เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 6
เล้งเดินมาตามทางกับย่าหยา หญิงสาวแอบเหล่เล้งด้วยสายตาพิฆาตก่อนจะประดิษฐ์ยิ้มหวานแล้วสูดอากาศเข้าเต็มปอด
“อากาศสดชื่นจังเลยนะคะ”
“บรรยากาศเหมาะที่จะพาคนรักมาเดินจูงมือกัน เธอว่ามั้ย”
ย่าหยาเดาได้ทันทีว่าเล้งต้องการอะไรเลยยิ้มเอียงอายเล็กๆ “ค่ะ”
เล้งหยุดเดินแล้วพูดเข้าประเด็นทันที “เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันพาเธอมาที่นี่ทำไม”
ย่าหยายั่วแกมเย้า “มาเดินจูงมือกันแบบ คู่รัก อย่างนั้นหรือคะ”
“ฉันไม่ได้ต้องการเธอเป็นคู่รัก ฉันต้องการเธอเป็นคู่ชีวิต”
ย่าหยาชะงักกึกแล้วทำตกใจทั้งๆ ที่ใจพองฟูเพราะคิดในใจว่าถึงเวลาที่จะเอาคืนแล้ว
เล้งส่งตาหวานปานน้ำผึ้งใส่ “ฉันอยากให้เธอมายืนเคียงข้างฉันในฐานะภรรยา เธอจะขัดข้องมั้ย”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิง เวลาที่เราทำความรู้จักกันยังน้อยมาก ฉันจะรู้ได้ยังไงคะว่าเสี่ยคิดจริงจังกับฉันจริงๆ”
“ฉันไม่เคยขอผู้หญิงคนไหนแต่งงาน เธอเป็นคนแรกย่าหยา” เล้งบอก
ย่าหยาทำเป็นตกตะลึงไปกับคำว่า “แต่งงาน” ของเล้ง
“ถ้าเธอตกลง ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธออย่างดี เธอจะไม่ใช่แค่ภรรยาหัวหน้าแก๊งมังกรดำ ฉันจะทำให้เธอผงาดเป็นหงส์ที่มีอำนาจเหนือมังกรทุกตัว”
ย่าหยาหลอกด่า “อำนาจ เงิน ยศศักดิ์ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สำหรับฉัน “ความรัก” สำคัญที่สุด เสี่ยต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าเสี่ยรักฉันจริง”
“ฉันเอาเกียรติของหัวหน้าแก๊งมังกรดำเป็นประกัน”
“ถอดเกียรติ วางตำแหน่ง แล้วพิสูจน์ให้ฉันเห็นในฐานะผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งว่า คุณรักฉันจริง เท่านั้นพอ”
เล้งมองย่าหยาด้วยความชื่นชม เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไว้ตัว ฉลาดพูด และมีศักดิ์ศรีเหมือนเจียหลินไม่มีผิด
โบตั๋นถือขวดเหล้าเดินสวนผู้คนมาตามทางในย่านแสงสีของเยาวราช เธอนึกถึงเรื่องที่เคยคุยกับเล้งและซ้ง
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา เล้งพูดไป จิบน้ำชาไปอย่างสบายๆ
“ลื้อรู้ใช่มั้ยว่าการลอบฆ่าเถ้าแก่สุง โทษมันคืออะไร เถ้าแก่สุงไม่ตาย แต่กู๋ลื้อตายแน่”
โบตั๋นจับมือซ้งแน่นแล้วร้องไห้โฮ “ไม่นะกู๋” โบตั๋นพูดกับเล้ง “เสี่ยเป็นเจ้านายกู๋ กู๋ทำงานให้เสี่ยมาทั้งชีวิต เสี่ยต้องช่วยกู๋สิ”
เล้งกระแทกถ้วยชาจนแตกแล้วจึงตวาดกลับ “ลื้อนั่นแหละที่ต้องช่วยกู๋ลื้อ”
โบตั๋นสะดุ้งโหยง
“ยอมเป็นเมียอาเฉียง ดึงอีมาเข้าแก๊งมังกรดำ แล้วอั๊วจะให้คนพากู๋ลื้อหนีข้ามไปฝั่งโน้น”
“อย่าบังคับอีเลย” ซ้งบอก
เล้งตบปากซ้ง “พูดมาก ลื้ออยากตายเหมือนหมาข้างถนนรึไง” เล้งพูดกับโบตั๋น “ชีวิตกู๋ลื้อจะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับลื้อ จะจงรักภักดีคนที่มันไม่เคยรักลื้อหรือจะกตัญญูต่อคนที่มีพระคุณกับลื้อก็เลือกเอา อั๊วมีเวลาไม่มากนะ”
โบตั๋นกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดขวดแล้วโยนขวดเหล้าทิ้งก่อนจะเอามื้อเช็ดปากแล้วตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะทำอะไรบางอย่าง
โบตั๋นเคาะประตูห้องชั้นบนของโรงบิลเลียดของธาม สักครู่ประตูเปิดออก เฉียงยืนอยู่หลังบานประตู
โบตั๋นบอกเฉียงด้วยเสียงเมาๆ “ฉันคิดถึงคุณ”
พูดจบโบตั๋นก็พุ่งเข้ามากอดเฉียงแล้วก็นัวเนีย เธอดันชายหนุ่มไปที่โต๊ะแล้วตั้งท่าจะปลดกระดุมเสื้อ
เฉียงแกะมือโบตั๋นออก “คุณไม่ได้คิดถึงผม คุณเมา”
โบตั๋นร้อนผ่าว “ฉันรักคุณ”
“คุณไม่ได้รักผม คุณรักเฮีย ผมถามจริงๆคุณทำแบบนี้ทำไม มีเหตุผลอะไร”
โบตั๋นน้ำตาซึม “ฉันไร้ค่าขนาดคุณไม่ยอมมีอะไรกับฉันเลยเหรอ”
“คุณมีค่าสำหรับผมเสมอ”
“แต่คุณตั้งท่ารังเกียจฉัน ทำยังกับฉันเป็นไส้เดือนกิ้งกือ คุณทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย”
“ที่ผมผลักไสคุณ เพราะผมกลัวว่าผมจะเผลอใจจน เป็นฝ่ายทำลายคุณต่างหาก”
“ถ้าฉันยอมเป็นเมียคุณ คุณจะทำอะไรเพื่อฉันสักอย่างได้มั้ย” โบตั๋นถาม
“ไม่ได้ เพราะความจริงคุณคือเมียเจ้านายผม” เฉียงพูดด้วยความเจ็บปวด “อย่าทำอย่างนี้กับผมอีก ผมขอร้อง ถึงผมเป็นผู้ชายแต่ผมก็มีหัวใจเหมือนกัน”
โบตั๋นรู้สึกตัวเองไร้เกียรติ ไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรี และจิตใจหดหู่ตกต่ำถึงขีดสุด
โบตั๋นมีขอบตาแดงช้ำและเลื่อนลอย “ฉันอยากตาย ทำให้ฉันหายไปจากโลกนี้ได้มั้ย”
ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันครู่หนึ่งแล้วโบตั๋นก็หมุนตัวกลับและจ้ำออกไปจากที่นั่นทันที
เฉียงยืนสับสนชั่วครู่แล้วจึงตัดสินใจตามหญิงสาวออกไปด้วยความเป็นห่วง
โบตั๋นจ้ำลงมาจากชั้นบนโดยมีเฉียงไล่ตามหลัง จิวซึ่งอยู่กับลูกค้าข้างล่างหันมาเห็นและยืนมองทั้งคู่อยู่ที่มุมหนึ่ง
ย่าหยากับเล้งเดินคู่กันมาจนถึงหน้าโรงแรม
“เรื่องแต่งงาน ฉันยืนยันและเอาเกียรติของฉันเป็นประกัน” เล้งบอก
“เวลาและความจริงใจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเองค่ะ” ย่าหยาบอก
เล้งยิ้ม “ฉันชอบที่เธอเป็นเธอ เป็นผู้หญิงใจแข็งแบบนี้”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะเสี่ย”
เล้งยิ้มแล้วพยักหน้าให้
ย่าหยายิ้มสะใจขณะเปิดประตูห้องเข้ามา เมื่องับประตูปิดแล้วหันกลับมาอีกที ย่าหยาก็เบิกตาโตเมื่อพบว่าธามนอนรออยู่บนเตียง
“กลับดึกเกินไปมั้ย หรือแวะไปไหนมา” ธามถาม
“เดินเล่น” ย่าหยาตอบ
“คู่รักกลับมากระชับความสัมพันธ์งั้นสินะ” ธามแซว
ย่าหยายั่ว “เขาขอฉันแต่งงาน”
“หายหัวไปหลายปี กลับมาเจอหน้ากันขอแต่งงานกันเลย มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”
ย่าหยางงว่าธามหมายถึงใครแต่ก็ไม่ถามตรงๆ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“กอดกันแน่นในสุสานแบบนั้น ไม่อายเทวดาฟ้าดินรึไง”
ย่าหยานิ่งคิด สักครู่ถึงเข้าใจว่าธามหมายถึงหลงเลยยั่วหนักขึ้นไปอีก
“คนเราจากกันไปนานก็ต้องคิดถึงกันมากเป็นธรรมดา แล้วจริงๆเรื่องฉันกับอาหลงก็เป็นเรื่องส่วนตัวนะ”
“คนในครอบครัวฉันไม่มีความลับต่อกัน” ธามบอก
“งั้นก็ดี เพราะฉันกับอาหลงคงไม่ได้กอดกันแน่นมากไปกว่าคุณกับคุณหนูหงส์หรอก”
ธามลุกพรวดจากเตียงมาจับแขนหญิงสาวแน่น “อย่าเอาอาหงส์มาเกี่ยวข้อง”
“คุณรักคนรักของคุณ ฉันก็รักคนรักของฉัน มันควรมีใครก้าวก่ายใครมั้ย”
ธามปล่อยแขนย่าหยาด้วยความหงุดหงิดแล้วจะเดินออกจากห้อง ก่อนไปก็ยังไม่วายหันมาออกตัว
“อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญนะ ที่ฉันมาก็เพราะเห็นว่าเราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน” ธามเดินไปเปิดประตูแล้วพูดอีกดอกก่อนงับประตูปิด “อ้อ อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอออกไปไหนอีกนะ คนตระกูลตั้งถึงเวลานอน ต้องนอน”
ธามปิดประตูดังปัง
ย่าหยางงว่าอีตาบ้านี่เป็นไรมากปะเนี่ย
ธามยืนสับสนกับความรู้สึกตัวเองอยู่ที่หน้าประตู “หงุดหงิดอะไรวะ”
โบตั๋นเดินจ้ำเอามือปาดน้ำตามาตามทาง โดยมีเฉียงเดินตามมาไกลๆ โบตั๋นกำลังจะข้ามถนนแต่แล้วก็ชะงักกึก เมื่อเห็นธามเดินออกมาจากโรงแรมโดยที่ธามไม่เห็นเธอ
โบตั๋นช็อกเพราะสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้ เธอคิดเลยว่าเป็นไปไม่ได้ที่ธามกับย่าหยาจะไม่มีอะไรกัน เฉียงซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าใจความรู้สึกของโบตั๋นดีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการพูดปลอบใจ
“คุณควรเอาใจใส่เฮียมากกว่านี้ เฮียจะได้ไม่มองใคร”
“ถึงใส่ใจจนตายก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจเฮียได้ เฮียแค่เมตตาสงสารฉัน คนไม่รักยังไงก็ไม่รัก”
“คนรักยังไงก็รัก ผมกับเฮียต่างกันตรงนี้เอง”
โบตั๋นโผเข้ากอดเฉียงด้วยความรู้สึกตื้นตันเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ามีใครรักเธอจริง
“ทำไมคุณไม่ใช่เฮีย” โบตั๋นว่า
“ผมอยากเป็นเฮีย แต่ ความจริงผมคืออาเฉียง ที่มีหน้าที่ซื่อสัตย์ต่อเฮียตลอดชีวิต”
จิวเดินเข้ามาด้วยหน้าตาโกรธขึง
“ลื้อ 2 คนหยุดทรยศเฮียได้แล้ว”
ทั้งคู่ผละออกจากกันด้วยความตกใจ “อาจิว”
“อั๊วเตือนลื้อหลายครั้งแล้วนะอาเฉียง ผู้หญิงก็เหมือนกับไฟ มีแต่จะเผาลื้อเป็นขี้เถ้า ลื้อก็เหมือนกันอาโบตั๋น ทำตัวให้สมกับได้ชื่อว่าเป็นเมียเฮียกระทิงหน่อย” จิวบอก
“ลื้อเข้าใจผิดนะอาจิว” เฉียงบอก
“อั๊วเห็นเหตุการณ์แบบนี้มา 2 ครั้งแล้ว ถ้าอั๊วเห็นอีกเป็นครั้งที่3 อั๊วจะจัดการลื้อสองคนให้สาสมกับที่ทำกับเฮีย” จิวว่า
จิวจ้องหน้าเฉียงกับโบตั๋นเขม็งก่อนจะหุนหันออกไป เฉียงกับโบตั๋นยืนหน้าสลดอยู่ตรงนั้น
ธาม เฉียง และจิวนั่งกินข้าวต้มด้วยกันบนโต๊ะ
