xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อน แพง ตอนที่ 9

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพื่อน แพง ตอนที่ 9

ถนนหนทางในพระนคร ข้างทางเป็นร้านค้าตึกแถว
 
ผู้คนเดินขวักไขว่ เพื่อนนั่งสามล้อมาตามถนนกับ ลั่นทม รั้งท้ายด้วยเมี่ยงที่มากับสามล้ออีกคัน
“จอดตรงนี้ก่อนสามล้อ”
สามล้อหยุดที่หน้าตึกแถวคูหาหนึ่ง ลั่นทมหันมาบอกเพื่อน
“ฉันจะเข้าไปรับของไหว้ผู้ใหญ่ หล่อนรออยู่ที่นี่ครู่เดียว ประเดี๋ยวฉันออกมา อ้อ แถวนี้คนรู้จักฉันเยอะ อย่าได้คิดทำอะไรที่ไม่เข้าท่า เพราะมันจะได้ไม่คุ้มเสีย”
ลั่นทมหันไปพยักหน้าให้เมี่ยงขยับเข้ามายืนคุม เพื่อนครุ่นคิดอยากหาทางเอาตัวรอด

อีกฝากของฝั่งถนน แพงรีบจ้ำเดิน จำปาเดินตาม
“เดี๋ยวสิอีแพง รีบจ้ำเป็นไล่ควายแบบนั้น ฉันตามแกไม่ทัน”
“ฉันอยากกลับแล้วนี่จำปา”
“แต่คุณนายกำชับว่าให้หาเสื้อผ้าสวยๆ ให้แกใส่ ยังไม่ได้สักชุดแกก็จะรีบกลับ”
“จะซื้อใหม่ทำไม เสื้อผ้าฉันก็ยังดีอยู่”
“มันก็จริง แต่เอามาแค่ชุดสองชุดมันจะไปพออะไร มาอยู่พระนครแล้วก็ต้องแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดีหน่อย ไปไหนมาไหนจะได้ไม่เสียไปถึงคุณนาย”
“แต่ว่า”
“ห่วงอาการพี่ลอน่ะสิ”
แพงพยักน้า
“ไม่ต้องห่วงหรอก มีหมอมาคอยดูแลพี่ลอของแกถึงบ้าน แล้วหมอคนนี้ฉันก็ได้ยินคุณนายว่าเคยรักษาคนที่เป็นมาเลเรียหายมาหลายรายแล้วด้วย มากับฉันเถอะอีแพง ฉัน จะแปงโฉมแกให้สวยอย่างสาวพระนครให้เอง”
จำปาไม่รอให้แพงปฏิเสธอีก รีบควงแขนดึงแพงพาเดินย้อนกลับไปทันที

เพื่อนยังรออยู่ที่หน้าคูหาหนึ่งของตึกแถวโดยมีเมี่ยงคอยจับตาดูไม่ห่าง เพื่อนครุ่นคิดกวาดตามองหาโอกาสที่จะหนี แต่เมี่ยงเหมือนรู้ทันเพราะจับตาดูเพื่อนตลอดเวลา จึงขยับเปิดชายเสื้อให้เพื่อนเห็นมีดพกที่เหน็บเอาไว้ที่เอว พร้อมใช้เล่นงานตลอดเวลาที่คิดจะหนี เพื่อนเคร่งเครียด กังวล แล้วก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ไม่ไกล
“มาทางนี้สิอีแพง แกต้องแวะร้านนี้ ไม่ต้องไปย่ำต๊อกร้านอื่นให้เมื่อยขา”
“ร้านไหนก็ได้จ้ะจำปา ฉันไม่เรื่องมากหรอก”
“งั้นเชื่อจำปาเถอะเดี๋ยวดีเอง”
จำปารีบดึงแพงเดินเข้าไปในร้านหนึ่งของคูหาริมถนน เสียงของแพงที่แว่วมาให้ได้ยินทำให้เพื่อนอดสงสัย ไม่ได้ พยายามชะเง้อคอมอง ก็เห็นแพงเดินผ่านหน้าไปแว่บๆ ไม่ค่อยถนัด
“อีแพง”
เพื่อนสงสัยอยากรู้มากกว่านี้ รีบลงจากสามล้อจะเดินไป แต่เมี่ยงรีบเข้ามาคว้าแขน
“ฉันเจ็บนะ”
เพื่อนพยายามจะแกะมือแต่เมี่ยงยิ่งบีบแน่น ระหว่างนั้นเสียงร้องโหวกเหวกของหญิง สาวที่เพิ่งถูกวิ่งราวกระเป๋าดังขึ้น ผู้คนแตกตื่น เมี่ยงหันไปมองแค่แว่บเดียว เพื่อนฉวยโอกาสจับแขนเมี่ยงขึ้นมากัดเต็มแรง เมี่ยงร้องเจ็บแต่ไม่มีเสียงเพราะเป็นใบ้ เพื่อนรีบวิ่งหนี
มาตรงบริเวณที่เห็นแพง พยายามมองหา
“อีแพง อีแพง อีแพง เอ็งอยู่ไหน ช่วยพี่ด้วย อีแพง”
เพื่อนร้องเรียก เข้าไปถามชาวบ้านที่เดินตามถนนอย่างน่าเวทนา
“เห็นอีแพงน้องสาวฉันรึเปล่าจ๊ะ ช่วยฉันด้วยเถอะจ้ะ ฉันถูกจับตัวมา”
เพื่อนพยายามเข้าไปถามชาวพระนครแต่งตัวดีเดินถนน แต่ทุกคนกลับไร้น้ำใจปัดมือเพื่อนเพราะเห็นว่าไม่ใช่กงการของตัว ระหว่างนั้นแพงกับจำปากำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ในคูหาไม่ไกลจากที่เพื่อนกำลังร้องหาน้องสาว แพงแว่วๆ ว่าได้ยินเสียงพี่สาว
“เดี๋ยวแกลองเอาชุดนี้ไปใส่ดูสิอีแพง คุณนายต้องชมว่าฉันสายตาถึงแน่”
“พี่เพื่อน”
“มีอะไรเหรออีแพง”
“ฉันว่าฉันได้ยินพี่เพื่อนเรียกหาฉันจ้ะจำปา”
“จริงเหรอ”
“จริงจ้ะ หูฉันไม่ได้แว่วแน่ๆ”
“เหรอ งั้นออกไปดูกัน”
จำปารีบพาแพงเดินออกจากคูหาร้านเสื้อผ้า เพื่อนเดินใกล้เข้ามาเกือบถึงคูหาที่แพงกำลังเดินออกมา
“อีแพง อีแพง เอ็งอยู่ไหน ช่วยพี่ด้วย อีแพง”
สองพี่น้องกำลังจะเดินมาเจอกัน แต่ทันใดนั้นเมี่ยงก็เข้ามาคว้าแขนเพื่อนเอาไว้อย่างดุดัน ลั่นทมตามเข้ามาด้วยความไม่พอใจ
“นังตัวดี แสบนักนะ”
เพื่อนถูกเมี่ยงเอามือปิดปากแล้วกระชากลากตัวออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่แพงกับจำปาเดินออกมา แต่มองไม่เห็นเพื่อนเพราะมีชาวบ้านเดินผ่านและบังพอดี
“แน่ใจเหรออีแพงว่าแกได้ยินเสียงพี่สาว ฉันไม่เห็นใครดูจะเป็นพี่สาวแกเลยสักคน”
แพงได้แต่ชะเง้อมองหา แต่ไม่เจอพี่สาวตัวเอง
“แกคงจะหูแว่วเพราะเป็นห่วงพี่มากกว่ามั้งอีแพง”

เพื่อนถูกเมี่ยงกับลั่นทมฉุดกระชากเข้ามาในตรอกเปลี่ยวๆ ไม่มีผู้คนเดินผ่าน เมี่ยงกระแทก เพื่อนเข้ากับกำแพงอย่างแรงจนเจ็บตัวแต่ก็ยังร้องดัง
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย”
“ไอ้เมี่ยง จัดการให้มันหุบปาก”
เมี่ยงเข้าไปบีบคอเพื่อนอย่างแรงจนหายใจไม่ออก
“ร้องอีกสินังเพื่อน ร้องให้คนมาช่วยหล่อน ฉันบอกให้ร้อง ร้องให้สุดเสียงเลย”
หน้าเพื่อนเริ่มคล้ำเพราะหายใจไม่ออก ตัวเริ่มกระตุกใกล้จะหมดลมหายใจ น้ำตาคลอ และก่อนที่ จะหมดลมหายใจคามือเมี่ยง ลั่นทมก็พยักหน้าสั่ง เมี่ยงจึงปล่อยมือออกจากคอเพื่อนทรุดฮวบ แต่ก็ยังถูกกระชากตัวขึ้นมาพร้อมเอามีดจ่อแก้ม
“ฉันอุตส่าห์ใจดี แต่หล่อนก็ยังรนหาที่”
“อย่า อย่า อย่าทำอะไรฉันเลย ฉัน ฉันกลัว กลัวแล้วจ้ะ”
“ปากเอ็งบอกว่ากลัว แต่เอ็งไม่ได้กลัวจริง เห็นทีข้าต้องทำให้เอ็งเสียโฉมซะแล้วล่ะมั้ง”
“ไม่ ไม่นะ อย่า อย่าทำฉัน ฮือๆๆ”
“ฉันตีค่าหล่อนให้สูงส่งกว่าทุกคนที่ฉันเคยชุบเลี้ยงมา แต่หล่อนกลับอยากลดค่าตัวเองไปเป็นแค่นางบำเรอชั้นต่ำ ก็ได้ ฉันจะเป็นธุระจัดการให้ เพราะฉันก็ไม่ชอบดันทุรัง ในเมื่อไม่รักดีก็ไม่ต้องได้ดี”
เมี่ยงเริ่มกดคมบีดลงบนแก้มเพื่อนช้าๆ เพียงแค่นั้นเพื่อนก็กลัวจนตัวสั่นและยอมในที่สุด
“ยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันยอมแล้วจ้ะ ฮือๆๆ”
ลั่นทมยิ้มร้ายแล้วแตะแขนสั่งให้เมี่ยงหยุด เมี่ยงจึงถอนมีดออกจากหน้าเพื่อน
“จำคำพูดหล่อนไว้นะนังเพื่อน ไปได้แล้ว”

ลั่นทมเข้าไปกระชากตัวเพื่อนพาตัวออกไป

บ้านโฉมฉายเป็นบ้านตึกใหญ่โตหรูหราบ่งบอกถึงความร่ำรวยขั้นเศรษฐี
 
รถสามล้อถีบเข้ามาจอดส่งแพงกับจำปาที่หน้าตึก หลังจ่ายสตางค์ค่าสามล้อเสร็จ แพงก็รีบวิ่งลงจากรถ จะตรงเข้าไปในบ้าน แต่เจอกับจำปี
“ว้ายๆๆ อกอีแป้นตาเถรตกบันได จะรีบไปไหนคะคุณแพง พื้นหินอ่อนมันลื่นประเดี๋ยวก็คะเมนตีลังกาหัวร้างข้างแตกหรอกค่ะคุณ”
“ฉันอยากเข้าไปดูอาการพี่ลอจ้ะป้า”
“ยังเข้าไปไม่ได้หรอกค่ะคุณ ตอนนี้หมอกำลังฉีดยาให้อยู่ ต้องรออีกสักพักก่อน”
แพงหน้าสลดไป
“เห็นมั้ยอีแพง ฉันก็บอกแกแล้วว่าไม่ต้องรีบ”
“นังจำปา ไปจิกเรียกคุณเขาแบบนั้นได้ยังไง”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะป้า เรียกฉันอีแพงน่ะดีแล้วจ้ะ อย่าเรียกฉันว่าคุณเลย มันจั๊กกะจี้หู”
“แต่คุณแพงเป็นหลานสาวคุณนายนะคะ”
“ตามใจมันเถอะจ้ะแม่ พอฉันไม่ยอมเรียกมันก็ไม่ยอมคุยกับฉัน ไม่งั้นมันไม่ยอมทิ้งเวลา นั่งเฝ้านายลอออกไปซื้อเสื้อผ้ากับฉันหรอก”
“ถึงฉันจะเป็นหลานของคุณน้าโฉม แต่ก็มาอาศัยใบบุญ ไม่ได้คิดจะมาอยู่สุขอยู่สบาย ยกตนข่มใครหรอกจ้ะป้า”
แพงพูดไปก็เหลือบมองเข้าไปในบ้าน เห็นหมอเดินออกมาก็ดีใจ
“หมอออกมาแล้ว ฉันเข้าไปดูพี่ลอก่อนนะจ๊ะ”
แพงรีบเข้าไปในบ้าน จำปีมองตามแล้วรู้สึกชื่นชอบแพง
“นิสัยอีแพงนี่มันน่าคบนะจำปา เป็นสาวบ้านนอกคอกนาแต่ใจมันสูงกว่าหลายคนในพระนครซะอีก”
“แม่น่ะรู้ช้า ไม่ต้องมาสอนฉันหรอก เชื่อจำปาเถอะเดี๋ยวดีเอง”
จำปาพูดไปก็ยักคิ้วกวนๆ จำปีหันมาค้อนลูกสาว

แพงรีบวิ่งเข้ามาเจอโฉมฉายกำลังเดินมากับหมอ
“ช้าๆๆแพง เดี๋ยวก็ลื่นล้มหรอก”
“แพงขอโทษจ้ะน้าโฉม เห็นคุณหมอออกมาแล้ว แพงเลยอยากรู้ว่าพี่ลอฟื้นแล้วรึยังจ๊ะ”
“นายลอยังไม่ฟื้นตอนนี้หรอกแพง”
“ทำไมล่ะจ๊ะน้าโฉม หมอฉีดยาให้พี่ลอแล้ว ทำไมพี่ลอยังไม่ฟื้นอีกล่ะจ๊ะ หรือว่าอาการของพี่ลอจะสาหัสเกิน แม้แต่หมอพระนครก็ช่วยไม่ได้”
แพงตกใจเป็นห่วงมากจนโฉมฉายต้องหันไปยิ้มกับหมอแล้วเข้ามาโอบแพงอย่างเอ็นดู
“ไม่ใช่หรอกจ้ะแพง หมอเพิ่งบอกน้าเองว่าอาการของนายลอดีวันดีคืน แต่ที่ยังไม่ฟื้นตอนนี้เพราะอาการค่อนข้างหนักมา ต้องใช้ระยะเวลาสักพักนายลอถึงจะฟื้น”
“จริงเหรอจ๊ะหมอ”
หมอยิ้ม พยักหน้ารับ แพงดีใจจนออกนอกหน้าโผเข้าไปกอดหมอ
“อีแพงดีใจเหลือเกิน ขอบใจหมอมากจ้ะ หมอเก่งสมกับที่ใครๆ เขาว่าเป็นหมอเทวดาของพระนครจริงๆ เลยจ้า”
“หมอเทวดาเลยเหรอ”
หมอเขิน หันมายิ้มกับโฉมฉาย

แพงกับโฉมฉายพากันเข้ามาดูอาการของลอที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าดูมีสีเลือดมากกว่าตอนอยู่ที่บ้านสร้าง พระของเทิดยังห้อยคออยู่ ไม่ได้ถูกถอดออก แพงขยับเข้าไปใกล้ลอ มองด้วยความห่วงหาอาทร แล้วหันไปหยิบผ้ามาชุบน้ำบิดเช็ดหน้าเช็ดตาให้
“หมอเขาบอกน้าว่า นายลอทำบุญมาดี ถ้ามาถึงพระนครช้ากว่านี้อีกนิดเดียว มาเลเรียขึ้นสมอง ยาอะไรก็คงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้”
“พี่ลอเป็นคนดีจ้ะน้าโฉม พระของพ่อที่ห้อยคออยู่เป็นเครื่องยืนยันว่าพี่ลอจะไม่มีวันทำเรื่องผิดศีลผิดธรรม ถ้าเผลอผิดคำสาบานเมื่อไหร่ พี่ลอก็ขอตายสถานเดียว”
“เรื่องนี้น้าก็พอจะได้ยินหลวงพ่อเล่าให้น้าฟังบ้าง น้านับถือความดีของนายลอ ดีใจที่ได้ช่วยคนดี”
“จ้ะน้าโฉม โดยเฉพาะคำสาบานที่พี่ลอจะแต่งงานกับพี่เพื่อน พี่ลอถึงตายไม่ได้เพื่อได้พบพี่เพื่อนอีกครั้ง”
“เรื่องแม่เพื่อน ไม่ต้องห่วงนะแพง น้าได้แจ้งข่าวให้พรรคพวกน้ารู้แล้ว ถ้าได้ข่าวคราวเมื่อไหร่ เราจะรีบไปช่วยแม่เพื่อนทันที”
แพงยิ้ม แล้วจับมือลอมาบีบแน่นอยากให้รับรู้
“พี่ลอจ๊ะ พี่ลอได้ยินมั้ย พี่ลอต้องรีบฟื้นขึ้นมานะ พี่เพื่อนกำลังรอให้พี่ไปช่วยเขาอยู่ พี่ลอจ๋า”
ลอนอนนิ่งโดยมีแพงคอยเฝ้าอย่างห่วงใย

