ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 7
จำเรียงนำขยะมาทิ้งหน้าบ้าน กำลังจะปิดประตูรั้ว คนส่งดอกไม้ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาส่งช่อดอกไม้ช่อใหญ่
“ส่งดอกไม้ครับ”
“อุ๊ย ดอกไม้ ช่อเบ้อเริ่มเลย มาจากร้านดอกไม้หรือ”
“ครับ”
ชิดชบาเดินลงมา
“คุณขา คุณชิดชบา มีคนส่งดอกไม้มาให้คุณค่ะ สงสัยจะเป็น”
เถาว์เครือเดินลงมา สีหน้าและน้ำเสียงเย้ยหยัน
“คุณชายอรุณณรงค์แน่ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าคุณชายอรุณณรงค์นี่เป็นสุภาพบุรุษ มีเกียรติ มีหน้าที่การงานดี ชาติตระกูลก็ดี ข้อสำคัญเขามีเงินพอที่จะช่วยไถ่ตัวเธอจากความเป็นทาสได้”
“คุณนายเข้าใจผิดแล้วละค่ะ นี่ไม่ใช่ดอกไม้ของฉัน”
“ไม่ใช่จริงๆ ค่ะคุณนาย ในนามบัตรนี่เขียนว่า มอบดอกไม้ให้คุณนายด้วยความนับถือ จากคุณชัยยงค์”
“ชัยยงค์หรือ”
เถาว์เครือรีบคว้าช่อดอกไม้มาอ่านนามบัตรด้วยความแปลกใจ
“อุ๊ย ของฉันจริงๆ ด้วย”
เถาว์เครือรีบหอบช่อดอกไม้ขึ้นตึกไปด้วยความดีใจ ชิดชบามองอย่างสงสัย อุทานเบาๆ
“ชัยยงค์”
อรุณณรงค์ขับรถมาส่งอุราศรีหลังกลับจากหาฤกษ์แต่งงาน เขามีท่าทีเศร้าหมองลง อุราศรีมองอย่างอาทร ห่วงใย
“ถ้าคุณยังไม่พร้อม จะยกเลิกเรื่องแต่งงานไปก่อนก็ได้ค่ะ เราแค่เพิ่งจะได้ฤกษ์ดีมา ฉัน เอ่อ”
“ขอเวลาผมสักพัก ผมขอเวลาให้ผมพร้อมกว่านี้ แต่เราจะไม่ยกเลิกเรื่องแต่งงาน”
“คุณจะต้องการเวลาอีกนานแค่ไหนก็ได้ค่ะ เพราะถ้าใจคุณไม่พร้อม แต่งงานไปแล้ว เราก็จะไม่พร้อมด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
“ผมขอบคุณ ที่คุณเห็นแก่หม่อมแม่ เห็นแก่อนาคตของผม สักวันหนึ่ง ผมจะเห็นแก่คุณ เห็นแก่ความเสียสละที่คุณมีให้ผม คุณหญิงอุราศี”
อุราศรียื่นมือมากระชับมือของอรุณณรงค์อย่างปลอบโยน
“ค่ะ ฉันจะรอ”
อุราศรีเดินเข้าบ้านไป อรุณณรงค์ยังคงนั่งจมอยู่กับความเศร้าหมอง
ยุวดีและระรินนั่งไขว้ห้างแต่งหน้า เลขาฯ เดินเข้ามายืนท้าวสะเอว หน้าเคร่งเครียด
“เวลาทำงานไม่ใช่เวลาแต่งหน้า ถ้าจะสวยเชิญสวยมาจากบ้านให้เสร็จ ยุวดี เอาเอกสารนี่ไปส่งแผนกบัญชี ให้เขาเซ็นรับด้วย แล้วเลยไปฝ่ายกฎหมายเอาแฟ้มนี่ไปให้ทนายสรร ระริน เดี๋ยวโทร.บอกบริษัททำความสะอาด ให้เขามาเช็ดกระจกสำนักงานวันเสาร์ แล้วตามช่างไฟมาซ่อมไฟในห้องทำงานคุณปฐวีด้วย ยุวดี..
“เฮ้อ”
“ออกจากฝ่ายกฎหมายเลี้ยวซ้ายไปห้องธุรการ ให้คุณเชี่ยวชาญส่งบันทึกการประชุมให้ฉันด้วย ระริน”
“ฉันอีกแล้วหรือ”
“ตามบริษัทกำจัดมูลฝอยมาดูดส้วมพนักงานด้วย”
เลขาฯ เริ่มมีอาการท้องเสีย
“อุ๊ย เอ่อ ทำตามที่ฉันสั่งนะ ฉันต้องกลับไปทำธุระที่บ้านด่วน ถ้าคุณปฐวีถามหาเลขาฯ ล่ะก็ บอกนะ ลาป่วยย่ะ”
เลขาฯ ปิดก้น คว้ากระเป๋าถือ รีบวิ่งออกไป ยุวดีหันมาจ้องหน้าระรินด้วยความสงสัย
เถาว์เครือสวมเสื้อคอกว้างเพื่ออวดจี้เพชรที่ชัยยงค์ซื้อให้ จัดช่อดอกไม้ลงแจกัน ขณะที่ตลับนาคและจำเรียงกำลังเตรียมเมนูอาหาร
“เอาแจกันใบใหญ่มา ฉันจะจัดดอกไม้ไว้ในห้องอาหารนี่ ห้องกว้างมีดอกไม้เสียหน่อย โสมสุภางค์จะได้สดชื่น”
“ตั้งแต่คุณนายเข้ามาอยู่ บ้านก็มีชีวิตชีวา ไม่เงียบแสนเงียบเหมือนป่าช้า คุณนายน่ะมีบุ๊นมีบุญนะคะ ห้องนี้บรรยากาศกำลังอึมครึม พอคุณนายเข้ามาเท่านั้นแหละค่ะ รัศมีอย่างนี้ แว้บ ๆๆ เลยค่ะ”
บุญถิ่นประจบเถาว์เครือ
“จะไม่แว้บได้ยังไง รู้มั้ยว่าจี้อันนี้เท่าไหร่ คุณชัยยงค์เขาซื้อจี้เพชรให้ฉัน แล้วก็ส่งดอกไม้มาให้ฉัน โอย ฉันงงๆ”
ตลับนาคชำเลืองมองเถาว์เครือเหมือนเสียไม่ได้ จำเรียงแบะปาก
“ยาแก้งงมั้ยคะคุณนายขา”
“ไม่ต้อง ฉันก็แกล้งทำงงไปอย่างนั้นเอง ฉันรู้ ว่าฉันไม่ใช่คนแก่ตกรุ่นเหมือนใครบางคน ที่แก่แล้วแก่เลย”
บุญถิ่นหัวเราะประจบเถาว์เครือ ตลับนาคและจำเรียงหันมาสบตากันด้วยความโกรธ ชิดชบาเดินเข้ามา
“แล้วคุณนายคิดบ้างมั้ยคะ ว่านายชัยยงค์เขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไร”
“ชิดชบา”
“คนแก่แล้ว ถ้ารู้จักแก่เลยไปตามวัย ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบั้นปลาย แต่พวกแก่แล้วไม่ยอมตกรุ่นนี่ซิคะ คงต้องจัดลำดับรุ่นของตัวเองสับสนหน่อย”
“แก”
“คือไม่รู้ว่าจะอยู่ รุ่นไหน”
ชิดชบาสบตาเถาว์เครืออย่างท้าทาย
ยุวดีและระรินโน้มตัวลงวางถ้วยกาแฟลงตรงหน้าปฐวีพร้อมกัน ปฐวีเหลือบตาขึ้นมองทั้งสองด้วยแววตาครุ่นคิด
“ขอบใจนะ เลขาฯของผมลาป่วย คุณสองคนเลยทำหน้าที่เลขานุการแทน”
“ค่ะ”
“มื้อกลางวันจะให้สั่งอาหารไว้รอ หรือคุณปฐวีจะไปรับประทานข้างนอกคะ” ยุวดีถาม
“บ่ายนี้คุณปฐวีมีนัดลูกค้าสองโมงครึ่งค่ะ นี่ค่ะ เอกสารที่เลขาฯ ของคุณเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน”
ระรินและยุวดีหันมาค้อนใส่กัน ปฐวียิ้มพอใจ
“เย็นนี้คุณว่างมั้ย”
สองสาวหันมาสบตากัน
“ว่างค่ะ”
ชัยญารับโทรศัพท์ของระรินอยู่ที่สระน้ำของอพาร์ทเม้นท์ ถกลยืนเฝ้าชัยญาอยู่มุมหนึ่ง
“ฉันอนุญาตให้เธอไปค้างคืน หาทางเกาะเขาแน่นๆ แล้วส่งข่าวฉันว่าเขาทำอะไร อยู่ที่ไหน ต้องทำลายความน่าเชื่อถือของเขาเพื่อล้มเรื่องสร้างบ่อนพนัน”
จำเรียงและบุญถิ่น มองโต๊ะอาหารด้วยความสงสัย ที่เห็นระรินและยุวดีแต่งตัวสวยพริ้ง เพราะทั้งสองคิดว่า จะได้รับเชิญไปทานอาหารในห้องอาหารชั้นหนึ่ง แต่ปฐวีกลับพามาที่บ้าน ทั้งสองแปลกใจ มองหน้ากันไปมา ปฐวีหันมาบอกโสมสุภางค์
“เลขาฯ ของผมลาป่วย ผมก็เลยต้องพกเลขาฯ คนใหม่มาด้วย ระหว่างระรินกับยุวดีผมเลือกไม่ถูก เพราะสองคนนี่มีคุณสมบัติต่างกัน”
“แล้วยังไงคะ ฉันไม่เข้าใจ”
“ผมงานยุ่ง แล้วไหนจะยุ่งเรื่องแต่งงานอีก ผมก็เลย จะให้เลขาฯ ของผมย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านนี้”
ช้อนร่วงจากมือของเถาว์เครือ ชิดชบาเงยหน้ามองปฐวีด้วยความแปลกใจ แต่เก็บกิริยา
“อะไรนะ เอาเลขาฯ เข้ามาอยู่ในบ้าน”
ระรินดีใจ
“ยินดีรับใช้ค่ะคุณปฐวี”
ส่วนยุวดีงงๆ
“ฉันด้วยค่ะ”
“จะให้สองคนนี่เข้ามาอยู่ในบ้าน”
เถาว์เครือย้ำถาม
“ครับ ผมยุ่ง ผมคงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่สั่งงานที่นี่ ไม่ดีหรือครับ บ้านหลังนี้จะได้อบอุ่น เขาว่ารกคนดีกว่ารกหญ้านะครับ”
