เพื่อน แพง ตอนที่ 6
แพงเดินย้อนกลับมาที่บึงบัว อารมณ์ขุ่นมัวจนไม่รู้จะระบายออกอย่างไร ทำได้ก็คือปาดอกบัวหลายดอก
ที่เพิ่งจะตัดเอาไปขาย ทิ้งลงบึง ลอเดินเข้ามา
“แดดร้อนๆ ลงไปตัดบัว แล้วเอาขึ้นมาปาเล่น เอ็งนี่ท่าจะบ้านะอีแพง”
“พี่ลอ”
แพงหันมามองแล้วสะบัดหน้าไม่สนใจ ไม่พูดด้วย ยังปาบัวลงบึงต่อ
“ใช่ ฉันมันบ้า ยิ่งแดดเปรี้ยงๆ แบบนี้ล่ะก็ ฉันยิ่งบ้าหนัก ถ้าเห็นใครขวางหูขวางตาล่ะก็ ฉันจะกัดให้จมเขี้ยวเลย”
“งั้นเหรอวะ ข้าเพิ่งรู้ว่าข้าไม่ได้มีน้องสาวชื่ออีแพง แต่มีน้องสาวชื่อ อีหมาแพง”
“ถ้าฉันเป็นหมา พี่ลอก็ต้องเป็น ไอ้หมาลอเหมือนกัน”
แพงหันขวับมาแล้วปาดอกบัวใส่หน้าลออย่างไม่พอใจ
“ไม่เอาน่าอีแพง โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังจะมาชวนข้าทะเลาะเป็นเด็กๆ อยู่อีก”
“ฉันไม่ได้ชวนทะเลาะ พี่ลอต่างหากที่มาหาเรื่องฉัน ในเมื่อไล่ไม่ให้ฉันยุ่งกับพี่ พี่ก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันสิ จะไปไหนก็ไป อยากตัดขาดไม่เป็นพี่เป็นน้องกับฉันอยู่แล้วนี่”
“เฮ้อ ข้าใส่อารมณ์กับเอ็งหน่อยเดียวก็เอามาประชดประชัน เอาเป็นว่าข้าขอโทษที่เมื่อวานไล่ตะเพิดเอ็ง แล้วก็ขอโทษที่วันก่อนสาดน้ำใส่หน้าเอ็ง พอใจมั้ยอีแพง”
“ไม่ ฉันยังไม่พอใจ เพราะพี่ลออยากตัดฉันออกจากชีวิตพี่”
“เอ็งนี่มันได้คืบจะเอาศอก”
ลอหยิบดอกบัวที่พื้นขึ้นมาแล้วโยนใส่แพง
“ตัดบัวยังไงก็ยังเหลือเยื่อเหลือใย เอ็งกับข้าก็เหมือนบัวนั่นแหละ ต่อให้โกรธเอ็งแค่ไหน ข้าก็ตัดเอ็งไม่ ขาดหรอกอีแพง”
แพงชะงัก
“พี่ลอพูดจริงรึเปล่า”
“ก็แล้วแต่เอ็งจะเชื่อ ข้าก็ไม่รู้จะบอกยังไง คิดดูเอาเองแล้วกันว่าตั้งแต่ช่วยชีวิตเอ็งไว้ เวลาเอ็งร้องหาข้า ข้าเคยไม่อยู่ให้เอ็งเห็นหน้ารึเปล่า คิดเอาเองนะอีแพง”
ลอทิ้งท้ายให้แพงคิดแล้วเดินออกไป แพงนิ่งเงียบ
เพื่อนถูกไม้จับล็อคตัวเอามือปิดปากดึงตัวมาที่บริเวณกองฟางไม่ไกลจากบริเวณบ้าน เธอ พยายามดิ้นแต่สู้แรงของไม้ไม่ได้ วีระเดินตาม มาดประกบลูกพี่เสนอความคิดชั่วๆ
“ลูกพี่ ไหนๆ ก็ได้ตัวแม่เพื่อนมาแล้ว ฉันว่าอย่าเสียเวลาเลย ชิงปล้ำเป็นเมียตัดหน้า ก่อนไอ้ลอจะได้ซะเลยดีกว่า”
“เป็นเมื่อก่อนข้าคงคิดทำแบบนั้น แต่ตอนนี้ไม่จำเป็น เพราะถึงข้าจะข่มขืนแม่เพื่อนไป ไอ้ลอมันก็ต้องตามล้างแค้นข้าอยู่ดี สู้ใช้วิธีทำให้ไอ้ลออยู่ที่ทุ่งบ้านสร้างอีกไม่ได้ดีกว่า”
“ก็จริงของลูกพี่”
วีระยิ้มร้ายแล้วพยักหน้าให้ไม้ปล่อยเพื่อน เพื่อนร้องทันที
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ไม้ชักมีดออกมาขู่
“หุบปาก”
“ถ้าฉันจะลงมือทำร้ายแม่เพื่อน ป่านนี้แม่เพื่อนคงเป็นเมียฉันไปแล้ว แต่นี่ฉันมาเพราะ อยากจะคุยกับแม่เพื่อนจริงๆ เพราะฉะนั้นช่วยฟังฉันเฉยๆ ได้มั้ย”
เพื่อนนิ่งไป มองพวกวีระอย่างระแวง
“เอ็งจะเอายังไงกับข้าก็ว่ามา”
“แม่เพื่อนคงรู้เรื่องที่เสือมิ่งบุกมาปล้นคนบ้านสร้างแล้ว แต่ฉันมีเรื่องสำคัญกว่านั้นจะบอกให้แม่เพื่อนรู้ เกี่ยวกับไอ้ลอกับเสือมิ่ง”
“ถ้าเอ็งจะใส่ความพี่ลอว่าเขากับไอ้เสือมิ่งเป็นพวกเดียวกันล่ะก็ เสียเวลา ข้ารู้อยู่แล้ว ไอ้เสือมิ่งเคยทำงานกับพ่อพี่ลอ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่ลอ”
“แสดงว่าไอ้ลอมันเล่าให้แม่เพื่อนฟังแค่นั้นน่ะสิ โธ่เอ๊ย ไอ้ลอ ไอ้ปลิ้นปล้อน”
“หมายความว่าไง”
“เมื่อวานฉันเห็นกับตาว่าไอ้ลออยู่กับเสือมิ่งที่คุ้งต้นไทร”
เพื่อนชะงัก
“เอ็งอย่ามาใส่ความพี่ลอ คำพูดของเอ็งมันเชื่อถือไม่ได้”
“แม่เพื่อนไม่เชื่อคำพูดฉันเพราะเอาแต่หลงคารมแกล้งซื่อของไอ้ลอมันจนโงหัวไม่ขึ้น งั้น ก็ลองกลับไปถามมันดูแล้วกัน ที่ไอ้เสือมิ่งมันโผล่มาบ้านสร้างเพราะอะไร”
“รับรองว่าไอ้ลอไม่มีทางพูดความจริงกับแม่เพื่อน” มาดดักคอ
“ไม่พูดความจริงเพราะมันไม่มีอะไรอย่างที่พวกเอ็งใส่ร้ายเขาไง”
“ฉันไม่ได้ใส่ร้าย ฉันได้ยินมันวางแผนกันจริงๆ ไอ้เสือมิ่งมาบ้านสร้างเพราะอยากให้ไอ้ ลอรับช่วงเป็นโจรต่อจากพวกมัน”
คำพูดของมาด ทำให้เพื่อนชะงัก
ลอเดินเข้ามามองหาไอ้เปลี่ยวกลางท้องทุ่งนา
“ไอ้เปลี่ยว ไอ้เปลี่ยวโว้ย หายหัวไปไหนของมันวะ ทิ้งให้กินหญ้าแป๊บเดียว ริหนีไปหาตัวเมียซะแล้ว”
“นกเอี้ยงเอย มาเลี้ยงควายเฒ่า ควายกินข้าว นกเอี้ยงหัวโต”
ลอได้ยินเสียง หันไปเห็นแพงเดินจูงไอ้เปลี่ยวมาตามคันนา
“เพื่อนเอ็งนี่มันไม่ได้เรื่องเลยนะไอ้เปลี่ยว ทิ้งเอ็งให้เดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียว ก็ใช่สิ เขากำลังจะมีเจ้าของ ส่วนเอ็งก็จะกลายเป็นควายถูกทิ้ง แต่ไม่ต้องห่วง เอ็งยังมีข้าอยู่ เดี๋ยวข้าจะพาเอ็งกลับคอกเอง”
แพงทำเป็นพูดกับไอ้เปลี่ยวแล้วหางตามองลออย่างไม่สนใจ ลอเลยยืนเฉย ดูว่าแพงจะทำอะไรต่อ
“ไปได้แล้วไอ้เปลี่ยว เดี๋ยวข้าจะพาเอ็งไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณให้เอ็งตัวหอมๆ หล่อๆ เอา ให้หล่อกว่าเพื่อนเอ็งเลย”
แพงพยายามดึงเชือกล่ามคอไอ้เปลี่ยว แต่ดึงยังไงไอ้เปลี่ยวก็ไม่ยอมขยับ ยืนเคี้ยวเอื้องนิ่ง ลออมยิ้ม
“ไอ้เปลี่ยว เอ็งอย่าดื้อสิวะ ไปกับข้า ไปสิ บอกให้ไปไง”
ไอ้เปลี่ยวยังยืนนิ่งไม่ขยับ แพงก็ยิ่งออกแรงฉุด ลอมองแล้วขำก่อนจะตะโกนเรียก
“ไอ้เปลี่ยว ไปอาบน้ำ”
คำสั่งของลอทำให้เปลี่ยวขยับ แพงกำลังออกแรงดึงเต็มที่เลยเสียหลักร้องลั่น ล้มก้นจ้ำเบ้าเจ็บ ส่วนไอ้เปลี่ยวเดินลอยชายออกไปตามคำสั่งลออย่างว่าง่าย ลอหัวเราะสมน้ำหน้าแพง
“อีแพงเอ๋ย มาเลี้ยงควายเฒ่า ควายไม่โง่เง่า อีแพงจ้ำเบ้าเอย ฮ่าๆๆ”
“พี่ลอ พี่ลอบ้า ทุเรศ มาล้อเลียนฉัน”
“ก็ทีหลังถ้าเอ็งจะมาล้อข้า เอ็งก็พูดดีๆ มาพูดจ๊ะจ๋า คะขากับข้า เอ็งก็ไม่ต้องมานั่งเอาตูด แช่โคลนเล่นหรอก”
“ใคร ใครบอกว่าฉันมาง้อพี่ลอ ขี้ตู่ ขี้ตู่กลางนาของจริงเลย”
“เอ็งไม่ได้ง้อข้า”
“ใช่”
“ไม่ง้อก็ไม่ง้อ งั้นข้าง้อเอ็งเองก็ได้อีแพง”
ลอยิ้มขำแล้วเข้าไปฉุดแพงขึ้นมา อุ้มตัวลอยด้วยสองแขนแข็งแรง ทำเอาแพงตกใจ
“พี่ลอ ทำอะไรฉัน”
“พาเอ็งตามไอ้เปลี่ยวไปล้างตัวขัดสีฉวีวรรณจะได้สวยเป็นคู่กับไอ้เปลี่ยวไง ฮ่าๆๆ”
แพงตกใจ
“พี่ลอ”
บริเวณเถียงนา แรมยืนนับเงินที่เพิ่งได้จากพ่อค้าขายของเก่า
ซึ่งกำลังเปิดผ้าคลุมเกวียนดูเครื่องดนตรี ไทยเครื่องมือทำมาหากินของแสงที่แรมเอามาขาย
“ทำไมได้แค่นี้เองล่ะ ที่ตกลงกันมันน่าจะมากกว่านี้อีกไม่ใช่เหรอ”
“ของที่เอ็งเอามาขายข้า มันของเก่าทั้งนั้น”
“ก็แกเป็นพ่อค้ารับซื้อของเก่า แล้วฉันจะเอาของใหม่มาขายเหรอไง”
“มันก็ใช่ แต่ของเก่าจะขายได้ราคา มันก็ต้องสภาพดีด้วยสิ”
“ของพวกนี้สภาพมันก็ยังดี ใช้งานได้ทุกชิ้น อย่ากดราคาไปหน่อยเลย ไม่งั้น ฉันไม่ขาย”
“ไม่ขายก็ตามใจ ดีซะอีก ไม่ต้องเหนื่อยเอากลับ ขนกลับเอาเองแล้วกัน”
พ่อค้าไม่สนใจดึงเงินจากมือแรมคืนมา แรมอึ้งหน้าเสีย รีบดึงเงินกลับ
“ก็ได้ เปลี่ยนใจแล้ว ขายก็ขาย แต่เรื่องเรือที่จะจ้างให้มารับฉันพรุ่งนี้ รวมอยู่ในค่า เครื่องดนตรีพวกนี้แล้วกัน ตกลงตามนี้นะ”
“ก็ได้ ถือว่าลดให้นิดหน่อยแล้วกัน”
พ่อค้าตกลงกับแรมเป็นที่เรียบร้อยก็ขึ้นไปนั่งเกวียนแล้วไสวัวให้เคลื่อนเกวียนออกไป แรมมองเงินในมือ ไม่มีความรู้สึกเสียดายเครื่องมือทำมาหากินของพ่อเลยแม้แต่น้อย
แสงกำลังเปลี่ยนเครื่องเซ่นไหว้เศียรพ่อแก่ที่เคารพ อยู่ๆ เรืองก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“พ่อ พ่อ แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“มีอะไรวะไอ้เรือง”
“สงสัยเราจะโดนปล้นแล้ว”
“ว่าไงนะ ไอ้เสือมิ่งบุกมาปล้นเหรอ”
“ไม่รู้ว่าใช่ฝีมือมันรึเปล่า เพราะเมื่อกี้ ฉันจะเข้าไปทำความสะอาดเครื่องดนตรีให้ แต่ พอเปิดประตูเข้าไป เครื่องดนตรีของพ่อก็หายไปหมดเลย”
“อ๋อ โธ่เอ๊ย นึกว่าอะไร เครื่องดนตรีของข้าไม่ได้หายไปไหนหรอกไอ้เรือง”
“หมายความว่ายังไงเหรอพ่อ”
“พี่สาวเอ็งเห็นว่าเครื่องดนตรีของเรามันเก่าใช้งานมานาน สภาพมันไม่ค่อยดีก็เลยอาสา ส่งไปให้คนรู้จักซ่อมให้กลับมาเหมือนใหม่”
“จริงเหรอพ่อ”
“เออสิวะ สมกับที่ข้าฝากความหวัง ฝากลมหายใจนาฏศิลป์ที่กำลังจะตายไว้กับนังแรมมันจริงๆ”
แสงพูดด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกสาว
แรมเดินโบกเงินในมือมาตามทางลูกรังใกล้ลำกระโดง
“เอาวะ ถึงจะได้มาน้อยไปหน่อยแต่ก็ยังพอใช้ตั้งตัวที่พระนครได้สักพัก ยิ่งถ้าได้นังเพื่อนตามไปด้วยล่ะก็ มันต้องช่วยหาเงินให้ใช้ไม่ขาดมือได้แน่”
แรมยิ้มชอบใจ แล้วก็ได้ยินเสียงลอกับแพงดังแว่วเข้ามา จึงหันไปมอง ก็เห็นลออุ้มแพงเข้ามาที่ลำกระโดงหัวเราะต่อกระซิกกัน
“ปล่อยฉันนะพี่ลอ บอกให้ปล่อย”
“อยากให้ข้าปล่อยเหรอ ได้เลยอีแพง”
ลอจับแพงโยนลงลำกระโดงที่น้ำตื้นๆ แพงตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก
“พี่ลอบ้า”
“ยังว่าข้าอีก งั้นเอ็งต้องเจอหนักกว่านี้”
“ไม่เอาแล้วพี่ลอ ฉันยอมแล้ว ฉันง้อพี่เองแหละ”
“ก็แค่นั้นแหละอีแพง เล่นซะข้าต้องมาพลอยตัวเลอะเทอะไปกับเอ็งด้วย”
ลอขยี้หัวแพงอย่างเอ็นดูและไม่คิดอะไร แล้วจะเดินไปหาไอ้เปลี่ยว แพงมองลอแล้วตัดสินใจโผเข้าไปกอด เอวชายหนุ่มจากข้างหลัง ลอชะงัก แพงกอดแน่นไม่ปล่อย
“อีแพง ยังจะเล่นอีก เดี๋ยวพอข้าเล่นด้วยเอ็งเจ็บตัวก็มาโกรธข้าอีก”
“เปล่าจ้ะพี่ลอ ฉันไม่ได้จะเล่น ฉันแค่อยากกอดพี่ลอเอาไว้เพื่อให้พี่ลอรู้ว่า ฉันรักพี่ลอ และห้ามบอกจะตัดฉันออกจากชีวิตพี่ลออีก”
ลอนิ่งไป แล้วอมยิ้ม
“เออ ข้าจะไม่พูดอีก จะไม่ทำให้เอ็งต้องเสียใจ”
“จริงนะพี่ลอ”
“จริงสิวะ แม่เพื่อนเป็นหัวใจของข้า ส่วนเอ็งก็เป็นแขนขา ขาดอะไรไปสักอย่างข้าก็อยู่ไม่ได้แล้ว”
“แค่ได้เป็นแขนขาให้พี่ลอได้เรียกใช้ ฉันก็ดีใจแล้ว”
แพงกอดลออย่างชื่นหัวใจ ลอยืนนิ่งปล่อยให้แพงกอดแล้วยิ้มอย่างภูมิใจแพง
แรมแอบดูและได้ยินทุกคำพูดอดคิดเป็นเรื่องชู้สาวไม่ได้
วีระกับพวกพาเพื่อนกลับมาส่ง วีระยังจับแขนเพื่อนเอาไว้พร้อมกำชับ
“คำพูดฉันที่ผ่านมาอาจไม่มีน้ำหนัก แต่ถ้าลองเชื่อสักครั้งแล้วจะรู้ว่าผู้ชายดีๆ ที่เหมาะกับแม่เพื่อนไม่ได้มีแค่ไอ้ลอคนเดียว”
“ไปให้พ้นหน้าฉัน”
เพื่อนผลักวีระแล้วรีบเดินไปบ้าน มาดโมโห
“ปั๊ดโธ่ พี่วีอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี ยังเล่นตัวอีก มันน่าจับปล้ำทำเมียซะจริงๆ เสีย ดายโอกาส เสียดายเวลา”
วีระหันมาตบหัวมาด
“เสียดายแทนข้า หรือว่าเสียดายเอง”
“แหะๆๆ ต้องเสียดายแทนพี่วีสิจ๊ะ”
