เพื่อน แพง ตอนที่ 7
ตอนเช้า บริเวณทุ่งนา ธงแดงผูกบนปลายลำไม้ไผ่ มีชะลอมใส่เครื่องเซ่นผูกอยู่ด้วย
เจ้าของนาปักไว้เพื่อแสดงว่าที่นี่กำลังลงแขกเกี่ยวข้าว ลอ เพื่อน แพง แก้ว ด้วง ก้อนและชาวบ้านหลายคนกำลังช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวกันเต็มทุ่งนา
ระหว่างช่วยกันเกี่ยวข้าวไปก็เล่นเพลงเกี่ยวข้าวไป ก้อนกับแก้วร้องโต้ตอบกันไปมา ส่วนลอกับเพื่อนเกี่ยวข้าวใกล้ๆ กัน แต่แพงเกี่ยวห่างจากคนอื่นๆ เพราะยังเสียใจคำพูดเพื่อน ก้อนร้องเพลงเสียงดัง
“เออ เออ เอิงเอย เออ เอิงเอย ว่านั่งยองยอง คุณหนูจะร้องไห้กันออกจ้า ยองยอง ว่าหนูจะร้องกันออกจ้า ว่าใครหนอใครแหนมาลอยแพที่ไหนกันมา”
ก้อนยิ้ม เย้าแก้ว แก้วร้องรับ
“ว่าใครหนอใครแหนมาลอยแพที่ไหนกันมา ว่าน้องก็เป็นหญิงดี นี่เขาก็มีกิริยา หญิงดีก็มีกิริยา แม่ดูทางโน้น แม่ดูทางนี้ ท่วงทีว่าใครจะมา”
แก้วแลบลิ้นใส่ก้อน ก้อนยิ้มชอบใจ ขยับเข้าไปเกี่ยวข้าวใกล้แก้ว
“แม่ดูทางโน้น แม่ดูทางนี้ท่วงทีว่าใครจะมา ไม่เห็นมันปลาบ ไม่เห็นมันแปลบ ไม่เห็นมันแสบที่ตัวข้า”
“จะเหยียบหัวซังกระทั่งกอหญ้า จะเหยียบหัวซังกระทั่งกอหญ้า จะเหยียบอีแม่มันแช่ในนา อยู่ในวารีเอย”
แก้วเหยียบเท้าก้อนแรงๆ จนร้องสะดุ้งเจ็บ
พวกชาวบ้านพากันขำชอบอกชอบใจก้อนกับแก้วหยอกเย้ากันน่าชัง
“หงเอ๊ยรีเอ๊ย จะเหยียบอีแม่มันแช่กะหญ้า จะเหยียบอีแม่มันแช่กะหญ้า อยู่ในวารีเอย หงรีเอ๊ยแช่หญ้า แช่หญ้าอยู่ในวารีเอย”
ระหว่างนั้นแพงได้แต่ยืนเกี่ยวข้าวอยู่ห่างๆ ทุกคน เห็นลอกับเพื่อนช่วยกันเกี่ยวข้าว ลอเหงื่อเต็มหน้า เพื่อนก็เอาผ้าขาวม้ามาเช็ดเหงื่อให้
“ร้อนจนเหงื่อเต็มหน้าแล้วจ้ะพี่ลอ”
“ถ้าแม่เพื่อนเหนื่อยไปพักหลบแดดก่อนก็ได้นะจ๊ะ”
“ฉันไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ ชาวบ้านเขามาช่วยงานเรา เราก็ต้องแลกแรงช่วยเขาเกี่ยวข้าวให้เสร็จ”
ลอกับเพื่อนยิ้มให้กัน ลอก้มหน้าเกี่ยวข้าวต่อ ส่วนเพื่อนหันมามองแพงแล้วเชิดหน้าหางตาไม่แยแส แพงเจ็บปวด เดินออกไปเลย
บริเวณหน้าห้องหนึ่งที่ถูกใส่กุญแจเอาไว้ แสงกลับเข้ามาที่เรือน เรืองซึ่งนั่งเฝ้าหน้าห้องอยู่รีบลุก
“เป็นยังไงบ้างพ่อ”
“ข้าพยายามขอซื้อเครื่องดนตรีคืนแล้ว แต่คงได้ไม่หมด”
“ทำไมล่ะพ่อ พ่อก็เอาเงินทั้งหมดไปคืนมันนี่นา”
“ก็พี่สาวเอ็งยอมให้พวกพ่อค้าของเก่ามันกดราคาน่ะสิวะ ถึงได้เงินมาแค่นั้น ถ้าจะเอาคืนทุกชิ้นให้ครบก็ ต้องหาเงินไปเพิ่มให้มัน”
“โธ่เอ๊ย เพราะพี่แรมคนเดียว”
เรืองเจ็บใจจะหันไปเปิดประตู แต่แสงรั้งไหล่ลูกชายเอาไว้
“เอ็งไม่ต้องโมโหไปหรอกไอ้เรือง ปล่อยให้เป็นธุระของข้า ยังไงข้าก็ต้องไถ่คืนเครื่องมือทำมาหากินกลับมาให้หมดทุกชิ้น ต่อให้ต้องขายที่ขายบ้านข้าก็ต้องทำ”
“พ่อ”
“ว่าแต่เอ็งเถอะ อย่ามัวแต่มาอยู่ที่นี่เลย เดี๋ยวคนอื่นจะผิดสังเกตเรื่องนังแรม ไปช่วยคนอื่นเขาเกี่ยวข้าว แล้วก็ทำตัวให้เป็นปกติ ใครถามถึงนังแรมก็ไม่ต้องพูดอะไร”
เรืองกังวล แสงตบบ่าลูกชายให้ทำตามที่สั่ง เรืองจึงเดินออกไป แสงหันไปมองที่ประตูห้องที่ล็อคเอาไว้แน่นหนาอย่างเจ็บปวด แล้วเดินเข้าไปในห้อง แรมอยู่ในห้อง โดนจับล่ามโซ่เอาไว้กับเสาเรือน
“ปล่อยฉันนะพ่อ ฉันไม่ใช่วัวไม่ใช่ควายนะ พ่อจะมาล่ามฉันแบบนี้ไม่ได้”
“ใช่ เอ็งไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานที่ ข้าจะต้องล่ามเอาไว้ แต่เอ็งเป็นลูกสาวข้า”
“งั้นพ่อก็ปล่อยฉันซะทีสิ ฉันเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย”
แสงสงสาร เดินเข้าไปทำเหมือนจะช่วยปลดล็อคโซ่ล่าม แต่กลับเฉย น้ำตาคลอ
“ข้าทำไม่ได้ ถึงข้าจะรักเอ็งมากแค่ไหน แต่เพราะความอกตัญญูที่เอ็งทำไว้กับข้า มันทำให้เอ็งต่ำชั้นกว่าสัตว์เดรัจฉานซะอีก นังแรม”
“พ่อ พ่อด่าฉันมากไปแล้วนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที”
“ร้องไปก็ไม่มีใครช่วยเอ็งได้หรอกนังแรม ทุกคนเขาออกไปเกี่ยวข้าวกันหมดแล้ว ทางที่ดี เอ็งควรนั่งสำนึกผิด แล้วกราบขออโหสิครูบาอาจารย์ ถ้าเอ็งสำนึกแล้วข้าจะปล่อย”
“ฉันไม่ได้ทำผิด ทำไมต้องสำนึกด้วย ไอ้พวกวิชาล้าหลัง เก่าโบราณคร่ำครึ มันสมควร เก็บเข้ากรุไปให้หมด ขืนเรียนร่ำกันต่อไป ก็เป็นแค่กบในกะลานั่นแหละ ช่วยด้วย”
“อีแรม เงียบนะ อีบัวใต้ตม ลำพองว่าออกไปนอกกะลา ที่แท้เอ็งก็แค่โดดเข้าไปมุดอยู่ในกะลาอีกใบเท่านั้นแหละ”
“พ่ออยู่แต่ทุ่งแต่นา พ่อจะรู้อะไร”
“เออ พ่อไม่รู้อะไร เพราะถ้าข้ารู้ว่าพระนครมันสอนให้เอ็งกลวงขนาดนี้ไง ข้าไม่ส่งเอ็งไปให้เสียเงินเสียเวลาหรอก”
แสงมองหิ้งบูชาแล้วก็น้ำตาไหล รู้สึกผิดต่อบรรพชน แรมฮึดฮัดดึงโซ่ แสงเดินออกไป แรมกระชากโซ่โวยวาย
ชาวบ้านเอารวงข้าวหลังเกี่ยวเสร็จมากองรวมกันเพื่อเตรียมนำไปตาก แพงหอบเอารวงข้าวที่เกี่ยวได้มาวาง ปาดเหงื่อที่ไหลย้อย ถอนใจเซ็งๆ แล้วก็เห็นเรืองเข้ามาช่วยเกี่ยวข้าวพอดี
“ไอ้เรือง ที่บ้านเอ็งเป็นยังไงบ้าง”
เรืองชะงักไป รีบดึงแพงเข้าไปคุยข้างหลังเกวียนบรรทุกข้าว
“เอ็งอย่าพูดไปเชียวนะอีแพง ข้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพี่แรมทำระยำอะไรไว้กับพ่อ”
“ถ้าข้าเป็นพวกปากสว่างล่ะก็ ป่านนี้ทั้งทุ่งบ้านสร้างรู้เรื่องหมดแล้ว”
“ขอบใจเอ็งมากนะอีแพง ตอนนี้พ่อต้องขังพี่แรมเอาไว้ ไม่อยากให้หนีไปพระนคร”
“ถ้าพี่แรมไม่รักดี กล้าทำกับพ่อได้ขนาดนั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ จะรั้งไว้ทำไม”
“เอ็งก็รู้ว่าพ่อรักพี่แรมมากขนาดไหน ตั้งแต่เป็นพ่อลูกกันมา ข้าไม่เคยเห็นพ่อตีพี่แรมซักแปะ ลองถ้าเป็นข้าทำแบบนี้ พ่อคงกระทืบตายคาตีน”
แพงนิ่งไปคิดถึงตัวเอง
“นั่นสิ เอ็งกับข้าก็เหมือนกันนั่นแหละไอ้เรือง”
ลอขนรวงข้าวเข้ามา
“พวกเอ็งหลบมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ แถวนี้วะอีแพง ไอ้เรือง”
“เอ่อ พี่ลอ”
“หนีมาอู้กันน่ะสิ”
“ก็ ก็วันนี้แดดมันร้อนนี่พี่ลอ”
“เออ ไอ้เรือง แล้วนี่พี่สาวเอ็งหายไปไหนวะ ไม่เห็นหน้าตั้งแต่งานข้าแล้ว”
“คือ คือพี่แรมเขา เขา”
เรืองอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร แพงจึงช่วยตอบแทน
“พี่แรมเขาไม่ค่อยสบายจ้ะพี่ลอ ไอ้เรือง หายเหนื่อยแล้วก็ไปช่วยข้าเกี่ยวข้าทางโน้นดีกว่า ไปเร็ว”
แพงรีบลากเรืองออกไป เพื่อนเดินเข้ามาเพราะเห็นแพงควงแขนเรืองไปด้วยกัน
“ท่าทางอีแพงมันดูมีลับลมคมนัยอะไรกับไอ้เรืองจังเลยนะจ๊ะพี่ลอ”
“ไม่มีอะไรหรอกมั้งแม่เพื่อน มันก็เล่นหัวกันแบบนี้มาตลอด”
“แต่เดี๋ยวนี้มันโตเป็นสาวแล้วนะพี่ลอ ไอ้เรืองก็รุ่นๆ พี่ ผู้ชายทั้งหมู่บ้านฉันก็ไม่เห็นอีแพง จะสนิทสนมกับใครมากเท่าไอ้เรือง”
“แม่เพื่อนสงสัยว่า”
เพื่อนยิ้ม อยากให้ลอคิดแบบนั้น เพราะไม่อยากให้แพงมาคอยเกาะแกะลอ
แพงกับเรืองถือเคียวเข้ามาช่วยคนอื่นๆ เกี่ยวข้าว แก้วเห็นแพงกับเรืองเข้ามาก็รีบชวนแพงร้องเพลง
“อีแพง หายหัวไปไหนมา ตาเอ็งต้องร้องเพลงเกี่ยวข้าวให้พวกข้าฟังบ้างแล้ว”
“ไม่เอาหรอก วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์”
“แหม ทีวันที่เขาไม่อยากฟัง ข้าได้ยินเอ็งเจื้อยแจ้วไม่หยุด”
“อีแพงไม่อยากร้องก็ฟังข้าขยับลูกคอแทนก็แล้วกัน”
เรืองหันมายิ้มให้แพงเพราะตั้งใจช่วย แล้วเรืองก็ยืดอกเตรียมโก่งคอ ออกท่าทางอย่างมั่นใจ
“โตงเตงต่องแต่ง เอิงเอย ต่องแต่งโตงเตง ห้อยอยู่คาขั้ว เอิงเอย มันสั่นหัวโคลงเคลง”
เรืองยื่นหน้าเข้าไปสั่นใกล้ๆ ด้วง ด้วงแกล้งทำเหนียมอายเป็นสาวน้อย ดัดเสียง
“ต๊ายตาย มาโตงเตงอยู่คาขั้ว เดี๋ยวก็เด็ดทิ้งซะเลย เย้ย ไอ้เรือ คนอื่นเขาเล่นเพลงเกี่ยวข้าวแต่เอ็งผ่าไปออกลำตัด เดี๋ยวก็เคียวเกี่ยวให้หลุดจากขั้วเลย”
ด้วงควงเคียวจะเล่นงาน เรืองผงะถอยจะหนีแล้วลื่นจะล้ม จึงเซไปทางแพงเลยล้มอยู่ในท่าประ คองกอดกันพอดี ลอกับเพื่อนเข้ามาเห็น
“นั่นไงพี่ลอ ฉันว่าแล้วผิดซะที่ไหน เดี๋ยวนี้อีแพงมันไม่ใช่เด็ก ถึงเวลาที่มันจะต้องมีผัวกับเขาแล้ว”
ลอนิ่งไป มองแพงกับเรือง แพงรีบปล่อยมือจากเรืองทันทีที่หันไปเห็นลอกับเพื่อนเข้ามา พูดแก้เก้อ “ไอ้เรืองมันจนมุมร้องไปต่อไม่ได้ งั้นเดี๋ยวข้าร้องแทนมันเอง”
แพงวางมาดแม่เพลง กระแอมไอเตรียมร้อง พร้อมกับหางตามองเพื่อนกับลอ
“เออ เออ เอิงเอย ชะเออ เออ เอิงเอย ถ้อยคำร่ำหา ให้แม่แพงว่าเพลงที เรื่องเพลงฉันชอบ จึงรับปากตอบว่าได้ซิ วันนี้ลงแขก เราต้องมาแจกไมตรี ช่วยเกี่ยวข้าวแล้วต้องยิ้ม ให้หน้าจิ้มลิ้มเหมือนยังงี้”
แพงยิ้มไปทางเพื่อน
“โกรธใครไม่ว่า แต่อย่าทำหน้าเหมือนอย่างเหยียบขี้ ยิ้มมากยิ้มน้อยก็ยิ้มเสียหน่อยเถอะพี่ ยิ้มละม้ายเผื่อไมตรี ยิ้มแล้วดีใจเอย”
เรืองช่วยร้องคู่รับแล้วรำรอบๆ แพง
“หงเอ๊ยใจเอ๊ย ยิ้มละม้ายเผื่อไมตรี ยิ้มแล้วดีใจเอย”
ชาวบ้านปรบมือชอบใจเพลงเกี่ยวข้าวของแพง แต่ลอกลับรู้สึกหงุดหงิดไม่ค่อยพอใจที่เห็นเรืองกับแพง สนิทสนมกันแบบนั้น ลอถือเคียวเดินออกไปหน้าตาบอกบุญไม่รับ เพื่อนเห็นสีหน้าลอก็รู้สึกผิดสังเกต
ประจวบยืนดูคนงานช่วยกันทำงานขนกระสอบข้าว แล้วหันไปถามลูกน้อง
“ไอ้วีระอยู่ไหน หายหัวไม่เห็นหน้า งานการไม่รู้จักมาช่วยทำ”
“ไม่เห็นเลยครับ”
ประจวบหัวเสียโบกมือไล่ลูกน้องให้ไปทำงานต่อ ระหว่างนั้นเสมียนโรงสีรีบวิ่งเข้ามา หน้าตื่น
“คุณประจวบครับ แย่แล้วครับ”
“มีอะไร”
เสมียนหน้าเสียไม่รู้จะอธิบายอย่างไรประจวบตามเสมียนมาดูตู้เซฟที่เก็บเงินสดซึ่งเปิดออกมาแล้วเหลือแค่เศษสตางค์ในตู้นิดๆ หน่อยๆ
“เงินสดของฉันมันจะหายไปจากตู้เซฟได้ยังไง”
“ผม ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ผมจะเอาเงินสดมาเก็บให้ แต่พอเปิดตู้เซฟก็เจอแบบนี้เลย”
“ไม่มีแม้แต่ร่องรอยงัดแงะ”
“ครับ”
“จะเป็นไปได้ยังไง คนที่รู้รหัสเปิดตู้เซฟของฉันก็มีแค่ฉัน แก แล้วก็”
ประจวบชะงักเมื่อนึกถึงอีกคนที่รู้รหัสเปิดซึ่งก็คือลูกชายตัวเอง
วีระนอนสูบฝิ่นอยู่ในโรงฝิ่น มีหญิงสาวคอยมาช่วยนวดเฟ้น มาดยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ เห็นสาวๆ เห็น ฝิ่นของเจ้านายแล้วก็เปรี้ยวปากอยากสูบบ้าง แต่จังหวะนั้นไม้รีบเข้ามาเตือน
“ไอ้มาด รีบบอกลูกพี่ให้รีบไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
“อะไรของเอ็ง ไม่เห็นเหรอไงลูกพี่กำลังเคลิ้มได้ที่ ขืนเข้าไปขัดจังหวะก็โดนตีนน่ะสิวะ”
“แต่ถ้าไม่ไปตอนนี้ เอ็งกับข้านี่แหละจะโดนคุณประจวบกระทืบไส้แตก เร็วเข้า รีบช่วยข้าพาลูกพี่ออกไปจากที่นี่เร็ว”
ไม้กับมาดรีบเข้าไปปลุกเรียกสติวีระ ซึ่งกำลังเคลิ้มเพราะฤทธิ์ฝิ่น
“ลูกพี่ รีบไปจากที่นี่เถอะ พ่อลูกพี่รู้เรื่องที่พี่ขโมยเงินในเซฟแล้ว เขากำลังมาที่นี่”
“อารายของพวกเอ็งวะ ไป อย่ามาขัดจังหวะความสุขของข้า”
วีระยันโครม มาดกระเด็นล้มกลิ้ง
“ข้ากำลังมีความสุข ฉลองที่ไอ้ลอจะโดนกำจัดไปให้พ้นจากบ้านสร้าง เอ็งอย่ามาเสือก ไป”
“ฉันว่าเอาไว้ฉลองกันที่อื่นตอนที่ไอ้เสือมิ่งทำตามแผนของลูกพี่สำเร็จก็ได้ เพราะถ้าลูกพี่ไม่ไปตอนนี้ พ่อลูกพี่มาเจอเข้า ลูกพี่โดนหนักแน่” ไม้เตือน
“ช่างหัวพ่อข้าสิวะ เดี๋ยวมันก็แก่ตาย จะงกอะไรนักหนากับสมบัติที่ต้องเป็นของข้า ฮ่าๆ แม่เพื่อนจ๋า แม่เพื่อนของพี่ มาเป็นเมียพี่ดีกว่านะจ๊ะ น้ำหน้าอย่างไอ้ลอมันก็แค่ไอ้โจรห้าร้อย ไม่เหมาะกับแม่เพื่อนของพี่หรอกจ้ะ”
วีระกำลังจะโน้มสาวๆ มากอดจูบ มาดเลยตัดสินใจคว้าถาดเงินมาฟาดหัววีระ วีระสะดุ้งเฮือกหมดสติทันที มาดรีบโยนถาดเงินทิ้งหน้าเหยเก
“ข้าจำเป็นว่ะ ไม่งั้น ตายหมู่กันยกรังแน่”
ไม้รีบเข้าไปช่วยพยุงวีระ ลากตัวออกไปตรงทางออก แต่จังหวะนั้นเห็นประจวบหน้าตึงเอาเรื่อง จึงรีบถอยหลบ
“คุณประจวบมาแล้ว เอาไงดีวะไอ้ไม้”
“ขืนนายมาเจอลูกพี่เมาเละเทะสภาพนี้ นอกจากจะโดนกระทืบสั่งสอนแล้ว ดีไม่ดีได้โดน ตัดพ่อตัดลูกแน่ พาไปซ่อนตัวที่อื่นก่อนเถอะวะ”
“งั้นข้าจัดการเอง เอ็งรีบพาออกไปข้างหลัง”
มาดบอกไม้แล้วหันไปเห็นลูกค้าโรงฝิ่นที่เดินเมาๆ เข้ามา มาดคว้าคอเสื้อแล้วชกหน้าเปรี้ยง ลูกค้าโรงฝิ่นล้มกลิ้ง เกิดวุ่นวายโกลาหลดึงความสนใจของประจวบซึ่งกำลังเข้ามา ไม้กับมาดรีบฉวยโอกาสพาวีระออกไปได้หวุดหวิด
บ้านชาวบ้านฐานะปานกลางหลังหนึ่ง ชาวบ้านผัวเมียและลูกสาวเคราะห์ร้ายถูกพวกมิ่งบุกปล้นบ้าน แล้วลากตัวมากองรวมกันที่ชานเรือน ทั้งหมดอยู่ในอาการกลัวตัวสั่นกอดกันกลม มิ่งกับพวกลูกน้องเอาสมบัติในบ้านที่รื้อค้นได้มากองรวมกันตรงหน้าผัวเมีย
“ทั้งหมดบ้านเอ็งมีเท่านี้เองเหรอวะ”
“มี มีแค่ แค่นี้ แค่นี้เองจริงๆ จ้ะ”
“แต่ข้าไม่เชื่อ ได้ยินว่าเอ็งเพิ่งขายข้าวไปได้ตั้งหลายเกวียน เอาเงินไปซื้อทองหยองเก็บไว้ก็มาก เพราะฉะนั้น อย่ามาโกหก”
มิ่งกระชากคอเสื้อผัวขึ้นมาจ้องหน้าเขม็งอย่างดุดัน
“ฉันไม่ได้โกหก สมบัติในบ้านฉันมีเท่านี้จริงๆ”
