้วเข้ามายุ่ง สองคนเครียดหนัก
“อีแพง ข้าต้องช่วยเอ็งให้ได้”
ผาดนั่งพนมมือฟังหลวงพ่อให้ศีลให้พรหลังจากมาทำบุญ
“หลวงพ่อ หลวงพ่อเจ้าขา ช่วยอีแพงด้วยเจ้าค่ะ”
แก้วกับเรืองถลาเข้ามาเกือบจะกลางวงทำบุญ ทำเอาหลวงพ่อกับผาดตกอกตกใจ
“อีแก้ว ทะลึ่งพรวดพราดเข้ามาให้มันดูบ้างสิวะ นี่มันวัดนะโว้ย”
“ขอโทษจ้ะอาผู้ใหญ่ อีแก้วรู้จ้ะว่าที่นี่เป็นวัดและเป็นที่พึ่งทางเดียวที่จะช่วยอีแพงได้ เลยต้องรีบจ้ะ”
“อีแพงมันไปมีเรื่องอะไรอีก”
“ก็อาพิศกับนังเพื่อนน่ะสิจ๊ะหลวงพ่อ อยากให้อีแพงมีผัว พออีแพงไม่ยอมก็จะลากไปให้ เขาทำเมียซะให้ได้ พวกฉันห้ามยังไงก็ไม่ฟัง ก็เหลือแต่หลวงพ่อกับอาผู้ใหญ่นี่แหละ ที่น่าจะห้ามได้”
หลวงพ่อตกใจ
“เฮ้ย ลากอีแพงไปให้คนอื่นทำเมียเลยเหรอวะ มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว”
“นั่นสิครับหลวงพ่อ”
ผาดกับหลวงพ่อมองหน้ากันอย่างกังวล
เพื่อนฉุดกระชากลากแพงมาตามทาง พิศเดินตามรั้งท้าย แพงร้องลั่นไม่ยอม
“ปล่อยฉันนะพี่เพื่อน บอกให้ปล่อย ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่ไป”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะอีแพง ข้าอุตส่าห์ใจดีไม่มัดมือมัดเท้าเอาผ้ายัดปากเอ็ง แต่ถ้ายังไม่ หยุด ข้าเอาจริงแน่”
“ฉันเป็นคนไม่ใช่ควาย พี่เพื่อนทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้”
แพงเริ่มอาละวาดสะบัดไปมา แล้วตัดสินใจผลักเพื่อนอย่างแรง ทำให้เพื่อนเสียหลักล้ม
“นังเพื่อน”
พิศรีบเข้าไปประคองเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไรหรอกพ่อ รีบจับอีแพงไว้เถอะ เดี๋ยวมันจะหนีไป”
แพงกำลังจะถอยหลังหนีจริงๆ พิศรีบเข้าไปคว้าข้อมือเอาไว้ทัน
“อีแพง เพราะมึงสันดานเป็นอย่างนี้ไง ข้ากับนังเพื่อนถึงเลี้ยงเอาไว้ไม่ได้อีก”
“ปล่อยฉันเถอะนะพ่อ ฉันแต่งงานไม่ได้จริงๆ ไม่มีใครเขาเอาฉันไปทำเมียหรอก”
“มึงเอาแต่พูดว่าแต่งไม่ได้ กูถามยังไงมึงก็ไม่บอก ถ้ากูไม่บังคับ มึงก็ดื้อไม่เลิก พอซะที อีแพง อย่าทำให้กูเหลืออด”
“ถ้าจะเหลืออดตีฉันให้ตายก็ตีเลย ดีกว่าปล่อยให้ฉันไปฆ่าไอ้คนที่พี่เพื่อนจะยัดเยียดให้ มันมาเป็นผัวฉัน”
“อีแพง”
พิศเงื้อมือจะตบ เสียงหลวงพ่อก็ดังเข้ามาทันที
“ไอ้พิศ พอซะทีเถอะวะ ข้าว่าเอ็งชักจะมากเกินไปแล้ว”
“หลวงพ่อ”
หลวงพ่อรีบเข้ามาพร้อมผาด เรืองและแก้วตามหลังติดๆ
“นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหูตัวเอง ข้าไม่มีทางเชื่อแน่ เอ็งคิดอะไรอยู่ถึงจะลากลูกสาวไปให้คน อื่นเขาทำเมีย อีแพงมันเป็นคนโว้ย ไม่ใช่วัวใช่ควาย”
“นั่นสิวะไอ้พิศ ถึงเอ็งจะบอกว่าเป็นพ่อ มีสิทธิ์ที่จะเลือกผัวให้ลูกสาว แต่มันก็ไม่ควรทำ”
แก้วผสมโรงทันที
“ใช่จ้ะอาผู้ใหญ่ นี่มันยุคเปลี่ยนการปกครองแล้ว ไม่ใช่โบร่ำโบราณที่พ่อจะบังคับเอาลูกสาวไปขายได้หน้าตาเฉย”
“แล้วดีไม่ดีถ้าทางราชการรู้เข้า อาพิศอาจจะโดนเรียกไปสอบเอาผิดโทษฐานขัดความ ศิวิไลซ์ของบ้านเมืองก็ได้นะจ๊ะ”
“ไอ้เรือง อย่าเสือกไม่เข้าเรื่อง”
“เฮ้ย ข้าก็คิดเหมือนไอ้เรือง ถ้าเอ็งด่ามันเสือก เอ็งก็ด่าข้าเสือกเหมือนกันน่ะสิวะ”
“ผมจะไปด่าหลวงพ่อว่าเสือกได้ยังไงล่ะครับ นรกจะได้กินกบาล”
“ก็เหมือนกันแหละวะ ด่าออกมาแล้วไงเมื่อกี้นี้ไง”
พิศชะงัก เถียงหลวงพ่อไม่ออก เพื่อนหัวเสียเข้าไปกระซิบพ่อ
“พ่อ อย่าให้คนอื่นมายุ่งเลย มันเป็นเรื่องในบ้านเรานะ”
“คนอื่นที่ไหนล่ะนังเพื่อน นั่นหลวงพ่อเลยนะ”
“แล้วไม่ใช่แค่หลวงพ่ออย่างเดียวที่เอ็งต้องเกรงใจ ข้าในฐานะผู้ใหญ่บ้าน ต้องคอยดูแล ลูกบ้านทุกคน เลิกทำเหมือนอีแพงเป็นวัวเป็นควายซะที พาอีแพงกลับบ้านไปซะ แล้วคุยกันดีๆ”
“เออ เป็นพ่อเป็นลูก เป็นพี่เป็นน้อง มีปัญหาอะไรก็นั่งคุยกัน ถ้าคุยกันไม่ได้ เดี๋ยวข้า กับไอ้ผาดจะเป็นคนกลางคุยให้เอง เอาไง”
เพื่อนไม่พอใจ แต่พยายามเก็บสีหน้า บีบแขนพ่อเหมือนจะบังคับให้พ่อไม่ยอม แต่พิศต้องแกะมือเพื่อน
“พาอีแพงกลับ”
“พ่อ”
พิศไม่ตอบเพื่อน ยกมือไหว้หลวงพ่อลวกๆ แล้วเดินกลับไป แก้วกับเรืองรีบเข้าไปประคองแพงอย่างห่วงใย
“อีแพง เจ็บมั้ยวะ”
“ตามพ่อกับข้ากลับบ้านเดี๋ยวนี้อีแพง”
แพงชะงักไป แก้วส่ายหน้าไม่ยอมให้แพงตามกลับไป แต่แพงหันไปทางหลวงพ่อกับผาด
“ตามเขากลับไปอีแพง ไอ้พิศมันไม่กล้าลากเอ็งไปทำอย่างนั้นอีกแล้ว แต่เอ็งก็ควรคุยกันให้ดี เรื่องในบ้านพวกเอ็ง ข้ายุ่งได้แค่เท่านี้”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะหลวงพ่อ อาผู้ใหญ่”
แพงแกะมือแก้วที่เกาะแน่นเป็นห่วง ยิ้มให้เพื่อนว่าไม่เป็นอะไร แล้วเดินตามพ่อกับพี่สาวไป แก้วกับเรืองอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องไม่จบแน่ๆ
พิศยืนรออยู่หน้าห้องบนเรือน พร้อมกับเพื่อน แพงค่อยๆ เดินตามเข้ามา
“เอ็งเข้าไปอยู่ในห้อง ไม่ต้องออกมาจนกว่าข้าจะสั่ง”
“พ่อจะขังฉันเหรอ”
“ไม่ต้องถาม ข้าสั่ง เอ็งต้องทำ เข้าไป”
เพื่อนเข้าไปช่วยจับแขนดัน
“เข้าไปสิ”
แพงหันขวับมา แล้วปัดมือพี่สาวออกไปแรงๆ ทันที
“พี่เพื่อนไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
“อีแพง อย่าคิดว่าพรรคพวกเอ็งหาทางช่วยได้แล้วข้าจะหยุด ในเมื่อข้ากับพ่อตกลงกัน แล้วว่าต้องให้เอ็งไปให้พ้นอก เอ็งก็ต้องไป จะช้าจะเร็วก็ต้องไป”
เพื่อนเสียงแข็งแล้วดันแพงให้เข้าไป แต่แพงชะงักหยุดกึก เพราะเริ่มรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา
“ไม่ต้องมาสำออย เข้าไป”
“ฉันเปล่านะพี่เพื่อน ฉัน ฉันอยากจะ จะ”
แพงจะเลี่ยงวิ่งไปอาเจียน แต่ติดเพื่อนที่เกะกะอยู่เลยไม่ทันหลบ อาเจียนพุ่งใส่เพื่อนไปเต็มๆ
“อีแพง อีบ้า เอ็งอ้วกใส่ข้า อี๋”
“ฉันขอโทษพี่เพื่อน ฉัน ฉัน”
แพงอาเจียนออกมาไม่หมดเลยพุ่งออกมาอีก เพื่อนร้องลั่น
เพื่อนวิ่งออกมาที่ตุ่มน้ำแล้วรีบตัดน้ำรดเสื้อล้างอาเจียนที่เลอะเสื้อผ้าจนเหม็น
“อี๋ อีแพง อีบ้าเอ๊ย เหม็นจะอ้วก เลอะเทอะข้าไปหมดแล้ว”
เพื่อนตักน้ำล้างราดตัวไม่หยุด จนพิศเดินเข้ามา
“อยู่ๆ ก็โอ้กอ้ากใส่เอ็งแบบนี้ มันกินอะไรเข้าไปวะนังเพื่อน”
“ฉันจะไปรู้มันมั้ยล่ะพ่อ เหม็นจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
“งั้นเอ็งก็ไปดูมันหน่อย หายามาให้มันกินแล้วกัน เกิดกลางค่ำกลางคืนมันอ้วกแตกอ้วกแตน ชักดิ้นชักงอขึ้นมาแล้วจะเดือดร้อน”
“ฉันเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก”
“เอ็งไม่ทำแล้วจะให้ข้าทำเหรอไง เอ็งนั่นแหละ”
พิศสั่งเสร็จก็เดินออกไป เพื่อนหัวเสียมองตามพ่อแล้วหน้าเหยเกเหม็นอ้วกแพง
ตอนเช้า แพงนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมห้องใบหน้าเศร้าๆ ครู่หนึ่งเสียงแก้วแว่วเข้ามา
“อีแพง อีแพง”
แพงสงสัยเลยลุกไปเปิดประตู แล้วเห็นแก้วกับเรืองรออยู่หน้าประตู
“อีแก้ว ไอ้เรือง พวกเอ็งขึ้นมาได้ยังไง แล้วพ่อกับพี่ข้าล่ะ”
“ไอ้เรืองมันแอบไปจับหนูนาแล้วปล่อยเข้านาของพ่อเอ็ง ตอนนี้เลยวุ่นวายไล่จับอยู่ ส่วน พี่เพื่อนกำลังต้มยา ต้มไปก็บ่นไปว่าต้องมานั่งเสียเวลาหาหยูกหายาให้เอ็ง”
“พวกข้าก็เลยห่วง พ่อกับพี่เอ็งเล่นงานจนถึงกับต้องหาหยูกหายาให้เลยเหรอวะ”
“เปล่าหรอก เมื่อวานข้ารู้สึกพะอืดพะอมเลยอ้วกใส่พี่เพื่อน”
“จริงเหรอวะ มิน่าล่ะ นังเพื่อนถึงบ่นไม่หยุด เข้าท่านี่หว่าอีแพง ลงมือเอาคืนไม่ได้ก็อ้วก ใส่มันซะเลย เอ็งนี่มันสุดยอดจริงๆ”
แก้วตีแขนเรือง
“ไอ้เรือง มันใช่เรื่องมั้ย หมู่นี้อีแพงมันอ้วกบ่อยๆ ต้องเป็นห่วงมันสิวะ”
“เออ นั่นสิวะ เห็นเอ็งอ้วกบ่อยๆ ข้าว่าน่าจะไปให้หมอเขาดูหน่อย”
แพงชะงักแล้วรีบปัด
“ไม่ต้องหรอกไอ้เรือง พวกเอ็งไม่ต้องห่วงข้า ข้าไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้นะอีแพง ก็พวกข้าเห็นอยู่ว่าเดี๋ยวนี้เอ็งไม่ค่อยสบายเดี๋ยวอ้วกเดี๋ยวอ้วกตลอด”
“ใช่ แล้วยิ่งเอ็งไม่สบายแบบบนี้ พ่อกับพี่เอ็งก็ไม่ควรจะดันทุรังหาเรื่องยัดเยียดผัวให้เอ็ง”
“เออน่า เรื่องข้าโดนยัดเยียดผัวให้ ข้าจะแก้ปัญหาเอง พวกเอ็งรีบไปได้แล้ว พี่เพื่อนจะมาแล้ว พวกเอ็งรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะมีเรื่องกันอีก ไปสิวะ”
แพงพยายามดันแก้วกับเรืองให้ออกไป แล้วปิดประตู ถอยมายืนพิงประตูมือกุมท้องหน้าเครียดๆ รู้ดีว่าตัวเองเป็นอะไร
เพื่อนถือถาดใส่ถ้วยยาเดินมากำลังจะขึ้นไปบนเรือน แต่รู้สึกได้ยินเสียงแปลกๆ เลยหันขวับไป
แต่ไม่เห็นใครอย่างที่คิด จึงเดินขึ้นไปหาแพง คล้อยหลังเพื่อน แก้วกับเรืองก็ค่อยๆ ชะโงกหน้าออกมาจากหลังกองฟาง
“ข้าห่วงอีแพง ไม่อยากปล่อยให้มันอยู่กับพี่สาวมันสองคนแบบนี้เลยว่ะ”
“ข้าก็เหมือนเอ็งนั่นแหละ คราวนี้นังเพื่อนมันตั้งใจจะหาผัวให้อีแพงให้ได้ แต่ที่อีแพงว่า มาก็ถูก ขืนเราเข้าไปยุ่งตอนนี้ นังเพื่อนมันก็จะยิ่งโกรธเราแล้วไปลงกับอีแพงอีก”
“โธ่โว้ย มันยิ่งไม่สบายอยู่ แล้วเราจะไม่ทำอะไรเลยเหรอวะ”
“ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไร แต่ต้องคิดหาทางช่วยมันให้ดี เอางี้ ถอยไปตั้งหลักคิดก่อนเถอะ”
เรืองจับแขนแก้วแล้วชวนออกไปก่อน
เพื่อนวางถ้วยยาตรงหน้าแพง
“กินยาซะ แล้วถ้าเกิดอยากจะอ้วกอีกก็นั่นกระโถน”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกพี่เพื่อน ไม่ต้องมาเสียเวลายุ่งกับฉันหรอก”
“ใช่ มันเสียเวลาที่ข้าต้องมายุ่งวุ่นวายกับเอ็ง แต่เพราะยังไม่หมดธุระข้าถึงต้องยอมไง”
“ฉันหัวเด็ดตีนขาดขนาดนี้แล้ว พี่เพื่อนยังไม่เลิกจะยัดเยียดหาผัวให้ฉันอีกเหรอ”
“ข้าไม่เลิกแน่ จนกว่าจะได้เห็นเอ็งไปให้พ้นหน้าข้า”
“งั้นถ้าอยู่บ้านนี้ด้วยกันแล้วเห็นฉันขวางหูขวางตานักล่ะก็ ทำไมไม่หาผัวให้ตัวเองล่ะ สวยๆ อย่างพี่ เดินตลาดรอบหนึ่งก็มีแต่คนอยากเอาพี่เป็นผัวจนตัวสั่น ง่ายกว่ามายุ่งกับฉันตั้งเยอะ เว้นซะแต่ว่า”
“อะไรอีแพง พูดให้ดีนะ”
“อยากให้พูดอย่างที่ฉันคิดใช่มั้ย ได้ ที่พี่ไม่คิดว่าคนอื่นจะเอาพี่เป็นผัวอีก เพราะกลัว โดนจับได้ว่าพี่ไม่ใช่ดอกไม้งามแรกแย้มไม่เคยต้องมือชาย แต่เป็นดอกไม้ในแจกันที่ถูก ผู้ชายพระนครขยี้ขยำจนหนำใจแล้วก็เขี่ยทิ้งลงถังขยะไง”
“อี อีแพง”
พิศเดินเข้ามาพร้อมกรงขังหนูนาในนั้นหลายตัว
“ทะลึ่งออกมาอาละวาดกัดต้นข้าวของข้า คืนนี้พวกเอ็งก็ต้องเป็นอาหารให้ข้าบ้างโว้ย”
พิศยิ้มชอบใจแล้วเอากรงวางก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปบนเรือน
“นังเพื่อน อีแพงเป็นยังไงบ้าง เลิกพยศรึยังวะ”
พิศถามแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบเลยมองขึ้นไปบนเรือนอย่างสงสัย ขณะนั้นเพื่อนจ้องแพงเขม็งและกราดเกรี้ยวที่โดนจี้ปมเรื่องความบริสุทธิ์ แพงได้ทียิ้มเยาะสมเพชพี่สาว
“หึ ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอพี่เพื่อน เพราะฉันพูดถูกใช่มั้ย ถ้าพี่ไม่โดนคุณมานพเขาเขี่ยทิ้ง มีเหรอที่พี่จะซมซานกลับมาให้ฉันด่าว่าเป็นอีหน้าด้าน จนต้องหาทางไสหัวฉัน ไปให้พ้นหน้า”
“อีแพง หุบปากมึงเดี๋ยวนี้”
พิศหยุดหน้าประตู ได้ยินเสียงทะเลาะกันของแพงกับเพื่อนดังออกมา
“ฉันจะพูด พูดออกมาให้หมดว่าฉันรู้ทันสันดานพี่ อีคนเห็นแก่ตัว รักเผื่อเลือก พอไม่มี ใครให้เลือกก็กลับมาออเซาะคนเก่า คิดว่าพี่ลอเป็นผู้ชายซื่อๆ ต่อให้บอบช้ำเสียหายมา แค่ไหนเขาก็ต้องยกโทษให้ และต้องเทิดทูนพี่เอาไว้บนหัว เพราะพี่ลอเป็นผู้ชายรักอย่าง โง่ๆ พี่ดูถูกพี่ลอ รู้ไว้ซะด้วย”
เพื่อนไม่ทนให้แพงพูดจาหยามอีก ตบหน้าแพงอย่างแรงจนหน้าหัน แล้วปัดถ้วยยาแรงๆ จนตกแตกเลอะเต็มพื้น
“ไม่ต้องกงต้องกินแล้ว เอ็งจะเป็นจะตาย จะอ้วกให้หมดไส้หมดพุงก็เรื่องของเอ็ง แต่จำ ไว้นะอีแพง ยังไงข้าจะหาผัวให้เอ็งให้ได้ คราวนี้แม้แต่หลวงพ่อก็ห้ามข้าไม่ได้ วันนี้เอ็ง เตรียมตัวมีผัวได้เลย”
เพื่อนขู่จริงจังแล้วหันไปเปิดประตู แต่ชะงักเมื่อเจอพ่อยืนอยู่หน้าประตูพอดี
“พ่อ พ่อมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ข้าเพิ่งมา ได้ยินเสียงโครมคราม”
พิศมองไปที่พื้นเห็นถ้วยยาหกเต็มพื้น
“ฉันอุตส่าห์เอายามาให้มันกิน แต่มันก็ยังพยศไม่เลิก ฉันทนกับมันไม่ไหวแล้วล่ะพ่อ”
เพื่อนจับแขนพ่อแล้วพาเดินออกไป แพงนิ่งมองท้องตัวเอง เครียด คิดหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนจะถูกบังคับ
เรืองเดินไปเดินมาหงุดหงิดหัวเสีย คิดแทบหัวระเบิดจนทนไม่ไหว
“โว้ย ข้าคิดจนหัวจะแตกก็คิดไม่ออกว่าจะช่วยอีแพงยังไง”
แก้วนั่งนิ่งกอดอกคิ้วขมวดอย่างสงสัย
“อีแก้ว เอ็งเอาแต่นั่งเงียบอยู่แบบนี้ ช่วยคิดกันบ้างรึเปล่าวะ”
“ข้าคิดอยู่”
“งั้นก็อย่าช้าสิวะ ไหนอีแพงจะไม่สบาย ไหนจะโดนพ่อโดนพี่บังคับยัดเยียดผัว ข้ากลัว ถ้าช้าไปเราจะช่วยอะไรอีแพงไม่ได้ ข้ารับปากไอ้ลอเอาไว้ว่าจะดูแลอีแพงให้ ถ้าข้าทำไม่ได้ ข้าก็หมานะโว้ยอีแก้ว”
แก้วลุกพรวด คิดอะไรขึ้นมาได้
“อีแพง”
“เอ็งคิดออกแล้วเหรอวะอีแก้ว”
“เปล่า ข้าไม่ได้คิดจะช่วยอีแพงยังไง แต่สงสัยที่หมู่นี้อีแพงมันโอ้กอ้ากบ่อยๆ แค่เหม็น ปลาช่อนตากมันก็อ้วกพุ่งแล้ว รีบไปเถอะไอ้เรือง ข้าร้อนใจต้องถามอีแพงให้รู้ให้ได้”
“เอ็งสงสัยอะไรวะ”
“รีบไปกับข้าเถอะน่า เร็ว”
แก้วกระชากลากเรืองออกไปด้วยทันที
พิศนั่งอยู่หน้าบ้าน ครุ่นคิดสงสัยคำพูดของแพงที่ได้ยินในห้อง
“ฉันจะพูด พูดออกมาให้หมดว่าฉันรู้ทันสันดานพี่ อีคนเห็นแก่ตัว รักเผื่อเลือก พอไม่มี ใครให้เลือกก็กลับมาออเซาะคนเก่า คิดว่าพี่ลอเป็นผู้ชายซื่อๆ ต่อให้บอบช้ำเสียหายมา แค่ไหนเขาก็ต้องยกโทษให้ และต้องเทิดทูนพี่เอาไว้บนหัว เพราะพี่ลอเป็นผู้ชายรักอย่าง โง่ๆ พี่ดูถูกพี่ลอ รู้ไว้ซะด้วย”
พิศคิดสงสัย เพื่อนรีบเดินเข้ามา
“พ่อ ฉันไปถามชาวบ้านมาแล้ว วันนี้หลวงพ่อไม่อยู่ อาผู้ใหญ่ก็ไปตามเรื่องพี่ลอ พ่อ พ่อ”
“นังเพื่อน เอ็งว่าไงนะ”
“ฉันมาบอกว่าหลวงพ่อกับอาผู้ใหญ่ไม่อยู่ ถ้าเราจะพาอีแพงไปก็รีบไปตอนนี้เลย”
“เออๆๆ”
“เดี๋ยว พ่อเป็นอะไร พ่อได้ยินที่อีแพงมันด่าฉันใช่มั้ย”
พิศนิ่งไป
“ใช่จริงๆ ด้วย แค่มันด่าฉันพ่อก็เก็บมาคิดแล้วเหรอ”
“ข้าก็ไม่ได้จะว่าเอ็ง แต่สงสัยว่าทำไมมันถึงด่าเอ็งแบบนั้น”
“ก็แน่ล่ะสิพ่อ ตอนนี้มันเกลียดฉัน มันต้องด่าฉัน ทำทุกอย่างให้ฉันดูเลว เพราะมันอยาก จะแย่งพี่ลอไปจากฉัน มันเลยใส่ร้ายฉันทุกอย่าง หรือพ่อเชื่อที่มันพูด”
“ไม่หรอก ข้าเชื่อเอ็ง”
“งั้นก็รีบไปเถอะพ่อ”
เพื่อนเดินนำพิศกลับเข้าไปในบ้าน
แพงนั่งเครียดครุ่นคิด มือยังกุมท้องตัวเองอย่างตัดสินใจ คำพูดของเพื่อนดังตอกย้ำ ให้ถึงเวลาต้องตัดสินใจ
“ยังไงข้าจะหาผัวให้เอ็งให้ได้ คราวนี้แม้แต่หลวงพ่อก็ห้ามข้าไม่ได้ วันนี้เอ็งเตรียมตัวมี ผัวได้เลย”
เพื่อนเปิดประตูเข้ามา แพงสะดุ้ง
“ได้เวลาเอ็งต้องไปกับข้าแล้วอีแพง”
“ไม่นะพี่เพื่อน ฉัน ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“วันนี้ไม่มีใครช่วยเอ็งได้แล้วอีแพง ไปกับข้า”
เพื่อนเข้าไปจับมือจะฉุดไป แพงพยายามสะบัด
“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันแต่งงานไม่ได้ พ่ออย่าให้พี่เพื่อนพาฉันไปเลยนะ ฉันขอร้องล่ะพ่อ”
“พวกข้าหวังดีกับเอ็งนะอีแพง เอ็งอย่าดื้อด้าน นังเพื่อนข้าจัดการเอง”
พิศเข้าไปจับแพงออกไปเอง ไม่ต้องให้เพื่อนออกแรง แพงทรุดยกมือพนมขอร้อง
“ไม่ได้จริงๆ จ้ะพ่อ ฉันแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้น ถึงพ่อกับพี่เพื่อนจะลากฉันไปได้ แต่ ถ้าใครเขารู้ว่าฉันเป็นอะไร เขาก็ไม่เอาฉันทำเมียอยู่ดี”
“เอ็งหมายความว่ายังไง”
แพงน้ำตาคลอ ก้มหน้ามองท้องตัวเองอย่างตัดสินใจ
แก้วกับเรืองรีบมาถึงบ้านพิศ
“เร็วสิวะไอ้เรือง ข้าอยากรู้จากปากอีแพงให้แน่ใจ”
“เอ็งสงสัยอะไรอยู่กันแน่วะอีแก้ว บอกข้ามาก่อนได้มั้ย”
แก้วนิ่งไปหน้าเครียดๆ กลัวสิ่งที่คิด เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับแพง
พิศบีบแขนแพงแล้วดึงตัวขึ้นมาตะคอกถามเสียงดังดุมาก
“พูดมาอีแพง เอ็งหมายความว่ายังไง เอ็งเป็นอะไร ถึงคิดว่าผู้ชายหน้าไหนไม่เอาเอ็งไปทำเมีย พูดมาอีแพง”
“ฉัน ฉัน”
“ถ้าเอ็งจะตอแหลอะไรล่ะก็ เอาให้เชื่อให้ได้นะอีแพง”
“ทุกคำที่หลุดจากปากฉันมันคือความจริง เพราะฉันจะไม่ทนให้พี่กับพ่อมายุ่งกับชีวิตที่ ควรเป็นของฉันอีกแล้ว”
“งั้นเอ็งก็พูดออกมา ไม่งั้นก็ไปกันเดี๋ยวนี้เลย”
“พ่อกับพี่เพื่อนบังคับให้ฉันแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้น เพราะว่าฉัน ฉันกำลังท้อง”
เพื่อนกับพิศได้ยินเข้าก็ตกใจ อึ้งไปทันที เรืองกับแก้วอยู่หน้าบ้านพอได้ยินก็ตกใจ
“อีแพงท้อง อี อีแก้ว บอก บอกข้าทีว่า ข้า ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย อีแพงมันท้อง”
“โธ่เอ้ย ข้าว่าแล้วเชียว อีแพง”
พิศกับเพื่อนยังอึ้ง พูดไม่ออก แพงเริ่มสะอื้นเข้าไปกอดขาพ่อ
“ฉันแต่งงานไม่ได้จริงนะจ๊ะพ่อ ไม่มีใครเขาเอาผู้หญิงท้องไปเป็นเมียหรอก อย่าบังคับฉันอีกเลยนะ ฉันขอร้องล่ะ”
“มึงตอแหล กูไม่เชื่อ”
“ฉันไม่ได้ตอแหล ฉันท้องจริงๆ เอาฉันไปสาบานกับหลวงพ่อก็ได้”
พิศกับเพื่อนชะงักไป หน้าเครียด เพื่อนมองแพงอย่างครุ่นคิดทบทวน
“มิน่าล่ะพ่อ หมู่นี้มันถึงได้อ้วกเช้าเย็นบ่อยๆ ท้องมันก็ดูโตขึ้นด้วย”
พิศอึ้ง หันขวับไปกระชากแขนลุกขึ้นมา
“มึงท้องกับใครอีแพง”
“ฉัน ฉันบอกไม่ได้”
“ไอ้สันดานสัตว์ลักกินขโมยกินลูกสาวกูมันเป็นใคร ทำไมมึงถึงบอกไม่ได้”
“ฉันบอกไม่ได้จริงๆ จ้ะพ่อ”
“พี่ลอใช่มั้ย เอ็งบอกว่ารักพี่ลอ คิดจะแย่งพี่ลอไปจากข้ามาตลอด เอ็งเลยไปให้ท่าเขา แล้วปล่อยให้ตัวเองท้องใช่มั้ยอีแพง”
“หา จริงรึเปล่าอีแพง มึงกล้าทำอย่างพี่มึงว่ารึเปล่า กูสั่งให้มึงพูด มึงตั้งใจไปให้ท่าไอ้ลอแล้วปล่อยให้ท้องใช่มั้ย อีแพง”
แพงเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูด ทำให้พิศโกรธจนสติขาดตบหน้าแพงทันที
“พี่ลอ พี่ลอเขาไม่เกี่ยว ฉันไม่ได้ท้องกับพี่ลอ ฮือๆๆ”
“แล้วใครเป็นผัวมึง ถ้ามึงไม่พูดกูเอามึงตายแน่อีแพง บอกมาอีแพง มึงทำให้กูต้องเดิน เอากระบุงคลุมหัว อับอายชาวบ้านเข บอกมา ใคร”
พิศกระชากแพงมาตบสั่งสอนอีกหลายที แพงก็เอาแต่ปิดปากสนิทไม่ยอมพูด เรือง กับแก้วทนดูอยู่ไม่ไหวจึงรีบขึ้นมาห้าม