ตลับนาครีบรับคำ
“ดีค่ะ บ้านหลังใหญ่ จะอยู่กันเป็นร้อย บ้านก็รับอยู่ จำเรียง”
“คะ คุณป้า”
“พรุ่งนี้เตรียมอาหารเช้าเผื่อเลขาฯ ของคุณปฐวีด้วยนะ เปิดห้องข้างบนอีกสองห้อง ใช้ห้องที่อยู่ติดกับห้องคุณโสมสุภางค์ก็ได้”
ชิดชบามองตลับนาคด้วยความแปลกใจ ก่อนเกลื่อนสีหน้า
“ห้องนั้นเหมาะมาก เผื่อคุณปฐวีจะเรียกใช้ดึกๆ ดื่นๆ จะได้สะดวก ยินดีต้อนรับคุณสองคน หวังว่าบ้านคงจะอบอุ่นเพราะ รกคนดีกว่ารกหญ้าค่ะ”
ชิดชบาหันไปหลิ่วตาให้ปฐวี ขณะที่โสมสุภางค์และเถาว์เครือแค้นเคือง
เถาว์เครือดึงหูยุวดีลงมาจากตึกด้วยความโกรธ
“มานี่ แล้วตอบคำถามของฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น เธอถึงได้แล่นเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่”
“คุณนาย ปล่อยหนูนะ หนูเจ็บ”
“จนกว่าแกจะตอบฉันว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”
“คุณนายต้องปล่อยหนูก่อน คุณนายไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้กับหนูนะ หนูไม่ใช่ลูกจ้างของคุณนาย”
“นัง นังยุวดี นังคางคก ฉันเป็นนายจ้างของแกนะ ฉันเคยจ้างแกให้”
“คอยสอดแนม แล้วก็ทำลายชื่อเสียงของคุณปฐวี”
“แก นี่แกคิดอะไร แกคิดว่าการที่ปฐวีเขาเลื่อนแกขึ้นมาทำหน้าที่เลขาฯ เพราะว่า”
“หนูมีสิทธิ์จะคิดค่ะคุณนาย เพราะตอนที่หนูส่องกระจก หนูเห็นผู้หญิงหน้าตาพอฟัดพอเหวี่ยงกับลูกสาวของคุณนาย แล้วก็ไม่อมโรคเหมือนคุณโสมสุภางค์ด้วย”
เถาว์เครือตบหน้ายุวดี
“คุณนายตบหน้าหนู”
“เพื่อสั่งสอนแก ว่าอย่าสะเออะมาเทียบกับลูกสาวของฉัน ผู้หญิงข้างถนนอย่างแกมันต้องเปรียบกับนังชิดชบา ไม่ใช่โสมสุภางค์”
ชิดชบาเดินออกมาจากมุมมืด มองเถาว์เครือและยุวดีด้วยความสงสัย
“คุณนาย”
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าปฐวีเขาทำอย่างนี้ทำไม ไม่ต้องกลับไปส่องกระจกหรอก กลับไปชะโงกดูเงาตัวเองในน้ำ ว่าคนอย่างแกน่ะ มันคู่ควรจะเป็นคู่แข่งของลูกสาวฉันมั้ย”
เถาว์เครือสะบัดหน้าขึ้นตึกไป ยุวดีลูบหน้าตรงที่ถูกเถาว์เครือตบด้วยความโกรธ ชิดชบาเบี่ยงตัวหลบสายตาของยุวดี ครุ่นคิด
จำเรียงเปิดประตูห้อง เบี่ยงตัวให้ระรินก้าวเข้ามา ระรินกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง เชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทีทะนง ตื่นเต้น กระโดดขึ้นไปนั่งขย่มเตียงอย่างถ่อยๆ
“ห้องใหญ่นี่ เตียงนอนหนา นุ่ม แอร์เย้นเย็น มีห้องน้ำในห้องนอนด้วย สบายเหมือนห้องเจ้าหญิงเลย”
โสมสุภางค์เดินเข้ามา หน้าบึ้งตึง
“ใช่ แต่เธอไม่ใช่เจ้าหญิง ชาติสกุลถ่อยเหมือนคนข้างถนน ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปฐวีเขาต้องให้เลขาฯ เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้”
ระรินไม่หวั่นไหว เพราะคิดว่าปฐวีมีใจด้วย เธอนั่งไขว่ห้าง เปิดเรียวน่องอย่างท้าทาย
“เขาคงจะเห็นว่าฉันมีคุณสมบัติไว้ใช้งานได้หลังตะวันตกดินล่ะมังคะ”
“แก”
จำเรียงยืนแอบอยู่ที่ประตูอย่างอยากรู้
“ก็แน่ละ คู่หมั้นของเขาเป็นคนป่วย ส่วนนางบำเรอก็คงจะน่าเบื่อ ถึงชิดชบาจะสวยหยาดฟ้ามาดินยังไง ของใช้บ่อยๆ ก็กลายเป็นของเก่าทุกชิ้น ไม่เห็นจะแปลก”
“งั้นเธอก็รู้น่ะซี ว่าเธอเป็นแค่ของเล่นของปฐวี”
ระรินเดินเข้ามาเผชิญหน้าโสมสุภางค์
“ผู้หญิงอย่างฉันเป็นอะไรก็ได้ ฉันยอมรับที่จะเป็น แต่ผู้หญิงอย่างคุณ ยอมรับได้มั้ยว่าสามีในอนาคตของคุณมีทั้งนางบำเรอ ทั้งกิ๊ก”
โสมสุภางค์ตัวสั่นไปด้วยความโกรธ
ชิดชบาเปิดประตูเข้ามาในห้อง ปฐวีหันกลับมาเผชิญหน้าชิดชบาอย่างช้าๆ ยิ้มเยาะหยัน
“ฉันรู้นะ ว่าคุณคิดจะทำอะไร ทำบ้านหลังนี้ให้เป็นฮาเร็ม สร้างความปั่นป่วน เพื่อกวนฉันให้เละ”
“คุณเก่งนักไม่ใช่หรือ คุณเป็นคนเก่งก็รับมือระรินกับยุวดีให้ได้ ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองผมเป็นยังไง เพราะผมไม่ใช่คนดีของใคร เหมือน”
“ป่านนี้คุณชายอรุณณรงค์คงหลับไปแล้ว มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่ยังไม่หลับ”
“ผมตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่ตื่นรู้ว่าเขาคิดยังไง ระรินกับยุวดีจะเป็นตัวช่วยไม่ให้คุณทำผิดสัญญา คุณต้องการบ้านหลังนี้คืนจากผม ผมก็ช่วยแล้วนะ จะหาใครหวังดีต่อคุณเท่าผม เขาหรือ”
“นี่ ออกไป”
ชิดชบาจับไหล่ของปฐวีหมุนกลับ ผลักไปที่ประตู
“ระวังคนที่เละอาจจะไม่ใช่ฉัน แต่เป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณ”
ชิดชบาผลักปฐวีออกไป กระแทกประตูปิด แล้วยืนพิงประตูนิ่งๆ ถอนหายใจยาว เหนื่อยล้า เศร้าหมองลง
ชัยยงค์กับชัญยาเดินมาที่รถ ชัยยงค์หันมาถามลูกชาย
“ส่งดอกไม้ไปให้คุณนายเถาว์เครือหรือยัง”
“ส่งแล้วครับ”
“งานนี้ฉันลงทุนแล้วก็ลงแรงเต็มที่ แกล่ะ”
“ปฐวีเอาระรินเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว”
“เขาทำอย่างนั้นทำไม”
“เขาคงอยากแสดงอำนาจเงินน่ะซีพ่อ นี่แสดงว่าเขามีแผนจะไปไกลมากกว่าเปิดบ่อนพนันกลางกรุง”
“ปฐวีจะเล่นการเมืองหรือ”
“ถ้าพ่อเปิดบ่อนพนันได้ พ่อยากจะมีอะไรล่ะ เงินหรืออำนาจ”
ชัยยงค์ครุ่นคิด อาฆาตมาดร้าย
บุญถิ่นเร่งมือจนหัวฟูเพื่อทำอาหารเช้าสำหรับคนหลายคน จำเรียงวิ่งลงมาส่งเสียงเร่ง
“น้า เร็วๆ นี่มันเกือบเจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ อาหารเช้ายังไม่ได้ตั้ง ฉันตั้งแต่กาแฟไว้เฉยๆ เร่งมือหน่อยซี”
“เฮ้ย นี่กูก็เร่งจนมือเป็นระวิงแล้ว คนเยอะ คนนั้นจะกินไอ้นี่ คนนี้จะรับประทานไอ้นั่น จนไม่รู้จะรับใช้ใครแล้ว”
“ก็ไม่ดีหรือน้า คุณปฐวีเอาเลขาฯ เข้ามาอยู่ในบ้านอีกสองคน น้าจะได้มีพวก เอ๊ย เจ้านายเพิ่มขึ้นไงล่ะ”
“ข้า งง งงจริงๆ ทำไมคุณปฐวีถึงได้ทำอย่างนี้ แค่มีผู้หญิงสองคนอยู่บ้านเดียวกัน ยังยุ่งไม่พออีกหรือ นี่มีตั้ง”
“มีตั้งสี่คน ซ้ำยังมีคุณนายเถาว์เครือกับคุณป้าตลับนาค ท่าทีฤทธิ์เดชพอฟัดพอเหวี่ยงกันเลย น้ารับเละแน่”
“ไม่รู้ล่ะ ข้าเป็นข้ารับใช้ของคุณนายเถาว์เครือ ถ้าใครจะมาเป็นพวกของคุณนายข้าถึงจะยอมศิโรราบคาบขวด แต่ถ้าใครไม่ ได้เจอดีแน่”