มิ่งนิ่วหน้ายิ้มร้ายแล้วหันไปที่ลูกสาว ลูกน้องรู้กันดี เลยเข้าไปกระชากตัวขึ้นมา
“พ่อ”
“อย่า อย่าทำอะไรลูกสาวฉันเลย ฉันขอร้องล่ะจ้ะ อยากเอาอะไรก็เอาไปให้หมดเลย”
“งั้นเอ็งก็บอกมา ว่าสมบัติของเอ็งซ่อนไว้ที่ไหนอีก”
“ไม่มี หมดแล้วจริงๆ จะเอาฉันไปสาบานที่ไหนก็ได้”
“กล้าสาบานแน่นะ”
“แน่ แน่จ้ะ ฉันกล้าสาบาน”
มิ่งยิ้มเจ้าเล่ห์ผลักลงไปกองกับพื้น แล้วปลดกระดุมเสื้อออก ควักเอาสร้อยพระของเทิดที่ห้อยคออยู่ออกมา ยื่นไปตรงหน้าชาวบ้านเคราะห์ร้าย
“งั้นสาบานกับพระที่ห้อยคอข้า ถ้าเอ็งโกหก ลูกสาวเอ็งจะโดนพวกข้าข่มขืน”
“ฉัน ฉันสาบานต่อหน้าพระองค์นี้ ฉันไม่ได้โกหกคิดปดเลย”
มิ่งนิ่งแล้วยิ้มอย่างพอใจ เก็บพระสวมกลับแล้วหันไปสั่งลูกน้อง
“หลวงพ่อที่ห้อยคอข้าอยู่ไม่เชื่อคำพูดมันว่ะ ลากลูกสาวมันไป”
ลูกน้องลากลูกสาวชาวบ้านออกไป ผัวเมียร้องขอ แต่มิ่งซัดทั้งคู่จนหมดสติ
“หึ ไอ้ลอ อีกไม่นานหรอก เอ็งต้องไปกับข้าแน่”
ลอเดินมาที่เถียงนาแล้วตักน้ำจากตุ่มดินเผาขึ้นมาดื่มและล้างหน้าล้างตา เพื่อนเดินเข้ามา
“เป็นอะไรไปพี่ลอ เห็นอีแพงมันเกี้ยวกับไอ้เรืองเข้าหน่อย ถึงกับอยู่ดูไม่ได้เลยรึ”
ลอชะงัก
“แม่เพื่อนเอาอะไรมาพูด พี่หิวน้ำก็มาหาน้ำกิน”
“อย่าแสร้งไปเรื่องอื่นเลยพี่ลอ ฉันรู้ว่าพี่ลอไม่พอใจไอ้เรืองกับอีแพง”
ลอไม่อยากต่อความเพื่อน วางตะบวยแล้วจะเดินออกไป เพื่อนไม่หยุด รีบไปคว้าแขนรั้งไว้
“อย่าเดินหนีฉันนะพี่ลอ ไม่ตอบฉันมาแบบนี้แสดงว่าพี่หึงอีแพง”
“พี่ไม่ได้หึงอีแพง แต่พี่ห่วงมัน”
“ห่วง พี่จะต้องไปห่วงอะไรมัน มันโตเป็นสาวริจะรักผู้ชายก็เรื่องของมันสิ”
“ถ้าเป็นคนอื่นพี่ไม่ห่วงหรอก แต่นี่ไอ้เรือง แม่เพื่อนก็รู้ มันได้เรื่องอะไรที่ไหน ทำไร่ไถนาก็ไม่เป็น จะให้เก่งอย่างครูแสงมันก็เข็นไม่ไหว เรียนหนังสือก็ฉลาดไม่ทันอีแพง”
“ถ้าอีแพงอยากจะมีผัวโง่ๆ ก็เรื่องมันสิพี่ลอ ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องมาคิดให้หนักกบาล”
“แต่อีแพงเป็นน้องสาวแม่เพื่อนนะ แม่เพื่อนไม่อยากเห็นมันได้ผัวดีๆ เหรอไง”
“ผัวดีๆ ที่พี่อยากให้อีแพงได้เป็นผัว มันต้องอย่างพี่รึเปล่า”
“แม่เพื่อน”
“หรือว่าฉันจะพูดผิดไป ไม่ใช่อย่างพี่ แต่เป็นพี่เองนั่นแหละที่อยากจะเป็นผัวอีแพง”
ลอปรี่เข้าไปบีบสองแขนเพื่อนย้ำชัดๆ
“แม่เพื่อนพูดแบบนี้กับพี่ได้ยังไง พี่บอกแม่เพื่อนไปแล้ว ทำไมไม่เชื่อพี่”
“ก็คำพูดกับการกระทำของพี่มันสวนทางกันให้ฉันเห็นนี่ ปากก็สาบานว่าไม่เคยคิดอะไรกับอีแพงเกินน้อง แต่พี่กลับห่วงมันเกินงาม แม้แต่เรื่องมันจะมีผัว”
“พี่รักอีแพงอย่างน้อง จะเอาพี่ไปสาบานให้ตายห่า พี่ก็รักมันอย่างน้อง”
“ฉันไม่อยากฟังคำสาบาน สงสัยฉันต้องให้อีแพงมันไปให้พ้นจากบ้านสร้างล่ะมั้ง ฉันถึง จะสบายใจว่าอีแพงจะไม่ทำเรื่องบัดสีให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้า”
แพงได้ยินทั้งคู่คุยกัน ได้แต่อึ้ง
“แม่เพื่อนจะไล่ให้อีแพงไปไหน”
“ฉันมีที่จะให้มันไปก็แล้วกัน หลวงพ่อมาคุยกับฉันกับพ่อตั้งหลายวันแล้ว แต่ฉันกับพ่อยังไม่ตัดสินใจ”
“ไปไหน ทำไมพี่ไม่รู้เรื่อง”
เพื่อนยังไม่ทันจะตอบอะไร ก้อนก็รีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“ไอ้ลอ ไอ้ลอเว้ย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ไอ้เสือมิ่งมันอาละวาดปล้นฆ่าอีกแล้ว”
ลอชะงักอึ้ง
ลอกับก้อนและชาวบ้านผู้ชายบางส่วนพากันเข้ามาที่ป่าไผ่เห็นผาดช่วยดูแลลูกสาวชาวบ้านเคราะห์ร้ายที่ผมเผ้ากระเซิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ โดยมีพ่อแม่เข้ามากอดกันกลมร้องไห้ระงม
“อาผู้ใหญ่ ฝีมือเสือมิ่งอีกแล้ว”
ผาดพยักหน้า
“มันคงอาศัยจังหวะที่พวกเราส่วนใหญ่ออกไปช่วยกันเกี่ยวข้าว แล้วบุกไปปล้นบ้านไอ้ทัดกับฉุดนังสร้อยไป”
“แล้วนังสร้อยมันกลับมาได้ยังไงล่ะพ่อ” ก้อนถาม
“ฟังจากที่มันเล่า พวกมันทำร้ายนังสร้อยแล้วก็ปล่อยตัวกลับมา ในสภาพที่”
ผาดพูดไปแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมหันไปมองเด็กสาวซึ่งสะอื้นไห้อยู่กับพ่อแม่ ก้อนกัดฟันเจ็บใจ
“ไอ้พวกผีเปรตชิงนรกมาเกิด อย่าให้กูเจอตัว กูจะฆ่ามันให้หมด”
ก้อนพูดด้วยอารมณ์เจ็บใจโกรธแค้นกับความชั่วของพวกมิ่ง ลอตบบ่าเพื่อน
“พวกมันก่อเวรทำกรรมเอาไว้ ยังไงก็หนีไม่พ้นแน่ ยิ่งกรรมหนักก็ยิ่งต้องชดใช้หนัก”
ทัดผละจากลูกสาวตรงมากระชากไหล่ลอ แล้วต่อยอย่างจัง ลอเซมึนเลือดซิบ ทุกคนตกใจ
“ไอ้สารเลว มึงใช่มั้ยที่พาพวกมันเข้ามาปล้นกู ข่มขืนลูกกู”
“น้า น้าพูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
“มึงไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ ลูกสาวกูต้องป่นปี้ บ้านกูต้องสิ้นเนื้อประดาตัวก็เพราะมึง”
“น้า”
ผาดรีบเข้าไปแยก
“ไอ้ทัดเอ็งใจเย็นๆ ก่อนเถอะวะ เรื่องที่เอ็งเล่าให้ข้าฟัง ข้าว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก ไอ้ลอมันไม่รู้ไม่เห็นอะไรแน่ ข้ากล้าเอาหัวประกัน”
“ก็ไว้รอให้พวกมันปล้นฆ่าบ้านเอ็งก่อนเถอะวะไอ้ผาด ถุย ต่อไปนี้อย่าให้ข้าเห็นเอ็งเดินผ่านหน้าข้าอีก ไม่งั้น ข้าจะแทงเอ็งไม่ยั้ง ไอ้ลูกโจร”
ทัดโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วไปพยุงลูกเมียพาออกไป ลอยืนอึ้ง งง ไม่ต่างจากก้อนที่ไม่รู้เรื่องเช่นกัน
“อาผู้ใหญ่ หมายความว่ายังไง”
ผาดถอนใจเฮือกใหญ่มองหน้าลอด้วยความเคร่งเครียด
ลอกลับมาบ้านผาดด้วยความโกรธ ชกเสาเรือนระบายความอัดอั้น
“อามิ่ง ทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง โธ่เว้ย”
ลอเจ็บใจจนทนไม่ไหวเหลือบไปเห็นดาบของผาดที่ห้อยแขวนอยู่ จึงคว้าแล้วหุนหันจะไป ผาดรีบห้าม
“อย่าวู่วามสิวะไอ้ลอ”
“ฉันว่าพ่ออย่าห้ามเลยดีกว่า ฉันเห็นด้วย ขืนปล่อยให้ไอ้เสือมิ่งทำแบบนี้ ต่อไปไอ้ลอจะอยู่บ้านสร้างไม่ได้อีก”
ก้อนพูดพร้อมกับหันไปคว้าปืนยาวของผาดอีกกระบอกพร้อมลุยด้วยกัน แต่ผาดก็ยังห้าม
“แต่ถ้าปล่อยเอ็งไปก็เท่ากับให้ไปติดกับดักพวกมัน ฟังนะไอ้ลอ มันต้องการยั่วโมโหเอ็ง อยากเห็นเอ็งคลั่งจนบ้าเลือด อยากให้เลือดมันเปื้อนมือเอ็ง เหมือนที่เคยเกิดกับไอ้เทิด จนทำให้ต้องทิ้งบ้านสร้างไปเป็นโจร”
“อา อาผู้ใหญ่”
“เรื่องของพ่อเอ็ง เอ็งก็รู้จากข้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเอ็งยังจะให้มันซ้ำรอยอีกเหรอไง”
ลอนิ่ง เครียด มือกำดาบแน่น ตัดสินใจลำบาก ก้อนสงสัยเพราะยังไม่เคยรู้เรื่องอดีตของเทิด
“เกิดอะไรขึ้นกับอาเทิดเหรอ พ่อไม่เคยเล่าให้ฉันฟัง”
“มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาเล่าให้ใครฟังได้น่ะสิ คนที่รู้ก็มีแค่ข้ากับไอ้พิศแล้วก็หลวงพ่อ เพราะความหุนหันมุทะลุปล่อยให้ความจงเกลียดจงชังครอบงำ ไอ้เทิดถึงต้อง”
“เล่าให้ฉันฟังสิพ่อ เกิดอะไรขึ้น”
ผาดนิ่ง มองลออยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจเล่าให้ก้อนฟังเพราะไม่อยากให้ลอกับก้อนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
เหตุการณ์ในอดีต เมื่อเทิดขี่ควายกลับเข้ามาที่บ้านหลังกลับมาจากเอาควายไปเลี้ยงที่ดอนมาเป็นเดือน เทิดรีบลงจากหลังควาย ไปที่เรือนด้วยความดีใจเพราะคิดถึงลูกเมีย
“นวล พี่กลับมาแล้ว คิดถึงเสียงร้องโยเยไอ้ลอเหลือเกิน ไม่เห็นหน้ามันตั้งหลายเดือน”
เทิดตะโกนเรียก แต่ในบ้านเงียบ ครู่หนึ่งผาดกับพิศก็พากันเดินออกมาจากเรือน ทั้งคู่เครียด
“อ้าว ไอ้ผาด ไอ้พิศ พวกเอ็งมาทำอะไรบ้านข้าค่ำๆ มืดๆ วะ”
ผาดกับพิศอึกอัก ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา จนเทิดสงสัย
“ไอ้พิศ เกิดอะไรขึ้น”
“ไอ้เทิด คือ คือว่า นังนวลเมียเอ็งมัน มันถูก ถูก”
เทิดกระชากคอเสื้อพิศเข้ามาทันที
“ฝีมือไอ้พวกระยำอัปรีย์พวกนั้น มันมาทำร้ายเมียข้าอีกแล้วใช่มั้ย”
พิศพยักหน้ารับช้าๆ อย่างเศร้าเสียใจ เทิดกัดฟันแน่นแล้วปรี่เข้าไปในบ้านทันที พบสภาพนวล เมียตัวเองนอนอยู่ที่พื้น ใบหน้าฟกช้ำ ตามเนื้อตัวมีแต่รอยถูกทำร้ายข่มเหงมา ข้างๆ นวลมีผ้าขึงเป็นเปลให้ไอ้ลอวัยแบเบาะนอนนิ่งไม่โยเย
“นวล นวลของพี่”
เทิดเข่าอ่อนเข้าไปดูเมียที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นเพราะเจ็บปวดแสนสาหัส มีแต่เสียงเครือในลำคอเบาๆ
“พี่ พี่เทิด”
นวลพยายามยกมือขึ้น เทิดรีบรับมือเมียมากุมแนบหน้าพร้อมกับน้ำตาอาบแก้ม เพราะสงสารเมียจับใจ
“พวกมันทำกับนวลถึงขนาดนี้เลยเหรอ ไอ้สัตว์นรก แม้กระทั่งเพศแม่เหมือนแม่มัน มันก็ยังไม่เว้น นวล ฮือๆๆ”
“ฉัน ฉันฝาก ฝากไอ้ ไอ้ลอด้วย ด้วยนะพี่ ฉัน ฉัน”
นวลเจ็บปวดทรมานจนทนแทบไม่ไหว มือค่อยๆ ร่วงลง นิ่งไป
“นวล”
เทิดร้องเรียกเมียเสียงดังลั่น เขย่าตัวกี่ครั้งนวลก็นิ่งไม่หายใจ พิศกับผาดน้ำตาคลอ
“นวลมันทนเจ็บปวดทรมาน รอจนกว่าเอ็งจะกลับมาเพราะมันอยากฝากไอ้ลอไว้กับเอ็ง”
ผาดบอก เทิดกอดศพเมียแล้วร้องไห้อย่างเจ็บปวด ระหว่างนั้นเสียงลอร้องไห้จ้าดังขึ้น เทิดไปอุ้มลูกขึ้นมา น้ำตาไหล
“ไอ้ลอลูกพ่อ พ่อสัญญา ไอ้ระยำอัปปรีย์ที่ฆ่าแม่เอ็ง มันต้องลงนรกให้หมดทุกตัว ช่วยดูแลไอ้ลอให้ข้าด้วย เดี๋ยวข้ามา”
เทิดส่งลอให้พิศ
“เอ็งจะไปไหนวะไอ้เทิด”
เทิดไม่ตอบหันไปคว้าดาบที่เหน็บข้างฝาแล้ววิ่งลงจากเรือนไป ผาดกับพิศตกใจ
แสงฟ้าแล่บแปลบๆ ผาดกับพิศอุ้มลอเข้ามาตามหาเทิด ร้องเรียกไปทั่วป่า
“ไอ้เทิด ไอ้เทิด”
เสียงร้องไห้จ้าของลอดังสลับกับเสียงฟ้าร้องครืนๆ ผาดหันมาบอกพิศ
“ข้าว่าเอ็งพาไอ้ลอกลับไปบ้านเอ็งก่อนดีกว่า เดี๋ยวข้าเจอไอ้เทิดแล้วจะพามันกลับไป”
“แต่ข้าห่วงไอ้เทิด ลำพังเอ็งห้ามมันคนเดียวคงเอาไม่อยู่ ก็รู้ว่าสันดานมันมุทะลุขนาดไหน ถ้ามันได้เห็นหน้าลูก อาจช่วยให้มันลดๆ ลงได้บ้าง”
พิศบอกแบบนั้น ผาดก็เห็นด้วยก่อนจะหันไปก็เห็นเทิดเดินเข้ามาท่ามกลางแสงฟ้าแล่บแปลบๆ แต่สภาพของเทิดน่าตกตะลึง มือข้างหนึ่งยังกำดาบแน่น คมดาบอาบไปด้วยเลือดที่ยังไหลเป็นทาง ตามเนื้อตามตัวของเทิดเต็มไปด้วยคราบเลือดเปรอะตั้งแต่ตัวและใบหน้า
“ไอ้เทิด”
ผาดรีบเข้าไปหา แต่เทิดอยู่ในสภาพเหม่อลอยไม่ได้สติหลังจากทำเรื่องเลวร้ายมาอย่างไม่ยั้งคิด
“มันบาดเจ็บเหรอวะ เลือดถึงได้เต็มตัวมันแบบนี้”
ผาดเข้าไปจับตัวสำรวจดูแล้วแปลกใจ
“ไม่ใช่เลือดมัน หรือว่า”
ผาดใจคอไม่ดีรีบเดินผ่านเทิดไปด้านหลังแนวต้นไผ่ที่เทิดเพิ่งจะเดินออกมา แล้วก็เห็นศพของชายฉกรรจ์ 3 คนนอนตายในสภาพเลือดท่วมตัว นอนชักกระตุกสำลักเลือด และอีกศพที่ชวนขนหัวลุกก็คือ หนุ่มฉกรรจ์แต่งตัวดีอย่างลูกคนมีเงินถูกจับแขวนคอห้อยอยู่กับกิ่งไม้ พิศเห็นผาดตกตะลึงผงะถอยออกมาก็แปลกใจ เลยอุ้มลอจะเข้าไปดู แต่ผาดรีบห้าม
“อย่า อย่าให้ไอ้ลอเห็น”
ผาดห้ามไม่ทัน พิศอุ้มลอเข้ามาแล้วแทบช็อคกับภาพสยดสยองเลือดสาดตรงหน้า ลอร้องไห้จ้าทำให้ เทิดได้สติ หันมามองลูกชายน้ำตาคลอ
“ไอ้ลอ พ่อแก้แค้นให้แม่เอ็งได้แล้ว เอ็งไปกับพ่อเถอะนะ พ่อจะเลี้ยงเอ็งให้เป็นคนดี จะไม่ให้เอ็งเอาเยี่ยงอย่างพ่อเด็ดขาด ไอ้ลอลูกพ่อ”
เทิดเข้าไปรับอุ้มลอออกมาจากมือพิศ กอดลูกชายไว้แนบอก ทรุดลงร้องไห้เสียใจ
เพื่อน แพง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ลอทรุดนั่งลงน้ำตาคลอเมื่อผาดเล่าเรื่องของพ่อขึ้นมาอีก
“พวกที่ไอ้เทิดฆ่าไป 4 ศพเป็นพวกมีอิทธิพลในจังหวัด โดยเฉพาะไอ้คนที่ข่มเหงแม่ไอ้ลอ ก็คือลูกชายของข้าราชการมียศมีศักดิ์จากพระนคร”
“หมายความว่ากฎหมายก็ช่วยอะไรอาเทิดไม่ได้”
“ถ้าไอ้เทิดถูกจับตัวได้ มันจะต้องถูกประหาร มันไม่อยากให้ไอ้ลอกำพร้า ทางเดียวที่มันต้องเลือกคือหนีไปอยู่ตรงข้ามกับกฎหมายที่ช่วยอะไรมันไม่ได้”
“พ่อเป็นโจรเพราะไม่มีทางเลือก อย่างเดียวที่ยังทำให้พ่อมีสติไม่ถลำลึกไปมากกว่านั้นก็ คือพระที่ห้อยคอพ่อ คือคำสอนที่พ่อพยายามให้ฉันเป็นคนดี ไม่เอาเยี่ยงอย่าง”
“เพราะฉะนั้น เอ็งก็ต้องไม่ขาดสติ อย่าไปหลงที่มันจงใจยั่วให้เอ็งผิดคำสาบาน”
“แต่พระของพ่อฉันยังอยู่ในมือพวกมัน แล้วฉันจะมีทางเลือกอะไรได้อีกล่ะอาผู้ใหญ่”
“ข้าจะช่วยหาทางเอามันกลับคืนมาให้เอ็ง ถ้าพวกเราช่วยกัน ยังไงก็ต้องรับมือกับมันได้ แต่ต้องไม่ใช่เอ็งคนเดียว เข้าใจมั้ยไอ้ลอ”
“งั้นข้าก็เข้าใจที่พ่อข้าเตือนแล้ว เอ็งยังมีข้า มีนังเพื่อน มีพวกเราทุกคนในบ้านสร้าง จะทำอะไรต้องไม่ขาดสติเหมือนอย่างพ่อเอ็งนะไอ้ลอ”
ลอครุ่นคิด หนักใจ
สมภารบุญกำลังสวดให้ญาติโยมที่มาถวายสังฆทาน ระหว่างนั้นแพงชะโงกหน้าเข้ามาลับๆ ล่อๆ แล้วแกล้งกระแอม เพราะต้องการเรียกความสนใจจากหลวงพ่อ
สมภารบุญหรี่ตาขึ้นมามองแพงแล้วทำเป็นไม่สนใจ แพงเลยทำเป็นกระแอมเสียงดังขึ้นเหมือนมีอะไรติดคอ สมภารบุญพยายามสงบนิ่งไม่หวั่นไหวไปกับการรบกวนสมาธิ แต่พอถึงเวลาต้องพรมน้ำมนต์ให้ญาติโยม หลวงพ่อก็สาดเลยไปถึงแพงทำเอาแพงสะดุ้งโหยง ยิ้มทะเล้นยั่วโมโห แล้ววิ่งหนีหลวงพ่อซึ่งคว้าไม้เรียววิ่งไล่ตี