“พอเถอะจ้ะอาพิศ หยุดตีอีแพงเถอะ มันกำลังท้องกำลังไส้อยู่นะจ๊ะ”
“พวกเอ็งไม่ต้องมาเสือก มึงบอกมาอีแพง กูจะไปเอาเลือดชั่วไอ้สัตว์ตัวนั้น”
“อาพิศ พอเถอะ ฉันขอร้อง หยุดตีอีแพง”
“ไอ้เรือง มึงปล่อยกู บอกให้ปล่อย”
พิศกระแทกศอกเข้าลิ้นปี่เรืองจนจุก แล้วไปเค้นไปตีแพงต่อ
“มึงไม่พูด กูก็จะตีมึงให้ตายตรงนี้แหละอีแพง มึงท้องกับใคร”
เรืองสงสารแพงจนทนไม่ไหว ตัดสินใจโพล่งออกมาทันที
“อีแพงมันท้องกับฉันจ้ะอา”
“ไอ้เรือง”
“ไม่จริง ฉันไม่ได้ท้องกับไอ้เรือง”
“เอ็งไม่ต้องสงสารข้าหรอกอีแพง ข้ายอมรับความจริงแล้ว อาพิศหยุดตีมันเถอะ อีแพง มันท้องกับฉันเอง ฉันจะให้พ่อมาสู่ขออีแพงให้ถูกต้อง ฉันกราบขอโทษด้วยจ้ะอา”
เรืองเข้าไปคุกเข่ากราบเท้า พิศนิ่งงันไป แล้วยันโครมเรืองจนเซก่อนจะหัวเสียเดินออกไป
“โธ่เว้ย”
แก้วรีบเข้าไปประคองโอบกอดแพงอย่างเป็นห่วง แพงสะอื้นไห้ในอ้อมกอดเพื่อนรัก เพื่อนไม่เชื่อ จ้องหน้าแพงเขม็ง
“เอ็งกับไอ้เรืองน่ะเหรอ ข้าคงจะเชื่อหรอก”
เพื่อนสะบัดหน้าเดินออกไป แพงสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดแก้ว
แก้วพยุงแพงมานั่งลงที่แคร่หน้ากระท่อมลอ เรืองตามมาเป็นห่วงด้วย
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะอีแก้ว เอ็งไม่ต้องห่วงข้าแล้ว”
“ยังกล้าพูดอีกนะอีแพง เรื่องคอขาดบาดตายอย่างนี้เอ็งเงียบเอาไว้คนเดียวได้ยังไง ทำไมถึงไม่ถามข้าก่อน”
“เพราะข้าไม่ได้เห็นว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่ข้าเห็นว่าเป็นเรื่องมงคลกับชีวิต ต่างหาก ในตัวข้ามีความรักของพี่ลออยู่ เลือดเนื้อเชื้อไขเรารอวันที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แล้วเอ็งจะให้ข้าเห็นว่ามันไม่ดีได้ยังไง”
“ก็จริงของอีแพงมันนะอีแก้ว เด็กมันเกิดจากความรักของพ่อแม่ ใครจะเข้าใจยังไงก็ช่าง หัวมันปะไร”
“ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ ถ้าพี่ลออยู่ตรงนี้เขาคงอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ แต่นี่เขาจะได้กลับมาเมื่อ ไหร่ก็ไม่รู้ อีแพงเอ๊ย แล้วถ้าเกิดพี่ลอไม่ได้กลับมาล่ะ”
“พี่ลอต้องกลับมา ข้ากับเขาสาบานเอาไว้ด้วยกันแล้ว”
“เอาล่ะๆ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดกันไปไกล ข้าจำเป็นต้องช่วยอีแพงรับเป็นพ่อเด็กไปก่อน พอ ไอ้ลอกลับมา พวกเอ็งคงอยู่บ้านสร้างไม่ได้อีก คงต้องไปหาชีวิตใหม่บนแผ่นดินใหม่กัน”
“ขอบใจมากไอ้เรือง ทั้งๆ ที่ข้าไม่อยากให้เอ็งทำแบบนี้เลย ชีวิตเอ็งจะฉิบหายเพราะข้า”
“ทำเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข ข้าก็เรียนรู้มาจากเอ็งนั่นแหละอีแพง แล้วข้าก็รับปากไอ้ลอเอาไว้ว่าจะดูแลเอ็งด้วย ลูกผู้ชายยึดมั่นคำสัตย์และความรักอย่างไอ้ลอ ข้าได้แค่ครึ่งเดียวของมันก็ภูมิใจแย่แล้ว”
แพงยิ้มรับน้ำตารื้น
ลอวิ่งลุยน้ำในลำธารเข้ามาแล้วยกดาบขึ้นรับคมดาบจากลูกน้องวีระที่ไล่ตามมา 2 คน
พวกก้อนและชาวบ้านสร้างอีก 2 คน กำลังรับมือพวกลูกน้องวีระที่เหลือ ลอกับพรรคพวก รับมือแล้วตอบโต้เล่นงานพวกวีระจนตายคาดาบ ชาวบ้านคนหนึ่งโดนคมดาบจากการต่อสู้ได้แผล ลอรีบเข้าไปช่วยพยุง
“ไอ้แสบ เอ็งไหวมั้ยวะ”
ชาวบ้านพยักหน้ารับว่ายังพอไหว แต่สีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บเอาเรื่อง ก้อนคุมเชิงแล้วเข้ามาหาลอ
“ตั้งแต่เราตามรอยจนเจอชุมเสือของพวกมัน เรากลายเป็นฝ่ายโดนมันล่าตลอดแล้วนะ ไอ้ลอ ข้าว่าอย่าไปใกล้มากกว่านี้เลย ปักหลักแถวนี้แล้วรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาสมทบกับเราดีกว่า”
“จริงว่ะไอ้ลอ ไม่เคยมีใครตามรอยจนเจอชุมเสือของพวกมันมาก่อน เจ้าหน้าที่ต้องแห่ กันมาแน่”
“งั้นเดี๋ยวข้าทำแผลให้เอ็ง เสร็จแล้วรีบออกไปแจ้งข่าวให้เจ้าหน้าที่รู้”
ก้อนกับพวกอีกคนช่วยพยุงคนเจ็บพาไปนั่งที่โคนต้นไม้ริมลำธาร
ก้อนเอาฟืนเติมเข้าไปในกองไฟแล้วหันไปมองลอที่ยืนหน้าเครียดๆ อยู่ริมธาร
“คิดถึงอีแพงใช่มั้ยไอ้ลอ ข้าก็เหมือนกัน คิดถึงแม่แก้วเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าต้องหายหน้ามา เป็นเดือนๆ แบบนี้ ข้าน่าจะขอตัดชายผ้าถุงพกติดตัวมาด้วย”
“ทุกคืนที่ข้ามารอนแรมอยู่กลางป่ากลางเขา ข้าสวดมนต์อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์ ขอเจ้าป่า เจ้าเขาช่วยคุ้มครองอีแพง”
“งั้นเอ็งก็น่าจะสบายใจ อีแพงมันเป็นคนดี เทวดาฟ้าดินต้องคุ้มมันเหมือนที่คุ้มเอ็งแน่”
“ภยันตรายอื่นข้าอาจเบาใจว่าผีและพระจะช่วยคุ้มครอง แต่ใจคนต่างหากที่ทำให้ข้าอด ห่วงไม่ได้ ข้าต้องทิ้งอีแพงให้อยู่กับความเกลียดชัง”
“ถ้าเอ็งหมายถึงแม่เพื่อน มันไม่ใช่ความผิดเอ็งที่เลือกอีแพง พี่น้องจะทะเลาะกันให้ตาย ยังไงเลือดมันก็ข้นกว่าน้ำ เอ็งอย่ากังวลไปเลย ไปนอนพักเถอะ คงอีกหลายวันกว่าไอ้ แสบจะไปแจ้งเบาะแสชุมเสือให้ตำรวจรู้”
เสียงพรรคพวกของลอเดินลุยมาตามทางน้ำ โซซัดโซเซแล้วล้มลงตายคาที่ ลอกับก้อนตกใจรีบเข้าไปที่ศพ เห็นว่ามีมีดปักคาหลังอยู่
“ไอ้หมึก”
“ไอ้หมาลอบกัด ไอ้วีระมันส่งคนลอบเล่นงานเราอีกแล้ว”
“คืนนี้ต้องสู้กับมันหลังชนฝาแน่ ยังไงก็ต้องเอาตัวให้รอดจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาสมทบ”
ก้อนตั้งท่ายืนพิงหลังลอพร้อมรับมือ
บริเวณชุมเสือ มีกระต๊อบปลูกเป็นหลังๆ ใช้เป็นที่พักของพวกโจรหลายสิบคน โดยมีวีระเป็นหัวหน้า ไอ้เปลี่ยวถูกล่ามเอาไว้กับต้นไม้ใหญ่ มาดต้องเอาฟางเอาหญ้ามาให้กินเลยหงุดหงิด
“กินดีอยู่ดีเหลือเกินนะไอ้เปลี่ยว เช้าเย็นข้าต้องคอยเสียเวลาเอาฟางเอาหญ้ามาให้ แทนที่จะได้ออกไปล่าไอ้ลอให้สนุกเหมือนอย่างคนอื่นเขา ปัดโธ่เว้ย”
มาดบ่นหัวเสียมองไอ้เปลี่ยวแล้วนึกอะไรขึ้นได้ ชักมีดพกขึ้นมามองไอ้เปลี่ยวอย่างเอาเรื่อง
“แต่จะว่าไป ไอ้ลอมันก็เริ่มใกล้จนมุมพวกข้าแล้ว ช้าเร็วเอ็งก็ต้องกลายเป็นอาหารให้พวกข้า ข้าเปรี้ยวปากอยากกินต้มเนื้ออยู่ซะด้วยสิ”
มาดชูมีดขึ้นมาหมายจะเข้าไปเล่นงานไอ้เปลี่ยวแต่เสียงวีระดังขึ้น
“เอ็งจะทำอะไรมันวะไอ้มาด”
“ลูกพี่ คือ ฉัน ฉันว่าจะสงเคราะห์ไอ้เปลี่ยวไม่ต้องให้มันรอเจอไอ้ลอ เอามันมาเลี้ยง แบบนี้เปลืองฟางเปลืองหญ้า เปลืองเวลาจ้ะ”
“แต่มันเป็นเรื่องสนุกของข้า เวลาที่ข้าส่งคนไปไล่ล่าไอ้ลอ ให้มันต้องเห็นพวกพ้องมัน ตายลงทีละคน ทีละคน จนสุดท้ายเหลือมันแค่คนเดียวกับไอ้เปลี่ยว ข้าก็จะลากไอ้ลอให้มันมาแทงคอไอ้เปลี่ยวด้วยมือมันเอง เพราะฉะนั้น เอ็งห้ามยุ่งกับไอ้เปลี่ยว”
วีระกระชากมาดออกมาแล้วผลักไปทางอื่น จ้องมองไอ้เปลี่ยว
“ทุกอย่างที่มึงหวง ทุกอย่างที่มึงรักนักรักหนา กูนี่แหละจะฆ่าให้เหี้ยน”
ลอกับก้อนหันหลังชนกัน สองมือกำดาบแน่นพร้อมรับมือ เสียงฝีเท้าและต้นไม้รอบๆ ตัวไหว แสดงถึงการบุกมาของพวกวีระ ก้อนกำตะกรุดแน่น
“พ่อจ๊ะ หวังว่าตะกรุดที่พ่อให้มาจะปกป้องคุ้มครองฉัน ฉันจะสู้ไม่ถอย ถึงไม่มีแรงจะกำดาบ ฉันก็จะสู้เพื่อให้ได้กลับไปหาพ่อ หาแม่แก้ว มาเลย ข้าพร้อมแล้วโว้ย ไอ้พวกชาติชั่ว”
ลูกน้องวีระโผล่ออกมาจากรอบๆ ตัว คราวนี้มากัน 3-4 คน ไม้นำเข้ามา
“เหลือกันอยู่แค่ 2 คนแล้วเหรอวะไอ้ลอ ไอ้ก้อน ฮ่าๆๆ”
“ถึงจะเหลือพวกข้าแค่ 2 คน ก็เล่นงานพวกเอ็งได้โว้ย”
“ฮ่าๆๆ อวดเก่งเข้าไปให้มากๆ เถอะไอ้ลอ สมแล้วที่ลูกพี่ข้าเขาอยากเห็นพรรคพวกเอ็ง ถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาทีละคน พอเหลือเอ็งเป็นคนสุดท้าย ความอวดเก่งของเอ็ง ก็จะกลายเป็นความรู้สึกผิด ที่ลากคนอื่นมาตายเพราะควายตัวเดียว”
ลอชะงักอึ้งกัดฟันโกรธมาก
“ไอ้วีระ”
“อย่าไปฟังมันนะโว้ยไอ้ลอ พวกมันก็ดีแต่เห่าขู่ให้เรากลัว”
“หึ ถ้าเอ็งคิดว่าพวกข้าดีแต่ขู่ งั้นเดี๋ยวเอ็งก็จะรู้ว่าคืนนี้เอ็งจะตายยังไง ไอ้ก้อน”
ไม้ชักดาบออกมาแล้วหันไปบอกพรรคพวก
“ฆ่าไอ้ก้อนให้ได้”
ก้อนชะงักอึ้ง พวกลูกน้องวีระกรูกันเข้าไปเล่นงาน ทั้งลอกับไม้ตั้งรับเต็มที่ ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด ลอถูกไม้แยกให้ไปรับมือกันตัวต่อตัว เพื่อให้คนอื่นๆ เข้าไปรุมเล่นงานก้อน
ลอเป็นห่วงเพื่อนที่กำลังถูกรุม แต่จะแยกไปช่วยก็ไม่ได้ เพราะต้องรับมือกับไม้ ก้อนถูกรุม 3 ต่อ 1 แม้ว่าจะจัดการไปได้ 1 คน ก็ยังเหลืออีก 2 คน ที่ทำให้ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับและล่าถอย จนอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องวิ่งหนีออกไป
“ไอ้ก้อน”
ไม้ยันโครมลอจนเซถลา
“ฮ่าๆๆๆ เป็นไงล่ะไอ้ลอ พอเข้าตาจน เพื่อนรักเอ็งมันก็เผยสันดานเห็นแก่ตัว หนีเป็นหมาหางจุกตูดเอาตัวรอด”
ไม้ยิ้มร้ายแล้วถอยไปช่วยคนอื่นล่าก้อนต่อ ลอลุกขึ้นลูบอกเจ็บจุก มองอย่างเป็นห่วง
“ไอ้ก้อน”
ก้อนวิ่งถอยมาตั้งหลัก ลูกน้องวีระ 2 คน ไล่ตามเข้ามาแล้วรุมไม่ยั้ง ก้อนตั้งรับแล้วตอบโต้กลับ เล่นงานแทงตายไปได้คนหนึ่ง แต่อีกคนก็ฟันเข้าที่แขนจนร้องเจ็บลั่นแล้วเริ่มอ่อนแรง ไม้ตามเข้ามาเห็นสภาพก้อนกำลังเหนื่อยก็กระหยิ่มยิ้มพอใจ
“เสร็จพวกข้าล่ะไอ้ก้อน ไอ้ลอมันจะต้องคลั่งแน่ๆ เพราะแม้แต่เพื่อนรักของมัน มันก็ ยังช่วยไม่ได้ ฆ่ามัน”
ไม้สั่งลูกน้องเข้าไปเล่นงานตอนก้อนกำลังเจ็บและเหนื่อย แต่ก้อนก็สู้ใจขาด เอี้ยวตัวแล้วฉวยแทงลูกน้องวีระตาย แต่ก้อนพลาดโดนฟันอีกแผลทำให้แทบยืนไม่อยู่
“ข้า ข้าไม่ใช่ไอ้ขี้ขลาด ไอ้ก้อนจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไอ้ลอ”
“เหนียวนักนะมึงไอ้ก้อน งั้นตายคาดาบข้าเถอะวะ”
ไม้เงื้อดาบจะฆ่าก้อนที่หมดทางสู้ แต่ลอกระโจนมาถีบไม้เซถลา แล้วเข้าไปช่วยประคองก้อนขึ้นมา
“ไหวมั้ยไอ้ก้อน รีบไปเถอะ”
“ไอ้ ไอ้ลอ”
ก้อนพยายามยันตัวลุกขึ้นแล้วให้ลอพยุงพาออกไป ไม้ลุกขึ้นมาเจ็บใจ
“หึ สภาพแบบนั้น หนีไปก็มีแต่ไปหาที่ตาย แถวนี้มันชุมเสือของพวกข้าโว้ย ฮ่าๆๆ”
แสงหน้าเคร่งเครียดถามย้ำเรืองเรื่องแพง
“เอ็งทำอีแพงท้องจริงๆ เหรอวะไอ้เรือง”
“เอ่อ จ้ะพ่อ ฉันทำอีแพงมันท้องจริงๆ”
แสงนิ่งไป หน้าเศร้า
“พ่อ พ่อเงียบไปทำไมล่ะจ๊ะ ถ้าพ่อโกรธจะด่าฉันก็ด่ามาได้เลย”
“อยากให้ข้าด่าเอ็งน่ะเหรอ ด่าไปแล้วมันช่วยอะไรได้มั้ย ในเมื่อเอ็งทำมันท้องไปแล้ว”
“ฉันขอโทษจ้ะพ่อ”
“ไม่ต้องมาขอโทษด้วย ถ้าอีแพงมันไม่ถูกจับได้ เอ็งจะกล้ายืดอกยอมรับมั้ย โธ่เอ๊ย ไอ้เรือง ข้าอุตส่าห์คิดว่าเหลือเอ็งไว้คน เอ็งจะให้ข้าเชิดหน้าชูตาแทนพี่สาวเอ็งได้ แต่สุดท้าย เอ็งก็ทำให้ข้าผิดหวังเหมือนมัน”
แสงเศร้าเสียใจและผิดหวังมากจนน้ำตาคลอ ลุกขึ้น
“พ่อจะไปไหน”
“ก็ต้องไปรับผิดชอบที่เอ็งทำเอาไว้น่ะสิวะ ไปขอโทษไอ้พิศเสร็จแล้วข้าก็จะเข้าวัดทำบุญ ไม่รู้ไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้นักหนา ชาตินี้ถึงเลี้ยงลูกแล้วไม่ได้อย่างใจสักคน”
แสงเดินออกไปอย่างเหนื่อยใจจนน่าสงสาร เรืองรู้สึกผิดและสงสารพ่อ
“พ่อ”
“ไปบอกความจริงกับพ่อเอ็งเถอะไอ้เรือง ถ้าเอ็งไม่บอก ข้าบอกเองก็ได้”
“อีแพง”
เรืองรีบตามห้ามแพง
“เอ็งไม่ต้องไปบอกพ่อข้าหรอกอีแพง”
“แต่ข้าสงสารครู เขาช้ำใจเพราะพี่แรมไปคนหนึ่งแล้ว แทนที่เขาจะได้ภูมิใจเอ็ง”
“ข้าก็หันมาเอาดีทางดนตรีให้เขาภูมิใจแล้วไง”
“แต่เอ็งเป็นลูกชายคนเดียวของครู จะมีเมียทั้งทีมันก็ต้องให้ถูกต้องตามประเพณี ไม่ใช่ มาทำให้เขาเสียหน้าอย่างนี้”
“แล้วเอ็งล่ะอีแพง ถ้าข้าไม่รับเป็นพ่อให้ อาพิศก็คงตีเอ็งตายทั้งแม่ทั้งลูก”
“ไม่หรอก ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานพี่ลอก็จะกลับมา แล้วเขาก็จะพาข้าไปอยู่กินด้วยกัน”
“แต่นี่มันหลายเดือนแล้วนะอีแพง ข่าวคราวไอ้ลอเงียบหายไปจน”
“ทำไมไอ้เรือง”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“เอ็งพูดมาให้หมดนะไอ้เรือง เอ็งไปรู้อะไรมา”
“ข้าได้ยินอาผู้ใหญ่เขาคุยกับพวกเจ้าหน้าที่ เขาว่า พวกไอ้ลอพลาดท่าหลงกลโดนล่อให้ ตามเข้าไปในชุมโจร แล้วโดนพวกมันฆ่าตายไปหมดแล้ว”
“ไม่จริง เอ็งโกหก พี่ลอต้องยังอยู่”
แพงหน้าเสีย วิ่งออกไป เรืองร้องตามเป็นห่วง
“อีแพง”
แก้วนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจอยู่บริเวณเถียงนา
“พี่ก้อน ฮือๆๆ ไหนสัญญาว่าจะกลับมา ไม่ให้ฉันเป็นม่ายขันหมากไง ฮือๆๆ”
แก้วร้องไห้อยู่ก็ได้ยินเสียงเรืองวิ่งไล่ตามแพง
“อีแพง หยุดก่อนเถอะวะ เอ็งกำลังท้องกำลังไส้ ระวังตัวเองบ้างสิโว้ย”
แพงร้องไห้เสียใจไม่ทันฟังคำเตือนเรือง เลยลื่นล้มลงไปจริงๆ แก้วเห็นเข้าก็ตกใจ
“อีแพง ตายแล้ว เอ็งเป็นอะไรรึเปล่า”
“อีแก้ว เอ็งรู้เรื่องพี่ลอแล้วใช่มั้ย”
“ข้า ข้ารู้แล้ว”
“อาผู้ใหญ่ได้ข่าวมาผิดใช่มั้ย พี่ลอเขาต้องกลับมาหาข้าสิวะ”
“อีแพง ข้าว่าเอ็งอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ตอนนี้เอ็งต้องห่วงตัวเองก่อน เอ็งไม่เหมือนเมื่อ ก่อนแล้วนะ จะเดินเหินอะไรต้องระวังลูกเอ็งด้วย”
“ลูกข้าก็ห่วง พี่ลอข้าก็ห่วง ข้าถึงไม่เชื่อว่าพี่ลอจะหายไป ข้าต้องไปหาอาผู้ใหญ่ ขอให้เขาส่งคนไปตามหาพี่ลอ”
แพงดันแก้วออกจากตัวแล้วจะเดินออกไป แต่กลับรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ท้องน้อยจนหน้าเหยเก
“อีแพง เอ็งเป็นอะไร”
“ข้า ข้าปวดท้อง ลูก ลูกข้า”
เรืองกับแก้วตกใจ
แสงมาที่บ้านพิศ ยอมรับผิดแทนลูกชาย
“เอ็งจะด่าข้าก่อนแล้วค่อยเรียกสินสอดก็ได้นะไอ้พิศ ข้ามาเพื่อรับผิดแทนไอ้เรือง”
“เอ็งกับข้าคบกันมาตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น จะให้ข้าด่าเอ็งเนี่ยนะ”
“ก็ในเมื่อลูกชายข้ามันสันดานเสียทำให้เอ็งต้องเสื่อมเสีย เอ็งก็ต้องโทษข้าที่เลี้ยงมันไม่ดี”
เพื่อนยกน้ำเข้ามา
“แต่ฉันว่าโทษครูไม่ได้หรอกจ้ะ ไอ้เรืองกับฉันก็โตเห็นกันมา สันดานมันไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นในบ้านสร้าง ไม่เคยไปทำเรื่องเดือดร้อนให้ใคร เรื่องเกเรก็ไม่มี”
“นั่นสิวะไอ้แสง พอมันบอกว่าเป็นคนทำอีแพงท้อง ข้าถึงกับตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นมัน”
“ใช่จ้ะพ่อ ฉันก็ไม่คิดว่าเป็นไอ้เรือง”
“แต่มันก็สารภาพต่อหน้าเราเลยนะนังเพื่อน”
“มันอาจจะสงสารอีแพงก็ได้นะพ่อ ไอ้เรืองมันชอบเข้าข้างอีแพงอยู่แล้วด้วย”
“ข้าว่ามันคงทำจริงๆ นั่นแหละนังเพื่อน เอ็งอย่าไปสงสัยเลย ในเมื่อมันกล้ารับแล้ว ก็ให้ เป็นไปตามประเพณีแล้วกัน จับมันแต่งกันไปเลย ไม่ต้องให้ใหญ่โต ไม่ต้องให้คนอื่นรู้ว่าอีแพงมันกำลังท้องอยู่ เอ็งว่ายังไงล่ะไอ้แสง”
“ข้าก็ต้องว่าตามเอ็ง เพราะที่เสียหายคือลูกสาวเอ็ง ค่าใช้จ่ายทุกอย่างข้าจะจัดการให้”
พิศพยักหน้ารับ ตกลงกับแสง ในขณะที่เพื่อนสงสัย
เพื่อน แพง ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
แก้วกับเรืองเดินไปเดินมาอย่างกังวล บริเวณหน้ากระท่อมลอ
“อีแพงมันจะเป็นอะไรรึเปล่าวะอีแก้ว มันจะแท้งลูกมั้ยวะ”
“เอ็งอย่าปากเสียสิวะ ข้าไม่รู้ ข้าก็ห่วงมันเหมือนกัน”
“เอ้า เอ็งเป็นผู้หญิงเหมือนกันจะไม่รู้ได้ไงวะ”
“ไอ้เรือง ข้าไม่เคยท้องเคยไส้นี่หว่า แล้วข้าจะรู้ได้ไง”
ระหว่างนั้นหมอตำแยเดินออกมา แก้วกับเรืองรีบถามทันที
“ป้าแม้น อีแพงเป็นยังไงบ้าง มันแท้งลูกรึเปล่า”
“แท้งเทิ้งอะไรล่ะอีแก้ว พวกเอ็งนี่ก็กระต่ายตื่นตูม อีแพงกับลูกมันยังปกติดีอยู่”
“อ้าว แต่อีแพงมันร้องว่าปวดท้องนี่จ๊ะป้า”
“โอ๊ย ที่มันปวดท้องเพราะมันข้าวปลามันไม่ได้กิน แต่สันดานคนกำลังจะเป็นแม่ก็อย่าง นี้แหละ คิดถึงแต่ลูกตัวเองก่อน มันเลยร้องไม่รู้เหนือรู้ใต้โวยวายห่วงลูกไปเอง”
“โธ่เอ๊ย ไอ้ฉันก็ใจหายใจคว่ำ งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปดูอีแพงนะ จะได้ไปหาอะไรให้มันกิน”
เรืองเดินเข้าไปในกระท่อม แก้วนึกอะไรขึ้นมาได้
“ป้าแม้น ฉันคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
แก้วดึงแม้นเดินออกมาห่างจากตัวกระท่อม คุยกันเงียบๆ
“เรื่องที่อีแพงกำลังท้องไส้อยู่ ฉันขอนะป้า อย่าเที่ยวพูดไปให้คนในหมู่บ้านได้ยิน”
“นั่นปะไร ข้าล่ะว่าแล้วเชียว ใครวะหน้ามืดตามัวล่อซะอีแพงท้องป่อง”
“ก็ฉันรู้ไงว่าปากป้าถ้าไม่กำชับให้ดี แค่เงาป้าพ้นหน้าบ้านก็รู้กันทั่วบ้านสร้างแล้ว”
“อีแก้ว เอ็งเล่นด่าดักคอข้าเลยเหรอวะ ทีตอนมันร้องเจ็บไม่เห็นจะปากดีกับข้าแบบนี้”
“ฉันขอโทษจ้ะป้า ก็ป้าเป็นหมอตำแยคนเดียวในหมู่บ้านนี่ นะป้านะ ฉันขอร้องล่ะอย่า เอาเรื่องอีแพงท้องไปพูดให้คนอื่นรู้ ฉันไม่อยากให้อีแพงมันโดนนินทาเสียๆ หายๆ”
“แต่เรื่องพวกนี้มันของคันปากนะโว้ยอีแก้ว ยิ่งเอ็งไม่อยากให้พูดยิ่งแสดงว่าผัวอีแพงต้องเป็นคนที่คิดไม่ถึง พูดขึ้นมาแล้วได้หงายหลังกันทั้งบาง ใช่มั้ยวะ”
ระหว่างนั้นเพื่อนเดินเข้ามา จะมาตามหาแพง แต่ได้ยินแก้วคุยกับแม้นเลยหยุดฟัง แก้วรู้ทันความเขี้ยวลากดินของแม้น เลยไม่ตอบ แต่ล้วงเงินยื่นให้
“งั้นแค่นี้พอหยุดความอยากรู้ของป้าได้มั้ยจ๊ะ”
“อีแก้ว ข้าไม่ใช่พวกหน้าเงินนะโว้ย ข้าเป็นหมอตำแย”
“งั้นก็แสดงว่าไม่อยากได้ อยากเป็นหมอตำแยที่น่านับถือ”
แก้วทำท่าจะเก็บเงิน แม้นรีบดึงเงินมาเก็บไปทันที
“ข้าไม่ชอบสอดรู้สอดเห็นต่างหากโว้ย ถ้าไม่อยากให้ข้ายุ่งข้าก็ไม่ยุ่ง ยังไงเวลาอีแพง คลอดลูกข้าก็ต้องมาทำคลอดให้มันอยู่ดี”
“จ้ะ ก็อย่าให้รู้แล้วกันว่าเรื่องอีแพงท้องหลุดมาจากปากป้า”
“เออ ไม่พูดก็ไม่พูด แต่ข้าเตือนเอ็งไว้สักอย่าง เท่าที่ข้าดูท้องอีแพงมัน เอ็งต้องคอยดู แลมันให้ดี ข้าว่าท้องนี้มันไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ยิ่งข้าวปลาไม่กิน จะเดินเหินก็ไม่ระวัง เดี๋ยวมันจะแท้งเอาง่ายๆ ข้าไปล่ะ”
แม้นเดินออกไป แก้วครุ่นคิดอดเป็นห่วงแพงไม่ได้อย่างที่แม้นทัก เลยรีบกลับเข้าไปใน กระท่อม เพื่อนได้ยินทุกอย่างที่แก้วพูดกับแม้น ยิ่งตอกย้ำความสงสัยเรื่องผัวแพงให้อยากรู้มากขึ้นไปอีก
เรืองเอากล้วยเป็นหวีมาวางข้างๆ แพง
“ต่อไปนี้นะอีแพง ถึงจะยังไม่ได้เวลากิน เอ็งก็ต้องคว้ากล้วยมาเข้าปากเคี้ยวๆ แล้วกลืน ข้าจะเอามาให้วันละเครือ เอ็งต้องกินให้หมด จะได้ไม่ทำให้พวกข้าตกอกตกใจอีก”
“ข้าจะรู้มั้ยวะไอ้เรือง ข้าเพิ่งท้องครั้งแรก เป็นอะไรขึ้นมาข้าก็ต้องห่วงลูกข้าก่อนสิวะ”