“มิสเตอร์ลีโทรมาบอกว่าเสี่ยเล้งจะส่งทองล็อตแรกคืนพรุ่งนี้” ธามบอก
“เฮียวางแผนยังไง”
“ปล่อยมันไปก่อน เพราะยังไงมิสเตอร์ลีก็ต้องส่งทองพวกนั้นให้เราเก็บเป็นของกลางอยู่แล้ว” ธามบอก
“มันจะยิ่งได้ใจมั้ยเฮีย” เฉียงถาม
“นั่นล่ะคือสิ่งที่ฉันต้องการ ให้มันได้ใจ ย่ามใจ เพราะการส่งของครั้งที่2และ3 สำคัญกว่า เราต้องดึงตำรวจให้มารู้เรื่องนี้ด้วย”
“หมายความว่าเราต้องทำให้ตำรวจรู้ แต่ขัดขวางไม่ให้ตามล่าพวกมันทันใช่มั้ยครับ”
ธามพยักหน้า
“เฮียรอบคอบ มองปัญหาได้เหนือชั้นจนอั๊วตามไม่ทัน ทำไมเฮียไม่เสนอตัวเป็นนายกสมาคมบ้าง ในเมื่อเฮียมีครบทั้งบู๊บุ๋น” เฉียงบอก
“คนเป็นนายกสมาคมไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แต่ต้องประนีประนอมได้มากที่สุด ทรงกลดเหมาะแล้ว” ธามเปรยโดยไม่ได้มองหน้าจิว “วันนี้คนปากมากเป็นอะไร กับข้าวไม่อร่อยรึไง ปิดปากเงียบ”
“กำลังนึกถึงคำไทยครับเฮีย” จิวบอก
ธามงง “คำไทยอะไร”
“คนที่ทรยศหักหลังใครที่มีบุญคุณกับเรา คนไทยเรียกอะไรนะครับ” จิวทำเป็นถาม
“เนรคุณ” ธามตอบ
“ใช่ ใช่ คราวนี้อั๊วจำได้แม่นเลย” จิวปรายตามองเฉียง
เฉียงค่อยๆผ่อนลมหายใจยาวด้วยความอึดอัด
ย่าหยากำลังจัดของกับพนักงานเสิร์ฟอื่นๆ อยู่ที่มุมอาหารว่างและชากาแฟหน้าห้องประชุม
ย่าหยาถามเพื่อนๆ “เสี่ยเล้งมารึยัง”
“เข้าไปแล้ว” เพื่อนคนนึงตอบ
ย่าหยาพยักหน้า มือจัดของไปตาของเธอก็คอยชะเง้อมองไปทางห้องประชุม
ทรงกลด ภรพ และคณินเดินเข้ามา ทั้งหมดเห็นย่าหยาแล้วก็พากันชะงักแล้วหันมามองหน้ากัน
“เฮ้ อาจันทร์ คุณจันทร์ชมพู” คณินโบกมือทักทาย
ย่าหยาชะงักแค่แวบเดียวแล้วก็ทำไม่สนใจ
“สวัสดีครับคุณจันทร์ชมพู ผมคณินเพื่อนไอ้ธี จำได้มั้ยครับ” คณินเข้ามาทักทาย
“ผม ภรพ”
“ทรงกลดครับ หวังว่าจะจำกันได้”
ย่าหยายกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แต่ฉันไม่ได้ชื่อจันทร์ชมพูค่ะ คุณทักคนผิดแล้ว ฉันเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ฉั่วเทียนเหลา วันนี้สมาคมจ้างภัตตาคารมาบริการอาหารว่างที่นี่ค่ะ”
ภรพงง “ไม่ใช่”
เหตุการณ์ในปีพ.ศ.2493 ย้อนกลับมา ชลธี ภรพ ทรงกลด คณินนุ่งกางเกงขาสั้น ถอดเสื้อโชว์กล้ามเล่นบาสเก็ตบอลกันอยู่ที่สนาม ทุกคนโชว์ลีลาการเลี้ยงลูก รับลูก และชู้ตลูกที่มีแบบฉบับเฉพาะตัวระดับสุดยอดและไม่ซ้ำแบบกัน ชลธีชู้ตเป็นคนสุดท้าย ลูกเข้าห่วงไปอย่างสวยงาม
ชลธีเหวี่ยงลูกบาสให้คณิน “เล่นกันต่อนะ ไปล่ะ”
คณินงง “เฮ้ย อะไรวะ ยังไม่จบเกมเลย”
“จะไปไหนวะ ลุกลี้ลุกลน” ทรงกลดถาม
“สงสัยซิ่มเจียหลินทำข้าวผัดปูของโปรดมันแน่เลย” ภรพแซว
“งั้นเลิก เลิกเว้ย ไปกินข้าวผัดปู” คณินบอก
ทุกคนพากันเลิกเล่น แล้วเดินมาหาชลธี
“เฮ้ย ไม่ใช่ครับเพื่อนๆ ฉันไม่ได้ไปกินข้าวกับม้า มีธุระอย่างอื่นน่ะ ไปนะ”
ชลธีวิ่งหน้าเริ่ดออกมาทันที เพื่อนๆ มองตามด้วยความสงสัย
จันทร์ชมพูมองนาฬิกาข้อมือแล้วชะเง้อมองหาชลธีอย่างพะวักพะวง สักครู่ ชลธีที่สวมเสื้อกล้ามแล้วก็โผล่ออกมาพร้อมช่อดอกมะลิมาเซอร์ไพร์ส
“พี่ธีขอโทษนะจันทร์ที่ทำให้รอ”
จันทร์ชมพูยิ้มหวานให้ “ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไป กินข้าวกัน”
ชลธีส่งมือให้จันทร์ชมพู จันทร์ชมพูยื่นมือให้ชายหนุ่มจับแล้วเกี่ยวก้อยพากันเดินออกมา
“จันทร์อยากกินอะไรจ๊ะ” ชลธีถาม
ภรพ คณิน และทรงกรดเดินเข้ามาจากด้านหน้าและด้านข้างทั้ง 2ด้านเหมือนจะล้อมทั้งคู่ไว้ ทุกคนใส่เสื้อและมีผ้าขนหนูพาดบ่าโดยพูดไปเลี้ยงลูกโยนลูกบาสให้กันไป ผ่านหน้าคู่รักวัยหวานคู่นี้
“อยากกินพะแนงเนื้อค่า พี่ธี” คณินแซว
ภรพเสริม “น้ำแดงปั่นด้วยนะคะ น้องชอบ”
“ขนม ขอเป็นทองหยอดนะคะ หวานดีค่ะ” ทรงกลดแซว
“ทุกอย่างที่เลือกมาหวานหมดค่ะ แต่น้อยกว่าพี่ธีนะคะ” คณินว่า
ชลธีกับจันทร์ชมพูยืนเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึงด้วยกันทั้งคู่ เพื่อนๆพากันหัวเราะชอบใจ
“ไม่ต้องตกใจนะครับน้อง” ทรงกลดบอก
“เราแค่เย้าเพื่อนเล่นนะครับ” ภรพว่า
“เดี๋ยวสักพักน้องก็ชิน น้องเอ่อ น้องชื่ออะไรนะครับ” คณินถาม
จันทร์ชมพูยิ้มหวาน “จันทร์ค่ะ จันทร์ชมพู”
เหตุการณ์ปัจจุบัน ทรงกลดมองหน้าย่าหยาแล้วก็งง
“ถ้าไม่ใช่จันทร์ชมพู แล้วเธอเป็นใคร”
ธามเดินเข้ามาพร้อมกับหงส์
ย่าหยาตอบ “ฉันชื่อย่าหยาค่ะ”
“ทำไมเหมือนกันยังงี้ล่ะ” ภรพอึ้ง
“เหมือนแค่หน้าตาก็พอ นิสัยอย่าเหมือนก็แล้วกัน” ธามว่า
หงส์พูดกับทุกคน “ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะเฮีย”
คณินยังไม่หายสงสัยจึงเดินวนแล้วแกล้งเรียกอีกครั้ง “จันทร์ชมพู”
ย่าหยาทำเฉยแล้วก้มหน้าก้มตาจัดของ
“ไม่ใช่จริงๆ ว่ะ” คณินบอก
คณินเดินเข้าห้องประชุมไปพร้อมกับภรพและทรงกลด หลงถือช่อดอกมะลิเป็นกำอย่างกับบูเก้เดินเข้ามายื่นให้ย่าหยา
“มาแล้วครับ” หลงบอก
“ขอบคุณมากนะคะ” ย่าหยาดึงช่อดอกไม้ขึ้นมาดม
ธามกับหงส์มองแล้วก็หวิวๆ หลงรีบโอบหงส์เข้าไปในห้องประชุม
ย่าหยากับหลงเห็นธามประคบประหงมหงส์ก็จ๋อย
ย่าหยาเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวหยาจัดใส่แจกันเลย ขอบคุณนะคะอุตส่าห์ไปตัดมาให้”
ย่าหยาเอาดอกไม้จัดใส่แจกันแล้วเหลือบไปเห็นเล้งเดินไปทางห้องน้ำ
“ขอตัวก่อนนะคะคุณหลง” ย่าหยาบอก
ย่าหยาชะเง้อมองเข้าไปในห้องน้ำชายแล้วกะจังหวะทำเป็นเดินเช็ดหน้าออกมาชนเล้ง
ก่อนจะแกล้งทำผ้าเช็ดหน้าตัวเองหล่นพื้น เล้งหยิบขึ้นมาเห็นลายดอกโบตั๋นที่ปักบนผืนผ้าแล้วจึงเงยหน้ามองผู้เป็นเจ้าของ
“อาหยา วันนี้มาทำงานที่นี่เหรอ” เล้งถาม
“ค่ะ”
“ผ้าเช็ดหน้านี่เธอปักเองรึเปล่า”
“ค่ะ”
“ขอฉันได้มั้ย”
“ไม่ได้ค่ะ” ย่าหยาตอบ
เล้งอึ้งและนิ่งไป
ย่าหยายิ้มเล็กๆ อย่างน่าเอ็นดู “ที่ไม่ได้ก็เพราะหยาใช้ไปแล้ว ถ้าเสี่ยอยากได้ลายนี้
หยาจะปักผืนใหม่ให้ค่ะ”
“ฉันอยากได้” เล้งบอก
“เสร็จงานแล้วหยากลับไปปักให้ได้ ไม่นานหรอกค่ะ คืนนี้หยาเอาไปให้ที่ฉั่วเทียนเหลาก็ได้”
“ฉันจะถือว่านี่เป็นการนัดนะ ตกลง ฉันจะไปหาเธอคืนนี้ ขอตัวก่อน ย่าหยาเชิญค่ะ”
เล้งพยักหน้าให้หญิงสาวแล้วเดินจากไป ย่าหยาส่งสายตาคมปลาบมองตามเล้งไป
ภายในห้องประชุมใหญ่สมาคมเลือดมังกรมีการเลือกนายกสมาคมและประกาศนโยบายถิ่นมังกรสีขาว
จบการประชุม หัวหน้าแก๊งต่างๆเดินออกมาจากห้องประชุม เล้งซึ่งอยู่รวมกลุ่มกับแก๊งผู้ใหญ่ปลีกตัวเดินมาประกบธาม
“ลื้อว่านโยบายอาทรงกลดจะเป็นจริงได้หรือ อาธาม ลื้อเปิดโต๊ะบิลเลียด ลื้อรู้ดีว่าลูกค้าเล่นพนันกันทุกโต๊ะ” เล้งบอก
“ครับ แต่เราต้องเริ่มลงมือก่อน ถ้าไม่ลองไม่เริ่ม เราก็ไม่รู้ แล้วมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”
“มันยากนา คนเคยทำเคยมีรายได้ จู่ๆจะห้ามไม่ให้ทำ เสี่ยอ๋าอีก็ลุกขึ้นค้านหัวชนฝา เห็นมั้ยล่ะ”
“ถึงได้ขอความร่วมมือก่อนไงครับ ถ้าเจ้าของกิจการไม่ล้างมือให้สะอาดก่อน แล้วจะไปหวังให้ลูกค้าล้างมือให้สะอาดได้ยังไง จริงมั้ยครับ” ธามถามกลับ
“พวกเถ้าแก่คงเดือดร้อน ลื้อก็ด้วย” เล้งว่า
“ผมเปิดแค่โต๊ะบิลเลียดไม่กระทบเท่าไหร่หรอกครับ ไม่เหมือนพวกเปิดโรงฝิ่น ค้าของเถื่อน ค้ายาเสพติด อันนั้นคงกระทบ เยอะ”
เล้งเจ็บแปล๊บแต่พอหันมาเห็นย่าหยายกน้ำชากาแฟออกมาจากห้องประชุมก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
“คืนนี้เจอกันนะอาหยา”
“ค่ะ”
ธามหูผึ่ง
หงส์เดินมาจากอีกทาง
“เฮียธาม เพื่อนๆรออยู่ค่ะ”
เล้งชะงักกึกแล้วหันมามองหงส์พร้อมกับคิดในใจว่าพวกมันสุมหัวทำอะไรกัน
สี่หนุ่มกับหนึ่งสาวล้อมดูผังโครงสร้างของสมาชิกสมาคมเลือดมังกรทั้งหมด 20 แก๊งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง
“เราต้องแบ่งกันไปทำความเข้าใจกับหัวหน้าแก๊งอื่น ต้องชี้แจงให้เขารู้จุดประสงค์และความตั้งใจจริงของเราก่อน” ทรงกลดบอก
“อาปาฉันสนิทกับแก๊งอินทรี แก๊งกิเลน ถึงฉันจะมีปัญหากับอากู๋เต๋อ อากู๋เป่า แต่คิดว่าน่าจะพอคุยกันได้” ธามว่า
“ฉันประกบแก๊งมังกรทอง หมีขาว แล้วก็ม้าป่าเอง” ภรพบอก
“บ้านนอกแต่หล่อจัดอย่างฉัน ต้องกระต่ายป่า พังพอน แล้วก็กวางสวรรค์” คณินพูด
“หงส์ขอพิสูจน์ตัวเองกับแก๊งค้างคาว กระเรียน แล้วก็หมูป่าค่ะ” หงส์บอก
“ฉันจะคุยกับเต่ามังกร จิ้งจอกขาว แล้วก็หนูไฟเอง” ทรงกลดมองหงส์ “แต่เสี่ยอ๋า แก๊งหมูป่าคัดค้านแรงมากในที่ประชุม หงส์จะรับมือไหวมั้ย”
“ขอโอกาสให้หงส์ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะหัวหน้าแก๊งนะคะเฮีย” หงส์บอก
หงส์ส่งสายตาวิงวอนพี่ๆทุกคน ทุกคนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตจนมาจบที่ธาม
ธามเอ่ยขึ้น “คนที่เลือดร้อนแล้วแสดงออกตรงๆว่าเลือดร้อน ไม่น่ากลัวเท่าคนที่หน้ายิ้มแต่ข้างในพร้อมจะแทงเราตลอดเวลา”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา09.30น.
