ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 4
ปฐวีเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้ามา โสมสุภางค์นอนหลับอยู่บนเตียง เขาถอนหายใจยาว เถาว์เครือเปิดประตูเข้ามา ท่าทีมึนตึง
“เรื่องแต่งงานน่ะ คุณไม่ได้พูดเพื่อเอาใจโสมสุภางค์นะ”
“ผมไม่เคยเอาใจใครด้วยการพูด”
“ถ้าจะมีงานแต่งงานจริงๆ ล่ะก็ ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ของโสมสุภางค์ คุณจะทำแบบสุกเอาเผากินไม่ได้”
“คุณแม่ต้องการอะไร แบบไหน”
“ฉันต้องการให้งานแต่งงานใหญ่ที่สุด หรูที่สุด แพงที่สุด”
“แค่นี้หรือครับ”
ปฐวียิ้มเยาะหยัน เถาว์เครือพยายามระงับอารมณ์โกรธ
“เท่านี้ใช่มั้ยครับ ที่คุณแม่จะพูดกับผม”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ชิดชบา คุณจะแต่งงานกับโสมสุภางค์โดยไม่พูดเรื่องนี้สักคำหรือ”
“ผมไม่มีอะไรจะพูด”
“ฉันก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคุณหรอก แต่ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ ฉันต้องปกป้องสิทธิ์ของลูกสาวฉัน”
“ชิดชบาไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวผม”
“แต่ฐานะของชิดชบามันทุเรศ”
“แล้วคุณแม่จะให้ผมทำยังไง”
“จะต้มยำทำแกงกันยังไงก็เชิญ ฉันเองก็ไม่ต้องการให้คุณแต่งงานกับลูกสาวฉัน แต่ฉันขัดลูกไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะแต่งงานกับโสมสุภางค์”
เถาว์เครือเดินเข้ามาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เกลียดชัง
“ต้องไม่มีชิดชบา“
ชิดชบานั่งแปรงผมหน้ากระจก เสียงลูกบิดประตูดังกริ๊ก เธอหันกลับไปมอง ปฐวีก้าวเข้ามา
ชิดชบามึนตึง ขณะที่ปฐวีมองเงาสะท้อนผ่านกระจกของชิดชบา
“มองอะไร”
“ผมมองหาความดีในตัวคุณ”
“ฉันไม่มีหรอกความดี”
“ผู้หญิงอย่างคุณ เป็นข้อเปรียบเทียบที่ดีของโสมสุภางค์ เหมือนสีดำทำให้สีขาวสะอาดขึ้น คุณช่วยส่งให้โสมสุภางค์มีค่าขึ้น”
ชิดชบาชะงัก มองปฐวีด้วยความแปลกใจ เยาะหยัน ขมขื่น
“คุณควรบอกคุณโสมสุภางค์ด้วยตัวเอง ก่อนที่มันจะสายเกินไป บางที กว่าคุณจะคิดได้ว่าคุณมีผู้หญิงเลอค่ากว่านางใดในไตรจักร ผู้หญิงของคุณอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
ปฐวีตื่นตระหนก
สะโพกอวบในชุดกระโปรงสั้นรัดรูปของยุวดีและระริน ต่างจงใจแต่งตัวมายั่วยวนปฐวี เลขาฯ เห็นก็ถอนใจ
“นี่ ที่นี่เป็นบริษัทการเงินของคุณปฐวีนะ ไม่ใช่แหล่งเสื่อมโทรม จะแต่งเนื้อแต่งตัวน่ะ เกรงใจเยาวชนของชาติเสียบ้าง รู้มั้ยว่าคดีข่มขืนฆ่าเกิดจากอะไร”
“อะไร”
“ก็เกิดจากพวกที่คิดว่าตัวเองแรง ออกตัวแรงๆ ด้วยการเปิดแรงๆ อย่างนี้แหละ พวกนี้ไม่แรงอย่างเดียวแต่แรดด้วย”
“ว้าย นี่ นี่หาว่าฉันเกิดปี” ยุวดีโวย
“ปีไหนก็ช่างเถอะ พวกนี้เป็นต้นตอของเหตุข่มขืน นุ่งห่มให้สมถะ เรียบง่าย หน่อยนะคะ ที่นี่ เราขายสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าประเภท เนื้อเน่าค่ะ”
ระรินและยุวดีหันมาสบตากันด้วยความโกรธ
“คุณปฐวีมาแล้ว”
สองสาวรีบวิ่งไปหา ปฐวีเดินผ่านเลยทั้งสองไป โดยไม่สนใจ เลขาฯหันมายิ้มเยาะก่อนคว้าแฟ้มเอกสารเดินตามปฐวีเข้าห้องทำงานไป ระรินและยุวดี แปลกใจ
ปฐวีเดินนำเลขาฯเข้ามาในห้อง ก่อนทรุดตัวลงนั่ง
“เรียกทนายมาพบผม”
“ทนาย”
เลขาฯอุทานด้วยความแปลกใจ
บริเวณโกดังร้างที่เต็มไปด้วยเศษลังเศษไม้เก่าๆ ปฐวีและทนายเดินเข้ามา
“คุณจัดการซื้อที่ดินผืนนี้ทั้งหมด ให้เงียบที่สุด เร็วที่สุด”
“เอ่อ คุณปฐวีครับ แต่ที่ดินผืนนี้ราคาสูงมากนะครับ ซ้ำยังติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา”
“เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงต้องการมัน”
ธวัชพงษ์ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากมุมหลบ มองปฐวีด้วยความสงสัย
“ทำตามที่ผมสั่ง เรื่องราคา ผมสู้ไม่อั้น”
“ครับผม คุณปฐวี”
ธวัชพงษ์แอบมองทั้งสองเดินไปที่รถ
แพรวาฟังธวัชพงษ์เล่าให้ฟัง แล้วอุทานด้วยความแปลกใจ
“บ่อนพนันหรือ”
“ใช่ คุณปฐวีสั่งให้ทนายจัดการซื้อที่ดินผืนนั้น เขานี่เอง เขาคิดจะสร้างบ่อนพนันกลางเมือง เขาต้องมีเส้น มีคนสนับสนุนเขา ไม่อย่างนั้นเขาทำไม่ได้แน่”
“โสมสุภางค์คงไม่รู้เรื่องนี้”
“เราต้องหยุดเขา”
“คุณจะทำยังไง”
“คุณเปลี่ยนใจเขาได้มั้ย”
“ฉันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ โสมสุภางค์ก็หมือนกัน ถึงโสมสุภางค์จะเป็นผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย แต่ฉันว่า”
“หรือคุณอยากเห็นเยาวชนของเรา ตกเป็นทาสการพนัน”
“ฉัน”
“ผมตั้งใจไว้ว่าจะหยุดเขาให้ได้ เราต้องร่วมมือกันต่อต้านการสร้างบ่อนพนัน ถึงจะต้องสู้กับผู้มีอิทธิพลก็เถอะ”
“คุณ”
“คุณต้องร่วมมือกับผมนะ ถ้ายืมมือของคุณโสมสุภางค์ไม่ได้ เราต้องสร้างกระแสต่อต้าน พอมีกระแสในสังคม เขาต้องหยุด”
แพรวามองหน้าธวัชพงษ์อย่างจริงจัง
“แล้วคุณเชื่อหรือว่าคุณจะหยุดคุณปฐวีได้”
ชัยยงค์โยนหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้าชัยญาและระริน โดยมีถกลที่ยังบาดเจ็บยืนอยู่ข้างหลัง ชัยยงค์โกรธจัด
“เขาซื้อที่ดินผืนนั้นแล้ว ปฐวีใช้เงินพันล้านซื้อที่ดินผืนนั้น เขาต้องสร้างบ่อนใหญ่แน่”
“เป็นไปได้ยังไง”
ระรินคว้าหนังสือมาอ่านอย่างตกใจ
“แกกับพวกเสี่ยเชียร ฆ่ากันแทบตาย แต่อยู่ดีๆ ปฐวีก็คว้าไปกิน”
“ทำไมมันเร็วอย่างนี้ล่ะ พ่อ ผมไม่ได้ยินอะไรเลย”
“ก็เพราะแกมัวแต่โง่อยู่น่ะซี แกถึงไม่ทันปฐวี ฉันเตือนแกแล้วว่าคนๆ นี้ ขนาดเซียนอย่างคุณชิดชงค์ยังแพ้มาแล้ว ที่ผืนนี้อยู่ติดแม่น้ำ ทางหนีทีไล่เหมาะที่จะทำธุรกิจผิดกฎหมาย”
ระรินพึมพำเบาๆ แววตาครุ่นคิด
“คุณปฐวี”
“พ่อไม่ต้องห่วง ผมจะหาทางหยุดมันเอง”
“แกจะทำยังไง พอแกอ้าปาก ปฐวีก็ได้กลิ่นน้ำนมจากปากแกแล้ว”
“ผมจะป่วนชีวิตของมัน”
ชัยญาส่อแววตาเจ้าเล่ห์
ชิดชบาอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกับที่ชัยยงค์นำมาให้ชัยญา เป็นข่าวเกี่ยวกับปฐวีซื้อที่ดินผืนใหญ่ด้วยเงินพันล้านบาท
“ซื้อที่ดินด้วยเงินพันล้านเชียวหรือ เงิน ต้องเป็นเงินของพ่อฉันแน่”
ชิดชบาแค้น เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น จำเรียงชะเง้อผ่านหน้าต่าง หน้าเจื่อนๆ
“ใครมา จำเรียง”
“เอ่อ”
“ฉันถามว่าใครมา”
จำเรียงกระอักกระอ่วน
“คุณนายเถาว์เครือค่ะ”
เถาว์เครือเข้ามาในคฤหาสน์ มองชิดชบาหัวจรดเท้า
“ฉันคงไม่รบกวนเวลาเธอ ถ้าเราจะพูดกันรู้เรื่อง ฉันมาที่นี่ในฐานะที่ฉันเป็นแม่”
“ฉันเข้าใจ ว่าเรื่องของคุณนายมาเลยค่ะ เอาแต่เนื้อๆ นะคะ น้ำ ไม่ต้อง”
“ปฐวีเขาบอกหรือเปล่าว่าเขากำลังจะแต่งงานกับลูกโสมสุภางค์”
“ค่ะ เขาบอกฉันแล้ว”
“แล้วเธอจะจัดการกับตัวเองยังไง ลูกสาวฉันน่ะเป็นมองโลกในแง่บวก เรื่องผัวจะมีเมียน้อยหรือนางบำเรอไม่อยู่ในสายตาหรอก เพราะผู้หญิงพวกนี้ก็เหมือนตุ๊กตา ที่คนรวยๆ จะซื้อมาสะสมไว้ดูเล่น”
“เอ๊ะ แล้วเรื่องของสะสมนี่ มันเกี่ยวกับคุณนายตรงไหนคะ”