“ห่วงลูกน่ะดีแล้วอีแพง แต่นั่นหมายความว่าเอ็งก็ต้องห่วงตัวเองด้วยเหมือนกัน เพราะตอนนี้เอ็งกับลูกก็คือคนๆ เดียวกัน” แก้งเตือน
“ข้ารู้น่า”
“รู้ แต่เอ็งก็ไม่ฟังไอ้เรืองไม่ฟังข้าเลย ป้าแม้นเขาเตือนมาด้วยว่าท้องเอ็งน่ะไม่ค่อยแข็งแรง ต่อไปจะเดินจะเหินอะไรต้องระวังให้มาก ไม่งั้นล่ะก็ อีแพงเอ๊ย”
“ทำไมวะอีแก้ว”
“ข้าไม่อยากพูดโว้ยมันอัปมงคลปาก เอาเป็นว่าทำตามที่ป้าแม้นเขาสั่งมาแล้วกัน”
“เออ ข้ายอมฟังแล้วก็ได้ แต่ยังไงข้าไม่เชื่อข่าวที่อาผู้ใหญ่เขาว่ามานะอีแก้ว ข้าถึงอยาก ไปหา ขอให้อาผู้ใหญ่ส่งคนไปดูให้แน่ใจจริงๆ”
“ข้าก็เหมือนเอ็งแหละอีแพง ไม่เชื่อหรอกว่าพี่ก้อนจะไม่กลับมาหาข้าอีก เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะไปคุยกับอาผู้ใหญ่เอง เอ็งไม่ต้องไปไหน อยู่เฉยๆ คอยให้ไอ้เรืองมันดูแลไป”
“เอ็งไม่ต้องห่วง ถ้าวันนี้อีแพงยังกินกล้วยไม่หมดเครือ ข้าไม่ปล่อยให้มันลุกเดินแน่”
เรืองย้ำหนักแน่น
บริเวณป่าทึบ ต้นไม้ขึ้นรกแน่น ลอพาก้อนมาหลบอยู่ในหลุมตื้นๆ มีกิ่งก้านสาขาของต้นไม้คลุมช่วยพรางตาได้เป็นอย่างดี ลอเอาน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ช่วยป้อนให้ก้อนที่อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง
“ค่อยๆ กินนะไอ้ก้อน ค่อยๆ เดี๋ยวจะสำลัก”
ก้อนพยายามดื่มน้ำจากกระบอกไม้ไผ่แต่อาการไม่ค่อยดีเลยสำลัก ไอเสียงดัง
“เบาๆ สิวะไอ้ก้อน พวกมันต้องออกมาตามล่าเอ็งกับข้าอยู่แน่”
“ไอ้ ไอ้ลอ ข้า ข้ากำลังเป็นตัวถ่วงให้เอ็ง ปล่อยข้าไว้เถอะ เอ็งจะได้หนีไป”
“เอ็งสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้ามาตลอด ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เอ็งถูกพวกมันฆ่าแน่”
“แต่ตอนนี้เหลือแค่เอ็งกับข้าสองคน ไอ้แสบเองก็คงไม่พ้นโดนมันฆ่าไปแล้ว เราไม่เหลือ คนที่จะออกไปแจ้งข่าวให้ตำรวจรู้แล้วนะไอ้ลอ มันกำลังบีบให้เอ็งจนมุม มันอยากให้เอ็งรู้สึกผิดที่ต้องพาคนอื่นมาตาย เพราะมันอยากเห็นเอ็งคลั่ง โกรธแค้นจนไม่เหลือความเป็นคน”
“ในเมื่อสิ่งที่มันทำกับข้าไม่ใช่สิ่งที่คนจะทำกับคนด้วยกัน แล้วทำไมข้าต้องเหลือความ ปราณีให้มันด้วยวะไอ้ก้อน”
“ถ้าเป็นคนอื่น ข้าคงไม่พูดอย่างนี้หรอกไอ้ลอ แต่สำหรับเอ็ง เอ็งเป็นคนดีของบ้านสร้าง เอ็งทำให้ผู้ชายหลายๆ คนอยากจะเป็นอย่างเอ็ง”
ก้อนพูดไปแล้วเริ่มเจ็บแผล
“ไอ้ก้อน”
ลอเป็นห่วงก้อนจะเป็นอะไรไป ระหว่างนั้นมีเสียงคนเดินเข้ามา ลอชะงักนิ่ง หันไปมองผ่านดงต้นไม้ เห็นลูกน้องวีระ 2 คน เดินสำรวจดู ลอกัดฟันแน่นเจ็บใจ
“เอ็งรออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะไปจัดการกับพวกมัน”
ลอรีบคว้าดาบออกไป ก้อนมองเป็นห่วง
ลูกน้องวีระเข้ามาเดินสำรวจ ลอลอบเข้ามาข้างหลังอย่างเงียบกริบ แล้วลงมือเล่นงานไปได้คนหนึ่งอย่างง่ายดาย อีกคนหันมาเห็น เลยเปิดฉากสู้กับลอ แต่ฝีมือสู้ไม่ได้ เลยโดนเล่นงานสลบเหมือด ลอรีบกลับมาจุดเดิมที่ทิ้งก้อนไว้ แต่ไม่เจอตัว
“ไอ้ก้อน”
ลอ\วิ่งมองหาก้อน แล้วเจอก้อนกำลังพยายามกระเสือกกระสนมือถือดาบแน่นพร้อมจะลุย
“ไอ้ก้อน เอ็งจะไปไหน”
“กลับไปบ้านสร้างเถอะไอ้ลอ ข้าจะลุยเข้าไปช่วยไอ้เปลี่ยวเอง ข้าจะไม่ยอมให้ตัวเอง ต้องเป็นภาระให้เอ็ง”
“เอ็งอย่าทำบ้าๆ อย่างนี้นะโว้ย ข้าจะต้องพาเอ็งกลับบ้านสร้างพร้อมไอ้เปลี่ยวให้ได้”
“แต่เอ็งก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ลำพังแค่เอ็งเอาชีวิตรอดคนเดียวยังยากเลย ไอ้ลอ ตอนนี้ คนที่ยังมีแรงเหลือพอเอาชีวิตรอดกลับไปหาคนที่รักได้ เหลือแค่เอ็งคนเดียวแล้ว”
ก้อนตัดสินใจผลักลอ แล้วหน้ามุ่งมั่นเดินหน้าไปต่อ ลอจะตามไปห้ามอีก ก้อนเลยหันกลับมาแล้วชี้ดาบไปที่หน้าลออย่างเอาจริง
“อย่าห้ามข้าอีกเลยไอ้ลอ อีแพงมันรอให้เอ็งกลับไป เอ็งต้องกลับไปหามันให้ได้”
”แต่เอ็งก็ต้องกลับไปแต่งงานกับอีแก้วเหมือนกัน”
“ข้ากับอีแก้ว ชาตินี้คงทำบุญร่วมกันมาได้เท่านี้ ที่ผ่านมาข้ากับมันรักกันอย่างมีความสุข แค่นั้นก็คุ้มแล้ว แต่กับอีแพง ชีวิตมันน่าสงสารนัก กว่าจะมีวันนี้วันที่มันได้เจอคนที่รักมันจริงๆ ชีวิตข้าก็คุ้มที่จะช่วยให้คนดีๆ อย่างอีแพงได้มีความสุขกับเขาสักที”
ก้อนจริงจัง พูดให้ลอคิดถึงแพงเป็นหลัก แล้วเดินต่อไปคนเดียว ลอกำมือแน่นมองตามเพื่อนรัก
“เอ็งพูดถูกไอ้ก้อน ความรักทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าขาดคนที่ข้ารักแล้ว ข้าจะมีชีวิต อยู่ไปเพื่ออะไร”
ลอกำหมัดแน่น จริงจังแล้วเดินเข้าหาก้อน
“ไอ้ลอ ข้าห้ามเอ็งแล้วนะโว้ย”
ก้อนชูดาบขู่ ลอไม่สนใจ ตรงเข้าไปใช้เชิงมวยปัดดาบออกจากมือก้อน แล้วจับก้อนมาบิดไพล่ หลังห้ามปรามเอาไว้
“ถ้าชาตินี้วาสนาข้ามันน้อยนัก ข้าก็ขอฝากเอ็งไปบอกอีแพงด้วยว่า เกิดชาติหน้าฉันใด ข้าจะตามไปรักอีแพงให้สมกับที่มันรักข้า”
ลอทุบต้นคอก้อนจนสลบเหมือด แล้วดึงตะกรุดออกจากแขนก้อนมากำแน่น มุ่งมั่น
พิศเข้ามาในครัว เห็นสำรับอาหารวางอยู่ เลยเข้ามาเปิดฝาชีเห็นอาหารน่ากิน
“นังเพื่อนนี่มันน่ารักซะจริง รู้ว่าพ่อกลับมาต้องหิวเลยเตรียมน้ำพริกไว้ซะเยอะแยะ”
แต่ไม่ทันที่พิศจะเริ่มตักอาหาร แพงซึ่งไม่รู้ว่าพ่อเข้ามาแล้ว เลยชะงักพร้อมกับตะกร้าผักที่ไว้จิ้มน้ำพริก
“พ่อ”
“โผล่หัวกลับมาได้แล้วเหรอ นึกว่าจะไปหลบอยู่แต่กระท่อมไอ้ลอไม่กลับมาแล้วซะอีก”
“เอ่อ คือ ฉัน”
“ไม่ต้องกลัวข้าจะลงหวายกับเอ็งอีกหรอก ต่อให้โกรธที่เอ็งทำให้ข้าต้องอับอายมากแค่ไหน แต่เด็กในท้องเอ็งก็ไม่เกี่ยว มันไม่รู้ว่าสันดานแม่มันเป็นยังไง”
“จ้ะพ่อ”
แพงไม่ต่อปากต่อ คำเอากระจาดผักที่ตั้งใจจะเอามาให้พ่อจิ้มกินน้ำพริกวางลงที่พื้นแล้วเดินออกไป พิศหันมาจะกินข้าวต่อ แต่พอเห็นถ้วยน้ำพริกที่ขาดผักเคียงแล้วจึงนึกได้เหลือบไปมองกระจาดผัก เขารีบเดินตามแพงออกมาที่นอกเรือนทันที่คอกไอ้เปลี่ยว
“เดี๋ยวอีแพง กับข้าวกับน้ำพริกที่อยู่ในบ้าน ฝีมือเอ็งใช่มั้ย”
“เอ่อ เปล่าจ้ะพ่อฝีมือพี่เพื่อน เขาทำไว้ให้พ่อกินกลับมาจากทำนาไงจ๊ะ”
“เอ็งอย่ามาโกหก นังเพื่อนมันบอกข้าไว้ว่าวันนี้มันจะไปถามเรื่องไอ้ลอกับไอ้ผาด มันคง ไม่มีเวลานั่งตำน้ำพริกทำกับข้าวซะเยอะแยะหรอก”
“ฝีมืออย่างพี่เพื่อน เวลานิดเดียวเขาก็ทำได้เยอะแยะ”
“หยุดโกหกข้าซะทีอีแพง ก็เห็นอยู่ว่าเอ็งไปเก็บผักเต็มตะกร้ามาจิ้มน้ำพริก”
“จ้ะพ่อ ฝีมือฉันเอง แต่ที่ฉันไม่กล้าบอกว่าฉันทำ เพราะเดี๋ยวพ่อจะไม่ยอมกิน”
“อีแพง เอ็งมานี่เลย”
พิศเข้าไปคว้าข้อมือลูกสาวแล้วลากกลับเข้าไปในบ้าน แพงตกใจ
“พ่อ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจ้ะพ่อ”
พิศลากแพงกลับเข้ามาในบ้าน แล้วจับนั่งลงตรงหน้าสำรับกับข้าว
“นั่งลง แล้วกินข้าวกับข้านี่แหละ ไม่ต้องไปหลบหน้าข้าที่กระท่อมไอ้ลออีก”
“พ่อ”
“ไม่ต้องพูดอะไรเลยอีแพง ข้าเห็นผู้หญิงที่เขาท้องไส้แต่ละคน มีแต่ดูมีน้ำมีนวลไม่ เหมือนเอ็งที่ซูบจนเหมือนผีเข้าทุกวัน”
“จะไม่ให้ฉันซูบได้ยังไง ก็ฉันเสียใจที่พ่อโกรธจนจะตีฉันให้ตายนี่”
“อีแพง ข้าบอกให้ไม่ต้องพูดไง ตักข้าวแล้วก็กินไปซะ”
“จ้ะๆๆ พ่อ”
แพงรีบตักข้าวใส่จานให้ตัวเองและพ่อ แล้วก้มหน้าก้มตาตักกับข้าวใส่จานตัวเองไม่กล้าสบตาพ่อ
“ข้ายอมรับว่าโกรธจนอยากจะตีให้ตาย แต่ถ้าเอ็งตายข้าก็เดือดร้อน คิดไปคิดมามันก็ดี แล้วที่จะมีลูกมีเต้าออกเรือนไปให้พ้นอกข้า เอ็งไปเป็นลูกสะใภ้คนอื่น สันดานเสียๆ ต้องเลิกให้ได้ ยิ่งเป็นเมียเขายิ่งต้องสงบปากสงบคำ จะมาเถียงฉอดๆ เหมือนเถียงพ่อไม่ได้”
“แต่ว่า”
“นั่นไง ข้ายังพูดไม่จบเอ็งก็อ้าปากจะเถียง ข้าถึงต้องลงหวายกับเอ็งประจำ ไปเป็นลูก คนอื่นเขาแล้ว ถ้าทำให้เขารักเอ็งไม่ได้ก็ซมซานกลับมาหาข้าไม่ได้เหมือนกัน”
“พ่อ”
แพงก้มหน้าเศร้า ตักข้าวเข้าปากน้ำตารื้นเสียใจ พิศตักกับข้าวตรงหน้าใส่จานข้าวให้แพง
“ข้าสอนเอ็งได้เท่านี้ ถ้าทำได้ ชีวิตเอ็งจะดีกว่าอยู่กับข้าขึ้นเป็นพะเรอเกวียน”
“พ่อ ที่พ่อพูดมาแบบนี้เพราะพ่อทำใจให้รักฉันไม่ได้เลยใช่มั้ย พ่อถึงอยากให้คนอื่นรักฉันแทน”
พิศน้ำตารื้นเสียใจ
"ใช่ว่าข้าไม่เคยพยายาม ตอนอีโฉมมาเอาเอ็งไปข้าก็เกือบจะปล่อยวางได้แล้ว แต่ แต่พอเอ็งกลับมา เวลามองหน้าเอ็ง ข้าก็เห็นแต่ภาพนังสายมันร้องเจ็บปวดโดยที่ข้าช่วยอะไรมันไม่ได้ ไปให้คนอื่นเขารักน่ะดีแล้วอีแพง"
"ชาตินี้ข้าเป็นพ่อที่ดีสำหรับเอ็งไม่ได้หรอก"
แพงร้องไห้เสียใจ รีบคลานเข้าไปกราบเท้าพ่อ
“พ่อ ฮือๆๆๆ พ่อจ๋า พ่อเป็นพ่อที่ดีสำหรับฉันที่สุดแล้วนะจ๊ะ”
แพงซบหน้ากับเท้าพ่อร้องไห้ตัวโยน พิศน้ำตาไหลพราก อยากกอดลูกแต่ก็ต้องตัดใจลดมือลง
“กินข้าวให้หมดแล้วไปนอนซะ พรุ่งนี้ข้าจะให้ไอ้แสงกับไอ้เรืองมาคุยเรื่องวันแต่ง”
พิศเดินออกไป แพงมองตามพ่อสะอื้นเสียใจ
เรืองหน้าเสียอึกอัก พูดไม่ออก เพราะเพื่อนพยายามบังคับให้พูดความจริงเรื่องแพง
“บอกข้ามาไอ้เรือง พูดความจริงกับข้า”
“เอ็งจะมาเอาความจริงอะไรกับข้าวะนังเพื่อน ข้าก็บอกไปหมดแล้วนี่หว่า”
“แต่ข้าไม่เชื่อ น้ำหน้าอย่างเอ็งน่ะเหรอจะทำอีแพงท้องได้”
“อ้าว พูดแบบนี้มันดูถูกกันนี่หว่า ข้าก็ผู้ชายนะโว้ย เห็นข้าเงียบๆ ไม่ชอบเกี้ยวสาวแต่ก็ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะปล้ำสาวไม่เป็น”
“ข้าไม่ได้ดูถูกว่าเอ็งปล้ำสาวไม่เป็น กับผู้หญิงคนอื่นเขาอาจจะยอมให้เอ็งทำ แต่กับอีแพง ให้อมพระทั้งโบสถ์มาข้าก็ไม่เชื่อ”
“งั้นก็เรื่องของเอ็ง ไม่เชื่อก็ไม่หนักกบาลข้า แต่หนักกบาลเอ็งโว้ย”
“ไอ้เรือง ข้ายังไม่เสร็จธุระกับเอ็ง”
“เอ็งนี่มันเซ้าซี้น่ารำคาญ มิน่าไอ้ลอถึงไม่เอาอีกแล้ว”
เพื่อนโกรธจัด ผลักเรืองล้มลงไปจ้ำเบ้า ชี้หน้าด่าอย่างกราดเกรี้ยว
“เดี๋ยวนี้กล้าปากดีกับข้าแล้วเหรอ วอนนักใช่มั้ยไอ้เรือง ได้ ถ้าเอ็งไม่พูดความจริง ข้า จะร้องโวยวายว่าเอ็งจะปล้ำข้า เอ็งอยากเห็นครูแสงอกแตกตายเพราะมีแต่ลูกสันดาน ชั่วก็เอาเลย อย่าคิดว่าข้าไม่กล้า”
“นังเพื่อน นี่เอ็ง มันจะเกินไปแล้วนะโว้ย รู้ตัวมั้ยว่าเอ็งกำลังจะเลวกว่าพี่สาวข้า”
“เอ็งเอาข้าไปเปรียบกับนังแรมไม่ได้หรอก พี่สาวเอ็งอวดเก่ง แต่โง่ก็เหมือนเอ็งนี่แหละ”
เพื่อนจิกหน้าร้ายเอาเรื่อง แล้วปลดผ้าแถบออกนิดหน่อยให้ดูเหมือนว่าถูกทำร้ายแล้วตะโกน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ไอ้เรืองมันจะปล้ำฉัน ช่วยด้วย”
“นังเพื่อน”
เรืองหน้าเสีย เพื่อนได้ทีเข้าไปจับแขนเรืองรั้งเอาไว้แล้วร้องตะโกนดังลั่น เรืองยิ่งตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะเป็นคนหัวอ่อนอยู่แล้ว
“แม่เพื่อน หยุดเถอะ ฉันขอร้อง อย่าทำให้พ่อฉันต้องอกแตกตายเลย ฉันขอร้อง”
“งั้นเอ็งก็บอกความจริงมา เอ็งไม่ได้ทำอีแพงท้อง แต่อีแพงท้องกับพี่ลอ”
“ข้า ข้ารับปากกับไอ้ลอว่า ข้า ข้าจะดูแลอีแพง”
“ข้าไม่สนใจว่าเอ็งจะรับปากพี่ลอยังไง พูดมา อีแพงท้องกับพี่ลอใช่มั้ย”
เรืองกำลังจะยอมรับ แต่ระหว่างนั้นแก้วโผล่เข้ามาขัดจังหวะ
“ไอ้เรือง”
“อีแก้ว”
แก้วปรี่เข้ามาผลักเพื่อนให้พ้นจากเรือง มองเอาเรื่อง
“อยู่ให้ห่างไอ้เรืองไว้เลยนะพี่เพื่อน ไม่งั้น พี่กับฉันมีเรื่องกันแน่”
“อีแก้ว”
เพื่อนกับแก้วจ้องหน้ากันเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วแก้วก็ผละไปพาเรืองออกไป เพื่อนมองอาฆาต แก้วพาเรืองมานั่งที่ใต้ถุนบ้าน
“นี่ถ้าข้ามาไม่ทันล่ะก็ เอ็งได้ปากโป้งหลุดเรื่องท้องอีแพงแน่”
“โอ๊ยๆๆ ข้าเจ็บนะโว้ยอีแก้ว ก็นังเพื่อนมันเล่นเอาพ่อข้ามาขู่ ข้าก็เกือบไปน่ะสิวะ”
“เกือบก็ไม่ได้ ถ้าพี่เพื่อนรู้ว่าอีแพงท้องกับพี่ลอ พี่เพื่อนได้คลั่งอาละวาดเป็นหมาบ้า ไล่งับไม่เลือกหน้าแน่ๆ เพราะพี่ลอคือความหวังสุดท้าย เสียพี่ลอไปได้ขายหน้าทั้งทุ่ง”
“เออ ต่อไปข้าจะปิดปากให้เงียบขู่ยังไงก็ไม่พูด แต่เอ็งก็เหลือเกินไปเปิดศึกกับนังเพื่อน ถึงลูกถึงคนขนาดนั้น ไม่กลัวเขาอาฆาตเอาเรื่องเอ็งเหรอวะ”
“กลัวซะที่ไหน ข้าไม่ใช่อีแพงที่ต้องมานั่งห่วงใครจะเสียใจ”
“อย่าปากเก่งไปหน่อยเลยอีแก้ว ระวังนังเพื่อนไว้หน่อยก็ดี ตอนนี้มันไม่ใช่คนเดิมแล้ว ถึงขนาดหน้าด้านกล้าขู่เล่นงานข้า ไม่สนว่าพ่อข้าจะเป็นยังไง ไปๆ มาๆ ข้าว่า นังเพื่อน กำลังจะร้ายกว่าพี่แรมซะอีก”
แก้วฟัง แต่ไม่ได้สนใจคำเตือนของเรือง ระหว่างนั้นแสงเดินเข้ามา
“ไอ้เรือง ทำอะไรของเอ็งอยู่วะ ได้เวลาต้องไปคุยเรื่องงานแต่งกับอีแพงแล้วไม่ใช่เหรอ”
“จ้ะพ่อ”
แก้วจับแขนเรืองมาพูดเบาๆ
“เอ็งไม่ต้องห่วง ไปดูแลอีแพงให้ดี ส่วนเรื่องพี่เพื่อนข้าจะจัดการเอง หมั่นไส้มานานแล้ว น้ำอดน้ำทนข้าไม่ได้มีมากเหมือนคนอื่นเขาซะด้วย”
“อีแก้ว”
“ไอ้เรือง เร็วสิวะ”
“จ้ะพ่อ”
เรืองรีบลุกเดินตามแสงไป แล้วอดหันมามองแก้วด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ในขณะที่
แก้วพร้อมเอาเรื่องเพื่อน
เพื่อนเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเจ็บใจแก้วมาบริเวณท่าน้ำ
“อีแก้ว อีเด็กเมื่อวานซืน หนอย อย่าให้เจออีกนะ เอ็งโดนข้าสั่งสอนแน่”
“อยากจะสั่งสอนฉันนักเหรอพี่เพื่อน ฉันมานี่แล้วไง”
“อีแก้ว”
“คิดว่าฉันจะกลัวพี่เหรอ รู้จักอีแก้วน้อยไป อีแก้วไม่เหมือนอีแพง รักษาหน้า รักษาน้ำใจใครไม่ค่อยเป็น มีแต่ถ้าแรงมาก็จะแรงกลับไปให้สาสม”
“ปากเก่งนักนะอีแก้ว ระวังเถอะ จะอยู่ไม่ทันได้มีผัว”
“โอ๊ย ขำจังเลย พี่เพื่อนมาขู่ฉันว่าจะอยู่ไม่ทันมีผัว ฮ่าๆ พี่เพื่อนจ๊ะ ถ้าพี่ก้อนเขากลับมา ฉันจะแต่งงานมีลูกมีเต้าสักโหลหนึ่ง แล้วฉันก็จะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีอยู่ในศีลในธรรม ไม่เป็นคนใจคด ใจสัตว์ เห็นแก่ตัว ดีแต่ข่มเหงคนอื่นให้บาปกรรมเป็นสนิมเกาะกินสันดานไปเรื่อยๆ จนมันเองนั่นแหละที่จะต้องตรอมใจตายเพราะมีแต่คนรู้ไส้รู้สันดานเลวๆ และเกลียดขี้หน้ามัน”
“อีแก้ว”
เพื่อนตบหน้าแก้วอย่างแรง แก้วเจ็บใจหันขวับมาตบเพื่อนกลับทันที
“เมื่อกี้นี้อีแก้วเอาคืนเอง แต่จากนี้ อีแก้วจะเอาคืนแทนอีแพงที่มันโดนพี่สาวชั่วๆ ข่มเหง มาทั้งชีวิต จะทบต้นทบดอกให้อีแพงอย่างสาสม”
แก้วพุ่งเข้าไปเปิดฉากตบใส่เพื่อนไม่ยั้ง เพื่อนไม่ทันตั้งตัวเลยโดนตบรัว ก่อนจะตั้งสติได้ก็รีบ รับมือแก้ว พร้อมเอาคืน
“ถ้าน้ำมือเอ็งมีแค่นี้แล้วคิดจะเล่นงานข้า เอ็งมันก็แค่อีกะโหลกกะลา”
เพื่อนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายบิดมือแล้วตบกลับไม่ยั้งจนแก้วรับไม่ทัน ถอยไปจนเกือบตกท่าน้ำ หมดทางสู้เพราะเพื่อนบีบคอแน่นจนหายใจไม่ออก
“จำใส่กบาลเอ็งเอาไว้นะอีแก้ว อย่าสะเออะมายุ่งเรื่องของข้าอีก ข้าจะง้างปากอีแพง ให้ได้ว่าพ่อเด็กในท้องมันเป็นใคร แล้วถ้ามันใช่พี่ลออย่างที่ข้าคิดล่ะก็ อีแพงจะต้อง ชดใช้ให้ข้าอย่างสาสม”
เพื่อนบีบคอแก้วแน่นจนแก้วหน้าดำหน้าแดงหายใจไม่ออก แก้วพยายามสลัดมือเพื่อนออก จากคอ เพื่อนถีบแก้วทีเดียวหงายหลังตกลงไปในบึงทันที
“สมน้ำหน้า อย่าได้เสือกตามมาอีกล่ะ ไม่งั้นมีตายกันไปข้างแน่”
เพื่อนสะใจแล้วเดินออกไป แก้วรีบลุกขึ้นยืนตัวเปียกโชก โกรธมาก
พิศเจรจาอยู่กับแสง แพงแอบซุ่มดูพ่อคุยกันอยู่ห่างๆ ไม่ให้เห็น
“ทรัพย์สมบัติข้า พวกแก้วแหวนเงินทองก็ไม่ได้มีมากหรอกนะไอ้พิศ จะมีก็แต่เครื่อง ดนตรีเก่าๆ ของตกทอดจากบรรพบุรุษ แต่ข้าก็รับปากว่ามีเท่าไหร่ข้าจะยกให้เป็นสินสอดอีแพงหมด”
“สำหรับอีแพง แค่เอ็งเอามันไปเลี้ยงดู ข้าก็พอใจแล้ว มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น”
“ไอ้พิศ ข้ารู้ว่าเอ็งโกรธที่อีแพงทำเอ็งเสียหน้า แต่พูดแบบนี้ก็น่าสงสารอีแพงมัน”
“เอ็งสงสารมันงั้นก็ดีแล้ว ต่อไปเอ็งจะได้เลี้ยงดูมันให้เหมือนลูกสาว ข้าจะได้เลิกกลุ้มอก กลุ้มใจกับมันอีก”
“ไอ้พิศ”
แพงเศร้ากับคำพูดของพ่อ ระหว่างนั้นเรืองเข้ามาสะกิด
“อีแพง ข้าต้องคุยกับเอ็ง ข้าเป็นห่วงอีแก้ว”
“ห่วงอีแก้ว”
แพงตกใจเมื่อรู้จากเรือง
“อีแก้วมันพูดออกมาขนาดนั้นแสดงว่ามันไม่ยอมแน่ แต่เอ็งก็ยังปล่อยให้มันหายหัวไป เนี่ยนะไอ้เรือง”
“อ้าวเฮ้ย แล้วเอ็งจะให้ข้าทำยังไง ก็พ่อลากข้ามาคุยกับเอ็ง แล้วข้าจะแยกร่างแยกตัว ออกไปได้ยังไง”
“โธ่เอ๊ย เอ็งไม่ต้องห่วงข้าแล้ว ตอนนี้ต้องห่วงแต่อีแก้วอย่างเดียว”
แสงเดินเข้ามากับพิศ
“ไอ้เรือง ข้าให้เอ็งมาคุยกับพ่อตา แต่ดอดมาหาอีแพง ให้มันน้อยๆ หน่อย”
เรืองยิ้มแหะๆ ทำทีเป็นโอบแพงเอาไว้
“โธ่พ่อ ฉันอดดีใจไม่ได้จ้ะที่จะได้แต่งเมีย”
แพงชะงักหน้าเครียด
“ไม่ต้องใจร้อนหรอกไอ้เรือง อีแพงด้วย ข้าคุยกับไอ้แสงแล้ว ไม่อยากให้ชาวบ้านสงสัย ว่าทำไมท้องเอ็งถึงโตขึ้นทุกวัน ให้ต้องเอากระบุงมาคลุมกบาล อีก 3 วันจะให้พวกเอ็ง แต่งๆ กันให้เรียบร้อย”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะอา”
“ไม่เร็วหรอก ท้องอีแพงน่ะมันกี่เดือนเข้าไปแล้ว โชคดีที่เป็นท้องสาวเลยยังไม่ค่อยเห็น แต่ถ้ามันคลอดออกมาแล้วอีพวกปากหอยปากปูนับเดือนดูล่ะก็ ขี้ปากพวกมันล่ะ”
“เอาน่า ยังไงมันแต่งกันแล้ว นินทาไปก็ไม่สนุกปากหรอกไอ้พิศ”
“ฉัน ฉันแต่งกับไอ้เรืองไม่ได้หรอกจ้ะพ่อ ครู”
แสงตกใจ
“ทำไมล่ะอีแพง”
“อีแพง เอ็งจะดื้อด้านอะไรอีก แค่นี้ยังทำให้ข้าอับอายขายขี้หน้าไม่พอเหรอไง”
“อีแพง ก็ไหนคุยกันแล้วไง”
“ไอ้เรือง ข้าขอบใจเอ็งที่ห่วงข้า แต่ข้าปล่อยให้ชีวิตเอ็งต้องมาหมดอนาคตเพราะข้า ไม่ได้ อีแก้วก็เหมือนกัน มันจะต้องไม่เจ็บตัวเพราะข้า”
แพงรีบวิ่งออกไป ท่ามกลางความงุนงงของพิศกับแสง
“อีแพง”
เรืองจะตามแต่เจอพิศคว้าคอเสื้อเอาไว้
“ไอ้เรือง อีแพงมันเป็นอะไรของมัน เอ็งพูดมาให้หมด ไม่งั้นข้าเอาจริง”
เรืองเครียด อึกอัก พูดไม่ออก ยิ่งมองพ่อที่อยู่ด้วยแล้วก็ยิ่งอึกอัก เริ่มเก็บความลับไม่อยู่
เพื่อนเดินหน้าตึงอารมณ์คุกรุ่นจากที่เพิ่งมีเรื่องตบตีกับแก้วไป
“อีเพื่อน”
เพื่อนชะงักหันไปเห็นแก้วยืนตัวเปียกโชกตามมาและจ้องเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“อีแก้ว เอ็งไม่เข็ดเหรอไง ข้าเตือนแล้วนะว่าอย่าตามมาไม่งั้น”
“ต้องมีตายกันข้างน่ะเหรอ หึ เพราะเอ็งพูดแบบนั้นแหละอีเพื่อน ข้าถึงต้องตามเอ็งมาให้ได้ คนสันดานเห็นแก่ตัวอย่างเอ็ง อยู่ไปก็หนักแผ่นดิน มีแต่จะทำให้คนดีๆ อย่างอีแพงมันต้องช้ำใจ”
