xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 10

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 10
เสี่ยชาญกำลังคล้องมาลัยที่ปลีกล้วยที่ออกมารูปร่างคล้ายพญานาค หมวยเล็กกับชายเล็กเดินถือหนังสือเข้ามา เสี่ยชาญยังไม่ทันเห็น เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาไหว้

“สาธุ กระผมขอถวายพวงมาลัยดอกไม้ เพื่อเป็นการขอบคุณ ที่ท่านโปรดดลบันดาลให้กระผมถูกหวย ขอให้ท่านรับเครื่องเซ่นไหว้นี้ และโปรดดลบันดาลโชคลาภให้กระผมในงวดต่อๆ ไปด้วยเถอะครับ”
หมวยเล็กถามขึ้นมาทันที “แหงะ ถูกหวยเหรอเสี่ย”
ชายเล็กรีบถามต่อ “เลี้ยงไหนดีเนี่ย”
“อย่าเลย เกรงใจเสี่ย”
พอหมวยเล็กพูดเสร็จ เสี่ยชาญก็ยิ้มโล่งๆ แต่แป๊บเดียวก็หุบยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายพูดต่อหน้าตาเฉย
“โทรสั่งมากินที่นี่ดีกว่า เสี่ยแก่แล้ว ไปไหนมาไหนลำบาก”
เสี่ยชาญทำหน้าเซ็ง “แหม มันจะดีอยู่แล้วนะอาหมวย แล้วนี่มาทำอะไรกันเนี่ย”
ชายเล็กรีบบอก “จะขอใช้สถานที่ติวหนังสือกันหน่อยน่ะครับ”
“แล้วแต่เลย ถ้าเตี่ยหรือแม่พวกลื้อมาก็หาที่หลบกันเองแล้วกัน”
หมวยเล็กเดินเข้าไปดูปลีกล้วย “เสี่ยไหว้อะไรของเสี่ยเนี่ย”
“พยานาคไง ลื้อดูไม่ออกเหรออาหมวย”
หมวยเล็กทำหน้าสงสัย “เนี่ยนะพญานาค เสี่ยมองไงเนี่ย”
“ลื้อนี่นอกจากไม่มีบุญแล้ว ยังไม่มีจินตนาการอีก เห็นชัดๆ ว่าคือพญานาค”
ชายเล็กพยักหน้าหงึก “อืมม์ ก็คล้ายอยู่นะ”
เสี่ยชาญยิ้มปลื้ม “ง่ะ ลื้อนี่บุญหนักศักดิ์ใหญ่ เกิดมาพร้อมกับโชคลาภ วาสนานะเนี่ย”
หมวยเล็กรีบผสมโรง “มันใช่อ่ะเสี่ย นี่คือพญานาคชัดๆ ดูสิ หงอนนี้อ่อนช้อยอย่างกับลายกนกของอาจารย์เฉลิมชัย มันมีพลัง มีจิตวิญญาณ”
“พอแล้ว”
เสี่ยชาญตวาดลั่น หมวยเล็กสะดุ้ง หันมายิ้มแห้งๆให้
“ลื้อไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะ ตั้งแต่ต้นกล้วยนี่ออกปลีเป็นพญานาค อั๊วก็ถูกหวยชุดใหญ่เลยนะจะบอกให้”
ชายเล็กยิ้มรับ “เอ้อ สรุปเลี้ยงไหนเนี่ยเสี่ย”
“เรื่องเลี้ยงไว้ทีหลังได้มั้ย อั๊วยังบรรยายสรรพคุณไม่หมดเลย อั๊วถูกหวยไม่พอ ลูกหนี้ที่ชักดาบไปหลายๆ คนก็ติดต่อขอคืนเงินให้อั๊วอีก ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ”
หมวยเล็กกับชายเล็กมองที่ต้นกล้วย เป็นเชิงไม่ค่อยเชื่อว่าจะศักดิ์สิทธิ์ แต่เสี่ยชาญสีหน้าเชื่อมั่นมาก

ตี๋เล็กกับเอกนั่งฉลองเล็กๆ อยู่ที่โต๊ะหน้าตึก เอกยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นเตรียมชน
“ดื่มให้กับคะแนนอันดับหนึ่งของมึง”
ตี๋เล็กยกแก้วชนตาม “ที่หนึ่งตลอดกาล”
“สตูล”
ตี๋เล็กรีบแย้ง “ชน แหม ไปซะไกลเลยมึง ระยองก็พอมั้ย”
“ระยองเล่นกันเยอะแล้ว เราต้องฉีกบ้าง”
ทั้งคู่ยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มฉลองกัน เอกพูดต่อ
“เอก รู้งี้เป็นบัดดี้กับมึงก็ดีล่ะ จะได้ไม่ต้องลุ้นเกรดให้ปวดหัว”
“เสือกหน้าหม้ออยากอยู่กับสาวเอง ช่วยไม่ได้”
ขณะนั้นหญิงเล็กก็เดินถือหนังสือเข้ามา โดยที่ตี๋เล็กที่เอาแต่บ่นไม่ทันเห็น
“ทำงานกับผู้หญิงเนี่ยปวดหัว จู้จี้จุกจิก งานไม่ดี มีแต่บ่น”
เอกพยายามห้าม “เฮ้ย..”
“อย่าเพิ่งขัดดิ กูยังพูดไม่จบ อ่ะกูพูดถูกมั้ยล่ะ ถ้าทำงานกับผู้หญิงแล้วดี มึงจะมาบ่นเสียดายที่ไม่ได้เป็นบัดดี้กับกูทำไม ผู้หญิงเนี่ยชอบใช้ปากทำงาน ส่วนผู้ชายอย่างเราเนี่ย ใช้สมอง”
ขาดคำหญิงเล็กเอาหนังสือที่ถือมาตีลงกลางหัว ตี๋เล็กโวยลั่น
“เฮ้ย ใครวะ” พอหันไป ก็เจอหญิงเล็ดยืนทำหน้าบึ้งอยู่ “นี่ตีหัวฉันทำไมเนี่ย”
“ไม่ได้ตี พอดีฉันถือหนังสือมาหนัก แล้วแขนมันล้า หนังสือก็เลยหล่นใส่หัวนาย ขอโทษด้วยน้า สมองกระทบกระเทือนรึเปล่าเนี่ย”
ตี๋เล็กมองเชม่น “ไม่ต้องมาฟอร์ม ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจ”
หญิงเล็กยักไหล่ไม่แคร์ “ก็แล้วแต่จะคิดล่ะกัน”
ตี๋เล็กผุดลุกขึ้น ท่าทางไม่พอใจ จนเอกต้องรีบปราม “เฮ้ยใจเย็น อาจารย์มา”
พออาจารย์เดินเข้ามา ตี๋เล็กกับหญิงเล็กก็รีบทำตัวสงบเสงี่ยมทันที
“ไง รู้คะแนนกันแล้วใช่มั้ย”
ตี๋เล็กกับหญิงเล็กรับพร้อมกัน “ครับ/ค่ะ”
“งานที่เธอสองคนช่วยกันทำนี่ดีมากเลยนะ อาจารย์ก็เลยมีอีกงานนึงจะให้เธอ 2 คนช่วยกันทำ”
ตี๋เล็กหญิงเล็ก พูดพร้อมกันอีก “ช่วยกันทำ”
“แหม ขนาดตกใจยังพร้อมกัน แสดงว่าเธอ 2 คนนี่ ทำงานเข้าขากันมาก”
เอกพูดเสียงอ่อยๆ “สุดๆ ล่ะครับ”
ตี๋เล็กกับหญิงเล็กกล้ำกลืนฝืนยิ้ม ประหนึ่งว่าไม่มีปัญหาหากต้องทำงานร่วมกัน

