เรื่องย่อจบบริบูรณ์ “บัลลังก์เมฆ”
"รักเกินรัก มักทำลาย"
บทประพันธ์ : ยุทธนา - วาณิช
บทโทรทัศน์ : วรรณวิภา สามงามแจ่ม
กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ
แนวละคร : เมโลดราม่า
ผลิต : เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอ
ออกอากาศ : จันทร์-อังคาร เวลา 20.20 น. - 22.20 น. ทางช่องวัน
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม จันทร์ที่ 18 พ.ค. 2558 -
จำนวนตอนออกอากาศ : 16/+/-
เรียบเรียงใหม่โดย "ละครออนไลน์"
ปี พ.ศ 2500 นางคมขวัญ สมุทรเทวา ให้กำเนิดลูกสาว ปานรุ้ง สมุทรเทวา และเพราะปานรุ้งเป็นลูกสาวคนแรก ทำให้ คุณพิรุณ สมุทรเทวา ผู้เป็นพ่อและเจ้าของกิจการ บริษัทสมุทรเทวาเดินเรือที่สืบทอดจากพระยาสมุทรเทวาผู้เป็นทวด รักและตามใจปานรุ้งมาก ทำให้ชีวิตวัยเด็กของปานรุ้งมีแต่ความสุข
จนกระทั่ง ปี พ.ศ 2508 ปานรุ้ง อายุ 8 ปี คมขวัญตั้งท้องลูกอีกคน ปานรุ้งดีใจและ รอวันที่น้องจะคลอดด้วยความสุข แต่วันที่ เปี่ยมขวัญ คลอดกลับไม่ใช่วันแห่งความสุขอย่างที่ ปานรุ้งคิด เพราะเป็นวันเดียวกับที่พิรุณประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต!
หลังจากพิรุณเสียชีวิต ชีวิตของปานรุ้งเริ่มเปลี่ยนแปลง จากที่เคยมีใครๆ เอาใจ ตอนนี้ปานรุ้งกลับไม่มีใครสนใจ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คมขวัญส่งปานรุ้งอยู่โรงเรียนประจำ เหตุเพราะคมขวัญต้องดูแลเปี่ยมขวัญที่มีร่างกายอ่อนแอ และยังต้องบริหารสมุทรเทวาเดินเรือต่อจากสามี ซึ่งตอนนี้มีการขนส่งทางอากาศเป็นคู่แข่งสำคัญ
ปานรุ้งขอแม่มาอยู่โรงเรียนประจำด้วยความรู้สึกอ้างว้าง น้อยใจว่าแม่ไม่สนใจ แม่รักน้องมากกว่า ตัวเอง แต่ปานรุ้งยังโชคดีที่ได้รู้จัก กติยา มนูญศักดิ์ ลูกสาวของ คุณหญิงดรุณี แม่ม่ายผู้ดีเก่า พ่อของกติยาเสียด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่กติยายังเด็ก กติยาถูกคุณหญิงดรุณีเลี้ยงดูด้วยความรัก ทำให้กติยาเป็นเด็กที่จิตใจดี มีความรักเผื่อแผ่ไปยังคนอื่นเสมอ
ดังนั้นกติยาจึงเป็นทั้งรูมเมทและเพื่อนสนิทของปานรุ้ง ในยามที่เพื่อนในห้องต่างไม่ชอบปานรุ้งเพราะมีนิสัยเอาแต่ใจ พูดจาโผงผางไม่แคร์ความรู้สึกใคร ตรงกันข้ามกับกติยานั้น เป็นคนที่ใครๆ ก็รักเพราะมีน้ำใจและจิตใจดี เพื่อนๆ จึงรุมแกล้งปานรุ้ง แม้ปานรุ้งจะแสดงความ เข้มแข็งไม่แยแส แต่สุดท้ายก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียว กติยาปลอบใจและรู้จุดอ่อนว่า “ปานรุ้งเป็นแค่คนแข็งนอกแต่อ่อนในเท่านั้น”
ด้านปานรุ้งนั้น ส่วนหนึ่งก็ชอบความจิตใจดีของกติยา แต่อีกใจก็หงุดหงิดเมื่อเห็นใครๆชื่นชมกติยา เพราะปานรุ้งเคยเป็นเด็กที่ทุกคนรุมเอาใจมาก่อน พอตอนนี้มีแต่คนสนใจกติยา ทำให้ปานรุ้งก็อดหมั่นไส้กติยาไม่ได้ เหมือนที่ปานรุ้งอิจฉาน้องที่แย่งความรักจากแม่
จนกระทั่ง ปี พ.ศ 2516 ปานรุ้ง โตเป็นสาวแรกแย้ม อายุ 16 ปี กำลังเรียนจบชั้นมัธยมตอนต้น และจะเรียนต่อในมัธยมปลาย เป็นช่วงชีวิตที่ต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง! เมื่อเปี่ยมขวัญ น้องสาวขี้โรคเสียชีวิต และ ยังเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา สถานการณ์บ้านเมืองทำให้เศรษฐกิจสะดุด ทำให้สมุทรเทวามีปัญหา ไปด้วย คมขวัญหวั่นใจกับอนาคตของบริษัทสมุทรเทวา แต่ยังห่วงน้อยกว่าอนาคตของปานรุ้ง เพราะไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาดีอีกเมื่อไหร่ แล้วจะมีเงินซื้อโอกาสดีๆให้ปานรุ้งอีกนานแค่ไหน ดังนั้นคมขวัญไม่รอช้า จัดการส่งปานรุ้งไปเรียนเมืองนอกทันที
ส่วนปานรุ้งนั้นไม่รู้ว่าแม่ส่งตัวเองไปเรียนเป็นเพราะรัก แต่กลับคิดว่าแม่อยากส่งให้ไป ไกลๆ จะได้ไม่เป็นภาระ ปานรุ้งตัดสินใจว่าการไปเมืองนอกครั้งนี้ด้วยความรู้สึกประชดแม่ โดยคมขวัญให้ปานรุ้งไปเรียนบริหารเพื่อกลับมาช่วยงาน แต่ปานรุ้งเปลี่ยนไปเรียนดีไซเนอร์แทน
“ในเมื่อนายแม่ไม่แคร์ความรู้สึกรุ้ง รุ้งก็ไม่จำเป็นต้องแคร์นายแม่ รุ้งจะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของรุ้งเท่านั้น!”
เวลาผ่านไป กรุงเทพมหานคร ล่วงเข้าสู่ปี พ.ศ 2524 ยุคสมัยพลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจกำลังเติบโต ปานรุ้งในวัย 24 กลับจากเมืองนอกพร้อมปริญญาตรี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ เกื้อ รุประมาณ ลูกชายของ นายกอบ คนขับรถเก่าแก่ของคมขวัญและ ยายปิ่น แม่ครัวของ บ้านสมุทรเทวา เจอกับปานรุ้ง เกื้อตกหลุมปานรุ้งทันที แต่เกื้อเก็บความรู้สึกไว้เพราะเจียมตัวเอง
เมื่อปานรุ้งกลับมา คมขวัญจะให้ปานรุ้งไปเริ่มงานที่สมุทรเทวาเดินเรือทันที แต่ปานรุ้งรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่ได้เรียนบริหารมา จึงบ่ายเบี่ยงว่าอยากพักก่อน และขอให้คมขวัญจัดงานเลี้ยงต้อนรับ คมขวัญให้ ปริญญา เลขาคนสนิทจัดการให้ โดยมี น้อย สาวใช้คนสนิท วัยเดียวกับปานรุ้งควบคุมจัดงาน
และในวันงานเลี้ยงนั้นเอง ทำให้ปานรุ้งได้พบกติยาอีกครั้ง พร้อม เรือโทวาสุเทพ นทีพิทักษ์ คู่หมั้นของเธอ ปานรุ้งเพียงแปลกใจนิดๆ ที่รู้ว่า วาสุเทพ ชายที่ช่วยเธอไว้จากม้าพยศ ในโปโลคลับก่อนวันงาน ที่แท้เป็นคู่หมั้นของเพื่อนรักของตัวเอง ต่างจากวาสุเทพที่เห็นความสดใสของปานรุ้ง อันแตกต่างลิบลับจากกติยาที่เรียบร้อยจนน่าเบื่อ นั่นทำให้วาสุเทพหลงรักปานรุ้งทันที
ปานรุ้งฟังคนในงานเลี้ยงต่างพูดชื่นชมว่ากติยาและวาสุเทพเป็นคู่รักที่เหมาะสมมากที่สุดทำให้ปานรุ้งแอบหมั่นไส้กติยาที่ยังมีคนชื่นชมไม่เปลี่ยนแปลง ปานรุ้งจึงเข้าไปคุยกับวาสุเทพ เพื่ออยากรู้ว่าผู้ชายของกติยาจะเพอร์เฟคสักแค่ไหน แต่พอปานรุ้งเห็นสายตาวาสุเทพ ก็รู้ได้ทันทีว่าวาสุเทพหลงเสน่ห์ตัวเองเข้าแล้ว ปานรุ้งนึกสนุกหว่านเสน่ห์ใส่วาสุเทพ เพราะอยากรู้ว่า กติยาจะมีดีพอรักษาวาสุเทพไว้ได้ไหม
ปานรุ้งเริ่มติดต่อหาวาสุเทพและออกไปเที่ยวกับวาสุเทพบ่อยขึ้น ทำให้คนในสังคมเริ่มเอาไปนินทาว่าวาสุเทพเลิกกับกติยามาคบกับปานรุ้งแทน กติยารู้ข่าวแต่กติยาไม่เชื่อว่าปานรุ้งจะหักหลังตัวเอง จนกระทั่งวาสุเทพมาขอถอนหมั้น พร้อมกับบอกว่าตนกำลังจะหมั้นกับปานรุ้ง กติยาเสียใจมาก
พลเรือเอกภัทร นทีพิทักษ์ และ คุณหญิงสุดใจ พ่อแม่ของ วาสุเทพโกรธวาสุเทพ คุณหญิงสุดใจยังอยากได้กติยาเป็นสะใภ้ ดังนั้นคุณหญิงจึงมาพูดให้กติยาลุกขึ้นมาสู้ แล้วทำให้วาสุเทพเห็นว่า เขาเลือกผู้หญิงผิด!
ดังนั้นในคืนวันหมั้นของปานรุ้งกับวาสุเทพ ในขณะที่ทุกคนกำลังฉลองให้กับปานรุ้ง และวาสุเทพ ทันใดนั้นกติยาที่แต่งตัวสวยเฉิดฉาย เดินเข้ามาหาในงาน วาสุเทพยังรู้สึกผิดจน ไม่กล้าสบตากติยา ตรงกันข้ามกับปานรุ้ง ไม่สะทกสะท้าน แถมยังพูดเชิญกติยาให้อยู่ร่วมฉลอง แต่กติยากลับสาดน้ำใส่ปานรุ้ง พร้อมด่า
“ยังขาดความอบอุ่นเหมือนเดิม อยู่คนเดียวไม่ได้ จนต้องกระสันหาใครสักคนมา จนไม่สนใจว่าผู้ชายมีเจ้าของรึเปล่า !”