“คนดีอย่างอีแพง โธ่เอ๊ย มีคนดีๆ ที่ไหนจ้องจะแย่งผัวพี่ไปเป็นผัวตัว”
“อีแพงไม่เคยคิดแย่งพี่ลอไปจากเอ็ง มีแต่รักและเทิดทูนพี่ลอ อยากให้เขาสมรักกับเอ็งด้วยซ้ำ แต่สันดานเห็นแก่ตัวเอ็งนั่นแหละที่เขี่ยเขาทิ้งแล้วยังคิดแย่งเขาคืน”
“เอ็งพูดมาแบบนี้ แสดงว่าอีแพงกับพี่ลอรักกันแล้วเหรอ”
“หึ ถ้าอีแพงกับพี่ลอจะรักกันมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเอ็งทิ้งให้พี่ลอไม่มีเจ้าของ เขาถึง ได้หูตาสว่าง เลิกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เลิกโง่แล้ว ถึงได้ฉลาดไงอีเพื่อน”
“เป็นอย่างที่ข้าสงสัยจริงๆ อีแพงมันแย่งพี่ลอไปจากข้าจริงๆ เด็กในท้องมันก็ลูกของพี่ ลอ อีแพง อีสารเลว”
เพื่อนโกรธจัดไม่สนใจแก้ว แต่จะไปเอาเรื่องกับแพง แก้วเลยปรี่เข้าไปกระชากเพื่อนกลับทันที
“กูไม่ยอมให้มึงไปทำร้ายอีแพงอีกแล้ว ถ้าอีแพงมันจะท้องกับพี่ลอจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องหนักกบาลมึง”
“ก็ไม่ใช่เรื่องหนักกบาลมึงเหมือนกันอีแก้ว”
เพื่อนตบแก้วฉาดใหญ่ แก้วหน้าหัน เพื่อนจิกหัวมาตบต่ออีก แก้วนิ่งงันแล้วหันมาจ้องเขม็ง
“อีหน้าหนังควาย มึงทรยศเขาแล้วยังกล้าหน้าด้านมาอ้างเป็นเจ้าของเขาอีก ถ้ามึงไม่ อายฟ้าอายดิน มึงก็ควรอายตัวเองบ้าง”
แก้วตอบโต้กลับด้วยการเอาหัวโขกใส่หน้าเพื่อนแรงๆ ทันที เพื่อนเซถลา มึนงงไม่คิดว่าแก้วจะ ทำแบบนี้ แก้วถอยมาเจ็บหัว แล้วได้โอกาสที่เพื่อนยังตั้งสติไม่ได้ พุ่งเข้าไปผลักล้มแล้วขึ้นคร่อมตบ
แพงรีบวิ่งเข้ามาตามหาแก้วกับเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“อีแก้ว อีแก้ว”
แพงร้องเรียกหาตลอดทางที่วิ่งมา เลยทำให้กระทบกระเทือนท้องไส้จนต้องหยุดชะงัก
“โอ๊ย”
แพงหยุดนิ่งมือกุมท้องหน้าเหยเก ทั้งเจ็บและหน่วงท้อง แต่ก็ยังกัดฟันรีบเดินต่อไป
แก้วขึ้นคร่อมรัวฝ่ามือตบเพื่อนซ้ายขวาไม่ยั้ง ระเบิดอารมณ์พร้อมด่าสั่งสอนไปด้วย
“พูดมาอีเพื่อน ต่อไปนี้มึงจะเลิกข่มเหงอีแพง มึงจะเลิกยุ่งกับพี่ลอ พูด”
“พี่ลอเป็นของกู ใครก็เอาเขาไปจากกูไม่ได้”
“หนังหน้ามึงด้านกว่าหนังควาย เมื่อตบไปแล้วไม่สำนึก มึงก็อย่าอยู่ให้รกบ้านสร้างเลย”
แก้วโกรธจนลืมตัว เปลี่ยนจากตบเป็นบีบคอเพื่อนจนหน้าดำหน้าแดง เพื่อนดิ้นพราดๆ หายใจไม่ออก พยายามแกะมือแก้วออกจากคอ แต่ก็เริ่มอ่อนแรงมือตก แพงวิ่งเข้ามาเห็นเพื่อนรักกำลังบีบคอพี่สาวก็ตกใจหน้าเสีย
“อีแก้ว”
แก้วชะงักหันไปมองแพง เลยเสียจังหวะทำให้เพื่อนคว้าก้อนหินฟาดเข้าหน้าแก้วทันที แก้วร้องลั่น ล้มลง มือกุมหัวเลือดอาบ แพงยิ่งตกใจ
“มึงคิดจะฆ่ากูจริงๆ เหรออีแก้ว งั้นกูก็ปล่อยมึงไปไม่ได้เหมือนกัน”
เพื่อนเงื้อหินจะทุบซ้ำ
“อย่านะพี่เพื่อน ถ้าทำร้ายอีแก้วอีกล่ะก็ พี่กับฉันได้เห็นดีกันแน่”
“อีแพง”
“ถอยไปอีแพง เอ็งกำลังท้องกำลังไส้ ปล่อยให้ข้าสั่งสอนพี่สาวเอ็งเอง”
“ข้าขอล่ะอีแก้ว เอ็งไม่ต้องไปยุ่งกับพี่เพื่อนอีก”
“แต่ถ้าข้าไม่หยุดมันซะบ้าง มันก็จะหน้าด้านข่มเหงเอ็งไม่หยุด”
“ไม่หรอกอีแก้ว เมื่อก่อนข้ายอมให้เขาดุด่าว่าตีเพราะเกรงใจความรักที่พี่ลอมีให้เขา แต่ตอนนี้ ข้าไม่มีอะไรต้องเกรงใจเขาอีก”
“อีแพง เอ็งกล้าท้าทายข้าแบบนี้เพราะเอ็งร่านไปเสนอตัวให้พี่ลอเอาเอ็งทำเมียไปแล้วใช่มั้ย เอ็งกล้าร่านไปยั่วเขา ก็กล้าพูดออกมาสิวะอีแพง”
“เออ กูกับพี่ลอได้เสียเป็นผัวเมียกันไปแล้ว แต่กูไม่ได้ร่านไปยั่วหวังจับเขาทำผัวอย่างที่มึงตู่คิดเอาเอง พี่ลอกับกูได้เสียกันเพราะความรัก เขารักกูหมดหัวใจ กูก็รักเขาหมดหัวใจ หน้าไหนถึงมาหยุดให้กูกับเขาสมรักกันไม่ได้ มึงรู้ไว้อีเพื่อน”
เพื่อนอึ้งหน้าชา
“ไม่ ไม่จริง พี่ลอเขาไม่มีวันรักมึงมากกว่ากู เขาสาบานว่าจะรักกูคนเดียว”
“ถุย มึงยังกล้าอ้างคำสาบานอีกเหรออีเพื่อน ทั้งๆ ที่มึงนั่นแหละที่ทิ้งเขาไป จน เขาเหมือนตายทั้งเป็น มีก็แต่อีแพงที่ชุบชีวิตให้เขากลับมาเป็นผู้เป็นคน เขาถึงรักอีแพงมากกว่ามึง จำใส่กบาลมึงไว้เลย ถ้าไม่จำกูจะเฉาะกบาลมึงให้จำให้ได้”
แก้วฮึดฮัดจะเอาเรื่องอีกทั้งๆ ที่เลือดยังโชกหัว แพงรีบยกมือขวาง
“อีแก้ว พอแล้ว เอ็งต้องไปทำแผล”
“กูไม่ปล่อยมึงไปหรอกอีแพง”
เพื่อนจะเข้าไปตบสั่งสอน แต่แพงหันขวับมาจ้องเขม็งเชิดหน้าพร้อมรับมือ เพื่อนเลยชะงัก แก้วประณาม
“ถ้ามึงกล้าตบคนกำลังท้องได้ล่ะก็ ทั้งบ้านสร้างจะได้รู้กันว่าใจมึงมันยิ่งกว่าสัตว์”
เพื่อนกัดฟันจ้องเขม็ง โกรธจัด แล้วลดมือลงกำแน่น แพงหันไปประคองแก้วพาเดินออกไป
เพื่อนมองตามด้วยความกราดเกรี้ยวและเจ็บปวด
เพื่อนกลับมาบ้าน เดินเข้ามาในครัวด้วยอารมณ์ปะทุจนแทบคลั่ง เมื่อระเบิดออกมาจึงไปลงกับข้าวของรอบตัว ทั้งหม้อไห กระจาด ทุกอย่างถูกกระชากลากมาโยน
“อีแพง มึงแย่งพี่ลอไปจากกู กูเกลียดมึง กูเกลียด เกลียด”
เพื่อนอาละวาดเสียงโครมคราม พิศรีบเข้ามาด้วยความเคร่งเครียดเช่นกัน
“นังเพื่อน หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุด”
“พ่ออย่ามายุ่งกับฉัน”
“จะไม่ให้ข้าห้ามเอ็งได้ยังไง บ้านช่องจะพังชิบหายวายป่วงหมดน่ะสิวะ”
“ไอ้ของพวกนี้เสียหายไปก็ช่างหัวมัน แต่ชีวิตฉันนี่สิที่กำลังจะชิบหายเพราะอีแพง”
พิศนิ่งไปเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนเห็นพ่อหยุดห้าม ก็ยิ่งกวาดข้าวของลงมากองโครมๆ จนพิศอดรนทนไม่ไหว ขึ้นเสียงเป็นครั้งแรกกับลูกสาวสุดที่รัก
“พอ พอ ข้าบอกให้พอได้แล้วอีเพื่อน”
เพื่อนชะงักอึ้ง
“พ่อ นี่ นี่พ่อตะคอกฉันเหรอ”
“ก็ในเมื่อข้าพูดดีๆ แล้วเอ็งไม่หยุด ข้า ข้าก็ต้องขึ้นเสียงกับเอ็ง”
“พ่อมาลงกับฉันไม่ได้ คนที่พ่อควรไปเอาเรื่องคืออีแพง มันทำลายชีวิตฉันให้ย่อยยับ ตอนนี้มันกำลังหัวเราะเยาะฉัน เพราะมันสมใจที่แย่งพี่ลอไปจากฉันได้ พ่อได้ยินมั้ย พี่ลอไม่มีวันกลับมาหาฉันอีกแล้วเพราะอีแพงท้องกับพี่ลอ”
พิศกัดกรามแน่นด้วยความเจ็บปวด
“มันสารภาพเองว่าท้องกับพี่ลอ มันหน้าด้านเข้าหาพี่ลอตอนที่ฉันยังไม่กลับมา มันยั่ว จนพี่ลออดใจไม่ไหวต้องคว้ามันไปทำเมีย พ่อได้ยินมั้ย อีแพงมันแย่งพี่ลอไปจากฉันแล้ว พ่อต้องไปจัดการมัน ไม่ใช่มาว่าฉันอยู่แบบนี้ ไปสิพ่อ ไปจัดการอีแพงให้ฉัน”
“ข้ารู้แล้วนังเพื่อน รู้หมดทุกอย่างจากไอ้เรือง”
“รู้แล้ว ถ้าไอ้เรืองบอกพ่อแล้ว ทำไมพ่อยังเฉยอยู่ล่ะ”
“เพราะที่ข้ารู้จากปากไอ้เรืองไม่ใช่เรื่องอีแพงท้องไอ้กับลออย่างเดียว แต่มันเล่าให้ข้าฟัง หมดทุกเรื่องที่เกิดขึ้นที่พระนคร ข้าถึงรอจะถามเอ็งก่อนว่าเอ็งทิ้งขว้างไม่ไยดีไอ้ลอ ทั้งที่มันป่วยเจียนตาย แล้วไปยุ่งกับนายมานพอย่างที่มันว่ารึเปล่า”
เพื่อนหน้าเสีย
“ข้าอยากฟังจากปากเอ็งนังเพื่อน พูดมา”
“ไม่จริงพ่อ พวกมันรวมหัวกันตอแหลป้ายสีฉัน ทั้งไอ้เรือง อีแก้ว ไอ้ก้อน ทุกคนเป็น พวกอีแพงหมด พวกมันเกลียดฉัน อิจฉาที่ฉันได้ดิบได้ดีกว่า พ่ออย่าไปฟังพวกมันนะ”
พิศมองลูกสาว คิดหนักถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่พิศหัวฟัดหัวเหวี่ยงกระชากคอเสื้อเรืองอย่างไม่พอใจ
“ไอ้เรือง เอ็งใส่ร้ายลูกสาวข้า คนอย่างนังเพื่อนไม่มีวันทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้น”
เรืองโดนเหวี่ยงล้ม แสงรีบเข้าไปห้าม
“หยุดนะโว้ยไอ้พิศ ไอ้เรืองมันสารภาพทุกอย่างให้ข้าให้เอ็งรู้แล้ว เอ็งยังไปหาว่ามันโกหก เรื่องแบบนี้มันจะโกหกไปแล้วได้อะไร”
“มันจะได้อะไรข้าไม่รู้ แต่ข้าไม่เชื่อ อีแพงนั่นแหละที่ระยำกล้าแย่งคู่หมั้นพี่สาวมัน”
“อีแพงกับไอ้ลอรักกันจริงๆ นะอา ไม่ใช่เพราะอีแพงจะแย่งนังเพื่อน แต่นังเพื่อนทิ้งไอ้ลอ ให้เหมือนตายทั้งเป็น แล้วไอ้ลอมันจะผิดตรงไหนถ้ามันจะรักตอบความดีของอีแพง”
“ไม่เชื่อโว้ย ที่นังเพื่อนมันเล่าให้ข้าฟังไม่ใช่แบบนี้”
“นังเพื่อนเป็นคนยังไงพวกฉันรู้ดีกันหมดแล้ว แต่อีแพงมันเป็นคนห้ามไม่ให้ไอ้ลอบอกอา เพราะห่วงอาจะทรุดลงไปอี แต่ในเมื่อวันนี้ฉันได้พูดความจริงแล้ว ถ้าอายังไม่เชื่อ ก็ลองบอกนังเพื่อนไปสิว่าจะโทรเลขถามความจริงทั้งหมดกับน้าโฉมฉาย แล้วดูว่านังเพื่อนจะว่ายังไง”
“ข้าเห็นด้วยว่ะไอ้พิศ นังโฉมมันรักหลานทั้งคู่ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกเอ็งแน่ๆ”
พิศฟังแสงแล้วครุ่นคิด
พิศมองเพื่อนแล้วค่อยๆ แกะมือลูกสาวออกจากแขนตัวเอง
“พ่อต้องเชื่อฉันนะ อย่าไปฟังที่ไอ้เรืองมันใส่ร้ายฉัน”
“ทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ข้าก็คอยแต่ฟังเอ็งคนแรกตลอดมานั่นแหละนังเพื่อน แต่คราวนี้ ข้า ข้า”
“ทำไมล่ะพ่อ คราวนี้พ่อจะไม่เชื่อฉันแล้วเหรอ ถึงพ่อจะไปถามน้าโฉม เขาก็ต้องตอบ กลับมาเหมือนที่พวกมันใส่ร้ายฉันนั่นแหละ เพราะตอนอยู่พระนคร อีแพงมันไปออเซาะ ออดอ้อนเป่าหูให้น้าโฉมเขาเกลียดฉัน”
“ถ้าอีแพงมันเป่าหูนังโฉมให้เกลียดเอ็ง แล้วทำไมเอ็งถึงยังทำงานอยู่กับนังโฉมแล้วกลับ มาทีหลังล่ะ”
“ก็ ก็ฉันเก่งไง ยังทำงานให้น้าโฉมได้ เขาก็เลยต้องให้ฉันอยู่ช่วยงานต่อ จนฉัน ทนไม่ไหวนั่นแหละฉันถึงต้องกลับมา”
“นังเพื่อน งั้นข้าถามจริงๆ เถอะ ทุกคนเขาจะเกลียดเอ็งเพราะคำพูดของอีแพงได้เหรอวะ ถ้าในเมื่อเอ็งเป็นคนดี ใครก็มาทำลายความดีของเอ็งไม่ได้หรอก”
“พ่อพูดแบบนี้แสดงว่าพ่อกำลังเชื่ออีแพงมากกว่าฉัน ทั้งๆ ที่ฉันเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อ ภูมิใจมาตลอด แต่อีแพงมันมีแต่ทำให้พ่อต้องอับอายขายหน้า พ่อต้องไปเอาเรื่องมันสิ”
“ถึงเอ็งจะถูกแล้วอีแพงผิด แต่คราวนี้ข้าจะไปทำอะไรอีแพงมันได้ มันกำลังท้องกำลังไส้ ถ้าข้าไปตีมันอีก เกิดมันเป็นอะไรขึ้นมา ข้าก็ไม่ใช่คนแล้วนังเพื่อน”
“พ่อ”
"เอาล่ะ ข้าเหนื่อยใจเหลือเกิน เอาไว้ให้ไอ้ลอกลับมาแล้วข้าจะเอาความจริงจากมัน"
"ข้าเชื่อว่าต่อหน้าพระห้อยคอที่มันนับถือ ข้าจะได้ความจริงจากปากไอ้ลอ"
พิศเหนื่อยหน่ายรู้สึกผิดหวังจนท้อใจ ต้องถอยออกไปอยู่เงียบๆ คนเดียว
เพื่อนได้แต่ยืนอึ้งไม่คิดว่าครั้งนี้พ่อจะไม่เข้าข้าง ทำให้เพื่อนเริ่มเข้าตาจน แต่ไม่ยอมแพ้
ป่ากลางคืน มีเพียงแสงไฟจากคบของพวกมาดกับลูกน้อง 2-3 คนที่พากันเดินเข้ามา
“หาไอ้ลอให้เจอนะโว้ย ถ้าคืนนี้ยังหาตัวมันไม่เจอ ข้ามีหวังอดกลับชุมเสือแน่ แล้วพวก เอ็งก็จะซวยด้วย เข้าใจมั้ย”
พวกลูกน้องเซ็งส่ายคบไฟไปมาเดินต่อ ขณะนั้น
ลอเอาโคลนมาทาหน้าทาตัวพรางให้กลมกลืนกับความมืด ลัดเลาะไปตามดงไม้อย่างเงียบเชียบ แล้วค่อยๆ โผล่เข้าไปใกล้ลูกน้องวีระ จากนั้นก็ลงมือจัดการด้วยมือเปล่าทีละคนๆ อย่างเงียบๆ มาดเดินนำอยู่หันขวับกลับมาไม่เจอลูกน้องที่ตามมาเลยสักคนก็ตกใจ
“เฮ้ย พวกมึงหายหัวไปไหนกันหมดวะ”
ลอโผล่มาข้างหลังเงียบๆ จ่อมีดที่คอหอย มาดสะดุ้งเฮือก ลอยิ้มร้าย
ที่ชุมเสือ วีระหันมาโวยวายไม่พอใจไม้กับลูกน้องอีกคน
“เป็นไปได้ไงวะที่จะหามันไม่เจอ พวกเอ็งหาทั่วแล้วแน่นะ”
“แถวนี้มันเขตชุมเสือของพวกเรา ดูทั่วแล้วแน่นอนลูกพี่”
วีระกระชากคอเสื้อลูกน้องมาต่อยหน้าทันที
“ถ้าดูทั่วแล้วทำไมมันถึงได้หายตัวไปเงียบๆ แม้แต่ศพไอ้ก้อนที่พวกมึงบอกว่ามันตายแน่ๆ ก็ยังหาไม่เจอ”
“บางทีไอ้ลออาจจะฝังศพไอ้ก้อนแล้วเริ่มกลัวว่าตัวเองจะไม่รอดเลยหนีไป”
“ไม่ คนอย่างไอ้ลอมันไม่หนีไปไหนหรอก มันต้องคิดทำอะไรสักอย่างแน่”
วีระครุ่นคิด ระหว่างนั้นมาดรีบวิ่งเข้ามามือกุมคอที่ยังมีเลือดไหล
“ลูกพี่ ลูกพี่”
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้มาด เจอไอ้ลอแล้วเหรอ”
“เปล่าจ้ะลูกพี่ พวกฉันยังไม่เจอไอ้ลอ แต่พวกฉันโดนผีป่าเล่นงานฆ่าตายซะเกือบเกลี้ยง ฉันเองก็เกือบไม่รอด โดนมันงับคอจนได้เลือดนี่แหละจ้ะ”
“ผีป่า”
วีระสงสัย กระชากมาดเข้ามาดูแผลที่คอชัดๆ แล้วโกรธถีบมาดกระเด็น
“ไม่มีผีป่าที่ไหนเล่นงานเอ็งหรอก รอยคมมีดชัดๆ ฝีมือไอ้ลอแน่ หึ พอจนตรอกก็คิดจะเปลี่ยนจากถูกล่ามาเป็นตามล่าพวกข้าทีละคนแทน ไอ้ไม้ แสดงว่าไอ้ลอมัน เหลือตัวคนเดียวแล้ว เรียกพวกเรามารวมกันให้หมด ได้เวลาที่จะจัดการกับไอ้ลอกันแล้ว ฮ่าๆๆ”
บริเวณริมลำธาร พรานป่าคนหนึ่งกำลังเอามีดเผาไฟจนแดงฉาน จากนั้นจึงนำมีดเข้าไปใกล้ก้อนที่นอนหมดสติพิงต้นไม้อยู่ใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันที่มีดจะถึงตัว ก้อนก็ลืมตาโพลงแล้วจับมือพรานป่าหมับ
“เอ็งเป็นใคร คิดจะทำอะไรข้า”
“ใจเย็นๆ ไอ้หนุ่ม ข้าเพิ่งช่วยชีวิตเอ็งเอาไว้นะโว้ย”
“ช่วยชีวิตฉัน”
“เออ แผลเอ็งเต็มไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะนั่น ถ้าข้าไม่เอามีดเผาไฟนี่จี้เข้าไปล่ะก็ แผลเอ็งเน่าขึ้นมาได้ตัดแขนทิ้งแน่”
ก้อนมองแผลที่แขนตัวเอง
“ฉันมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วลุงเป็นใครถึงมาช่วยฉัน”
“ข้าเป็นพรานป่า กำลังหาของป่าอยู่ดีๆ ก็เจอเอ็งลอยมาตามน้ำกับแพ สภาพเอ็งน่ะใกล้ จะตายมิตายแหล่”
“ฉันลอยตามน้ำมากับแพเหรอ งั้นก็หมายความว่า ไอ้ลอ ไอ้ลอมันช่วยชีวิตฉัน โธ่เว้ย ลุง พาฉันไปหาตำรวจที ให้เร็วที่สุดด้วย ฉันขอร้องล่ะ ไม่งั้นเพื่อนฉันตายแน่”
ก้อนขอร้องหน้าเครียด
ที่กระท่อมลอ แก้วเอามือแตะผ้าพันแผลบนหัวพลางร้องเจ็บ
“อู้ย เจ็บว่ะอีแพง”
“โดนพี่เพื่อนเอาหินฟาดไปซะขนาดนั้น มันก็ต้องเจ็บสิวะอีแก้ว”
“เจ็บกบาลมันยังไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจสิที่มากกว่า ถ้าเอ็งไม่มาห้าม ป่านนี้นังเพื่อนมันโดนข้าสั่งสอนให้หลาบจำไปแล้ว”
เรืองถือกล้วยมาเป็นเครือ
“อย่าอวดเก่งไปหน่อยเลยอีแก้ว ถ้าอีแพงไปห้ามไม่ทันล่ะก็ เอ็งได้ตายคามือนังเพื่อนมันแน่”
“ถ้ามันกล้าฆ่าข้าให้ตาย มันก็ต้องติดคุก ก็ดีเหมือนกันมันจะได้ไม่อยู่ข่มเหงอีแพงอีก”
“แล้วเอ็งล่ะ ตายเพื่อให้ข้าได้มีความสุขน่ะเหรอ เอ็งก็เหมือนกัน ชีวิตต้องชิบหายโดนนินทาไปทั้งหมู่บ้านเพื่อให้ข้ากับพี่ลอได้มีความสุขน่ะเหรอ พอทีเถอะ พวกเอ็งไม่ต้องทำอะไรเพื่อข้าอีกแล้ว”
แพงหันไปมองเรือง
“อีแพง เพราะพวกข้ารักเอ็งนะโว้ย”
“ใช่ ทั้งๆ ที่ชีวิตเอ็งต้องทนเจอแต่ความเกลียดชัง แต่ก็ยังเป็นห่วงพวกข้าได้ แล้วทำไม พวกข้าจะเสียสละให้เอ็งบ้างไม่ได้”
“อีแก้ว”
แก้วจับมือแพงบีบแน่นน้ำตาคลอ รักและห่วงเพื่อน เรืองเองก็เข้ามาจับบ่าแพงบีบเบาๆ ให้กำลังใจ
“คนดีๆ นอกจากพระจากผีจะคุ้มแล้ว เพื่อนๆ ดีก็ช่วยคุ้มเอ็งด้วยเหมือนกัน”
“ข้า ข้าขอบใจพวกเอ็งมาก”
แพงซาบซึ้งในมิตรภาพจนน้ำตาไหล เรืองกับแก้วสวมกอดแพง แต่แพงรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ท้อง
“อีแพง เอ็งเจ็บท้องเหรอ เจ็บแบบไหน อย่างคราวที่แล้วรึเปล่า”
“ไม่ ไม่รู้ว่ะ คงงั้นมั้ง”
“นั่นไง ข้าเตือนเอ็งแล้ว ข้าวปลาไม่รู้จักกินให้ตามเวลาร่ำเวลา นี่เลยอีแพงกินกล้วย ไปให้หมดเครือ”
แพงยังหน้าเหยเก แก้วพยักหน้ารับตามเรือง
“เอ็งกินไปก่อนอย่างไอ้เรืองว่า ถ้าไม่ดีขึ้น ค่อยไปตามป้าแม้น”
พิศนั่งกระดกไหเหล้าดื่มอักๆ เพื่อนเรียกหาพ่อ
“พ่อ พ่อจ๊ะ พ่อ”
เพื่อนเข้ามาเห็นพ่อกำลังนั่งกระดกไหเหล้าอยู่ก็ตกใจเพราะไม่ใช่แค่ไหเดียว แต่ที่พื้นมีอีกหลายไหเกลื่อน
“พ่อ นี่พ่อไปเอาเหล้าเยอะแยะพวกนี้มาจากไหน”
“เอ็งจะไปไหนก็ไปเลย ไม่ต้องยุ่งกับข้า”
“ไม่ได้นะพ่อ พ่อเพิ่งจะหายดี แล้วมานั่งกินเหล้าแบบนี้อีก เดี๋ยวก็แย่อีกหรอก”
“เอ็งหูหนวกเหรอไงวะ อย่ามายุ่งกับข้า”
พิศกอดไหเหล้าแล้วลุกเดินหนีจะไปหาที่กินต่อเงียบๆ เพื่อนเลยเข้าไปยื้อแย่งไหเหล้าจากมือ
“ฉันไม่ให้พ่อกินอีกแล้ว เอามานี่”
“เอาเหล้าของข้าคืนมา บอกให้คืนมาโว้ย”
ด้วยความเมาจนขาดสติ พิศเผลอผลักเพื่อนอย่างแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะพ่อ”
พิศชะงัก มองเหมือนสำนึกว่าเพิ่งทำลูกสาวสุดที่รักเจ็บอย่างไม่ตั้งใจ แต่สติก็คุมไม่อยู่กระดกเข้าปากอึกๆ
“อย่าเสือกมาห้ามกูกินเหล้าอีก จำเอาไว้เลย พวกมึงทุกตัว กูอุตส่าห์เหนื่อยสายตัว แทบขาดเลี้ยงพวกมึงมา แต่พวกมึงก็ไม่เคยทำให้กูภูมิใจเลยสักคน มีแต่ทำให้กูต้อง เสียใจ ไปเลย จะไปไหนก็ไป อย่ามาเสือกห้ามกูอีก”
พิศกอดไหเหล้าเดินเซไปเซมา เพื่อนน้ำตาคลอ เจ็บปวดที่พ่อเริ่มไม่ไยดี
“พ่อ พ่อจ๋า ฮือๆๆ เพราะมึงคนเดียว อีแพง”
ตอนเช้า หลวงพ่อเดินรับบาตรมาตามถนน ให้ศีลให้พรกับชาวบ้านเสร็จก็เหลือบหันไปมองพวกชาวบ้านที่จับกลุ่มคุยกัน หลวงพ่อดูไม่ค่อยสบายใจ ระหว่างนั้นแก้วกับแพงเอาอาหารคาวหวานมารอใส่บาตรให้หลวงพ่อ
“หลวงพ่อเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ”
แก้วนิมนต์หลวงพ่อ ทำให้พวกชาวบ้านทุกคนหันไปมอง พอเห็นว่าแพงมาด้วยก็เริ่มจับกลุ่ม คุยกันและมองแพงสนใจ แต่แพงกับแก้วไม่ทันสังเกต
“รีบแทบแย่ นึกว่าจะมาไม่ทันตักบาตรเช้า กลัวหลวงพ่อจะกลับวัดไปซะก่อน”
หลวงพ่อมองแพงค่อนข้างกังวล
“อีแพง ข้าว่าเอ็งตามข้าไปตักบาตรที่วัดดีกว่า”
“หลวงพ่อต้องรีบกลับวัดเหรอเจ้าคะ”
หลวงพ่อเหลือบมองพวกชาวบ้านแล้วยิ่งห่วงแพง จนแพงกับแก้วต้องมองตามสายตาหลวงพ่อ พอพวกชาวบ้านเห็นแพงก็พากันหันหน้าหลบ แต่ก็ยังไม่สลายวง จับกลุ่มพูดคุยกัน
“อีพวกนั้นมันเป็นอะไร จับกลุ่มคุยอย่างกับนกกระจอกแตกรัง” แก้วแปลกใจ
“ตามข้ากลับไปที่วัดเถอะ ข้ามีเรื่องต้องถามเอ็ง”
แพงชักสงสัยเพราะสายตาพวกนั้นคุยไปก็เหลือบมองมาที่ตัวเองตลอด
“พวกชาวบ้านกำลังจับกลุ่มคุยเรื่องอีแพงอยู่ใช่มั้ยเจ้าคะหลวงพ่อ”
“อีแพง ตามข้ากลับวัด”
“หลวงพ่อไม่ต้องหนักใจหรอกเจ้าค่ะ คนอย่างอีแพงไม่ชอบให้ใครนินทาลับหลัง อีแพง จะไปถามเอง”
แพงลุกขึ้นจะเดินไป แต่หลวงพ่อขยับขวาง
“ข้าว่าอย่าไปต่อปากต่อคำกับชาวบ้านเขาเลย เพราะเรื่องที่เขากำลังพูดถึงเอ็งมันมา จากปากนังเพื่อน”
“พี่เพื่อนเอาอีแพงไปโพนทะนาว่าอะไรเหรอเจ้าคะ”
“มันว่า เอ็งคิดจะแย่งไอ้ลอไปจากมันเลยไปให้ท่ายั่วจนเอ็งท้องกับไอ้ลอ”
แพงตกใจ หน้าเสีย แก้วเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ยิ่งเมื่อหันไปมองพวกชาวบ้านพากันจับกลุ่มมอง ซุบซิบนินทาก็ยิ่งตกใจ แพงถึงกับมือสั่น หน้าเสียถอยเดินออกไปทันที
“อีแพง”
แก้วรีบตามแพงไปทันที หลวงพ่อได้มองตามอย่างเป็นห่วง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของทางโลก
แพงเดินน้ำตาคลอเสียใจมาตามทาง ระหว่างนั้นก็เจอพวกชาวบ้านสองข้างทางที่กำลังวางแผงขายของ ทุกคนต่างรู้เรื่องแพง พอเห็นแพงเข้ามาก็เริ่มมีคนแสดงความไม่พอใจ ปาผักที่แผงใส่แพงทันที
“อีหน้าด้าน”
แพงชะงักอึ้งหน้าเสีย ชาวบ้านอีกคนกำลังขายไข่ก็คว้าไข่ไก่มาปาใส่อีกคน
“มึงร่านถึงขนาดกล้าแย่งคู่หมั้นพี่เลยเหรออีแพง มิน่า พ่อมึงถึงต้องเร่หาผัวให้มึง”
“ผู้หญิงอย่างมึงเสนียดพวกกู ไปให้พ้นเลย ไป”
ชาวบ้านหลายคนเริ่มผสมโรงปาผักปาผลไม้ใส่แพงอย่างรังเกียจ แก้วรีบเข้ามาขวาง
"หยุดเดี๋ยวนี้ บอกให้หยุด อีแพงไม่ได้ไปยั่วพี่ลอ อีเพื่อนต่างหากที่เลวเห็นแก่ตัว ทิ้งพี่ ลอไปหาผู้ชายคนอื่น"
"อีแพงไม่ได้ผิด"
เพื่อน แพง ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
ไม่มีชาวบ้านคนไหนฟัง ทุกคนต่างอารมณ์ขึ้น
รุมด่ารุมไล่จนแพงทนอยู่ไม่ได้รีบวิ่งออกไป แก้วรีบตามไปที่หน้ากระท่อมลอ
“อีแพง เอ็งอย่าไปฟังพวกปากหอยปากปูนะเว้ย อีพวกนี้มันก็เก่งแต่ปาก ไว้เดี๋ยวข้าจะ ไปไล่จัดการมันทีละคนให้ จะเอาให้เลือดกบปากหยอดน้ำข้าวต้มไม่ได้เลย”
“เอ็งจะไปเอาเรื่องกับคนทั้งหมู่บ้านให้ข้าเหรออีแก้ว ข้ารู้ เอ็งเป็นห่วงข้า แต่เอ็งจะพาล เดือดร้อนเพราะข้าไปด้วย”
“ช่างหัวมันสิวะ ก็เอ็งไม่ได้แย่งพี่ลอมาจากนังเพื่อนจริงๆ นี่หว่า”
“ถึงจะพูดความจริงไปตอนนี้ แต่คนอย่างอีแพงก็ไม่มีใครเห็นใจหรอก เพราะชาวบ้าน เขาเชื่อแต่คำพูดของพี่เพื่อนคนเดียว”
“อีแพง”
เรืองเสียงดังเข้ามา
“อีแก้ว อีแพง แย่แล้วโว้ย เมื่อกี้นี้ข้าผ่านหมู่บ้าน พวกชาวบ้านมันโพนทะนาด่าอีแพงว่า”
“หุบปากเลยไอ้เรือง ไม่ต้องพูด อีแพงมันโดนพวกชาวบ้านด่ามากับตัวแล้ว”
“อ้าว”
“ไม่ต้องมาอ้าว ฝีมือนังเพื่อนตัวดี พอรู้ว่าหมดทางจะแย่งพี่ลอคืน มันเลยต้องทำลายอีแพงให้อยู่ในหมู่บ้านไม่ได้ สันดานมันเลวเกินจะเรียกว่าคนแล้ว”
“แล้วพวกชาวบ้านก็ฟังแต่นังเพื่อนซะด้วย เพราะใครๆ ก็ชื่นชมนังเพื่อน แม้แต่พ่อแม่เอ็ง ก็ด้วยนะอีแก้ว เมื่อตะกี้ข้าเจอเขา เขาสั่งให้ข้ามาบอกเอ็งด้วยว่าให้เลิกมายุ่งกับอีแพงได้แล้ว เขากลัวว่าเอ็งจะเป็นเสนียดไปด้วย”
แก้วตบปากเรืองทันที
“นี่แน่ะไอ้เรือง เอ็งไม่ต้องพูดทุกเรื่องที่เอ็งรู้มาก็ได้”
“อู้ย ข้า ข้าขอโทษ ข้าลืมไปว่ะ อีแพง ข้าขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษข้าหรอกไอ้เรือง พ่อแม่เอ็งพูดถูกแล้วอีแก้ว เอ็งมายุ่งกับข้าจะพาลถูก เกลียดขี้หน้าไปด้วย ให้ข้าอยู่คนเดียวเถอะ”
“อีแพง อย่าพูดหมาๆ แบบนี้”
“ข้าพูดจริง กลับไปหาพ่อแม่เอ็ง ข้าไม่อยากเจอหน้าใครอีกแล้ว ข้าอยากอยู่คนเดียว”
แพงน้ำตาคลอเสียใจแล้วเดินเข้าไปในกระท่อมตามลำพัง ปิดประตูไม่ยอมออกมาอีก
“อีแพง อีแพง เอ็งอย่าทำอย่างนี้ พวกข้าห่วงเอ็งนะ”
แพงทรุดนั่งลงในห้อง ร้องไห้สะอึกสะอื้น คว้าผ้าขาวม้าของลอมากอดแน่น
“พี่ลอจ๋า ฮือๆๆ พี่ลอ พี่ลออยู่ไหน พี่ลอจ๋า กลับมาหาฉันเถอะจ้ะพี่ลอ ฉันคิดถึงพี่เหลือเกิน พี่ลอจ๋า”
แพงร้องไห้สะอื้นอย่างน่าเวทนา
ลอแอบซุ่มอยู่ในพงไม้รอจังหวะ จนกระทั่งมาดพร้อมพรรคพวก 2-3 คนเข้ามาค้นหา
“หามันให้เจอ ลูกพี่รู้ทันแผนไอ้ลอแล้ว ตอนนี้มันเหลือตัวคนเดียว ยังไงก็หนีไม่รอดแน่”
มาดสั่งพรรคพวกให้ช่วยกันแยกค้นหาตามพื้นที่รอบๆ ลอจ้องเขม็งกัดฟัน เอาตะกรุดที่ได้มาจากก้อนขึ้นมากำแน่นแล้วพนมมือ
“ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าป่าเจ้าเขา ถ้าความเลวครองแผ่นดิน คนดีจะมีที่อยู่ได้อย่างไร ขออำนาจแห่งคุณความดีช่วยไอ้ลอจัดการกับความเลวด้วยเถิด”
ลอขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็จัดการเอาตะกรุดมาพันรอบต้นแขน ดุดันพร้อมสู้ ลูกน้องวีระคนหนึ่งเข้ามาใกล้ ลอค่อยๆ ย่องออกมาแล้วใช้เชิงมวยมือเปล่าเล่นงาน อีกคนเข้ามาเห็นก็พุ่งเข้ามาจะแทง แต่ลอโชว์ชั้นเชิงเหนือกว่าหลบได้และแย่งดาบมาสู้ มาดได้ยินเสียงเลยวิ่งกลับเข้ามาเห็นลอกำลังต่อสู้กับพรรคพวกตัวเองก็เข้ามาช่วยเป็น 3 รุม 1
ลอรับมืออย่างดุเดือด จนตายไป 1 คน เหลือมาดกับอีกคน ลอหลบคมดาบมาดแล้วจับมือมาดใช้ ดาบแทงอีกคนจนล้ม จากนั้นก็ปลดดาบจากมือมาดได้แล้วประโคมหมัดเข่าใส่มาดไม่ยั้ง จนมาดโงนเงนรีบยกมือขอร้อง
“พอ พอได้แล้วไอ้ลอ ข้า ข้ายอมแพ้เอ็งแล้ว ถ้าเอ็งไว้ชีวิตข้า ข้าจะบอกทางหนีออกจากที่นี่ให้ เอ็งจะได้กลับไปบ้านสร้างอย่างปลอดภัย”
“พอจวนตัวกลัวตาย สันดานเอ็งก็กล้าหักหลังลูกพี่เอ็ง”
“ลูกพี่ข้าไม่รู้หรอก ถ้าเอ็งไว้ชีวิตข้า ข้าจะบอกว่าเอ็งหนีไปแล้ว ไม่งั้นเอ็งก็ต้องตายอยู่ ที่นี่เพราะพี่วีเขาปิดล้อมที่นี่เอาไว้แล้ว”
“ข้าไม่ได้มาเพื่อพาไอ้เปลี่ยวกลับอย่างเดียว แต่มาลากคอไอ้วีกับพวกเอ็งเข้าตะรางด้วย”
ลอกระชากมาดขึ้นมาจะชกให้สลบ แต่จังหวะนั้นเสียงปืนดัง ลอหันไปเห็นวีระกับไม้และ พวกที่เหลือพากันเข้ามาแล้วยิงใส่ ลอเลยต้องเอามาดมาเป็นโล่กันกระสุน
“อย่า ลูกพี่ เดี๋ยวโดนฉัน”
มาดร้องห้ามเพราะกลัวโดนลูกหลง แต่วีระไม่สนใจ ยิงใส่ทันที มาดโดนกระสุนกระหน่ำเข้าทั่วตัวจนตายคาที่ ลอผลักมาดไปแล้วรีบวิ่งหนีออกไปทันที
“พยายามหนีเข้าไปไอ้ลอ หนียังไงมึงก็ต้องจนตรอกอยู่ดี”
ไม้พร้อมลูกน้องวิ่งไล่ตามลอเข้ามาอีกบริเวณหนึ่งจนทัน ลอเลยต้องเปิดฉากปะทะหลังชนฝา ไม้เห็นท่าไม่ดีเพราะลูกน้องโดนไปเยอะ เลยควงดาบเข้าไปช่วยลูกน้องต่อสู้ ลอหลบคมดาบแล้วตอบโต้กลับ ปลดดาบจากมือไม้แล้วแลกหมัดเข้าศอกกันหนักหน่วง จนลอเกือบจะจัดการกับไม้ได้สำเร็จ แต่วีระก็เข้ามา แล้วยิง ลอโดนกระสุนเข้าที่ต้นแขนทรุดลงไปทันที ไม้ยิ้มชอบใจตามเข้าไปจับหัวลอมากระแทกกับเข่าจนหงาย ลอหมดสภาพ ถูกคุมตัว
“กูปล่อยให้มึงคะนองมามากเกินไปแล้วไอ้ลอ ถึงเวลาที่มึงต้องเจ็บปวดทรมานจนอยาก ร้องขอให้กูฆ่ามึงแล้ว”
ลอกัดฟันจ้องเขม็ง วีระหัวเราะชอบใจแล้วเอาด้ามปืนฟาดหน้า ลอคอพับหมดสติ
ที่ชุมโจร ลอได้สติเพราะถูกน้ำจากกระบอกไม้ไผ่สาดเข้าหน้า เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าถูกจับมัดอยู่หน้าคอกควายที่ขังไอ้เปลี่ยวเอาไว้ในชุมโจร
“ไอ้เปลี่ยว”
“ดีใจด้วยนะไอ้ลอ ในที่สุดก็ได้เจอเพื่อนรักเอ็งจนได้ แต่ข้าคงไม่ให้เอ็งพร่ำร่ำลาอะไร กับมันหรอก เพราะข้าไม่ชอบดูลิเกบทโศก มันน้ำเน่าว่ะ”
วีระพยักหน้าให้ไม้เอาปืนที่ใส่กระสุนไปแค่ลูกเดียว แล้วเข้าไปให้พรรคพวกช่วยจับลอลุกขึ้น ยัดปืนใส่มือ
“ข้าช่วยเลี้ยงไอ้เปลี่ยวไว้ให้เพราะรอวันที่จะได้เห็นเอ็งเป็นคนฆ่าเพื่อนรักด้วยมือตัวเอง”
“ไอ้วี มึงบังคับกูไม่ได้”
“กระสุนนัดเดียว ถ้าเล็งดีๆ ยิงให้ตัดขั้วหัวใจ ไอ้เปลี่ยวก็คงไปไม่ทรมานมาก แต่ถ้าเอ็งไม่ ลงมือเอง ข้าก็จะให้พวกข้าช่วยกันแทงไอ้เปลี่ยวกันคนแผล แทงจนกว่าเลือดมันไหลออกมาหมดตัว เอ็งอยากเห็นเพื่อนรักที่โตมากับเอ็งตายอย่างไหนล่ะไอ้ลอ”
“ไอ้สารเลว มึงอยากแก้แค้นมึงก็มาสู้กับกู มาเลย มาสู้กันสิวะ”
“เสียเวลาว่ะไอ้ลอ ยังไงไอ้เปลี่ยวก็ต้องตาย มึงก็ต้องตาย สู้กูเก็บแรงเอาไว้บุกไปบ้าน สร้างอีกครั้ง แล้วจับผู้หญิงทุกคนที่มึงรักมาทำเมียดีกว่า สบายตัวกว่าเยอะ ฮ่าๆๆ”
วีระพยักหน้าให้ไม้กับพรรคพวกช่วยกันจับมือลอให้ยกปืนขึ้นเล็งไปที่ไอ้เปลี่ยว ลอพยายามฝืนเกร็งมือไม่ยอมทำตาม แต่ไม้บีบมือให้ลอเหนี่ยวไกแล้วเล็งไปที่ไอ้เปลี่ยว
“ไม่ ไม่ ข้าไม่ ไม่มีทางฆ่าเอ็ง ไอ้เปลี่ยว
รอหลับตาปี๋ เสียงปืนดังลั่น ลอลืมตาขึ้นมานึกว่าตัวเองถูกบังคับให้ยิงไอ้เปลี่ยวไปแล้ว แต่กลายเป็นว่าคนที่ถูกยิงคือไม้ ที่ถูกยิงเข้าแสกหน้าจนเลือดไหลเต็มหน้าแล้วล้มลงไปตายคาที่
ลอหันขวับไปเห็นก้อนกับตำรวจยกพวกกันบุกเข้ามา และตำรวจเป็นคนยิงไม้เอง
“ไอ้ลอ พวกข้ามาช่วยแล้วโว้ย”
ลออึ้งไปพอๆ กับวีระ วีระกับพวกรีบยิงสวนกลับไปทันที เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ตำรวจพากันรุกไล่เล่นงานพวกโจรในชุมเสือ วีระเห็นท่าไม่ดีผลักลูกน้องให้รับกระสุนแทนแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว ก้อนรีบเข้ามาช่วยประคองลอ
“ข้าเกือบมาช่วยเอ็งไม่ทันแล้วไอ้ลอ”
“ข้านึกอยู่แล้วว่าดวงเอ็งต้องแข็ง”
“ก็เออสิวะ คนอย่างข้านรกไม่อยากได้ตัวข้า เลยได้กลับมาช่วยเอ็งไง”
“ข้าฝากไอ้เปลี่ยวด้วย ข้าปล่อยให้ไอ้วีมันหนีไปไม่ได้อีกแล้ว”
ลอบอกก้อนแล้วรีบตามวีระไปทันที
วีระวิ่งหนีเอาตัวรอดแต่ต้องชะงักเมื่อเจอลอโผล่มาขวางทางตรงหน้า
“หยุดหนีเถอะไอ้วี ไม่ว่าหน้าไหนก็หนีกรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้ไม่ได้หรอก”
“ไอ้ลอ”
วีระเจ็บใจยกปืนขึ้นยิงใส่ ลอฉากหลบหลังต้นไม้ แล้ววิ่งหลบกระสุนไปเรื่อยๆ จนวีระยิงหมดลูกโม่ ลอจึงได้โอกาสพุ่งเข้ามาใช้มือเปล่าเล่นงาน ประเคนหมัดเข่าศอกใส่วีระไม่ยั้งและต่อเนื่องจนโงนเงน วีระล้มเซถลาเลือดกบปาก ชักมีดพกขึ้นมา จะจ้วงแทง แต่ก็ถูกลอจับมือมาบิดไพล่หลังร้องโอดโอย มีดพกตกพื้น
“ข้า ข้ายอมแล้ว ยอมแล้วไอ้ลอ”
ปากบอกว่ายอมแต่มืออีกข้างแอบเอื้อมไปข้างหลังลอแล้วแย่งเอาปืนที่ลอเหน็บเอาไว้ข้างหลังมาได้
“ฮ่าๆ ความแค้นของมึงกับกู ถ้าไม่ตายกันไปข้าง ชาตินี้ก็ไม่จบ”
“ไอ้วี มึง”
“คนอย่างกูมันยิ่งกว่าแมวเก้าชีวิต แต่มึง มีแค่ชีวิตเดียวและอยู่ในมือกูแล้ว ไอ้ลอ”
วีระยิ้มชอบใจแล้วลั่นไก แต่ปืนยิงไม่ออก วีระชะงักแปลกใจ ยิงรัวๆ ก็ยิงไม่ออก
“ปืนที่มึงให้กูยิงไอ้เปลี่ยวมีกระสุนอยู่นัดเดียว”
ลอแบมือออกมาให้ดูกระสุนนัดเดียวที่เอาออกก่อนหน้าจะตามวีระมาที่นี่
“มึงจงเกลียดจงชังจ้องทำลายชีวิตกู เป็นคนอื่นเขาคงอยากตาต่อตาฟันต่อฟันกับมึง แต่กู ไอ้ลอลูกเสือเทิด กูสาบานกับพระของพ่อว่ากูจะยึดมั่นความดี เรื่องไหนทำผิดศีลผิดธรรมกูจะไม่ทำ และคำไหนที่กูพูดออกมาแล้ว มันจะต้องผูกมัดชีวิตกูไปจนกว่าจะหาไม่”
ลอกำกระสุนแน่นแล้วพุ่งเข้าไปชกเข้าหน้าวีระหนักๆ จนล้มลงไป วีระกรามแตกร้อง โอดโอยอย่างเจ็บปวดทรมาน
“แม้กูจะเคียดแค้นมึงหนักหนาแค่ไหน แต่เพราะกูยึดมั่นคำสาบาน กูจึงไม่ใช่ตุลาการ ตัดสินชีวิตมึง”
ลอหันหลังเดินออกไป วีระคว้ามีดพกที่พื้นขึ้นมาหมายจะพุ่งเข้าไปแทงลอ แต่ถูกตำรวจยิงจนพรุนและล้มลงตายคาที่ ลอหันกลับไปมองศพวีระด้วยความสมเพช
“ชั่วดีอยู่ในมือมึง มึงนั่นแหละที่จะเลือกอยู่หรือเลือกตาย”
ลอเดินจากไป ทิ้งศพวีระไว้เบื้องหลัง
แพงเอาตะกร้ามาตักน้ำจากบึงขึ้นมาแล้วจะหาบน้ำกลับไปใช้
ท่ามกลางสายตาของหญิงสาวชาวบ้านที่กำลังเอาผ้ามาซักที่ท่าน้ำ ทุกคนต่างมองแพงแล้วซุบซิบสายตาเหยียดหยาม
แพงก้มหน้าก้มตาพยายามไม่ตอบโต้ เอาตะกร้าใส่น้ำคานกับหาบแล้วจะเดินออกไป แต่เจอหญิงชาว บ้านที่หมั่นไส้ทำทีเป็นเดินเฉียดแล้วเบียดจนแพงล้ม
“ผู้หญิงร่านอย่างเอ็ง อย่าอยู่ให้เป็นตัวเสนียดของบ้านสร้างเลยอีแพง”
ชาวบ้านอีกคนถุยน้ำลายลงพื้นต่อหน้า แพงก้มหน้านิ่งมือกำแน่นเจ็บใจแล้วลุกพรวดขึ้นมาจ้องเขม็ง
“เอ็งคิดจะสู้เหรอ อย่าคิดว่าท้องไส้แล้วพวกข้าจะสงสาร มีแต่สมน้ำหน้าเอ็งต่างหาก”
แพงเจ็บใจเอาน้ำในตะกร้าที่เหลืออยู่ก้นตะกร้ามาสาดโครมใส่หน้าทันที
“อ๊าย อีแพง เจ้าข้าเอ๊ย พวกเรา มาดูอีแพงหน้าด้านเร็ว มันยั่วผัวพี่ไปเป็นผัวตัว แล้วยังมีหน้ามาอาละวาดใส่คนอื่นอีก”
พวกชาวบ้านหญิงเดินเข้ามามุงพร้อมด่า แพงเลยชี้หน้าด่ากราดเอาคืน
“เข้ามาเลย อีหน้าไหนที่อยากด่ากู มึงเข้ามาเลย อีแพงไม่ใช่ผู้หญิงหน้าด้าน ยั่วผัวพี่ มาเป็นผัวตัว แต่อีเพื่อนนั่นแหละ ที่ทิ้งพี่ลอไปหาผู้ชายคนอื่น แล้วพอมันโดนเขาทิ้งบ้าง มันก็มาตีหน้าซื่อจะให้พี่ลอกินน้ำใต้ศอกคนอื่น”
“อีแพง”
แพงชะงักหันไปเห็นเพื่อน เพื่อนตีหน้าเศร้าโศก น้ำตาคลอเบ้า เล่นบทสาวอาภัพ
“จนถึงขนาดนี้แล้วเอ็งยังกล้าใส่ร้ายข้าอีกเหรออีแพง เอ็งทำลายความรักของข้ากับพี่ลอ ไปจนสิ้น แค่นั้นยังไม่สาแก่ใจเอ็งอีก นี่น่ะเหรอน้องสาวที่คลานตามกันมา น้องสาวที่ข้าเคยอุ้มชูเลี้ยงดู ต้องให้ข้าหนีไปจากบ้านสร้างใช่มั้ย เอ็งถึงจะพอใจ ฮือๆ”
เพื่อนยืนร้องไห้สะอื้นเล่นบทโศก เพียงแค่นี้พวกชาวบ้านก็เดือดแทน
“นังเพื่อน เอ็งไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น คนที่ต้องไปให้พ้นจากบ้านสร้างคืออีแพง ใช่มั้ย”
พวกชาวบ้านขยับเข้ามารุมล้อมแล้วชี้หน้าด่าและไล่ตะเพิดแพง แพงอยู่กลางวงล้อมชาวบ้านที่เกลียดชัง เพื่อนสาแก่ใจ ทันใดนั้นแก้วรีบถลาเข้ามา
“หลบไป อย่ายุ่งกับอีแพง บอกว่าอย่ายุ่งกับมัน ไปให้พ้น ไป”
แก้วฝ่าเข้าไปทั้งผลักทั้งดันพวกชาวบ้านจนถึงตัวแล้วรีบประคองแพงขึ้นมา
“ไปเถอะอีแพง ไปกับข้าเร็ว”
แก้วช่วยประคองแพงฝ่าพวกชาวบ้านออกไปอย่างทุลักทุเล ชาวบ้านยังด่าไล่หลังไม่หยุด
“พามันไปให้พ้นจากบ้านสร้างเลย ไปเลย อีแพงหน้าด้านแย่งผัวพี่”
พวกชาวบ้านสะใจ เพื่อนแอบยิ้มชอบใจที่จะได้เห็นแพงอยู่บ้านสร้างไม่ได้อีก
แก้วประคองแพงพามานั่งที่แคร่หน้ากระท่อมลอ
“เอ็งเป็นยังไงบ้างอีแพง เจ็บตรงไหนรึเปล่า ลูกเอ็งในท้องล่ะ ยังดีอยู่มั้ย”
“ข้าไม่เป็นไรหรอกอีแก้ว เอ็งนั่นแหละ บอกแล้วใช่มั้ยไม่ต้องมาหาข้าอีก”
“จะให้ข้าไม่ดูดำดูดีเอ็งได้ยังไง แค่จะไปหาบน้ำเอ็งยังโดนพวกมันรุมด่าไล่ตะเพิด แล้ว ไหนจะพี่สาวเอ็งอีก โอ๊ย ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้ว มันเล่นลิเกตอแหลหน้าตาเฉย”
“อีแก้ว หน้าเอ็งมีรอยอะไร ไปโดนอะไรมา”
แก้วชะงักรีบเอียงหน้าหลบ
“อีแก้ว บอกข้ามา ใครทำอะไรเอ็ง”
“ฝ่ามือแม่ข้า เขาไม่อยากให้มายุ่งกับเอ็ง แต่ข้าเถียงใจขาดดิ้น แฉนังเพื่อนหมดเปลือก แต่แม่ข้าก็เหมือนพวกชาวบ้านนั่นแหละ หูเบาเอาแต่สะใจด่าเอ็งเสียๆ หายๆ ข้าก็เลย”
“เถียงไม่หยุดเลยโดนตบเข้าให้ โธ่ อีแก้ว เอ็งไม่ต้องออกรับแทนข้าอีกแล้ว กลับบ้านไปเลย ไปขอโทษแม่เอ็งแล้วปล่อยให้เขาด่าข้าไป ไปสิอีแก้ว”
“ข้าไม่ขอโทษใครทั้งนั้น ถึงจะเป็นแม่ข้าก็เถอะ ถ้าอยู่แล้วต้องเจอแต่คนหูเบา ก็ไม่ต้อง อยู่มันแล้วบ้านสร้างเนี่ย อีแพง เราไปจากบ้านสร้างกันเถอะ ข้าจะดูแลเอ็งเอง ไว้พี่ลอกับพี่ก้อนกลับมาเมื่อไหร่ ไอ้เรืองจะพาเขาไปหาเราเอง”
“อีแก้ว”
“นังเพื่อนอาจจะสะใจที่ทำให้เอ็งอยู่บ้านสร้างไม่ได้อีก แต่มันอยู่ไปก็ไม่มีความสุขหรอก เพราะพี่ลอจะไม่เอามันอีกแล้ว แล้วยิ่งถ้ามันรู้ว่าเอ็งกับพี่ลออยู่กันอย่างมีความสุข มัน นั่นแหละที่จะอกแตกตายเอง”
แพงนิ่งไป
“ไปเถอะอีแพง เชื่อข้าเถอะนะ”
แพงยังไม่ทันจะให้คำตอบ เรืองก็รีบเข้ามา
“อีแพง อีแพง”
“เอาอีกแล้วไอ้เรือง เอ็งแหกปากโวยมาแบบนี้ ต้องเอาเรื่องอีแพงเป็นขี้ปากชาวบ้านมาฟ้องอีกแน่ ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นโว้ย”
“ไม่ใช่โว้ยอีแก้ว ข้าเพิ่งกลับจากบ้านอาผู้ใหญ่ มีข่าวไอ้ลอมาแล้วโว้ย”
“จริงเหรอไอ้เรือง”
ลอเร่งฝีเท้ามาตามทางผ่านทุ่งหญ้าโล่งๆ หันมาดึงไอ้เปลี่ยวให้เร่งฝีเท้า
“เร็วเข้าสิวะไอ้เปลี่ยว ข้าอยากกลับไปหาอีแพงแล้ว”
ก้อนเดินเหนื่อยเข้ามา
“โอ๊ย ไอ้ลอ สามวันสามคืนแล้วนะโว้ย ข้ากับไอ้เปลี่ยวเอาแต่เดินๆ เร่งให้ถึงบ้านสร้าง แต่ทั้งคนทั้งควายมันก็ต้องพักบ้างสิวะ”
ก้อนทรุดนั่งลงที่โคนต้นไม้ เอากระบอกไม้ไผ่ขึ้นมายกซดน้ำอย่างกระหาย
“ถ้าเอ็งเหนื่อยไปต่อไม่ไหวก็พักไปเลยไอ้ก้อน พักให้สบาย แต่ข้าจะไม่หยุดพักอีก เพราะอีแพงกำลังรอข้าอยู่ ข้าต้องรีบกลับไปหามัน”
“เฮ้ย ข้าก็อยากกลับไปหาแม่แก้วใจจะขาด แต่อีกไกลนะโว้ยกว่าจะถึงบ้านสร้าง ถ้าไม่พักบ้าง ไม่คนก็ควายนี่แหละที่ต้องล้มไปข้างหนึ่ง”
ลอลูบหัวไอ้เปลี่ยว
“ไอ้เปลี่ยว ข้าดั้นด้นเสี่ยงชีวิตมาก็เพื่อเอ็ง อีแพงก็อยากให้ข้าพาเอ็งกลับไป แล้วเอ็งจะมาเหนื่อยหมดแรงเอาแค่อีกไม่กี่อึดใจก็ถึงบ้านสร้างแล้วเหรอวะ”
ลอกับไอ้เปลี่ยวมองหน้ากัน ไอ้เปลี่ยวกระพริบตาสื่อสารรู้กับลอที่เลี้ยงมา ลอยิ้มดีใจ
“ดีมากไอ้เพื่อนยาก น้ำทิพย์อะไรก็มาชะโลมใจให้เอ็งกับข้าหายเหนื่อยไม่ได้ นอกจากหน้าของอีแพง สู้โว้ย”
ลอกระโดดขึ้นไปบนหลังไอ้เปลี่ยวแล้วสั่งเสียงดัง ไสไอ้เปลี่ยวพาวิ่งออกไปด้วยกันทันที ก้อนลุกพรวด
“อ้าว นี่เอ็งจะทิ้งข้าไว้จริงๆ เหรอวะ ไอ้ลอ ปั๊ดโธ่โว้ย ความรักทำให้ถึกยิ่งกว่าควายมันเป็นอย่างนี้เอง เอาวะ เป็นไงเป็นกัน รอข้าด้วยโว้ย”
ก้อนรีบวิ่งไล่ตามไปทันที
แพงน้ำหูน้ำตาไหลด้วยความดีใจ เมื่อรู้ข่าวลอ
“อีแก้ว เอ็งได้ยินแล้วใช่มั้ย ฮือๆๆ พี่ลอยังปลอดภัย เขากำลังจะกลับมาหาข้าแล้ว”
แก้วพลอยน้ำตารื้นดีใจไปด้วย
“ไอ้เรืองถ้าเอ็งล้อเล่นล่ะก็”
“เรื่องอย่างนี้ข้าจะล้อเล่นได้ไง ทางราชการเขาจดหมายมาถึงอาผู้ใหญ่จริงๆ ไอ้วีระกับ พวกถูกไอ้ลอจัดการหมดแล้ว ตอนนี้มันกับไอ้ก้อนกำลังพาไอ้เปลี่ยวกลับมาบ้านสร้าง”
“เต็มสองหูข้าแล้วล่ะอีแพง ข้า ข้าดีใจเหลือเกิน”
สองสาวต่างดีอกดีใจโผเข้าสวมกอดกัน เรืองเห็นแล้วก็พลอยยิ้มน้ำตารื้นไปด้วย
“ข้าดีใจกับพวกเอ็งด้วยจริงๆ ถ้าไอ้ลอกลับมาถึงเมื่อไหร่ ทุกคำพูดจากปากไอ้ลอจะทำ ให้นังเพื่อนต้องหน้าม้าน กลายเป็นจำเลยให้ทุกคนตราหน้าแทนอีแพง”
“ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะไอ้เรือง”
แก้วยิ้มแล้วเชยหน้าแพงขึ้นมาด้วยความดีใจ
“ความรักของอีแพงกับพี่ลอยิ่งใหญ่นัก มีแต่ความเสียสละให้กันและกัน เรื่องดีๆ ควรเป็นเยี่ยง อย่างแบบนี้ ทุกคนต้องยกย่อง”
“ขอบใจนะอีแก้ว ข้า ข้าไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจของพวกเอ็งยังไง”
“ตอนนี้เอ็งไม่ต้องทำอะไรหรอกอีแพง เอ็งแค่นับเวลารอเจอหน้าพี่ลอของเอ็งก็พอ”
“พี่ลอกลับมาแล้วคงต้องคิดถึงข้าวเหนียวเปียกฝีมือข้า คิดถึงยาสูบที่ข้าเคยมวนให้เขา ข้าคงยุ่งจนไม่มีเวลาต้องคิดเรื่องอื่น”
“ดีแล้วอีแพง ไปเถอะ อยากไปเตรียมอะไรไว้ให้พี่ลอของเอ็งก็รีบไปทำซะ”
แพงกอดแก้วแน่นก่อนจะปาดน้ำตาแล้วรีบเข้าไปในเรือน แก้วมองเพื่อนอย่างดีใจแล้วหันมาบอกเรือง
“ไอ้เรือง ข้าฝากเอ็งดูอีแพงให้ข้าหน่อย”
“เอ็งจะไปไหนอีกวะ”
“เออน่า เดี๋ยวข้ากลับมา”
แก้วจิกหน้าเอาเรื่อง
เพื่อนเปิดประตูออกมาจากในบ้านแล้วตกใจเมื่อพบพ่อนอนกอดไหเหล้าอยู่ที่พื้น
“พ่อ มานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
เพื่อนจะเข้าไปช่วยประคองแต่ชะงักเพราะกลิ่นเหล้าจากตัวพ่อแรงมาก