ตี๋ใหญ่ยืนปอกก้านคะน้าอยู่ในครัว โดยมีเฮงคอยแนะนำอยู่ใกล้ๆ
“ถ้าเป็นตี๋เล็กคงเสร็จไปนานแล้วนะเตี่ย”
เฮงพูดอย่างซีเรียส “นี่ เตี่ยจะบอกอะไรให้”
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอเตี่ย”
เฮงสวนกลับทันควัน “ยัง”
“ตื่นเต้นน่ะเตี่ย เห็นหน้าตาจริงจัง”
“รู้มั้ย ตอนหมอผ่าเอาตี๋เล็กออกมา หมอเจอมีดกับเขียงติดมาด้วย”
“บ้า ใครจะเกิดมาพร้อมกับมีดกับเขียง”
เฮงได้ทีรีบบอก
“ก็เออสิ ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับมีดกับเขียง ทุกคนมาฝึกกันเองทั้งนั้นแหละ ฝึกไปเดี๋ยวก็เก่ง เพราะเตี่ยยังอยากให้ลื้อมาเป็นเสาหลักให้กับร้านอยู่นะ”
“ตี๋เล็กคนเดียวก็เอาอยู่แล้วเตี่ย”
“ตี๋เล็กมันเก่งเรื่องอาหารก็จริง แต่แง่มุมธุรกิจยังเด็กน้อยมาก เตี่ยอยากให้ลื้อมาช่วยประคับประคองอีกแรง”
ตี๋ใหญ่ก้มหน้าก้มตาปอกคะน้าไป ยังไม่คัดค้านอะไรตอนนี้ เพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ จังหวะนั้นจางก็เดินเข้ามาพอดี
“เฮียครับ ลูกค้าชมว่าต้มเลือดหมูร้านเราเด็ดมาก อยากให้มีทุกเช้าเลยครับเฮีย”
เฮงยิ้มปลื้มปริ่ม “จริงเหรอ”
“ครับเฮีย ลูกค้าชมว่าเครื่องในสดสะอาด ไม่มีกลิ่นคาวเลยครับ”
ตี๋ใหญ่รีบยุ “แบบนี้ขึ้นเป็นเมนูแนะนำประจำร้านเลยเตี่ย”
จางรีบเสริม “แล้วก็ให้ผู้คร่ำหวอดมารับประกันความอร่อยนะเฮีย รับรองเมนูนี้ขายดีเป็นเททิ้ง”
เฮงพูดสวน “เทท่า เททิ้งน่ะเจ๊งแล้ว”
จางหน้าจ๋อย เฮงครุ่นคิดตามด้วยความสนใจ
“เรื่องให้ผู้คร่ำหวอดมารับประกันความอร่อยนี่น่าสนใจนะ แต่จะเป็นใครนี่สิ”
ตี๋ใหญ่หยุดคิดนิดหนึ่ง “หมอพรทิพย์มั้ยเตี่ย”
จางผสมโรงต่อ “ผ่าศพมานับไม่ถ้วน คร่ำหวอดเรื่องเครื่องในชัวร์”
“งั้นติดต่อหมอพรทิพย์มาชันสูตรต้มเครื่องใน..เย้ย จะบ้าเหรอตี๋ใหญ่ หมอพรทิพย์มารับประกันคนจะกล้ากินมั้ย”
“บางทีเราก็ต้องฉีกบ้างเตี่ย ให้นักชิมมารับประกันความอร่อย เค้าทำกันเยอะแล้ว”
“มันฉีกไป”
เฮงพูดจริงจัง ตี๋ใหญ่กับจาง ยิ้มขำๆ

ทางด้านหญิงใหญ่ก็กำลังยืนเด็ดกระเพราอยู่ในครัว โดยมีแก้วกัลยาตักต้มจืดวุ้นเส้นใส่ชามอยู่ใกล้ๆ กัน ก่อนที่ฮันนี่จะเดินเข้ามา
“ต้มจืดวุ้นเส้นได้ยังคะ ลูกค้าบ่นแล้วค่า”
“นี่ไง กำลังตักอยู่ เอ้า ยกไปเสิร์ฟเลย”
พอฮันนี่ยกต้มจืดออกไปเสิร์ฟ แก้วกัลยาก็เข้ามาดูหญิงใหญ่เด็ดกระเพรา
“เป็นไงบ้างลูก ไหวมั้ย”
หญิงใหญ่ยิ้มรับ “สบายมากค่ะ”
“หยุดเสาร์อาทิตย์ก็มาฝึกทำอาหารกับแม่นี่แหละ ต่อ ไปถ้าร้านเราได้ขยับขยาย จะได้มาช่วยแม่”
“ทุกวันนี้หนูเปิดเตาแก๊สยังกลัวๆ กล้าๆอยู่เลยค่ะ ถ้าจะฝึกหนู แม่เหนื่อยแน่”
“ไม่มีใครเปิดเตาแก๊สเป็นตั้งแต่อยู่ในท้องแม่หรอก ค่อยๆ เรียนรู้เดี๋ยวก็เก่งเองลูก”
แก้วกัลยาพูดจบ ชายเล็กก็เดินเข้ามาพร้อมกับฮันนี่
“หิวจังเลย มีอะไรกินบ้างครับเนี่ย”
“รอก่อนค่ะ แม่กำลังสอนพี่หญิงใหญ่ทำอาหารอยู่ นี่อยากกินก็มาช่วยพี่เค้าเด็ดกระเพรา”
ชายเล็กเข้ามาช่วยหญิงใหญ่เด็ดกระเพรา ฮันนี่มาช่วยรุมอีกคน
“ช่วยด้วยค่ะ จะได้กินข้าวเร็วๆ”
แก้วกัลยาหันมาพูดแหย่ “หิวเหรอ มีไก่สดในตู้เย็นน่ะ คาบไปกินก่อนสิ”
“แถวนี้ไม่มีบ่อน้ำน่ะสิคะ กินบนบกมันไม่ได้ฟิลลิ่ง”
ชายเล็กหัวเราะขำ “แหม เล่นมุกเอาใจแม่น่าดูเลยนะพี่ฮันนี่”
“เป็นลูกน้องก็ต้องเอาใจเจ้านายเป็นธรรมดาล่ะค่ะ”
แก้วกัลยาไม่สนใจ หยิบกระเพราขึ้นมาเด็ด พร้อมกับสอนหญิงใหญ่ให้รู้ถึงปรัชญาการทำอาหาร
“การทำอาหารเนี่ย ทำให้เรามีสมาธิรู้มั้ยลูก มันทำให้เราจดจ่อ ไม่วอกแวก”
ชายเล็กไม่สนใจแม่ หันมาพูดกับฮันนี่
“เอ้อ ต้นกล้วยที่บ้านเสี่ยชาญออกปลีเป็นพญานาคด้วยนะพี่ฮันนี่”
ฮันนี่ทำท่าตกใจ “ โอ้ มาย ก๊อด”
“เสี่ยชาญนี่ถูกหวยชุดใหญ่ แถมลูกหนี้ที่เคยชักดาบก็ติดต่อคืนเงินหลายคนเลย โชคดีจริงๆ”
ฮันนี่ตาวาว “ว้าว คุณนายคะ ไปบ้านเสี่ยชาญกันดีกว่าค่ะ”
แต่พอหันไปอีกที แก้วกัลยาไม่อยู่ในห้องครัวแล้ว
“อ้าว..where is คุณนาย? คุณนายหายไปไหนคะเนี่ย”
หญิงใหญ่ทำหน้ามึน “นั่นสิคะ แม่ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“สงสัยเตรียมไปบ้านเสี่ยชาญแน่”
หญิงใหญ่ส่ายหัว “ไหนว่าการทำอาหารทำให้มีสมาธิ จดจ่อไม่วอกแวกไง”
ฮันนี่รีบลุกเดินออกไป หญิงใหญ่มองยิ้มๆ

เฮงยืนคุยกับตี๋ใหญ่และหมวยเล็กอยู่ที่หน้าบ้าน โดยมีจางอยู่ข้างๆ
“ช่วยกันดูร้านนะ ตี๋ใหญ่ หมวยเล็ก ถ้าคนมาสั่งไข่ เจียวลื้อสองคนก็ช่วยกันทำไปได้เลย ถ้าสั่งอะไรยากๆ ก็ไปตามอั๊วที่บ้านเสี่ยชาญ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มล้อๆ “แหม ตอนนี้เห็นหวยดีกว่าร้านแล้วเหรอเตี่ย”
“ใช่ นี่เตี่ยจะไปถูหาเลขตามต้นไม้จริงๆ เหรอ เสียลุคพ่อครัวใหญ่หมด”
เฮงมองลูกสาวยิ้มๆ “เสียลุคอะไร เตี่ยจะถือโอกาสนี้ไปประชาสัมพันธ์ข่าวสารของร้านให้กับพวกชาวบ้านด้วย”
จางพูดแทรกขึ้นมาทันที “แสดงว่าไม่สนใจเลขเด็ด”
“ไปทั้งที ถ้าได้มันก็ดี”
เฮงตอบหน้าตาเฉย อีกด้านหนึ่งแก้วกัลยาก็เดินออกมากับฮันนี่ โดยมีหญิงใหญ่กับชายเล็กเดินตามออกมาด้วย
“ดูร้านกันดีๆนะ มีอะไรก็โทรหาแม่ เดี๋ยวแม่รีบมา”
“ค่ะแม่”
เฮงหันมาพูดแซว “ รีบร้อนจะไปไหนกันเหรอจ๊ะ”
“ดูจากเบ้าหน้าแล้ว คงไม่พ้นเรื่องหวยนี่แหละเฮีย”
จางพูดเปรยๆ ขึ้นมา ฮันนี่มองค้อน
“แหม เบ้าหน้าแกนี่เล่นหุ้นว่างั้นเหอะ วันนี้ขึ้นกี่จุดล่ะ”
“หุ้นเหรอ?”
“ขี้กลากกลางหลังน่ะ”
แก้วกัลยาหัวเราะขำ “ทั้งนายทั้งบ่าวรวมกันก็น่าจะหลายจุดอยู่ เพราะดู dirty dirty กันทั้งคู่เลยอ่ะ”
เฮงพยายามทำหูทวนลม “วันนี้วันดี ไม่อยากมีเรื่องกับใคร เดี๋ยวเลขเคลื่อน ไปจาง”
“ครับเฮีย”
เฮงกับจาง และแก้วกัลยากับฮันนี่ รีบเดินเบียดเสียด กระฟัดกระเฟียดกันออกไป หมวยเล็กส่ายหน้าปลงๆ
“จะถึงบ้านเสี่ยมั้ยนั่น
ชายเล็กพยักหน้ารับ “นั่นดิ ก่อนได้เลข ได้แผลกันก่อนซะมั้ง”
ชายเล็กกับหมวยเล็กยิ้มให้กัน ตี๋ใหญ่หันมายิ้มให้หญิงใหญ่ ฝ่ายหลังยิ้มตอบนิดๆ อารมณ์วางฟอร์มหน่อยๆ