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 6 (ต่อ)
หลงมองย่าหยาที่กำลังช่วยพนักงานเช็ดถ้วยกาแฟ เช็ดจานของว่างลงกล่อง
หลงมองสักพักก็ตัดสินใจถาม “คุณหยาสนิทกับคุณธามใช่มั้ยครับ”
ย่าหยาชะงัก “บังเอิญหยาเข้าใจผิดไปทำลูกน้องเขาเจ็บ เขาเลยให้หยาไปส่งอาหารที่บ้านเป็นการชดใช้ เลยได้คุยกันบ้างน่ะค่ะ ไม่ได้สนิทอะไร”
“ดูคุณธามจะห่วงคุณหนูหงส์มาก”
ย่าหยารู้สึกแทงใจดำ “คนรักกันก็ต้องห่วงกันเป็นธรรมดา”
หลงอึ้งกับความจริงที่ได้รู้ “ผมคงต้องระวังตัวให้มาก ดูเขาไม่ไว้ใจผมเลย ย่าหยาฉันเชื่อค่ะว่าคุณจะสามารถพิสูจน์ตัวเอง ทำให้เขาเชื่อใจและยอมรับคุณได้ไม่ยาก”
ย่าหยาเอื้อมมือมาแตะมือหลงเพื่อให้กำลังใจ หลงจับมือย่าหยาแล้วยิ้มกลับเป็นการขอบคุณ ธามเดินนำออกมาจากห้องประชุมเล็กพร้อมหงส์ โดยมีทรงกลด คณิน ภรพเดินเกาะกลุ่มตามหลัง
ทั้งคู่เห็นย่าหยากับหลงจับมือแล้วยิ้มให้กันคาตาก็สะอึกด้วยกันทั้งคู่ ทรงกลด ภรพ และคณินเดินขึ้นมายืนประกบธามกับหงส์พอเห็นทั้งคู่มองไปที่ย่าหยากับหลงทั้งสามก็มองตามแล้วหันกลับมาสังเกตปฏิกริยาเพื่อนกับน้อง
คณินกระแอมขัดจังหวะ “อะแฮ้ม เก็บของเสร็จแล้วหรือครับคุณหยา”
ย่าหยากับหลงหันมาก็พบว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนจึงรีบเอามือออกจากกัน
“ค่ะ” ย่าหยารับคำ
“ไป อาหงส์” ธามบอก
หงส์พูดกับพี่ๆ คนอื่น “หงส์ไปก่อนนะเฮีย”
“ฉันก็ต้องกลับเหมือนกัน ขอตัวก่อนนะคะ” ย่าหยายกกล่องถ้วยกาแฟเดินออกไป
บรรดาเฮียๆ พยักหน้ายิ้มให้ 2 สาว หลงรีบออกมายืนรอหงส์ที่ทางลงบันได ธามมองหลงด้วยสายตาคมปลาบก่อนจะปรายตาไปมองย่าหยาด้วยความไม่พอใจแล้วเดินโอบเอวหงส์ออกไป โดยมีหลงเดินตามหลัง
“ไม่ใช่จันทร์ชมพู ก็ไม่ใช่คนรัก แค่คนรู้จัก แต่ เหมือนหึงนิดๆนะ” คณินว่า
“ไม่นิดล่ะ เวลามันไม่พอใจใคร ไอ้ธีมันชอบทำจมูกบานๆ แบบเมื่อกี้เป๊ะ” ภรพฟันธง
“ชอบผู้หญิงหน้าตาแบบเดิม อย่างนี้เรียกสลัดคนเก่าไม่พ้นรึเปล่าวะ” ทรงกลดออกความเห็น
หย่งเป่านั่งในห้องทำงานโดยมีเหวินเต๋อนั่งข้างๆ
“ลื้อนัดอาเต๋อมาที่นี่ มีเรื่องอะไร” หย่งเป่าถาม
ธามที่นั่งอยู่ตรงข้ามทั้งคู่เอ่ยขึ้น
“เมื่อกี้ตอนประชุมที่สมาคม ผมไม่มีจังหวะเข้าไปคุยกับกู๋ เลยต้องตามมาที่นี่” ธามพูดกับหย่งเป่า “ผมให้ลูกน้องสืบเรื่องอาจาง” ธามพูดกับเหวินเต๋อ “แล้วก็พวกอันธพาลที่มันยกพวกมาพังร้านอากู๋แล้วครับ”
“มันเป็นใคร” เหวินเต๋อถาม
“จริงๆแล้ว ผมรู้ว่ามันเป็นใคร แต่ยังขาดหลักฐานพยานปากสำคัญเท่านั้น” ธามบอก
หย่งเป่าถาม “ใคร”
“อาฮั้ว ผมคิดว่าเขายังไม่ตาย” ธามบอก
เหวินเต๋อถามต่อ “ทำไมลื้อคิดอย่างนั้น”
“ผมให้คนออกตามหาศพที่มูลนิธิและโรงพยาบาลทุกแห่ง สุสานทุกที่ ไม่พบศพอาฮั้วที่ไหนสักแห่ง”
“มันอาจจะเอาอีไปฝังตามสวน หรือในป่าก็ได้” เหวินเต๋อบอก
“ผมไม่เชื่อว่าคนที่ฆ่าปิดปากอาฮั้วจะลากศพอีกลับไปด้วย” ธามว่า
“ลื้อหมายความว่ายังไง” หย่งเป่าถาม
“คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคือคนที่อยู่กับอาฮั้วเป็นคนสุดท้าย ซึ่งก็คือ กู๋เต๋อ” ธามบอก
ธามหันไปหาเหวินเต๋อ
เหวินเต๋อพูด “ลื้ออย่ามาโยนขี้ให้อั๊ว อั๊วไม่รู้เรื่อง ตราบใดที่ลื้อตามหาคนที่มันพังร้านอั๊วไม่ได้ ลื้อก็คือคนผิด”
“ถ้ากู๋คิดว่าผมผิด คงยิงผมทิ้งตั้งแต่เหยียบเข้ามาที่นี่แล้ว” ธามว่า
เหวินเต๋อกับหย่งเป่าเหล่มองกัน ธามรู้ว่าปฏิกริยาแบบนี้คือการยอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง
ธามพูดต่อ “ขอบคุณครับที่เชื่อใจผม ที่แวะมาวันนี้..ผมต้องการจะบอกกู๋ว่าผมไม่ได้ลืมหรือเพิกเฉย ผมจะทำตามที่ผมสัญญา ลากตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้”
เหวินเต๋อกับหย่งเป่าแอบเหล่มองกันอีกครั้ง
หยกมณียืนพิงเคาเตอร์กระจกแต่งหน้าขณะพูด ส่วนคนที่หยกมณียืนคุยด้วยก็คือ โบตั๋นซึ่งกำลังนั่งน้ำตาคลออยู่ที่เก้าอี้
“จะมัวมานั่งร้องไห้ทำไม ทางที่ดีไปถามอาหยาให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่าว่าเฮียกระทิงเคยบอกรักอีหรือขออีเป็นเมียมั้ย” หยกมณีเสนอ
“แล้วถ้าอีบอกว่าเคยล่ะ” โบตั๋นสวน
“ก็เลือกเอาว่าจะไปกระโดดน้ำตาย หรือยอมรับความจริง ฉันเคยรักแล้วเลิก เลิกแล้วก็กลับมารักได้ตั้งไม่รู้กี่เที่ยว”
“แต่โบตั๋นรักเฮียคนเดียว”
“ถ้างั้นเธอก็ต้องหลอกตัวเองไปเรื่อยๆว่าเฮียรักเธอ รักเธอคนเดียว”
โบตั๋นร้องไห้กระซิกๆ เพราะรู้สึกเจ็บเข้าไปถึงกระดองใจ หยกมณีเข้ามาจับแขนปลอบ
“ถ้าเราเข้มแข็งเราจะไม่ตายเพราะความรัก และถ้าเราเข้มแข็งมากพอ เราก็จะรักใครๆได้อีก ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่ากล้าเผชิญหน้าสู้ความจริง แล้วเริ่มต้นใหม่รึเปล่า”
โบตั๋นหันมามองหน้าตัวเองในกระจกคล้ายจะถามหาความกล้าจากเงาสะท้อนบนกระจกบานนั้น
โบตั๋นเดินครุ่นคิดมาตามทางจนมาถึงหน้าโรงแรมหมู่ตัน
โบตั๋นลังเลก่อนจะหันหลังแล้วเดินกลับออกมา ธามเดินจ้ำมาตามถนนซึ่งอยู่อีกฝั่ง เขาเดินข้ามถนน
โบตั๋นฮึดสู้ เธอสูดหายใจลึกพร้อมกับคิดว่าเป็นไงเป็นกัน โบตั๋นหันขวับกลับมาแล้วตัวชาวาบเมื่อเห็นธามเดินจ้ำเข้าไปในโรงแรมโดยไม่สนใจคนรอบข้าง แม้แต่ตัวเธอที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา โบตั๋นมองตามหลังจนธามเดินหายเข้าไปด้านใน โบตั๋นหายใจไม่ทั่วท้อง
ย่าหยาปักผ้าเป็นลายดอกโบตั๋นสีชมพูหวาน แต่แววตากลับแข็งกร้าว ธามเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะประตูเลื่อนคืนแต่ไม่ได้ปิดงับ ย่าหยาซ่อนผ้าเช็ดหน้าไม่ทัน ธามดึงผ้าที่อยู่บนสะดึงมาดูก็เห็นเป็นลายดอกโบตั๋นสีเข้มกับสีอ่อนโดยมีผีเสื้อเกาะอยู่ 1 ตัว
“ปักให้ใคร อาหลงคู่รักเธองั้นสิ” ธามถาม
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อิจฉาคนที่เขามีความรัก” ย่าหยาสวน
“อย่ายั่วนะ”
“คุณเลิกตามฉันสักที เราสัญญาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวฉันได้ทุกเรื่อง”
“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ ในเมื่อฉันประกาศกับเธอชัดเจนว่า ฉันจะทำให้เธอรักฉันให้ได้”
โบตั๋นยืนนิ่งเป็นหุ่นกระบอกอยู่ที่หน้าประตู น้ำตาของเธอเอ่อท้นท่วมดวงตาเศร้า
“ฉันบอกคุณแล้วว่า ไม่มีวัน”
“ทำไมจะไม่มีวัน”
ธามก้าวเข้ามาหาย่าหยาช้าๆ ด้วยสายตาที่ทำให้ผู้หญิงทั้งโลกละลาย โบตั๋นเดินมาที่ประตูโดยเห็นเพียงเสี้ยวหนึ่งใบหน้าของเธอ ย่าหยาใจเต้นรัวเป็นกลอง ธามก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆ แต่เมื่อเข้ามาใกล้ เขากลับดึงเธอมาจูบอย่างเร็วและร้อนแรง
ย่าหยาตะลึงเพราะไม่เคยจับอารมณ์กระทิงเปลี่ยวของเขาได้เลย แต่เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวก็พยายามบิดตัวหนี แต่ยิ่งบิดหนีธามก็ยิ่งกอดเธอแน่น โบตั๋นน้ำตาร่วงพรูแล้ววิ่งออกไปทันที
ย่าหยาผลักธามออกสุดแรงแล้วตบหน้าธามฉาดใหญ่
ย่าหยาแค้นใจ “คนในครอบครัวเขาทำกันอย่างนี้เหรอ”
ธามได้สติ เขาอยากจะขอโทษแต่ก็กลัวเสียฟอร์มเลยเดินออกจากห้องไปด้วยอาการหงุดหงิด ย่าหยากัดฟันกรอดกระแทกตัวลงบนเตียงด้วยความเจ็บใจธามและเจ็บใจตัวเองที่ลึกๆแล้วอดหวั่นไหวไปกับเขาทุกครั้งไม่ได้เลย ย่าหยาเอื้อมมือดึงนาฬิกาชลธีที่ซ้อนอยู่ใต้หมอนออกมาเปิดดู
“กลับมาสักทีพี่ธี จะฆ่าจันทร์ลงโทษจันทร์ยังไงก็ได้ อย่าปล่อยให้จันทร์อยู่กับเขา อย่าลงโทษจันทร์แบบนี้พี่ธี”
รูปถ่ายชลธีซึ่งตั้งอยู่ข้างรูปตั้งเช็งเอี๊ยงและหลิวเจียหลินในห้องส่วนตัวของธาม ธามยืนจ้องรูปตัวเองอยู่
“ไม่ ฉันไม่มีใจให้ใครอีกแล้ว” ธามพูดกับตัวเอง “ในชีวิตฉันมีแต่ป๊ากับม้าเท่านั้น เอาความอ่อนแอออกไปจากตัวฉันนายธี ฉันไม่ต้องการมัน ไม่ต้องการรักใคร ไม่ต้องการความรักจากใคร”
เล้งคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องรับแขก
“คืนพรุ่งนี้ เจอกันที่โกดังอั๊ว แล้วอย่าลืมเงินที่เหลือ50% ขอบใจมิสเตอร์ลี แล้วเจอกัน” เล้งวางโทรศัพท์ “อาเกี๊ยง”
เกี๊ยงขยับเข้ามาใกล้ “ครับ นายใหญ่”
ฮกยกน้ำชาเข้ามาเทเสิร์ฟเล้ง
“ลื้อส่งคนไปเชิญอาอ๋าให้มาหาอั๊วหน่อย”
“เสี่ยอ๋า หัวหน้าแก๊งหมูป่าหรือนายใหญ่” เกี๊ยงถาม
เล้งพยักหน้า
เกี๊ยงพูดต่อ “ถ้าเราจับมือกับเสี่ยอ๋าได้ก็จะคานอำนาจไอ้พวกเสือ สิงห์ กระทิงนั่นได้ เสี่ยอ๋าสนิทกับหัวหน้าแก๊งที่เหลือทุกคน”
“นัดไปที่โรงฝิ่น ลื้อห้ามโผล่ไปให้มันเห็นหน้าเด็ดขาด ส่งคนอื่นไป กำชับมัน อย่าให้ใครรู้ว่ามันมาหาอั๊ว”
“ครับ นายใหญ่” เกี๊ยงเดินออกไป
เล้งลุกขึ้นแล้วจะเดินกลับเข้าห้อง โบตั๋นเดินหน้านิ่งเข้ามา
“ฉันขอรบกวนเวลาเสี่ยสักครู่”
เล้งหันมามองโบตั๋น
เล้งขยับเข้ามาคุยกับโบตั๋น
“กู๋ลื้ออยู่ในที่ปลอดภัย ไม่ต้องห่วง” เล้งบอก
“ฉันรู้ว่าเสี่ยต้องดูแลกู๋เป็นอย่างดี แต่ที่มาวันนี้ฉันมาเพื่อจะบอกว่า เรื่องอาเฉียง ฉันพร้อมที่จะทำทุกอย่างตามที่เสี่ยต้องการ ขออย่างเดียว” โบตั๋นหยุดครู่หนึ่ง
เล้งถาม “อะไร”
“เสี่ยรีบจับย่าหยาทำเมีย พาอีออกไปให้ไกลเฮียธามสักที”
เล้งยิ้ม “ถ้าลื้อไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกันใช่มั้ย อั๊วแต่งงานกับอาหยาแน่ ลื้อไม่ต้องห่วง”
โบตั๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วเธอก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อ
“ตกลงตามนี้ แต่ อาเฉียงนับถือเฮียมาก ฉันอาจต้องใช้เวลา”
เล้งสวนทันที “หมดเวลาแล้ว อั๊วไม่รอ ลื้อต้องเดินตามแผนอั๊ว”
โบตั๋นชักประหม่าว่าแผนอะไร
เฉียงเดินตรวจงานที่แผนกหลอมกับรีดทอง
สักครู่ผู้ชายคนหนึ่งสวมหมวกใส่เสื้อแบบเด็กส่งโอเลี้ยงก็เดินถือพวงใส่แก้วโอเลี้ยงเข้ามาหาเฉียง เฉียงหันมามองแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเด็กส่งโอเลี้ยงก็คือ ฮก
ฮกส่งแก้วโอเลี้ยงให้เฉียงพร้อมกระดาษจดหมายที่พับเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ เฉียงรับโอเลี้ยงมาวางแล้วคลี่จดหมายในมือออกอ่าน เมื่ออ่านจบก็มองหน้าฮกด้วยความแปลกใจ
“ลื้อรู้มั้ยเรื่องอะไร”
“ไม่รู้ อีขอให้อั๊วช่วย อั๊วก็ช่วย” ฮกบอก
เฉียงมองหน้าฮกเหมือนถามหาความจริงใจก่อนจะก้มลงอ่านข้อความในจดหมายอีกครั้ง สักครู่เขาจึงตัดสินใจหันมาพยักหน้ากับฮกแล้วขยำจดหมายทิ้งลงเข่งขยะ แล้วเดินตามฮกออกมา