“นี่พ่อไปกินหรือไปอาบมากันแน่ พ่อ พ่อจ๊ะ ลุกขึ้นเถอะ”
“ไป อย่ามายุ่งกับข้า เหล้า เหล้าข้าอยู่ไหน เอามาอีก ข้าจะกินเหล้าโว้ย”
“ไม่ได้นะพ่อ ฉันให้พ่อกินเหล้าไม่ได้อีกแล้ว เป็นตายยังไงฉันก็ไม่ยอม”
“เอ็งไม่ต้องมายุ่ง ความสุขของข้า ข้าจะกินให้ตายก็เรื่องของข้า ดีซะอีก ข้าจะได้ไป อยู่กับนังสาย ข้าเบื่อ เบื่อจะเลี้ยงพวกเอ็ง เบื่อโว้ย”
พิศระบายความรู้สึกออกมา เริ่มอ่อนแรงแม้แต่จะลุก ได้แต่พิงผนัง พร่ำเพ้อเบาๆ
“นังสาย เอาข้าไปอยู่กับเอ็งทีเถอะ ข้าคิดถึงเอ็งเหลือเกิน”
พิศครางเบาๆ แล้วหมดสติไป เพื่อนมองพ่อน้ำตาคลอ เข้าไปช่วยพยุงพ่อขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ประคองพ่อนอนลงบนตั่งแล้วเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้
“ฉันจะไม่ยอมให้พ่อเป็นอะไรเด็ดขาด อดทนอีกหน่อยนะจ๊ะพ่อ ฉันกำลังจะไล่อีแพงไป ให้พ้นๆ บ้านสร้างได้แล้ว อีกหน่อยพอมันไม่อยู่ ก็จะไม่มีใครทำให้พ่อขายหน้าอีก ฉันจะ เป็นลูกสาวคนเดียวที่ทำให้พ่อภูมิใจ”
เพื่อนพร่ำพูดเข้าข้างตัวเองไปก็เช็ดตัวให้พ่อไป ระหว่างนั้นเสียงแก้วดังเข้ามา
“นังเพื่อน นังเพื่อน ข้ารู้ว่าเอ็งอยู่ในนั้น ออกมาหาหน่อย นังเพื่อน”
เพื่อนชะงักแปลกใจ
“อีแก้ว”
เพื่อนออกมาที่ชานเรือนมองลงไปเห็นแก้วยืนทำหน้าเอาเรื่องอยู่ข้างล่าง
“อีแก้ว กล้าโผล่มาหาเรื่องข้าถึงเรือนเลยเหรอ มันจะมากไปแล้ว”
“เพราะใจเอ็งกลัวแต่คนอื่นจะคอยหาเรื่อง เป็นวัวสันหลังหวะ แค่เสียงหนูตัวเล็กๆ วิ่งผ่านหน้าบ้าน เอ็งก็คิดว่าเป็นหมาตัวใหญ่จะมาไล่งับเอ็งแล้วนังเพื่อน”
“ปากดีนักนะ ตอนนี้พ่อข้าไม่ค่อยดี ไม่งั้นล่ะก็ เอ็งโดนข้าลากไปทุบหัวให้แบะอีกแน่ ไปเลย ไสหัวไปให้พ้น ไปเก็บเสื้อผ้าแล้วรีบไปให้พ้นบ้านสร้างพร้อมกับอีแพง อย่าให้ข้าเห็นพวกเอ็งอีก ไป”
“หึ สะใจนักใช่มั้ยที่ไล่ข้ากับอีแพงได้”
“เออ ที่บ้านสร้างไม่มีที่ให้พวกเอ็งเหยียบอีกแล้ว ถ้ายังไม่รีบไป ข้าจะให้พวกชาวบ้าน มาช่วยกันลากพวกเอ็งไปเอง”
“โธ่เอ๊ยนังเพื่อน คุยโวโอ้อวดไปเถอะ ถ้าอีแพงจะไปจากบ้านสร้าง ก็ไม่ใช่เพราะคำดูถูกที่เอ็งไปโพนทะนาใส่ร้ายเอาไว้ แต่จะไปเพราะที่อื่นมันน่าอยู่กว่าที่นี่ ไปในที่ๆ อีแพงจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับพี่ลอ เอ็งรู้เอาไว้เลย”
“เอ็งหมายความว่ายังไง”
“ข้ามาก็เพราะจะพูดคำนี้แหละ เอ็งจะได้เลิกเห็นแก่ตัวซะที พี่ลอปลอดภัยแล้ว และกำลังจะกลับมา เขาจะมาพูดความจริงให้คนทั้งบ้านสร้างรู้ว่า สันดานจริงๆ ของนังดอกไม้แห่งบ้านสร้าง มันเหม็นเน่าฉาวโฉ่แค่ไหน”
“พี่ลอกำลังจะกลับมาเหรอ”
“เออ เพราะฉะนั้น เอ็งเตรียมหน้าหนาๆ ของเอ็งเอาไว้รับคำด่าจากทุกคนได้เลย ยังไงอี แพงก็จะไม่ไปจากบ้านสร้างจนกว่าพี่ลอจะกลับมา จำเอาไว้นังเพื่อน”
แก้วยิ้มเยาะสะใจแล้วเดินออกไป เพื่อนยืนอึ้งกำมือแน่น
“ไม่จริง อีแก้ว เอ็งตอแหลข้า”
เพื่อนจะรีบลงจากเรือนตามแก้ว แต่พอขาก้าวลงบันได ก็เกือบล้มหน้าคะมำเพราะขั้นบันไดหลุดออกมาจากสลักที่ขัดขั้นบันไดไว้
“โธ่เว้ย”
เพื่อนหัวเสียมองไม้ขั้นบันไดที่หลุด หยิบขึ้นมาแล้วยิ่งหงุดหงิดเจ็บใจ
แพงเอาใบจากมามวนยาเส้นทำเอาไว้หลายมวนเรียงอย่างสวยงาม ยิ้มดีใจเมื่อคิดถึงว่าลอกำลังจะกลับ และอดก้มมองท้องตัวเองไม่ได้
“ลูกจ๋า อีกเดี๋ยวพ่อเขาก็จะกลับมาแล้ว เขาต้องดีใจแน่ๆ ถ้าได้รู้ว่า ไม่ใช่แม่คนเดียวที่ รอเขาอยู่”
แพงอมยิ้มอย่างมีความสุข มวนยาสูบจนเสร็จปิดฝากล่องอย่างดีแต่พอจะลุกขึ้น ก็ต้องชะงักเพราะมีอาการเจ็บแปล๊บที่ท้องน้อย ใจคอไม่ดี ระหว่างนั้นเสียงแก้วดังขึ้น
“อีแพง อีแพง เอ็งเป็นอะไรอีแพง”
“อีแก้ว ข้า ข้า”
แพงนอนอยู่ที่ตั่งในกระท่อม แม้นช่วยจับท้องดูอยู่ครู่ก็ถอนใจ
“ตกลงฉันเป็นอะไรกันแน่จ๊ะป้า ลูกในท้องฉันยังสบายดีรึปล่า”
“ตอนนี้ก็ยังดีอยู่หรอก ถ้าเอ็งอยู่เฉยๆ ไม่ขยับให้กระเทือนมาก ยิ่งไม่ต้องลุกเดินไปไหน เลยได้ก็จะยิ่งดี”
“หมายความยังไงป้า ถึงขนาดไม่ให้เดินไปไหนมาไหน มันก็น่าห่วงน่ะสิ” แก้วแปลกใจ
“ก็ข้าเคยบอกเอ็งแล้วไง ท้องอีแพงมันไม่ค่อยแข็งแรง ไอ้แบบนี้ข้าเห็นมาเยอะแล้ว”
“เห็นมายังไงเหรอจ๊ะป้า”
“ก็ถ้าระวังอย่างที่ข้าเตือนเอ็งก็ได้อุ้มลูกให้พ่อมันดีใจ แต่ถ้าไม่ระวัง ก็ทั้งลูกทั้งเอ็งนั่น แหละที่จะพากันไปไม่กลับ”
“จริงเหรอป้า”
“เออ”
แก้วหันไปมองแพงอย่างเป็นห่วง แพงได้แต่นั่งเงียบครุ่นคิด
กลางคืน เพื่อนนั่งหน้ากระจกหวีผมด้วยสีหน้าเคียดแค้นจงเกลียดจงชัง คำพูดของแก้วยังกรอกหู เพื่อนเจ็บใจโกรธแค้นกระแทกหวีลงบนตั่งหน้ากระจก แล้วสะดุ้งโหยงเมื่อลมกรรโชกเข้ามาวูบจนหน้าต่างกระแทกดังปัง เพื่อนใจหาย ตกใจ รีบไปปิดหน้าต่าง แต่พอกลับมานั่งที่หน้ากระจกก็ต้องตกใจเมื่อใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของแรมโผล่เข้ามาใกล้
“อีแพงมันระยำ ถ้าไม่มีมันสักคน พี่ลอก็จะรักแต่เอ็งคนเดียว ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะของแรมเล็กแหลมชวนขนลุกขนพอง เพื่อนตกใจหน้าเสีย
เพื่อนสะดุ้งตื่นตกใจเหงื่อเต็มหน้า มองไปรอบๆ ตัวพบว่าทุกอย่างปกติ แต่คำพูดของ แรมและใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดกลับทำให้เพื่อนจำฝังใจ
“อีแพงมันระยำ ถ้าไม่มีมันสักคน พี่ลอก็จะรักแต่เอ็งคนเดียว ฮ่าๆๆ”
เพื่อนเอามือปิดหูแล้วหลับตาปี๋อยู่ในความสับสน
ตอนเช้า แพงมาบ้านพิศพร้อมพวงมาลัย มองขึ้นไปบนบ้านอย่างเศร้าๆ เสียงของพิศดังมาจากด้านใน แพงยิ่งเป็นห่วง
“พ่อ”
เพื่อนพยายามจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พิศซึ่งอาการไม่ค่อยดี
“ให้ฉันเช็ดตัวนะจ๊ะพ่อ อย่าเพิ่งลุกเลย”
“ข้าจะกินเหล้า ไปเอาเหล้ามาให้ข้า”
“ไม่จ้ะ ฉันไม่ให้พ่อกินเหล้าอีกแล้ว หัวเด็ดตีนขาดฉันก็ไม่ยอม”
“แต่ข้าจะกิน”
พิศปัดมือเพื่อนแล้วจะลุกขึ้นแต่ก็อ่อนล้าอ่อนแรงเกินจะลุกไหว
“เห็นมั้ยจ๊ะพ่อ ขาดคำฉันมั้ย ถ้าพ่อไม่ฟัง คราวนี้พ่อกับฉันคงไม่ได้อยู่เห็นหน้ากันอีก”
แพงเดินเข้ามา
“เชื่อพี่เพื่อนเถอะนะจ๊ะพ่อจ๋า”
“อีแพง ยังมีหน้าโผล่มาอีกเหรอ พ่อต้องตรอมใจกลับไปกินเหล้าจนเป็นแบบนี้อีกก็เพราะเอ็ง ไปเลย ไปให้พ้นจากบ้านสร้าง ไม่ต้องโผล่หน้ามาอีก ไป”
“ฉันแค่จะมาดูพ่อแล้วก็อยากขอขมาพ่อนะพี่เพื่อน”
“แต่พ่อเขาไม่อยากเจอหน้าเอ็ง เพราะเอ็ง เขาถึงเป็นแบบนี้ ไปเลย ไปจากบ้านสร้าง ไม่ต้องกลับมาอีก ไป”
“ฉันไปแน่ แต่จะไปพร้อมพี่ลอทันทีที่เขากลับมา แล้วเรียกคืนศักดิ์ศรีที่ถูกพี่ทำลายไป”
“อีแพง”
“พอซะที ข้าไม่อยากฟังพวกเอ็งทะเลาะกันอีกแล้ว เอ็งออกไปนังเพื่อน”
“พ่อ”
“ข้าบอกให้ออกไป”
เพื่อนกัดฟันมือจิกกำแน่นมองแพงเขม็ง แล้วสะบัดหน้าออกไป ทิ้งให้อีแพงอยู่กับพ่อตามลำพัง แพงคุกเข่าลงข้างเตียงพ่อ ขณะที่พิศเอาแต่นอนหันหลังให้
“พ่อจ๋า ฉันได้ยินว่าพ่อกลับไปกินเหล้าอีก ฉันเป็นห่วงพ่อ”
“ห่วงข้า เลิกพูดคำนี้เถอะ ถ้าเอ็งห่วงข้ากันจริงๆ พวกเอ็งคงไม่ทำแต่เรื่องระยำให้ข้า ต้องอับอายขายหน้าอย่างนี้หรอกอีแพง”
“ฉันผิด ฉันขอโทษและไม่ขอแก้ตัว มันเป็นบาปหนาที่ฉันทำไว้กับบุพการี”
แพงน้ำตาคลออย่างเสียใจ แล้วค่อยๆ พนมมือขึ้นพร้อมกับพวงมาลัย
“ตั้งแต่ฉันเกิดมา ฉันทำแต่เรื่องเดือดร้อนให้พ่อต้องเสียใจ มาจนถึงวันนี้ฉันก็ยังก่อเรื่อง ให้พ่อไม่หยุด เวรกรรมที่ฉันได้สร้างเอาไว้ขอให้มันส่งถึงฉันในชาตินี้”
“หยุดได้แล้วอีแพง”
“พ่อ พ่อจะเกลียดฉันยังไงแต่ก็ขอให้ฉันได้ขอขมาพ่อเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ฉันจะไปจาก บ้านสร้างไม่ได้เลยเหรอจ๊ะ ฮือๆๆ”
“เอ็งอยากขอขมาข้า เอ็งก็พูดมาเลย แต่ไม่ต้องเอาสันดานยอมทนเจ็บอยู่คนเดียวมาใช้ กับข้า เอ็งกำลังท้องกำลังจะมีลูก แต่กลับมาขอให้เวรกรรมลงที่เอ็ง คิดบ้างมั้ยอีแพง เด็กในท้องเอ็งมันไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“พ่อ”
พิศน้ำตาคลอ ค่อยๆ หันมาหาแพง เริ่มเวทนาสงสารลูกสาว
“คนอย่างข้าไม่สมควรเป็นพ่อเอ็งจริงๆ อีแพง ข้ามันก็แค่ไอ้ขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่ง วันที่ เอ็งเกิดแล้วแม่เอ็งตาย ข้า ข้ากลัว กลัวเหลือเกิน กลัวจนทำอะไรไม่ถูก”
พิศร้องไห้ นึกถึงภาพตอนสายร้องเจ็บปวด เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เข้าไปกอดเพื่อน ขณะที่พิศเล่า เพื่อนยืนอยู่ข้างนอก ได้ยินทุกคำพูดของพ่อที่กำลังสารภาพกับแพง
“ตอนนั้น แทนที่ข้าจะอยู่กับนังสาย อย่างน้อยได้จับมือมัน ได้บอกมันว่าจะดูแลลูกที่มัน รักให้ดีที่สุด และจะรักลูกของมันให้เหมือนที่มันรัก มันจะได้ไปอย่างไม่ต้องทรมาน แต่ ข้าก็ขี้ขลาด เอาแต่นั่งกลัวอยู่กับนังเพื่อน ฮือๆ อีแพงเอ๊ย ข้าเป็นพ่อที่ขี้ขลาดเหลือเกิน”
“ไม่ ไม่หรอกจ้ะพ่อ พ่ออย่าโทษตัวเองเลย”
“เอ็งไม่ต้องมาขอขมาข้า แต่ข้าต่างหากที่ต้องบอกให้เอ็งรู้ ข้า ข้าโยนความผิดของข้า ให้เอ็งก็เพื่อทำให้ข้าไม่ต้องรู้สึกผิดต่อนังสาย ข้า ข้าขอโทษอีแพง”
“พ่อ พ่อจ๋า”
แพงโผเข้าไปกอดพ่อแล้วร้องไห้ พิศหันมากอดลูกสาวเอาไว้ ร้องไห้กันสองพ่อลูก เพื่อนถึงกับพูดไม่ออก ความรับรู้ที่ได้จากพ่อมาตลอดก็คือแพงทำให้แม่ตาย แพงเป็นตัวเสนียด แต่วันนี้ พ่อกลับสารภาพว่าทุกอย่างไม่ใช่อย่างที่คิดมาตลอด เพื่อนน้ำตาคลอ เจ็บปวดและโกรธทุกสิ่งทุกอย่าง โกรธพ่อ โกรธแพง โกรธลอ เพราะตัวเองเคยเป็นที่หนึ่งมาตลอด
แต่วันนี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปสิ้นเชิง เพื่อนไม่เหลือใคร
เพื่อนก้าวลงบันไดเรือน แต่พอเท้าแตะลงขั้นบันไดก็ชะงัก
รู้สึกได้ถึงความไม่แข็งแรง ลองขยับฝ่าเท้าไปมาก็ยิ่งรู้สึกว่าขั้นบันไดโคลงและสั่นจนจะหลุดให้ได้ เพื่อนเริ่มคิดอะไรบางอย่างที่ร้ายเกินมนุษย์จะคิดทำกับมนุษย์ด้วยกัน
ก้อนเดินโซซัดโซเซเหนื่อยล้าท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงๆ ระโหยโรยแรงจนต้องหยุดยกมือบังแดด ลอเองก็เหนื่อยจนริมฝีปากแห้งผากแต่ก็ยังพยายามไสไอ้เปลี่ยวให้เร่งฝีเท้า
“เร็วเข้าสิวะไอ้เปลี่ยว อีกไม่กี่อึดใจก็ถึงบ้านสร้างแล้ว อีแพงกำลังรอข้าอยู่ เร็วเข้า”
ไอ้เปลี่ยวหยุดอยู่กับที่ไม่ยอมขยับตามที่ลอสั่ง เพราะเหนื่อยล้ามากเหมือนกัน
“ไอ้เปลี่ยว ไปสิโว้ย เร็วเข้า ข้าอยากเจออีแพงใจจะขาดแล้ว ไอ้เปลี่ยว”
“ไอ้เปลี่ยวมันไม่ไหวแล้วไอ้ลอ เอ็งต้องหยุดพัก”
“ไม่ ข้าไม่หยุด เอ็งกับไอ้เปลี่ยวพักซะที่นี่ หายเหนื่อย แล้วค่อยตามข้าไป”
ลอหน้ามุ่งมั่นแม้จะเหนื่อยใจแทบขาด แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวร่างกายก็เกินทนรับความเหนื่อยล้า ขาอ่อนแรงเข่าทรุดท่ามกลางแดดร้อนจัดๆ
“ไอ้ลอ เห็นมั้ยไม่ทันขาดคำ เอ็งไปต่อไม่ไหวหรอก พักเถอะวะ ข้าขอร้อง”
“ต่อให้เหนื่อยยากแค่ไหน ก็หยุดความคิดถึงของข้าไม่ได้หรอก อีแพง ข้าต้องกลับไปหาเอ็ง”
ลอยกมือปาดเหงื่อ มุ่งมั่นมุ่งหน้าสู่บ้านสร้างอย่างไม่ย้อท้อ ก้อนมองตามนับถือในความรักของลอ
ลอกับก้อนจูงไอ้เปลี่ยวเข้ามาอย่างเหนื่อยอ่อน ริมฝีปากแห้งผาก
“ไอ้ ไอ้ก้อน ใน ในที่สุด เราก็มาถึงบ้านสร้างจนได้”
ลอเหนื่อยล้ากระหายน้ำ หันไปที่เถียงนาพักข้างทาง เห็นตุ่มน้ำก็รีบเข้าไปตักกินกับก้อน ผลัดกันกินน้ำอย่างชื่นใจแก้กระหาย
“ค่อยยังชั่วว่ะไอ้ลอ เดี๋ยวข้าจะไปนอนหนุนตักแม่แก้วทั้งวันทั้งคืนไม่ลุกไปไหนเลย”
ลอยิ้มรับแล้วหันไปเห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง 4-5 คน เดินเข้ามาเพราะกำลังจะไปทำนาพอดี พอพวกชาวบ้านเห็นว่าเป็นลอก็พากันชะงักหันมาซุบซิบกันด้วยสีหน้ารังเกียจ
“สวัสดีจ้ะลุงป้าน้าอา ฉันกับไอ้ก้อนกลับมาจากปราบโจรแล้วจ้ะ”
พวกชาวบ้านไม่รับไหว้ลอ กลับแสดงท่าทางรังเกียจ ยิ่งซุบซิบกันจนเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจลอ
“ไอ้ลอ ทำไมพวกชาวบ้านเขาถึงมองเอ็งแปลกๆ วะ หรือว่าเอ็งหายไปนานจนเขานึกว่า เอ็งไม่น่าจะกลับมาได้วะ”
“ลุงป้าน้าอาจ๊ะ”
“เอ็งหยุดอยู่แค่นั้นเลยไอ้ลอ ไม่ต้องเข้ามาใกล้พวกข้า ไอ้ตัวเสนียด”
“มีอะไรกันเหรอจ๊ะ ทำไมมาว่าฉันแบบนี้ล่ะ”
“ถุย เอ็งยังมีหน้ามาถามความอีก นี่หรือวะคนดีศรีบ้านสร้าง ถึงเอ็งจะปราบโจรได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกข้าจะยกย่องเอ็งนะโว้ย”
“เดี๋ยวสิจ๊ะ ทุกคนเป็นอะไรไป”
ลอยิ่งสงสัยเดินเข้าไปใกล้ แต่กลับถูกชาวบ้านผลักไหล่ไม่ให้เข้ามาใกล้ๆ พวกตน ลอเซเกือบล้ม
“ปากก็ว่าพระที่ห้อยคอเอ็ง สอนสั่งศีลธรรมให้เป็นคนดี พุทโธ่เอ๊ย พอหน้ามืดขึ้นมาศีล แค่ข้อเดียวก็รั้งสันดานมักมากของมึงไม่ได้นั่นแหละวะไอ้ลอ”
พวกชาวบ้านเออออเห็นด้วย ส่งเสียงสนับสนุนแล้วชี้หน้าด่าลอ แสงเดินเข้ามา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย พวกเอ็งไปให้พ้น ไป มันใช่เรื่องที่พวกเอ็งต้องมาเสือกเหรอไงวะ”
“ใช่แล้วจ้ะพ่อ ไม่ใช่เรื่องต้องหนักกบาลตัวเองสักหน่อย ถ้าไอ้ลอไปขอข้าวพวกเอ็งกิน จะด่ามันข้าไม่ว่า แต่นี่ไอ้ลอมันช่วยเหลือทุกคนแล้วยังมาชี้หน้าด่ามันอีก ไม่รู้สึกเหรอไงว่าตัวเองหน้าด้าน ไปให้พ้นเลย ไป”
พวกชาวบ้านชะงักที่โดนเรืองด่าสวนกลับ เลยแสดงอาการหยามเหยียดดูถูกหางตามองลอแล้วชี้หน้า
“สันดานอย่างมึง อย่าเดินเฉียดบ้านกูนะโว้ย เสนียด”
พวกชาวบ้านพากันเดินออกไป ลอยืนงุนงงสงสัย เรืองดีใจรีบเข้ามาหาลอกับก้อน
“ไอ้ลอ เอ็งอย่าไปสนใจไอ้พวกปากหอยปากปูนั่นเลย ไอ้พวกนี้เสียงนกเสียงกามันไม่ฟังหรอก มันก็แค่อยากด่าคนเอาสะใจ ถึงได้ดักดานกันอยู่แบบนี้ไง”
“แล้วพวกมันมาชี้ด่าไอ้ลอทำไมวะ ไอ้ลอเพิ่งจะกลับจากช่วยปราบไอ้วีระมาได้แท้ๆ”
เรืองนิ่งไปหน้าเครียดๆ เหลือบมองพ่อ ลอก็ยิ่งสงสัย
“ข้าว่าเอ็งเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ กลับบ้านเถอะวะแล้วค่อยคุยกัน”
“บอกฉันมาเถอะจ้ะครู เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงชี้หน้าด่าว่าฉันมักมาก”
แสงไม่ค่อยอยากพูด ลอจึงหันไปดึงแขนเรืองมาบีบแน่นถามจริงจัง
“ไอ้เรือง บอกข้ามา”
“ไอ้ลอ คือ ที่ ที่พวกชาวบ้านมาด่าเอ็งเพราะว่า นังเพื่อนไปโพนทะนาว่าเอ็งกับอีแพง สวมเขาให้มัน แอบลักลอบได้เสียกัน จนอีแพงมันท้อง เย้ยให้มันต้องเสียใจ”
“ว่าไงนะ อีแพงท้องเหรอ”
เรืองพยักหน้ารับ ลอตกใจรีบวิ่งออกไปทันที
แพงจับมือพ่อบีบเบาๆ แล้วมองพ่อที่เหนื่อยล้าจนผลอยหลับไป
“ฉันดีใจเหลือเกินจ้ะพ่อ ถึงวันนี้จะได้รู้แล้วว่าพ่อโทษให้เป็นความผิดฉันเพราะอะไร ฉันก็ไม่คิดโกรธ แต่กลับยิ่งรักพ่อมากขึ้นไปอีก พักเถอะนะจ๊ะพ่อจ๋า ชาตินี้อีแพงต้องทดแทนพระคุณพ่อให้ได้จ้ะ”
แพงยิ้มให้พ่อที่หลับไปแล้วด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ ขยับผ้าห่มให้พ่อ แล้วค่อยๆ ลุกออกมาเงียบๆ
เพื่อนเดินไปเดินมาอยู่ตรงคอกควายใกล้ๆ กับเรือน สีหน้ากังวล มือจิกกำแน่น ชะเง้อไปที่บันไดบ้าน จนคิ้วขมวดอย่างหนักใจ นึกถึงคำพูดของแม้นที่แอบได้ยินมา
“แต่ข้าเตือนเอ็งไว้สักอย่าง เท่าที่ข้าดูท้องอีแพงมัน เอ็งต้องคอยดูแลมันให้ดี ข้าว่า ท้องนี้มันไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ยิ่งข้าวปลาไม่กิน จะเดินเหินก็ไม่ระวังเดี๋ยวมันจะแท้งเอาง่ายๆ”
แพงออกจากห้องพ่อแล้วหันไปมองบ้านที่เคยอยู่เคยอาศัย ก่อนจะเดินไปที่บันได เพื่อนชะเง้อมอง เห็นแพงกำลังจะเดินลงบันได เพื่อนขบกรามแน่นมือจิก นึกถึงฝันร้ายที่เหมือนจิตใต้สำนึกผ่านแรม
“อีแพงมันระยำ ถ้าไม่มีมันสักคน พี่ลอก็จะรักแต่เอ็งคนเดียว ฮ่าๆๆ”
แพงค่อยๆ ก้าวขาลงบันไดช้าๆ และกำลังเหยียบขั้นบันไดที่พัง เพื่อนใจเต้นรัว เริ่มสับสนกับความคิดของตัวเอง จิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดเริ่มทำให้กลัวความผิด เพื่อนรีบวิ่งไปที่บ้านเพื่อจะร้องห้าม
“อีแพง อย่า”
เพื่อนวิ่งมาถึงแต่ไม่ทันแล้ว แพงเหยียบขั้นบันไดร่วงลงมาที่พื้นอย่างแรง เพื่อนยืนอึ้งตะลึงกับ สภาพแพงที่นอนกองอยู่ที่พื้น หัวโขกพื้นจนแตกเลือดอาบ
“อีแพง”
“พี่ พี่เพื่อน ฉัน ฉันเจ็บ”
แพงไม่ได้เจ็บที่แผลหัวแตก แต่เจ็บที่ท้องอย่างมากเพราะเลือดไหลออกมาจนโชกผ้าถุง
“ลูก ลูกฉัน โอ๊ย เจ็บเหลือเกิน โอ๊ย”
เพื่อนตกใจสุดขีด
“อีแพง”
เพื่อนทำอะไรไม่ถูก ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไป
“พี่เพื่อน ช่วย ช่วยฉันด้วย พี่เพื่อน”
“ข้า ข้าไม่ตั้งใจ ข้าไม่ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ ฮือๆๆ อีแพง ข้าไม่ตั้งใจ”
แพงอึ้ง
“พี่ พี่เพื่อน”
แพงค่อยๆ หันไปมองที่บันได เห็นขั้นบันไดหัก
“ฝี ฝีมือ ฝีมือพี่เพื่อนเหรอ”
“ไม่ ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ข้าไม่ตั้งใจ”
แพงน้ำตาไหลอาบแก้ม เจ็บปวดรวดร้าวที่รู้ว่าพี่สาวทำร้ายตัวเองและลูก เจ็บทั้งใจและกาย กัดฟันฝืนทนลุกขึ้น ทั้งๆ ที่เลือดไหลออกตามขาไม่หยุด
“ฮือๆ พี่เพื่อน พี่เพื่อนใจร้าย พี่ทำร้ายฉันกับลูกได้ลงคอ พี่เพื่อนใจร้ายเหลือเกิน”
เพื่อนร้องไห้เสียใจจะเข้าไปช่วยประคอง แต่ถูกแพงปัดมือไม่ให้เข้าใกล้ แม้เรี่ยวแรงจะไม่มี
“อย่าเข้ามาใกล้กู ฮือๆๆ ใจมึงมันไม่เหลือแล้วความเป็นคนอีเพื่อน มึงอยากส่งกูไปนรก ให้พ้นหูพ้นตามึง มึงถึงกับกล้าเอาไฟนรกขึ้นมาไว้บนดิน งั้นกูก็ขอให้มึงอยู่กับไฟนรกของมึงไปจนชั่วชีวิต อีเพื่อน”
แพงด่าไปน้ำตาคลอเจ็บปวด แล้วกระเสือกกระสนเดินผ่านเพื่อนออกไป รอยเลือดหยดเป็นทาง
“ไม่ มึงว่ากูไม่ได้อีแพง กูไม่ใช่คนผิด มึงต่างหากที่แย่งพี่ลอไปจากกู มึงสมควรแล้ว ที่ต้องโดนแบบนี้ อีแพง”
เพื่อนทรุดร้องไห้โฮแล้วปล่อยให้แพงเดินซวนเซออกไปเพียงลำพัง
แพงกระเสือกกระสนมาตามทางอย่างเจ็บปวดทรมาน
“พี่ลอ ฉัน ฉันเจ็บเหลือเกิน พี่ลออยู่ไหน มาหาฉันเถอะจ้ะ พี่ลอ”
แพงเดินแทบจะไม่ไหว รอยเลือดหยดเป็นทางไหลมาตามขาไม่หยุด
เพื่อนนั่งสะอื้นไห้อยู่ที่คอกควาย ยังตกใจไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียงลอก็ดังเข้ามา
“อีแพง อีแพง”
“พี่ลอ”
“อีแพงล่ะแม่เพื่อน อีแพงอยู่ไหน”
“อีแพง อีแพงมัน”
ลอจับไหล่เพื่อนมาบีบแน่น