บุญถิ่นยิ้มเหี้ยม
ชิดชบานั่งกอดอกนิ่งๆ เพื่อรออาหารเช้า ระรินและยุวดีวิ่งแต่งตัวลงมาแทรกตัวลงนั่ง เถาว์เครือมองเหยียดหยาม
“โฮ้ย นอนเพลิน เกือบลืมตื่นแน่ะ นี่กี่โมงแล้ว” ระรินโวย
“ฉันก็หลับยาวตั้งแต่เมื่อคืน เอ่อ ยังทันใช่มั้ยคะคุณนาย”
ยุวดีหันมาถามเถาว์เครือ
“ย่ะ”
ตลับนาคตัดบท
“เสิร์ฟอาหารเช้าเถอะ จำเรียง”
“ค่ะ”
จำเรียงเริ่มรินกาแฟ เริ่มที่ชิดชบาก่อนคนอื่นๆ ตลับนาคสั่งต่อ
“แล้วเสิร์ฟขนมปังเลย”
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 7 (ต่อ)
ระรินโวย
“ขนมปัง ว้า ไม่มีข้าวหรือ”
“เมนูของทุกมื้อจะเปลี่ยนไป ไม่ซ้ำกันในแต่ละอาทิตย์ มื้อเช้าเจ็ดโมงครึ่ง มื้อกลางวันเที่ยงตรง บ่ายสามมีน้ำชากับของว่าง อาหารค่ำหนึ่งทุ่ม”
ตลับนาคชี้แจง ชิดชบาพูดต่อ
“ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะคะ”
“แล้วนี่คุณปฐวีตื่นหรือยัง ฉันสงสัยจังว่าคุณปฐวีนอนห้องไหน ห้องคุณหรือว่าห้องของ”
ระรินมองเถาว์เครือ
“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้หมายถึงคุณนาย แต่หมายถึง”
โสมสุภางค์วิ่งลงบันไดมา ผูกสายเสื้อคลุมไปพลาง อย่างร้อนใจ
“คุณแม่คะ วีล่ะคะ เมื่อคืนนี้วีไม่ได้ไปนอนที่ห้องของหนูค่ะ”
“เขาไปแล้ว”
เถาว์เครือมึนตึง
“ไปตั้งแต่ตีห้า”
“วีน่ะหรือคะ ออกไปแต่เช้า”
“คุณปฐวีออกแต่เช้าเพราะสายรถติด”
“เขาคงจะหลบหน้าคุณ เพราะตอบคำถามคุณไม่ได้ว่าเมื่อคืนนี้เขานอนที่ไหน”
ชิดชบาพูดยั่ว
“ยังไงเขาก็ไม่ได้นอนห้องเธอหรอก เพราะตอนนี้เขามีทางเลือกใหม่ ถึงผู้หญิงของเขาอีกสองคนจะท่าทางเหมือนเสือโหย แต่ยังไงก็คือผู้หญิง”
ระรินและยุวดีถลันเข้ามาหาโสมสุภางค์ด้วยความโกรธ เถาว์เครือรีบเข้ากั้นไว้
“อย่านะ อย่ามาแตะต้องลูกสาวฉันนะ ลูกสาวฉันคือคนที่ปฐวีเขาจะแต่งงานด้วย โฮ้ย ทำไมมันถึงได้ยุ่งอย่างนี้นะ ฉันปวดหัวไปหมดแล้ว แล้วจะมีเรื่องอะไรยุ่งอีก”
บุญถิ่นถลาเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้ของชัยยงค์ ดีใจ ประจบ
“คุณนายขา มีคนส่งดอกไม้มาให้คุณนายอีกแล้วค่ะ”
สายตาทุกคู่หันมามองดอกไม้ เถาว์เครือแปลกใจ
“อีกแล้วหรือ”
“ค่ะ นี่ไงคะนามบัตรของชัยยงค์ค่ะ”
“คุณชัยยงค์”
เถาว์เครือรับดอกไม้ไว้ หน้าเจื่อนๆ ชิดชบามองอย่างครุ่นคิด
สมควรทำหน้าที่ขับรถให้ปฐวี เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปฐวีมองที่หน้าจอโทรศัพท์เป็นรูปโสมสุภางค์
“คืนนี้ผมคงกลับดึก หรืออาจจะไม่กลับ คุณทานมื้อค่ำก่อนเลย ไม่ต้องรอผม”
ปฐวีตัดสายโสมสุภางค์ ปิดโทรศัพท์ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แววตาเจิดจ้าไปด้วยความสุข ในขณะที่โสมสุภางค์เดินไปมาอย่างร้อนใจ เมื่อปฐวีตัดสาย
“วี วีคะวี”
โสมสุภางค์พยายามโทร.หา ปฐวี แต่ปฐวีปิดโทรศัพท์
“วี โธ่ ทำไมต้องปิดโทรศัพท์นะ นี่คุณกำลังทำอะไร”
เถาว์เครือเดินลงมาจากตึก แต่งตัวพริ้ง มีความสุข
“โสมสุภางค์ แม่จะออกไปข้างนอกนะ แม่มีนัดกินมื้อกลางวันกับคุณชัยยงค์ เขาคงจะมีเรื่องปรึกษาแม่เรื่องบ้าน”
“บ้าน”
“ก็บ้านหลังนี้ไงล่ะ ต้องรวบรัดถือครองกรรมสิทธิ์ ก่อนที่แม่จะเป็นไมเกรน”
“คุณชัยยงค์มาเกี่ยวอะไร”
“เขาทำธุรกิจอสังหาฯ เขารู้เรื่องทำบ้านเก่าให้มีมูลค่าเพิ่ม แม่ว่า เราอาจจะได้ประโยชน์จากคุณชัยยงค์ก็ได้ แม่จะรีบไปรีบกลับ”
เถาว์เครือรีบขับรถออกไป โสมสุภางค์มองด้วยความสงสัย
ธวัชพงษ์ถ่ายรูปตัวอาคารซึ่งเริ่มก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างขึ้น สมควรขับรถเข้ามาจอด ปฐวีเห็นธวัชพงษ์พอดี
“คุณเข้ามาทำอะไรที่นี่”
“ผมมาหาข้อมูลที่เกี่ยวกับบ่อนพนัน”
“บ่อนพนัน”
“บ่อนพนันที่มีผู้มีอิทธิพลสร้างขึ้นกลางกรุง เพื่อให้กรุงเทพฯเป็นเมืองอาชญากรรมอย่างสมบูรณ์แบบ”
“นี่คุณคิดว่า”
“พวกคุณฆ่ากันเองเพราะช่วงชิงผลประโยชน์น่ะ ผมไม่เกี่ยว แต่คุณไม่มีสิทธิ์ฆ่าประเทศนี้ให้ตายเพราะพิษพนัน”
“คุณ”
“คุณจะมีเงินไปถึงไหน คุณก็รู้นี่ว่าเงินซื้อความตายไม่ได้ คุณกำลังใช้เงินเพื่อการแก้แค้น”
ปฐวีนิ่งอึ้ง จ้องหน้าธวัชพงษ์
“ผมรู้นะ ผมรู้ ว่าพ่อของคุณถูกโกง คุณถึงได้แก้แค้นด้วยการโกงทุกคน ผมจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางคุณ”
ธวัชพงษ์ถอย ชี้หน้า
“ผมจะฉีกหน้ากากคุณ ผมจะทำให้ทุกคนรู้ว่า จริงๆ แล้ว คุณเป็นแค่ ไอ้ขี้โกง”
ธวัชพงษ์ถอยห่างออกไป ปฐวีงงงัน ขึ้นมานั่งในรถด้วยแววตาเงียบขรึม พึมพำเบาๆ ด้วยความโกรธ
“ไอ้ขี้โกงหรือ”
ชัยยงค์พาเถาว์เครือมาที่ร้านอาหารหรู วางมือลงบนหลังมือของเถาว์เครือ พยายามหว่านล้อมให้เถาว์เครือเสียศรัทธาในตัวของปฐวี ด้วยท่าทีอ่อนโยน สง่างาม น่าเชื่อถือ
“ครับ ผมได้ยินมาว่าเขาโกงพนันคุณชิดชงค์ คุณชิดชงค์ถึงแพ้เขาจนต้องฆ่าตัวตาย คุณต้องหาทางยึดกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้น ก่อนที่เขาจะโกงลูกสาวของคุณ”
“แต่ว่า”
เถาว์เครือดึงมือออกอย่างละอายใจ
“เขาจะแต่งงานกับโสมสุภางค์นะ”
“การแต่งงานมันอาจจะเป็นแค่ฉาก ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูดี ดูน่าเชื่อถือ บ้านมีมูลค่าสูงอย่างนั้น คุณคิดหรือว่าชิดชบาจะยอมปล่อยมือ ผมว่าหาทางรวบรัด ทำเรื่องยาวนี่ให้สั้นลงดีกว่า ขืนปล่อยให้มันยืดเยื้อต่อไป คุณอาจจะพลาด”
“พลาดหรือ”
“คุณเป็นคนฉลาด แต่คนฉลาดหลายคนที่ขาดความเฉลียว คุณยังไม่เฉลียวใจอีกหรือ เขาโกงคุณชิดชงค์ได้ ทำไมเขาจะโกงลูกสาวคุณไม่ได้”
“นี่ คุณ คนที่คุณพูดถึงน่ะ เขาเป็นว่าที่ลูกเขยของฉันนะ”
“ใช่ เขาถึงมีความสำคัญกับหนูโสมสุภางค์ มากกว่าคุณ ซึ่งเป็นแม่ไงล่ะ หาทางยึดกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นให้เร็วที่สุด เชื่อผม”
ชัยยงค์ยิ้มเจ้าเล่ห์
ชิดชบาเปิดประตูห้องเก็บไวน์ ภายในคฤหาสน์เข้ามา เดินสำรวจไวน์ ชะงักเมื่อได้ยินเสียง รีบเข้ามุมหลบ เถาว์เครือดึงมือโสมสุภางค์เข้ามา โสมสุภางค์สะบัด
“ไม่ค่ะ หนูไม่เชื่อคุณชัยยงค์ เขาอาจจะรู้จักเบื้องหน้าเบื้องหลังของวี เพราะเขาเป็นนักพนัน แต่เขาจะมาหวังดีอะไรกับเรื่องของหนูกับวี”