มือใครบางคนหยิบจดหมายที่ถูกขยำแล้วขึ้นมา เจ้าของมือนั้นก็คือ จิว ที่หยิบขึ้นมาเปิดอ่าน ข้อความในกระดาษเขียนว่า “ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ ได้โปรดมาพบฉันที่ฉั่วเทียนเหลาด้วยนะคะ ..ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะรอคุณ..โบตั๋น”
จิวเงยหน้าขึ้นมาด้วยตาเป็นประกายวาววับเพราะรู้สึกเจ็บแค้นแทนธาม
ธามส่งจดหมายยับๆคืนจิว
“สองคนนั่นแอบเจอกันหลายครั้งแล้วครับเฮีย อั๊วเตือนอีแล้ว แต่ครั้งนี้อั๊วทนไม่ไหวจริงๆ คิดว่าเฮียควรจะรู้” จิวรายงาน
“ฉันไม่เชื่อว่าอาเฉียงจะกล้าทรยศฉัน” ธามบอก
“อั๊วก็ไม่เชื่อ แต่ความรักความหลงมันไม่เข้าใครออกใคร เฮียก็เคยเจอมาแล้ว อั๊วเองก็ไม่เคยลืม” จิวเล่าพลางนึกย้อนไปถึงอดีต
ในปีพ.ศ.2497 ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในเมืองเซียงไฮ้ จิวที่เป็นนักศึกษาแพทย์วางกระเป๋าสะพายและวางกล่องสี่เหลี่ยมในมือลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา จิวเปิดกล่องออกก็เห็นเค้กวันเกิดขนาด 1 ปอนด์อยู่ในนั้น เขาเอาเทียนเล่มเล็กๆ ที่เตรียมไว้ปักลงบนเค้กแล้วจุดเทียนก่อนจะยกเค้กขึ้นมาอย่างทะนุถนอม และมีหน้าตาลุ้นเหมือนเด็กชายซุกซนที่กำลังเตรียมจะเซอร์ไพร์สอะไรสักอย่าง จิวถือเค้กเดินไปที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งแล้วเปิดผัวะเข้าไป
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ เหมยฮัว”
ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังบรรเลงเพลงรักดูดดื่มผละออกจากกัน จิวซึ่งยืนที่ปลายเตียงช็อกสนิท เค้กที่ถืออยู่ในมือหล่นร่วงลงกับพื้น
เหมยฮัวตกใจ ปากคอสั่น เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดอกอล่างฉ่าง “เฮียจิว ไหนเฮียบอกจะตามอาจารย์เข้าห้องผ่าตัดไง”
“ถ้าไปอั๊วจะกลับมาเห็นลื้อนอนกับไอ้ชาติชั่วนี่เหรอ” จิวช็อก
รุ่นพี่ที่นัวเนียกับเหมยฮัวปราม “ใจเย็นๆอาจิว”
“ลื้อนอนกับเมียอั๊วแล้วจะให้อั๊วใจเย็นงั้นเหรอ”
จิวกระโดดเข้าไปเตะถีบบีบคอรุ่นพี่
“อั๊วอุตส่าห์นับถือลื้อ เรียกลื้อเฮียทุกคำ ลื้อยังทำกับอั๊วได้ลงคอ”
จิวชกรุ่นพี่หน้าจนล้มคว่ำลงไปทิ่มกางเกงที่ถอดอยู่ที่พื้น เหมยฮัวยืนตัวสั่นเป็นลูกนกที่มุมห้อง รุ่นพี่หยิบปืนที่ซ่อนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา
รุ่นพี่ขู่ “ลื้ออยากตายใช่มั้ย”
จิวยิ่งแค้น “อั๊วไม่ยอมตายคนเดียวหรอก ถ้าจะตายก็ตายกันหมดนี่ล่ะ”
จิวกระโดดเข้าไปหารุ่นพี่แล้วจับแขนยื้อปืนกันไปมา สักครู่ปืนก็ลั่นดังเปรี้ยง เหมยฮัวกรี๊ดสติแตกเมื่อเห็นหมอรุ่นพี่ทรุดลงไปกองกับพื้น จิวเองก็ตกใจ เขาหันซ้ายหันขวาเพราะไม่รู้จะทำยังไง
เมื่อเล่าเหตุการณ์ในอดีต จิวก็กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บปวดปนแค้น
“อั๊วต้องออกจากมหาวิทยาลัย ต้องติดคุกเพราะถูกผู้หญิงหักหลัง ถ้าเฮียไม่ช่วยอั๊วไว้ ไอ้ชู้นั่นมันคงยิงอั๊วทิ้งกลางป่าตั้งแต่ถูกส่งตัวเข้าคุกไปแล้ว อั๊วไม่อยากให้เฮียมีสภาพแบบเดียวกับอั๊ว โดนเมียกับเพื่อนรักทรยศต่อหน้าต่อตา”
“สองคนนั่นนัดกันที่ไหน” ธามถาม
เฉียงกับฮกเดินไปตามทางเดินหน้าห้องในโรงแรม
เฉียงหันมาถามฮกงงๆ “ลื้อพาอั๊วมาที่นี่ทำไม ในจดหมาย อาโบตั๋นนัดอั๊วที่ฉั่วเทียนเหลา”
“อีกลัวจะมีใครตามลื้อมา” ฮกบอก
เฉียงไม่ไว้ใจจึงจับแขนฮกบิดไพล่ไปด้านหลัง “ลื้อหลอกอั๊วรึเปล่า อาฮก”
“อ๊าก ลื้อก็เปิดห้องนี้เข้าไปดูสิว่าอั๊วหลอกลื้อรึเปล่า”
เฉียงเปิดประตูห้องเข้าไป เขาเห็นโบตั๋นใส่ชุดคลุมแพรลายดอกนั่งที่เก้าอี้หันมามองเขา
“เชื่อรึยังล่ะ อีอาจมีความลับจะบอกลื้อก็ได้ ถึงได้เลือกมาที่นี่” ฮกบอก
เฉียงปล่อยมือจากฮก ฮกรีบเดินออกไป เฉียงปิดประตูเมื่อหันกลับมาอีกทีก็พบว่า โบตั๋นลุกจากเก้าอี้เดินมาหาเขา ในเสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็เห็นโบตั๋นปลดปิ่นปักผมของธาม ปล่อยผมยาวสยายลงบนแผ่นหลัง จากนั้นโบตั๋นก็ปลดชุดคลุมลงกับพื้นเผยให้เห็นชุดนอนลูกไม้โปร่งบางเห็นเรือนร่างข้างในชัดเจน เฉียงตะลึงจนแทบลืมหายใจ
ธามนั่งหน้านิ่งอยู่ที่โต๊ะประจำกับจิว หยกมณีออกจากห้องแต่งตัวมาฉอเลาะแขก หยกมณีหันมาเห็นธามเลยเดินมาหา
“สั่งอะไรรึยังคะเฮียกระทิง”
“ยัง” ธามตอบ แทนที่จะถามหาโบตั๋นธามกลับไปถามถึงคนอื่น “ย่าหยาล่ะ”
“อีไปช่วยงานที่สมาคมตั้งแต่เช้า แจ้สุ่ยเลยให้อีเข้างาน 2 ทุ่มค่ะ” หยกมณีบอก
จิวถาม “แล้วโบตั๋นล่ะ”
“เห็นโทรมาบอกแจ้ว่าปวดหัวไม่ค่อยสบาย ขอมาราวๆนั้นเหมือนกัน” หยกมณีบอก
โบตั๋นใช้นิ้วไล้ไปตามหน้าอกเฉียง เธอส่งสายตาเย้ายวนขณะปลดกระดุมเสื้อเฉียงออกทีละเม็ด เฉียงหายใจติดขัดรู้สึกร้อนวูบวาบ โบตั๋นปลดกระดุมเสื้อเสร็จแล้วใช้นิ้วเกี่ยวเสื้อเฉียงออกจากตัวหล่นพาดลงไปบนเตียง
โบตั๋นกอดเฉียง เฉียงแทบอดใจไม่ไหว โบตั๋นค่อยๆ ดันเฉียงนอนลงไปที่เตียงแล้วโน้มตัวลงมาจูบ เฉียงเผลอตัวเคลิบเคลิ้ม
ก่อนที่ริมฝีปากโบตั๋นจะสัมผัสกับริมฝีปากเฉียง เฉียงก็ตัดความต้องการส่วนตัวได้ฉับ เขารีบลุกขึ้นใส่เสื้อ
“ผมขอโทษ คุณเมา แล้วผมก็ ทำไม่ได้จริงๆ”
เฉียงติดกระดุมเสร็จแล้วจะเดินไปที่ประตู
โบตั๋นขอบตาแดงก่ำ “ถ้าคุณออกไป คุณจะตายไปจากชีวิตฉันทันที”
เฉียงชะงักกึก เพราะเขาอยากจะหันกลับไปใจจะขาดแต่ในที่สุดเฉียงก็เลือกที่จะเปิดประตูเดินออกมา
โบตั๋นน้ำตาหยดแหมะเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู
เล้งกับอ๋าถือแก้วบรั่นดี 2 แก้วยื่นมาชนกัน เกี๊ยงคอยรับใช้อยู่ข้างๆ
“ดื่มให้กับความสำเร็จของเรา” เล้งบอก
“อั๊วขอเวลาไปรวบรวมพรรคพวกก่อน รับรองวันลงคะแนน ไม่มีใครเห็นด้วยกับไอ้พวกนักเรียนนอกแน่” อ๋าว่า
“พวกนั้นมันโตมาตอนที่ป๊าม้ามันมีกินมีใช้แล้ว ไม่ได้ปากกัดตีนถีบแบบเรา มันไม่ซาบซึ้งกับคำว่าเสื้อผืนหมอนใบหรอก”
“นั่นซิ ทำเป็นหัวนอก รับไม่ได้กับสิ่งที่คนรุ่นป๊าม้าอีทำมา ลื้อค้านเงียบๆแบบคลื่นใต้น้ำอย่างนี้ดีแล้ว อั๊วออกหน้าเอง”
“ไม่มีใครรู้ใช่มั้ยว่าลื้อมาหาอั๊วที่นี่”
“ก็ลื้อไม่ให้บอกใคร อั๊วก็ไม่บอก”
เล้งยิ้ม “การเสียสละของลื้อวันนี้ จะเป็นที่จดจำของพวกเราทุกคน”
อ๋าหัวเราะร่า “เสียสละอะไร เราได้ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายต่างหาก ลื้อได้เปิดโรงฝิ่นต่อ อั๊วได้ส่งฝิ่นดิบให้ลื้อ”
“อั๊วได้เปิดโรงฝิ่นต่อ แล้วก็ได้ส่งฝิ่นดิบแทนลื้อด้วย” เล้งบอก
อ๋าหัวเราะค้าง เล้งหยิบปืนออกจากที่ซ่อนแล้วยิงใส่หน้าอกตรงหัวใจอ๋า 3 นัดซ้อน เกี๊ยงซึ่งกำลังจะเติมบรั่นดีให้อ๋าถึงกับช็อกตาตั้ง ในขณะที่อ๋าตาเหลือกและหน้าคว่ำไปกับโต๊ะ
“ลากศพมันไปทิ้งที่หน้าบ้านไอ้ทรงกลด ลบหลักฐานทั้งหมดที่จะโยงมาถึงอั๊ว” เล้งบอก
เล้งเดินออกไป ในขณะที่ฮกวิ่งสวนเข้ามาเห็นอ๋านอนตายสยองอยู่
เล้งถามฮก “สำเร็จมั้ย”
“อาเฉียงเข้าไปแป๊บเดียว แล้วอีก็ออกมา อั๊วว่าไม่สำเร็จ” ฮกบอก
“งั้นลื้อก็ไปทำให้มันสำเร็จ ใส่ยาให้มัน” เล้งว่า
“ยา เอ่อ ยาอะไรเสี่ย” ฮกสงสัย
“ยาที่ทำให้คนมันรักกันไง ไอ้โง่” เล้งด่า
ธามนั่งอึดอัด สักครู่เขาจึงหันมาพูดกับจิว
“ฉันว่าไม่มีอะไรหรอก เราคิดมากไป”
ธามลุกจากเก้าอี้แล้วเหลือบเห็นย่าหยาเดินเข้ามาในร้านแล้วเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัว ธามชะงักแล้วมองตาม
ย่าหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกไปเต้นรำ เธอออกมาจากห้องแล้วเดินไปเปิดกระเป๋าซึ่งวางไว้ที่เก้าอี้ ก่อนจะหยิบมีด หยิบปืนมาเหน็บไว้ที่สายรัดต้นขา แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนที่จะให้เล้งออกมาหยดของเหลวบางอย่างจากขวดสีชาเล็กๆลงบนผ้า
เสียงธามดังขึ้นด้านหลัง “เตรียมไปฆ่าใคร”
ย่าหยาชะงักกึกแล้วเงยหน้ามองที่กระจก เธอเห็นธามนั่งไขว่ห้างมองเธออยู่ที่มุมมืดมุมหนึ่ง
ย่าหยาตกใจจึงหันขวับมามอง “คุณ เข้ามาได้ยังไง”
“ฉันเข้ามาได้ยังไง ไม่น่าสงสัยเท่ากับเธอเอายานั่นหยดใส่ผ้าเช็ดหน้าทำไม ปักให้คู่รักไม่ใช่เหรอ”
“ฉันทำให้เสี่ยเล้ง” ย่าหยาบอก
“เธอจะจัดการเสี่ยเล้ง” ธามพูดออกมา
“คืนนี้”
ธามลุกพรวดขึ้นมา “ฉันขอเธอแล้วนะ จับเป็น”
“ฉันรับปากคุณรึยัง”
“ย่าหยา”
“ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้ามัน ฉันเห็นเงาสะท้อนของพ่อแม่ฉันอยู่ในนั้นด้วย คุณรู้มั้ยท่านทรมานขนาดไหน”
“คงไม่ต่างจากคนที่ถูกเผาทั้งเป็น ฉันเจ็บไม่น้อยกว่าเธอ แต่ อย่าให้ถึงกับตาย”
ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากัน หยกมณีเดินเข้ามา
“เสี่ยเล้งถามหาแน่ะ อาหยา”
ย่าหยาพยักหน้ารับรู้แล้วรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไปโดยไม่หันมารับปากหรือพูดอะไรกับธาม
หยกมณีมองทั้งคู่อย่างงงๆ “มีอะไรรึเปล่าคะเฮีย”
“มาได้จังหวะพอดี อาหยก” ธามบอก
ย่าหยาสะพายกระเป๋าเข้ามาหาเล้งซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำ
“มานานแล้วเหรอคะ” ย่าหยาถาม
เล้งยิ้ม “เมื่อครู่นี้เอง คืนนี้เธอสวยมาก”
ธามเดินเข้ามาทักเล้งที่โต๊ะ
“เสี่ยเล้ง”
“อาธาม มาหาอาโบตั๋นเหรอ” เล้งถาม
“ครับ เจอเสี่ยก็ดีแล้ว ผมอยากปรึกษาเรื่องโรงฝิ่นเถื่อนที่เปิดแถวนี้พอดี” ธามบอก
ย่าหยาเหล่ธามเพราะรู้ดีว่าเขาต้องการขวางไม่ให้เธอจัดการเล้ง
“คืนนี้อั๊วไม่สะดวก อั๊วจะพาอาหยาไปเต้นรำที่บางปู” เล้งบอก
“ค่ะ คุณสุ่ยบอกหยาแล้วว่าเสี่ยโทรมา”
ย่าหยาเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออกมาให้เสี่ยเล้ง จงใจยื่นผ้าผ่านหน้าธามเพื่อจะบอกเขาว่า ไม่มีอะไรล้มความตั้งใจเธอได้
เล้งยิ้มส่งมือไปรับเพราะรู้ว่าย่าหยาทำให้ แต่แล้วก็มีมือจากหยกมณีเข้ามาคว้าผ้าเช็ดหน้าไปฉับ
“ขอบใจนะอาหยา แจ้เดินหาตั้งนาน เก็บได้ที่ไหนเนี่ย”
“เอ่อ..ผืนนี้ไม่ใช่” ย่าหยาจะพูดว่าไม่ใช่ของแจ้
แต่หยกมณีพูดสวนขึ้นมา “ใช่สิ ผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋น 2 ดอก สีชมพูเข้มกับอ่อน มีผีเสื้อเกาะที่ดอกเข้มด้วย” หยกมณีคลี่ออก “นี่ไง ใช่จริงๆด้วย”
ย่าหยาเห็นหยกมณียกผ้าขึ้นดม เธอจะร้องห้ามก็ร้องไม่ทัน
“กลิ่นก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ แจ้จะรู้ได้ยังไง ผืนนี้เฮียกระทิงซื้อให้แจ้เมื่อสองเดือนก่อน จริงมั้ยคะเฮีย” หยกมณีบอก
เล้งกับย่าหยาหันไปมองธาม ธามส่งความกวนมาด้วยรอยยิ้ม
ธามพยักหน้ายิ้มให้หยกมณี “ซื้อจากเซี่ยงไฮ้”
“ขอบใจนะอาหยา” หยกมณีบอก
โบตั๋นเดินใจลอยเข้ามา ธามหันมาเห็นก็ร้องทัก
“โบตั๋น”