“ใช่ มันน่าเสียดาย แต่ถ้าทำให้แม่เพื่อนเกลียดไอ้ลอได้ มันก็คุ้มที่จะทำให้แม่เพื่อนหันมารักข้ามากกว่าต้องใช้กำลังขืนใจ หึๆๆ”
วีระยิ้มร้าย
เพื่อนกลับเข้ามาในครัวอย่างครุ่นคิด จนได้ยินเสียงพิศเรียก
“หายไปไหนมานังเพื่อน ข้าตามหาเอ็งให้ทั่วบ้าน”
“พ่อ คือ ฉัน ฉันไปตัดปลีกล้วยมาแกงเลี้ยงแขกจ้ะ”
“แล้วไหนล่ะปลีกล้วย”
“เอ่อ ฉันเห็นยายแฟงมาช่วยงานเลยวานปอกให้อยู่จ้ะ พ่อมีอะไรเหรอ”
“ไม่มีหรอก แค่จะมาบอกให้เอ็งไปพักได้แล้ว ไม่ต้องมายุ่งเตรียมงาน เดี๋ยวข้ากับพวก ชาวบ้านจะช่วยกันเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพ่อ ฉันไม่เหนื่อยหรอก”
“ข้ารู้ งานแค่นี้เอ็งไม่เหนื่อยหรอก แต่ที่นังแรมพูดมาก็ถูก ถึงจะเป็นดอกไม้ที่กำลังมีเจ้าของ ก็ไม่ได้หมายความว่าความสวยงามของดอกไม้จะต้องลดลง จริงมั้ย”
เพื่อนยิ้มรับพ่อ เพราะในหัวยังคงติดใจคำพูดของวีระเรื่องลอกับมิ่ง ระหว่างนั้นลอกับแพงเข้ามา เสียงหัวเราะสนุกสนานของสองคนดังเข้ามาก่อน
“ทีหลังฉันจะเอาคืนพี่ลอให้หนักว่านี้อีก”
“อย่าเก่งแต่ขู่ข้าเลยวะอีแพง ข้าล่ะกลั๊ว กลัว ฮ่าๆๆ”
พิศดุทันที
“อีแพง หายหัวไปทั้งวัน”
แพงชะงักหน้าเจื่อนรีบไปหลบหลังลอ พิศจะเข้าไปเอาเรื่อง
“ทั้งบ้านเขาวุ่นวายเตรียมตัวจัดงานหมั้นให้พี่สาวเอ็ง แต่เอ็งกลับหนีไปเที่ยวเล่นสนุก
แล้วจะไม่ให้ข้าอยากลากเอ็งมาเฆี่ยนดัดสันดานขี้เกียจได้ยังไงวะ”
“อีแพงมันไม่ได้หนีไปเที่ยวเล่นหรอกอาพิศ มันไปดักลอบหาปลามาช่วยงานครัวจ้ะ”
“จริงเหรอวะไอ้ลอ”
“จริงสิอา นี่ไง ปลาเต็มข้องเลย ไปได้แล้วอีแพง เอาปลาไปให้พวกแม่ครัวเขาทำกับข้าว ไปสิ”
ลอเอาข้องยัดใส่มือแพงแล้วยิ้มให้ แพงยิ้มให้ลอด้วยความรู้สึกดีมาก
“จ้ะพี่ลอ”
แพงรีบเอาข้องใส่ปลาเดินผ่านพ่อไป
“พี่ลอจ๊ะ ฉันคุยด้วยหน่อยสิ”
เพื่อนเข้ามาเรียก ลอตามเพื่อนมาที่มุมหนึ่งบนบ้าน
“พี่ขอโทษนะ พี่อยากจะอยู่ช่วยแม่เพื่อนเตรียมงานทางนี้ แต่ต้องรีบไปดูข้าวในนาเราแต่เช้า ข้าวเราใกล้เป็นพลับพลึงให้เกี่ยวแล้ว รวงสวยแข่งกับแม่เพื่อนของพี่เลยเชียว”
ลอพูดไปก็ยกมือขึ้นมาสัมผัสแก้มเพื่อนเบาๆ แต่เพื่อนปัดมือออก
“ฉันไม่ได้จะคุยกับพี่เรื่องเตรียมงานทางนี้หรอก”
“พี่เห็นหน้าแม่เพื่อนดูเคืองๆ ก็นึกว่าจะโกรธพี่ที่ไม่อยู่ช่วย”
“เลิกพูดเรื่องจัดงานซะที ที่ฉันอยากรู้จากพี่มันเรื่องอื่น”
“เรื่องอื่น มีอะไรเหรอแม่เพื่อน”
เพื่อนนิ่งไปด้วยความลังเล ก่อนตัดสินใจถาม
“ก่อนพี่จะมา พวกไอ้วีระมาหาฉัน”
“ไอ้สารเลว มันมาทำไม มันทำอะไรแม่เพื่อน”
“มันไม่ได้ทำอะไรฉันหรอก แต่มันมาบอกฉันว่า มันเห็นพี่ลอกำลังสมคบคิดกับไอ้เสือมิ่ง”
ลอชะงัก
“ฉันไม่เชื่อที่มันพูด มันพยายามใส่ความพี่ลอ ทำให้ฉันเกลียดพี่ ใช่มั้ยจ๊ะ”
ลอนิ่งไป จนเพื่อนยิ่งสงสัย
“ว่าไงล่ะพี่ลอ มันป้ายสีพี่ เพราะรู้ว่าฉันเกือบถูกไอ้เสือมิ่งทำร้าย มันเลยหวังจะให้ฉันเกลียดพี่ใช่มั้ย ใช่มั้ยพี่ลอ”
“พี่ไม่เคยคิดจะข้องเกี่ยวกับเสือมิ่ง ถึงเขาจะมีบุญคุณกับพี่ แต่พี่ก็ไม่เอาบุญคุณนั้นมาเป็นหนี้ชีวิต แม่เพื่อนเชื่อใจพี่เถอะนะ”
“พี่ลอ ฉันคิดอยู่แล้วเชียว ยังไงพี่ลอของฉันก็เป็นคนดี และฉันก็เชื่อใจพี่ได้เสมอ”
เพื่อนยิ้ม เข้าไปสวมกอดคนรัก ลอกระอักกระอ่วนใจที่จำเป็นต้องปิด
“แม่เพื่อนไปพักผ่อนเถอะจ้ะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดชื่น สวยสมกับเป็นดอกไม้ของไอ้ลอ”
“จ้ะพี่ลอ”
เพื่อนเดินออกไป ลอกำสร้อยพระที่ห้อยคอแน่น
“ฉันขอโทษนะพ่อ ฉันจำเป็นต้องปิดแม่เพื่อน เพราะไม่อยากให้แม่เพื่อนต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้เด็ดขาด”
แก้วดึงแพงออกมาห่างจากตัวบ้าน เพื่อถามสิ่งที่ยังคาใจ
“เอ็งพูดมาให้หมดเปลือกเลยอีแพง ห้ามปดข้าแม้แต่คำเดียว”
“อะไรของเอ็งวะอีแก้ว ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเอ็งทั้งนั้น”
“ข้าไม่เชื่อ ข้าสังเกตเอ็งมานานแล้ว คนอื่นอาจจะคิดว่าที่เอ็งติดพี่ลอเพราะเขาช่วยเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่เล็ก แต่มันไม่ใช่ เอ็งคิดกับพี่ลอมากกว่านั้น”
“อีแก้ว เอ็งอย่ามาใส่ความข้ามั่วๆ นะเว้ย”
“ก็ถ้าเอ็งไม่อยากให้ข้ามั่ว เอ็งก็บอกข้ามาสิว่ามันไม่ใช่”
แพงนิ่งไป
“ว่าไงอีแพง ถ้าเอ็งคิดกับพี่ลอแบบนั้นจริงๆ ล่ะก็ชิบหายวายป่วงแน่ เขากำลังจะเป็นพี่เขยเอ็ง ถ้าพี่เพื่อนรู้ล่ะก็ อีแพงเอ๊ย ไม่ใช่แค่โดนตีอย่างเดียวแต่เขาจะไม่เอาเอ็งไว้”
“ข้า ข้า ข้าไม่ได้คิดกับพี่ลอแบบนั้น”
“แน่ใจนะอีแพง”
แพงพูดแต่หลบตาแก้ว
“แน่ใจสิวะ พี่ลอเป็นได้แค่พี่ชายของข้า เพราะว่า ข้า ข้า”
แพงไม่รู้จะหาทางปฏิเสธอย่างไรให้แก้วเลิกสงสัย เลยเดินหนีไปดื้อๆ
“อีแพง อย่าหนีสิเว้ย”
แพงเดินเลี่ยงแก้วออกมาที่บริเวณใกล้กับโรงครัว เห็นพวกชาวบ้านกำลังช่วยกันเตรียมกับข้าว
แพงเคร่งเครียดไม่รู้จะหาทางเลี่ยงไม่ให้แก้วสงสัยอย่างไร ระหว่างนั้นเรืองเข้ามาใกล้ๆ อุ้มแม่ไก่ที่จะเอามาช่วยทำกับข้าวเลี้ยงแขกมาด้วย แต่แม่ไก่กลับโดดหนีจากมือเรืองวิ่งวุ่นไปหมด เรืองวิ่งไล่ตามตะครุบแม่ไก่จนหน้าคะมำ สร้างเสียงหัวเราะขบขันให้กับชาวบ้านที่มาช่วยงานครัว
เรืองจับแม่ไก่ได้ หน้าตาก็เปรอะเปื้อน แต่เพราะเป็นคนอารมณ์ดีเลยอุ้มไก่โยกไปมาแล้วร้องลำตัดเย้า
“โตงเตงต่องแต่ง เอิงเอย ต่องแต่งโตงเตง ห้อยอยู่คาขั้ว เอิงเอย มันสั่นหัวโคลงเคลง”
พวกชาวบ้านพากันขำหัวเราะเรือง ส่วนแพงนิ่งคิดบางอย่าง จนแก้วตามเข้ามา
“อีแพง ถ้าเอ็งคิดจะหนีไม่ยอมพูดกับข้าล่ะก็ ต่อไปเอ็งก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกับข้า”
“ข้าไม่ได้หนี แต่ข้า ข้าอายที่จะพูดเรื่องนี้กับเอ็งต่างหาก”
“อาย อายอะไรวะอีแพง”
“ก็ข้าแอบชอบผู้ชายคนอื่นอยู่แล้ว ข้าจะไปรักพี่ลออย่างที่เอ็งสงสัยได้ยังไง”
“เอ็งเนี่ยนะแอบชอบผู้ชายคนอื่นอยู่ ใครวะอีแพง”
แพงแกล้งทำหน้าอายไม่กล้าพูด
“ข้าเป็นเพื่อนรักเอ็งนะอีแพง เอ็งบอกข้ามาเถอะ”
แพงแกล้งทำเป็นชำเลืองมองไปที่เรืองซึ่งกำลังอุ้มแม่ไก่เข้ามา แก้วเริ่มสงสัย
“หา นี่เอ็งอย่าบอกนะว่า เอ็งชอบไอ้”
แก้วไม่ทันพูดออกมา แพงก็รีบเอามือปิดปากแก้ว เป็นจังหวะที่เรืองโผล่มา
“อีแพง ข้าเอาแม่ไก่มาช่วยงาน เอ็งเอาไปแกงไก่สิ”
“ขอบใจนะไอ้เรือง เอ็งกินอะไรมารึยังล่ะ”
“ยังเลย”
“งั้นเดี๋ยวข้าไปดูให้นะว่าที่ครัวมีอะไรให้เอ็งกินบ้าง”
แพงยิ้มให้เรือง แกล้งเขินอาย แล้วรีบลากแก้วออกไป เรืองเกาหัวงงๆ
“อีแพงมันไม่สบายรึเปล่าวะ ทำไมวันนี้มันพูดกับเราดีจัง”
แพงดึงแก้วออกมาจากบริเวณครัว
“เอ็งรู้ความลับข้าแล้วก็หุบปากไว้เลยนะอีแก้ว ถ้าปากสว่างพูดให้คนอื่นรู้ล่ะก็ เอ็งกับ ข้าไม่ต้องมาเผาผีกัน เงาก็ไม่ต้องเหยียบด้วย”
“แต่ข้าตกใจนะอีแพง ไอ้เรืองเนี่ยนะ เป็นไปได้ยังไง เคยเห็นแต่เอ็งด่ามัน ถีบมัน ไสหัวมัน ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่ดูแล้วเอ็งจะชอบมันได้เลยสักอย่าง”
“ไว้เอ็งรู้จักชอบผู้ชายสักคนก่อนแล้วค่อยมาตัดสินข้าได้ ว่าไงทำได้มั้ยหุบปากให้สนิท”
ลอเดินเข้ามา
“เอ็งมีเรื่องลับลมคมนัยอะไรกันเหรอวะอีแพง”
แพงชะงัก
“พี่ลอ เอ่อ เปล่าจ้ะ”
“แต่ข้าเพิ่งได้ยินเอ็งคุยกับอีแก้ว ว่าไงอีแก้ว”
“เอ่อ คือ”
แก้วทำท่าเหมือนจะพูด แพงเลยต้องหยิกแก้วแรงๆ จนสะดุ้ง
“อีแก้ว เอ็งบอกจะมาช่วยงานไม่ใช่เหรอ อย่ามายืนอู้อยู่ตรงนี้สิวะ งานมีให้ทำตั้งเยอะ”
แก้วกระซิบ
“ไล่กันอย่างนี้เลยเหรอวะอีแพง เจ็บตูดนะเว้ย”
“เออ จำไว้ให้ดี อย่าได้ปากสว่างพูดเรื่องข้ากับไอ้เรืองให้ใครฟัง ไม่งั้น เลิกคบ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะพี่ลอ ฉันไปนะ”
แก้วรีบเดินออกไป มือก็เกาก้นที่โดนแพงหยิกจนเจ็บ แพงรีบแถเข้าไปควงแขนลอแล้วทำตกใจชี้ที่หัวลอ
“อุ๊ย พี่ลอ หัวพี่มีแต่โคลนเลอะเต็มไปหมดเลย สงสัยจะเลอะตอนอาบน้ำให้ไอ้เปลี่ยว งั้นเดี๋ยวฉันช่วยสระผมให้พี่ลอนะ”
“เอ็งไม่ต้องเสไปเรื่องอื่น ข้าสระผมเองได้ไม่ต้องให้เอ็งช่วย”
“ฉันรู้น่า แต่ฉันสระให้สะอาดกว่านะ พรุ่งนี้พี่ลอจะได้สะอาดหมดจรดตั้งแต่หัวยันตีน ให้คนทั้งทุ่งบ้านสร้างอิจฉาความหล่อของพี่ให้ดิ้นตายเลยไง”
“ปากดี เก่งนักเรื่องปลิ้นปล้อนเฉไฉ พาลให้ข้าขี้เกียจจะเสือกเรื่องเอ็ง”
ลอไสหัวแพงแล้วเดินออกไป แพงอมยิ้มแล้วรีบตาม
อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าเหนือทุ่งบ้านสร้าง เพื่อนเข้ามานั่งลงที่หน้ากระจกส่องหน้า เอียงซ้ายขวา คำพูดของพ่อทำให้อดคิดไม่ได้
“ข้ารู้ งานแค่นี้เอ็งไม่เหนื่อยหรอก แต่ที่นังแรมพูดมาก็ถูก ถึงจะเป็นดอกไม้ที่กำลังมีเจ้าของ ก็ไม่ได้ความว่าความสวยงามของดอกไม้จะต้องลดลง จริงมั้ย”
เพื่อนครุ่นคิด สายตาก็เหลือบไปมองกระเป๋าใส่เสื้อผ้าที่แรมทิ้งเอาไว้ หยิบกระเป๋ามาเปิดดู พบว่าในนั้นมีเสื้อผ้าอยู่หลายชุด เป็นความตั้งใจของแรมที่อยากชวนเพื่อนให้หนีงานหมั้นไปด้วยกัน ระหว่างนั้นเสียงหินกระทบหน้าต่าง พร้อมกับเสียงเรียกของแรมดังแว่วเข้ามา
“นังเพื่อน นังเพื่อน”
แรมอยู่ข้างล่าง พยายามเรียกและเอาหินปาใส่หน้าต่าง เพื่อนเดินมาชะโงกหน้าเห็นแรมก็สงสัย
“พี่แรม พี่กลับมาอีกทำไม”
“ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเอ็งอีก พอดีข้าเพิ่งไปเห็นมา”
“พี่จะไปเห็นอะไรมามันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“เอ็งฟังข้าก่อนเถอะ”
“ไม่ แต่ไหนๆ พี่มาแล้วก็ดี กระเป๋าเสื้อผ้าของพี่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ เดี๋ยวฉันจะเอาลงไปคืนให้”
เพื่อนปิดหน้าต่างห้องนอนอย่างแรง แรมหงุดหงิด
เพื่อน แพง ตอนที่ 6 (ต่อ)
เพื่อนลงมาหาแรมพร้อมกับยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าให้
“เอาเสื้อผ้าของพี่คืนไปเถอะ ยังไงฉันก็ไม่มีทางทิ้งทุ่งบ้านสร้าง ทิ้งผู้ชายที่ฉันรัก แล้วตามพี่ไปพระนครด้วยหรอก”
“ข้าเป็นห่วงแล้วก็เห็นแก่อนาคตของเอ็งนะนังเพื่อน”
“พี่ควรห่วงอนาคตตัวเองดีกว่ามาห่วงฉัน คนที่อกตัญญูได้แม้แต่บุพการีและวิชาชีพตัวเอง ไปอยู่ไหนก็ไม่มีทางเจริญ”
“นังเพื่อน”
“ลากันตรงนี้แล้วกันนะพี่แรม”
เพื่อนจะเดินกลับเข้าบ้านแต่แรมรีบเข้าไปขวาง
“อย่าคิดว่าเชิดหน้าดูถูกข้าแล้วเอ็งจะได้ดีไปกว่าข้าเลย ผู้ชายที่มีดีแค่คำสาบานอย่างไอ้ลอ ไม่มีทางทำให้เอ็งมีความสุขได้หรอก”
“หลบไปพี่แรม”