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อ แม่ก็อยากให้ฟังไว้ ที่เขาพูดก็ถูก ถ้าไม่รีบยึดกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ เราจะอาจจะพลาดก็ได้ เพราะนังชิดชบามันเป็นนกรู้”
“ชิดชบา”
“ไม่เห็นหรือ ตอนนี้มันเก็บตัวเงียบ ไม่ออกไปนัดพบกับคุณชายเอี่ยว เพราะมันระวังตัวไม่ทำผิดเงื่อนไขของสัญญา”
“เอ่อ”
โสมสุภางค์เริ่มลังเล
“รีบแต่งงานเร็วๆ แล้วจดทะเบียนกับปฐวี”
“คุณแม่ คุณแม่จะทำอะไรคะ”
“เอาเถอะ แต่งงานเสียก่อน แล้วแม่จะวางแผนร่วมกับคุณชัยยงค์ ยึดบ้านหลังนี้จากปฐวี”
“ไม่นะคะ หนูรักวี เราแค่ต้องการบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอ เพราะหนูจะเอาชนะชิดชบา นี่จะถึงกับฆ่าแกงกันหรือคะ”
“โสมสุภางค์ ฟังแม่นะ ถ้าหนูทำให้ปฐวีเขาโอนบ้านให้หนูได้ แม่ก็จะทำให้นังชิดชบามันไร้ตัวตน”
ชิดชบาแอบฟังอยู่ ตื่นตกใจ
“เอ่อ นี่เรากำลังพูดถึงการฆ่ากันหรือคะ”
“ใช่ ถ้ามันจำเป็น เราต้องเป็นฝ่ายลงมือ”
“เอ่อ”
โสมสุภางค์เริ่มกลัว
ชิดชบาเปิดประตูเข้ามา สีหน้าแววตายังหวั่นกลัว
“แค่ความโลภ มันทำให้ถึงกับลงมือฆ่ากันเชียวหรือ”
ตลับนาคเปิดประตูเข้ามาพร้อมแจกันดอกไม้
“ชิดชบา เป็นอะไร”
“เอ่อ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
“คุณปฐวีเขากลับมาแล้วนะ จะไม่ลงไปรับหน้าเขาหน่อยหรือ”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะคุณป้า คนมีอำนาจราชสีห์อย่างเขา คงมีคนรับหน้าจนหน้าสลอนแล้วละค่ะ หนูไม่ทานมื้อค่ำด้วยนะคะ เบื่อค่ะ”
ชิดชบาเข้าห้องน้ำ ปิดประตู ตลับนาคมองด้วยความสงสารหลานสาว
โสมสุภางค์ยืนบนเชิงบันได มองระรินถอดรองเท้าให้ปฐวี ยุวดีประคองแก้วน้ำเข้ามา แล้วนวดไหล่ให้
ปฐวีนั่งหลับตานิ่ง โสมสุภางค์ปวดร้าว แต่ทำทีเข้มแข็ง เดินลงบันไดมาหยุดตรงหน้าปฐวี ระรินและยุวดีต่างเชิดหน้า
“ชิดชบา”
ปฐวีหลับตาอยู่ คิดว่าเป็นชิดชบาเข้ามาหา โสมสุภางค์ได้ยินยิ่งเจ็บปวด
“ฉันเองค่ะ”
ปฐวีลืมตาขึ้น
“อ้อ คุณ”
“เธอสองคนออกไปได้แล้ว ฉันมีเรื่องจะพูดกับวี”
ระรินยักไหล่ ยุวดีแบะปากก่อนเดินออกไป
“มีเรื่องอะไรจะพูดกับผม”
“วีคะ ที่คุณชนะพนันคุณชิดชงค์น่ะ คุณโกงเขาหรือคะ”
ปฐวีนิ่ง มองหน้าโสมสุภางค์
“ทำไมคุณถามผมแบบนี้”
“เอ่อ คือว่า ฉัน ฉันแค่สงสัยน่ะค่ะ คุณชิดชงค์เป็นนักพนันเก่า เขาแพ้คุณได้ยังไง”
ปฐวีดึงโสมสุภางค์เข้ามานั่งลงใกล้ๆ โอบกอดไว้ ยิ้มอารมณ์ดี
“คุณรู้มั้ย ว่านักพนันน่ะ ไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอก มันอยู่ที่วันนั้น โชค จะอยู่กับใคร”
“โชค หรือคะ”
“พักนี้ผมได้ยินคำว่าโกงบ่อยมาก ใครเป็นคนเอาความคิดแบบนี้ยัดเข้ามาในสมองของคุณ”
ปฐวีจ้องหน้าโสมสุภางค์อย่างจริงจัง จนโสมสุภางค์เริ่มหวั่นไหว
ปฐวีและเถาว์เครือโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เหนือบันได
“ฉันมีสิทธิ์คิดนั่นคิดนี่เรื่องของคุณเพราะฉันเป็นแม่โสมสุภางค์ ลูกของฉันกำลังจะแต่งงานกับคุณ แต่คุณก็ยังกวาดต้อนผู้หญิงเข้ามาอยู่ในบ้านเหมือนกวาดขยะ แล้วจะให้ฉันรู้สึกมั่นคงกับคุณได้ยังไง”
“ผมถามว่าใครเป็นคนกล่าวหาว่าผมขี้โกง”
ปฐวีเจ็บปวดกับคำนี้ เพราะพ่อของตนเคยถูกโกงจนต้องฆ่าตัวตาย
“แล้วมันจริงหรือเปล่า”
“ผมถามว่าใครกล่าวหาว่าผม ขี้โกง”
“คนที่เขาหวังดีต่อฉัน กลัวว่าลูกฉันจะเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ทั้งที่เสี่ยงแต่งงานกับคุณเพราะรัก ทำให้ฉันรู้สึกมั่นคงกว่านี้ซี ฉันจะได้เชื่อคุณคนเดียว ไม่เชื่อคนอื่น”
“ผมทำให้คุณแม่รู้สึกอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าคุณแม่ไม่มีศรัทธาในตัวผม ผมจะขี้โกง หรือถูกโกง ไม่ใช่เรื่องที่คุณแม่จะต้องรู้”
“นี่คุณหาว่าฉันเป็นคนอื่นหรือ”
“ผมกำลังบอกว่า อย่ายุ่งเรื่องของผม”
ปฐวีจ้องมองเถาว์เครืออย่างดุดัน
อรุณณรงค์นั่งมองโทรศัพท์ ก่อนตัดสินใจกดเบอร์ของชิดชบา อุราศรีเดินเข้ามา
“ไม่มีใครรับสายใช่มั้ยคะ”
“เอ่อ”
“ชิดชบาอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้โทรศัพท์ หรืออาจจะแบตหมด หรืออาจจะ มีเหตุผลตั้งร้อยแปดข้อที่คนจะรับโทรศัพท์ไม่ได้”
อุราศรีดึงโทรศัพท์จากมือของอรุณณรงค์มาปิดเครื่อง
ปฐวีเปิดประตูห้องเก็บไวน์เข้ามาด้วยท่าทีอ่อนล้า ชะงักเมื่อเห็นชิดชบานั่งดื่มไวน์อยู่ เขามองตั้งแต่ปลายเท้าเปลือยของชิดชบา ไปตามท่อนขา เนื้อตัวและใบหน้า
“ผมไม่คิดว่าคุณจะอยู่ในห้องนี้”
ชิดชบาคว้าแก้วไวน์ที่ดื่มค้าง ขวดไวน์ที่พร่อง ลุกขึ้นยืน ขยับจะเดินออกไป ปฐวีขวางไว้
“อย่าเพิ่งไป แล้วเลิกทำหน้าเหมือนผมป็นยักษ์เสียทีเถอะ ผมเหนื่อย”
ชิดชบานั่งลงเหมือนเสียไม่ได้ เมิน นิ่ง
“คุณสบายดีนะ”
ชิดชบาดื่มไวน์
“ผมเหนื่อยนะ ถามจริงๆ เถอะ เวลาที่คุณปั้นหน้ากับผมนี่ เคยเหนื่อยบ้างมั้ย เดี๋ยวนี้เด็กคนที่พบผมที่ปารีสหายไปไหนนะ เหลือแต่ยายแก่ขี้เมา”
ปฐวีดึงแก้วไวน์ ชิดชบายื้อไว้
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“หึงผมหรือ”
“ทำไมฉันต้องหึงคุณ”
“เราเคยนอนกอดกัน คุณเคยหนุนไหล่ผม แล้วจู่ๆ ผมก็ไม่ใยดีคุณอีก นี่ผมกำลังถามตัวเองนะ ว่าผมเบื่อคุณหรือยังไง”
“ขอบคุณ”
ปฐวีเริ่มยิ้มได้ อาการเหนื่อยล้าจิตใจเริ่มคลายลง
“รู้มั้ย เวลาคุณทำหน้าแบบนี้ เหมือนปลาสดที่เขาส่งเข้าห้องแช่แข็ง ทั้งที่ยังดิ้นได้ พอคลายความเย็นลง คุณก็ยังมีชีวิตชีวา”
ชิดชบาหันขวับ จ้องด้วยความโกรธ
“ฉันไม่ใช่”
“นี่คือคุณไง คุณมีชีวิตชีวาได้ทุกครั้งที่คุณโกรธ”
ปฐวีขยับเข้ามา รั้งเอวชิดชบาไว้
“ผมชอบคุณ”
ปฐวีโน้มตัวลงจูบชิดชบา
อุราศรีเดินมาที่รถ อรุณณรงค์วิ่งตามออกมาด้วยความอาทร อุราศรีรู้สึกเจ็บปวด
“ฟังผมก่อน”
“ฉันว่าเราควรจะกลับไปทบทวนกันใหม่ดีกว่า ยังไม่มีฤกษ์แต่งงาน เลิกตอนนี้ยังทันค่ะ”
“ไม่ ผมจะแต่งงานกับคุณหญิง ขอเวลาผมสักพัก”
“พักยาวหรือพักสั้น ถ้าพักยาวยี่สิบหรือสามสิบปี ฉันคงจะแก่ตายก่อนที่แต่งงานกับคุณ”
“ผมขอร้อง”
อุราศรีขับรถออกไป หม่อมจรัสเรืองยืนมองด้วยความกังวล