“แน่จริงอย่าหนีข้าสิวะอีแพง”
“ขืนไม่หนี อีแพงก็โดนไม้เรียวหลวงพ่อน่ะสิจ๊ะ”
“ก็เอ็งมันขาดไม้เรียวได้ซะที่ไหน ทะลึ่งตึงตังได้ไม่เลือกกาลเทศะ นรกจะกินกบาลเอ็งเข้าสักวัน”
“แต่ถ้าอีแพงไม่ร้อนใจอยากถามหลวงพ่อให้รู้ความ อีแพงก็ไม่อยากขัดกิจสงฆ์หรอกจ้ะ”
แพงพูดไปก็หลบหลังต้นมะม่วงในบริเวณวัด
“อย่างเอ็งเนี่ยนะจะมีเรื่องร้อนใจอะไรนักหนา”
“ก็เรื่องของฉันที่หลวงพ่อแอบไปคุยกับพ่อกับพี่เพื่อนไง หลวงพ่อไปคุยอะไรกัน เขาถึงคิดจะเสือกไสไล่ส่งฉันไปให้พ้นจากบ้านสร้าง”
สมภารบุญชะงัก
“เอ็งรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ”
“ใช่ ได้ยินพี่เพื่อนพูดมาเต็มสองหู แล้วถ้าหลวงพ่อไม่บอกฉันมาล่ะก็ ฉันจะอาละวาดให้วัดแตกเลย”
“อีแพง”
สมภารบุญนั่งลงคุยกับแพงอย่างจริงจังที่ศาลาวัด แพงชะงักอึ้งเมื่อรู้จากปากหลวงพ่อ
“จะให้ฉันไปเรียนหนังสือต่อที่พระนคร”
“เออน่ะสิวะ ข้าไปเจอลูกศิษย์มาคนหนึ่ง ได้ดิบได้ดีไปเป็นครูอยู่ในพระนคร สมัยมันเป็น เด็กวัดมันก็หัวดีอย่างเอ็ง พอข้าเล่าให้มันฟัง มันก็เลยอยากให้เอ็งได้เรียนหนังสือสูงๆ เหมือนอย่างมัน”
“แล้วทำไมหลวงพ่อไม่บอกฉันก่อน”
“เพราะข้ารู้ว่ายังไงเอ็งต้องสนใจอยู่แล้ว แต่กับพ่อกับพี่เอ็งนี่แหละที่เป็นปัญหา สองคนนั่นไม่ค่อยอยากให้เอ็งเรียนสูงๆ อยากให้เอ็งอยู่ทำนามากกว่า ถ้าข้าทำให้พวกนั้นเห็นแก่อนาคตเอ็งไม่ได้ แล้วเอ็งจะได้ไปเหรออีแพง”
“ก็จริงอย่างหลวงพ่อว่า ถ้าไปเรียนหนังสือถึงพระนคร จะเหลือใครดูแลพ่อ เดี๋ยวนี้แกก็ป่วยเรื่อย สามวันดี สี่วันไข้ แล้วไหนจะงานในนาในบ้านอีก”
“ก็ยังมีนังเพื่อนกับไอ้ลออยู่ ยิ่งพวกมันหมั้นหมายได้แต่งงานกัน ไอ้พิศก็จะได้มีลูกเขยไว้ช่วยงาน เอ็งรู้แล้วก็เอาไปคิดดู ทั้งๆ ที่เอ็งก็หัวหมอฉลาดเกินคนอื่นเขา ก็ควรได้ดิบได้ดี อย่าเอาอนาคตมาทิ้งไว้แค่ชาวนาในทุ่งบ้านสร้างเลย”
คำพูดของหลวงพ่อทำให้แพงนิ่งไป
ลอ เพื่อน พิศ นั่งล้อมวงกินข้าวเย็น แต่ลอกินไปได้หน่อยก็วางจาน
“กินอีกสิจ๊ะพี่ลอ อย่าเพิ่งอิ่มเลย”
“พี่ไม่ค่อยหิวหรอกจ้ะแม่เพื่อน อยากไปนั่งสูบยาซะมากกว่า”
“เอ็งไม่ต้องกังวลจนกินข้าวปลาไม่ลงหรอก ในเมื่อไม่ได้ทำ ใครก็มาทำอะไรเอ็งไม่ได้”
“พ่อแกก็พูดถูกนะจ๊ะพี่ ที่อาผู้ใหญ่เตือนมาก็จริง ถ้าพี่ไปหลงกลพวกมัน ชีวิตพี่จะลงเอยไม่ต่างจากพ่อพี่แน่นอน”
“จ้ะแม่เพื่อน ฉันรับปากว่าฉันจะยับยั้งชั่งใจ ไม่ปล่อยให้ความโกรธมาทำให้ฉันขาดสติ เพราะฉันยังมีหน้าที่ดูแลแม่เพื่อน ตอบแทนบุญคุณอาพิศอยู่”
“เออ คิดได้แบบนี้ก็ดี คนที่รู้จักกตัญญู ต่อไปทำอะไรมันก็มีแต่จะเจริญ”
“ถ้าพี่สบายใจแล้ว ก็กินต่ออีกหน่อยนะจ๊ะ จะได้มีแรงไปเกี่ยวข้าวต่อพรุ่งนี้”
ลอยิ้มรับตามใจเพื่อน ในขณะที่พิศเพิ่งนึกขึ้นได้
“แล้วอีแพงล่ะ หายหัวไปไหน ไม่มานั่งกินข้าวด้วยกัน”
“ฉันเรียกมันแล้วแต่มันบอกไม่หิว พ่อจ๊ะ เรื่องที่หลวงพ่อมาคุยกับเราไว้ ฉันคิดดูแล้วล่ะ”
“เรื่องอะไรวะนังเพื่อน”
“พ่อนี่ก็ ไม่ทันไรก็หลงซะแล้ว ก็ที่หลวงพ่ออยากให้อีแพงไปเรียนหนังสือที่พระนครไง
ลอกำลังจะตักข้าวเข้าปากชะงักไป เพื่อนเหลือบไปสังเกตลอนิดหนึ่งด้วยความอยากรู้ท่าทีของชายหนุ่ม
แพงมาหาแก้วที่บ้าน บอกเรื่องที่จะไปเรียนต่อที่พระนคร แก้วตื่นเต้นดีใจมาก
“พระนครเลยเหรอวะอีแพง คุณพระคุณเจ้า ดู ดูสิ ข้าดีใจแทนเอ็งจนเนื้อเต้นเลย”
แก้วยื่นแขนให้แพงดู แต่แพงกลับไม่สนใจเอาแต่นั่งหน้าเครียด
“อะไรของเอ็งวะอีแพง นี่เอ็งไม่ดีใจเลยเหรอไงวะ”
“ข้าควรต้องดีใจด้วยเหรอนังแก้ว”
“อ้าวอีนี่ จะได้ไปเป็นสาวชาวพระนคร ได้แต่งตัวสวยๆ ได้ขึ้นรถราง ได้นั่งรถยนต์ อย่างที่เขาลือกันว่าศิวิไลซ์ มันจะไม่น่าดีใจตรงไหน”
“ไอ้ของพวกนั้นน่ะเหรอ ข้าไม่อยากเห็นหรอก ต่อให้มันศิวิไลซ์ยิ่งกว่าเมืองสวรรค์ ถ้าไม่ ใช่บ้านสร้างมันก็ไม่ได้น่าอยู่หรอก”
“อีนี่ พิลึกคน มีแต่เขาอยากจะไปหาความศิวิไลซ์ บ้านเมืองถึงต้องเปลี่ยนแปลง แต่เอ็ง กลับอยากเป็นกบในกะลา”
“หึ ก็ในเมื่อกะลาที่ข้าอยู่มันมีความสุขดีอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปชิงดีชิงเด่น ดูถูกรากเหง้า ทำลายของดีของเก่าที่เคยมี เพื่อจะได้ไปอยู่ในกะลาใบใหม่นี่หว่า”
“อีนี่ เถียงฉอดๆ ไม่ยอมหักเลยวุ้ย ข้าชักสงสัยแล้วว่าที่เอ็งไม่อยากไปพระนครเนี่ยเพราะอะไร เพราะไอ้เรืองใช่มั้ย เอ็งอาลัยอาวรณ์ไอ้เรือง”
แพงชะงักกึก แก้วยิ้มกวนหยอกแพง
“แหมๆๆ เอ็งนี่ไม่ใช่น้อยเลยนะอีแพง ที่แท้ก็ติดผู้ชาย ทำไมไม่บอกข้าตั้งแต่แรก ข้าจะได้ไม่ต้องหลงด่าเอ็งซะตั้งนาน เรื่องแบบนี้ข้าเข้าใจอยู่”
“เข้าใจ เอ็งหมายความว่ายังไงวะ”
แก้วชะงักบ้าง พยายามทำหน้าทำตากลบเกลื่อน
“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็พูดไปเรื่อยเปื่อย อย่าเอาอะไรกับข้าเลย”
ระหว่างนั้นมีเสียงหมาหอนดังแปลกๆ แทรกเข้ามา
“หมาที่ไหนวะมาหอนเอาแถวนี้ เสียงก็แปลกๆ”
“อ๋อ หมาหลงน่ะอีแพง พอดีข้าไปเจอมันหิวโซหลงมาข้าก็เลยเอาข้าวไปเลี้ยงมัน สงสัยมันจะร้องหิวข้าวอีกแล้ว”
“ค่ำๆ มืดเนี่ยนะ ทำไมหมาเอ็งมันโหยขนาดนั้นวะ”
“สงสัยจะสันดานหมาน่ะอีแพง กินไม่เลือกเวลา ข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวมันจะหอนให้ชาวบ้านเขารำคาญ พาลจะโดนตีตายเปล่า”
แก้วรีบลุกออกไป แพงมองตามแต่ไม่ติดใจอะไร
แก้วรีบเดินเข้ามาที่บริเวณกองฟาง เสียงหมาหอนยังดังไม่หยุด แก้วคว้าไม้ขึ้นมาทำหน้าดุ
“หอนไม่หยุดน่ารำคาญ หิวโซแบบนี้ มันต้องตีให้หลังแอ่นจะได้เลิกโหยหวนซะที”
แก้วเข้าไปใกล้กองฟางแล้วเงื้อมือจะฟาดเต็มแรง แต่พอพุ่งเข้าไปกลับไม่เจออะไร หน้าเกือบคะมำ ดีที่ ก้อนโผล่เข้ามารวบเอวจากข้างหลังไว้ได้
“แม่แก้วอย่าใจร้ายกับหมาที่หิวโซแบบนี้สิจ๊ะ สงสารมัน”
“ไอ้ก้อน ปล่อยข้านะ”
“จะให้ปล่อยได้ยังไง ก็หมามันหิวโซ ทั้งหิวทั้งโหย ในเมื่อแม่แก้วเต็มใจออกมาให้อาหาร ก็ขอให้ไอ้หมาตัวนี้ได้ชื่นใจหน่อยเถอะ”
ก้อนทั้งกอดทั้งหอมนัวเนียแก้ว แก้วพยายามดิ้น แต่ก้อนก็ยังไม่ปล่อย เลยต้องกระทืบเท้าแล้วถองด้วยศอกเข้าลิ้นปี่ ก้อนจุกตัวงอ
“จะหยุดได้รึยัง ต้องให้ข้าลงมือกับเอ็งก่อนใช่มั้ย ไอ้ชีกอ”
“โธ่แม่แก้ว ฉันขอโทษ ตั้งแต่ฉันได้รู้ว่าแม่แก้วก็มีใจให้ฉันด้วยเหมือนกัน ฉันก็อยากกอดแม่แก้วเอาไว้ให้เต็มสองแขน แม่แก้วจะได้รู้ว่าแขนของฉันพร้อมดูแลแม่แก้ว”
“แหวะ ฉันไม่ได้บอกแกสักหน่อยว่าฉันมีใจให้แกไอ้ก้อน แต่แกนั่นแหละเจ้าคารี้สีคารม เกี้ยวข้า เช้าถึงเย็นถึง แถมก่อนนอนก็มีอีก แล้วจะไม่ให้ข้าใจอ่อนคารมเอ็งได้ยังไง”
“นั่นไง แม่แก้วใจอ่อนให้ฉันแล้วจริงๆ”
แก้วชะงัก รีบเอามือปิดปากตัวเอง
“ไอ้บ้า หลอกให้ข้าเสียคารมเอ็งอีกแล้ว”
แก้วรีบหันหลังให้แล้วตบปากตัวเองด้วยความอาย ก้อนกระหยิ่มยิ้มแล้วเข้าไปสวมกอดข้างหลังเบาๆ
“ข้าชอบเอ็งจริงๆ นะนังแก้ว เห็นเอ็งมาตั้งแต่เด็ก พอโตเป็นสาวเอ็งก็สวยไม่น้อยหน้าใคร ที่ผ่านมาข้าแกล้งเย้าเอ็งเพราะอยากเห็นเอ็งยิ้มให้ข้า และข้าก็จะไม่ล่วงเกินเอ็ง ขอแค่ให้ได้กอดเอ็งเอาไว้ให้ได้รู้ว่าอกข้าก็อุ่นพอที่จะดูแลเอ็งได้ แค่เท่านี้ก็พอแล้ว”
แก้วนิ่งไป หน้าแดงร้อนผ่าว แอบอมยิ้มเขินอาย เลื่อนมือไปจับมือก้อนที่โอบเอวไว้อย่างอบอุ่น
แพงเดินกลับบ้านท่ามกลางความมืด ระหว่างนั้นเห็นแสงไฟริบๆ จากตะเกียงอยู่หลังต้นไม้ข้างบึง แพงใจคอไม่ดีกลัวจะเจอพวกคนร้ายมาดัก เลยจะถอยหนีแล้วไปใช้ทางอื่น แต่ลอโผล่ออกมาเรียกไว้
“ข้าเองอีแพง”
“พี่ลอ”
“นึกแล้วว่าเอ็งต้องมาขลุกอยู่กับนังแก้ว ข้าก็เลยมาดักเจอเอ็ง”
“มาดักเจอฉัน ทำไมเหรอพี่ลอ หรือว่า พ่อกับพี่เพื่อนจะเล่นงานอะไรฉันอีก”
“เอ็งอย่าอคติกับพ่อกับพี่เอ็งให้มากนักเลยอีแพง ถ้าเอ็งไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วเขาจะเล่นงานเอ็งหาพระแสงอะไร เวลาที่เขามีเรื่องดีๆ เป็นห่วงเอ็งก็มี ข้าถึงได้มารอเอ็งอยู่นี่ไง”
“เรื่องดีๆ พี่ลอหมายความถึงอะไร”
“พระนคร”
แพงชะงัก
ลอนั่งลงที่แคร่หน้ากระท่อมของเขา หยิบเอายาเส้นขึ้นมาม้วนเตรียมจะสูบ แต่อยู่ๆ แพงก็ดึงจากมือไป
“คืนนี้อากาศดี กลิ่นยาสูบของพี่จะทำให้ฉันฉุน ไม่สูบสักคืนจะได้มั้ย”
“อีนี่ ยังไม่ทันจะไปเป็นสาวพระนคร ทำดัดจริตชมนกชมดาวเป็นพวกหัวสูงซะแล้ว”
“พี่ลอ”
“เออๆ ข้าไม่สูบก็ได้ ตอนนี้เอ็งคงกำลังดีใจ ข้าเลยไม่อยากขวางอารมณ์เอ็ง”
“พี่ลอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะดีใจ”
“อ้าว เอ็งจะได้ดิบได้ดี พ่อกับพี่เขาก็ไม่ขวาง จะไม่ดีใจเชียวรึอีแพง”
“พี่เพื่อนเขาอยากให้ฉันไปเพราะไม่อยากให้ฉันอยู่ขวางหูขวางตาเขามากกว่า แต่พี่ลอนั่นแหละเห็นว่าฉันควรไปรึเปล่า”
ลอชะงัก
“ไปก็ดีจะได้กลับมาเป็นเจ้าคนนายคน”
“แล้วถ้าไม่ไปล่ะ”
“ไม่ไปก็ดี จะได้อยู่ช่วยข้าทำนาเลี้ยงไอ้เปลี่ยว”
“อ้าว พี่ลอนี่ยังไง ตกลงอยากให้ฉันไปหรืออยากให้ฉันอยู่”
“ไม่ตอบหรอกเว้ย หลวงพ่อว่าเอ็งเป็นคนฉลาด เอ็งก็ต้องคิดเอาเอง อย่ามาถามพวกใช้แต่แรง ทำแต่ไร่ไถแต่นาอย่างข้าเลย”
ลอปฏิเสธที่จะตอบคำถามแพง เลยลุกไปหยิบขวานมาจามฟืน แล้วเอาฟืนที่เพิ่งผ่าซีกมาโยนเข้าไปกองไฟ เขี่ยให้ไฟคุโชนจนควันขโมง แพงเดินตามเข้ามา มองแผ่นหลังลอ ชายหนุ่มที่ตัวเองรัก
“แล้วถ้าฉันไม่อยู่ที่บ้านสร้าง พี่ลอจะเหงารึเปล่า”
“ข้าจะเหงาได้ยังไงวะ มีทั้งไอ้เปลี่ยว มีทั้งแม่เพื่อน แล้วข้าก็มีเวลาแค่ถึงเดือนหก ที่ต้องเร่งทำงานหาเงินสร้างฐานะไม่ให้แม่เพื่อนเขาน้อยหน้าใครในวันแต่งงาน ข้าคงไม่ว่างคิดถึงเอ็งหรอกอีแพง”
แพงน้ำตาคลอ เสียใจกับคำพูดของลอ
“พี่ลอพูดแบบนี้ เหมือนมีฉันอยู่กับไม่มีฉันอยู่ก็ไม่เห็นจะต่างอะไร”
“ก็ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกอีแพง มีเอ็งอยู่ก็ดี ช่วยให้ข้าไม่รู้สึกเหงา เพราะต้องฟังเอ็งเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง ถ้าเอ็งไม่อยู่ หูข้าก็คงได้ฟังเสียงนกเสียงกาอย่างอื่นบ้าง”
“นั่นสินะจ๊ะพี่ลอ ฉันมันก็เหมือนนกแก้วนกขุนทองปีกหักที่พี่ลอเลี้ยงเอาไว้คุยแก้เหงา พอถึงเวลาที่มันบินได้ ก็ได้เวลาต้องเปิดกรงให้มันบินไปที่ของมัน”
ลอชะงักนิ่ง มือที่กำลังสุมไฟถึงกับค้างอยู่อย่างนั้น น้ำตาคลอ เขารีบปาดน้ำตา
“สงสัยฟืนมันจะเปียก สุมไฟแล้วควันเต็มขโมงไปหมด แสบหูแสบตาไปหมด เอ็งกลับบ้านไปเถอะอีแพง นี่มันก็ดึกมากแล้ว”
“จ้ะพี่ลอ ถ้างั้นฉันก็ตัดสินใจได้แล้วจ้ะ ฉันจะไปเรียนที่พระนคร ไปมีอนาคตดีๆ อย่างที่พี่ลออยากให้ฉันเป็น ฉันกลับบ้านแล้วนะจ๊ะ”
แพงพูดทั้งๆ ที่น้ำตาคลอลงมาอาบแก้ม มองแผ่นหลังลออย่างเจ็บปวดแล้วรีบเดินออกไป
ลอยังนั่งหันหลังอยู่หน้ากองไฟ น้ำตาไหล
ตอนเช้า ภายในห้องนอนของซ่องแห่งหนึ่ง
วีระยังนอนสลบไม่ได้สติ ขนาบด้วยสองสาวที่หลับด้วยกันทั้งคู่ ครู่หนึ่งประตูเปิดเข้ามา มิ่งเอาปืนจ่อหัวไม้ ส่วนมาดก็ถูกลูกน้องคุมนำเข้ามาปลุกวีระ
“ลูกพี่ ลูกพี่ ตื่นเถอะ”
มาดปลุกไปก็หันไปมองกลัวพวกมิ่ง และปลุกอยู่หลายครั้งจนวีระงัวเงียตื่นขึ้นมา
“ก็บอกแล้วไง ถ้าพ่อข้าตามมาเจอก็ไล่ไปก่อน ข้ายังไม่พร้อมเจอหน้า”
วีระโวยวายทั้งๆ ยังไม่ลืมตา พอลืมตาขึ้นมาก็ตกใจ
“หึ กลัวพ่อกระทืบจนต้องหนีมาหาที่ซุกหัวนอนถึงในซ่องเลยเหรอวะ ไอ้หนูเอ๊ย”
“ไอ้เสือมิ่ง ตามข้ามาถึงนี่มีเรื่องอะไรวะ”
มิ่งยิ้มร้ายแล้วกระชากคอเสื้อวีระขึ้นมาจากเตียง ทั้งๆ ที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไม้กับมาดจะฮึดฮัดตามลูกพี่ แต่พวกลูกน้องมิ่งดันเอาไว้ไม่ให้ตาม
“ลูกน้องข้าทำงานมาเหนื่อยๆ พวกเอ็งจ่ายค่าแก้เมื่อยให้มันด้วย อย่าพยายามเหนียวหนี้ ไม่งั้นลูกพี่เอ็งเจ็บตัวแน่”
มิ่งสั่งเสร็จก็ลากคอวีระออกไป ไม้กับมาดเจ็บใจ ทำอะไรไม่ได้อีกตามเคย
มิ่งผลักวีระเข้ามาอีกห้องหนึ่งของซ่องซึ่งเป็นบ้านไม้เก่าๆ
“ข้าจ่ายค่าจ้างให้เอ็งช่วยทำให้ไอ้ลออยู่บ้านสร้างไม่ได้ แล้วทำไมป่านนี้ไอ้ลอถึงยังไม่ไป”
“จะให้คนอย่างไอ้ลอหายตัวไปจากบ้านสร้างเฉยๆ เลย มันไม่ง่ายอย่างใจเอ็งหรอกไอ้หนู”
“งั้นถ้าข้าจ้างให้เอ็งทำเรื่องง่ายๆ ไม่ได้ ข้าไปจ้างคนอื่นทำก็ได้”
วีระจะออกไปแต่มิ่งชักมีดออกมาปักที่ประตูเป็นการขู่
“เอ็งกระโดดลงมาบนเรือที่ข้าถือหางเสืออยู่ เพราะฉะนั้น อยู่ๆ เอ็งจะโดดหนีระหว่างเรือยังไปไม่ถึงฝั่งไม่ได้”
“ไม่ให้ข้าโดดหนีเพราะต้องการให้จ่ายค่าแจวเรือเพิ่มใช่มั้ย”
“หึๆๆๆ หัวแหลมเป็นหัวลิงนะไอ้หนู”
“ข้าไม่มีเงินแล้วโว้ย พ่อข้าจับได้ว่าข้าขโมยเงินมา จะกลับบ้านข้ายังไม่รู้จะกลับยังไงเลย”
“ข้าไม่สนใจว่าเอ็งจะทำยังไง แต่ข้าบอกได้เลยว่า ถ้าเอ็งจ่ายข้าหนักๆ มาอีกครั้ง ไอ้ลอจะเหยียบบ้านสร้างไม่ได้อีก มันจะหายไปพร้อมๆ กับพวกข้าแน่นอน”
“ก็ข้าไม่รู้จะเอาเงินมาจากไหน แล้วจะให้ทำยังไงวะ”