ปานรุ้งจึงสวนกลับว่า“ผู้ชายไม่ใช่ตุ๊กตาที่ใครๆอวยเอามาให้เธอ แล้วเธอก็เป็น เจ้าของได้เหมือนตอนเด็กๆ แต่สำหรับผู้ชาย ใครเป็นเจ้าของเค้า เค้าเลือกเอง แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อผู้ชายเลือกฉัน”
กติยาจะอาละวาดตบปานรุ้ง แต่โดน ชูนาม ดิเรกวิทยา เพลย์บอยหนุ่มนักเรียนนอก ที่มาเที่ยวในผับจับตัวกติยาออกไปเพื่อปกป้องปานรุ้ง ต่างจากวาสุเทพที่ไม่กล้าทำอะไร เหตุการณ์นี้ทำให้ปานรุ้งประทับใจชูนามขึ้นมาทันที
ด้านชูนามหวังอยากได้ปานรุ้งอยู่แล้ว เพราะรู้เรื่องปานรุ้งจาก ร้อยกรอง ผู้เป็นแม่ นักพนันตัวยงสาธยายความรวยของปานรุ้งให้ชูนามฟังไว้มาก ถ้าชูนามได้ปานรุ้งก็สบายไปทั้งชาติ แต่ชูนามเข้าหาปานรุ้งไม่ได้ง่ายๆ วาสุเทพและคมขวัญคอยดูแลปานรุ้งไม่ห่าง แต่แล้วก็เหมือนโชคเข้าข้างชูนาม เมื่อกติยารู้เรื่องที่ชูนามอยากได้ปานรุ้ง กติยาสืบประวัติ จนรู้ว่าชูนามไม่ใช่ผู้ชายดี จึงยื่นมือช่วยชูนามให้ได้ปานรุ้ง!
โดยกติยาบอกชูนามว่าปานรุ้งเป็น “พวกขี้อิจฉา เห็นใครมีความสุข ต้องแย่งชิงความ สุขนั้นไป ดังนั้นให้ชูนามแกล้งควงกับกติยา เดี๋ยวปานรุ้งก็จะวิ่งเข้ามาหาชูนามเอง!!”
แล้วสิ่งที่กติยาคิดก็เป็นจริง เมื่อปานรุ้งเห็นกติยาที่ตอนนี้แปลงโฉม สวยเซ็กซี่ควงมากับชูนาม ปานรุ้งรู้สึกเสียหน้าที่ผู้หญิงจืดชืดอย่างกติยากำลังขึ้นมาเทียบชั้นตัวเอง ปานรุ้งจึงเข้าหา และหว่านเสน่ห์ให้ชูนามกลับมาหลงตัวเองอีกครั้ง
เกื้อนั้นไม่เห็นด้วยที่ปานรุ้งจะไปกับชูนาม จึงคอยเตือนปานรุ้ง แต่โดนปานรุ้งต่อว่ากลับว่า เกื้อเป็นแค่คนขับรถ ไม่ต้องมายุ่ง เกื้อทนเก็บความเจ็บปวดที่ต้องมองปานรุ้งพลอดรักกับผู้ชาย ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เกื้อไม่เคยตัดใจจากปานรุ้งได้สักที
เรื่องของปานรุ้งกับชูนามเข้าถึงหูคมขวัญ ทำให้คมขวัญเครียดเพราะตอนนี้ สมุทรเทวากำลังเจอบริษัทของ มิสเตอร์ เจสัน ที่หวังฮุบสมุทรเทวาเพราะหวังจะเป็นผู้นำด้านการขนส่งสินค้า โดยมิสเตอร์เจสันทำการตลาดเรียกลูกค้าโดยเสนอราคาตัดหน้า เพื่อดึง ลูกค้าของสมุทรเทวาไป เพื่อให้สมุทรเทวามีปัญหา แล้วเข้ามาซื้อหุ้นจากสมุทรเทวา โดยส่ง ศุภกิจ และ นพพรคู่หูฝ่ายกฎหมายของบริษัทมาเจรจา แต่คมขวัญให้ปริญญา เลขาคู่ใจ ปฏิเสธข้อเสนอทุกรูปแบบ
แต่การโดนมิสเตอร์เจสันเอาลูกค้าไป ทำให้สมุทรเทวามีปัญหาด้านการเงินไม่น้อย คมขวัญต้องการกู้ แต่ธนาคารเห็นสถานการณ์ของสมุทรเทวาไม่ดี จึงไม่มีใครปล่อยกู้ ดังนั้นคมขวัญอยากให้ปานรุ้งแต่งงานกับวาสุเทพ เพราะความใหญ่โตในหน้าที่ของวาสุเทพ จะช่วยสมุทรเทวาให้ได้เงินกู้ได้ ดังนั้นก่อนที่จะเสียวาสุเทพไป คมขวัญจึงต้องจัดการให้ ปานรุ้งกับวาสุเทพแต่งงานกันเร็วที่สุด !! แต่ปานรุ้งไม่ยอม ยืนกรานว่าจะแต่งงานกับชูนาม แต่คมขวัญไม่ยอม ปานรุ้งจึงหนีไปกับชูนาม !!! คมขวัญแทบช็อคที่รู้เรื่องปานรุ้งหนี พยายามตามหาปานรุ้งให้ได้ก่อนวาสุเทพจะรู้ !
ในขณะเดียวกันกติยารู้เรื่องชูนามหนีไปกับปานรุ้ง กติยาไปหาวาสุเทพ และบอกว่า ปานรุ้งหนีไปกับชูนาม แต่วาสุเทพไม่เชื่อ กติยาจึงพาวาสุเทพไปดูปานรุ้งนอนพลอดรักกับ ชูนามที่ริมหาด วาสุเทพเห็นแล้วถึงกับอึ้ง ตัดสินใจถอนหมั้นกับปานรุ้ง แล้วขอโทษกติยาที่มอง ข้ามความรักของกติยาไป
ส่วนคมขวัญมาตามปานรุ้งให้กลับบ้าน แต่ปานรุ้งไม่กลับ พร้อมกับบอกว่าปานรุ้ง เลือกชูนาม ชูนามคือผู้ชายที่อยู่เคียงข้างปานรุ้งตลอดเวลา ต่างจากคมขวัญที่เอา แต่ผลักไส ปานรุ้งให้ไปไกลๆ คมขวัญฟังปานรุ้งพูดแล้วก็เจ็บปวดว่าลูกไม่เคยเข้าใจแม่เลยว่าที่แม่ทำทั้งหมดเพราะใคร สุดท้ายเพื่อรักษาลูกไว้ ไม่ให้หนีหายไปไหน คมขวัญจึงยอมให้ ปานรุ้งแต่งงานกับชูนาม! ในคืนงานแต่ง เกื้อมองงานแต่งงานของคุณหนูปานรุ้งกับชูนามด้วยหัวใจอันเจ็บปวด ที่สุดเกื้อหาทางตัดใจจากปานรุ้ง โดยตัดสินใจไปทำงานที่เหมืองทางใต้กับเพื่อน
ปี พ.ศ 2527 แต่งงานกับชูนามได้ 6 เดือน ปานรุ้งก็ท้อง น้อยคอยช่วยดูแล ในขณะที่บริษัทสมุทรเทวาขาดทุนหนัก คมขวัญจึงยอมขายหุ้นให้มิสเตอร์เจสัน 49 % โดยคมขวัญยังถือหุ้น 30 % และปานรุ้ง 21 % คมขวัญคิดว่านี่เป็นทางออกที่จะรักษาบริษัทไว้ แล้วค่อยหาเงินซื้อหุ้นคืน แต่ความหวังที่หาทางได้หุ้นคืนของคมขวัญกำลังดับ เมื่อชูนามเข้าบ่อนของ เฮียโม และเล่นการพนันจนเสียหลายล้าน ชูนามไม่มีเงินใช้หนี้ ร้อยกรองยุให้ชูนามใช้เส้นปานรุ้งเข้าไปทำงานในสมุทรเทวา เพื่อแอบหากำไรกับลูกค้าที่มาจ้างขนสินค้าไปใช้หนี้ ชูนามมาอ้อนปานรุ้งฝากคมขวัญให้ชูนามทำงาน โดยอ้างว่าอยากสร้างครอบครัว ปานรุ้งปลื้มใจที่ชูนามรักลูกรักเมีย จึงยอมรับชูนามทำงาน แต่แทนที่ชูนามได้ตำแหน่งใหญ่โต แต่คมขวัญกลับให้ชูนามทำงานฝ่ายบุคคล ไม่มีทางที่ชูนามจะหารายได้อะไรได้
เฮียโมตามทวงหนี้ชูนามหนัก ชูนามจนตรอกไม่รู้จะทำยังไง จึงขโมยโฉนดบ้านสมุทรเทวา ที่ชื่อปานรุ้งมาให้เฮียโมพร้อมกับเอกสารที่มีลายเซ็นของปานรุ้ง เพื่อให้เฮียโมปลอมลายเซ็น ของปานรุ้ง จำนองบ้านกับธนาคาร แล้วเอาเงินนั้นใช้หนีเฮียโม แต่เงินที่ได้จากการจำนองบ้าน ใช้หนี้ได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น! ร้อยกรองจึงบอกชูนามว่าได้ข่าวว่ามิสเตอร์เจสันอยากฮุบสมุทรเทวา จึงให้ชูนามขอหุ้น จากปานรุ้ง แล้วเอาหุ้นไปขายมิสเตอร์เจสัน ชูนามจึงมาอ้อนขอหุ้นจากปานรุ้ง แต่ปานรุ้งบอกปริญญาเป็นคนเก็บเอกสารทั้งหมดไว้ ชูนามแกล้งแสดงอาการน้อยใจว่าปานรุ้งเอาเรื่องปริญญา มาอ้าง เพราะไม่อยากยกหุ้นให้ใช่ไหม ปานรุ้งรีบปฏิเสธแล้วสัญญาว่าจะแบ่งหุ้นให้ชูนาม
ระหว่างรอปานรุ้งจัดการเรื่องโอนหุ้น เฮียโมมาเสนอชูนามใช้เส้นที่เป็นลูกเขยสมุทรเทวา ช่วยขนของเถื่อนแล้วจะแบ่งค่าจ้างให้ ชูนามสนใจจึงจัดการหาเรือมารอขนของให้ แต่วิศกรประจำบริษัทมาเจอและสั่งห้ามเอาเรือออกเพราะเรือมีปัญหา แต่ชูนามไม่เชื่อ ทำให้วิศวกรสงสัยว่าชูนามขนอะไร จึงแอบไปดูจนพบของเถื่อน ชูนามเห็นวิศวกรรู้ความลับ จึงเผลอยิง จนวิศวกรตาย ! เฮียโมให้โยนศพวิศวกรทิ้งทะเลเพื่ออำพราง แต่สุดท้ายความผิดก็ปิด ไม่มิดเพราะเรือที่ขนของดับกลางทะเล ทำให้ตำรวจตรวจพบว่า “เรือสมุทรเทวาขนของเถื่อน”
ด้านปานรุ้งที่ยังไม่รู้เรื่องคดีความของชูนาม ได้จัดการโอนหุ้นให้ชูนาม 5% ตามสัญญา ชูนามรีบเอาหุ้นไปขายมิสเตอร์เจสัน ในขณะที่ปานรุ้งกำลังปลื้มปริ่มว่าชูนามขยันทำงาน
“เห็นไหมคะนายแม่..ว่ารุ้งเลือกไม่ผิดจริงๆ”
และแล้วในค่ำคืนนั้น อันเป็นคืนที่กำลังเข้าสู่ ปี พ.ศ 2528 ปานรุ้งคลอดลูกคนแรก ในขณะที่ชูนามกับพรรคพวกถูกตำรวจจับเพราะฆ่าวิศวกร ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ในเวลาเดียวกัน มิสเตอร์เจสันประกาศว่าตัวเองได้ซื้อหุ้นจากชูนาม 5% ทำให้เขามีหุ้นทั้ง 54% มากกว่าของ คมขวัญ ดังนั้นตัดสินให้คมขวัญออกจากการผู้บริหาร! คมขวัญช็อก !