“เฮีย” โบตั๋นเข้ามากอดธามแน่น “เฮียมาหาโบตั๋นใช่มั้ย”
ธามพยักหน้าแล้วยิ้มให้
“คืนนี้อยู่กับโบตั๋นนะ”
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 6 (ต่อ)
ธามพยักหน้า โบตั๋นกอดธามแน่นราวกับว่าเขาเป็นหลักยึดหลักสุดท้าย
เฉียงเดินเข้ามาเห็นโบตั๋นกอดธามแน่นก็จุก ย่าหยาเองก็ปวดกระดองใจไม่แพ้กัน
“อาฟงบอกเฮียให้อั๊วตามมาที่นี่”
ธามพยักหน้า “ลื้อไปเช็คสต๊อกข้าวในโกดังให้คุณคณิน อีจะกลับปากน้ำโพคืนนี้”
คณินโผล่เข้ามา
“คืนนี้ไม่ได้แล้วว่ะ ต้องพรุ่งนี้ เสี่ยอ๋าถูกยิงพรุน ศพอยู่หน้าบ้านทรงกลด”
ทุกคนอึ้ง
ธามพูดกับเล้ง “ศพเสี่ยอ๋าน่าจะสำคัญกว่างานเต้นรำที่บางปูนะครับเสี่ย”
ธามตะโกนสั่งจิวซึ่งยังนั่งที่โต๊ะประจำของธาม
“อาจิว ลื้อกลับไปปิดโต๊ะบิลเลียดแล้วตามไปเจออั๊วที่โรงพยาบาล” ธามพูดกับเฉียง “ลื้อไปโกดังข้าวทำบัญชีให้คุณคณิณ”
ธามผละจากโบตั๋นเดินออกไปพร้อมคณินตามด้วยเล้งกับจิว
หยกมณีหน้ามืดเพราะฤทธิ์ยา “ทำไมอั๊วมึนหัว” หยกมณียืนเซ
ย่าหยานึกได้จึงรีบเข้าไปประคอง “ไปนอนพักก่อนแจ้ เดี๋ยวหยาเช็ดหน้าให้”
ย่าหยารีบประคองหยกมณีออกมา
เฉียงหันมามองโบตั๋นที่ยืนนิ่ง โบตั๋นไม่ปรายตามองเขาแม้แต่น้อย เฉียงผ่อนลมหายใจอย่างอ่อนล้าเพราะอยากจะอธิบายอะไรมากกว่าที่พูดไปแต่แล้วก็ทำได้แค่เดินผละออกมา โบตั๋นคว้ามือเฉียงไว้ เฉียงชะงัก ทั้งคู่จับมือกันในขณะที่กำลังหันหลังให้กัน
ธาม ทรงกลด คณิน ขยับเข้ามามองศพอ๋าที่นอนอยู่บนเตียงในห้องดับจิต
ธามกัดฟันกรอด “มันต้องการโยนความผิดให้พวกเรา”
“แหงล่ะ มีแค่เรา 5 คนที่ชูจั๊กกะแร้เชียร์นโยบายถิ่นมังกรสีขาว” คณินบอก
ทรงกลดเจ็บใจ “ครอบครัวเสี่ยอ๋าไม่มีใครรู้สักคนว่า ก่อนตายเสี่ยอ๋าไปหาใคร ที่ไหน ตำรวจก็ยังมืดแปดด้าน”
ธามดึงผ้าปิดศพอ๋า แล้วทั้งหมดก็หันกลับแล้วเดินมาที่ประตู
ประตูเปิดออก ธาม ทรงกลด และคณินชะงักเมื่อเห็นบรรดาหัวหน้าแก๊งอาวุโสซึ่งนำทีมโดยเล้ง ทุกคนขยับเข้ามาหยุดมองทั้ง 3 ที่หน้าประตู
เล้งพูดลอยๆ แต่มองจิกไปที่ทรงกลด “ยิงเข้าหัวใจ คงกะให้ตายอย่างเดียว”
บรรดาหัวหน้าแก๊งส่งสายตาประณาม 3 หนุ่มอย่างแรงก่อนจะเดินผ่าทั้งสามเข้าไปดูศพอ๋าในห้อง
“มองขนาดนี้ไม่ด่ากูเป็นฆาตกรไปเลยล่ะ ดีนะ ไอ้ภรพกลับไปสอยรังนกแล้ว ไม่งั้นจะชวนต่อยคนแก่สักหน่อย” คณินว่า
ทรงกลดดึงแขนเพื่อนไว้ “ใจเย็น เราไม่ได้ทำผิด มันไม่มีหลักฐานอะไรมาเล่นงานเราได้หรอก”
“ปกติไม่เกิดเรื่อง เราก็ทำงานยากอยู่แล้ว ยิ่งเกิดเรื่องแบบนี้ ยิ่งยากขึ้นไปอีก” ธามว่า
สามหนุ่มถอนใจยาวและหนักหน่วงเมื่อนึกถึงภารกิจยิ่งใหญ่ที่รออยู่ตรงหน้า
โบตั๋นพูดกับเฉียงในขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่ร้านอาหารด้วยกัน
"ขอบใจนะที่นั่งเป็นเพื่อน"
เฉียงอึกอักและกระอักกระอ่วนใจ "ไม่เป็นไรครับ แต่ ผมคงนั่งนานกว่านี้ไม่ได้ ต้องไปทำงานให้เฮีย"
"ใครๆก็รักเฮียกระทิง คุณรักเฮีย ฉันก็รัก" โบตั๋นขอบตาแดงก่ำ "รักมากที่สุด"
เฉียงรู้สึกเจ็บ "คุณรักเฮีย คุณต้องซื่อสัตย์กับเฮีย"
"ฉันอยาก อยากซื่อสัตย์กับเขาไปจนวันตาย"
เฉียงยิ่งเจ็บร้าวขึ้นไปอีก "ดีครับ มันควรเป็นอย่างนั้น ถ้างั้น ผมขอตัว" เฉียงขยับลุกขึ้น
โบตั๋นเทเหล้าจีนในขวดใส่ถ้วย 2 ถ้วย "ดื่มลากันเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องระหว่างคุณกับฉัน ขอให้มันกลืนหายไปกับเหล้าถ้วยนี้" โบตั๋นส่งเหล้าให้ "แด่มิตรภาพของเราสองคน ที่ไม่มีวันจะเป็นอื่นได้ นอกจากคำว่า เพื่อน”
เฉียงมองถ้วยเหล้าด้วยความลังเล
"กลัวฉันวางยาพิษคุณหรือ"
ถามจบโบตั๋นก็ยกเหล้าซดรวดเดียวหมดถ้วยแล้วจ้องเฉียงเหมือนท้าทาย เฉียงนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะยกถ้วยเหล้าขึ้นมา โบตั๋นลุ้น
ภาพในอดีตย้อนกลับมา โบตั๋นที่อยู่ในชุดนอนนั่งเครียดและกดดันอยู่ที่เดิม หลังจากที่เฉียงเดินออกไป สักครู่เธอก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูอีกครั้งเพราะคิดว่าเฉียงกลับมา
แต่คนที่เข้ามากลายเป็นเล้ง โบตั๋นรีบสวมเสื้อคลุม
เล้งยื่นเหล้าขวดหนึ่งให้โบตั๋น "เอาให้มันกิน"
"อั๊วไม่ฆ่าเขา"
"ไม่ใช่ยาพิษ มันไม่ตายหรอก ถ้าลื้ออยากต่อลมหายใจให้กู๋ลื้อก็จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จภายในคืนนี้"
"ถ้าอีเมา แต่ไม่ยอมมีอะไรกับอั๊ว กู๋อั๊วไม่ต้องตายหรือ"
"มันไม่ใช่เสาหินเสาปูนที่จะไม่รู้สึกอะไร ที่สำคัญ มันรักลื้อ หรือลื้อไม่รู้"
"ถ้าไม่สำเร็จ"
"ต้องสำเร็จ คนอย่างอั๊ว ลงมาจัดการอะไรแล้ว ไม่มีคำว่าพลาด"
"สัญญานะ ไม่ว่าจะยังไง เสี่ยต้องช่วยกู๋ ต้องช่วยกู๋อั๊วนะ นะ" โบตั๋นคลานมากอดขาเล้ง "อั๊วขอร้อง"
"ลื้อช่วยอั๊ว อั๊วช่วยอาซ้ง" เล้งพูด
เหตุการณ์ปัจจุบัน โบตั๋นรู้สึกตัวตื่นจากความคิดนั้น สำนึกผิดชอบชั่วดีแล่นวูบขึ้นมาในใจ เธอจะหันมาห้ามเฉียง
"อาเฉียง"
ไม่ทันแล้วเพราะเฉียงกระดกเหล้าหยดสุดท้ายเข้าปากแล้ววางถ้วยลงบนโต๊ะ
"แด่ความเป็นเพื่อนของเรา ลาก่อน"
เฉียงเดินออกมาอย่างคนที่เพิ่งเฉือนหัวใจตัวเองทิ้ง
เฉียงเดินออกมา โบตั๋นวิ่งตามอย่างรู้สึกผิด
"อาเฉียง ฉัน ขอโทษ"
"ไม่เป็นไร ผมแค่ไปโกดังช้านิดหน่อย คุณกลับเข้าไปข้างในเถอะ" เฉียงบอก
โบตั๋นลังเลแต่แล้วก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ "ฉัน จะไปที่โรงบิลเลียด"
"อาจิวปิดที่นั่นแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ คุณจะไปทำไม"
"ฉัน พกยาไว้ในกระเป๋า ฉันลืมกระเป๋าไว้ที่นั่น ฉันจำเป็นต้องกินยา"
เฉียงนิ่งคิด "ถ้างั้น ผมไปเปิดประตูให้ ผมมีกุญแจ เชิญ"
เหมือนนัดไว้เพราะรถลากวิ่งผ่านมาพอดีเป๊ะ ย่าหยาประคองหยกมณีซึ่งยังมึนยาออกมาจากฉั่วเทียนเหลา เธอเห็นโบตั๋นขึ้นรถลากแล้วตามด้วยเฉียง
หยกมณีไม่วายอยากรู้อยากเห็น "เขาไปไหนกัน"
"ช่างเขาเถอะค่ะ แจ้ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า" ย่าหยาบอก
ย่าหยาพาหยกมณีเดินจากไป
รถลากเคลื่อนผ่านหน้าเล้งกับเกี๊ยงซึ่งยืนอยู่ในเงามืด
"อาเซ้งอีลากรถมาตรงเวลาดีจริงๆ" เกี๊ยงบอก
"อยากรู้ว่าตอนที่มันเห็นเขางอกบนหัว หน้าตามันจะเป็นยังไง" เล้งว่า
เล้งยิ้มมีความสุขเมื่อนึกถึงเขาบนหัวของธาม
ธามกับจิวเดินเข้ามาถามเสมียนซึ่งเดินเกร่ไปมาอยู่หน้าโกดัง
"อาเฉียงล่ะ" จิวถาม
"ยังไม่เห็นมาเลยครับเฮีย" เสมียนบอก "อาเจ็กฟงโทรศัพท์ให้อั๊วมารอเคลียร์บัญชีกับเฮียเฉียง อั๊วมารอร่วมชั่วโมงแล้วแต่เฮียยังไม่มา"
"ลื้อจัดการเคลียร์บัญชีไปก่อน แล้วส่งให้อาฟงดูอีกที"
"ครับเฮีย" เสมียนเปิดโกดังเข้าไปด้านใน
"อั๊วว่ายังอยู่ที่ฉั่วเทียนเหลาแน่เฮีย อาโบตั๋นอยู่ที่นั่น"
ธามหน้านิ่ง
เฉียงเปิดประตูเดินนำโบตั๋นเข้ามา ทั้งคู่อยู่ในอาการเดียวกันคือรู้สึกหนาวสลับร้อนวูบๆวาบๆ
เฉียงพยายามสูดลมหายใจตั้งสติเหมือนจะข่มความต้องการอะไรบางอย่างที่จู่ๆ ก็ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง
เช่นเดียวกับโบตั๋นที่ฝืนสะกดอารมณ์กระเจิดกระเจิงที่จู่ๆก็พุ่งขึ้นมาแบบหยุดไม่อยู่
เฉียงเดินขึ้นบันได สักครู่เขาก็ชะงักหันมามองโบตั๋นที่เดินตามมาข้างหลังซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่โบตั๋นเงยหน้ามองเขาพอดี สายตาทั้งคู่ที่มองกันเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า เฉียงฮึดแล้วก็หมุนตัวกลับไปที่ประตู
ย่าหยาเดินกลับเข้ามากับหยกมณีที่ตอนนี้กระฉับกระเฉงเป็นปกติแล้ว
"จะร้องเพลงไหวเหรอแจ้" ย่าหยาถาม
"ไม่เป็นไรน่า ซินแสให้กินยาถ้วยเดียว หาย บอกแล้วไงไม่ต้องไปโรงพยาบาล" หยกมณีบอก
ทั้งคู่เดินมาเห็นเล้งนั่งดื่มเหล้าอยู่กับเกี๊ยง เล้งหันมาเห็นย่าหยาก็ทักขึ้น
"อาหยา"
"อ้าว..เสี่ย นึกว่าจะไม่กลับมาแล้วซะอีก" หยกมณีบอก
ธามเดินเข้ามากับจิว ทั้งคู่กวาดตามองหาเฉียงกับโบตั๋น
เล้งยิ้มกริ่ม "อาธาม ลื้อก็กลับมาด้วยเหรอ"
"ครับ ไม่คิดว่าเสี่ยจะมีแรงพาใครไปเที่ยวบางปูได้อีก นี่มันดึกมากแล้วนะครับ เล้งเปล่า อั๊วไม่ได้มารับอาหยา แค่กลับมาหาอีแค่นั้น" ธามบอกย่าหยา "ฉันขอโทษด้วยนะที่คืนนี้พาเธอไปเต้นรำไม่ได้ แต่พรุ่งนี้ฉันจะไม่ผิดคำพูดอีก ฉันมารับเธอแน่ ฉันสัญญา"
ย่าหยายิ้มหวาน "ค่ะ ฉันจะรอนะคะ"
หยกมณียิ้มหวานแต่แอบเหน็บ "หวานไปมั้ยคะเสี่ย" หยกมณีกับธาม "แล้วเฮียกระทิงสุดหล่อล่ะ
คะ มีนัดกับใครรึเปล่า"
"อาเฉียงอยู่ไหน"
"ก็ไปส่งโบตั๋นไง อ้าว นึกว่าเฮียสั่ง"
"ตอนอั๊วนั่งรถมาเห็นพากันไปที่โรงบิลเลียดลื้อ คง..ไปส่งที่นั่น มั้ง" เล้งพูดกับย่าหยา "ฉันกลับก่อนนะย่าหยา ราตรีสวัสดิ์"
พูดจบเล้งก็ดึงมือย่าหยาขึ้นมาจูบเย้ยธามแล้วเดินยิ้มสะใจออกไปกับเกี๊ยง ธามรู้สึกไม่พอใจ
โบตั๋นเดินเหมือนสะบัดร้อนสะบัดหนาวเข้ามา แล้วสักครู่โบตั๋นก็สะดุ้งตกใจเมื่อเฉียงโผเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง
เฉียงกระซิบเสียงกระเส่า "คุณออกไปจากที่นี่ เร็ว ก่อนที่ ผมจะห้ามตัวเองไม่ได้"
โบตั๋นหันไปหาเฉียงแล้วประสาทหลอนเห็นเฉียงเป็นธาม ที่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตากรึ่มสุดฤทธิ์ โบตั๋นโผเข้าหาเฉียงแล้วโน้มตัวเขาลงมาจูบอย่างดูดดื่ม เฉียงพยายามต้านความต้องการของตัวเอง แต่ก็ไม่สำเร็จ
โบตั๋นถาโถมใส่เฉียงเต็มที่เพราะคิดว่าเขาเป็น ธาม เฉียงขยับผละออกมาแต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว เมื่อโบตั๋นโผเข้ามากอดเขาทางด้านหลัง ทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างเร้าร้อนจนมาถึงหน้าประตูห้องธาม โบตั๋นกอดจูบเฉียงขณะใช้มือเปิดประตูแล้วดึงเฉียงเข้าห้องไป
เฉียงอุ้มโบตั๋นวางลงบนเตียงก่อนจะก้มลงไปจูบเธออย่างเร่าร้อน สักพักเสื้อผ้าของเฉียงกับโบตั๋นก็ถูกเหวี่ยงลงมาบนพื้น
จิวเดินเข้ามาเปิดประตูโรงบิลเลียดแล้วพบว่าประตูแค่งับไว้เฉยๆ
จิวหันมาพูดกับธาม "ก่อนตามเฮียไปที่โรงพยาบาล อั๊วล็อกเองกับมือ"
จิวผลักประตู ธามเดินเข้าไปกวาดตามองทั่วชั้นล่างแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลยเดินขึ้นบันไดมาชั้นบน
ธามเห็นประตูชั้นบนเปิดอ้าอยู่ จิวตามขึ้นมายืนข้างธาม ธามเดินหน้านิ่งไปที่ประตูห้องตัวเองแล้วเอื้อมมือมาเปิดประตู
ธามเปิดประตูผัวะเข้ามา เขาตะลึงที่เห็นลูกน้องมือขวาคู่ใจกับผู้หญิงที่เป็นเมียเขาเพิ่งเสร็จกามกิจด้วยกันทั้งคู่
เฉียงกับโบตั๋นหันมาเห็นธามแล้วหัวใจหล่นวูบลงไปกองกับพื้น "เฮีย!”