เสี่ยชาญนั่งขัดสมาธิประจำการ ถูหาเลขเด็ดอยู่ที่ต้นกล้วย เฮงกับจางและแก้วกัลยากับฮันนี่เดินเบียดเสียดกระฟัดกระเฟียดกันมา
“เฮ้ย เดินดีๆ สิวะ”
แก้วกัลยามองค้อน “แกนั่นแหละเดินดีๆ”
จางพูดเสริม “สักฝุ่นมั้ย สักฝุ่นมั้ย”
ฮันนี่ทำหน้าสงสัย “สักฝุ่นคืออะไร what?”
“มีเรื่องไง ชายหญิงแฟร์ๆ เลยเนี่ย กลัวป๊ะล่ะ”
เสี่ยชาญหันมาตวาด “เฮ้ยๆๆ อะไรกันวะเนี่ย มาถึงก็กัดกันเลย”
แก้วกัลยามองเพ่งไปที่ต้นกล้วย
“นี่เหรอเสี่ย ต้นกล้วยที่ให้โชคให้ลาภเสี่ยน่ะ”
พูดจบก็ยกมือไหว้ แล้วเอานิ้วไปถูหาเลข เฮงยกมือไหว้แล้วถูหาเลขตาม
“นี่ สะกดคำว่าคิวเป็นมั้ยเนี่ย ไม่เห็นเหรอว่าฉันเข้ามาถูก่อน”
เฮงแบะปากใส่ “คิวอะไรไม่สนล่ะ นี่ต้นกล้วยเธอรึไงล่ะ”
จางเอาด้วยทันที “ใช่เฮีย ต้นกล้วยตัวเองก็ไม่ใช่ ทำมาเป็นหวงก้าง”
ฮันนี่แลบลิ้นใส่ “นี่ เจ้านายฉันไม่ใช่หมานะ”
“เค้าหมายถึงแมว นังฮันนี่”
ฮันนี่หน้าเจื่อน “อ้าว sorry ค่ะ คุณนาย”
เฮง แก้วกัลยา จาง ฮันนี่แย่งกันถูหาเลขที่ต้นกล้วยอย่างเอาจริงเอาจัง จนเสี่ยชาญต้องรีบปราม
“เฮ้ยๆ พอเลย พอ”
“ทำไมวะเสี่ย แค่นี้หวงเหรอ” เฮงชักสีหน้าไม่พอใจ
“นั่นสิ คนกันเองนะเนี่ย ไม่น่าหวงนะ” แก้วกัลยาพูดต่อ
“ก็พวกลื้อแย่งกันถูหาเลขซะขนาดนี้ เกิดต้นกล้วยอั๊วตายไปจะว่ายังไง
“ก็เจ๊ 2 คนนี้ไม่ยอมเข้าคิวนี่ครับเสี่ย”
เฮงหันมาฟ้อง แก้วกัลยาค้อนขวับ
“แก 2 คนก็ต่อคิวฉันสิ
“yeah เลดี้ เฟริสท์น่ะ รู้จักป่ะ” ฮันนี่หันมาแบะปากใส่จาง
“ไม่รู้เว้ย รู้แต่ใครถึงก่อน มีสิทธิก่อน”
แก้วกัลยาพูดเสียงดังขึ้นมาทันที “แต่ฉันถึงก่อน”
เฮงไม่ยอมแพ้ “อั๊วถึงก่อน”
ทั้ง 4 คนทำท่าจะตะลุมบอนกัน จนเสี่ยชาญต้องสงบศึก
“เฮ้ยๆๆ หยุดเลยๆ อั๊วไม่ให้ใครมายุ่งกับต้นกล้วยอั๊วทั้งนั้นแหละ”
“อ้าว ทำไมวะเสี่ย”
“นั่นสิ คนกันเองจะหวงทำไมเนี่ย”
“อั๊วขอจัดระเบียบก่อน จัดเสร็จเมื่อไหร่พวกลื้อค่อยเข้ามา”
เสี่ยชาญพูดหน้าตาขึงขัง เฮง แก้วกัลยา จางและฮันนี่พากันเซ็ง แต่ไม่มีใครกล้าคัดค้าน

ชายเล็กเดินมาที่ข้างรั้ว ก่อนที่หมวยเล็กจะเดินเข้ามา มองซ้ายมองขวาเล็กน้อย อย่างกลัวว่าจะใครมองเห็น
“เตี่ยเธออยู่บ้านรึเปล่า”
หมวยเล็กส่ายหน้า “ไปบ้านเสี่ยชาญยังไม่กลับมาเลย”
“เหมือนแม่เราเลย คงจะรอขอเลขเด็ดกับต้นกล้วยนั่นแหละ”
“แล้วนัดเรามา มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
ชายเล็กทำหน้าตาจริงจัง “ก็จะถามเรื่องเตี่ยเธอนี่แหละ ว่าเชื่อเรื่องลี้ลับแบบนี้แค่ไหน”
“โอ๊ย เข้าขั้นงมงายเลยแหละ”
“เยี่ยม แม่เราก็เหมือนกัน”
หมวยเล็กมองชายเล็กอย่างแปลกใจ “มีอะไรรึเปล่า”
“มีแผนเด็ดที่จะทำให้เตี่ยเธอกับแม่เราเลิกทะเลาะกันน่ะสิ”
หมวยเล็กตื่นเต้น “เหรอ ทำไงอ่ะ”
“ถามอีกอย่าง เธอเชื่อหรือเปล่าว่าต้นกล้วยนั่นศักดิ์สิทธิ์จริง”
หมวยเล็กส่ายหัว “ไม่เชื่ออ่ะ”
“ดี งั้นแผนนี้น่าจะเวิร์ก”
ชายเล็กยิ้มกริ่มแบบมีแผน หมวยเล็กมองอย่างสงสัย

อาจารย์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน หญิงเล็กกับตี๋เล็กยืนอยู่ใกล้ๆ คอยฟังรายละเอียดงาน

“พอดีทางคณะจะจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอาหาร อาจารย์ก็เลยอยากให้เธอ 2 คนช่วยกันหาข้อมูล
มาจัดนิทรรศการนี้หน่อย”
ตี๋เล็กรีบถาม “หัวข้ออะไรครับอาจารย์”
“เธอ 2 คนทำข้อมูลเรื่องอาหารที่บำบัดโรคภัยไข้เจ็บแล้วกัน”
หญิงเล็กรีบคำ “ได้ค่ะอาจารย์”
“หวังว่างานนี้จะดีเหมือนงานที่เธอ 2 คนเพิ่งทำส่งอาจารย์มานะ”
“อยู่แล้วครับอาจารย์ เรา 2 คนนี่ทำงานเข้าขากันอยู่แล้วครับ”
หญิงเล็กรีบรับมุกต่อ “ใช่ค่ะ เข้าขากันสุดๆ”
ขาดคำตี๋เล็กก็โอบไหล่หญิงเล็กอย่างสนิทสนม ฝ่ายถูกโอบหันมองหน้า แต่ก็ออกอาการไม่ได้มาก เลยต้องตามน้ำไป