“ดอกไม้งามของทุ่งบ้านสร้าง ที่ใครๆ เขาก็ชื่นชม หึ เพราะเอ็งมัวแต่ภูมิใจเชิดหน้าชูคอสวยไปวันๆ แบบนี้ไง เอ็งถึงไม่เคยรู้เลยว่าคนใกล้ตัวเอ็งนี่แหละที่คิดหักหลังเอ็ง”
“พี่เอาอะไรมาพูด”
“ก็เอาสิ่งที่ข้าไปเห็นมาเตือนเอ็งให้รู้ตัวซะแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าทีหลัง เพราะเลือกผู้ชายผิดไงนังเพื่อน”
“ถ้าพี่จะมาใส่ความอะไรเพื่อให้ฉันเกลียดพี่ลอแล้วหนีตามพี่ไปพระนครล่ะก็ เสียเวลา”
“งั้นถ้าเอ็งอยากหูหนวกตาบอด เลือกไอ้ลอเป็นผัว แล้วนั่งดูผัวตัวเองไปฟาดน้องสาวเป็น เมียด้วยอีกคนก็ตามใจเอ็ง พี่น้องใช้ผัวคนเดียวกัน คงสนุกพิลึก”
“พี่แรม พี่เอาอะไรมาพูด”
บริเวณท่าน้ำ แพงแหวกว่ายอยู่ในคลองแล้วร้องเรียกให้ลอดูตัวเองกำลังตีโป่งด้วยผ้าถุง
“พี่ลอดูนี่สิ”
“เอ็งชวนข้ามาอาบน้ำ บอกจะสระผมให้ แล้วนี่อะไร มาเล่นตีโป่งให้ข้าดูซะงั้น”
“ก็น้ำมันเย็นชื่นใจ เห็นแล้วอดไม่ได้นี่ โน่นไง พี่ลอไปโหนเชือกโดดลงมาเล่นน้ำกับฉันสิ ฉันอยากดูพี่ลอตีลังกา”
“ข้ากำลังจะมีเมียอยู่แล้ว จะมาโหนเชือกตีลังกาโดดน้ำเล่นกับเอ็งเหมือนเมื่อก่อนได้ไง”
“กับไอ้แค่จะมีเมียทำไมต้องทำโน่นนี่นั่นไม่ได้”
“เอ็งนี่ถามแปลก ผู้ชายมีเมียก็หมายถึงว่า ถึงเวลาต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะหน้าที่ของผัวคือต้องดูแลเมีย ดูแลครอบครัว จะเอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระได้ยังไง”
“โห ฟังแล้วน่าเหนื่อยนะพี่ลอ ไม่เห็นจะสนุกเลย”
“เอ็งก็เห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องสนุก ถึงไม่โตเป็นผู้ใหญ่ซะที”
“ก็ถ้าเป็นผัวเป็นเมียกันแล้วต้องทำงานหนักขึ้น จะทำอะไรที่มันสนุกเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้ มันก็ไม่น่าสนุกจริงๆ นี่พี่ลอ”
“ใครว่าไม่สนุก มันก็มีเรื่องสนุกอย่างที่ผัวเมียเขาสนุกกันนั่นแหละ ยังไม่ถึงเวลาของเอ็ง เอ็งก็ยังไม่รู้หรอกว่ามันสนุกขนาดไหน ฮ่าๆๆ”
“พี่ลอหมายถึง อี๋ พี่ลอทะลึ่ง”
แพงคว้าขันน้ำปาใส่ ลอหลบแล้วหัวเราะชอบใจ แพงอายหน้าแดง
เวลาเดียวกันนั้น แรมยังคงพูดเรื่องของลอกับแพงให้เพื่อนฟัง
“ข้าก็พูดตามที่ข้าไปเห็นมา ไอ้ลอกับอีแพงอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม ใกล้ชิดกันเกินกว่าคนที่คิดกันอย่างพี่อย่างน้อง”
“งั้นพี่ก็เข้าใจผิดแล้วล่ะ อีแพงกับพี่ลอเล่นหัวกันแบบนั้นประจำ คนที่นี่เขาก็เห็นจนชิน”
“คนที่นี่เห็นมันอยู่ด้วยกันแต่เด็กเลยเห็นว่าไม่ผิดปกติ แต่ชายหญิงไม่ได้เป็นพี่เป็นน้องคลานตามกันมา ใกล้ชิดกันขนาดนั้น กล้าเถียงข้ามั้ยล่ะว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“คิดอกุศล”
“หึๆๆ มันคือสันดานของมนุษย์จริงๆ ต่างหาก ไม่ใช่นิยายรักบ้านนอกคอกหน้าอย่างที่เอ็งกำลังฝันอยู่ ตื่นเถอะนังเพื่อน ตื่นมาดูความจริงซะที”
เพื่อนเริ่มนิ่ง ไม่พูดตอบโต้และไม่อยากฟัง แรมยิ่งพูดให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ
“เอ็งอาจจะดูถูกข้าที่ผ่านมือผู้ชายมามากจนไร้ค่าไม่มีราคาเหมือนเอ็ง แต่อย่างน้อยข้าก็ ใจไม่กล้าหน้าไม่ด้านอย่างเอ็งกับอีแพงหรอก สามคนผัวเมีย นัวเนียมั่วกันเองเหมือนหมาครอกเดียวกัน”
“หุบปาก”
เพื่อนเอามือปิดหูแล้ววิ่งออกไปไม่อยากรับรู้ แรมยิ้มชอบใจ
ลอนั่งตรงบันไดท่าน้ำ ให้แพงเริ่มเอาสบู่มาขยี้หัวเพื่อสระผมให้
“โอ๊ย เบาๆ หน่อยสิวะอีแพง ผมบนกบาลข้าไม่ใช่ขนไก่ให้เอ็งถอนเล่นนะเว้ย”
“พี่ลอก็อยู่เฉยๆ สิ นั่งนิ่งๆ ฉันจะได้สระผมให้พี่ได้”
“แต่นี่มันใกล้จะค่ำ ข้าชักหนาวแล้วนะเว้ย บรื้อ”
“ใจเสาะ กับอีแค่ลมพัดเย็นๆ แค่นี้ ทีเวลายื่นหน้าไปเอาเรื่องกับไอ้คนแปลกถิ่นที่จะ เล่นงานฉัน ไม่เห็นพี่ลอจะใจเสาะเลย”
ลอนิ่งไป
“ว่าแต่ตาลุงขี้หงุดหงิดเมื่อเช้านั่น เป็นใครเหรอ ไม่คุ้นหน้าเลย ดูไม่ใช่คนบ้านสร้างแน่”
“ข้าไม่รู้จักเขา”
“แต่พี่ลอคุยกับเขาเหมือนรู้จักมาก่อนเลยนะ แล้วไหนพี่ลอยังลากฉันไม่ให้ไปยุ่งด้วยอีก”
“ข้าบอกว่าไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก เอ็งยังมาเซ้าซี้อีก พอๆๆ ไม่ต้องสระผมให้ข้าแล้ว”
“ก็ได้ๆ ไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก แค่นี้ก็ทำอารมณ์เสียใส่ฉัน”
“ข้าไม่ได้อารมณ์เสีย แต่ข้ารำคาญเอ็งพูดมาก เจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง ถ้าปากว่างมากนักก็ร้องเพลงให้ข้าฟังยังดีซะกว่า”
“พี่ลออยากฟังฉันร้องเพลงเหรอ”
“เปล่า แค่ดีกว่าฟังเอ็งพูดมากให้น้ำลายกระเด็นลงหัวข้า”
“พี่ลอ เชอะ”
แพงขยี้หัวลอด้วยฟองสบู่จนเต็ม อมยิ้มน่ารัก
เพื่อนเดินมาตามทางจะไปท่าน้ำ สีหน้าเคร่งเครียด
ครุ่นคิดถึงคำพูดของแรมที่พูดเรื่องสามคนผัวเมีย เพื่อนกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ โกรธแค้นแรมที่พูดจาดูถูก แต่ระหว่างนั้นเสียงร้องเพลงของแพงลอยมา
“โอบอย มายดาร์ลิ่ง คัมมิ่งทูมี โอเกิลลี่ เดียร์ลี่ โรสิตา”
เพื่อนสงสัย เดินตามเสียงแพงไปที่ท่าน้ำ แล้วจึงเห็นภาพแพงกำลังสระผมให้ลอไปร้องเพลงไป อย่างสำราญอารมณ์ดีทั้งคู่ โดยเฉพาะลอที่ฟังแพงร้องเพลงดูมีความสุข
“โอมายดาร์ลิ่ง เวทติ้ง ฟอร์มี เวทติ้งโอนลี่ โอนลี่ คาร์มิโนเลีย ติดติตี้ ติดติตี้ ติดตี”
“แต๊ดแตแต้ แต๊ดแตแต้ แต๊ดแต”
“แต๊ดแตแต้ แต๊ดแตแต้ แต๊ดแต”
แพงอมยิ้มชอบใจ ร้องซ้ำอีกรอบโดยมีลอช่วยร้อง สร้างเสียงหัวเราะ สนุกสนานให้กับทั้งคู่ จนเพื่อนอดรู้สึกถึงพิรุธความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้
“พี่ลอเก่งจัง ร้องเพลงฝรั่งตามฉันได้แล้ว”
“ข้าก็ร้องแค่ แต๊ดแตแต้ แต๊ดแตแต้ แต๊ดแต แค่นั้น ไม่เห็นจะยากเลยอีแพง”
“งั้นเอาไว้ฉันจะสอนให้พี่ลอร้องทั้งเพลงเอามั้ย เวลาพี่ลอร้องเพลงฝรั่งเป็น คนเขาจะได้ เห็นว่าพี่ลอไม่ธรรมดา”
“โอ๊ย ข้าไม่เอาหรอก ข้าไม่ชอบร้องเพลง ข้าชอบเป่าขลุ่ยมากกว่า แล้วอีกอย่าง ข้าไม่ ชอบให้ใครมามองว่าข้าต้องดูเป็นคนมีความรู้ ดูอวดเก่งอะไร ที่ข้าเป็นไอ้ลออย่างทุกวันนี้ ข้าก็มีความสุขแล้ว แต่เอ็งไม่ใช่ เอ็งมันฉลาด ข้าถึงอยากเห็นเอ็งมีอนาคตที่ดี”
แพงมองลอด้วยความชื่นชม มือก็ยังนวดผมเบาๆ ให้ลอโดยไม่รู้ว่าเพื่อนกำลังจับตามองอยู่
“พี่ลอก็เป็นอย่างนี้แหละ ห่วงคนอื่นก่อนจะห่วงตัวเองเสมอ ยอมเจียดเงินซื้อแหวนหมั้นไปจ่ายให้เขาเปิดเพลงฝรั่งให้ฉันฟัง ถ้าไม่ให้ฉันรักพี่ลอแล้วจะให้ฉันไปรักหมาที่ไหน”
“แต่ข้ารักไอ้เปลี่ยวมากกว่ารักเอ็งนะอีแพง”
“พี่ลอ”
แพงงอนงอน เอาน้ำสาดโครม ลอร้องเพราะน้ำเย็นมาก
“อีแพง หนาวนะเว้ย เออ รักเอ็งมากกว่ารักไอ้เปลี่ยวก็ได้เว้ย”
แพงยิ้มชอบใจ อารมณ์ดีกับคำพูดของลอ แต่เสียงเพื่อนก็ดังเข้ามา
“พี่ลอ อีแพง”
ลอกับแพงชะงัก หันไปเห็นเพื่อนมองด้วยความไม่พอใจ เพื่อนหน้าตึงเดินเข้ามาหาทั้งคู่
“จะมืดจะค่ำอยู่แล้วมัวมาทำอะไรกันอยู่ที่นี่”
“เอ้า พี่เพื่อนก็ถามแปลกเนอะ เห็นอยู่แล้วยังถามอีก”
“อีแพง เอ็งอย่ามาย้อนข้า ดูสารรูปเอ็งสิ นุ่งผ้าถุงมายืนสระผมให้พี่ลอ ถ้าชาวบ้านเขาผ่านไปมาเห็นเข้า เขาจะคิดยังไง”
“ไม่เห็นมีอะไรให้คิดเลยนี่พี่เพื่อน ฉันก็แค่สระผมให้พี่ลอ พรุ่งนี้จะได้ตัวหอมๆ หล่อๆ พร้อมเป็นเจ้าบ่าวไปหมั้นพี่ไง”
“ข้าเตือนเอ็งดีๆ แต่ยังเถียงข้าไม่ตกฟาก มันจะมากไปแล้วอีแพง ข้าเป็นพี่เอ็งไม่ใช่หัวหลักหัวตอ”
เพื่อนปรี่เข้าไปกระชากแขนแพงอย่างแรงให้ออกห่างจากลอ
“แม่เพื่อน อย่าไปทำอะไรอีแพงมันเลย”
“หยุดเลยนะพี่ลอ พี่ลอก็ด้วยนั่นแหละ พรุ่งนี้จะมาหมั้นฉันแล้ว ยังมานั่งจ๊ะจ๋ากับอีแพง มันน้องสาวฉันนะพี่ เดี๋ยวนี้มันก็ไม่ใช่เด็กแล้ว คิดบ้างสิว่าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แม่เพื่อน พี่ว่าไปกันใหญ่แล้ว อีแพงมันแค่สระผมให้พี่ ไม่ได้มีอะไรเลยเถิด”
“ก็ถ้าฉันไม่เข้ามาซะก่อนมันก็คงจะเลยเถิดไปไหนต่อไหนแล้วน่ะสิ”
แพงไม่พอใจ
“พี่เพื่อน พี่จะดูถูกฉันกับพี่ลอเกินไปแล้ว พี่ลอเขารักพี่ ฉันก็รักพี่ พวกฉันไม่มีทางทำเรื่องบัดสีอย่างนั้นหรอก”
“พี่ลอกับเอ็งไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ แล้วเอ็งก็อิจฉาข้ามาตลอด ข้าไม่อยากรอให้เกิดเรื่อง อุบาทว์ขึ้นหรอกอีแพง”
“พี่เพื่อน ฉัน ฉันไม่คิดเลยว่าพี่ พี่จะจะดูถูกน้องสาวตัวเองได้ขนาดนี้”
แพงน้ำตาคลอ วิ่งกลับขึ้นตลิ่งไป
“อีแพง”
“ไม่ต้องตามไปเลยนะพี่ลอ แล้วก็อย่าให้ฉันเห็นพี่กับมันมาทำอะไรแบบนี้อีก”
เพื่อนขึ้นเสียงใส่แล้วรีบตามแพงไป ลอชะงักอึ้ง
แพงเดินน้ำตาคลอเสียใจ เพื่อนรีบตามมาไม่หยุดสั่งสอนน้อง
“อีแพง ข้ายังสั่งสอนเอ็งไม่จบ อย่าเดินหนี”
“ฉันไม่ต้องอยู่ฟังพี่สั่งสอนอะไร เพราะที่พี่พูดมาทั้งหมด พี่คิดอกุศลของพี่เอง”
“ข้าไม่ได้คิดเองคนเดียว ถ้าไม่มีคนมาเตือนข้า ข้าก็คงไม่ได้เห็นกับตาหรอกว่าเอ็งกล้าบอกรักพี่ลอทั้งๆ ที่พรุ่งนี้เขากำลังจะหมั้นกับข้า”
“พี่เพื่อน ฉันบอกรักพี่ลอจริง แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่ฉันเคยพูดกับพี่กับพี่ลอ ตอนฉันปีนต้นตาลตกลงมา พี่กับพี่ลอแบกฉันไปทำแผล ฉันก็บอกรัก ตอนฉันออกไปจับหนูนาแล้วโดนงูกัด พี่กับพี่ลอช่วยฉันไว้ ฉันก็บอกรัก แล้วทำไมมาวันนี้พี่ถึงมาคิดกับฉันได้ขนาดนี้”
“เพราะเดี๋ยวนี้เอ็งไม่ใช่เด็กคอยวิ่งตามข้ากับพี่ลอ และพี่ลอก็เป็นคู่หมั้นของข้า ไม่มีใคร บอกรักเขาได้นอกจากข้าคนเดียว”
“แต่พี่ลอไม่ใช่สิ่งของของพี่เพื่อนที่จะมาห้ามไม่ให้ฉันไปยุ่งไปแตะได้ พี่ลอเป็นพี่ฉันด้วย เขาช่วยชีวิตฉัน เขาเลี้ยงฉัน เขาดูแลฉัน จะให้ฉันอยู่ห่างๆ เขา ฉันทำไม่ได้หรอก”
“แต่เอ็งก็ต้องทำ เพราะข้าไม่อยากโดนดูถูกว่าอีเพื่อนมันโง่ น้องสาวกับผัวมันเตรียมจะสวมเขาให้ มันก็ยังโง่ไม่รู้ตัว เข้าใจมั้ยอีแพง”
“ใคร ไอ้อีคนไหนที่เอาความคิดชั่วๆ แบบนั้นมาพูดกับพี่”
“เอ็งไม่ต้องเสือกอยากรู้ รู้ไว้แค่อย่าแม้แต่จะคิดแย่งพี่ลอไปจากข้า แล้วต่อไปนี้ไม่ว่าเขาจะอยากกินอะไร อยากทำอะไร ข้าคู่หมั้นเขาจะทำให้เอง เอ็งไม่ต้องเสือกเสนอหน้า”
เพื่อนจิ้มหน้าผากไสหัวแพงจนเซเพื่อย้ำให้จำ ระหว่างนั้นพิศเข้ามา
“พวกเอ็งทะเลาะอะไรกันอีก อีแพง เอ็งเป็นตัวหาเรื่องอีกใช่มั้ย จะเว้นสักวันให้พวกข้าหายใจหายคอบ้างไม่ได้เหรอไง”
“ไม่มีอะไรหรอกพ่อ ฉันกำลังสอนมันให้รู้ว่าอย่าคิดแย่งของๆ ฉัน”
“มันจะแย่งของอะไรเอ็งเหรอนังเพื่อน”
“เสื้อผ้าสวยๆ ของฉันจ้ะ แต่มันรับปากแล้วว่าจะไม่ยุ่ง ว่าแต่พ่อเถอะออกมาทำไม”