ภายในห้องบิลเลียดของสมาคม มานพเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสวมสูทตามยุคสมัย บริกรของสมาคมเอาเหล้าวิสกี้ใส่ถาดมาเสิร์ฟ มานพก้มหน้าแทงลูกบิลเลียดลงหลุมอย่างแม่นยำ ระหว่างนั้นก็เหลือบเห็นวิชิตควงแรมเข้ามา ท่าทางอี๋อ๋อของแรมแสดงความสนิทสนมกับวิชิต ไม่ทำให้มานพแปลกใจเพราะรู้จักคารมของวิชิตดี
“รอผมสักครู่นะครับคุณแรม เดี๋ยวผมมา”
วิชิตยกมือแรมขึ้นมาหอมหลังมืออย่างสุภาพ แรมทำเป็นยิ้มเอียงอายให้วิชิตจนกระทั่งเขาเดินออกไป เธอจึงเดินเข้ามาหยิบแก้ววิสกี้ เข้าหามานพที่ยังก้มหน้าแทงลูกบิลเลียด
“สวัสดีค่ะคุณมานพ ดิฉันขออนุญาตชนแก้วกับคุณได้มั้ยคะ”
“ได้สิครับคุณผู้หญิง”
“เรียกฉันแรมก็ได้ค่ะ คุณวิชิตพูดถึงคุณให้ฉันฟังแล้ว ขอชื่นชมจากหัวใจเลยค่ะกับตำแหน่งว่าที่ทนายที่หนุ่มที่สุดของพระนคร”
“วิชิตมันก็ฟุ้งไปเรื่อย อย่าไปเอาความอะไรกับคารมมันเลยครับคุณแรม”
“นั่นสิคะ คุณวิชิตเป็นสุภาพบรุษเจ้าคารี้สีคารม คุยด้วยกันแค่ประเดี๋ยว ถ้าใจไม่แข็งพอก็คงเผลอใจให้ง่ายๆ”
แรมพูดไปก็ยิ้มหวานยั่ว ขยับเข้าไปหยิบไม้แทงบิลเลียดมาก้มๆ เงยๆ เล็งลูกบิลเลียด
“เห็นคุณมานพเล่นบิลเลียดเก่ง ช่วยสอนฉันได้มั้ยคะ ฉันอยากจะเก่งอย่างคุณบ้าง”
“ได้สิครับคุณแรม”
แรมก้มๆ เงยๆ แทงลูกบิลเลียดผิดๆ ถูกๆ มานพเข้าไปสอนเลยมีการโอบจับมือ ใบหน้าใกล้ชิดกันมาก แรมยิ้มยั่วแล้วแกล้งเผลอจมูกชนแก้มมานพ ทั้งสองสบสายตากันอย่างมีเลศนัย

เพื่อนยืนก้มหน้าก้มตาประหม่าและกลัวอยู่ข้างๆ เมี่ยงที่ยืนประกบตลอดเวลา กลางห้องล็อบบี้ของสมาคมที่มีแต่ผู้ดีเข้ามาพักผ่อน ดื่ม สูบไปป์ ลั่นทมพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
“เข้ามาสิแม่เพื่อน จะไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ฉันจะแนะนำหล่อนให้รู้จักกับคุณหลวง”
เพื่อนส่ายหน้าและพยายามจะถอยออกไปแต่เจอเมี่ยงยืนขวาง ลั่นทมต้องเข้ามาบีบแขนบังคับ
“หล่อนพูดเองนะว่าจะยอมที่ฉันสั่งทุกอย่าง”
“แต่ แต่ฉันกลัว”
“ที่นี่สมาคมนักเรียนนอก มีแต่ผู้ดีคนมีการศึกษาทั้งนั้น ตามฉันมาแล้วหล่อนจะต้องขอบใจฉันทีหลัง เวลาที่ได้ผัวรวยๆ จากที่นี่ไปเพราะฉันเป็นคนแนะนำ”
ลั่นทมรีบดึงแขนเพื่อนให้ตามไปหาที่โต๊ะประจำของคุณหลวงคนหนึ่งซึ่งเป็นชายสูงวัยผมขาว แต่งตัวอย่างผู้ดี ลั่นทมยัดห่อของขวัญเป็นขวดสุราให้ถือไว้
“กราบคุณหลวงเจ้าค่ะ”
“อ้าว แม่ลั่นทม มาแล้วเหรอ นี่น่ะเหรอ ดอกไม้งามที่หล่อนไปโพนทะนาเรียกให้ฉันมาดูตัว”
“เจ้าค่ะ ประยงค์ หลานสาวของอิฉันเพิ่งมาจากลพบุรี ประยงค์จ๊ะ ของฝาก”
เพื่อนงงๆ ลั่นทมต้องเข้าไปกระซิบ

“ชื่อใหม่ของหล่อน จำไว้ให้ขึ้นใจ เอาของฝากให้คุณหลวงสิ”

เพื่อนโดนบังคับให้ต้องขยับเข้าไปมอบขวดเหล้าวิสกี้กับมือ คุณหลวงยื่นมือรับแล้วฉวยโอกาสจับมือเพื่อน มากุมเอาไว้
 
“เธอคงต้องเป็นดอกประยงค์แรกแย้มที่หอมชื่นใจฉันทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่”
เพื่อนตกใจรีบดึงมือออกแล้วถอยไปหลบหลังลั่นทม คุณหลวงถึงกับหัวเราะชอบใจ มองเหล้าวิสกี้ในมือ
“รู้ใจซะด้วยว่าฉันชอบวิสกี้ฝรั่ง มาสิ มานั่งใกล้ๆ ฉันแล้วมาดื่มด้วยกัน”
“คุณหลวงเรียกก็ไปสิประยงค์”
เพื่อนไม่ยอมลุก ลั่นทมต้องบีบมือแล้วดันให้เข้าไป คุณหลวงรีบคว้าตัวเอาไว้ แล้วจับมานั่งใกล้ๆ เพื่อนหน้าเสีย

บริเวณทางเดินหน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แรมเดินมาตามทางคนเดียวแล้วหยุดที่หน้าห้อง มีสุภาพบุรุษหนุ่มเดินออกมาจากห้อง หลังเข้าไปทำธุระเสร็จเรียบร้อย แรมเห็นไม่มีใครก็เอาป้าย “ห้ามเข้ากำลังป้ายทำความสะอาด” มาขวางไว้ แล้วเปิดประตูเข้าไป คล้อยหลังแรมหายเข้าไปไม่นาน มานพก็เดินตามเข้ามา แล้วหยุดมองป้ายห้ามเข้า ยิ้มรู้ทัน กวาดตามองรอบๆ ไม่มีใครแล้วจึงเปิดประตูตามเข้าไป
มานพเดินเข้ามาเจอแรมยืนรออยู่ สองคนสบตากันด้วยอารมณ์เร่าร้อน แรมค่อยๆ ปลด กระดุมเม็ดบนเผยให้เห็นเนินอก มานพยิ้มกริ่มสายตาเจ้าชู้แล้วเข้าไปรวบแรมมาจูบทันที

ภายในห้องล็อบบี้สมาคม คุณหลวงคะยั้นคะยอให้เพื่อนดื่มวิสกี้
“ดื่มเป็นเพื่อนฉันสิประยงค์ ดื่มสิ”
“ไม่ ฉันไม่กิน อย่ามายุ่งกับฉัน”
เพื่อนปฏิเสธแล้วปัดมือจนแก้วคริสตัลราคาแพงในมือคุณหลวงตกแตกกระจาย ลั่นทมชะงักอึ้งไป
“ขอโทษด้วยเจ้าค่ะคุณหลวง ประยงค์ทำไมเสียมารยาทอย่างนี้ ประเดี๋ยวเถอะ”
“ไม่ต้องไปดุประยงค์หรอก ฉันเองก็ผิดที่ไปฝืนใจประยงค์เขา”
“ประยงค์เพิ่งมาพระนครครั้งแรก เลยยังไม่ประสีประสาเท่าไหร่เจ้าค่ะ”
“งั้นต่อไปถ้าได้มาเป็นเมียฉัน ฉันจะสอนการเข้าสังคมให้เอง”
“คุณหลวงแสดงเจตนามาอย่างนี้ ก็แสดงว่าอยากจะรับเอาไปเลี้ยงดูเป็นเมียสามเมียสี่แล้วใช้มั้ยเจ้าคะ”
“จะให้ฉันจ่ายเธอเดี๋ยวนี้เลยรึเปล่าล่ะแม่ลั่นทม ฉันจะได้พากลับไปกับฉันเลย”
“คุณหลวงก็ทราบนี่เจ้าคะ หลานสาวของดิฉันแต่ละคน เป็นดอกไม้งามที่มีแต่หมู่ภมรหมายตา อิฉันจะรับปากคุณหลวงตอนนี้ก็เกรงใจคนอื่น”
“งั้นฉันให้คำมั่นกับเธอเลยแม่ลั่นทม สำหรับดอกประยงค์ช่อนี้ ถึงเวลาประมูลเมื่อไหร่ ฉันนี่แหละเจ้าบุญทุ่มแน่นอน”
คุณหลวงพูดพร้อมสายตาหื่นเจ้าชู้ใส่เพื่อน เพื่อนสะดุ้งตกใจรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที ลั่นทมยิ้มร้าย ไม่กลัวว่าเพื่อนจะหนีรอดพ้นเงื้อมือ
เพื่อนวิ่งออกมาอย่างตื่นกลัวแต่ชะงักเมื่อเจอเมี่ยงยืนดักรอที่สุดทางเดิน เพื่อนจะถอยก็เจอ ลั่นทมตามเข้ามาขวางอีก
“จะต้องให้เตือนกันกี่ครั้ง หล่อนไม่มีทางหนีไปจากฉันได้หรอกแม่เพื่อน”
ลั่นทมพูดพร้อมกับพยักหน้าให้เมี่ยงตรงเข้าไปหา เพื่อนตกใจกลัวเมี่ยงเลยรีบปฏิเสธ
“อย่าเข้ามา ฉัน ฉันไม่ได้คิดจะหนี”
“แล้วหล่อนจะไปไหน”
“ฉัน ฉันกลัวคุณหลวง”
“คุณหลวงท่านใจดีมีเมตตากับหล่อน ยิ่งแสดงเจตจำนงว่าอยากได้หล่อนไปเป็นเมีย หล่อนควรจะดีใจมากกว่า”
“แต่ แต่ว่าฉัน”
“ไม่มีคำว่าแต่ ได้เวลาต้องพาหล่อนกลับไปฝึกเรื่องมารยาทบ้างแล้ว ฉันต้องให้หล่อนพร้อมที่สุดสำหรับวันประมูล”
ลั่นทมพูดพร้อมเข้าไปจับแขนเพื่อนจะพาไป แต่เพื่อนร้องขึ้น
“ฉันปวดท้อง ขอเข้าห้องน้ำได้มั้ย”
“ฉันตามไปเฝ้าหล่อนถึงในห้องน้ำได้ หล่อนรู้ใช่มั้ยว่านั่นไม่ใช่ทางหนี”
เพื่อนพยักหน้า ยอมจำยอม

แรมกลัดกระดุมเสื้อแล้วจัดผมเผ้าให้เข้าที่ก่อนจะหันไปหยิบสูทมาช่วยสวมทับให้มานพ แรมสวมกอดมานพ ซบหน้ากับแผ่นอกอย่างออดอ้อน
“ฉันคงฝังใจไม่รู้ลืมกับแผ่นอกของคุณ เวลาที่ฉันซุกหน้าแนบไว้แบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น เหมือนลูกนกตัวเล็กๆ ที่กำลังหาที่พักพิง”
“ถ้าเปรียบคุณเป็นลูกนก คุณก็เป็นลูกนกที่น่าถนอมเช่นกันครับคุณแรม”
“ถ้าอย่างนั้น สนใจจะพาลูกนกไปป้อนข้าวป้อนน้ำกันต่อที่โอเรียลเต็ลมั้ยล่ะคะ”
“แต่วิชิตรอคุณอยู่”
“ฉันไม่อยากนั่งรถไปชมสะพานพุทธกับคุณวิชิตแล้ว ฉันจะบอกเขาว่าฉันไม่สบาย”
“อย่าดีกว่าครับคุณแรม ผมว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง ผมเห็นคุณอยากสนุก ผมก็แค่ช่วยสนองความอยากของคุณ หลังจากเราสนุกกันพอแล้ว ก็ถึงเวลาต้องแยกกันไป”
“คุณมานพ”
“วิชิตถามผมว่าทำไมผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณผมถึงไม่สนใจ ผมอยากจะตอบเหลือเกินว่า จนกว่าผมจะได้เจอยอดชีวาของผม ผู้หญิงอย่างคุณก็เป็นได้แค่ดอกไม้ริมทางสำหรับผม ก็เท่านั้น”
แรมไม่พอใจปรี่จะเข้าไปตบ แต่มานพร้ายใส่ด้วยการจับมือไว้ แล้วมองหน้าเอาเรื่อง
“อย่าคิดลองดีกับผม เพราะถ้ามีปัญหากับผมแล้ว คุณจะไม่กล้าเดินตามถนนแน่นอน”
“ฉันไม่กลัวคำขู่”
“ลองดูมั้ย ระหว่างหญิงที่ไม่รู้ว่าอ่านหนังสือได้ครบทุกตัวรึเปล่า กับชายที่รู้กฏหมายดีทุกตัวอักษร ในยุคบ้านเมืองก้าวสู่ความศิวิไลซ์แบบนี้ ใครจะอยู่ใครจะไป”
มานพผลักแรมจนเซติดผนังแล้วหยิบหวีขึ้นมาเสยผมให้เรียบตามเดิมก่อนจะออกไป
 
ทิ้งให้แรมยืนอึ้งตะลึง ไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายที่ร้ายกาจกว่าตัวเองได้ขนาดนี้ 

เพื่อนทำธุระในห้องน้ำเสร็จเดินออกมา มีลั่นทมตามติดแจ
 
“หมดธุระของหล่อนแล้วรึยัง หวังว่าคงไม่มีข้ออ้างประวิงเวลาอะไรกับฉันอีก”
“เหลือเวลาให้ฉันเป็นอิสระอีกเท่าไหร่”
“ฉลาดหัวไวอย่างหล่อน ฉันคงเสียเวลาฝึกเรื่องมารยาทสังคมสักอาทิตย์ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ฉันต้องเลือกผัวให้หล่อน”
“อาทิตย์เดียว”
ลั่นทมยิ้มรับแล้วจับแขนเพื่อนพาเดินไปด้วยกัน เพื่อนน้ำตาคลอที่รู้ชะตากรรมตัวเองเหลืออยู่แค่ 1 อาทิตย์ ระหว่างนั้น เพื่อนเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีแต่งตัวด้วยสูทอย่างสุภาพเดินผ่านเข้ามา มานพมองเพื่อนเช่นเดียวกัน แล้วชะงักอึ้งไป
ความสวยของเพื่อนสะกดมานพให้หยุดนิ่งมองและอดที่จะถอดหมวกโน้มศีรษะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษทักทายให้ไม่ได้ แต่ลั่นทมไม่สนใจชายหนุ่ม เพราะไม่ใช่เป้าหมายในการขายเพื่อน เลยเพียงแค่ยิ้มรับตามมารยาทแล้วพาเพื่อนออกไป มานพได้แต่ยืนมองตามด้วยหัวใจเต้นระรัว วิชิตเข้ามาตบบ่า
“เฮ้ย ไอ้เพื่อนยาก มายืนทำอะไรตรงนี้วะ”
“คำถามที่ฉันไม่เคยตอบแกได้เลย วันนี้ฉันได้คำตอบแล้ว”
มานพพูดเพียงแค่นั้นแล้วรีบเดินตามเพื่อนกับลั่นทมออกไป วิชิตมองงงๆ

ลั่นทมพาเพื่อนมาที่สามล้อซึ่งจอดรออยู่หน้าตึกพร้อมกับเมี่ยง มานพรีบตามออกมามองหาอย่างตื่นเต้น พอเห็นว่าหญิงสาวที่สะกดเขาเอาไว้ยังไม่ไป ก็รีบเข้าไปหาทันที
“อย่าเพิ่งไปครับคุณผู้หญิง”
มานพจะเข้าไปถึงตัวเพื่อน แต่เมี่ยงไม่ไว้ใจ รีบไปขวาง
“ใจเย็นๆ ฉันไม่ได้มีประสงค์ร้ายกับคุณผู้หญิงเจ้านายของแกหรอก”
เมี่ยงไม่สนใจคำพูดของมานพเพราะไม่ได้ยินอยู่แล้ว เลยขยับใกล้และผลักอก แต่มานพจับข้อมือเมี่ยง แล้วบิดทันทีแสดงให้เห็นว่าก็พอมีฝีมือพอตัว
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ใช้กำลังอย่างอันธพาล อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
ลั่นทมรีบเข้าไปห้าม
“พอได้แล้วไอ้เมี่ยง หลบไป”
เมี่ยงเดินออกไปอย่างเจ็บใจ
“ขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าสุภาพบุรุษท่านนี้คือ”
“ผมมานพ ประเสริฐศิลป์ ต้องขออภัยคุณผู้หญิงที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาอย่างไม่มีมารยาท เพียงเพราะว่าผมไม่อยากพลาดโอกาสได้ทำความรู้จักกับ”
“ประยงค์ หลานสาวของดิฉันน่ะเหรอคะ”
“คุณประยงค์”
มานพสบตากับเพื่อนด้วยความจริงจัง แสดงออกว่าชื่นชอบและหลงเสน่ห์
“ดิฉันขอชื่นชมในความกล้าที่จะทำความรู้จักของคุณนะคะคุณมานพ สำหรับชายหนุ่มวัยอย่างคุณ ดิฉันพอเข้าใจและจะไม่ถือเอาความว่าเป็นการไร้มารยาท ขอตัวนะคะ”
ลั่นทมหันไปจับแขนเพื่อนให้ขึ้นรถ แต่ก่อนที่เพื่อนจะถูกพาขึ้นรถ เธอเหลียวกลับไปมองมานพแล้วคิด ตัดสินใจ แกล้งทำเป็นก้าวขึ้นรถสามล้อพลาดแล้วตกลงมาเจ็บข้อเท้า
“โอ๊ย”
มานพเป็นห่วงรีบพุ่งเข้าไปช่วยประคองเอาไว้ทันที
“ระวังครับคุณประยงค์”
เพื่อนหันมาซบบ่าของมานพแล้วกระซิบบอกทันที
“ช่วยฉันด้วยค่ะ ฉันถูกหลอกมาขายที่ซ่องคุณนายลั่นทม ฉันเหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียว กรุณาช่วยฉันด้วย”
มานพอึ้งไป ไม่คาดคิด และสบตากับเพื่อนที่น้ำตาคลอ เป็นการช่วยยืนยันคำพูดนั้น ลั่นทมไม่ค่อยพอใจที่มานพเข้าไปประคองเด็กสาวของตนจึงพยักหน้าให้เมี่ยงเข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน เพื่อนถูกเมี่ยงลากไปขึ้นสามล้อแล้วพากันออกไป มานพยืนอึ้ง รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าที่กระเป๋าอกเสื้อ มีผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยที่หญิงสาวคนนั้นเหน็บทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า มานพกำผ้าเช็ดหน้าแน่น

