xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อน แพง ตอนที่ 13

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพื่อน แพง ตอนที่ 13

เพื่อนรออยู่ในห้องโถง พอเห็นมานพเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปถามอย่างไม่พอใจ
 
“คุณหลบหน้าฉันทำไมคะคุณมานพ”
“ผมหลบหน้าคุณที่ไหน”
“ยังมาเฉไฉอีก ฉันให้โรงแรมโทรหาคุณตลอดทั้งวัน แต่คุณก็ไม่ยอมรับสาย”
“โธ่เอ๊ย ผมมีงานที่ต้องทำนะครับ สถานการณ์แบบนี้คุณก็น่าจะคิดเป็นบ้าง ไม่มีใครเขาอยู่ว่าง หายใจทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์หรอก”
“นี่คุณว่าฉันเหรอ”
“ผมไม่ได้หมายถึงคุณ”
“คนใจร้าย คุณบอกว่ารักฉันอยากจะแต่งงานกับฉัน แต่พอฉันต้องการคุณ คุณกลับหายหน้า ไม่คิดเป็นห่วงฉันเลยว่าจะอยู่ยังไง จะคิดถึงคุณมากแค่ไหน”
เพื่อนพูดไปก็น้ำตาคลอน้อยใจพาลจะร้องไห้ มานพเลยต้องเข้าไปจับบ่าขยับให้เข้ามาใกล้
“ไม่เอาน่าคนดี ตอนนี้ผมต้องวุ่นวายจัดการธุระหลายอย่างในบ้าน เพราะคุณพ่อจำเป็น ต้องเลี่ยงความรุนแรงในพระนครไปอยู่เพชรบุรี ไว้ผมเสร็จธุระแล้วผมจะไปหาคุณที่โรงแรม”
มานพดึงเพื่อนมากอดแนบอก หวังใช้คำหวานเบี่ยงประเด็น เพื่อนซบหน้ากับแผ่นอกมานพเหมือนจะคล้อยตามคำพูด แต่เริ่มผิดกลิ่นที่โชยจากตัวมานพจนรีบผละออก
“คุณว่า คุณทำธุระอยู่ใช่มั้ยคะ”
“ใช่”
“คนเดียวรึเปล่า”
“คนเดียวสิ ถามทำไม”
เพื่อนสงสัย ไม่ตอบ แล้วพุ่งออกจากห้องไปทันที มานพอึ้ง เดินตามเพื่อนเข้ามาที่ห้องพยายามห้าม
“คุณเพื่อน คุณจะทำอะไร นั่นมันห้องทำงานผมนะ”
เพื่อนไม่ยอมตอบ ปรี่ไปที่ประตูแล้วเปิดเข้าไปทันที
“อย่าเข้าไป”
เพื่อนเปิดประตูเข้าไปหวังจะเจอเจ้าของกลิ่นโคโลญจน์หอมๆ ที่ได้กลิ่นจากตัวมานพ แต่ในห้องทำงานกลับว่างเปล่า ไม่มีใครเลย เพื่อนสงสัย มานพเข้าไปกระชากแขนมาถาม
“คุณทำอะไรของคุณ”
“อยู่ไหน ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน”
“คุณถามถึงใคร”
“ก็เจ้าของน้ำหอมที่ฉันได้กลิ่นมาจากตัวคุณไง คุณโกหกฉัน คุณไม่ได้ทำงานอยู่คนเดียว ฉันจำได้ว่าคุณไม่เคยใช้น้ำหอมกลิ่นนี้”
“นี่คุณพยายามจับผิดผมเหรอ”
“คุณตอบฉันมาดีกว่าว่าคุณโกหกฉันทำไม”
“ผมไม่ได้โกหกคุณ ผมทำงานอยู่ที่นี่คนเดียวจริงๆ ส่วนไอ้กลิ่นน้ำหอมที่คุณได้กลิ่น มัน ติดตัวผมมาตั้งแต่ผมออกไปพบปะผู้ใหญ่ก่อนคุณจะมา ผมอธิบายอย่างนี้แล้ว คุณยัง จะมีอะไรไม่เข้าใจอีก”
เพื่อนหน้าเสีย
“จริงเหรอคะคุณมานพ”
“ผมมีอะไรก็พูดไปแล้ว แต่ถ้าใจคุณยังคิดแต่ไม่ไว้ใจผม เราพูดกันไปก็เปล่าประโยชน์”
มานพเดินออกไป เพื่อนกลัวมานพโกรธ รีบตามไปหน้าบ้าน
“เดี๋ยวสิคะคุณมานพ ฉันขอโทษ ฉันผิดเองที่แสดงอาการไม่ไว้ใจคุณ แต่ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะหวงคุณไม่ใช่เหรอคะ”
“ได้ครับ แต่ก็ควรจะให้พองาม”
“คุณมานพ”
“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะส่งคุณกลับโรงแรม แล้วรอให้ผมเสร็จธุระผมจะไปอยู่กับคุณ”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่กลับ ฉันจะอยู่กับคุณที่นี่”
“คุณจะมาอยู่กับผมได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อคุณป่าวประกาศต่อหน้าผู้ดีกว่าครึ่งในพระนครว่าคุณกำลัง จะแต่งงานกับฉัน ตอนนี้น้าโฉมก็ย้ายไปแล้ว การที่คุณให้ฉันไปอยู่ที่โรงแรมตามลำพังแบบนี้ มันคงจะเป็นเรื่องน่าผิดสังเกตเกินไป และก็คงจะกลายเป็นขี้ปากว่าคุณดูแลฉัน เหมือนนางบำเรอ”
“ใครจะพูดอะไรก็ช่างหัวเขาสิ”
“เหรอคะ เกียรติและศักดิ์ศรีคุณหายไปไหน คุณถึงยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่คุณบอกรัก บอกฉันมาสิคะ”
“ก็ได้ ผมขอโทษ ผมจะให้คนรับใช้จัดห้องให้คุณพัก”
มานพบอกแล้วเดินเข้าบ้านไป เก็บอาการไม่พอใจ เพื่อนเริ่มรู้สึกถึงความไม่ราบรื่นของชีวิตคู่กับมานพ

แพงเอาผ้าชุบน้ำช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พิศ
“เบาๆ หน่อยสิวะอีแพง เอ็งจะเช็ดตัวข้าหรือจะถลกหนังข้ากันแน่วะ”
“อย่าบ่นหน่อยเลยน่าพ่อ ตอนที่ฉันเรียนอยู่ที่พระนคร ครูฝรั่งเขาสอนว่า เวลาตัวร้อนเป็นไข้ ต้องอาศัยเช็ดตัวแรงๆ แบบนี้ ไข้มันถึงจะลง”
“หือ เอ็งว่าไงนะ ครูฝรั่งเขาสอนเอ็งเหรอ เอ็งฟังภาษาพวกมันรู้เรื่องด้วยเหรอวะ”
“เอ่อ”
“ว่าไงอีแพง ไหนเอ็งบอกว่าเอ็งไม่ได้สนใจเรียน เพราะมัวแต่ไปตบตีกับพวกผู้ดีไง”
“ก็ใช่น่ะสิพ่อ ฉันฟังไม่รู้เรื่องหรอก พี่เพื่อนต่างหากที่เขาฟังออกเลยมาบอกฉันอีกที”
“เฮ้ย นังเพื่อนน่ะเหรอฟังภาษาพวกฝรั่งมันรู้เรื่อง เอ็งอย่าโม้ให้ข้าดีใจไป”
“จ้ะพ่อ พี่เพื่อนเขาเก่ง เรียนรู้ไว ไปอยู่พระนครไม่เท่าไหร่ก็เข้ากับคนในพระนครได้ดีเชียว นี่ถ้าพ่อได้เห็นพี่เพื่อนเขากับตานะ ฉันว่าพ่อจำเขาไม่ได้หรอก เพราะเขาทั้งแต่งหน้าทาปาก ใส่กระโปรงบานเป็นสุ่ม”
“ก็สวยอย่างนางฟ้านางสวรรค์เลยน่ะสิวะ”
“สวยที่ไหน ฉันว่าเหมือนอีวอกปากแดงเล่นลิเกมากกว่า”
พิศเขกหัวแพง
“อีแพง เดี๋ยวก็โดนเลาะฟันออกมาให้หลาบจำซะหรอก พี่สาวเอ็งมันใฝ่ดี เอ็งก็ต้องดูเขาเป็นตัวอย่าง”
“อู้ย จ้ะพ่อ เป็นตัวอย่างที่ดีให้ต้องเลียนแบบบ้างจริงๆ”
“อีนี่ ไปเลย จะไปไหนก็ไป พอแล้ว ข้าจะนอน”
แพงหันมาเก็บอ่างเก็บผ้าแล้วลุกออกไป หันไปมองพ่ออมยิ้มชื่นใจ
“เอ็งไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ นังเพื่อน”

แพงหน้าสลดลง แต่ก็ฝืนความรู้สึกเดินเงียบๆ ออกไป

แพงเอาอ่างน้ำที่เช็ดตัวพ่อออกมาเทที่หน้าบ้าน ระหว่างนั้นลอจูงไอ้เปลี่ยวเข้ามา
 
“อีแพง ข้าว่าเอ็งพอเถอะ อย่าไปปดเรื่องแม่เพื่อนให้อาแกฟังอีก เดี๋ยวจะไปกันใหญ่”
“ทำไมเหรอ กลัวว่าพี่เพื่อนกลับมาแล้วจะไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันปดล่ะสิ”
“อีแพง ข้าเตือนเพราะไม่ชอบให้เอ็งผิดศีล ยิ่งกับบุพการีด้วยแล้ว นรกจะกินกบาล”
“ฉันไม่กลัวหรอกพี่ลอ ในเมื่อคนเรามักชอบฟังเรื่องที่ตัวเองอยากฟัง ฟังแล้วมันมีความสุข พาลไม่เจ็บไม่ไข้ กินได้นอนหลับฉันก็พร้อมจะตกนรกเพราะมุสา”
“ยังจะเถียงอีก”
“อธิบายก็ว่าเถียง หรือพี่อยากจะฟังฉันโม้ให้สบายใจสักเรื่องมั้ยล่ะ เอาเป็น พี่เพื่อนยังคิดถึงพี่อยู่ แล้วเพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนคุณมานพหลอก พี่เพื่อนก็เลยพร้อมจะกลับ มาหาพี่เพราะรู้ว่าพี่ลอไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียด แม้จะรู้ว่าโดนทรยศ แต่ก็พร้อมจะให้อภัยเสมอ”
“อีแพง”
“ไม่ต้องทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนฉันหรอกพี่ ฉันรู้ว่าพูดแบบนี้แล้วพี่คงมีกำลังใจทำงานทำการ หันกลับมาเป็นพี่ลอคนเดิม”
แพงว่าแล้วก็หันไปคว้าข้องคว้าแหจับปลา
“ฉันไปหาปลาละ ว่าจะกลับมาแกงปลาช่อนให้พ่อกิน”
แพงเดินออกไป ลอมองตาม คำพูดของแพงก็มีส่วนถูก ลึกๆ เขาก็ยังหวังว่าเพื่อนจะกลับมา

แพงลงไปแช่อยู่ในบึงน้ำแล้วเหวี่ยงแหเพื่อจับปลา พอดึงแหขึ้นมา ก็อดดีใจไม่ได้เพราะได้ปลา
“ขอโทษด้วยนะไอ้ช่อน พ่อข้าไม่ได้กินของอร่อยๆ มานานแล้ว ไว้จะทำบุญไปให้เอ็งนะ”
แพงกำลังจะจับปลาช่อนใส่ข้อง แต่ได้ยินเสียงแก้วคุยกับก้อนดังเข้ามา
“ตกลงพ่อพี่จะให้เราแต่งเดือนยี่นี่เลยเหรอจ๊ะ”
“ใช่จ้ะ พี่ก็เห็นด้วยนะ ไม่ช้าไม่เร็วพอมีเวลาให้แม่แก้วได้เตรียมตัว แต่พี่ไม่ต้องเตรียมอะไร เพราะพี่พร้อมจะเป็นผัวแม่แก้วมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
ก้อนกะลิ้มกะเหลี่ยสวมกอดขโมยหอมแก้ม แก้วกระทุ้งศอกเข้าให้จนก้อนจุก
“ทะลึ่งตึงตังนะพี่ก้อน ถ้าไม่รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวานก็ไปปีนต้นตาลเฉาะตาลมากิน พลางๆ ก่อนเถอะพ่อ”
แพงกลัวแก้วกับก้อนจะเห็น เลยต้องรีบก้มหน้าจมลงไปในน้ำ โผล่มาแค่ลูกตา ปลาช่อนที่เพิ่งจับได้ก็ต้องปล่อยหลุดมือไปอย่างเสียดาย
“โธ่เอ๊ย อุตส่าห์จับได้”
“เงียบๆ ก่อนพี่ก้อน”
“อะไรเหรอ”
แก้วมองไปที่บึง ก้อนมองตามแต่ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต
“แม่แก้วได้ยินเสียงอะไรเหรอจ๊ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ฉันว่าเราไปกันเถอะ พี่ต้องไปหาหลวงพ่อไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะเพลซะก่อนนะ”
“จ้ะ”
ก้อนกับแก้วพากันออกไป แพงจึงค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ เป่าปากโล่งอก
“เกือบไปแล้วอีแพง เสียเวลาต้องจับใหม่จนได้”

แก้วยืนกอดอกรออยู่บริเวณเถียงนา หน้าเคร่งเครียด แพงเดินอมยิ้มมองปลาช่อนในข้องอย่างสบายอกสบายใจ ก่อนจะชะงักเมื่อเสียงแก้วดังขึ้น
“เอ็งคิดจะหลบหน้าข้าอีกนานมั้ยอีแพง”
“อีแก้ว”
“ตกลงเอ็งฉลาดหรือโง่กันแน่ บ้านสร้าง ไม่ได้ใหญ่โตอย่างพระนคร ถึงคิดว่าจะหลบหน้าข้าได้”
“ข้า ข้าไม่ได้อยากจะหลบหน้าเอ็ง ข้าแค่ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเอ็งตอนนี้”
“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม”
“ข้าอยากให้อาการพ่อข้าดีกว่านี้”
“อย่าอ้างไปเรื่อยอีแพง วันนี้เอ็งบอกรอให้พ่อดีขึ้น เดี๋ยววันต่อมาเอ็งจะบอกว่ารอให้พี่ ลอทำใจได้”
“ไม่หรอกอีแก้ว ข้าผิดคำพูดกับเอ็ง ยังไงข้าก็ต้องขอโทษเอ็งให้ได้”
“ขอโทษเหรอ นี่ นี่เอ็งคิดว่าที่ข้า ข้า มาดักรอเจอหน้าเอ็งอยู่นี่ เพราะอยากฟังคำขอโทษจากเอ็งเหรออีแพง ข้าไม่อยากฟังคำขอโทษโว้ย มันสายเกินไปแล้ว เพราะเอ็งไม่เห็นข้าเป็นเพื่อน เอ็งถึงไม่ไยดีไม่สนว่าข้าจะรักเอ็งห่วงเอ็งแค่ไหน ฮือๆๆ”
“อีแก้ว เอ็งเป็นเพื่อนรักของข้าจริงๆ นะ ชีวิตข้าไม่เคยมีใครรักแล้วเป็นห่วงข้าเหมือน อย่างเอ็งเลย จริงๆ นะอีแก้ว”
แพงพยายามจะเข้าจับแขนแก้ว แต่กลับถูกแก้วสะบัดปัดอย่างแรงจนแพงล้มลง
“มึงไม่ต้องมาตอแหลกู ฮือๆๆ ถ้ามีกูคนเดียวที่รักแล้วเป็นห่วงมึง มึงก็ต้องเชื่อกูสิวะ แต่นี่นอกจากมึงจะไม่เชื่อกู มึงยังหน้าด้านโกหกกูหน้าตาเฉยอีก ฮือๆๆ”
แก้วเสียใจร้องไห้เจ็บปวดแล้ววิ่งออกไป แพงนั่งอึ้งเสียใจ ก่อนจะวิ่งตามไป
“อีแก้ว”
แก้วเดินร้องไห้เสียใจผิดหวังจากแพงมาตามทาง
“อีแก้ว ข้าขอโทษ ยกโทษให้ข้าเถอะ จะให้ข้าชดใช้เอ็งยังไงข้ายอมทั้งนั้น แต่อย่าเดินหนีข้า อย่าบอกว่าข้าไม่ใช่เพื่อนเอ็งอีก”
“เอ็งยังกล้ามาขอชดใช้ให้ข้าอีกเหรอ ทั้งๆ ที่ข้าไม่เคยอยากได้อะไรจากเอ็ง นอกจาก อยากเห็นเอ็งได้ดิบได้ดี แต่เอ็งก็ยังโง่เง่าทิ้งอนาคตตัวเองเพราะผู้ชายที่มันไม่เคยเห็นค่าความรักของเอ็ง”
“ที่เอ็งด่าข้าโง่มันถูกต้องแล้วอีแก้ว เพราะคนฉลาดคงไม่มีใครทนรักอย่างโง่ๆ ทนรัก อย่างขมขื่น ทนเพื่อกลั้นน้ำตาหัวใจ แต่ทั้งหมดที่ข้าทำก็เพราะว่านั่นคือพี่ลอ”
“พอซะทีเถอะอีแพง ถ้าเอ็งคิดแต่จะทำทุกอย่างเพื่อพี่ลอเพราะเขาเป็นเจ้าชีวิตเอ็ง งั้นชาตินี้เอ็งก็ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว เชิญดักดานต่อไปเถอะ ข้าไม่ไหวแล้ว”
แก้วจะออกไป แพงรีบคว้าข้อมือ
“อีแก้ว อย่า อย่าเลิกคบข้า ข้าไม่เหลือใคร”
“ปล่อย ฮือๆๆ ปล่อยข้าเถอะอีแพง ข้าทนคบเอ็งอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะข้าไม่อยากเห็นเอ็งต้องเจ็บปวดทุกวัน ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว”
แก้วแกะมือแพงอย่างตัดใจ แพงร้องไห้เสียใจหนัก ระหว่างนั้นเรืองผ่านมาเห็นเข้า สงสัยรีบเข้ามาดู
“อีแก้ว อีแพง เกิดอะไรขึ้น”
แก้วได้โอกาสที่เรืองเข้ามา แกะมือแพงแล้ววิ่งออกไปทันที แพงจะตามแต่เรืองคว้าตัวแพงเอาไว้
“เดี๋ยวอีแพง เอ็งกลับมาได้ยังไง แล้วไปทะเลาะอะไรกับอีแก้วมัน”