ประตูห้องไวน์เปิดออก ชิดชบาและปฐวี เกี่ยวก้อยกันออกมา มองสบสายตากันนิ่ง แต่ปริ่มเปรมไปด้วยความสุข ชิดชบาผละไป ปฐวีมองตามก่อนเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง ระรินและยุวดี โผล่หน้าออกมาจากมุมหลบ ต่างตื่นตระหนก
“เธอเห็นอะไรมั้ย”
“เห็นแล้ว”
ยุวดีแผ่วเสียงเบา
“ไม่อยากเชื่อ”
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 7 (ต่อ)
จำเรียงกระซิบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นกับบุญถิ่นและสมควร
“ฉันก็ไม่อยากเชื่อ ว่าคุณปฐวีกับคุณชิดชบาจะ”
“จะทำไม”
บุญถิ่นแปลกใจ
“ก็”
“นี่ เป็นขี้ข้าเฉยๆ ยังหนักไม่พอหรือยังไง ทั้งปัดกวาด ทำความสะอาด ทั้งรับใช้เจ้านาย ไหนจะจัดการเรื่องอาหารขึ้นโต๊ะ ทำไมต้องไปสอดรู้ให้มันหนักอีกวะ”
“โธ่ ลุง เรื่องแบบนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ มีผู้หญิงสี่คนในบ้าน พอค่ำลงต่างก็สงสัยกันว่าคุณปฐวีจะไปนอนห้องไหนกับใคร”
“นังจำเรียง”
“จ๋า น้า”
“เมื่อคืนนี้เอ็งเห็นคุณปฐวีออกมาจากห้องเก็บไวน์จริงๆ หรือ”
“ก็ ไม่ได้เห็นกะตาหรอก แต่ได้ยินนัง เอ๊ย คุณระรินกับคุณยุวดีซุบซิบกัน”
สมควรตัดบท
“เอาเถอะ เรื่องของเจ้านาย เราเป็นลูกจ้าง ไม่ยุ่งดีที่สุด”
บุญถิ่นสับมีดปังตอลงบนเขียง เคียดแค้น
“แต่ข้าต้องยุ่ง”
“อ้าว น้า”
“เอ็งจะยุ่งทำไมวะ”
“เพราะข้าเป็นคนของคุณนายกับคุณโสมสุภางค์”
บุญถิ่นชิงชังชิดชบา
เถาว์เครือเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนง ปกปิดความเจ็บปวดผ่านแววตาชิงชังที่เริ่มมีต่อปฐวี
“อย่าเอาเรื่องอุบาทว์ชาติชั่วแบบนี้มาเล่าให้ฉันฟังอีก ฉันไม่ต้องการให้โสมสุภางค์รู้ว่าปฐวีกับนางบำเรอของเขามีพฤติกรรมยังไง”
“แต่ว่าคุณนายคะ”
โสมสุภางค์กำลังจะเดินผ่าน ชะงัก หยุดยืนฟัง ในมุมที่เถาว์เครือและบุญถิ่นมองไม่เห็น
“คุณนายเป็นคนสั่งให้อิฉันคอยจับตามองมันไว้ ยิ่งตอนนี้ไม่รู้ใครต่อใคร เข้ามาอยู่กันให้เต็มไปหมด มันนิ่งๆ มันอาจจะ”
“ปฐวีเขาก็แค่จะทำให้มันหัวปั่น”
“แต่ตอนนี้คุณนายกำลังจะหัวปั่นแทนนังชิดชบา”
“อย่ามาสาระแนรู้ดี”
โสมสุภางค์ขมวดคิ้วสงสัย
“ฉันไม่ยอมให้เขาปั่นหัวฉันหรอก จำไว้นะ อย่าเอาเรื่องแบบนี้ไปเล่าให้โสมสุภางค์ฟัง ถึงลูกฉันจะทำใจได้ แต่โสมสุภางค์ก็เป็นผู้หญิง”
“ก็”
“ว่าแต่เรื่องที่แกเล่าให้ฉันฟัง เรื่องจริงหรือ”
บุญถิ่นรีบขยับเข้ามาใกล้ๆ อย่างประจบ
“จริงค่ะคุณนาย เหตุเกิดในห้องเก็บไวน์ นังระรินกับนังยุวดีเป็นคนเห็นคุณปฐวีกับนางบำเรอ ออกมาจากห้องนั่นตอนเช้าค่ะ”
โสมสุภางค์สะเทือนใจ
โสมสุภางค์เข้ามาในห้องเก็บไวน์ ขว้างขวดไวน์แตกกระจาย ด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด ก่อนทิ้งตัวลงนั่ง ซบหน้าลงร้องไห้ ชิดชบาเดินเข้ามา หน้านิ่ง แต่แววตาเศร้าหมอง
“คุณไม่ควรลงมาที่นี่เลย”
โสมสุภางค์พรวดพราดลุกขึ้นยืน รีบปาดน้ำตาทิ้ง เชิดหน้า เสแสร้งเข้มแข็ง เผชิญหน้าชิดชบา
“ห้องนี้เป็นห้องที่พ่อของฉันสร้างขึ้นเพื่อเก็บไวน์ พ่อเป็นนักสะสมไวน์พวกนี้มาจากทุกแห่งของโลก ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อเมริกา แต่ตอนนี้มันเป็นห้องที่ฉันจนมุม”
“คนอย่างเธอน่ะหรือจนมุม ฉันว่าคงไม่ใช่หรอก เธอใช้ห้องนี้ดักแมลงต่างหากล่ะ แมลงเพศผู้อย่างปฐวี”
“ถ้าเขาเป็นแค่แมลง คุณจะเสียน้ำตาให้กับสัตว์ปีกอย่างเขาทำไม คุณรู้มั้ยว่าผู้หญิงเราเจ็บปวดเพราะอะไร”
“เพราะอะไร”
“เพราะเรารักคนอื่นมากกว่าตัวเอง”
“เตือนตัวเองให้มากๆ ไม่ต้องมาเตือนฉัน เพราะถึงยังไงฉันก็ได้แต่งงานกับปฐวี เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา บ้านหลังนี้จะต้องเป็นของฉัน เธอจะไม่ได้อะไรกลับไปเลยนอกจาก เปลืองตัว”
โสมสุภางค์ผละออกไป ชิดชบาทรุดลงนั่งช้าๆ อย่างสะเทือนใจ
“เปลืองตัวหรือ”
แพรวาดับไฟ ล็อคกุญแจคลินิก ก่อนเดินไปที่รถ ธวัชพงษ์ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แพรวาทำหน้าเบื่อๆ
“คราวนี้มีเรื่องอะไรอีกล่ะ”
“คุณปฐวีเขาเร่งงานก่อสร้างบ่อนพนัน ให้เสร็จเร็วกว่ากำหนด”
“ธวัชพงษ์ คุณแน่ใจหรือว่าเขาสร้างบ่อนพนันกลางเมือง ฉันว่าไอ้ที่คุณคิดอาจจะผิด”
“ไม่ผิดแน่ เขาไม่ได้ปฏิเสธ เขาอาจจะเห็นว่าผมไม่มีน้ำยาจะไปค้านอะไรเขาได้ หรือ เขาอาจจะซื้อสื่อไว้ในมือ”
“แล้วสื่ออย่างคุณซื้อได้หรือ”
แพรวาเดินไปที่รถ เปิดล็อคประตู ธวัชพงษ์รีบเปิดเข้าไปนั่งด้วย
“มีสื่อบางจำพวกขายตัวให้กับผู้มีอิทธิพล เป้าหมายของเขาคงไม่ใช่แค่เปิดบ่อนหาประโยชน์ แต่มันไปไกลกว่านั้น แล้วคนพวกนี้ถ้าเราหยุดไม่ได้ เขาจะเติบโต เป็นมะเร็งร้ายของสังคมไทย”
“นี่ ฉันเหนื่อยนะ ฉันอยากกลับบ้าน”
“ผมก็เหนื่อย ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า เอ่อ ผม อ้า ถังแตกน่ะ”
“สัญญาได้มั้ย ถ้าฉันเลี้ยงข้าวคุณแล้ว คุณจะไปไกลๆ”
“มันก็ขึ้นอยู่ว่า ผมจะอิ่มมากหรืออิ่มน้อย ถ้ากินเต็มที่ อิ่มยาวไปถึงพรุ่งนี้ มะรืน หรือมะเรื่อง คุณก็ไม่ได้เห็นหน้าผมอีกสามวัน”
แพรวาทำหน้าเบื่อๆ ก่อนขับรถออกไป
ปฐวีกลับบ้านมา สมควรหิ้วกระเป๋าเอกสารไปส่งให้จำเรียง ระรินและยุวดีเดินเข้ามาหยุดยืนบนบันได ปฐวีหันไปบอกจำเรียง
“ไม่ต้องตั้งโต๊ะนะ ฉันอิ่มมาแล้ว”
“ค่ะ”
ปฐวีเดินขึ้นบันได มองระรินและยุวดี โสมสุภางค์เดินเข้ามาด้านหลังสองสาวอย่างเงียบๆ ปฐวีเดินเลยสองสาวไปควงแขนโสมสุภางค์
“กลับมานานหรือยังคะ วี”
“ผมเพิ่งกลับ”
“แล้วทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ผมเรียบร้อยมาแล้ว”
โสมสุภางค์มองระรินและยุวดีด้วยแววตาเยาะหยัน ก่อนดึงแขนปฐวีออกไป สองสาวต่างผิดหวัง หันไปตวาดจำเรียง
“มองอะไร”
“ไม่ต้องอยากรู้อยากเห็นนักหรอก ไม่ใช่หน้าที่”
“เธอด้วย ยังไงคุณปฐวีเขาก็ไม่เห็นตัวตนของเธอหรอก”
ยุวดีย้ำบอกระริน
“หรือว่าเขาเห็นเงาของหล่อน ยะ”
ระรินเถียงกลับ จำเรียงมองมีดปอกผลไม้สองเล่มที่วางอยู่ รีบยัดกระเป๋าเอกสารของปฐวีใส่มือสมควร
คว้ามีดวิ่งขึ้นไปให้สองสาว