แพงเอาถ้วยข้าวต้มมาเป่าไล่ความร้อน เพื่อป้อนให้ลอ
“พี่ลอจ๊ะ กินน้ำข้าวต้มอุ่นๆ หน่อยนะจ๊ะ พี่ลอจะได้แข็งแรงลุกขึ้นมาไวๆ”
แพงตักน้ำข้าวต้มแล้วป้อนใส่ปากลอทีละนิด แต่น้ำข้าวต้มก็ไหลออกจากข้างปากเพราะลอยังไม่สามารถ กลืนได้เอง แพงสงสารลอ
“พี่ลอจ๋า กินสักหน่อยเถอะนะจ๊ะ ถ้าไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แล้วพี่ลอจะมีแรงไปตาม หาพี่เพื่อนได้ยังไง นะจ๊ะพี่ลอจ๋า”
แพงพยายามจะป้อนน้ำข้าวต้มให้ลออีก แต่ระหว่างนั้นโฉมฉายเข้ามาพร้อมกับพยาบาลคนหนึ่ง
“ไม่ต้องทำอย่างนั้นจ้ะแพง สภาพนายลอตอนนี้ยังให้ข้าวให้น้ำไม่ได้หรอก”
“แต่แพงห่วงพี่ลอถ้าไม่ได้กินอะไรเลย พี่ลอจะหายช้าจ้ะน้าโฉม”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ หมอสั่งให้นางพยาบาลมาช่วยให้น้ำเกลือกับนายลอแล้ว”
“น้ำเกลือ อ๋อ แพงเคยอ่านเจอในหนังสือของหลวงพ่อ มันช่วยได้จริงๆ เหรอจ๊ะน้าโฉม”
“จริงสิจ๊ะ เดี๋ยวแพงออกไปกับน้าก่อน แล้วให้พยาบาลเขาเป็นธุระดูแลให้”
“แต่ว่า”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาลเขาบ้างเถอะจ้ะ แพงเอาแต่เฝ้าทั้งวันทั้งคืนไม่ได้พักผ่อน เดี๋ยวจะพาลล้มป่วยไปด้วยอีกคนนะ”

โฉมฉายเข้าไปโอบไหล่พาแพงออกไปด้วยกัน แต่แพงก็ยังตาละห้อยมองลอ

เพื่อน แพง ตอนที่ 9 (ต่อ)

ภายในห้องของโฉมฉายตกแต่งอย่างหรูหรา
 
มีข้าวของเครื่องประดับแสดงถึงฐานะที่ร่ำรวย แพงตามโฉมฉายเข้ามา แล้วอดมองข้าวของพวกนั้นไม่ได้ เพราะแปลกตาไม่เคยเห็น
“มานั่งใกล้ๆ น้าตรงนี้สิจ๊ะแพง”
แพงเดินเข้าไป แล้วนั่งลงที่พื้นไม่นั่งบนโซฟาเดียวกับโฉมฉาย
“ไปนั่งพื้นทำไม มานั่งบนนี้กับน้าสิจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะน้าโฉม เดี๋ยวแพงจะทำข้าวของแพงๆ ของน้าเปื้อนซะเปล่า”
“นี่ เนื้อตัวแพงไม่ได้เปื้อนดินเปื้อนโคลนเหมือนอยู่บ้านสร้างแล้วนะ ดูตัวเองเข้าสิ ได้แต่งเนื้อแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ แล้ว แพงของน้าก็สวยไม่แพ้พี่สาวอย่างที่เขาร่ำลือเลยนะจ๊ะ”
“แพงไม่มีทางสวยเท่าพี่เพื่อนหรอกจ้ะน้าโฉม พี่เพื่อนเขาสวยที่สุดในบ้านสร้าง ไปงานไหนเขาก็ได้เป็นเทพีทุกงาน”
“ข้อนั้นน้าไม่เถียง แม่เพื่อนคงสวยอย่างนางฟ้านางสวรรค์ ส่วนแพงของน้าก็สวยอย่างดอกไม้กำลังแรกแย้ม ที่สำคัญแพงยังรู้หนังสืออ่านออกเขียนได้อีก หาไม่ได้ง่ายๆ นะ”
“เพราะหลวงพ่อบังคับให้แพงเรียนจ้ะน้าโฉม ตอนเป็นเด็กพ่อด่าแพงประจำว่ากะโหลกกะลา ไม่เอาถ่านอะไรสักอย่างดีแต่ซนให้เดือดร้อน หลวงพ่อก็เลยจับแพงให้ไปเรียนหนังสือ จะได้ไม่ไปซนให้พ่อเขาด่าเขาตี”
“น้าผิดเอง ถ้าตอนนั้นน้ากล้าพอที่จะเอาแพงมาอยู่กับน้าด้วย ป่านนี้แพงของน้าก็คง”
“ทุกวันนี้แพงก็มีความสุขดีแล้วจ้ะน้าโฉม”
“แต่ยังไม่พอสำหรับน้าจ้ะ ตอนนี้อาการนายลอก็กำลังดีวันดีคืน น้าจะให้แพงไปเรียนหนังสือหาความรู้ใส่ตัวเยอะๆ ดีมั้ยจ๊ะ”
“แต่แพงอยากเฝ้าพี่ลอ อยากคอยฟังข่าวคราวของพี่เพื่อน”
“เรื่องนั้นให้เป็นหน้าที่ของพยาบาล เป็นหน้าที่ของน้าเถอะจ้ะ นะจ๊ะแพง เพื่ออนาคตของแพงที่น้าอยากชดเชยให้พี่สาวของน้าได้ภูมิใจ”
แพงนิ่งไป แม้อยากปฏิเสธ แต่เพราะโฉมฉายขอร้อง เธอจึงได้แต่นิ่งเงียบเป็นการตอบรับ

แพงเดินมายหยุดแถวหน้าห้อง แล้วชะโงกหน้ามองผ่านประตูห้องที่แง้มเอาไว้ เห็นพยาบาลปรับสายน้ำเกลือให้ลอ แล้วช่วยห่มผ้าให้ก่อนจะเสร็จธุระดูแล พยาบาลปิดไฟ แล้วเดินออกจากห้อง แพงหลบอยู่หน้าห้องไม่ให้ใครเห็น รอจนพยาบาลไปพ้นแล้ว จึงค่อยๆ แง้มประตูเข้าไปหาลอ จับมือลอขึ้นมาแนบแก้มตัวเองน้ำตาคลอ
“พี่ลอจ๋า ฉันชื่นใจไปเปลาะหนึ่งที่ได้เห็นพี่ลอมีคนช่วยดูแล แต่ใครก็มาห้ามไม่ให้ฉันมา เฝ้าพี่ลอได้หรอกจ้ะ”
แพงพูดไปก็มองหน้าลอที่ยังนิ่งเหมือนนอนหลับ ใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้เผลอเอามือลูบแก้มลอ
“น้าโฉมดีกับฉัน ทุกคนในบ้านก็ดีกับฉัน แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านสร้าง ที่นี่ไม่มีลำกระโดงให้เราลงไปเล่นน้ำ ไม่มีทุ่งนาให้เราไปหว่านไถ พี่ลอจ๊ะ พี่ลอต้องหายไวๆ นะ เราจะได้พากันกลับบ้านสร้างด้วยกัน พร้อมกับพี่เพื่อนไงจ๊ะพี่ลอ”
แพงน้ำตารื้นบอกลอแล้วหลับตานั่งซบหน้ากับแผ่นอกลออยู่ข้างเตียง ก่อนจะหลับไปอย่างเหนื่อยล้า นิ้วลอเริ่มกระดิกเบาๆ เป็นสัญญาณว่าเริ่มจะรู้สึกตัวบ้างแล้ว

เพื่อนถูกเมี่ยงฉุดกระชากอย่างแรงเข้ามาในห้อง
“ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เพื่อนพยายามขัดขืน สะบัดตัวแล้วหันไปตบหน้าเมี่ยง เมี่ยงจิกหน้าดุ
“อย่านะ อย่าเข้ามา ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เพื่อนกลัวเมี่ยงจนลนลานผงะถอยหลังไปล้มบนเตียงนอนแล้วต้องตกใจเพราะคนที่เข้ามาจับไหล่ไว้คือคุณหลวงผู้หื่นกระหาย
“เธอหนีฉันไม่รอดหรอกแม่ประยงค์ดอกหอมชื่นใจ”
คุณหลวงยื่นหน้าเข้ามาซุกไซ้ เพื่อนพยายามสะบัดแต่สู้แรงไม่ได้โดนคุณหลวงตบหน้าอย่างแรงแล้วล้มลง บนเตียง คุณหลวงตามไปจับกดไหล่เอาไว้
“อย่า อย่า ช่วยด้วย ช่วยด้วย พี่ลอ ช่วยฉันด้วย”
เพื่อนกำลังจะถูกคุณหลวงปลุกปล้ำ ทันใดนั้นประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างแรงพร้อมกับลอที่ดูขึงขัง
“แม่เพื่อน”
“พี่ลอ ช่วยฉันด้วย”
ลอกัดกรามแน่นแล้วพุ่งเข้าไปจะช่วย แต่เมี่ยงเข้ามาขวางแล้วเปิดฉากแลกหมัดกับลอก่อนจะโดนลอ เล่นงานจนสลบเหมือด คุณหลวงเห็นลอเอาจริงก็ตกใจจะวิ่งหนี แต่ลอกระชากคอคุณหลวงมาจ้องเขม็ง
“มึงข่มเหงแม่เพื่อนของกู”
ลอชกเข้าหน้าคุณหลวงทีเดียวดั้งหักเลือดอาบทรุดหมดสติ
“พี่ลอ พี่ลอมาช่วยฉัน พี่จ๋า”
“แม่เพื่อนของพี่”
ลอกับเพื่อนกำลังจะสวมกอดกัน แต่เสียงปืนดังขึ้น ลอชะงักอึ้ง เพื่อนตกใจหน้าเสีย เห็นลั่นทมเป็นคนยิงลอเข้ากลางหลัง
“พี่ลอ”
เพื่อนสะดุ้งสุดตัว
“พี่ลอ”
เพื่อนตกใจแล้วพบว่าตัวเองแค่ฝันไป เสียงของแรมที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงก็ดังขึ้นดับความคิดของเพื่อน
“ร้องเรียกหาคู่หมั้นซะดังลั่น อยากรู้ซะจริงว่าแกฝันดีหรือฝันร้าย หึนังเพื่อน”
“พี่แรม”
“แต่ก็ช่างเถอะ จะฝันดีหรือฝันร้ายมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของฉันที่จะต้องรู้”
“ไสหัวไปให้พ้น จะไปลงนรกขุมไหนก็ไป ไป”
“แน่ใจเหรอว่าจะไล่ฉันไปให้พ้นหูพ้นตา ถ้าฉันไปแล้ว แกจะอดรู้เรื่องของไอ้ลอนะ”
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ลอ”
“แกจำคนแจวเรือที่ช่วยฉันพาแกมาได้มั้ย วันนี้ฉันเจอมันแถวปากคลองตลาด มันเล่าให้ฟังว่า ไอ้ลอเป็นไข้ป่าอาการสาหัสใกล้ตายเข้าไปทุกทีแล้ว”
“ไม่จริง แกโกหก”
“รู้อยู่แล้วว่าแกต้องไม่เชื่อ แต่ฉันไม่จำเป็นต้องมาโกหกแก เพราะค่าตัวแกเป็นพันบาท ที่ได้จากคุณพี่ มันก็ทำให้ฉันมีเหลือกินเหลือใช้ เอาเป็นว่าข่าวไอ้ลอที่ฉันมาบอกแกก็ถือว่าเป็นสมนาคุณให้ก็แล้วกัน”
แรมหัวเราะอย่างสมเพชเพื่อน แล้วเดินออกไป เพื่อนได้แต่นิ่งตะลึง น้ำตาคลอ
“พี่ลอ เป็นไปไม่ได้ พี่ลอมาช่วยฉันไม่ได้ ไม่จริง ไม่จริง”

เพื่อนปล่อยโฮแล้วซุกหน้ากับหมอนร้องไห้สะอื้น

บ้านตึกหรูหรา เป็นบ้านของพระยารัตนวงศ์หรือเจ้าคุณรัตน์
 
ภายในบ้าน เจ้าคุณรัตน์และมานพพร้อมพรรคพวกของเจ้าคุณทั้งหมอ เถ้าแก่ เจ้าของธุรกิจกำลังนั่งจิบน้ำชา คุยกันเรื่องเศรษฐกิจในยุคนั้น
“เดี๋ยวนี้เงินไทยหนึ่งร้อยบาทแลกเงินฮ่องกงได้ 137 เหรียญครึ่ง แลกเงินนิวยอร์คได้ 30 เหรียญทอง แลกเงินสิงคโปร์ได้ 78 เหรียญ แลกเงินอินเดียได้ 120 รูปี”
“แต่ถึงเงินไทยจะแลกได้น้อยก็ไม่กระทบกับสมบัติพัสถานของท่านเจ้าคุณหรอกขอรับ” เถ้าแก่พูดเยินยอ
“ทรัพย์สมบัติเก่าๆ เป็นของบรรพบุรุษตกทอดกันมา ฉันมีหน้าที่ดูแลรักษาเอาไว้ให้ลูกให้หลาน ไม่ได้คิดจะเอามาแปลงเป็นสินทรัพย์อะไรหรอก”
ระหว่างเจ้าคุณคุยกับพรรคพวก มานพนั่งเหม่อๆ ไม่ได้สนใจเรื่องที่พ่อคุยอยู่เท่าไหร่ และพาลเบื่อ ไม่อยากอยู่ร่วมวงสนทนา
“ผมขออนุญาตนะครับพ่อ”
มานพบอกแล้วลุกเดินออกไป ทำให้เจ้าคุณรัตน์รู้สึกแปลกใจกับท่าทางของลูกชาย

มานพออกมายืนกำผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนทิ้งเอาไว้ให้หลังจากร้องขอความช่วยเหลือเมื่อวันก่อน เขาครุ่น คิด ตัดสินใจ ระหว่างนั้นเจ้าคุณรัตน์เข้ามา
“แกไม่ควรเสียมารยาทกับผู้ใหญ่ลุกออกมาทั้งๆ ที่ยังหารือกันไม่เสร็จแบบนี้”
“ผมขอโทษครับคุณพ่อ แต่เรื่องที่คุยกัน ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีผมนั่งอยู่ด้วย”
“มานพ ฉันส่งแกไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา หวังให้แกเอาวิชาความรู้มาพัฒนาประเทศ ไม่ใช่รับเอาแต่วัฒนธรรมมองไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ของพวกฝรั่งมาด้วย”
“คุณพ่อว่าผมแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ บ้านเมืองของฝรั่งเขาเจริญทุกอย่าง ถ้าเราอยากจะเป็นอย่างเขา ก็ต้องเลิกเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงก่อน ไม่อย่างนั้นก็อยู่อย่างโบร่ำโบราณแบบเดิมไปน่ะดีแล้ว”
“นี่แก”
“ท่านเจ้าคุณคะ”
เจ้าคุณรัตน์ชะงักหันไป เห็นโฉมฉายเข้ามา
“คุณโฉม”
“ดิฉันขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาให้ผิดกาลเทศ บังเอิญว่าคนรับใช้ของท่านเจ้าคุณบอกว่าท่านอยู่ที่นี่”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณโฉม ผมสั่งคนรับใช้ไว้เองว่าคุณไม่ใช่คนอื่นคนไกล”
“ดิฉันอยากมาถามข่าวคราวที่ขอให้ท่านกรุณาช่วยไว้ ไม่รู้ว่าป่านนี้หลานสาวดิฉันจะเป็นตายร้ายดียังไง แต่ถ้าท่านติดธุระอยู่ ดิฉันก็รอได้ค่ะ”
“หึ สำหรับคุณนายโฉมฉายแม่ม่ายสาวสวยแล้ว พ่อม่ายอย่างคุณพ่อผมไม่มีคำว่าไม่ว่างหรอกครับ”
“มานพ”
มานพไม่สนใจรีบเดินออกไป เจ้าคุณรัตน์ได้แต่มองตามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างไม่พอใจ

เจ้าคุณรัตน์พาโฉมฉายเข้ามานั่งในซุ้มบริเวณสวน
“ฉันต้องขอโทษเธอกับกิริยามารยาทของลูกชายฉัน มันไม่ได้เอาความรู้ติดตัวกลับมาอย่างเดียว แต่ยังไปรับเอาสันดานแย่ๆ ของพวกฝรั่งมังค่ามาด้วย”
“ดิฉันไม่ถือความหรอกค่ะท่านเจ้าคุณ ประเทศกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ย่อมต้องการ คนหนุ่มความคิดก้าวหน้ามาช่วยกันพัฒนา”
“ให้มันก้าวหน้าจริงเถอะ ไอ้ฉันน่ะกลัวเสียแต่ว่าจะพากันก้าวถอยหลังซะมากกว่า เฮ้อ ช่างมันเถอะ เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจของคุณโฉมฉันควรจะต้องช่วยเหลือเป็นอันดับแรก”
“ท่านเจ้าคุณพอจะได้ข่าวหลานสาวของดิฉันบ้างรึยังคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไร แต่ฉันเร่งให้คนของฉันช่วยกันสืบหาอย่างเต็มที่แล้ว”
โฉมฉายฟังแล้วหน้าสลดไปที่ไม่ได้ข่าวอะไร เจ้าคุณเป็นห่วงจึงจับมือโฉมฉายมากุมอย่างรักใคร่
“อย่าเพิ่งสิ้นหวังสิคุณโฉม ถ้าพระยารัตนวงศ์อย่างฉันช่วยเหลือหญิงที่ฉันรักไม่ได้แล้วล่ะก็ ฉันจะมียศฐาบรรดาศักดิ์ไปเพื่ออะไร”
“ท่านเจ้าคุณ”
เจ้าคุณรัตน์ยิ้มให้แล้วดึงโฉมฉายมากอดปลอบประโลมอย่างอบอุ่น