“ นี่หลอกแต๊ะอั๋งฉันเหรอ โรคจิต”
ทันทีที่เดินพ้นห้องอาจารย์มา หญิงเล็กก็หันมาโวยวายใส่ตี๋เล็กทันที
“แต๊ะอั๋งบ้าอะไร ผมก็แค่แสดงให้อาจารย์เห็นว่าเราทำงานเข้าขากันมาก”
หญิงเล็กมองค้อน “แหม ไม่ต้องกอดก็ได้มั้ง”
“นี่คิดว่าผมพิศวาสคุณงั้นเหรอ เออ ถ้าหุ่นดีแบบใบเตยก็ว่าไปอย่าง นี่อะไรเนี่ย ใบตำแยป่ะ คันอ่ะ”
ตี๋เล็กทำท่าเกา
“คันเหรอ มาฉันช่วยเกา” หญิงเล็กไล่ทุบตี๋เล็กไม่ยั้งมือ
“เฮ้ย บ้านเธอเกากันแบบนี้เหรอเนี่ย”
“เออ บ้านฉันเกากันแบบนี้แหละ”
พออาจารย์เดินผ่านมา หญิงเล็กกับตี๋เล็กเห็นรีบหยุดทะเลาะทันที
“ทำอะไรกันหนุ่มสาว”
“อ๋อ เพื่อนหนูเค้าคันน่ะค่ะ หนูก็เลยช่วยเกาให้”
หญิงเล็กพูดแล้วก็เกาตี๋เล็กโชว์ให้อาจารย์ดู ตี๋เล็กเอาคืนโดยการกอด
“ขอบใจนะเพื่อน”
“ไม่เป็นไรเพื่อน”
หญิงเล็กพูดแบบกัดฟัน พร้อมกับแอบหยิกที่หลังตี๋เล็ก
“โอ๊ย”
“เป็นไรเพื่อน”
ตี๋เล็กยิ้มเจื่อนๆ “อ๋อ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
“อาจารย์คะ หนูจะปรึกษาเรื่องเรียนกับอาจารย์นิดนึงน่ะค่ะ”
หญิงเล็กหันมาทางอาจารย์
“ได้สิ ไปคุยกันที่ห้องอาจารย์แล้วกันนะ”
“เดี๋ยวเรามานะเพื่อน”
หญิงเล็กเข้าไปตบไหล่แล้วแอบหยิกหลังตี๋เล็กอีกที ก่อนจะเดินตามอาจารย์ไป ตี๋เล็กเอามือถูหลัง หงุดหงิดที่แกล้งคืนไม่ได้

อีกมุมหนึ่ง ชาวบ้านกำลังยืนต่อคิวกันเข้าถูต้นกล้วยเพื่อหาเลขเด็ด โดยมีเสี่ยชาญคอยยืนคุม
แก้วกัลยา ชายเล็ก และฮันนี่พากันเดินเข้ามา
“ให้ดูเลขได้แล้วเหรอเสี่ย”
“ใช่ แต่ค่อยๆ ดูกันนะ ถ้าใครทำต้นกล้วยอั๊วเสียหายคนนั้นต้องรับผิดชอบ”
ฝั่งเฮง ก็เดินเข้ามาพร้อมหมวยเล็กและจาง
“โห คนเยอะแยะเลยเฮีย”
เสี่ยชาญรีบบอก “ เฮ้ย ต่อคิวเลยนะ ห้ามแซงคิว”
แก้วกัลยายิ้มเยาะ “ใช่ ฉันมาถึงก่อนชัดเจนขนาดนี้ คงไม่มีใครมีปัญหาอะไรอีกนะ”
“มาถึงก่อนใช่ว่าจะได้เลขซะหน่อย ของแบบนี้มันอยู่ที่บุญวาสนาโว้ย”
ฮันนี่หันไปป้องปากฟ้อง “อ๊าย เค้าหาว่าคุณนายเป็นตัวอัปมงคลน่ะค่ะ”
“อับโชคก็พอมั้ง นังฮันนี่”
ฮันนี่ยิ้มแห้ง “ซอรี่ค่ะ”
เสี่ยชาญทำหน้าหน่าย “เฮ้ย ถ้าจะมาทะเลาะกันอีก กลับบ้านไปเลยนะ”
เฮงพูดสวนขึ้นมาทันที “ใครหาเรื่องก่อน ลื้อก็ดูซะบ้างสิ”
“แกนั่นแหละ หาเรื่องฉันก่อน”
“ลื้อนั่นแหละ”
เฮงกับแก้วกัลยาโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จู่ๆ หมวยเล็กก็วูบหมดสติไป เฮงหันมาเห็นก็ตกใจ
“เฮ้ย อาหมวย”
พอหมวยเล็กฟื้นขึ้นมา ก็ทำตาขวาง จนทุกคนตกใจ
“คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าครับ” จางถามอย่างเป็นห่วง
หมวยเล็กดัดเสียงพูด “ฉันไม่ใช่คุณหนูแก”
เฮงตกใจ “ลื้อไม่ใช่ลูกอั๊วแล้วลื้อจะเป็นใครอาหมวย”
“ข้าคือเจ้าแม่พญานาค”
หมวยเล็กแกล้งพูดเสียงดัง จนชาวบ้านเริ่มหันมามอง ต่างพากันยกมือไหว้
“ที่ข้ามาสิงร่างนังเด็กคนนี้ก็เพราะข้าไม่พอใจเจ้า 2 คน”
หมวยเล็กพูดพร้อมกับชี้หน้าเฮงกับแก้วกัลยา ฮันนี่หันขวับมาทันที
“คุณนายไปลาบลู่อะไรเจ้าแม่คะเนี่ย ถึงได้โกรธคุณนายขนาดนี้”
“ลบหลู่ แกจะมาฮาอะไรตอนนี้เนี่ย” แก้วกัลยาพูดดุฮันนี่ ก่อนจะหันมาทางหมวยเล็ก “นี่
มาอำอะไรฉันเนี่ย ฉันไม่ขำด้วยนะ”
“ข้าไม่ได้อำ เจ้า 2 คนชอบทะเลาะกัน ทำให้ข้าไม่มีสมาธิในการบำเพ็ญเพียร ข้าจะลงโทษเจ้า
2 คน”
เฮงรีบถามขึ้นมาทันที “เฮ้ย ลื้อแกล้งเตี่ยอยู่รึเปล่าเนี่ย นังหมวย”
แก้วกัลยาพยักหน้ารับ “ นั่นสิ เล่นอะไรกันอยู่เนี่ย”
หมวยเล็กหันขวับมาชี้หน้า
“เจ้าลบหลู่ข้า เข่าข้างขวาที่เจ้าเจ็บอยู่ ข้าจะทำให้เจ็บเรื้อรังจนรักษาไม่หาย”
แก้วกัลยาตกใจ “รู้ได้ไงว่าฉันเจ็บเข่าข้างขวา”
ชายเล็กแกล้งรับลูกต่อ “นั่นสิแม่ เรื่องนี้เรารู้กันแค่ในครอบครัวเท่านั้นนะครับ”
หมวยเล็กหัวเราะลั่น
“ข้ารู้ ข้าเห็น และข้าจะลงโทษทุกคนในชุมชน หากใครก่อเรื่องทะเลาะกันให้ข้ารำคาญใจ”
เสี่ยชาญรีบยกมือไหว้ประหลกๆ
“ครับ พวกผมจะไม่ทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ผมขอ 2 ตัวจะได้มั้ยครับเจ้าแม่”
ชาวบ้านเริ่มร้องขอเลข เฮงรีบรับคำ
“ครับ ผมก็จะไม่ทะเลาะกับใครอีก แต่งวดนี้ผมขอ 2 ตัวตรงๆ นะครับเจ้าแม่”
หมวยเล็กแกล้งไหลตามน้ำไปก่อน
“ประพฤติตัวให้ดีก่อน แล้วข้าจะมาให้โชคให้ลาภกับพวกเจ้า”
ขาดคำก็หมดสติไป พอฟื้นขึ้นมา ก็แกล้งทำเป็นงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
“หนูเป็นอะไรไปอ่ะเตี่ย”
เฮงกับแก้วกัลยามองหน้ากันเจื่อนๆ คิดถึงคำเตือนเจ้าแม่และเริ่มเชื่อ พวกชาวบ้านก็ยังยกมือไหว้หมวยเล็ก

อ่านต่อหน้าที่ 2


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 10 (ต่อ)
ขณะที่หญิงใหญ่กำลังเก็บโต๊ะที่หน้าบ้าน ชายขี้เมา 3 คน ก็เดินหนีบเหล้าเมาแอ๋เข้ามา