แพงมองเรืองด้วยความเสียใจ

แพงเอาแต่นั่งเงียบอยู่ใต้ถุนเรือนของแสง เรืองเอาขันน้ำเข้ามายื่นให้
 
“กินน้ำกินท่าหน่อยเถอะอีแพง”
“ขอบใจไอ้เรือง”
“เฮ้อ ข้าเข้าใจทั้งเอ็งทั้งอีแก้ว แต่เอ็งมันก็ผิดจนไม่น่าให้อภัยจริงๆ ถึงจะรักไอ้ลอมากแค่ไหน แต่เอ็งก็ต้องรักตัวเองด้วย อีแก้วเลยว่าไม่คุ้มเสียที่เอ็งทำแบบนี้”
“แต่ข้าคิดดีแล้วไอ้เรือง ขืนให้ข้าไปอยู่เมืองนอก ข้าก็ต้องหาทางหนีกลับมาอยู่ดี ข้ารัก ทุกอย่างที่บ้านสร้าง ข้าเกิดที่นี่ ข้าก็ขออยู่ที่นี่ไปจนตาย”
“ก็คงเหมือนกับที่ข้ารักพ่อ รักวิชาความรู้ครูบาอาจารย์ ข้าถึงพยายามจนพ่อยอมรับข้า”
“ครูเขายอมรับเอ็งแล้วเหรอไอ้เรือง”
“เออ เขาทำใจเรื่องพี่แรมได้แล้ว ตอนนี้เขาก็เลยให้ข้าช่วยสอนคนอื่นด้วย”
“ข้าดีใจกับเอ็งด้วยนะไอ้เรือง”
“เรื่องข้าเอาไว้ก่อนเถอะ เอ็งกับอีแก้ววิ่งเล่นกันมาแต่เด็ก มันคงโกรธเอ็งไม่นาน เดี๋ยวก็คงหายเหมือนทุกครั้งที่เอ็งกับมันมีปากเสียงกัน เอาเป็นว่าข้าจะช่วยพูดกับมันให้ เหลือก็แต่เรื่อง”
“เรื่องข้ากับพี่ลอ”
“เออ ถึงตอนนี้ไอ้ลอจะไม่มีนังเพื่อนแล้ว แต่ข้าก็ไม่อยากให้เอ็งใกล้ชิดไอ้ลอให้มากนัก ในเมื่อเอ็งกับไอ้ลอยังปิดเรื่องนังเพื่อนอยู่ ยังไงก็ไม่พ้นขี้ปากแย่งผัวพี่แน่อีแพง”
แพงนิ่งเงียบไป

เวลาเย็นโพล้เพล้ แพงยกถ้วยน้ำพริกกับผักเคียงเข้ามาเพิ่ม ขณะที่พิศกำลังนั่งกินข้าวอยู่
“ยังมีกับข้าวมาอีกเหรอวะอีแพง แค่นี้ข้าก็อิ่มจะจุกอยู่แล้ว”
“ฉันรู้ว่าพ่อจะอิ่ม แต่ที่เอามาเพิ่มไม่ได้ให้พ่อ”
“แล้วให้ใคร”
“ก็พี่ลอไงจ๊ะ เดี๋ยวเขากลับจากทำงานมาเหนื่อยๆ จะได้มีกับข้าวให้กินอิ่ม”
“เออ จริงของเอ็ง นี่ถ้าไม่ทักข้าคงฟาดแกงปลาช่อนเอ็งซะเรียบไม่เหลือให้ไอ้ลอแล้ว”
“เห็นพ่อกินเยอะแบบนี้ได้ฉันก็ดีใจ พ่อจะได้หายเร็วๆ เดี๋ยวพี่ลอมาพ่อก็บอกให้เขากินให้อิ่มด้วยล่ะ”
“แล้วเอ็งล่ะ จะหายหัวไปไหนอีก”
“ฉันก็จะไปอาบน้ำอาบท่าบ้างสิพ่อ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน”
แพงบอกแล้วเดินออกไป

บริเวณท่าน้ำ แสงโพล้เพล้ยามเย็น แพงนุ่งผ้าถุงอาบน้ำอยู่ที่ท่า ขัดเนื้อขัดตัวก่อนจะลงไปแช่น้ำ แหวกว่ายอยู่ในน้ำได้ครู่ก็ชะงัก เจ็บแปลบขึ้นมา
“โอ๊ย”
ระหว่างนั้น ลอแบกจอบเสียมกลับจากงานในสวนผ่านมา เห็นแพงหน้าตาเหยเก เจ็บอยู่ในน้ำ
“อีแพง เอ็งเป็นอะไร”
“พี่ลอ พี่มาทำอะไรแถวนี้”
“อ้าว เอ็งนี่ถามแปลก ข้าเสร็จงานในสวนก็จะแวะมาล้างเนื้อล้างตัว กลับไปกินข้าวสิวะ”
“เหรอ งั้นพี่ไปกินข้าวก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยมาล้างตัวก็ได้ อู้ย”
“เป็นอะไรของเอ็ง หา อีแพง เอ็งโดนอะไรเข้าให้ถึงได้ร้องเจ็บ”
“เปล่าจ้ะ”
“เปล่าอะไร ข้าได้ยิน งูกัดเอ็งเหรอ”
“ไม่ใช่งูหรอก ขาฉันเหยียบหินจ้ะ พี่ลอรีบไปกินข้าวเถอะไม่ต้องห่วงฉัน”
“เอ็งไม่ต้องไล่ข้า รีบขึ้นมาจากน้ำเดี๋ยวนี้”
“ไม่ ฉันไม่ขึ้น พี่ลอรีบไปเถอะ”
“อีแพง บอกมา ว่าเอ็งโดนอะไร ไม่งั้นข้าจะลงไปอุ้มเอ็งขึ้นมา เร็ว”
“บอกก็ได้ ฉันโดนปลิงเกาะขา”
“หา ปลิงเกาะขาเอ็ง โธ่อีแพง ทำเป็นเรื่องใหญ่ แค่ปลิงเกาะขาก็รีบขึ้นมา ข้าจะช่วยเอาออกให้”
“ไม่ต้องหรอกพี่ลอ ฉันเอาออกได้”
“ข้าพกใบยาสูบมาด้วย เดี๋ยวข้าเอามันออกให้ มันเกาะขาเอ็งตรงไหน”

แพงหน้าจ๋อยๆ อาย ไม่กล้าพูด

ลออุ้มแพงซึ่งใส่ชุดกระโจมอกมานั่งที่แคร่ริมท่าน้ำ แพงมีอาการเจ็บๆ
 
“ปลิงมันเกาะขาข้างไหน เดี๋ยวข้าเคี้ยวยาสูบแล้วดึงมันออกให้”
“พี่ทิ้งใบยาสูบไว้เถอะ เดี๋ยวฉันดึงมันออกเอง”
“ไหนเอ็งเคยบ่นว่าแพ้กลิ่นใบยาสูบนักไม่ใช่เหรอ ได้กลิ่นทีไรปวดกบาลจะอ้วกทุกที”
“เอ่อ ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว ฉันทำเองได้จริงๆ พี่ลอรีบๆ ไปเถอะ อู้ย”
“ถลกผ้าถุงขึ้นมาอีแพง”
“พี่ลอ”
“เอ็งจะถลกขึ้นเองหรือจะให้ข้าถลกให้ เร็ว”
แพงชะงักแล้วค่อยๆ ถลกชายผ้าถุงขึ้นจากครึ่งแข้งขึ้นมาเรื่อยๆ ช้าๆ จนเริ่มเลยขึ้นมาเหนือหัวเข่า จึงเห็นปลิงตัวใหญ่เกาะติดอยู่ที่หน้าขาอ่อน
“ตัวใหญ่ขนาดนี้ ขืนเอาออกเองเอ็งได้เลือดสาดแน่อีแพง อยู่เฉยๆ เดี๋ยวข้าเอาออกให้”
ลอหันไปคว้าใบยาสูบจากย่ามมาเคี้ยวๆ ให้ใบยาสูบแหลกปนกับน้ำลายจนชุ่มก่อนจะคายออกมาแล้วโปะลงไปที่ตัวปลิงตรงขาอ่อนของแพง รอให้ปลิงระคายเคืองน้ำจากยาสูบและหลุดออกมา ลอค่อยๆ ดึงปลิงออกมาช้าๆ แล้วโยนทิ้งไปในคลอง ส่วนที่ขาอ่อนแพงก็ชุ่มไปด้วยเลือดที่โดนปลิงกัด ลอฉีกแขนเสื้อตัวเองเอามาซับเลือดให้ แพงมองลอซึ่งช่วยทำแผลเบื้องต้นให้ รู้สึกดี แต่พอมือลอแตะโดนขาอ่อนมากขึ้น แพงก็รู้สึกอาย
“เอ่อ พี่ลอ เดี๋ยวฉันทำแผลเองต่อก็ได้”
“ทำไมล่ะวะอีแพง ข้าจะทำแผลให้เอ็งเสร็จอยู่แล้ว อยู่เฉยๆ เถอะ”
แพงรีบปัดมือลอ
“ฉันเป็นผู้หญิงนะพี่ลอ มาถลกผ้าถุงจับขาอ่อนฉันแบบนี้ จะไม่ให้ฉันอายได้ยังไง”
ลอชะงัก เพิ่งรู้ตัว มองที่ขาอ่อนแพงแล้วมองไปที่หน้าอกหน้าใจซึ่งไม่ได้มีผ้าคลุม อย่างไม่ตั้งใจ
“พูดแล้วยังมองฉันอีก ทะลึ่ง”
แพงผลักลอเซล้มแล้วรีบกะเผลกไปคว้าผ้าขาวม้ามาคลุมไหล่ปิดเนินอกอย่างอายๆ
“เอ้าอีนี่ ถ้าเอ็งไม่พูดขึ้นมา ข้าก็คงไม่”
ลออดเหลือบมองอีกไม่ได้
“พี่ลอ ขืนฉันไม่พูดให้พี่หยุด พี่ลอก็จับขาอ่อนฉันมันมือไปเลยน่ะสิ”
แพงรีบคว้าขันแล้วเดินหนีลอไปอย่างอายๆ
“อะไรของมันวะ”
ลองงๆ แต่ก็ยกมือขึ้นมาดูมือตัวเองที่เพิ่งจะได้สัมผัสขาอ่อนแพง แล้วเผลออดคิดไม่ได้
“นี่เอ็งโตเป็นสาวอย่างนี้แล้วเหรอวะอีแพง”

แพงกลับเข้ามาถึงใต้ถุนเรือนในสภาพยังนุ่งกระโจมอก ยืนหลบข้างเสา ใจยังเต้นแรง ภาพพี่ลอค่อยๆ สัมผัสขาอ่อนตัวเอง ทำให้แพงยิ่งหน้าแดงหัวใจเต้นแรง ลอกลับเข้ามาที่เรือน แพงไม่กล้าโผล่หน้าออกไปหาลอ พิศร้องทัก
“มาแล้วเหรอไอ้ลอ ขึ้นมากินข้าวกินปลาเถอะ อีแพงมันเตรียมไว้รอเอ็งจนจะชืดอยู่แล้ว”
“ขอบใจจ้ะอา”
“ฝีมืออีแพงอาจจะไม่อร่อยเท่าฝีมือนังเพื่อน เอ็งก็ทนๆ ไปหน่อยแล้วกัน ไว้นังเพื่อนมัน กลับมาแล้วค่อยกินฝีมือมันให้หายอยาก”
“แต่ฉันว่าฝีมืออีแพงมันก็เข้าท่าอยู่นะจ๊ะอา ยิ่งถ้าให้มันแกงเนื้อกับเปียกข้าวเหนียวเอา มาวางคู่กับของแม่เพื่อนล่ะก็ ฉันแยกไม่ออกเลยเชียวว่าของใครเป็นของใคร”
“เอ็งอย่ายอมันเกินไปนัก ถึงมันจะเป็นน้องเป็นนุ่งก็ไม่ต้องไปตามใจมันมากนัก เดี๋ยวมัน จะเหลิง สันดานอีแพงยิ่งไม่ค่อยฟังใครเท่าไหร่ แม้แต่ข้ามันก็หูทวนลมบ่อยๆ”
“จ้ะ อาไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วฉันเก็บเอง”
“ไม่ต้อง กินเสร็จก็เรียกอีแพงให้มาเก็บ แล้วเอ็งก็ไปนอนพักเอาแรง พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้าอีก”
“จ้ะอา”
พิศเดินกลับเข้าไปในบ้าน ลอนั่งลงเปิดฝาชีแล้วตักกับราดบนข้าว เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ฝีมือเอ็งจะทำเอาข้าจุกมั้ยเนี่ยอีแพง เหลือไม่ได้เลยสักอย่าง”
แพงชะโงกหน้าดูลอกินกับข้าวฝีมือตัวเองแล้วอดยิ้มดีใจไม่ได้ที่เห็นลอกินไม่หยุดและกินอย่างเอร็ดอร่อย

ตอนค่ำ ลอยกถาดจานข้าวที่กินจนเกลี้ยงเข้ามาในครัว แพงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบเข้ามา
“วางไว้นั่นแหละพี่ลอ เดี๋ยวฉันเก็บล้างให้เอง”
“ไม่ต้องหรอกอีแพง เอ็งไปนอนเถอะ ข้ากินเองก็เก็บล้างเองได้”
แพงเข้าไปแย่งออกจากมือ
“แต่มันหน้าที่ฉัน ขืนพ่อมาเห็นพี่ทำ ฉันก็โดนด่าอีกน่ะสิ”
แพงกระชากถาดจากมือลอแรงไป ทำให้จานชามในถาดหล่นลงมาเสียงดัง พิศตะโกนออกมา
“อีแพง ซุ่มซ่ามอะไรของเอ็งอีก โครมครามอยู่ได้ ข้าจะนอนโว้ย”
“ขอโทษจ้ะพ่อ”
แพงรีบก้มลงเก็บจานชามที่พื้น ลอช่วยเก็บด้วย ทำให้มือลอจับมือแพงอย่างไม่ตั้งใจ แพงหันหน้ามาจนหน้าเกือบจะชนกับลอ สายตาของทั้งคู่สบประสานอย่างไม่ตั้งใจ ลอชะงักมองแพง แพงรีบดึงมือออกจากมือชายหนุ่ม แล้วไม่กล้าสบตาเขาอีก
“ฉันลอกใบจากเอาไว้ให้พี่มวนยาแล้ว วางไว้แถวคอกไอ้เปลี่ยว พี่รีบไปเอาเถอะ”
แพงบอกปัดแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บจานชาม ลอยังนิ่งมองแพง
“ไปสิพี่ลอ เดี๋ยวไอ้เปลี่ยวนึกว่าเป็นฟางก็เผลอเคี้ยวแย่งพี่ไปหรอก”
ลอมองแพงแล้วเดินออกไป
 
แพงรอจนลอไม่อยู่แล้วจึงค่อยๆ หันกลับมามองตาม ด้วยใจที่ยังเต้นแรงกับความใกล้ชิดกับลอโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีเพื่อนอยู่ให้รู้สึกผิด 

เพื่อน แพง ตอนที่ 13 (ต่อ)

พระจันทร์คืนเดือนแรม
 
ลอนั่งอยู่ที่ชานเรือนเป่าขลุ่ยเสียงเศร้าๆ พลางคิดถึงเพื่อน น้ำตาคลออย่างเสียใจก่อนที่เสียงของเพื่อนจะดังขึ้นจากข้างหลัง
“พี่ลอจ๊ะ”
“แม่เพื่อน”
ลอหันขวับเห็นเพื่อนในชุดสาวชาวบ้านสร้างคนเดิมที่เคยรักและเทิดทูนยืนมองด้วยแววตาเศร้า
“แม่เพื่อนของพี่ แม่เพื่อนกลับมาหาพี่แล้วเหรอ”
“พี่ลอจ๋า พี่ลอ ฮือๆๆๆ”
เพื่อนร้องไห้เสียใจโผเข้าหา ลอปรี่เข้าไปสวมกอดคนรักแนบแน่น
“พี่ลอจ๋า ฉันคิดถึงพี่ลอเหลือเกิน ฮือๆๆ”
“เกิดอะไรขึ้น แม่เพื่อนกลับมาหาพี่ได้ยังไง”
“ฉันขอโทษจ้ะพี่ ฉันน่าจะเชื่อคำพูดพี่ ฉันขอโทษ ฮือๆๆ พี่ยกโทษให้ฉันได้มั้ยจ๊ะพี่ลอ”
“โธ่แม่เพื่อนของพี่ ถึงแม่เพื่อนจะเอามีดกรีดหัวใจพี่ พี่ก็ไม่รู้สึกเจ็บ แล้วนับประสาอะไร กับคำว่าให้อภัย”
“พี่ลอ”
เพื่อนน้ำตาไหลอาบแก้ม ลอเชยคางคนรักขึ้นมาสบตาด้วยความตื้นเต้นดีใจ

ลอกับเพื่อนประคองกอดกันอยู่ในมุ้ง สายตาสบประสานด้วยความรักความคิดถึงเต็มเปี่ยม สองมืออประคองแก้มเพื่อนอย่างทะนุถนอม
“พี่นึกว่าพี่จะไม่มีวันได้ใกล้ชิดแม่เพื่อนอย่างนี้อีกแล้ว มือที่พี่เคยจับ แก้มที่พี่เคยหอม ทุกอย่างที่เป็นของแม่เพื่อน เคยเป็นของพี่ทั้งสิ้น”
“ฉันมันหญิงใจทราม ถึงพี่ลอจะยกโทษให้ แต่ฉันก็ละอายใจตัวเองเหลือเกิน”
เพื่อนเบือนหน้าหลบไม่กล้าสบตาลอ แต่ลอกลับลูบหน้าคนรักอย่างนุ่มนวลปลอบโยน
“แม่เพื่อนไม่มีอะไรต้องละอายพี่ ในเมื่อพี่เองก็มีส่วนผิด ให้ได้แค่ลมปากสาบานว่าจะรัก แต่ให้ความสุขสบายกับแม่เพื่อนไม่ได้”
“พอเถอะจ้ะพี่ลอ ฉันไม่ต้องการอะไรจากพี่อีกแล้วนอกจากความรักที่พี่มีให้ฉัน”
เพื่อนค่อยๆ จับมือลอขึ้นกุมแน่นสบตาหวานซึ้ง
“ฉันขอให้พี่รู้เอาไว้ด้วยว่า มือพี่ไม่ได้กุมแค่มือฉัน แต่มือพี่กำลังกุมหัวใจของฉันเอาไว้หมดทั้งดวง และถึงแม้พี่จะไม่เรียกร้องการชดใช้ความผิดเอาจากฉัน แต่ฉันก็จะขอชด ใช้ให้พี่อย่างเต็มใจ”
เพื่อนจูบปากลออย่างดูดดื่ม ลอชะงักไม่ทันตั้งตัว เพื่อนถอนริมฝีปากออก สบตา ลอแล้วค่อยๆ ปลดสายเสื้อออกให้เห็นเนินอกอวบอิ่ม ลอใจเต้นแรง
“ทั้งกายและหัวใจของฉันเป็นของพี่แต่ผู้เดียวจ้ะ พี่ลอ”
ลอน้ำตารื้นดีใจ เพื่อนนอนลงบนพื้น ลอค่อยๆ โน้มตัวลงไปจูบหน้าผาก ไล่เลื่อนลงมาที่สันจมูกและที่ริมฝีปากอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงพรมจูบลงต่ำมาที่ซอกคอและเนินอก เสียงครางเบาๆ ของเพื่อนเหมือนเสียงนางฟ้านางสวรรค์ที่กำลังพร่ำเรียกหาลอ
“พี่รักแม่เพื่อนของพี่เหลือเกิน”
ลอจูบเนินอกอย่างได้อารมณ์ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อจะจูบริมฝีปากคนรักอีกครั้ง แต่ผู้หญิงที่กำลังกอดจูบอยู่ กลับไม่ใช่เพื่อนแต่กลับเป็นแพง
“อีแพง”
“พี่ลอจ๋า อีแพงจะไม่ทิ้งพี่ลอไปไหนเด็ดขาด”
“อีแพง นี่เอ็ง”
“พี่ลอเป็นเจ้าชีวิตของฉัน ทั้งกายและใจของฉันก็เป็นของพี่เหมือนกัน”
แพงโน้มคอลอลงมาจูบ ลอนิ่งงันไปกับการจูบของแพงอย่างเนิ่นนาน มือของแพงที่กอดรัดแผ่นหลังเริ่มกำแน่นและจิกหลังลอ
ลอสะดุ้งสุดตัว ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ตกใจกับความฝันที่เริ่มมีแพงเข้ามาในความคิด ยิ่งภาพความใกล้ชิดของแพงผุดขึ้นมา ก็ยิ่งเผลอคิดตามสันดานผู้ชายไม่ได้ เขานึกถึงตอนที่จับต้นขาทำแผลปลิงกัดให้แพง ลอเครียดกลัวความคิดตัวเอง เหลือบไปมองพระของพ่อที่แขวนอยู่ใกล้ตัว สิ่งยึดเหนี่ยวในเรื่องศีลธรรมและความรักที่ยึดมั่นถือมั่นมาตลอด ลอกำพระของพ่อแน่น