“ฉันเป็นแม่ ฉันมีหน้าที่ต้องเขี่ยเศษขยะออกไปจากชีวิตของลูก”
ตลับนาคก้าวเข้ามา พร้อมชะลอมผลไม้จากสวน ยืนฟังด้วยความสะเทือนใจ โดยที่ชิดชบาและเถาว์เครือไม่เห็น
“คุณนายแน่ใจหรือว่าสันดานผู้ชายชั่วๆ พวกมักมากทางกามารมณ์อย่างว่าที่ลูกเขยคุณนาย จะไม่ต้องการทั้งขยะมูลฝอยแล้วก็ดอกไม้”
“เธอจะไม่ยอมไปจากชีวิตของปฐวีใช่มั้ย”
“คุณโสมสุภางค์ลูกสาวคุณนายไม่ได้บอกหรือคะ ว่าผู้หญิงที่มีอาชีพอย่างฉัน ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การขายตัว แต่ข้อสำคัญต้องขายได้ราคาที่คุ้ม”
เถาว์เครือโกรธตัวสั่น ชี้หน้าชิดชบา
“ฉันไม่เคยเห็นใครที่ไหนหน้าด้านหน้าทนเหมือนแกเลย นังชิดชบา”
“ถ้าคุณปฐวีจะคลานเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าฉัน ขอคืนบ้านหลังนี้ให้ฉัน ขอโทษที่ทำให้พ่อฉันฆ่าตัวตาย ฉันจะไปจากชีวิตเขา ทันที”
“แก”
“หมดธุระของคุณนายแล้วใช่มั้ยคะ”
ชิดชบาเอามือไพล่หลัง เชิดหน้า
“สวัสดีค่ะคุณนาย”
เถาว์เครือโกรธจัด ผลุนผลันขึ้นรถออกไป ตลับนาคเดินเข้ามาด้วยความสะเทือนใจ
“เป็นนางบำเรอนี่ มันไม่ง่ายเลยนะ ชิดชบา”
“คุณป้า”
ชิดชบาดึงมือตลับนาคเข้ามาในห้องโถง จำเรียงหิ้วชะลอมผลไม้เข้ามาเก็บ ก่อนเลี่ยงออกไป ตลับนาคกวาดตามองรอบๆ ห้องโถงด้วยความสะเทือนใจ ขณะที่ชิดชบาเสแสร้งรื่นเริง
“ฉันก็ว่าจะไม่มาเหยียบบ้านหลังนี้ แต่มันก็อดไม่ได้ มันไม่ง่ายเลยใช่มั้ย ที่หนูจะอยู่ในบ้านหลังใหญ่ แล้วกินน้ำใต้ศอกของคนอื่น”
“คุณป้าคะ เราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะคะ คุณป้าไม่ควรมาที่นี่เลย ถ้าคุณป้าคิดถึงหนู ให้หนูไปหาคุณป้าก็ได้”
“ป้าได้ยินว่าที่แม่ยายของคุณปฐวีพูดแล้ว มันก็ไม่ผิด คุณเถาว์เครือเป็นแม่ แม่มีหน้าที่ต้องปกป้องลูก”
“คุณป้าคะ”
“ชิดชบา”
ตลับนาคดึงชิดชบาเข้ามากอดไว้ ร้องไห้
“แล้วต่อไปนี้ หนูจะมีชีวิตยังไง คุณปฐวีเขาจะปกป้องหนูได้แค่ไหน ถึงจะมีเขี้ยวมีเล็บ เราก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว”
“คุณป้าไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เขาไม่มีหน้าที่ต้องปกป้องหนู เราทำธุรกิจค่ะ เขามีหน้าที่ ต้องปกป้องธุรกิจของเขา”
ชิดชบาชิงชัง
แบบก่อสร้างอาคารหลังใหญ่ถูกคลี่ออกวางบนโต๊ะประชุม ระรินและยุวดีเข้ามาเสิร์ฟน้ำ ต่างพยายามสอดแนม
“ผมต้องดูรายละเอียดของแบบแปลนทั้งหมด ว่ามีครบองค์ประกอบที่เราต้องการหรือเปล่า ผมว่า เราคงต้องแก้ไขกันอีก”
“ครับ อาคารหลังสูงสี่ชั้น มีห้องประชุม ห้องโถงใหญ่ ด้านหลังเป็นอาคารที่พักสองชั้น ทุกด้านรับแสงแดด กับลมจากแม่น้ำ ตัวอาคารเราเน้นความโปร่งโล่งอย่างที่คุณปฐวีต้องการครับ”
“ผมกับที่ปรึกษาจะดูรายละเอียดกันอีกครั้ง เราต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะสร้างเสร็จ”
“คงต้องใช้เวลาสัก สักแปดเดือนครับ”
ปฐวีหันไปพยักหน้ากับทนายด้วยความพอใจ
“งั้นก็เตรียมขั้นตอนขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องนะ คุณประมุท”
“ครับผม”
ระรินและยุวดี หันมาสบตากัน
ชัยยงค์โกรธมาก ตวาดใส่ชัยญา
“ก็ไหนว่าแกจะหยุดปฐวียังไงล่ะ นี่มันเตรียมการสร้างบ่อนแล้ว”
“ทำไมมันเร็วอย่างนี้ล่ะระริน”
“คุณปฐวีเขาสั่งการผ่านทนาย เขามีมือสำรองที่ทำงานแทนเขาหลายคน เขาทำงานทั้งวันทั้งคืนเหมือนไม่ใช่นักพนัน”
“พ่อ ถ้าพ่อจะหยุดปฐวีก็มีอยู่ทางเดียว”
“ทำยังไง”
ชัยยงค์สงสัย
ปฐวีขับรถ ชำเลืองมองกระจกหลังเห็นรถมอเตอร์ไซค์ขับตาม จึงเลี้ยวรถเข้าซอย ธวัชพงษ์สวมหมวกกันน็อค คอยตามดูพฤติกรรมของปฐวี รีบเลี้ยวเข้าซอยผ่านรถของปฐวีที่จอดอยู่ข้างทาง แล้วรีบจอด ถอดหมวกกันน็อคออก
“คุณปฐวี”
ถกลและสมุนขับรถกระบะผ่านหน้าธวัชพงษ์ ยกปืนขึ้นยิงปฐวี ธวัชพงษ์เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ พุ่งเข้าชนด้านข้างประตูด้านที่ถกลจะยิงปฐวี ทำให้กระสุนพลาดเป้า ก่อนเสียหลักไปล้มลงตรงหน้าปฐวี
“คุณ”
“ผมใช้หนี้คุณแล้วนะ ผมไม่ติดหนี้บุญคุณของคุณ”
รถกระบะของถกลย้อนกลับมา ไล่ยิงทั้งสองคน
“หลบเร็ว”
ปฐวีและธวัชพงษ์วิ่งหนีการไล่ล่าของถกลและสมุน ลงข้างถนนใหญ่ที่เป็นป่าละเมาะโปร่ง เพื่อหาที่ซ่อนตัว รถกระบะของถกลขับเข้ามาจอด กวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะขับออกไป ปฐวีและธวัชพงษ์ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากที่หลบ หันมาสบตากัน
“เมื่อกี้นี้คุณว่า คุณไม่ติดหนี้บุญคุณของผมอย่างนั้นหรือ”
“ครับ แปลว่าหายกัน”
“ถ้าอย่างนั้น คุณต้องตอบคำถามของผม คุณตามผมทำไม”
“เพราะว่าผม เอ่อ อ้า”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กแว้นแบบนี้อีกนะ ระวังจะคอหักตาย”
ปฐวีขู่ ดุ ก่อนวิ่งแยกออกไป
“คุณปฐวี”
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
อุราศรีและหม่อมจรัสเรืองดื่มชา และอาหารว่างด้วยกันที่วัง
“ชายเอี่ยวไปซื้อต้นไม้ วันนี้วันหยุดหนูไม่ได้บอกว่าจะมา ชายเอี่ยวก็เลยไม่ได้รอ”
“หนูไม่มีธุระอะไรหรอกค่ะหม่อมป้า วันหยุดตื่นเช้า ก็เลยว่าจะชวนคุณชายเอี่ยวไปเยี่ยมชิดชบาน่ะค่ะ”
“ชิดชบา เอ๊ะ ชายเอี่ยวไปคุ้นเคยสนิทสนมกับชิดชบาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนที่ไปปารีสน่ะค่ะ คุณปฐวีกับคุณโสมสุภางค์ไปด้วย”
“อุราศรี ชายเอี่ยวกับชิดชบาคุ้นเคยกันด้วยหรือ มิน่าล่ะ”
“มีอะไรหรือคะ หม่อมป้า”
“เอ่อ ไม่มีอะไรจ้ะ หนูคงรู้แล้วซีนะว่าสถานะของชิดชบาเป็นยังไง จะรู้จักมักจี่กันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ถ้าจะสนิทสนมคุ้นเคย ป้าอยากจะเตือนให้คิดให้ดี”
“ทำไมล่ะคะ หม่อมป้า”
“ก็ฐานะนางบำเรอที่ชิดชบาเป็นอยู่น่ะ เป็นสถานะที่สังคมรังเกียจ”
หม่อมจรัสเรืองถอนใจ
ภายในห้องน้ำ ชิดชบายื่นผ้าเช็ดตัวให้ปฐวี ปฐวีล้างคราบเลือดจากบาดแผลเล็กๆ ที่ฝ่ามือออก
“คุณไปทำอะไรมา มีเลือดด้วย”
“ผมถูกไล่ยิง”
“ไล่ยิง ใครยิงคุณ”
“คุณจะรู้ไปทำไม”
“เสียดาย”
“เสียดายที่ผมไม่ตาย ไอ้แผลนี่มันเกิดจากรอยขูดกับกิ่งไม้ตอนที่ผมหลบกระสุนปืน แผลเล็ก อยู่ไกลหัวใจ ไม่ตายหรอก”
“คุณคงจะสร้างบาปไว้มากมาย เจ้ากรรมนายเวรถึงได้ตามล่าคุณ ขอให้ตาย ขอให้คุณตายอย่างทุกข์ทรมาน เหมือนอย่างที่คุณทำกับคนอื่น”
“ชิดชบา”
“พ่อฉันยิงตัวตาย มันคงไม่ง่ายที่จะเหนี่ยวไก คุณรู้มั้ยว่าคนที่ต้องทำให้ตัวเองตายหนีความอัปยศน่ะ เขารู้สึกยังไง ว่าที่แม่ยายคุณมาที่นี่ เพื่อสั่งให้ฉันไปจากชีวิตของคุณ”
“แม่ยายผมหรือ”
“ฉันปฏิเสธก็เพราะ ถ้าคุณคุกเข่าขอร้องให้ฉันไป อ้อ คุณซีนะ คุณต้องเป็นฝ่ายไป ส่วนฉัน ฉันจะอยู่นี่ ในบ้านหลังนี้”
ปฐวีเริ่มโกรธ
“คุณเถาว์เครือ”
ปฐวีไปที่โรงพยาบาล เพื่อพูดกับเถาว์เครือเรื่องชิดชบา เถาว์เครือเชิดหน้า ขุ่นเคือง
“ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรักษาเกียรติของโสมสุภางค์ ผู้หญิงอย่างชิดชบาทั้งหยาบทั้งเค็ม ซ้ำยังเป็นลูกนักพนันชั้นเซียน นอกจากเนื้อหนังมังสาแล้วฉันไม่คิดว่าชิดชบาจะมีอะไรดีสักครึ่งของลูกสาวฉัน”