“ร้านปิดแล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“อ้าว รีบปิดทำไมล่ะจ๊ะคนสวย นี่ยังหัวค่ำอยู่เลย”
หญิงใหญ่พยายามพุดดีด้วย “พอดีของในครัวหมดแล้วน่ะค่ะ”
ขี้เมาอีกคนรีบพูดต่อ
“ของในครัวหมดไม่เป็นไร เดี๋ยวเพื่อนพี่ดักกินแมลงเม่าแถวนี้ได้”
ขี้เมาคนแรกหันมาด่า “แสด กูไม่ใช่คางคก”
ขี้เมาคนสุดท้ายรีบบอก “อาหารไม่ต้องก็ได้น้อง พี่ขอโซดากับน้ำแข็ง แล้วก็คนชงน่ารักๆอย่างน้องก็พอ”
“เอ่อ ที่ร้านไม่มีโซดาน่ะค่ะ น้ำแข็งก็หมดแล้วด้วย พวกพี่ไปหาร้านอื่นนั่งแล้วกันนะคะ”
“ไม่เป็นไร งั้นพวกพี่กินเพียวก็ได้ เดี๋ยวพี่จ่ายเงินค่าสถานที่ให้”
ตี๋ใหญ่เดินมายืดเส้นยืดสายหน้าบ้าน จังหวะที่ขี้เมาคนที่ 2 พูดพอดี
“แต่น้องต้องนั่งเป็นเพื่อนพี่นะจ๊ะ”
“ไม่ได้ค่ะพี่ ที่นี่ร้านอาหารค่ะ ไม่ใช่ร้านเหล้า”
ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงก็รีบเดินไปดู เห็นขี้เมา 3 คนกำลังห้อมล้อมหญิงใหญ่อยู่
“ทำอะไรน่ะ”
หญิงใหญ่รีบเดินเข้ามาหาตี๋ใหญ่ ขี้เมาโวยวายกลับ
“เฮ้ย พวกฉันมากินข้าว ยุ่งไรด้วยวะ”
“เหมือนร้านจะปิดแล้วนะครับ พวกคุณไปกินร้านอื่นเถอะ”
หญิงใหญ่แอบกลัว “เมาน่ะนาย ฉันพยายามพูดแล้ว แต่ก็ไม่ฟังเลย”
ขี้เมาคนที่ 2 ตะโกนเสียงดัง “ เฮ้ย ร้านปิดแล้ว แกก็ออกไปสิวะ มายุ่งอะไรด้วย”
ขี้เมาคนที่ 3 รีบรับช่วงต่อ “ใช่ หรือว่าอยากหมี่เหลือง”
“ซักชามก็ดีนะครับ พิเศษเกี๊ยวด้วย” ตี๋ใหญ่ตอบหน้าตาเฉย
“รอแพ็พ เดี๋ยวไปซื้อมาให้”
ขี้เมาทั้งสามทำท่าจะเดินออกไป แล้วก็สะดุ้งพร้อมกัน “เย้ย”
“เฮ้ย กูจะมีเรื่องนี่แหละโว้ย ไม่ใช่หมี่เหลือง” ขี้เมาคนแรกตะคอกใส่
“จะดีเหรอพี่”
“ดีสิวะ”
ว่าแล้วขี้เมาทั้งสามเข้ามารุมทำร้าย ตี๋ใหญ่สู้ได้สบายๆ เพราะพวกมันเมา แต่ก็มีพลาดโดนต่อยเตะได้เลือดไปบ้าง เพราะโดนรุม หญิงใหญ่ตั้งสติได้ ก็วิ่งไปหาไม้มาไล่ตี พวกขี้เมาทั้งสามรีบวิ่งหนีไป
หญิงใหญ่รี่เข้ามาดูอาการตี๋ใหญ่ที่หน้าช้ำ ปากแตก
“คุณเป็นไงบ้าง”
“ผมไม่เป็นไรหรอก”
“นายเลือดออก เข้าไปทำแผลก่อนดีกว่า”
ขาดคำหญิงใหญ่ก็พาตี๋ใหญ่เข้าบ้านไปทำแผล

หญิงใหญ่ใช้ผ้าซับเลือดที่มุมปากให้ตี๋ใหญ่ แต่เผลอหนักมือไปหน่อย จนอีกฝ่ายร้องลั่น
“โอ๊ย เบาสิคุณ ปากคนนะไม่ใช่ต้นกล้วยบ้านเสี่ยชาญ จะถูหาเลขรึไง”
“งั้นขอเลขท้าย 2 ตัวล่ะกัน”
หญิงใหญ่แกล้งถูปากแรงๆ ตี๋ใหญ่ร้องลั่นบ้าน จับมือหญิงใหญ่ข้างที่เช็ดปากตัวเองยื้อกันไปมาทั้งคู่มองสบตากันอย่างเผาขน ต่างตกในภวังค์
แก้วกัลยา ฮันนี่ หญิงเล็ก ชายเล็กพากันเดินเข้ามา ฝ่ายแรกเห็นตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่จ้องหน้ากันอยู่ก็กรี๊ดลั่นบ้าน
“อ๊าย”
ทั้งคู่รีบผงะออกจากกัน
“แม่”
“นี่มันอะไรกันหญิงใหญ่ ไอ้นี่มันเข้ามาในบ้านเราได้ยัง ไงเนี่ย”
ตี๋ใหญ่พยายามจะอธิบาย “คือว่า...”
ฮันนี่สาระแนพูดแทรกขึ้นมา
“ฮันนี่ว่าต้องเข้ามาทำมิ good มิ badกับคุณหญิงใหญ่แน่ๆ ค่ะ”
แก้วกัลยาทำหน้างง “มิ good มิ bad?”
หญิงเล็กช่วยแปล “มิดีมิร้ายไงคะคุณแม่”
หญิงใหญ่รีบแก้ตัว “ เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นนะหญิงเล็ก”
แก้วกัลยาหันมาด่าฮันนี่
“นี่ ฉันกำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แกอย่ามาไทยคำอังกฤษคำตอนนี้ได้มั้ย ขี้เกียจแปล”
“ซอรี่ เอ้ย ขอโทษค่ะ”
หญิงใหญ่ปากคอสั่น “แม่คะ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะคะ”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
ฮันนี่แทรกขึ้นมาอีก “เค้าไม่ได้ปล้ำคุณหญิงใหญ่ แต่คุณหญิงใหญ่ไล่ปล้ำเค้าชิมิเคอะ”
“ใช่ เค้าไม่ยอม ฉันก็เลยต้องใช้กำลังจนได้แผลนี่ไง เย้ย! ไม่ใช่อย่างนั้น”
ตี๋ใหญ่เหงื่อแตกพลั่ก “ นี่ผมจะรอดมั้ยเนี่ย”
แก้วกัลยาหันมาทำตาดุใส่ “ฉันให้ 3 คำ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มเจื่อน “รอดอยู่ล้าว”
“ไม่รอดโว้ย”
ขาดคำ แก้วกัลยาก็คว้าไม้กวาดที่วางอยู่ไล่ตีตี๋ใหญ่เตลิดจากบ้านไป ทุกคนรีบวิ่งตามออกไป