จิวตามเข้ามาเห็นเพื่อนซี้หลับนอนอยู่กับเมียเจ้านายก็แค้นแทนธามจนแทบคลั่ง
"อาเฉียง ไอ้คนอกตัญญู ลื้อตาย"
จิวดึงกรรไกรประจำแก๊งขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปหาเฉียง เขาเงื้อสูงท่วมหัวกะจ้วงแทงเฉียงให้หายแค้น
ธามพูดเสียงดังราวฟ้าผ่า "หยุดนะอาจิว"
จิวชะงักกึก "ห้ามอั๊วทำไมเฮีย มันทำร้ายเฮียขนาดนี้ ลื้ออย่าอยู่เลย"
จิวเงื้อแขนจะแทงเฉียงอีก
ธามตะคอกจิว "ลื้อยังเห็นอั๊วเป็นเฮียลื้ออยู่รึเปล่า"
จิวชะงักอีกครั้งแล้วหันมามองธาม "เฮีย"
ธามสั่งจิว "ออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก"
จิวฮึดฮัด ฟึดฟัด หมุนซ้ายหมุนขวาก่อนจะเดินหัวเสียออกไป
ธามมองทั้งคู่แล้วเปรยออกมา "ห้องนอนอั๊วไม่ใช่โรงแรม"
ธามหันกลับออกมาแล้วพูดโดยหันหลังให้ทั้งคู่
"จัดการธุระลื้อให้เสร็จ อั๊วจะรอข้างนอก"
ธามเดินหน้านิ่งออกไป เฉียงกับโบตั๋นหันมามองหน้ากันว่านี่เราทำอะไรลงไป
ธามยืนหน้านิ่งที่โต๊ะบิลเลียด จิวเดินไปมาเหมือนจะคลั่งอยู่ด้านหลังห่างออกไป เฉียงกับโบตั๋น เดินคอตกออกมาจากในห้อง จิวหันมาเห็นเฉียงแล้วจะวิ่งเข้าไปอัดอีกแต่ธามยกมือขึ้นห้าม ธามใช้หางตามองทั้งคู่
"เฮีย อั๊ว" เฉียงพูดไม่ออก
ธามเสียงหน้าเรียบนิ่ง "เอากรรไกรมา"
เฉียงจำต้องหยิบกรรไกรสลักลายรูปกระทิงออกมายื่นให้ธามแล้วคุกเข่าลงกับพื้นโดยก้มหัวให้ ธามจับกรรไกรแน่นจนมือสั่นแล้วเงื้อสุดแขน เฉียงนั่งก้มหน้านิ่งพร้อมเผชิญหน้ากับความตาย โบตั๋นยกมือปิดหน้าด้วยความกลัว วินาทีนั้นเธอรู้สึกผิดมหันต์เพราะรู้สึกว่าเธอเองที่เป็นคนฆ่าเฉียงไม่ใช่ธาม
แทนที่จะปักกรรไกรลงบนหัวเฉียง ธามกลับปักมันลงบนโต๊ะบิลเลียดอย่างแรงจนกรรไกรจมลงไปกับพื้นไม้แล้วโต๊ะก็แตกออก เฉียงเงยหน้าขึ้นมามองกรรไกรที่เสียบอยู่ตรงหน้า โบตั๋นค่อยๆเอามือลง ด้วยหน้าตาเหมือนเพิ่งผ่านความตายมาหมาดๆ
"นับจากวินาทีนี้ ลื้อไม่ใช่คนของแก๊งกระทิง" ธามบอก
เฉียงน้ำตาคลอ "เฮีย ฆ่าอั๊วเถอะ ฆ่าอั๊วให้ตาย อย่าให้อั๊วตายทั้งเป็นแบบนี้"
"ลื้อต่างหากที่ฆ่าอั๊วตายทั้งเป็น" ธามพูดโบตั๋น "เธอเป็นอิสระ โบตั๋น เราไม่มีพันธะอะไรต่อกัน"
โบตั๋นระเบิดเสียงร้องไห้อย่างอัดอั้นและเสียใจที่สุดในชีวิต "เฮีย"
"ลื้อสองคนตายจากอั๊วไปแล้ว”
ธามเขวี้ยงผ้าปูโต๊ะที่โบตั๋นเคยทำน้ำชาหกรดซึ่งบัดนี้ตรงรอยน้ำชากลายเป็นรอยไหม้สีน้ำตาล และกร่อนเหมือนถูกน้ำกรดกัดใส่หญิงสาว
"เอาผ้าที่โดนน้ำชาอาบยาพิษของเธอกลับไปด้วย"
โบตั๋นอึ้ง เธอคิดในใจว่าเป็นไปไม่ได้ ไหนซ้งเคยบอกว่ายานั่นเป็นแค่ยาที่ทำให้ธามอ่อนแรงเท่านั้น
ภาพในอดีตตอนที่น้ำชาหก ตอนที่โบตั๋นคุยกับซ้งเรื่องยา "สั้นๆตัดสลับวาบไปวาบมา"
โบตั๋นรีบคลี่ผ้าดูเมื่อเห็นรอยกร่อนที่ผ้า หญิงสาวถึงกับตะลึง
"คิดจะกำจัดเฮียกระทิง มันไม่ง่ายนักหรอก ไปได้แล้ว"
"เฮีย ทำไมไม่สั่งสอนให้มันรู้สำนึก"
"จะเอาสำนึกอะไรกับคนแปลกหน้า เชิญ"
ธามหันหลังให้ทั้งคู่เป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้ทั้งคู่รู้ว่าเขาปิดประตูสำหรับการต่อรอง เฉียงกับโบตั๋น หันหลังเดินออกมาเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ ธามขบกรามแน่นด้วยความแค้นใจสุดๆ
เฉียงกับโบตั๋นเดินไร้วิญญาณต่อเนื่องมาตามถนนซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ย่าหยาและหยกมณีเดินกลับบ้าน ทั้ง 4 คนมาเจอกันกลางทาง
หยกมณีไม่รู้อีโหน่อีเหน่ "เฮียกระทิงถามหาลื้อสองคนแน่ะ เจอกันรึยัง"
โบตั๋นจ้องย่าหยาเขม็ง "สะใจสมใจเธอแล้วสินะ"
ย่าหยางง "พี่โบตั๋นหมายถึงอะไร"
ก่อนที่โบตั๋นจะตอบอะไร จิวก็โผล่พรวดเข้ามาชกปากเฉียงเต็มแรง
จิวด่า "ไอ้เนรคุณ"
เฉียงเซหน้าคว่ำไปโดนขอบฟุตบาทหน้าผากแตก จิวตามเข้ามากระชากเสื้อเฉียง
"ลื้อลืมวันที่เฮียช่วยชีวิตลื้อ วันที่เฮียต้องเจ็บตัวแลกกับเงินที่ลื้อต้องส่งไปให้แม่กับลูกลื้อแล้วเหรอ ลื้อถึงกล้าเป็นชู้กับเมียเฮีย ลื้อยังเป็นคนอยู่รึเปล่า"
จิวชกเฉียงอีกครั้งเที่ยวนี้เลือดกบปากแถมยังบีบคอเฉียงกะให้ตายคามือ ย่าหยากับหยกมณีวิ่งเข้ามาดึงจิวคนละข้าง ในขณะที่โบตั๋นมองภาพตรงหน้าน้ำตาคลอ
ย่าหยากับหยกมณีร้องเตือน "พอแล้ว อาจิว"
"อย่าโทษอาเฉียงเลย" โบตั๋นบอก
จิวชะงักแล้วหันมาหาโบตั๋น "จริงสิ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ชายชู้กับหญิงชั่ว ลื้อสองคนเหมาะสมกันจริงๆ"
จิวจ้องหน้าเฉียงกับโบตั๋นอย่างผูกใจเจ็บก่อนจะเดินออกไป โบตั๋นมองย่าหยากับหยกมณีที่ยืนอึ้งกับความจริงที่เพิ่งรู้แล้วโบตั๋นก็ทนอับอายไม่ไหวจึงวิ่งออกไป เฉียงยกแขนเช็ดเลือดก่อนจะเดินตามโบตั๋นไป
หยกมณีมองตามทั้งคู่ "สงสารเฮียกระทิง"
ย่าหยาไม่พูดอะไรเพราะใจลอยไปหาคนที่ชื่อเฮียกระทิงนานแล้ว
เฉียงเดินตามหลังโบตั๋นมาอย่างเงียบเชียบจนถึงหน้าหอพักของเธอ
โบตั๋นหันมาหาเฉียง "พรุ่งนี้ฉันจะไปหาบ้านเช่า ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว"
"โบตั๋น ผม ขอโทษ"
โบตั๋นฮึด "ไม่ต้องขอโทษ เพราะคุณต้องอยู่กับฉัน"
เฉียงทั้งอึ้งทั้งตกใจ "โบตั๋น"
โบตั๋นน้ำตาคลอ "หรือคุณจะทิ้งฉันไปอีกคน"
"ผมทำผิดกับเฮีย ผมสมควรตาย แต่ผมก็ รักคุณ เหลือเกิน"
ทั้งคู่กดดันและอึดอัดเพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปจนน้ำตาคลอ
ธามนั่งนิ่งบนม้านั่งที่ระเบียง เขารู้สึกขมขื่นและเจ็บปวดที่ถูกหักหลังมากกว่าเสียใจ สักครู่มีมือมาแตะที่ไหล่ธามคล้ายต้องการปลอบใจ มือนั้นเป็นของย่าหยาที่สวมชุดดำทะมัดทะแมงปืนขึ้นบ้านมา
ย่าหยานั่งลงข้างธาม "ฉัน เสียใจด้วยนะ"
ธามรู้สึกอบอุ่นใจที่ยังมีคนสนใจความรู้สึกของเขา แต่เขากลับแสดงออกด้วยการนั่งนิ่ง ไม่หันมามองย่าหยา ย่าหยาเอื้อมมือมาจับมือธาม ธามรู้สึกเหมือนมีน้ำทิพย์มาชโลมใจและเป็นความอบอุ่นที่มหัศจรรย์
"ฉันรู้ว่าใจคุณสลาย ฉันเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไม ฉันถึงอยากมาอยู่ข้างๆคุณตรงนี้ ทำไม"
ย่าหยาเอียงคอซบบนไหล่ธามโดยไม่รู้ตัวซึ่งเป็นอาการที่เธอเคยทำบ่อยๆเมื่ออยู่กับชลธี
ภาพจันทร์ชมพูเอนซบไหล่ชลธีด้วยท่าทางแบบเดียวกับที่ย่าหยากำลังซบหวนกลับมา ที่ต่างคือ ทั้งชลธีและจันทร์ชมพูต่างก็มีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
ธามรู้สึกอบอุ่นเหมือนความรู้สึกลึกๆที่มีต่อจันทร์ชมพูหวนกลับมา เขาเผยยิ้มได้นิดเดียวก่อนจะหลับตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"กลับไปซะ"
ย่าหยาชะงักแล้วค่อยๆ ขยับหัวขึ้นมามองธาม
"ฉันอยากอยู่คนเดียว" ธามบอก ย่าหยายังนั่งอึ้ง ธามตวาดลั่น "ฉันอยากอยู่คนเดียว"
ย่าหยาเจ็บแปลบ เธอค่อยๆ เดินออกมาแล้วหายไปกับความมืด ธามมองตามย่าหยาแล้วตัดใจฉับก่อนจะลุกขึ้นเดินมายืนที่ระเบียงแล้วเปรยกับตัวเอง
"ฉันไม่ต้องการใคร ไม่รักใคร ฉันไม่รักใครอีกแล้ว"
ธามกัดฟันกรอดและน้ำตาคลอ
ย่าหยาปักผ้าเช็ดหน้าซ้ำๆ ย้ำๆอยู่ที่ตัวเป็ดแมนดาลิน
ย่าหยาพึมพำ "หยาขอโทษค่ะพี่ธี หยาขอโทษ ขอโทษ"
ย่าหยาปักซ้ำๆย้ำๆวนอยู่อย่างนั้น เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะทำใจจดจ่ออยู่กับชลธีและทำเพื่อชลธีคนเดียว
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 6 (ต่อ)
วันใหม่ ธามเดินลงบันไดมาจากชั้นบน
เขากำลังจะเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์อ่านแต่แล้วหางตาก็เห็นชามข้าวต้มปลาควันขึ้นฉุยวางอยู่บนโต๊ะ จิวถือถาดน้ำและส่งเสียงนำมา
"น้ำมาแล้วเฮีย"
ธามนั่งลงแล้วตักข้าวต้มชิม ในจังหวะที่จิววางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ
"รสชาติดี ขอบใจ มาทำให้แต่เช้า"
"อ้าว นึกว่าเฮียทำเอง อั๊วเข้ามาก็เห็นชามนี่วางอยู่แล้ว เลยไปเอาน้ำมาให้"
ธามชะงักและกวาดตามองรอบโต๊ะ เขาเห็นแจกันดอกมะลิวางทับอยู่บนกระดาษแผ่นเล็กๆ ธามหยิบออกมาดูเห็นข้อความบนกระดาษ “หวังว่าจะสดชื่นขึ้นนะ”
ถึงไม่ได้ลงชื่อ ธามก็เดาได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือย่าหยา เขาเก็บกระดาษแผ่นนั้นลงในกระเป๋าเสื้อตัวเอง
เฉียงหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของของโบตั๋นเคียงคู่มากับโบตั๋น นักเลงขยับเดินมาขวางหน้า ทุกคนมีทั้งไม้ทั้งมีดอยู่ในมือ เฉียงกับโบตั๋นชะงัก ชายหนุ่มดึงหญิงสาวให้หลบมาอยู่ด้านหลัง
"ลื้อกล้าทรยศเฮียกระทิง ลื้ออย่าอยู่เลย" นักเลงคนหนึ่งว่า
ทั้งหมดก็กรูกันมาเข้ามาหาเฉียง
เฉียงหันไปบอกโบตั๋น "หนีไป"
โบตั๋นพะวักพะวงก่อนจะวิ่งไปซุกอยู่ที่มุมหนึ่ง เฉียงสู้กับคนมีอาวุธทั้งชกเตะต่อยจนหมอบไปสอง แต่ที่เหลืออีกสามใช้ไม้ลอบตีเฉียงจากทางด้านหลัง เฉียงล้มลง นักเลงคนหนึ่งเอามีดพุ่งมาหมายแทงเฉียง เฉียงเบี่ยงตัวหลบทำให้มีดถากโดนที่เอว นักเลงอีกคนจะเข้ามาแทงซ้ำ
โบตั๋นกรี๊ดลั่น "อ๊าย"
เล้งกับเกี๊ยงเดินเข้ามา
"ลื้อหยุดนะ" เล้งตวาด
นักเลงทั้ง 3 คนชะงัก
"เฮียกระทิงให้พวกลื้อตามมาเก็บอาเฉียง" เกี๊ยงถาม
"มันหยามเฮีย มันสมควรตาย" นักเลงคนหนึ่งบอก
"อั๊วยอมให้พวกลื้อทำอย่างนั้นไม่ได้" เล้งว่า
"ทำไม นี่เป็นเรื่องของคนในแก๊งกระทิง แก๊งอื่นไม่เกี่ยว"
"อาเฉียงไม่ใช่คนของแก๊งกระทิงแล้ว อีเป็นคนของแก๊งมังกรดำ ลื้อทำร้ายอีเท่ากับลื้อทำร้ายอั๊ว" เล้งบอก
พูดจบเล้งก็เสียบมีดเข้าที่ท้องนักเลงคนที่ใช้มีดแทงเฉียงจนทรุดลงไปกองกับพื้น
นักเลงอีกสองคนตกใจ "อาเต็ก"
"อาเกี๊ยง พาอาเฉียงมาทำแผล" เล้งสั่งแล้วเดินออกไป
โบตั๋นวิ่งเข้ามาประคองเฉียงช่วยเกี๊ยง แล้ววิ่งกลับไปหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าวิ่งตามทุกคนไป
