นางชฎา ตอนที่ 2
เตชินนัดพบกับชมพูที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย พร้อมกับนำเอกสารข้อมูลที่เธอจะต้องใช้ทำรายงานมาให้ ขณะที่ฝ่ายหลังกำลังจะเอ่ยปากเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทน เสียงมือถือก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“อะไรนะ ที่ไหน ก็อปลิ้งค์มาให้ฉันด่วน”
พอชมพูวางวาย เตชินก็ยิงคำถามทันที
“มีอะไรเหรอครับ”
“มีเรื่องกันที่มหาวิทยาลัย แล้วมีคนถ่ายคลิปแฉค่ะ”
เธอรีบเปิดคลิปที่เพื่อนส่งมาให้ เตชินเหลือบตามองด้วย ภาพในคลิปคือเหตุการณ์ขณะริลณีโดนปริมลดาตบไม่ยั้ง
เตชินเห็นแล้วก็ตกใจ รีบขอตัวเดินออกจากร้านไปทันที ชมพูได้แต่มองตามตาละห้อย
เตชินรีบวิ่งกระหืดกระหอบ เข้ามาที่มหาวิทยาลัย พอเห็นริลณีที่แอบนั่งหลบมุมก้มหน้า เอามือปิดหน้าปิดตาไว้ ไม่อยากให้ใครเห็นรอยตบแดงเต็มสอง เขาก็รีบเดินเข้าไปหา
ครั้นเธอหันไปเห็นก็ทำท่าจะลุกหนี เตชินรีบเดินตามไปขวางไว้ ก่อนจะเห็นรอยฝ่ามือแดงเต็ม 2 แก้ม เขามองอย่างเจ็บปวดและสงสาร จนต้องรีบคว้าตัวเธอเข้ากอดด้วยความรักและห่วงใย ริลณีซบหน้าสะอื้น ร้องไห้โฮในอ้อมกอดของเตชิน
จากนั้นเตชินก็พาริลณีมาที่โรงพยาบาล ก่อนจะช่วยดูแลด้วยการประคบน้ำเข็งให้ที่รอยแดงตามที่หมอบอก ความเอาใจใส่ของเขา ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว จนต้องหลบหน้าหนี
เตชินรู้ตัวว่าทำเกินไปก็รีบขอโทษ “ขอโทษนะครับ ผมคงเป็นห่วงคุณมากไปหน่อย”
“ขอบคุณนะคะ ที่พามาหาหมอ จริงๆ ไม่น่าจะรบกวนคุณเลย ค่ายารินจะหาคืนให้ทีหลัง ขอตัวก่อนนะคะ”
พูดเสร็จรีบลุกขึ้นจะเดินหนี เตชินรีบพูดขึ้นมาทันที
“ผมจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขอให้รู้ว่าผมเป็นห่วงรินมาก ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิห่วง”
ยิ่งเขาแสดงความห่วงใย เธอก็ยิ่งเจ็บปวดข้างในอยู่ลึกๆ จนต้องรีบเดินหนี เพราะกลัวจะเก็บความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
“ก่อนจะไป ช่วยบอกว่าทำไมต้องหลบหน้าผมด้วย ทั้งๆ ที่วันนั้นรินบอกว่าจะให้โอกาสผม ทำไมรินมันเกิดอะไรขึ้น เพราะคนที่ชื่อเอกราชงั้นเหรอ รินคบกับเค้าแล้วนี่”
ริลณีตัดสินใจพูดวามจริง “รินโกหกคุณ ริน ไม่อยากให้ชมพูเข้าใจผิด”
“เรื่องนั้นผมอธิบายได้นะครับ”
“มันไม่ใช่เรื่องชมพูเรื่องเดียวหรอกค่ะ แม่คุณด้วย”
เตชินทำหน้าแปลกใจ
เตชินเอามือทุบไปที่กำแพงด้วยความโมโห เมื่อได้รู้ความจริงจากปากของริลณี เขาออกปาก
ขอโทษแทนแม่ และพยายามจะอธิบายเรื่องของชมพูให้เธอฟัง แต่เธอกลับยืนยันหน้าเศร้าว่ายังไงเสียเรื่องระหว่างเธอกับเขาก็เป็นไปไมได้อยู่ดี
“แค่บอกว่าคุณคิดแบบเดียวกับผม ผมจะทำให้มันเป็นไปได้ ถ้าคุณชอบผม เราจะสู้ไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่ ผมจะไปแล้วไม่กลับมากวนใจคุณอีก”
ริลณีมองหน้าเตชินนิ่ง จนเขาถึงกับถอนหายใจ
“ผมเข้าใจแล้ว ขอโทษนะครับที่มารบกวนคุณ”
ขาดคำก็ตัดใจเดินออกไป ริลณีตัดสินใจรวบรวมความกล้าตะโกนให้เขาหยุด ก่อนจะเดินเข้าไปหา
“ถึงฉันจะรู้สึกยังไงกับคุณ แต่เราคงคบกันไม่ได้อยู่ดี เพราะฉันไม่อยากให้คุณมีปัญหากับคุณแม่ คุณไม่ควรทำให้ท่านเสียใจ”
เตชินตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
“ผมเชื่อว่าท่านจะเข้าใจเรื่องของเรา 2 คนแน่ๆ เพียงแต่เราจะต้องให้เวลาท่านสักหน่อย เพราะผมเชื่อว่าท่านจะต้องรักคนที่ผมรักอย่างแน่นอน”
“คุณแน่ใจจริงๆ เหรอคะ ว่าอยากคบกับคนอย่างฉันจริงๆ” ริลณีถามย้ำ
“ผมอยากจะบอกว่ารักคุณตอนนี้เลย แต่กลัวคุณจะไม่เชื่อ ไว้ผมจะค่อยๆ พิสูจน์รู้ก็แล้วกัน ว่าความรู้สึกข้างในนี้ของผม” เขาจับมือเธอมากุมที่หัวใจ “มันมีให้คุณมากแค่ไหน ตอนนี้ผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้สึกไปหมดแล้ว แล้วคุณล่ะจะบอกได้มั้ย ว่าคุณคิดยังไงกับผม”
ริลณีก้มหน้าหลบตา พลางยิ้มอายๆ
พอเฟื่องฟ้ารู้ว่าริลณีบอกปัดเตชินไป ก็ทำหน้างง ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอย่างขัดใจ แต่พอคล้อยหลังที่เฟื่องฟ้าเดินออกไป ริลณีก็เปิดโปรแกรมสนทนาที่คอมพิวเตอร์ซึ่งปิดหน้าจอซ่อนไว้ พร้อมกับอ่านข้อความที่เตชินพิมพ์ส่งมาให้
“ขอบคุณที่ให้โอกาส ผมมีความสุขที่สุดเลยที่ใจของเราตรงกัน ผมรักคุณนะครับ”
เธออ่านข้อความแล้วก็ยิ้มมีความสุข ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งกลับไป
“รินก็รักคุณค่ะ”
เตชินที่นอนเล่นคอมพิวเตอร์อยู่บนเตียง แทบจะกระโดดตื่นเต้นด้วยความดีใจ กำลังจะพิมพ์ข้อความกลับไป แต่ข้อความของชมพูกลับเข้ามาขัดจังหวะ
“พรุ่งชมพูมีการคัดเลือกตัวนางรำ เพื่อรำโชว์งานสุดท้ายก่อนปิดภาคเรียน มีนางรำสวยๆ เยอะเลยนะคะ พี่เตชินสนใจจะมาดูมั้ยคะ ชมพูอยากได้กำลังใจ”
เขานิ่งคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ตอบกลับไป
“ก็ขึ้นอยู่กับว่านางรำสวยๆ ที่ชมพูพูดถึงมีใครบ้าง”
ชมพูทำหน้าเซ็งนิดๆ แต่ก็รีบพิมพ์ข้อความตอบ
“ก็ทุกคนในชมรมนั่นแหละค่ะ”
เตชินอ่านข้อความยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะพิมพ์ตอบไป
“น่าสนใจมาก งั้นพี่จะไปให้กำลังใจน้องชมพูนะครับ”
ชมพูเห็นข้อความก็ยิ้มแก้มปริ ขณะที่เตชินทำตาเคลิ้ม ใจลอยไปถึงอีกคน
“ริน พรุ่งนี้ผมจะไปให้กำลังใจคุณนะครับ”
กล้ากับน้าไหวเดินสำรวจความเรียบร้อยตามทางเดินของตึกกิจกรรม ซึ่งในยามเช้าที่ไม่มีใครเดินผ่านนั้น ดูมืด เปลี่ยว วังเวงน่ากลัว
ครู่หนึ่งริลณีก็เดินสวนมา กล้าหันมองแล้วก็ต้องชะงัก เพราะเห็นผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษาเก่าๆ ผมเผ้าปิดหน้าปิดตารุงรัง ดูน่ากลัว เกาะอยู่บนหลังของเธอ
“น้าเห็นมั้ย เมื่อกี๊มีใครเกาะไหล่น้องนางรำไปน่ะ”
น้าไหวมองตาม แล้วก็ต้องตกใจ รีบหันกลับมาทางกล้า
“เห็นแต่ขาว่ะไม่เห็นตัว เลยไม่รู้ว่าใครว่ะ”
กล้าหน้าแหยๆ
“ฉันเห็นตัวไม่เห็นขา น้าเห็นขาไม่เห็นตัว ชัดแบบนี้ไม่น่าถามเลยเนอะ”
“บอกได้คำเดียวโดนแต่เช้า”
ทั้งคู่หันมองหน้ากัน ก่อนจะทำหน้าสยดสยอง
ฝ่ายริลณีก็เดินตรงเข้าไปยังห้องชมรมนาฎศิลป์ ก่อนจะมองไปที่หิ้งบูชาเศียรพ่อแก่ และชฎาที่ตั้งอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
“หนูขอโทษนะคะ ที่ยังหาของๆ ไม่เจอ แต่หนูสัญญาว่าจะรีบหามาคืนโดยเร็วที่สุดค่ะ”
จากนั้นก็รีบหยิบพวงมาลัยที่เตรียมมาวางบนหิ้ง ก่อนจะก้มกราบที่พื้น
ที่พื้นไม่ห่างจากมือริลณีที่ก้มกราบ เห็นเท้าเปลือยเปล่า สีขาวซีด ยืนอยู่ ประหนึ่งว่าเธอกำลังกราบเจ้าของเท้านั้น
เจ้าของเท้าคือผีรุ่นพี่ ที่ยืนจ้องมองริลณีด้วยสีหน้าน่ากลัว ในมือถือพวงมาลัยที่เธอเพิ่งไหว้ไป เมื่อครู่