ตอนเช้า แพงก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่บาตรให้หลวงพ่อตรงทางเข้าวัด
“จริงรึอีแพง”
“อะไรจริงไม่จริงคะหลวงพ่อ”
“เอ็งอย่ามายอกย้อนข้า”
“ถามก็ว่าย้อน หลวงพ่อไม่พูดให้ชัดๆ แล้วอีแพงจะตอบหลวงพ่อได้ยังไงล่ะเจ้าคะ”
“ได้ งั้นข้าจะถามเอ็งชัดๆ แต่เอ็งต้องโดนฝาบาตรข้าเขกกบาลซะก่อน เอามั้ย อีกะล่อน”
“ไม่ดีกว่าค่ะหลวงพ่อ เอาเป็นว่า หลวงพ่อได้ยินอะไรมาก็อย่างที่ว่ากันนั่นแหละเจ้าค่ะ”
“แต่ข้าไม่เชื่อ สันดานเอ็งไม่ใช่คนจะไปหาเรื่องใครก่อน”
“ก็ใช่เจ้าค่ะ เพราะอีพวกลูกผู้ดีในพระนครมันมาหาเรื่องดูถูกก่อน ก็เลยต้องเล่นงาน พวกมันให้รู้จักอีแพงบ้านสร้างซะบ้าง ลูกท่านหลานเธอเลยหางจุกตูด เขาก็เลยไม่ให้เรียนหนังสืออีก ได้กลับมายั่วโมโหหลวงพ่อเหมือนเดิมนี่แหละจ้ะ”
หลวงพ่อนิ่งมองจับผิดยังไม่ค่อยเชื่อคำพูดแพงเท่าไหร่นัก แพงเลยกวนใส่ด้วยการยักคิ้วกวนๆ ให้หลวงพ่อ
“อีแพง เพราะสันดานเอ็งมันเป็นซะแบบนี้ คนอื่นเขาถึงระอาเอ็งกันหมด”
หลวงพ่อถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความทะลึ่งทะเล้นของแพงแล้วเดินเข้าวัดไป แพงหน้าสลดยกมือไหว้ตามหลวงพ่อ
“อีแพงขอโทษด้วยเจ้าค่ะ ต่อไปนี้อีแพงคงต้องบาปจนชิน”
แพงเซ็งๆ จะเดินกลับ แต่ต้องชะงักเมื่อเจอก้อนกับแก้วกำลังพากันมาตักบาตรทำบุญ แพงกับแก้วสบตากัน แต่แก้วเบือนหน้าไม่แยแสแพง ก้อนเอ่ยถาม
“อีแพง อาการป่วยอาพิศเป็นยังไงบ้าง”
“ก็พอจะดีขึ้นบ้างจ้ะ”
แก้วดึงแขนก้อน
“ไปเถอะพี่ก้อน เดี๋ยวจะไม่ทันหลวงพ่อฉันเช้า”

แก้วรีบดึงลากก้อนพาเข้าวัดไป แพงเศร้า รู้สึกผิดกับเพื่อนรัก

แก้วออกมากรวดน้ำที่ข้างโบสถ์ เศร้าจนก้อนเข้ามาทัก
 
“แม่แก้วกับอีแพงโกรธอะไรกัน”
“เปล่านี่พี่ก้อน”
“แต่พี่เห็นว่าแม่แก้วไม่พูดกับมัน”
แก้วไม่อยากพูดถึง จะเดินกลับไปที่โบสถ์ แต่ก้อนจับแขนรั้งเอาไว้
“แม่แก้วกับอีแพงเป็นเพื่อนรักกัน โตมาด้วยกันก็แต่เด็ก ถ้ามีเรื่องที่จะทำให้แม่แก้วโกรธ อีแพงถึงกับไม่ยอมพูดจากัน พี่ก็ขอเดาว่า เรื่องอีแพงทิ้งอนาคตกลับมาบ้านสร้าง”
“ใช่จ้ะ ฉันโกรธที่มันโง่เง่าทิ้งอนาคตที่กำลังจะได้ดี”
“พี่ก็คิดเหมือนแม่แก้ว ว่าอีแพงมันโง่เหลือเกิน แต่แม่แก้วก็รู้ คนอย่างอีแพงมันรู้แต่กตัญญู มันไม่เคยคิดถึงความสุขตัวเองหรอก”
“หึ ถ้ามันคิดแค่นั้นฉันจะไม่โกรธมันหรอก”
“แม่แก้วว่ายังไงนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ฉันว่าพี่ไปดูพี่ลอหน่อยเถอะ ช่วงนี้อย่าปล่อยให้พี่ลออยู่คนเดียวเลย”
“กลัวไอ้ลอจะคิดมากเรื่องนังเพื่อนน่ะเหรอ พี่ว่าไม่ต้องห่วงหรอกมั้ง งานมันมีให้ทำเยอะ ไหนจะมีอีแพงคอยเป็นนกแก้วนกขุนทองเจื้อยแจ้วให้มันรำคาญอยู่ทุกวันอีก”
“อีแพงมันต้องคอยดูแลอาพิศ อย่าให้มันไปยุ่งกับพี่ลอนักเลย นะจ๊ะพี่ก้อน ฉันห่วงพี่ลอจริงๆ คอยไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเถอะ สงสารเขา”
“อืม ก็จริงของแม่แก้ว ไอ้ลอมันรักนังเพื่อนอย่างถวายหัว ปล่อยมันไปไม่ดูดำดูดีก็ไม่ควร พี่คิดอะไรออกแล้ว งั้นพี่ไปนะ”
ก้อนยิ้มให้คนรักแล้วเดินออกไป แก้วกังวล
“ถึงข้าจะโกรธ แต่ก็ไม่อยากเห็นเอ็งเจ็บ เพราะพี่ลอเขาไม่ได้มีรักเผื่อให้เอ็งหรอก อีแพง”

ลอเก็บอวนที่ดักปลา ได้ปลาติดอวนขึ้นมาหลายตัว ลืมตัวดีใจรีบหันไปตะโกน
“แม่เพื่อน พี่ได้ตะเพียนตัวเบ้อเริ่มเลย เอาไปต้มเค็มให้พี่หน่อยสิ พี่อยากกิน”
ลอพูดไปแล้วก็ชะงัก เพราะรอบตัวไม่มีเพื่อน ลอเศร้าไปถนัด ระหว่างนั้นแพงเข้ามา
“โอ้โหพี่ลอ ได้ตะเพียนตัวเบ้อเริ่มเลย ลาภปากพี่เลยสิ เดี๋ยววันนี้ฉันต้มเค็มให้นะ”
“อีแพง”
ลอนิ่งมองแพงแล้วฉุดคิดเรื่องความฝันเมื่อคืน ตัดสินใจโยนปลาตะเพียนที่เพิ่งจับได้ลงไปในบึงตามเดิม
“อ้าว ปล่อยมันไปทำไมล่ะพี่”
ลอไม่พูดอะไร เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเก็บอวนเก็บข้องใส่ปลาแล้วขึ้นจากตลิ่ง เดินผ่านแพงไป ไม่มองหน้า
“พี่ลอ”
ลอเดินดุ่มๆ หน้าเครียดๆ แพงรีบเดินตาม
“พี่ลอ พี่ลอจะรีบไปไหน เดี๋ยวสิพี่ลอ”
แพงรีบเดินตาม ไม่ทันมองพื้นเหยียบหินที่พื้นจนสะดุดล้ม ลอชะงักหันมา
“อู้ย เจ็บชะมัดเลย ช่วยดึงฉันขึ้นไปหน่อยสิพี่ลอ”
แพงยื่นขอมือ แต่ลอกลับยืนนิ่ง
“เอ็งไม่ต้องเสือกตามข้ามาอีกนะอีแพง กลับไปดูแลอาพิศ ไป”
“ฉันแค่อยากออกมาช่วยพี่ทำงาน ทำไมต้องไล่ฉันด้วย”
“ข้าไม่ได้อยากให้ใครมาช่วย ไปได้แล้ว”
“จะไปยังไงล่ะ ถ้าพี่ไม่ช่วยดึงฉันขึ้น ช่วยดึงฉันหน่อยสิพี่ลอ”
“งั้นข้าไปเอง”
ลอไม่สนใจจะเดินออกไป แพงอึ้ง ระหว่างนั้นก้อนเข้ามาพอดี
“ไอ้ลอ มาอยู่นี่เอง ข้าหาเอ็งซะทั่ว นึกว่าเอ็งจะพาไอ้เปลี่ยวไปกินหญ้าซะอีก”
“เอ็งมีอะไรกับข้า”
“เมื่อตะกี้ข้าผ่านมา เห็นไอ้เปลี่ยวมันดูแปลกๆ ว่ะ ดูมันหงุดหงิดงุ่นง่านเดินวนไปวนมา แต่ข้าไม่กล้าเข้าใกล้มัน กลัวมันจะขวิดเอา”
“เดี๋ยวข้าไปดูเอง”
ลอรีบเดินออกไป แพงพยายามดันตัวลุกขึ้นและรู้สึกเจ็บข้อเท้าแปล๊บๆ
“รอฉันด้วยสิพี่ลอ”
“เอ็งไม่ต้องตามไอ้ลอไปหรอกอีแพง ไปทำอย่างอื่นบ้างเถอะไป”
ก้อนรีบตามลอไป แพงเซ็ง

ก้อนยืนหลบอยู่หลังต้นไม้มองลอเข้าไปดูไอ้เปลี่ยวที่กลางทุ่ง
“ไอ้ลอ ตกลงไอ้เปลี่ยวเป็นอะไรของมันวะ ข้าไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้มันว่ะ เวลามันหงุดหงิดทีไรนอกจากเอ็งแล้วมันไม่เอาใครสักคน”
ลอยังไม่ตอบ ตรวจดูไอ้เปลี่ยวจนแน่ใจแล้วจึงจูงไอ้เปลี่ยวเดินเข้ามา
“เอ็งไม่ต้องกลัวมันไล่ขวิดเอาหรอก”
“อ้าว แล้วมันเป็นอะไรวะ เห็นมันงุ่นง่านมาหลายวันแล้ว”
“มันกำลังติดสัด”
“ปั๊ดโธ่เอ๊ย มิน่าล่ะ อยากทับตัวเมียนี่เอง งั้นเอาอย่างนี้มั้ยไอ้ลอ ได้ยินว่าอีจั่น ควายของน้าข้ามันก็เริ่มจะติดสัดแล้วเหมือนกัน เอ็งพาไอ้เปลี่ยวไปทับมันซะหน่อย มันจะได้หายหงุดหงิด”
“เออ ก็ดี”
“ต้องอย่างนี้สิวะ เดี๋ยวเอ็งปล่อยให้ไอ้เปลี่ยวทับอีจั่นไป ส่วนข้าก็มีทีเด็ดไว้ให้เอ็งไม่น้อยหน้าไอ้เปลี่ยวเหมือนกัน”
“ทีเด็ดอะไรของเอ็งวะ”
“อย่าเพิ่งถาม ไว้ไปถึงบ้านน้าข้าก่อน รับรองว่า เอ็งต้องขอบใจที่ข้าหวังดี ช่วยให้เอ็งไม่ต้องอมทุกข์เรื่องแม่เพื่อนอีก”
ก้อนยิ้มยักคิ้วกวนๆ ลอมองสงสัยยังไม่เข้าใจอะไรนัก แพงแอบยืนฟัง ครุ่นคิดสงสัยและพอจะเดาได้ว่าก้อนกำลังจะพาลอไปทำอะไร

เพื่อนดูแลคนรับใช้จัดโต๊ะสำรับอาหารหน้าตาดูน่าทานเพราะฝีมือของเธอเองที่ตั้งใจทำกับมือ ก่อนจะหันไปเห็นมานพกำลังจะออกไปข้างนอก
“คุณมานพคะ นั่นคุณจะไปไหน”
“ผมมีธุระ”
“แต่ฉันเตรียมอาหารเอาไว้ให้คุณแล้วนะคะ อยู่ทานด้วยกันก่อนนะคะ”
เพื่อนรีบพามานพมาที่โต๊ะอาหาร
“ฉันทำแกงป่าปลาดุกไว้ แล้วนั่นก็น้ำพริกขี้กา ตั้งใจทำสุดฝีมืออยากให้คุณได้กินของ อร่อยๆ จากฝีมือฉัน”
“ไอ้ของพรรค์นี้ ผมไม่กินหรอก”
“ทำไมล่ะคะ”
“คุณไม่ได้ถามคนรับใช้พวกนี้เลยเหรอ ผมไม่ทานทั้งแกงทั้งน้ำพริก ยิ่งพวกปลาน้ำจืดว่ายอยู่แต่ในโคลนในตมด้วยแล้ว ผมสะอิดสะเอียน”
เพื่อนชะงักหันไปมองพวกคนใช้
“ทำไมไม่มีใครบอกฉัน”
คนรับใช้ก้มหน้าก้มตาไม่มีใครพูดอะไร เพื่อนยิ่งโมโห
“ตอบฉันมาสิ”
“คนรับใช้พวกนี้มีหน้าที่ตอบก็เมื่อถามเท่านั้น เอาล่ะ คุณจัดการของพวกนี้ไปเองแล้วกัน ผมต้องรีบไปทำธุระ”
มานพแกะมือเพื่อนแล้วเดินออกไป เพื่อนอึ้ง
“คุณมานพ”
เพื่อนรีบตามมานพออกมาหน้าบ้าน
“คุณมานพ หยุดก่อนค่ะ คุณมานพ”
เพื่อนตามไปดึงแขนมานพเอาไว้อย่างไม่พอใจ
“มีอะไรไว้ค่อยคุยกันเวลาผมกลับ”
“คุณก็พูดอย่างนี้ทุกที ตั้งแต่ฉันเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ คุณไม่เคยมีเวลาให้ฉันเลย กว่าจะ กลับก็ดึกดื่น พอเช้าขึ้นมาก็รีบร้อนออกจากบ้าน”
“งานของผมกำลังไปได้ดีเพราะมีผู้ใหญ่สนับสนุน จะให้ผมมานั่งจับเจ่าอยู่แต่ในบ้านกับ คุณแบบนี้ ผมคงเสียอนาคตแย่”
“นี่คุณเห็นฉันเป็นตัวถ่วงความเจริญของคุณเหรอ”
“ผมไม่ได้พูดสักคำ ผมแค่บอกว่าผมยังไม่มีเวลาว่างให้คุณตอนนี้”
มานพแกะมือเพื่อนออก จะเดินออกไป เพื่อนจึงโพล่งเสียงดัง
“แต่คุณสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉัน”
มานพชะงัก
“เมื่อไหร่คะคุณมานพ คุณถึงจะทำตามสัญญาที่คุณกล้าป่าวประกาศด้วยเกียรติยศที่ คุณอวดว่าคุณมีมากกว่าพี่ลอ”
มานพหันขวับมาบีบแขนเพื่อนแรงๆ
“กล้าเอาผมไปเปรียบเทียบกับไอ้บ้านนอกนั่นเหรอ”
“ฉัน ฉันไม่ได้จะเปรียบคุณกับพี่ลอ”
“ที่พูดมานั่นแหละเปรียบเทียบผมกับมันไปแล้ว น้ำหน้าอย่างไอ้ลอมันก็แค่เศษกรวดที่ ติดซอกพื้นรองเท้าผม ถ้าคุณพูดถึงมันอีกล่ะก็ ผมจะถือว่าคุณจงใจยั่วโมโหผม”
“ก็ ก็ได้ ฉันจะไม่พูดถึงพี่ลออีก แต่ แต่ฉันอยากมั่นใจว่าคุณจะทำตามที่สัญญากับฉัน”
“เรื่องนั้นผมไม่ลืมหรอก ถึงเวลาผมจะจัดการเอง แต่ตอนนี้ผมมีธุระต้องทำ”

มานพผลักเพื่อนจนเซ แล้วเดินออกไปอย่างไม่แยแส เพื่อนเริ่มคิดหนัก

บริเวณลานบ้าน ลอนั่งรออยู่ที่แคร่ได้ครู่ ก้อนก็เดินเข้ามา
 
“เรียบร้อยโว้ยไอ้ลอ น้าข้าพาไอ้เปลี่ยวเข้าคอกอีจั่นไปแล้ว ไอ้เปลี่ยวเอ็งนี่มันร้ายเอาเรื่อง พอเจอหน้าอีจั่นเข้าไปเท่านั้นล่ะ จะขึ้นทับท่าเดียวเลย ฮ่าๆๆ”
“ข้าจะรอจนไอ้เปลี่ยวทับอีจั่นเสร็จแล้วจะพามันกลับ เอ็งไม่อยากอยู่รอจะกลับก่อนก็ได้”
“เอ็งจะแกร่วอยู่รอทำไมวะ ปล่อยให้ไอ้เปลี่ยวทำหน้าที่ควายฉกรรจ์ของมันไป ส่วนเอ็งก็ มีหน้าที่อย่างหนุ่มฉกรรจ์ต้องทำเหมือนกัน”
“เอ็งพูดเป็นนัยมาตลอดจนข้าชักจะรำคาญแล้ว มีอะไรก็ว่ามา”
“โธ่เอ๊ยไอ้ลอ ข้าทนเห็นเอ็งเอาแต่นั่งจับเจ่าเศร้าเรื่องเพื่อนไม่ได้ ข้าถึงอยากแนะนำ ให้เอ็งรู้จักญาติข้า เอ็งจะได้ลืมนังเพื่อนไง”
“ไอ้ก้อน นี่เอ็ง”
ลอไม่พอใจ กระชากคอเสื้อก้อนจะตะคอกใส่หน้า แต่ระหว่างนั้นเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“พี่ก้อนจ๊ะ ฉันเอาน้ำมาให้จ้ะ”
ลอชะงักที่ถูกขัดจังหวะ ก้อนรีบแกะมือลอแล้วหันไปยิ้มหวานกับญาติผู้น้อง
“นังจวงมาพอดี มานี่สิ มารู้จักเพื่อนสนิทพี่ นี่ไงไอ้ลอที่พี่พูดถึง”
จวง หญิงชาวบ้านหน้าตาค่อนดี ทรวดทรงองค์เอวได้รูป รัดผ้าแถบจนอกแทบทะลัก ยิ้มให้ลออย่างเอียงอาย
“น้ำจ้ะพี่ลอ”
“เอ่อ ขอบใจจ้ะแม่จวง”
ลอรับขันน้ำจากจวงแล้วไม่ตั้งใจ มือไปโดนมือจวงเข้า จวงเลยยิ่งเขินอายก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“นังจวงมันเป็นญาติทางแม่ข้า บ้านมันอยู่สามโคก ปีนี้มันครบ 19 เลยตามแม่มาเที่ยวบ้านสร้าง มันยังไม่ค่อยคุ้นกับบ้านสร้างเท่าไหร่ ระหว่างรอไอ้เปลี่ยวทับอีจั่นเสร็จ เอ็งช่วยพามันไปไหว้พระ พายเรือเล่นหน่อยสิวะ”
“ทำไมเอ็งไม่พาไปเอง”
“ข้ามีธุระกับน้าข้า พ่อข้ากำชับมา เอ็งพานังจวงไปเถอะ ไป”
ก้อนผลักลอจนเซไปเกือบจะชนจวง ที่เอาแต่ยืนเอียงอาย แล้วก้อนก็รีบออกไป แพงแอบตามมาและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แพงไม่ค่อยพอใจ หึงหวงลออย่างไม่รู้ตัว