มิ่งดึงมีดออกจากประตูที่ปักเอาไว้ แล้วโยนให้วีระ
“ใช้ฝีมือเอ็งที่ถนัดทำอยู่บ่อยๆ สิวะไอ้หนู คิดเอาเองนะว่าหมายถึงอะไร”
มิ่งเดินออกไป วีระมองมีดตรงหน้าอย่างครุ่นคิด สักครู่ มิ่งเดินออกมาพร้อมลูกน้องที่เพิ่งเสร็จกามกิจ
“เข้าท่าดีนะพี่มิ่ง กระสุนนัดเดียวยิงนกได้ถึง 2 ตัว”
“หึ ยังไงข้าก็ต้องลากไอ้ลอไปกับข้าให้ได้อยู่แล้ว ในเมื่อมีไอ้หน้าโง่อยากเอาเงินมากองให้ ข้าก็ต้องเอาให้คุ้มหน่อยสิวะ”
มิ่งหัวเราะชอบใจ
แรมหงุดหงิดหัวเสียกับโซ่ที่ล่าม แม้จะพยายามดึงก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่จะทำให้ข้อเท้ามีแต่รอยช้ำ
“โธ่เอ๊ย หลุดออกไปได้เมื่อไหร่ล่ะก็อีแรมจะเอาคืนทบต้นทบดอกเรียงตัวแน่”
แรมเคียดแค้น ก่อนจะได้ยินเสียงคุยกันของพ่อกับน้องขายดังแว่วเข้ามา
“เอาข้าวเข้าไปให้พี่สาวเอ็งกินรึยังไอ้เรือง”
“เอาให้แล้วจ้ะพ่อ แต่พี่แรมไม่ยอมแตะเลย เอาให้เท่าไหร่ก็เหลือเท่านั้น”
“นังนี่มันดื้อด้าน ทำผิดแล้วไม่รู้จักยอมรับผิด ก็ดี ถ้ามันอยากพยศท้าทายข้า ก็ปล่อยให้มันอดตายอยู่ในนั้นไปนั่นแหละ”
“จะดีเหรอพ่อ ข้าวปลาไม่แตะหลายๆ วันเข้า ฉันว่าพี่แรมจะป่วยเอาได้นะ”
“ถ้ามันจะล้มหมอนนอนเสื่อ ก็ถือว่าเป็นเพราะเวรกรรมที่มันทำเอาไว้”
“พูดก็พูดได้น่ะสิพ่อ แต่เกิดป่วยขึ้นมาจริงๆ จะรักษากันยังไง ใจคอพ่อคงไม่ปล่อยให้พี่แรมนอนตายอยู่ในนั้นหรอก ใช่มั้ยล่ะ”
แสงชะงัก เพราะที่เรืองพูดมาก็มีส่วนจริง แรมได้ยินสองคนคุยกันก็เกิดความคิดบางอย่าง แล้วแกล้งทำเป็นร้องโอดโอยลั่น
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ประตูเปิดเข้ามาทันที แสงกับเรืองเห็นสภาพของแรมนอนกุมท้องร้องเจ็บปวดก็ตกใจ
“พี่แรม เป็นอะไรไปพี่”
“ช่วย ช่วยด้วย ฉันปวด ปวดท้องเหลือเกิน โอ๊ย”
แรมร้องไปก็ดิ้นพราดๆ เท้าถีบจานข้าวใกล้ตัวจนกระเด็นข้าวหกเลอะเทอะ
“เอ็งปวดท้องเป็นอะไร บอกข้าสิ ข้าจะได้หายาให้เอ็งถูก”
“ฉันปวดท้อ’ ปวด ปวดจนทนจะไม่ไหวแล้ว”
“พ่อ ฉันว่าไปตามหมอมาดูพี่แรมเถอะ”
“งั้นเดี๋ยวเอ็งเฝ้ามันไว้ ข้าจะรีบไปตามหมอ”
“ไม่ต้อง ฉันไม่อยากได้หมอ หมอช่วยฉันไม่ได้หรอก โอ๊ย”
“ถ้าหมอช่วยเอ็งไม่ได้ แล้วใครจะช่วยเอ็งได้ หะ พี่แรม”
“ตาม ตามนังเพื่อนมาหาข้า โอ๊ย”
“นังเพื่อนไม่ใช่หมอจะช่วยอะไรเอ็งได้”
“ได้สิ เพราะที่ฉันปวดอยู่เนี่ย ฉัน ฉันปวดอย่างที่ผู้หญิงเขาปวดกัน โอ๊ย ไปตามนังเพื่อนมาให้ฉันหน่อยเถอะพ่อ โอ๊ย”
แสงกับเรืองมองหน้ากัน
เรืองวิ่งมาที่ทุ่งนา เห็นชาวบ้านกำลังช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว ก็กวาดตามองหาเพื่อน แต่ไม่เห็น เลยหันไปถามชาวบ้าน
“นังเพื่อนอยู่ไหนเหรอจ๊ะน้า”
“มันเพิ่งจะกลับบ้านไปนวดข้าวเมื่อกี้นี้เอง”
“ขอบใจจ้ะ”
เรืองจะรีบออกไป แต่ระหว่างนั้นแก้วเห็นเรืองพอดีเลยรีบเข้ามา
“ไอ้เรือง เจอเอ็งพอดี ข้าว่าจะคุยกับเอ็งสักหน่อย”
“ไว้ก่อนนะนังแก้ว ข้ามีธุระ”
“เดี๋ยวสิวะ เรื่องสำคัญนะ”
“ไว้ข้าจะกลับมาฟัง ไปล่ะ”
“เรื่องของอีแพง เอ็งไม่อยากฟังเหรอ”
เรืองชะงัก
เพื่อนกับลอขนข้าวที่เกี่ยวและตากเรียบร้อยแล้วเข้ามานวดข้าว ด้วยการนวดแบบฟาดข้าว
สองคนช่วยกันทำงานไป แต่ลอชะงักเมื่อได้ยินเสียงแพงคุยกับพิศ
“เอ็งไปตอบตกลงหลวงพ่อมาแล้วเหรออีแพง”
“จ้ะพ่อ หลวงพ่อเพิ่งให้ไอ้ด้วงไปส่งโทรเลขบอกลูกศิษย์แกว่าฉันจะไปพระนคร”
“ข้าล่ะว่าแล้วเชียว หนอย เรื่องงานบ้านงานเรือนล่ะสั่งแล้วสั่งอีกกว่าเอ็งจะทำ แต่พอ เรื่องจะได้ไปตะแร้ดแต๊ดแต๋ถึงพระนครไวเป็นลิง”
“พ่อมาแขวะฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ก็พ่อกับพี่แพงเห็นด้วยไม่ใช่เหรอว่าจะให้ฉันไป”
“ที่จริงข้าก็ไม่เห็นด้วย มีเอ็งอยู่อย่างน้อยก็เป็นมือเป็นตีนให้ข้าเรียกใช้งานได้สะดวก แต่พี่สาวเอ็งนั่นแหละที่อยากให้เอ็งไป”
แพงหันไปมองเพื่อนกับลอที่กำลังช่วยกันนวดข้าวอยู่ไม่ไกลชนิดที่คุยกันแล้วต้องได้ยิน
“พี่เพื่อนเขาคิดถูกแล้วล่ะจ้ะพ่อ ฉันอยู่ก็มีแต่จะขวางหูขวางตา หาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้เขาไม่หยุดไม่หย่อน ยังไงฉันก็ต้องขอบใจพี่เพื่อนพี่ลอมากนะจ๊ะ อีแพงจะได้ไปเป็นสาวพระนคร ไม่ต้องมาย่ำขี้ดินขี้โคลนให้เปรอะตีน”
เพื่อนไม่ตอบโต้แพงเพราะเอาแต่หางตามองลอที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เอาแต่ก้มหน้านวดข้าวไม่หยุด
“คนที่เอ็งควรขอบใจคือพี่ลอเขาต่างหาก เขาอยากให้เอ็งไปจนตัวสั่น ไม่ใช่ข้าหรอก ใช่มั้ยจ๊ะพี่ลอ”
“เดี๋ยวพี่ไปเอาข้าวมาอีกนะ”
ลอเดินออกไปไม่พูดอะไรมากกว่านั้น เพื่อนจิกตามอง แล้วตามไป
“เป็นอะไรไปล่ะพี่ลอ ไม่พูดไม่จา หรือว่าเกิดจะอาลัยอาวรณ์อีแพงมันขึ้นมา”
“ทำไมพี่จะต้องอาลัยอาวรณ์มัน อีแพงจะไปเรียนหนังสือ ก็เป็นเรื่องของมัน”
“แต่พี่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็ก สนิทกับมันก็มากกว่าใคร เผลอๆ จะมากกว่าฉันที่เป็นพี่สาวของมันซะอีก ปากบอกว่าไม่อาลัยอาวรณ์คงฟังไม่ขึ้น”
“งั้นแม่เพื่อนหวังจะให้พี่ตอบว่าอะไร แม่เพื่อนก็บอกมาเถอะ”
“พี่ลอ ที่ฉันต้องส่งอีแพงไปให้พ้นหูพ้นตาก็เพราะพี่นั่นแหละ ถ้าพี่ไม่แสดงท่าทางหวงก้างอีแพงมากเกินน้อง ฉันก็คงไม่ทำแบบนี้”
“พูดไปพูดมา แม่เพื่อนก็วนกลับมาเรื่องเดิม พี่กับอีแพงเป็นพี่เป็นน้องกัน จะเป็นอื่นมาก กว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้”
“ของแบบนี้จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง ฟืนมันอยู่ใกล้ไฟ ยังไงมันก็ต้องติดไฟเข้าสักวัน”
“งั้นให้นรกกินกบาลพี่ ให้ไฟนรกมันเผาพี่ชั่วกัปชั่วกัลป์ ให้ชีวิตพี่มันฉิบหายตายโหง ถ้า พี่ผิดคำสาบานคิดกับอีแพงเกินน้อง”
“พี่ลอ ที่พูดไปเมื่อกี้ พี่กำลังสาบานอยู่นะ”
“ใช่ แม้เวลานี้พระของพ่อจะไม่อยู่ที่คอพี่เพื่อรับคำมั่นจากปากพี่ แต่พี่ก็กล้าสาบาน เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะพี่รักแม่เพื่อน เพราะแม่เพื่อนรับหมั้นว่าจะเป็นของพี่คนเดียว แล้วพี่จะทำผิดต่อแม่เพื่อนได้ยังไง”
“พี่ลอ”
เพื่อนนิ่งไป ก่อนจะเข้าไปสวมกอดลออย่างรู้สึกผิด
“ฉันขอโทษจ้ะพี่ลอ ฉันยอมรับว่าฉันหึง ฉันหวงพี่ แม้แต่อีแพงที่เป็นน้อง ฉันก็อดหวงพี่ไม่ได้ ถ้าพี่ลอกล้าสาบานให้ตายโหงขนาดนี้ ฉันก็ต้องขอโทษพี่จริงๆ”
เพื่อนกอดลอแน่นจนทำให้ลอต้องโอบรับเพื่อนเอาไว้แนบอก ระหว่างนั้นเสียงเรืองดังเข้ามา
“แม่เพื่อน แม่เพื่อน”
เพื่อนทำเป็นไม่สนใจคำร้องขอจากเรือง แกล้งทำเป็นยุ่งขนกองรวงข้าวที่ตากอยู่
“ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งเอ็งไปหาคนอื่นช่วยเถอะ”
“แต่พี่แรมบอกว่าให้ข้ามาตามเอ็งนะนังเพื่อน”
“นั่นสิ พี่แรมกับแม่เพื่อนก็สนิทสนมกันไม่ใช่เหรอ จะไม่ไปดูสักหน่อยได้ยังไง”
“แต่ว่าฉัน”
“หรือว่ามีปัญหาอะไรกัน พี่เองก็เอะใจตั้งแต่ไม่เห็นพี่แรมมางานหมั้นเรา”
เพื่อนกระอักกระอ่วนไม่รู้จะพูดอย่างไร เรืองรีบรบเร้า
“ช่วยไปดูพี่แรมหน่อยเถอะนะแม่เพื่อน ถือว่าข้าขอร้อง”
“ไปเถอะแม่เพื่อน งานที่นี่เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง”
เพื่อนถอนใจอย่างเสียไม่ได้
เสร็จจากเรื่องเพื่อน เรืองก็ดึงแขนพาแพงแยกออกมาคุยกันตามลำพัง
“อะไรของเอ็งอีก ไม่เห็นเหรอไงว่าข้ายุ่ง ข้าวบ้านข้ายังเหลือไม่ได้นวดอีกเป็นเกวียน”
“ข้าร้อนใจต้องถามเอ็งให้ได้เดี๋ยวนี้น่ะสิวะอีแพง ตกลงมันจริงเหรอวะ”
“อะไร พูดมาให้รู้เรื่อง ข้างง”
“ก็ ก็ ก็เรื่องที่เอ็งจะต้องไปเรียนหนังสือที่พระนคร”
“เอ็งรู้ได้ยังไง”
“นังแก้วเล่าให้ข้าฟังแล้วก็เรื่องที่เอ็ง นี่ถ้าพี่แรมไม่ก่อเรื่องขึ้นมาล่ะก็ ข้าคงขอให้พ่อมาสู่ขอเอ็งไปแล้ว”
แพงตกใจ
“นังแก้วมันปากสว่างบอกเอ็งหมดเลยงั้นเหรอ”
เรืองพยักหน้า แล้วจับมือแพง
“อีแพง ข้าคิดอยู่แล้วว่าสักวัน วันที่เอ็งเห็นใจข้าก็ต้องมาถึง มันทำให้ข้าดีใจจนไม่รู้จะร้องออกมาเป็นเพลงอะไรดี”
เรืองจับมือแพงขึ้นมาจะหอม แต่แพงชักมือกลับแถมซัดหมัดเข้าหน้าเต็มๆ
“ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าเลยไอ้เรือง”
แพงด่าลั่นแล้วถลกผ้าถุงยันโครมเข้าเต็มอกอีกที ก่อนจะหน้าหงิกบึ้งตึงเดินออกไป เรืองเจ็บร้องโอดโอย
เพื่อนจับที่ข้อเท้าแรมซึ่งเป็นรอยช้ำเพราะโซ่ที่ล่ามอยู่แล้วตกใจ
“อู้ย เบาๆ หน่อยสินังเพื่อน มันทั้งเจ็บทั้งแสบนะเว้ย”
“พูดแบบนี้อยากให้ฉันสงสารพี่เหรอ ฉันคงไม่หรอกนะ ที่พี่ต้องมาโดนแบบนี้ก็เพราะพี่ทำตัวเองทั้งนั้น”
“นังเพื่อน น้ำใจจะมีให้ข้าบ้างมั้ย ที่ข้าต้องออกอุบายให้ไอ้เรืองไปตามเอ็งมา เพราะข้าอยากขอความช่วยเหลือจากเอ็งนะ”
“น้ำใจฉันน่ะมี แต่จะให้กับเฉพาะคนที่หวังดีกับฉัน ไม่ใช่หวังจะตักตวงแต่ผลประโยชน์จากฉันอย่างพี่”
เพื่อนพูดอย่างตัดเยื่อใยไมตรีแล้วลุกจะออกไป แต่ระหว่างนั้นแสงเข้ามาพร้อมอ่างน้ำร้อน
“ข้าเอาน้ำร้อนมาให้แล้ว อาการนังแรมมันเป็นยังไงบ้างรึนังเพื่อน”
แรมรีบทำร้องโอดโอยมือกุมท้องน้ำตาร่วง
“อู้ย นังเพื่อน เอ็งช่วยข้าหน่อยเถอะ ข้ายังไม่หายปวดเลย อู้ย”
“ถ้าช่วยดูมันได้ ก็ช่วยมันหน่อยเถอะ ข้าเองก็ไม่อยากตามหมอให้มาเห็นมันสภาพนี้ ไม่ใช่ว่าข้าจะกลัวอับอายชาวบ้านที่มีลูกจัญไร แต่ข้าห่วงมันนั่นแหละที่ต่อไปชาวบ้านจะชี้หน้าด่าว่ามันเป็นลูกอัปรีย์ แล้วมันจะเดินไปไหนมาไหนในบ้านสร้างไม่ได้อีก”
แสงแตะแขนเพื่อนขอร้อง เพื่อนกระอักกระอ่วนใจ หันไปมองแรมที่ยังแสร้งทำปวด
เพื่อน แพง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ที่บ้านชาวบ้านหลังหนึ่ง ชาวบ้านเพิ่งจะจูงควายกลับเข้าคอก
ระหว่างนั้นวีระกับสมุนทั้งสองคน ใช้ ผ้าขาวม้าพันปิดหน้าปิดตาแอบซุ่มรอจังหวะ
“จะเอาแบบนี้จริงๆ เหรอพี่วี ฉันว่าลอบเข้าไปขโมยเงินของพ่อพี่เหมือนเดิมดีกว่ามั้ง”
มาดท้วง จึงถูกวีระหันมาตบหัว
“พ่อรู้แล้วว่าข้าขโมยเขาไปจนเกลี้ยง ขืนโผล่ไปขโมยซ้ำอีก คราวนี้ ข้าไม่ได้เจ็บตัวอย่างเดียว แต่จะโดนส่งไปอยู่ปีนัง ไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกแน่”
“แต่ท่าทางไอ้หมอนี่มันไม่ธรรมดานะพี่วี เชิงมวยเชิงดาบมันได้ยินว่าเอาเรื่องอยู่”
“ถ้าเอ็งปอดแหกไม่กล้า ก็ไสหัวไปไกลๆ ข้าเลย ไป”
วีระยันมาดโครมเสียงดัง ทำให้ชาวบ้านหนุ่มหันขวับมามองอย่างสงสัย ไม้รีบดึงวีระให้ก้มหัวหลบ
“เงียบๆ ไว้ลูกพี่ ควาย 2 ตัวของมันเพิ่งจะได้มาใหม่ ได้เอาไปขายต่อตอนนี้ราคาดีแน่ ลูกพี่ไม่ต้องห่วง ฉัน
จะลงมือให้เอง”
“งานนี้เอ็งคอยช่วยข้าก็พอ ไอ้เสือมิ่งมันดูถูกข้าว่าฝีมือไร้น้ำยา ข้าจะทำให้มันเห็นว่า ถ้าข้าเอาจริงเมื่อไหร่ เสืออย่างมันก็กลายเป็นแมวเชื่องๆ คอยเลียตีนข้าได้เหมือนกัน”
วีระดึงผ้าขาวม้าปิดหน้า ชักดาบออกมาควงอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะพุ่งเข้าไปเล่นงานชายฉกรรจ์ที่ดูแลควายอยู่ที่คอก แต่ชายฉกรรจ์ก็มีฝีมือพอตัวแม้จะโดนลอบฟันจากข้างหลัง ก็ยังมีแรงหันไปคว้าดาบมาสวนสู้วีระ
สองคนดวลดาบกันไปมาจนวีระเกือบพลาดท่าเสียที ไม้รีบกระโจนออกไปช่วยลูกพี่มันเอาไว้ แล้วรุกเล่น งานชายฉกรรจ์จนเสียที วีระควงดาบเข้าไปแทงกระซวกซ้ำทันที ชายฉกรรจ์ตายคาดาบวีระ วีระยิ้มสะใจ ชอบใจที่ได้ฆ่าคน
“ฮ่าๆๆ”
เพื่อนตกใจเมื่อรู้ว่าแรมต้องการให้ช่วยอะไร
“ว่าไงนะพี่แรม อยากให้ฉันช่วยพาพี่หนีไปจากที่นี่”
“ชู่วว์ เบาๆ หน่อยสิวะนังเพื่อน เดี๋ยวพ่อข้าก็ได้ยินหรอก”
“พี่โดนขนาดนี้แล้ว ยังไม่สำนึก ยังไม่คิดขอโทษพ่อแล้วเปลี่ยนสันดานตัวเองใหม่ให้เขาภูมิใจอีกเหรอ”
“ถ้าเอ็งด่าข้าเพราะคิดว่าเอ็งมันดีเลิศเรอล่ะก็ นังเพื่อนเอ๊ย สันดานเอ็งมันดีตายล่ะ เรื่องสินสอดของไอ้ลอที่เอ็งเอามาอวดชาวบ้าน ถ้าข้าจะคุ้ยจริงๆ ล่ะก็ เอ็งได้อับอายขายขี้หน้าชาวบ้านแน่”
“พี่แรม”
“แล้วไหนจะเรื่องที่เอ็งช่วยข้าเล่นงานผู้ชายที่อำเภอนั่นอีก โธ่เอ๊ย แม่ดีเลิศประเสริฐศรี แม่ดอกไม้งามของทุ่งบ้านสร้าง สันดานเอ็งมันก็ไม่ต่างจากข้าเท่าไหร่หรอก”
เพื่อนเจ็บใจหันไปคว้าผ้าชุบน้ำในอ่างมาบิดน้ำให้หยดลงที่ข้อเท้าช้ำๆ มีแต่แผลของแรม
“โอ๊ย อีเพื่อน เอ็งทำอะไร ข้าแสบนะเว้ย”
“ถ้าพี่ไม่หุบปาก ฉันจะทำให้พี่แสบยิ่งกว่านี้”
“เอาเลยอีเพื่อน ถ้าคิดว่าเอ็งทนได้ก็เอาเลย แต่ข้าจะไม่ทนอยู่บ้านสร้างแล้วจบชีวิตตัวเองด้วยการเป็นแค่เมียชาวนาจนๆ ข้าจะต้องได้ดีกว่านั้น ข้าจะต้องไปพระนคร”
แรมพูดอย่างจริงจังจนทำให้เพื่อนนิ่งไป มือที่ถือผ้าชุบน้ำอยู่ลดลงแล้วตัดสินใจ
“ก็ได้ ฉันจะช่วยพี่ให้หนีไปพระนคร แต่ไม่ใช่เพราะฉันเห็นว่าพี่จะไปได้ดีในพระนครหรอก ฉันยอมช่วยเพราะไม่อยากให้พี่อยู่บ้านสร้างแล้วทำร้ายครูแสงอีกต่างหาก”
แพงเดินบ่นออกมาจากบ้านคนเดียวอย่างหัวเสีย
“อีแก้ว อีปากเปราะ หาเรื่องให้ข้าแล้วมั้ยล่ะ อุตส่าห์บอกให้ปิดเงียบ โธ่เว้ย เอาไงดี”