ผีรุ่นพี่แสยะยิ้ม พร้อมๆ กับที่เลือดข้นๆ ค่อยๆ หยดลงสู่พื้น ตกลงข้างหน้าริลณีที่กำลังก้มลงไหว้ครั้งที่ 3 เธอสะดุ้งขึ้นนิดหนึ่ง พลางค่อยๆ ช้อนตาเหลือบมอง
“รินมาแล้วเหรอ”
ริลณีตกใจ รีบเงยหน้าขึ้น พร้อมกับที่ผีรุ่นพี่หายไปจากตรงหน้า รอยเลือดที่หยดใกล้ๆ ก็หายไป ด้วย
ชมพูยิ้มร่า รีบเดินเข้ามาหาริลณี
“เห็นประตูห้องเปิดอยู่ คิดแล้วเชียวว่าต้องเป็นรินมาคนแรก เป็นอะไรรึเปล่าริน ทำไมหน้าซีดขนาดนั้นล่ะ”
พอได้ฟังเรื่องราวที่ริลณีเล่าให้ฟัง ชมพูก็ทำหน้าแปลกใจ อย่างไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้
“แต่รินรู้สึกจริงๆนะ เหมือนเค้ามาพยายามทวงคืนของๆ เค้า รินรู้สึกเหมือนเค้าตามรินอยู่ตลอดเวลา รินไม่ไหวแล้ว รินกลัว กลัวจริงๆนะ”
ขาดคำก็โผกอดชมพู สีหน้าตื่นกระหนก
“รินไปหาอุบะดอกไม้ทัดอันนั้นที่หลังเวทีมาแล้วใช่มั้ย เป็นไปได้มั้ยว่ามีใครอยากแกล้งริน”
ริลณีเงยหน้ามองชมพู เริ่มคิดตาม
แล้วทั้งคู่ก็มาคาดคั้นถามกับหงส์หยก ที่ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น ชมพูมองอย่างไม่ค่อยเชื่อในคำพูด ตั้งท่าจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่ริลณีรีบห้ามไว้ก่อน
“พอเถอะชมพู หงส์หยกเค้าอาจจะไม่เห็นจริงๆ ก็ได้”
“ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร แต่แล้วเอาไปซ่อน ก็ระวังให้ดีล่ะกัน เจ้าของเค้าอาจจะไปทวงคืน”
ชมพูคว้าแขนริลณีพาเดินออกไป หงส์หยกหน้าซีด เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเหมือนกัน
พอเดินแยกมาจากหงส์หยก ริลณีเพิ่งสังเกตเห็นชมพูชัดๆ ว่า วันนี้ฝ่ายหลังแต่งหน้าทำผมสวยกว่าปกติ
ชมพูยิ้มอายๆ
“รินจำคนที่ชมพูเคยบอกว่า จะแนะนำให้รินรู้จักมั้ย”
ริลณีพยายามทำสีหน้าปกติ “ใครเหรอ”
“พี่เตชินไง คนที่รินเคยไปรำอวยพรให้คุณพ่อเค้าที่บ้านไง เค้าบอกว่าจะมาเชียร์ฉันคัดตัว
วันนี้ด้วย ในที่สุดก็จะได้มีโอกาสแนะนำพี่เตชินให้เพื่อนๆ ทุกคนรู้จักสักที”
ชมพูยิ้มปลื้มอย่างมีความสุข ในขณะที่ริลณีนิ่งอึ้ง
ริลณีมาดักรอเตชินที่ลานจอดรถ พอเขามาถึง เธอก็รีบบอกให้เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ เตชินมองหน้าเธออย่างแปลกใจ
“ทำไมละครับ ก็ในเมื่อเรา 2 คน กำลังคบกัน”
“ชมพูบอกว่าคุณจะมาเชียร์เค้าวันนี้ แต่ถ้าคุณพูดเรื่องของเรา 2 คน ชมพูจะเสียใจ”
“แต่เค้าก็จะได้เข้าใจเรื่องทุกอย่างสักที”
ริลณีทำสีหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“ชมพูเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนนึงของริน รินทำให้เพื่อนเสียใจไม่ได้ แค่ที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ รินก็รู้สึกว่าเป็นเพื่อนที่เลวจะแย่แล้ว”
เตชินได้ฟังก็ยิ่งอึกอัดเพราะใจอยากจะบอกความจริบให้ทุกคนรับรู้ ริลณีรีบบอก
“แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ อย่างน้อยก็ให้ผ่านการสอบที่กำลังจะมาถึงไปก่อน ถ้าชมพูต้องเสียใจจริงๆ มันจะได้ไม่ต้องไปกระทบกับเรื่องเรียน ได้มั้ยคะ ถือว่ารินขอร้องนะคะ”
เตชินจำใจต้องรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้
ปริมลดาทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะด้วยความโมโห ก่อนจะหันไปเอาเรื่องเอกราช ที่ไม่ยอมจัดการกับริลณีขั้นเด็ดขาด
เอกราชรีบบอกว่าเขาเตรียมแผนไว้แล้ว พลางย้ำปริมลดาว่าอย่าไประรานริลณีจนเสียแผนอีก
หงส์หยกที่นั่งอยู่ด้วย แอบเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
พอปริมลดามองไปอีกทาง เห็นเตชินกำลังเดินมา ก็แอบปลื้ม กำลังจะเดินไปทำความรู้จัก แต่ช้ากว่าชมพูในชุดเสื้อขาวโจงกระเบนแดง ที่วิ่งเข้ามาทักทาย้ขาอย่างสนิทสนม
“พี่เตชิน ชมพูกำลังรอพี่เตชินอยู่เลยค่ะ”
เตชินยิ้ม พร้อมทั้งแนะนำให้ชมพูรู้จักชัช ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินออกไปด้วยกัน
ปริมลดามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกท้าทาย อยากจะแย่งชิงเตชินมาเป็นของตัวเอง
ริลณี ชมพู และนักศึกษาในชมรมคนอื่นๆ กำลังทดสอบรำอยู่บนเวทีในห้องประชุมอย่างตั้งใจ โดยมี อ. นาฎที่อยู่ด้านล่างนั่งมองอย่างพิจารณา
เตชินยืนเกาะขอบเวทีมองริลณีตาแทบไม่กระพริบ จนชัชต้องสะกืดเตือน ก่อนจะแอบกระซิบว่าถ้าอยากทำเนียนๆ ก็ให้ยิ้มให้ชมพูบ้าง
เขาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะทำตาม ชมพูหันมาเห็นรอยยิ้มนั้น ก็ปลาบปลื้มดีใจ
จังหวะที่เตชินขยับตัว บังเอิญไปชนปริมลดา ที่จงใจเดินถือแก้วน้ำเข้ามาใกล้ๆ อย่างจัง จนน้ำหกรดทั้งเสื้อและมือของเธอเต็มไปหมด เขามองอย่างรู้สึกผิด
พอปริมลดาเดินออกมาจากห้องน้ำ เตชินที่ยืนรออยู่หน้าห้อง ก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองยื่นให้ พร้อมกับเอ่ยปากขอโทษ
ปริมลดารับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดซับเสื้อที่เปียก พร้อมทั้งจ้องมองเด้วยแววตาวิบวับ พยายามให้ท่าเต็มที่
“พวกคุณ 2 คนไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยนี้นี่คะ มาทำอะไรกันเหรอคะ”
ชัชที่ยืนอยู่ด้วยรีบตอบแทน “เตชินเค้ามาเชียร์แฟนคัดเลือกรำน่ะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเตชิน ลดาชื่อ …”
เตชินโค้งศีรษะเล็กให้เล็กน้อย
“ปริมลดา คุณแม่ของผมติดตามละครของคุณปริมลดาหลายเรื่องครับ”
ปริมลดาแกล้งทำท่าปลาบปลื้มอย่างมีจริต ก่อนจะแกล้งถามหยั่งเชิง
“แล้วแฟนที่คุณเตชินมาเชียร์ชื่ออะไรคะ เผื่อลดารู้จัก”
“น้องสาวน่ะครับ ผมมาเชียร์ชมพู”
“ลดาก็สนิทกับชมพูนะคะ ไม่เคยรู้เลยว่าชมพูมีพี่ชายต่างมหาวิทยาลัย หล่อแบบนี้”
ชมพูเดินเข้ามาพอดี เธอจิกตามองปริมลดาอย่างรู้ทัน
“ก็กำลังจะบอก แต่มีคนรีบมาทำความรู้จักเองซะก่อน ไปเถอะค่ะ พี่เตชิน อาจารย์จะประกาศผลแล้ว ไปลุ้นกับชมพูดีกว่า”
ชัชได้ทีรีบไล่เตชินไป พลางอาสาจะดูแลปริมลดาให้เอง
พอเตชินเดินออกไปพร้อมกับชมพู ปริมลดาก็หันมาสะบัดหน้าใส่ชัช แล้วเดินออกไปอย่างไม่พอใจ
เตชินเดินมาด้านหน้าหอประชุมกับชมพู เจอริลณีที่ยืนรออยู่ เขาพยายามจะสบตา แต่เธอกลับทำท่าเหมือนไม่รู้จัก ก่อนจะรีบหันไปชวนชมพูเข้าไปฟังผลในห้อง
ท่าทีที่แสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันของเธอ ทำเอาเขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ชัชที่เดินตามมาข้างหลัง รีบเข้ามาตบไล่ปลอบใจ
อาจารย์นาฏประกาศผลการคัดเลือกผู้ที่จะได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปรำประกวดปีนี้ ปราฏว่าทั้งริลณีและชมพูได้รับการคัดเลือกทั้งคู่
เตชินที่ยืนฟังอยู่ด้วย อยากจะกระโดดด้วยความตื่นเต้น แต่ต้องเก็บอาการ