“เอาเลยค่ะ แทงกันเลย เดี๋ยวนี้เวลาเขาแย่งชิ้นส่วนกัน เขาก็ใช้วิธีฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง เอาเลยค่ะ สาม สอง หนึ่ง”
ระรินและยุวดีสะบัดหน้า แยกออกจากกัน
ธวัชพงษ์นั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางอย่างเอร็ดอร่อย แพรวาเท้าคางมองอย่างเงียบๆ
“เฮ้อ อิ่มครับ”
“ควรจะอิ่ม คนอะไรกินเข้าไปได้ตั้งสี่ชาม”
“ก็คุณหมออยากให้ผมไปตายเอาดาบหน้า ไปตายไกลๆ ผมก็ต้องรับประทานเยอะๆ จะได้มีแรงไปไกลๆ ไงครับ”
“นี่ ตั้งแต่เราพบหลวงพ่อท่านที่ท่าข้าวนั่น ฉันอยากให้คุณมีมุมมองใหม่มองคุณปฐวี”
“เขาเป็นคนขี้โกงแน่ เขาเป็นนักพนัน ทำเรื่องร้ายๆ ไว้กับคุณชิดชบา เขาเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็แค่การสร้างภาพ เดี๋ยวนี้ถ่ายรูปลงเฟซยังแอ๊บแบ๊วเลย แล้วทำไมคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาจะทำไม่ได้”
“คุณอคติกับเขามากเกินไปหรือเปล่า”
“คุณยังรู้สึกดีๆ กับเขาเหมือนเดิมหรือเปล่าล่ะ”
แพรวาเมินหน้า หลบสายตา
“ฉันเป็นเพื่อนกับโสมสุภางค์ มีหน้าที่หวังดีต่อเพื่อน อย่าพูดจาเหลวไหลกับฉันอย่างนี้นะ”
“ผมขอโทษ เราแค่ร่วมมือกันหาความจริง ไม่ใช่แค่ช่วยทำให้สังคมสะอาด แต่ได้ช่วยทั้งคุณโสมสุภางค์ ทั้งคุณชิดชบาด้วย”
“โสมสุภางค์แจกการ์ดแต่งงานแล้ว ฉันจะช่วยอะไรได้”
“หยุดงานแต่งงานนั่น อย่าให้มันเกิดขึ้น”
ธวัชพงษ์ยื่นหน้าเข้ามา สีหน้า แววตาจริงจัง
หม่อมจรัสเรืองกำลังเลือกเสื้อผ้าชุดราตรีงดงามที่ช่างเสื้อนำมาเสนอ อรุณณรงค์ยืนเหงาๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง
“ชายเอี่ยว ช่วยแม่เลือกชุดที่จะใส่ไปงานแต่งงานคุณปฐวีกับโสมสุภางค์ทีลูก”
“ชุดไหนก็ได้ครับ ผมก็เห็นสวยๆ ทั้งนั้น”
“สองสามวันมานี่ แม่ไม่เห็นคุณหญิงอุราศรีเลยนะ”
“คงจะงานยุ่งน่ะครับ”
“คุณหญิงอุราศรีคงได้รับการ์ดเชิญ เราไปกันเป็นครอบครัวดีมั้ยลูก จะได้ประกาศให้คนในสังคมรู้ว่ายังมีคู่แต่งงานอีกคู่ที่เหมาะสม ไม่แพ้คุณปฐวีกับโสมสุภางค์”
อรุณณรงค์หลบสายตา
“เอ่อ”
“แต่แม่สงสัยว่าวันแต่งงานของคุณปฐวี นางบำเรออย่างชิดชบาจะทำยังไง ไปงานแต่งงาน หรือว่าหลบไปทำใจ”
อรุณณรงค์ยิ่งกังวล เป็นห่วงชิดชบา
เงาสะท้อนของกระจกเงาบานสูง ชิดชบาสวมผ้าแพรโปร่งเบา โทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนสั่น เธอหันไปมองข้อความที่ส่งมา
“ผมต้องพบคุณ ไม่อย่างนั้น ผมต้องตาย”
ชิดชบาลังเล
“คุณชายอรุณณรงค์”
อรุณณรงค์ขับรถออกไปอย่างรีบร้อน สวนทางกับรถของอุราศรี อุราศรีรีบจอดรถ มองกระจกส่องหลังด้วยความสงสัย ชั่งใจ
อรุณณรงค์นัดเจอกับชิดชบาที่สนามหลวง ทั้งคู่เดินอ้อยอิ่งมาด้วยกัน
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมเราต้องนัดพบกันที่นี่”
“สนามหลวงเป็นที่กว้างค่ะ มีแสงสว่างมากพอที่จะเตือนสติเราสองคน มีอะไรหรือคะ ที่ทำให้คุณชายเอี่ยวต้องตายถ้าไม่ได้พบฉัน”
“อีกสามอาทิตย์คุณปฐวีจะแต่งงานแล้ว คุณจะทำยังไง จะอยู่ร่วมบ้านกับเขา ทั้งที่เขามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“ฉันจะอยู่ที่นั่นค่ะ เหลือเวลาอีกไม่นาน ฉันทนได้ ไม่มีอะไรที่ผู้หญิงทนไม่ได้หรอกค่ะ ฉันจะใช้เครื่องช่วย”
“อย่า เหล้าก็แค่ทำให้คุณลืมความทุกข์ชั่วครู่ชั่วยาม พอสร่างคุณก็ทุกข์อีก ไม่มีทางอื่นเลยหรือ”
ทั้งสองเดินผ่านรถของอุราศรีที่จอดอยู่ อุราศรีมองด้วยแววตาเจ็บปวด เริ่มเกลียดชังชิดชบา
“อย่าห่วงฉันเลยค่ะ ฉันมีภูมิคุ้มกันมากกว่าที่คุณชายคิด ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ เพราะความห่วงใยของคุณชายจะทำให้ก้าวของฉันช้าลง”
“ชิดชบา”
“คุณมีหน้าที่แต่งงานกับผู้หญิงที่หม่อมท่านเลือก ฉันมีหน้าที่ลุยเอาบ้านของฉันคืน ฉันต้องเอาคืนมาให้ได้”
ชิดชบาเจ็บปวดไม่น้อย
หม่อมจรัสเรืองร้อนใจ อุราศรีก้มหน้าซ่อนน้ำตา
“ไม่นะ ล้มเลิกเรื่องแต่งงานไม่ได้ นี่ถ้ามีฤกษ์แน่ป้าจัดงานแต่งตัดหน้าคุณปฐวีไปแล้ว ป้ารู้ว่าหนูรู้สึกยังไง แต่เห็นแก่ป้าเถอะ ให้โอกาสชายเอี่ยวเขา แม่นั่นน่ะเป็นฝ่ายยั่วยวนหว่านเสน่ห์ชายเอี่ยว ทั้งที่พูดกันแล้ว”
อุราศรีเงยหน้าขึ้นมองหม่อมจรัสเรืองด้วยความแปลกใจ
“หม่อมป้าพูดอะไรกับชิดชบา”
“ป้าขอร้องชิดชบาให้ปล่อยชายเอี่ยวไป”
“แต่ชิดชบาก็ไม่ปล่อย”
“ป้าจะพูดกับชิดชบาให้รู้เรื่อง”
หม่อมจรัสเรืองแค้น ชิงชัง
สมควรวิ่งมาเปิดประตูรั้วให้รถของแพรวาแล่นไป แพรวามองระรินและยุวดีด้วยความแปลกใจ
“ผู้หญิงสองคนนั่น ใคร”
สมควรมองตามสายตาแพรวาออกไปด้วยความอึกอัก
“เอ่อ”
แพรวาเดินเข้ามาหาโสมสุภางค์ ซึ่งยืนจัดดอกไม้ในแจกันสูงกลางห้องโถง
“ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณปฐวีเขาเอาผู้หญิงเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับเธออีกสองคน ทั้งที่ ที่มีอยู่แล้วเธอก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
“แพร ก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าน่ะ เธออย่าไปให้คะแนนพวกนั้นเลย รู้แต่เขารักฉันก็พอแล้ว”
“ความรักของคุณปฐวี ออกแบบมาแบบไหนนะ ทำไมมันถึงได้มากมายอย่างนี้ แล้วเธอจะมีความสุขหรือ ถ้าเธอแต่งงานกับเขาไปแล้ว ยังไม่เลิกพฤติกรรมเก่าๆ”
“นี่ แพร เธอกำลังเข้าใจผิดนะ เขาไม่ได้พาผู้หญิงเข้ามาป่วนฉันหรอก แต่เขาพาพวกนั้นเข้ามาป่วนชิดชบา”
“ป่วนชิดชบาหรือ ทำไม”
“เขาคงอยากจะแก้แค้นนางล่ะมั้ง นางทำท่ายะโสโอหัง ทำเป็นไม่ยอมก้มหัวให้เขา เขาก็เลย”
“เขาแก้แค้นชิดชบาเรื่องอะไร เธอไม่อยากรู้เรื่องภูมิหลังของเขาบ้างเลยหรือ”
“ไม่อยากรู้ เพราะสำหรับฉันแค่รักปฐวีก็พอแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ต้องการอะไรเยอะ นอกจากความรัก”
“แล้วชิดชบาล่ะ นอกจากต้องการบ้านหลังนี้คืนแล้ว ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไร”
แพรวาจ้องหน้าโสมสุภางค์
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 7 (ต่อ)
ชิดชบาเดินเร็วๆ ลงมาจากตึก ชะงักไป หน้าเจื่อนลงทันทีที่เห็นหม่อมจรัสเรืองรออยู่ด้วยท่าทีโกรธจัด
“หม่อมท่าน”