บริเวณสนามเทนนิส มานพเดินตรงเข้ามาแล้วกวาดตามองหาวิชิตเพื่อนสนิท เห็นวิชิตกำลังนัวเนียสอนแรมให้หัดตีเทนนิสอยู่กลางสนาม
“เดี๋ยวลองเสิร์ฟตามที่ผมสอนนะครับ”
วิชิตขยับถอยให้แรมลองหัดเสิร์ฟลูกดู แรมหวดไปเต็มหน้าไม้ลูกเทนนิสข้ามเน็ตไปฝั่งตรงข้ามอย่างสวยงาม
“แรมทำได้แล้วค่ะคุณวิชิต ตื่นเต้นจังเลย แรมเก่งรึยังคะ”
“เก่งที่สุดเลยครับ เลดี้ของผม”
วิชิตพูดไปก็ดึงแรมมาโอบแล้วจะจูบ แต่แรมใช้มารยาแกล้งเอี้ยวหลบ
“ไม่เอาค่ะ เหงื่อเต็มตัวแบบนี้ ให้แรมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเราค่อยไปนั่งดื่มกัน ต่อที่โอเรียลเต็ลดีกว่า นะคะ”
“ได้สิครับ”
แรมยิ้มหวานยั่วออกไป วิชิตยิ้มกริ่ม ก่อนจะได้ยินเสียงผิวปากเรียกจากข้างหลัง พอหันไปจึงเห็นว่าเป็นมานพ
วิชิตตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ถึงสิ่งที่มานพมาขอให้ช่วย
“ฉันว่าแกอย่าไปยุ่มย่ามที่นั่นดีกว่า ได้ไม่คุ้มเสียหรอกไอ้เพื่อนยาก”
“ฉันไม่ได้มาขอให้แกออกความเห็นว่าควรช่วยหรือไม่ควรช่วย แค่บอกมาว่าบ้านคุณนายลั่นทมอยู่ที่ไหน”
“ก็ได้ แต่แกต้องระวังตัวด้วย หวังว่ายอดชีวาที่แกคิดจะทุ่มหมดหน้าตักจะคุ้มพอให้เสี่ยง”
“คุ้มแน่นอนไอ้เพื่อนยาก”

มานพตบบ่าวิชิตแล้วรีบเดินออกไป

เมี่ยงกับคนรับใช้ของลั่นทม
 
พาเพื่อนที่ถูกจับแต่งเนื้อแต่งตัวสวยเข้ามาที่โต๊ะอาหารซึ่งมีอุปกรณ์ การทานอาหารอย่างธรรมเนียมฝรั่งวางเต็มโต๊ะ ลั่นทมโบกมือให้เมี่ยงออกไป เหลือแต่เพื่อนกับคนรับใช้
“นั่งสิแม่ประยงค์”
“ฉันชื่อเพื่อน ไม่ได้ชื่อประยงค์”
“ชื่อนังเพื่อนมันตายไปตั้งแต่วันที่หล่อนมาเหยียบที่นี่แล้ว นั่ง”
ลั่นทมขึ้นเสียงดุ เพื่อนจนใจไม่กล้าขัดขืนจำเป็นต้องนั่งลงตามสั่ง
“ถึงเวลาที่ฉันต้องขจัดคราบกลิ่นโคลนสาปควายของหล่อนให้หมดไปจากตัว มารยาท การเข้าสังคมในพระนครเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้บรรดาว่าที่สามีของหล่อนหลงรัก และยอมทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อได้หล่อนไปเป็นเมีย”
“ฉันมีคู่หมั้นแล้ว ฉันจะไม่ยอมเอาใครเป็นผัวนอกจากพี่ลอของฉันคนเดียว”
“โธ่เอ๊ย นังแรมมันเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่บ้านสร้างให้ฉันฟังแล้ว ถ้าทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่มันเล่ามา ก็แสดงว่า หล่อนมีความทะเยอทะยานมากกว่านังแรมซะอีก”
“อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับมัน”
“นั่งลง ฉันสั่งให้นั่ง”
เพื่อนจำต้องยอมนั่ง
“ฉันไม่เอาหล่อนไปเปรียบเทียบกับนังแรมหรอก เพราะฉันมั่นใจว่าหล่อนจะได้ดีกว่ามัน ผู้หญิงสวยๆ ในเมื่อจะต้องเสีย ก็ควรจะเสียให้กับผู้ชายที่ปรนเปรอให้ได้ทุกอย่างที่ต้องการ ตอนนี้หล่อนก็เห็น ยิ่งค่าของเงินขึ้นมากเท่าไหร่ ค่าของความรักก็ลดลงเท่านั้น”
“รักเผื่อเลือก มันช่างน่าสมเพช”
“หล่อนอย่าปากดีไป ไว้ถึงเวลารักที่เลือกไม่ใช่อย่างที่ฝันไว้ หล่อนจะหน้าม้าน ละอายที่เคยเถียงฉัน มาเริ่มกันได้แล้ว ฉันจะสอนมารยาทการทานอาหารให้”
ลั่นทมยิ้มร้าย

จำปามาเคาะประตูห้องเรียกแพง
“อีแพง อีแพง อีแพง สายแล้วนะ ชุดนักเรียนคอนแวนต์ที่คุณนายให้ข้าเอามาให้ ใส่พอดีมั้ย”
จำปาเคาะประตูเรียกอยู่ครู่ แพงก็เดินเอาผ้าห่มคลุมตัวมาเปิดประตูให้ จำปาเห็นก็แปลกใจ
“อ้าว เป็นอะไร คลุมโปงทำไม”
“ฉัน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายจ้ะจำปา”
“อ้าวเหรอ ตัวร้อนรึเปล่า ก็ไม่ได้ร้อนนี่หว่า”
“ตัวไม่ได้ร้อน แต่มันปวดหัวแล้วก็ปวดเนื้อปวดตัวจ้ะ วันนี้ฉันคงไปเรียนไม่ได้แล้วล่ะ”
“น่าเสียดาย เรียนวันแรกซะด้วย แต่ไม่เป็นไร คุณนายท่านไม่ว่าหรอก เอ็งพักไปแล้วกัน เดี๋ยวคุณนายกลับมา ข้าจะบอกคุณนายให้”
“ขอบใจนะจ๊ะจำปา”
จำปาเดินออกไป แพงชะเง้อมองตามแล้วเป่าปากโล่งอก

แพงเข้ามาเฝ้าลอในห้องเหมือนเดิม
“พี่ลอจ๋า ฉันมาแล้วจ้ะ เดี๋ยวฉันช่วยเช็ดตัวให้พี่นะ คนอื่นเช็ดตัวไม่สะอาดหรอก อย่างพี่มันต้องขัดแรงๆ เหมือนขัดผิวไอ้เปลี่ยว”
แพงยิ้มสดใสให้ลอ แม้จะรู้ว่าลอไม่ได้สติ แพงหันไปหยิบผ้ามาชุบน้ำบิด จำปาเข้ามา
“อีแพง”
“จำปา”
“แหม ไม่สบาย ปวดเนื้อปวดตัว ปั๊ดโธ่ นี่ถ้าข้าเดาถั่วเดาโปได้แม่นแบบนี้ล่ะก็ คงรวยสะดือปลิ้นไปแล้ว”
“จำปา ฉัน ฉันเป็นห่วงพี่ลอนี่ ถ้าฉันไปเรียน ฉันก็ไม่ได้เฝ้าพี่ลอ”
“เอ็งไม่ต้องอ้าปากพูดเลย ข้าน่ะรู้อยู่แล้ว แต่คุณนายเขาอยากให้เอ็งมีความรู้นะ ดูข้าสิวะ คุณนายทั้งเคี่ยวทั้งเข็น แต่ข้าก็เรียนไม่ไหว ทำเป็นอย่างเดียวก็คือคนใช้ แต่เอ็งสิ”
“ก็ฉันอยากอยู่กับพี่ลอตอนที่พี่ลอฟื้น ฉันอยากเป็นคนแรกที่พี่ลอเห็นหน้า”
“จะว่าไปนายลอก็ไม่ได้เป็นพี่แท้ๆ ของเอ็ง ทำไมเอ็งถึงได้ห่วงมากขนาดนี้หึ”
“ก็ ก็ ก็ฉันเป็นหนี้ชีวิตพี่ลอ ฉันเกิดมาเพื่อพี่ลอ และฉันก็ตายเพื่อพี่ลอได้เหมือนกัน”
จำปาชะงักไปกับท่าทางจริงจังของแพง ระหว่างนั้นเสียงครางของลอดังขึ้น
“แม่ แม่เพื่อน แม่เพื่อน”
“อีแพง เมื่อกี้เอ็งพูดอะไรรึเปล่า”
“ฉันเปล่าจ้ะจำปา”
“งั้นเสียงเมื่อกี้นี้ก็”
“พี่ลอ”
แพงค่อยๆ ช่วยพยุงลอที่เริ่มรู้สึกตัวให้ดื่มน้ำ
“ค่อยๆ จ้ะพี่ลอ ค่อยๆ อย่ารีบ เดี๋ยวจะสำลัก”
“อี อีแพง นี่ ข้า ข้าอยู่ที่ไหน”
“บ้านน้าโฉมฉายที่พระนคร น้าของฉันเอง”
“น้าโฉมฉาย”
“น้าโฉมเป็นน้องสาวของแม่ฉัน เอาไว้ฉันจะเล่าเรื่องน้าโฉมให้พี่ลอฟังทีหลัง ตอนนี้พี่ลอยังต้องนอนพักต่อให้ดีขึ้นกว่านี้”
“ข้าไม่รู้สึกตัวมากี่วันแล้ว”
“เอ่อ หลายวันอยู่จ้ะ”
“แล้วแม่เพื่อนล่ะ มีใครไปช่วยแม่เพื่อนรึยัง”
แพงชะงักไป มองหน้ากับจำปาที่ก็อ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนกัน
“ว่าไงอีแพง แม่เพื่อนอยู่ไหน ปลอดภัยแล้วรึยัง”

เพื่อนรวบช้อนซ้อมวางลงบนจานอย่างเรียบร้อย ลั่นทมยิ้มชื่นชม
“เก่งมากแม่ประยงค์ เรียนรู้ได้เร็วแบบนี้ ฉันฝึกหล่อนอีกแค่ไม่กี่อย่างเดี๋ยวหล่อนก็พร้อมให้ฉันเลือกคู่ให้แล้ว วันนี้ไปพักผ่อนได้”
ลั่นทมพยักหน้าให้คนรับใช้ช่วยพาเพื่อนออกไป
บริเวณสนามบ้านลั่นทม มานพแอบลอบเข้ามาอย่างเงียบๆ แล้วหลบหลังมุมเสาเพราะเห็นเมี่ยงกับแมงดาอีกคนหนึ่งเดินมาด้วยกัน เมี่ยงเดินออกไป ทิ้งพรรคพวกไว้ยืนเฝ้าอยู่คนเดียว มานพซุ่มรอจังหวะจนแมงดาคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ก็โผเข้าไปใช้มือล็อคคอแน่น
“คุณประยงค์ถูกขังไว้ที่ไหน”
แมงดาฮึดฮัดไม่ยอมบอก มานพออกแรงรัดคอแน่นจนหน้าดำหน้าแดง

“อย่าหาเรื่องตาย ฉันเอาจริง คุณประยงค์อยู่ไหน”

ภายในห้องพัก เพื่อนนั่งเศร้ากอดเข่าอยู่บนเตียง
 
สมบัติอย่างเดียวที่ติดตัวมาก็คือแหวนหมั้นทองวงน้อยที่ ลอหมั้นมันเอาไว้ เพื่อนได้แต่หยิบขึ้นมามองแล้วร้องไห้
“พี่ลอ พี่ลอจะทิ้งให้ฉันต้องกลายเป็นของคนอื่นไปแบบนี้จริงๆ เหรอจ๊ะ นี่ไงจ๊ะ เวลาที่พี่ จะพิสูจน์คำสาบานของพี่มาถึงแล้ว ถ้าพี่รักฉันอย่างคำสาบาน พี่ก็ต้องมาช่วยฉันให้ได้ สิ ฮือๆๆ พี่ลอ”
เพื่อนสะอื้นน่าเวทนา เสียงประตูเคาะดัง เพื่อนสะดุ้งกลัวว่าเป็นพวกลั่นทม แต่เสียงที่เรียกไม่ใช่
“คุณประยงค์ คุณประยงค์ ผมมานพเองครับ”
เพื่อนแปลกใจแต่ก็รีบไปเปิดประตูให้ ทันทีที่เห็นใบหน้าชายหนุ่มที่เคยขอความช่วยเหลือเอาไว้ก็อดดีใจไม่ได้
“คุณ”
“เงียบๆ ครับ เดี๋ยวพวกมันรู้ว่าผมมาที่นี่”
มานพรีบเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูล็อคกลอนก่อนจะพาเพื่อนมาที่เตียง
“คุณเข้ามาได้ยังไง”
“ต้องออกแรงนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ว่าแต่คุณประยงค์เถอะครับ เป็นยังไงบ้าง พวกมันทำร้ายคุณตรงไหนรึเปล่า”
เพื่อนน้ำตาคลอดีใจ
“ฉัน ฉันไม่คิดเลยว่า ว่าจะมีใครในพระนครเชื่อคำร้องขอจากฉัน”
เพื่อนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มานพจับไหล่เพื่อนอย่างนุ่มนวลให้กำลังใจ
“ผมนี่ไงครับที่เชื่อคุณประยงค์”
“ฉันไม่ได้ชื่อประยงค์ค่ะ ฉันชื่อเพื่อน ฉันถูกหลอกมาจากบ้านสร้าง พวกมันจะขายฉันให้ไปเป็นเมียคนอื่น คุณมานพต้องช่วยฉันออกไปนะคะ”
เพื่อนจับมือมานพมาบีบแน่นอย่างขอร้อง

เมี่ยงเดินกลับมาที่บริเวณสวนแล้วเจอพรรคพวกตัวเองนอนหมดสติอยู่ข้างเสา จึงรีบเข้าไปเขย่า ตัวเรียกให้ตื่น พรรคพวกสลึมสลือรู้สึกตัว
เวลาเดียวกันนั้น มานพจับมือเพื่อนมากุมเอาไว้
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะพาคุณออกไปให้ได้ คุณอยู่ข้างหลังผมไว้ ผมจะไม่ให้พวกมันแตะต้องคุณเด็ดขาด”
มานพลุกขึ้นแล้วจะพาเพื่อนไปที่ประตู แต่ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังรัวถี่แรง.เสียงลั่นทมดังขึ้น
“นังเพื่อน เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้เปิดประตู”
มานพกับเพื่อนชะงักอึ้งตกใจ
“ถ้าแกคิดจะหนีไปกับไอ้คนที่กล้าบุกเข้ามาถึงที่นี่ล่ะก็ แกคิดผิดแล้ว มันกับแกจะตาย ด้วยกัน แทนที่จะได้ออกไป นังเพื่อน”
“พวกมันรู้ตัวแล้ว”
มานพเจ็บใจ
“คุณหนีไปทางหน้าต่างก่อนเถอะค่ะ ฉันจะถ่วงเวลาพวกนั้นให้”
“แล้วคุณล่ะ”
“สัญญากับฉันได้มั้ยคะคุณมานพว่าคุณจะกลับมาช่วยฉัน สัญญากับฉันได้มั้ย”
“ผมสัญญา ผมจะกลับมาช่วยคุณ”
“ไอ้เมี่ยง พังประตูเข้าไป”
“รีบไปเถอะค่ะ”
เพื่อนพามานพไปที่หน้าต่างแล้วช่วยเปิดหน้าต่างออกให้เขาหนี มานพโจนออกไปได้ครู่ เป็นจังหวะที่ประตูเปิดเข้ามาอย่างแรง เพื่อนชะงักอึ้ง
“นังเพื่อน ไอ้หมอนั่นอยู่ไหน”
“ใคร หมายถึงใคร”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน มันอยู่ไหน”
“ไม่ ฉัน ฉันไม่รู้ ไม่ ไม่มีใครเข้ามาในนี้ ฉัน ฉันไม่รู้จริงๆ”
ลั่นทมผลักเพื่อนจนเซ
“ไปหาที่อื่น”
ลั่นทมสั่งเมี่ยงแล้วเดินออกไป เพื่อนยืนน้ำตาคลอ มองไปที่หน้าต่างอย่างมีความหวัง
“คุณสัญญากับฉันแล้วนะคะคุณมานพ คุณสัญญากับฉันแล้ว”

ลอกระเสือกกระสนออกมาถึงโถงของบ้านโฉมฉาย พยายามฝืนสังขารอย่างมาก
“แม่เพื่อน แม่เพื่อนของพี่”
ลอเซจะล้ม แพงรีบตามออกมาช่วยพยุง
“พี่ลอ พี่ยังไปไหนไม่ได้นะ กลับไปนอนพักเถอะจ้ะพี่ลอ”
“เอ็งอย่ามาห้ามข้า ข้าต้องไปช่วยแม่เพื่อน”
“จะไปช่วยแม่เพื่อนได้ยังไงนายลอ ยังไม่มีใครรู้เลยว่าแม่เพื่อนอยู่ที่ไหน” จำปาท้วง
“ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินพระนคร ข้าก็จะหาแม่เพื่อนให้เจอ”
“แต่สังขารเอ็งแบบนี้ คงพลิกแผ่นดินขึ้นมาฝังศพเอ็งแทนไม่ว่า”
“เชื่อที่จำปาพูดเถอะจ้ะ พี่ลอเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ต้องห่วงตัวเองก่อนนะจ๊ะ”
ลอแกะมือแพงออก
“แต่ข้าสาบานกับแม่เพื่อนเอาไว้ว่าจะรักจะดูแลแม่เพื่อน ถ้าผิดคำสาบาน ข้าก็ขอตายซะดีกว่า”
ลอผลักแพงจนเซแล้วฝืนเดินต่อไปได้อีกไม่กี่ก้าวก็ล้มลงเพราะเรี่ยวแรงยังไม่มี จนนิ่งหมดสติไปอีก ระหว่างนั้นโฉมฉายกลับเข้ามาพร้อมจำปูนและจำปี
“เกิดอะไรขึ้น นายลอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”
“พี่ลอฟื้นแล้วจ้ะน้าโฉม แต่ว่า”
“เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฉันฟังนะแพง จำปูน ช่วยพานายลอกลับเข้าไปพักเร็ว”