บรรยากาศร่มรื่นในวัด จวงยืนก้มหน้าก้มตากระมิดกระเมี้ยนอย่างสาวขี้อาย มือถือดอกลั่นทม ลอเดินเข้ามาหา
“หลวงพ่อรับกิจนิมนต์ออกจากวัดไปเมื่อตะกี้เอง”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่ลอ ไว้ฉันมารับน้ำมนต์จากหลวงพ่อวันอื่นก็ได้จ้ะ”
“แม่จวงรู้จักทางมาวัดแล้ว ว่างก็แวะมาทำบุญแล้วกัน”
ลอบอกเสร็จ แล้วจะเดินออกไป จวงรีบดึงแขนรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวสิจ๊ะพี่ลอ จะรีบไปไหนล่ะ”
“อยากไปดูไอ้เปลี่ยว ป่านนี้มันน่าจะทับอีจั่นเสร็จแล้ว”
“ฉันว่ายังหรอกจ้ะ อีจั่นมันติดสัดเงียบตั้งแต่หัวค่ำวาน มาเจอท่าทางบึกบึนอย่างไอ้เปลี่ยว กว่าจะเสร็จสมกันคงอีกนาน”
จวงพูดไปก็ทำก้มหน้าก้มตาขำคิกคักเหนียมอายไม่กล้าสบตาลอ
“ตายแล้ว ฉันเป็นสาวเป็นนางมาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าพี่ อายจัง พี่ลอจ๊ะ พี่ลอช่วย ทัดดอกลั่นทมให้ฉันหน่อยได้มั้ย”
จวงรีบจับมือลอมา แล้วยัดดอกลั่นทมใส่มือ รีบเอียงคอเปิดไรผมขยับเข้าไปใกล้ๆ ลอ จงใจยั่ว
“ทัดลั่นทมให้ฉันหน่อยสิจ๊ะพี่”
จวงพูดไปก็ยิ่งขยับตัวเบียดจนลอกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด แพงรี่เข้ามา ทำทีเพิ่งเข้ามา
“อ้าวพี่ลอ มาโผล่ อยู่ที่นี่เอง ฉันก็ตามหาซะทั่ว แล้วนั่นใครล่ะ”
จวงหันมายิ้มหวานมือก็เกาะแขนลอแน่นเชิดหน้า
“ฉันชื่อจวงจ้ะ เป็นญาติกับอาผู้ใหญ่ผาด พี่ลอจ๊ะ ฉันอยากไปพายเรือเล่นแล้ว พี่ลอพาฉันไปหน่อยสิจ๊ะ”
ลอไม่ทันจะตอบ จวงก็ฉุดแขนลากลอพาออกไปด้วยกัน แพงมองไม่พอใจ

ลอพาจวงมาถึงบริเวณท่าน้ำ แต่ยังไม่ทันจะพากันลงเรือ จวงก็เกาะแขนลอแจ
“เดี๋ยวพี่จะไปเอาเรือมารับ แม่จวงรออยู่ตรงนี้แล้วกัน”
“พี่ลอจ๊ะ ฉันอยากบอกพี่ไว้ก่อน คือ ฉันว่ายน้ำไม่เป็น เพราะฉะนั้นพี่ต้องนั่งอยู่ใกล้ๆ ฉันนะจ๊ะ อย่าห่างฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันกลัว”
จวงเกาะแขนเอียงคอซบอก แพงเข้ามาทันที
“ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ทะลึ่งอยากนั่งเรือเล่น มารยาไม่เบานะแม่จวง”
“เอ็งเป็นใคร กล้าดียังไงมาด่าข้ามารยา”
“ข้าชื่ออีแพง เอ็งเพิ่งจะมาเหยียบบ้านสร้างคงยังไม่รู้จักข้าล่ะสิ”
“ทำไมข้าต้องรู้จักเอ็งด้วย เป็นเจ้าที่เจ้าทางที่นี่เหรอไง”
“ปากดีใช้ได้ มิน่าล่ะเจอผู้ชายครั้งแรกก็ตะบี้ตะบันให้ท่า จะจับทำผัวท่าเดียว”
แพงเข้าไปกระชากดึงลอออกจากจวง
“ผู้หญิงไม่รู้จักละอายแบบนี้พี่ลออย่าไปเข้าใกล้ เดี๋ยวจะเสียรู้มันเปล่าๆ”
“ว้าย อีปากกระโถน ไม่รู้ฤทธิ์อีจวงสามโคกซะแล้ว”
จวงเงื้อมือจะตบ แต่ถูกอีแพงรับมือไว้
“ลอยน้ำมาทางไหนก็ลอยกลับไปทางนั้นเลย”
แพงจับมือจวงบิดเต็มแรงจนร้องลั่นแล้วถีบจวงจนถลาตกลงไปในคลอง ลอตกใจ
“อีแพง เขาว่ายน้ำไม่เป็น เอ็งถีบเขาตกคลองทำไม เดี๋ยวก็จมน้ำตายหรอก”
ลอจะเข้าไปช่วย แต่แพงดึงมือไว้
“พี่ลออย่าพาลซื่อไปหน่อยเลย หัดรู้ทันมารยาผู้หญิงซะบ้างจะได้ไม่โดนหลอกซ้ำๆซากๆ น้ำหน้าอย่างนี้น่ะเหรอว่ายน้ำไม่เป็น แหกตาดูซะ”
แพงชี้ให้ดูจวงซึ่งกำลังว่ายน้ำ พยายามปืนขึ้นบันไดท่าน้ำอย่างคล่องแคล่ว ลอชะงักไป จวงกำลังปืนขึ้นบันไดท่าน้ำขึ้นมา แพงรีบเข้าไปผลักจวงตกลงไปในน้ำอีก
“จำใส่กบาลไว้เลยนะอีตอแหล พี่ลอเขามีคู่หมั้นแล้ว เขารักกันมากด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าข้าเห็นเอ็งมาให้ท่าพี่ลออีก เอ็งเจ็บตัวแน่”
แพงขึ้นเสียงดุดันเอาจริง แล้วหันมามองลอทีหนึ่ง สะบัดหน้าไม่พอใจใส่แล้วจ้ำออกไป
“พี่ลอ ช่วยฉันขึ้นไปหน่อยสิจ๊ะ พี่ลอ”

ลอเหลือบมองจวงแล้วไม่สนใจ รีบเดินตามแพงไป ทิ้งจวงให้ลื่นขั้นบันไดตกลงไปในคลองอีก

ลอรีบเดินตามแพงเข้ามา คว้าข้อมือได้ก็ดึงหันกลับมาทันที
 
“ทำบ้าอะไรของเอ็งหาอีแพง”
“ปล่อยฉันนะพี่ลอ ไม่อยากพูดกับฉัน ไม่อยากมองหน้าฉันก็ไปไกลๆ ไม่ต้องมาใกล้”
“แต่ที่เอ็งผ่าทะลึ่งทำไปเมื่อตะกี้ ข้าคงปล่อยเอ็งไปได้หรอก”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย ก็แค่ทำเรื่องที่พี่ลออยากทำแต่ไม่กล้าก็แค่นั้นเอง”
“อีแพง”
“ฉันไม่ต้องรอให้พี่อ้าปาก ยังไงฉันก็รู้ พี่ยังรักพี่เพื่อน ยังรอพี่เพื่อนกลับมา ต่อให้มีนาง ฟ้านางสวรรค์แห่มากราบอ้อนวอนขอให้พี่ลืมพี่เพื่อน พี่ลอก็ทำให้ไม่ได้”
“เอ็งมันเสือกเรื่องข้ามากเกินไปแล้ว ข้าจะลืมแม่เพื่อนได้รึเปล่า ก็ไม่ใช่กงการที่เอ็งจะไป หาเรื่องใส่คนอื่นแบบนี้”
“ฉันไม่กลัว ถ้ามีคนอื่นเข้ามายุ่งกับพี่อีก ฉันก็จะชี้หน้าด่าไม่ให้เข้าใกล้พี่อีกเหมือนกัน”
“อีแพง ปากเอ็งด่าพี่สาว เกลียดที่เขาทำร้ายใจข้า แต่ตอนนี้เอ็งกลับหวงข้าแทนพี่สาวเอ็ง ถามจริงๆ เถอะวะ เอ็งหวงข้าแทนพี่สาวหรือว่าหวงแทนตัวเอง”
แพงชะงัก พูดไม่ออก
“ว่าไงอีแพง ตอบข้ามาสิวะ”
แพงไม่ยอมตอบ ผลักอกลอเต็มแรงจนเซ แล้วรีบวิ่งออกไปทันที
“อีแพง”
ลอมองแพงเคร่งเครียด

เพื่อนเดินไปเดินมาอยู่ที่ห้องโถงบ้านเจ้าคุณรัตน์ กังวลเรื่องมานพ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงรถเข้ามาจอด เพื่อนคิดว่าเป็นมานพเลยรีบเดินไปหา แต่คนที่เข้ามากลับเป็นเจ้าคุณรัตน์
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณมานพ ท่านเจ้าคุณ”
เพื่อนรีบยกมือไหว้ทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม เจ้าคุณรัตน์รับไหว้แล้วให้คนรับใช้ขนกระเป๋าเข้าไปเก็บ
“ดิฉันไม่ทราบว่าท่านจะกลับจากเพชรบุรีมาวันนี้ ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไรแม่เพื่อน ฉันไม่ได้แจ้งมาว่าจะกลับวันนี้เอง แต่ถึงยังไง เรื่องเกิดขึ้นในบ้านนี้ ฉันก็รู้จากคนของฉันที่คอยรายงานให้ทราบตลอด เป็นการดีที่แม่เพื่อนจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะถ้าปล่อยให้ไปพักตามลำพังอยู่ในโรงแรม ฉันก็คงไล่ตอบคำถามเพื่อนฝูงไม่หวาดไม่ไหว”
“ดิฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ จะเรียกใช้งานอะไรก็ขอให้เรียกได้เลยเจ้าค่ะ”
“ไม่หรอก บ้านนี้มีคนรับใช้มากพอแล้ว อีกอย่างเธอเองก็คงไม่มีเวลาทำอย่างอื่น เพราะ แค่คอยไล่ตามมานพอย่างเดียวฉันก็อดเวทนาเธอไม่ได้”
“ท่านเจ้าคุณ”
“ขอให้เธอสบายใจ ฉันไม่ได้กีดกัน แต่ในเมื่อคุณโฉมห้ามแล้วเธอกลับไม่ฟัง มานพไม่ใช่ คนดี เพราะฉันเลี้ยงดูเขามาอย่างผิดๆ เมื่อเทียบกับนายลอแล้ว แม้จะต่ำต้อยด้อยค่าในเรื่องเกียรติยศ แต่นายลอก็ยังมีเนื้อแท้เป็นเพชรมากกว่ามานพซะอีก แม่เพื่อนเอ๊ย เมื่อเลือกแล้วก็ต้องอดทน ฉันเตือนได้แค่นี้”
เพื่อนอื้ออึงพูดไม่ออก น้ำตาคลอ เจ็บปวดและโกรธแค้น

แรมเมากึ่มๆ โวยวายใส่พนักงานโรงแรมที่ไม่ยอมเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ หลังจากดื่มไปหลายแก้ว
“ฉันสั่งไปตั้งนานแล้วทำไมถึงไม่เอาเหล้ามาให้ฉัน”
พนักงานนิ่ง ไม่กล้าตอบ จนแรมต้องกระชากคอเสื้อมาขึ้นเสียงใส่
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ”
ผู้จัดการเข้ามา
“ขอโทษด้วยนะครับคุณแรม ทางเราคงต้องหยุดให้บริการคุณชั่วคราว จนกว่าคุณจะติดต่อคุณวิชิตให้มาชำระค่าบริการที่ยังค้างอยู่ครับ”
“ว่าไงนะ แกเอาอะไรมาพูด คุณวิชิตจะทำอย่างนั้นกับฉันได้ยังไง”
แรมเริ่มโวยวายผลักอกผู้จัดการจนเซ ทำให้แขกที่มาใช้บริการในโรงแรมพากันหันมามอง
“กรุณารักษามารยาทด้วยครับ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเชิญคุณออกไปข้างนอก”
“กล้าก็ลองสิวะ ไอ้พวกกระจอก”
ผู้จัดการทนไม่ไหว หันไปพยักหน้าให้พนักงานผู้ชายเข้ามาช่วยกันจับตัวแรม แรมดิ้น
“อย่ามาโดนตัวฉัน ฉันเป็นเมียคุณวิชิต พวกแกไม่มีสิทธิ์มาโดนตัวฉัน”
พนักงานไม่สนใจพยายามจะลากตัวแรมออกจากล็อบบี้ ระหว่างนั้นเพื่อนเข้ามา
“ฉันจะจ่ายค่าบริการให้เธอเอง กรุณาปล่อยเธอด้วยค่ะ”
เพื่อนพูดพร้อมกับยื่นธนบัตรให้ แรมชะงักมองด้วยความดีใจ
“นังเพื่อน”

แรมหัวเสียเข้ามาในห้องของโรงแรม เพื่อนตามเข้ามา
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณวิชิตจะไม่ไยดีฉัน ต้องเป็นฝีมือนังนั่นแน่”
“เธอหมายถึงใคร”
“จะใครซะอีกล่ะ นังพักตร์พริ้ง เมียหลวงคุณวิชิต นังนั่นมันคงสืบรู้แล้ว มันเลยบังคับให้ คุณวิชิตเลิกส่งเสียเลี้ยงดูฉัน นังแก่เอ๊ย ฉันเอาเรื่องแกแน่ นังเพื่อน ฉันขอยืมเงินหล่อนหน่อยสิ ฉันไม่มีเงินติดตัวสักแดง ขอค่าสามล้อไปราวีถึงบ้านมันก็ยังดี”
“แต่ฉันเพิ่งจะจ่ายค่าห้องกับค่าเหล้าที่เธอติดค้างโรงแรมเอาไว้”
“อย่างกไปหน่อยเลย คุณมานพให้ค่าเลี้ยงดูหล่อนตั้งเยอะ ไว้ฉันเล่นงานนังเมียหลวงได้ แล้วล่ะก็ ฉันจะใช้คืนเป็นสองเท่า”
แรมจะแย่งกระเป๋าถือของเพื่อน แต่เพื่อนปัดแรง
“ที่ฉันมาช่วยเหลือเธอวันนี้ไม่ได้จะมาเป็นท้องพระคลังให้ เงินที่ช่วยไปถือเป็นค่าจ้างที่ เธอต้องทำงานตอบแทนฉันต่างหาก”
“งาน งานอะไร”

ภายในสมาคม หนุ่มสาวผู้ดีดื่มกินเต้นรำกันสนุกสนาน แรมแต่งตัวสวยเดินเข้ามานั่งที่เคาน์เตอร์ รับเครื่องดื่มไปยืนปะปนกับหนุ่มสาวผู้ดี และระวังตัวไม่ให้มานพซึ่งกำลังเต้นรำซบอยู่กับโสภีที่กลางฟลอร์หันมาเห็น แล้วจับสังเกตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าใกล้ชิด กอดกัน หอมแก้มกันอย่างรักใคร่ แรมรีบเดินออกไปด้านนอกของสมาคม เพื่อนซึ่งยืนหลบมุมรออยู่ รีบเข้ามาถามทันที
“เป็นยังไง ใช่อย่างที่ฉันสงสัยรึเปล่า”
“อยากรู้เหรอ ฉันว่าแกน่าจะเข้าไปดูให้เห็นกับตาตัวเองมากกว่านะ”
“ถ้าฉันไม่กลัวคุณมานพเห็นว่าฉันแอบตามมาดูเขาล่ะก็ ฉันคงไม่ต้องเสียสะตุ้งสตางค์ จ้างเธอหรอก”
“หึ แกนี่เริ่มจะร้ายไม่ใช่เล่นแล้วนะนังเพื่อน มีลูกล่อลูกชน ไว้ตัวอย่างสาวพระนคร แซงหน้าฉันไปหลายก้าวเชียว”
“ในเมื่อฉันเห็นตัวอย่างที่ไม่เข้าท่าแล้ว ฉันก็ต้องทำให้ดีกว่าสิ”
“นังเพื่อน หึ ตอนนี้เป็นทีของแกก็ว่าไปเถอะ แต่ถ้าแกไม่ทำอะไรเลย แกก็ต้องเป็นเหมือนฉัน รอวันให้คุณมานพเฉดหัว ไปหานังโสภี”
“นังโสภี ใช่มันจริงๆ ด้วย”
“แล้วที่ฉันเห็นมาเมื่อกี้ ท่าทางคุณมานพจะหลงนังนั่นมากกว่าแกเยอะ เพราะเดี๋ยวก็กอด เดี๋ยวก็หอม เดี๋ยวก็ซบเต้นรำกันจนจะสิงอยู่ในร่างเดียวกันซะให้ได้”
แรมพยายามพูดยั่วให้เพื่อนเจ็บใจ ซึ่งก็ได้ผล เพื่อนเจ็บแค้น
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะบุกเข้าไปราวี จิกหัวนังนั่นมาตบสั่งสอนประจานให้เสียผู้เสียคน”
“แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้น”
“ทำไม แกจะปล่อยให้นังนั่นมันแย่งคุณมานพไปหน้าตาเฉยเหรอ”
“ไม่ ฉันไม่ยอมเสียคุณมานพไปแน่ๆ คนที่จะลงมือสั่งสอนนังโสภีจะเป็นเธอ ไม่ใช่ฉัน”
“นังเพื่อน”
เพื่อนหยิบเงินยื่นให้
“กว่าเธอจะแย่งคุณวิชิตคืนมาจากนังเมียหลวงได้ ฉันว่าคงต้องอดอยากปากแห้งอีกนาน ว่าไง สนใจอยากช่วยฉันเล่นงานนังโสภีขึ้นมาบ้างรึยัง”

แรมมองเงินในมือเพื่อน ครุ่นคิดสนใจ

เพื่อน แพง ตอนที่ 13 (ต่อ)

ตอนค่ำ แพงยกถ้วยยาที่เพิ่งต้มเสร็จเข้ามาจะให้พ่อกิน แต่พบว่ายาถ้วยเก่ายังเหลืออยู่ก้นถ้วย ส่วนพ่อก็นั่งมวนยาเส้นไม่ได้สนใจกินยา
 