แก้วกัลยาไล่ตีมาที่หน้าบ้าน ตี๋ใหญ่คว้าไม้กวาดได้ก็พยายามอธิบายความจริง หญิงเล็ก ชายเล็ก ฮันนี่วิ่งกรูตามกันออกมา
“เดี๋ยวครับ ฟังผมอธิบายก่อน”
แก้วกัลยาตวาดเสียงดัง “ไม่ฟังโว้ย”
เฮง ตี๋เล็ก หมวยเล็กเดินมาจากบ้านเสี่ยชาญ เห็นแก้วกัลยากำลังเอาไม้กวาดตีตี๋ใหญ่ก็รีบเข้าไปห้าม
“เฮ้ยๆ ลื้อเป็นบ้าอะไรเนี่ย เอาไม้กวาดมาไล่ตีลูกอั๊ว”
“ลูกลื้อเข้าไปทำไม่ดีไม่ร้ายลูกสาวฉัถึงในบ้าน ใครกันแน่ที่บ้า”
หมวยเล็กตกใจ “เฮ้ย จริงเหรอเฮีย”
“จริงที่ไหนล่ะ เฮียเข้าไปช่วยลูกสาวเค้าต่างหาก”
“ช่วยอะไร”
เฮงย้อนถาม ตี๋ใหญ่หันมาพูดกับหญิงใหญ่
“คุณเล่าดีกว่า ผมเล่าเดี๋ยวแม่คุณก็เอาไม้กวาดตีหัวผมอีก”
“คืออย่างนี้ค่ะแม่ เมื่อกี๊มีคนเมา 3 คนเข้ามาที่ร้านค่ะ หนูบอกว่าร้านปิดแล้ว แต่เค้าก็ไม่ยอมกลับ จะกินต่อที่ร้านเราให้ได้”
“ตายแล้ว แล้วมันทำอะไรลูกรึเปล่า”
หญิงใหญ่ส่ายหัว “ไม่ได้ทำอะไรค่ะ พอดีคุณตี๋ใหญ่เข้ามาช่วยไว้ได้ทันน่ะค่ะ หนูก็เลยพาเค้าเข้าไปทำแผลในบ้าน”
เฮงได้ฟังก๋ยิ่งไม่พอใจ
“โอ้โห นี่ลูกอั๊วเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้าไปช่วยลูกลื้อแท้ๆ ลื้อกลับไล่ตีลูกอั้วจนใส่เกียร์หมาออกมาจากบ้านแบบนี้น่ะเหรอ”
ตี๋เล็กรีบพูดบ้าง
“ตายแล้ว คนทำดีไม่ได้ดีแบบนี้ ต่อไปจะมีใครมีกำลังใจทำความดีมั้ยเนี่ย”
“เคยได้ยินมั้ย ไม่รู้คือไม่ผิด”
หญิงเล็กเชิดใส่ แก้วกัลยาได้ทีรีบพูดต่อ
“ใช่ ฉันเข้ามาบ้าน ก็เห็นลูกลื้อกำลังจ้องหน้าลูกสาวฉันซะตาเยิ้มเลย ใครเห็นก็ต้องเข้าใจผิดทั้งนั้นแหละ”
“แต่ฮันนี่เห็น คุณหญิงใหญ่ก็จ้องตาเค้าเหมือนกันนะ”
เฮงหัวเราะขำ “นั่น ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ จะบอกให้”
“ดังสิ ใครว่าไม่ดังล่ะ”
“ไหนลองตบให้ดูซิ”
เฮงพูดท้า แก้วกัลยาเดินเข้ามาเอามือตบหน้าดังเพี้ยะ
“เออ ดังจริงๆ ด้วยว่ะ”
“เตี่ย เค้าหลอกตบหน้าเตี่ย ไม่รู้ตัวเหรอ” ตี๋เล็กแอบกระซิบถาม
“เออ เฮ้ย นี่ลื้อหลอกตบหน้าอั๊วเหรอ”
แก้วกัลยายิ้มขำ “โง่เอง ช่วยมิได้”
เฮงปรี่เข้าหาแก้วกัลยา ตี๋ใหญ่รีบดึงไว้ แก้วกัลยาก็จะปรี่หาเฮง หญิงใหญ่รีบดึงไว้ ทั้งคู่พูดจา
ท้าทายกัน
ชายเล็กรีบหันส่งสัญญาณ หมวยเล็กแกล้งเป็นลมหมดสติไป ทุกคนเข้ามาดูอาการ แต่แล้วก็ต้องผงะ เมื่อจู่ๆ หมวยเล็กก็ลืมตาโพลง
“ข้าไม่ใช่หมวยเล็ก”
ชายเล็กรีบรับมุก “เจ้าแม่พญานาค”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าแปลกใจ “ คืออะไร เจ้าแม่พญานาค?”
ตี๋เล็กก็งงไม่แพ้กัน “นั่นดิเตี่ย หมวยเล็กเป็นอะไรเนี่ย”
“หมวยเล็กโดนเจ้าแม่พญานาคที่บ้านเสี่ยชาญเข้าสิงน่ะ”
หญิงใหญ่ตกใจ รีบหันไปถามแม่ “เรื่องจริงเหรอคะแม่”
“จริงลูก เจ้าแม่ศักดิ์สิทธิ์มาก ทักแม่ตรงตั้งหลายเรื่อง”
หมวยเล็กทำเป็นชี้หน้าเฮงกับแก้วกัลยา
“ที่ข้าบอกเจ้า 2 คนไว้ ไม่เชื่อฟังกันเลยใช่มั้ย”
เฮงรีบยกมือไหว้ “อั๊วขอโทษครับเจ้าแม่ อั๊วขาดสติไปนิดนึงครับ”
แก้วกัลยาไหว้ตาม “ฉันก็ขาดสติไปชั่ววูบค่ะ ต้องขอโทษเจ้าแม่ด้วย”
“ส่วนฮันนี่ขาดสตางค์ค่ะ ถ้าได้ 2 ตัว ชีวิตคงจะดีขึ้น”
หมวยเล็กหัวเราะเสียงดัง “ข้าให้ 3 ตัวเลย ไปเลือกเอาที่วัดโน่น”
ฮันนี่หน้าจ๋อย “ฮันนี่อยากได้เลขค่ะ ไม่ใช่หมา”
แก้วกัลยาหันมาทำเสียงดุ “นังฮันนี่ เดี๋ยวเจ้าแม่ก็พิโรธหรอก”
“ข้าจะเตือนพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังทะเลาะกันอีก ข้าจะลงโทษพวกเจ้า”
หมวยเล็กหัวเราะลั่น ตีบทแตกกระจุย ก่อนจะทำทีเป็นลมหมดสติไป เฮง ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กรีบเข้าไปดูอาการ
ฟากบ้านแก้วกัลยาแต่ละคนทำหน้าเจื่อนๆ

หมวยเล็กย่องมาที่ริมรั้ว พร้อมๆ กับชายเล็กที่ย่องมาเจอกันพอดี
“ตีบทแตกมาก แม่เราเชื่อสนิทเลยว่าเธอโดนเจ้าเข้าจริงๆ”
หมวยเล็กยิ้มปลื้ม “ถ้าเธอไม่บอกข้อมูลส่วนตัวแม่เธอมาก่อน เราก็คงทักแม่เธอไม่ตรงหรอก”
“โอเค เป็นอันว่าแผนเราประสบความสำเร็จ”
“หรา”
ชายเล็กทำหน้างง “ทำไมล่ะ เตี่ยเธอไม่เชื่อเหรอ”
“เชื่อน่ะเชื่อ แต่งานอื่นที่มันงอกมาแทนนี่สิ น่าปวดหัวสุดๆ”
“งานอะไรอ่ะ”
หมวยเล็กหน้าเครียด “ก็ตอนนี้ชาวบ้านสถาปนาให้ฉันเป็นเจ้าแม่พญานาค แล้วไม่เห็นเหรอ”
“เออจริงด้วย” ชายเล็กพูดพลางยกมือพนมไหว้ “งวดนี้ผมขอ 2 ตัวตรงๆ นะครับเจ้าแม่”
“ยังจะมาทำเล่นอีก นี่เครียดนะเนี่ย”
“เอาน่ะ ตามน้ำไปก่อน เดี๋ยวเราช่วยหาทางแก้ปัญหานี้ เอง”
หมวยเล็กไม่วายกังวล “ห้ามทิ้งกันนะ”
“ไม่ทิ้งหรอก ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่”
ชายเล็กยิ้มกว้างเป็นเชิงให้สัญญา แต่หมวยเล็กก็ยังอดคิดมากไม่ได้อยู่ดี

เช้าวันใหม่
ตี๋ใหญ่ กับหมวยเล็ก ช่วยกันลำเลียงข้าวออกมาเตรียมกินข้าวเช้า เฮงนั่งรออยู่หัวโต๊ะ ตี๋เล็กใส่ชุดนักศึกษาเดินเข้ามา
“วันนี้ไปมหาลัยเหรอตี๋เล็ก”
“ครับเตี่ย”
“เดี๋ยวนี้ไปทุกวันเลยนะ ไม่มีใครช่วยเตี่ยที่ร้านเลยเนี่ย”
ตี๋เล็กรีบอธิบาย “ช่วงนี้อาจารย์สั่งงานเยอะน่ะเตี่ย”
หมวยเล็กทำหน้าล้อ “ติดสาวอ๊ะป่าว”
“เฮ้ย ไม่มี อย่ามั่วครัช”
ตี๋ใหญ่แซวต่อ “ใช่ ติดหนุ่มก็ว่าไปอย่าง”
“ถูกครัช เย้ย! อันนี้ก็ไม่ใช่ล่ะเฮีย”
ตี๋เล็กพูดจบ จางก็วิ่งเข้ามาในบ้านหน้าตาตื่น

“เฮียครับ เฮีย”
“อะไร”
“มีชาวบ้านมาเต็มร้านเลยครับเฮีย”
เฮงยิ้มดีใจ “อ้าว มาเต็มร้านก็ดีน่ะสิ ทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วย”
“ก็เค้าไม่ได้มากินอาหารน่ะสิครับ เค้ามาหาเจ้าแม่”
เฮงตกใจ ร้องเสียงดัง “เจ้าแม่”
เสียงชาวบ้านส่งเสียงเรียกเจ้าแม่ดังเข้ามาในบ้าน ทุกคนรีบเดินตามกันออกไปดู
“เดี๋ยวๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย มาเรียกหาเจ้าแม่อะไรที่นี่”
เฮงถามอย่างแปลกใจ ชาวบ้านที่เป็นแกนนำยกมือขึ้น ชาวบ้านคนอื่นๆ จึงเงียบเสียง
“ก็ลูกสาวเฮียเป็นร่างทรงเจ้าแม่พญานาคนี่ครับ ไม่ให้ผมมาที่นี่ จะให้ไปที่ไหน”
“ก็บ้านเสี่ยชาญโน้นไง อยากได้อะไรก็ไปขอกับต้นกล้วยสิ”
ชาวบ้านผู้หญิงคนนึ่งหรีบบอก
“แต่พวกฉันต้องการสื่อสารกับเจ้าแม่ เฮียช่วยพาลูกสาวไปที่บ้านเสี่ยชาญทีสิ”
ตี๋ใหญ่ท้วงขึ้นมาทันที “แต่น้องผมต้องไปโรงเรียนนะครับ”
ชาวบ้านผู้ชายทำน้ำเสียงร้อนรน “แต่พวกเรามีเรื่องเดือดร้อนหลายคนเลยนะครับ”
“ใช่ หนูเป็นร่างทรงของเจ้าแม่ได้ ก็เพราะว่าเจ้าแม่ได้เลือกแล้ว ฉะนั้นหนูต้องเสียสละเพื่อคนที่เดือดร้อนนะ”
ชาวบ้านส่งเสียงอื้ออึง แต่ละคนแย่งกันบอกปัญหาของตัวเอง มีทั้งลูกป่วย ผัวทิ้ง เป็นหนี้ ฯลฯ
ครอบครัวเฮงมองหน้ากันอึ้งๆ โดยเฉพาะหมวยเล็กที่ดูเหมือนจะเครียดมากกว่าทุกคน