ชมพูรีบดึงริลณีมาสวมกอดด้วยความดีใจ ต่างคนต่างแอบหันไปมอง และยิ้มให้เตชิน แทนคำขอบคุณที่เขามาเป็นกำลังใจให้
ชมพูวิ่งจับมือพาริลณีเข้าไปหาเตชิน และชัชที่ยืนอยู่ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะพุดขอบคุณเขาที่มาเชียร์ทำให้เธอผ่านการคัดเลือก
เตชินได้ฟัง ก็ยิ้มแหยๆ ก่อนจะแอบปรายตามองไปทางริลณีเป็นเชิงไม่ให้เข้าใจผิด แต่เธอกลับรีบหลบตา ชมพูยิ้มอย่างมีความสุข พลางหันไปมองทางริลณี ที่เอาแต่ก้มหน้า
“มัวแต่ดีใจ ลืมแนะนำเลยค่ะ นี่ริลณีเพื่อนของชมพู คนที่เคยไปรำที่บ้านพี่เตชินไงคะ วันนั้นพี่ เตชินบอกว่าไม่รู้จัก ตอนนี้จะได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการสักที”
เตชินพยายามเก็บอาการ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ริลณีทำหน้านิ่ง “ค่ะ”
ส่วนชัชก็รีบแนะนำตัวเองให้ริลณีรู้จัก ขณะที่เตชินออกปากชวน 2 สาวไปเลี้ยงแสดงความยินดี แต่ริลณีรีบปฏิเสธ
“ชมพูไปเถอะ รินอยากรีบกลับบ้าน”
“กินข้าวมื้อเดียวไม่ช้าหรอกครับ ขอผมร่วมแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
เตชินส่งสายตามองริลณีอย่างออดอ้อน จนชัชต้องแอบสะกิดเตือน โชคดีที่ชมพูไม่ทันเห็น
“ไปเถอะนะริน พี่เตชินยังไม่ขอร้องใครขนาดนี้เลยนะ ท่าทางคงอยากเลี้ยงจริงๆ”
ริลณีจำใจต้องรับคำ เตชินแอบยิ้มอย่างสมใจ
เมื่อมานั่งร่วมกันที่โต๊ะอาหาร ชมพูก็ตักอาหารเอาอกเอาใจเตชินอย่างออกนอกหน้า จนเขาต้องตัดอาหารกลับให้บ้างอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะตัดให้ริลณีมากกว่า แต่ก็ไม่กล้า จนต้องแอบส่งสัญญาณให้ชัชตักแทนให้
ริลณียิ้มให้ชัชอย่างรู้กัน ขณะที่ชมพูกลับคิดว่าชัชมาจีบริลณี
ครู่หนึ่งชมพูก็ชวนริลณีเดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะรีบถามอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น
“ริน รินว่าพี่เตชินเค้าจะชอบฉันเหมือนที่ฉันชอบเค้ามั้ย”
ริลณีพยามยามทำสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วกลั้นใจตอบ
“ชอบสิ รินว่าเค้าชอบชมพูมากเลยหละ ที่เค้ามาเชียร์ ชวนมาทานข้าว เอาใจขนาดนี้ ยังคิดว่า เค้าไม่ชอบอีกเหรอ”
ชมพูยิ้มปลื้มอย่างมีความสุข รีบเข้าไปสวมกอดริลณี
“มันก็จริง ขอบคุณมากนะริน ถ้าเธอไม่มาเป็นเพื่อน ฉันคงทำอะไรไม่ถูก แต่รินไม่ได้ชอบพี่ชัชใช่มั้ย ถ้าชอบฉันจะช่วยเชียร์”
ริลณีรีบปฏิเสธเสียงหลง
“ฉันก็ว่างั้น แต่ถ้ารินชอบใครบอกนะ ฉันอยากจะช่วยรินบ้าง” พูดแล้วก็ยื่นนิ้วก้อยออกไป “สัญญา”
ริลณีอึกอักไม่อยากสัญญาแต่ก็เลี่ยงไม่ได้
“สัญญา”
ชมพูยิ้มมีความสุข โดยไม่ได้สังเกตว่าริลณีแอบทำหน้าเครียด กับสถานการณ์ตรงหน้านี้
ฟากหงส์หยกก็มาดักรอเอกราช ก่อนจะรีบบอกว่าเธอมีแผนที่จะทำให้เขาจีบริลณีได้สำเร็จ
“ฉันแค่มีของสำคัญที่ยายนั่นอยากได้มากที่สุดในตอนนี้ ฉันมั่นใจว่าถ้าใครที่เอาของนั่นไปให้ได้ ยายริลณีต้องยอมเปิดใจให้แน่”
จากนั้นก็พูดขอของแลกเปลี่ยนเป็นกระเป๋าใบหรูที่แพงกว่าของปริมลดา แต่เอกราชกลับขอต่อรองเหลือแค่กำไลข้อมือสวยๆ แทน
หงส์หยกจำใจต้องยอมรับ แต่ไม่วายแอบบ่นลับหลังว่าเอกราชเขี้ยว
ชมพูเดินเคียงข้างเตชินไปที่รถอย่างมีความสุข ริลณีเดินตามหลัง พร้อมกับมองทั้งคู่อย่างพยายามเก็บความรู้สึก ส่วนชัชวิ่งตามหลังมาเป็นคนสุดท้าย พร้อมกับหอบถุงขนมพะรุงพะรัง เพื่อจะให้ริลณีเอาไปฝากเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้า
ริลณีนึกรู้ว่าจริงๆขนมมาจากใคร ก็ยิ้มนิดๆ ให้ชัช แต่สายตาเหลือบมองเตชิน
“ขอบคุณมากนะคะ”
ขณะที่ชัชยื่นถุงให้ริลณี บังเอิญเผลอทำถุงตก กล่องขนมกลมๆ กลิ้งไปบนพื้น เขามองตามกล่องขนมกลิ้งไปบนพื้น ที่มีเงาของทั้งเตชิน ริลณี และชมพูทอดยาวไปตามถนน แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าเงาของริลณีมี 2 เงาซ้อนกัน
“เฮ้ย”
ชัชร้องเสียงหลง แล้วรีบเงยหน้ามองริลณี ก่อนจะก้มหน้าลงมองเงาอีกครั้ง แต่คราวนี้เงาที่ซ้อนเงาของริลณีอยู่ ค่อยๆ ขาดออกจากกันตรงกลาง ก่อนที่เงานั้นจะค่อยๆ หันหน้ามา และมีตาที่จ้องเขม็งมา เขาตกใจกลัว รีบถอยหลังหนีจนชนกับเตชินที่ยืนงงอยู่
“เป็นอะไรของแกวะ”
ชัชชี้ไปทางเงาของริลณี แต่พอทุกคนหันไปมองตาม ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ
“เมื่อกี๊ผมเห็นเงาใครก็ไม่รู้ ยืนซ้อนกับเงาน้องรินอยู่ ถะ แถมเงานั้น ตัวขาดด้วย”
ริลณีได้ฟังแบบนั้นก็หน้าเสีย จนเตชินต้องรีบแก้สถานการณ์
“เฮ้ย แกพูดอย่างนี้น้องเค้ากลัวหมดแล้วนะ เงาผู้หญิงตัวขาดที่ไหน เพ้อเจ้อ ขอโทษน้องเค้าเลย ทำน้องเค้าตกใจ”
ชัชหน้าเจื่อน
“เอ่อ เมื่อกี้ฉันเห็นจริงๆ นะ แต่ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว ขอโทษนะครับน้องริน”
เตชินส่ายหน้าขำๆ ก่อนจะเดินนำทุกคนขึ้นรถ ขณะที่ริลณีปรายตามองกลับไปที่พื้น แต่ทุกอย่างก็ปกติ ทว่าทันทีที่เธอหันกลับไป เงาบนพื้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเงานักศึกษาร่างขาดขึ้นรถตามเธอไป ประหนึ่งเหมือนกับว่าเงานั้นจะติดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง
ชมพูยืนโบกมือบ๊ายบายให้เตชินที่เพิ่งขับรถมาส่งเธอที่หน้าบ้าน แล้วก็ขับรถออกไปพร้อมกับริลณี พิสมัยเดินออกมายืนมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะถามลูกสาวทำไมถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นนั่งรถไปกับแฟนตัวเอง
“แม่คะ พี่เตชินเค้ายังไม่ใช่แฟนชมพู แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนที่หนูไว้ใจมากๆ ด้วย
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“คนสมัยนี้ไว้ใจอะไรใครไม่ได้หรอก”
ชมพูรีบเข้าไปอ้อนแม่
“แม่คะ ชมพูกำลังมีความสุข แม่จะพูดให้หนูเครียดทำไมคะเนี่ย ถ้าแม่บ่นชมพูจะไม่เล่าเรื่องวันนี้ให้แม่ฟังนะ”
ขาดคำก็แกล้งเดินหนีเข้าบ้าน พิสมัยรีบตามไปถามทันที
อ่านต่อหน้า 2
นางชฎา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ฟากเตชินขับรถพาริลณีออกมา เวลานี้สองคนยืนคุยกันที่ริมแม่น้ำ ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก
“รู้มั้ยผมต้องทนแค่ไหน ที่ต้องอยู่ใกล้ริน แต่ต้องทำเหมือนไม่รู้จัก”
ริลณีก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
“รินรู้สึกเหมือนตัวเอง กำลังหักหลังเพื่อนยังไงก็ไม่รู้ ชมพูเป็นเพื่อนคนเดียวที่ดีกับรินมาตลอด แต่รินกลับ....”
“หยุดคิดเรื่องของคนอื่นเถอะครับ รินคิดเรื่องคนอื่นมากแล้วนะ คิดเรื่องของตัวเองบ้าง”
ริลณีได้ฟังก็ยิ่งเศร้า
“รินทำให้คุณรู้สึกอึดอัดรึเปล่าคะ ถ้าคุณอยากจะเลิกคบกับริน ....”