“พ่อ ทำไมไม่กินยาให้หมดล่ะ ไม่อยากหายเหรอไง”
“ยานะเว้ยไม่ใช่เหล้า กินมันทุกวันก็ต้องเบื่อบ้างสิวะ”
“แต่ที่อาการพ่อดีขึ้นกว่าตอนที่ฉันจะกลับมา ไม่ใช่เพราะฉันต้มยาให้พ่อกินเหรอ”
“ไม่เกี่ยวโว้ย ที่ข้าดีขึ้น เพราะข้าใกล้หายแล้วก็ได้ข่าวดีของนังเพื่อนมันต่างหาก”
“เหรอจ๊ะ แค่รู้ว่าพี่เพื่อนเขาได้ดิบได้ดีอยู่พระนคร ยังลุกขึ้นมาด่าฉันได้ฉอดๆ งั้นถ้าพี่เพื่อนกลับมาแต่งงานกับพี่ลอ พ่อคงลุกขึ้นมาวิ่งปร๋อแข่งกับไอ้เปลี่ยว”
“เออ แล้วจะคว้าไม้เรียววิ่งไล่ฟาดตูดเอ็งด้วยอีแพง หนอย แดกดันข้าตลอด เอาข้าไปเปรียบไอ้เปลี่ยว เดี๋ยวปั๊ด”
พิศว่าแล้วลุกพรวดจะคว้าไม้เรียวแต่เจ็บแปล๊บตรงบริเวณช่องท้อง จนเกือบพยุงตัวไม่อยู่
“พ่อ”
แพงรีบเข้าไปประคองพ่อ จังหวะนั้นลอขึ้นเรือนมาพอดีเห็น
“อา”
ลอเป็นห่วงรีบเข้าไปช่วยแพงพยุงพิศให้นอนลง
“เห็นแก่ฉันก็ได้นะจ๊ะ ยาที่อีแพงหามาให้ อาช่วยกินให้หมด จะได้ไม่ต้องเป็นอย่างนี้อีก”
“อีแพงมันเป็นหมอเหรอไงถึงคิดว่ายาของมันจะรักษาข้าได้ แล้วไอ้ยาที่เอามาให้ข้ากิน เอามาจากไหนก็ไม่รู้”
แพงเศร้า ลอเหลือบไปมองแล้วสงสาร
“อีแพงไม่ได้มั่วเอายาที่ไหนมารักษาอาหรอก มันถ่อไปคุยกับหมอถึงอำเภอ เล่าอาการ ป่วยกระเสาะกระแสะที่อาเป็นให้หมอฟัง ถึงได้รู้ว่าที่อาเป็นแบบนี้เพราะผลจากที่อากินแต่เหล้ามาตลอด”
“หมอเขาว่า ถ้าหมั่นกินยา จะช่วยไม่ให้ตับพ่ออักเสบได้”
“หะ ว่าไงนะ ข้าน่ะเหรอจะเป็นตับอักเสบ น้ำหน้าลิงหลอกเจ้าอย่างเอ็งอย่ามาอวดทำ เป็นคุยกับหมอเขารู้เรื่องหน่อยเลย ถ้าเป็นพี่สาวเอ็งมาบอกข้า ข้ายังจะเชื่อมันมากกว่า”
“พ่อ”
“เอาอย่างนี้แล้วกันไอ้ลอ เอ็งจดหมายไปหานังเพื่อนให้ข้าหน่อยเถอะวะ เล่าเรื่องอาการ ป่วยของข้าให้มันฟัง ถ้านังเพื่อนมันรู้ มันต้องพาหมอจริงๆ ที่พระนครมารักษาข้าแน่ๆ”
ลอชะงักพูดไม่ออก เหลือบไปมองแพงที่ทนนั่งอยู่ไม่ได้ รีบลุกออกไป พิศจับมือลอ ย้ำบอก
“ช่วยข้าหน่อยเถอะวะไอ้ลอ จดหมายไปหานังเพื่อนให้ข้า”
“จ้ะอา”

ลอตามแพงออกมาแล้วเห็นแพงนั่งจับเจ่ากอดเข่าน้ำตาคลอ
“อีแพง”
แพงปาดน้ำตา ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา
“ได้ยินที่พ่อขอร้องพี่แล้ว เดี๋ยวฉันจะเขียนจดหมายไปให้ พี่อยากฝากฉันบอกอะไรเขาบ้างล่ะ”
“เอ็งไม่ต้องจดหมายไปหาแม่เพื่อนหรอก”
“ทำไมล่ะ ถ้าพี่เพื่อนรู้ว่าพ่อป่วย ส่วนพี่ก็ยังคิดถึงและพร้อมให้อภัยเขา พี่เพื่อนอาจจะยอมเลิกกับคุณมานพแล้วกลับมาหาพี่ก็ได้”
ลอนิ่งไป หวังลึกๆ อยากให้เป็นอย่างนั้น
“ฉันพูดถูกใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวฉันเขียนให้คืนนี้เลย”
แพงจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่ลอขยับขวางไว้
“ไม่ต้อง ถ้าแม่เพื่อนกลับมาตอนนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะยกโทษให้ได้จริงๆ อย่างที่คิดไว้รึเปล่า”
“พี่ลอ”
“เอ็งแค่ปลอมจดหมายของแม่เพื่อนแล้วเอามาอ่านให้อาพิศฟัง แค่ให้แกยอมกินยาที่เอ็งอุตส่าห์หามารักษา พอให้อาพิศหายดีขึ้นแล้ว ข้าจะเล่าความจริงทุกอย่างของแม่เพื่อนให้อาแกฟังเอง”
“แต่ว่า”
“เอ็งไม่ต้องเถียงข้า ทำตามที่ข้าสั่ง แล้วก็ตอบข้ามาสักที ไอ้ที่ข้าถามเอ็งไปเมื่อกลางวัน”
แพงชะงัก คำถามของลอทำให้แพงลำบากใจ
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด”
“ข้ารู้ว่าเอ็งมี พูดมาอีแพง บอกข้ามา ไม่งั้นคืนนี้เอ็งไม่ต้องเข้าบ้าน”
“ปล่อยฉันนะพี่ลอ ปล่อย ปล่อยสิ”
ลอยิ่งบีบแขนแพงแน่น
“บอกข้ามาอีแพง เอ็งหวงข้าให้พี่หรือหวงให้ตัวเอง บอกมา”
“ฉัน ฉัน หวงพี่ลอเพราะว่าฉันรักพี่ลอ ฉันทนไม่ได้ที่จะให้คนอื่นเข้าใกล้พี่ เว้นก็แต่พี่เพื่อนคนเดียวเท่านั้น”
แพงพรั่งพรูความรู้สึกออกมา ตัดสินใจบอกรักลอตรงๆ ลอถึงกับอึ้งไป
“อี อีแพง เอ็ง เอ็งรักข้า”
“จ้ะ ฉันรักพี่ลอ ไม่ได้รักอย่างน้องที่พี่ลอเคยอุ้มชู แต่รักอย่างผู้หญิงคนหนึ่งที่ใครก็มา ห้ามไม่ให้ฉันหยุดรักพี่ไม่ได้”
“อีแพง เอ็งต้องไปกับข้าเดี๋ยวนี้”
แพงน้ำตาคลอ ลอตัดสินใจกระชากแพงไปที่คุ้งต้นไทร ใกล้กับศาลเพียงตาที่โคนต้น ขณะนั้นลมพัดเข้ามาอย่างแรง จนใบไม้เริ่มปลิว
“ไปสาบานหน้าศาลซะอีแพง บอกว่าเอ็งไม่ได้รักข้าอย่างที่เอ็งว่า”
“พี่ลอ”
“ไปสิอีแพง ข้าปล่อยให้เอ็งคิดกับข้าอย่างผิดๆ ไม่ได้ ข้าไม่ใช่ผู้ชายที่เอ็งจะมารักอย่างมอบกายถวายตัวให้ได้ พูดสิอีแพง พูดว่าเอ็งไม่ได้รักข้าอย่างนั้น”
“ฉัน ฉันพูดไม่ได้หรอกจ้ะพี่ลอ และฉันก็จะไม่สาบานอย่างนั้นด้วย”
“อีแพง โธ่เว้ย ให้ห่ากินเถอะวะ ทำไมเอ็งต้องดื้อดึงมารักข้า”
“ไม่เพราะเหตุผลอะไรทั้งนั้น ฉันรักพี่ลอเพราะฉันเกิดมาเพื่อรักพี่ลอคนเดียว”
“ไม่ได้ ในตัวเอ็งมันต้องมีอะไรวิปริตผิดไปสักอย่างแน่ ทั้งๆ ที่แม่เพื่อนเคยว่าเอ็งรักข้า แต่ข้าก็ไม่เชื่อ ไม่คิดว่าเอ็งจะอุตริคิดกับข้าจริงๆ”
“ไม่มีอะไรในตัวฉันที่มันวิปริตผิดไปหรอกจ้ะพี่ลอ ทำไมฉันถึงต้องรักพี่ พี่ลอลองคิดดูสิ ตั้งแต่วันที่พี่เจอฉันครั้งแรก เพราะชีวิตไม่ได้เป็นของฉันตั้งแต่วันที่สิ้นแม่ แต่ที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อพี่ลอคนเดียว”
ลอนิ่งไป แพงน้ำตาเอ่อทรุดลงคุกเข่าตรงหน้าลอ แล้วค่อยๆ จับมือลอมาแนบแก้มอย่างทาสผู้ซื่อสัตย์ ส่วนลอก็ได้แต่อึ้ง พูดไม่ออก
“อีแพง งั้นที่เอ็งยอมทิ้งอนาคต ยอมถูกเข้าใจผิดก็เพื่อที่จะได้กลับมาอยู่กับข้า”
“จ้ะ สำหรับพี่ลอแล้ว ใครจะด่าใครจะว่ายังไง อีแพงก็ขอรักอย่างโง่ๆ ขอรักอย่างขมขื่น แต่อย่างน้อยอีแพงก็ยังได้รักพี่ลออยู่ อีแพงไม่ขออะไรมากกว่านี้อีกแล้ว”
แพงสบหน้ากับหลังมือ ลอนิ่ง กัดกรามแน่นอย่างเจ็บปวดที่รู้ว่าแพงรักเขา เขาจำเป็นต้องสะบัดมือบีบไหล่ดึงแพงให้ลุกขึ้น ย้ำเสียงหนักแน่น ตาแดงก่ำ
“ข้าขอบใจที่เอ็งสารภาพว่าเอ็งรักข้า ยอมเจ็บยอมขมขื่นได้เพื่อข้า น้ำใจเอ็งมันช่าง ประเสริฐนัก แต่อีแพงเอ๊ย อาพิศมีบุญคุณกับข้าและข้าก็สาบานว่าจะรักแต่แม่เพื่อนผู้เดียว ข้าถึงให้เอ็งรักข้าไม่ได้ เมื่อเอ็งไม่ยอมสาบาน ข้าก็จะไม่พูดกับเอ็งอีก แม้แต่หน้าข้าก็จะไม่มอง จำเอาไว้อีแพง”
ลอดันแพงออกจากตัว แล้วรีบเดินออกไป แพงยืนอึ้ง ตะลึงงัน น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเจ็บปวด
“พี่ลอ พี่ลอจ๋า ฮือๆๆ พี่ลอ พี่ลอ”

แพงเรียกหาลอเสียงโหยหวน ท่ามกลางลมพัดแรง

ลอกำหมัดกัดกรามแน่น วิ่งเข้ามาในกระท่อม คว้าหม้อไห เหวี่ยงกระแทกโครมๆ ด้วยอารมณ์คลุ้มคลั่งเจ็บปวด
 
“โธ่โว้ย ทำไม ทำไมเอ็งต้องมารักข้าด้วย ทำไม ทำไม”
ลอระเบิดความอึดอัด พังข้าวของทุกอย่างรอบตัว กระหน่ำชกเสาเรือนจนเลือดโชก เพราะใจที่ร้อนรุ่ม ลอยืนอยู่บนทางแยกระหว่างคำสาบานกับความรักที่มีต่อแพงเช่นกัน
“ข้า ข้าก็รักเอ็ง อีแพง แต่ข้า ข้าปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้”
ลอเจ็บปวด กระชากเสื้อตัวเองออก โดยไม่รู้ตัวว่าได้กระชากสร้อยคอพระของพ่อติดมือ ออกมาด้วย เมื่อลอเหวี่ยงเสื้อทิ้งไป พระของพ่อก็ถูกเหวี่ยงไปตกพื้นใกล้ๆ กับแคร่หน้ากระท่อม ลอกระหน่ำชกเสาเรือนหวังใช้ความรุนแรงสงบอารมณ์ที่โกรธเกลียดตัวเอง

บริเวณสวนหลังบ้านเจ้าคุณรัตน์ เพื่อนเดินออกมาอย่างระมัดระวังไม่ให้ใครเห็น เพื่อออกมาพบกับแรมที่ซุ่มรออยู่หลังต้นไม้
“จะมาหาฉันอีกทำไม บอกแล้วไม่ใช่เหรอจัดการนังโสภีเสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมา”
“อย่าคิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายอย่างใจนึกหล่อนไปซะหมดสิจ๊ะนังเพื่อน”
“ทำไม มีปัญหาอะไรอีก”
“โถ แม่คุณ งานที่หล่อนจ้างฉันให้ทำแทน ไม่ใช่งานเดินตลาดซื้อของทำกับข้าวให้นะจ๊ะ หล่อนจ้างให้ฉันไปเล่นงานแม่โสภีให้เสียโฉมย่ะ”
“อย่าเสียงดังได้มั้ย เดี๋ยวใครก็มาได้ยินหรอก”
“ฉันดูทางหนีทีไล่มาแล้วน่า ฉันถึงได้มาหาหล่อนเพราะต้องการค่าจ้างเพิ่ม งานแบบนี้ ไม่ใช่ทำง่ายๆ เลยต้องมีพิเศษกว่านิดหนึ่ง”
“อย่าคิดจะมากรรโชกฉันเพราะเห็นว่าฉันจำเป็น”
“งั้นก็ตามใจ ถึงแม่โสภีจะเป็นแม่ม่ายแต่ก็มีทั้งความสวย ฉลาด เข้าสังคมเก่ง เป็นผู้ดี พอๆ กับคุณมานพ เทียบกับหล่อนที่เป็นสาวบ้านสร้างแต่พยายามเป็นสาวพระนครแล้ว”
“หุบปาก”
เพื่อนยื่นเงินให้
รีบๆ ไปจัดการนังโสภี อย่าให้มันมาเป็นเสี้ยนหนามฉัน”
“ก็แค่นี้แหละ ที่เหลือหล่อนก็ไปถ่วงเวลาคุณมานพเอาไว้ ฉันไปล่ะ”

เพื่อนรีบเดินเข้ามาในบ้านระหว่างนั้นเห็นมานพกำลังจะออกไป
“คุณมานพ คุณจะไปไหนอีก”
“ถามบ่อยๆ ไม่เบื่อเหรอไง ผมเบื่อตอบจะแย่อยู่แล้ว”
“เดี๋ยวสิคะ ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากทำให้คุณรำคาญ แต่วันนี้ฉันขอให้คุณอยู่กับฉันก่อนไม่ได้เหรอคะ”
“ผมมีงานต้องไปทำนะครับคุณเพื่อน”
“แต่วันนี้ท่านเจ้าคุณกำชับไว้ว่าให้คุณอยู่รอพบท่านด้วยกัน”
“นี่คุณเอาพ่อผมมาอ้างเหรอ”
“ฉันเปล่านะคะ ท่านเจ้าคุณอยากพบคุณจริงๆ ท่านต้องการทราบกำหนดการงานแต่งของเรา ก็ตั้งแต่ท่านกลับมา คุณก็ยังไม่ได้ให้รายละเอียดท่านเลย”
“คุณก็เลยชิงไปคุยกับคุณพ่อผมเอง”
เพื่อนชะงัก มานพเซ็ง แกะมือเพื่อนแล้วเดินหัวเสียเข้าไปในบ้าน เพื่อนเสียใจ แต่ก็หวังว่างานที่สั่งแรมให้ไปทำจะสำเร็จ มานพจะได้เลิกคิดถึงโสภี

บริเวณตรอกเปลี่ยว แรมแบ่งเงินส่วนน้อยจากส่วนมากที่ได้มาจากเพื่อนให้ชายฉกรรจ์ 2 คน
ท่าทางดูเป็นนักเลงน่ากลัว ชายฉกรรจ์ดูภาพถ่ายของโสภีที่ได้มาจากแรม
“สะโอดสะองบอบบางแบบนี้น่าเสียดายที่ต้องทำให้เสียโฉม”
“ถ้าเสียดายพวกแกจะจัดการข่มขืนมันก่อนก็ได้ แต่ต้องจบงานให้ดี อย่าให้พาดพิงมาถึงฉัน แล้วถ้างานครั้งนี้เป็นที่พอใจฉันล่ะก็ งานต่อไปฉันจะจ้างให้จัดการกับอีกคน”
“ใคร”
“เมียหลวงคุณวิชิต”
“นั่นมันลูกคนใหญ่คนโตไม่ใช่เหรอ”
“จะใหญ่โตจากไหนพวกแกสนใจด้วยเหรอ สนแค่จ้างที่คุ้มค่าเสียเวลาก็พอ ไปได้แล้ว”
แรมยิ้มร้าย

โสภีแต่งตัวสวยเดินเชิดฉายมาตามถนน คล้อยหลังโสภีเป็นชายฉกรรจ์ 2 คน ที่แรมจ้างให้มาจัดการ พวกนั้นตามประกบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ โสภีทำเป็นไม่รู้ตัวว่ามีคนเดินตาม
แต่พอเห็นพวกนั้นในเงาสะท้อนจากกระจกร้านค้า เธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง โสภียิ้มร้าย

แรมถูกชายแต่งตัวดีคนหนึ่งซึ่งเป็นพรรคพวกของโสภีล็อคตัวดันไปชิดติดกำแพงอย่างแรง
“ปล่อยฉันนะ แกเป็นใคร ปล่อย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
โสภีเข้ามาพร้อมกับพรรคพวกอีกคนที่ใช้ปืนจี้คุมตัวนักเลงชายฉกรรจ์ 2 คน ที่โดนซ้อมน่วม พวกนั้นโดนผลักไปล้มลงตรงหน้าแรม
“ทีหลังถ้าจะส่งใครมาลอบกัดฉันล่ะก็ ช่วยส่งที่มีฝีมือมากกว่านี้หน่อยนะ แม่แรม”
“หล่อน”
“หึๆ คนของเธอพอเจอของจริงเข้าให้หน่อยก็เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังหมด ฉันก็เลยต้องสั่งสอนให้หลาบจำว่า เงินแค่นั้นมันไม่คุ้มกับชีวิตเลย”
โสภีหันไปพยักหน้าให้พรรคพวกที่มาด้วยกันเข้าไปกระหน่ำซ้อมนักเลงทั้งสองอย่างหนักจนสลบเหมือด แรมตกใจในความดุดันเอาจริง โสภียิ้มร้าย เข้าไปบีบปากแรมจ้องหน้าดุ
“ฉัน ฉันขอโทษ ฉันโดนนังเพื่อนมันจ้างมา ฉันไม่ได้มีความแค้นกับหล่อน ฉันขอโทษ”
“หึๆๆ พวกบ้านนอกคอกนาก็อย่างนี้แหละ คิดอะไรได้แค่ตื้นๆ เธอกับแม่เพื่อนประมาทฉันเกินไป ในเมื่อไม่รู้จักฉันดีก็อย่าคิดว่าจะจัดการฉันได้ง่ายๆ กลับไปบอกแม่นั่นด้วยว่าถ้ายังคิดโง่ๆ แบบนี้อีก มันนั่นแหละที่จะเสียโฉม ไป”
โสภีผลักแรมจนเซล้ม แรมตกใจ รีบวิ่งออกไปทันที