ธามเดินดูคนงานทำทองที่แผนกต่างๆ ในโรงงาน สักครู่จิวก็เดินเข้ามาในโรงงาน ธามหันมาเห็น ก็เดินปลีกตัวออกมา จิวเดินตามมารายงานธาม
"มิสเตอร์ลียืนยันว่ามันนัดส่งทองคืนนี้ ตอนทุ่มหนึ่งครับ"
ธามพยักหน้ารับรู้
"แต่อั๊วกลัวแผนเราจะรั่ว เพราะคนที่รู้เรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่เฮีย อั๊ว แล้วก็มิสเตอร์ลี"
ธามหันขวับมาหาจิว "ลื้อหมายถึง"
"ครับเฮีย ไอ้คนเนรคุณนั่นมันก็รู้"
ธามครุ่นคิด
เกี๊ยงกับฮกปิดผ้าก็อชที่ข้างเอวให้เฉียง เล้งนั่งอยู่ตรงข้ามเฉียง ส่วนโบตั๋นนั่งอยู่อีกมุมอย่างกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงเฉียงไม่น้อย
"ลื้อพักที่บ้านอั๊วก่อน" เล้งบอก
เฉียงสวนทันที "ไม่"
"ตอนนี้ลื้อก็เหมือนเจ้าไม่มีศาลแล้วนะอาเฉียง ลื้อก็รู้ว่าใครๆก็เกรงใจเฮียลื้อกันทั้งนั้น ลื้อไปหยามอียังงี้ อีต้องให้คนตามเก็บลื้ออยู่แล้ว"
"อั๊วจะกลับเซี่ยงไฮ้"
"แล้วทิ้งผู้หญิงที่ลื้อรักไว้ข้างหลัง ให้คนด่าว่าอีว่ามีชู้ แล้วชู้ก็ทิ้งอีอย่างนั้นเหรอ"
เฉียงหันไปมองโบตั๋น
โบตั๋นน้ำตาหยดแหมะเพราะจริงอย่างที่เล้งพูด
"คิดให้ดีนะอาเฉียง ถึงอั๊วกับลื้อจะเคยเกลียดขี้หน้ากัน แต่เราก็กลับมารักกันได้" เกี๊ยงกล่อม
"ลื้อกลับเซี่ยงไฮ้ ศัตรูเก่าของลื้อก็ตามเล่นงานลื้ออยู่ดี ลื้อตัดสินใจอยู่ที่นี่ ลื้อก็ต้องทำงาน ไม่งั้นแม่กับลูกสาวลื้อจะกินอะไร" เล้งว่า
"ดูเหมือนเสี่ยจะรู้ประวัติอั๊วไปซะทุกเรื่อง" เฉียงบอก
เล้งลุกมาหาเฉียง "เลือกเอา จะยอมเป็นหมาหัวเน่า หรือมือขวาของแก๊งมังกรดำ"
เล้งตบไหล่เฉียงเหมือนให้กำลังใจและเอ็นดู
ย่าหยาเดินเหลียวซ้ายแลขวาลัดเลาะมาตามตึกย่านบางรัก จู่ๆ ธามก็เดินเข้ามายืนข้างหญิงสาว เหมือนผี
"เสี่ยเล้งนัดส่งทองเถื่อนคืนนี้ เธอควรอยู่ห่างมันไว้" ธามบอก
"เขานัดฉันไปบางปู" ย่าหยาบอก
"ฉันจะทำให้มันผิดนัด ยังไงมันก็ห่วงเงินมากกว่าเธอ"
"ก็ไม่แน่ เขาสัญญาว่าจะมา เพราะฉะนั้น มาช้าแค่ไหนฉันก็จะรอ ธุระของคุณมีแค่นี้ใช่มั้ย" ย่าหยาจะเดินออกมา
ธามตะโกนตามหลัง "เธอก็รู้นะว่าปลายทางจะเป็นยังไง อย่าเอาตัวมาเสี่ยงเลย"
ย่าหยาชะงักหันกลับไปหาธาม "นั่นล่ะที่ฉันต้องการ คุณทำงานของคุณไป อย่าพลาดก็แล้วกัน เพราะถ้าพลาดมาถึงฉันล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยมันแน่"
ย่าหยาเดินหนีไป ธามเดินตามไปอย่างยัวะ เขาคิดในใจว่าผู้หญิงอะไร โคตรดื้อ
ย่าหยาเดินจ้ำมาตามทาง ธามตามมาคว้าแขนเธอไว้
"จะมั่นใจเสน่ห์ตัวเองอะไรขนาดนั้น ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดีนะ"
"ขอบคุณ แต่ฉันมั่นใจมาก"
"เสี่ยเล้งมันไม่รักใครจริง มันเป็นคนไม่มีหัวใจ"
"เหมือนคุณไง ไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็น" ย่าหยาพูดแล้วก็สะอึกว่าทำไมเธอต้องตัดพ้อเขา
ธามโกรธจัด "ทำไมฉันจะรักใครไม่เป็น"
ธามดันย่าหยาหลังติดกำแพงแล้วก้มลงจูบเธอเพื่อประกาศให้รู้ว่านี่คือการแสดงออกว่ารักเป็น
ย่าหยาผลักธามออกแล้วตบหน้าฉาดใหญ่
"ถ้าเป็นคุณหนูหงส์ คุณคงไม่กล้าทำอย่างนี้กับเธอ" ย่าหยาว่า
ย่าหยาเดินออกมา ธามดึงมือไว้
"ขอโทษ" ธามพูด
"ไม่ใช่คุณไม่มีหัวใจ แต่คุณเลือกที่จะมอบหัวใจให้ใครต่างหาก"
ธามดึงกระดาษที่ย่าหยาทิ้งโน้ตไว้ออกมา
"ขอบใจนะ ข้าวต้มชามนั้น ฉันรู้สึกดีขึ้นจริงๆ"
ย่าหยามองข้อความที่ตัวเองเขียนแล้วตวัดตามองธามก่อนจะเดินออกมา ธามเดินหงุดหงิดวนไปวนมาแล้วเอาเท้าถีบกำแพงเพื่อระบายอารมณ์
ฮกยกกาน้ำชามาเสิร์ฟเล้ง โบตั๋นถลาเข้ามาหาเล้งด้วยอาการร้อนรน
"ตกลงเสี่ยช่วยกู๋แล้วใช่มั้ย" โบตั๋นถาม
"อีปลอดภัยแล้ว" เล้งบอก
ฮกเทน้ำชาหกกระเด็นมาโดนเล้ง เล้งตบกะโหลกฮก
"ซุ่มซ่ามไม่เลิก" เล้งว่า
เล้งหยิบไม้กอล์ฟเดินไปฝึกวงสวิง
โบตั๋นเดินตาม "แล้ว อั๊วจะได้เจอกู๋มั้ย"
"ลื้อกล่อมอาเฉียงให้ทำงานกับอั๊วได้เมื่อไหร่ อั๊วจะพากู๋ลื้อมาเจอลื้อ"
โบตั๋นคิดหนัก แล้วเธอก็ตัดสินใจว่าต้องทำอะไรเด็ดขาดอีกครั้งเพื่อช่วยซ้งให้ได้ก่อนจะเดินออกไป นักเลงสองคนเข้ามาจากอีกทาง ทั้งสองเป็นนักเลงที่เคยไปเล่นงานเฉียงก่อนหน้านี้
"เสี่ย อาเต็ก ตายแล้ว"
ฮกอึ้ง "อะไรนะ ใครทำอี"
"อั๊วเอง ลื้อมีปัญหาอะไร ถูกแทงตายแปลกตรงไหน" เล้งบอก
"คือ ญาติอาเต็ก อีอยากได้ เอ่อ เงินค่าเลี้ยงดูครับเฮีย" นักเลงคนหนึ่งบอก
เล้งหันขวับมาพร้อมไม้กอล์ฟที่ฟาดใส่หัวนักเลงคนนั้นอย่างแรง นักเลงทรุดลงไปนอนกับพื้น เลือดไหลทะลักออกจากสมองทันที
"ใครอยากได้เงิน ให้มันมาเอาที่อั๊ว" เล้งว่า
นักเลงอีกคนวิ่งไปดูนักเลงคนที่ถูกฟาด ในขณะที่ฮกกลืนน้ำลายเพราะรู้สึกกดดันและสงสารผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับเขา
เฉียงนั่งกุมขมับอยู่ที่บันได ข้างๆ เป็นกระเป๋าเสื้อและข้าวของของโบตั๋น โบตั๋นเดินออกมาจากในบ้าน
"ตกลงคุณตัดสินใจยังไง" โบตั๋นถาม
เฉียงนั่งนิ่งเพราะคิดจนสมองแทบระเบิด
โบตั๋นเอ่ยออกมา "ทิ้งฉันไว้ที่นี่แหละ"
"ผมรักคุณ แต่ผมทรยศเฮียมากไปกว่านี้ไม่ได้ ถ้าผมทำงานให้มัน ผมจะกล้าสู้หน้าเฮียได้ยังไง"
"คุณไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ทำให้ใครต้องห่วงอีกแล้ว"
โบตั๋นตัดสินใจครั้งสุดท้าย เธอดึงปิ่นปักผมที่ธามให้ออกมาแล้วเงื้อแขนเตรียมแทงที่คอตัวเอง
เฉียงหันมามองโบตั๋นในจังหวะที่ปิ่นเกือบจะทิ่มคออยู่รอมร่อ
"อย่า" เฉียงกระชากมือโบตั๋นไว้
โบตั๋นปล่อยโฮร้องไห้อย่างหมดหนทาง
"ปล่อยฉัน มาห้ามฉันทำไม ฉันไม่อยากเป็นภาระใคร ฉันอยากตาย ถ้าฉันช่วยกู๋ไม่ได้ก็ปล่อยฉันตายเถอะ"
เสียงฮกดังขึ้น "ลื้อช่วยกู๋ลื้อไม่ได้หรอกอาโบตั๋น"
โบตั๋นกับเฉียงเงยหน้ามองคนที่ก้าวเข้ามาก็เห็นว่าเป็นฮก
"กู๋ลื้อตายแล้ว" ฮกบอก
โบตั๋นอึ้งและช็อก
หลุมศพมีป้ายปักพอให้เป็นที่สังเกตแต่ไม่มีแม้แต่ชื่อติดอยู่ที่หลุม โบตั๋นก้าวเข้ามาแล้วทรุดลงนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง เฉียงต้องคอยประคองเธอไว้
ฮกก้าวตามเข้ามา
"อั๊วไม่อยากให้ลื้อตั้งความหวังว่าจะได้เจอกู๋ เหมือนกับอั๊วที่คิดว่าจะได้เจออาฮั้วน้องอั๊ว กู๋ลื้อตายแล้ว ตายตั้งแต่วันที่คุณหนูหงส์ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง" ฮกบอก
"วันนั้นเสี่ยรู้ว่าอาซ้งถูกแก๊งหงส์จับตัวไป เลยให้อั๊วตามไปดู อาซ้งไม่ยอมปริปากว่าใครสั่งให้อีฆ่าเถ้าแก่สุง สุดท้ายอีก็เลือกที่จะกระโดดตึกตาย"
ภาพในอดีตย้อนมา ร่างซ้งลอยผ่านหน้าฮก กระแทกพื้น ฮกตาเบิกโพลง
โบตั๋นถามฮกปากสั่น
"เสี่ยเล้งรู้มั้ยว่า กู๋ตาย"
"ทำไมอีจะไม่รู้ ก็อีนั่นล่ะที่เป็นคนสั่งให้อั๊วฝังอาซ้ง" ฮกบอก
"อั๊วจะรู้ได้ยังไงว่าลื้อพูดจริง" โบตั๋นถาม
ฮกส่งถุงกระดาษสีน้ำตาลให้โบตั๋น
โบตั๋นหยิบสิ่งที่อยู่ในถุงออกมา พอเห็นเป็นเสื้อกางเกงที่มีรอยเลือดกรังก็คลี่ออกดู เธอใจสั่นขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นรอยปะชุนที่ใต้ขอบกางเกง ใจของโบตั๋นเหมือนถูกกระชากดิ่งลงเหว
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา เป็นคืนวันหนึ่งก่อนที่ซ้งจะหนีไปกบดานชายแดน โบตั๋นปะชุนกางเกงเสร็จแล้วส่งให้ซ้งดู
ซ้งยิ้ม "ชุนเหมือนแม่ลื้อเลย เบี้ยวไปเบี้ยวมา"
"ที่จริงตัวนี้มันก็เก่ามากแล้ว ทำไมกู๋ไม่ใส่ตัวใหม่ที่อั๊วซื้อให้"
"เก่าแล้วมันยังใส่ได้มั้ยล่ะ ใส่ไปแล้วชายเสื้อมันปิดรอยปะ ใครมันจะเห็น"
"ตกลงกู๋จะไปไหน ไปกี่วัน"
"ลื้อไม่ต้องรู้หรอกน่า อั๊วไปนะ" ซ้งหยิบกางเกงเดินไปที่ระเบียงเพราะปีนขึ้นมา
"กู๋จะกลับมาหาอั๊วใช่มั้ย" โบตั๋นถาม
ซ้งชะงักกึกเพราะไม่แน่ใจในชะตาชีวิตตัวเอง แต่เขาก็กลั้นใจหันไปยิ้มกับหลานสาว
"แล้วทุกทีอั๊วกลับมามั้ยล่ะ"
โบตั๋นน้ำตาไหล "กู๋อย่าทิ้งอั๊วนะ"
ซ้งโผเข้ามากอดหลาน "อั๊วจะกลับมา อั๊วไม่มีวันทิ้งลื้อ จำไว้"
สองน้าหลานกอดกันแน่น
เหตุการณ์ปัจจุบัน โบตั๋นร้องไห้เหมือนเด็กน้อยที่พ่อแม่ทิ้งให้อยู่กับคนแปลกหน้า ปากโบตั๋นสั่นละล่ำละลัก
"กู๋บอกจะไม่ทิ้งอั๊ว จะกลับมา จะไม่ไปไหน แล้วอั๊วจะอยู่กับใครกู๋ อั๊วจะอยู่กับใคร"
โบตั๋นกอดหลุดศพร้องไห้เป็นที่น่าเวทนา
เฉียงเศร้าใจและสงสารสุดๆ "อยู่กับผมโบตั๋น ผมจะดูแลคุณเอง"
โบตั๋นโผเข้ากอดเฉียงเหมือนว่าเขาคือที่พึ่งสุดท้าย ในขณะที่ฮกเดินออกมา
ย่าหยาเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาดูหน้าตาที่กระจกแล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ย่าหยาหันไปเจอธามถือชุดกระโปรงสวยงามอยู่ในมือ ในขณะที่อีกมือยังอยู่ในท่าเคาะประตู
"เดี๋ยวนี้มีธรรมเนียมเข้าห้องก่อนแล้วค่อยเคาะประตูด้วยเหรอ" ย่าหยาว่า
"ฉันแวะเอาชุดพรีเวดดิ้งมาให้" ธามบอก
ย่าหยาหันมาทำหน้างงใส่
"ก็ชุดเต้นรำเธอคืนนี้ไง"
"เสี่ยส่งชุดมาให้ฉันแล้ว นั่นไง" ย่าหยาบุ้ยใบ้ไปที่ชุดซึ่งวางพาดกับเก้าอี้ด้านหนึ่ง
ธามเดินมาใช้หางตามองแวบหนึ่งแต่วิจารณ์ยาว "โป๊ น่าเกลียด ไร้รสนิยม ใส่ชุดที่ฉันเตรียมมานี่แหละ"
"คุณจะมาวุ่นวายกับฉันทำไม" ย่าหยายิ้มหยัน "ห่วงฉัน"
"ฉันห่วงเธอเหรอ ห่วงที่ไหน ฉันแค่ต้องการรักษาภาพพจน์ของคนในตระกูล อีกอย่างนี่มันก็แค่งาน เธอคงไม่อยากเป็นเมียเสี่ยเล้งจริงๆ ใช่มั้ย"
"ก็ไม่แน่ ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว"
ความร้อนแล่นปรู๊ดเข้ามาในใจธาม เขาจับไหล่ย่าหยาบีบแน่น "อย่ายั่วนะย่าหยา"
ใบหน้าธามกับย่าหยาห่างกันแค่คืบ
"จะทำอะไรก็นึกถึงคุณหนูหงส์ให้มากๆ" ย่าหยาบอก
ธามย้อน "จะพูดอะไรก็นึกถึงอาหลงให้มากๆเหมือนกัน"
ธามปล่อยมือจากย่าหยาแล้วเดินหงุดหงิดแบบไม่รู้จะหงุดหงิดอะไรนักหนาออกไป ย่าหยาสูดลมหายใจลึก เธอไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่ใกล้ชิดเขาเธอจะแทบลืมหายใจทุกครั้ง