“ข้าเห็นหลัดๆ ว่านังแรมมาหาเอ็ง เลยอยากรู้ว่ามาทำไม”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะพ่อ พี่แรมเขาลืมของไว้ที่ฉันน่ะจ้ะ เข้าบ้านกันเถอะ จะมืดแล้ว”
เพื่อนชวนพ่อเข้าบ้าน แพงยืนน้ำตาคลอ และได้รู้ว่าใครที่เป็นคนเสี้ยมเรื่องของตัวเองกับลอให้เพื่อนฟัง
“พี่แรม”
เรืองร้องลำตัดแล้วรำท่าโขนเก้งๆ กังๆ อยู่ที่บ้าน
“โตงเตงต่องแต่ง เอิงเอย ต่องแต่งโตงเตง ห้อยอยู่คาขั้ว เอิงเอย มันสั่นหัวโคลงเคลง”
แสงรำคาญ
“โว้ย เมื่อไหร่เอ็งจะเลิกร้องลำตัดที่ฟังแล้วมันคันฝ่าตีนข้าซะทีวะไอ้เรือง”
“ก็ฉันชอบของฉันนี่จ๊ะพ่อ ถ้าฟังแล้วคันฝ่าตีน พ่อก็หาที่เกาสิจะได้หายคัน”
“อ๋อเหรอ งั้นข้าขอเกาบนหน้าเอ็งแล้วกันนะไอ้เรือง”
“เย้ย ไม่เอาน่าพ่อ วันนี้ฉันอารมณ์ดีอย่าให้ฉันอารมณ์เสีย”
“วะไอ้นี่ ข้าเป็นพ่อเอ็งนะเว้ย”
“โธ่พ่อ เอาน่า เรื่องที่ฉันอารมณ์ดีเนี่ย มันดีจริงๆ นะ แล้วถ้ามันดีแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ ล่ะก็ อีกหน่อยพ่อคงได้อุ้มหลาน”
“เฮ้ย ไอ้เรือง เอ็งไปปล้ำสาวที่ไหนมา ข้าสอนเอ็งแล้วใช่มั้ย อย่าชิงสุกก่อนห่าม”
“ยังพ่อ ฉันไม่ได้ไปปล้ำใคร มือฉันก็ยังไม่เคยจับ หอมสักนิดก็ยังไม่เคย ก็แค่เขาดีกับฉัน พูดหวานกับฉัน หาข้าวหาปลามาให้ฉันก็แค่นั้นเอง”
เรืองพูดไปแล้วตาลอยเคลิ้มยิ้มหวาน จนแสงยิ่งอยากรู้
“ถึงกับทำเอาเอ็งตาลอยเลยเหรอวะไอ้เรือง อีสาวคนนั้นใครวะ”
“ฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้หรอกพ่อ รอให้ฉันมั่นใจกว่านี้ก่อนว่าเขาก็ชอบฉันเหมือนกัน แล้วฉันจะบอก เพราะเดี๋ยวพ่อเอาไปโพนทะนา ไก่จะตื่นแล้วฉันจะชวด”
“ถุย ทำเป็นลับลมคมนัย นังแรม ทำไมเพิ่งกลับมาล่ะ”
“อย่าเพิ่งมาถามอะไรฉันเลยพ่อ ฉันกลับมาเหนื่อยๆ อยากนอนแล้ว”
แรมเดินเข้าไปเลย แสงมองอย่างสงสัย
เรืองเดินฮัมเพลงประจำติดปากลงมาจากเรือน แต่ร้องยังไม่ทันจบท่อนก็รู้สึกเหมือนมีใครหลบ อยู่หลังเสาใต้ถุน
“ใครวะ”
เรืองเพ่งไปที่หลังเสาเรือนเพราะมั่นใจว่ามีคนอยู่ตรงนั้น แต่พอเดินเข้าไปกลับไม่เจอใคร
“สงสัยจะตาฝาด”
เรืองไม่ติดใจสงสัยเลยเดินออกไป คล้อยหลังเรือง แพงที่มีผ้าคลุมหัวแอบซุ่มอยู่ มองขึ้นไปบนบ้านแสง
“เรื่องก็ไม่ใช่เรื่องตัว แต่ชอบสอดไม่เข้าเรื่อง รู้จักอีแพงน้อยไปแล้วพี่แรม”
แพงแอบยิ้มร้าย ชูกิ่งหมามุ่ยขึ้นมา
แรมเข้ามานั่งหน้ากระจกในห้องนอน หยิบเอาเงินที่ได้จากการเอาเครื่องดนตรีของพ่อไปขายขึ้นมา แล้วกระหยิ่มยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ ระหว่างนั้นเสียงพ่อดังเข้ามา
“แรม แรม”
แรมชะงักกลัวพ่อเห็นเงินเป็นฟ่อนที่ได้มาจากการเอาเครื่องดนตรีของพ่อไปขาย เลยจะรีบหาที่ซ่อนแต่ไม่ทัน เพราะพ่อเปิดประตูเข้ามา แรมเลยต้องลุกขึ้นยืนเอาตัวบังเงินไว้
“พ่อเข้ามาทำไม ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเหนื่อยอยากนอนพัก”
“พ่อขอโทษ แต่เห็นเอ็งหายไปทั้งวัน พ่อก็แค่อยากรู้ว่าเครื่องดนตรีที่เอ็งเอาไปซ่อมให้ เขาจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่”
“อะไรกันพ่อ เพิ่งจะเอาไปไม่ทันวันก็มาถามแล้ว”
“ก็ไม่ได้อยากใจร้อนไปเร่งเขาหรอกนังแรม แต่พอไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือไว้ซ้อมแล้ว มือไม้มันคัน ไม่รู้จะทำอะไร”
“ก็จับจอบจับเสียมไปทำไร่ทำนาสิพ่อ จะได้ไม่ว่าง หรือไม่ก็ช่วยฉันทำงานบ้านก็ได้”
“เอ็งก็บอกมาสิว่าเมื่อไหร่”
“สักอาทิตย์มั้ง”
“นานขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แค่อาทิตย์เดียวไม่ลงแดงตายหรอกพ่อ ออกไปได้แล้ว ฉันจะไปล้างเนื้อล้างตัว แล้วมานอนแล้ว”
แรมรีบไล่พ่อให้ออกไปจากห้อง แต่แสงเหลือบไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่บนเตียง
“แล้วเอ็งเอากระเป๋าเสื้อผ้าออกมาทำอะไร เอ็งจะไปไหนเหรอ”
“เปล่า ไม่ได้ไปไหนหรอก ฉันเอาเสื้อผ้าออกมาจัดเฉยๆ ออกไปเถอะพ่อ ฉันเหนียวตัวจะแย่”
แรมดันพ่อไปส่งที่หน้าประตู แล้วปิดประตูเข้ามา มองเงินกับกระเป๋าเดินทาง
“ท่าทางพ่อสงสัยแบบนั้น ขืนเก็บเอาไว้ในบ้านมีหวังเรื่องแดงแน่”
แรมถือกระเป๋าเดินทางแอบออกมาที่หลังบ้านและระวังตัวแจ
แพงดักรออยู่แล้วพอเห็นแรมออกมาก็คิดจะเล่นงานด้วยหมามุ่ยที่เตรียมไว้ แต่พอเห็นแรมหิ้วกระเป๋า พร้อมห่อผ้าบางอย่างออกมาอย่างลับๆ ล่อๆ ก็สงสัย อยากรู้อยากเห็น จึงเดินตามแรมไปเงียบๆ จนถึงบริเวณพงไม้ลับตาคน แรมก็เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาซุกซ่อนไว้ และห่อผ้าที่ห่อเงินเอาไว้เป็นปึก แพงเห็นก็ตกใจ เงินมากมาย แรมเอากิ่งไม้มาทับซ่อนมิดชิด
“เจ้าประคู้น ขอให้พรุ่งนี้นังเพื่อนตัดสินใจตามไปพระนครด้วยเถอะ อีแรมจะได้สุขสบายซะที จะไม่กลับมาเหยียบบ้านสร้างอีกตลอดชีวิต”
แพงตกใจ แรมยิ้มพอใจแล้วรีบเดินกลับ แพงยังไม่หายตกใจ
“พี่เพื่อน”
เพื่อนกำลังหวีผมอยู่หน้ากระจกพยายามเฉยเมยไม่สนใจเสียงลอที่เคาะประตูเรียก
“แม่เพื่อน แม่เพื่อนจ๋า ให้พี่ได้คุยกับแม่เพื่อนหน่อยเถอะ แม่เพื่อนจ๋า แม่เพื่อน”
“กลับไปเถอะพี่ลอ นี่มันเวลาที่ควรต้องกลับไปหลับพักผ่อนกัน”
“แต่พี่ร้อนใจ ที่แม่เพื่อนคิดกับพี่กับอีแพงแบบนั้น”
เพื่อนยังนิ่งทำเหมือนไม่สนใจ ระหว่างนั้นพิศเดินเข้ามาอย่างสงสัย
“นี่เอ็งยังอยู่ที่นี่อีกเรอะไอ้ลอ”
“อาพิศ เอ่อคือ”
“ไม่ต้องมาอ้างอะไรเลย ข้ารู้ว่าเอ็งใจร้อนอยากหมั้นนังเพื่อนมันใจจะขาด แต่ไว้พรุ่งนี้เอ็งค่อยมาเจอหน้า ทำให้มันถูกต้องตามประเพณี”
“แต่”
“ไม่ต้องมาตงมาแต่ ไปๆๆๆ”
พิศทั้งดันทั้งไล่ลอให้ออกไป ลอเดินคอตกตาละห้อยลงจากเรือนไป ครู่หนึ่งเพื่อนเปิดประตูออกมา
“พี่ลอไปแล้วเหรอจ๊ะพ่อ”
“เออ ข้าไล่ให้มันกลับไปเมื่อกี้เอง”
เพื่อนครุ่นคิด
ลอเข้ามานั่งเซ็งๆ หงุดหงิด อยู่ที่กระท่อม มองถุงผ้าเล็กๆ ที่ใส่แหวนทองวงเล็กของหมั้นเพื่อน แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากข้างนอก
“ใคร”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา ลอเริ่มสงสัยและระแวงเลยปรี่ไปคว้ามีดที่เสียบอยู่ข้างฝาเรือน แต่ไม่ทันจะชักออกมา เสียงขึ้นไกปืนก็ดังมาจากข้างหลัง
“เก็บมีดของเอ็งไปเถอะไอ้หลานรัก”
“อามิ่ง”
“ข้าสั่งให้เอ็งเก็บมีด อย่าคิดใช้มันกับผู้มีพระคุณ ไม่งั้นเอ็งจะได้ชื่อว่า ไอ้อกตัญญู”
“ฉันอาจเป็นหนี้บุญคุณที่อาเคยดูแลฉัน แต่อาไม่ใช่เจ้าชีวิตฉัน”
ลอชักมีดออกจากฝักแต่ไม่ทัน มิ่งใช้ด้ามปืนทุบเข้าไปที่ต้นคอลอทันที ลอสะดุ้งเฮือกแล้วทรุดลงนิ่ง มิ่งมองแล้วส่ายหน้าถอนใจ
เพื่อนเอาผ้ามาคลุมไหล่และกำลังจะเดินลงบันไดเรือน แต่ระหว่างนั้นเสียงแพงดังขึ้น
“พี่เพื่อนจะไปไหน”
เพื่อนชะงัก
“อีแพง เอ็งออกมาทำอะไรตรงนี้”
“ก็มาเฝ้าไม่ให้พี่เพื่อนคิดจะทิ้งพี่ลอไปน่ะสิ”
“เอ็งเอาอะไรมาพูด”
“ฉันรู้แล้วว่าที่พี่แรมมาหาพี่วันนี้เพราะอะไร พี่กล้าทำด้วยเหรอพี่เพื่อน พี่ลอรักพี่จนพร้อมยกชีวิตให้ แต่พี่กลับไม่รู้สึกรู้สา ไม่สงสารพี่ลอแม้แต่นิดเดียว”
“อีแพง ข้าไม่รู้ว่าเอ็งไปรู้เรื่องนี้มาได้ยังไง แต่ข้าบอกได้คำเดียว ข้าไม่คิดจะทิ้งพี่ลอไปไหน เว้นซะแต่ว่า พี่ลอกับเอ็งจะรวมหัวกันทำร้ายใจข้า”
“ไม่มีทางหรอกพี่เพื่อน พี่แรมเขาเอาเรื่องนั้นมาป้ายสีฉันกับพี่ลอ เพราะอยากให้พี่ไปพระนครกับเขา จะเอาฉันไปสาบานเจ็ดวัดเจ็ดวา ฉันก็ไม่มีทางคิดแย่งพี่ลอไปจากพี่ ฉันขอแค่ได้อิ่มใจที่เห็นคนที่ฉันรักทั้งสองคนมีความสุข แล้วจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ จริงๆ นะพี่เพื่อน จริงๆ นะ”
เพื่อนนิ่งครุ่นคิด ระหว่างนั้นได้ยินเสียงพิศไอโขลกๆ มาจากบนเรือน
“เอ็งขึ้นไปอยู่กับพ่อได้แล้วอีแพง”
“แล้วพี่เพื่อนจะไปไหน”
“ฟังความเอ็งข้างเดียว ข้ายังไม่เชื่อใจ พี่ลอต้องยืนยันกับข้าเหมือนกัน ไปได้แล้ว”
แพงยังอ้อยอิ่งไม่ยอมขึ้นไป เพื่อนต้องผลักแขนให้ขึ้น จากนั้นเพื่อนก็รีบเอาผ้าคลุมหัวเดินออกไป
ลอสลึมสลือรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่หมดสติไปได้ครู่ แล้วพบว่าตัวเองถูกจับมัดเอาไว้กับเสา
“รู้สึกตัวแล้วเหรอไอ้หลานรัก”
“อามิ่ง จะทำอะไรฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“อยู่เฉยๆ บ้างเถอะวะไอ้ลอ อย่าให้ต้องออกแรงกับเอ็งเยอะ ข้าไม่ค่อยชอบเห็นเอ็งเจ็บตัวเท่าไหร่หรอก”
“อาทำอย่างนี้ทำไม ยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมไปกับอา”
“ข้ารู้ว่าข้าคงเปลี่ยนใจเอ็งได้ไม่ง่าย เพราะข้ามันพลาดเองที่ปล่อยให้ไอ้เทิดพาเอ็งมา แต่ความหวังของข้าก็ยังมีแค่เอ็ง คนที่ข้าไว้ใจได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”
“อะไรก็เปลี่ยนฉันไปจากคำสาบานไม่ได้หรอกอามิ่ง”
“คำสาบานต่อหน้าพระของพ่อเอ็งนี่น่ะเหรอ”
มิ่งมองไปที่พระซึ่งห้อยคอลออยู่ ยิ้มแล้วกระชากพระจากคอลอขาดคามือ ลออึ้ง
“อามิ่ง คืนพระของพ่อฉันมาเดี๋ยวนี้”
“พระองค์นี้มันไม่เหมาะกับเอ็งหรอกไอ้ลอ ข้ามีของที่มันเหมาะกับเอ็งมาให้ คิดว่ายังไง เอ็งก็ต้องใช้ เอ็งจะได้ไม่โดนคนอื่นเขาดูถูก”
มิ่งพูดพร้อมกับเอาห่อผ้าหนักๆ ห่อหนึ่งมาวางกองตรงหน้าลอ ทันทีที่มิ่งแกะปมผูกห่อผ้าออก ลอก็อึ้งไป เพราะในห่อผ้านั้นเต็มไปด้วยสายสร้อยทองคำ เข็มขัดนาก แหวนและของมีค่ามากมาย มิ่งยิ้มภูมิใจ ลอมองสมบัติมีค่าพวกนั้นสายตาเหมือนสนใจ แต่ขณะเดียวกัน ก็แอบพยายามแก้มัดมือตัวเอง
บริเวณไม่ไกลจากกระท่อม เพื่อนกำลังจะมาหาลอ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนคุยกันเลยหยุดดู เห็นลูกน้องมิ่งสองคนที่มายืนดูต้นทางกำลังคุยกัน เพื่อนจำได้ว่าเป็นใคร
“ข้าไม่เห็นด้วยกับพี่มิ่งเลย ถ้าไอ้ลอไม่อยากไปกับพวกเรา ก็ไม่เห็นต้องเสียเวลากับมัน”
“เอ็งอย่าพูดแบบนี้ให้พี่มิ่งได้ยินเชียว ไม่งั้น เอ็งโดนเด็ดหัวทิ้งแน่”
“แต่ข้าเสียดายสมบัติพวกนั้น อุตส่าห์ปล้นมาได้เหนื่อยแทบตาย แต่พี่มิ่งดันแบ่งมาให้ไอ้ลอเอาไปหมั้นสาว เสียดายจริงๆ เถอะวะพับผ่า”
เพื่อนชะงัก ลูกน้องได้ยินเสียงเหยียบกิ่งไม้
“ใครวะ”
เพื่อนชะงักมองที่ขาตัวเองที่เผลอเหยียบกิ่งไม้เสียงดัง
เพื่อน แพง ตอนที่ 6 (ต่อ)
ลอพยายามออกแรงบิดไปมาจนปมเชือกเริ่มคลายมากขึ้น
“สมบัติข้าวของมีค่าพวกนี้ข้าอยากให้เอ็งเอาไปหมั้นสาวพรุ่งนี้”
“นั่นมันของที่อาปล้นเอามาจากคนบริสุทธิ์ กี่คนแล้วที่ต้องตายเพราะคมดาบของอา แล้วอายังกล้าเอามาให้ฉันอีกเหรอ”