เมื่อกลับมาบ้าน คมขวัญก็พบกับเอกสารทวงหนี้จากธนาคารแจ้งว่าโฉนดที่ดินถูกจำนอง ปานรุ้งโวย ว่ามีคนปลอมลายเซ็น แล้วนั่นก็ทำให้ปานรุ้งรู้ว่าโดนชูนามปอกลอกจนหมดตัว ปานรุ้งเสียใจที่ถูกหลอกอย่างสิ้นท่า แต่ปานรุ้งยังไม่หมดหวัง หวังจะไปพึ่ง วาสุเทพโดยยอมตั้งชื่อลูกชายคนแรกว่า ปานเทพ ดิเรกวิทยา แต่พอปานรุ้งไปที่บ้านวาสุเทพก็เจอคุณหญิงสุดใจบอกว่า วาสุเทพแต่งงานกับกติยาแล้ว
พายุยังโหมกระหน่ำใส่ชีวิตปานรุ้งหนักขึ้นไปอีก เมื่อคมขวัญตรอมใจจนเป็นลมล้มในห้องน้ำ และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ!
บทเรียนของชีวิตครั้งนี้ ปานรุ้งรู้ว่าความดื้อด้าน อวดดี ไม่เชื่อฟังแม่ ทำให้ชีวิตตัวเองต้องพังพินาศ! ดังนั้น…ต่อไปนี้เธอจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ลูกต้องเจอสิ่งที่ดีที่สุด จะไม่ให้ลูกต้องมีชีวิตที่ล้มเหลวเหมือนตัวเองเด็ดขาด !
ในวันที่ปานรุ้งตกต่ำ ไม่มีใครเหลียวแลนับถือ แม้แต่เหล่าข้าทาสบริวาร มีเพียงน้อยที่ตามปานรุ้งไปคอยดูแลทุกที่ ปานรุ้งกับน้อยอดหยากจนแทบจะไปเป็นขอทานรอมร่อ แต่จู่ๆ “เกื้อ” ก็โผล่เข้ามาโอบอุ้มช่วยเหลือ โดยเกื้อบอกว่ารู้ข่าวจากยายปิ่น จึงรีบนั่งรถไฟจากใต้ขึ้นมาตามหาปานรุ้งทันที เกื้อขอให้ปานรุ้ง ไปอยู่ด้วยกัน โดยเกื้อจะดูแลปานรุ้งเอง
ปานรุ้งไม่มีทางเลือก จึงยอมตามมาอยู่กับเกื้อ ทำให้ปานรุ้งต้องมาดองกับอดีตขี้ข้าอย่าง ยายปิ่น ที่ตอนนี้กลายเป็น “แม่ผัว” ซึ่งไม่มีความเกรงใจต่อปานรุ้งอีกแล้ว ! เมื่อปานรุ้งย้ายเข้ามา ยายปิ่นวางท่าว่าในบ้านนี้ไม่มีใครใหญ่ไปกว่าตนเอง แต่ปานรุ้งไม่แคร์ ยังคงวางตัวเป็นเจ้านาย ให้น้อยดูแลตัวเองเหมือนเดิม ส่วนเกื้อได้งานทำเป็นพนักงานฝ่ายเช็คสต็อกในโรงงานหาเงินให้ ปานรุ้งเก็บไว้ทุกบาททุกสตางค์ ยายปิ่นทนไม่ไหวมักเหน็บแหนมปานรุ้งตลอด ปานรุ้งก็ไม่ยอม ลดราวาศอกเช่นกันเหมือนแมวเจอกับหมา ต้องฟัดให้บรรลัยกันไปข้างหนึ่ง!
ปี พ.ศ. 2529 ปานรุ้งกล้ำกลืนอดทนอยู่ในบ้านหลังเล็กซอมซ่อกับเกื้อจนปานเทพอายุ
1 ขวบ ปานรุ้งก็ท้องลูกของเกื้อ ชื่อ ปรก แม้ปรกจะเป็นลูกอีกคน แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับที่ปานรุ้ง รักปานเทพ เพราะในใจของปานรุ้งยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าปรกก็เป็นเพียงลูกคนใช้ เป็นจุดต่ำสุดของ ชีวิต ทำให้ปานรุ้งแสดงออกต่อปานเทพและปรกต่างกัน โดยปานเทพอายุครบ 6 ขวบ ปานรุ้ง ต้องการย้ายปานเทพเรียนโรงเรียนราคาแพง โดยให้ปรกเรียนโรงเรียนราคาถูก ซึ่งปานรุ้งอ้างว่า ปรกแค่ 4 ขวบ เรียนที่ไหนก็ได้ แต่ปานเทพกำลังขึ้น ป.1 ต้องมีพื้นฐานที่ดี
ส่วนเกื้อนั้นใช่ว่าจะดูปานรุ้งไม่ออก แต่ก็เก็บความรู้สึกไว้เพราะไม่อยากให้ปรกรู้สึก น้อยใจ เกื้อจึงเป็นพ่อที่คอยพูดให้กำลังใจปรก เสมอเวลาที่ปรกถามว่าปานรุ้งรักปรก เกื้อพยายามทำให้ลูกสองคนเท่าเทียมกัน จึงหาเงินส่งทั้งปานเทพและปรกเรียนที่เดียวกัน ทั้งทำงานโรงงานและขับรถแท็กซี่ ทำให้เกื้อแทบไม่ได้พักทำให้ล้มป่วย ทำให้ขาดรายได้ ปานรุ้งไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอม ทำให้ปานเทพโดนเพื่อนล้อ ปานรุ้งพาลโกรธว่าเป็นเพราะ เกื้อไม่ดูแลตัวเอง ปานรุ้งจึงตัดสินใจ หาเงินเอง โดยปานรุ้งไปเจอเพื่อน แล้วเพื่อนให้ปานรุ้ง ไปร้องเพลง แล้วนั่นทำให้ปานรุ้งพบกับ วาสุเทพในงานเลี้ยงงานหนึ่งอีกครั้ง !
ปานรุ้งเห็นหน้าที่การงานและความมั่งมีของวาสุเทพแล้ว ทำให้ปานรุ้งเชื่อว่า “วาสุเทพคือคนที่จะอุ้มชูชีวิตปานรุ้ง และลูกๆ ขึ้นมาอยู่อย่างมีเกียรติและสบายได้”
ดังนั้นปานรุ้งจึงตัดสินใจพาปานเทพและปรกหนีจากเกื้อ! เมื่อเกื้อว่าปานรุ้งพาลูกหนี จึงตามไป อ้อนวอนปานรุ้งอย่าพรากลูกไปเลย ปานรุ้งจึงบอกว่า
“ถ้าเกื้อรักลูกจริง เกื้อก็ควรปล่อยลูก ให้ไปสบาย หรือเกื้ออยากให้ลูกลำบากไปทั้งชีวิต”
เกื้อจึงยอมให้ลูกไปเพื่อความสุขของลูก
ในปี พ.ศ. 2537 ปานรุ้งมาอยู่กับวาสุเทพได้ 4 ปี ชีวิตปานรุ้งเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยปานรุ้งได้เปิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์โดย มีวาสุเทพคอยช่วยเหลือทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องการ เงินหรือเรื่องเส้นสายทางธุรกิจ รวมทั้งปานรุ้งยังมีลูกกับวาสุเทพสองคน คนแรกคือลูกสาวชื่อ ปานวาด และลูกชายคนสุดท้องชื่อ ปกรณ์ ซึ่งปกรณ์ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้ปานรุ้งเอาเวลาที่เคยดูปานเทพ ไปดูแลปกรณ์ นั่นทำให้ปานเทพรู้สึกว่าตัวเอง ไม่สำคัญสำหรับแม่อีกแล้ว แม้วาสุเทพจะคอยดูแลปานเทพแทน แต่ปานเทพไม่ต้องการ เพราะปานเทพไม่เคยเห็นวาสุเทพเป็นพ่อเลย
จนกระทั่ง ปี พ.ศ 2540บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของปานรุ้งเจอปัญหาฟองสบู่แตก ปานรุ้งห่วงบริษัท แต่ห่วงอนาคตของลูกๆมากกว่า ปานรุ้งไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไงต่อไป ตอนนี้ยังมีเงิน ปานรุ้งอยากให้ลูกได้สิ่งดีๆ ให้นานที่สุด (เหมือนความรู้สึกเหมือนตอนคมขวัญ เจอปัญหา 14 ตุลาฯ แล้วส่งปานรุ้ง ไปเมืองนอก) ปานรุ้งตัดสินใจส่งปานเทพไปเรียนเมืองนอก ปานเทพไม่อยากไป แต่ปานรุ้งสั่งและจัดการทุกอย่าง ทำให้ปานเทพคิดว่าแม่ต้องการผลักไส ตัวเองไปไกลๆ (เหมือนที่ปานรุ้งเคยรู้สึกกับคมขวัญ) ปานเทพจึงไปเมืองนอกด้วยความรู้สึกน้อยใจแม่
12 ปี ผ่านไป ปี พ.ศ 2552 ปานเทพอายุ 24 ปี ปานเทพเรียนจบปริญญาโทด้าน บริหารธุรกิจ ในขณะที่ปรก อายุ 22 ปี เรียนจบครุศาสตร์ไปรับราชการชั้นผู้น้อย ไม่เป็นที่ปลื้มใจ ของปานรุ้งเท่าไร ส่วนปานวาดอายุ 16 ปี กำลังเรียน ม.ปลาย ส่วนปกรณ์อายุ 14 กำลังเรียน ม.3
ปานรุ้งตั้งใจจะให้ปานเทพแต่งงานกับ นิชา ลูกสาวคุณนายนิรมล นักธุรกิจชื่อดัง ที่ปานรุ้งหวังจะร่วมหุ้นทำโครงการหมู่บ้านจัดสรรด้วย โดยที่ปานรุ้งไม่รู้ว่าปรกชอบนิชามาก่อน แต่เมื่อปานรุ้งรู้เรื่อง แทนที่จะหยุดจับคู่ปานเทพกับนิชา ปานรุ้งกลับขอให้ปรกหยุดคบกับนิชา โดยอ้างว่าที่ทำก็เพื่อธุรกิจ ปรกนั้นยอมถอยตามที่ปานรุ้งสั่งด้วยความรู้สึกเจียมตัวดี ว่าตั้งแต่เล็กจนโตปานเทพคือความหวังของปานรุ้ง ส่วนปรกเป็นแค่ลูกของผู้ชายต้อยต่ำ
แต่ปานเทพกลับเป็นคนปฏิเสธการแต่งงาน เพราะปานเทพแต่งงาน วิภาวี ตั้งแต่อยู่เมืองนอก ปานรุ้งโกรธที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้ ปานเทพจึงพูดตอกกลับแม่ว่า
“ที่แม่ไม่เคยรู้ เพราะแม่ไม่เคยไปเยี่ยมเขาเลย”