โบตั๋นนั่งกอดเข่าหน้านิ่งข้างหลุมศพซ้ง น้ำตาของเธอเหือดแห้งไปหมดแล้วเหลือแต่แววตาบอบช้ำที่เต็มไปด้วยความแค้น เฉียงนั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ
โบตั๋นพร่ำรำพัน "มันโกหกฉัน หลอกใช้ฉัน หลอกให้ฉันฆ่าคนที่ฉันรัก หลอกให้ฉันนอนกับคนที่ฉันไม่ได้รัก มันยังเห็นฉันเป็นคนอยู่รึเปล่า"
เฉียงเจ็บร้าวไปถึงไส้ติ่งกับคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจของโบตั๋น
"ฉันขอโทษที่ดึงคุณมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้" โบตั๋นบอก
"มันผ่านไปแล้ว ผมยอมรับชะตากรรม ทั้งเรื่องเฮียและเรื่องที่คุณ ไม่ได้รักผม"
"อาเฉียง"
"เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ที่ผ่านมาเราผิด ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำอะไรให้มันถูกต้องสักที คุณกับผมต้องร่วมมือกัน"
โบตั๋นหันมามองหน้าเฉียง
เฉียงก้าวเข้ามา
"อั๊วตัดสินใจแล้ว อั๊วจะทำงานให้เสี่ย"
เกี๊ยงหิ้วสูทมาสวมให้เล้ง ฮกหยิบรองเท้าเล้งมาวางรอ ฮกแปลกใจแต่พอหันไปสบตาโบตั๋นที่เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ก็เลยไม่พูดอะไร
เกี๊ยงกวนตีนใส่ "อีคงกลัวเมียเก่าของเจ้านายเก่าจะอดตาย" เกี๊ยงหัวเราะ
เฉียงกับโบตั๋นนิ่งเพื่อสงบสติอารมณ์
"กฎของแก๊งมังกรดำสั้นๆง่ายๆ คิดให้ดีก่อนเข้า เพราะ เข้าแล้วออกไม่ได้"
"อั๊วรู้ อั๊วยินดีทำตามกฎทุกอย่าง มีอะไรช่วยสั่งสอนอั๊วด้วยก็แล้วกัน"
"ดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปลื้อคือคนของอั๊ว"
เฉียงก้มหัวให้เล้งเป็นการคารวะ แล้วจึงหยิบรองเท้าที่วางกับพื้นมาสวมใส่เท้าเล้ง
เล้งแตะบ่าเฉียง "ลุกขึ้น"
เฉียงลุกขึ้นยืน
"พิสูจน์ให้อั๊วเห็นว่าลื้อคือคนของแก๊งมังกรดำ"
เฉียงก้มหัวรับคำ
จิวกำลังพูดโทรศัพท์กับผู้กองชานนท์ ในห้องทำงานสุ่ย
"ผมได้ข่าวจากวงในว่าคืนนี้จะมีการส่งทองเถื่อนมูลค่ามหาศาลที่โกดังริมแม่น้ำเจ้าพระยาครับผู้กอง ข่าวกรองครับ ผู้กองส่งกำลังไปสังเกตการณ์นะครับ ผมโทรแจ้งด้วยความหวังดี ยินดีครับ สวัสดีครับ" จิววางโทรศัพท์
ระหว่างที่จิวพูด ธามก็ยืนกอดอกฟังอยู่ไม่ไกล
"เตรียมคนให้พร้อม"
"ครับ เฮีย"
จิวเดินออกมาสวนกับสุ่ยที่เดินเข้าไป
"คุยธุระเสร็จแล้วเหรอเฮีย"
ธามพยักหน้า "แต่มีอีกเรื่องที่อยากรบกวนคุณสุ่ย"
"เรื่องอะไรค่า"
ธามโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูสุ่ย สุ่ยเจอฮอร์โมนเพศชายหลังจากห่างเหินมานานก็รู้สึกสยิวกิ้ว
"อ๊าย เฮียกระทิงอะ ทำสุ่ยขนลุกซู่เลย ยิ่งแพ้ผู้ชายมีหนวด ขรึมๆอยู่ด้วย" สุ่ยว่า
ธามงงแต่ก็อดยิ้มกับท่าทางวี๊ดว้ายเป็นสาวสิบห้าของสุ่ยไม่ได้
"ไหน ขออีกทีซิ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ" สุ่ยว่า
ธามก้มลงกระซิบที่ข้างหูสุ่ยอีกครั้ง สุ่ยหลับตาเคลิ้มเพราะฟินมากกับกลิ่นหอมอ่อนๆของหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่โชยมาแตะจมูก
ธามผละออกมา "คุณสุ่ย คุณสุ่ย"
สุ่ยสะดุ้งแล้วลืมตาหันมาหาธาม
"จัดการให้ได้มั้ยครับ" ธามถาม
"แหม ได้สิคะ เฮียกระทิงขอทั้งที ทำมั้ยจะจัดให้ไม่ได้ล่ะค่า" สุ่ยว่า
ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างมิตรที่ดีต่อกัน
เฉียงกับโบตั๋นนั่งคุกเข่า หลับตา พนมมือไหว้เทพเจ้าในศาล
สักครู่ เฉียงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วผ่อนลมหายใจยาวด้วยหน้าตาเป็นกังวลเหมือนคนคิดหนัก
"ผม ไม่มั่นใจว่าผมจะทำได้" เฉียงบอก
โบตั๋นค่อยๆลืมตาขึ้นมา "ตอนนี้เราเป็นยิ่งกว่าหมาจนตรอกนะอาเฉียง"
"ผม กลัวสายตาของเฮีย"
"เรากลัวเพราะเรารู้สึกผิด แต่คุณบอกฉันเองว่าเราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อลบล้างความผิดที่เราทำไม่ใช่เหรอ"
"มันยากนะโบตั๋น ยากที่จะหลอกคนอื่นว่าเราเป็นศัตรูกับเฮีย"
"คุณต้องทำได้ อาเฉียง ยิ่งคุณบาดหมางกับเฮียลึกมากเท่าไหร่ เสี่ยเล้งก็จะไว้ใจคุณมากเท่านั้น"
เฉียงก้มหน้าด้วยความเจ็บปวด "ผมจะหลอกตัวเอง หลอกเฮียได้ยังไง"
"คุณรักเฮีย ฉันก็รักเฮีย เราต่างก็เจ็บปวด ฉันเองก็ทุกข์ใจไม่น้อยไปกว่าคุณ แต่เราจะผ่านความทุกข์ยากนี้ไปด้วยกัน นะ"
โบตั๋นจับมือเฉียง เฉียงก็จับมือโบตั๋นแน่นเพื่อให้กำลังใจกันและกัน
สุ่ยตกใจแบบโอเว่อร์ ในขณะที่พนักงานกำลังจัดโต๊ะอยู่ที่ด้านหลัง
"ไอ้หย่า ลื้อพูดซี้ซั๊วรึเปล่า อาเฉียงกับอาโบตั๋นจะทำอย่างนั้นได้ยังไงวะ"
"ได้ไม่ได้ อีก็ทำไปแล้วแจ้" หยกมณีว่า
"แล้วเฮียกระทิงอี รู้รึยัง"
"ทำไมจะไม่รู้ล่ะ มีอะไรรอดหูรอดตาอีได้บ้าง นี่ก็ไล่อาเฉียงออกจากแก๊งไปแล้วส่วนอาโบตั๋นก็ตัดหางปล่อยวัด อีก็คงไปอยู่กับอาเฉียง"
สุ่ยไม่อยากเชื่อ "นี่มันเรื่องจริงเหรอวะเนี่ย"
โบตั๋นเดินเข้ามา
"จริงค่ะ" โบตั๋นปรายตามองย่าหยาที่กำลังจัดโต๊ะอยู่ข้างๆ "คงมีใครบางคนดีใจจนเนื้อเต้น" โบตั๋นเดินไปหาย่าหยา "ฝันไปเถอะว่าจะได้เป็นเมียเฮีย" โบตั๋นเดินไปทางห้องแต่งตัว
สุ่ยมองตามแล้วถอนใจเฮือก "อยู่กับคนที่เขาไม่รัก มันก็เจ็บ บังคับให้เขารักก็ไม่ได้ แต่หาทางออกแบบนี้ยิ่งวุ่นไปกันใหญ่ อาโบตั๋นเอ๊ย"
ย่าหยาเซ็งมากที่โบตั๋นเข้าใจผิด เพราะเธอคือหนึ่งในคนที่ธามไม่รักและเธอก็บังคับให้เขารักไม่ได้เช่นกัน
มิสเตอร์ลีเดินขึ้นมาจากเรือขนทองที่แพ็คอยู่ในลังซึ่งจอดอยู่ที่ท่าน้ำพร้อมบอดี้การ์ด 2 คนซึ่งก็คือลูกน้องธาม ทั้ง 2 ฝ่ายเดินมาจับมือกันกลางลานหน้าโกดัง
"ยินดีที่ได้เจอกัน มิสเตอร์ลี" เล้งทักทาย
"เช่นกันครับเสี่ย"
"เป็นไง ของครบมั้ย"
"เรียบร้อยดีครับ"
"เงิน"
"เตรียมไว้แล้วครับ"
มิสเตอร์ลีหันไปพยักหน้าให้บอดี้การ์ดส่งกระเป๋าเจมส์บอนด์ให้เล้ง เล้งเปิดออกดูก็เห็นเงินสดเต็มกระเป๋า เล้งส่งกระเป๋าให้เกี๊ยง
"เรียบร้อย เหลืออีก 2 ล็อต แล้วเจอกัน"
มิสเตอร์ลีรับคำ "ครับเสี่ย"
ทันทีที่ทั้งคู่ยื่นมือมาจับกัน เสียงปืนก็ดังลั่นขึ้น เล้งกับมิสเตอร์ลีตกใจ บอดี้การ์ดธามพามิสเตอร์ลีวิ่งหนีออกมาทางท่าน้ำ ในขณะที่เล้ง เกี๊ยง และฮกวิ่งกลับไปทางโกดัง
ชานนท์ที่ไม่ใส่เครื่องแบบซุ่มยิงอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาตะโกนสั่งลูกน้อง
"พวกมันแยกกันแล้ว จ่าเดช จ่าสันติ คุณ 2 คนมากับผม จ่าอรรถ หมวดบุญส่ง แยกไปทางโกดัง ยิงสกัดและป้องกันตัวเท่านั้นนะ"
ชานนท์สั่งเสร็จก็วิ่งนำลูกน้องวิ่งไปทางท่าน้ำโดยตามกลุ่มมิสเตอร์ลีไป ในขณะที่อีกกลุ่มตามเสี่ยเล้ง
บอดี้การ์ด 2 คนพามิสเตอร์ลีวิ่งและยิงสกัดชานนท์ เดช และสันติที่วิ่งไล่ตาม
"เฮ้ย เรือไปไหน" มิสเตอร์ลีโวยวาย
"อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ ตามมาก่อน เฮียกระทิงสั่งมา"
บอดี้การ์ดคนหนึ่งวิ่งพามิสเตอร์ลีออกไป บอดี้การ์ดอีกคนยิงสกัดชานนท์ ลูกปืนโดนที่ขาเดชล้มลง ชานนท์ยิงสวนกลับโดนบอดี้การ์ดล้มลงเช่นกัน บอดี้การ์ดอีกคนพามิสเตอร์ลีวิ่งหนีไป
ชานนท์สั่ง "จ่าสันติ พาจ่าเดชส่งโรงพยาบาลก่อน ไป"
ชานนท์วิ่งตามบอดี้การ์ดกับมิสเตอร์ลีไป
เล้ง เกี๊ยง และฮกวิ่งลัดเลาะมาตามโกดังแล้วหาที่กำบังก่อนจะหันไปยิงสกัดอรรถกับบุญส่งที่ไล่หลังมา
"ข่าวมันรั่วออกไปได้ยังไงวะ" เล้งว่า
"หรือจะเป็นอาเฉียง" เกี๊ยงสงสัย
เล้งชะงักกึก
เกี๊ยงหยิบหมวกไอ้โม่งออกมาจากกางเกงแล้วสวมคลุมหน้าพร้อมๆ กับฮก
"ลื้อเอากระเป๋าเงินมา ยิงถ่วงเวลาพวกมันไว้"
เกี๊ยงส่งกระเป๋าเงินให้เล้ง เล้งรีบวิ่งไป
ชานนท์วิ่งเข้ามายิงบอดี้การ์ดซึ่งโดนที่แขน มิสเตอร์ลีตกใจ แต่บอดี้การ์ดก็ยังพามิสเตอร์ลีวิ่งต่อไปได้ ชานนท์วิ่งไล่บอดี้การ์ดกับมิสเตอร์ลีมาเกือบจนมุม
ชานนท์ตะโกน "หยุด ยกมือขึ้น"
มิสเตอร์ลีกับบอดี้การ์ดตั้งท่าจะยกมือ เรือหางยาวลำหนึ่งแล่นผ่านมา ไอ้โม่งที่นั่งอยู่บนเรือยืนขึ้นแล้วยิงมาที่ชานนท์ ชานนท์เสียจังหวะ บอดี้การ์ดวิ่งพามิสเตอร์ลีมาขึ้นเรือ ชานนท์จะยิงสกัดแต่บอดี้การ์ดอีกคนซึ่งเพิ่งโดนยิงตามมายิงใส่ชานนท์ที่อีกมุม
ชานนท์หันกลับไปมองว่าใครยิง บอดี้การ์ดคนนั้นเบี่ยงตัวหลบเข้ากำแพง พอชานนท์หันกลับไปที่ท่าน้ำอีกครั้งก็เห็นมิสเตอร์ลีกับบอดี้การ์ดอีกคนอยู่บนเรือที่กำลังแล่นออกจากท่า ไอ้โม่งในเรือโบกมือให้ชานนท์ส่งท้าย ชานนท์ยัวะสุดๆที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ไอ้โม่งถอดหมวกออกก็เห็นว่าเป็น จิว
เล้งวิ่งลัดเลาะมองซ้ายมองขวาออกมาจากโกดัง มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว ไฟหน้ารถส่องมาที่เล้งเหมือนจะแล่นเข้ามาชน เล้งตกตะลึงและใจหายวาบ มอเตอร์ไซด์ที่ขี่โดยไอ้โม่งเบรกเอี๊ยด รถหยุดพรืดตรงหน้าเล้งพอดี
"ขึ้นรถ เสี่ย อั๊วเอง" คนขี่ที่สวมไอ้โม่งพูด
เล้งจำเสียงได้ เขาลังเลแวบเดียวก่อนจะตัดสินใจขึ้นรถ ทันที่ที่เล้งขึ้นรถเสร็จ มอเตอร์ไซด์ไอ้โม่งอีกคันก็ไล่ตามหลัง ไอ้โม่งคันแรกหันไปมองก่อนจะบิดหนีออกไป ไอ้โม่งคนที่สองขี่ตาม
รถมอเตอร์ไซด์สองคันไล่บี้กันมาตามทาง เล้งกอดกระเป๋าแล้วหันไปยิงมอเตอร์ไซด์ที่อยู่ทางด้านหลัง ไอ้โม่งคนที่สองยิงสวนกลับมา ไอ้โม่งคนที่หนึ่งขี่มอเตอร์ไซด์เลาะเลี้ยวเข้าซอกเล็กซอกน้อย ไอ้โม่งคนที่สองตามมาห่างๆ
เล้งถาม "มันเป็นใคร"
"ตำรวจอั๊วเห็นรถตำรวจจอดซ่อนอยู่ในสวน" ไอ้โม่งคนแรกตอบ
"เก๋าเจ้ง"
"เสี่ยหลบเข้าซอยหน้า อั๊วให้อาเกี๊ยงเอารถมารับเสี่ยแล้ว"
ไอ้โม่งคนแรกปาดเอียงรถเข้าโค้งให้เล้งลง เล้งกระโดดจากรถพร้อมกระเป๋าแล้วหายไปกับความมืด
ไอ้โม่งคนแรกหันมามองด้านหลังแล้วก็แปลกใจที่ไอ้โม่งคนที่สองหายไป
จบตอนที่ 6