“แต่คุณแม่ไม่ควรก้าวก่ายชิดชบา”
“เพราะคุณไม่มีทางจัดการกับมันไง”
“ผมจะไม่จัดการอะไรทั้งนั้น ชิดชบาเป็นสิทธิ์ของผม”
“งั้นฉันก็ไม่แน่ใจ ว่าฉันจะยอมให้ลูกของฉันแต่งงานกับผู้ชายที่มีนางบำเรออย่างคุณ”
ปฐวียิ้มเยือกเย็น น้ำเสียงอ่อนโยน เยาะหยัน
“คนที่ผมจะแต่งงานด้วยคือโสมสุภางค์ ไม่ใช่คุณแม่”
ปฐวีเดินออกไป เถาว์เครือพึมพำด้วยความโกรธ
“ฉันจะต้องกำจัดแก ฉันจะไม่ยอมให้แกอยู่เป็นขยะของลูกฉัน”
อรุณณรงค์นั่งมองอุราศรีและชิดชบาเล่นเทนนิสจนจบเกม
“ฝีมือสูสีกันมากครับ ผมบอกไม่ถูกว่าจะเชียร์ใครดี”
“เราเสมอกันในเกม ในชีวิตจริง ใครจะเป็นเจ้ามือสำหรับมื้อนี้คะ”
อุราศรีกระเซ้า
“ผมดีกว่าครับ ขอผมเป็นเจ้าภาพก็แล้วกัน ไว้พรุ่งนี้เราค่อยเวียนกันเป็นเจ้ามือ”
“ดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหญิงอุราศรี ที่ให้เกียรติฉันกับเกมเทนนิส”
อุราศรีจับมือชิดชบาไว้
“ก็เราเป็นเพื่อนกันยังไงล่ะคะ เพื่อน ก็ต้องให้เกียรติกันเสมอในฐานะเพื่อน”
ชิดชบาและอุราศรีกระชับมือกัน อรุณณรงค์มองชิดชบา แววตาสลดลง
พยาบาลทำแผลอันเกิดจากรถจักรยานยนต์ล้มของธวัชพงษ์ ขณะช่วยปฐวีให้พ้นจากการไล่ล่า พอพยาบาลเดินออกไป แพรวาถามทันที
“คราวนี้คุณไปทำอะไรมาอีกล่ะ ถึงได้มีแผลมา”
“เรื่องมันยาว ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ที่แน่ๆ ผมถูกไล่ล่า”
“ไล่ล่า”
“ไม่ใช่ผมคนเดียว คุณปฐวีด้วย ผมแค่ มีอาการข้างเคียงไปกับเขา เพราะว่า”
“อะไร”
“เขาต้องตั้งบ่อนพนันแน่ ไม่อย่างนั้นพวกแก๊งนักพนันด้วยกัน มันไม่ตามฆ่าเขา”
“คุณปฐวีหรือ”
“ผมพบเขาสองครั้ง มีเรื่องไล่ยิงกันทุกครั้ง มันต้องเป็นพวกที่เสียประโยชน์ พวกนี้มีองค์กรใหญ่คอยคุ้มกะลาหัว คุณปฐวีก็เหมือนกัน เขาต้องมีคนมีอิทธิพลระดับรัฐมนตรีหนุนหลัง ไม่อย่างนั้นเขาไม่ซื้อที่ดินเพื่อตั้งบ่อนพนันกลางเมืองหรอก”
“ธวัชพงษ์ ฉัน”
“เชื่อผมเถอะ คุณปฐวีไม่ใช่คนดี เขามีเบื้องหลังเป็นซาตาน มีเบื้องหน้าเป็นสุภาพบุรุษ ซ้ำยังเป็นคนแปลกๆ เป็นคนที่ฝันร้ายตามหลอก”
“นี่ คุณจะรู้มากไปมั้ย เขาก็แค่คนป่วย ถ้าเขายอมรับการรักษา แต่เรื่อง”
“ถ้าคุณไม่เชื่อผมว่าเขาเป็นคนเลวล่ะก็ เรามาร่วมมือกัน พิสูจน์มั้ย”
แพรวาอึ้ง
ปฐวีขับรถเข้ามาจอดที่บ้านโสมสุภางค์ แล้วเดินอ้อมมาประคองโสมสุภางค์พร้อมๆ กับแพรวา สาวใช้เข้ามารับข้าวของจากเถาว์เครือ เถาว์เครือมองค้อนท่าทีอ่อนโยนของปฐวี ปฐวีและแพรวาประคองโสมสุภางค์เข้าบ้าน ปฐวีประคองโสมสุภางค์นอนลงบนเตียง
“คุณพักผ่อนนะ ผมจะมาเยี่ยมบ่อยๆ”
“เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุดนะคะวี”
“ถ้าคุณแน่ใจ”
“ทำไมจะไม่แน่ใจล่ะคะ ฉันรอเวลานี้มานานแล้วนะคะ ฉันไม่ต้องการรออีกแล้ว เราต้องแต่งงานกันให้เร็วที่สุด หลังจาก”
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย คุณควรจะพักผ่อนให้มากๆ”
“ไม่วันนี้หรือพรุ่งนี้ ยังไงเราก็ต้องพูดถึงชิดชบาอยู่ดี ทำไมคุณไม่กำจัดชิดชบาออกไป ในเมื่อบ้านหลังนั้นไม่มีค่าสำหรับคุณเลย”
ปฐวีลุกขึ้นยืน สีหน้าแววตาเคร่งขรึม
“ยังมีอีกหลายเหตุผลที่คุณไม่เข้าใจ ผมรู้ว่ามันเข้าใจยาก”
“มันเป็นเหตุผลหรือข้ออ้างคะ”
“มันเป็นทั้งสองอย่าง มันอยู่ที่ว่า แต่งงานกับผมแล้ว คุณจะรับได้มั้ย”
ปฐวีสบตาโสมสุภางค์ แววตาเย็นชา
แพรวายืนรออยู่ที่รถ ปฐวีลงมาจากตึก ชะงัก เมื่อเห็นแพรวายืนอยู่
“ฉันไม่ได้เอารถมา จะขัดข้องมั้ยคะ ถ้าจะอาศัยรถของคุณไปต่อแท็กซี่ข้างนอก”
“เชิญ”
ปฐวีเย็นชา เปิดประตูรถให้แพรวาก่อนขับออกไป เถาว์เครือยืนมองอยู่ที่หน้าต่างด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ปฐวีขับรถยนต์เลี้ยวลับไปจากประตูบ้าน ธวัชพงษ์ซ่อนตัวอยู่ มองตามไปด้วยความพอใจ
“คุณเสร็จผมแน่ คุณปฐวี”
ปฐวีขับรถยนต์อย่างเงียบๆ แพรวาชำเลืองมองท่าทีของเขาด้วยความรู้สึกอ่อนไหว
“คุณแน่ใจหรือคะ ว่าคุณจะแต่งงานกับโสมสุภางค์”
“อะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะไม่แต่งงานกับเพื่อนของคุณ”
“ฉันเคยเตือนคุณว่าโสมสุภางค์ อาจจะรับมือกับปัญหาของคุณไม่ได้”
“คุณรู้จักคำว่าความเคยชินมั้ย โสมสุภางค์จะค่อยๆ คุ้นเคย ก่อนที่จะเคยชินกับปัญหาของผม”
“ปัญหาของคุณคือคุณเป็นคนป่วย คุณยังฝันร้าย คุณยังหยุดมันไม่ได้ แล้วก็ไม่พยายามที่จะรับความช่วยเหลือจาก”
“จากคุณอย่างนั้นหรือ”
“คุณกลัวอะไร”
“เหตุผลข้อนี้ใช่มั้ย ที่ทำให้คุณติดรถออกมาจากบ้านโสมสุภางค์ หรือคุณแม่ของโสม ขอความช่วยเหลือจากคุณเหมือนคราวที่ไปปารีส”
“คุณปฐวี ถึงคุณจะไม่ยอมรับว่าคุณเป็นคนป่วย แต่ฉันก็จะไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายผู้หญิงสองคน ด้วยอาการทางจิตของคุณ”
ปฐวีเหยียบเบรกรถกะทันหันด้วยความโกรธ ดวงตาวาวโรจน์ขึ้น
“ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้บ้า ฝันร้ายนั่นมันแค่ติดตาผม มันชัด เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ผมจะทำให้มันหยุดด้วยวิธีการของผมเอง”
“แบบไหน ฆ่าผู้หญิงสองคนให้ตาย เพื่อจะหยุดฝันร้ายอย่างนั้นหรือ ถึงตอนนั้น คุณรู้มั้ยคุณจะเป็นอะไร ฆาตกร”
ปฐวีชะงัก เริ่มหวาดกลัวในแววตา
“คุณจะกลายเป็นฆาตกร”
แพรวาย้ำ
ชิดชบาขับรถผ่านประตูรั้วเข้ามา สมควรปิดประตูลง ก่อนวิ่งเข้ามารอรับใช้ ชิดชบาเพิ่งกลับจากสนามเทนนิส ส่งกระเป๋าให้จำเรียง บุญถิ่นเดินเข้ามาด้วยท่าทีกระด้าง
“จะให้ทำอะไรให้เป็นมื้อค่ำมั้ยคะ คุณ เจ้านายคงไม่มาหรอกค่ะ เพราะวันนี้คุณโสมสุภางค์ออกจากโรงพยาบาล คุณปฐวีก็เลยต้องไปรับ แล้วก็ไปส่งที่บ้านค่ะ”
“ไม่ต้องทำมื้อค่ำให้ฉันหรอก ฉันอิ่มมาแล้ว”
“ฮึ อิ่ม”
“แม่บุญถิ่น ฝีมือทำอาหารของแม่บุญถิ่นดีมากนะ แต่ฝีปากแย่หน่อย น้ำยาฆ่าเชื้ออย่างเดียวคงใช้ไม่ได้ผล ใช้โซดาไฟคงพอได้นะ ทีหลัง ถ้าฉันไม่ได้ถามถึงคุณปฐวี แม่บุญถิ่นก็ไม่ต้องตอบอะไรนะ”
“คุณ”
“หุบปากไว้แน่นๆ จะได้เอาไว้กินส้มตำปูปลาร้า ไอ้แบบที่แซ่บเว่อร์”
ชิดชบายิ้มแล้วเดินขึ้นตึกไป สมควรขยับก้าวเข้ามา บุญถิ่นส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น
“ทำเป็นเชิดหน้าเลียนแบบหงส์ ที่แท้ก็เป็นแค่นางบำเรอ คอยดูนะ คุณโสมสุภางค์แต่งงานกับเจ้านายเมื่อไหร่ มันจะกระเด็นไปอยู่ข้างถนน”
“ใคร ใครจะกระเด็นไปอยู่ข้างถนน ข้าบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าเรื่องของเจ้านายอย่ายุ่ง แกนั่นแหละจะกระเด็น”
“จ้างให้ แกรู้มั้ยว่าคุณโสมสุภางค์จะแต่งงานกับคุณปฐวีหลังออกจากโรงพยาบาล นังพวกที่ทำเชิดหน้าไม่รู้จะตกเตียงเมื่อไหร่ แต่ข้า ข้าจะจงรักภักดีต่อคุณนายเถาว์เครือไปจนวันตาย”
“ได้ตายแน่ เพราะคุณนายเถาว์เครือเองก็ไม่รู้จะอายุยืนแค่ไหน คุณปฐวีเองก็เถอะ หินน่ะโว้ย น้ำหยดลงหินวันละหยด ละหยด หินมันยังกร่อนได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายผู้หญิงอยู่ด้วยกัน มีรึวะ ใจจะไม่กร่อนน่ะ”