หญิงใหญ่มองจากหน้าต่างออกไปทางบ้านเฮง ก่อนจะหันกลับมาบอกแม่ ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับชายเล็ก
“เสียงเงียบไปแล้วค่ะแม่”
“ไอ้งิ้วนั่นคงจะไปทำให้ใครไม่พอใจเข้าล่ะสิ”
“แต่หนูเหมือนได้ยินเสียงเรียกเจ้าแม่อะไรสักอย่างนะคะ”
แก้วกัลยายิ้มเยาะ “คนเค้ามาด่าแม่สิไม่ว่า สมน้ำหน้ามัน”
ชายเล็กรีบพูดปราม “ไปว่าเค้า เดี๋ยวเจ้าแม่ก็ลงโทษเอาหรอกครับ”
แก้วกัลยาหน้าเจื่อน “แม่ไม่ได้ไปทะเลาะกับเค้านะ แค่พูดถึงเจ๋ยๆ”
“แล้วนี่หญิงเล็กไปไหนคะเนี่ย”
หญิงใหญ่หันกลับมาทาง แก้วกัลยารีบบอก
“รายนั้นออกไปมหาลัยตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ ตั้งแต่ย้ายมาเรียนการโรงแรมนี่เรียนหนักขึ้นเยอะเลย”
ฮันนี่เดินเข้ามา สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย
“คุณนายคะคุณนาย”
“มีอะไร”
“คุณนายได้ยินเสียงเมื่อกี๊นี้มั้ยคะ”
แก้วกัลยายิ้มขำ “ได้ยิน ใครมาด่าแม่ไอ้งิ้วนั่นเหรอ”
“ไม่ได้ด่าแม่ค่ะ เค้ามาขอให้เฮียเฮงพาลูกสาวไปที่บ้านของเสี่ยชาญกันค่า”
ชายเล็กหันมาถามบ้าง “ พาหมวยเล็กไปทำอะไรเหรอพี่ฮันนี่”
“ก็พาไปทรงเจ้าน่ะสิคะ”
แก้วกัลยาตาโต “ทรงเจ้า อย่างนี้ก็มีเลขเด็ดน่ะสิ”
“จะเหลือเหรอคะคุณนาย ชัวร์ค่ะ”
แก้วกัลยาลุกขึ้นมาทันที
“ช้าไม่ได้ละ ใครหิวก็กินกันไปนะ แม่เตรียมไปบ้านเสี่ยชาญก่อน”
พูดจบก็รีบเดินไปเตรียมตัว ฮันนี่ตามไปด้วย หญิงใหญ่อึ้งๆงงๆ ส่วนชายเล็กแอบเครียดแทน
หมวยเล็ก

หมวยเล็กห่มสไบขาว นั่งหน้าเครียดอยู่บนตั่งที่ตั้งอยู่หน้าต้นกล้วย เสี่ยชาญเป็นประธานจุดธูป-เทียน เฮง ตี๋ใหญ่และชาวบ้านจับกลุ่มกันอยู่
“เราไม่น่ายอมชาวบ้านเลยนะเตี่ย หมวยเล็กไม่ได้ไปเรียนเลยเนี่ย”
ตี๋ใหญ่แอบกระซิบคุยกับเตี่ย
“เอาน่ะ เดี๋ยวเสร็จแล้วก็ไปเรียนได้ อย่าไปขัดศรัทธาพวกชาวบ้านเลย”
พักหนึ่งแก้วกัลยา หญิงใหญ่ ชายเล็กและฮันนี่เดินเข้ามาสมทบ
ชายเล็กกับหมวยเล็กมองหน้ากัน ฝ่ายแรกยิ้มให้กำลังใจ เฮงกับแก้วกัลยามองหน้ากันเขม่นนิดๆ
“อย่านะแม่ เดี๋ยวเจ้าแม่พิโรธอีกหรอก”
แก้วกัลยากับเฮงเลิกเขม่นกัน พร้อมๆ กับที่เสี่ยชาญเตรียมพิธีเสร็จพอดี
“พิธีพร้อมแล้ว อัญเชิญเจ้าแม่เลย อาหมวย”
ทุกคนพนมมือไหว้ หมวยเล็กเห็นแล้วก็อึ้งๆ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มยังไง ชายเล็กทำตัวสั่นนิดๆ เป็นการส่งสัญญาณบอก หมวยเล็กรีบทำตัวสั่น ชาวบ้านส่งเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าแม่เสด็จแล้ว”
หมวยเล็กแกล้งดัดเสียง “พวกเจ้ามีเรื่องอันใดก็ว่ามา”
“ก็จะมาขอเลขจากเจ้าแม่น่ะจ้ะ”
“หวยมันเพิ่งจะออกไปไม่ใช่รึ จะรีบขอกันไปทำไม”
ชาวบ้านอีกคนรีบบอก “พวกเราเล่นหวยหุ้นกันจ้ะเจ้าแม่ มันออกทุกวันจ้ะ”
“หวยหุ้นมันผิดกฎหมายไม่ใช่เหรอเสี่ย”
ตี๋ใหญ่แอบกระซิบถาม เสี่ยชาญรีบบอก
“จะว่าผิดมันก็ผิด แต่ทางการเค้าไม่เข้มงวดอะไรนักหรอก”
ขาดคำตำรวจ 4 นายก็เดินเข้ามา หมวยเล็กที่เห็นตำรวจแล้ว โดยที่ชาวบ้านยังไม่เห็น รีบทำเป็นพูดห้าม
“เล่นหวยมันผิดกฎหมายนะ ข้าว่าตั้งหน้าตั้งตาทำมา หากินกันดีกว่ามั้ย”
เฮงรีบท้วง
“ให้โชคให้ลาภน่ะเจ้าแม่ ถูกหวยกันแล้วจะได้เป็นทุน ในการทำมาหากิน”
เสี่ยชาญพลอยเป็นไปด้วย “ใช่ครับเจ้าแม่ ให้เลขเด็ดพวกเราไปแทงหวย ถ้าถูกพวกเราก็จะได้มีเงินไปลงทุนต่อไงครับ”
ตำรวจคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา “ลงทุนต่อในงวดต่อไปใช่มั้ย”
เสี่ยชาญเผลอรับคำ “ใช่เลี้ยว แหม ลื้อนี่รู้ดีนะเนี่ย”
แต่พอหันไปเจอตำรวจ ก็สะดุ้งโหยง “ ไอ้หยา ตำหนวด”
“ตำรวจครับ ไม่ใช่ตำหนวด ไหน ใครในนี้เป็นเจ้ามือ หวย ยกมือซิ”
ทุกคนวงแตก ตำรวจก็วิ่งไล่จับ ชาวบ้านแตกฮือ วิ่งชนต้นกล้วยล้มระเนระนาด เสี่ยชาญร้องลั่น “เฮ้ย ต้นกล้วยอั๊ว”

เฮง ตี๋ใหญ่ เสี่ยชาญ หมวยเล็กเดินเข้ามาในบ้าน ขณะที่จางเดินออกจากครัวมาพอดี
“ไงครับ วันนี้เจ้าแม่ให้เลขเด็ดหรือเปล่าครับเฮีย”
เฮงมองหมวยเล็กแบบเคืองๆ ก่อนจะตอบ
“เรื่องเจ้าแม่เลิกพูดได้แล้ว นี่จัดร้านเมื่อไหร่จะเสร็จ”
“ใจเย็นครับเฮีย นี่ผมจัดคนเดียวนะครับเนี่ย”
“แล้วไอ้ตี๋เล็กล่ะ ไปมหาลัยแล้วเหรอ”
จางพยักหน้าหงึก “ไปแล้วครับ เหลือผมทำงานอยู่คนเดียวเนี่ย”
“ให้อั้วช่วยมั้ยล่ะ” เสี่ยชาญขันอาสา
“จริงเหรอเสี่ย”
เสี่ยชาญหัวเราะขำ “อั๊วพูดเล่น”
“ไปๆ รีบออกไปจัดโต๊ะ สายแล้วเนี่ย”
“อารมณ์เสียแบบนี้สงสัยเจ้าแม่ไม่ให้เลขเด็ด”
จางแอบบ่นพึมพำ แล้วรีบเดินออกไป เฮงหันไปมองตาขวาง หมวยเล็กรีบอ้อนตี๋ใหญ่
“เฮีย ช่วยอั๊วด้วย”
“ไม่ต้องไปอ้อนเฮียเค้าเลย ถ้าเตี่ยไม่ช่วยคุยกับตำรวจ ลื้อโดนจับข้อหาต้มตุ๋นชาวบ้านแล้วรู้มั้ย”
“นั่นสิ เล่นอะไรไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยนะเรา” ตี๋ใหญ่หันมาทำเสียงดุน้อง
“หมวยแค่อยากให้เลิกทะเลาะกันซะทีน่ะ ไม่คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้”
“ช่างคิดช่างวางแผนนักนะ ถ้าผลการเรียนออกมาไม่ดีล่ะก็ ลื้อเจอชุดคอมโบ้แน่”
หมวยเล็กตาโต “ไก่ทอดเหรอเตี่ย”
“ไม้เรียวนี่แหละ”
หมวยเล็กสะดุ้งโหยง เสี่ยชาญโพล่งขึ้นมา
“แล้วต้นกล้วยศักดิ์เสียดที่ล้มตายไป ใครจะรับเผียดชอบให้อั๊วกันล่ะเนี่ย”
ตี๋ใหญ่รีบบอก
“ต้นกล้วยนั่นไม่ได้ศักดิ์เสียดอะไรหรอกเสี่ย เชื่ออั๊วเถอะ เสี่ยคิดไปเอง”
เฮงช่วยพูดย้ำ
“ใช่ ชาวบ้านเหยียบกันวุ่นวายขนาดนั้น ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริง ชาวบ้านก็ต้องเจออาถรรพ์แล้ว”
“แต่เพราะต้นกล้วย อั๊วถึงถูกหวยนะ”
ตี๋ใหญ่พยายามอธิบาย “เป็นเพราะดวงเฮียกำลังขึ้นมากกว่าครับ”
หมวยเล็กแอบขำ “ ขึ้นกี่ดวงล่ะเฮีย เอาซีม่าไปทามั้ย”
“กลางหลังนี่หลายดวงเลย จะบ้าเหรอ ไม่ใช่ขี้กลาก”
เฮงหันมาทำหน้าดุ “มีความผิดอยู่นะ อย่าตลกๆ”
หมวยเล็กซบตี๋ใหญ่แบบอ้อนๆ พี่ชายคนโตโอบแขนปลอบเบาๆ ส่วนเสี่ยชาญก็ซบเฮงด้วยความเสียใจ เพราะเสียดายต้นกล้วย