จำปูนรีบช่วยประคองลอขึ้น พาเดินกลับเข้าไป โฉมฉายเข้ามาโอบแพงปลอบโยน

เพื่อน แพง ตอนที่ 9 (ต่อ)

มานพรีบเดินเข้ามาในบ้าน แต่ยังไม่ทันจะขึ้นบันไดไปที่ห้องตัวเอง เสียงของเจ้าคุณรัตน์ก็ดังขึ้น
 
“กลับมาได้แล้วเหรอมานพ นี่ถ้าแกมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ฉันคงต้องเรียกพวกบ่าวไพร่ให้ออกไปช่วยตาม”
“ไปตามผม ไอ้วิชิต ไอ้ปากเปราะ”
“วิชิตเป็นห่วงแก เตือนแล้วแต่ก็ไม่ฟัง ที่แบบนั้นไม่ใช่ที่ๆ แกควรจะเข้าไปเลยด้วยซ้ำ”
“ผมไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว ในเมื่อมีผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ ผมจะอยู่เฉยได้ยังไง”
“ช่วยคนตกทุกข์ได้ยากเป็นเรื่องดี แต่อย่าลืม แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน ฉันเสียหายไม่ได้ ให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ตำรวจ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฉันจะแจ้งให้ไปช่วย”
“ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร ผมสัญญาว่าจะไปพาเธอออกมา ผมก็จะไปเอง”
มานพพูดอย่างจริงจังแล้วรีบเดินขึ้นบันได เจ้าคุณรัตน์มองลูกชายด้วยความไม่พอใจ

มานพเข้ามาที่ห้องนอนแล้วเปิดลิ้นชัก มีปืนสั้นกระบอกหนึ่งในนั้นแต่ยังไม่ทันหยิบขึ้นมา เจ้าคุณ รัตน์ก็ตามเข้ามา มานพกลัวพ่อเห็นว่าตนมีปืนจึงรีบดึงผ้าคลุมลงมาปิดเอาไว้
“เรื่องอื่นแกจะรั้นอะไรก็ทำไป แต่เรื่องนี้ฉันปล่อยไม่ได้”
“นี่ไม่ใช่ยุคคร่ำครึของคุณพ่อแล้วนะครับ ตอนนี้เสรีภาพเป็นสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนควรต้องเคารพ ไม่ใช่มาก้าวก่ายกัน”
“ไอ้มานพ แกนี่ชักจะหัวหมอเอาความคิดฝรั่งเป็นใหญ่เข้าไปทุกวัน ตราบใดที่แกยังยืนอยู่บนแผ่นดินนี้ แกต้องเคารพรากเหง้าตัวเอง”
“ระวังคำพูดด้วยนะครับคุณพ่อ ถ้าความคิดเสียงดังเมื่อกี้เล็ดรอดออกไปให้คนอื่นได้ยินเข้าล่ะก็ ผมจนปัญญาช่วยนะครับ”
“ไอ้มานพ”
เจ้าคุณรัตน์ไม่พอใจลูกชาย แต่ระหว่างนั้นคนใช้เข้ามา
“ท่านเจ้าคุณขอรับ คุณสงวนที่ท่านเจ้าคุณขอให้ช่วยตามสืบหาหลานสาวคุณโฉมฉาย มารอพบขอรับ”
“ผมว่าคุณพ่อไปยุ่งธุระของตัวเองเถอะ อย่ามาเสียเวลากับผมเลย ยุ่งกับเรื่องของผู้หญิง ที่หมายตาไว้ยังไงก็ดีกว่าเรื่องลูกตัวเอง”
“แกไม่ต้องมากระทบกระเทียบฉัน รอฉันอยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด แกเฝ้ามันไว้”
เจ้าคุณรัตน์สั่งแล้วรีบเดินออกไป คนใช้ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่กล้ากับมานพ แต่ก็อยากรู้ว่ามานพหันไปหยิบอะไรในลิ้นชัก พอมานพหันมาจิกมองหน้าเอาเรื่อง ก็กลัวหัวหด
“ไม่อยากเจ็บตัวก็หลบไป”

เจ้าคุณรีบเดินเข้ามาหาสงวนที่รออยู่ในห้องโถง
“ได้ข่าวมาแล้วรึยังนายสงวน”
“พอจะได้เรื่องมาบ้างแล้วขอรับท่านเจ้าคุณ”
“ยังไงเล่ามาสิ”
สงวนยื่นแผ่นกระดาษตามหาคนให้เจ้าคุณรับไปดู ใบกระดาษนั้นเป็นภาพวาดเหมือน ใบหน้าของเพื่อนพร้อมข้อความประกาศตามหา มีรางวัลให้กับผู้ให้เบาะแส
“หลังจากที่คุณโฉมฉายให้หลานสาวคนเล็กช่วยอธิบายหน้าตาคุณเพื่อนให้แล้ว กระผมก็เอาภาพวาดไปแจกจ่ายให้พรรคพวกช่วยกันออกตามหา จนได้เบาะแสมาอย่างหนึ่ง”
คนใช้เข้ามาหน้าตื่นๆ
“ท่านเจ้าคุณขอรับ ท่านเจ้าคุณ”
“ไม่เห็นอยู่เหรอว่าฉันกำลังยุ่ง ว่ายังไงสงวนเบาะแสที่ได้มาคืออะไร”
“พรรคพวกของกระผมคนหนึ่งพบผู้หญิงที่เหมือนกับหลานสาวคุณโฉมฉายแถวถนน ทรงวาดเมื่อไม่กี่วันมานี่เองขอรับ ผมถามย้ำแล้วว่าใช่รึเปล่าก็ได้รับคำยืนว่าใช่แน่”
“ท่านเจ้าคุณขอรับ กระผมว่า ท่านเจ้าคุณควรจะไปห้ามคุณมานพนะขอรับ”
“ทำไมแกถึงช่วยฉันดูมานพไม่ได้”
“ก็คุณมานพพกปืนออกไปด้วยสิขอรับ”
เจ้าคุณรัตน์ชะงัก รีบไปห้ามมานพซึ่งกำลังจะออกจากบ้าน เจ้าคุณรัตน์ยังกำกระดาษประกาศตามหา เพื่อนติดมือออกมาด้วย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะมานพ แกไปเอาปืนนั่นมาจากไหน”
มานพชะงัก แต่ไม่ยอมหันมา
“ฉันถามแกว่าไปเอาปืนมาจากไหน”
เจ้าคุณรัตน์เข้าไปกระชากไหล่ลูกชายแต่มานพหันมาปัดมืออย่างแรงทำให้เจ้าคุณรัตน์เซเกือบจะล้ม ดีที่คนใช้เข้ามาช่วยประคอง ใบประกาศตามหาเพื่อนหลุดจากมือหล่นไปที่พื้น
“พรรคพวกของผมให้มาติดตัวไว้ใช้ยามจำเป็น”
“พรรคพวกแก แกไปคบกับพวกไหนมันถึงต้องให้ปืนผาหน้าไม้แกไว้ใช้”
“ไม่จำเป็นที่คุณพ่อต้องรู้”
“ยิ่งปิดฉันแบบนี้ ฉันยิ่งต้องรู้”
“ผมบอกคุณพ่อไม่ได้”
“ทำไม”
“อย่าซักไซ้ผมอีกเลยดีกว่าครับ เพราะถ้าคุณพ่อรู้ เราอาจต้องตัดพ่อตัดลูกกัน”
มานพปฏิเสธเสียงแข็งที่จะพูดแล้วจะเดินออกไป แต่เท้าเหยียบไปที่แผ่นใบประกาศตามหาเพื่อนที่พื้นเลยก้มลงดู เห็นภาพวาดหน้าเหมือนเพื่อนบนใบประกาศก็ชะงักด้วยความสงสัยแล้วหยิบขึ้นมาดู
“ผู้หญิงในภาพนี่เป็นใครครับ”
“หลานสาวคนโตคุณโฉมฉายที่ถูกลักพาตัวมาจากบ้านสร้างแล้วมาขอให้ฉันช่วยตามหา”
“บ้านสร้าง เธอชื่ออะไรครับ”
“แม่เพื่อน แกถามทำไม”
“ผู้หญิงคนนี้คือคนที่กำลังรอความช่วยเหลือจากผม”

“ว่าไงนะ”

ลอถูกพากลับมานอนพักในสภาพที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีนัก แพงต้องกุมมือลอขอร้อง
 
“ปล่อยข้าไปเถอะอีแพง ข้าเป็นห่วงแม่เพื่อน อย่าให้ข้าอยู่อย่างนี้เลย มันทรมานข้า”
“แล้วพี่ลอไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าฉันปล่อยพี่ไป ฉันก็ทรมานเหมือนกันที่ต้องเห็นพี่ลอล้ม แล้วลุกขึ้นมาไม่ได้อีกเลย ไหนจะช่วยพี่เพื่อนไม่ได้ แล้วไหนฉันต้องเสียพี่ลอไปอีกคน”
“เชื่อที่แพงว่ามาเถอะ นายลอเพิ่งจะฟื้นต้องพักให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่านี้ ไม่อย่างนั้น ที่พวกเราพยายามช่วยรักษานายลอมาตลอดก็จะสูญเปล่า” โฉมฉายช่วยพูด
“นะจ๊ะพี่ลอ จะให้ฉันกราบตีนขอก็ได้ นะจ๊ะ”
“อีแพง”
แพงบีบมือลอแน่น แววตาอ้อนวอนจนลออ่อนใจ โฉมฉายเห็นลอสงบลงเลยหันไปบอกจำปา
“ยาที่คุณหมอสั่งเอาไว้ให้นายลอกินตอนฟื้นขึ้นมา เตรียมไว้ด้วยนะจำปา”
“ค่ะคุณนาย”
ลอพนมไหว้ทั้งที่นอนอยู่
“ฉัน ฉันขอบใจคุณนายจ้ะที่มีน้ำใจช่วยฉัน พระคุณนี้ฉันจะไม่ลืมจ้ะ”
“ไม่ต้องถือเป็นหนี้บุญคุณกันหรอกนายลอ แม่เพื่อนเป็นหลานสาวฉัน คู่หมั้นของแม่เพื่อนก็เป็นเหมือนญาติฉันด้วย”
โฉมฉายยิ้มมีไมตรีให้ ระหว่างนั้นจำปูนรีบเดินเข้ามา
“คุณนายครับ ท่านเจ้าคุณมารอพบให้รีบมาบอกคุณนายเรื่องทราบแล้วว่าแม่เพื่อนอยู่ที่ไหน”
ลอกับแพงดีใจขึ้นมาทันที

เจ้าคุณรัตน์กับมานพมารอพบโฉมฉายอยู่ในห้องโถง โฉมฉายรีบเข้ามา ตามหลังด้วยแพงกับจำปูนที่ ช่วยกันพยุงลอออกมาด้วย
“ท่านเจ้าคุณ จริงเหรอคะ”
“จริงครับคุณโฉม มานพยืนยันว่าผู้หญิงที่ขอความช่วยเหลือคือหลานสาวของคุณแน่”
“ดิฉันต้องขอบคุณมากเลยนะคะ ในที่สุดก็รู้ซะทีว่าแม่เพื่อนยังปลอดภัย”
“ยังเรียกว่าปลอดภัยไม่ได้หรอกครับ จนกว่าจะพาคุณเพื่อนออกมาจากที่นั่นให้ได้ก่อน” มานพบอก
“ผมยังให้มานพไปช่วยคืนนี้ไม่ได้ ต้องรอรุ่งสางเวลาที่พวกนั้นไม่ทันระวังตัว เพราะเกรงว่าการบุกไปอาจจะทำให้คุณเพื่อนได้รับอันตราย”
แพงหันไปบอกลออย่างดีใจ
“พี่ลอจ๊ะ ได้ยินแล้วใช่มั้ยว่าพี่เพื่อนกำลังจะได้กลับมาแล้ว”
มานพหันไปมองแพงกับลออย่างสงสัย โฉมฉายจึงรีบแนะนำ
“นี่แม่แพงน้องสาวของแม่เพื่อนค่ะคุณมานพ”
แพงไหว้มานพกับท่านเจ้าคุณรัตน์ท่วมหัวตามประสาคนบ้านนอก มานพพยักหน้ารับไหว้ แล้วมองลออย่างสงสัย
“ส่วนนั่น นายลอ คู่หมั้นของแม่เพื่อน”
“คู่หมั้น คุณเพื่อนมีคู่หมั้นแล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ หมั้นกันมาตั้งแต่บ้านสร้างก่อนที่แม่เพื่อนจะถูกลักพาตัวมาไม่นานนี่เอง”
มานพมองลอหัวจรดเท้าอย่างไม่ค่อยถูกชะตา
“คุณมานพ คุณได้เจอแม่เพื่อนด้วยเหรอจ๊ะ”
มานพพยักหน้ารับกับลอ
“แล้วแม่เพื่อนเป็นยังไงบ้าง มีใครทำร้ายแม่เพื่อนรึเปล่า”
“แม่เพื่อนถูกขายให้กับซ่องคุณนายลั่นทม มีบ้างที่โดนพวกมันทำร้าย เพราะมันต้องการประมูลแม่เพื่อนให้ไปเป็นเมียพวกเศรษฐี”
“ไอ้สารเลว กูเจอหน้าพวกมึง กูจะลากคอพวกมึงเข้าตะรางให้หมด”
ลอพูดไปด้วยอารมณ์เจ็บแค้นก่อนที่ร่างกายจะอ่อนแรงไม่ค่อยมีแรงแม้แต่จะยืน
“จำปูน ฉันว่าพานายลอไปพักก่อนเถอะ”
“กลับไปพักเถอะนะจ๊ะพี่ลอ”
“ไม่ต้องห่วงนะ ฟ้าสางเมื่อไหร่ฉันจะให้คนของฉันบุกไปพาคู่หมั้นของนายลอกลับมาให้”
ลอยกมือไหว้เจ้าคุณรัตน์กับมานพ
“ขอบใจจ้ะ น้ำใจครั้งนี้ไอ้ลอจะทูนหัวเอาไว้ไม่ลืม”
ลอแทบจะยกมือไหว้มานพท่วมหัว แต่มานพกลับนิ่ง มองลอแล้วครุ่นคิดบางอย่าง

ภายในซ่องลั่นทม หญิงสาวคณิกาหลายนางกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับลูกค้าหนุ่มแก่เคล้าเสียงไวโอลิน แต่คืนนี้การป้องกันเป็นไปอย่างเข้มงวด มีแมงดาลูกน้องของลั่นทมเดินปะปนตรวจตราอยู่ภายในมากขึ้น เพื่อนถูกเมี่ยงจับแขนคุมตัวเดินเข้ามาหาลั่นทม ขณะที่กำลังดูแลแขกผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งอยู่
“ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันเจ็บ”
ลั่นทมพยักหน้าให้เมี่ยงปล่อยแล้วเข้าไปประกบเพื่อน
“เรื่องที่ฉันจับหล่อนกับไอ้หมอนั่นคาหนังคาเขาไม่ได้ อย่าคิดว่ามันจะจบไปง่ายๆ นะแม่ประยงค์”
“ที่จับไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่แกคิด”
“ปากดี แต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจจนกว่าจะมีคนประมูลได้หล่อนไป ฉันจะให้ไอ้เมี่ยงจับตาดูหล่อนทุกฝีก้าว มันจะตามติดเป็นเงา แม้แต่เวลาเข้าห้องน้ำ”
“มันจะเกินไปแล้ว”
“ไม่ต้องไปอายไอ้เมี่ยงมันหรอก มันก็ได้แต่ดู เพราะฉันสั่งมันแล้วว่า ห้ามแตะต้องหล่อนเด็ดขาด”
เพื่อนชะงักหันไปมองเมี่ยง ลูกค้าเถ้าแก่คนหนึ่งของลั่นทมเข้ามาสะกิดลั่นทม
“อาลั่นทม ระหว่างที่ยังไม่เปิดประมูลแม่ประยงค์ของลื้อ อั๊วจะขอให้มาร่วมดื่มกับพวกอั๊วก่อนจะได้มั้ย”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะเถ้าแก่”
ลั่นทมจับแขนเพื่อนให้เข้ามานั่งร่วมวงกับบรรดาเจ้าสัวหื่นกามที่กำลังเมามาย พวกนั้นพยายามยัดเยียดแก้ววิสกี้ให้เพื่อนรับไปดื่ม เพื่อนบ่ายเบี่ยงปัดมือ แต่ก็ยังโดนบังคับจับมือให้ยกแก้วขึ้นดื่ม

ฟ้าสาง ลอนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะใจคิดแต่เป็นห่วงเพื่อน คำพูดของมานพยังก้องอยู่ในหัวว่าเพื่อนถูกขายเข้าไปในซ่องของลั่นทม ลอกัดฟันเจ็บใจ อดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นมาอย่างตัดสินใจ

เพื่อนรู้สึกตัวมึนๆ หัว ขึ้นมาบนเตียง หลังจากที่โดนบังคับดื่มเหล้าไปเมื่อคืน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็น เมี่ยงนั่งอยู่ที่เก้าอี้มุมห้อง จ้องเขม็ง
“ไอ้เมี่ยง แกอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เมี่ยงนั่งเฉยเอาแต่จ้องเขม็งเพราะเป็นใบ้และหูหนวก เพื่อนครุ่นคิดหาทางหลอกล่อเมี่ยงเพื่อหาทางเล่นงาน
“นี่ ถ้าแกจะเอาแต่เฝ้าฉันแบบนี้ ก็ช่วยทำตัวให้มีประโยชน์หน่อย ฉันหิวน้ำ เอาน้ำให้ฉัน หน่อย น้ำไง น้ำที่ไว้กิน”
เพื่อนทำท่ายกแก้วขึ้นดื่ม เมี่ยงอ่านจากท่าทางของเพื่อนแล้วลุกไปหยิบน้ำในขวดมารินใส่แก้วยื่นให้
“ขอบใจ”
เพื่อนรับแก้วน้ำมาแล้วทำทีเป็นดื่มอั้กๆๆ ก่อนจะแกล้งทำน้ำหกรดใส่เสื้อผ้าตัวเอง
“ตายแล้ว เสื้อผ้าฉันเปียกหมดเลย หลบไปสิไอ้เมี่ยง ฉันต้องเปลี่ยนเสื้อ”
เมี่ยงยังยืนเฉยเป็นยักษ์ปักหลั่น เพื่อนเลยยิ้มอย่างร้ายกาจ
“ไม่หลบใช่มั้ย งั้นแกเสร็จฉันแน่ไอ้ใบ้เอ๊ย”
เพื่อนฉีกแขนเสื้อตัวเองทันที แล้วร้องตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ไอ้เมี่ยงมันจะปล้ำฉัน ช่วยด้วย”