“ฉันผิดหวังจริงๆ นะ นึกว่าพูดกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก นี่เธอจะไม่ยอมปล่อยชายเอี่ยวจริงๆ หรือ แล้วถ้าเธอจะเก็บเขาไว้ จะเก็บเขาไว้ในฐานะอะไรไม่ทราบ”
“เอ่อ คือว่า”
ชิดชบาหลบสายตา รู้สึกผิด ตลับนาคเดินลงมาด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรกันหรือคะ”
“มี คุณคงจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของชิดชบาซีนะ แปลก ท่าทางก็ดูดี แต่ทำไมถึงได้เลี้ยงลูกหลาน ไม่สั่งสอนให้มีสำนึกดีบ้างเลย แค่ชิดชบายอมขายตัวเป็นนางบำเรอ ก็ฉาวจนคนนินทาไปทั่วเมือง เลี้ยงลูกยังไง ถึงได้ปล่อยให้ลูกหลานทำตัวเสื่อมได้อย่างนี้”
“เอ่อ หม่อมคะ คุณป้าไม่เกี่ยวหรอกค่ะ”
“ไม่เกี่ยวได้ยังไง อ้อ เป็นป้า มีฐานะเป็นญาติผู้ใหญ่ ท่าทางก็ดูดีนี่ แต่ท่าทางดูดีน่ะ อดีตก็อาจจะเคยมีพฤติกรรมแบบหลานสาว”
ตลับนาคสะเทือนใจ
“คือเป็นพวกที่ชอบแย่งของคนอื่น”
“คุณป้าคะ กลับขึ้นตึกเถอะค่ะ หนูจะอธิบายให้หม่อมท่านเข้าใจเอง”
“ไม่ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเข้าใจใครง่ายๆ หรอก ป้าเป็นป้า ป้าต้องอยู่กับหนู หม่อมควรจะกลับไปออกแบบชีวิตคุณชายเอี่ยวเสียใหม่ อย่าให้มายุ่งกับชีวิตของหลานสาวฉัน”
เถาว์เครือกำลังจะออกไปนอกบ้าน เดินลงมาจากตึก ชะงักฟังความด้วยความสนใจ
“เรื่องแบบนี้ปรบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกค่ะ มันต้องปรบสองข้าง”
“คุณ”
เถาว์เครือเดินเข้ามา
“คุณตลับนาคพูดถูกค่ะ ต้องปรบมือสองข้างเสียงมันถึงจะดัง เรื่องฉาวๆ นี่ก็เหมือนกัน ก่อนมันจะเกิดเรื่องฉาวมันต้องเกิดจากการกระทำของคนสองคน ในที่ลับ”
“คุณนาย”
“คงจะลักลอบออกไปพบกันหลังจากที่เธอออกจากห้องเก็บไวน์ซีนะ เธอนี่มันไม่รู้จักอิ่มจักพอเลยนะชิดชบา สมกับ”
“คุณ”
“อย่าค่ะคุณป้า อย่า”
“ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าเธอเป็นชู้กับคุณชายอรุณณรงค์”
เถาว์เครือตีขลุม ชิดชบาตกใจ
ปฐวีชะงักมือที่กำลังปลดเนคไท
“เป็นชู้หรือ”
โสมสุภางค์เข้ามาช่วยปลดเนคไทให้
“ค่ะ ชิดชบายอมรับกับหม่อมจรัสเรืองว่าออกไปพบกับคุณชายอรุณณรงค์เมื่อวาน หม่อมจรัสเรืองแล่นมาเอาเรื่องถึงที่ นางบำเรอของคุณก็เลยจำนนต่อหลักฐาน ยอมรับค่ะว่า มีชู้”
ปฐวีขบกราม เครียด ผละออกไป โสมสุภาค์ยิ้มเยาะ
ขวดไวน์เปล่าหลายใบวางกลิ้งอยู่ในห้องปั้น ชิดชบาอยู่ในสภาพเมาไวน์ ป้ายดินลงบนงานปั้นอย่างสะเปะสะปะ แก้วไวน์กลิ้งอยู่ใกล้ๆ ตัวพร้อมไวน์ขวดที่พร่องไปเกือบหมดขวด ปฐวีผลุนผลันเข้ามา หวงหึงมาก
“คุณทำอะไรลงไป รู้มั้ยว่าคุณกำลังละเมิดเงื่อนไขของผม”
ชิดชบานิ่งเฉย เจ็บปวด ขมขื่น ชะงักมือจากงานปั้น
“เราตกลงกันแล้วว่าเมื่อไหร่ที่คุณทำล้ำเส้น ผมจะยึดบ้านหลังนี้แล้วไล่คุณออกไปทันที”
ชิดชบาขว้างดินใส่หน้าปฐวี แผดเสียงอย่างโกรธจัด ร้องไห้ เคืองแค้น
“ก็เพราะฉันรู้น่ะซีฉันถึงไม่ทำ ฉันต้องการบ้าน ฉันไม่โง่พอที่จะทำลายเงื่อนไขนั่นหรอก ต่อให้เลี่ยมทองมาฉันก็ไม่สน”
“คุณ”
“แม้แต่คุณ ถึงฉันจะขยะแขยงคุณยังไง ฉันยังต้องทน เพื่อบ้าน บ้านหลังนี้ บ้านของฉัน”
ชิดชบากรีดเสียง ทุบอกปฐวี ปฐวีจับมือทั้งสองข้างของชิดชบาไว้ จ้องหน้า ชิดชบานิ่งๆ เริ่มมีสติ
โสมสุภางค์ลงมาด้วยความโกรธ เถาว์เครือฉุดรั้งไว้ บุญถิ่นยืนหลบมุมทำหน้าเจ้าเล่ห์
“ปล่อยหนูค่ะคุณแม่ หนูจะไปที่ห้องงานปั้น”
“อย่า ปฐวีอยู่ที่นั่น นังบุญถิ่นมันบอกแม่”
“ค่ะ พอคุณปฐวีรู้จากคุณนายว่านังนั่นมันออกไปเล่นชู้ คุณปฐวีก็”
“นี่ ไม่ต้องพูดมาก มันเป็นเรื่องที่ฉันจะต้องพูดกับลูกของฉันเอง”
บุญถิ่นหน้าเจื่อนลง
“โสมสุภางค์ ใจเย็นๆ ไว้ลูก ยังไงนังชิดชบามันต้องกระเด็นแน่ ปฐวีเขาคงไม่ยอมปล่อยให้มันสวมเขาอยู่บนบ่าเขาหรอก ป่านนี้เขาคงจะตบมันไม่ยั้งแล้วล่ะ”
โสมสุภางค์ชะงัก เถาว์เครือเยาะหยัน ชิงชังชิดชบา
ปฐวีพยายามปล้ำจูบชิดชบา ชิดชบาตบหน้าเขาอย่างแรง
“ปล่อยนะ ปล่อย ฉันเกลียดคุณ”
“ทำไมต้องปล่อย คุณเป็นสมบัติของผมนะ ผมเป็นเจ้าของคุณ ไม่ใช่เขา คุณไม่ได้ทำอะไรผิดข้อตกลงก็ดีแล้ว”
“ก็ถ้าฉันทำล่ะ”
“อย่ามายั่วโทสะผมนะ ผมรู้ว่าคุณไม่ทำ เพราะความงก คุณไม่ต้องการเสียบ้านหลังนี้ไปเพราะคุณลงทุนเอาเนื้อหนังมังสามาสังเวยผมแล้ว”
“ปล่อยฉัน”
ชิดชบาพยายามต่อสู้ขัดขืนทั้งที่อยู่ในสภาพเมาหนัก จนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของปฐวี ปฐวีจ้องมองชิดชบาด้วยแววตาอ่อนโยนลง
คืนนั้น ตลับนาคยืนพับผ้า จัดเรียงใส่ลิ้นชักด้วยท่าทีทุกข์ระทม เพราะถูกหม่อมจรัสเรืองประณาม เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตลับนาครีบเดินไปเปิด
“ชิดชบา”
ตลับนาคอุทานด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นปฐวีอุ้มร่างที่ไร้สติของชิดชบาเข้ามาวางลงบนเตียงนอน
“เมาครับ ผมเลยอุ้มมาส่งที่ห้อง”
“ชิดชบา ก็ไหนว่าจะเข้าไปทำงานปั้นไงล่ะ”
“ผมรู้สึกว่าชิดชบาดื่มจัดขึ้น ดูแลด้วยนะครับคุณป้า เพราะผมไม่ต้องการให้คนอื่นคิดว่า ผู้หญิงของผมเป็นยายขี้เมา”
ปฐวีเดินออกไป ตลับนาคใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ชิดชบาอย่างห่วงใย
“ชิดชบา ถ้าชีวิตมันยากนักล่ะก็ ทิ้งอะไรๆ ที่แบกหนักเสียบ้างเถอะ บ้านหลังเล็กหลังใหญ่มันจะมีความหมายอะไรถ้ามันมีแต่ไฟร้อน โธ่ หลานป้า”
ตลับนาคร้องไห้เมื่อมองสภาพมึนเมา ทรุดโทรมของชิดชบา
จำเรียงนำขยะออกมาทิ้งแต่เช้าตรู่ ธวัชพงษ์รออยู่ จำเรียงเห็นก็ตื่นเต้น
“คุณธวัชพงษ์ มาแต่เช้าเชียวนะคะ เอ่อ ตอนนี้ ยังไม่มีใครตื่นหรอกค่ะ”
“แม้แต่คุณชิดชบาหรือ”
“คุณมาหาคุณชิดชบาหรือคะ”
“จำเรียง ช่วยผมหน่อยได้มั้ย ผมติดต่อคุณชิดชบาไม่ได้ โทรศัพท์ก็ไม่รับสาย ผมต้องการพบคุณชิดชบา”
“อุ๊ย อย่าเลยค่ะคุณ ตอนนี้คุณชิดชบากำลังยุ่งๆ ค่ะ”
“ยุ่งหรือ ยุ่งเรื่องอะไร”
“ก็เมื่อวานหม่อมแม่ของคุณชายอรุณณรงค์มาที่นี่ คุณปฐวีก็เลยรู้ค่ะว่า ว่า”
“ว่าอะไร”
“ว่าคุณชิดชบาออกไปพบกับคุณชายอรุณณรงค์ คุณนายเถาว์เครือได้จังหวะเลยซ้ำว่าคุณชิดชบา เอ่อ มีชู้ค่ะ”
“มีชู้หรือ”
ธวัชพงษ์ตกใจ