สมควรเย้ยหยัน
ปฐวีกลับมาที่พักด้วยหัวใจที่อ่อนล้า แปลกใจเมื่อเห็นยุวดีนั่งไขว่ห้างอยู่กับแก้วไวน์
“คุณ”
“ยุเห็นคุณปฐวีเหนื่อย ก็เลยมาผสมเหล้าเอาไว้ให้คุณค่ะ อย่าแปลกใจเลยค่ะว่ายุเข้ามาได้ยังไง อาชีพเดิมของยุคืองัดแงะค่ะ”
ยุวดีเดินนวยนาดยั่วยวนเข้ามา แตะขอบแก้วเหล้าที่ริมฝีปากของปฐวี ปฐวีเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนใช้ปลายเท้าแตะประตูให้ปิดลง
อรุณณรงค์เดินลงมาที่รถ หม่อมจรัสเรืองรีบตามลงมา
“ชายเอี่ยว จะไปไหนแต่เช้า”
“จะไปรับคุณหญิงอุราศรี แล้วเลยไปรับชิดชบาด้วยครับ ไม่ได้นัดไว้หรอกครับ แต่วันหยุดชิดชบาคงไม่ไปไหน”
“ชิดชบาหรือ คุ้นเคยสนินสนมกับผู้หญิงคนนี้ด้วยหรือ รู้มั้ยว่าสังคมพูดถึงลูกสาวคุณชิดชงค์ยังไง”
“ก็คงจะหลายเวอร์ชั่นล่ะมังครับ ตั้งแต่สงสาร ที่คุณชิดชงค์ยิงตัวตายเพราะเสียพนัน ต่อมาก็สังเวช ที่ชิดชบากลายเป็นนางบำเรอ”
“ชายเอี่ยว แล้วลูกไม่รู้สึกสงสารกับสังเวชชิดชบาหรือ”
“แรกๆ ผมก็รู้สึกเหมือนอย่างที่ทุกคนรู้สึก แต่พอรู้จักชิดชบาจริงๆ กลับไม่”
“ชายเอี่ยว ไม่ได้นะ”
“มีอะไรหรือครับหม่อมแม่”
“แม่ก็สงสารสังเวชชิดชบา แต่ลูกต้องอยู่ไกลๆ ผู้หญิงคนนี้ไว้ เพราะว่า แม่กลัวว่าพอคุณปฐวีเขาแต่งงานกับหนูโสมสุภางค์แล้ว ชิดชบาจะหันมาจับลูกน่ะซี”
“หม่อมแม่”
“เอาเถอะ แม่อาจจะตีตนไปก่อนไข้ แต่ถ้ารอให้ไข้กำเริบแล้วจะรักษาไม่ทัน ผู้หญิงที่ลูกควรจะใส่ใจให้มากๆ คือคุณหญิงอุราศรี แม่จะให้ชายเอี่ยวแต่งงานกับคุณหญิงอุราศรี”
“หม่อมแม่”
อรุณณรงค์ตกใจมาก
ชิดชบาพายเรือเข้ามาในท้องร่องสวนที่เต็มไปด้วยผลไม้ กำลังออกดอกออกผลอย่างงดงาม ตลับนาคเก็บผลไม้เพื่อนำไปขาย
“แล้วนี่พอคุณปฐวีเขาแต่งงานไปแล้ว หนูจะอยู่ยังไง ป้าก็ว่าจะไม่ถาม แต่มันก็อดไม่ได้”
“ก็ไม่เห็นจะต้องทำอะไรนี่คะ เขาอยู่ของเขา เราก็อยู่ของเราไป”
“นึกแล้วว่าต้องตอบแบบนี้ หนูทำเหมือนคนไม่มีหัวใจ หรือว่าเดี๋ยวนี้กลายเป็นคนไม่มีหัวใจแล้ว”
“หัวใจยังอยู่ค่ะ แต่มันปลงได้ด้านได้ มันปรับสภาพได้แล้วล่ะค่ะ”
“แต่ยังไงหนูก็ยังเป็นคนอยู่นะ สิ่งที่หนูต้องมีคือมนุษยธรรม ป้าเห็นใจทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นหนูหรือคู่หมายของคุณปฐวี”
“วันหนึ่งหนูอาจจะแพ้ แล้วกลับมาบ้านสวนอย่างนกปีกหัก นี่คือเกมค่ะ มันต้องมีแพ้มีชนะค่ะคุณป้า”
“ป้าจะรอวันนั้น ป้าจะรักษาสวนนี้ไว้เป็นเรือนตายของเราป้าหลาน เมื่อเกมจบ หนูต้องกลับมาเริ่มต้นชีวิตที่นี่ อยู่กับน้ำ อยู่กับดิน เราไม่มีวันอดตายหรอกลูก”
“ค่ะ คุณป้า”
ชิดชบาเศร้าหมองลง
“หนูจะกลับมาค่ะ หนูรู้ว่าเกมนี้ หนูเทหมดหน้าตัก หนูลงพนันจนหมดตัว”
ปฐวีขับรถเข้ามาบ้าน จำเรียงและสมควรรีบวิ่งเข้ามารับหน้า
“ชิดชบาไปไหน”
“ไปบ้านคุณป้าค่ะ”
“ไปกับใคร”
“ไม่ทราบค่ะ”
“ไม่ ไม่ได้สั่งอะไรไว้เลยครับ”
ปฐวีสงสัย ยกโทรศัพท์ขึ้น สาวใช้ที่วังอรุณณรงค์รับโทรศัพท์ ปฏิเสธอย่างสุภาพ
“ไม่อยู่ค่ะ คุณชายอรุณณรงค์ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ค่ะ”
หม่อมจรัสเรืองเดินเข้ามา เริ่มหวาดระแวง
“ใครโทร.หาชายเอี่ยวแต่เช้า”
“ไม่ทราบค่ะ พอรู้ว่าคุณชายไม่อยู่ก็วางสายไปแล้วค่ะ”
“ใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้ชายค่ะ”
ปฐวีปิดโทรศัพท์แววตาเข้ม เริ่มสงสัยในพฤติกรรมของชิดชบาและอรุณณรงค์ เริ่มหึงหวง
“ใครรู้บ้างว่าบ้านสวนคุณตลับนาคอยู่ที่ไหน”
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
เฉวียงนั่งทำงานอยู่ที่สำนักงาน ปฐวีเปิดประตูเข้ามา เฉวียงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ
“คุณปฐวี มีอะไรหรือครับ คุณมาถึงที่นี่แต่เช้า”
“ไม่มีอะไร ผมแค่จะมาถามอะไรคุณเฉวียงว่า บ้านสวนคุณป้าตลับนาค อยู่ที่ไหน”
“คุณจะไปที่นั่นทำไม”
“ผมควรจะไปกราบท่านในฐานะหลานเขยไม่ใช่หรือครับ หรือว่าคนอย่างผมมันเลวเสียจนใครๆ ไม่ต้องการจะนับญาติ”
“ผมก็แค่แปลกใจน่ะ ที่จู่ๆ คุณจะไปหาคุณตลับนาคถึงสวนเมืองนนท์”
“ผมกับชิดชบาต้องอยู่ร่วมกันอีกนาน คงจะดีถ้าผมจะไปกราบผู้ใหญ่ หรือคุณเฉวียงคิดว่ายังไง”
“ผมจะบอกทางคุณ”
เฉวียงมองอย่างรู้ทัน
ชิดชบาพายเรือเข้ามาจอดเทียบ ก่อนก้าวขึ้นฝั่ง ยื่นมือออกไปรับมือของตลับนาคด้วยท่าทีรื่นเริง มีความสุข
“ระวังค่ะคุณป้า เดี๋ยวจะล้มไปค่ะ”
“เอาผลไม้สวนนี่ขึ้นไป เท่าที่มีกำลัง เดี๋ยวค่อยให้เด็กลงมาขนไปให้บนบ้าน”
“จับมือหนูแน่นๆ ค่ะคุณป้า”
ปฐวีเดินลัดเลาะท้องร่องสวน หยุดมองภาพสดใสงดงามของชิดชบาด้วยความแปลกใจ
“เอากระท้อนดิบนี่ขึ้นไปแกงคั่วกระท้อนนะคะ คุณป้า แกงคั่วกระท้อนอร๊อย อร่อย ส่วนมะยมนี่ก็ตำนรกเอาแบบเผ็ด แซ่บ สารพัดเว่อร์เลยนะคะ”
“อุ๊ย นั่น”
ตลับนาคอุทานตกใจ ชิดชบาหันไปมองตาม ตะลึงงัน
“คุณ ปฐวี”
ชัยญาอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ระรินเล่นเฟสบุ้ค ไล่ดูหน้าต่างเฟสบุ้คต่างๆ ชะงักเมื่อพบรูปเปลือยในผ้าห่มของยุวดี
“ยุวดี นี่มันนังยุวดีนี่ มันถูกแชร์ลงเฟสได้ยังไง ใครเป็นคนแชร์”
ปฐวีและชิดชบาต่างหิ้วผลไม้เผชิญหน้ากัน แผ่วเสียงทะเลาะกัน เพราะตลับนาคมัวแต่ส่งของให้เด็ก
“คุณ คุณมาได้ยังไง”
“ผมแวะที่สำนักงานทนายความของคุณเฉวียง ถึงได้รู้ว่าบ้านสวนคุณป้าตลับนาคอยู่ที่นี่”
“คุณมาทำไม มาดูฉันว่าฉันหิ้วใครมาด้วยหรือเปล่า”
“ใช่ ผมจำเป็นต้องมาดูว่าคุณกับเขามาด้วยกันหรือเปล่า เพราะตอนนี้คุณชานอรุณณรงค์ไม่อยู่”
“คุณ นี่คุณ”
“เชิญคุณปฐวีขึ้นเรือนเถอะ จะได้กินน้ำกินท่า เหยียดแข้งเหยียดขาให้หายเมื่อย ไป”
ตลันนาคและเด็กเดินออกไป ปฐวีหันมาสบตาชิดชบา
“เห็นมั้ย คุณป้าของคุณเชิญผมเป็นแขกเรียบร้อยแล้ว เราจะขึ้นบ้านหรือยัง ผมหิว แล้วก็เหนื่อย”
“เชิญ”
ชิดชบากระแทกเสียงประชด ปฐวีเดินตามตลับนาคไป
ยุวดีนอนเปลือยอยู่ในผ้าห่ม เป็นภาพเดียวกับในหน้าเฟสบุ้ค เธอค่อยๆ ขยับตัว ลืมตาขึ้นด้วยอาการปวดศีรษะเพราะเมาค้าง
“โอย ทำไมถึงหนักไปทั้งหัวอย่างนี้ ก็เรา”
ยุวดีพรวดพราดลุกขึ้นนั่ง มองหาปฐวี
“คุณปฐวี”
ยุวดีเห็นโทรศัพท์ที่เปิดเฟสบุ้คหน้าที่มีรูปของตัวเองประจานอยู่ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างตื่นตระหนก
“ใคร ใครเป็นคนเอาขึ้นเฟสนี่ หรือว่า คุณ คุณปฐวี”
แพรวาพยายามหว่านล้อมให้โสมสุภางค์เลื่อนวันแต่งงานออกไป เพื่อรักษาปฐวีให้หายขาดจากอาการฝันร้าย ที่จะส่งผลถึงชีวิตสมรส
เถาว์เครือมองอย่างมีเลศนัย เพราะเธอไม่ต้องการให้ปฐวี และโสมสุภางค์แต่งงานกัน
“ถ้าฤกษ์ยามยังไม่ได้ ก็เลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อน ฉันจะพยายามเอาตัวคุณปฐวีไปรักษาที่คลินิกของฉัน ฉันอยากเห็นเธอมีความสุขนะโสมสุภางค์”
โสมสุภางค์เปิดเฟสบุ้คไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจแพรวา
“ฉันก็มีความสุขอยู่แล้วไง มีเรื่องที่ต้องเตรียมตัวอีกเยอะ เธอต้องเป็นเพื่อนจ้าวสาวให้ฉันนะ”
“เรื่องนั้นน่ะไม่ต้องห่วง ยังไงฉันก็ต้องเป็นเพื่อนจ้าวสาวให้เธออยู่แล้ว เธอจะช่วยนัดคุณปฐวีให้ฉันได้มั้ย ฉันต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติของเขาด้วยนะ”
“ต๊าย ตาย คุณแม่คะ คนเดี๋ยวนี้เป็นอะไรไป ถึงได้เอารูปมาลงประจานกันในเฟส คุณแม่ดูซีคะ น่าเกลียดจังเลยค่ะ”
“ไหน”
เถาว์เครือตกใจเมื่อเห็นรูปของยุวดี
“หา นี่ยุวดีนี่”
ยุวดีเดินใส่เสื้อ รูดซิบ ใส่ถุงน่อง สวมรองเท้าไปพลาง พูดโทรศัพท์ด้วยท่าทีโกรธจัด
“หนูเองค่ะคุณนาย หนูทำตามแผนของคุณนาย ตั้งแต่ไขกุญแจอพาร์ตเมนท์ของคุณปฐวีด้วยกุญแจที่คุณนายขโมยมาจากลูกสาว รอจนเขากลับ แล้วมอมเหล้าเขา เขาไม่ได้แตะต้องหนูเลยค่ะ จู่ๆ หนูก็วูบไป มารู้ตัวอีกที รูปก็กระจายไปทั่วเฟสแล้ว คุณปฐวีน่ะหรือ เขาไม่แตะหนูเลยค่ะ ต้องเป็นเขาแน่ เขาเป็นคนเอารูปหนูขึ้นประจานในเฟส”
ชิดชบากระแทกขันน้ำยาอุทัยให้ปฐวีด้วยท่าทีประชด ปฐวี ตลับนาค นั่งอยู่บนเสื่อกลางบ้าน
“บ้านสวนก็อย่างแหละคุณ หาความสะดวกสบายไม่ได้หรอกค่ะ ดีแต่ร่มรื่น เพราะมีต้นไม้เยอะ เป็นสวนเก่า ผลหมากรากไม้ เก็บกินเก็บขายกันมาหลายรุ่น ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันดีมั้ยคะ คุณปฐวี”
“คงจะไม่” ชิดชบาขัดขึ้น
“ขอบพระคุณมากครับ ผมคงต้องขอฝากท้องกับคุณป้าครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ป้าขอตัวเข้าครัวก่อน คุยกับชิดชบาไปพลางๆ คุยกันดีๆ”
“หนูไปช่วยค่ะคุณป้า”
“ไม่ต้องหรอก ป้าทำได้ อยู่คุยเป็นเพื่อนคุณปฐวีดีกว่า”
ตลับนาคลุกออกไป ชิดชบากระแทกตัวลงนั่งบนเสื่อ
“นี่ ถามจริงๆ เถอะ มาทำไม ใครเชิญ”
“อ้าว ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ ข้อสำคัญผมสำรวจหมดแล้วว่าคุณไม่ได้ซ่อนใครไว้”
“ที่มานี่มาดูว่าฉันพาใครมากกไว้ที่บ้านสวนซีนะ”
“ของมันน่าคิด สมัยนี้อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ คุณชายอรุณณรงค์ก็ไม่อยู่ ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน ไม่ได้สั่งอะไรไว้ บ้านสวนนี่สบายนะ น่านอน”
“ใช่ สบาย แต่ฉันกำลังคิดว่าจะขายดีหรือเปล่า มีคนมาให้ตั้งหลายล้าน คุณป้าก็เคยมีความคิดจะขายเอาเงินใช้หนี้คุณ”
“แล้วคุณคิดจะขายมั้ยล่ะ”
“คิด ถ้าเงินที่ขายได้มันพอที่จะใช้หนี้คุณ แต่นี่มันไม่พอ”
“หรือถ้าพอมันก็ไม่คุ้มกัน เสียที่อีกผืนหนึ่ง หลังจากที่เสียพรหมจารีย์ไปแล้ว หรือว่ามันมีอะไหล่”
ชิดชบาโกรธ ปวดร้าว ขมขื่น
“ถ้าฉันมีเงินซื้อตัวเองคืนมาจากสภาพที่เป็นอยู่ได้ ฉันไม่รีรอหรอกค่ะคุณปฐวี ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่บูชา พรหมจารีย์ถึงขั้นเอามันมาตัดสินชีวิตของฉัน”
“เฮ้อ คิดอย่างคุณนี่มันก็ดีไปอย่างนะ แต่ผมจะบอกอะไรให้ ผู้ชายไทยน่ะ เอาปูนหมายหัวได้เลยว่า เขายังบูชาพรหมจารีย์อยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะทำหน้าวิเศษดีงามเหมือนเทพบุตร”
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“อยากมีญาติมั้ง ผมถือว่าคนที่นอกเหนือไปจากคุณหรือคุณชิดชงค์ ล้วนไม่มีความผิด”
“คุณจะบอกได้หรือยัง ว่าพวกเรามีความผิดอะไร”
“ยัง ผมยังทรมานคุณไม่ได้ถึงครึ่งที่พวกคุณเคยทำกับพวกเราไว้”
“คุณปฐวี”
ชิดชบาอุทานแผ่วเบา
จำเรียงกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าตึก ธวัชพงษ์ยื่นถุงข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่างขึ้นมาจากมุมรั้วภายนอก ก่อนจะโผล่หน้ายิ้มประจบตามมา
“คุณ คุณนักข่าว”
“ส้มตำ ไก่ย่าง มีทั้งตำปูตำปลาร้า ร้านแซ่บเว่อร์ครับ”
“คุณอีกแล้ว มาทีไรมีของฝากมาด้วยทุกที วันนี้ไม่มีใครอยู่หรอกค่ะ เข้ามาซีคะ”
จำเรียงเหลียวซ้ายแลขวา เปิดประตูเล็กรับธวัชพงษ์
“คุณปฐวีไม่อยู่ แล้วคุณชิดชบาล่ะครับจำเรียง”
“ทีแรกคุณชิดชบาไม่อยู่ก่อนค่ะ พอคุณปฐวีมาถึงก็ถามว่าคุณชิดชบาหายไปไหน พอลุงสมควรบอกว่าคุณชิดชบาไปบ้านสวน คุณปฐวีก็ถามอีกว่าบ้านสวนอยู่ที่ไหน”
สมควรมายืนท้าวเอวฟัง
“นังจำเรียง”
“อุ๊ย ลุงสมควร”
“ใครสั่งให้เอ็งรายงานคุณนักข่าวซะละเอียดยิบยังกับสำนักข่าวปากโป้ง หา”
“เอ่อ”
“เอ่อ คือว่าผมผ่านมาทางนี้ ก็เลยซื้อส้มตำร้านแซ่บๆ มาฝากน่ะครับ”
สมควรทำหน้าเหี้ยมใส่ธวัชพงษ์
“ฝากใคร”
“ฝากฉัน เอ่อ”
จำเรียงหันไปทำท่าเก้อๆ กับธวัชพงษ์ เพราะคิดว่าธวัชพงษ์มาหลงรักตนเอง
“อย่างนั้นใช่มั้ยคะ คุณนักข่าว”
“ครับ อย่างนั้น”
“เห็นมั้ย เห็นฉันหน้าตาอย่างนี้ อย่าเพิ่งดูถูกว่าฉันเลือกไม่ได้นะ ขอบคุณมากนะคะคุณนักข่าว”
จำเรียงเอียงอาย
“สำหรับของฝากแสบ แซ่บ ค่ะ”
“ไป เข้าไปในครัว”
“จ้ะๆๆ”
จำเรียงรีบหิ้วถุงส้มตำเดินอ้อมไปทางหลังตึก สมควรหันมาขู่ธวัชพงษ์
“ผมรู้นะ ว่าคุณคิดจะทำอะไร ไอ้ที่คุณคิดน่ะมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะว่า”
“เพราะว่าอะไรครับ”
สมควรเคร่งเครียด
“เพราะคุณยังรู้จักคุณปฐวีน้อยไป”
ตลับนาคและชิดชบา กำลังสาละวนทำอาหารอยู่ในครัว ปฐวีเดินเข้ามานั่งลงด้วยท่าทีสบายๆ ผ่อนคลาย และมีความสุข
“หอมจังเลยครับคุณป้า มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณรอรับประทานก็พอแล้ว ออกไปเถอะ เดี๋ยวเสื้อผ้าจะเหม็นกลิ่นควันไฟ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากช่วย”
ปฐวีมองชิดชบาซึ่งกำลังปอกกระเทียมเตรียมลงครกหิน เพื่อตำเครื่องแกงคั่วกระท้อน ชิดชบาประชด
“เขาอยากช่วยก็ให้เขาช่วยโขลกน้ำพริกซีคะคุณป้า”
“หนู คุณปฐวีเขาเคยทำหรือเปล่า เดี๋ยวพริกจะกระเด็นเข้าตา”
“คุณปฐวีเขาไม่ได้วิเศษเลอเลิศอะไรมาจากไหน งานครัวแค่นี้เขาทำได้ค่ะ จริงมั้ยคะคุณปฐวี เออ ถ้าเหาะเหินเดินอากาศได้ก็ว่าไปอย่าง จะได้ถือว่าเขาวิเศษเกินคน”
ตลับนาคหน้าเจื่อนๆ มองปฐวีด้วยความเกรงใจ
“พูดเข้า หลานสาวฉันเป็นอย่างนี้แหละค่ะ อย่าไปถือสาเลย ร่ำเรียนมาสูงๆ แต่ปากคอยังกับกรรไกรโรงพยาบาล”
ปฐวียิ้มๆ อบอุ่น อ่อนโยน
“ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้ อีกหน่อยผมคงชินสำนวนแบบนี้ไปเอง คุณป้าจะแกงอะไรครับ”
“แกงคั่วกระท้อนกับกุ้ง กระท้อนในสวนเยอะแยะ ต้องดัดแปลงทำนี่นั่นนู่น นี่ป้าซอยกระท้อนแช่น้ำเกลือไว้แล้ว คั้นให้มันหายเปรี้ยวก็แกงได้แล้ว”
“สมัยอยู่บ้านนอก ตอนทำโรงสี แม่ผมแกงบ่อย แต่แกงกับกบย่าง”
ตลับนาคและชิดชบา ต่างชะงัก
“คุณปฐวีเป็นคนพื้นเพทางหัวเมืองหรือ”
“ครับ เราเคยทำโรงสี ใช้ชีวิตอย่างคนชนบท ตอนนั้นผมยังเด็กมาก”
สีหน้าแววตาของปฐวีสลดลง แล้วจึงกลับเข้มแข็ง เป็นตัวเอง
“แต่ตอนหลังนี่ครอบครัวเราหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีอะไรเหลือ แกงกระท้อนกับกบย่างก็เลยหมดไปด้วย”
ปฐวีมองชิดชบา เงียบขรึมลง
“เพราะ”
ภาพพ่อผูกคอตายผุดขึ้นมาอีก
โสมสุภางค์เพิ่งฟื้นไข้ เปิดม่านหน้าต่างออกเพื่อรับแสงแดด มองลงไปยังสนามหญ้าด้วยความแปลกใจ