เมี่ยงตกใจรีบเข้าไปปิดปากไม่ให้เพื่อนร้อง

ตำรวจหลายนายพากำลังเข้ามาสมทบกับท่านเจ้าคุณรัตน์และสงวนพร้อมพวกหลายคน
 
“ผมให้ตำรวจท้องที่กันชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปแล้วขอรับท่านเจ้าคุณ”
“ขอบใจมาก คุณนายลั่นทมเลี้ยงนักเลงฝีมือดีไว้หลายคน ถ้าพวกมันฮึดสู้ขึ้นมาล่ะก็ ฉันไม่อยากให้มีชาวบ้านโดนลูกหลง”
“แต่คนของเรามีมากกว่า พวกมันคงไม่กล้ากระมังขอรับ”
“ประมาทไม่ได้ แม่เพื่อนอยู่กับพวกมัน ฉันต้องการช่วยออกมาอย่างปลอดภัย สงวนพาคนของเราลอบเข้าไปก่อน แน่ใจว่าช่วยแม่เพื่อนออกมาได้แล้วค่อยให้สัญญาณบุกจับ”
“ผมจะเข้าไปด้วยครับคุณพ่อ”
“มานพ ฉันสั่งไม่ให้แกมายุ่งด้วยแล้วไง”
“คุณพ่ออย่าลืมสิครับ ผมให้เบาะแสเรื่องนี้กับคุณพ่อ แล้วผมก็เคยเข้าไปพบคุณเพื่อนถึงข้างในมาแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้าถึงตัวแล้วช่วยคุณเพื่อนให้ปลอดภัยได้ก็ไม่มีใครหรอก นอกจากผม”
มานพยืนยันเสียงแข็งแล้วเดินตรงไปทันที เจ้าคุณรัตน์พยายามจะห้ามแต่ไม่ทัน
“มานพ โธ่เอ๊ย สงวน ตามไปดูมานพด้วย”
“ขอรับเจ้าคุณ”
สงวนรีบตามไป เจ้าคุณรัตน์มองตามลูกชายอย่างเป็นห่วง ระหว่างนั้น ลอนั่งรถสามล้อตามมา มองไปที่พวกท่านเจ้าคุณ แล้วหันมาถามคนขับสามล้อ
“ทางนี้ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ตรงไปเลยเดี๋ยวก็เจอซ่องคุณนายลั่นทม”
“ขอบใจจ้ะ”
สามล้อถีบออกไป ลอจะเดินไปตามทางที่สามล้อบอก แต่ต้องหยุดชะงักเพราะร่างกายที่ยังไม่ค่อยแข็งแรงดีนัก มีอาการเพลียอ่อนแรงอยู่บ้าง แต่ก็ยังฝืนสังขารไปเพราะเป็นห่วงเพื่อน

แพงยกถาดข้าวต้มกำลังจะเข้าไปให้ลอ แต่เจอจำปาเข้ามาทัก
“อีแพง เอ็งนี่ไวจริงๆ เลย พับผ่าเถอะ คุณนายกำลังสั่งให้ข้าเอาข้าวต้มมาให้นายลอ แต่ก็โดนเอ็งตัดหน้าไปซะเฉย”
“วันนี้ฉันขอคุณนายไม่ไปเรียนอีกสักวันจ้ะจำปา อยากอยู่รอเจอพี่เพื่อน”
“เออ ข้าเข้าใจเอ็ง พี่สาวทั้งคนนี่หว่า”
“ฉันเข้าไปป้อนข้าวให้พี่ลอก่อนนะ”
“มาข้าช่วย”
จำปาช่วยเปิดประตูให้แพงเข้าไปในห้องพักของลอ แต่เมื่อเปิดเข้าไปแล้วกลับไม่พบลออยู่ในนั้น ที่นอน ถูกพับเก็บอย่างดีไร้วี่แวว
“พี่ลอ”

เมี่ยงพยายามปิดปากเพื่อนไม่ให้ร้องเสียงดัง แต่เพื่อนกัดมือเมี่ยงแล้วร้องลั่นกว่าเดิม
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ไอ้เมี่ยงมันพยายามปล้ำฉัน ช่วยด้วย”
เพื่อนฉีกแขนเสื้อตัวเองอีกข้างให้ขาดกระจุยสร้างสถานการณ์ให้สมจริง เมี่ยงอึ้งชะงัก ไม่พอใจ ปรี่เข้าไปตบหน้าเพื่อนทีเดียวล้มลงไปบนเตียงเลือดซิบมุมปาก แล้วจับเพื่อนกดลงบนเตียง บีบคอ เพื่อนดิ้นพราดๆ ลั่นทมเข้ามา
“ไอ้เมี่ยง”
ลั่นทมห้ามแต่เมี่ยงไม่ได้ยิน จึงหันไปสั่งลูกน้องให้เข้าไปช่วยกันลากเมี่ยงออกมาจากเพื่อน ก่อนที่เพื่อนจะหายใจไม่ออก
“แกทำอะไรนังเพื่อน ฉันสั่งไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าแตะต้องของๆ ฉัน”
เมี่ยงส่งเสียงอ้อแอ้พยายามจะอธิบาย แต่เพื่อนก็ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายสร้างสถานการณ์ตอกย้ำ ลั่นทมเห็นเพื่อนอยู่ในสภาพโดนทำร้ายเสื้อผ้าขาด ก็หลงกลตบหน้าเมี่ยงฉาดใหญ่ แล้วสั่งลูกน้อง
“ลากมันออกไป กระทืบสั่งสอนให้มันหลาบจำด้วย”
เมี่ยงโดนล็อคตัวพาออกไป ลั่นทมหันมามองเพื่อนอย่างหัวเสียและไม่มีความสงสาร
“ตั้งแต่เอาแกเข้ามา มีแต่เรื่อง เห็นทีฉันต้องเร่งขายแกให้พ้นๆ ไปซะที”
ลั่นทมออกไป เพื่อนถอยมาทรุดนั่งที่เตียง เนื้อตัวยังเจ็บเพราะฝีมือเมี่ยงอยู่ แต่ก็แอบโล่งไปบ้าง
“คุณมานพ คุณสัญญากับฉันแล้ว กรุณามาช่วยฉันออกไปจากขุมนรกนี้ด้วย ได้โปรดเถอะ มาช่วยฉันด้วย คุณมานพ”

เมี่ยงถูกลากออกมาหลังบ้าน ลั่นทมตามมาเล่นงานด้วยความไม่พอใจ
“สินค้าของฉันทุกชิ้นมีราคาที่ต้องจ่ายไปไม่น้อย ไม่ใช่เอาไว้ให้แกมาทำให้หมดราคา”
ลั่นทมตวาดใส่พร้อมคว้าไม้หน้าสามมาฟาดเข้าหน้าเมี่ยงอย่างแรง เมี่ยงหน้าหันเลือด กบปากแล้วพยายามส่งเสียงอ้อแอ้อธิบายความจริงว่าไม่ได้ทำ แต่พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง
“ไม่ต้องแก้ตัว ตลอดมาฉันคิดว่าแกซื่อสัตย์ไม่แตะต้องสินค้าของฉัน แต่สันดานแกมันแก้ไม่หาย โดนตัดลิ้นไปแล้วก็ไม่หลาบจำ เห็นนังเพื่อนมันสวยกว่าคนอื่นเข้าหน่อย ไอ้ที่เคยซื่อสัตย์ก็ตระบัตย์สัตย์แทน หักแขนหักขามันให้พิการ”
ลูกน้องลั่นทมเข้าไปล็อคแขนเมี่ยง

มานพซุ่มเข้ามาในบ้านลั่นทมอย่างระมัดระวัง ระหว่างนั้นพวกลูกน้องฝีมือดีของลั่นทมเดินตรวจตรารอบๆ บ้าน
“เฮ้ย พวกเอ็งอย่าอู้ ถ้ามีใครแอบเข้ามาได้อีกล่ะก็ คราวนี้คุณนายเล่นงานเรียงตัวแน่”
ลูกน้องคนอื่นๆ พยักหน้ารับ เข้าใจคำสั่งแล้วกระจายกันเดินตรวจตรารอบๆ บ้าน มานพต้องเลี่ยงหลบสายตาของลูกน้องคนหนึ่งที่หันมาทางมานพพอดี เป็นจังหวะที่สงวนเข้ามาข้างหลังมานพ
“ระวังนะขอรับคุณมานพ พวกมันมีกันหลายคนท่าทางมีฝีมือทุกคนด้วย”
“ฉันเคยเข้าไปถึงตัวแม่เพื่อนมาแล้ว พวกมันคงเตรียมไว้รับมือฉันโดยเฉพาะ”
“ถ้าอย่างนั้น กระผมว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกกระผมดีกว่า ท่านเจ้าคุณไม่อยาก ให้คุณมานพได้รับบาดเจ็บ”
“ถ้าแค่นี้ฉันขี้ลาดตาขาว แล้วจะช่วยผู้หญิงของฉันได้ยังไง”
“ผู้หญิงของคุณ”
สงวนไม่ทันถามและห้าม มานพก็รีบลอบเข้าไปเล่นงานลูกน้องลั่นทมคนหนึ่งที่กำลังยืนเผลอหันหลังให้ มานพเข้าล็อคคอแล้วใช้แรงแขนรัดให้ขาดใจ สงวนหันไปเห็นลูกน้องของลั่นทมเข้ามาอีกคน
“คุณมานพ ระวังขอรับ”
สงวนชักมีดสั้น ปาใส่โดนไหล่ของลูกน้องลั่นทม ลูกน้องเซเสียจังหวะ เจ็บใจ รีบวิ่งออกไปทันที ขณะที่มานพเพิ่งจะเล่นงานลูกน้องลั่นทมจนหมดสติ เขาเครียดมากเพราะพวกนั้นรู้ตัวแล้ว

เมี่ยงถูกลูกน้องลั่นทมล็อคตัวแล้วบิดแขนจนบิดงอ ร้องลั่นเป็นเสียงอ้อแอ้ ลั่นทเชิดหน้าอย่างไร้ปราณี
“พวกแกจำเอาไว้ทุกคน ถ้าใครแตะต้องสินค้าของฉันอีกล่ะก็ ต้องลงเอยเหมือนไอ้เมี่ยง”
เมี่ยงเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว ระหว่างนั้นลูกน้องอีกคนที่โดนมีดปักไหล่วิ่งกระเสือกกระสนเข้ามา
“คุณนาย คุณนาย พวก พวกมันบุกเข้ามาแล้วครับ”
“ว่าไงนะ”
ลั่นทมชะงักไป แล้วนึกทบทวนมองเมี่ยง ในที่สุดก็เข้าใจ
“นังเพื่อน อีเจ้าเล่ห์ มึงหลอกพวกกู ปล่อยไอ้เมี่ยง”
เมี่ยงถูกพวกลูกน้องปล่อยตัว ลั่นทมเข้าไปช่วยพยุงขึ้นมา
“ฉันขอโทษที่เข้าใจแกผิด เพราะฉันประมาทนังเพื่อนมันเกินไป เอาเป็นว่าฉันจะให้รางวัลแกอย่างงาม ถ้าแกจัดการฆ่าพวกมันให้หมด แกอ่านปากฉันเข้าใจมั้ย”

เมี่ยงมองลั่นทมแล้วพยักหน้ารับ ลั่นทมยิ้มร้าย

มานพกับสงวนและลูกน้องเจ้าคุณรัตน์ถูกพวกลูกน้องลั่นทมรุกไล่เล่นงานจนถอยร่นมาติดกำแพง
 
“พวกมันรู้ตัวแล้ว กระผมว่าคุณมานพรีบออกไปแจ้งให้ท่านเจ้าคุณทราบเถอะขอรับ จะได้ให้ตำรวจเข้ามาช่วยอีกแรง”
“ฉันจะไม่ออกไปจากที่นี่จนกว่าจะพาคุณเพื่อนไปกับฉัน”
มานพบอกแล้วพุ่งเข้าไปรับมือกับพวกลูกน้องลั่นทม สงวนกับพวกก็ต้องแบ่งไปรับมือพวกนั้นด้วย มานพเล่นงานลูกน้องลั่นทมได้ แต่พอจะแยกออกไป เมี่ยงก็เข้ามาต่อยมานพ มานพเสียหลักแล้วอึ้งไปที่ต้องประจันหน้ากับเมี่ยง เขาพยายามจะสู้แต่โดนเมี่ยงเล่นงานหลายหมัดจนเซ สงวนหันมาเห็นมานพกำลังเพลี่ยงพล้ำก็รีบเข้ามากระชากเมี่ยงออกไป มานพฉวยโอกาสนั้นวิ่งไปทันที

เพื่อนเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง เริ่มกังวลว่าเมื่อไหร่มานพจะมาช่วยตามที่สาบานไว้ จังหวะนั้นลั่นทมเปิดประตูเข้ามา จ้องเพื่อนเขม็งอย่างเจ็บใจ
“นังเพื่อน อีเจ้าเล่ห์”
ลั่นทมปรี่เข้าไปตบหน้าเพื่อน เพื่อนเสียหลักเซล้มไปบนเตียง ไม่ทันตั้งตัว
“แกสุมหัวกับไอ้หมอนั่นวางแผนให้พวกมันบุกเข้ามาเล่นงานพวกฉันใช่มั้ย”
“คุณมานพพาคนมาช่วยฉันแล้วเหรอ”
“อย่างที่ฉันคิดจริงๆ นังเจ้าเล่ห์ ทั้งๆ ที่นังแรมมันเตือนแล้วว่าแกไม่ใช่แค่ดอกไม้งามธรรมดาจากท้องนา แต่ฉันก็ยังประมาท มานี่ ฉันไม่ยอมให้แกหนีไปได้หรอก”
ลั่นทมเข้าไปฉุดกระชากเพื่อนจะพาออกไป แต่เพื่อนสะบัดอย่างแรง
“ฉันไม่ไปไหนกับแกทั้งนั้น ถึงเวลาที่แกจะต้องโดนฉันเอาคืนบ้างแล้ว อีลั่นทม”
เพื่อนปรี่เข้าไปตบหน้าเอาคืนลั่นทมบ้าง ลั่นทมเสียหลัก เพื่อนไม่รอช้าตามเข้าไปจิกกระชากผมแล้วจับโขกกับเสาเตียงก่อนจะเปิดฉากคร่อมตบ

มานพเข้ามาถึงห้องโถงและกำลังจะขึ้นไป แต่ต้องชะงักเมื่อเจอเมี่ยงตามเข้ามารอเล่นงาน มานพกำหมัดแน่นแล้วพุ่งเข้าไปสู้กับเมี่ยง เมี่ยงแรงเยอะกว่าสวนแล้วพลิกกลับมาเล่นงานมานพจนเซ กำลังจะโดนเมี่ยงชักมีดพกออกมาแทงโดยที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ทันใดนั้น ลอโผล่เข้ามาข้างหลังแล้วกระชากเมี่ยงไป ชกหน้าอย่างแรง
“นายลอ”
“เป็นอะไรมั้ยครับคุณมานพ”
“นายลอมาที่นี่ได้ยังไง”
“ผมเป็นห่วงแม่เพื่อนครับ อยากมาช่วยคู่หมั้นของผมด้วยตัวเองดีกว่านอนรออยู่เฉยๆ”
ระหว่างนั้นเมี่ยงลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง กัดฟันเจ็บใจปรี่เข้ามากระชากตัวลอไปซัดหลายหมัดอย่างหนักหน่วง ลอไม่ทันระวังเลยเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ส่วนมานพเอาแต่ยืนมอง

เพื่อนคร่อมอยู่บนตัวลั่นทม ตบใส่ไม่ยั้ง แล้วบีบคอลั่นทมกดลงบนเตียงอย่างโกรธแค้น
“นังสารเลว คิดจะขายฉันให้พวกมันไปทำระยำเหรอ ฝันไปเถอะ มือตีนอีเพื่อนนี่แหละ ที่จะสั่งสอนแกไม่ให้ไปทำระยำกับคนอื่นอีก”
เพื่อนกระหน่ำตบ ลั่นทมเสียเปรียบอยู่แต่ก็ไม่ยอม คว้าแก้วน้ำข้างหัวเตียงมาสาดใส่หน้าเพื่อน ลั่นทมได้โอกาสเอาคืน ตามไปจิกหัวเพื่อนมาตบไม่ยั้ง
“คิดจะสั่งสอนคนอย่างคุณนายลั่นทมเหรออีบ้านนอก ฝันไปเถอะ น้ำหน้าอย่างแก ถ้าฉันไม่ส่งเสริมให้ได้ดีล่ะก็ ชาตินี้แกก็เป็นได้แค่เมียกระจอก ก้มหน้าไถนาไปจนตาย”
ลั่นทมตอกย้ำพร้อมชกเข้าท้องเพื่อนจนจุกตัวงอ แล้วจิกผมโยนลงไปบนเตียง จากนั้นก็ขึ้นคร่อม บีบคอจนเพื่อนหน้าดำหน้าแดง