แก้วกัลยา หญิงใหญ่ ชายเล็ก ฮันนี่ เดินกลับเข้ามาในบ้าน ชายเล็กหน้าจ๋อยๆ เพราะมีความผิด
“เลขเด็ดไม่ได้ แถมจะติดคุกอีก”
หญิงใหญ่พยายามพูดปลอบ “ฟาดเคราะห์ค่ะแม่”
“จ้ะ ฟาดแน่”
ฮันนี่สวนทันที “ฟาดเคราะห์เหรอคะ”
“ฟาดลูกชายฉันนี่แหละ”
แก้วกัลยาพูดพลางหันไปคว้าไม้กวาดจะฟาด ชายเล็กวิ่งไปหลบหลังหญิงใหญ่
“พี่หญิงใหญ่ช่วยด้วย”
“อย่าตีน้องเลยค่ะแม่ ที่น้องทำก็เพราะเจตนาดีนะคะ”
“ใช่ ผมแค่อยากให้เราเลิกทะเลาะกันจริงๆ ซะทีน่ะแม่”
“ทุกวันนี้แม่ก็เลิกทะเลาะกันแบบไร้สาระแล้วนะ แกจะให้แม่ดีกับไอ้งิ้วนั่นถึงขั้นไหนยะ แต่งงานกันเลยมั้ย”
ชายเล็กรีบเออออ “แม่ก็โสดมานานแล้วนะครับ”
“งั้นพี่จองเป็นเพื่อนเจ้าสาว”
หญิงใหญ่พูดจบ ฮันนี่ก็ต่อทันที
“ฮันนี่ขอกั้นประตูเงินประตูทอง”
แก้วกัลยาเผลอเล่นด้วย
“งั้นแม่ไปไปเลือกชุดเจ้าสาว ว้าย! จะบ้าเหรอ ใครจะบ้าแต่งงานกับไอ้งิ้วนั่น”
หญิงใหญ่หน้าเหรอ “อ้าว เมื่อกี๊นี้ปลาช่อน?”
“ประชด ไม่ต้องมาตลกกลบเกลื่อน ถ้าครั้งต่อไปก่อเรื่องกันอีก พี่หญิงใหญ่หรือใครก็ช่วยเราไม่ได้ทั้งนั้นนะชายเล็ก”
ชายเล็กเสียงอ่อย “ค้าบ”

ฝั่งตี๋เล็กกับหญิงเล็ก ก็กำลังเปิดตำราอาหารทำงานอยู่ที่โต๊ะหน้าตึกที่มหาวิทยาลัย
“อโวคาโด กล้วยหอม ลูกพรุน เมล็ดทานตะวันและ เมล็ดฟักทอง คือกลุ่มผักผลไม้ที่สามารถบรรเทา อาการปวดไมเกรนได้”
หญิงเล็กพูดขึ้นมาก่อน ตี๋เล็กพูดต่อ
“โยเกิร์ตวันละถ้วย หรือโกโก้อุ่นๆ วันละแก้ว ก็ช่วยป้องกันการเกิดไมเกรนได้เหมือนกัน”
หญิงเล็กตั้งหน้าตั้งตาค้นคว้าหาความรู้ ตี๋เล็กมองด้วยความสงสัย เรื่องที่ฝ่ายแรกย้ายมาเรียนการโรงแรม
“ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมอยู่ๆถึงย้ายมาเรียนการโรงแรม ชอบทำอาหารเหรอ”
หญิงเล็กเงยหน้าขึ้นมาย้อนถาม “นายถามทำไม”
“ก็เห็นเธอดูตั้งใจมากน่ะ เลยสงสัยว่าทำไมไม่เลือกเรียนการโรงแรมตั้งแต่แรก”
หญิงเล็กหยุดคิดนิดหนึ่ง “ชอบทำอาหารมั้ยน่ะเหรอ ก็คงไม่มากเท่านายหรอกนะ แต่ถ้าถามว่าอยากทำร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จมั้ย ฉันมั่นใจว่าไม่แพ้นายแน่”
“แม่เธอได้ยินคงดีใจนะ”
“แม่กับพี่หญิงใหญ่เหนื่อยมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะต้องขึ้นมาช่วยอีกแรงล่ะ”
“แล้วนอกจากแม่กับพี่สาว บ้านคุณไม่มีใครแล้วเหรอ”
หญิงเล็กหน้าสลด “ตั้งแต่พ่อเสียไปแล้วทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้ เพื่อนที่แม่เคยเรียกว่าเพื่อน ญาติที่เคยนับถือกันมาก่อน ก็กลับกลายเป็นคนไม่รู้จักกันซะอย่างนั้น”
ตี๋เล็กพยักหน้าเข้าใจ “ปัญหาคลาสสิก”
“แต่แม่ก็ไม่แคร์ แม่สู้จนประคับประคองครอบครัวมาได้จนถึงทุกวันนี้”
ตี๋เล็กมองหญิงเล็กด้วยสายตาอ่อนโยนลง และรู้สึกเห็นใจมากขึ้น

หญิงใหญ่เดินจากบ้าน กำลังจะออกไปขึ้นรถที่ถนนใหญ่ ตี๋ใหญ่ขับรถเข้ามาเทียบและกดกระจกลง
“ขึ้นรถสิคุณ”
หญิงใหญ่ทำหน้ากวน “ทำไมต้องขึ้นด้วย”
“อ้าว..ก็จะไปออฟฟิศไม่ใช่เหรอ ก็ไปพร้อมกันไง”
“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้”
ตี๋ใหญ่รีบบอก “นี่สายแล้วนะคุณ ถ้าคุณไปเองก็แวะกินข้าวเที่ยงก่อนเข้าออฟฟิศเลยแล้วกัน”
หญิงใหญ่ดูนาฬิกา แล้วก็หน้าเครียด
“โอเค อยากไปเองก็ตามใจ”
ตี๋ใหญ่ทำทีเป็นกดกระจกขึ้น หญิงใหญ่รีบเปิดประตูเข้าไปในรถ เจ้าของรถยิ้มกริ่ม รีบออกรถไป
“ขอบคุณนะ”
“เรื่องผมชวนขึ้นรถ หรือว่าเรื่องที่ผมช่วยคุณจากคนเมา”
หญิงใหญ่มองค้อน “อ๋อ..นี่ทวงบุญคุณเหรอ”
“เปล่า ก็เมื่อคืนคุณยังไม่ได้ขอบคุณผม ก็เลยงงว่าจะขอบคุณเรื่องไหนกันแน่”
หญิงใหญ่กระแทกเสียงประชด “ขอบคุณ ขอบคุณ”
“ขอบคุณเรื่อง?”
“ ก็ขอบคุณ 2 ทีก็ทั้ง 2 เรื่องนั่นล่ะค่ะ จบมั้ย”
ตี๋ใหญ่เสียงอ่อย “จบก็จบ”
ตี๋ใหญ่ขับรถอมยิ้มไป หญิงใหญ่เองก็แอบอมยิ้มน้อยๆ เช่นกัน
อ่านต่อตอนที่ 11

กำลังโหลดความคิดเห็น