“เอ็งอย่าเจ้ายศเจ้าอย่างไปหน่อยเลยไอ้ลอ ดูตัวเองซะบ้างเถอะ ไอ้เทิดมันทิ้งอะไรไว้ให้เอ็งบ้าง นอกจากไอ้กระท่อมเก่าๆ กับพระองค์นี้แค่องค์เดียว ที่นาสักผืนให้เอ็งไว้ทำมาหากินก็ยังไม่มี ต้องไปทำงานเป็นวัวเป็นควาย เป็นขี้ข้าให้เขาใช้งานเพื่อแลกเมีย ข้าเห็นแล้วมันสมเพช ทนไม่ได้เว้ย”
“พ่ออาจจะไม่มีสมบัติอะไรไว้ให้ฉัน แต่แค่ที่คุ้มกะลาหัวกับพระองค์เดียวนี่แหละ คือสมบัติที่มีค่าที่สุดของพ่อแล้ว พระองค์นั้นคือคำสอนให้ฉันเป็นคนดี”
“เป็นคนดีอย่างพ่อเอ็งแล้วสุดท้ายก็ถูกยิงตาย โดนดูถูกไปทั้งชีวิตน่ะเหรอ ถุย”
“แค่เป็นคนดีหมั่นทำดี นั่นก็คือความสุขที่ร่ำรวยที่สุดในชีวิตแล้ว ยิ่งทำดีมากก็รวยสุขมาก นั่นแหละความร่ำรวยที่ใช้ได้ไม่มีวันหมด”
“ไอ้ลอ”
มิ่งไม่พอใจ ลอก็ตอบโต้ด้วยสายตาไม่อ่อนข้อและไม่ยอมให้ความชั่วมาชนะความดีที่ยึดมั่นถือมั่น ระหว่างนั้นเสียงร้องของเพื่อนดังแทรกเข้ามา
“พี่ลอ ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย”
“แม่เพื่อน”
เพื่อนพยายามวิ่งหนีพวกลูกน้องมิ่ง แต่สะดุดล้ม พวกลูกน้องเข้ามาดักหน้าหลัง
“พี่ลอ พี่ลอ ช่วยฉันด้วย พี่ลอ”
พวกลูกน้องยิ้มร้ายแล้วเข้าไปล็อคตัว คนหนึ่งเอามือปิดปากเพื่อนไม่ให้ส่งเสียง ลอพยายามจะลุก แต่ปมที่มัดข้อมือเอาไว้ยังไม่คลายออกหมด
“แม่เพื่อน แม่เพื่อน”
“อยู่เฉยๆ เลยไอ้ลอ คู่หมั้นเอ็งไม่เป็นอะไรหรอก มันคงอยากมาหาเอ็งเลยโดนลูกน้องข้า คุมตัวเอาไว้ก็แค่นั้น”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้อามิ่ง สันดานโจรอย่างพวกลูกน้องอา ถ้ามันทำร้ายแม่เพื่อนแม้แต่นิดเดียว ฉันเอาตายแน่”
“ข้ารับรองความปลอดภัยของคู่หมั้นเอ็ง เชื่อใจข้าเถอะไอ้ลอ ถ้าเอ็งรับปากว่าจะเอาสม บัติพวกนี้ไปเป็นสินสอดทองหมั้น ข้าก็จะได้หมดธุระหายห่วงเอ็งไปเปราะ”
“เอาของๆ อากลับไป ฉันไม่รับ แม้แต่เศษสตางค์สักแดงฉันก็ไม่รับ”
“งั้นข้าคงต้องจัดการกับความดื้อหัวแข็งของเอ็งซะหน่อยแล้วไอ้ลอ”
มิ่งยิ้มร้ายแล้วออกไป ทิ้งลอให้เป็นห่วงเพื่อน
“อามิ่ง อย่าทำอะไรแม่เพื่อนนะ อามิ่ง”
ลอยิ่งพยายามบิดข้อมือแต่ก็ไม่หลุด จนเหลือบเห็นมีดซึ่งวางอยู่ไม่ไกล
เพื่อนถูกลูกน้องมิ่งล็อคตัวเอาไว้ แม้จะพยายามดิ้นและร้องก็สู้แรงพวกนั้นไม่ได้ มิ่งเดินเข้ามา
“เฮ้ย เบาๆ กับหลานสะใภ้ของข้าหน่อยสิวะ”
“นังนี่มันฤทธิ์เยอะนะพี่มิ่ง ขืนไม่เอาจริงมีหวังมันเล่นงานเอาเจ็บตัว”
“หึ หน้าตาสวย แต่ไม่ธรรมดาแบบนี้สิวะถึงเหมาะเป็นหลานสะใภ้ของข้า”
มิ่งยิ้มพอใจเข้าใกล้เพื่อน ลูกน้องปล่อยมือที่ปิดปากเพื่อนออกเพื่อให้คุยกับมิ่งได้สะดวก
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้โจรห้าร้อย”
“จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่าแม่เพื่อนคนสวยแห่งทุ่งบ้านสร้าง คราวที่แล้วที่เราเจอกัน ฉันยังไม่รู้ว่าเป็นใคร เลยลงไม้ลงมือไปบ้าง ยังไงอาก็ต้องขอโทษด้วย”
“ฉันไม่อยากรู้จักกับแก ปล่อยฉัน”
“ชื่อเสียงฉันอาจจะดูน่ากลัว แต่สำหรับคนที่จะมาเป็นญาติกับฉัน ฉันรับปากว่าจะไม่แตะต้องเธอ ถ้าเธอรับปากว่าจะไม่พยศ แล้วทำตัวเป็นเด็กดีกับฉัน”
เพื่อนนิ่งไปไม่พยายามขัดขืน มิ่งเห็นสงบยอมฟังแล้วก็พยักหน้าให้ลูกน้องปล่อยมือจากที่ล็อคไว้ เพื่อนปรี่เข้าไปตบหน้ามิ่งทันที
“แกทำอะไรพี่ลอของฉัน”
มิ่งชะงักหน้าหัน ลูกน้องตกใจชักดาบจะเอาเรื่อง แต่จังหวะนั้น ลอปามีดใส่ลูกน้องมิ่งจนมีดปักที่หัวไหล่ เพื่อนหันขวับเห็นลอมาช่วยก็ดีใจ
“พี่ลอ”
เพื่อนรีบวิ่งไปหา ลอเข้าไปรับตัวเอาไว้แล้วชูดาบขึ้นขู่พวกมิ่ง พร้อมโยนห่อผ้าที่มีสมบัติมีค่าอยู่ในนั้นลงพื้นคืนให้
“เอาของๆ อาคืนไป แล้วเอาพระของพ่อฉันคืนมา”
“ไอ้ลอ”
“ฉันบอกให้เอาพระของพ่อคืนมา”
“ของพวกนั้น ข้าเอามาให้ ก็เท่ากับเป็นของเอ็งแล้ว เอ็งควรรับไว้เพราะข้าคงจะไปเป็น เถ้าแก่สู่ขอนังเพื่อนให้เอ็งไม่ได้”
“ฉันไม่ต้องการ เอาพระของพ่อคืนมา”
“พระองค์นี้เป็นคำสอนที่ผิดๆ ของไอ้เทิด ข้าคงคืนให้เอ็งไม่ได้หรอกไอ้ลอหลานรัก”
มิ่งกำพระของลอแน่นแล้วพาลูกน้องออกไป ลออึ้ง
“อามิ่ง เอาพระของพ่อฉันคืนมา อามิ่ง”
ลอจะตามไป แต่เพื่อนรั้งเอาไว้
“อย่าตามมันไปเลยพี่ลอ ฉันขอล่ะ”
ลอพานังเพื่อนเข้ามานั่งในกระท่อม เอาห่อสมบัติมีค่าเข้ามาด้วย แต่วางไว้ที่แคร่อย่างไม่สนใจ
“แม่เพื่อนเป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่จ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่จะพาแม่เพื่อนกลับบ้าน แล้วพี่จะไปตามล่าพวกมัน ยังไงพี่ก็ต้องเอาพระของพ่อพี่คืนมาให้ได้”
“พี่ลอจะไปคนเดียวเหรอ”
“พี่จะไปกับอาผู้ใหญ่ ถึงเวลาที่พวกอามิ่งจะต้องโดนกวาดล้าง แม่เพื่อนไม่ต้องเป็นห่วง”
“แต่ฉันว่า ช่างหัวพวกเขาเถอะพี่ลอ”
“แม่เพื่อน”
“ถ้าเสือมิ่งคิดจะทำร้ายฉันทำร้ายพี่ เขาคงจะลงมือไปตั้งนานแล้ว อีกอย่าง พรุ่งนี้เราก็จะหมั้นกันอยู่แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่แล้วฉันล่ะ ฉันจะอยู่ยังไง”
“แต่อามิ่งเอาพระของพ่อพี่ไป พี่ต้องเอาคืน”
“พระเก่าๆ องค์เดียวกับชีวิตของพี่ ฉันขอเลือกพี่”
“แม่เพื่อน”
“ฉันขอล่ะพี่ลอ ห้ามไปเด็ดขาดนะ”
ลอนิ่ง แล้วมองไปที่ห่อสมบัติมีค่า
“แล้วของที่พวกมันปล้นมานั่นล่ะ พี่เก็บไว้ไม่ได้หรอก”
“ไว้จัดการทีหลังเถอะพี่ ให้พ้นงานของเราไปก่อน นะจ๊ะพี่ลอ”
เพื่อนกอดลอแน่น อ้อนวอนขอร้อง ลอนิ่งยอมเย็นลงตามที่คนรักขอเอาไว้ เพื่อนมองห่อผ้าสมบัติมีค่าพวกนั้นอย่างครุ่นคิด
ตอนเช้า เสียงโห่ร้องขบวนขันหมากหมั้นดังลั่นมาแต่ไกล ลอสนุกสนานด้วยเครื่องดนตรีกลองยาวนำขบวนโดยด้วงกับเรืองที่รำนำหน้า
“โตงเตงต่องแต่ง เอิงเอย ต่องแต่งโตงเตง ห้อยอยู่คาขั้ว เอิงเอย มันสั่นหัวโคลงเคลง”
“เฮ้ย ผิดเพลงแล้วไอ้เรือง ไอ้ต่องแต่งโตงเตงของเอ็ง เก็บไปร้องวันอื่นเลยไป”
“วันนี้นี่แหละเหมาะแล้วไอ้ก้อน เอ็งไม่เบื่อเหรอไงวะ ขบวนขันหมากกี่ขบวนร้องแต่เพลงเดิม มันถึงเวลาต้องร้องเพลงที่มันเข้าท่าแบบนี้บ้าง”
“ข้าว่าไม่เข้าท่าซะมากกว่า เอ็งจะทำข้าเสียเวลาเสียฤกษ์หมั้น ไอ้ด้วง พาขบวนไปต่อ”
“จ้าพี่ลอ”
ด้วงหันไปตะโกนร้องโห่นำขบวนให้ขบวนกลองยาว จังหวะสนุกสนาน ลอมองทุกคนกำลังมีความสุขแล้วมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง กังวล ผาดสังเกตเห็น
“กลัวว่าพวกไอ้เสือมิ่งจะมาใช่มั้ยไอ้ลอ”
“จ้ะอาผู้ใหญ่”
“ไม่ต้องห่วง ข้ากำชับพวกเราให้คอยเป็นหูเป็นตาให้แล้ว ถ้ามันมาก็ดี จะได้เสร็จพวกข้า ส่วนเอ็งก็ไปจัดการฤกษ์มงคลให้เรียบร้อยไม่ต้องห่วง”
“แต่ว่า”
“ที่นังเพื่อนมันเตือนเอ็งไว้น่ะถูกแล้ว อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง วันนี้มันฤกษ์ดีของเอ็ง ไปเถอะ”
ลอเดินไปตามขบวนขันหมากหมั้น
เพื่อนอยู่หน้ากระจกในชุดหมั้นห่มสไบสวยงามตามฐานะ แพงชะโงกหน้าเข้ามามองผลุบๆ โผล่ๆ
“มาเสนอหน้าอะไรในนี้อีแพง ทำไมไม่ไปดูแลแขก”
“ฉันมาดูว่าพี่เพื่อนพร้อมรึยัง”
“จะมาดูข้า หรือมาเฝ้าข้ากันแน่”
“แหม รู้ทันฉันซะด้วย”
“ไม่ทันเอ็งแล้วข้าจะเป็นพี่สาวเอ็งได้เหรออีแพง”
“แสดงว่าพี่เพื่อนไม่คิดจะทิ้งพี่ลอแล้วตามพี่แรมไปพระนครแล้วใช่มั้ย”
“ถ้าข้าจะไปข้าไม่มานั่งแต่งตัวรอขันหมากหมั้นอยู่แบบนี้หรอก”
“พี่เพื่อนทำถูกแล้วล่ะจ้ะ อย่าไปฟังที่พี่แรมเขาพยายามเป่าหูพี่เลย ถึงพี่ลอเขาจะ ไม่มีสมบัติอะไรให้อวดคนอื่น แต่ความรักกับความดีของพี่ลอนี่แหละที่มีค่ามากกว่าแก้วแหวนเงินทอง”
“เอ็งไม่ต้องมาสาธยายเรื่องพี่ลอให้ข้าฟัง ข้าเลือกพี่ลอเป็นผัวก็แสดงว่าข้าคิดดีแล้ว ไปได้แล้ว”
แพงจะออกไปแต่เพื่อนนึกขึ้นได้
“เดี๋ยวอีแพง”
“จะใช้อะไรฉันเหรอจ๊ะพี่เพื่อน”
“เอ็งเอาห่อผ้านั่นไปใส่พานสินสอดขันหมากให้ข้าด้วย”
“ในนั้นมีอะไรเหรอพี่เพื่อน”
“เอ็งไม่ต้องถามได้มั้ย ทำตามที่ข้าบอกแล้วก็ไม่ต้องสะเออะแกะดูล่ะ ไม่งั้น ข้าตีเอ็งขาลายแน่ ไป”
“ก็ได้จ้ะ”
แพงเข้าไปหยิบห่อผ้าบนตั่งที่เพื่อนเตรียมเอาไว้แล้วเอาออกไป เพื่อนหันมาส่องกระจกยิ้มกับตัวเอง
แพงเอาห่อผ้าที่เพื่อนสั่งมาวาง ด้วยความสงสัยอยากรู้ เลยอยากจะแกะออกดู แต่ยังไม่ทันจะแกะเสียงพิศกับแสงเดินคุยกันดังเข้ามาทำให้แพงชะงัก
“นังแรมมันบ่นเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตั้งแต่เช้าเลยยังไม่มา”
“อ้าว เป็นอะไรรึเปล่าล่ะไอ้แสง”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ข้าให้มันกินยาหม้อแล้ว เดี๋ยวดีขึ้นก็คงมานั่นแหละ วันสำคัญของนัง เพื่อนมันยังไงก็ต้องมา”
“นังเพื่อนมันโชคดีที่นังแรมมันรักเหมือนน้องสาวจริงๆ นี่ถ้าสองคนนั้นเป็นพี่น้องกันจริงๆ ก็คงจะดี อีแพง เอ็งมาเกะกะตรงนี้ทำไม ไป ลงไปดูแลแขกเหรื่อ อย่ามาหาเรื่องอู้”
“ไปก็ได้ ไม่ต้องไล่ฉันหรอกพ่อ ครูแสงจ๊ะ ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วยจ้ะ”
“อะไรเหรออีแพง”
แรมแต่งตัวอย่างสาวพระนครเตรียมตัวจะทิ้งพ่อและเดินมาที่ดงต้นไม้ที่เมื่อคืนซ่อนเงินกับกระเป๋า แต่พอมาถึงกลับไม่พบอะไรเลย
ทุกอย่างอันตรธานหายไปหมด
“หายไปไหน กระเป๋าเสื้อผ้าฉัน เงินฉัน หายไปไหน”
แรมเคร่งเครียดควานหาจนทั่ว
“เป็นไปไม่ได้ มันจะหายไปได้ยังไง ใคร ใครมาเอาไป”
เวลาเดียวกันนั้น แพงเอากระเป๋าเสื้อผ้าของแรมยื่นให้ครูแสงพร้อมกับเงินของแรม
“อะไรของเอ็งอีแพง เอาเสื้อผ้ากับเงินเยอะแยะพวกนี้มาให้ข้าทำไม”
“มันเป็นของพี่แรมเขาจ้ะครู”
“ของนังแรม ของพวกนี้เนี่ยนะ แล้วมันมาอยู่กับเอ็งได้ไง”
“ฉันว่าครูควรจะกลับไปถามพี่แรมเองมากกว่า ฉันขอโทษด้วยนะจ๊ะครู”
แพงยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม แสงมองเงินกับกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วรีบเดินออกไป ใจคอไม่ดี แพงมองแสงอย่างเวทนาสงสารแต่ก็จำเป็นต้องทำก่อนที่แก้วจะรีบเข้ามาตาม
“อีแพง ขบวนขันหมากหมั้นมาแล้ว”
เสียงกลองยาวโหมประโคมสนุกสนาน แก้วรีบชวนแพงคว้าพานหมากออกมารอรับ ซึ่ง ในพานหมากจะประกอบไปด้วยหมากพลูที่เจียนเป็นจีบเป็นคำๆ ใส่ไว้นับเป็นจำนวนคู่ ก้อนหันไปสั่งให้ขบวนกลองยาวหยุด
“เฮ้ย หยุดๆๆ ถึงเวลาฤกษ์ดีที่ไอ้ลอของเราจะตีตราจองแม่เพื่อนแล้ว เอ้า โห่”
ก้อนโห่นำ ด้วงกับเรืองโห่รับเสียงครื้นเครง
“วันนี้พี่ลอหล่อจังเลยนะจ๊ะ”
“ชมแต่ไอ้ลอว่าหล่อ แล้วไม่ชมข้าบ้างเหรอวะนังแก้ว ข้าก็ไม่น้อยหน้าไอ้ลอ เผื่อเอ็งสน ใจอยากจะมาร่วมหอเดียวกันกับข้าเหมือนไอ้ลอ”