เพื่อนเดินเข้ามาเห็นมานพกำลังคุยโทรศัพท์เคร่งขรึม แต่เพื่อนไม่ทันได้สงสัยรอ จนมานพวางสายจึงเข้าไปหา
“คุณมานพคะ ใครโทรมาเหรอคะ”
“เธอกล้ามากนะแม่เพื่อน”
มานพตรงเข้าไปกระชากแขนเพื่อนอย่างแรงแล้วลากพาขึ้นบ้าน เพื่อนตกใจหน้าเสีย มานพฉุดกระชากเพื่อนเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู เพื่อนถูกเหวี่ยงไปที่เตียงอย่างแรง
“คุณมานพ คุณทำฉันทำไม”
“ยังมีหน้ามาไขสืออีก ต้องให้ฉันบอกเธอมั้ยว่าเมื่อกี้คุณแรมเล่าอะไรให้ฉันฟังบ้าง”
“นังแรม”
“เธอกล้ามากนะ เห็นหน้าหวานๆ ซื่อๆ แต่เอาเข้าจริง ก็พวกต่ำช้าหมาลอบกัด”
มานพตบหน้าเพื่อนทันที
“ฉันให้เงินเลี้ยงดูเธอ แต่เธอกลับเอาไปจ้างให้คุณแรมหาคนไปทำร้ายคุณโสภี ดีที่คุณ แรมเขาไม่เล่นด้วย เพราะห่วงว่าฉันจะเลี้ยงนังงูเห่าหน้าซื่อเอาไว้ทำร้ายฉันเอง”
“คุณมานพ ฟังฉันก่อนนะคะ”
เพื่อนพยายามจะเข้าไปเกาะแขน แต่มานพสะบัดแรง
“ไม่ต้องมาโดนตัวฉัน อยากได้ฉันเป็นผัวนักเหรอ นังผู้หญิงบ้านนอก”
“คุณมานพ”
“จะบอกให้นะ ฉันไม่ได้คิดอยากแต่งงานกับเธอหรอก แต่ที่ต้องลากเธอไปป่าวประกาศต่อหน้าผู้ดีค่อนพระนคร เพราะตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือก”
“คุณ คุณหลอกฉัน หลอกฉันมาตลอด”
“ใช่ ฉันต้องหลอกเธอ จำเป็นต้องให้เธอมาเป็นห่วงผูกคอ”
“แต่ฉันรักคุณจริงๆ”
“รักเหรอ หึๆๆ ความรักของเธอจะเป็นแค่ของเล่นสนุกของฉันเท่านั้น ถ้าเธออยากได้ฉันเป็นผัวฉันก็จะเป็นให้ แต่อย่าหวังว่าฉันจะส่งเสริมเธอให้เป็นหลวง คุณโสภีต่างหากที่เหมาะกับฉัน ไม่ใช่นังบ้านนอกอย่างเธอ จำไว้”
มานพสะบัดใส่อย่างไม่แยแส ทิ้งเพื่อนให้น้ำตานอง เจ็บปวด

“คุณมานพ คุณมานพ ฮือๆๆ คุณมานพ”

ตอนเช้า ลอกำลังเตรียมแหเตรียมข้องจะออกไปจับปลา พิศเดินไม่ค่อยมีแรง ลงจากเรือนมาหาลอถึงใต้ถุนเรือน
 
“อา ลงมาทำไมจ๊ะ อยากได้อะไรก็เรียกฉันสิ”
“ข้าร้อนใจ นังเพื่อนมันจดหมายมารึยัง”
ลอชะงัก
“ยังเลยจ้ะอา”
“ทำไมยังไม่มาอีก เอ็งจดหมายไปหานังเพื่อนให้ข้าแน่นะไอ้ลอ”
ลออึกอึก ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี จังหวะนั้นแพงมาพร้อมกับกระจาดที่ไปเก็บผัก
“ฉันกับพี่ลอจดหมายไปให้แล้วจริงๆ เดี๋ยวพี่เพื่อนก็ตอบกลับมาเองนั่นแหละพ่อ”
“เอ็งจดหมายไปกี่ฉบับ”
“ฉบับเดียว”
“ปั๊ดโธ่เว้ย งั้นวันนี้เอ็งต้องส่งอีก”
“ทำไมต้องเขียนไปอีกด้วยล่ะพ่อ แค่ฉบับเดียวก็ถึงมือพี่เพื่อน รู้เรื่องเหมือนกัน”
“เผื่อนังเพื่อนมันงานยุ่ง จดหมายไม่ถึงมือมัน ข้าสั่ง เอ็งไม่ต้องย้อน เขียนไปเยอะๆ นังเพื่อนจะได้รู้ว่าข้าป่วย ข้าคิดถึงมัน อยากเห็นมันกลับมาแต่งงานกับไอ้ลอสักที”
“ก็ได้”
“เออ ก็แค่นั้น แล้วเขียนเสร็จเอ็งก็ออกไปช่วยไอ้ลอจับปลาด้วย ช่วงนี้น้ำหลากปลาชุม”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะอา ฉันไปคนเดียวดีกว่า”
“เอาอีแพงไปช่วยเอ็งเถอะไอ้ลอ จะได้ปลากลับมาเยอะๆ”
“อย่าเลยอา ให้อีแพงดูแลอาอยู่ที่บ้านนี่แหละ”
ลอตัดบทรีบคว้าแหคว้าข้องเดินออกไปเลย โดยไม่แม้แต่จะมองหน้าแพง แพงมองตามหน้าสลด เศร้า เพราะลอไม่มองหน้า พิศสังเกตเห็นสีหน้าสลดของแพงก็อดสงสัยไม่ได้
“พวกเอ็งเป็นอะไรกัน ทำไมถึงไม่พูดไม่จากัน อีแพง”
แพงชะงัก

แพงก้มหน้าก้มตาจัดสำรับให้พ่อ ส่วนพิศก็บ่นด่าตามเคย
“สันดานเอ็งคิดแต่เล่นสนุก ดีแต่ไปยั่วโมโหไอ้ลอตั้งแต่เด็กยันโต สำนึกเอาไว้บ้าง ถ้า ไม่มีไอ้ลอคอยช่วยทำมาหาเลี้ยง ทั้งเอ็งทั้งข้าจะเอาอะไรกิน หาอีแพง”
“ฉันรู้จ้ะพ่อ”
“รู้ แต่ก็ยังไปหาเรื่องยั่วโมโหมัน นี่ถ้าข้ามีแรงล่ะก็ เอ็งโดนไม้เรียวข้าแน่”
“งั้นฉันเจ็บตัวขึ้นมา พ่อก็ให้คนอื่นจดหมายไปหาพี่เพื่อนแทนฉันแล้วกันนะ”
“อีแพง มึงอย่ามาหัวหมอกับกู”
“ฉันไม่อยู่หัวหมอกับพ่อก็ได้ ฉันไปจดหมายถึงพี่เพื่อนให้พ่อแล้วกัน”
แพงจะลุกออกไป พิศเรียกไว้เสียงดัง
“เดี๋ยว อีกเรื่องที่ข้าต้องเตือนเอ็งเอาไว้ ปีนี้อายุเอ็งก็ไม่น้อย เป็นสาวเป็นนางแล้ว จะ หยอกล้อเล่นหัวอะไรกับไอ้ลอก็ให้มันรู้กาลเทศะบ้าง ยิ่งนังเพื่อนมันไม่อยู่ด้วยแบบนี้ ชาวบ้านชาวช่องมาเห็นเอ็งใกล้ชิดไอ้ลอ เขาจะเอาไปพูดเสียๆ หายๆ ได้”
“ฉันก็เล่นหัวกับพี่ลอมาอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก ชาวบ้านมันจะเอาไปพูดว่าอะไร”
“ก็พูดว่าเอ็งให้ท่าผัวพี่น่ะสิวะอีแพง ผู้หญิงกับผู้ชายถึงจะโตมาด้วยกันก็เถอะ เป็นขี้ปาก ชาวบ้านได้ทั้งนั้น ไม่งั้นเอ็งก็รีบๆ หาผัวซะ ข้าจะได้ไม่ต้องระแวงขี้ปากชาวบ้าน”
“อีพวกปากหอยปากปู ถ้าปากมันเก่งกว่าทำมาหากินก็ช่างมันเถอะพ่อ เดี๋ยวพวกมันก็ อดตายไปเอง ฉันไปจดหมายหาพี่เพื่อนให้นะ”
แพงประชดประชันแล้วรีบเดินออกไป พิศชักสีหน้าไม่พอใจ

บริเวณริมบึงบัว แพงทรุดนั่งลงที่ขอนไม้ริมบึง ในมือมีกระดาษจดหมายและดินสอที่พร้อมเขียนจดหมายปลอม แต่สติกลับวนเวียนครุ่นคิดถึงแต่คำพูดของลอในคืนนั้น
“ข้าขอบใจที่เอ็งสารภาพว่ารักข้า ยอมเจ็บยอมขมขื่นได้เพื่อข้า น้ำใจเอ็งมันช่างประเสริฐ นัก แต่อีแพงเอ๊ย อาพิศมีบุญคุณกับข้าและข้าก็สาบานว่าจะรักแต่แม่เพื่อนผู้เดียว ข้าถึงให้เอ็งรักข้าไม่ได้ เมื่อเอ็งไม่ยอมสาบาน ข้าก็จะไม่พูดกับเอ็งอีก แม้แต่หน้าข้าก็จะไม่มอง จำเอาไว้อีแพง”
แพงน้ำตาคลอเสียใจ มือกำดินสอแน่น แล้วค่อยๆ จรดปลายดินสอลงหน้ากระดาษ
“ถึงพ่อ ถึงพี่ลอ ฉันได้รับจดหมายแล้ว ฉันคิดถึงพ่อ คิดถึงพี่ลอเหลือเกิน อยู่ที่พระนครมันไม่เหมือนอยู่บ้านสร้างเลย”
แพงเจ็บปวดที่ต้องทำแบบนี้จนต้องหยุดตั้งสติ ระหว่างนั้นเสียงแก้วกับด้วงเดินคุยกันแว่วเข้ามา
“ข้าไม่ใช่พวกชอบอวดเว้ย จัดงานเล็กๆ นี่แหละดี จะได้เอาเงินเอาทองเก็บไว้สร้างเนื้อ สร้างตัวไม่ต้องเอาไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”
“แต่ไอ้ก้อนมันก็ลูกชายผู้ใหญ่เขานะเว้ย อ้าวอีแพง มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”
แพงรีบซ่อนจดหมายไว้ข้างหลัง
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ข้ามานั่งเล่น”
“อย่ามาปดข้าซะให้ยากเลยอีแพง โดนพ่อด่าแล้วหนีไม้เรียวมาใช่มั้ย”
“เออ นั่นแหละ”
“ผ่าเถอะวะ อาพิศป่วยกระเสาะกระแสะลุกจะแทบไม่ไหว เอ็งยังไปยั่วโมโหเขาได้อีก”
“ข้าก็เป็นของข้าแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เอ็งอย่ามาทะลึ่งสอนข้า”
“อ้าวอีนี่ พูดดีๆ ด้วย มาแขวะใส่”
“ข้าต้องไปช่วยพี่ก้อนตำข้าว เอ็งอยากอยู่เถียงกับอีแพงก็ตามใจเอ็ง”
แก้วไม่อยากอยู่เห็นหน้าแพง เพราะยังโกรธอยู่ จึงจะเลี่ยงออกไป แต่แพงเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนอีแก้ว ได้ยินเอ็งคุยกันเรื่องงานแต่ง”
แก้วชะงัก แล้วชิงพูดขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรหรอกอีแพง ข้ารู้ว่าเอ็งยุ่ง ไหนจะต้องดูแลพ่อ ดูแลพี่ลอ ถ้าเอ็งไม่ว่างไปข้าก็ไม่ว่าหรอก”
แก้วพูดเสร็จก็เดินออกไปเลย แพงหน้าสลด ด้วงสงสัยท่าทางของแก้ว

“อีแก้วเป็นอะไรของมันวะ หมู่นี้ดูมันปากคอพิกล เอ็งว่ามั้ยวะอีแพง”

แก้วเดินเซ็งๆ เข้ามานั่งที่แคร่บ้านผาด
 
ก้อนกำลังตำข้าวอยู่ข้างหลัง แก้วถอนใจเฮือกใหญ่ ถึง จะปากร้ายใส่แพงเพราะโกรธ แต่ลึกๆ ก็ยังอดเป็นห่วงแพงไม่ได้
“มาแล้วเหรอจ๊ะแม่ดอกแก้วชื่นใจของไอ้ก้อน”
ก้อนรีบผละจากครกตำข้าวจะเข้ามาออดอ้อนคนรัก แต่แก้วลุกพรวดทำเอาก้อนเกือบหน้าทิ่ม
“พี่ก้อน ตกลงเรื่องแม่จวงที่พี่จะจับคู่ให้พี่ลอคืบหน้ายังไงบ้าง”
“พี่ยังไม่ได้เล่าให้แม้แก้วฟังเหรอ”
“ถ้ารู้แล้วฉันจะถามพี่ทำไม”
“นั่นสิจ๊ะ”
ก้อนเซ็งๆ หันไปตักน้ำจากตุ่มขึ้นมากินแล้วเล่าให้แก้วฟัง
“พี่ก็โดนน้าพี่ด่าซะหูชา ส่วนแม่จวงก็แว้ดๆ ใส่พี่ซะเกือบเสียคนที่ปล่อยให้อีแพงไป อาละวาดถีบแม่จวงตกน้ำตกท่าอายไปสามวัดเจ็ดวัด”
“อีแพงไปอาละวาดใส่เขาเหรอ”
“ไม่ใช่แค่อาละวาดใส่อย่างเดียวนะ มันยังไปขู่แม่จวงด้วยว่า ไอ้ลอรักคู่หมั้นของมันมาก อย่าให้เห็นแม่จวงมายุ่งกับไอ้ลออีก ไม่งั้นมันจะเล่นให้หนัก”
“อีแพง นี่เอ็ง”
“ทำไมเหรอ แม่แก้วสนิทสนมกับอีแพง ทำไมมันถึงไปพูดแบบนั้น มันก็รู้เห็นกับเราไม่ ใช่เหรอว่าแม่เพื่อนทิ้งไอ้ลอไปแล้ว หรือมันยังหวังว่าพี่สาวมันจะกลับมาคืนดีกับไอ้ลอ”
แก้วเครียด
“แม่แก้วเป็นอะไร ถ้าแม่แก้วรู้อะไรก็บอกพี่ เราจะแต่งกันแล้วนะ อย่ามีเรื่องต้องปิดกันเลย”
“น้ำตาลใกล้มด น้ำมันใกล้ไฟแบบนี้ ฉันกลัวเหลือเกินจ้ะพี่ก้อน”
ก้อนสงสัยอยากรู้

ก้อนเดินเข้ามาที่กระท่อมแล้วเรียกหาลอ
“ไอ้ลอ ไอ้ลอโว้ย ไอ้ลอ”
ที่กระท่อมเงียบเชียบ ก้อนเห็นลอไม่อยู่เลยจะออกไป แต่เหลือบไปเห็นบางอย่างตกอยู่ที่พื้น เลยเดินเข้าไปดู ปัดใบไม้แห้งที่ปรกพื้นออกจึงเห็นเป็นสร้อยพระของเทิดที่ลอคล้องคออยู่ตลอดเวลา
“ทำไมมาตกอยู่แถวนี้”
ก้อนแปลกใจเป็นห่วงลอ จึงนำสร้อยพระไปให้ลอที่ลำกระโดง
“เอ็งไปเจอที่ไหนวะไอ้ก้อน”
“ก็แถวกระท่อมเอ็งนั่นแหละ”
ลอรีบรับมาพนมมือไหว้แล้วคล้องคอ
“ขอบใจเอ็งมาก ข้าหายังไงก็หาไม่เจอ แทบจะรื้อเรือนหาอยู่แล้วเชียว”
“พระองค์นี้เอ็งรักยิ่งกว่าชีวิต แต่เอ็งกลับปล่อยให้หายไปได้ยังไงวะไอ้ลอ”
“ข้าไม่ทันระวังเผลอดึงหลุดไปแล้วหาไม่เจอ”
“เอ็งพูดเหมือนไม่แยแส ทำอย่างกับเป็นค้อนเคียวหายซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เอ็งหวงพระ องค์นี้พอๆ กับคำสาบานที่เอ็งให้ไว้กับพระกับพ่อ”
ลอชะงัก
“ข้าถามจริงๆ เถอะวะ ที่เอ็งเป็นได้ขนาดนี้เพราะเรื่องนังเพื่อนกับอีแพงใช่มั้ยที่กำลังกวน ใจเอ็งอยู่ ป่านนี้เอ็งคงรู้แล้วล่ะสิว่าอีแพงมันคิดยังไงกับเอ็ง”
ลอนิ่งเงียบ ปลาที่ติดแหดิ้นไปมา ลอเลยจับปลาออกจากแหแล้วยัดใส่ข้อง เดินลุยน้ำไปขึ้นเรือเพื่อแจวไปจับปลาต่อ โดยไม่สนใจตอบ ก้อนรีบเดินแผ่นกระดานบนลำกระโดงตามลอซึ่งจะพายเรือออกไป
“เอ็งไม่ต้องหนีหน้าข้า แม่แก้วบอกข้าหมดแล้วและข้าก็คิดเหมือนเขา อีแพงเป็นคนดี ชีวิตมันไม่เคยทำเรื่องเห็นแก่ตัว ยอมเสียอนาคตก็เพื่อเอ็ง ถ้าเอ็งจะรักมันให้สมกับที่มันรัก ข้ากับแม่แก้วก็ไม่ขัด กลับจะเห็นดีด้วย แต่เอ็งต้องลืมนังเพื่อนให้สิ้นจริงๆ ไม่งั้นทั้ง เอ็งทั้งอีแพงจะหาสุขไม่ได้ ไม่ต่างอะไรจากจูงมือพากันไปโดดเหวนะโว้ยไอ้ลอ”
ลอนิ่ง ไม่ตอบ เอาแต่พายเรือออกไปตามลำน้ำ ทิ้งก้อนไว้เบื้องหลัง
“ไอ้ลอ ไอ้ลอ พวกข้าเตือนเพราะรักทั้งเอ็งทั้งอีแพงนะโว้ย”
ก้อนตะโกนไล่หลังแล้วยืนมองลอพายเรือออกไปเงียบๆ

เพื่อนนั่งเศร้าน้ำตาซึมอยู่คนเดียวก่อนจะได้ยินเสียงเถียงกันของมานพกับเจ้าคุณรัตน์ ดังแว่วเข้ามา จึงหันไปเห็นสองพ่อลูกเดินออกมาเสียงดัง
“ถ้าฉันรู้ว่าแกคิดกับแม่เพื่อนแค่อยากท้าทายและหลอกใช้เขาเพื่อตัวแกเอง ฉันจะขวาง แกให้มากกว่านี้ไอ้มานพ”
“ด่าผมพอรึยังครับคุณพ่อ”
“ไอ้มานพ ฉันขอให้แกเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติผู้หญิง แต่แกกลับทำหูทวนลม”
“อยากด่าอะไรก็ด่าไปเถอะ เพราะถึงยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนความคิด ผมจะแต่งงานกับคุณโสภี และคุณพ่อก็ต้องเห็นดีเห็นงามด้วย”
“ฉันจะไม่เห็นดีเห็นงามกับสันดานดูถูกผู้หญิงของแก”
“หึ งั้นก็ตามใจคุณพ่อ อย่าลืมนะครับ คุณโสภีสนิทสนมกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ เธอ จะทำให้หน้าที่การงานของผมรวมไปถึงคุณพ่อเจริญก้าวหน้ามากกว่าที่ผมต้องมีเมีย เป็นสาวบ้านนอกคอกนา”
“มานพ”
เพื่อนยืนอึ้งตัวชา น้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บปวด สองเท้าขยับถอยจนไปชนกระถางต้นไม้หล่น เจ้าคุณรัตน์กับมานพหันขวับไปเห็นเพื่อนวิ่งกลับเข้าไปในเรือนและร้องไห้โฮ
“แม่เพื่อน”