เมื่อเห็นเถาว์เครือ และยุวดีคุยกันเคร่งเครียด
“ฉันไม่เห็นว่าเธอจะต้องอับอายอะไร เกิดมียางขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกวันนี้เฟสมันก็เปิดโอกาสให้คนออกมาแสดงสันดานดิบ แล้วใครเขาจะจำได้ว่าผู้หญิงที่นอนเปลือยอยู่น่ะเป็นเธอ”
“คุณปฐวีเขาเลือดเย็นกว่าจระเข้เสียอีกค่ะ เขาทำหน้ายิ้มๆ ทั้งที่เขารู้ทันหนู แปลก ทำไมเขาไม่ตะเพิดหนูออกมาตอนนั้น”
“ผู้ชายคนนี้ยิ่งสัมผัส ฉันยิ่งไม่รู้จักเขาเลย เพราะอย่างนี้แหละ เธอถึงต้องทำงานให้ฉันต่อไป”
โสมสุภางค์ขยับมายืนที่ระเบียง เพราะจำยุวดีได้ จากภาพเปลือยของยุวดีในเฟสบุ้ค
“เธอกลับไปก่อน ทำหน้าให้แบ๊วไว้ เอ้า เอาเงินนี่ไปใช้”
“ค่ะ คุณนาย”
“แล้วอยู่ใกล้ๆ ปฐวีไว้ หาโอกาสตอนที่เขาพลาด ทำลายชื่อเสียงของเขาให้ได้ ก่อนที่เขาจะแต่งงานกับลูกสาวของฉัน”
“ค่ะ คุณนาย”
โสมสุภางค์เริ่มสงสัยในพฤติกรรมของเถาว์เครือ
สำรับอาหารถูกยกมาวางลงกลางเสื่อผืนใหญ่ ตลับนาคขยับสำรับให้เข้าที่
“เชิญค่ะคุณปฐวี ตามสบายนะคะ อาจจะไม่คุ้นลิ้นเหมือนแกงคั่วกระท้อนกับกบย่าง แต่นี่ก็คงจะพอใช้ได้ เอ่อ ถนัดนั่งกับพื้นหรือเปล่า หรือว่าจะ”
“นั่งกับพื้นนี่แหละค่ะ เผื่อจะทำให้เขาคิดถึงครอบครัวกับความหลังของเขา”
“ผมนั่งได้ครับคุณป้า”
“งั้นก็ตักข้าวเถอะ ชิดชบา กินข้าวกินปลาเสร็จแล้ว ป้าจะได้ชวนคุณปฐวีเขาค้าง”
ชิดชบาอุทาน มือถือทัพพีตักข้าวค้าง
“คุณป้า ไม่ได้นะคะ”
ปฐวีหันไปสบตาชิดชบาอย่างท้าทาย
“ทำไมจะไม่ได้”
“เพราะ เพราะว่า”
ปฐวีหันไปยิ้มกับตลับนาคอย่างอ่อนโยน
“ตกลงครับ ผมจะค้าง”
ชิดชบากระแทกทัพพีตักข้าว ก่อนกระแทกจานลงตรงหน้าปฐวี
เถาว์เครือเดินเข้ามาในห้องโถง ชะงักเมื่อเห็นโสมสุภางค์ยืนรออยู่ เถาว์เครือเจื่อนๆ รีบเกลื่อนสีหน้า
“แม่นึกว่าหนูยังไม่ตื่น ลงมาทำไม เพิ่งกลับจากโรงพยาบาล ลูกต้องนอนพักให้มากๆ นะ”
“ผู้หญิงคนนั้นมาทำไมคะ”
“อ๋อ ยุวดีน่ะหรือ เอาของมาขายน่ะ ยุวดีมีงานอดิเรก พวกขายตรง”
“ยุวดีนี่เอง หนูเห็นยุวดีในเฟส”
“เฟสแฟสสมัยนี้ ใครเขาเชื่อกัน เขามีไว้สำหรับใช้สื่ออะไรๆ ที่อยากจะสื่อ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของคนอื่นหรอกลูก ควรสนใจเรื่องของตัวเองมากๆ เป็นต้นว่า ตอนนี้ปฐวีเขาอยู่ที่ไหน”
เถาวส์เครือยิ้มเยาะ
ตะวันตกดินเหนือลำคลองที่สะท้อนสีแดดอ่อน ปฐวีโยนขาวปั้นให้ปลา ชิดชบาเดินเข้ามา
“คุณจะค้างที่นี่หรือ ทำไมไม่กลับ นี่เย็นมากแล้วนะ”
“คุณป้าของคุณชวนหลานเขยค้าง”
“นี่คุณ คุณป้าฉันท่านก็ชวนตามมารยาท ไม่ก็ คงไม่ทราบว่าคู่หมายของคุณกำลังหายใจแผ่วๆ ไม่รู้จะอยู่หรือไป”
“อย่ามาแช่งคนที่ผมรัก มันไม่ยุติธรรมสำหรับโสมสุภางค์”
ชิดชบาสะเทือนใจ ชิงชัง เจ็บปวดกับความตายของพ่อ
“ฉันแช่งคุณด้วย ฉันขอแช่งชักหักกระดูกให้คุณตายอย่างทุกข์ทรมาน ตายช้าๆ ให้รู้ว่าความตายน่ะ มันโหดร้ายแค่ไหน สมกับเวรกรรมที่คุณทำไว้กับพวกเรา”
“ผมน่ะ ยิ่งแช่งยิ่งอายุยืนนะ ถ้าคุณอยากให้ผมตายเร็วๆ คุณต้องพูดดีทำดีกับผม ผมจะได้ตายสมใจคุณ”
“คุณมันบ้า คนบ้า”
ชิดชบาสะบัดเดินออกไป ปฐวียิ้มเยาะ
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
ชัยยงค์เดินนำหน้าชัยญา ถกล และสมุนออกมาจากบ่อนพนันด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด เพราะชัยญาจัดการกับปฐวีไม่สำเร็จ
“ไม่สำเร็จอีกแล้ว แกเก็บปฐวีไม่สำเร็จคราวนี้ เหมือนแกทำให้ไก่ตื่น มันรู้ตัวแล้วว่ามันกำลังถูกตามเก็บ”
“เพราะไอ้นักข่าวนั่นคนเดียว”
“ครับ ถ้ามันไม่เข้ามาแทรก ป่านนี้คงจะ” ถกลแค้น
ชัยยงค์ตวาด
“ไม่ต้องมาแก้ตัว กี่ครั้งแล้วล่ะที่พวกแกทำงานไม่ได้เรื่อง ถ้าปฐวีเปิดบ่อนพนันกลางเมืองได้ ฉันกับนายต้องเสียประโยชน์ไปเท่าไหร่”
“พ่อ วันนี้มันไม่ตาย พรุ่งนี้มันก็ตายได้นี่”
“แกคิดว่ามันง่ายหรือ มันรู้ตัว มันต้องระวังตัวแจ บ้านคุณชิดชงค์มันก็ได้ไปแล้ว ลูกสาวคุณชิดชงค์อีกล่ะ”
ชัยญาหันไปสบตาระริน
“แม่นั่นก็แค่อยากได้บ้านคืน ฉันไม่เห็นนางจะมีอะไรดี”
“อย่าประมาท ชิดชบาเป็นนักเรียนนอก ได้เลือดคุณชิดชงค์มาค่อนตัว ถ้าจะเล่นเกมกัน ไม่ใช่แค่เรากับปฐวี แต่เราต้องดึงคู่ขาเข้ามาด้วย สมอง แกต้องใช้สมองให้มาก ต้องดึงชิดชบาเข้ามาเป็นพวกของเราให้ได้”
“ยังไงครับ”
“ทำให้ชิดชบาอยากรู้ เรื่องเกมพนันคืนนั้น”
ชัยยงค์ยิ้มเจ้าเล่ห์
โสมสุภางค์ดูรูปเปลือยในเฟสบุ้ค เลื่อนภาพเข้ามาใกล้ พิจารณาดูรอบๆ เตียงนอนที่ยุวดีนอนเปลือยอยู่
“นี่มันเตียงนอนของวีที่อพาร์ทเมนท์นี่”
ชิดชบาใส่เสื้อคอกระเช้า ผ้าถุง กำลังกางมุ้งที่ชานเรือน ท่ามกลางบรรยากาศของบ้านสวนในยามค่ำคืน
“ถ้าคุณจะนอน ก็ต้องนอนกางมุ้ง ที่ไม่มีแอร์ ไม่มีเตียง ไม่มีชุดนอนให้คุณเปลี่ยน นอกจาก”
ปฐวีสวมเสื้อผ้าป่านคอกลม นุ่งโสร่งเดินเข้ามา
“ของในหีบที่คุณป้าตลับนาครื้อออกมาให้”
ชิดชบาหันไปมอง ยิ้มๆ ขบขัน
“คุณยิ้มทำไม”
“สังเวชคุณปฐวีผู้โก้หรู กลายเป็นลุงแก่ๆ ที่ต้องนอนมุ้งตาพริกไทย เอาล่ะ เหน็บชายมุ้งเอาเองนะ ฉันจะไปนอนกับคุณป้า”
“เข้าไปในมุ้ง ผมจะซ่อนชายเอง”
ปฐวีตลบชายมุ้งคลุมตัวชิดชบา
“เอ๊ะ ปล่อยนะ ฉัน”
“จะร้องดังๆ ก็ตามใจนะ คุณป้าตลับนาคจะได้ออกมาดูว่าทำอะไรกัน โบราณท่านถือรู้มั้ย ท่านห้ามไม่ให้ผัวเมียหยอกกันจนเสาเรือนสะเทือน”
“คุณ”
“นอนเป็นเพื่อนผมหน่อย ผมไม่อยากนอนมองพระจันทร์เต็มดวงคนเดียว”
ปฐวีดึงให้ชิดชบานอนลง มองผ่านมุ้งตาพริกไทยไปยังพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า
“รู้มั้ย เวลาที่เด็กมีความสุขที่สุดคืออะไร”
“อะไร”
“ได้นอนอยู่บนกระดานไม้ ฟังผู้ใหญ่เล่านิทาน มีพ่อ มีแม่ มีลูก มีเรื่องราวของครอบครัว แล้วคุณรู้มั้ยเด็กชอบฟังเรื่องอะไรที่สุด”
“เรื่องอะไรคะ”
ปฐวียิ้มอย่างมีความสุข
“เรื่องผี”
ปฐวีย้อนนึกถึงชีวิตของตัวเองในวัยเด็ก บรรยากาศวังเวง บนบ้านเรือนไทยใต้ถุนสูงในชนบท มือเหี่ยวย่นเล็บยาวโค้งค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากร่องซึ่งเกิดจากรอยต่อระหว่างแผ่นไม้กระดาน เสียงสุนัขหอนวังเวง ให้ความรู้สึกสยองขวัญ ปฐวีนอนกระสับกระส่ายพลิกตัวอยู่บนชานเรือน ลืมตาขึ้นเห็นมือผี เด็กน้อยส่งเสียงร้องลั่นอย่างตื่นตระหนก
ชิดชบาสะดุ้งสุดตัว ผุดลุกขึ้นนั่งเพราะกลัวผี มองปฐวี เห็นเขานอนหลับสนิท ท่าทีเหมือนเด็กชายเล็กๆ ในอดีต ชิดชบาจ้องมอง พึมพำเบาๆ ด้วยความเศร้าหมอง
“เวลาคุณหลับ คุณดูไม่เหมือนผีห่าซาตานเลย คุณเหมือนเด็ก เด็กที่ขาดความอบอุ่น เด็กที่ถูกทิ้ง”
ชิดชบาค่อยๆ เอนตัวลงนอนอิงไหล่ของปฐวี มองไปยังพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า ผ่านลายของมุ้งตาพริกไทย
“เหมือนฉัน”
ชิดชบาค่อยๆ หลับตาลง
ตอนเช้า หม่อมจรัสเรืองตักบาตร รับพร อรุณณรงค์เดินลงมาจากตึก
“ชายเอี่ยว นั่นจะไปไหน เมื่อวานก็ไปมาทั้งวัน วันนี้วันหยุดแม่ชวนอุราศรีมากินข้าวด้วย”
“ผมจะไป”.