ทำให้ปานรุ้งรู้ว่าปานเทพใช้ชีวิตที่เมืองนอกด้วยความน้อยใจ เหมือนที่ปานรุ้งเคยรู้สึกตอนโดนคมขวัญส่งไป แต่ปานรุ้งยังไม่ยอมรับวิภาวีจึงหาทางให้ ปานเทพแต่งงานกับนิชาให้ได้ โดยเอาเรื่องตำแหน่ง ประธานบริษัทมาเป็นข้อเสนอ แต่เหมือน โชคจะเข้าข้างวิภาวีที่จะได้ครองคู่กับปานเทพ เมื่อคุณนายนิรมลถูกฟ้องล้มละลาย และบริษัทของปานรุ้งก็เกือบโดนฟ้องไปด้วย แต่โชคดีที่ “เกื้อ” ซึ่งตอนนี้ได้ดีจนเป็นรัฐมนตรี ช่วยเหลือปานรุ้งไว้ ปัญหาการล้มละลายทำให้ปานรุ้งล้มเลิกการแต่งงาน เพราะกลัวปานเทพต้องทำงาน ใช้หนี้ให้ครอบครัวนิชา ทำให้ปานเทพใช้โอกาสนี้พาวิภาวีอยู่ในบ้านอย่างออกหน้าออกตา
ปานรุ้งเครียดกับเรื่องปานเทพกับวิภาวี ปรกคอยดูแลปานรุ้งด้วยความเป็นห่วง ปานรุ้ง ขอบใจปรกที่ช่วยพูดกับเกื้อ พร้อมกับบอกให้ปรกแต่งงานกับนิชาได้ ปรกดีใจแต่ก็แอบน้อยใจ ที่สุดท้ายปานรุ้งก็ยกของที่ปานเทพไม่ต้องการเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ด้านนิชาก็เสียความรู้สึกกับปานรุ้งที่ดูถูกศักดิ์ศรีตัวเองกับแม่ ประกอบกับนิชาเห็น ปานรุ้งทำกับปรกอย่างไม่ยุติธรรม เมื่อนิชาแต่งงานกับปรก นิชาชวนปรกแยกบ้านอยู่กันเอง แต่ปรกลังเลไม่อยากไป เพราะยังรักและห่วงปานรุ้งอยู่
เรื่องที่นิชาอยากแยกบ้านเข้าถึงหูปานรุ้ง ปานรุ้งไม่พอใจเพราะลูกๆ ทุกคนต้องอยู่ร่วมกัน ห้ามออกไปไหน แต่นิชาหัวแข็งยืนกรานว่า
“ปรกกับตัวเองโตแล้ว ไม่ต้องการอยู่ภายใต้การ ปกครองของใคร”
ทำให้ปานรุ้งไม่พอใจนิชามาก มีผลให้ปานรุ้งกับนิชาไม่กินเส้นกัน !
ในขณะที่ปานรุ้งกำลังมีปัญหากับนิชา ปานเทพพยายามให้วิภาวีเอาใจปานรุ้ง แต่ปานรุ้งยังคงไม่ยอมรับวิภาวีเพราะดูออกว่าวิภาวีแต่งงานกับปานเทพเพราะต้องการเงินและสมบัติของปานเทพเท่านั้น วิภาวีนั้นมีความแรงเหมือนนิชา แต่ต่างกันที่วิภาวีนั้นเจ้าเล่ห์และ ปลิ้นปล้อน วิภาวีจึงเก็บปากตัวเองไม่เถียงปานรุ้ง ทำตัวเป็นฝ่ายโดนรังแกเพื่อเรียกความ สงสารจากปานเทพ ทำให้ปานเทพมีปากเสียงกับปานรุ้งบ่อยๆ ในขณะเดียวกันวิภาวีเสี้ยม ปานเทพให้ทำงานแทนปานรุ้งเร็วๆ
จนล่วงเข้าสู่ ปี พ.ศ 2553 ปานเทพขอโอกาสปานรุ้งเข้าบริหารบริษัทอย่างเต็มตัว ตอนแรกปานรุ้งไม่แน่ใจจะให้โอกาสปานเทพดีไหม แต่วาสุเทพบอกให้ลองดูเถอะ ปานเทพจึงได้ตำแหน่งประธานบริษัทเต็มตัว และเริ่มโครงการ Take over ตึกเก่าที่ เจ้าของโครงการเก่ามีปัญหาเรื่องเงิน จึงสร้างต่อไม่เสร็จ ปานเทพจะจัดสรรเป็นคอนโดหรู ย่านราชประสงค์ แต่วาสุเทพเตือนปานเทพให้รอดูสถานการณ์การเมืองก่อน แต่ปานเทพไม่เคยฟังวาสุเทพอยู่แล้ว ปานเทพจึงดำเนินการซื้อตึก และหลังจากนั้นไม่กี่วันก็เกิดเหตุการณ์ เผาบ้านเผาเมือง ทำให้ตึกที่ลงทุนซื้อนั้นได้รับความเสียหายหลายสิบล้าน ปานรุ้งต่อว่าปานเทพที่ไม่ฟังคำเตือนของวาสุเทพ ปานเทพเสียใจที่ปานรุ้งเข้าข้างวาสุเทพ โดยไม่เห็นเจตนาดีของตัวเอง จึงตัดสินใจออกจากบ้านไปทำธุรกิจกับชูนามซึ่งออกมาจากคุกแล้ว
ด้านวิภาวีกลัวว่าช่วงที่ปานเทพออกจากบ้านไปหาชูนาม ลูกคนอื่นจะแอบขอสมบัติส่วน ของปานเทพ โดยเฉพาะปกรณ์ที่ดูเป็นเด็กขี้อ้อน และปานรุ้งก็รักปกรณ์มาก วิภาวีจึงเข้าไป ตีสนิทกับปกรณ์เพื่อหวังจะควบคุมปกรณ์ไว้ แต่ปกรณ์ไม่ค่อยชอบวิภาวีเท่าไร เพราะรู้สึกว่า วิภาวีไม่จริงใจ ต่างจากนิชาที่เป็นคนตรงๆ ทำให้ปกรณ์ไปสนิทกับนิชามากกว่า
พอวิภาวีเห็นปกรณ์สนิทกับนิชา เลยคิดว่านิชาหวังจะใช้ปกรณ์อ้อนปานรุ้งขอสมบัติ ให้ปรกบ้าง วิภาวีจึงชอบพูดจาดักคอนิชาไว้เพื่อให้นิชารู้ว่าตัวเองรู้ทันความคิดนิชา นิชาไม่พอใจที่วิภาวีดูถูกตัวเอง จึงตอกกลับว่าไม่มีใครหน้าเงินเหมือนวิภาวี วิภาวีไม่พอใจ ทำให้นิชากับวิภาวีมักปะทะกันอย่างแดงเดือดเลือดกระจาย!
ในขณะเดียวกัน กติยายังไม่เลิกตามแก้แค้นปานรุ้ง ตอนนี้กติยาส่ง โดม ลูกชายคนเดียว ที่โตเป็นหนุ่มหล่อไปหลอกล่าปานวาดให้หลงเสน่ห์ เพราะกติยารู้อยู่แก่ใจว่าแท้จริง โดมกับ ปานวาดเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน ! ในขณะที่โดมไม่รู้ว่าพ่อตัวเองคือวาสุเทพ เขารู้แค่ว่า ปานรุ้งกับวาสุเทพทำกติยาเจ็บ เขาเลยตั้งใจคบปานวาดเพื่อแก้แค้นให้แม่
โดมเดินตามแผนของกติยาโดยตาจีบปานวาด คุณหนูไฮโซเอาแต่ใจ แต่โดมก็มี เล่ห์เหลี่ยมตามประสาหนุ่มนักเที่ยวที่ผ่านผู้หญิงมาอย่างโชกโชน ทำให้โดมจับทางพิชิตหัวใจ ปานวาดจนได้ โดยโดมทำให้ปานวาดที่เคยเย่อหยิ่ง กลายเป็นลูกแมวในกำมือ ปานวาดหลงรัก โดมจนโงหัวไม่ขึ้น ยอมแม้แต่แหกกฏเหล็กของปานวาดด้วยการหนีเรียน เพื่อแอบไปเที่ยวกับโดม
และระหว่างปานวาดแอบคบกับโดม ปกรณ์คือคนเดียวที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เพราะปกรณ์สนิทกับปานวาดมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง ปกรณ์ไม่ชอบโดมเพราะโดมไม่เรียนหนังสือ เป็นผู้ชายเสเพล ไม่เหมาะสมกับปานวาด จึงเตือนปานวาด แต่ปานวาดพูด ย้อนปกรณ์ว่า
“ถ้าวันนึงปกรณ์เจอคนที่ถูกใจ ปกรณ์จะลืมคำว่าเหมาะสม”
และแล้ววันหนึ่งก็มาถึง ปกรณ์ได้เจอคนที่ถูกใจจนทำให้ลืมความเหมาะสม นั่นคือ วิรินทร์ สาวห้าว นักกีฬาของโรงเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนใหม่ วิรินทร์มีฐานะยากจนต่างจากปกรณ์มาก แต่วิรินทร์เป็นคนเติมเต็มคนที่ไม่มีความมั่นใจอย่างปกรณ์ ให้กลับมีความกล้าที่จะเลือกอะไร ด้วยตัวเอง วิรินทร์พาปกรณ์ได้เจอโลกใหม่ๆ ที่คุณหนูอย่างปกรณ์ไม่เคยเห็น ทำให้ปกรณ์หลงรัก วิรินทร์โดยไม่สนใจถึงความแตกต่างจากชนชั้นวรรณะ ตรงกันข้ามกับวิรินทร์ที่ไม่มั่นใจว่า แค่ความรักจะชนะเรื่องชนชั้นวรรณะได้
จนเข้าสู่ ปี พ.ศ 2554 ปานรุ้งพยายามจะฟื้นอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดการเสียหายจาก เหตุเผาบ้านเผาเมือง แต่ไม่ทันที่ปานรุ้งจะทำอะไร ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ ปานรุ้งได้แต่มองอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังขาย ถูกน้ำท่วมเละอย่างหมดอาลัยตายอยาก วาสุเทพอยู่เคียงข้าง ปานรุ้งและปลอบโยนให้กำลังใจ ปานรุ้งไม่เคยห่าง ทำให้ปานรุ้งยังคงมองไม่เห็นว่ายังมี “เกื้อ” ยังคงยืนมองปานรุ้ง และคอยให้ความช่วยเหลือไม่เคยห่าง นอกจากบริษัทปานรุ้งจะเดือดร้อนแล้ว บ้านของวิรินทร์โดนน้ำท่วมจนไม่มีที่อยู่ วิรินทร์เป็นห่วงแม่ที่กำลังป่วย เข้ม เพื่อนรุ่นพี่ของวิรินทร์ที่ อาศัยสลัมอยู่ด้วยกันมาแต่เด็ก มาคอยช่วยเหลือหาเรือเพื่อพาแม่ของวิรินทร์ออกจากสลัม ทันใดนั้นเห็นปกรณ์นั่งเรือกู้ภัยเข้ามาหาช่วย วิรินทร์ทึ่งเพราะไม่คิดว่าคุณหนูปกรณ์จะกล้าฝ่ากระแสน้ำมาช่วย ทำให้ประทับใจและยอมเปิดใจ เชื่อมั่นความรักของปกรณ์มากขึ้น เข้มไม่พอใจและเตือนวิรินทร์ว่าพวกเศรษฐี มันไม่เคยมีใครจริงใจ ปกรณ์เข้ามาได้ยิน จึงบอกว่าจะพิสูจน์ โดยพาวิรินทร์ไปเจอแม่ !