เตชินยืนยันว่าไม่มีทางเลิกกับเธอ ก่อนจะแกล้งทำงอนที่เธอถามแบบนั้น พอเธอเข้ามา
ง้อ เขาก็หลุดยิ้มออกมา ก่อนจะจับมือเธอไว้แน่น
“รินรู้มั้ยว่าวันนี้ผมอยากจะบอกอะไรรินอย่างนึง ตอนที่คุณรำ คุณสวยมากเลยนะ สวยจนผมตะลึง เหมือนตอนครั้งแรกที่เจอคุณเลย ริลณี ผมมีความสุขมากเลยนะครับ”
แววตาของริลณีเปี่ยมสุข
“รินก็ดีใจนะคะที่วันนี้คุณมา เพราะวันนี้เป็นวันที่รินที่รู้สึกแย่ทั้งวัน ยกเว้นเวลาที่ได้เจอคุณ”
เขามองเธออย่างรักใคร่ ก่อนจะถอดแหวนทองจากนิ้วมือของตัวเองมาสวมให้
“ผมอยากให้รินเก็บแหวนพระนี้เอาไว้ คุ้มครองตัวเองในเวลาที่ผมไม่ได้อยู่กับริน”
แต่เธอกลับถอดออกพลางยื่นคืนให้ พร้อมกับบอกว่ารับของมีราคาแบบนี้ไว้ไม่ได้
“รับไว้เถอะครับ สำหรับผมไม่มีอะไรมีค่าไปกว่ารินอีกแล้ว”
เขาพูดอย่างจริงจัง จากนั้นก็สวมแหวนให้เธออีกครั้ง แล้วก็ยิ้มให้กันอย่างสุขใจ
ริลณีกลับเข้ามาในห้องอย่างมีความสุข แต่แล้วบรรยากาศในห้อง ก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดสนิท ผีนักศึกษารุ่นพี่หน้าตาน่ากลัว ค่อยหันหน้ามา พร้อมกับออกปากทวงอุบะกับดอกไม้ทัดด้วยน้ำเสียงเบือกเย็น เธอตกใจกลัวจนปากคอสั่น
“หนะ..หนะ..หนู..มะ..มะ..ไม่รู้ค่ะ”
ผีรุ่นพี่กรีดร้องอย่างโกรธจัด ก่อนจะลุกมากจากโต๊ะ ตรงเข้ามาบีบคอเธอแน่น
“เอา ของ ฉัน คืน มา”
ริลณีถูกบีบคอจนหายใจไม่ออก พยายามจะร้อง แต่ก็ไม่มีเสียงหลุดลอดออกมา เธอดิ้นทุรนทุราย อย่างทรมาน ก่อนจะพยายามใช้มือที่มีแหวนพระดึงมือให้ผีปล่อยมือที่บีบคอ แต่ผีร้ายกลับบีบมือที่มีแหวนพระอย่างไม่สะทกสะท้าน
และไม่ว่าริลณีจะพยายามยังไง ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดออกจากผีร้ายได้
ริลณีสะดุ้งพรวดตื่นตกใจ เห็นมือตัวเองยังจับอยู่ที่รอบคอ ที่มีรอยแดงเหมือนโดนคนบีบคอจริงๆ พลันก็รู้สึกว่ามีเศษอะไรหลุดแตกมาจากมือ พอเธอหยิบดู ก็เห็นว่าแหวนพระที่เตชินให้ไว้คุ้มครอง หักเป็นสองท่อน
เธอตกใจกลัวแทบช็อก
รุ่งขึ้นเตชินจึงพาริลณีมากราบไหว้หลวงตาคง พระที่เขานับถือที่วัด ก่อนจะแนะนำว่าเธอเป็นแฟน หลวงตาคงยิ้มให้อย่างมีเมตตา
“สวย แต่ เศร้า วันนี้มีอะไรอยากให้อาตมาช่วยรึโยม”
“หนูอยากจะถวายสังฆทานค่ะ”
หลวงตาคงมองหน้าริลณีอย่างพิจารณา แล้วก็เห็นอะไรบางอย่าง แต่ต้องนิ่งไว้
“จะมอบหรืออุทิศส่วนกุศลให้ใครเป็นพิเศษมั้ยโยม”
“ขออุทิศให้กับดวงวิญญาณที่หนูได้เคยลบหลู่ ล่วงเกิน ขออย่าให้เค้ามาตามหลอกหลอน หรือ ร้ายหนูเลยค่ะ”
“ทุกชีวิตที่เกิดมา ล้วนเกิดมาชดใช้กรรม ยอมรับในสิ่งที่จะเกิด ไม่ว่าจะดีร้ายแค่ไหน เพื่อจะได้หลุดพ้นนะ”
หลวงตาคงมองหน้าริลณีที่นั่งพนมมือไหว้อยู่ตรงหน้า แล้วก็เริ่มสวดรับสังฆทาน เตชินมองเธอด้วยความรู้สึกทั้งเป็นห่วงและกังวล
จากนั้นเขาก็พาเธอมาให้อาหารปลาที่ท่าน้ำ แล้วก็ให้สัญญากับเธอว่าจะดูแลเธออย่างดี
“แต่สิ่งที่รินกลัว คุณปกป้องไม่ได้หรอกค่ะ”
“ถ้ารินจะหมายถึงผี เรื่องแบบนั้นมันไม่มีจริงหรอก ผมไม่เคยเชื่อเลยนะครับ”
ริลณีหน้าเศร้า
“แต่สิ่งที่ไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มีนะคะ ตราบใดที่คุณไม่เคยเจอกับตัว คุณก็บอกไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่จริง”
“ผมก็อยากเจอสักครั้งเหมือนกัน ถ้าได้เจอ แล้วผมจะบอกรินว่าผีน่ะ จริงหรือไม่จริง”
ริลณีได้ยินก็รีบใช้มือปิดปากเตชิน
“ไม่เอาค่ะ อย่าพูดแบบนั้น มันเหมือนท้าทาย เรื่องแบบนี้รินไม่อยากให้คุณล้อเล่น”
“ผมชอบจังเลยเวลารินเป็นห่วงผมแบบนี้ แสดงว่าเรื่องผีก็มีข้อดีเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อขนมปังมาเพิ่มอีกนะ จะได้ทำบุญกับรินเยอะ เรา 2 คนจะได้เกิดมาเป็นคู่กันทุกๆ ชาติไป”
พูดเสร็จก็เดินออกไป พร้อมๆ กับที่โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู แล้วก็ทำหน้าเครียด
ส่วนริลณีที่กำลังให้อาหารปลาเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเด็กชายตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารัก มายืนสะกิดแขน พร้อมกับบอกว่าแม่ที่เป็นหมอดู อยากดูดวงให้เธอ
เธอหันมองตามมือที่เด็กชายชี้ให้ดูแม่ ที่เป็นหมอดูวัยกลางคน ท่าทางดูขลังๆ กำลังยืนจ้องตาเขม็ง
ทันทีที่เห็นหน้าหมอดู เธอก็รู้สึกขนลุกซู่ เสียววาบที่กลางหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ฟากเตชินที่เดินเลี่ยงออกมารับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเครียด เพราะจิตราโทรมาตามให้เขาไปทานอาหารกลางวันที่บ้านชมพู เขาส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะรีบบอกปัดอย่างหงุดหงิด
“เมื่อวานผมก็เจอเค้าแล้ว คุณแม่จะให้ผมเจอเค้าอะไรกันนักหนา”
“ลูกต้องเจอเค้าให้บ่อยๆ เพราะต่อไป ลูกจะต้องเจอกับหนูชมพูชั่วชีวิต”
“ไว้ให้ผมกับน้องเค้าเรียนจบแล้วค่อยคิดเรื่องนั้นเถอะครับ แต่ยังไงวันนี้ผมก็คงไปไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะครับแม่”
พูดขาดคำก็รีบตัดสายทันที ทำเอาจิตราหน้าเครียด ก่อนจะหันมาโวยวายกับณรงค์
“ดูลูกคุณสิคะ กล้าวางโทรศัพท์ใส่ฉัน ตั้งแต่รู้จักนังเด็กนางรำนั่นแน่ๆ ลูกก็ทำตัวแปลกๆ ไม่เชื่อฟังพวกเราเหมือนแต่ก่อน”
“งั้นผมว่าเราคงต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้วล่ะ”
ริลณีนั่งลงที่เก้าอี้ ตรงข้ามกับหมอดู ที่นั่งจ้องหน้าเธอเขม็ง จนเธอรู้สึกทั้งกลัวและอึดอัด
ก่อนที่หมอดูจะหันไปสั่งลูกชายให้เอาเก้าอี้มาวางข้างๆ
เธอมองอย่างแปลกใจ สงสัย
“ไม่มีใครแล้วค่ะ”
หมอดูนิ่ง ไม่ตอบ แต่กลับเอามือจับมือเธอเพื่อเชื่อมกระแสจิต จากนั้นก็หลับตา ครู่หนึ่งก็พึมพำออกมา
“ความรักจะนำมาซึ่งความทุกข์ และมันจะพาคุณไปสู่ความวิบัติ คุณจะต้องตกอยู่ในบ่วงกรรม ความแค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
ริลณีตกใจกลัว พยายามจะสะบัดมืออกจากหมอดู แต่อีกฝ่ายยิ่งจับมือแน่นไม่ยอมปล่อย สีหน้ายิ่งตกใจมากขึ้น
“เค้าจะไม่มีวันปล่อยคุณ คนที่คุณเอาของรักของเค้าไป เค้าติดตามคุณยิ่งกว่าเงาตามตัว เค้าจะทำให้คุณไปเจอเรื่องร้าย”
“แล้วฉันควรทำยังไง”
พลันเสียงของหมอดู ก็กลายเป็นเสียงเหมือนผีรุ่นพี่
“เอา ของ ฉัน คืน มา”
-ริลณีถึงกับผงะ ตกใจ
หมอดูหลับตาลง พร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสยดสยอง และเมื่อลืมตาอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้น ก็เหลือแค่ตาสีขาว ริลณียิ่งตกใจหนัก ก่อนจะรีบสะบัดมือออก และวิ่งหนีออกไปทันที