แพงหน้าเครียดคิดไม่ออก แล้วยิ่งตกใจกว่าเก่าเมื่อเรืองโผล่เข้ามาแล้วโผสวมกอดแพงทันที
“อีแพงเอ็งไม่ต้องอายข้าหรอก ถ้าเอ็งกล้าพูดให้อีแก้วฟัง ก็ไม่มีอะไรต้องอายแล้ว”
“ไอ้เรือง ปล่อยข้า ปล่อยข้านะเว้ย”
เรืองกอดแน่นไม่ปล่อย
“ไม่ ข้าไม่ปล่อย อกข้ามันจะระเบิดอยู่แล้วอีแพง ข้าหลงรักเอ็งมาตั้งแต่เด็ก ที่คอยวิ่งไล่ตาม คอยให้เอ็งด่าเอ็งถีบก็เพราะข้ารักเอ็งหมดหัวใจ”
“ข้าไม่อยากฟังโว้ย ถ้าเอ็งไม่ปล่อย ข้าจะหักแขนหักขา เอ็งพิการขึ้นมาก็ไม่ต้องมาโอด โอยเพราะข้าเตือนเอ็งแล้ว”
“เอาเลยอีแพง คนอย่างไอ้เรือง ยอมได้ทุกอย่าง ถ้ามันจะทำให้คนที่มันรักมีความสุข แต่ข้าก็จะกอดเอ็งเอาไว้อย่างนี้ ให้สมกับที่เอ็งก็รักข้าเหมือนกันอีแพง”
แพงชะงักอึ้ง เรืองยิ่งกอดแน่นแล้วซุกหน้าไซ้ที่ซอกคอแพงอย่างลืมตัว แพงโวยลั่น
“ไอ้เรือง ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
แพงยังไม่ทันจะลงมือ จังหวะนั้นลอก็เข้ามากระชากตัวเรืองออกมาอย่างแรง
“ปล่อยอีแพงเดี๋ยวนี้ไอ้เรือง”
ลอซัดหมัดเข้าหน้าเรืองเต็มๆ เรืองหน้าหงายเลือดออกดั้งจมูก แพงเห็นเข้าก็ตกใจ
“พี่ลอ”
ชาวบ้านแห่กันมาเต็มบ้านพิศ รวมทั้งทัดที่เคยโดนปล้นด้วย พิศตกใจเมื่อฟังที่ชาวบ้านเล่า
“ว่าไงนะ ลูกชายเอ็งโดนฆ่าปล้นควายไปแล้วเหรอ”
“ก็เออน่ะสิวะ ศพลูกข้ายังนอนตายอยู่ที่คอก เพราะฝีมือไอ้เสือมิ่งที่มันมาปล้นฆ่าเอาไป”
“ข้าเสียใจกับเอ็งด้วย แต่ที่พวกเอ็งจะมาเอาเรื่องกับไอ้ลอ ข้าว่าพวกเอ็งเข้าใจผิดแล้ว”
“พวกข้าเข้าใจไม่ผิดหรอกไอ้พิศ ไอ้ลอเป็นพวกเดียวกับมัน ข้านี่แหละที่เห็นพระของไอ้ ลออยู่ในมือไอ้เสือมิ่งมาแล้ว”
“เรื่องพระองค์นั้น มันไม่ใช่อย่างที่เอ็งเข้าใจ”
“แล้วมันเป็นยังไง เอ็งก็บอกมาสิวะ” ทัดซัก
“ข้า ข้าบอกไม่ได้”
“บอกไม่ได้ก็แสดงว่า เอ็งกำลังช่วยเหลือไอ้ลอ เฮ้ย พวกเรา ไอ้ลอเป็นพวกเดียวกับเสือมิ่ง มันเป็นสายให้โจรมาปล้นฆ่าพวกเรา ไอ้ ไอ้สารเลว”
คำพูดแค่นั้นก็ทำให้ชาวบ้านคนอื่นๆ เริ่มมีโมโห ผลักพิศจนเซล้มแล้วเข้าไปพังข้าวของ พังลานนวด
ข้าวที่เพิ่งจะนวดได้ข้าวสารใส่ถังจนล้มระเนระนาด พิศอึ้งตะลึง
เรืองปาดเลือดที่ไหลออกจากจมูก ยังมึนไม่หาย หลังโดนหมัดลอไป
“ข้าไม่คิดเลยว่าเอ็งจะกล้าทำร้ายอีแพงได้ถึงขนาดนี้ ไอ้เรือง”
“ข้าเปล่าทำร้ายอีแพง เอ็งเข้าใจผิด”
“แต่ข้าเห็นกับตา อีแพงร้องให้คนช่วย เพราะเอ็งกำลังทำบัดสีกับมัน”
“ไม่ ข้าไม่เคยคิดเอาเปรียบล่วงเกินอีแพง”
“พอได้แล้วไอ้เรือง เอ็งรีบไปเถอะ”
“ไม่ ข้าจะไม่ให้ใครเข้าใจข้าผิด เพราะที่ข้าทำก็ไม่ผิดเหมือนกับที่ไอ้ลอทำกับแม่เพื่อน”
ลองง
“หมายความว่ายังไง”
“ฉันว่าอย่าให้มากความเลยดีกว่าจ้ะพี่ลอ ไอ้เรืองมันไม่ได้ทำอะไรฉันหรอก พี่ลอกลับไปนวดข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
“ให้ไอ้เรืองมันพูดมาให้หมด”
“ก็ทีเอ็งกับนังเพื่อนรักกันยังกอดยังหอมกันได้ แล้วทำไมข้ากับอีแพงที่มีใจให้กันเหมือนกับเอ็ง จะกอดหอมกันบ้างไม่ได้วะ”
“ไอ้เรือง”
“อีแพง นี่เอ็งตกลงปลงใจรักกับไอ้เรืองแล้วเหรอ”
“พี่ลอ คือว่าฉัน”
แพงกระอักกระอ่วนต่อหน้าลอ ระหว่างนั้นพิศมาร้องเรียก
“ไอ้ลอ ไอ้ลอ”
“มีอะไรเหรอจ๊ะอา”
“เอ็งอย่าเพิ่งกลับไปบ้านข้า กระท่อมเอ็งก็อย่าเพิ่งกลับ ไปหาที่หลบสักพักให้ข้าจัดการ ทางนี้ให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา”
“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะอา ทำไมต้องให้ฉันหนีไปด้วย”
“พวกเสือมิ่งมันเพิ่งอาละวาดฆ่าปล้นควายในหมู่บ้านไป พวกชาวบ้านก็เลยคิดว่าเอ็งรู้ เห็นกับพกวมันด้วยน่ะสิวะ”
“พี่ลอ งั้นก็ต้องเชื่อตามที่พ่อบอกเถอะจ้ะ หลบไปก่อน ไม่งั้นพี่ลอแย่แน่ๆ”
ลอกำหมัดแน่น ครุ่นคิด พิศหันไปบอกเรือง
“ไอ้เรืองช่วยข้าพาไอ้ลอไปหน่อย เร็วเข้า”
“ไม่ต้อง คนอย่างไอ้ลอจะไม่หนีไปไหน”
“พี่ลอ”
ลอเดินหน้าเข้มตรงเข้ามาที่บ้านพิศ โดยไม่สนใจแพงที่พยายามรั้ง ห้าม
“พี่ลอ อย่าทำอย่างนี้ ฉันขอร้อง”
ลอไม่สนใจ แกะมือแพงที่พยายามรั้ง แล้วตรงเข้าไปที่พวกชาวบ้านซึ่งกำลังเดือดดาลคว่ำเกวียนข้าวล้ม
“หยุดได้แล้ว ฉันอยู่นี่ เลิกทำลายข้าวของอาพิศเถอะ ฉันขอ”
พวกชาวบ้านหันมาเห็นลอก็พากันหยุดชะงัก ทัดรีบโผเข้ามาชี้หน้าลอทันที
“ไอ้ลอ ไอ้ชาติชั่ว เสียแรงที่พวกข้าหลงชื่นชมว่าเอ็งเป็นคนดี แต่ที่จริงเอ็งมันก็ลูกเสือ ลูกจระเข้ เลี้ยงยังไงสันดานก็ไม่เปลี่ยน”
“อย่ามาว่าพี่ลอแบบนั้นนะ พี่ลอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับไอ้เสือมิ่ง ทุกคนเข้าใจผิด”
ชาวบ้านหญิงเข้าไปผลักแพง
“เอ็งอย่าเสือกอีแพง ถ้าเอ็งเข้าข้างไอ้ลอเหมือนพ่อเอ็ง พวกข้าจะเหมาว่าพวกเอ็งเป็นพวกโจรเหมือนกัน”
“แต่พวกฉันไม่เคยมีสันดานโจร ขืนมาป้ายสีกันลอยๆ ก็ต้องมีเรื่องกับอีแพง”
แพงจะเอาเรื่อง แต่ลอขึ้นเสียงดังใส่
“หยุด อีแพง นี่เป็นเรื่องของข้า เอ็งไม่ต้องเสือก ไอ้เรือง เอาอีแพงออกไป ไปสิเว้ย”
เรืองเป็นห่วงแพงรีบเข้าไปจับตัวจะพาออกไป แต่แพงดิ้นไม่ยอมไป ระหว่างนั้นลอก้าวไปยืนต่อ หน้าพวกชาวบ้านทุกคนด้วยสีหน้าจริงจังมุ่งมั่น
“ไอ้ลอเป็นลูกหลานคนบ้านสร้าง นาทุกแปลง ข้าวทุกต้น ไอ้ลอเคยวิ่งเล่น เคยช่วยลุงป้า น้า อา หว่านไถ ไอ้ลอได้กินอิ่มนอนหลับก็เพราะน้ำใจจากลุงป้าน้าอา ไอ้ลอนับถือทุกคนเหมือนญาติของไอ้ลอ แล้วมันจะชักศึกเข้ามาในบ้านมันไปเพื่ออะไร”
พวกชาวบ้านพากันนิ่งเงียบไปหลังจากที่ลอพรั่งพรูความรู้สึกอย่างซื่อๆ จริงใจ แต่ทัดก็ยังสวนขึ้นมา
“ถ้าเอ็งอยากให้พวกข้าเชื่อ ก็อธิบายเรื่องพระที่ห้อยคอเอ็ง ทำไมไปอยู่กับไอ้เสือมิ่ง”
ลอชะงัก
“ถ้าเอ็งเล่าความจริงมาไม่ได้ งั้นพวกข้าก็ต้องเชื่อว่าเอ็งเลวเหมือนไอ้เสือเทิดพ่อเอ็ง”
ทัดตรงเข้าไปต่อยหน้าลออย่างจัง ลอเซล้มเลือดกบปาก ชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ไม่พอใจก็กรูเข้าไปช่วยกันรุมกระทืบ ลอได้แต่ยกมือขึ้นมาป้องไม่ตอบโต้
“พี่ลอ”
แสงเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้แรม
“นังแรมมันดีขึ้นแล้วเหรอนังเพื่อน”
“จ้ะครู ไม่ปวดเหมือนตอนที่มาแรกๆ แล้วจ้ะ”
“ตกลงมันเป็นอะไร”
“ที่ผู้หญิงเขาเป็นกันทุกๆ เดือนนั่นแหละจ้ะ”
“งั้นโชคดีที่ข้าได้เอ็งมาช่วยดู”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แต่ฉันว่า ครูน่าจะปลดโซ่ให้พี่แรมเขานะ ล่ามเขาไว้แบบนี้ ทรมานเขา”ฃ
แสงนิ่งไปแล้วจับแขนเพื่อนขยับออกมาคุยห่างๆ
“ข้าไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนังเพื่อน แต่เอ็งคงจะรู้ว่ามันทำระยำอะไรเอาไว้ ถ้าขืนข้าไม่ลงโทษมันซะบ้าง ไม่ใช่ข้าคนเดียวที่จะมองหน้าใครไม่ติด มันเองก็ด้วย”
“แต่พี่แรมเขาบอกฉันว่า เขาสำนึกผิดแล้วนะจ๊ะครู”
“จริงเหรอ”
“จ้ะ เขาสารภาพกับฉันว่าอยากกราบเท้าขอโทษครู แล้วจะไม่อกตัญญูกับครูอีก”
“นังแรม เอ็งสำนึกผิดแล้วจริงเหรอ”
“จ้ะพ่อ ฉัน ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
แรมยกมือพนมบีบน้ำตาสำออย และพยายามกระเสือกกระสนตัวเองเข้ามาก้มกราบเท้าพ่อ
“ยกโทษให้ฉันนะจ๊ะพ่อ ลูกสาวพ่อคนนี้สำนึกผิดทุกอย่างแล้ว และอยากขอโอกาสให้ฉันได้แก้ตัว ทดแทนพระคุณพ่อบ้างนะจ๊ะ ฮือๆๆ”
แรมกราบเท้าพ่อพร้อมน้ำตา ทำให้แสงพลอยร้องไห้ไปด้วย โผเข้าไปกอดลูกสาว
“นังแรม ถ้าเอ็งสาบานว่าจะไม่อกตัญญูต่อข้า ต่อครูบาอาจารย์อีก ข้าก็พร้อมยกโทษให้เอ็ง”
“ฉันสาบาน ถ้าฉันอกตัญญูต่อพ่อต่อครูบาอาจารย์อีกก็ให้ฉันตายโหงตายห่าเลยจ้ะ”
“นังแรม”
แสงน้ำตาไหลด้วยความดีใจ รีบเอากุญแจออกมาปลดล็อคโซ่ที่ล่ามข้อเท้าแรมออก แล้วสวมกอดลูกสาว แรมทำสะอื้นร้องไห้แล้วจิกหน้ามองเพื่อน
ภายในป่า มิ่งเพิ่งรู้เรื่องลอจากลูกน้อง
“ว่าไงนะ ไอ้ลอน่ะเหรอโดนชาวบ้านบุกไปเล่นงาน”
“ใช่แล้วพี่มิ่ง ตอนนี้ไอ้ลอกำลังลำบาก เพราะฝีมือไอ้วีระกับลูกน้องมันไปฆ่าชาวบ้าน แล้วปล้นควาย ซ้ำยังประกาศตัวว่าเป็นฝีมือพี่อีก”
“ไอ้ลอเลยยิ่งซวยหนัก ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้าแทรกอีก หึๆๆ ฮ่าๆๆ มาทุ่งบ้านสร้างเที่ยวนี้ ข้ามีแต่ได้กับได้จริงๆ เว้ย”
มิ่งหัวเราะชอบใจแล้วรีบเดินไปหยิบปืนพกมาเหน็บเอว
“ไปเว้ย ไปทำให้ไอ้ลออยู่บ้านสร้างไม่ได้อีก”
ลออยู่ท่ามกลางพวกชาวบ้านที่พยายามรุม พิศเข้าไปห้าม
“หยุด ข้าขอร้อง หยุดได้แล้ว”
พิศถูกชาวบ้านดันจนล้มกระเด็นออกมา แพงพยายามแกะมือเรือง
“ปล่อยข้านะไอ้เรือง ข้าต้องช่วยพี่ลอ”
แพงแกะมือเรืองแล้วผลักเต็มแรง เรืองเซล้มรั้งแพงไว้ไม่ได้ แพงรีบพุ่งเข้าไปไล่ผลักชาวบ้านที่กำลังรุมกระทืบลอ
“อย่าทำร้ายพี่ลอ บอกให้หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าทำร้ายพี่ลอของฉัน”
แพงออกแรงผลักเต็มที่ ใครไม่ยอมก็คว้าท่อนไม้ไล่ฟาดจนเปิดทางเข้าไปถึงตัวลอที่สะบักสะบอมเจ็บไป ทั้งตัว
“พี่ลอ”
“อีแพง ถอยไป” ทัดตะโกน
“ไม่ ถ้าใครทำร้ายพี่ลออีก อีแพงจะเอาเลือดหัวมันออก”
“อีแพง อย่าทำแบบนี้”
“ไปจากที่นี่เถอะพี่ ไปกับฉันนะ”
มือหนึ่งแพงประคองลอขึ้นมาแล้วช่วยพยุง ส่วนอีกมือก็กวัดแกว่งท่อนไม้ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง แล้วก็ พยุงลอออกไป แต่พวกชาวบ้านยังแค้น
แพงประคองลอมาตามคันนา
“รีบไปเถอะพี่ลอ เดี๋ยวพวกนั้นตามมาอีก”
“อีแพง เอ็งไม่น่าทำแบบนี้”
“ฉันทนดูพี่ลอถูกทำร้ายไม่ได้”
“โดนแค่นี้ข้าทนได้ เพราะข้าอยากให้พวกเขากระทืบข้าให้พอใจ จะได้เชื่อว่าข้าไม่ได้ปด คำพูดของข้าแม้แต่คำเดียว”
“พี่ลอ”
“พ่อสอนให้ข้าเป็นลูกผู้ชาย พูดคำไหนก็ต้องคำนั้น ถ้าแม้แต่คำพูดข้ายังรักษาไม่ได้ แล้วข้าจะทนมีชีวิตอยู่ได้ยังไงอีแพง”
แพงชะงักกับความจริงใจของลอ ระหว่างนั้นชาวบ้านพากันตามเข้ามา รั้งท้ายด้วยเรืองที่ประคองพิศตามมา ทัดตะโกนบอกแพง
“อีแพง เอ็งถอยไป ไม่งั้นพวกข้าจะไม่เตือนเอ็งอีก”
แพงรีบหันกลับมากางแขนขวางไม่ให้ใครเข้าใกล้ลอ
“ไม่ ฉันจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายพี่ลอเด็ดขาด ถ้าใครกล้าเข้ามาก็ต้องข้ามศพอีแพงไป”
“อีแพง หลบไป” ลอบอก
“ฉันไม่หลบ ถ้าพี่ลอจะทำให้ทุกคนเชื่อคำมั่นของพี่ ฉันก็จะช่วยพี่ด้วยอีกแรง พี่ลอไม่ได้เกี่ยวข้องกับเสือมิ่ง ถ้าไม่เชื่อก็เข้ามาจัดการอีแพงด้วยซะอีกคน อีแพงจะไม่หนีไปไหน”
“อีตอแหล”
ชาวบ้านหญิงขว้างก้อนหินโดนหัวแพงเข้าเต็มๆ แพงล้มลงท่ามกลางความตกใจของทุกคน ทั้งลอ เรืองและพิศที่ตามมา แพงก้มหน้านิ่งอยู่ที่พื้น แล้วก็ยันตัวลุกขึ้นมาในสภาพที่หัวแตกเลือดอาบหน้า แต่ไม่สะทกสะท้านต่อความเจ็บ ยังก้าวไปยืนขวางไม่ให้ใครมาทำร้ายลอ
“พี่ลอไม่เคยคิดทำร้ายคนบ้างสร้าง อีแพงคนนี้แหละที่เชื่อพี่ลอทุกคำพูด”
แพงยืนเลือดอาบ เอาจริง ไม่ยอมถอยหลบ พวกชาวบ้านยืนอึ้ง เรืองเห็นความพยายามปกป้องลอแล้วก็อึ้งไป แม้จะซื่อแต่ก็ดูออกว่าแพงทำถึงขนาดนี้เพื่อลอเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะรักลอมาก
“งั้นเอ็งก็ต้องเจ็บตัวเหมือนไอ้ลอ”
ทัดพูดขึ้น พวกชาวบ้านไม่ฟังจะเข้าไปเล่นงาน แต่ฉับพลันเสียงปืนก็ดังขึ้น ทุกคนตกใจหันไปเห็นมิ่งกับ พวกยืนเป็นแผงและเป็นคนยิงปืนขู่
“ถ้าใครทำร้ายไอ้ลอ ข้าจะปล้นฆ่าบ้านมันทุกหลัง”
มิ่งพูดพร้อมขยับปืนเล็งไปที่พวกชาวบ้านอย่างเอาจริง พวกชาวบ้านพากันตกใจรีบถอยวิ่งหนีกันกระเจิง
มิ่งยิ้มร้ายหัวเราะชอบอกชอบใจ ก่อนจะเข้าไปหาลอกับแพง
“เอ็งไม่เหลือทางให้เลือกแล้วไอ้หลานรัก คำสอนของพ่อเอ็ง มันเอามาใช้กับชีวิตจริงไม่ได้หรอก แล้วข้าจะรอเอ็ง”
มิ่งยิ้มร้ายกาจแล้วพาพวกออกไป ลอยืนอึ้งกำหมัดขบกรามแน่นเจ็บใจ และอยากจะตามไปเล่นงาน แต่แพงเกิดอาการล้มทั้งยืน ลอตกใจ
“อีแพง”
ลอวิ่งกระหืดกระหอบ มือข้างหนึ่งถือดาบเลือดเต็มตัวเข้ามา ไล่หลังไม่ไกลเท่าไหร่เป็นแสงไฟจาก คบเพลิงของพวกชาวบ้านที่กำลังไล่ตามลอพร้อมเสียงโหวกเหวก
“ทางนี้เว้ย ไอ้ลอมันหนีมาทางนี้ เร็วโว้ย อย่าให้มันหนีไปได้ ฆ่ามัน”
ลอแทบหมดแรงที่จะหนีต่อ ล้มทรุดลงตรงลานใต้ต้นไทรที่เทิดถูกยิงตาย มือข้างหนึ่งที่กุมท้องเอาไว้ เป็นบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกฟัน
“พ่อ ฉัน ฉันพยายาม ทำ ทำตามคำสาบานแล้ว แต่ แต่ไม่ ไม่มีใครเชื่อฉันเลย”
ลอพยายามฝืนแรงจะลุกขึ้น แต่ระหว่างนั้นพวกชาวบ้านต่างพากันกรูเข้ามา ทุกคนมีอาวุธ
“เอ็งหมดทางหนีแล้วไอ้ลอ ไอ้สารเลว เอ็งร่วมมือกับไอ้เสือมิ่ง เป็นสายให้มันมาปล้นฆ่าพวกข้า วันนี้แหละ เอ็งได้ตายตามพ่อเอ็งไปแน่”
“ฉัน ฉันเปล่า ฉันเป็นลูกหลานบ้านสร้าง ฉันไม่เคยคิดทรยศแผ่นดินเกิด”
“เอ็งก็เหมือนไอ้เสือเทิดพ่อเอ็งนั่นแหละ ลูกเสือลูกจระเข้เลี้ยงยังไงก็ไม่มีวันเชื่อง ไม่มีเอ็งสักคน แผ่นดินบ้านสร้างก็มีแต่จะสูงขึ้น”