“พี่รู้เรื่องที่แม่เพื่อนเอาพี่กับอีแพงไปโพนทะนาด่าเสียหาย ให้พวกชาวบ้านเขาเกลียดขี้หน้าพี่กับอีแพงแล้ว ไว้พี่เจออีแพงก่อนแล้วจะจัดการกับแม่เพื่อนทีหลัง”
ลอดันเพื่อนออกจนเซแล้วจะไปหาบนเรือน แต่เท้าเหยียบพื้นที่มีแต่รอยเลือดเป็นทาง ลอชะงักแปลกใจ
“เลือด เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นอะไรแม่เพื่อน”
“อี อีแพง อีแพงมันตกบันได ฉัน ฉัน ไม่ได้ทำมันนะพี่ลอ อีแพงมันตกลงมาเอง”
“ว่าไงนะ อีแพง อีแพงตกบันได แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน”
เพื่อนชี้มือออกไป ลอมองไปตามมือและเห็นรอยเลือดเป็นทาง
“อีแพง”
ลอรีบตามไปทันที ทิ้งเพื่อนยืนหน้าเสีย
เพื่อน แพง ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
แพงกระเสือกกระสนจะกลับไปที่กระท่อมลอ
แต่อาการตกเลือดและเสียเลือดมากทำให้มันล้มลง ไปต่อไม่ไหวเพราะเจ็บปวดทรมาน
“พี่ลอ พี่ลอจ๋า พี่ลออยู่ไหน ฉัน ฉัน เจ็บเหลือเกิน พี่ลอจ๋า ฮือๆๆ พี่ลออยู่ไหน”
แพงกระเสือกกระสนไปต่อไม่ไหวทรุดล้มลงไปกับพื้น
“พี่ลอจ๋า พี่ลออยู่ไหน พี่ลอจ๋า กลับมาหาฉันเถอะจ้ะพี่ลอ พี่ลอจ๋า”
แพงเจ็บทรมานจนไปต่อไม่ไหว สองมือมันค่อยๆ ยกขึ้นร้องหาลอ แล้วเริ่มอ่อนแรงตาเริ่มโรยเสียงเบา
“พี่ พี่ลอจ๋า”
“อีแพง”
เสียงลอดังเข้ามาแพงชะงักหันไปเห็นลอวิ่งเข้ามาหาแล้วช้อนประคองร่างแพง แพงดีใจ
“พี่ พี่ลอ พี่ลอจ๋า พี่ลอกลับมาหาฉันแล้ว”
“อีแพง อีแพง”
แพงยิ้มน้อยๆ แล้วตาโรยหมดสติไปในอ้อมกอด ลอยิ่งตกใจ
“อีแพง อีแพง”
ลอรีบอุ้มอีแพงขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปที่กระท่อมทันที
แพงร้องเจ็บดังลั่นออกมาจนชวนขนลุก ลอ เรืองและก้อนที่รออยู่ข้างนอกถึงกับทนไม่ไหวต้องรีบวิ่งเข้าไปดู
“อีแพง”
แพงนอนอาการหนักสาหัสใบหน้าซีดจนน่าเป็นห่วง แม้นหน้าเครียด แก้วยืนตกใจอยู่ข้างๆ
“อีแพงเป็นยังไงบ้างป้าแม้น”
“ข้า ข้าพยายามช่วยมันเต็มที่แล้วไอ้ลอ แต่จนปัญญาจะช่วยแล้ว อีแพงมันแท้งลูก”
“ไม่จริง ป้าโกหก ฉันไม่เชื่อ”
“อีแพงมันแท้งลูกแล้วจริงๆ จ้ะพี่ลอ อาการมันก็แย่ด้วย มันตกเลือดจนไม่รู้จะช่วยยังไง”
“เอ็งต้องรีบไปตามหมอจากอำเภอมาช่วยมัน ไม่งั้น”
“ไม่งั้นทำไมป้าแม้น”
“ข้าไม่อยากพูดโว้ย เห็นกี่รายๆ ที่เป็นแบบนี้ มีแต่ตายโหงกันทั้งนั้น”
“ถ้าต้องไปตามหมอที่อำเภอกว่าจะไปกว่าจะมาอีแพงคงไม่ไหว สู้เอามันขึ้นเกวียนไปอำเภอเลยดีกว่า” ก้อนเสนอ
“ไม่ได้หรอกโว้ย ขืนเอาอีแพงขึ้นเกวียนไปอำเภอก็เท่ากับซ้ำให้มันเจ็บหนักกว่าเดิม มัน จะตายเอากลางทางไม่ว่า เอ็งควรจะรีบไปตามหมอมา ข้าไปล่ะ หมดหน้าที่ข้าแล้ว จะทำอะไรก็รีบๆ ทำซะ”
แม้นบอกแล้วเดินออกไป ลอยืนอึ้งมองแพงอย่างสงสาร
“งั้นข้าจะรีบไปตามหมอมาให้เอง”
“แต่นี่มันจะค่ำแล้วนะไอ้ก้อน”
“จะมืดค่ำยังไงข้าก็ต้องไปพาหมอมาให้ได้”
“งั้นข้าไปด้วย”
ก้อนพยักหน้ารับ เรืองแล้วตบบ่าลอ
“ข้าจะรีบมาให้เร็วที่สุดไอ้ลอ”
ก้อนกับเรืองพากันออกไป ลอเข้าไปหาแพงที่นอนนิ่งจับมือมากุมแน่น
“อีแพง อดทนเอาไว้นะ ข้ากลับมาหาเอ็งแล้ว อีแพง”
แก้วมองลอกับแพงแล้วอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ วิ่งออกมาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจสงสารเพื่อน ครู่หนึ่งเพื่อนเข้ามา
“อีแพงเป็นยังไงบ้าง”
“อีเพื่อน มึงยังกล้าเสนอหน้ามาถามหาอีแพงอีกเหรอ”
แก้วเจ็บใจโกรธแค้นจะพุ่งไปตบเอาเรื่อง แต่เพื่อนพกมีดสั้นมาด้วยเลยชี้หน้าขู่
“อย่านะอีแก้ว ข้าไม่ได้จะมามีเรื่องกับเอ็ง ข้าแค่อยากรู้ว่าอีแพงมันเป็นยังไง”
“อีเพื่อน ถึงกับพกมีดมาเพราะกลัวกูจะเอาเรื่องมึง แสดงว่ามึงเป็นต้นเหตุให้อีแพงต้องแท้งลูกจนจะเจียนตายใช่มั้ย”
“อีแพงแท้งเหรอ”
“เออ มึงไม่ได้ทำให้อีแพงต้องเจ็บคนเดียว แต่มึงยังฆ่าชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปอีกชีวิตหนึ่งใจมึงมันคนหรือสัตว์กันแน่ ถึงทำกับน้องสาวแท้ๆ ของมึงได้ลงคอ”
“ข้าไม่ได้ทำ อีแพงมันพลาดเอง บันไดมันผุพังอยู่แล้ว อีแพงไม่ทันระวังก็เลยร่วงลงมา”
“ถ้าแม่เพื่อนรู้ว่าบันไดมันพังอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงไม่เตือนอีแพง”
“พี่ลอ”
เพื่อนพูดไม่ออกมองลอที่จ้องเขม็งลงมาจากกระท่อม ลอน้ำตารื้นอย่างเจ็บปวด
“ว่ายังไงล่ะแม่เพื่อน ถ้ารู้ว่าบันไดมันพัง แล้วทำไมไม่เตือนอีแพง ทำไม”
“ฉัน ฉันเตือนมันแล้วนะพี่ลอ แต่ไม่ทัน”
“มึงไม่ต้องตอแหลทำเป็นคนดีอีกแล้วอีเพื่อน กูไม่เชื่อหรอก มึงเกลียดอีแพง มึงอยากให้อีแพงไปให้พ้นหน้า มึงถึงไม่เตือนมัน เพราะมึงจงใจให้มันตกบันไดจนแท้งลูก”
แก้วทนไม่ไหวจะเข้าไปเอาเรื่องโดยไม่กลัวมีดในมือเพื่อน ลอรีบพุ่งเข้าไปรั้งห้ามไว้
“อย่าอีแก้ว พอได้แล้ว เอ็งไม่ต้องไปยุ่งกับเขา”
“ปล่อยฉันนะพี่ลอ ฉันขอตายเป็นตาย ดีกว่าทนอยู่เห็นอีแพงเจ็บปวดทรมานอยู่แบบนี้”
“ข้ารู้ว่าเอ็งเสียใจ เราทุกคนก็เสียใจ แต่ถ้าเอ็งมีเรื่องถึงขั้นเลือดตกยางออกกับเขา อีแพง จะยิ่งเสียใจขนาดไหน ปล่อยมันไปเถอะ ข้าขอ”
“พี่ลอ”
“ไปได้แล้วแม่เพื่อน”
“พี่ลอ ฉันไม่ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นนะ ฉันเตือนมันไม่ทัน”
“ไปให้พ้นหน้าพี่ ไปได้แล้ว พวกพี่รู้จักสันดานแม่เพื่อนจนมากพอที่จะทนฟังอีกแล้ว ไป”
“พี่ลอ”
“พี่ลอจ๋า พี่ลอ”
ทุกคนชะงักหันไปเห็นแพงหน้าซีดปากซีดเดินแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงออกมาจากในกระท่อมเกาะเสาพยุงตัว
“อีแพง อีแพง”
ลอรีบวิ่งขึ้นไปช่วยประคองแพงก่อนที่จะหมดแรงตกลงมาจากชานเรือน
“พี่ลอ พี่ลอของฉันจริงๆ ด้วย ฉัน ฉันคิดถึงเหลือเกิน”
“อีแพงของพี่ พี่ก็คิดถึงเอ็งเหลือเกิน”
ลอจูบอย่างหนักแน่นที่หน้าผากแพง ด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ เพื่อนเห็นภาพนี้ ยิ่งเจ็บปวด แล้วยังโดนเรืองตอกย้ำอีก
“ดูเอาไว้ซะนังเพื่อน ยิ่งเอ็งพยายามทำลายความรักของไอ้ลอกับอีแพงมากเท่าไหร่ เอ็ง ก็ยิ่งช่วยทำให้พวกมันรักกันมากขึ้นเท่านั้น”
เพื่อนกัดฟันเจ็บใจมองลอประคองกอดแพงด้วยความรักแล้วยิ่งเจ็บปวดเจ็บใจจนทนดูต่อไปไม่ได้ เดินหัว
เสียออกไป
ลออุ้มแพงเข้ามานอน สภาพของแพงดูซีดมาก ทำให้ลออดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“อีแพง ไอ้เรืองมันเล่าทุกอย่างให้พี่ฟังแล้ว พี่ขอโทษที่ทิ้งให้เอ็งต้องมาเป็นแบบนี้ ถ้าพี่ อยู่กับเอ็งก็คง”
แพงเอามือแตะปากลอ
“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้วจ้ะพี่ลอ แล้วฉันเองก็เป็นคนบอกให้พี่ไปตามไอ้เปลี่ยวกลับมา เพราะไม่ว่าฉันหรือไอ้เปลี่ยว ถ้าขาดไปสักอย่าง พี่ก็คงทนอยู่ไม่ได้ ใช่มั้ยจ๊ะ”
“มีเอ็งแค่คนเดียวจริงๆ อีแพง ที่พูดทุกอย่างในหัวใจของพี่ได้ตรงที่สุด”
“เพราะอีแพง เกิดมาเพื่อพี่ลอไงล่ะจ๊ะ”
“อีแพง เดี๋ยวพี่จะพาเอ็งไปอำเภอนะ เอ็งจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานอีก”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันอยากอยู่กับพี่ลอมากกว่า ไม่อยากให้ใครมาแยกฉันกับพี่อีกแล้ว”
“แต่ว่าเอ็งต้องไปหาหมอ”
“ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกจ้ะพี่ลอ นะจ๊ะพี่ เดี๋ยวฉันก็หาย นะจ๊ะพี่ลอจ๋า ฉันไม่เคยขอ อะไรกับพี่เลย คราวนี้ขอให้ฉันได้อยู่กับพี่นานๆ นะจ๊ะพี่ลอ นะจ๊ะพี่”
แพงจับมือลอมาแนบแก้มอย่างมีความสุขกับสัมผัสของคนรัก ทำให้ลอพูดไม่ออก ได้แต่มองอย่างสงสาร
“ได้อีแพง ข้าก็อยากอยู่กับเอ็งนานๆ อยากนอนกอด อยากดูแลเอ็งบ้าง งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนที่ข้ากำลังจะกลับมาบ้านสร้าง ข้าไปเจอที่ดินสวยๆ อยู่ผืนหนึ่ง ถ้าเราได้ ปลูกบ้านอยู่ด้วยกันที่นั่น เอ็งต้องชอบแน่ๆ”
“จริงเหรอจ๊ะพี่ลอ”
“จริงสิวะอีแพง เอ็งอยากไปอยู่แล้วใช่มั้ย งั้นเราไปกันพรุ่งนี้เลย ข้าจะพาเอ็งไปเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกัน”
“ฉันรักพี่ลอที่สุดเลยจ้ะ”
แพงดึงแขนลอมากอด ลอสวมกอดแพง น้ำตาไหลอาบแก้ม
ก้อนกับเรืองช่วยกันจ้ำพายเรืออย่างเร่งรีบ
“เร็วสิวะไอ้เรือง ช่วยกันพายให้มันเร็วกว่านี้หน่อย เห็นนั่นมั้ยผีมาตากผ้าอ้อมแล้ว อีกเดี๋ยวก็มืด ไม่ทันตามหมอพอดี”
“ข้าก็รีบสุดๆ แล้วไอ้ก้อน เอ็งนั่นแหละแรงอย่าตกก็แล้วกัน เพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงบ้านสร้างไม่ทันไรไม่ใช่เหรอวะ”
“แรงข้าไม่ตกอยู่แล้วโว้ย ชีวิตอีแพงกับความรักของไอ้ลอสำคัญกว่า”
ก้อนจ้ำพายอย่างสุดแรงเกิด
ยามค่ำคืน ลอก้มหน้าก้มตาเป่าฟืนหุงหาอาหารให้แพงอย่างขะมักเขม้น ระหว่างนั้นเสียงแพงดังขึ้น
“พี่ลอจ๋า”
ลอหันไปเห็นแพงพยายามเดินออกมา ใบหน้าซีดเซียวเรี่ยวแรงไม่มี จึงรีบเข้าไปช่วยประคอง
“เอ็งออกมาทำไม เอ็งต้องอยู่เฉยๆ รอหมอมาก่อนสิอีแพง มา ข้าพาเอ็งกลับเข้าไป แล้ว เดี๋ยวจะได้กินข้าวกินปลา”
“ฉันกินอะไรไม่ลงหรอกจ้ะพี่ลอ”
“แต่เอ็งต้องกิน”
“อย่าบังคับฉันเลยนะพี่ลอ ฉันไม่อยากนอนรอเฉยๆ ฉันอยากอยู่กับพี่ลอ ไม่ได้ฟังพี่เป่าขลุ่ยให้ฉันฟังตั้งนานแล้ว ฉันคิดถึง”
“อีแพง เอ็งอย่าดื้อสิวะ”
“แต่พี่ก็รักฉันเพราะว่าฉันดื้อแบบนี้ไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
“อีแพง”
ลอนิ่งมอง ครุ่นคิด
พระจันทร์สวยงามยามค่ำคืน เสียงขลุ่ยเพราะๆ ดังคลอ แพงหนุนตักลอมีผ้าบางๆ คลุมกันน้ำค้าง นอนฟังเสียงขลุ่ยไปยิ้มไปแม้ร่างกายจะอ่อนล้า
“เพราะจังเลยจ้ะพี่ลอ”
“ที่เอ็งว่าเพราะมันเสียงขลุ่ยข้าหรือว่าเสียงจิ้งหรีดกันแน่วะอีแพง”
“ต้องเป็นเสียงขลุ่ยพี่ลอสิจ๊ะ เสียงจิ้งหรีดฟังที่ไหนมันก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น แต่เสียงขลุ่ย ของพี่ไม่เหมือนฟังจากที่ไหน”
“ใช่ เสียงขลุ่ยของข้าไม่เหมือนใคร เพราะเป่าทีไร ฟังแล้วได้ยินอยู่แค่ 4 คำ”
“ยังไงเหรอจ๊ะพี่ลอ”
“ก็นี่ไงคำว่า ข้ารักอีแพง”
“พี่ลอ จะบอกรักฉันแบบนี้ คิดนานรึเปล่าจ๊ะ”
“ไม่นานหรอกอีแพง เพราะว่ารักเอ็งจริงๆ เลยคิดได้เร็ว”
“จ้ะ ฉันก็รักพี่ลอเหมือนกัน แล้วก็อยากกอดพี่เอาไว้แบบนี้นานๆ ด้วย”
แพงกอดลอแน่นแล้วขยับขึ้นมาซบหน้ากับแผ่นอก ลอนิ่งมองแพงด้วยความรักเต็มเปี่ยม
“เอ็งกอดข้าซะแน่นแบบนี้ ไม่กลัวข้าหายใจไม่ออกตายไปก่อนเหรอ”
“พี่ลอรอดคมหอกคมดาบมาได้ตั้งเยอะแยะ แล้วจะมาตายเพราะถูกฉันกอดแค่นี้เหรอ รู้มั้ยคนดีๆ อย่างพี่ต้องอายุยืนแน่ๆ ฉันต่างหากที่จะอายุสั้นกว่า”
“อีแพง อย่าพูดอย่างนี้”
ลอจับไหล่แพงแน่นหันหน้ามาจริงจัง แพงพยายามยิ้มกลบเกลื่อน
“ฉันพูดเล่นจ้ะ ฉันจะอยู่รักพี่ตลอดไปจ้ะพี่ลอ พี่อย่าเบื่อฉันก็แล้วกัน ฉันว่าน้ำค้างลงเยอะแล้ว ฉันหนาวแล้วล่ะจ้ะ”
แพงเริ่มมีอาการหนาวสั่นเบาๆ ลอรีบโอบแพงเข้ามาใกล้
“งั้นเข้าบ้านกันเถอะ”
ลอช้อนตัวแพงขึ้นมาด้วยสองแขนอันแข็งแรงแล้วพาเดินไปที่กระท่อม
เรืองกับก้อนรีบวิ่งเข้ามาที่ห้องแถวเรือนไม้ในอำเภอ ก้อนมองหาบ้านหมอ
“ทางนี้โว้ยไอ้ก้อน บ้านหมออยู่ตรงนี้”
ก้อนรีบพุ่งไปทุบประตูไม้ของห้องแถว พร้อมส่งเสียงดังเรียก
“หมอ หมอ ช่วยด้วยจ้ะ ช่วยเพื่อนฉันด้วย หมอจ๊ะ หมอ อยู่รึเปล่า”
เรืองช่วยตะโกนเรียก ประตูบานไม้ก็เปิดออกแต่เป็นเมียหมอที่ออกมา
“มีอะไรกันรึพ่อ”
“หมอล่ะจ๊ะ หมออยู่ไหน อีแพงเพื่อนฉันที่บ้านสร้างมันแท้งลูก อาการมันไม่ดีเลย ฉัน ต้องพาหมอไปรักษามันจ้ะ”
“คุณพระ แต่คืนนี้หมอไม่อยู่จ้ะ เข้าไปจังหวัดตั้งแต่เย็นแล้ว”
“ว่าไงนะจ๊ะ งั้น งั้นก็ไม่มีหมอไปช่วยอีแพงน่ะสิ”
“คงต้องไปตามที่จังหวัดจ้ะพ่อ”
“เอาไงวะไอ้ก้อน”
“จะเอายังไง เอ็งถามได้ ก็ต้องไปตามไปบ้านสร้างให้ได้น่ะสิวะ”
ก้อนรีบผละวิ่งไปทันที เรืองยกมือไหว้ขอบคุณเมียหมอแล้ววิ่งตามก้อนไป
ลอวางแพงลงบนเสื่อ แพงยังสั่นหนาว
“เอ็งยังหนาวอยู่อีกเหรออีแพง”
“นิดหน่อยจ้ะพี่”
“งั้นเดี๋ยวข้าไปปิดหน้าต่างให้ ลมจะได้ไม่เข้ามาให้เอ็งต้องนอนหนาว”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะพี่ ฉันจะนอนหนาวได้ยังไง ในเมื่อคืนนี้ฉันจะได้นอนกอดพี่ อ้อมแขน ของพี่มีแต่จะทำให้ฉันอบอุ่น”
“ได้ อีแพง ข้าจะกอดเอ็งเอาไว้ทั้งคืน ถึงจะเหน็บกินข้าก็จะไม่ปล่อย”
ลอขยับไปนอนข้างๆ แล้วให้แพงหนุนซบไหล่นอนกอด แพงเหลือบมองลอมีความสุข
“ยิ้มแบบนี้ แสดงว่าพอข้ากอดเอ็งปั๊บ เอ็งก็อุ่นขึ้นมาทันทีเลยใช่มั้ย”
“จ้ะพี่ลอ”
“งั้นคืนนี้ก็รีบนอนพัก พรุ่งนี้ฟ้าสางข้าจะได้พาเอ็งไปแผ่นดินใหม่ที่จะเป็นบ้านของเรา”
“บ้านของเรา ฉันตื่นเต้นอยากจะไปเห็นไวๆ จังเลยจ้ะ พี่ลอเล่าให้ฉันฟังได้มั้ยว่าแผ่นดินใหม่ที่พี่จะพาฉันไปมันมีอะไรบ้าง”
“ให้ข้าเล่าให้ฟังแล้วเอ็งจะนอนหลับพักผ่อนได้ยังไง”
“น่า นะจ๊ะพี่ลอ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ที่นั่นมีอะไรบ้าง เผื่อฉันหลับไปฉันจะได้ฝันถึง นะจ๊ะ”
“ก็ได้ แผ่นดินใหม่ที่ข้าจะพาเอ็งไปสร้างบ้าน สร้างครอบครัวของเรา มันเป็นที่ที่สวยมาก มีท้องทุ่งโล่งๆ เอาไว้ให้ข้าได้ลงนาหว่านไถ ผืนดินมันก็อุดมสมบูรณ์มากเลยนะอีแพง ข้าวที่เอ็งกับข้าช่วยกันหว่าน พอลงดินก็แตกรวงมีข้าวให้เราเกี่ยวกันจนไม่หวาดไม่ไหว”
“ก็แสดงว่าเราจะมีข้าวเต็มยุ้งไม่ต้องอดเลยใช่มั้ยจ๊ะพี่ลอ”
“ใช่ ข้าวเรายังเหลือเผื่อเอาไว้แจกคนอื่นด้วยนะ”
“ดีจังเลยจ้ะพี่ลอ แล้วที่นั่นมีคลองให้ฉันกับพี่ลงไปว่ายน้ำเล่นด้วยกันรึเปล่า”
“ต้องมีสิวะอีแพง ก็ข้าชอบว่ายน้ำเล่นกับเอ็งนี่หว่า”
ลออมยิ้มชอบใจมองหน้าแพง ทั้งคู่นึกถึงภาพในอดีตที่เคยลงไปแหวกว่ายน้ำเล่นด้วยกัน
แพงกอดลอแน่น ซบหน้าด้วยน้ำตาแห่งความสุข
“ดีจังเลยจ้ะพี่ลอ งั้นฉันก็จะได้ว่ายน้ำเล่นกับพี่ทุกๆ วัน แต่พี่ต้องห้ามแกล้งฉันนะ”
“อย่าขี้ตู่สิวะอีแพง เอ็งนั่นแหละที่ชอบแกล้งข้า”
“ฉันจะแกล้งพี่ได้ยังไง พี่ว่ายน้ำเก่ง ดำน้ำก็ได้นานกว่าคนอื่นเขา ใครๆ ก็ว่าพี่ไม่น่าเกิด เป็นคนแต่น่าเกิดเป็นปลา”
“ก็ได้ๆๆ ข้ายอมเอ็งแล้ว แผ่นดินใหม่ที่ข้าจะพาเอ็งไป จะมีทุกอย่างที่เอ็งอยากให้มี รับรองว่าเอ็งจะมีความสุขยิ่งกว่าอยู่บ้างสร้างอีก”
“จ้ะพี่ แต่ไม่ว่าเราจะไปอยู่ไหน ฉันก็อยากขออะไรกับพี่หน่อยได้มั้ยจ้ะ”
“ได้สิอีแพง เอ็งอยากได้อะไรข้าจะหามาให้หมด”
แพงนิ่งไป น้ำตาเอ่อ ราวกับรู้ตัวว่าคืนนี้อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่กับลอ
“เงียบไปทำไมล่ะอีแพง”
“ฉัน ฉัน ฮือๆๆ”
“อย่าร้องไห้สิวะอีแพง”
“ฉันร้องไห้เพราะฉันกลัวพี่จะลืมคำพูดของฉัน ฉันอยากให้พี่จำเอาไว้ให้มั่นนะจ๊ะพี่ลอ”
ลอประคองหน้าแพงเข้ามาใกล้ ช่วยปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ทุกคำพูดของเอ็งมันอยู่ในหัวใจของข้าเสมออีแพง”
“งั้นพี่ต้องไม่ลืม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า พี่ต้องไม่ลืมว่า ฉันไม่ได้รักพี่เพราะ พี่ไม่มีเจ้าของ ฉันไม่ได้รักพี่เพราะเหตุอะไรทั้งนั้น ฉันรักพี่เพราะว่าฉันเกิดมาสำหรับพี่”
“ข้าไม่มีวันลืมอีแพง ความรักของเอ็งมันวิเศษแก่ชีวิตข้า และเอ็งก็ไม่ได้เกิดมาสำหรับ ข้าคนเดียว แต่ข้ายังเกิดมาเพื่อเอ็งด้วยเหมือนกัน”
“ขอบใจจ้ะพี่ ฉันขอบใจพี่มากจ้ะ”
แพงสวมกอดลอแน่น ลอโอบเมียรักเอาไว้ แล้วจูบหน้าผากเบาๆ
“ทีนี้ก็นอนพักได้แล้วนะ ไอ้ก้อนกับไอ้เรืองมันกำลังพาหมอมารักษาเอ็ง”
ลอจับแพงเอนตัวลงนอนให้หนุนแขนซบหน้ากับแผ่นอก แต่สายตากลับมองแพงด้วยความกังวล เพราะจนป่านนี้หมอก็ยังมาไม่ถึงเสียที
ตอนเช้า แพงหลับอยู่ในอ้อมแขนของลอที่เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน ลอหันไปมองแพงซึ่งนิ่งไม่ขยับ ปัดไรผมที่ปรกหน้าแล้วให้แพงนอนสบายๆ จนแพงรู้สึกตัว
“เช้า เช้าแล้วเหรอจ๊ะ พี่ลอ”
“ฟ้าเพิ่งจะสาง เอ็งนอนพักต่อเถอะ”
“แล้วหมอล่ะจ๊ะพี่ลอ”
“คงใกล้จะมาถึงแล้ว เอ็งเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่แล้วจ้ะพี่ลอ ฉันไม่รู้สึกเจ็บเลย”
“จริงเหรออีแพง”
“จริงจ้ะ”
“แต่เอ็งก็ต้องอยู่เฉยๆ ก่อนนะ อย่าเพิ่งลุกขึ้นมา ให้หมอมาดูให้แน่ใจก่อน”
แพงจับมือลอมาแนบแก้มด้วยรอยยิ้ม
“ฉันดีใจจังเลยจ้ะพี่ลอ ฉันเคยแอบฝันของฉันคนเดียวมาตลอด ว่าถ้าฉันได้นอนหลับ ในอ้อมแขนของพี่แล้วตื่นมาฉันก็ยังได้กอดพี่อยู่ มันคงจะทำให้ฉันมีความสุขมาก ไม่คิดเลยว่าวันนี้ฝันของอีแพงจะเป็นจริงกับเขาซะที”
“ต่อไปนี้เอ็งไม่ต้องฝันแบบนั้นอีกแล้วอีแพง ทุกๆ คืนต่อจากนี้ไปข้าจะกอดจะกล่อมเอ็ง ให้หลับ แล้วเมื่อเอ็งตื่น คนแรกที่เอ็งเห็นก็จะเป็นข้า”
“จริงนะพี่ลอ”
“ข้าไม่ผิดคำกับเอ็งหรอกอีแพง แล้วจะพิเศษเพิ่มให้อีกอย่างหนึ่งด้วย”
“อะไรเหรอจ๊ะพี่ลอ”
ลอยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากแพงอย่างนุ่มนวล
“ข้าจะจูบเอ็งทุกๆ เช้าที่เอ็งตื่น รอยจูบของข้าจะเป็นกำลังให้เอ็งรักแต่ข้าคนเดียวในชาติ นี้และชาติหน้า อีแพง”
“ฉันอิ่มใจเหลือเกินที่ชาตินี้ฉันได้รับความรักจากพี่แล้ว พี่ลอจ๋า ฉันรักพี่นะจ๊ะ”
“ข้าก็รักเอ็ง อีแพง เดี๋ยวข้าไปดูก่อนนะว่าหมอมาแล้วรึยัง”
“จ้ะพี่ลอ”
แพงกับลอบีบมือกันอยู่อีกครู่ ก่อนที่ลอจะค่อยๆ ปล่อย แพงน้ำตารื้นไหลอาบแก้ม มองตามคนรักเป็นครั้งสุดท้าย
“พี่ลอ พี่ลอจ๋า”
ลอรีบเดินออกมาที่หน้ากระท่อมอย่างร้อนใจเจอแก้วเดินไปเดินมา
“อีแก้ว ไอ้ก้อนไอ้เรืองยังไม่มากันอีกเหรอวะ”
“ยังเลยจ้ะพี่ลอ น่าจะพาหมอมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แล้วอีแพงล่ะจ๊ะ”
“เมื่อคืนมันไม่มีอาการเจ็บให้ข้าเห็นเลยว่ะอีแก้ว มันชวนข้าคุยเจื้อยแจ้วอยู่ค่อนคืน”
“จริงเหรอจ๊ะพี่ลอ ฉันเห็นตอนมันตกเลือดมันเจ็บทรมานจนฉันร้องไห้น้ำตาร่วงเป็นปี๊บ แสดงว่ามันอาจจะดีขึ้นแล้ว”
“ก็ขอให้มันดีขึ้นเถอะวะ หมอรักษามันเสร็จข้าจะได้พามันไปจากบ้านสร้าง”
“ฉันเห็นด้วยจ้ะพี่ บ้านสร้างมีแต่พวกใจแคบ อยู่ไปพี่กับอีแพงก็ไม่มีความสุข”
“ไอ้ลอ ไอ้ลอโว้ย ข้าพาหมอมาแล้วโว้ย”
“ไอ้ก้อน”
ก้อนกับเรืองพาหมอเข้ามา
“พี่ก้อน ทำไมถึงพาหมอมาเอาเช้าได้ล่ะ น่าจะมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องมันยาวจ้ะแม่แก้ว รีบให้หมอไปดูอีแพงเถอะ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง”
“แม่แพงอยู่ไหนล่ะนายลอ”
“ทางนี้จ้ะหมอ”
ลอรีบพาหมอเข้าไปในกระท่อม แพงนอนนิ่งอยู่บนแคร่