หมอดูคว่ำหน้าลงไปกับโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาและท่าทางกลับเป็นปกติตามเดิม พร้อมกับมองตามริลณีที่วิ่งเตลิดไปด้วยความสงสาร ก่อนจะหันมองไปยังเก้าอี้ที่เคยว่างเปล่า แต่บัดนี้กลับเห็นผีรุ่นพี่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงนั้นด้วย
ริลณีวิ่งเตลิดออกมา ด้วยสีหน้าสยดสยอง พอเจอเตชิน เธอก็รีบชวนเขากลับทันที
พอเตชินกลับเข้าบ้าน ทั้งพ่อ และแม่ของเขาก็ปราดเข้ามาดักหน้าทันที
“วันนี้พ่อกับแม่ไปทาบทามหนูชมพูให้แกแล้ว ผู้ใหญ่ทุกคนเห็นชอบด้วย”
เขาทำหน้าไม่พอใจ
“ทำไมคุณพ่อ คุณแม่ถึงไม่ปรึกษาเรื่องนี้กับผมก่อนครับ ผมไม่พร้อมจะหมั้น แล้วก็ไม่พร้อมจะคบน้องชมพูด้วย”
จิตรามองจ้องหน้าบูกชายอย่างคาดคั้น
“ทำไม เพราะนังเด็กนางรำนั่นเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ เพราะผมกับชมพู เราไม่ได้ชอบกันแบบนั้น”
ผู้เป็นแม่รีบบอกว่า จะไม่ยอมให้เขาไปไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นเมียเด็ดขาด โดยเฉพาะริลณี
“อย่าให้รู้นะว่าแกไปยุ่งกับมัน”
“ทำไมเหรอครับคุณแม่ คุณแม่จะเอาเงินฟาดหน้าเค้าอย่างที่เคยทำเหรอครับ”
จิตรายักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน
“นั่นน่ะทำในฐานปรานี แต่ถ้าแกขัดคำสั่งแม่ล่ะก็ นังเด็กนั่นลำบากแน่ แกคงรู้นะ ว่าคนอย่างฉันทำอะไรได้บ้าง”
เตชินได้ฟังแบบนั้นก็ยิ่งโกรธ ซ้ำผู้เป็นพ่อยิ่งพูดย้ำ
“ทำตามที่พ่อแม่สั่ง ต่อไปลูกต้องไปออกงานกับหนูชมพู ทำตัวสนิทสนมกันให้มากๆ เข้าใจที่พ่อกับแม่พูดมั้ย”
“เข้าใจครับ”
เตชินจำต้องรับคำ ทั้งที่ในใจเจ็บปร่า
ริลณีในชุดเสื้อขาวโจงกระเบนแดง เดินคุยโทรศัพท์มาตามทางด้วยความรู้สึกหวาดกลัว แต่ชมพูที่อยู่ทางปลายสาย กลับบอกว่าวันนี้เธอไม่มาซ้อมรำ เพราะต้องไปออกงานกับเตชิน
“ไม่เป็นไร รินซ้อมคนเดียวก็ได้ แล้วเดี๋ยวรินจะบอก อ. นาฎให้นะ”
พอเธอกดวางสาย สีหน้าก็เครียดขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงคำทำนายของหมอดู แต่ก็พยายามกลั้นใจ เดินมาหยุดยืนหน้าห้องชมรมนาฏศิลป์ ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูออก
จากช่องประตูที่เปิดออกไม่มาก ภายในห้องที่ปิดมืด ริลณีเห็นเหมือนใครบางคนในชุดนักศึกษา ยืนจ้องเธอตาเขม็ง
ไวเท่าความคิด ริลณี รีบวิ่งหนีออกไปด้วยความตกใจกลัวถึงขีดสุด
หลายวันถัดมา ริลณีนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่ริมทะเล เห็นภาพและข่าวที่เตชินกับชมพูออกงานด้วยกัน
“เตชิน -ชมพู หนุ่มหล่อสาวสวยคู่ขวัญ ออกงานกันถี่ แว่วว่าเรียนจบปีนี้ อาจจะมีข่าวดี ที่ทำให้ทั้งหนุ่มและสาวทั้งเมืองต้องอกหักกันเป็นแถบๆ”
เตชินที่เดินถือขนม และน้ำเข้ามา รีบแย่งนิตยสารจากมือเธอ
“อย่าอ่านหนังสืออะไรแบบนี้เลยครับ มีแต่เรื่องไร้สาระ”
“ไม่เห็นจะไร้สาระเลย รินว่ารูปคุณในนิตยสารนั่นหล่อดีออก ชมพูก็สวยมากด้วย”
เขาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ริลณี ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือ เธอค่อยๆ เอนหัวซบกับไหล่ของเขา
“รินไม่โกรธใช่มั้ย”
“รินรู้ค่ะ ว่าคุณต้องทำตามที่คุณพ่อ คุณแม่สั่ง”
“บางทีผมก็นึกอิจฉารินนะ ที่ไม่มีใครมาคอยบังคับบงการชีวิตแบบนี้”
ริลณีหัวเราะขำ
“คนมีพ่อแม่ คอยรัก คอยดูแล มาตลอดชีวิตแบบคุณก็พูดได้ ฉันยอมให้พ่อแม่บังคับซะดีกว่าเป็นเด็กกำพร้าแบบนี้”
จากนั้นเธอก็ออกปากเล่าถึงเหตุผลที่วันนี้เธอไม่ยอมอยู่ซ้อมรำ
“รินรู้สึกกลัวทุกครั้งที่เข้าไปห้องนาฎศิลป์นั่น”
เขารีบรีบดึงเธอเข้ามากอดปลอบ
“คิดมากเรื่องนั้นอีกแล้ว จำไว้นะ เวลารินอยู่กับผม รินไม่ต้องกลัวอะไร ผมจะดูแลปกป้องรินเอง”
ริลณีได้ฟัง ก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ริลณีขาดซ้อมหลายครั้ง อ.นาฎแม้จะพยายามเข้าใจเรื่องที่เธอกลัวชฎายอดนั้น แต่ก็อดโมโหไม่ได้ ก่อนจะฝากให้ชมพูไปยื่นคำขาดบอกว่าถ้าขืนยังขาดซ้อมอีก จะต้องถูกปลด
“ก็ให้เค้าเลือกเอาเองแล้วกันว่า เค้าจะแพ้ต่อความกลัว หรือเอาชนะมัน เพื่อได้ทำสิ่งที่เค้าเคยบอกว่ารัก”
ชมพูได้แต่ถอนหายใจเครียด ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ โทรหาริลณีทันที แต่กลับไม่มีคนรับสาย เพราะมือถือของริลณีวางทิ้งอยู่ในรถเตชิน ที่จอดอยู่ด้านหน้ารีสอร์ทสวย ที่ดูรกร้างแห่งหนึ่ง
เตชินและริลณียืนมองรีสอร์ทเก่าที่แม้จะถูกทิ้งร้าง ทว่ายังคงความสวยงามด้วยความตื่นเต้น
“รุ่นพี่ผมเป็นเจ้าของที่นี่ บอกว่าถ้าผมเรียนจบ จะจ้างผมให้ปรับปรุงซ่อมแซมที่นี่ใหม่ ถ้าผมได้ทำจริงๆ ก็จะได้มีโอกาสโชว์ฝีมือให้ทุกคนเห็นว่าผมก็มีความสามารถ”
เขาพูดพร้อมกับหยิบกล้องถ่ายรูปที่เตรียมมา ถ่ายภาพเก็บทุกซอกมุมรายละเอียด
“แล้วรินล่ะ หลังจากเรียนจบ แล้วคุณอยากทำอะไร”
ริลณียิ้มกว้าง
“รินอยากเป็นครูสอนนาฎศิลป์เด็กๆ ค่ะ”
ระหว่างนั้น เธอก็หันมาเห็นเขาที่ละจากการถ่ายรูปรีสอร์ทมาถ่ายรูปเธอ
“ถ่ายรูปบ้านสิคะ มาถ่ายรูปรินทำไม”
“ก็ผู้หญิงสวยไทยๆ กับรีสอร์ททรงไทยแบบนี้มันสวยเข้ากันดีนี่ครับ”
-
เตชินหยิบดอกไม้สวยๆ ไปพันไปไว้ที่ปลายผมของริลณี ใบหน้าของทั้งคู่อยู่เกือบจะชิดกัน ต่างคนต่างสบตากัน ด้วยความรู้สึกหวั่นไหว เขาค่อยๆ ขยับริมฝีปากเข้าไปใกล้ๆ แต่เธอห้ามใจได้ทัน รีบผละห่างออกมา
พลันเสียงฟ้าร้องพร้อมเมฆทะมึนดำเคลื่อนเข้ามา
“ผมรู้สึกว่าฟ้าเริ่มมืดๆ เหมือนฝนจะตกรึเปล่าเนี่ย”
“รีบกลับไปที่รถตอนนี้ยังทันนะคะ”
เขารับคำพร้อมทั้งรีบเก็บข้าวของ แล้วคว้ามือเธอจะวิ่งไป แต่ไม่ทันการ เพราะฝนตกลงมาห่าใหญ่ พร้อมเสียงฟ้าแล่บ ก่อนที่ฟ้าจะผ่าลงต้นไม้ใหญ่จนแยกเป็น 2 ส่วน
ทั้งคู่ตกใจ ก่อนที่เตชินจะรีบโอบตัวริลณีวิ่งฝ่าสายฝน เข้าไปในรีสอร์ทร้าง
ภายในรีสอร์ทค่อนข้างมืดแต่ก็ยังพอมองเห็นลางๆ จากแสงฟ้าที่แลบเป็นบางช่วง ทำให้เห็นว่าไม่ได้น่ากลัวมากเท่าไรนัก เฟอร์นิเจอร์บางส่วนมีผ้าขาวคลุมเอาไว้
เขารีบพาเธอไปนั่งพักรอให้ฝนหยุด ที่ตั่งไม้เก่าๆ เธอหันมองไปรอบๆ อย่างหวาดหวั่น เขาแอบเหลือบมองเสื้อตัวบางของเธอที่เปียกฝนจนแนบเนื้ออย่างพยายามข่มใจ แต่เมื่อเห็นเธอเริ่มนั่งกอดตัวเอง ตัวสั่น เพราะความหนาว เขาก็ขยับตัวเองเข้าไปนั่งใกล้ๆ เบียดตัวแนบชิดกัน เพิ่มความอบอุ่น
จู่ๆ ฟ้าก็ฝ่าเสียงดังลั่น ริลณีรีบโผเข้ากอดเตชินแน่นด้วยความตกใจ เขาตระกองกอดเธอแน่นอย่างห้ามใจไม่ไหว พลางมองวงหน้าสวยของเธออย่างหลงใหล พร้อมทั้งใช้มือเกลี่ยผมที่ปิดหน้าอย่างแผ่วเบา
“รินสวยมากเลย เหมือนตอนแรกที่ผมพบ รู้มั้ยว่าตอนนั้นผมเห็นคุณแล้วอยากทำอะไร”