“ไปหาชิดชบาใช่มั้ย พักนี้ แม่รู้สึกว่าจะพบผู้หญิงคนนี้บ่อยๆ นะ”
“ไม่บ่อยหรอกครับ ผมไปออกกำลังกาย ผ่านไปทางนั้นก็เลย”
“แม่เตือนแล้วนะ อย่าทำตัวใกล้ชิดชิดชบานัก ตอนนี้มีข่าวโสมสุภางค์จะแต่งงานกับคุณปฐวี แม่ไม่อยากให้ใครเอาลูกไปนินทาว่าทำตัวเป็นท่อนไม้”
“ท่อนไม้ เอ่อ เป็นยังไงครับหม่อมแม่”
“ก็ท่อนไม้ที่มันลอยมากลางทะเลน่ะซี ซ้ำทะเลกำลังมีมรสุม ใครเลยจะไม่เกาะไว้กันตาย”
“หม่อมแม่ครับ”
“เชื่อแม่เถอะ แต่งงานกับคุณหญิงอุราศรี แม่ทาบทามท่านผู้ใหญ่ไว้แล้ว ท่านไม่รังเกียจ ชื่อเสียงดีชาติตระกูลมา มีชัยไปกว่าครึ่ง แม่ไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนี้ มาทำให้ลูกหมองมัว”
อรุณณรงค์สลดลง
ชิดชบาสะดุ้งตื่น รีบลุกขึ้นนั่ง มองหาปฐวี
“คุณปฐวี”
ชิดชบาถลาเข้ามาหาตลับนาค ซึ่งนั่งเจียนใบตองอยู่
“คุณป้าคะ”
“ไปแล้ว ไปตั้งแต่ฟ้าสาง เห็นว่าต้องบินไปเชียงใหม่เรื่องงาน คุณปฐวีนี่เขาก็เป็นคนง่ายๆ ดีนะ ท่า
ทางเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเลย”
“เอ่อ”
“กินง่ายนอนง่าย เสียดาย”
“คุณป้าเสียดายอะไรคะ”
“เสียดายที่เขาไม่ใช่หลานเขยของป้าจริงๆ ที่ผ่านมาเล่นเกมนี้ เขาเลยกลายเป็นยักษ์เป็นมารสำหรับเรา”
ชิดชบาสลดลง
โสมสุภางค์พลิกหนังสือแบบชุดแต่งงานท่าทีเนือยๆ แพรวาเดินเข้ามา
“โสมสุภางค์ ทำอะไร”
“แพรวา เธอมาพอดี ห้องเสื้อเขาส่งแบบชุดแต่งงานมาให้เลือกน่ะ”
แพรวามองโสมสุภางค์ด้วยความสงสาร
“ฉันว่าแบบมันรุงรังยังกับจำอวด ดูซีปักลูกไม้ทั้งตัวฟูเหมือนลูกหมี คนผอมก็ดูดี แต่คนมีเนื้อมีหนังมันจะกลมเป็นตุ๊กตาหิมะ ฉันรับไม่ได้หรอกฉันไม่อยากเป็นเจ้าสาวแบบโหลๆ”
“ฉันรู้ว่าเธออยากเป็นเจ้าสาวคนเดียว ที่คนทั้งกรุงเทพฯโจษขานเป็นตำนาน ว่าแต่เธอพูดกับปฐวีเขารู้เรื่องแล้วหรือ”
“ไม่มีอะไรจะต้องพูด ฉันจะเตรียมเลือกแบบการ์ดแต่งงาน หาบริษัทเวดดิ้งดังๆ ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเอาแบบไหน”
“ฉันเห็นเธอมีความสุขก็ดีใจด้วย แต่งงานแล้วคุณปฐวีคงไม่มีปัญหา เอ่อ ชิดชบา”
โสมสุภางค์อึ้ง
“รู้มั้ยว่าเขาจะขังชิดชบาไว้นานสักแค่ไหน”
“สองปีล่ะมั้ง เธอไม่ต้องกลัวหรอกว่าชิดชบาจะอยู่กับเรานาน ทุกวันนี้ชิดชบาก็รอเวลาที่ปฐวีเขาจะปลดปล่อย เหมือนปล่อยนกปล่อยหนู ปล่อยสัตว์”
“โสมสุภางค์”
แพรวากังวล เป็นห่วงโสมสุภางค์
“ฮึ พอปฐวีเขาเปิดกรงแล้ว คุณชายอรุณณรงค์จะรับเซ้งต่อ กินกากเดนปฐวีมั้ย”
แพรวาแปลกใจ เถาว์เครือเดินผ่านห้องโถง เบี่ยงตัวหลบเข้ายืนฟัง
“จริงหรือ”
“เธอคิดว่าคุณชายอรุณณรงค์เขาเป็นเทพบุตรหรือ เขาก็คนธรรมดานี่เอง ถ้ายังอดเปรี้ยวหวานมันเค็มไม่ได้ ยังอยากกินของข้างถนน เขาก็มีสันดานไม่ต่างกับปฐวีหรอก”
แพรวาสลดลง เพราะหลงรักปฐวี หลบสายตาโสมสุภางค์เพื่อซ่อนพิรุธในใจ
“แต่ปฐวีเป็นคนกล้าพูดกล้าทำ เป็นตัวของเขาเอง ไม่สนใจใคร เขาไม่เสแสร้ง”
“ฉันไม่เข้าใจ เธอกำลังพูดถึงอะไร”
“คุณชายอรุณณรงค์ กำลังเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับนังชิดชบาน่ะซี”
เถาว์เครือฟังแล้วร้อนใจ
หม่อมจรัสเรืองกระอักกระอ่วน กังวล เมื่อได้ฟังเรื่องจากเถาว์เครือ
เถาว์เครือยุยง เพราะยังหวังจะให้โสมสุภางค์แต่งงานกับอรุณณรงค์
“ฉันทราบดีค่ะว่าเรื่องนี้ทำให้หม่อมท่านร้อนหูสักหน่อย แต่จะเก็บไว้คนเดียวก็ไม่ได้ มันเหมือนไม่สุจริตต่อคนที่ฉันเคารพนับถือ ก็เลยต้องเอามาเล่าให้หม่อมท่านได้รับทราบไว้ จะได้หาทางป้องกันแก้ไขได้ทันเวลา”
“ฉัน”
“ถ้าเรื่องที่ฉันเล่าจะทำให้หม่อมท่านไม่พอใจ ฉันก็ต้องกราบขออภัยด้วยค่ะ ข่าวนี้ถ้าไม่ใช่ข่าวที่เชื่อถือได้ หนูโสมสุภางค์คงไม่กล้าเอามาพูดพล่อยๆ แน่ จะว่าหนูโสมสุภางค์อิจฉาริษยาก็ไม่ใช่ เพราะฐานะคู่หมายกับนางบำเรอนี่มันห่างกันจนเทียบไม่ติด”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อคุณเถาว์เครือหรอกนะ แต่เรื่องนี้ฉันต้องขอร้องคุณเถาว์เครืออย่าเที่ยวพูดไป เพราะมันเป็นเรื่องเสียหายทั้งสองฝ่าย”
“ถ้าหม่อมท่านจะเป็นห่วงเรื่องความเสื่อมเสีย ก็กรุณาอย่าไปห่วงนังชิดชบาเลยค่ะ นังนั่นมันเสียจนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว แต่คุณชายอรุณณรงค์ซีคะมีหน้ามีตามีเกียรติยศในวงสังคม หน้าที่การงานมีอนาคตถึงท่านทูต ฉันว่ามันไม่คุ้มที่จะต้องเสียเพราะผู้หญิงหยำฉ่าแบบนั้น”
หม่อมจรัสเรืองถอนหายใจ
“แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี ฉันกับชายเอี่ยวก็ไม่เคยมีปัญหาต้องว่ากล่าวกัน ตั้งแต่เขาโตเขาก็รู้หน้าที่ของตัวเอง มันกระไรอยู่นะที่จะต้องมาเตือนกันเอาวัยนี้ ชายเอี่ยวน่ะสามสิบกว่าแล้วนะ”
“อายุไม่ใช่ข้อกำหนดให้คนเราทำผิดไม่ได้นี่คะหม่อมจรัสเรืองขา คนอายุห้าหกสิบยังทำอะไรเป็นเด็กได้เลย ดิฉันไม่ตำหนิคุณชายอรุณณรงค์หรอกค่ะ ต้องด่านังชิดชบามันมารยาร้อยเล่มเกวียน แล้วคนที่จิตใจดีอย่างคุณชายอรุณณรงค์ จะไปทันเล่ห์เหลี่ยมนังหยำฉ่านี่หรือ”
“มิน่าล่ะ ฉันเคยพูดเรื่องลูกสาวคุณชิดชงค์ให้เขาฟัง เขาทำหน้าแปลกๆ ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าเขาสนิทสนมกันถึงไหน”
“ยังไงล่ะก็ หม่อมท่านต้องหาทางตัดไฟแต่ต้นลมนะคะ เดี๋ยวจะเป็นปัญหาอย่างปฐวีกับโสมสุภางค์ มันจะแก้ยาก ได้ไม่คุ้มเสียนะคะหม่อมขา”
หม่อมจรัสเรืองยิ่งกังวลกับการยุยงของเถาว์เครือ