เจ้าคุณรัตน์รีบตามเพื่อนไป มานพยิ้ม ไม่ยี่หระต่อความรู้สึกของเพื่อน

เพื่อน แพง ตอนที่ 13 (ต่อ)

เพื่อนเข้ามาที่ห้องโถง ร้องห่มร้องไห้เสียใจอย่างเจ็บปวด เจ้าคุณรัตน์ตามเข้ามาอย่างเวทนาสงสาร
 
“ฉันขอโทษด้วยนะแม่เพื่อนที่ลูกชายฉันทำกับเธอแบบนี้”
“ท่านเจ้าคุณขอโทษดิฉันไม่ได้เจ้าค่ะ ดิฉันโง่เองต่างหากที่ไม่ฟังคำเตือน”
“ถ้าแม่เพื่อนคิดได้อย่างนี้ มันก็ยังไม่สายเกินไปหรอกนะ”
“ท่านเจ้าคุณ”
“ถ้าขืนแม่เพื่อนยังอยู่ที่นี่ ก็คงไม่พ้นโดนมานพย่ำยีหัวใจ แต่ถ้ากลับไปบ้านสร้าง ฉันเชื่อ ว่าที่นั่นยังมีคนรักและคอยปลอบใจแม่เพื่อนอยู่”
“ไม่มีหรอกค่ะท่าน ความโง่เขลาที่ดิฉันทำลงไปคงไม่มีใครให้อภัยฉันได้”
“อย่าเพิ่งกลัวจนกว่าจะได้กลับไปสิแม่เพื่อน สิ่งที่ฉันสังเกตได้จากการได้รู้จักพวกเธอ ความศิวิไลซ์ในพระนครที่ทุกคนต่างเรียกหา มันเทียบไม่ได้เลยกับความซื่อ ความจริง ใจของคนบ้านสร้าง”
“ท่านคิดว่าพี่ลอจะยกโทษให้ฉันเหรอเจ้าคะ”
“ฉันเชื่อว่าคนซื่อและจริงใจอย่างนายลอ จะไม่เกลียดแม่เพื่อนแน่นอน”
เพื่อนนิ่งไปอย่างครุ่นคิด เจ้าคุณรัตน์จับไหล่เพื่อนให้ลุกขึ้น
“กลับบ้านสร้างเถอะแม่เพื่อน ฉันเองก็จะไปจากพระนคร เพราะที่นี่มุ่งแต่จะหาความศิวิไลซ์ ตะเกียกตะกายเป็นอย่างที่ฝรั่งเป็น จนหลงลืมรากเหง้าเก่าก่อนไปหมด”
เพื่อนครุ่นคิด ตัดสินใจ

หน้ากระท่อมลอ ไอ้เปลี่ยวยืนเคี้ยวหญ้าอยู่ ส่วนแพงมาช่วยปัดกวาดทำความสะอาดให้
ทั้งกวาดทั้งถูจนสะอาดเอี่ยม เสร็จแล้วก็ยังเอากับข้าวที่ทำเสร็จจัดวางใส่ถาด รอให้ลอกลับมากิน
“เอ็งไม่ต้องมองเลยไอ้เปลี่ยว ข้าเตรียมไว้ให้พี่ลอ ถ้าขืนเอ็งแอบมากินของเขาล่ะก็ เอ็ง โดนข้าเล่นงานแน่”
แพงหันไปขู่แล้วหันมาหน้าสลด มองกับข้าวในถาด ยกมือขึ้นปัดแมลงที่มาตอม ระหว่างนั้น ลอเดินกลับเข้ามา แต่แพงไม่ได้ยินเสียง ลอชะงัก ยืนหลบหลังต้นไม้ แพงพูดกับไอ้เปลี่ยวอย่างเศร้าๆ
“พี่ลอเขาโกรธ ไม่พูด ไม่มองหน้าข้ามาหลายวันแล้ว เพราะข้าไม่ยอมสาบานว่าจะไม่รักเขา แต่ถ้าเขาสั่งเอ็ง ข้าก็เชื่อว่าเอ็งคงทำไม่ได้เหมือนกัน เพราะทั้งเอ็งทั้งข้าไม่อยากผิดคำสาบานแล้วต้องตายจากพี่ลอใช่มั้ยไอ้เปลี่ยว”
ลอแอบฟังอยู่ นิ่งไปหน้าสลด เหลือบมองแพงเข้าไปลูบหัวไอ้เปลี่ยว
“แต่ถึงเขาจะไม่พูดกับข้า ไม่มองหน้าข้า ข้าก็ไม่เสียใจหรอก เพราะอย่างน้อยข้าก็ยังได้ แอบเอาข้าวมาให้เขากิน ได้มาทำความสะอาดเรือนให้เขา ได้แอบมองเขาเวลาเขาออกไปทำนา แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”
แพงลูบหัวไอ้เปลี่ยวแล้วเดินออกไป ลอจึงค่อยเดินออกมา มองแพงแล้วมองไปที่อาหารในถาด

กลางคืน เสียงไอโขลกๆ ของพิศดังออกมาจากในบ้าน พร้อมกับเสียงตะโกนเรียกของพิศลั่น
“เสร็จรึยังวะอีแพง ข้ารอนานแล้วนะโว้ย”
ลอรีบขึ้นมาบนเรือนด้วยความสงสัยเพราะได้ยินพิศเสียงดัง
“มีอะไรเหรออา เสียงดังไปถึงข้างล่างเลย”
พิศชูกระดาษจดหมายให้ดู
“จดหมายของแม่เพื่อนน่ะสิ มาถึงตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว ข้ารอให้อีแพงมาอ่านให้ฟัง มันก็มัวแต่โอ้เอ้ทำโน่นนี่ไม่หยุด วอนให้ข้าต้องด่าจนได้ เอ็งมาก็ดีแล้ว อ่านให้ข้าฟังก็แล้วกัน ขี้เกียจรออีแพง”
ลอชะงัก ระหว่างนั้นแพงรีบเข้ามาขัดจังหวะ
“ฉันอ่านเองดีกว่าพ่อ พี่ลออ่านหนังสือไม่เก่งเท่าฉันหรอก เดี๋ยวจะอ่านจดหมายพี่เพื่อน ตกๆ หล่นๆ ซะเปล่า”
แพงรีบเข้าไปดึงจดหมายจากมือพ่อมาถือไว้คนเดียว ลอมองแพงด้วยสายตาอยากรู้ แต่แพงไม่สบตา
“งั้นก็รีบๆ อ่านเร็วเข้า ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้นังเพื่อนมันเป็นยังไงบ้าง”
“จ้ะพ่อ”
แพงแกะจดหมายออกมาแล้วกางทำทีเป็นจะเริ่มอ่าน แต่ก็อดเหลือบมองลอที่รู้ดีว่าจดหมายฉบับนี้เพื่อนไม่ได้เขียน แต่เป็นตัวเองที่เขียนขึ้นมาเอง
“พ่อจ๊ะ พี่ลอจ๊ะ ฉันได้อ่านจดหมายที่อีแพงเล่าอาการป่วยของพ่อแล้ว ฉันถึงกับนอนร้องไห้ อยากให้พ่อกับพี่ลอรู้เหลือเกินว่า ฉันคิดถึงพ่อ คิดถึงพี่ลอ”
แพงหยุดนิดหนึ่งเหลือบตามองลอที่ยังมองมา

ที่สมาคม หนุ่มสาวชาวพระนครดื่มกินเต้นรำในสังคมหรูหรา มานพก้มหน้าแทงลูกบิล เลียดโดยมีโสภียืนให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ พอมานพแทงลูกลงหลุมก็ดึงโสภีมากอดแสดงความรัก หอมแก้มโชว์ เพื่อนเดินเข้ามาเห็นภาพบาดตานั้นก็เจ็บปวดมือจิกกำแน่น
“คุณมานพ”
มานพกับโสภีหยุดชะงัก หันไปมองเพื่อน แต่ทั้งคู่กลับไม่แสดงอาการตกใจแม้แต่น้อย
“มีคนมาแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของคุณถึงที่แบบนี้ ฉันว่าคืนนี้หมดสนุกแล้ว”
โสภีจะผละจากมานพ แต่กลับถูกมานพรั้งเอวโอบเอาไว้
“ไม่มีใครจะมาแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของผมได้ จนกว่าผมจะยอมให้เป็น”
มานพยิ้มร้ายแล้วหอมแก้มโสภีอีกฟอดต่อหน้าต่อตาเพื่อน ยิ่งทำให้เพื่อนเจ็บปวด น้ำตาคลอ และแสดงความไม่พอใจออกมาด้วยการหันไปปัดถาดเครื่องดื่มในมือบริกรใกล้ๆ จนตกแตกเสียงดังลั่น ทุกคนในห้องพากันตกใจหันขวับ มานพไม่พอใจเพื่อนที่เสียมารยาท โสภีแตะแขนมานพ
“อย่าไปว่าเธอเลยค่ะ เธอมาจากบ้านนอกคอกนา ส่วนเราเป็นผู้มีวัฒนธรรม ควรคุยกัน อย่างผู้ดีจะดีกว่า”
มานพพยักหน้ารับเชื่อฟังโสภี จึงเดินเข้าไปหาเพื่อน แล้วจับข้อมือบีบแรง
“เธอไม่ควรมาเสียมารยาทที่นี่ ไปกับฉัน”
มานพกระชากลากเพื่อนออกไป โสภียิ้มร้าย

พิศใจจดใจจ่อฟังแพงอ่านจดหมายที่คิดว่าเป็นจดหมายจากเพื่อน
“อ่านต่อสิวะอีแพง นังเพื่อนมันได้ดิบได้ดีมีความสุขอยู่ในพระนครยังไง”
“จ้ะพ่อ พี่เพื่อนเขาบอกว่า น้าโฉมส่งฉันให้เรียนหนังสือกับครูฝรั่ง ให้ฉันช่วยทำงานแทน ระหว่างที่น้าโฉมไปทำธุระที่เมืองนอก”
“จริงเหรอวะ วาสนานังเพื่อนมันดีจริงโว้ย ได้รู้ภาษาฝรั่ง ได้ทำงานอย่างที่คนเก่งๆ ในพระนครเขาทำกัน แสดงว่ามันต้องเก็บเงินเก็บทองได้เยอะเลยใช่มั้ย”
“ก็คงอย่างนั้นแหละจ้ะพ่อ”
“แล้วอาการป่วยของข้าล่ะมันว่ายังไง”
“พี่เพื่อนบอกว่าปรึกษาหมอแล้ว ให้พ่อกินยาตามที่ฉันหามาให้พ่อกินนั่นแหละ เดี๋ยว พ่อก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง”
“เฮ้ย นังเพื่อนมันเขียนมาอย่างนั้นจริงเหรอวะ เอ็งเห็นข้าอ่านหนังสือไม่ออกเลยพูดขึ้น มาเพราะไม่อยากโดนข้าด่ารึเปล่าวะอีแพง”
แพงชะงักหน้าเสีย เศร้าใจ ลอดึงจดหมายจากแพงมาช่วยทำเป็นอ่านให้พิศเห็น
“แม่เพื่อนเขียนมาอย่างที่อีแพงว่าจริงแล้วจ้ะอา”
“งั้นเหรอวะ ถ้านังเพื่อนมันว่าอย่างนั้นจริง ข้าก็จะยอมกินยาของอีแพง แล้วในจดหมาย นังเพื่อนมันบอกรึเปล่าว่าจะกลับมาหาข้าเมื่อไหร่ มันต้องกลับมาแต่งงานกับเอ็งไม่ใช่เหรอไอ้ลอ”
ลอนิ่งไป แพงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
“บอกว่าจะกลับจ้ะพ่อ แต่ต้องรอให้ช่วยงานน้าโฉมเสร็จก่อน พ่อไม่ต้องห่วง แล้วพี่เพื่อน จะจดหมายมาอีก”
“งั้นข้าก็สบายใจแล้ว ข้าก็มีแต่นังเพื่อนนี่แหละที่พอจะฝากผีฝากไข้ไว้ได้ ยิ่งถ้าได้เห็น นังเพื่อนกับไอ้ลอได้แต่งงานกันล่ะก็ ข้าคงตายตาหลับ”

พิศมีความสุขและสบายอกสบายใจ แต่ลอกับแพงได้แต่เหลือบมองกัน

ที่สมาคม มานพบีบแขนเพื่อนพาเข้ามาในห้องส่วนตัวของสมาชิก
 
“ฉันนึกว่าเธอจะเข้าใจตามที่พ่อฉันบอกเธอแล้วซะอีก”
“คุณรู้ว่าท่านขอร้องให้ฉันกลับบ้านสร้าง”
“คนอย่างคุณพ่อผมเดาไม่ยากหรอก ผมถึงไม่จำเป็นต้องพูดเองไง”
“นี่คุณ ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายกับฉันถึงขนาดนี้ ในหัวใจคุณไม่เหลือความรักให้ฉันเลย เหรอคะคุณมานพ”
“ผมก็ไม่ได้หมดรักคุณซะทีเดียวหรอก ในเมื่อคุณยังไขว่คว้าหาสิ่งที่ดีกว่าได้ แล้วทำไม ผมจะไขว่คว้าบ้างไม่ได้ เอาเป็นว่า ถ้าอยากเป็นเมียผมก็ต้องยอมรับตำแหน่งเมียน้อย”
“ฉันไม่ยอมเป็นน้อย”
“งั้นก็กลับไปเก็บเสื้อผ้าแล้วกลับไปหาไอ้ลอ เพราะหน้าซื่อๆ โง่ๆ อย่างมันคงโกรธเธอไม่ลง มันอาจจะยังรอให้เธอซมซานกลับไปเป็นเมียมันอยู่ก็ได้”
“เลวที่สุด”
เพื่อนโกรธจัดคว้าขวดเหล้าฟาดหัวมานพอย่างแรง มานพร้องเจ็บหน้าหัน เพื่อนตกใจที่เห็นมานพหันหน้ามาเลือดอาบ
“คุณมานพ ฉัน ฉันขอโทษ ฉันไม่ตั้งใจทำร้ายคุณ”
เพื่อนจะเข้าไปช่วยดูให้ แต่มานพปัดมือแรงแล้วผลักเพื่อนจนเซถลา โกรธมาก
“เธอกล้าทำร้ายฉัน รนหาเรื่องเจ็บตัวแล้วนังเพื่อน”
มานพพุ่งเข้าไปจะจับเพื่อนมาเล่นงานแต่เธอปัดเก้าอี้มาขวาง ก่อนจะวิ่งออกไป สวนกับโสภีที่ตามเข้ามาเพราะได้ยินเสียงโครมคราม โสภีตกใจเห็นมานพเลือดอาบ
“คุณมานพ”

เพื่อนวิ่งออกมาที่ทางเดินแล้วสะดุดล้มลง พอจะลุกขึ้นก็เจ็บแปล๊บที่ข้อเท้าทำให้ต้องกระเผลก ระหว่างนั้นเสียงทะเลาะของวิชิตกับเมียดังเข้ามา เพื่อนชะงัก
"ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้คุณวิชิต คุณยังติดต่อนังแรม กะหรี่ชั้นต่ำนั่นอยู่ใช่มั้ย”
เพื่อนเห็นวิชิตถูกพักตร์พริ้งดึงหูลากตัวออกมาจากห้องจัดเลี้ยงในสมาคม
“เปล่า ผมไม่ได้ติดต่อกับเธอแล้ว ผมเลิกกับเธอเด็ดขาด ทันทีที่พ่อคุณสั่งห้าม”
“โกหก ฉันเพิ่งให้ลูกน้องพ่อตรวจสอบไปที่โรงแรม ยังเห็นมันลอยหน้าลอยตาพักอยู่ที่นั่น น้ำหน้ากะหรี่ชั้นต่ำอย่างมัน ถ้าคุณไม่ส่งเสียให้ มันจะมีปัญญาเช่าอยู่ได้ยังไง”
“ไม่ใช่ผมจริงๆ นะคุณ เธออาจจะมีผู้ชายคนใหม่เลี้ยงดูมันแทนผมแล้วก็ได้”
“กล้าสาบานกับลูกปืนมั้ยคุณวิชิต ถ้าฉันรู้ว่าคุณกับมันยังมีอะไรกันอีก นังแรมจะต้อง เป็นศพ ส่วนคุณก็อย่าหวังว่าจะใช้การได้อีก”
พักตร์พริ้งพูดพร้อมกับชักปืนพกในกระเป๋าออกมาเล็งไปที่เป้าวิชิต วิชิตตกใจหน้าเสีย
“สาบาน ผมสาบานจริงๆ ผมไม่ได้ยุ่งกับแรมอีกแล้ว”
วิชิตเข่าทรุดยกมือไหว้ปลกๆ กลัวเมีย ระหว่างนั้นเพื่อนหันไปได้ยินเสียงมานพกำลังออกมาตามหาตัวเธอ โดยมีโสภีตามเป็นห่วงอาการ
“คุณมานพ ใจเย็นก่อนค่ะ ฉันว่าคุณควรทำแผลก่อนดีกว่า”
เพื่อนตกใจหน้าเสีย กลัวถูกมานพจับตัวได้ เลยรีบวิ่งกระเผลกหนีออกไปอีกทาง

ที่หน้าแคร่หน้าบ้าน ลอนั่งมองจดหมายที่แพงเขียนแล้วโกหกว่าเป็นจดหมายเพื่อน พิศออกมายืนชานเรือน
“เอ็งจะเก็บจดหมายของนังเพื่อนเอาไว้ก็ได้นะไอ้ลอ มันว่ามันคิดถึงเอ็ง เอ็งจะได้เอาไว้ ชื่นใจเวลาคิดถึงมัน”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ อาเก็บไว้ก็ได้”
“ไม่ต้องหรอก ข้าอ่านไม่ออก แค่ได้รู้ว่ามันห่วงเอ็งห่วงข้า แค่นี้ข้าก็สบายใจแล้ว”
ระหว่างนั้นเสียงฟ้าร้องครืนๆ พร้อมกับแสงฟ้าแล่บแปล๊บๆ พิศเงยหน้ามองท้องฟ้า
“อีแพง อีแพง”
“จ๊ะพ่อ”
“เห็นมั้ยโน่น ฟ้าแดงเถือกเลย ท่าทางคืนนี้พายุมาแน่ เอ็งดูบ้านให้ดี ข้าวของที่สำคัญ ก็ขนขึ้นเรือนซะจะได้ไม่เปียก เอ็งก็รีบกลับไปได้แล้วไอ้ลอ”
“จ้ะอา”
ลอพับจดหมายเก็บแล้วลุกเดินออกไป
แพงมองตามหลังลอ ก่อนจะเหลือบไปเห็นกล่องยาสูบของลอลืมทิ้งเอาไว้ที่แคร่ จึงหยิบขึ้นมา พิศส่งเสียงย้ำ
“ยังมายืนทำซากอะไรตรงนี้ล่ะอีแพง ข้าสั่งอะไรไม่ได้ยินเหรอ”
“จ้ะพ่อ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เพื่อนเปิดประตูบ้านเจ้าคุณรัตน์เข้ามา กระเผลกขาที่เจ็บเพราะล้มมาอย่างทุลักทุเล แล้วรีบหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาวางที่เตียง ก่อนจะรื้อเอาเสื้อผ้าในตู้มายัดใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ จนเต็มกระเป๋าแล้วนึกได้ รีบไปที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบซองยาวขึ้นมาเปิดดูธนบัตรในนั้นที่มีอยู่มาก นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่เพื่อนเดินออกมาที่หน้าบ้านพร้อมกับเจ้าคุณรัตน์ ที่มีคนรับใช้ช่วยขนกระเป๋าเดินทางออกไปหลายใบ
“ฉันไปครั้งนี้จะไม่กลับมาพระนครอีกแล้ว พอกันทีกับลูกชายที่ฉันเลี้ยงมันมาอย่างผิดๆ”
“แล้วท่านจะไม่บอกคุณมานพเลยเหรอเจ้าคะ”
“มันไม่สนใจหรอกว่าฉันจะอยู่หรือจะไป ที่มันสนใจก็มีแต่ตัวมันเอง บ้านหลังนี้ฉันจะยกให้มัน ส่วนมรดกอย่างอื่นฉันจะไม่ให้มันแม้แต่แดงเดียว”
เจ้าคุณรัตน์ว่าแล้วก็ล้วงเอาซองเงินออกมายื่นให้เพื่อน
“ฉันเองก็ไม่รู้จะแสดงความรับผิดชอบแก่เธอยังไง เงินพวกนี้ถือว่าฉันให้เธอเอากลับไปตั้งตัว ไม่ต้องขวนขวายกลับมาพระนครอีก”
“ท่านเจ้าคุณ”
“กลับไปหาความจริงใจจากคนที่เขารอแม่เพื่อนอยู่ที่บ้านสร้างเถอะ ฉันไปล่ะ”