“อยากทำอะไรเหรอคะ”
เตชินยิ้มหวาน ก่อนจะก้มลงจูบเธออย่างแผ่วเบาแทนคำตอบ แม้จะตกใจแต่ริลณีก็ไม่ขัดขืน ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรู้สึกนั้น
เขาค่อยๆ ผลักตัวเธอลงนอนบนตั่ง ดวงตาของทั้งคู่สบประสานกัน
“ริลณี ผมรักคุณนะ”
“ฉันก็รักคุณค่ะ”
เตชินก้มตัวลงเข้าหาริลณี พร้อมกับสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย
รุ่งสางเมื่อฝนซาเม็ดแล้ว บรรยากาศภายนอกรีสอร์ทดูสดชื่น หยาดน้ำฝนเกาะพราวอยู่ตามใบไม้สีชอุ่มเขียว
ภายในรีสอร์ทริลณีที่กำลังยืนแต่งตัว ปล่อยผมสยาย เตชินนั่งมองอย่างหลงใหลฃ ก่อนจะเดินเข้ามากอดที่ด้านหลังของเธอ
“ผมขอโทษนะครับ ที่มันกลายเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเสียหาย”
ริลณีหันมายิ้มตอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ รินเต็มใจ ถ้าเป็นคุณ”
“ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง รินคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วย เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน”
เขาพูดอย่างจริงใจ จนเธอถึงกับน้ำตารื้น
“คุณรู้มั้ย ความสุขเดียวที่เด็กกำพร้าอย่างรินต้องการ คือการได้มีครอบครัวที่มีความสุข
เหมือนอย่างคนอื่นบ้าง”
เตชินยิ่งกระชับวงแขนแน่น
“ส่วนความสุขของผม ก็คือการได้อยู่กับคนที่ผมรัก ผมสัญญานะ ถ้าผมเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะรีบแต่งงานกับคุณทันที รินรอผมนะครับ”
ริลณียิ้มปลื้ม “ ค่ะ รินจะรอ”
“เราจะไม่มีวันแยกจากกัน แม้แต่ความตายก็จะมาแยกเราสองคนไม่ได้”
“ค่ะ แม้แต่ความตายก็จะมาแยกเรา 2 คนไม่ได้”
ทั้งคู่ยิ้มมั่นให้กันแทนคำสัญญา ก่อนจะกอดกันแน่นอย่างมีความสุขและความหวังอย่างเต็มเปี่ยม
อ่านต่อหน้า 3
นางชฎา ตอนที่ 2 (ต่อ)
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า รินไปไหน รู้แค่ว่า หมู่นี้กลับบ้านดึก แล้วก็ไม่ค่อยอยู่ที่บ้าน”
เฟื่องฟ้าเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะนั่งคุยอยู่กับเอทีเอ็มกับชมพู ส่วนเอทีเอ็มก็เข้าใจว่าที่ริลณีกลับบ้านดึกเพราะซ้อมรำ ชมพูรีบบอก
“รินเค้ากลัวจนไม่กล้าเข้าไปซ้อม นี่ อาจารย์นาฎก็โกรธ บอกว่าถ้ารินขาดซ้อมอีกจะปลดให้คนอื่นมารำแทน ฝากเธอสองคนบอกรินด้วยว่า ถ้าไม่อยากถูกปลด พรุ่งนี้ต้องไปซ้อมให้ได้ เดี๋ยวฉันจะพยายามโทรบอกริน”
สีหน้าของชมพูเป็นห่วงริลณีจริงๆ
รถของเตชินแล่นเข้ามาจอดเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง
“ผมขอแวะเติมน้ำมันแป๊บนึงนะครับ รินจะไปเข้าห้องน้ำ หรือซื้อขนมก่อนก็ได้นะครับ
เดี๋ยวผมตามไป”
ริลณีหันมายิ้มหวานให้เขา ก่อนจะรีบลงจากรถไป เตชินมองตามอย่างมีความสุข
บนถนนที่อยู่ไม่ไกลจากปั๊มน้ำมัน ชมพูที่นั่งอยู่ในรถตู้หรู พยายามจะโทรติดต่อริลณีมือเป็นระวิง แต่ก็ติดต่อไม่ได้
“ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์ เธอทำอะไรของเธออยู่นะริน”
สิ้นเสียงพึมพำของของชมพู ผีรุ่นพี่ก็ปรากฏกายขึ้น ก่อนจะเดินตัดผ่านหน้ารถในระยะประชิด สมหมาย รีบเหยียบเบรก จนชมพูที่นั่งอยู่ข้างหลังหน้าคะมำ ตกใจ
“มีอะไรคะน้าสมหมาย”
“มีคนเดินตัดรถเราครับ”
ชมพูตกใจ “แล้วชนรึเปล่าคะ”
“ไม่น่าชนนะครับ”
ชมพูรีบมองไปนอกรถ ริมฟุตบาท แต่กลับไม่เห็นใคร ขณะที่สมหมายพยายามสตาร์ทรถอีกครั้ง แต่สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด
“อยู่ดีๆก็สตาร์ทไม่ติด เดี๋ยวผมวิ่งไปที่ปั๊ม ไปตามช่างมาดู คุณหนูรออยู่ในรถนะครับ”
“ไม่เอาค่ะ ชมพูไปด้วยดีกว่า อยากกินน้ำอยู่พอดี”
เตชินเดินจับมือริลณีออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในปั๊ม จะไปขึ้นรถที่จอดอยู่ แต่แล้วก็แทบช็อก เมื่อเห็นชมพูกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล
“ค่ะ คุณแม่ รถเสียสตาร์ทไม่ติดค่ะ ตอนนี้น้าสมหมายกำลังให้ช่างดูอยู่ค่ะ”
ทั้งคู่หันมองหน้ากันอย่างตกใจ ขณะที่ชมพูกำลังจะหันหน้าหน้าไปทางทั้งคู่ เสียงสมหมายก็ดังขึ้นมา
“คุณหนูครับ รถสตาร์ทติดแล้วครับ”
ชมพูรีบหันขวับไปตามเสียง ก่อนจะเดินออกไปอีกทาง เตชินและริลนีถอนหายใจโล่งอก รีบพากันขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที โดยไม่ทันเห็นว่าบนรถตู้กองถ่ายละคร ที่จอดอยู่ไม่ไกล ปริมลดานั่งอยู่บนรถคันนั้น และมองเห็นทั้งคู่เต็มๆ
“ทำไมนังริลณีถึงนั่งรถมากับพี่เตชินสองต่อสอง หรือว่า 2 คนจะแอบคบกัน”
ปริมลดากำโทรศัพท์ที่ตั้งหน้าจอเป็นรูปเตชินด้วยความโมโห และริษยาอย่างที่สุด
วันต่อมาปริมลดาก็ตั้งท่าจะไปบอกสิ่งที่เห็นมาให้ชมพูรู้ หงส์หยกแกล้งถามอย่างรู้ทัน
“แล้วที่เธอร้อนรนจะไปบอกชมพูเนี่ย เป็นห่วงเพื่อน หรือเป็นห่วงตัวเองกันแน่”
ปริมลดาตอบอย่างไม่อาย
“ฉันชอบคุณเตชิน แล้วก็อยากได้เค้าด้วย ชัดมั้ย”
หงส์หยกทำเป็นตกใจ “ แต่เค้าเป็นแฟนชมพูนะ”
“ตอนนี้น่ะใช่ แต่หลังจากที่ชมพูรู้เรื่องนังเพื่อนทรยศ รับรองคุณเตชินต้องกลายมาเป็นของฉันอย่างสมบูรณ์แบบแน่ๆ คนอย่างชมพูหยิ่งพอที่จะเลิกคบนังเพื่อนสารเลว แล้วหาผู้ชายใหม่ที่ซื่อสัตย์กว่า”
ปริมลดาพูดจบก็เดินเชิ่ดออกไป หงส์หยกมองตามอย่างหมั่นไส้
“ทีเวลาคนอื่นแย่งแฟนตัวเอง ทำเป็นจะเป็นจะตาย ทีเวลาอยากได้ของคนอื่น ก็ไม่มียางอาย” แอบด่าเสร็จ ก็รีบเปลี่ยนเสียงหวาน ทำหน้าแบ๊ว
“ลดารอด้วยสิ”
ชมพูมองปริมลดา ที่เดินตรงรี่เข้ามาที่ห้องชมรมนาฎศิลป์ โดยมีหงส์หยกเดินตามมาต้อยๆ อย่างแปลกใจ
“ฉันมีเรื่องสำคัญมากจะบอกเธอ”
ปริมลดายิ้มร้าย
รถของเตชินจอดอยู่ในที่ค่อนข้างลับตาคน ในลานจอดรถของมหาวิทยาลัย ชัชที่ยืนอยู่นอกรถกำลังเตะก้อนหิน เด็ดใบไม้ แล้วมองไปในรถอย่างหงุดหงิด
“เบื่อจริ๊ง ไอ้พวกคนมีความรัก อยากจะสวีทกับแฟนแล้วเอาเพื่อนมาเป็นก้างขวางคอทำไมวะ”
เตชินโผล่หน้าออกมาจากในรถ สวนกลับขำๆ
“ก็ไม่อยากจะเอามานักหรอก ถ้าไม่ติดต้องไปทำงานด้วยกัน ฉันให้นายนั่งรถเมล์ไปแทนแล้ว
หรือว่าอยาก”
“ไม่อยากครับ ไม่อยาก เชิญคุณชายเตสวีทกับแฟนตามสบายเลยครับ ผมมันทาสเพื่อน รอได้เสมอครับ”
ริลณีที่นั่งอยู่ในรถกับเตชินรู้สึกผิด
“ต่อไปไม่ต้องไปรับรินแล้วนะคะ รินเกรงใจคุณชัช ที่ต้องมาลำบากแบบนี้”
เตชินรีบหันมาบอก
“มันก็บ่นไปอย่างนั้นเองแหละ รินไม่ต้องคิดมากนะครับ คนอย่างไอ้ชัช ไม่มีใครบังคับให้มันทำอะไรได้หรอกครับ ที่มันทำก็เพราะเต็มใจ”
“แต่คุณมารับมาส่งรินแบบนี้ คนจะสงสัยนะคะ”
เขาเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้