“คารมหวานๆ ที่เอ็งชอบหว่านสาวๆ มันใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอกไอ้ก้อน”
แก้วสะบัดหน้าใส่ก้อนแล้วหันไปที่แพงที่มองลอไม่วางตาด้วยความชื่นชมยินดีกับลอ
“อีแพง เอาหมากพลูให้เถ้าแก่พี่ลอสิวะ เหม่ออยู่ได้”
“เออ ข้ารู้แล้ว”
แพงเอาพานหมากพลูที่เตรียมมายื่นให้ ผาดรับมาแล้วก็ตอบแทนด้วยเงินขวัญถุงเล็กๆ น้อยๆ
จากนั้นแพงกับแก้วก็พาผาดกับลอขึ้นบ้านเพื่อทำตามขั้นตอนหมั้นต่อ
ลอกับเพื่อนนั่งคู่ต่อหน้าพิศกับผาดโดยมีคนอื่นรายล้อม
“วันนี้ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่ข้าได้รับมอบหมายให้มาเป็นเถ้าแก่หมั้นหมายแม่เพื่อน คน ทั้งทุ่งบ้านสร้างก็รู้เห็นมาตลอดว่ามันสองคนรักกันและเหมาะสมกันทุกอย่าง ไอ้ลอเป็นคนดี ขยันขันแข็งเป็นที่รักของทุกคนในทุ่งบ้านสร้าง ส่วนนังเพื่อนก็เป็นแม่บ้านแม่เรือน เกื้อหนุนไอ้ลอมาตลอด ถ้าวันนี้ไอ้พิศไม่ยอมรับขันหมากหมั้นของไอ้ลอล่ะก็ คงต้องมีเรื่องกับข้าแน่”
ผาดพูดเชิงหยอกเย้า พวกชาวบ้านขำ พิศยิ้มให้ลูกสาวกับลอ
“ถึงไอ้ลอมันจะกำพร้าไม่มีใคร แต่เพราะความดีของมันทำให้ทุกคนรัก โดยเฉพาะข้าที่ช่วยเลี้ยงดูมาตั้งแต่มันเสียพ่อ ข้าจึงรักมันเหมือนลูก วันนี้จึงเป็นวันที่ข้าจะได้ตายตาหลับ เพราะไอ้ลอจะมาช่วยรับหน้าที่ดูแลนังเพื่อนต่อจากข้า”
พิศจับมือลอและเพื่อนให้มากุมกันเอาไว้ ทั้งสองสบตากันหัวใจพองโต แพงนั่งดูอยู่ห่างๆ อดรู้สึกใจหายขึ้นมาไม่ได้ น้ำตาคลอๆ จนเรืองหันมาเห็น
“ดีใจแทนพี่สาวเอ็งจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยเหรออีแพง”
“ข้าไม่ได้ร้องไห้”
“เออ ไม่ร้องก็ไม่ร้อง”
เรืองพูดไปแล้วก็ขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆ เบียดแพงจนชิด แพงจะต่อว่าแต่ชะงักเมื่อเห็นแก้วชะโงกหน้ามอง เลยต้องทำยอมให้เรืองนั่งเบียด
“เอาล่ะไอ้ลอ ข้าพร้อมยกนังเพื่อนให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเอ็ง แต่ข้าก็อยากให้เอ็งรับ ปากว่าจะดูแลนังเพื่อนไม่ให้มันต้องลำบาก ได้มั้ยไอ้ลอ”
“ฉันรับปากจ้ะอา ฉันไม่เคยคิดจะเอาความรักที่ฉันมีต่อแม่เพื่อนไปวางไว้ที่ไหน นอกจากเอามาทูนหัวเอาไว้จ้ะ”
พิศยิ้มรับด้วยความภูมิใจ ผาดเลยเลื่อนพานสินสอดของหมั้นให้พิศ
“งั้นก็รับสินสอดหมั้นไปเลยแล้วกันนะไอ้พิศ”
พิศยิ้มรับแล้วแกะห่อผ้าออก เห็นสินสอดในนั้นเข้าก็ชะงักจนลอแปลกใจ เมื่อพิศคลายผ้าออกทุกคนที่ ได้เห็นก็พากันตะลึง สายสร้อยทอง เข็มขัดนากอยู่บนพาน ชาวบ้านต่างซุบซิบพูดกันด้วยความอิจฉาเพื่อนกับพิศที่ลอมีสินสอดมากมายมาให้ ลออึ้งตะลึงมองสินสอดตรงหน้าแล้วหันมามองเพื่อนอย่างงุนงง เพื่อนยิ้มหวานทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร แล้วพนมมือไหว้ลอ
“ขอบใจนะจ๊ะพี่ลอ ต่อไปนี้ใครก็มาดูถูกพี่ลอของฉันไม่ได้ ฉันจะเป็นดอกไม้งามในมือของพี่ลอคนเดียวจ้ะ”
เพื่อนกราบลงที่ตักลออย่างอ่อนหวาน ลอได้แต่งุนงง อื้ออึงกับการกระทำของเพื่อน ก้อนตะโกน
“เอ้า พวกเรา ยินดีกับไอ้ลอหน่อยเว้ย”
ทุกคนพากันเฮ ปรบมือเสียงดังลั่น เพื่อนยิ้มเอียงอายเหมือนไม่มีอะไร
แรมหงุดหงิดเมื่อหาเงินและกระเป๋าของตัวเองไม่เจอ
“มันจะหายไปได้ยังไง เงินฉัน ของๆ ฉัน โธ่เอ๊ย มันต้องอยู่สิโว้ย”
แรมเริ่มคลั่ง เข้ามารื้อค้นทุกอย่างที่ใต้ถุนเรือน จนข้าวของพังเสียหายกระจุยกระจาย โดยไม่เห็นแสงเข้ามา
“เอ็งกำลังหาอะไรอยู่”
แรมชะงักตกใจ
“พ่อ ฉัน ฉัน”
“ว่าไงล่ะ ทำอะไรหาย”
แสงพูดเสียงสั่น น้ำตาคลอ
“เปล่าหรอกพ่อ ไม่มีอะไร ก็แค่ของใช้ส่วนตัวของฉันที่วางเอาไว้แล้วลืมจ้ะ แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันขี้เกียจหาแล้ว”
แรมพยายามตัดบทแล้วเลี่ยงจะเดินออกไป แต่แสงน้ำตาคลอเรียกเสียงดัง
“ของที่เอ็งหาอยู่ เงินพวกนี้ใช่มั้ย นังแรม”
แสงโยนห่อผ้าที่มีแต่ธนบัตรลงบนแคร่ตรงหน้าแรม ซึ่งยืนอึ้ง
“เงินของฉัน พ่อไปเอามาได้ยังไง”
“เอ็งยังมีหน้ามาย้อนถามข้าอีกเหรอนังแรม ข้าต่างหากที่ควรจะถามว่าเอ็งเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน บอกข้ามา”
“มันเป็นเงินเก็บของฉัน”
แรมจะเข้าไปโกยเงินพวกนั้นคืนมา แต่กลับโดนแสงผลักแล้วตบหน้าแรงๆ ตบทั้งน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้ม
“อีตอแหล มึงเอาเครื่องดนตรีกูไปขายใช่มั้ยอีแรม”
แรมชะงัก หน้าซีดเผือด
เพื่อนถูกชาวบ้านคนเฒ่าคนแก่ห้อมล้อมชื่นชมเข็มขัดนาก สายสร้อยทอง สินสอดหมั้นที่ เพื่อนเอามาสวมใส่
“เอ็งนี่มันน่าอิจฉาซะจริงนังเพื่อน ดูเข้าสิ สินสอดทองหมั้นเอ็งไม่ใช่น้อยๆ เลย”
“ไอ้ลอนี่มันเสือซุ่ม วันๆ เอาแต่ทำไร่ไถนา ใครจะคิดว่ามันก็เข้าขั้นเศรษฐีกับเขาด้วย”
ลอลำบากใจ
“ลุงป้าน้าอาจ๊ะ คือว่าของพวกนี้”
เพื่อนชิงตัดบท
“ก็เพราะพี่ลอเขาขยันขันแข็งทำงานหนักกว่าหลายๆ คน ในบ้านสร้าง ทุกบาททุกสตางค์เขาพยายามเก็บหอมรอมริบ เอาไว้เพื่อใช้เป็นสินสอดให้ฉันนี่แหละจ้ะ”
“งั้นเอ็งก็โชคดีซะยิ่งกว่าถูกหวยรวยโป แค่หมั้นยังขนาดนี้ ถึงตอนฤกษ์แต่งกันเดือนหก ตอนนั้นสองคนคงเป็นเศรษฐีบ้านสร้าง น่าชื่นชมพวกเอ็งซะจริงๆ ไอ้ลอนังเพื่อน”
ชาวบ้านพากันชื่นชมสรรเสริญเยินยอลอกับเพื่อนไม่หยุด ทำให้ลอพูดไม่ออก ยิ่งเพื่อนควงแขนลอ เอาไว้ไม่ยอมให้พูดอะไร ลอก็ยิ่งอึดอัด แพงมองพี่สาวกับลอแล้วรู้ดีว่าพี่สาวกำลังโกหกชาวบ้าน แพงหงุดหงิดจนพ่อเดินเข้ามา
“พ่อ สินสอดที่พี่เพื่อนใส่อยู่พวกนั้น มันยังไงกันแน่”
พิศชะงัก
“พ่อรู้ใช่มั้ย มันไม่ใช่ของพี่ลอ แล้วพี่เพื่อนไปเอามาจากไหน”
พิศรีบกระชากแพงไปหลบมุม
“หุบปากเอ็งไปซะอีแพง ถ้ายังสะเออะถามซอกแซกไม่หยุดล่ะก็ เอ็งโดนตะเพิดไปให้พ้นๆ หน้า แล้วไม่ต้องกลับมาอีกแน่”
“แต่ว่า”
“อีแพง ไป ไปดูแลแขก ไปสิเว้ย”
พิศผลักไสแพงจนเซถลา แพงได้แต่หงุดหงิดคาใจ จำต้องเดินออกไป พิศหันไปมองเพื่อนที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมชาวบ้านและคำชื่นชม เพื่อนมองพ่อ ส่งสายตาอย่างรู้กัน พิศรู้ว่าผิดแต่ก็ยอม
แพงเดินออกมาหน้าเรือน เรืองรีบเดินเข้ามาคุยด้วย
“อีแพง”
แพงไม่ได้สนใจเรือง เพราะยังติดใจมองไปบนเรือนไม่วางตา
“อะไรของเอ็งไอ้เรือง รีบๆ ว่ามา”
“ข้าอยากจะถามเอ็งสักเรื่อง พี่สาวเอ็งกับไอ้ลอก็หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว ข้าว่า”
เรืองออกอาการบิดม้วนเขินที่จะเริ่มพูด ซึ่งแพงก็ไม่ได้สนใจแต่หันมาเห็นท่าทางของเรืองแล้วดูประหลาด
“นี่เอ็งปวดเยี่ยวเหรอวะ ถึงมายืนบิดอยู่ได้”
“เปล่านะอีแพง ข้าไม่ได้ปวดเยี่ยว ข้าแค่อยากจะรู้ว่าในเมื่อพี่สาวเอ็งก็หมั้นหมายแล้ว แล้วเอ็งล่ะ ไม่คิดอยากจะ”
“ไอ้เรือง ข้าว่าเอ็งอย่าเพิ่งมาชวนข้าคุยเรื่องอื่นเลย ตอนนี้เอ็งควรรีบกลับบ้านไปซะดีกว่า”
“อ้าว ทำไมรีบไล่ข้าล่ะอีแพง”
“เอ็งกลับไปเถอะน่า พ่อกับพี่สาวเอ็งกำลังมีปัญหา เอ็งควรจะไปอยู่ช่วยพ่อ”
“พ่อกับพี่แรมนะจะมีปัญหากัน เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า พ่อเขารักพี่แรมจะตาย”
“เอ็งไปก็รู้เอง ไม่ต้องเซ้าซี้ถามเดี๋ยวจะไปไม่ทัน ไปได้แล้ว ไปสิ”
แพงผลักเรืองจนเซแล้วไล่ให้ไป เรืองงงๆ แต่ก็เชื่อที่แพงบอก รีบเดินออกไป
“ฉันขอโทษนะครู แต่ฉันยอมให้ครูถูกหลอกต่อไปไม่ได้จริงๆ”
โปรดติดตามอ่านต่อ หน้า 4
เพื่อน แพง ตอนที่ 6 (ต่อ)
แสงฉุดกระชากลากแรมเข้ามาที่ห้องเก็บเครื่องดนตรีซึ่งว่างเปล่า
“มานี่เลยอีแรม หัวจิตหัวใจเอ็งทำด้วยอะไร ถึงกล้าทำเรื่องชั่วช้าได้ขนาดนี้”
“ปล่อยฉันนะพ่อ บอกให้ปล่อย”
แสงไม่ยอมปล่อยกลับชี้ไปที่อัฐิที่บรรจุเถ้ากระดูกของบรรพบุรุษและเศียรพ่อแก่ที่เคารพบูชา
“ดูซะ เถือกเถาเหล่ากอ ครูบาอาจารย์สอนให้ข้าทำมาหากินเลี้ยงพวกเอ็งมาได้จนทุกวันนี้ แต่เอ็งกลับทรยศเอาสมบัติของพวกเขาไปขายกิน อีลูกชั่ว”
แสงผลักแรมลงไปคุกเข่าต่อหน้าอัฐิและเศียรพ่อแก่ แต่แรมกลับไม่สำนึก หันขวับมาเอาเรื่อง
“ด่าฉันจบรึยัง คิดว่าที่ด่าสาดเสียเทเสียแค่นี้ แล้วจะได้ไอ้เครื่องดนตรีผุๆ พังๆ พวกนั้นกลับมาเหรอ ฝันไปเถอะ ป่านนี้คงโดนแยกชิ้นทำเป็นฟืนไปหมดแล้ว”
“อีแรม”
แสงเจ็บใจเงื้อมือจะตบ แต่คราวนี้แรมยกมือขึ้นรับ แล้วบีบมือพ่อจ้องหน้าเขม็ง
“ฟังนะพ่อ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่กฎหมายก็ยังต้องเปลี่ยนให้ปกครองกันใหม่ เพราะทนปล่อยให้พวกหัวเก่าคร่ำครึมันถ่วงความศิวิไลซ์มานานแล้ว สมควรที่จะไล่พวกมันไปให้พ้นๆ ซะที”
“อีแรม นี่ นี่เอ็ง เอ็งไปพระนคร เอาขี้ปากไอ้พวกเปลี่ยนระบอบ หยามเหยียดพ่อแก่แม่ครู มายัดใส่หัวกบาล จนกล้าทำระยำ เอาเครื่องดนตรีกูไปขาย ทำแบบนี้ ชีวิตมึงไม่มีเจริญหรอก”
“โอ๊ย พ่อ ฉันต่างหากที่กำลังช่วยไม่ให้พ่อถูกทิ้งเอาไว้ให้เป็นแค่พวกนักดนตรีคร่ำครึ ที่คอยถ่วงความเจริญชาวบ้าน”
แสงเหลืออด ตบหน้าลูกสาวฉาดใหญ่พร้อมกับน้ำตาที่นองหน้าอาบแก้ม เรืองโผล่เข้ามาเห็นพอดี
“ข้าไม่คิดเลยว่า ข้า ข้าจะเลี้ยงให้เอ็งเป็นพวกอกตัญญูดูถูก แม้แต่รากเหง้าตัวเอง ตอนนี้ เอ็งไม่ใช่ลูกข้า แต่เอ็งคืออีสัตว์นรกกลับชาติมาเกิด”
แสงพุ่งเข้าไปบีบคอลูกสาวอย่างขาดสติเพราะโกรธจัด แรมหน้าดำหน้าแดงหายใจไม่ออก เรืองรีบห้าม
“อย่าพ่อ อย่า”
เรืองรีบดึงพ่อออกมา แรมได้โอกาสสะบัดและผลักจนพ่อกับเรืองล้มไปชนชั้นวางของ เศียรพ่อแก่ กลิ้งตกลงมาจากชั้น ส่วนแรมรีบวิ่งหนีไปทันที แสงอุ้มเศียรพ่อแก่มาอุ้ม
“พ่อเป็นอะไรรึเปล่า”
แสงกอดเศียรพ่อแก่น้ำตาคลอ
“อย่า อย่าให้มันหนีไป มันเอาเครื่องดนตรีของข้าไปขายหมดแล้ว อย่าให้มันหนีไป”
แรมวิ่งกระหืดกระหอบมือข้างหนึ่งถือถุงผ้าที่มีเสื้อผ้ารีบๆ ยัดมา ส่วนมืออีกข้างก็กำธนบัตรที่คว้าเอา มาได้
“พี่แรมหยุดก่อน กลับมาเถอะ ฉันขี้เกียจวิ่งตามแล้ว มันเหนื่อย พี่แรม”
แรมชะงักหันไปเห็นเรืองวิ่งกระหืดกระหอบไล่หลัง
“เอ็งไสหัวกลับไปเลยไอ้เรือง ไม่ต้องมาตามข้า ไป”
“แต่ฉันให้พี่ไปไหนไม่ได้ มันจริงเหรอพี่ พี่เอาเครื่องดนตรีของพ่อไปขายแล้วจริงๆ เหรอ”
“เออ”
“พี่ทำแบบนั้นได้ยังไง นั่นมันเครื่องมือทำมาหากินของพ่อเขานะ เอาเงินนั่นมาเลย ฉันจะเอาไปไถ่เครื่องดนตรีคืน”
“นี่มันเงินของข้า ข้าไม่ให้โว้ย”
“ไม่ใช่เงินพี่ มันเป็นสมบัติของพ่อต่างหาก”
“แต่ข้าไม่ให้”
แรมโมโหจัด เลยตบบ้องหูเรืองจนล้มคว่ำ ชี้หน้าอาฆาต