“งั้นในเมื่อวันนี้ วันที่น้ำใจของไอ้ลอถูกดูหมิ่น ไอ้ลอก็จะไม่ยอมให้ถูกฆ่าสิ้นตรงรอยตีนที่พ่อมันเคยถูกหมิ่นเหมือนกัน”
ลอฮึดแรงชูดาบเตรียมพร้อมรับมือกับพวกชายบ้านหนุ่มๆ ฉกรรจ์ที่พากันพุ่งเข้ามารุมใส่ ลอฟาดฟันต่อสู้สุดแรงเกิด แต่สุดท้ายก็พลาดท่าถูกชาวบ้านคนหนึ่งฟันเข้าที่กลางหลัง ลอร้องลั่น ชาวบ้านขยับล้อมเข้าใกล้อย่างเหี้ยมเกรียม ลอเงยหน้ามองทุกคนแล้วค่อยๆ หลับตาอย่างยอมรับความตาย ชาวบ้านเงื้อดาบแล้วเข้ามารุมแทงรุมฟันจนลอตายคาที่
แพงร้องเรียกลอเสียงดังลั่นแล้วลุกพรวดขึ้น ที่หัวมีผ้าพันแผล เพื่อนได้ยินเสียงน้องสาวก็รีบเข้ามาดู
“เป็นอะไรไปอีแพง เจ็บแผลเหรอ”
“พี่เพื่อน พี่ลอล่ะ พี่ลออยู่ไหน”
“พี่ลอไม่อยู่”
“เขาไปไหน บอกฉันสิพี่เพื่อน บอกฉันสิ”
“พ่อต้องพาพี่ลอไปฝากไว้กับหลวงพ่อที่วัดตั้งแต่เมื่อคืน ป้องกันไม่ให้พวกชาวบ้านยก พวกไปเล่นงานพี่ลออีก”
“งั้นพี่ลอก็ยังไม่ตาย ฉันก็แค่ฝันไป”
“เอ็งอย่ามาปากเสีย พี่ลอเขาเป็นคนดี ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ทั้งนั้น เอ็งนั่นแหละที่ต้องนอนพัก หัวแตกเลือดอาบซะขนาดนี้ อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาเลย”
“แต่ฉันเป็นห่วงพี่ลอ”
“พี่ลอเขาเป็นคู่หมั้นข้า ข้าต่างหากที่ต้องคอยช่วยเขาไม่ใช่เอ็ง เข้าใจมั้ยอีแพง”
เพื่อนขึ้นเสียงดุทำให้แพงชะงัก ก่อนจะรู้สึกเจ็บที่หัวเพราะแผลยังระบม
“เห็นมั้ย ไม่ทันจะขาดคำ เอ้า นี่ ยาหม้อ กินซะให้หมดจะได้หายเจ็บ ข้าอุตส่าห์นั่งเคี่ยว ให้เอ็งจนหลังขดหลังแข็ง”
เพื่อนขยับจอกที่ใส่ยาหม้อเอาไว้รอให้แพงกิน แพงรับไปกินด้วยความเจ็บปวดแผล
เพื่อนเดินออกมาจากเรือนและคุยกับเรืองที่มารออยู่
“นี่เอ็งยังรออยู่อีกเหรอไอ้เรือง อีแพงมันเพิ่งฟื้นเมื่อกี้ ถ้าเอ็งอยากจะเข้าไปเยี่ยมมันก็ ขึ้นไปเถอะ”
“แสดงว่าอีแพงปลอดภัยแล้วใช่มั้ย ขอบใจมากนะแม่เพื่อน”
เรืองดีใจจะรีบขึ้นบันไดเรือนแต่ก็หยุดชะงัก ถอยลงมาหน้าเศร้าๆ
“อ้าว ไม่เข้าไปเยี่ยมมันล่ะไอ้เรือง ข้าจะได้ฝากเอ็งอยู่ช่วยดูมันให้หน่อย”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ปล่อยให้อีแพงนอนพักไปเถอะ ไม่อยากไปกวนมัน เดี๋ยวมันเห็นหน้าฉันแล้วจะพาลหงุดหงิดไม่ได้พักซะเปล่าๆ”
เรืองพูดแค่นั้นแล้วก็เดินก้มหน้าจ๋อยๆ ซึมๆ ออกไป
“อะไรของมัน”
เรืองเดินออกไป แพงชะโงกหน้าออกมามองจากชานเรือน เรืองเดินออกมาห่างจากบ้านแพงได้ไม่เท่าไหร่ก็นั่งลงที่เถียงนา ถอนใจเฮือกใหญ่อย่างเศร้าๆ นึกถึงภาพที่แพงพยายามปกป้องลอจากพวกชาวบ้านจนตัวเองหัวแตกเลือดอาบ เรืองกำหมัดแน่นน้ำตาคลอ รู้ดีว่าสิ่งที่เห็นเมื่อวานมันคืออะไร
“ไอ้เรือง ไอ้เรือง”
เรืองชะงักหันไปเห็นแพงแอบหลบๆ อยู่หลังกองฟาง มาทั้งๆ สภาพที่ยังมีผ้าพันหัว
“อีแพง นี่เอ็งออกมาทำไม หายเจ็บแล้วเหรอ”
“ยังไม่หายหรอก ยังเจ็บแผลตุ๊บๆ เป็นปลาช่อนโดนทุบหัวอยู่เลย แต่ข้าต้องแอบลงจาก เรือนไม่ให้พี่เพื่อนเห็น เพราะข้าอยากมาขอร้องเอ็ง”
“ขออะไรข้า”
“ข้าเป็นห่วงพี่ลอ อยากให้เอ็งไปอยู่เฝ้าดูแลพี่ลอแทนข้าหน่อย”
เรืองชะงัก
“ข้าขอนะไอ้เรือง ช่วยข้าหน่อยเถอะ ขืนข้าไปเองคงโดนพ่อโดนพี่ลอไล่ตะเพิดกลับมา”
เรืองเหลืออด
“พอได้แล้วอีแพง เอ็งไม่ต้องมาเจ้ากี้เจ้าการไสส่งบงการข้า เอ็งบอกความจริงมาเลยดีกว่า เอ็งโกหกอีแก้วมันใช่มั้ย”
“ไอ้เรือง”
“ว่าไงล่ะอีแพง บอกความจริงข้ามา เอ็งไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบข้า เอ็งก็แค่หลอกใช้ข้าเพื่อปิดไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเอ็งรักไอ้ลอ”
แพงชะงัก ไม่คิดว่าเรืองจะรู้
ลอเดินไปเดินมาอยู่ในกุฏิอย่างเคร่งเครียด จนเมื่ออดรนทนไม่ไหวที่จะต้องอยู่เฉยๆ เลยตรงไปเปิดประตูจะออกไป แต่เจอหลวงพ่อกับพิศเข้ามาพอดี
“เอ็งจะไปไหนไอ้ลอ ข้าสั่งให้เอ็งอยู่แต่ในกุฏิไม่ใช่เหรอ”
“อาพิศ คือฉัน ฉันทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอกจ้ะอา ห่วงอีแพง ห่วงแม่เพื่อน กลัวคนที่อยู่ใกล้ฉันจะต้องมารับเคราะห์ไปด้วยอีก”
“อีแพงมันไม่เป็นอะไรหรอก หัวมันแข็งยิ่งกว่ากะลา ตอนนี้นังเพื่อนก็ดูแลมันอยู่”
“แต่ว่า”
“เชื่อที่ไอ้พิศมันเตือนเอ็งเถอะวะไอ้ลอ ตอนนี้พวกข้ากำลังหาทางช่วยเอ็งอยู่”
“แต่ฉันไม่อยากเป็นภาระให้อาพิศ ให้หลวงพ่อต้องมาเดือดร้อนวุ่นวาย ที่สำคัญยิ่งฉันหดหัวไม่กล้าสู้หน้า ก็ยิ่งทำให้ทุกคนเชื่อว่าฉันข้องแวะกับเสือมิ่งจริงๆ”
“มันสายไปที่เอ็งจะพยายามอธิบายแล้ว ตอนนี้ชาวบ้านเขาเชื่อกันไปหมด เพราะไอ้มิ่งโผล่มาช่วยเอ็ง ขืนออกไปก็มีแต่จะโดนเขาแทงตาย เอ็งอยู่ที่นี่ไปก่อนนั่นแหละดีแล้ว รอให้พวกข้าหาทางออกให้”
ลอนิ่งไปเพราะคำสั่งของหลวงพ่อ พิศกับหลวงพ่อพากันออกไปแล้วปิดประตูกุฏิ
แพงยืนอึ้ง เรืองรีบพุ่งเข้าไปจับสองแขนแพงเขย่าตัวคะยั้นคะยอถาม
“ตอบข้ามาสิวะอีแพง เอ็งเห็นข้าซื่อ ข้าโง่ เอ็งก็เลยหลอกใช้ข้า ใช่มั้ยอีแพง”
แพงแกะมือเรืองแล้วผลักเต็มแรง
“ข้าไม่รู้ว่าเอ็งไปหัวเสียอะไรมา แต่ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เอ็งพล่าม”
แพงพยายามปฏิเสธและเดินหนี แต่เรืองรีบตามไปขวางไม่ยอมให้ไป
“ข้าไม่ให้เอ็งหนีหน้าข้าหรอกอีแพง เอ็งมันเก่งทุกเรื่องไม่ใช่เหรอ ไม่เคยมีอะไรที่อีแพงจะทำไม่ได้ ยกเว้นก็แค่เรื่องเดียว ที่มันหน้าบาง ทนฟังไม่ได้ต้องวิ่งหนีจนหางจุกตูด”
“ไอ้เรือง ถ้าเอ็งยังไม่หุบปาก ข้าจะเอาเลือดกบปากเอ็ง”
“เอาสิวะ เอ็งหลอกใช้ข้าแล้วยังกล้าลงมือกับข้าอีก ก็เอาเลย คนอย่างไอ้เรืองถึงจะซื่อ จะโง่ แต่มันก็ไม่ชอบถูกหักน้ำใจ ในเมื่อมันไม่เคยคิดทำร้ายผู้หญิง ก็ขอให้มันโดนหญิงที่มันรักตีให้ตายเลยก็ดี”
“ไอ้เรือง”
เรืองตัดพ้อ น้ำตาคลออย่างน่าสงสาร ทำเอาแพงถึงกับอึ้งพูดไม่ออก
“ทำไมวะอีแพง ทำไมต้องเป็นไอ้ลอด้วย ทั้งๆ ที่มันเป็นพี่เขยเอ็ง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เอ็งจะรักจะชอบไอ้ลอ ทำไม”
“ข้าไม่ได้หวังให้พี่ลอเป็นของข้า ไม่ได้หวังจะแย่งพี่ลอมาจากพี่เพื่อน ที่ข้ารักพี่ลอ เพราะ เขาเป็นเจ้าชีวิตข้า เหมือนอย่างควายที่ซื่อสัตย์กับเจ้าของ ควายที่เกิดมาแล้วต้องเป็นทาสรับใช้ผู้มีพระคุณของมันไปจนตาย”
“อีแพง ข้า ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเอ็งจะรักไอ้ลอได้มากกว่าชีวิตตัวเอง เอ็งถึงยอมเจ็บ ยอมตายแทนไอ้ลอมัน”
“เพราะชีวิตไม่ได้เป็นของข้ามาตั้งแต่สิ้นแม่ ข้าควรจะตายพร้อมแม่เสียตั้งแต่แรกคลอด แต่ที่ข้ายังมีชีวิตอยู่มาวันนี้ก็เพราะอยู่เพื่อพี่ลอ เอ็งรู้แล้วจะเอาข้าไปด่าสาดเสีย ไปโพนทะนาข้าเป็นหญิงอัปรีย์ก็ตามใจเอ็ง ให้มันสมกับที่ข้าหมิ่นความดีของเอ็งก็แล้วกัน”
แพงพรั่งพรูออกมาอย่างน่าเวทนา เรืองเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เพราะความรักที่เขามีต่อแพง เรืองจับมือแพงมากุมให้กำลังใจ
“อีแพงเอ๊ย เอ็งไม่ได้ฉลาดไปซะทุกเรื่องอย่างที่หลวงพ่อบอกหรอก ความจริงแล้วเอ็งมัน ทั้งโง่ทั้งซื่อยิ่งกว่าข้าซะอีก เพราะคนฉลาดจะไม่ยอมมีความสุขอยู่บนความเจ็บหรอก แล้วอย่างนี้จะให้ข้าทำร้ายเพื่อนรักของข้าได้ยังไง”
“ไอ้เรือง”
แพงยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่เรืองยอมเข้าใจ
เพื่อน แพง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในห้องพักของซ่อง ชายคนหนึ่งถูกจับมัดมือมัดเท้ามีผ้าปิดตาและอุดปากเอาไว้ส่งเสียงอู้อี้
ต่อหน้าวีระ ซึ่งนั่งกอดฟัดนัวเนียอยู่กับโสเภณีอย่างไม่สนใจ ระหว่างนั้นไม้กับมาดเข้ามาพร้อมกับเงินในถุงผ้า
“ได้เงินเรียกค่าไถ่ไอ้ลูกจีนนี่มาแล้วลูกพี่”
วีระกระหยิ่มยิ้มรับ ผละจากโสเภณีมารับเงินในถุงผ้ามาดูอย่างพอใจ
“ตอนแรกนึกว่าจะเรียกค่าไถ่จากไอ้เถ้าแก่ขี้งกพ่อมันยาก แต่ที่ไหนได้ แค่ขู่ว่าจะตัดมือลูกมันส่งไปให้ มันก็รีบจ่ายค่าไถ่มาทันที” มาดรายงาน
“จะหาเงินใช้ให้มันได้อย่างใจนึก มันก็ต้องรู้จักพลิกแพลงไปเรื่อยๆ สิวะ จะให้ปล้นแต่วัว แต่ควาย มันไม่พอกินข้าหรอก ฮ่าๆๆ”
“งั้นเดี๋ยวฉันลากคอไอ้ลูกจีนนี่ไปปล่อยให้แล้วกัน”
“ไม่ต้อง”
“พ่อมันจ่ายค่าไถ่มาแล้วจะเก็บมันไว้ทำไมล่ะพี่วี”
วีระไม่ตอบ แต่ยิ้มร้ายกาจเข้าไปดึงผ้าที่ปิดตาเหยื่อออก เหยื่อตกใจ ร้องอู้อี้
“มันเห็นหน้าข้าแล้ว แล้วข้าจะปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไปได้ยังไง หึๆๆ”
วีระชักดาบออกมาแล้วกระซวกแทงเหยื่อตรงหน้าอย่างเลือดเย็น มาดถึงกับสะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าวีระจะโหดเหี้ยมขนาดนี้
“สะใจจริงๆ เว้ย ข้าไม่เคยรู้สึกสนุกอะไรแบบนี้มาก่อนจริงๆ ฮ่าๆๆ เดี๋ยวพวกเอ็งลากศพมันไปทิ้งคลอง แล้วไปหาเหยื่อมาให้ข้าอีก ทีนี้ข้าก็จะรวยกว่าพ่อข้าอีกเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลย ฮ่าๆๆ”
ประจวบเปิดประตูเข้ามา
“ไอ้วี”
ประจวบหันไปเห็นศพ
“นี่เอ็ง เอ็ง ไอ้ลูกชั่ว”
ประจวบกระชากลากตัวลูกชายกลับมาที่โรงสี ด้วยความโมโหสุดขีด
“มึงไปเอาเลือดชั่วๆ แบบนี้มาจากไหน กูไม่เคยสอนให้มึงชั่วได้ขนาดนี้”
ประจวบตบหน้าลูกชายอย่างแรง วีระหน้าหันเลือดซิบ แต่กลับไม่มีสำนึก ไม้กับมาดเป็นห่วงลูกพี่ จะเข้าไปช่วยพยุงแต่ประจวบหันมาชี้หน้ากราด
“พวกมึงไม่ต้องเสือก กูสั่งสอนลูกกูเสร็จเมื่อไหร่ พวกมึงจะเป็นรายต่อไป”
“อยากจะสั่งสอนฉัน เคยถามสักคำมั้ยพ่อว่าฉันอยากให้สอนให้สั่งรึเปล่า”
“ไอ้วี กูเป็นพ่อมึงนะโว้ย”
“เป็นพ่อแล้วไง เป็นพ่อแล้วมีสิทธิ์ลงมือกับลูกได้งั้นเหรอ ถุย ถ้าทำให้ฉันเจ็บตัวอีกล่ะก็ ฉันสวนคืนแน่”
“ไอ้ลูกเนรคุณ ต่อไปนี้มึงอย่ามาเหยียบที่นี่อีก มึงกับกูไม่ใช่พ่อลูกกันอีกแล้ว สักแดงนึงมึงก็อย่าหวังว่าจะได้จากกู จะมากราบตีนอ้อนวอนกูก็ไม่ให้”
“หึ หึๆๆ สมบัติของพ่อก็เหมือนของฉัน ถ้าฉันอยากได้พ่อก็ต้องให้”
“กูไม่ให้แล้วมึงจะกล้าทำอะไรกู”
“พ่อก็เห็นแล้วว่าเดี๋ยวนี้ฉันมีวิธีหาเงินง่ายๆ ยังไง แล้วทำไมจะทำแบบนั้นกับพ่อไม่ได้”
วีระยิ้มร้าย หันไปคว้าท่อนไม้ที่พื้นขึ้นมาหน้าตาเอาเรื่อง
“ไอ้ ไอ้วี นี่ นี่ข้าเป็นพ่อเอ็ง ข้าเลี้ยงเอ็งมานะโว้ย”
“ฉันจำไม่ได้ว่าพ่อเคยเลี้ยงฉันมายังไง ที่จำได้ก็มีแต่เงินที่พ่อยัดใส่มือฉันให้ใช้จ่ายไปวันๆ ก็แค่นั้น”
วีระเดินเข้าหา ประจวบอึ้งผงะถอยแล้วล้ม ไม้กับมาดพุ่งเข้ามาล็อคแขนประจวบช่วยจับตัวเอาไว้ให้วีระ
“ปล่อย ปล่อยข้า บอกให้ปล่อย ปล่อยสิโว้ย”
ไม้กับมาดยิ่งล็อคตัวแน่น ประจวบหน้าเสียตกใจเมื่อวีระเดินเข้ามาใกล้แล้วเงื้อไม้สูง ประจวบร้องเสียงหลง
เพื่อนเดินมาตามทางเดิน ถือตระกร้าหวายซึ่งข้างในมีข้าวปลาอาหารเตรียมจะเอาไปให้ลอที่วัด แต่ระหว่างทางรู้สึกว่ามีคนเดินตามจึงทำทีเป็นหยุดพัก ชาวบ้านที่แอบตามมาตลอดทางพากันหยุดเข้าข้างทาง คอยชำเลืองเพื่อนตลอดเวลา เพื่อนรู้ตัวว่าถูกตาม ตัดสินใจเอาผ้ามาโพกหัวแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง พวกชาวบ้านชะเง้อคอ มองแล้วรีบตามต่อ
ลูกศิษย์แสงสองคนช่วยกันขนระนาดเอกเข้ามาในบ้าน ทันทีที่แสงได้สัมผัสกับระนาดตัวเดิมที่ ถูกขายไปน้ำตาก็คลอด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบใจพวกเอ็งมากนะ”
ลูกศิษย์ไหว้แสงแล้วพากันเดินออกไป แรมเดินเข้ามาทำทีเป็นพูดดีกับพ่อ
“ได้เครื่องดนตรีคืนมาแล้วเหรอจ๊ะพ่อ”
“เออ ไอ้ผาดมันให้ข้ายืมเงินทบกับที่ยึดเอามาจากเอ็ง ข้าถึงไปซื้อคืนกลับมาได้หมด”
“พ่อจ๊ะ ฉันขอโทษด้วยนะจ๊ะ เป็นเพราะความคิดเลวๆ ของฉัน เลยทำให้พ่อต้องเป็นหนี้เป็นสิน เอาไว้ฉันได้งานดีๆ ทำฉันจะช่วยใช้หนี้ให้พ่อเอง”
“แค่เอ็งสำนึกแล้วหันมาช่วยข้าทำมาหากิน อนุรักษ์นาฏศิลป์ของครูเอาไว้ อย่าให้มัน ตายไปกับความโง่เขลาของพวกหลงลืมรากเหง้าตัวเอง แค่นี้เอ็งก็ทดแทนคุณข้า ทดแทนคุณครูแล้วนังแรม”
“จ้ะพ่อ”
แรมพนมมือแล้วกราบอกพ่ออย่างอ่อนน้อม แต่สายตาร้ายกาจ จนกระทั่งเพื่อนรีบเดินขึ้นมาบนเรือน
“ครูจ๊ะ ฉันมาขอความช่วยเหลือหน่อยจ้ะ”
“จะให้ข้าช่วยอะไรเหรอนังเพื่อน”
เพื่อนบอกเรื่องที่มีคนตาม แสงเดินไปดูที่หน้าเรือนแล้วกลับมาหาเพื่อนที่รออยู่กับนังแรม
“ไอ้พวกที่ตามเอ็งมามันยังไม่ไปไหน ข้าเห็นมันป้วนเปี้ยนรออยู่แถวนี้ มันคงคิดว่ายังไงซะเอ็งก็ต้องไปหาไอ้ลอ ถึงตามเอ็งไม่เลิกจนกว่าจะเจอตัวไอ้ลอ”
“ฉันเกลียดพวกนั้น ทำไมต้องใจร้ายกับพี่ลอด้วย ทั้งๆ ที่พี่ลอไม่เคยไปทำร้ายใคร มีแต่คอยช่วยเหลือ ใครเรียกใช้อะไรก็เต็มใจช่วยไม่มีบ่น”
“แต่ไอ้ลอมันก็ยังเป็นลูกโจร ซ้ำยังไปข้องแวะกับพวกเสือมิ่งอีก ต่อให้แสนดีเป็นเทพบุตรก็ช่วยอะไรมันไม่ได้หรอกนังเพื่อน”
“พี่แรม”
“ข้าพูดตามเนื้อผ้าอย่างที่พวกชาวบ้านเขาคิด เอ็งจะมาโกรธข้าทำไม ทางเดียวที่ไอ้ลอจะพ้นผิดเรื่องนี้ได้ ก็มีแต่ไอ้ลอนั่นแหละที่ต้องไปลากคอเสือมิ่งมาเข้าคุกเข้าตะราง”