“ผมจะยอมให้รินนั่งรถเมล์มาเรียนได้ยังไงล่ะครับ”
“รินไม่ได้ลำบากอะไรเลยจริงๆ”
เตชินยิ้มหวาน
“ผมรู้ แต่ผมอยากเจอรินนี่ครับ รินไม่รู้หรอกว่าผมคิดถึงรินแค่ไหน แล้วอีกอย่างผมอยากมาดูให้แน่ใจว่าแฟนคนเก่งของผมจะไม่หนีซ้อมเพราะกลัวผีอีก”
“ รินกลัวไม่ได้แล้วค่ะ อาจารย์นาฎบอกจะปลดริน ถ้ารินไม่มาซ้อมอีก”
“รินพยายามมามากเกินกว่าจะมายอมแพ้ เพราะสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง จำเอาไว้ ในโลกนี้ไม่มีผี มันก็เป็นแค่ภาพหลอน ที่มาจากจิตใต้สำนึกจากความกลัวของเราเท่านั้น และถ้าผมอยู่ข้างๆรินแบบนี้” เตชินพูดพลางดึงริลณีเข้าไปกอด “ รินก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้วนะครับ”
“รินจะไม่กลัวอะไรแล้วค่ะ ปล่อยรินได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็น”
เขาจำต้องปล่อยตัวเธออย่างเสียดาย ริลณีมองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใครก็รีบลงจากรถไป
เตชินมองตามอย่างมีความสุข แต่ชัชกลับมาเคาะกระจกรถเตือน ว่าเขาลืมให้ช่อดอกไม้ที่เตรียมไว้อยู่หลังรถ
“นายช่วยตามเอาไปให้รินหน่อยสิ”
ชัชโวยวายเสียงหลง “เฮ้ย เกี่ยวไรวะ”
“แต่ถ้าฉันเดินถือดอกไม้เข้าไปมันจะเป็นเรื่องใหญ่ เกิดใครมาเห็นแล้วไปบอกชมพู ฉันจะ
ทำยังไง ช่วยฉันหน่อยนะ ไอ้เพื่อนรัก ขอร้อง เห็นแก่ความรักของเพื่อนนะ”
ชัชมองหน้าเตชินที มองช่อดอกไม้ที อย่างลำบากใจ
ริลณีเดินเข้ามาในห้อง เห็นชมพูนั่งหน้าเครียด ก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
“ชมพู เป็นอะไรรึเปล่า”
ชมพูเงยหน้ามองอย่างเอาเรื่อง
“ริน เราเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย”
“ใช่สิ ทำไมถึงถามแบบนั้น”
“เพื่อนกันจะไม่โกหกกัน และ ไม่มีความลับต่อกันด้วยใช่รึเปล่า ลดาเค้าเพิ่งมาบอกว่า เมื่อวานเค้าเห็นรินกับพี่เตชินอยู่ด้วยกันที่ปั๊มน้ำมันตอนเย็น เธอ 2 คนไปไหนกันมาเหรอ เพื่อนกันไม่โกหกกันนะริน บอกฉันมาเถอะว่า ฉันอยากรู้ว่ารินกับพี่เตชินเจอกันที่ปั๊มน้ำมันนั่นได้ยังไง”
ชัชที่เดินถือช่อดอกไม้มาถึงหน้าห้องได้ยินเข้าพอดี ก็ตกใจ
“งานเข้าแล้วละสิ ทำไงดีวะเนี่ย”
ริลณีหน้าซีดเผือด ชมพูมองอย่างต้องการหาความจริง
“ว่านังไงล่ะริน บอกมาสิ ถ้าเธอยืนเงียบอย่างนี้ มันจะทำให้ฉันคิดนะว่าสิ่งที่ยายลดาพูดเป็นความจริงนะ”
“เรื่องจริงๆ ทุกอย่าง มันเกิดเพราะผมเองครับ”
ทั้งคู่หันไปตามเสียง เห็นชัชยืนอยู่ ก็แปลกใจ
“คือเรื่องของเรื่องมันเกิดเพราะว่า อาม่าของผมท่านไปบนเอาไว้ว่าถ้าถูกหวยจะหานางรำที่สวยที่สุดมารำถวายเจ้าพ่อ ผมจำได้ว่าน้องรินเคยไปรับจ้างรำที่งานวันเกิดพ่อเตชิน ผมก็เลยให้เตชินไปขอร้องให้น้องรินมารำให้ รำเสร็จก็เลยขอให้เตชินช่วยไปส่งน้องรินที่บ้าน เรื่องมันก็มีแค่นี้ล่ะครับ”
ชมพูหันมองริลณี “เรื่องแค่เนี้ย แล้วทำไมรินถึงไม่บอกฉัน”
“น้องรินคงอาย นางรำระดับมหาวิทยาลัยอยู่ๆ ต้องไปรำแก้บนแบบนั้น”
ชมพูมองหน้าริลณี ที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร
“วันหลังรินมีอะไร รินก็บอกเราได้นะ เรา 2 คนเป็นเพื่อนกันมีอะไรก็ต้องช่วยกัน”
ชมพูยิ่งพูด ริลณีก็ยิ่งรู้สึกผิด จนพูดไม่ออก ชัชรีบเข้ามาเคลียร์
“แสดงว่าตอนนี้น้องชมพูเคลียร์ทุกเรื่องแล้วใช่มั้ยครับ”
ชมพูยิ้มอย่างสบายใจ
“เคลียร์ซะยิ่งกว่าเคลียร์อีกค่ะ พี่ชัชรู้มั้ย ว่าพี่ชัชเกือบทำชมพูโกรธกับเพื่อนแล้วนะคะ เอ๊ะ แล้วพี่ชัชมาได้ยังไงคะเนี่ย ถือช่อดอกไม้น่ารักฟรุ้งฟริ้งมาด้วย จะเอาไปให้สาวที่ไหนคะ”
ชัชมองหน้าริลณี สลับกับชมพู ก่อนจะตัดสินใจเอาช่อดอกไม้ไปยื่นให้ฝ่ายหลัง
“ช่อดอกไม้ของน้องชมพูครับ ไอ้เตชินมันฝากให้พี่เอามาให้”
ชมพูรับช่อดอกไม้อย่างดีใจ “ แล้วทำไม พี่เตชินไม่เอามาให้เองละคะ”
“ไอ้เตชินมันไปดูงานรีสอร์ทที่ต่างจังหวัดหลายวัน กลัวน้องชมพูคิดถึง เลยฝากดอกไม้มาแทนตัว เวลาเห็นดอกไม้น้องชมพูจะได้คิดถึงคนให้ด้วย”
ชมพูยิ้มอายๆ ชัชรีบฉวยโอกาสชิงขอตัวเดินออกมา ก่อนจะถอนหายใจโล่งอก
ชมพูหันมายิ้มให้ริลณีพลางพูดขอโทษว่าไม่น่าถามเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเข้าใจไปว่าปริมลดาคงตั้งใจทำให้เธอผิดใจกับเตชิน
ริลณีเดินเข้าไปจับแขนชมพู ตัดสินใจจะบอกความจริง
“ชมพู จริงๆ แล้ว เรื่องเมื่อวาน ริน……”
“ชมพูอยู่นี่เองตามหาแทบแย่”
ชมพูหันไปมองตามเสียง ก็เห็นเพื่อนนักศึกษาโผล่หน้ามาที่ประตู
“อาจารย์ อุดมรัตน์ อยากพบน่ะ”
ชมพูหันมาพูดกับริลณี
“ ฉันไปก่อนนะ เจอกันตอนพักเที่ยง”
พุดจบก็ยิ้มร่าเริงออกไป ริลณีได้แต่ยืนอ้าปากค้าง มองตามด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ
ส่วนชัชก็เดินกลับมาที่รถ แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เตชินฟัง ฝ่ายหลังรีบออกปากขอโทษ
“นายไม่ต้องพูดหรอก ฉันเข้าใจ บางครั้งคนเราก็จำเป็นต้องโกหก ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ”
ชัชมองเตชินอย่างเข้าใจ ก่อนจะพูดต่อ
“อ้อ ดอกไม้น่ะ ฉันให้น้องชมพูเค้าไปแทนแล้วนะ เรื่องที่เหลือนายไปจัดการต่อเอง”
เตชินหน้าเครียด รู้สึกผิด ไม่ต่างไปจากริลณี
ทางด้านปริมลดาที่นั่งอยู่ที่โรงอาหาร เห็นริลณีกับชมพูเดินมาด้วยกัน ท่าทางไม่ได้โกรธกันเหมือนที่เธอตั้งใจให้เป็น ก็ไม่พอใจ รีบลุกเดินเข้าไปหาทั้งคู่ หงส์หยกลุกตามแทบไม่ทัน
“นี่เธอโลกสวย หรือว่าโง่กันแน่ ขนาดรู้ว่ามันแอบไปแซ่บกับแฟนเธอยังจะคบกับมันอีก”
ริลณีหน้าเสีย ชมพูเป็นฝ่ายสวนกลับ
“คนเราไม่ควรเชื่ออะไรโดยไม่ได้พิสูจน์”
“ต้องพิสูจน์อะไรอีก ในเมื่อฉันบอกว่า ฉันเห็นมากับตา”
“แต่ 2 ตาที่เต็มไปด้วยอคติอย่างเธอมันยิ่งเชื่อไม่ได้ แล้วอีกอย่างแม่ฉันสอนว่าไม่ควรฟัง
ความข้างเดียว”
ปริมลดายิ้มเยาะ “แล้วต้องรอจนมันแย่งพี่เตชินไปรึไงถึงจะเชื่อ”
“เพื่อนฉันไม่มีวันทำแบบนั้นกับฉันแน่” ชมพูพูดอย่างมั่นใจ
“มันก็ไม่แน่หรอกชมพู เพราะเพื่อนสุดที่รักของเธอก็เคยทำแบบนั้นกับฉันมาหนนึงแล้ว”
ปริมลดาพาลหันมาด่าริลณีว่าแย่งตุลเทพไปจากเธอ ซ้ำยังจะแย่งเตชินจากชมพูอีก แล้วก็พูด
ดูถูกว่าทำตัวแบบนี้ระวังจะท้องไม่มีพ่อ ลูกออกมา ก็จะเป็นเด็กกำพร้าเหมือนแม่ ก่อนจะหันมาพูดย้ำกับชมพู
“ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะชมพู ถ้าเธอไม่เชื่อ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
ขาดคำก็สะบัดหน้าอกไปทันที โดยมีหงส์หยกเดินตามติดเหมือนแคย
ริลณีที่โดนด่าถึงกับน้ำตาไหลพราก