ลอโดนเมี่ยงกระหน่ำถลุงใส่ไม่ยั้งจนโงนเงนเพราะร่างกายที่ยังไม่หายจากอาการป่วยดี มานพยืนดูเฉย ข้างตัวมีมีดพกของเมี่ยงที่ตกอยู่ เขาหยิบขึ้นมาแล้วครุ่นคิด ลอถูกเมี่ยงกระชากตัวขึ้นมาเล่นงานซ้ำอีก มานพกำลังตัดสินใจ มองมีดในมือและมองลอว่าจะช่วยหรือทิ้งลอไว้แบบนี้ เพราะลอเป็นคู่หมั้นของเพื่อน แต่แล้วมานพก็ตัดสินใจกำมีด พุ่งเข้าไปเสียบสีข้างของเมี่ยง
“คุณมานพ ขอบคุณครับ”
ลอได้โอกาสเอาคืนเมี่ยง ตามไปประเคนหมัดเข่าศอกใส่เมี่ยงไม่ยั้งจนในที่สุดก็คว่ำเมี่ยงลงได้ แต่นั่นก็ทำให้ลอเกือบหมดแรง ทรงตัวไม่อยู่ มานพเข้าไปช่วยประคอง
“ไหวมั้ยนายลอ”
“ไหว ไหวครับ ขอบคุณคุณมานพมากที่ช่วยชีวิตผม”
“นายลอยังไม่หายดีแต่ก็ยังฝืนสังขารตัวเองมาช่วยคู่หมั้น ฉันปล่อยให้นายลอเป็นอะไรไม่ได้หรอก คุณเพื่อนคงต้องเสียใจ”
“น้ำใจคุณมานพประเสริฐนัก ผมต้องทดแทนคุณให้ได้”
“ไม่ต้องหรอก รีบไปช่วยแม่เพื่อนเถอะ ฉันจะบอกให้ว่าแม่เพื่อนอยู่ที่ไหน”
ลอยิ้มอย่างมีความหวัง

เพื่อนกำลังโดนลั่นทมบีบคอ หายใจรวยริน
“ตายซะเถอะนังเพื่อน แกมันหมดประโยชน์สำหรับฉันแล้ว”
“พี่ พี่ พี่ลอ ช่วย ช่วยฉัน ด้วย”
เพื่อนตาปรือกำลังจะตายและเรียกหาลอ ลอวิ่งมาตามทางที่มานพบอกไว้เพื่อไปช่วยเพื่อน ลออาการไม่ค่อยดีเกือบจะประคองตัวเองไม่อยู่ แต่ก็พยายามฝืนสังขารเพราะเป็นห่วงคนรัก
“แม่ แม่เพื่อน พี่ต้องช่วยแม่เพื่อนให้ได้”
ลอเกาะผนังพยุงตัวเองไปจนถึงหน้าห้อง จะเปิดเข้าไปแต่ห้องล็อคกลอนจากข้างใน
“แม่เพื่อน แม่เพื่อน”
ลอกระแทกไหล่กับประตูอย่างแรง เพื่อนกำลังจะขาดใจตายน้ำตาไหลอาบแก้ม
“พี่ลอ พี่ลอช่วย ช่วยฉันด้วย”
ลั่นทมกำลังจะฆ่าเพื่อนสำเร็จ ก็ถูกฟาดด้วยด้ามปืนจนหมดสติไป เพื่อนตาพร่า มองภาพคนที่มาช่วยไม่ชัด สำนึกของเพื่อนนึกว่าเป็นลอ
“พี่ลอ พี่ลอมาช่วยฉันแล้ว”
“ผมมานพเองครับคุณเพื่อน”
“คุณ คุณมานพ”
เพื่อนเสียงอ่อนเรียกมานพแล้วสติก็ดับวูบไป มานพรีบประคองเพื่อนไว้ในอ้อมแขนแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะช้อนตัวเพื่อนอุ้มขึ้นมา ในขณะที่ลอกระแทกจนพังประตูเข้ามาได้สำเร็จ
“แม่เพื่อน”
แต่ภาพที่ลอเห็นตรงหน้าไม่มีเพื่อนอยู่ในห้องนั้น พบแต่หญิงสาวที่ถูกจับมาขังเอาไว้สองสามคน สภาพ แต่ละคนน่าเวทนากันทั้งนั้น
“แม่เพื่อน แม่เพื่อนอยู่ไหน แม่เพื่อน”
ลอหาเพื่อนไม่เจอ ถอยออกมาจากห้อง ร้องเรียก ก่อนที่ตัวเองจะเข่าทรุดเพราะหมดแรง

“แม่เพื่อน”

เพื่อน แพง ตอนที่ 9 (ต่อ)

ตำรวจคุมตัวลูกน้องของลั่นทมออกไป รั้งท้ายด้วยลั่นทม เจ้าคุณรัตน์รีบเข้าไปถามลั่นทม
 
“แม่เพื่อนกับมานพอยู่ไหน”
ลั่นทมลอยหน้าลอยตาไม่สนใจจนเจ้าคุณไม่พอใจ
“ถามไปยังไงมันก็ไม่รู้ขอรับท่านเจ้าคุณ มันแทบจะไม่พูดอะไรเลยสักคำ” สงวนบอก
“อีนังเพื่อนตัวแสบ ต่อให้มันรอดไปได้ แต่สันดานอย่างมัน หาความสุขไม่ได้หรอก สักวันมันต้องลงเอยยิ่งกว่าฉัน”
“จะติดตะรางหัวโตอยู่แล้วยังปากดีอีก”
ตำรวจพาตัวลั่นทมออกไป สวนกับโฉมฉายและแพงที่พากันเข้ามา
“ท่านเจ้าคุณคะ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“พวกมันถูกจับกุมได้เกือบหมด แต่ไม่เจอทั้งมานพและแม่เพื่อน”
“พวกเขาหายไปไหนเหรอคะ”
“ยังมีพวกมันเล็ดรอดหนีไปได้หลายคน อาจจะเป็นไปได้ที่มานพต้องพาแม่เพื่อนหนีไป ด้วยกันเพื่อความปลอดภัย”
“คุณพระ”
“ไม่ต้องห่วงนะคุณโฉม ผมให้คนตามไปแล้วยังไงก็ต้องเจอ”
“แล้วพี่ลอล่ะเจ้าคะ”
“นายลอน่ะเหรอ”
เจ้าคุณรัตน์มองหน้าแพง

ลอได้รับการทำแผลให้เรียบร้อย เดินเซฝืนสังขารมาตามทางท่ามกลางชาวบ้านเดินถนน
“แม่เพื่อน พี่มาช่วยแม่เพื่อนแล้ว แม่เพื่อนของพี่อยู่ไหน”
“พี่ลอ”
แพงมาถึงก็รีบเข้าไปประคองลอเอาไว้
“อีแพง ข้ากำลังจะช่วยแม่เพื่อนได้อยู่แล้ว”
“ฉันรู้แล้วจ้ะพี่ ถึงตอนนี้พี่เพื่อนจะยังไม่กลับมา แต่ก็มีคุณมานพอยู่ด้วย ท่านเจ้าคุณว่า คุณมานพคงพาพี่เพื่อนไปหลบอยู่ที่ไหนสักที่ เพื่อรอให้ปลอดภัยแล้วถึงพาพี่เพื่อนกลับ”
“คุณมานพเขาก็ช่วยข้าเหมือนกัน ถ้าไม่ได้เขาข้าก็คงตายคาคมมีด”
“ถ้าอย่างนั้นฉันว่าพี่ลอกลับไปที่เรือนเถอะจ้ะ นะจ๊ะพี่ลอ”
ลอนิ่งไป มองตามถนนที่ผู้คนเดินขวักไขว่
“ฉันช่วยนะจ๊ะพี่”
แพงช่วยพยุงลอเดินกลับไปตามถนนพระนคร

ภายในห้องพักโรงแรม เพื่อนนอนหมดสติอยู่บนเตียง มานพยืนมองเพื่อนคนสวยด้วยแววตาชื่นชม แล้วนั่งลงข้างตัวลูบไล้ใบหน้าอันสวยงาม
“คุณเพื่อน คุณช่างงดงามเหมือนดวงจันทร์ที่กล้าส่องแสงท้าตะวัน และมันก็คงน่าเสียดายเหลือเกิน ถ้าดวงจันทร์ดวงนี้จะไปอยู่ในมือของนายลอคนเดียว”
มานพลูบไล้ใบหน้าชื่นชมเพลินจนเพื่อนเริ่มขยับตัว เขาจึงปล่อยมือ แล้วถอยไปหยิบมีดพกเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะใช้มีดกรีดที่แขนจนเลือดไหลซิบออกมา

ที่บ้านโฉมฉาย แพงช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผลตามตัวให้ลอ
“ทีหลังพี่ลออย่าทำอย่างนี้อีกนะ ที่นี่ไม่เหมือนบ้านสร้าง พลาดพลั้งขึ้นมาไม่มีใครช่วยพี่ได้นะจ๊ะ”
“พี่ห่วงแม่เพื่อนเป็นสำคัญ อย่างอื่นพี่ไม่คิด”
“แต่ก็มีคนคอยช่วยพี่เพื่อนอยู่แล้ว พี่ลอหอบสังขารตัวเองไปก็กลายเป็นภาระคนอื่น”
“เอ็งเอาแต่สั่งให้ข้าอยู่เฉยเหมือนคนไม่อาทรร้อนใจ ข้าถามเอาความเถอะเอ็งห่วงพี่สาวบ้างรึเปล่าอีแพง หรือว่าพอมาอยู่พระนครแล้วเอ็งก็ตาโตตื่นเต้นกับความเจริญ จนลืมไปว่าพี่เอ็งถูกลักพาตัวมา”
“พี่ลอ”
แพงน้อยใจกับคำพูดของลอ แต่ไม่อยากพูดอะไร ผูกผ้าพันแผลให้ลอแรงๆ จนลอร้องเจ็บ
“โอ๊ย อีแพง ข้าเจ็บนะโว้ย”
แพงไม่สนใจ เดินออกไปไม่หันกลับมา ลอจะลุกตามแต่เจ็บจี๊ดที่แขน แพงเดินออกมาอย่างน้อยใจลอ โดยไม่ทันมองทาง จนเกือบจะชนโฉมฉาย
“ขอโทษจ้ะน้าโฉม”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะแพง น้าว่าจะมาคุยกับแพงอยู่พอดี”
ลอเดินเข้ามา
“ได้ข่าวแม่เพื่อนแล้วเหรอจ๊ะ”
“นายลอ ยังไม่พบทั้งแม่เพื่อนทั้งคุณมานพหรอก แต่ได้ข่าวจากท่านเจ้าคุณว่าทางตำรวจตามจับพวกคุณนายลั่นทมได้อีกหลายคน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณมานพก็น่าจะพาแม่เพื่อนกลับมาแล้วสิจ๊ะ”
“นี่มันค่ำมืดแล้ว ท่านเจ้าคุณคาดว่าคุณมานพไม่น่าจะพาแม่เพื่อนกลับมาตอนนี้ เพราะจะอันตรายเกินไป นายลอไม่ต้องกังวลนะ มีคุณมานพอยู่ด้วยแม่เพื่อนต้องปลอดภัย”
“แพงขอตัวก่อนนะจ๊ะน้าโฉม”
“เดี๋ยวสิจ๊ะแพง ครูที่โรงเรียนเขาฝากหนังสือแบบเรียนมาให้แพง น้าเอาไปวางไว้ที่ห้องให้แล้วนะจ๊ะ ยังไงคืนนี้ก็ลองอ่านดู”
“จ้ะน้าโฉม”
แพงรับคำน้าโฉมแล้วแทบไม่มองหน้าลอ เพราะยังน้อยใจ ก่อนจะเดินออกไป
“อีแพงมันเข้าเรียนหนังสือแล้วเหรอจ๊ะ”
“เรียกว่าเข้าเรียนแล้วคงไม่ได้หรอกจ้ะ ระหว่างที่นายลอยังไม่รู้สึกตัว ฉันให้แพงใช้เวลาว่างไปเรียน แต่แพงก็หาข้ออ้างไม่ยอมไป เพราะจะอยู่ดูแลแต่นายลอ คอยตามข่าวพี่สาวอีก แพงเป็นเด็กหัวดีถ้าหมดกังวลเรื่องแม่เพื่อนแล้ว ฉันก็ตั้งใจจะส่งเรียนให้ถึงที่สุด”
ลอนิ่งไป
 
รู้สึกผิดที่ตัวเองไปว่าแพงว่าใจดำไม่ห่วงพี่สาว

เพื่อนเริ่มรู้สึกตัวได้สติพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นตา
 
“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับคุณเพื่อน”
เพื่อนตกใจชะงัก หันไปเห็นมานพสวมเสื้อกล้ามตัวเดียว ที่แขนมีผ้าพันแผลอย่างลวกๆ
“คุณมานพ เกิดอะไรขึ้นคะ นี่ฉันอยู่ที่ไหน”
“ใจเย็นๆ ก่อนครับ ไม่ต้องตกใจ ผมจำเป็นต้องพาคุณมาซ่อนตัวที่นี่เพราะข้างนอกนั่นยัง มีพวกมันตามเล่นงานเราอยู่”
“คุณพาฉันหนีออกมาเหรอคะ”
“ครับ ระหว่างที่ผมพาตำรวจบุกเข้าไปช่วยคุณ เกิดเหตุวุ่นวายทำให้ต้องพาคุณหนีออกมา มีพวกมันหลายคนคอยตามล่าแก้แค้นผม คืนนี้เราเลยจำเป็นต้องพักที่นี่ ไว้รุ่งสาง เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัย ผมจะพาคุณไปส่งบ้าน”
มานพเล่าไปก็แสดงอาการเจ็บปวดแผลที่ต้นแขน
“ตายแล้ว คุณบาดเจ็บด้วยนี่คะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ไกลหัวใจ”
“ให้ฉันช่วยดูแผลให้คุณดีกว่าค่ะ”
เพื่อนรีบขยับเข้าไปใกล้มานพแล้วแตะแผลที่แขนเบาๆ มานพทำสะดุ้งเรียกความสงสารจากหญิงสาว
“เป็นเพราะฉันเองที่ทำให้คุณต้องได้รับบาดเจ็บ ชีวิตก็ต้องมาเสี่ยงอันตราย”
“อย่าโทษตัวเองสิครับ ถ้าเป็นคนอื่นได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากคุณ ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องทำเหมือนผม”
“ทั้งๆ ที่ฉันเป็นใครก็ไม่ทราบ ไว้ใจได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่คุณก็ยังจะเสี่ยงเหรอคะ”
“คุณเพื่อนครับ วินาทีแรกที่คุณเข้ามาหาผม พร้อมกับแววตาที่น่าสงสารนั่น ผมก็รู้ทันทีว่าชีวิตผมมันคุ้มที่จะเสี่ยงเพื่อคุณ”
มานพพูดไปก็จับมือเพื่อนที่กำลังมัดผ้าพันแผลใหม่ให้ เพื่อนชะงักมองใบหน้าที่หล่อเหลาดูดีของมานพ หัวใจเต้นแรง หน้าร้อนผ่าว ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือออกอย่างเขินอาย
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ควรทำกิริยาไม่สุภาพกับคุณ ผมเพียงแต่รู้สึกแปลกใจที่คุณเพื่อนทำแผลให้ผมได้เรียบร้อยดีเหลือเกิน”
“ฉันทำแบบนี้บ่อยค่ะ เพราะคู่หมั้นของฉันมักมีเรื่องเจ็บตัวเป็นประจำ”
มานพเห็นเพื่อนเริ่มพูดถึงลอก็รีบดึงความสนใจด้วยการเอานิ้วแตะริมฝีปากให้หยุด
“ชู่วว์ อย่าเพิ่งส่งเสียงอะไรนะครับ”
“มีอะไรเหรอคะ”
มานพดึงเพื่อนมายืนพิงหลบที่ข้างประตูอย่างระมัดระวัง
“อยู่ใกล้ๆ ผมเอาไว้นะครับคุณเพื่อน ผมจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณได้อีก”
มานพพูดพร้อมดึงเพื่อนมาโอบไว้จนใบหน้าของเพื่อนแนบอยู่กับแผ่นอกของเขา ยิ่งทำให้หัวใจของ เพื่อนเต้นรัวกับความเป็นสุภาพบุรุษของมานพ
บริเวณทางเดิน เท้าของใครบางคนเดินมาตามทางหน้าห้องพัก มานพกอดเพื่อนเอาไว้แนบอก มือข้างหนึ่งก็กำด้ามปืนไว้แน่น
“คุณมานพ ถ้าเป็นพวกมันบุกเข้ามา ให้พวกมันพาฉันไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากให้คนดีๆ อย่างคุณต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อฉันอีก”
“ไม่ครับ ผมเสี่ยงเพื่อคุณแล้ว ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีก”
“แต่ว่า”
“ไว้ใจผมนะครับ ถ้าคุณได้รู้จักผมแล้ว คุณจะรู้ว่าคนอย่างผมไม่เคยยอมแพ้ ยิ่งกับพวกคนชั่วแล้ว มันจะต้องกลัวผมเหมือนเจอราชสีห์ที่พร้อมขย้ำมันทุกเวลา”
มานพพูดไป มือที่โอบไหล่เพื่อนก็บีบแน่นราวกับลูกผู้ชายพร้อมปกป้อง ยิ่งทำให้เพื่อนอดมองหน้าเขาด้วยความชื่นชมไม่ได้ และคำว่าราชสีห์ก็ทำให้เพื่อนอดนึกถึงและเปรียบเทียบกับลอไม่ได้ เพื่อนซุกหน้าอยู่กับแผ่นอกของมานพ มือที่โอบเพื่อนแน่นทำให้เพื่อนรู้สึกปลอดภัยกว่าคำพูดของลอ จนเผลอตัวกอดมานพแน่น มานพรู้สึกได้ถึงการกอดตอบรับของเพื่อน
“ขอบคุณค่ะคุณมานพ ฉันไว้ใจและรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีคุณดูแลฉันค่ะ”
มานพแอบยิ้มชอบใจที่เพื่อนหลงเสน่ห์เขาเข้าแล้ว จังหวะนั้นเองที่เสียงฝีเท้าหน้าห้องมาหยุดตรงหน้าประตู มานพยกปืนขึ้นแล้วใช้ปืนจ่อหัวชายที่เปิดประตูเข้ามา บริกรตกใจกลัว
“ผมเองครับคุณ”