อรุณณรงค์เดินลงมาจากกระทรวง ลังเลที่จะโทรศัพท์ถึงชิดชบา อุราศรีเดินตามลงมา หยุดยืนมองอยู่ไกลๆ อรุณณรงค์ตัดสินใจโทรศัพท์ถึงชิดชบา
โทรศัพท์วางอยู่ในร้านเหล้าส่งเสียง ชิดชบาหยิบขึ้นมามองก่อนตัดใจกดทิ้ง และยกไวน์ขึ้นดื่ม หมกมุ่นอยู่กับความเศร้าหมอง ชัยญาเดินเข้ามานั่งตรงหน้า
“คุณไม่อยากรู้เรื่องของคุณพ่อจริงๆ หรือ ผมรู้ว่าคุณอยากรู้ นี่คุณก็กำลังนั่งคิดถึงเขา”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงหยำเปเลย มีอีกตั้งหลายวิธีที่คุณจะเรียกร้องเอาบ้านหลังนั้นคืนมา”
“ดูคุณรู้เรื่องของฉันมากกว่าที่ฉันคิดนะ”
ชิดชบามองหน้าชัยญาอย่างรู้ทัน
“แต่ขอบอก ถ้าจะมาหลอกอะไรล่ะก็ ผ่านเถอะ ฉันไม่มีอารมณ์จะฟังเรื่องยาวๆ เพราะฉันเชื่อว่า ในดงพนันน่ะ คงไม่มีใครไม่ฉกฉวย”
“คุณกำลังเข้าใจผมผิด”
ชิดชบาจ้องหน้าเอาเรื่อง เริ่มเมา
“ฉันไม่มีเวลาเข้าใจคนหรอก ไม่ต้องการเข้าใจใคร ไปซะ ฉันไม่ใช่ปลาโหย ที่คุณจะมาตกเบ็ด”
“แล้วคุณไม่อยากรู้หรือ ว่าปฐวีเขาซื้อที่ดินเป็นพันล้านด้วยเงินของใคร”
ชิดชบาชะงัก นี่เป็นสิ่งที่เธอสงสัย ว่าปฐวีจะใช้เงินของชิดชงค์ซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ่อนพนัน
ชัยญาเดินกลับมาที่รถอย่างหัวเสีย ถอดสูทฟาดรถอย่างแรง ระรินเปิดประตูรถออกมา หึงหวง
“ไม่สำเร็จใช่มั้ย ก็ฉันบอกแล้วว่าแม่นี่กินไวน์ยังกะอาบ ชิดชบาไม่ได้เมาให้คุณหิ้วได้ใช่มั้ย”
“เฮ้ย มายังไงวะ”
“กุญแจรถคุณอยู่ที่ฉันชุดหนึ่ง ลงทุนนะงานนี้ อุตส่าห์ใส่สูทแบรนด์เนม แต่เหยื่อไม่งับเบ็ด”
“ฉันต้องหาวิธีใหม่ ดึงชิดชบามาร่วมกับพวกเราให้ได้”
“ท่าทางคุณปฐวีเขาหวงผู้หญิงของเขานะ เขาคงไม่ปล่อยชิดชบาง่ายๆ หรอก แล้วคุณก็ไม่ได้มีอะไรที่เทียบเขาได้”
ชัยญาตบระริน ชี้หน้าด้วยความโกรธ
“อย่าเอาฉันไปเทียบกับปฐวี หน้าที่ของเธอคือต้องทำตามที่ฉันสั่ง ห้ามสาระแน”
“คุณ”
ชัยญากระชากผมของระริน จนหน้าหงาย
“ลากปฐวีขึ้นเตียงแล้วถ่ายคลิปมาให้ฉัน”
ปฐวีเพิ่งกลับจากเชียงใหม่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดภาพโสมสุภางค์ด้วยท่าทีลังเล
ธวัชพงษ์กำลังจะชูถุงข้าวเหนียวส้มตำ เพื่อตีสนิทกับจำเรียง แต่เห็นรถของปฐวีก็รีบหลบ รถของปฐวีแล่นเข้ามาจอด จำเรียงรีบวิ่งเข้ามาเปิด อึกอัก มองขึ้นไปชั้นบนของตัวตึก
“เอ่อ”
ปฐวีเปิดประตูห้องนอนเข้ามา เห็นรองเท้าส้นสูง กระเป๋า ถูกทิ้งเกลื่อนอยู่ตามพื้นห้อง ก่อนจะเห็นชิดชบานอนคว่ำหน้า เมาไวน์หลับยังไม่ฟื้น
“กลิ่นไวน์หึ่งเหมือนลงไปอาบ นี่เมาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ คุณ คุณ”
ชิดชบายังหลับสนิท ปฐวีถอนหายใจกังวล
ธวัชพงษ์และจำเรียงเกาะรั้วประตู จำเรียงหิ้วถุงส้มตำของฝากไว้ในมือ
“คุณปฐวีเพิ่งกลับจากเชียงใหม่ค่ะ พอกลับมาถึงแทนที่จะไปหาคุณโสมสุภางค์ก็ไม่ไป แวะมาที่นี่ก่อน เมื่อคืนคุณชิดชบาออกไปเที่ยว กว่าจะกลับก็ตีหนึ่ง คุณเอ๊ย ไม่รู้ขับรถกลับมาได้ยังไง เมาแประเลยค่ะ”
“เมาหรือ”
“สงสารคุณชิดชบานะคะ คนไม่มีเพื่อนจะให้ทำอะไรล่ะคะ จะไปคบค้าสมาคมกับใคร เขาก็รังเกียจว่าเป็นนางบำเรอ คุณชิดชบาก็เลย”
สมควรเดินมาท้าวเอวฟังจำเรียงอย่างไม่พอใจ
“นังจำเรียง”
“อุ๊ย ลุงสมควร คุณนักข่าวเขามาหาฉัน เอาส้มตำแซ่บเวอร์มาฝากตามประชาคน เอ่อ คน”
“ครับ ผมเอาส้มตำเจ้าแซ่บมาฝากจำเรียงน่ะครับ”
“ฝากแล้วก็ไปซะ เอ็ง มานี่”
สมควรบิดหูจำเรียงเข้าบ้านไป ธวัชพงษ์ชะเง้อมอง ร้อนใจ
“เอ้อ ลุงสมควรครับ คือว่า ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างที่จำเรียงเข้าใจนะครับ คือว่าผม ผม”
อรุณณรงค์ หม่อมจรัสเรืองและอุราศรีนั่งรับประทานอาหารค่ำกันภายในวัง หม่อมจรัสเรืองเริ่มตีกันชิดชบาและอรุณณรงค์ ด้วยการโน้มน้าวให้อรุณณรงค์แต่งงานกับอุราศรีเพื่อให้พ้นจากชิดชบา
“ได้ข่าวคุณปฐวีเขาจะแต่งงาน หรือยัง”
“เอ่อ”
อรุณณรงค์หันไปสบสายตาอุราศรี
“ทราบแล้วครับ”
“เมื่อไหร่คะหม่อมป้า”
“หนูโสมสุภางค์ออกจากโรงพยาบาลแล้ว คงอีกไม่นาน”
“เอ่อ ครับ”
“เออ แล้วชิดชบาล่ะ คุณปฐวีเขาจะคืนอิสรภาพให้หรือ เขาเป็นพ่อค้า เขาผ่านชีวิต ผ่านเรื่องคดโกง ไอ้ที่เขาจะมีเมตตาน่ะ เห็นจะหวังยาก”
อรุณณรงค์รวบช้อนอิ่มทันที
“อ้าว นั่นอิ่มแล้วหรือ”
“ทำไมอิ่มเร็วนักล่ะคะ กาแฟมั้ยคะ”
“ขอบคุณครับ”
อุราศรีลุกไปชงกาแฟ หม่อมจรัสเรืองกระซิบเบาๆ อรุณณรงค์ขยับจะลุกขึ้นยืน
“นั่งลง แม่มีเรื่องจะพูดด้วย เรื่องที่จะพูดก็ไม่ใช่เรื่องสั้น”
“เป็นเรื่องยาวที่เกี่ยวกับชิดชบาหรือครับ”
“บอกตรงๆ แม่ไม่สบายใจเลยตั้งแต่ได้ยินเรื่องนี้ ถามจริงๆ เถอะ ชายเอี่ยวมีความรู้สึกยังไงกับชิดชบา”
“ผมสุจริตใจ ผมสุจริตใจต่อชิดชบามาก ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกัน”
“เพื่อนหรือ แต่ชิดชบาล่ะ เป็นแค่เพื่อนได้หรือเปล่า”
“ผู้หญิงอย่างชิดชบา แค่ฟังคนอื่นพูดถึงทำนองนินทากันตามประสาผู้หญิง ยังไม่เพียงพอหรอกครับ”
“ถ้าชิดชบาวิเศษอย่างนั้น คงจะไม่ขายตัวให้ผู้ชายที่มีคู่หมายแล้วอย่างคุณปฐวีหรอก ซ้ำร้าย ผู้ชายคนนี้ยังทำให้คุณชิดชงค์ฆ่าตัวตาย”
“ชีวิตของใครก็เป็นของคนๆ นั้นครับแม่ เราไม่มีความจำเป็นต้องขายตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะต้องเป็นเหมือนเรา”
อุราศรีมองมา
“ผมขอโทษนะครับ ผมขอตัว”
อรุณณรงค์ลุก เดินออกไป
“ชายเอี่ยว”
อุราศรีมองตาม ครุ่นคิด รู้ว่าอรุณณรงค์รักชิดชบา
จบตอนที่ 4