“อีแพง อีแพง หมอมาแล้ว เดี๋ยวเอ็งก็จะดีขึ้นแล้วนะ ให้หมอเขาดูเอ็งหน่อย อีแพง”
ลอเขย่าตัวปลุกแต่เรียกอยู่อีก 2-3 ที แพงก็ไม่รู้สึกตัวจนลอเริ่มชะงักใจเสีย
“อีแพง อย่าเพิ่งหลับตอนนี้สิ หมอเขามาช่วยเอ็งแล้วไง อีแพง อีแพง”
เสียงลอเริ่มสั่นเครือเพราะเริ่มเห็นกับตาว่าแพงป็นเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณ
“อีแพง ตื่นสิวะ ข้าบอกให้ตื่น ตื่นขึ้นมา ตื่นสิวะอีแพง”
“นายลอ ขอหมอดูหน่อย”
หมอเข้าไปจับมือแพง จับชีพจรแล้วชะงัก ก่อนจะเปิดเปลือกตาเช็คลมหายใจ แล้วพบว่าแพงตายแล้ว
“นายลอ หมอเสียใจด้วยนะ แม่แพงตายแล้ว”
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ อีแพงยังไม่ตาย เมื่อตะกี้มันยังคุยอยู่กับฉันเลยนี่จ๊ะหมอ”
“อีแพงตายแล้วจริงๆ นายลอ”
“ไม่เชื่อ อีแพงมันยังไม่ตาย ไม่เชื่อ”
ลอเข้าไปกระชากคอเสื้อหมอแล้วผลักจนเซถลา จากนั้นก็เข้าไปช้อนร่างแพงขึ้นมา
“อีแพงโว้ย ข้าบอกให้ตื่น ข้าไม่ให้เอ็งทิ้งข้าไปแบบนี้นะโว้ย ลุกขึ้นมา ลุกสิวะอีแพง ฮือๆๆ อีแพง”
ลอปล่อยโฮเสียงดังลั่น น้ำตาไหลพรากและกอดแพงเอาไว้ ก้อน เรืองและแก้วได้ยินก็ตกใจ รีบวิ่งเข้ามาแล้วก็ต้องตะลึงกับภาพที่ลอกอดร่างไร้วิญญาณของแพงเอาไว้ ร้องไห้ราวกับคนเสียสติ
ลอเดินย่ำมาตามทาง อุ้มร่างแพงเดินร้องไห้มาตามถนนหมู่บ้าน
“อีแพง ฮือๆ”
ก้อน แก้ว เรืองเดินร้องไห้มาด้วย ทุกคนโศกเศร้าสะอื้นเสียใจ ชาวบ้านที่เดินอยู่สองข้างทางพอเห็นลออุ้มศพแพงเดินร้องไห้เข้ามาก็ตกใจ พากันชี้ให้ดูกันยกใหญ่
ในกลุ่มชาวบ้านที่กำลังยืนดู เพื่อนเดินเข้ามาแล้วสงสัย และพอเห็นว่าลออุ้มแพงเดินมาก็ตกใจ
“พี่ลอ อีแพงเป็นอะไร”
“อีเพื่อน มึงเห็นอยู่ทนโท่แล้วยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ เมียกูลูกกูต้องมาตายเพราะความหน้าซื่อใจคดของมึงไง สะใจมึงแล้วใช่มั้ย”
เพื่อนตกใจผงะ
“อีแพงตายแล้ว”
“เออ มันตายไปพร้อมกับความรักที่มันมีให้กู มันไม่ใช่อีแร่ร่านที่มึงโพนทะนาด่าเสีย มีแต่มึงนี่แหละทิ้งกูไปหาชายอื่นที่พระนคร มึงต่างหากที่ใจง่ายใจคดไม่ใช่กูกับอีแพง”
ลอร้องไห้สะอื้นแล้วอุ้มแพงเดินผ่านเพื่อนไป ก้อนกับเรืองเดินตาม แก้วเข้ามาประจันหน้ากับเพื่อนทั้งน้ำตานองหน้า
“มึงฆ่าอีแพงด้วยความเกลียดชัง มึงใส่ร้ายป้ายสีให้มันเป็นเสนียดกับทุกคน แต่ความ จริงไม่มีวันตายหรอกอีเพื่อน มันจะอยู่กับมึงเหมือนเงาคอยตามหลอกหลอนมึง”
แก้วตบหน้าเพื่อนสั่งสอนทันที เพื่อนหน้าหันอึ้งไป แก้วเดินร้องไห้ตามลอไปวัด เพื่อนยืนตะลึง จะหันไปเอาเรื่องแก้ว แต่ต้องชะงักเพราะถูกชาวบ้านรุมมองด้วยสายตาตั้งคำถามและสงสัย
ทุกคนพยายามขยับเข้ามาถึงตัว เพื่อนต้องถอยหนีวิ่งออกไป
เพื่อนวิ่งขึ้นมาบนชานเรือนด้วยท่าทางตื่นตระหนกมือยังสั่นกลัวสายตาพวกชาวบ้านไม่หาย
“ไม่ใช่ความผิดของข้า ข้าไม่ได้ทำผิดอะไร อีแพงต่างหากทำตัวเอง ทุกคนจะเกลียดข้าไม่ได้”
เพื่อนเริ่มลนลาน เสียงโครมจากในห้องพ่อดังขึ้น เพื่อนตกใจ
“พ่อ”
เพื่อนเข้ามาในห้อง เห็นพ่อลงมากองที่พื้นเลยรีบเข้าไปประคอง
“พ่อ พ่อเป็นอะไรมั้ยจ๊ะ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ อยากได้อะไรให้เรียกฉัน”
“ข้า ข้าฝันเห็นอีแพง ข้า ข้าอยากเจอมัน เอ็งหลบไป ข้าจะไปหาอีแพง”
“พ่อ พ่อไปหาอีแพงไม่ได้หรอกจ้ะ”
“เอ็งไม่ต้องมาขวางข้า หลบไป ข้าจะไปหาอีแพง”
พิศผลักเพื่อนให้หลบแล้วพยายามจะลุก เพื่อนเลยโพล่งให้พ่อรู้
“ฟังฉันบ้างสิจ๊ะพ่อ พ่อไปหาอีแพงอีกไม่ได้แล้ว พ่อต้องอยู่กับฉันที่นี่”
“ทำไม ทำไมข้าถึงไปหาอีแพงอีกไม่ได้”
“เพราะ เพราะ”
“ทำไม บอกข้ามา”
“เพราะอีแพงมันตายแล้ว”
“ว่าไงนะ เอ็งโกหกใช่มั้ยอีเพื่อน”
“ฉันเปล่าโกหก อีแพงมันตายแล้วจริงๆ จ้ะพ่อ”
“อีแพง ไม่จริง ไม่จริง”
พิศรีบเดินออกไป แต่ก็ล้มลงที่ชานเรือนเพราะไม่มี่เรี่ยวแรง เพื่อนตามออกมาจะประคองแต่โดนพ่อปัดและผลักจนล้มลุกคลุกคลานด้วยกันทั้งคู่ พิศคร่ำครวญเสียใจเจ็บปวด
“อีแพง”
ลออุ้มศพแพงร้องไห้เข้ามาถึงที่วัด หลวงพ่อกับผาดและแสงกำลังยืนคุยกันอยู่ พอได้ยิน เสียงร้องไห้สะอื้นก็ตกใจ
“ไอ้ลอ เกิดอะไรขึ้น อีแพงเป็นอะไร”
“หลวงพ่อครับ อีแพงมันตายแล้วครับ”
หลวงพ่อตกใจ พร้อมผาดและแสง ลอทรุดลงกับพื้นทั้งๆ ที่ยังอุ้มศพแพง
“อีแพง เอ็งสาบานว่าจะอยู่กับข้า แล้วเอ็งทิ้งข้าไปได้ยังไง อีแพง เอ็งทิ้งข้าไปไม่ได้ ฮือๆ อีแพง ข้ารักเอ็งนะอีแพง ข้ารักเอ็ง”
ลอระเบิดอารมณ์เสียใจร้องไห้หนักมากต่อหน้าทุกคน
กองไฟกำลังมอดไหม้เผาศพแพงอยู่ที่ลานวัด เสียงร้องไห้ของคนที่รักแพงอย่างแก้ว ก้อนและเรือง ดังระงม พิศซึ่งร่างกายทรุดโทรมก็แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรง ต้องให้ผาดกับแสงช่วยกันประคองยืนดูศพลูกสาวตัวเองถูกเผา
“อีแพง อีแพง พ่อขอโทษ อีแพง ฮือๆๆ”
พิศเสียใจจะเดินเข้าไปใกล้กองไฟ ลอรีบเข้าไปประคองเอาไว้ก่อนจะล้มลง
“อาจ๊ะ อย่าทำอย่างนี้เลย”
“ไอ้ลอ ข้า ข้าผิดเอง ข้าไม่น่าปล่อยให้นังเพื่อนทำกับอีแพงแบบนี้เลย”
“ไม่หรอกจ้ะอา อีแพงมันรู้ว่าอารักมันและมันก็รักอาเหมือนกัน”
“ทุกคนต่างก็มีเวรกรรมของตัว อีแพงมันหมดเวรกรรมในชาตินี้แล้ว เอ็งไม่ต้องโทษตัว เองหรอก แค่วันนี้เอ็งรู้ว่าอะไรคือต้นเหตุของเวรกรรม เอ็งก็ใช้ชีวิตต่อไปได้แล้ว”
พิศน้ำตาคลอ ค่อยๆ ก้มลงกราบเท้าหลวงพ่อ ผาดกับแสงเข้า มาตบบ่าพิศกับลออย่างปลอบใจ แก้วยืนมองกองไฟ ร้องห่มร้องไห้แล้วร่ำลาแพง
“อีแพง เอ็งเป็นเพื่อนที่ข้ารักมากที่สุด ชาตินี้เราทำบุญไว้ด้วยกันแล้ว ชาติหน้าเอ็งกับข้า ต้องกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกนะ”
แก้วร้องไห้สะอื้นตัวโยน ก้อนต้องโอบแก้วมาปลอบใจแล้วประคองพาเดินออกไปพร้อมกับเรือง ทิ้งเหลือไว้แค่ลอกับพิศที่ยังยืนมองกองไฟ ลอเข้าไปคุกเข่ากราบเท้าอาพิศ
“ฉันกราบขอขมาอาจ้ะ อาจะว่าฉันมันไอ้อกตัญญู อุตส่าห์เลี้ยงดูรักเหมือนลูกแล้ว แต่ฉันก็ยังทำให้อาต้องเสียใจ ฉันก็ขอยอมรับผิด”
“ที่ข้าเฝ้ารอให้เอ็งกลับมา ไม่ใช่เพราะข้าอยากฟังคำขอขมาจากเอ็ง”
“แต่ฉันทำผิดจริงๆ นะจ๊ะ ฉันทำอีแพงท้อง ทำให้อาต้องอับอาย ยังไงฉันก็ต้องมารับผิด และขอชดใช้ให้อาเท่าที่ฉันจะชดใช้ได้”
ลอพูดไป แล้วหยิบเอามัดธนบัตรออกมาจากผ้าขาวม้าที่คาดพุง
“ฉันจัดการกับไอ้วีระได้ ทางราชการก็เลยให้เงินค่าหัวมันมา ฉันขอยกให้อาทั้งหมดจ้ะ”
“ข้าไม่รับเงินเอ็งหรอกไอ้ลอ ข้าแค่อยากได้ยินความจริงจากปากเอ็งว่านังเพื่อนมันเลว จริงอย่างที่ไอ้เรืองเล่าให้ข้าฟัง บอกข้ามาสิไอ้ลอ”
“ไอ้เรืองไม่ได้โกหกจ้ะอา แต่ถึงเวลานี้แล้ว ฉันบอกได้แค่ว่า น้ำใจอีแพงมันประเสริฐนัก ชีวิตมันมีแต่อยากให้อาให้ฉันให้นังเพื่อนมีความสุข จนเมื่อวันที่ฉันไม่เหลือใคร ก็มีแต่อีแพงที่ยังเฝ้าดูแลและยังรักฉันอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน ฉันจึงรักและตอบแทนความ เสียสละที่มันมีให้ฉันจ้ะอา”
พิศนิ่งไปใจเสีย ถึงลอจะไม่พูดว่าเพื่อนก็ตาม
“ก็หมายความว่า นังเพื่อนมัน”
พิศกัดฟันแน่นน้ำตาเอ่อเจ็บปวด ระหว่างนั้นเสียงเพื่อนแทรกขึ้นมาไกลๆ
“พ่อจ๊ะ พี่ลอ”
ลอกับพิศชะงักเมื่อหันไปเห็นเพื่อนที่หายหน้าไม่โผล่มางานศพอีแพงเลย
“ฉัน ฉันอยากมาลาอีแพง”
พิศกับลอนิ่งมองหน้ากันอย่างเงียบๆ
“ไอ้ลอข้าจะขออาศัยอยู่ที่วัดกับหลวงพ่อ จะไม่เหยียบกลับไปที่บ้านอีกแล้ว พาข้าไปที”
“อาพิศ”
พิศตั้งใจมาก ลอพอจะเข้าใจจึงช่วยพยุงพิศเดินผ่านเพื่อนออกไปอย่างไม่มีใคร สนใจแม้แต่จะมองเพื่อนเลย
“พ่อ พี่ลอ พูดกับฉันหน่อยสิ อย่าทำเหมือนไม่เห็นหัวฉันแบบนี้ พ่อ พี่ลอ ฉันไม่ได้ผิดอะไร อย่าทำกับฉันแบบนี้ พ่อ พี่ลอ”
เพื่อนมองตามมือจิกกำแน่น
ลอเดินเหมือนคนไร้วิญญาณเข้ามาหยุดมองขลุ่ยบนแคร่ที่วางทิ้งไว้ ภาพของแพงในคืนสุดท้ายยังฝังอยู่ในหัว เขากำขลุ่ยในมือแน่น แล้วเหลือบมองไปที่กระท่อม คิดถึงคืนสุดท้ายที่ได้กอดแพง ลอทนกลั้นความเสียใจและคิดถึงแพงไม่ได้ ปล่อยให้น้ำตาไหลพราก
“อีแพง ฮือๆๆๆ ข้าคิดถึงเอ็งเหลือเกินอีแพง”
“พี่ลอ”
เสียงเพื่อนเรียก ลอชะงักนิ่ง แต่ไม่หันไปมอง ปาดน้ำตาแล้วลุกเดินหนีจะเข้าไปในบ้านอย่างไม่สนใจ
“พี่ลอ ฉันต้องคุยกับพี่ ฉันไปหาพ่อที่วัด แต่พ่อก็ไม่ยอมคุยกับฉันเลย”
ลอยังไม่สนใจ เพื่อนเลยต้องเข้าไปจับมือชายหนุ่มเอาไว้ ไม่ยอมให้เดินหนี
“พี่อย่าเดินหนีฉันสิ วันนี้ฉันต้องพูดกับพี่ให้รู้เรื่อง”
ลอกัดฟัน เจ็บใจ โกรธจนทนไม่ไหว สะบัดมือแรงจนเพื่อนตกใจ
“ไปให้พ้นหน้าพี่”
“พี่ลอ พี่จะมาโกรธฉันแบบนี้ไม่ได้ อีแพงมันตกบันไดลงมาตายเอง ทำไมทุกคนต้องมาโทษว่าเป็นความผิดฉัน”
“แม่เพื่อน ก่อนจะถามแบบนี้ คิดดีแล้วรึยัง ที่ชีวิตพี่กับอีแพงต้องชิบหายมันเพราะใคร ที่ลูกพี่เมียพี่ต้องตาย นั่นเพราะน้ำมือใคร ถ้ารู้อยู่แก่ใจแล้วก็หยุดตอแหลซะที”
“พี่นั่นแหละที่ต้องหยุดด่าฉันซะที พี่โกรธที่ฉันทำให้พวกชาวบ้านด่าพี่ด่าอีแพงว่าเป็น ไอ้พ่อใจง่ายอีแม่ใจคดไม่ได้ เพราะพี่นั่นแหละที่เป็นต้นเหตุด้วย”
“นี่แม่เพื่อนจะโทษพี่เหรอ”
“ฉันไม่ได้จะโทษพี่ทั้งหมด แต่ฉันไม่ใช่คนที่ต้องมารับผิดชอบคนเดียว เพราะพี่เป็นคน ยึดมั่นคำสาบาน เป็นคนดี ไม่ผิดคำพูดให้พวกชาวบ้านเขารับรู้ แม้แต่ฉันเองก็เชื่อว่าพี่ ต้องยึดมั่นคำสาบานที่ว่าจะรักแต่ฉันคนเดียว พี่จำได้มั้ย พี่พูดแบบนั้นกับฉันต่อหน้าพระที่ห้อยคอพี่”
“แม่เพื่อน ทำไมพี่จะจำไม่ได้ พี่สาบานอะไรไว้พี่จำได้หมด เพราะพระของพ่อเตือนสติพี่ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่เหมือนแม่เพื่อนที่ทำผิดแล้วยังหน้าด้านไม่ รู้ไม่เห็นอะไรเลย”
เพื่อนตบหน้าลอทันที
“พี่ว่าฉันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีไม่ได้ เพราะในเมื่อฉันทำผิด ฉันก็สำนึกผิดกลับมาขอขมาแล้ว งั้นฉันก็ไม่ได้หน้าด้านคนเดียว พี่ก็ด้านด้วยเหมือนกัน”
ลอโกรธจนยั้งสติไม่อยู่ จับข้อมือเพื่อนขึ้นมาบีบแน่น แล้วกระชากพาไปที่กระท่อม เพื่อนตกใจ
“พี่ลอ จะทำอะไรฉัน พี่ลอ ฉันเจ็บ”
ลอผลักเพื่อนแรงๆ จนล้มไปบนเสื่อแล้วชี้หน้าด่า
“แม่เพื่อนมาด่าพี่ว่าชั่วว่าผิด งั้นพี่ก็จะบอกให้แม่เพื่อนรู้ว่า พี่รู้ชั่วรู้ผิดตั้งแต่วันแรกที่ ได้อีแพงเป็นเมีย บนเสื่อนั่นไง ตรงนั้นแหละที่พี่ใช้เป็นเรือนหอของพี่กับอีแพง”
เพื่อนชะงักมองพื้นเสื่อ
“ตั้งแต่กลับมาจากพระนคร สำนึกชั่วดีของพี่ก็ยังยึดมั่นคำสาบาน ทั้งๆ ที่รู้ว่าแม่เพื่อน ไม่เห็นค่าของพี่อีกแล้ว แต่ความรักไม่ใช่ความชั่ว มันคือยาวิเศษทำให้พี่มีชีวิตอยู่ได้ เมื่อพี่เหลือแต่ความรักของอีแพงที่มอบให้ พี่จึงไม่ใช่พระอรหันต์”
“พอเถอะพี่ลอ พี่จะพูดให้สวยหรูยังไงก็เป็นได้แค่คำแก้ตัว เพราะความจริงคือพี่ทนอีแพงยั่วไม่ไหวต่างหาก”
“อีแพงไม่เคยยั่วพี่ มันไม่เคยใช้จริตมารยาล่อลวงให้พี่ตายใจเหมือนแม่เพื่อน คืนที่พี่จะ ได้มันเป็นเมีย มันเอาแต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนวันที่มันตายในอ้อมกอดพี่ มันว่ามัน รักพี่ลอเพราะว่ามันเกิดมาเพื่อพี่ลอคนเดียว ความรักของมันยิ่งใหญ่เกินฟ้า เกินน้ำ แต่ แต่พี่ พี่กลับย่ำมันเอาไว้แค่รอยฝ่าตีน เพราะคำสาบานที่ให้ไว้กับอีผู้หญิงสันดานชั่วอย่างมึงไง อีเพื่อน”
เพื่อนผงะ เจ็บใจ ชี้หน้าด่าสวนกลับ
“ถ้าฉันชั่ว พี่มันก็สัตว์”
“สัตว์เหรอ เพราะมึงไม่สาบานมึงเลยนอกใจกูได้ ส่วนกูสาบานเลยนอกใจมึงไม่ได้ มึง คิดว่าที่กูเคยซื่อต่อมึงเพราะกูกลัวคำสาบาน ถุย ฟังนะอีเพื่อน ให้ไฟนรกลุกขึ้นมาอยู่ตรงหน้า ให้ความฉิบหายตายโหงทุกๆ ประการมาสุมอยู่บนหัว ให้สาบานไว้หน้าพระสักร้อยครั้งพันหน ให้ตกนรกร้อยกัปแสนกัลป์ กูยอมหมด แต่ขออย่างเดียวในชาตินี้ ชาติที่กูได้มาพบอีแพง กูขอเป็นผัวมัน รักมันให้สมกับที่มันรักกูให้จงได้”
ลอพรั่งพรูความในใจออกมาพร้อมน้ำตาไหลพราก เพื่อนอึ้ง ลอน้ำตาไหลพรากวิ่งลงมาจากเรือน เพื่อนรีบวิ่งตาม
“พี่ลอ พี่ลอ หยุดนะพี่ลอ ฉันบอกให้หยุด”
ลอไม่หยุด เดินหน้าเครียดจริงจังออกไป เพื่อนกำลังก้าวลงบันได แต่เกิดสะดุดที่ขั้นสุดท้ายล้มลง พยายามจะลุก แต่เจ็บข้อเท้าได้แต่มองตามลอ
“พี่ลอ พี่ลอ”
ลอเดินน้ำตาไหลเข้ามาที่คอกควาย ค่อยๆ เข้าไปจูงไอ้เปลี่ยวออกจากคอกลูบหัวไอ้เปลี่ยวอย่างเจ็บปวด
“อีเพื่อน มึงประณามหยามกูกับอีแพงให้คนทั้งบ้านสร้างมองกูเหมือนตัวเสนียดจัญไร นั่นก็เหมือนมึงบีบให้ชีวิตกูสั้นลงไปทุกที บัดนี้คนที่กูรักและรักกูได้ตายไปแล้ว กูจึงหมดอาลัยที่จะอยู่อีก เมื่อมึงอยากให้กูยึดมั่นคำสาบาน กูก็จะทำตามที่กูลั่นไว้ทุกประการ ไม่ใช่คำสาบานต่อมึง แต่เป็นคำสาบานของกูกับอีแพง ความตายจะพากูไปให้ได้อยู่กับมัน”
ลอค่อยๆ จูงไอ้เปลี่ยวเดินออกไปอย่างเศร้าๆ
ลอขี่ไอ้เปลี่ยวเข้ามาที่คุ้งต้นไทร สายตาทอดไปที่คุ้งน้ำตรงหน้า ก่อนจะลงจากหลังไอ้เปลี่ยว แล้วลูบหัวมัน
“ขอบใจเอ็งนะไอ้เปลี่ยว เอ็งส่งข้าถึงที่แล้ว”
ลอลูบหัวไอ้เปลี่ยวพลางยิ้มบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหันไปมองที่คุ้งต้นไทร
“พ่อให้ข้าสาบานกับพระที่ห้อยคอพ่อ ก็เหมือนให้ข้าสาบานกับศีลกับธรรม แม้ศีลแม้ ธรรมจะไม่ได้เรียกร้องอะไรจากข้า แต่เพราะข้ายังเป็นมนุษย์”
ลอพูดไปก็หันกลับมาที่ไอ้เปลี่ยว แล้วค่อยๆ แกะสายตะพายไอ้เปลี่ยวออก ปล่อยไอ้เปลี่ยวไป
“ไปเถอะไอ้เปลี่ยว เอ็งเป็นอิสระแล้ว ถ้าเหนื่อยที่ต้องใช้แรงงานรับใช้ข้ามานานก็พัก เถอะเพื่อนยาก แต่ถ้าเอ็งยังมีเรี่ยวมีแรงอยู่ ก็จงทำหน้าที่ของเอ็งต่อไป ข้าขอเพียงแค่ สายตะพายนี้ติดตัวข้าไปเท่านั้นพอ ไป”
ลอฟาดบั้นท้ายไอ้เปลี่ยวไสไล่ให้เดินออกไป ก่อนจะหันมามองสายตะพายควายในมือ
เพื่อนเดินกiะเผลกเรียกหาลอ
“พี่ลอ พี่ลอ อย่าทำอย่างนั้นนะพี่ พี่ลอ”
เพื่อนพยายามเดิน แม้จะเจ็บข้อเท้าจนแทบจะล้ม
ลอใช้สายตะพายมัดมือตัวเอง เดินไปที่ริมตลิ่ง มองพื้นน้ำข้างหน้า เสียงแพงดังขึ้น
“พี่ลอจ๋า”
ลอชะงักหันไปที่ใต้ต้นไทรเห็นแพงกับตัวเองกอดกันด้วยความรัก ผลัดกันหอมแก้มไปมา ลอมองภาพนั้นร้องไห้เสียใจ ลมพัดวูบเข้ามา ภาพนั้นก็หายไป ลอยิ่งเจ็บปวด
“อีแพง ข้าก็คิดถึงเอ็งเหลือเกิน คุ้งน้ำที่เราเคยว่ายเล่นด้วยกัน คันนาที่ข้าเคยวิ่งไล่จับเอ็ง บัดนี้ไม่มีเอ็งอยู่อีกแล้ว แล้วข้าจะทนอยู่ต่อไปได้ยังไง”
ลอน้ำตานองหน้า แล้วค่อยๆ ก้าวเดินลงไปยังผืนน้ำข้างหน้าช้าๆ อย่างตัดสินใจ
“ในเมื่อทุกที่ไม่มีเอ็ง ข้าจึงเลือกมาตายที่นี่ตามคำสาบาน ตายอย่างที่ตั้งใจให้เป็นเยี่ยงอย่าง วันนี้บ้านสร้างอาจจะเกลียดเอ็งเกลียดข้าว่าเป็นอีแม่ใจง่ายไอ้พ่อใจคด แต่ความตายของข้านี่แหละจะพิสูจน์ว่าเอ็งกับข้าไม่ใช่นักโทษคำหมิ่น”
ลอพูดไปก็ก้าวเดินลงไปในน้ำทั้งๆ ที่มือมัดไว้ด้วยสายตะพายควาย
“รอข้านะอีแพง ข้ากำลังจะไปอยู่กับเอ็ง ไปรักเอ็งให้สมกับที่เอ็งรักข้า อีแพง”
ลอค่อยๆ จมลงไปในน้ำ ไม่มีอาการดิ้นทุรนทุรายเพราะตั้งใจตาย ลมหายใจ เหลือน้อยลงทุกทีๆ จนเริ่มที่จะหายใจไม่ออก ลอดิ้นเฮือก ตั้งมั่น ไม่ถีบตัวเองขึ้นจากน้ำ ตาเริ่มพร่าและมองไปตรงหน้า
ภาพแพงในน้ำอยู่ตรงหน้าลอ ใบหน้าของแพงสวยงามและยิ้มให้ ลอเริ่มยิ้มอย่างมีกำลังใจ
แพงค่อยๆ ว่ายเข้ามาหาแล้วสวมกอดลอเอาไว้ ทั้งสองสบตากันอย่างซาบซึ้ง
เปลือกตาลอค่อยๆ ปิด ร่างสะดุ้งเฮือกในอ้อมกอดแพง แล้วพากันจมดิ่งลงไปสู่พื้นน้ำเบื้องล่าง
เพื่อนวิ่งกระเผลกเข้ามาแล้วล้มลงตรงศาลใต้ต้นไทร ไม่ทันห้ามไม่ให้ลอฆ่าตัวตาย
“พี่ลอ พี่ลอ พี่ลอ”
เพื่อนร้องลั่นอย่างเสียใจ ที่ถูกทิ้งให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
หลายอาทิตย์ผ่านไป ภายในบ้านพิศมีแต่ฝุ่นหยากไย่จับเต็ม ใบไม้กองเต็มทั้งหน้าบ้านและชานเรือน เพื่อนใบหน้าซูบ ริมฝีปากขาวซีด แววตาเอาแต่เหม่อลอย ขณะที่แกงในหม้อเดือดปุดๆ เพื่อนหันมามองแกงแล้วเอาทัพพีตักแกงขึ้นมา ครุ่นคิดบางอย่าง
เพื่อนยกสำรับอาหารมาวางที่ชานเรือน จัดจานข้าวแบ่งเป็น 4 ที่ มีอาหารคาวหวานหลายอย่าง
“พ่อจ๊ะ พี่ลอ อีแพง มากินข้าวกันเถอะจ้ะ”
เพื่อนตักข้าวครบ 4 ที่ แต่ทุกอย่างเงียบกริบ จัดวางจานข้าวล้อมวงเหมือนว่ามีคนเคยกินร่วมกัน
“แกงเนื้อของโปรดพี่ลอ น้ำพริกที่พ่อชอบส่วนเอ็งก็ข้าวเหนียวเปียกที่บ่นอยากกินไงอีแพง”
เพื่อนมองสำรับตรงหน้าแล้วมองไปรอบๆ ตัวที่ไม่เหลือใคร น้ำตาเริ่มเอ่ออย่างเจ็บปวด แล้วระเบิดความเสียใจปัดทุกอย่างตรงหน้ากระจายโครมคราม
“ทำไม ทำไมทุกคนต้องทิ้งฉันนไว้คนเดียวด้วย ฮือๆๆ ทำไม”
เพื่อนก้มหน้าก้มตาร้องไห้เจ็บปวดที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปคนเดียวอย่างน่าเวทนา
ที่ศาลใต้ต้นไทร ก้อนกับเรืองและแก้วมาจุดธูปไหว้ ก้อนเริ่มพูดขึ้น
“ไอ้ลอ ป่านนี้เอ็งกับอีแพงคงกำลังมีความสุขกัน ส่วนคนที่ยังอยู่ต่างหากที่ต้องทนทุกข์”
“พี่ลอจ๊ะ ตอนนี้ไม่มีใครเขาเกลียดพี่กับอีแพงแล้วนะ เพราะความตายอย่างตั้งใจของพี่ มันพิสูจน์แล้วว่า พี่กับพี่อีแพงไม่ใช่นักโทษคำหมิ่น”
“แต่ความรักที่ยิ่งใหญ่ของไอ้ลอกับอีแพง มันคือเยี่ยงอย่างของหนุ่มสาวคนอื่นๆ ในบ้าน สร้างและหมู่บ้านอื่นๆ ให้ต้องมากราบไหว้ มาเพื่อสาบานว่าจะยึดมั่นในความรักให้ได้ อย่างไอ้ลอกับอีแพง”
เรืองพูดเสร็จก็นิ่งมองศาลตรงหน้าเหมือนกับก้อนและแก้ว
แสงเดินเข้ามากับหลวงพ่อพร้อมกับโกฏิเล็กๆ ใส่อัฐิ
“นังเพื่อน นังเพื่อน”
เพื่อนเอาแต่เหม่อลอยเหมือนคนสติไม่อยู่กับตัว แสงเรียกเท่าไหร่ก็ไม่หัน จนแสงอดสงสารไม่ได้ต้องเอาอัฐิที่ถือมาวางลงข้างๆ
“เอ็งไม่ยอมไปงานศพ ไปงานเผาพ่อเอ็ง ข้าก็เลยเอาอัฐิไอ้พิศมาให้”
เพื่อนเอาแต่เงียบเหม่อไม่รับรู้ แสงอดเป็นห่วงไม่ได้ ต้องหันไปมองหลวงพ่อว่าจะทำอย่างไรดีหลวงพ่อส่ายหน้า
“ทุกข์ที่ทรมานที่สุดคือทุกข์ที่หาทางดับไม่ได้และจำต้องทนอยู่กับมันไปจนชั่วชีวิต”
“ก็ไม่ต่างกับนรกบนดินที่ทำให้เหมือนตายทั้งเป็น”
หลวงพ่อพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป แสงมองเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินตามหลวงพ่อไป
เพื่อนเหม่อลอย ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
จบบริบูรณ์