“ไอ้ลูกแหง่ น้ำหน้าไอ้กระจอกงอกง่อยทำอะไรไม่เป็นสักอย่างอย่างเอ็ง ถ้ายังสะเออะตามข้ามาอีกล่ะก็ เอ็งได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่ ไป”
แรมสะบัดหน้าเดินออกไปต่อ เรืองมือกำแน่น เจ็บใจที่โดนพี่สาวดูถูก
“เออ ไอ้เรืองมันเป็นลูกแหง่ เป็นไอ้กระจอก ถึงมันจะไม่เคยทำอะไรให้พ่อภูมิใจ แต่มัน ก็ไม่เคยชั่วเลวถึงขนาดทุบตีพ่อตัวเอง”
เรืองตะโกนใส่พี่สาว แรมชะงักหันกลับมาเห็นท่าทางเรืองดูเอาจริง แรมอึ้งไป
แพงแอบย่องตามลอมาที่คอกไอ้เปลี่ยว ในขณะที่ลอดึงแขนพาเพื่อนออกมาคุยกันตามลำพัง
“ฉันไม่ว่างคุยอะไรตอนนี้หรอกนะพี่ลอ ปล่อยฉันได้แล้ว ปล่อยสิ”
เพื่อนสะบัดมือแรงจนหลุดแล้วจะรีบเดินกลับเข้าบ้าน ลอรีบตามดึงรั้งเอาไว้อีก
“ไม่ได้นะแม่เพื่อน ต้องให้รู้เรื่องกันก่อน แม่เพื่อนทำแบบนั้นไปได้ยังไง”
“โอ๊ย เลิกเซ้าซี้ซะทีเถอะพี่ลอ แขกเหรี่ออยู่เต็มบ้าน จะมาพูดทำไมตอนนี้ เอาไว้ให้เสร็จงานก่อนแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง”
“แต่พี่ไม่อยากรอ ไม่อยากปล่อยให้คนอื่นเข้าใจพี่ผิดๆ”
“มันไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไรเลยนะพี่ ที่ฉันทำไปเพราะหน้าตาของเราสองคน”
“ของเรา หรือของแม่เพื่อนหรือของอาพิศ”
“พี่ลอ”
เพื่อนโกรธจัดตบหน้าลอฉาด
“เอาเลย ถ้าอยากให้ทุกคนเขาด่าว่าฉันเป็นผู้หญิงตอแหลก็เชิญเลย ฉันจะได้รู้ว่าพี่ลอไม่ได้รักฉันจริงอย่างที่พี่พูด ไอ้คำสาบถ สาบานของพี่มันก็แค่คำพูดขอไปที”
เพื่อนตัดพ้อแล้ววิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ลอยืนอึ้งมือจับแก้มตัวเอง แพงเห็นแล้วอดสงสารลอไม่ได้ หันไปบ่นกับไอ้เปลี่ยว
“พี่ลองานกร่อยแล้ว ถึงเวลาที่ต้องช่วยเพื่อนรักเอ็งแล้วไอ้เปลี่ยว”
งานเลี้ยงหมั้นลอกับเพื่อนยังสนุกสนานร่าเริง ก้อน ด้วงกับพวกกลองยาวยังร้องรำทำเพลงเกี้ยวสาวชาวบ้าน
โดยเฉพาะแก้วที่โดนก้อนรำเกี้ยวหน้าเกี้ยวหลัง
ทันใดนั้นเองแพงวิ่งตาลีตาเหลือกเข้ามา
“แย่แล้ว แย่แล้ว หนีเร็ว หนีเร็ว”
ทุกคนหันขวับไปมองแพงที่กำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามาโดยมีไอ้เปลี่ยววิ่งไล่ตามหลัง ก้อนตกใจ
“ชิบหายแล้ว”
ทุกคนวงแตกกระเจิงวิ่งหนีไอ้เปลี่ยวที่เข้ามาชนข้าวของระเนระนาด ไล่ขวิดคนนั้นทีคนนี้ทีจนวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ด้วงตกใจกลัว เผลอกระโจนขึ้นไปบนต้นไม้สูงๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์
แก้วกำลังจะโดนไอ้เปลี่ยวพุ่งใส่ ก้อนรีบเข้ามาช้อนตัวอุ้มแก้วขึ้นมา แล้วพาวิ่งหนีไปด้วยกัน พิศกับเพื่อนและลอวิ่งออกมาดูก็ตกใจที่สภาพงานเละเทะ ไอ้เปลี่ยวยังไล่ขวิดคนนั้นคนนี้ไปทั่วลาน
“ชิบหายหมดแล้ว พัง พังหมด อีแพง ไอ้เปลี่ยวมันหลุดจากคอกมาได้ยังไง”
“ไม่รู้จ้ะพ่อ สงสัยไอ้เปลี่ยวมันจะติดสัด เห็นเพื่อนรักมันมีคู่มันเลยหงุดหงิดมั้ง”
ลอเห็นไอ้เปลี่ยวกำลังตรงมาที่แพง รีบร้องเตือน
“อีแพง ระวัง”
แพงชะงักอึ้งหันไปเห็นไอ้เปลี่ยวยืนจ้องหน้าเขม็ง ลมหายใจดังฟืดฟาด
“ไอ้เปลี่ยว อย่า อย่านะเว้ย”
ไอ้เปลี่ยววิ่งเข้าหา แพงตกใจรีบวิ่งโกยอ้าวทันที เพื่อนหน้าสลดเห็นสภาพงานหมั้นตัวเอง
“หมด หมดกันงานหมั้นฉัน”
ลอเข้ามาตามหาแพงบริเวณริมบึง
“อีแพง อีแพง”
ลอเรียกหาอยู่ครู่ก็ได้ยินเสียงแพงตะโกนกลับมา
“ฉันอยู่นี่จ้ะพี่ลอ”
ลอตามเสียงไปแล้วเจอแพงแช่น้ำแอบซ่อนตัวอยู่ในกอต้นบอน หน้าตาเปรอะโคลนเลอะเทอะจนน่าขำ
“อีแพง อย่าบอกนะว่าเอ็งหนีไอ้เปลี่ยวมาซ่อนอยู่ที่นี่”
“หยุดหัวเราะฉันเลย ดูให้หน่อยสิพี่ลอ ไอ้เปลี่ยวมันยังอยู่แถวนี้รึเปล่า”
“อยู่ มันยังรอขวิดเอ็งอยู่แถวนี้แหละ”
“งั้นพี่ช่วยไล่มันไปไกลๆ หน่อยได้มั้ย ฉันอยู่ในนี้ทั้งวันไม่ได้นะ ปลามันตอดฉัน จั๊กจี๋ไปหมดแล้ว อุ๊ย มันมุดเข้าไปในผ้าถุงฉันแล้วด้วย”
ลอหัวเราะ
“เออ สมน้ำหน้าเอ็ง กรรมตามสนอง ข้ารู้ว่าฝีมือเอ็งที่ไปยั่วไอ้เปลี่ยว”
“รู้ดีนักนะพี่ลอ ฉันยอมรับก็ได้ ฝีมือฉันเองแหละ แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ พี่ลอจะได้ไม่ต้องทนอึดอัดปั้นหน้าโกหกชาวบ้านเรื่องสินสอด”
“อีแพงเอ๊ย เอ็งนี่มันสู่รู้ไปซะทุกเรื่อง”
“ก็เฉพาะเรื่องพี่ลอเท่านั้นแหละ ปลามันมุดผ้าถุงมาตอดฉันอีกแล้ว ช่วยไล่ไอ้เปลี่ยวไปให้ฉันหน่อยสิ ฉันอยู่ในนี้ไม่ได้แล้ว”
ลอยิ้มชอบใจแล้วลุยลงไปในบึงช้อนตัวอุ้มแพงขึ้นมาด้วยสองแขนอันแข็งแกร่ง แพงชะงักอยู่ในอ้อมแขน
“ข้าล่อไอ้เปลี่ยวให้ไปกินหญ้าตั้งนานแล้ว มันไม่อยู่แถวนี้รอไล่ขวิดเอ็งหรอกอีแพงเอ๊ย”
“พี่ลอหลอกฉัน”
ลอหัวเราะชอบใจแล้วอุ้มแพงเดินลุยน้ำในบึงเพื่อขึ้นฝั่ง แพงกอดคอลอแน่นอมยิ้ม
วีระชักสีหน้าไม่พอใจ กระชากคอเสื้อมาดมาตะคอกถามซ้ำ
“เอ็งว่าไงนะ แม่เพื่อนหมั้นกับไอ้ลอเรียบร้อยแล้ว”
“จ้ะ ชาวบ้านเขาพูดกันไปทั่วว่าไอ้ลอหอบสินสอดทั้งเข็มขัดนาก สายสร้อยทอง แหวน ทอง แต่ละชิ้นแพงๆ ทั้งนั้น มาหมั้นแม่เพื่อน”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ น้ำหน้าอย่างไอ้ลอเนี่ยนะ”
“แสดงว่าแม่เพื่อนไม่เชื่อว่าไอ้ลอจะมีสันดานโจรอย่างพ่อมัน เสียเวลา เสียโอกาสจริงๆ ถ้าตอนนั้นพี่วีปล้ำแม่เพื่อนไปซะก็หมดเรื่อง ป่านนี้ได้เป็นเมียสมใจอยากไปแล้ว”
“เอ็งไม่ต้องมาซ้ำเติม ข้าอยากรู้ว่าไอ้ลอไปเอาสินสอดพวกนั้นมาจากไหน”
“ของมีค่าแบบนั้น มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละพี่วี ที่ไอ้ลอจะหยิบยืมมาใช้หมั้นแม่เพื่อน”
“เอ็งหมายถึงไอ้เสือมิ่ง”
ไม้พยักหน้ารับ วีระครุ่นคิด
แพงนั่งอยู่ตรงคุ้งต้นไทร เอาผ้าขาวม้าของลอชุบน้ำมาเช็ดคราบโคลนตามหน้าตามตัวออก
“พี่ลออย่าพูดไปเชียวนะ ถ้าพ่อรู้ว่าฉันใช้ไอ้เปลี่ยวไล่ตะเพิดแขกล่ะก็ฉันตายแน่ๆ”
“เรื่องเอ็งข้าไม่พูดหรอก เรื่องอื่นต่างหากที่ข้าอยากพูดแต่ก็พูดไม่ได้”
ลอพูดไปก็หน้าเซ็งๆ แพงเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้
“ถ้าพี่ลออึดอัดใจขนาดนั้น เล่าให้ฉันฟังได้มั้ยว่าพี่เพื่อนไปเอาสินสอดพวกนั้นมาจากไหน เผื่อฉันจะช่วยอะไรพี่ได้”
“เอ็งช่วยอะไรข้าไม่ได้หรอกอีแพง”
“ไม่บอกฉันแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าช่วยไม่ได้”
“เรื่องนี้มันเกินตัวเอ็ง แล้วข้าก็ไม่อยากให้เอ็งมาเกี่ยวด้วย เพราะมันอันตรายเกินไป”
“อันตราย นี่พี่ลออย่าบอกนะว่าสินสอดพวกนั้นเป็นของพวกไอ้เสือมิ่ง”
“อีแพง นี่เอ็งรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“โธ่เอ๊ยพี่ลอ ถึงพี่จะอมพะนำไม่ยอมบอกฉันเรื่องตาลุงขี้หงุดหงิดที่มีเรื่องกับฉันวันก่อน ฉันก็พอจะจับต้นชนปลายได้อยู่หรอก เล่นสั่งไม่ให้ยุ่งอย่างกับเป็นตัวอันตราย แล้วไหนจะข่าวเสือมิ่งโผล่มาหากินแถวนี้อีก ฉันเดาถูกใช่มั้ยล่ะ”
ลอนิ่งไป
“พูดไม่ออกเลย แสดงว่าที่ฉันแอบฟังพ่อคุยกับพวกพี่ก็ใช่จริงๆ ไอ้เสือมิ่งมันรู้จักกับพ่อพี่ มันก็เลยมาหาพี่ที่นี่ แล้วมันต้องการอะไรจากพี่เหรอ”
“พอได้แล้วอีแพง เอ็งไม่ต้องมาจับแพะชนแกะอวดเก่งสอดรู้ไปหมด วันนี้เอ็งช่วยข้า ข้าขอบใจ แต่ทีหลังอย่าทำอะไรพิเรนทร์แบบนี้อีก ข้าไปล่ะ”
ลอเดินออกไป แต่แพงตะโกนไล่หลัง
“พี่ลออย่าไปโกรธพี่เพื่อนกับพ่อเลยนะ มีฉันคนเดียวทำให้พวกเขาอับอายก็พอแล้ว ถ้าพี่ ช่วยทำให้พี่เพื่อนได้หน้า พ่อเขาจะได้ไม่อายใคร”
ลอเดินออกไปอย่างเงียบๆ แพงกังวล
มิ่งก่อกองไฟในป่า ปิ้งไก่กินเหล้าอยู่กับพวกลูกน้อง ยิ้มกริ่มเมื่อลูกน้องมาเล่า
“หึ ต้องให้มันได้แบบนี้สิวะไอ้ลอ ใครๆ เขาก็นับหน้าถือตากันที่อำนาจเงินกันทั้งนั้น คำสาบานที่ไอ้เทิดมันล้างสมองเอ็ง มันตายไปพร้อมกับไอ้เทิดแล้ว”
“แสดงว่าพี่มิ่งคิดถูก ไอ้ลอมันก็ไม่ต่างจากพวกเรา”
“ไอ้ลอมันเป็นคนมีฝีมือ ข้าฝึกมันมาตั้งแต่เล็ก ไหวพริบเอาตัวรอดมันดี ถ้ามันมาเป็นมือ ขวาของข้าล่ะก็ สนุกแน่ หึๆๆ”
มิ่งกระหยิ่มยิ้มพร้อมกับกำสร้อยพระของเทิดที่เอามาห้อยคอไว้ขึ้นมาดู ระหว่างนั้นมีเสียงสวบสาบดัง เข้ามา พวกมิ่งชะงัก จับปืนและอาวุธเตรียมพร้อม เสียงแปลกปลอมขยับใกล้เข้ามา พวกมิ่งโกยกองดินมากลบกองไฟแล้วชักปืนไปที่เงาตะคุ่มนั้นทันที
“ฉันเองเสือมิ่ง ไม่ใช่ตำรวจ”
มิ่งกับพวกชะงัก มองวีระกับมาดและไม้ ก่อนจะคุมตัวทั้งสามเข้ามาที่เต็นท์ ไม้กับมาดถูกกันให้ออกไป เหลือวีระกับมิ่ง 2 คน มิ่งเดินไปที่ลังไม้แล้วหยิบเอาห่อผ้าออกมาโยนให้วีระ
“คนที่นายประจวบอยากให้มันตาย ข้าลงมือจัดการให้เรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นสมบัติที่ปล้นติดมือกลับมาได้”
“เรื่องนั้นพ่อข้ารู้แล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้ส่งข้าให้มาเอาของพวกนี้ เก็บเอาไว้เป็นค่าจ้างเถอะ”
“แล้วเอ็งมาทำไม”
“เอ็งกับไอ้ลอเป็นอะไรกัน”
มิ่งชะงัก
“ไม่ต้องปฏิเสธว่าเอ็งกับมันไม่รู้จักกัน ข้าเห็นกับตามาแล้วว่าเอ็งอยู่กับมัน แล้วไหนจะสินสอดที่ไอ้ลอเอาไปหมั้นแม่เพื่อนวันนี้อีก ยังไงมันก็ต้องมาจากเอ็งแน่ๆ”
“ท่าทางพูดถึงไอ้ลอแบบนี้ เอ็งมีปัญหาอะไรกับมัน”
วีระกระชากคอเสื้อมิ่งพยายามวางอำนาจใส่
“ข้าถาม เอ็งก็แค่ตอบมา”
มิ่งยิ้มยียวน
“กล้ามากนะไอ้หนู”
เสียงร้องเจ็บของวีระดังออกมานอกเต๊นท์ที่ไม้กับมาดรออยู่ ไม้ชักดาบ มาดจะชักปืน แต่กลับถูกพวกลูกน้องมิ่งชักดาบมาจ่อคอด้วยความไวกว่า
“อย่าดีกว่า ถ้าไม่อยากลากลูกพี่พวกเอ็งกลับไปในสภาพพิการล่ะก็ อยู่เฉยๆ”
ไม้กับมาดได้แต่ชะงัก เจ็บใจ ช่วยอะไรไม่ได้ ต้องทนฟังเสียงร้องโหยหวนของเจ้านาย วีระถูกมิ่งจับบิดแขนไพล่หลังคว่ำหน้ากดพื้น
“เอ็งคิดผิดแล้วที่อยากมีปัญหากับข้ากับไอ้ลอ น้ำหน้าไอ้ลูกเศรษฐีเก่งแต่ใช้เงินอย่างเอ็ง ถ้าไอ้ลอมันเอาจริงขึ้นมา เอ็งเป็นไอ้เป๋ไอ้ด้วนพิการไปนานแล้ว”
“สะ แสดงว่า ไอ้ ไอ้ลอกับเอ็งเป็นพวกเดียวกันจริงๆ ไอ้สันดานโจร เชื้อโจรไม่ทิ้งแถว อย่างพ่อมันจริง หึๆ ฮ่าๆๆ สะใจเว้ย”
แม้จะเจ็บปวดที่ถูกเล่นงานแต่วีระก็สะใจจนอยากหัวเราะให้สาสม ทำเอามิ่งชะงัก ยอมคลายมือปล่อยวีระ แต่ยังใช้มีดจ่อคออย่างสงสัย
“ไอ้ลอไปทำอะไรให้ เอ็งถึงเกลียดขี้หน้ามันขนาดนั้น”
“ไอ้ลอแย่งแม่เพื่อนไปจากข้า น้ำหน้าอย่างมันไม่สมควรได้แม่เพื่อนเป็นเมีย ถ้าเอ็งลาก มันไปจากบ้านสร้างไม่ให้มันกลับมาได้อีกล่ะก็ อยากได้อะไรข้าจะหามากองให้”
มิ่งฟังอย่างสนใจ
สมบัติมีค่าของมิ่งที่เพื่อนเอามาใช้เป็นสินสอดถูกถอดเก็บใส่คืนห่อผ้า แต่เพื่อนยังนั่งมองด้วยความเสียดาย
“เอ็งยังไม่เอาของพวกนั้นไปคืนให้ไอ้ลออีกเหรอนังเพื่อน”