ด้านปานรุ้งนั้น ยังไม่ทันจะเคลียร์ปัญหาเรื่องน้ำท่วมจะคลี่คลาย ก็ได้รับหนังสือจาก โรงเรียนปานวาดส่งมาบอกว่าปานวาดไม่มาเรียนเลย ปานรุ้งเรียกปานวาดมาคาดคั้นว่า ปานวาดหนีโรงเรียนไปไหน สุดท้ายปานวาดยอมรับว่าหนีไปเที่ยวกับโดม ปานรุ้งโกรธกักบริเวณปานวาดไม่ให้ออกไปไหน
ในขณะที่ปกรณ์พาวิรินทร์มาหาปานรุ้ง จังหวะหนึ่งปานรุ้งให้ปกรณ์ออกไปเอาของสักอย่าง เพื่อให้วิรินทร์อยู่ลำพังกับตัวเอง สบโอกาสปานรุ้งก็พูดตรงๆ ว่าไม่ต้องการให้ใครมาหวังขุดทองจากลูกชายตน วิรินทร์หน้าชาที่โดนปานรุ้งพูดเหน็บจึงขอตัวลากลับทันที ปกรณ์กลับมาถามหาวิรินทร์ ปานรุ้งสั่งห้ามปกรณ์ติดต่อกับวิรินทร์อีก ปกรณ์เสียใจมาก
ด้านวิภาวีเห็นปานรุ้งกับปานวาดทะเลาะกัน จึงคิดหาวิธีกำจัดตัวหารสมบัติ โดยวิภาวีมาปลอบใจว่าเข้าใจปานวาดว่าโดนปานรุ้งบีบบังคับขนาดไหน ปานรุ้งเป็นคนบ้าอำนาจ ทุกคนต้องทำตามที่ปานรุ้งสั่ง โดยไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกยังไง ปานวาดเห็นด้วย วิภาวีจึงยุให้ ปานวาดหนีตามโดมไปเลย โดยวิภาวีช่วยวางแผนและดูต้นทาง จนปานวาดหนีไปกับโดมได้
ส่วนปกรณ์ตามไปง้อวิรินทร์ โดยมอบแหวนทองที่ปานรุ้งให้ปกรณ์สวมไว้ติดตัว เพื่อบ่งบอกว่าเป็นแหวนหมั้นแทนใจจากเขา จากนั้นปกรณ์ก็ไปบอกแม่ว่าเขาต้องการแต่งงานกับวิรินทร์
ปานรุ้งแทบช็อกที่รู้ว่าปกรณ์จะแต่งกับวิรินทร์ ปานรุ้งอยากจะห้าม แต่บทเรียนที่เสียปานวาดไป ทำให้ปานรุ้งไม่ใช้ไม้แข็ง กลับใช้ไม้อ่อนโดยยื่นข้อเสนอว่าขอให้ปกรณ์เรียนให้จบก่อน กลับมาจะยอมให้ปกรณ์แต่งกับวิรินทร์! แต่ปกรณ์ยืนยันว่าจะเรียนในเมืองไทยกับวิรินทร์ไม่ยอมไปเรียนเมืองนอก ปานรุ้งรู้ว่า ตอนนี้ปกรณ์เหมือนน้ำป่า ถ้ายิ่งหาทางขวางก็ยิ่งพัง ดังนั้นจึงผ่อนปรนกับให้หมั้นก่อน เมื่อเรียนจบค่อยแต่งปกรณ์จึงยอม
ด้านปานเทพกลับมารับวิภาวีหนีเพราะตัวเองดันไปเซ็นค้ำประกันเงินให้ชูนาม 30 ล้าน แต่ชูนามกลับเอาเงินไปเล่นการพนันจนเสียหมดตัวและหนีไปแล้ว เฮียโมเจ้าหนี้กำลังตาม ทวงเงินจากปานเทพ วิภาวีจึงบอกให้ปานเทพไปขโมยเงินในตู้เซฟของปานรุ้ง
ปานเทพกับวิภาวีเข้ามาในห้องทำงานของปานรุ้งเพื่อจะขโมยเงิน แต่ปานรุ้งเข้ามาเห็นเสียก่อน ปานเทพขอร้องให้ปานรุ้งช่วยเแต่ปานรุ้งปฏิเสธ เพราะมันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ปานเทพเครียดจน ขาดสติควักปืนที่พกมาขู่ปานรุ้งให้เปิดตู้เซฟ แต่ปานรุ้งไม่เปิด ปรกเข้ามาเห็นจึงแย่งปืนจากปานเทพ จนทำให้ปืนลั่นโดนแขนของปานรุ้ง ปานเทพกับวิภาวีรีบหนี ปานรุ้งมองปานเทพที่วิ่งหนีไปด้วยความเจ็บปวดหัวใจ
ส่วนวาสุเทพสืบจนรู้ว่า โดม ผู้ชายที่ปานวาดหนีไปด้วยนั้นคือลูกชายของกติยา จึงมาหากติยา และแล้วเวลานั้นเองวาสุเทพก็ได้รับรู้เรื่องราวแสนเจ็บปวดจากปากกติยาว่า โดมคือลูกชายของเขาและกติยา วาสุเทพตกใจมาก ทำให้อาการโรคหัวใจกำเริบจนเสียชีวิตทันที
ด้านปานวาดใช้ชีวิตกับโดมตกระกำลำบากที่ต่างจังหวัด ทั้งคู่ติดยาเสพติดงอมแงม จนเงินที่ติดตัวมาไม่เหลือ สุดท้ายเพราะความอยากยาแทบลงแดง ทำให้ปานวาดยอมไปขายตัวเพื่อหาเงินมาเลี้ยงโดมและซื้อยาเสพ แต่พอโดมรู้ว่างานที่ปานวาดทำคือขายตัว โดมก็ยอมรับไม่ได้ แสดงท่าทีรังเกียจปานวาด แล้วหนีกลับไปหากติยา
เมื่อโดมกลับมา กติยาก็รีบเข้าไปกอดพร้อมร้องไห้บอกว่าพ่อของโดมตาย โดมงงว่าใครคือพ่อตัวเอง กติยาตอนนี้เหมือนคนไม่มีสติอีกแล้ว จึงพรั่งพรูความจริงโดยไม่ยั้งคิดว่าวาสุเทพคือพ่อของโดม โดมช็อกที่รู้ความจริงว่ากติยารู้มาตลอดว่าปานวาดกับโดมมีพ่อเดียวกัน
โดมรับไม่ได้วิ่งออกจากบ้านไป และโดนรถชนตายคาที่ กติยาวิ่งตามออกมาเห็นลูกตายต่อหน้า จึงช็อกตายไปพร้อมกับลูกชาย โดยที่ในมือยังกอดรูปของวาสุเทพไว้มั่น
ส่วนปานวาดเสียใจมากที่ถูกโดมทิ้ง จึงคิดจะกลับบ้านสมุทรเทวา แต่โดนแม่เล้าจับตัวไว้ เพราะ คิดว่าปานวาดหนีหนี้ที่กู้เงินแม่เล้ามา แม่เล้าจึงให้แมงดาจับตัวขังไว้ในซ่อง
ปี. พ.ศ 2558 ปานรุ้งผู้ที่เคยเป็นนางพญาในสังคม ตอนนี้กลายเป็นหญิงสูงวัยเก็บตัว ช้ำใจเรื่องวาสุเทพที่จากไป ทั้งยังห่วงปานเทพและปานวาด ไม่เท่านั้นปกรณ์ยังเข้ามาทวงสัญญาว่า ตอนนี้ปกรณ์เรียนจบมัธยมแล้ว อยากจะขอแต่งงานกับวิรินทร์ ตอนแรกปานรุ้งจะไม่ยอม แต่สำนึกได้ว่าตอนนี้เหลือลูกคนสุดท้ายที่ยังอยู่กับตัวเอง ปานรุ้งอยากให้ลูกมีความสุข จึงยินยอมให้ปกรณ์แต่งงาน
ในวันงานแต่งงานของปกรณ์ มีปานรุ้ง ปรก เกื้อมาร่วมงาน ปกรณ์กับวิรินทร์ต้อนรับแขกทุกคนอย่างมีความสุข เข้มมางานแล้วมองวิรินทร์ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ปานรุ้งเห็นสายตาเข้มที่มองวิรินทร์แล้วรู้สึกว่ามันต้องมีอะไร
หลังวันงานแต่งของปกรณ์ ปานเทพแอบเข้ามาในบ้านเพื่อมาหาปานรุ้งในสภาพผอมโซ ปานรุ้งหัวใจแทบสลายที่ลูกอยู่ในสภาพนี้ ปานเทพเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่ทำปืนลั่นใส่ปานรุ้ง ปานเทพไปเจอชูนาม ชูนามจะพาปานเทพหนี แต่สุดท้ายเฮียโมก็ตามมายิงชูนามตาย ส่วนวิภาวีก็เผยธาตุแท้ออกมา เมื่อปานเทพไม่เหลือเงินก็ทิ้งปานเทพไป ปานเทพหนีหัวซุกหัวซุน เพราะโดนเฮียโมตามล่า ปานรุ้งสงสารลูกแทบขาดใจจึงตัดสินใจช่วย ปานเทพหนีออกนอกประเทศ ปานเทพกราบเท้าปานรุ้งขอโทษและลา ปานรุ้งกอดลูกและพูดว่า
“ครั้งใดที่ลูกคิดถึงแม่ ขอให้ลูกรู้ว่าเลือดครึ่งนึงในตัวลูกเป็นของแม่ ดังนั้นแม่ไม่เคยห่าง ลูกไปไหน แม่อยู่ใกล้ลูกของแม่เสมอ” ปานเทพกอดปานรุ้งแล้วจากไปต่างประเทศ
ปานรุ้งกลับมาบ้านด้วยหัวใจที่หนักอึ้งห่วงปานเทพจับจิต และได้เห็นวิรินทร์แอบคุยกับเข้มที่ข้างรั้วบ้านด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ไม่เท่านั้นวิรินทร์ยังถอดแหวนที่ปกรณ์ให้มอบแก่เข้มอีกด้วย และเข้มสวมกอดวิรินทร์อย่างอ่อนโยน ปานรุ้งสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเข้มกับวิรินทร์มากขึ้นๆ
ปานรุ้งเดินเข้าบ้านมา ปกรณ์วิ่งหาปานรุ้งแล้วบอกว่าเขามีข่าวดีว่าวิรินทร์กำลังท้อง ปานรุ้งพูดกับปกรณ์
“แน่ใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องเป็นลูกปกรณ์”
ปกรณ์ไม่พอใจที่แม่ดูถูกเมีย ปานรุ้งจึงเล่าเรื่องที่เห็นวิรินทร์กอดกับเข้มแล้วถอดแหวนให้เข้มไป ปกรณ์ไม่เชื่อ จึงรีบไปหาวิรินทร์ ปกรณ์มองที่มือวิรินทร์แล้วไม่เห็นแหวน จึงถามหาแหวน วิรินทร์อยากบอกความจริง ว่าถอดแหวนให้เข้มไปขายเพื่อเอาเงินไปจ่ายค่ายารักษาแม่ แต่วิรินทร์กลัวปกรณ์จะจ่ายเงินแทนอีก แล้วปานรุ้งจะมาดูถูกว่าวิรินทร์รีดไถเงินปกรณ์ไปเลี้ยงครอบครัว ดังนั้นวิรินทร์จึงเลือกโกหกปกรณ์ว่าแหวนหล่นหาย
ปกรณ์ชะงักแล้วเดินออกไปพร้อมความสับสนว่าปานรุ้งหรือวิรินทร์ที่พูดความจริง
ถัดมาปกรณ์ได้เห็นวิรินทร์แอบคุยกับเข้มที่หน้าบ้านกับตา วิรินทร์กอดเข้มร้องไห้อีก เข้มลูบท้องวิรินทร์ พร้อมบอกว่าอย่าคิดมาก ให้ดูแลลูกดีๆ ปกรณ์ถึงกับฟิวส์ขาด เดินเข้าไปต่อยเข้ม วิรินทร์ห้ามปกรณ์ แต่ปกรณ์ผลักวิรินทร์แล้วไล่ให้ไปอยู่กับเข้ม โดยบอกว่าเขาไม่มั่นใจว่าลูกในท้องเป็นลูกตัวเองรึเปล่า