มานพจ่ายเงินให้บริกรที่หน้าประตู
“ขอบใจมาก ถ้ามีอะไรผิดปกติไม่น่าไว้ใจก็รีบมาบอกฉันเลย”
“ครับคุณ”
บริกรรับเงินแล้วออกไป มานพปิดประตูแล้วหันมายิ้มให้เพื่อน
“ผมต้องขอโทษคุณเพื่อนด้วยนะครับที่ทำให้ตกใจ ผมต้องจ้างบริกรให้ช่วยเป็นหูเป็นตาระวังให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้ก็ทำให้ฉันเห็นแล้วว่าคุณรอบคอบและพยายามช่วยฉันจริงๆ”
“ผมต้องระวังทุกฝีก้าวเพราะไม่อยากเสียคุณไป ขุมนรกแบบนั้นไม่เหมาะกับนางฟ้านางสวรรค์อย่างคุณหรอกครับ เอาล่ะครับ คุณคงเหนื่อยและตกใจมาพอสมควร คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้คุณก็จะได้กลับไปสู่อ้อมอกคนที่คุณจากมาแล้ว”
มานพพูดพร้อมกับเหน็บปืนไว้ที่เอวแล้วจะเดินออกไปจากห้อง เพื่อนสงสัยรีบถาม
“เดี๋ยวค่ะ แล้วคุณจะไปไหนคะ”
“ผมจะเฝ้าหน้าห้องให้ครับ คุณมีคู่หมั้นแล้ว คงไม่สมควรที่ผมจะค้างคืนในห้องนี้กับคุณ พักให้สบายนะครับคุณเพื่อน”
มานพยิ้มให้แล้วจะออกไป เพื่อนตัดสินใจเข้าไปคว้าแขนเขาไว้
“กรุณาอยู่ในห้องนี้กับฉันเถอะค่ะคุณมานพ ฉันจะรู้สึกปลอดภัยกว่าถ้า”
มานพมองเพื่อนที่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาตน
“ถ้า ถ้ามีคุณอยู่ใกล้ๆ ฉัน”
“คงไม่สมควรมั้งครับ เพราะถ้าคู่หมั้นคุณทราบ”
“สุภาพบุรุษที่มีน้ำใจอย่างคุณ ถ้าคู่หมั้นของฉันจะถือเอาความกับเรื่องแบบนี้ ฉันก็คงทนอยู่กับผู้ชายใจคับแคบไม่เป็นสุภาพบุรุษได้หรอกค่ะ”
“ขอบคุณครับที่ไว้ใจผม ผมจะนอนพื้นเฝ้าคุณเอง”

มานพกับเพื่อนสบตากันด้วยแววตาที่ต่างก็ชื่นชมกันและกัน

ตอนเช้า ลอเดินไปเดินมาอยู่ที่ห้องโถง ชะเง้อมองแต่ที่หน้าทางเข้าบ้าน เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เพื่อนจะกลับ ระหว่างนั้นจำปูนเดินเข้ามา
 
“มาชะเง้อคอรออยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ยนายลอ”
“ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจ้ะ ว่าแต่พี่จำปูนได้ข่าวคุณมานพกับแม่เพื่อนบ้างรึยังจ๊ะ”
“ยังเลย”
"จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว ฉันรอไม่ไหวแล้วจ้ะ”
“จะไปไหนล่ะนายลอ”
“ปล่อยพี่ลอเขาไปเถอะจ้ะพี่จำปูน”
ลอชะงักหันมาเห็นแพงแต่งตัวเป็นนักเรียนคอนแวนต์อดแปลกใจไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นแพงแต่งตัวแบบนี้
“สังขารเขาไม่มีอะไรให้เราต้องคอยดูแล ก็ปล่อยให้เขาทำตามใจอยากเถอะ ดีกว่าปล่อยให้ เขาร้อนใจจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อไปอีก พี่จำปูนช่วยไปส่งฉันที่โรงเรียนได้มั้ยจ๊ะ”
“ได้สิแพง เดี๋ยวฉันไปเตรียมรถมารับแล้วกันนะ”
“ขอบใจจ้ะพี่จำปูน”
จำปูนเดินออกไป ลอยังมองแพงไม่วางตา
“ไปสิพี่ลอ อยากไปตามหาพี่เพื่อนไม่ใช่เหรอ จะมัวยืนซื่ออะไรอยู่อีก”
“เอ็งไม่ต้องมาประชดประชันข้าหรอกอีแพง ข้ายอมรับว่าเมื่อคืนปากข้าเสียที่ด่าเอ็ง”
“พี่ลอด่าฉันเช้าเย็นมาตั้งแต่ฉันตัวกะเปี๊ยก คิดว่าฉันสนใจนักเหรอเข้าหูซ้ายมันก็ออกหูขวาทันทีนั่นแหละ”
“เออ ข้ารู้สันดานเอ็ง คำด่าข้าจะเข้าซ้ายออกขวาก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าให้คำสอนของครูบาอาจารย์ที่โรงเรียนเขาเข้าซ้ายออกขวาก็แล้วกัน มันเสียความตั้งใจของน้าโฉม”
“ไม่ต้องมาสั่งฉันหรอก ถ้าฉันไปเรียนหนังสือแล้วล่ะก็ พี่ลอจะไม่ได้เจอหน้าฉันบ่อยๆ นะ”
“เรื่องนั้นข้าคิดเอาไว้แล้ว แม่เพื่อนกลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะพาแม่เพื่อนกลับบ้านสร้าง ส่วนเอ็งก็เรียนหนังสืออยู่ที่พระนครไปนี่แหละอีแพง”
“พี่ลอ”
“อีแพง นายลอ อีแพง พี่สาวเอ็งกลับมาแล้ว” จำปาร้องเรียก
“แม่เพื่อน”

เพื่อนยืนงงๆ อยู่หน้าบ้านตึกใหญ่โตโอ่โถงอย่างสงสัย
“ไหนคุณมานพบอกว่าจะพาฉันไปส่งบ้าน แล้วพาฉันมาที่ไหนคะเนี่ย”
“ที่นี่แหละครับที่จะเป็นบ้านใหม่ของคุณในพระนคร”
“บ้านใหม่ของฉัน”
“น้องสาวของคุณกับคู่หมั้นของคุณรออยู่ในบ้านแล้ว”
“คุณรู้จักน้องสาวกับคู่หมั้นของฉันด้วยเหรอคะคุณมานพ”
มานพถอดหมวกออกแล้วก้มหัวให้พร้อมแววตาเศร้าๆ
“ผมขอโทษด้วยครับ หลังจากนี้ไป หวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมต้องทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย ผมลาล่ะครับ”
“คุณมานพ เดี๋ยวสิคะ”
เพื่อนจะตามมานพไป แต่เสียงของลอดังแทรกเข้ามา
“แม่เพื่อน”
เพื่อนชะงักหันไปเห็นลอรีบตรงเข้ามาหาแล้วดึงตัวเองมาโอบกอดแน่น
“แม่เพื่อน แม่เพื่อนกลับมาหาพี่แล้ว พี่คิดถึงแม่เพื่อนเหลือเกิน”
“พี่ลอ”
เพื่อนอยู่ในอ้อมกอดของลอ แต่ก็อดที่จะเหลียวกลับไปมองหามานพไม่ได้
“แม่เพื่อนไม่ดีใจที่ได้เจอพี่เหรอ”
“เอ่อ ดีใจสิจ๊ะพี่ลอ”
ลอกอดเพื่อนอีกครั้ง แพงตามออกมาเห็นทั้งสองคนกอดกันก็เศร้าไป

ลูกบิลเลียดที่มานพเล็งแล้วแทงพุ่งตรงลงหลุมอย่างแม่นยำ มานพยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนวิชิต หน้าเซ็งๆ ที่พนันแพ้มานพ ยอมควักธนบัตรออกมาวางให้
“ปั๊ดโธ่เอ๊ย จนได้ ฉันไม่เคยตามแกทันสักเรื่องจริงๆ ไอ้มานพ”
“หึๆ ของอย่างนี้มันเป็นความสามารถเฉพาะตัว อย่างแกจะเลียนแบบคงไม่ได้หรอก”
“ลงทุนใช้วิธีปั่นหัวให้ผู้หญิงหลงแกถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เขามีเจ้าของอยู่แล้ว ก็ขอให้เป็นไป ตามที่แกหวังเถอะ อย่าให้เสียเวลาเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ ที่สุดท้ายต้องแพ้ไอ้บ้านนอกคอกนาก็แล้วกัน”
มานพชะงักไม่พอใจคำพูดวิชิต คว้าคอเสื้อวิชิตจ้องเขม็ง
“แกพูดแบบนี้มันดูถูกฉันเกินไปรึเปล่าวะไอ้วิชิต”
“เฮ้ย ฉันแค่พูดเล่น อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังสิวะ”
“ฉันไม่ชอบให้พูดเล่นแบบนี้นี่หว่า”
“งั้นต่อไปฉันจะไม่พูดเล่นอีก หนุ่มนักเรียนนอกอย่างแก ถ้าผู้หญิงไม่หลงหัวปักหัวปำ ก็แสดงว่าโง่เต็มทีแล้ว”
มานพยิ้มอย่างพอใจ ระหว่างนั้นแรมเดินเข้ามามองหาวิชิตภายในสมาคม จนเห็นวิชิตอยู่ที่โต๊ะบิลเลียดก็รีบเดินมาด้วยความกังวล
“คุณวิชิตคะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณตามลำพังค่ะ”
“ได้สิครับ กำลังคิดถึงคุณอยู่พอดี ยอดชีวาของผม ขอตัวก่อนนะมานพ”
วิชิตโอบเอวพาแรมออกไปด้วยกัน แรมหางตามามองมานพนิดหนึ่งแล้วเชิดหน้าไม่สนใจ มานพมองตามครุ่นคิด

แรมเล่นละครบีบน้ำตาให้ตัวเองน่าสงสารอย่างที่สุด
“แรมกลัวเหลือเกินค่ะคุณวิชิต แรมไม่เคยมีความสนิทสนมกับผู้หญิงที่ถูกจับคนนั้นเลย แค่เคยเจอเขาครั้งหนึ่งตอนที่ญาติแนะนำให้รู้จักกันในงานกาชาด แต่เขากลับซัดทอด ว่าแรมเป็นพวกเดียวกับเขา”
แรมบีบน้ำตาสะอื้นเสียใจ วิชิตต้องดึงมาโอบปลอบใจ
“ไม่ต้องกลัวครับ ผมเชื่อที่คุณแรมเล่ามา ถ้าผู้หญิงคนนั้นจะป้ายสีคุณ ผมก็จะปกป้องคุณเอง”
“จริงนะคะคุณวิชิต แรมไม่เหลือใครที่จะขอความช่วยเหลือแล้วจริงๆ”
“จริงสิครับ ผมมีบ้านพักอยู่อีกหลัง คุณสามารถเข้าไปอยู่ที่นั่นได้โดยไม่มีใครรบกวน จะมีคนรับใช้คอยดูแลคุณ แล้วผมจะหมั่นแวะไปหาคุณบ่อยๆ”
“คุณวิชิต คุณช่างดีกับฉันเหลือเกิน ฉันขอมอบทั้งตัวและหัวใจให้กับคุณคนเดียว”
“ผมก็เหมือนกัน เดี๋ยวคนขับรถของผมจะพาคุณไปที่บ้านพักหลังนั้น คุณไปรอผมนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
แรมหอมแก้มวิชิตแล้วเดินออกไป วิชิตมองตามหัวใจอิ่มเอม มานพเดินเข้ามา
“ฉันนึกว่าแกจะแค่สนุกกับผู้หญิงคนนั้น แค่ประเดี๋ยวเหมือนที่เคยผ่านๆ มา”
“ฉันยอมรับว่าฉันติดใจคุณแรมเข้าให้แล้วจริงๆ ว่ะมานพ”
“แล้วเมียแกกับพ่อตาแกล่ะ ถ้าความแตกล่ะก็ แกจะไม่เหลืออะไร”

“ฉันเป็นคนเก็บความลับเก่งแกก็รู้ใช่มั้ย ฮ่าๆๆ”

โฉมฉายเรียกให้ลอกับเพื่อนเข้ามากราบเจ้าคุณรัตน์
 
“มาสิแม่เพื่อน นายลอ มากราบท่านเจ้าคุณ ที่แม่เพื่อนปลอดภัยกลับมาได้ก็เพราะท่าน เจ้าคุณเป็นธุระจัดการให้ทั้งหมด”
เพื่อนกับลอขยับคลานเข่าเข้าไปกราบอย่างนอบน้อม
“เป็นบุญของไอ้ลอที่ท่านเจ้าคุณเมตตา เกี่ยวข้าวปีนี้ไอ้ลอจะขอเอาข้าวทั้งหมดมายกให้ท่านเจ้าคุณ เพราะไอ้ลอไม่รู้จะเอาอะไรมาตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ได้จ้ะ”
“นายลอเป็นคนซื่อจริงๆ อย่างที่คุณโฉมว่า ไม่ต้องหรอกนายลอ หลานของคุณโฉมก็เหมือนญาติของฉัน เอาไว้ฉันแวะไปแถวบ้านสร้างเมื่อไหร่ พาฉันไปเที่ยวชมดูนาของนายลอก็แล้วกัน”
“ไอ้ลอยินดีเลยจ้ะ”
“ท่านเจ้าคุณคะ ดิฉันซาบซึ้งในความกรุณาของท่านเจ้าคุณและคุณมานพที่เสี่ยงชีวิตไปช่วยดิฉัน พระคุณนี้ดิฉันจะจำไม่มีวันลืม”
“คุณโฉมเขาห่วงเธอมากนะแม่เพื่อน ต่อไปนี้ก็ขอให้พ้นเคราะห์พ้นโศก ส่วนมานพ ฉันตามให้มาด้วยกันแล้ว แต่ไม่ยอมมาด้วย”
“ทำไมล่ะคะท่าน” โฉมฉายแปลกใจ
“อ้างว่าเห็นแม่เพื่อนปลอดภัยก็สบายใจแล้ว อยากให้แม่เพื่อนได้อยู่กับคู่หมั้นเพราะพรากจากกันมานาน คงคิดถึงกันแย่”
“คุณมานพว่าอย่างนั้นเหรอเจ้าคะ”
“ใช่จ้ะแม่เพื่อน”
เพื่อนนิ่งไปกับคำตอบที่ได้ยินจากเจ้าคุณรัตน์ ยิ่งทำให้รู้สึกคิดถึงมานพ ความเคลือบแคลง สงสัยและจิตใจที่วนเวียนอยู่แต่กับเหตุผลที่มานพทิ้งเอาไว้ให้อยากรู้

กลางคืน เพื่อนยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่างห้องพัก คำพูดของมานพครั้งสุดท้ายที่มาส่งตัวเอง ยังทำให้อดคิดวนเวียนไม่ได้
“ผมขอโทษด้วยครับ หลังจากนี้ไป หวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมต้องทำเรื่องที่ไม่น่าให้ อภัย ผมลาล่ะครับ”
เพื่อนหวั่นไหวสงสัยในคำพูดนั้น
“คุณมานพ คุณรู้ว่าฉันเป็นใคร แล้วทำไม ทำไม”
เพื่อนครุ่นคิดหาคำตอบจนไม่รู้ว่าลอโผล่มาข้างหลังแล้วสวมกอดโอบเอว จนเพื่อนสะดุ้ง
“ชื่นใจของไอ้ลอ”
“พี่ลอ ทำอะไรน่ะ”
“พี่อยากกอดแม่เพื่อนให้สมกับความคิดถึง”
“ปล่อยฉันเถอะพี่ลอ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่งามนะ”
เพื่อนพูดพร้อมแกะมือลอแล้วถอยห่างออกมา ทำให้ลอรู้สึกผิด
“พี่ขอโทษจ้ะแม่เพื่อน พี่ลิงโลดเกินไป เพราะตั้งแต่พี่นอนซมไม่รู้สึกตัว พี่ก็เอาแต่คิดถึงแม่เพื่อน เหมือนว่าไม่ได้เจอกันมาสักสิบชาติ”
“จ้ะ ฉันเข้าใจ ฉันเองก็คิดถึงพี่ แต่เราไม่ควรทำมารยาทไม่งามในบ้านคนอื่น คืนนี้พี่ลอ กลับไปนอนพักเถอะนะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
“ขอพี่อยู่กับแม่เพื่อนอีกสักพักไม่ได้เหรอ”
“อย่าเลยจ้ะพี่ลอ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอให้ฉันได้พักบ้างเถอะ นะจ๊ะพี่ลอ”
“ก็ได้จ้ะ งั้นพี่ไปนะ”
ลอเดินออกไป เพื่อนถอนใจเหมือนโล่งอกที่ลอไปพ้นๆ ตัว
“ไล่พี่ลอไปแบบนั้นไม่สงสารเขาเลยเหรอพี่เพื่อน ทุกคนในบ้านนี้เขาก็รู้กันหมดว่าพี่กับพี่ลอเป็นคู่หมั้นกัน เคราะห์หามยามร้ายถูกจับให้พรากจากกัน จะกอดกันก็ไม่มีใครเขาว่าหรอก มีแต่จะชื่นชม”
“ข้ามาอาศัยบ้านน้าโฉมคุ้มกะลาหัว ข้าก็ควรมีมารยาทให้เขาบ้างสิวะอีแพง”
“พี่เพื่อนนี่เก่งจัง มาอยู่พระนครไม่ทันไรก็รู้จักเรื่องมารยาทผู้ดีเขาด้วย”
“อีแพง ที่มาแขวะข้าอย่างนี้ เอ็งจะเอาอะไร”
“ฉันไม่ได้จะเอาอะไรหรอก ก็แค่ฟังพี่ไล่พี่ลอไปแล้วมันหงุดหงิด ตั้งแต่พี่กลับมาเจอหน้าพี่ลอ ฉันยังไม่ได้ยินคำไหนจากปากพี่เลยว่าพี่ลอเป็นยังไงบ้าง ทั้งๆ ที่พี่ลอเฉียดตายเพราะไข้ป่า แล้วยังฝืนสังขารไปช่วยพี่ถึงในซ่องอีก”
เพื่อนชะงัก
“ฉันก็แค่จะย้ำกับพี่ว่า พี่กับพี่ลอเป็นคู่หมั้นกันอยู่นะ ก็แค่นั้นแหละ”
แพงพูดเสร็จก็เดินออกไป เพื่อนมองน้องสาวอย่างหมั่นไส้

“อีแพง อีเสือก”
 
จบตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น