เจ้าคุณรัตน์เดินออกไป เพื่อนมองซองเงินในมือ

เพื่อนเดินกระเผลกลากกระเป๋าเสื้อผ้าจะออกจากบ้าน ผ่านมาที่ห้องโถง
 
แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงมานพดังเข้ามาในบ้าน ตะโกนลั่นหาเพื่อน เพื่อนตกใจรีบหลบหลังประตูแล้วเหลือบมองมานพที่อยู่ในอาการเกรี้ยวกราด ที่หัวมีผ้าพันแผลเอาไว้
คนรับใช้ในบ้านตกใจเสียงมานพ รีบเข้ามาหาเจ้านาย มานพกระชากคอเสื้อมาทันที
“นังเพื่อนมันอยู่ไหน”
“เอ่อ คือ”
“ตอบมาสิโว้ย มันกลับมารึยัง”
“กลับ กลับมาแล้วขอรับ แต่ผมเห็นเธอเก็บกระเป๋าเสื้อผ้ากำลังจะออกไป”
“นังเพื่อน คิดหนีฉันเหรอ”
มานพเหวี่ยงคนรับใช้จนกระเด็นโครม เพื่อนแอบอยู่ตกใจหน้าเสีย กลัวมานพจนตัวสั่น เลยรีบถอยจะหนีออกไปอีกทาง แต่เพราะขาที่ยังเจ็บเลยทำให้กลับถอยไปชนแจกันข้างหลังตกแตก
เธอตกใจหน้าซีดเผือด มานพหันขวับไปทันที เพื่อนรีบวิ่งไม่คิดชีวิตพร้อมกระเป๋าเดินทางมาในสวน
มานพวิ่งไล่ตามมาตะโกนโหวกเหวก
“อย่าคิดหนีฉันเลยแม่เพื่อน ยังไงเธอก็หนีไม่พ้นฉันแน่”
เพื่อนหน้าเสีย ข้อเท้าก็เจ็บ จนไปต่อแทบไม่ไหว แต่ยังกระเสือกกระสนพยายามเข้าไปหลบที่หลังพุ่มไม้ มานพเดินเข้ามาใกล้ กวาดตามองไปทั่วๆ ด้วยความกราดเกรี้ยว
“เธอมันเลี้ยงไม่เชื่อง กล้าทำร้ายฉันจนได้เลือด ฉันก็ต้องลงโทษเธอให้ได้รับบทเรียน”
เพื่อนซุกตัวกอดกระเป๋าเดินทางอย่างตื่นกลัว มานพยิ่งขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น เพื่อนก็ยิ่งกลั้นเสียงตัวเอง
“อย่าคิดว่าตัวเองจะสูงส่งจนกล้าเสนอหน้ามาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉัน เธอเกิดมาจากตม เธอก็ต้องเป็นพวกอยู่ในตม อย่าได้สะเออะคิดจะเป็นดอกไม้งามในแจกันสวยๆ เลย”
มานพพูดไป ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบ เมื่อกวาดตามองรอบๆ อีกครั้งแล้วไม่พบอะไร จึงเดินออกไป เพื่อนชะโงกหน้าออกมาเห็นมานพออกไปแล้วก็ค่อยโล่งอก และคิดจะออกไปให้พ้นจากบ้านเจ้าคุณรัตน์ แต่ต้องชะงักเมื่อมานพโผล่มาข้างหลังด้วยน้ำเสียงดุดันร้ายกาจ
“บอกแล้วไงเธอหนีฉันไม่พ้นหรอก”
เพื่อนตกใจสุดขีด

คืนนั้น แพงยืนมองฟ้าที่แลบแปล๊บพร้อมกับเสียงฟ้าร้องครืนๆ ขณะที่กำลังเก็บข้าวของขึ้นไปไว้บนบ้าน พิศออกมาที่ชานเรือน
“เก็บของขึ้นมาเสร็จรึยังวะอีแพง ฝนจะมาแล้วนะโว้ย”
“จะเสร็จแล้วจ้ะพ่อ”
“เร่งมือหน่อย เดี๋ยวข้าจะชักกระไดขึ้นแล้ว”
“จ้ะพ่อ”
พิศเดินกลับเข้าไปในเรือน แพงมองฟ้ามองฝนแล้วหยิบกล่องยาสูบของลอมาดูอย่างครุ่นคิด

แสงฟ้าแล่บข้างนอกผ่านเข้ามาถึงในกระท่อม ลอคุกเข่าอยู่หน้าตั่งพระเล็กๆ ที่จุดเทียนบูชา ไหว้พระเสร็จแล้วจึงถอดพระที่ห้อยคออยู่วางบนตั่ง ระหว่างนั้นลมพัดวูบเข้ามาทำเทียนดับ ลอควานหาตะเกียงมาจุดไฟจนความสว่างกลับคืนมา แต่ได้ยินเสียงคนเดินย่ำอยู่ข้างนอก
“ใครมาวะ”
ไม่มีเสียงตอบกลับ ลอถือตะเกียงลุกไปดูที่หน้ากระท่อมแต่ไม่เห็นใคร
“เฮ้ย ใครวะ มีธุระอะไรก็โผล่หัวออกมา”
ทุกอย่างเงียบกริบ ลอเหลือบไปเห็นกล่องยาสูบวางอยู่ตรงแคร่หน้าบ้าน หยิบขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงวะ นึกว่าลืมไว้บ้านอาพิศซะอีก”
ลอเก็บกล่องยาสูบเหน็บเอว ระหว่างนั้นฝนเริ่มเทลงมา
“เวรแล้วไง ตกไม่ลืมหูลืมตาเลยโว้ย”
ลอรีบถือตะเกียงจะวิ่งกลับเข้ากระท่อมแต่ยังไม่ทันเข้าไป รู้สึกได้ว่ามีคนแอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกล จึงเดินฝ่าสายฝนไปดูที่ต้นไม้แล้วก็พบแพงนั่งคุดคู้ตากฝนมีผ้าคลุมหัวป้องกันสายฝนแค่ผืนเดียว แพงนั่งตัวสั่นด้วยความหนาว
“อีแพง เอ็งมานั่งจับเจ่าตากฝนอยู่ตรงนี้ทำไม”
“พี่ลอ คือว่าฉัน ฉัน”
“เอ็งเอากล่องยาสูบมาคืนให้ข้าใช่มั้ย”
“จ้ะพี่ลอ คืนนี้ฝนต้องตกหนักแน่ ฉันกลัวพี่จะหนาวฝนแล้วจะหายามาสูบให้คลายหนาวไม่ได้ ฉันก็เลยเอามาให้พี่จ้ะ”
“แล้วทำไมเอ็งไม่รีบกลับไปขึ้นเรือน”
“ก็ ก็ตอนที่ฉันเอากล่องยามาให้พี่ลอ พ่อแกไม่รู้นึกว่าฉันอยู่บนเรือนเข้านอนไปแล้ว แกก็เลยชักกระไดขึ้น”
“เอ็งก็เรียกเขาสิวะ”
“พ่อแกหลับไปแล้ว ขืนฉันไปปลุกก็โดนด่าเปิงน่ะสิ”
“งั้นเดี๋ยวข้าพาเอ็งไปหาทางขึ้นเรือน”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่ลอ พี่กลับเข้าไปในกระท่อมพี่เถอะ เดี๋ยวฝนซาลงหน่อยพอให้ มองเห็นทาง ฉันก็จะกลับไปนอนที่ใต้ถุนเรือนเอง”
“ปั๊ดโธ่เว้ยอีแพง เอ็งไม่น่าทำถึงขนาดนี้เลย พับผ่าเถอะวะ มานี่”
ลอคว้ามือแพงขึ้นมาแล้วพาฝ่าสายฝนไปที่กระท่อมทันที
“คืนนี้เอ็งนอนในกระท่อมข้าไปก่อน พอฟ้าสาง อาพิศตื่นทอดกระไดลงมา เอ็งค่อยย่อง กลับขึ้นเรือน”
“ให้ฉันนอนในนี้แล้วพี่ลอล่ะจ๊ะ”
“ข้าก็นอนข้างนอกใต้ชายคานั่นแหละ เอ้า เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้งซะ เปียกมะล่อกมะแล่กแบบนี้ เดี๋ยวพาลไข้กิน”
“แต่ข้างนอกฝนมันตกแรงนะจ๊ะพี่”
“เอ็งไม่ต้องมาห่วงข้าหรอก”

ลอตัดบทแล้วรีบเดินออกไป แพงมองตาละห้อยเป็นห่วงลอ

เพื่อนถูกมานพฉุดกระชากลากเข้ามาในห้องนอน
 
“ปล่อยฉันนะคุณมานพ ฉันเจ็บ ปล่อย ปล่อยฉัน”
เพื่อนพยายามยื้อยุดและแกะมือมานพที่บีบแน่น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที”
“โธ่เว้ย หุบปากได้แล้ว คุณพ่อไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยแล้ว ตอนนี้ที่นี่เป็นบ้านของฉัน เพราะฉะนั้นไม่มีใครกล้าเสนอหน้ามาช่วยเธอหรอกแม่เพื่อน”
“คุณมานพ กรุณาฉันเถอะค่ะ ฉันผิดที่พลั้งมือทำร้ายคุณ ฉันขอโทษ ยกโทษให้ฉันด้วย”
“หึ จะหวังให้ฉันยกโทษให้เธอน่ะเหรอ มันสายไปแล้ว ถ้าเธอฟังที่คุณพ่อสั่งยอมกลับไป บ้านนอกไม่อยู่เสนอหน้าจองหองกับฉัน ฉันก็จะยอมปล่อยเธอไป แต่เธอเลือกผิด”
“แต่ฉันรักคุณนะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณเคยเห็นฉันมีค่ามีราคาสูงส่ง แล้วทำไมเวลานี้ คุณกลับเห็นฉันไม่มีค่าอะไรเลย”
“เธออยากรู้ว่าทำไมเหรอ ได้ เธอมันก็แค่ความท้าทายของฉัน ความสวยของเธอไม่ ควรจะตกไปอยู่ในมือของไอ้บ้านนอกอย่างไอ้ลอ แต่เมื่อฉันเอาชนะมันได้ เธอก็กลาย เป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับฉันไง”
“ไอ้สารเลว แกทำให้ผู้หญิงทะนงตนเพราะลมปาก แกให้ความหวัง เชิดชูว่าฉันเป็น นางฟ้านางสวรรค์คู่ควรกับเทพบุตร แต่สุดท้ายแกมันก็แค่สัตว์นรกจากอเวจีตัวหนึ่ง ท่าน เจ้าคุณพูดถูกแล้ว น้ำหน้าอย่างแกเทียบกับพี่ลอไม่ได้แม้แต่นิดเดียว”
“ปากดีนักนะนังเพื่อน”
มานพตบหน้าเพื่อนอย่างแรง เพื่อนหน้าหันเลือดกบปาก เขาผลักเพื่อนลงไปบนเตียง ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ เพื่อนตกใจ
“จะทำอะไร”
“เธออยากเปรียบเทียบฉันกับไอ้บ้านนอกอย่างไอ้ลอนักใช่มั้ย ได้ ฉันจะลงมือกับเธอให้สาสม ให้เธอเอาไปเปรียบเทียบกับไอ้ลอเอง ว่าฉันกับมันใครเป็นผัวเธอได้ดีกว่ากัน”
มานพถอดเสื้อออก เพื่อนตกใจหน้าซีด

เสียงฟ้าผ่าลงมา ลอยืนกอดตัวเองหนาวเพราะละอองฝนที่สาดเข้ามา แม้จะหลบอยู่ใต้ชายคา แต่ก็ไม่พ้นเปียกเพราะฝนที่เทลงมาไม่ลืมหูลืมตา ลอกอดตัวเองด้วยความหนาว ก่อนจะเหลือบมองผ่านหน้าต่างเข้าในกระท่อมเพราะเป็นห่วงแพง แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เขาชะงัก แพงกำลังปลดผ้าแถบออกเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้ง ลอจึงเห็นแผ่นหลังแพงว่าเป็นสาวสะพรั่ง เขาใจเต้นแรงด้วยสัญชาติญาณชายหนุ่ม
แพงเช็ดตัวจนแห้งแล้วเหลือบมาเห็นลอมองตัวเองอยู่นอกเรือน แพงชะงักตกใจ แต่ไม่ได้ร้องโวยวาย กลับก้มหน้าก้มตาพันผ้าแถบแล้วขยับหลบสายตาลอ
“เอ็งปิดหน้าต่างเสียซะด้วยนะอีแพง ฝนสาดแรงแบบนี้เดี๋ยวจะเปียกถึงข้างใน”
“จ้ะพี่ลอ”
แพงตอบกลับไป แต่กลับครุ่นคิด ในขณะที่ลอพยายามขยับตัวหลบสายฝนที่สาดเข้ามาในชายคา เพราะตัวเปียกชื้นทำให้เริ่มหนาวสั่น แพงเดินออกมา
“อย่ามายืนอยู่ตรงนี้เลยจ้ะพี่ลอ ชายคาแค่นี้มันกันฝนให้พี่ไม่ได้หรอก เข้าไป นอนในกระท่อมด้วยกันเถอะจ้ะ”
“เอ็งรีบๆ กลับเข้าไปนอนซะเถอะอีแพง ฝนมันไม่ตกทั้งคืนหรอก เดี๋ยวมันก็หยุด”
แพงยืนนิ่งเป็นห่วง ไม่ยอมกลับเข้าไป
“เอ้า ไม่ได้ยินเหรอไงวะ กลับเข้าไปนอนซะ ไปหลับให้มากๆ จะได้ไม่ต้องห่วงข้า”
“ทำไมจ๊ะพี่ลอ พี่รังเกียจที่จะนอนกระดานแผ่นเดียวกับฉันเหรอ”
ลอชะงัก
“ข้าจะไปรังเกียจเอ็งได้ยังไงอีแพง”
“งั้นก็เข้าไปนอนกับฉันเถอะ อย่าให้ฉันเป็นต้นเหตุทำให้พี่ลอต้องป่วยเพราะตากฝนเลย”
แพงเข้าไปจับมือลอมากุมอย่างเป็นห่วง ลอมองหญิงสาวอย่างตัดสินใจ

ภายในกระท่อม ลอนั่งลงที่พื้นกระดาน แพงเอาผ้าขาวม้ามาช่วยซับเนื้อตัวที่เปียกให้
“พี่ลอเปียกฝน ฉันจะเช็ดตัวให้”
“อีแพง เอ็งไม่ต้องทำอะไรให้ข้าหรอก”
“ฉันก็ทำของฉันอย่างนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอจ๊ะ พี่ลอเป็นเจ้าชีวิตฉัน ถ้าไม่คอยดูแลพี่ ฉันก็ อกตัญญูดีๆ นี่เอง”
“ข้าไม่ได้หมายถึงแค่นี้”
“แล้วพี่ลอหมายถึงอะไร”
“ก็เรื่องจดหมายนั่น เอ็งปั้นแต่งให้แม่เพื่อนดีเลิศซะเต็มประดา แต่กลับปล่อยให้พ่อเขา เข้าใจเอ็งผิดๆ”
“พ่อจะเข้าใจฉันผิดหรือถูกมันไม่สำคัญกับฉันหรอกจ้ะ เพราะเขาเข้าใจอยู่อย่างเดียวว่า ฉันเป็นแค่อีตัวซวย เป็นอีลูกอัปรีย์”
ลอสงสารจับมือมาบีบแน่น
“ไม่จริงหรอกอีแพง น้ำใจเอ็งมันประเสริฐกว่าทุกคนที่ข้ารู้จัก ไอ้ที่เอ็งยอมขมขื่นทำมาทั้งหมด เอ็งไม่สมควรได้รับการตอบแทนอย่างนั้น”
“พี่ลอ”
“แม้แต่ข้าเองก็เหมือนพวกหูหนวกตาบอด มองไม่เห็นน้ำใจเอ็ง ข้าผิดนักอีแพงที่ปล่อยให้เอ็งต้องทนขมขื่น แล้วยังซ้ำเติมให้เอ็งต้องเจ็บช้ำอยู่คนเดียวได้ทุกวี่ทุกวัน”
ลอตัดสินใจดึงแพงมากอดแน่น แพงชะงักอึ้งในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“ยกโทษให้ข้าเถอะนะอีแพง ความรักที่เอ็งมีให้ข้ามันใหญ่เกินฟ้าเกินน้ำ แต่ข้ากลับย่ำ มันแค่รอยฝ่าตีนเท่านั้นเอง”
ลอกอดแพงแน่น เปี่ยมด้วยความรักที่ตัดสินใจเลือกแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายเอ่ออย่างรู้สึกผิดที่ทำให้แพงเสียใจมาตลอด จนแพงอดซาบซึ้งตื้นตันจนร้องไห้ออกมาไม่ได้
“ฮือๆๆ พี่ลอจ๋า น้ำตาที่ฉันต้องเสียไปเพราะพี่ ไม่ได้มาจากความเสียใจ แต่มา จากความรักที่ไม่ต้องการเหตุผล รักเพราะว่าอีแพงเกิดมาเพื่อรักพี่ลอคนเดียว พี่ลอจ๋า”
แพงกอดลอแน่นและร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ลอน้ำตาไหลเข้าใจแพง เขาค่อยๆ เชยคาง แพงขึ้นมาแล้วบรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แพงสบตาลออย่างตื้นตัน ลอค่อยๆ จูบเบาๆ ที่เปลือกตา แพงหลับตาพริ้ม ความสุขที่เฝ้ารอมานานกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
ลอจูบเบาๆ ที่หน้าผากแล้วค่อยๆ เลื่อนไล้ลงมายังริมฝีปาก แพงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสบตา ความรักของทั้งคู่ถึงจุดที่ไม่ต้องการปกปิดอะไรอีก
“ข้ารักเอ็ง อีแพง”

แพงยิ้มอย่างมีความสุขแล้วยอมรับการจูบจากลอ ริมฝีปากอุ่นๆ ประทับกันนิ่งเนิ่นนาน

จบตอนที่ 13
กำลังโหลดความคิดเห็น