โสมสุภางค์เปิดประตูห้องนอนออกมาด้วยท่าทีอิดโรย อ่อนล้า เดินโผเผมายังบันไดวน ชะงักเมื่อมองลงไปเห็นปฐวีนอนหลับอยู่ที่เก้าอี้ยาวในเสื้อชุดเดิม
โสมสุภางค์ยิ้ม สีหน้า แววตาดีใจเมื่อรู้ว่าปฐวีไม่ได้ไปนอนกับชิดชบา
ระรินและยุวดีแล่นถลาจะลงบันได
“คุณปฐวี”
“เมื่อคืนคุณปฐวีนอนอยู่ที่นี่เอง”
โสมสุภางค์ยื่นเท้าออกมาขวางทาง มึนตึง
“ปล่อยให้เขานอนอยู่อย่างนั้นแหละ วีคงเหนื่อยจนเดินขึ้นบันไดไม่ไหว”
“ฉันจะไปดูแลคุณปฐวี”
ยุวดีเสนอตัว
“เขามีคนดูแลแล้วคือฉัน เมื่อไหร่ที่ฉันไม่ว่าง ฉันจะเรียกเธอมาทำหน้าที่แทนฉัน เข้าใจนะ”
ระรินและยุวดี ค้อนโสมสุภางค์ ก่อนเข้าห้องปิดประตู โสมสุภางค์เดินลงบันไดอย่างช้าๆ มาหยุดยืนมองปฐวี
ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก และความเศร้าหมอง
“วีคะ ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะไม่รักคุณ”
หม่อมจรัสเรืองออกคำสั่งกับอรุณณรงค์ด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ชิงชังชิดชบา
“แม่อับอายขายหน้าคุณเถาว์เครือ จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะคนที่คุณเถาว์เครือกล่าวหาว่าเล่นชู้กับชิดชบาก็คือชายเอี่ยว”
อรุณณรงค์ตกใจ
“ผมหรือครับ”
“ยอมรับแล้วใช่มั๊ย ว่าลดตัวลงไปทำเรื่องต่ำช้าเพราะทนแม่นั่นยั่วยุไม่ไหว แม่ไม่คิดเลยนะชายเอี่ยว ว่าที่แม่อบรมลูกมาดี จะมีมือมารของนังนั่นมาทำลาย”
“หม่อมแม่ครับ นี่เป็นการเข้าใจผิด”
“ถ้าลักลอบออกไปพบกันได้ ทั้งที่สัญญากับแม่แล้วว่าจะเลิกคบกัน คุณหญิงอุราศรีเห็นตำตา จะให้แม่คิดยังไง นอกจากคิดว่าแม่นั่นพยายามจะโหนชายเอี่ยวกันพลาด”
“ผมกับชิดชบาพบกันในที่โล่ง สนามหลวงกว้างใหญ่ออกอย่างนั้น ใครจะทำอะไรได้ คุณนายเถาว์เครือกล่าวหาชิดชบาก็แค่เรื่องผลประโยชน์”
“อย่ามาแก้ตัวแทนแม่นั่น จะพบกันในที่โล่งหรือที่ลับตา มันก็เป็นประเด็นขึ้นมาแล้ว ชิดชบามีชู้ ป่านนี้คุณปฐวีเขาคงจะเฉดหัวนางบำเรอของเขาออกจากบ้านแล้ว”
หม่อมจรัสเรืองยิ้มเยาะ ชิงชังชิดชบา อรุณณรงค์ยิ่งร้อนใจ
ชิดชบาหลับ สีหน้าร่วงโรยเพราะอาการเมาหนักเมื่อคืน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชิดชบาควานหาโทรศัพท์ทั้งที่ยังหลับตา
ธวัชพงษ์ยืนอยู่ใกล้ๆ รถจักรยานยนต์คู่ชีพ
“ผมเอง ผมต้องพบคุณ ผมรู้แล้วว่าทำไมคุณพ่อของคุณถึงได้ฆ่าตัวตาย”
อุราศรีเดินลงมาจากกระทรวง ตรงมายังรถที่จอดอยู่ เธอชะงักไป เมื่อเห็นอรุณณรงค์ยืนรออยู่ อุราศรีเมินหน้า
“เรื่องที่ผมกับชิดชบาพบกัน ไม่ใช่เรื่องสกปรกที่ใครต่อใครคิด ผมแค่ห่วงว่าผู้หญิงที่ถูกกระทำจนไม่มีเกียรติเหลืออยู่จะทำยังไงกับชีวิต”
“แล้วยังไงคะ คุณจะต้องรับผิดชอบร่วมไปอีกนานแค่ไหน”
“ผมถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้ ถึงเรื่องมันจะไม่จริงเลย แต่มันก็ส่งผลถึงฐานะนางบำเรอของชิดชบา ผู้หญิงคนนี้ทำทุกอย่างแค่ต้องการบ้านคืน”
“ฉันไม่เข้าใจหรอกค่ะ ฉันเข้าใจแค่คุณยังรักชิดชบาอยู่ คุณไม่ได้พยายามที่จะลืมเพื่อเริ่มต้นกับฉัน”
“ผมบอกแล้วไง ว่าผมขอเวลา ผมจะปล่อยมือชิดชบาไปตอนที่ชิดชบาไม่มีใครไม่ได้ เพราะคนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้คือคุณนายเถาว์เครือ”
อุราศรีสงสัย มองหน้าอรุณณรงค์
“ถ้าชิดชบาทำผิดข้อตกลง ทุกอย่างจะจบ บ้านหลังนั้นจะถูกยึด คุณคิดดูนะ ว่าใคร จะได้บ้านหลังนั้นไป”
อุราศรีเริ่มลังเล ครุ่นคิด
ธวัชพงษ์และชิดชบาก้าวเข้ามาเผชิญหน้ากัน ชิดชบาสะเทือนใจกับความจริงที่รับรู้จากธวัชพงษ์
“เขาวางแผนมาตั้งแต่ต้น โกงพนันคุณพ่อคุณเพื่อแก้แค้น ผมไม่รู้ว่าเรื่องเดิมมันซับซ้อนแค่ไหน ใครโกงใคร เขาถึงได้เจ็บแค้นคุณชิดชงค์ เขาทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวของคุณ”..
“ปฐวี”
ชิดชบาสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ
“ไอ้”
“เรื่องของคุณกับเขา ยิ่งดิ้นยิ่งถลำลึก ผมต้องเตือนคุณให้คุณระวังตัว เพราะไหนๆ มันก็ไหนๆ มาจนป่านนี้แล้ว”
ชิดชบาคว้ามือธวัชพงษ์ ความหวาดกลัวแทรกขึ้นมาในความรู้สึก
“ธวัชพงษ์ ฉันควรจะทำยังไง ฉันไม่มีใครอีกแล้วนะ ที่จริงใจกับฉัน คนทุกคนที่ฉันหวังจะคบเป็นเพื่อน ก็ไม่ใยดีฉันแล้ว ฉันเป็นแค่ผู้หญิงสกปรก ผู้หญิงร่านรัก”
“คุณตั้งสติไว้ อย่าสติแตกเด็ดขาด คุณต้องอยู่ให้นิ่ง”
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน มีการแอบถ่ายทั้งคู่ผ่านกล้องจากโทรศัพท์มือถือ
“อย่าให้คนที่จ้องจะฉวยโอกาส มีโอกาสได้บ้านไป”
“ธวัชพงษ์”
“อย่าให้เขาโกงคุณไปได้ เหมือนอย่างที่เขาโกงพ่อของคุณ”
ชิดชบาโกรธแค้น ชิงชัง
“ไอ้หมาจิ้งจอก ฉันเกลียดเขา”
สมควรขับรถผ่านจำเรียงเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ จำเรียงวิ่งมารับกระเป๋าเอกสารจากมือสมควรขึ้นไปเก็บ เสียงสัญญานโทรศัพท์ดังขึ้น ปฐวีเปิดโทรศัพท์เห็นภาพของชิดชบาและธวัชพงษ์อยู่ริมเขื่อน เขาชะงัก ก่อนผลุนผลันขึ้นตึกไปด้วยความหึงหวง เถาว์เครือยืนอยู่ที่มุมระเบียง มองตามไปด้วยรอยยิ้มเยาะ
บุญถิ่นนั่งหั่นผัก จำเรียงเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อีกแล้ว ต้องมีเรื่องอีกแล้ว บ้านหลังนี้มันเป็นยังไงนะ มันมีเรื่อง เรื่อง เรื่อง”
“ที่มันมีแต่เรื่อง ก็เพราะมีแต่คนเจ้าเรื่องน่ะซี”
“แล้วหนึ่งในคนเจ้าเรื่องก็คือน้า”
“นี่ นังจำเรียง ที่บ้านหลังนี้มันมีแต่เรื่องวุ่นวาย ก็เป็นเพราะใครล่ะ ขยันทำแต่เรื่อง เรื่อง เรื่อง”
“แต่คุณชิดชบา”
“ความวัวเพิ่งจะหาย เอาความควายๆ มาใส่ตัวอีกแล้ว เพิ่งจะถูกกล่าวหาว่าเล่นชู้กับคุณชายอรุณณรงค์ เมื่อเช้าแต่งตัวพริ้งแล่นถลาออกไปแต่เช้า จะให้เข้าใจว่ายังไงถ้าไม่ใช่”
“น้า คุณธวัชพงษ์เขาขอพบคุณนายชิดชบา เขาอาจจะมีเรื่องคอขาดบาดตายก็ได้”
“จะมีอะไร้ ถ้าไม่ใช่นักข่าวหน้าอ่อนนั่นหลงเสน่ห์เจ้าเล่ห์มารยาของนางบำเรอ อุ๊ย”
บุญถิ่นเริ่มมีอาการปวดท้อง
“เป็นอะไร น้าบุญถิ่น”
“เปล่า แค่มีอารมณ์ร่วม เจ็บแค้นแทนเจ้านาย จนปวดจุกๆ ว่ะ นี่คุณปฐวีกลับมาแล้วใช่มั้ย แล้วทันทีที่กลับมาถึง ก็ ก็”
บุญถิ่นยิ้มเยาะ
จบตอนที่ 7