“ขืนปล่อยให้พี่ลอไปทำแบบนั้น พี่ลอจะได้กลายเป็นผีเฝ้าทุ่งน่ะสิ”
“แล้วเอ็งคิดว่าจะหาทางช่วยคู่หมั้นเอ็งยังไงล่ะ ว่าไงนังเพื่อน”
เพื่อนนิ่งไป เพราะคิดแล้วก็ยังหาทางช่วยลอไม่ได้
“เรื่องหาทางช่วยไอ้ลอ หลวงพ่อกับไอ้พิศกำลังหาทางอยู่ แต่ตอนนี้ข้าต้องช่วยให้เอ็งพ้น หูพ้นตาจากไอ้พวกนั้นซะก่อน สงสารไอ้ลอเดี๋ยวจะลงแดงตาย ถ้าไม่ได้เจอหน้าเอ็ง”
“ขอบคุณนะจ๊ะครู”
แสงเดินออกไป เพื่อนหันไปคว้าตระกร้าอาหารและผ้าโพกหัวเตรียมจะออกไป แต่แรมจับข้อมือเพื่อน
“มากับข้า เดี๋ยวข้าพาเอ็งหลบพวกนั้นเอง”
แรมจูงมือเพื่อนออกมาที่ท้องร่องสวนหลังบ้าน
“พ่อข้าคงล่อให้พวกนั้นหลงไปคนละทางกับเอ็งแล้ว ทางนี้ก็เลยสะดวกที่สุดที่เอ็งจะไปหาไอ้ลอโดยไม่มีใครเห็น”
“ขอบใจนะพี่แรม”
“ไม่ต้องขอบใจข้า ข้าพูดเสมอว่าข้ารักเอ็งเหมือนน้อง”
“ถ้าจะนับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง ฉันก็อยากให้พี่คิดดูให้ดี เลิกความคิดทิ้งครูไปพระนคร”
“ข้าเลิกคิดไม่ได้หรอก เรื่องอะไรข้าจะมาแก่ตายอยู่บ้านนอกแบบนี้”
“แต่บ้านสร้างมีทุกอย่าง แค่พี่ไม่หลงไปกับความศิวิไลซ์ พี่ก็มีความสุขแล้ว”
“หึๆ นังเพื่อนเอ๊ย อย่าสั่งสอนคนอื่นทั้งๆ ที่เอ็งยังไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง ไว้เอ็งได้เห็นพระนครกับตาเมื่อไหร่ ถึงเวลานั้นเอ็งจะนึกถึงคำข้า ดอกไม้สวยๆ มันก็ควรจะอยู่ในมือเทพบุตรที่รักษาวิมาน มากกว่าอยู่ในมือสัปเหร่อที่รักษาสุสาน”
“ฉันว่าเราควรบอกลากันซะตรงนี้ เพราะชาตินี้เราคงจะไม่ได้เจอกันอีก ฉันลาล่ะพี่แรม”
เพื่อนรีบเดินออกไป แรมยิ้มร้าย
ลอนั่งเครียดกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ในกุฏิ เพื่อนก็เปิดประตูเข้ามา ลอดีใจ
“แม่เพื่อน”
“พี่ลอจ๋า ฉันคิดถึง ฉันเป็นห่วงพี่เหลือเกิน”
สองคนสวมกอดกันแนบแน่น
“พี่สิ ใจจะขาดให้ได้ เป็นห่วงแม่เพื่อน กลัวว่าจะโดนเข้าใจผิดเหมือนพี่ ถ้าพวกนั้นทำร้ายแม่เพื่อน พี่คงอยู่ไม่ได้”
“พวกนั้นไม่กล้าทำอะไรฉันหรอกจ้ะพี่ลอ มีก็แต่พยายามตามฉันมาเพื่อจะหาตัวพี่ให้เจอ”
“โธ่ แม่เพื่อนของพี่ พี่ทำให้ต้องเดือดร้อน แล้วไหนจะอีแพงอีก ตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง”
“อีแพงมันหัวแข็ง เมื่อก่อนมันก็เคยซนจนหัวร้างข้างแตกแบบนี้ประจำ วันสองวันเดี๋ยวมันก็หาย พี่ลอไม่ต้องไปเป็นห่วงมันหรอก ห่วงแต่ตัวเองนี่แหละ ถ้าพ่อกับหลวงพ่อหาทางช่วยพี่ไม่ได้ล่ะก็ พี่ลอจะอยู่บ้านสร้างไม่ได้อีก”
“พี่ไม่ยอมทิ้งแม่เพื่อนไปไหน บ้านสร้างจะต้องเป็นแผ่นดินเกิดและแผ่นดินตายของพี่”
“แต่ทางออกที่พี่ลอจะพ้นคำดูหมิ่นมันก็มีแค่ทางเดียวเองนะ”
“หมายความว่ายังไงแม่เพื่อน”
เพื่อนนิ่งไป เคร่งเครียด ก่อนจะสวมกอดซบหน้าแนบอกลออย่างหนักใจ
“พี่แรมพูดถูก พี่ลอต้องจัดการกับเสือมิ่งเอง ถ้าพี่ลอลากคอมันมาเข้าตะรางไม่ได้ พี่ลอกับฉันก็คงไม่ได้อยู่ร่วมกันอีกแน่”
“แม่เพื่อน”
ภายในโรงสี ไม้ขนทรัพย์สินของมีค่าใส่หีบออกมากองตรงหน้าวีระ
“ค้นทั้งบ้านแล้วได้ทั้งหมดเท่านี้แหละลูกพี่”
วีระเปิดฝาหีบแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น เพราะในหีบเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองของมีค่าที่ประจวบ สะสมเอาไว้มากมาย
“ดู ดูให้เต็มตาสิวะไอ้ไม้ นี่ไง ทรัพย์สมบัติของพ่อข้า สมบัติที่มันงกแอบซุกเก็บเอาไว้คนเดียวไม่เคยคิดจะยกให้ข้า ไอ้มาดโว้ย”
วีระเรียกเสียงดัง มาดจึงหิ้วปีกลากตัวนายประจวบในสภาพที่ถูกลูกชายตัวเองทำร้ายตาบวมปูด จมูกเลือดอาบ ปากแตก เรี่ยวแรงจะเดินแทบไม่เหลือ
“ไอ้ ไอ้ทรพี เอ็ง เอ็งจะต้องไม่ตายดีแน่”
“ยังมีแรงด่าฉันอีกเหรอพ่อ อยากให้ฉันลงมือสั่งสอนพ่อหนักกว่านี้อีกใช่มั้ย”
“เอาสิวะ ฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าเอ็งเลย เอาเลย”
“หึ ไม่หรอก ฉันไม่ฆ่าพ่อเพื่อตัดทางหาเงินของฉัน ฉันจะปล่อยให้พ่อก้มหน้าก้มตาทำงานไป แล้ววันไหนที่ฉันเงินขาดมืออีก ฉันก็จะกลับมาเรียกค่าคุ้มครองจากพ่อ แล้วก็อย่าคิดไปขอให้ตำรวจมาช่วย เพราะฉันรู้เห็นทุกอย่างที่พ่อเคยทำเอาไว้ ถ้าฉันเปิดโปงพ่อขึ้นมาล่ะก็ คนที่ต้องนอนคุกไม่ใช่ฉันคนเดียวแน่”
“ไอ้สารเลว”
วีระยิ้มชอบใจแล้วพยักหน้าให้มาดกับไม้ช่วยกันยกหีบสมบัติเดินออกไป ทิ้งประจวบให้อยู่ในสภาพหมด เรี่ยวแรงน่าสมเพช
ผาดอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกชาวบ้านที่มาร้องเรียนเสียงดังอื้ออึง
“ใจเย็นๆ ฉันรู้ว่าทุกคนเดือดร้อน ฉันเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ”
“ถ้าผู้ใหญ่เป็นห่วงเราลูกบ้านจริงๆ ก็ไปลากตัวไอ้ลอมา ไม่ต้องมาบอกให้พวกเราใจเย็น”
“ไอ้ลอมันถูกใส่ความ”
“เอ็งเข้าข้างมัน เพราะเอ็งเป็นพวกมัน เอาไว้ให้มันหันมาแว้งกัดเอ็งก่อนเถอะไอ้ก้อน”
ก้อนไม่พอใจทัด ฮึดฮัดจะเอาเรื่อง ผาดต้องเข้าไปขวาง
“อย่าวู่วาม แทนที่เอ็งจะช่วย เอ็งจะซ้ำเติมไอ้ลอซะมากกว่า”
ก้อนชะงักไป แล้วถอยไปอย่างหัวเสีย
“เรื่องไอ้ลอ ฉันอยากให้ทุกคนอย่าเพิ่งไปตัดสินมัน ยังไงมันก็เป็นลูกหลานเรา”
วีระเข้ามาขัด
“ผู้ใหญ่อย่ามาแก้ตัวให้ไอ้ลอเลยดีกว่า ถ้าอยากแก้ต่างให้มันก็ต้องเอาไอ้ลอมานั่งต่อหน้าพวกฉัน แล้วพวกฉันจะตัดสินมันเอง”
“ไอ้วี เอ็งเกี่ยวอะไรด้วยวะ เอ็งไม่ใช่คนบ้านสร้าง ไม่ใช่กงการที่จะเสือก” ก้อนโมโห
“หึ ข้าก็เป็นเจ้าทุกข์คนหนึ่งไง เพราะพ่อข้าเพิ่งจะถูกเสือมิ่งบุกไปปล้น ทำร้ายจนบาด เจ็บสาหัสสดๆ ร้อนๆ ไม่นานนี่เอง”
พวกชาวบ้านพากันตกใจไม่คิดว่าคนอย่างประจวบจะถูกมิ่งเล่นงาน
“ใช่ เศรษฐีใจบุญสุนทานอย่างพ่อข้ายังไม่พ้นน้ำมือความชั่วของไอ้เสือมิ่ง แล้วนับประสาอะไรกับชาวบ้านตาดำๆ ถ้าวันนี้เรายังลากคอพวกไอ้เสือมิ่งมารับผิดไม่ได้ ก็อย่า หวังเลยว่าจะอยู่กันอย่างสงบสุข”
“ผู้ใหญ่ ต้องเอาตัวไอ้ลอมา บังคับให้มันบอกที่ซ่อนของไอ้เสือมิ่ง”
พวกชาวบ้านพากันเห็นด้วยกับทัด ส่งเสียงสนับสนุนเซ็งแซ่
“ส่วนไอ้ลอมันก็ต้องรับผิดด้วยเหมือนกัน ถ้าใครจับพวกมันได้ล่ะก็ มารับเงินรางวัลนำจับจากข้าได้เลย”
วีระชูปึกธนบัตรออกมาให้ทุกคนเห็น ทำเอาพวกชาวบ้านพากันสนใจ ผาดกับก้อนเครียด
ลอรีบพาเพื่อนเข้ามาที่คุ้งต้นไทร โดยทั้งคู่ใช้ผ้าขาวม้าพันคลุมศีรษะอำพรางตัวกลัวชาวบ้านเห็น
“พี่ลอ พาฉันมาที่นี่ทำไม เดี๋ยวพวกชาวบ้านมาเจอเข้า พี่ลอจะแย่นะ”
“พี่ไม่กลัวพวกชาวบ้านมาเจอพี่ แต่พี่กลัวอย่างเดียว กลัวแม่เพื่อนจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้าพี่จะไม่ได้อยู่กับแม่เพื่อนอีก”
“ฉันรักพี่ลอ ถ้าพี่ลอเป็นอะไรไปขึ้นมา แค่กินไม่ได้นอนไม่หลับมันยังทรมานฉันน้อยไป”
“เพราะเยี่ยงนี้ไงพี่ถึงต้องพาแม่เพื่อนมาที่นี่ เพราะพระของพ่อถูกเสือมิ่งฉวยไป พี่จึงต้องมาเพื่อให้วิญญาณของพ่อพี่เป็นพยาน”
ลอกุมมือเพื่อนแล้วจูงเข้าไปคุกเข่าใต้ต้นไทร ยกมือพนมจะเริ่มสาบาน แต่เพื่อนแตะมือลอ
“พี่ลอจ๊ะ ฉันโตมากับพี่ ฉันรู้ว่าพี่ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เพราะยึดมั่นสัจจะที่ให้ไว้กับพ่อมาตลอด พี่ไม่ต้องสาบานก็ได้จ้ะ”
“แต่แค่นั้นมันยังไม่พอสำหรับความกลัวที่กำลังทำให้แม่เพื่อนเป็นทุกข์เพราะห่วงพี่”
เพื่อนเข้าใจ ปล่อยมือจากมือ
“ฟังเถอะนะ ขอให้คำสาบานของพี่เป็นเหมือนน้ำทิพย์ชะโลมหัวใจ ให้แม่เพื่อนได้มั่นใจ ว่าจะไม่มีอะไรมาพรากพี่ไปจากแม่เพื่อนเด็ดขาด”
เพื่อนพยักหน้าช้าๆ ลอพนมมือมุ่งมั่นมองไปที่ต้นไทร
“ขอให้วิญญาณของพ่อ ณ ที่แห่งนี้เป็นพยาน เมื่อได้สาบานต่อหน้าพ่อก็เหมือนได้สาบานต่อหน้าพระที่พ่อนับถือ ไอ้ลอแห่งทุ่งบ้านสร้างเกิดมาเพื่อรักแม่เพื่อนแต่ผู้เดียว ชีวิตของมันเป็นของแม่เพื่อน ร่างกายของมันทั้งหัวทั้งตีนก็เป็นของแม่เพื่อน ถ้าวันใดที่ไอ้ลอผิดคำสาบานก็ขอให้มันชิบหายตายโหง”
“พี่ลอ”
เพื่อนโผเข้าสวมกอดลอแน่นอยากให้หยุดพูด แต่ลอไม่หยุดยังมุ่งมั่นสาบาน
“ไอ้ลอขอตายอย่างคนใจคดใจทรามให้สมกับกรรมที่มันก่อ อยู่ใกล้น้ำก็ทรมานในน้ำ อยู่ใกล้ไฟก็ทรมานในไฟ ขอให้คำสาบานของไอ้ลอเป็นจริงด้วยเถิด”
“พอได้แล้วจ้ะพี่ลอ พอแล้ว ฉันเชื่อพี่แล้วว่าพี่จะรักฉัน ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นพี่ก็จะยังรักฉันคนเดียว ฉันเชื่อแล้ว”
เพื่อนซบหน้ากับแผ่นอกชายคนรัก ลอโอบกอดเพื่อนด้วยความรักล้นปรี่
แพงตกใจเมื่อรู้เรื่องจากแก้วกับด้วง ส่วนเรืองอยู่ช่วยดูแลแพง
“ไอ้วีมันตั้งรางวัลนำจับพี่ลอเลยเหรออีแก้ว”
“ก็เออน่ะสิวะ โจษจันกันไปทั้งหมู่บ้าน เงินที่มันตั้งไว้ก็ไม่ใช่น้อยๆ”
“นี่ถ้าข้าเห็นแก่เงินพาไอ้ลอไปให้มันล่ะก็ ข้าคงมีที่ใหญ่กว่าวัดบ้านสร้างแล้วล่ะอีแพง”
“ไอ้ด้วง”
“เฮ้ย ข้าแค่เปรียบเฉยๆ ไม่ได้บอกว่าจะทำจริงๆ ซะหน่อย ขืนพวกนั้นรู้ว่าไอ้ลออยู่ไหนล่ะก็ ไอ้ลอกลายเป็นศพแน่”
“งั้นเอ็งก็หุบปากไป ไม่ต้องสาระแนออกความเห็น”
“ไอ้วีมันรอโอกาสนี้มานาน พอได้ทีมันก็ยิ่งซ้ำเติมไอ้ลอ ถ้าไอ้ลออยู่บ้านสร้างไม่ได้ ไม่ แคล้วนังเพื่อนต้องโดนมันฉุดแน่”
แพงนิ่งฟังทุกคนพูดแล้วครุ่นคิด เริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง จนแก้วหันมาสงสัย
“อีแพง เอ็งยังเจ็บกบาลอยู่เหรอ”
“เปล่า ข้าแค่สงสัย”
“สงสัยอะไรวะ”
“อย่างเสือมิ่งน่ะเหรอจะบุกไปปล้นนายประจวบ พวกเอ็งก็รู้ว่าคนอย่างนายประจวบ เลี้ยงลูกน้องฝีมือดีเอาไว้ตั้งเท่าไหร่ ลำพังพวกเสือมิ่งหยิบมือเดียวไม่มีทางเข้าถึงตัวได้หรอก”
“ก็ไม่แน่นะเว้ย นายประจวบอาจจะประมาท ตอนนี้ไอ้เสือมิ่งก็ยิ่งเหิมเกริมอยู่ด้วย หน้า ไหนมันก็เลยไม่กลัว” ด้วงท้วง
“ยังไงข้าก็ไม่เชื่อ สันดานอย่างนายประจวบก็ไม่ต่างจากโจรที่ต้องรู้ฝีมือกันดี ถ้าจะถูก ปล้นโดนทำร้ายสาหัสได้ ที่โรงสีนั่นก็ต้องมีคนตายเป็นเบือ เป็นเรื่องใหญ่ไปทั้งจังหวัด”
“นั่นสิ ที่อีแพงพูดมาข้าเห็นด้วย งั้นข้าว่า ต้องมีอะไรที่มันทะแม่งๆ แล้วล่ะอีแพง”
แพงพยักหน้ากับเรือง
มิ่งลุกพรวดชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันทีเมื่อรู้เรื่องจากลูกน้อง
“มึงว่าไงนะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นน่ะเหรอ เอาชื่อข้าไปโพนทะนาว่าปล้นทำร้ายพ่อมัน”
“ใช่แล้วพี่มิ่ง ซ้ำมันยังประกาศตั้งรางวัลนำจับพี่กับไอ้ลอด้วย”
“หึ ไอ้วีระ ท่าทางเอ็งจะไม่ใช่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างที่ข้าคิดซะแล้ว เสืออย่างข้า จะ ปล้นจะฆ่ายังไง พ่อแม่ก็แตะไม่ได้ ขืนปล่อยมันเอาไว้จะยิ่งคุมมันยาก”
มิ่งครุ่นคิด
ลอนอนกระสับกระส่ายไปมาอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน พิศรีบเปิดประตูกุฏิเข้ามา
“ไอ้ลอ รีบเก็บข้าวของเอ็งได้แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นเหรออา”
“ไอ้วีระมันตั้งค่าหัวเอ็ง พวกชาวบ้านก็เลยควานหาตัวเอ็งให้ควั่ก ตอนนี้เริ่มมีบางคนสงสัยว่าเอ็งจะอยู่ที่วัด”
“แล้วไอ้วีมันมาเสือกอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”
“มันว่าไอ้เสือมิ่งบุกไปปล้นทำร้ายพ่อมัน”
“เป็นไปไม่ได้หรอกอา ฉันรู้จักอามิ่งดี ต่อให้เขามีฝีมือแค่ไหน เขาก็ไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงกับพวกนายประจวบแน่”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้เอ็งจะหลบอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ข้าต้องหาที่อื่นให้เอ็งไปให้ไกลจากบ้านสร้างที่สุด”
“ที่ไหนอีกล่ะจ๊ะอา”
พิศหน้าเครียดมองลอ
แพงตกใจเมื่อรู้เรื่องของลอจากพี่สาว
“พ่อจะให้พี่ลอหนีไปอยู่พิจิตรเหรอพี่เพื่อน”
“เอ็งจะเสียงดังไปทำไมอีแพง อยากให้เขารู้กันทั้งหมู่บ้านเหรอไง”
“ก็ถ้าจะให้พี่ลอหนีไปไกลขนาดนั้น พี่ลอก็คงไม่ได้กลับมาหรอก”
“แล้วเอ็งจะให้ทำยังไง ตอนนี้ไม่มีใครเชื่อพี่ลอเลยสักคน ถ้าเอ็งฉลาดอย่างที่หลวงพ่อชมนักหนาล่ะก็ บอกมาสิว่าจะช่วยพี่ลอได้ยังไง”
“ฉันยังไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง แต่ฉันว่า เสือมิ่งไม่ได้ใส่ความพี่ลอคนเดียว ไอ้วีมันน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย”
“งั้นพี่ลอก็ยิ่งอยู่บ้านสร้างไม่ได้อีก ถ้าเอ็งหาทางช่วยเขาไม่ได้ ก็อยู่เฉยๆ”
เพื่อนผลักไหล่แพง แล้วเข้าไปเปิดตู้เก็บของคว้าเอาห่อผ้าบางอย่างออกมาเปิดดู แพงเห็นเข้าก็ตกใจ เพราะของในห่อผ้าพวกนั้นเป็นสายสร้อยทองของมีค่าที่มิ่งเอามาให้ลอหมั้นเพื่อน
“พี่เพื่อน นั่นมันสมบัติของเสือมิ่งนี่ พี่เอากลับมาทำไม”
“หุบปากเอ็งไปซะอีแพง ไม่ต้องเสือก”
เพื่อนรวบของมีค่าใส่ห่อผ้าแล้วมัดห่อผ้ารีบเดินออกไป แพงรีบตาม เพื่อนรีบลงมาหาลอที่ใต้ถุน พิศ ถือตะเกียงคอยดูต้นทางให้
“เอ็งรีบๆ ร่ำลานังเพื่อนซะ อย่าให้นานนัก ถ้าใครมาเห็นเข้าเอ็งจะหนีไม่ทัน ข้าจะไปดูรอบๆ ให้แน่ใจอีกที”