วิรินทร์โกรธจัด จึงบอกว่าถ้าปกรณ์ไม่คิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของปกรณ์วิรินทร์ก็จะไป วิรินทร์จากไปกับเข้ม ปกรณ์ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ปานรุ้งเข้ามากอดปลอบ
“ไม่ต้องเสียใจนะลูก จำเอาไว้ ไม่มีใครรักลูกเท่าแม่” ปกรณ์กอดปานรุ้ง
ด้านนิชากับปรกไม่เชื่อว่าวิรินทร์จะมีอะไรกับเข้ม จึงไปสืบจนรู้จากปากเข้มว่าแม่ของวิรินทร์ไม่สบาย เข้มไปบอก วิรินทร์จึงถอดแหวนให้เพื่อไปขายรักษาแม่ เมื่อปรกกับนิชารู้ความจริง ก็รีบมาบอกน้องชาย ปกรณ์รีบรุดไปตามวิรินทร์กับลูก แต่สายไปเพราะวิรินทร์พาลูกจากไปแล้ว
ปกรณ์กลับมาบ้านด้วยหัวใจบอบช้ำ ปานรุ้งเข้ามาปลอบลูกและบอกว่าลูกยังมีแม่ แต่ปกรณ์กลับผลักปานรุ้งไปไกลจากตัวเอง แล้วบอกว่า
“ผมเป็นเด็กดีของแม่มาตลอด แต่นี่เหรอครับคือสิ่งที่แม่ตอบแทนผม สิ่งที่แม่ทำไม่ใช่เพราะลูก แต่ทำเพื่อตัวเอง แม่ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมหวัง โดยที่แม่ไม่สนใจว่าคนอื่นต้องสูญเสียอะไรบ้าง ผมจะทำให้แม่รู้ว่าความสูญเสียเป็นยังไง!”
ปกรณ์ก่อโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ โดยยิงตัวเองตายต่อหน้าแม่ ปานรุ้งหัวใจสลาย กรีดร้องอย่างขาดสติ ได้แต่พร่ำเรียกร้องชื่อปกรณ์แทบขาดใจ!
ในงานเผาศพของปกรณ์ ปานรุ้งคิดว่าตัวเองไม่เหลือใคร แต่กลับมีปรกและนิชาจูงปานวาดที่สติไม่สมประกอบเดินเข้ามายืนเคียงข้างปานรุ้ง ปรกบอกปานรุ้งว่าไปเจอน้องสาวที่ป้ายรถเมล์ และพาปานวาดไปหาหมอตรวจอาการ หมอบอกว่าปานวาดอัพยาจนสมองถูกทำลาย
ปานรุ้งกอดปานวาด และกอดปรกด้วยความรู้สึกผิดว่า ลูกที่ตนไม่เคยเห็นความสำคัญ แต่กลับเป็นคนๆ เดียวที่อยู่ข้างแม่ในวันที่ตกต่ำ เป็นคนคอยประคับประคองให้แม่ยืนขึ้นมาได้ เหมือนที่เกื้อผู้พ่อของปรกเอง คอยทำให้ปานรุ้งมาตลอด
และวันนี้เป็นครั้งแรกที่ปานรุ้งหันมามองปรกเต็มๆ และพูดคำว่า ”ปรกลูกแม่” ออกมา
ไม่ต้องบอกว่าปรกดีใจ และมีความสุขกับอ้อมกอดของแม่ ที่เขาเฝ้ารอมานานสักเพียงใด
ความรักอันยิ่งใหญ่ของปานรุ้ง ปิดฉากลงพร้อมกับบทเรียนสุดท้ายของชีวิตเธอ
ความรักที่ถูกต้องงดงาม ต้องพอดีๆ นี่เป็นคำตอบที่ “ปานรุ้ง” รู้ซึ้ง และตระหนักชัดจากทุกบทเรียนชีวิตในชีวิตของเธอมาแล้วว่า
“รักเกินรัก มักทำลาย”
เรียบเรียงใหม่โดย "ละครออนไลน์"
จบบริบูรณ์
ติดตามชมละครเมโลดราม่าฟอร์มยักษ์แห่งปี “บัลลังก์เมฆ”ทุกคืนวันจันทร์-อังคาร 20.20 น. ทางช่อง one เริ่มออกอากาศตอนแรกวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2558 นี้
รายชื่อนักแสดง “บัลลังเมฆ”
พิยดา จุฑารัตนกุลรับบทปานรุ้ง
สมชาย เข็มกลัดรับบทชูนาม
ปฏิภาณ ปฐวีกานต์รับบทเกื้อ
ศรราม เทพพิทักษ์รับบทเรือโทวาสุเทพ
นันทิดา แก้วบัวสายรับบทคมขวัญ
จารุณี สุขสวัสดิ์ รับบท ร้อยกรอง
ทนงศักดิ์ ศุภการรับบทพลเรือเอกภัทร
อุทุมพร ศิลาพันธ์รับบทคุณหญิงสุดใจ
กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์รับบทกติยา
ปรารถนา สัชฌุกรรับบทดรุณี
ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รับบท ยายปิ่น
กล้วย เชิญยิ้ม รับบท กอบ
โอลิเวอร์ พูพาร์ทรับบทมิสเตอร์เจสัน
สุพจน์ จันทร์เจริญรับบทชัชวาล
พิชญา เชาวลิต รับบทนิสา
เจษฏ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ รับบทปานเทพ
นภัทร อินทร์ใจเอื้อ รับบท ปรก
ณัฐจารี หรเวชกุลรับบท ปานวาด
จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล รับบท ปกรณ์
ชลวิทย์ มีทองคำรับบทโดม
เรวิญานันท์ ทาเกิดรับบทนิชา
เปรมินทร์ ทับแก้ว รับบทวิภาวี
ญานนีน ภารวี ไวเกลรับบทวิรินทร์
ชไมพร สิทธิวรนันท์รับบทน้อย
จอย ชวนชื่นรับบทแจ่ม
ฝันเด่น จรรยาธนากร รับบทนพพร
ฝันดี จรรยาธนากร รับบทศุภกิจ
สิรคุปต์ เมทะนี รับบท ปริญญา
เรียบเรียงใหม่โดย "ละครออนไลน์"
เปิดใจนักแสดง
พิยดา จุฑารัตนกุลรับบท ปานรุ้ง
ไฮโซสาวพราวเสน่ห์ นักเรียนนอกผู้มาดมั่น ชอบเอาชนะ และเป็นทายาทผู้สืบทอดมรดกเพียงคนเดียวของนางคมขวัญ เจ้าของบริษัทสมุทรเทวาเดินเรือ ซึ่งตั้งแต่เล็กจนโตปานรุ้งมีปมในใจ คิดอยู่เสมอว่าแม่ไม่รัก จึงไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของแม่ เพราะความดื้อรั้น เลยทำให้ชีวิตต้องตกต่ำ
“อ้อมดีใจและภูมิใจมากค่ะที่ได้มาเล่นละครเรื่องนี้ เพราะเนื้อหา ในเรื่องที่พูดถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูกซึ่งเป็นสิ่งที่อ้อมประทับใจมากๆ ถึงแม้ “บัลลังก์เมฆ” จะถูกนำมาสร้างเป็นทั้งละครโทรทัศน์และละครเวทีแล้วหลายครั้ง แต่ทุกๆ ครั้งก็จะได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้ชมอยู่เสมอ ซึ่งอ้อมเชื่อว่าบัลลังก์เมฆเวอร์ชั่นนี้นำเสนอได้ดีไม่แพ้เวอร์ชั่นก่อนๆ
และที่สำคัญทุกคนจะได้รับทั้งความสนุกและแง่คิดดีๆ มากมายเลยค่ะ”
ศรราม เทพพิทักษ์ รับบท เรือโทวาสุเทพ
สามีคนที่ 3 ของปานรุ้ง เป็นนายทหารเรือผู้มอบหัวใจให้ปานรุ้งเพียงคนเดียว ถึงแม้วาสุเทพจะมีกติยาเป็นคู่ครองอยู่แล้ว แต่วาสุเทพก็ตัดสินใจทิ้งกติยา เพื่อไปใช้ชีวิตอยู่กับปานรุ้งและลูกๆ ของเธอ
“คาแรกเตอร์ในเรื่องของผมเป็นผู้ชายที่บูชาความรัก ทำทุกอย่างตามที่หัวใจต้องการ ถึงขั้นยอมทิ้งภรรยาแล้วไปใช้ชีวิตอยู่กับอ้อม ซึ่งเป็นคนที่ตัวเอง รักที่สุด โดยไม่ได้นึกถึงความถูกต้องเลยแม้แต่น้อย เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับอ้อม ขอชื่นชมเลยว่า เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมากครับ”
ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ รับบท เกื้อ
สามีคนที่ 2 ของปานรุ้ง ชายหนุ่มผู้แสนดี หลงรักปานรุ้งมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้เกื้อจะเป็นแค่ลูกชายคนขับรถประจำตระกูล สมุทรเทวา แต่ในวันที่ปานรุ้งล้มละลายไม่เหลือใคร เกื้อเป็นคนที่คอยช่วยเหลือดูแลในยามที่เธอลำบาก
“พอรู้ว่าได้เล่นละครเรื่องนี้ก็ตื่นเต้นและดีใจมากครับ เพราะเป็นบทละครที่มีคุณค่าให้ทั้งความเพลิดเพลินและคติสอนใจต่างๆ และเรื่องนี้ผมยังได้รวมงานกับนักแสดงที่สนิทกันมากทั้งเต๋า, หนุ่ม, อ้อม เลยทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งเวลามากองถ่ายครับ”
สมชาย เข็มกลัด รับบท ชูนาม
สามีคนแรกของปานรุ้ง เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ใช้เงินฟุ่มเฟือยและติดการพนันอย่างหนัก แต่งงานกับปานรุ้งเพื่อหลอกเอาทรัพย์สมบัติมาใช้หนี้การพนัน จนทำให้ครอบครัวของปานรุ้งต้องล้มละลายไปในที่สุด
“เรื่องนี้ผมเล่นเป็นคนเจ้าเล่ห์กะล่อน เพลย์บอยสุดๆ แถมยังติดการพนันงอมแงมจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาเล่นการพนัน และเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตของปานรุ้งตกต่ำถึงขีดสุด ผมรู้สึกสนุกที่ได้รับบทบาทแบบนี้ เพราะตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่มีมิติมากมีอะไรให้เล่นเยอะดีครับ ยังไงก็ขอฝากแฟนๆ ให้ติดตามชมกันด้วยนะครับ”