“กำลังจะเอาไปอยู่นี่แหละจ้ะพ่อ”
“เดี๋ยว จะว่าไปมันก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกันนะ”
“พ่อ นี่ไม่ใช่ของเรานะ”
“ข้ารู้น่า ข้าไม่ได้อยากได้ของโจรเก็บไว้หรอก แต่เห็นแล้วมันอดเสียดายไม่ได้ ของพวกนี้ไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหน เก็บเอาไว้ก็ไม่มีใครรู้”
“ถึงไม่มีใครรู้ แต่ตัวเรารู้ มันก็ไม่ได้ดีแล้วจ้ะอา”
พิศชะงักหันไปเห็นลอเข้ามา
“ถ้าพี่ลอจะมาเหน็บแนมพ่อแบบนี้ พี่ลอว่าฉันซะดีกว่า”
“พี่เปล่านะแม่เพื่อน พี่พูดตามที่พ่อเคยสอนพี่ แล้วอาพิศก็มีบุญคุณกับพี่ พี่จะกล้าปากเสียกับอาแกได้ยังไง”
“ข้าก็แค่พูดไปตามน้ำ ยังไงข้าก็ไม่ได้คิดจะทำจริงๆ หรอกเว้ย แล้วถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบ นี้กับข้าล่ะก็ ข้าไล่ตะเพิดมันลงเรือน ไม่ยกลูกสาวข้าให้เป็นเมียมันหรอก”
“อา ฉันขอโทษ”
พิศยังแสดงอาการไม่พอใจ คว้าห่อผ้าสมบัติพวกนั้นจากเพื่อนมายัดใส่มือคืนให้ลอ
“เอาคืนไปเลยไอ้ลอ แล้วจัดการเรื่องไอ้เสือมิ่งให้เรียบร้อยด้วย อย่าให้มันมาสร้างปัญหาให้ข้าให้นังเพื่อน อ้อ อย่าลืมคำสัญญาของเอ็งล่ะ ถึงเดือน 6 ฤกษ์แต่งเมื่อไหร่ เอ็งต้องสร้างฐานะไม่ทำให้นังเพื่อนมันน้อยหน้าใคร”
ลอหน้าเสียก้มหน้าคอตกเดินออกไป เพื่อนครุ่นคิด
ลอนั่งลงที่แคร่หน้าบ้าน หลังกลับมาจากบ้านพิศ สมบัติที่ปล้นมาของมิ่งยังอยู่ในห่อผ้าที่เอากลับมา เขาหยิบขึ้นมาแล้วปัดอย่างหัวเสีย ระหว่างนั้นเพื่อนมาเงียบๆ จากข้างหลัง เอามือมาปิดตาลอเอาไว้
“เพราะฉันคนเดียวแท้ๆ เลยทำให้พี่ลอกับพ่อต้องทะเลาะกัน”
“แม่เพื่อน”
ลอรีบแกะมือเพื่อนออก เพื่อนตีหน้าเศร้ากุมมือลอ
“ฉันมาขอโทษพี่ ฉันผิดเองที่ตัดสินใจทำแบบนี้โดยไม่ปรึกษาพี่ก่อน แต่พี่ก็เห็นแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง พ่อก็คงต้องขายหน้า”
“พี่เข้าใจทุกอย่างนะแม่เพื่อน อาพิศพูดถูก คนเป็นพ่อ เลี้ยงลูกก็ต้องอยากให้มีอนาคตที่ดี วันหนึ่งถ้าแม่เพื่อนมีลูกสาวให้พี่ พี่ก็คงไม่แคล้วทำอย่างอาพิศ”
“แต่ฉันก็ยังผิดต่อพี่อยู่ดี ถึงจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้พ้นตัว แต่พี่ก็ต้องมาทนเสียใจ”
เพื่อนสบตาซึ้งใช้ประคองแก้มลออย่างอ่อนโยน มารยาคืออาวุธที่ดีที่สุดที่ใช้ได้ผลกับลอเสมอ
“ฉันอยากให้พี่ลงโทษฉันบ้าง อย่างน้อยจะได้ช่วยลดความรู้สึกผิดของฉันลงบ้าง”
“มีใครที่ไหนจะทำร้ายหัวใจตัวเองได้ล่ะแม่เพื่อน”
“ได้สิจ๊ะ ถ้ามันไม่รักดี ฉันรับหมั้นด้วยแหวนทองของพี่แล้ว ก็เหมือนเป็นสมบัติของพี่ลอคนเดียว”
ลอจับมือเพื่อนขึ้นมาดู
“ไหนล่ะแหวนหมั้นของพี่”
เพื่อนอมยิ้มเจ้าเล่ห์
“อยู่ในตัวฉันนี่แหละ”
“ตรงไหนล่ะแม่เพื่อน”
“ไม่บอก อยากรู้ก็ต้องหาเอาเองสิจ๊ะ”
“แม่เพื่อนพูดแบบนี้ พี่ค้นทั้งตัวจริงๆ นะ”
“จับฉันได้พี่ก็ได้ค้นฉันทั้งตัว”
เพื่อนพูดยั่วแล้วรีบลุกหนี ลอลุกพรวดไล่ตาม เข้ารวบเอว เพื่อนอยู่ในอ้อมกอดแล้วทำเหนียมอาย
“ฉันยอมแล้วจ้ะพี่ลอ ฉันยอมแล้ว”
“แต่พี่ยังหาแหวนของพี่ไม่เจอเลยนะแม่เพื่อน”
“งั้นฉันบอกให้ก็ได้ว่าอยู่ไหน..แหวนของพี่อยู่นี่จ้ะ”
เพื่อนหยิบแหวนทองวงน้อยออกจากขอบผ้าถุงที่เหน็บเอว ไอ้ลอนิ่งมอง เพื่อนวางแหวนไว้ในมือลอ
“สวมให้ฉันสิจ๊ะพี่ลอ”
“แม่เพื่อน พี่รักแม่เพื่อนกับอาพิศมากนะ”
“พี่ลอไม่ต้องพูดหรอกจ้ะ ฉันกับพ่อก็รู้ดี ทุกวันนี้ถ้าพวกเราไม่ได้พี่ลอช่วยทำงานให้ เรา 3 คน พ่อลูกก็คงต้องลำบาก”
“แต่มันก็ยังไม่พอสำหรับแม่เพื่อนกับอาพิศ พี่ขอให้คำมั่นว่าพี่จะขยันมากกว่านี้ ทำงานให้หนักมากกว่าที่เคย เพื่อไม่ให้แม่เพื่อนของพี่ต้องน้อยหน้าใครเขา”
เพื่อนน้ำตาคลอ
“พี่ลอ ฉันขอโทษ ฉันมันโง่เอง ทั้งๆ ที่พี่รักฉันมากขนาดนี้ ในเมื่อพี่ยังยืนยันว่าจะไม่ลงโทษในความผิดที่ฉันทำ งั้นก็ขอให้ฉันได้ชดใช้ให้พี่บ้างเถอะจ้ะ”
“แม่เพื่อนจะชดใช้อะไรให้พี่”
เพื่อนขยับตัวเข้าประชิดลอ แล้วประกบริมฝีปากลออย่างไม่ทันตั้งตัว ลอชะงักอึ้งไป ก่อนจะขยับห่างออกมา
“แม่เพื่อน”
เพื่อนเอียงหน้าหลบอย่างอายๆ แล้วจูงมือพาลอเดินเข้าไปในกระท่อมอย่างไม่ต้องบอกความหมาย
ลอเหมือนโดนมนต์สะกดคล้อยตามเพื่อนไปอย่างซื่อๆ
ภายในกระท่อม เพื่อนกับลอประคองกอดกัน ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา
นิ้วมือเพื่อนลูบไล้ใบหน้าลอและสัมผัสแผ่นอกแน่นๆ ลอจับมือเพื่อนมาสวมแหวนทองวงเล็กๆ
“ราคาค่างวดของแหวนวงนี้อาจจะไม่มากมายอะไร แต่ค่าของความรักของเจ้าของมัน สิ ที่จะมีแต่มากขึ้นทวีคูณ”
“ไม่มีวันไหนที่พี่ลอจะรักฉันน้อยลงเลยเหรอจ๊ะ พูดความจริงมาเถอะ ฉันรับได้”
“ให้แม่โพสพเป็นพยาน รักของพี่ที่มีให้แม่เพื่อนเหมือนเมล็ดข้าวที่ลงดินแล้วมีแต่จะแตกกอเพิ่มเป็นรวง ทุ่งนาทั้งผืนนับข้าวได้กี่เมล็ดก็ยังน้อยกว่าความรักของพี่ที่มีให้”
“พี่ลอเนี่ย”
ลอยิ้มรับแล้วจับมือเพื่อนมาจูบเบาๆ เพื่อนหายใจแรง ตื่นเต้นสะท้านแล้วยื่นหน้าไปจูบหน้าผากลอ แล้วไล้ลงมาที่สันจมูก ทำเอาลอใจเต้นแรง แล้วเพื่อนก็หยุดชะงัก
“คืนนี้ฉันจะเป็นของพี่ลอจ้ะ”
“แม่เพื่อน”
ลอตื่นเต้น จับไหล่เพื่อนโน้มลงกับพื้นเสื่อ อารมณ์หนุ่มฉกรรจ์เมื่อหญิงคนรักเอ่ยปากยอมพลีกายให้ ทำให้ลอบรรจงจูบและซุกไซ้แก้ม ซอกคอ เพื่อนตัวสั่นสะท้าน มือโอบหลังลอจิกลงแผ่นหลังแน่น
แพงชะเง้อมองเข้าไปในกระท่อมของลอ แสงไฟจากตะเกียงในกระท่อมดับวูบต่อหน้า แพงหน้าเศร้า เดินจากไปอย่างน่าสงสาร
ลอซุกไซ้เพื่อนจนตัวสั่นเทิ้มเคลิ้มมือเกร็ง แต่อยู่ๆ ลอก็หยุดชะงักถอนตัวออกมา ทำเอาเพื่อนอดแปลกใจไม่ได้ รีบลุกขึ้นมาเอามือป้องหน้าอกเพราะผ้าแถบหลุดลุ่ย
“พี่ลอเป็นอะไรไปจ๊ะ”
ลอยังไม่ตอบอะไร กลับคว้าผ้าคลุมมาช่วยคลุมไหล่ให้คนรักอย่างอ่อนโยน
“พี่ไม่อายที่จะบอกแม่เพื่อนว่า ไม่ว่าจะจูบแก้ม จูบมือ หรือจูบเท้า พี่จูบได้เสมอเหมือนกันหมด เพราะพี่รักทุกอย่างที่เป็นของแม่เพื่อน รักเพราะแม่เพื่อนเป็นสมบัติมีค่าที่สุด พี่เลยไม่อยากให้สมบัติมีค่าของพี่ต้องมีตำหนิก่อนถึงเวลา”
“พี่ลอ ยิ่งพี่ยกฉันให้เป็นสมบัติมีค่า ก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันมันหน้าไม่อาย”
“ไม่จริงหรอกแม่เพื่อน แค่นี้พี่ก็ดีใจแล้วที่แม่เพื่อนพร้อมมอบใจมอบกายให้พี่”
เพื่อนยังเอียงหน้าหลบ ลอเลยจับไหล่เชยคางหันมาหอมหน้าผากเบาๆ
“แม่เพื่อนไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรอีกแล้วนะจ๊ะ เพราะแม่เพื่อนใช้ความรักชดใช้พี่จนหมดสิ้น”
“ฉันไม่ผิดต่อพี่แล้วจริงๆ นะจ๊ะ”
“จริงสิคนดีของไอ้ลอ จะมีที่ยังรู้สึกติดใจอยู่บ้างก็”
“อะไรจ๊ะพี่ลอ”
“เสียดาย ถ้าพ่อไม่เคยสอนพี่ว่าความรักมันยิ่งร้อนก็ยิ่งละลายเร็วล่ะก็ พี่คงสมรักแม่ เพื่อนของพี่ให้หนำใจไปแล้ว”
“พี่ลอนี่ก็ บ้าจริงเชียว”
ลออมยิ้มขำแล้วดึงเพื่อนมาโอบกอดแน่น เพื่อนซุกหน้ากับแผ่นอกแน่นๆ ของลอแล้วยิ้มแฝง ความเจ้าเล่ห์เอาไว้โดยลอไม่ทันสังเกต
ลอมาส่งเพื่อนที่เรือน แต่พอใกล้ถึงเรือนเพื่อนก็หันไปบอก
“ดับตะเกียงก่อนเถอะจ้ะพี่ลอ เดี๋ยวพ่อแกเห็นเข้า”
“แม่เพื่อนไม่ได้บอกอาพิศเหรอว่าไปหาพี่ที่กระท่อม”
“เปล่าจ้ะ”
“แกคงยังโกรธพี่ที่ปากไม่ดีใส่ไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ งั้นเดี๋ยวพี่จะขึ้นไปขอโทษแกอีกที”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะพี่ลอ ให้ฉันเป็นคนพูดเองดีกว่า พี่ลอไม่ต้องห่วง นะจ๊ะ”
“ถ้าเป็นแม่เพื่อน อาพิศแกเชื่อทุกคำ พี่ฝากด้วยนะจ๊ะ”
“ได้จ้ะ”
“คืนนี้พี่คงคิดถึงแม่เพื่อนแย่แน่ๆ ขอพี่ชื่นใจอีกทีนะ”
ลอดึงเพื่อนมาหอมแก้ม เพื่อนทำเป็นปัดอาย
“พอได้แล้วจ้ะพี่ลอ ปากบอกจะถนอมฉันไม่ให้มัวหมอง แต่มือไม้น่ะ ปดซะยิ่งกว่าปาก”
“พี่แค่เย้าแม่เพื่อนเล่นแค่ให้ชื่นใจ พี่ไปล่ะ ฟ้าสางพี่ต้องรีบไปช่วยเขาเกี่ยวข้าว”
เพื่อนเอียงแก้มให้ลอหอมชื่นใจ แล้วมองส่งลอเดินออกไปกลางความมืด เสียงแพงดังขึ้น
“นอกจากอีแพงแล้ว ใครจะรู้ว่าดอกไม้สวยๆ แห่งทุ่งบ้านสร้าง ไม่ได้มีแต่ความสวยอย่างเดียว แต่มีหนามไว้เล่นงานแมลงภู่จนอยู่หมัด”
“อีแพง ดึกๆ ดื่นๆ แล้วมาเห่ามาหอนอะไร น่ารำคาญ”
“ฟังฉันแล้วมันน่ารำคาญ ใช่สิ ก็พี่เพื่อนสบายใจแล้วนี่ ถ่อไปหาพี่ลอ เอาตัวเข้าแลก ปั่นหัวพี่ลอจนพ้นผิดมาไม่ใช่เหรอ”
“อีแพง”
เพื่อนจิกแขนลากน้องสาวเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลงกลอน
“เอ็งแอบตามข้าไปกระท่อมพี่ลอเหรออีแพง”
“ไม่ได้อยากตามเท่าไหร่หรอก แต่เห็นค่ำๆ มืดๆ พี่เพื่อนหายไปจากเรือนก็เลยเป็นห่วง ไม่งั้นก็คงไม่รู้หรอกว่าพี่เพื่อนกล้าทำขนาดนี้”
“อีแพง ข้าเป็นคู่หมั้นพี่ลอ จะไปหาเขาดูแลเขา มันไม่ใช่เรื่องผิด”
“โอ๊ย ชาตินี้พี่เพื่อนทำอะไรก็ไม่ผิดหรอก แค่ใช้มารยาหลอกล่อพี่ลอให้หลงหัวปักหัวปำ แล้วเอากงจักรยื่นให้ พี่ลอก็นึกว่าดอกบัวแล้ว”
“อีนังนี่ปากเอ็งมันน่านัก”
เพื่อนเงื้อมือจะตบ แต่แพงรีบถอยหลบ
“จะลงมือกับฉันคิดให้ดีก่อนนะพี่เพื่อน เดี๋ยวพ่อรู้ขึ้นมาพี่เพื่อนจะหาข้อแก้ตัวไม่ทัน”
“เอ็งไม่ต้องมาขู่ข้า ขี้หน้าอย่างเอ็งพูดอะไรไปพ่อก็ไม่เชื่อ แล้วพี่ลอก็รักข้ามาก ต่อให้เอ็งไปฟ้องอะไร เขาก็ไม่ฟังเอ็งหรอก”
“งั้นพี่เพื่อนก็ไม่ได้รักพี่ลอจริงน่ะสิ แค่อยากเลี้ยงพี่ลอให้ซื่อสัตย์กับพี่ แล้วใช้ให้ก้มหน้าก้มตาไถนาแลกฟางแลกหญ้าให้อิ่มท้องไปวันๆ ห้ามปริปากบ่นเหมือนอย่างไอ้เปลี่ยว”
“ไม่จริง ข้าไม่เคยคิดกับพี่ลอแบบนั้น”
“ถ้าไม่คิดแล้วไปบังคับให้เขาผิดคำพูด เออออยอมผิดคำสาบานพ่อเขาทำไม นี่น่ะเหรอที่คนรักกันดูแลกัน ฉันชักอยากจะให้พี่ลอหูตาสว่างถอนหมั้นพี่เพื่อนแล้วสิ”
เพื่อนตบหน้าแพงฉาด แพงอึ้ง
“ถ้าเอ็งกล้าทำให้พี่ลอกับข้าเลิกกันล่ะก็ ลองดูสิอีแพง ข้ากับพ่อจะได้เชื่อสนิทใจซะที เอ็งมันก็ผีห่าผีตายโหงที่อาศัยท้องแม่ข้ามาเกิด เอ็งฆ่าแม่ตายแล้ว เอ็งก็เตรียมฆ่าพ่อ ฆ่าพี่เอ็งด้วย เอาเลยอีแพง อีผีห่าผีตายโหง”
“พี่ พี่เพื่อน”
แพงน้ำตาคลอ รีบวิ่งออกไป เพื่อนมือกำแน่นมองน้องสาวด้วยความโกรธ แพงวิ่งลงจากเรือนมาซุกตัวกอดเข่านั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ คอกไอ้เปลี่ยว คำพูดของเพื่อนยังวนเวียนอยู่ในหัว ตอกย้ำให้เจ็บปวด
“ไม่จริง ไม่จริง ฮือๆๆ ฉันไม่ได้ฆ่าแม่ ฉันไม่ได้ทำให้แม่ตาย ฮือๆๆ”
แพงกอดเข่าร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจ
จบตอนที่ 6