“อาจ๊ะ ฉันขอโทษด้วย ทำให้อาต้องเดือดร้อน”
“ข้าไม่ได้เดือดร้อนคนเดียวหรอกไอ้ลอ คนที่เดือดร้อนหนักกว่าก็นั่น ลูกสาวข้า”
พิศบอกแล้วรีบเดินออกไป ลอรีบหันมากุมมือเพื่อนซึ่งตาแดงน้ำตาคลอ
“พี่ลอ”
“แม่เพื่อน พี่ขอโทษ พี่ไม่อยากให้ต้องลงเอยแบบนี้เลย”
“ฉันก็ไม่อยากให้พี่จากฉันไปเหมือนกัน แต่ถ้าพี่ไม่ไปคงต้องจัดงานศพให้พี่แทนงานแต่ง”
“งั้นพี่จะทำตามที่แม่เพื่อนบอก พี่จะไปจัดการกับอามิ่ง พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าพี่ ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหมิ่น”
แพงเดินเข้ามา
“แต่นั่นเท่ากับส่งพี่ลอให้ไปหาเรื่องตายนะ”
“อีแพง”
แพงจะเข้าไปหาลอด้วยความเป็นห่วง แต่เพื่อนกลับขวาง
“อีแพง พี่ลอไม่มีเวลาแม้แต่จะล่ำลาข้าแล้ว เอ็งอย่ามาสอด จะไปไหนก็ไป”
“แต่ฉันก็ห่วงพี่ลอไม่น้อยไปกว่าพี่นะ ถ้าจะไม่ได้เจอพี่ลออีก ฉันก็อยากจะ”
“แต่พี่ลอเป็นคู่หมั้นข้า ไปสิอีแพง บอกให้ไป”
“งั้นถ้าพี่เพื่อนเป็นห่วงพี่ลอมาก ทำไมพี่เพื่อนไม่เก็บเสื้อผ้าหนีไปกับพี่ลอซะเลยล่ะ จะปล่อยให้เขาไปลำบากอยู่คนเดียวทำไม หรือว่าที่อยากให้เขาไปให้พ้น ตัวเองจะได้ริบสมบัติเขามาเป็นของตัว”
“อีแพง”
เพื่อนโกรธจัดพุ่งไปตบหน้าแพงทั้งๆ ที่หัวยังมีผ้าพันแผลเสียงดังลั่น
“มึงด่ากูสาดเสียเทเสียหาว่ากูเห็นแก่ตัว สมบัติพวกนี้กูเอามาให้พี่ลอไว้ใช้หนี ไม่ได้จะริบเป็นของตัวเอง มึงเลิกอวดตัวฉลาดเห็นคนอื่นเขาไม่ประเสริฐศรีเหมือนมึงซะทีเถอะ เพราะมึงนี่แหละที่หน้าด้านที่สุด แม้แต่ผู้ชายของพี่มึงก็ยังคิดจะแย่ง”
“พี่เพื่อน”
แพงน้ำตาไหลอย่างเจ็บปวด ระหว่างนั้นพิศรีบเข้ามา
“ไอ้ลอ ไม่มีเวลาแล้ว ข้าเห็นพวกชาวบ้านมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ”
พิศเห็นท่าทางอึมครึมระหว่างเพื่อน แพงและลอเลยสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น อีแพงมาทำอะไรให้พวกเอ็ง”
“เอ่อ เปล่าหรอกจ้ะอา”
เพื่อนจับมือลอให้รับห่อผ้าสมบัติไป
“รีบไปเถอะจ้ะพี่ลอ เอาสมบัติพวกนี้ติดตัวไปด้วย ลำบากขึ้นมาก็ยังแลกเป็นเงินไว้ใช้ได้ ถ้าฉันหาทางช่วยได้เมื่อไหร่ พี่ค่อยกลับมา”
“แต่ถ้าพี่เอาของโจรไปใช้ พี่ก็ไม่ต่างจากโจร”
“แต่ถ้าไปตัวเปล่าแล้วจะอยู่ได้ยังไง พี่ไม่คิดจะอยู่รอดเพื่อกลับมาหาฉันอีกเหรอ เปิดตามองความจริงบ้างเถอะจ้ะ พี่ยึดมั่นคำสาบานของพ่อแล้วมีใครเชื่อพี่บ้าง สุดท้ายผลมันออกมาเป็นยังไง”
ลอชะงัก พิศต้องเร่ง
“รีบไปได้แล้วไอ้ลอ รีบๆ ไปซะตอนนี้”
“งั้นฉันลาล่ะจ้ะอา แม่เพื่อน”
ลอดึงเพื่อนมากอดแน่นและมองแพง
“ข้าต้องไปแล้วนะอีแพง”
ลอรีบออกไป เพื่อนมองอย่างเป็นห่วง
ลอรีบเร่งฝีเท้ามาตามทางโดยพิศถือตะเกียงส่องทางนำลอ แต่ระหว่างทางพิศชะงักเพราะเห็น แสงไฟจากพวกชาวบ้านมาลิบๆ
“ชิบหายแล้วไอ้ลอ พวกชาวบ้านมาทางนั้นแล้ว ไปทางนี้เถอะ”
พิศจะพาลอไปอีกทางก็เห็นแสงไฟจากคบของพวกชาวบ้านเข้ามาอีกกลุ่ม
“ทางนี้ก็มีด้วยเหมือนกันจ้ะอา”
“ไอ้เวรเอ้ย พวกมันจะจองล้างจองผลาญเอ็งไปถึงไหนวะ”
“ในเมื่อไม่มีทางให้ไป ฉันก็จะไปไม่ไหนแล้วล่ะอา ถ้าพวกเขาจะฆ่าฉัน ฉันก็จะสู้”
“ถ้าเอ็งอยากตายวันนี้ก็เอาเลย เอ็งได้ตายสมใจแน่ แต่คิดบ้างเถอะวะไอ้ลอ นังเพื่อน มันจะอยู่ยังไง ไม่มีเอ็งคอยดูแลมัน ไอ้วีก็คงเหิมเกริมไม่ต้องรอฤกษ์โจร เลือกฉุดนังเพื่อนไปทำเมียวันไหนก็ได้สะดวกมัน”
“ฉันไม่ยอมให้เพื่อนถูกข่มเหงแน่จ้ะ”
“งั้นเอ็งก็ต้องเอาตัวรอดก่อน ไปหลบอยู่ใต้กอบัวสักพัก ให้ข้าล่อพวกมันออกไป คืนนี้คงเดินทางไม่ได้ต้องไปหาที่ซ่อนตัวแล้วฟ้าสางค่อยเดินทาง”
“จ้ะอา”
ลอคุกเข่าพนมมือก้มลงกราบเท้าพิศ
“พระคุณของอาอยู่เหนือหัวไอ้ลอเสมอ ไอ้ลอจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อทดแทนพระคุณจ้ะ”
พิศพยักหน้า แล้วตบบ่าลอให้ลอลุยลงไปที่บึง ก้มตัวแช่น้ำซ่อนอยู่ใต้กอบัว จากนั้นพิศก็ชูตะเกียงโบกไป มาให้พวกชาวบ้านเห็นแสงไฟแล้วรีบเดินเลี่ยงออกไป หลอกพวกชาวบ้านให้ตาม
เพื่อนเดินไปเดินมาอย่างกังวล ส่วนแพงนั่งกอดเข่าด้วยความเศร้า
“เอ็งเข้าไปนอนได้แล้วอีแพง ข้าจะอยู่รอพ่อเอง”
“ฉันจะอยู่ด้วย คงไม่เกะกะขวางหูขวางตาพี่เท่าไหร่หรอกมั้ง เพราะยังไงพี่ลอก็ไม่อยู่แล้ว”
“ยังมีหน้ามาตีฝีปากกับข้าอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเอ็งเสนอหน้าไปยั่วยุให้พวกชาวบ้านเขา ไม่ฟังพี่ลอ มันก็คงไม่วุ่นวายขนาดนี้หรอก”
“การที่ฉันเข้าข้างพี่ลอ ยืนข้างเขาเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าพี่ลอไม่เคยปดคำสาบาน แต่พี่เพื่อนกลับบอกว่านั่นเป็นการยั่วยุให้ชาวบ้านเกลียดพี่ลอ นี่น่ะเหรอคนที่พี่ลอหลงจนหน้ามืดตามัว เรียกว่าเขาเป็นดวงใจของไอ้ลอ”
“อีแพง ปากมึงชักหนักข้อกับกูขึ้นทุกวัน รอให้กูเสร็จเรื่องพี่ลอกับพวกชาวบ้านก่อนเถอะ กูจะตะเพิดมึงไปพระนครไม่ต้องให้กลับมาเหยียบบ้านสร้างอีก”
“ต่อให้พี่เพื่อนไสส่งฉันไปลงนรก พี่ลอก็ยังเป็นเจ้าชีวิตฉัน ฉันรอดตายมาได้ก็เพราะเขา ความจริงข้อนี้ ไม่ว่าพี่เพื่อนจะพยายามเท่าไหร่ก็เปลี่ยนไม่ได้หรอก”
“อ๋อ งั้นมึงจะให้กูยอมรับหน้าชื่นตาบานว่ามึงคอยจ้องจะตะครุบผัวกู กูไม่หน้าด้านเหมือนมึงหรอกอีแพง”
“ฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดแย่งพี่ลอจากพี่ จะเอาฉันไปสาบานกี่วัดกี่เจ้าพ่อกี่เจ้าแม่ก็บอกมา
ขอให้อีแพงมันตายทุกข์ตายทรมาน ถ้ามันกล้าเอาผัวพี่มาเป็นผัวตัว”
แพงกล้ายืนยันคำพูดตัวเองต่อหน้าเพื่อน ระหว่างนั้นพิศรีบกลับเข้ามาอย่างเหนื่อยหอบ
“นังเพื่อนอีแพง รีบเข้าไปในบ้าน”
“พ่อ เกิดอะไรขึ้น”
พิศไม่ทันตอบ เสียงพวกชาวบ้านที่ตามมาก็ดังขึ้น
“ไอ้พิศ ไอ้ลออยู่ไหน”
เพื่อนกับแพงพากันตกใจ
ลอเข้ามาพักที่ใต้ต้นไทรใหญ่ เนื้อตัวยังเปียกโชกและเริ่มหนาวเพราะอากาศเย็น เขาเอาเศษไม้บริเวณ นั้นมาใช้เป็นฟืนก่อกองไฟ โดยใช้หินชนวนที่พกอยู่ในห่อผ้าสัมภาระมาจุดไฟลุกติดฟืนให้ความอบอุ่น ลอขยับเข้าใกล้กองไฟผิงไล่ความหนาว แต่ก็ไม่ช่วยให้หายหนาวได้เท่าไหร่ จึงต้องเอาผ้าที่ห่อสมบัติของมิ่งออก มาคลี่ห่มตัว สายสร้อยทองและของมีค่าอื่นๆ ในห่อผ้ากระเด็นออกมา ลอหยิบสายสร้อยทองขึ้นมาดูแล้วครุ่นคิดตัดสินใจ
พวกชาวบ้านพากันกรูเข้ามาโวยวายใส่พิศกับเพื่อนแพง
“มึงพาไอ้ลอหนีไปไหน บอกมาเดี๋ยวนี้ไอ้พิศ”
เพื่อนเข้ามารับหน้าแทนพ่อ
“อย่ามายุ่งกับพ่อฉันนะ ไปให้พ้น”
“เอ็งนั่นแหละนังเพื่อน นังตัวดี ถ้าไม่บอกมาว่าไอ้ลออยู่ไหน เอ็งต้องรับผิดแทนไอ้ลอ”
“อย่านะ อย่ามายุ่งกับฉัน”
พวกชาวบ้านเห็นด้วยจะเข้ามาเอาตัวเพื่อนลงจากเรือน แพงรีบหันไปคว้าอีโต้มาขวางทันที
“เข้ามาสิวะ หน้าไหนกล้ามาแตะต้องพี่สาวอีแพงล่ะก็ จะฟันให้แบะเลย”
พวกชาวบ้านชะงัก วีระเดินผ่ากลุ่มชาวบ้านเข้ามา
“กบาลเพิ่งจะแยก แผลไม่ทันแห้งดี ไม่รู้จักเจียมสังขารเอ็งเลยนะอีแพง”
“ไอ้วี เอ็งนี่เองที่ยุชาวบ้านให้ตามล่าพี่ลอ ดีเลย ข้านี่แหละจะเฉาะกบาลเอ็งคนแรก”
“ก็ลองสิวะอีแพง นับตีนพวกข้าดู กว่าจะถึงตัวพี่วี เอ็งได้ตายคาตีนพวกข้าก่อนแน่”
“หึ ข้าไม่จำเป็นต้องยุใคร ทุกคนกลัวไอ้เสือมิ่งปล้นฆ่าเพราะมีไอ้ลอคอยเป็นสายให้ ความผิดชัดแจ้งขนาดนี้ อย่าช่วยคนผิดให้หนีรอดเลย ไม่อย่างนั้นแม่เพื่อนจะซวยแทน”
“งั้นฉันว่า เอาตัวแม่เพื่อนมาเป็นตัวประกันไว้น่าจะดี ถ้าไอ้ลอไม่โผล่มา ก็จะได้รู้กันว่า สันดานเอาตัวรอดมันเป็นยังไง”
พวกชาวบ้านเฮเห็นด้วยกับไม้ กรูกันขึ้นบันไดจะพาตัวเพื่อนลงมา เพื่อนตกใจรีบถอยหนีไปหลบหลังพ่อหลังน้องสาวอย่างตื่นตระหนก
“พ่อ ช่วยฉันด้วย อย่าให้พวกมันพาตัวฉันไป อีแพง ช่วยพี่ด้วย”
พิศผลักพวกชาวบ้านไม่ให้เข้าถึงตัวเพื่อน แพงเองก็ช่วยกวัดแกว่งอีโต้พยายามช่วยพี่สาว จนสองพี่น้องโดนไล่ถอยร่นไม่มีทางไป เกือบจะตกชานเรือน วีระตะโกนขึ้น
“พอกันได้แล้วล่ะจ้ะลุงป้าน้าอาทั้งหลาย”
พวกชาวบ้านพากันหยุดชะงักตามเสียงวีระ
“ฉันคิดดูแล้ว ถ้าเราทำแบบนี้เราก็จะไม่ต่างจากพวกไอ้เสือมิ่งที่มันโหดเหี้ยมต่อพวกเรา เพราะฉะนั้นเราควรจะให้โอกาสแม่เพื่อน ไปหว่านล้อมไอ้ลอให้มามอบตัว”
มาดกระซิบ
“จะดีเหรอพี่ โอกาสดีได้แม่เพื่อนมาง่ายๆ แล้วนะ”
“ไม่ต้องรีบร้อน ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการกับเสือมิ่งอีก”
มาดพยักหน้าเข้าใจ วีระเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับเพื่อน ยิ้มย่อง
“แต่ถ้าพรุ่งนี้ไอ้ลอยังไม่โผล่หัวมา แม่เพื่อนก็เตรียมคิดเอาไว้เลย ว่าจะรับผิดแทนไอ้ลอยังไง กลับกันได้แล้วล่ะจ้ะลุงป้าน้าอา”
วีระยิ้มร้ายกับเพื่อนด้วยความสะใจที่ถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะพาพวกชาวบ้านออกไป เพื่อนถึงกับเข่าทรุด ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น
“ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ฮือๆๆ”
ตอนเช้า แรมก่อไฟทำกับข้าวอยู่ที่ครัว แต่ได้ยินเสียงพ่อคุยกับเรืองจากข้างนอก
“เฮ้อ ข้าว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ ไอ้วีมันได้ข้ออ้างลากนังเพื่อนไปทำเมียแน่”
“พวกฉันก็จนปัญญาไม่รู้จะช่วยยังไง”
“ก็ต้องหาทางช่วยให้ได้นั่นแหละวะ พวกเอ็งก็โตมาด้วยกัน อย่าทิ้งกันเวลาลำบาก”
“จ้ะพ่อ”
“วันนี้ข้าต้องเอาเงินที่ยืมมาจากไอ้ผาดไปไถ่ถอนคืนเครื่องดนตรีมาอีก เอาไว้เสร็จธุระแล้วข้าจะไปสมทบกับเอ็ง”
แรมเงี่ยหูฟังอยู่ตลอด ยิ้มร้าย
แสงเข้ามาในห้องนอนแล้วหยิบเอาเงินในถุงที่เก็บเอาไว้จะไปไถ่ถอนเครื่องดนตรีคืนมานับ ระหว่างนั้น เสียงร้องของแรมก็ดังลั่น
“พ่อ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ไฟไหม้ครัวจ้ะ ไหม้ใหญ่แล้ว”
แสงตกใจรีบทิ้งถุงเงินแล้ววิ่งออกไป แรมหันไปมองถุงเงิน แสงวิ่งเข้ามาในครัวเห็นไฟกำลังไหม้ตู้กับข้าวและเริ่มลามไปติดฝาเรือน ก็รีบตักน้ำจากตุ่มสาดดับไฟ แต่ไฟลุกโหมแรงจนลามมาโดนแขน จนต้องผงะถอยออกมายืนมองด้วยความตื่นตระหนก
แรมแต่งตัวสวยถือกระเป๋าเดินทางยืนมองควันไฟที่กำลังลอยขโมงออกมาจากในตัวบ้าน ยิ้มอย่างใจเย็นและเลือดเย็น
“พอกันที ไอ้พวกกบในกะลา อีแรมนี่แหละจะไปได้ดิบได้ดี มีผัวเป็นผู้ดีมีสกุลอยู่ในพระ นคร จะไม่กลับมาเหยียบบ้านสร้างอีก”
แรมยิ้มชอบใจแล้วเดินจากไป
บริเวณคุ้งต้นไทร เพื่อนกับแพงรีบเข้ามาเรียกหาลอ
“พี่ลอ พี่ลอจ๊ะ พี่ลอ”
แพงช่วยเรียกหา แต่ไม่เห็นตัวลอ จนกระทั่งเห็นเศษขี้เถ้าจากกองไฟที่ลอก่อไว้เมื่อคืน
“พี่เพื่อน มาดูนี่เร็ว”
“ข้าให้เอ็งมาช่วยตามหาพี่ลอ แล้วจะให้ข้าเสียเวลาดูอะไรอีก”
“เศษเถ้าจากกองไฟ แสดงว่าเมื่อคืนนี้พี่ลอแวะมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
“เหลือแต่ขี้เถ้าแบบนี้ ก็แสดงว่าพี่ลอหนีไปตั้งนานแล้วสิ”
แพงพยักหน้า เพื่อนเริ่มสติแตก
“โธ่เอ๊ย แล้วทีนี้ข้าจะทำยังไง ถ้าหาพี่ลอไม่เจอ ข้าคงไม่แคล้วต้อง”
เพื่อนไม่อยากพูดต่อให้ตัวเองต้องกลัวไปมากกว่านี้
“แต่เราก็อยากให้พี่ลอหนีเอาชีวิตรอดไม่ใช่เหรอพี่เพื่อน”
“แล้วข้าล่ะ ข้าต้องอยู่รับเคราะห์แทนงั้นเหรอ เอ็งก็เห็นว่าพวกนั้นมันอยากจะทำอะไรกับข้า ข้าไม่ยอมโดนเอาตัวไปหรอกนะอีแพง ข้าไม่ยอมเด็ดขาด”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะพี่เพื่อน ฉันว่าพี่ลอคงยังไปไม่ไกลหรอก ฉันจะรีบตามไปให้เร็วที่สุด”
“งั้นเอ็งก็รีบไปสิ อย่าชักช้า ตามพี่ลอกลับมาให้ได้”
เพื่อนผลักแพงให้รีบไป ส่วนตัวเองก็ยืนหน้าเครียด กลัวจนเริ่มลน
เพื่อนรีบเดินกลับบ้าน ระหว่างทางผ่านเถียงนาก็เจอแรมมายืนรออยู่
“โธ่ๆๆ น่าสงสารเอ็งซะจริงนังเพื่อน น้องรักของข้า”
“พี่แรม”
“ข้ามารอเจอเอ็งก่อนที่ข้าจะไปจากบ้านสร้างแล้วไม่กลับมาเหยียบอีก”
“ฉันกับพี่หมดธุระกันแล้ว จะไปก็ไป ไม่ต้องมาลา”
“เดี๋ยวสินังเพื่อน ข้าไม่ได้มาลาเอ็ง”
“หลบไปนะพี่แรม”
“ไม่เอาน่า ข้ารู้เรื่องที่เอ็งกำลังวิ่งวุ่นเป็นหนูติดจั่นเพราะไอ้ลอแล้ว ข้าก็เลยอยากเสนอ ทางช่วยให้เอ็งไม่ต้องรับเคราะห์แทนมัน”
“ทางช่วย”
“หึ ใช่”
.แรมยกกระเป๋าเดินทางให้ดู
“นี่ไง ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเอ็ง ไปพระนครกับข้า ไม่ต้องไปสนใจว่าไอ้ลอมันจะเป็นยังไง เอาตัวเอ็งให้รอดก่อนดีที่สุด”
“พี่แรม”
“ข้าจะพูดครั้งสุดท้ายด้วยความหวังดี ถึงเวลาที่ต้องฉลาดให้สมกับความสวยของเอ็ง ไอ้ลอไม่ได้ทำให้เอ็งแค่จมปลักอยู่บ้านนอกคอกนา แต่มันกำลังทำให้ชีวิตเอ็งชิบหาย ถ้าไม่ไปซะตั้งแต่ตอนนี้ ก็เชิญเอ็งตกนรกทั้งเป็นไปเถอะนังเพื่อน”
แรมนิ่งเงียบ เคร่งเครียด ไม่รอคำตอบ ถือกระเป๋าเดินทางออกไป เพื่อนกำมือแน่นตัดสินใจอย่างที่สุด
“อย่าเพิ่งไป ให้เรือรอฉันด้วย ฉันจะไปเก็บของแล้วจะตามไป”
เพื่อนพูดแค่นั้นแล้วก็รีบจ้ำเดินกลับไปบ้าน แรมยิ้มชอบใจ
จบตอนที่ 7