นันทิดา แก้วบัวสาย รับบท คมขวัญ
แม่ของปานรุ้ง เป็นเศรษฐีนีเจ้าของกิจการสมุทรเทวาเดินเรือ คมขวัญรักปานรุ้งมาก เธอเลี้ยงดูด้วยการให้ทุกอย่างที่ปานรุ้งต้องการ จนทำให้ปานรุ้งเสียคน
“ดีใจค่ะที่ได้กลับมาเล่นละครยาวอีกครั้งหลังจากห่างไปนาน 8 ปีเต็ม ในเรื่องรับบทเป็นแม่ของอ้อม เป็นผู้หญิงทำงานเก่งที่ต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวคอยดูแลกิจการทั้งหมด จนไม่มีเวลาดูแลลูก เพราะการเลี้ยงดูลูกด้วยวิธีที่ผิด เลยกลายเป็นปมด้อยทำให้ลูกคิดเสมอว่าแม่ไม่รัก ซึ่งบทละครเรื่องนี้สอดแทรกแง่คิดคติเตือนใจในการใช้ชีวิตไว้ดีมากๆ ได้มาร่วมงานกับอ้อมเป็นครั้งแรก ก็ประทับใจมากค่ะ”
จารุณี สุขสวัสดิ์ รับบท ร้อยกรอง
ไฮโซถังแตก เป็นนักพนันตัวยงเช่นเดียวกับชูนามผู้เป็นลูก และเป็นผู้ร่วมวางแผนให้ชูนามหลองปานรุ้งมาแต่งงานด้วยเพื่อหวังปอกลอกสมบัติของปานรุ้ง
“ค่อนข้างพลิกคาแรคเตอร์พอสมควร จากที่เคยเล่นแต่บทคุณหญิงคุณนาย ร่ำรวย มาเรื่องนี้ต้องเล่นเป็นคนที่ติดการพนันมาก ถึงขั้นยอมไปเป็นมิจฉาชีพเพื่อหาเงินมาเล่นการพนัน ถือว่าดีค่ะ ที่ได้เล่นบทแบบนี้คนดูจะได้เห็นการแสดงเราอีกด้านหนึ่งบ้าง ซึ่งในเรื่องต้องเล่นเป็นแม่ของเต๋า เคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วก็ไม่ต้องปรับ อะไรมาก การทำงานเลยราบรื่นไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ”
ทนงศักดิ์ ศุภการ รับบท พลเรือเอกภัทร
พ่อของเรือโทวาสุเทพ เป็นนายทหารระดับสูงแห่งกองราชนาวีไทย นิสัยสุขุม นิ่งลึก ยึดมั่นในกฎระเบียบและความถูกต้อง
“ในเรื่องผมเล่นเป็นคนที่รักลูกมาก คือจะไม่ไปวางกฎเกณฑ์กับชีวิตลูกมากจนเกินไป แต่ถ้าเค้าทำให้สิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรก็จะคอยเตือน คาแรคกเตอร์ค่อนข้างสบายๆ ไม่หนักมาก มีความสุขทุกครั้งเวลาที่ได้เข้าฉาก ที่สำคัญคือรู้สึกดีใจมากที่ได้เล่นเรื่องนี้ เพราะเป็นบทละครที่เราประทับใจ ยังไงก็ฝากแฟนๆ ติดตามชมกันด้วยครับ”
อุทุมพร ศิลาพันธ์รับบท คุณหญิงสุดใจ
เป็นแม่ของเรือโทวาสุเทพ เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง วางอนาคตไว้ให้ลูก ว่าต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งฐานะทางสังคมและกริยามารยาทเรียบร้อยเท่านั้น
“รับบทเป็นแม่ของหนุ่มค่ะ เป็นแม่ที่รักลูกมาก เลยวางแผนกำหนดกฎเกณฑ์ในชีวิตของลูก ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของความรัก เพราะอยากให้ลูกได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสมซึ่งเราเป็นคนหามาให้ ในเรื่องเกลียดอ้อมมาก เพราะรู้สึกว่าเค้าเป็นผู้หญิงไม่ดีไม่คู่ควรกับลูกชายเรา ที่สำคัญต้องบอกว่าบทเรื่องนี้เข้มข้นครบทุกรสชาติมากๆ ค่ะ”
กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์ รับบท กติยา
เพื่อนสนิทของปานรุ้ง สาวสวย อ่อนหวาน จิตใจดี แต่กลับต้องมาเจอสิ่งที่ไม่คาดฝัน เมื่อถูกปานรุ้งเพื่อนที่เธอไว้ใจมากที่สุดมาแย่งคนรักไป เลยทำให้กติยากลายเป็นคนที่มีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นไปในที่สุด
“คาแรกเตอร์เรื่องนี้ยากและท้าท้ายสุดๆ รู้สึกกดดันตั้งแต่อ่านบทแล้ว เพราะต้องในเรื่องต้องเล่นเป็นคนที่อารมณ์ซับซ้อนจากเมื่อก่อนเคยเป็นคนอ่อนหวานอ่อนโยน แต่พอถูกเพื่อนสนิททำร้ายทางจิตใจมากเข้าก็กลายเป็นคนที่มีอารมณ์เก็บกด เคียดแค้น จนอยากจะเอาชนะให้ได้ ก็เลยต้องศึกษาบทเต็มที่และทุ่มเทเล่นแบบสุดตัว ยังไงก็ขอฝากแฟนๆ ติดตามชมกันด้วยนะคะ”
ปรารถนา สัชฌุกรรับบท ดรุณี
แม่ของกติยา เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง ขยันทำมาหากิน เพราะต้องเลี้ยงดูกติยาเพียงลำพังตั้งแต่สามีเสียชีวิตไป
“ดีใจค่ะที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ เพราะเนื้อหาในบทละครสอดแทรกแง่คิดในการใช้ชีวิตไว้ดีมากๆ ไม่ว่า ‘บัลลังก์เมฆ’ จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่กี่ยุคกี่สมัย มันก็ยังคงมีเสน่ห์ชวนให้ติดตามอยู่เหมือนเดิม และเชื่อว่าคนดูต้องได้อะไรที่มากกว่าความสนุกแน่นอนค่ะ”
ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รับบท ยายปิ่น
แม่ของเกื้อ เป็นคนสู้ชีวิต ปากจัด มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงในชุมชนแออัด ไม่ชอบปานรุ้งซึ่งเป็นลูกสะใภ้เศรษฐีที่จนไม่ลง
“ในเรื่อง ‘ยายปิ่น’ ต้องคอยกระแหนะกระแหน่ปานรุ้งอยู่ตลอด คิดว่าปานรุ้งกับลูกๆ เป็นภาระของครอบครัวที่ทำให้ลูกชายของตัวเองลำบากมากขึ้น เพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงดูปานรุ้ง ที่ทำอะไรไม่เป็น แถมยังเอาแต่ใจใช้เงินฟุ่มเฟือย
สนุกดีค่ะได้มาเล่นเรื่องนี้ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเข้าฉากปะทะคารมกับอ้อมต้องบอกเลยว่าดุ เด็ด เผ็ด มันส์ มากๆ ค่ะ”
กล้วย เชิญยิ้ม รับบท ลุงกอบ
เป็นคนขับรถเก่าแก่ของตระกูลสมุทรเทวา เป็นสามีของยายปิ่นที่มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีน้ำใจ จงรักภักดีต่อคนในครอบครัวสมุทรเทวามาก
“เล่นเป็นคนสนุกสนานเฮฮา จิตใจดี ซึ่งเป็นบทที่ถนัดอยู่แล้ว คาแรกเตอร์ก็สบายๆ ไม่หนักมาก แถมบรรยากาศในกองถ่ายก็มีแต่ความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เพราะนักแสดงในเรื่องส่วนใหญ่ก็สนิทและคุ้นเคยกันอยู่แล้ว รับรองว่าละครเรื่องนี้สนุกครบรสแน่นอนครับ”
เจษฏ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ รับบท ปานเทพ
หนุ่มหล่อเพลย์บอย เป็นลูกชายคนโตของปานรุ้งที่เกิดกับชูนาม ปานเทพไม่เข้าใจสาเหตุที่ปานรุ้งโกรธเกลียดชูนามซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเขา จนกระทั่งชูนามพ้นโทษออกมา และหลอกใช้ปานเทพเป็นเครื่องมือในการทำลายชีวิตปานรุ้งอีกครั้ง
“คาแรกเตอร์ในเรื่องนี้ของผมเป็นตัวละครที่ร้ายมากๆ ซึ่งจะออกเป็นแนวร้ายลึกที่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เพราะเป็นคนทะเยอทะยานดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งเป็นตัวละครที่มีมิติมาก ต้องใช้การตีที่ความยากพอสมควร ผมเลยตั้งใจและทุ่มเทกับเรื่องนี้มาก หวังว่าคงถูกใจแฟนละครนะครับ”
นภัทร อินทร์ใจเอื้อ รับบท ปรก
ลูกชายคนรองที่เกิดกับเกื้อ ปรกเป็นลูกที่เจียมเนื้อเจียมตัวและเชื่อฟังแม่เสมอ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องขัดใจแม่เพราะแม่สั่งให้เขาเลิกคบหากับนิชา แต่ปรกยังคงดื้อดึงจนได้แต่งงานกับนิชา โดยความช่วยเหลือของพ่อเกื้อ แต่ท้ายที่สุดปานรุ้งก็ไม่ยอมรับนิชาอยู่ดี
“ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้รับจากทางผู้ใหญ่ให้มาเล่นละครเรื่องนี้ ภูมิใจมากครับ เพราะ ‘บัลลังก์เมฆ’ เป็นสิ่งที่คนพูดถึงเยอะว่าบทละครมีคุณค่ามากๆ ซึ่งพอผมได้อ่านบทและได้มาเข้าฉาก ผมชอบมาก เพราะเนื้อหามันดีอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ ให้ทั้งความเพลิดเพลินและคติสอนใจต่างๆ ถึงแม้ในเรื่องคาแรคเตอร์ของผมจะค่อนข้างยาก แต่ก็ถือเป็นโชคดีของผมที่ได้พัฒนาทักษะทางด้านการแสดงของตนเองจากการ่วมงานกับเหล่านักแสดงคุณภาพครับ”
ณัฐจารี หรเวชกุลรับบท ปานวาด
ลูกสาวที่เกิดกับวาสุเทพ ปานวาดได้พบรักกับหนุ่มหล่อ เลยทำตัวเหลวไหล ติดยาเสพติดจนหนีออกจากบ้านไปกับคนรัก สุดท้ายก็จนหนทางปานวาดต้องการเงินมาซื้อยาเลยยอมเป็นโสเภณี
“บทบาทที่ได้รับยากมากค่ะ เพราะต้องเล่นเป็นเด็กใจแตก ต้องอาศัยการทำการบ้านเยอะ ทั้งในเรื่องของวิธีคิดและการตีความในอารมณ์ของตัวละคร คือทำอย่างไรให้คนดูเชื่อและอินไปกับการแสดงของเรา ก็เป็นอะไรที่สนุกและท้าทาย ยังไงก็ฝากแฟนๆ เป็นกำลังใจให้เชอรีนด้วยนะคะ”
จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล รับบท ปกรณ์
ลูกชายคนเล็กของปานรุ้งกับวาสุเทพ เป็นลูกสุดรักสุดหวงของปานรุ้ง ปกรณ์หลงรักวิรินทร์ และรู้ดีว่าแม่คงไม่ยอมให้เขาได้สมหวัง เพราะวิรินทร์ฐานะยากจน ปกรณ์จึงตัดสินใจยื่นคำขาดขอแต่งงานกับวิรินทร์ ปานรุ้งไม่มีทางเลือกเลยยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกัน
“คาแรกเตอร์ที่ได้รับในเรื่องก็เป็นวัยรุ่นทั่วไป สดใส ร่าเริงตามวัย ซึ่งบทบาทที่ได้รับในเรื่องไม่ค่อยยากเท่าไหร่และไม่แตกต่างกับชีวิตจริงของผมมากนัก แต่จะยากก็ตรงที่ละครเรื่องนี้เป็นละครยาวเรื่องแรกของผม จังหวะการเล่น มุมกล้องจะแตกต่างกับการเล่นหนังและซีรี่ย์ ตอนแรกก็ต้องปรับตัวเยอเหมือนกัน แต่พอเราเข้าใจ ทุกอย่างก็ลื่นไหลลงตัวครับ”
ชลวิทย์ มีทองคำ รับบท โดม
หนุ่มหล่อมาดเท่ห์ ฐานะร่ำรวย ถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจ เลยใช้ชีวิตเสเพลเที่ยวเตร่ไปวันๆ หลงรักปานวาดตั้งแต่แรกพบ จึงชักชวนกันไปทำในสิ่งที่ผิดๆ จนทำให้ชีวิตต้องกลายเป็นคนที่ไม่มีอนาคต
“ผมดีใจนะที่ได้มารับบทบาทนี้ เพราะผมเชื่อว่าตัวละครตัวนี้ สามารถสะท้อนให้เห็นปัญหาทางสังคมได้เป็นอย่างดี ถ้าพ่อแม่เลี้ยงดูลูกด้วยวิธีที่ผิดๆ จะเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมามากมาย ถึงแม้คาแรกเตอร์ที่ได้รับจะค่อนข้างยาก แต่ผมก็ทุ่มเทและตั้งใจเตรียมตัวทำการบ้านมาเป็นอย่างดีครับ”
เรวิญานันท์ ทาเกิด รับบท นิชา
สาวสวย ทำงานเก่ง มีความมั่นใจสูง ถูกแม่จับหมั้นหมายกับปานเทพชายที่ไม่ได้รัก แต่ท้ายที่สุดเพราะความดีของเธอเลยสามารถเอาชนะอุปสรรคขวากหนามต่างๆจนทำให้เธอได้แต่งงานกับปรกชายที่เธอรักสุดหัวใจ
“ถือเป็นโชคดีของเบนมากค่ะที่ได้มาเล่นละครเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องเข้มข้นและสอดแทรกคติสอนใจสำหรับการใช้ชีวิตไว้มากมาย แถมยังได้ร่วมงานกับนักแสดงคุณภาพอีกหลายคน ซึ่งทุกคนก็จะคอยบอกคอยสอนเทคนิคทางการแสดงให้เรา ก็เป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราได้ฝึกฝนและพัฒนาฝีมือมากยิ่งขึ้นไปค่ะ”
เปรมินทร์ ทับแก้ว รับบท วิภาวี
สาวเปรี้ยว นักเรียนนอกผู้มาดมั่น เป็นคนรักของปานเทพ มักมีปากเสียงกับปานรุ้งอยู่เสมอ เพราะปานรุ้งเห็นว่าวิภาวีไม่คู่ควรกับปานเทพ จึงหาทางกำจัดวิภาวีให้พ้นไปจากชีวิตของลูกชาย
“เป็นคนไม่ยอมคน เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่อ้อมก็จะทะเลาะกันทุกครั้งไป เพราะเราไม่ยอมที่พี่อ้อมคอยมาหาเรื่องรังแก กำจัดเราให้ออกไปจากชีวิตลูกชายเค้า แรกๆ ที่มาเข้าฉากบอกเลยว่าเครียดมาก เพราะต้องเชือดเฉือนอารมณ์กับพี่อ้อม แต่โชคดีที่พี่อ้อมคอยแนะนำวิธีการสื่อสารอารมณ์ของตัวละครให้ ทุกอย่างเลยผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ”
ญานนีน ภารวี ไวเกล รับบท วิรินทร์
สาวห้าว เรียนเก่ง เป็นเพื่อนของปกรณ์ หลังจากที่ทั้งคู่สนิทสนมกัน วิรินทร์ก็พาปกรณ์ไปเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ที่ปกรณ์ไม่เคยเจอมาก่อน จนทำให้ปกรณ์ หลงรักวิรินทร์โดยไม่สนใจถึงความแตกต่างของฐานะทางสังคม
“ทั้งตื่นเต้นและก็ดีใจมากค่ะที่ได้มาเล่นละครเรื่อง ‘บัลลังก์เมฆ’ เพราะถือเป็นการเล่นละครเรื่องแรกของพลอยเลยค่ะ ซึ่งพลอยทำการบ้านกับบทบาทที่ได้รับเยอะมากๆ ทั้งการไปเรียนการแสดงอยู่สม่ำเสมอ ปรึกษาผู้กำกับและพี่ๆ นักแสดงในกอง เพราะถือว่าผู้ใหญ่ให้โอกาสกับเราแล้วเราต้องตั้งใจและพยายามทำการแสดงออกมาให้ดีที่สุด ก็อยากฝากให้แฟนละครทุกคนเป็นกำลังใจให้พลอยด้วยนะคะ”
สันต์ ศรีแก้วหล่อ กำกับการแสดง
ผู้กำกับมือรางวัลกับผลงานการกำกับครั้งล่าสุด “บัลลังก์เมฆ” เรื่องราวมุมมองความรักที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ไม่เสื่อมคลาย จะถูกนำกลับมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ฟอร์มยักษ์อีกครั้งในปี พ.ศ. นี้ โดยฝีมือผู้กำกับ สันต์ ศรีแก้วหล่อ
“รู้สึกสนุกและภูมิใจมากครับกับการกำกับเรื่องนี้ เพราะบทละครเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวความรักในรูปแบบต่างๆ ไว้ดีมากๆ และไม่ว่าบทละครเรื่องนี้จะถูกนำมาสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งทั้งละครโทรทัศน์และละครเวที แต่ก็ยังสนุกและ ตราตรึงใจผู้ชมเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าถึงความรักระหว่างแม่กับลูก ความรักระหว่างหนุ่มสาวที่สอดแทรกแง่คิดให้คนเราได้มองถึงความรักที่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความพอดีเอาไว้ได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งผมว่าสิ่งนี้แหละทำให้ละครมันสนุกเข้มข้นน่าติดตาม แต่ก็เป็นความยากในการกำกับเช่นกัน เพราะการที่จะสื่อสารให้มันแตกต่างจากหลายเวอร์ชั่นที่เคยทำมาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด โชคดีที่ผมได้นักแสดงดีๆ มาร่วมงานทั้ง อ้อม-พิยดา มาเล่นเป็นนางเอกประกบคู่กับ 3 พระเอก เต๋า-สมชาย, มอส-ปฏิภาณ, หนุ่ม-ศรราม ทุกคนเก่งและตั้งใจกันมากๆ
...ผมเชื่อว่าด้วยฝีมือและประสบการณ์ทางการแสดงของทุกคนมันสามารถทำให้คนดูเชื่อและอินไปกับสิ่งที่เค้าต้องการจะสื่อสารอารมณ์ของตัวละครให้คนดูได้รับรู้ได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญยังได้นักแสดงรุ่นเก่ามากฝีมือมาเพิ่มความเข้มข้นของละครอีกมากมาย อาทิ นันทิดา แก้วบัวสาย, จารุณี สุขสวัสดิ์, ทนงศักดิ์ ศุภการ, อุทุมพร ศิลาพันธ์, ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา, ปรารถนา สัชฌุกร, น้ำฝน-กุลณัฐ, กล้วย เชิญยิ้ม ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีนักแสดงรุ่นใหม่มาเสริมทัพเพิ่มอรรถรสความสนุกในละครอีกด้วย เช่น เจษ-เจษฏ์พิพัฒ, กัน-นภัทร, เชอรีน-ณัฐจารี, มาร์ช-จุฑาวุฒิ, พอยท์-ชลวิทย์, เบน-เรวิญานันท์, เปรมมี่-เปรมินทร์ และ พลอยชมพู-ญานีน ซึ่งผมต้องขอบคุณนักแสดงทุกคนที่ทุ่มเทเพื่อละครเรื่องนี้ ก็ขอฝากละครเรื่อง ‘บัลลังก์เมฆ’ ให้ติดตามชมกันด้วยครับ”