เพราะสิ่งที่ปริมลดาพูดมันล้วนแต่เป็นความจริงที่ทิ่มแทงหัวใจของเธอทั้งสิ้น
ริลณีหลบมานั่งร้องไห้คนเดียวในห้องประชุม คำพูดที่ชมพูปกป้องเธอ กับคำดูถูกของปริมลดายังก้องอยู่ในหู เธอสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวด
“ฉันขอโทษนะชมพู ฉันขอโทษ”
“ฉันไม่มีวันยกโทษให้แก”
ริลณีที่กำลังร้องไห้อยู่สะดุ้งเฮือก ตาเหลือก ตกใจ ก่อนจะค่อยๆ หันไปตามเสียง หางตาของเธอ เห็นผีรุ่นพี่ ที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวข้างๆ จ้องตาเขม็งมาที่เธอ
“แกเอาของฉันไป ฉันจะฆ่าแก”
ริลณีรีบลุกวิ่งหนี แต่ผีกลับมาปรากฏตัวตรงหน้า พร้อมยื่นมือมาบีบคอแน่น เธอกรีดร้องด้วยความตกใจ
“ช่วยด้วย”
ริลณีสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วก็พบว่าตัวเองนอนหลับอยู่บนเก้าอี้คนดู โดยที่มือกำลังบีบคอตัวเองอยู่ เธอรีบคลายมือออก พลางมองไปรอบๆ ห้องประชุมที่ไม่มีคนดู ทั้งวังเวงและน่ากลัว เธอรีบผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่เสียงดังจากเก้าอี้กลับดังขึ้นสองครั้ง เธอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
ทัมใดนั้นไฟในหอประชุมเปิดพรึ่บ พร้อมกับน้าไหวและกล้า ที่เดินลงมาจากเก้าอี้ชั้นบน ก่อนจะบอกว่าคนอื่นไปซ้อมรำกันที่หอเล็ก
ริลณีรีบขอบคุณทั้งคู่ แล้วทำท่าจะรีบเดินออกไป แต่น้าไหวกลับถามว่าทำไมไม่บอกให้เพื่อนออกไปพร้อมกัน เท้าที่กำลังจะก้าวของเธอชะงักทันที
“พะ ..พะ..เพื่อนไหนคะ หนะ หนูมาคนเดียวค่ะ”
น้าไหวยืนยันว่าเขาเห็นผู้หญิงผมยาวๆ ยืนอยู่ พลางชี้มือไปที่ข้างเวที ที่มีอุปกรณ์ประกอบฉากการแสดงกองอยู่ กล้าพยายามเพ่งมอง ก่อนจะเดินลงไปดู แต่กลับกลายเป็นหุ่นที่ทำไว้สำหรับประกอบฉาก
กล้าอุ้มหุ่นมาใส่มือน้าไหว แล้วรีบเดินออกไป ริลณีถอนหายใจโล่งอก แล้วรีบเดินตามไปทันที
น้าไหวมองหุ่นในมืออย่างงงๆ ก่อนจะเดินไปวางที่เดิม แล้วรีบตามทั้งคู่ออกไป โดยไม่ได้สังเกตว่า ข้างๆ กับหุ่นที่เพิ่งวางไปนั้น มีผีรุ่นพี่ยืนจ้องตาเขม็งอยู่
ริลณีมาหาหลวงตาคงที่วัด เพื่อให้ท่านรดน้ำมนต์ให้ พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่เธอประสบมาให้ฟัง
“เท่าที่โยมเล่า อาตมาคิดว่าวิญญาณตนนั้น คงรักและวนเวียนอยู่กับของของเค้า และที่เค้าตามหลอกหลอนโยมได้คงเป็นเพราะ เคยมีกรรมร่วมกันมาในอดีตชาติ”
หลวงตาคงมองเธออย่างเห็นใจ
“แล้วหนูควรจะทำยังไง ถึงจะหนีจากสิ่งพวกนี้ได้ หนูกลัวเหลือเกินค่ะ”
“โยมต้องมีสติ รู้เท่าทันจิตใจตัวเองอยู่เสมอ กรรมหนักจะเป็นกรรมเบาได้ด้วยสติ ระวัง “ความยึดมั่นถือมั่น” ที่มีอยู่ในตัวโยมให้ดี อย่าผูกจิตพยาบาท ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโยมก็ตาม”
ริลณีได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกกลัว จนน้ำตาคลอ
“แสดงว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับหนูเหรอคะ”
“เอาเป็นว่าอาตมาขอเตือน อย่าไว้ใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคนใกล้ตัว ถึงโยมจะคิดว่าผีร้าย แต่ก็ร้ายไม่เท่าคน จำคำอาตมาไว้นะ”
ริลณีพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้มลงกราบ แล้วลุกเดินออกไป หลวงตาคงมองตาม เห็นเงาที่ทอดยาวบนผนังโบสถ์ของเธอไม่มีหัว ก็หลับตานิ่ง ด้วยความเสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้มากกว่านี้
ฟากเตชินที่ชวนชัชมาช่วยเลือกแหวนเพชรให้ริลณี แม้จะถูกท้วงจากเพื่อนว่าผู้หญิงอย่างริลณีไม่สนใจของแบบนี้แน่นอน แต่เขาก็ยืนยันจะซื้อให้ เพื่อแสดงว่าเขารักเธออย่างจริงใจ
ชัชเห็นความตั้งใจจริงของเตชินก็อดห่วงไม่ได้ เพราะเกรงว่าเขาจะโดนแม่อาละวาด ถ้ารู้ว่าเขาซื้อแหวนเพชรให้ผู้หญิงที่ไม่ผ่านการเห็นชอบ
“ถ้าฉันไม่เอาบัตรเครดิตซื้อ คุณแม่ไม่มีทางรู้หรอก”
เตชินยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะเลือกได้แหวนเพชรวงที่ถูกใจ
“ตกลงว่าลดาจะยอมแพ้เรื่องคุณเตชิน”
หงส์หยกที่ถูกปริมลดาใช้ให้หิ้วถุงช้อปปิ้งพะรุงพะรังหันมาถาม ขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่ในห้างด้วยกัน
ปริมลดายิ้มร้าย
“ใครว่า ฉันจะแย่งก่อนที่นังริลณีจะได้ต่างหาก”
หงส์หยกมองไปไกลๆ แล้วก็ตื่นเต้น ดีใจ
“แล้วฉันว่าโชคคงจะเข้าข้างเธอแล้วหละ ดูนั่นสิ”
ปริมลดาหันไปมองตามที่หงส์หยกมอง เห็นเตชินเดินมากับชัช ก็ยิ้มอย่างมีแผนขึ้นมาทันที
“ทริปเปิล แกรนเดย์ คาปูชิโน่ ดราย พิเศษ ค่ะ / ครับ”
เตชินกับปริมลดาที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ในร้านกาแฟหรู พูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อยที่ฝ่ายแรกจะหันมาหัวเราะขำ
“ไม่คิดเลยนะครับว่าจะมีใครกินกาแฟสั่งยากเหมือนผมแบบนี้”
“แต่ลดาคิดตลอดนะคะ ว่าใครที่ทำอะไรยากๆ เหมือนกัน มักจะเป็นคู่กัน”
เตชินอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะโดนจีบดื้อๆ แบบนี้ ปริมลดารีบหัวเราะกลบเกลื่อน
“ลดาล้อเล่นน่ะค่ะ ชมพูเคยเล่าว่าพี่เตชินชอบกินกาแฟชื่อยากๆ แบบนี้ ลดาก็เลยลองจำมาสั่งบ้าง”
“แล้วชอบรึเปล่าครับ”
“ชอบสิคะ ชอบทั้งกาแฟ แล้วก็คนคิดสูตรเลย”
ปริมลดามองเตชินตาเยิ้ม พร้อมกับเอานิ้วลูบไปบนมือเขาอย่างจงใจ พอพนักงานชงกาแฟเสร็จ เธอก็อาสาไปหยิบมาให้ ครู่หนึ่งก็เดินกลับมาพร้อมแก้วกาแฟ ก่อนจะยื่นให้เขา
“แล้วโทรมานะคะ”
พูดเสร็จก็ส่งตาหวานให้อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป เตชินมองตามอย่างงงๆ ครั้นมองไปที่แก้ว ก็เห็นว่ามีเบอร์โทรศัพท์เขียนเอาไว้บนนั้น
ปริมลดาพูดกับหงส์หยกอย่างมั่นใจว่าไม่เกิน 5 นาทีเตชินจะต้องโทรมา แต่ที่ไหนได้เขากลับทิ้งกาแฟแก้วนั้นลงถังขยะไปอย่างไม่ไยดี
เฟื่องฟ้าหัวเราะร่วนอยู่กับเอทีเอ็ม เพราะแอบได้ยินหงส์หยกเม้าท์ไปทั่วมหาวิทยาลัยว่าปริมลดารอโทรศัพท์ทั้งคืน แต่เตชินก็ไม่โทรมา ตอนนี้ก็เลยต้องกลับไปง้อขอคืนดีกับตุลเทพ
ขณะที่ทั้งคู่คุยกันอย่างสนุกปาก ริลณีกลับเอาแต่นั่งซึม ใจลอย เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จนเอทีเอ็มต้องหันมาถามว่าเป็นอะไร เฟื่องฟ้ารีบตอบแทน
“หรือแอบสงสารปริมลดาที่แย่งแฟนเพื่อนไม่สำเร็จ”
พูดจบก็หัวเราะชอบใจ แต่ริลณีหัวเราะไม่ออกสักนิด จังหวะนั้นชมพูก็เดินเข้ามา หน้าตาร่าเริง
“ขำอะไรกันจ๊ะ .เสียงหัวเราะดังไปถึงโน่น”
“ก็น่าจะขำเรื่องเดียวกับที่ชมพูยิ้มอยู่น่ะแหละ อิจฉาคนที่ไม่ได้มีแฟนหน้าหล่ออย่างเดียว แต่ใจหล่อมาก”
“ฉันกับพี่เตชินยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย แค่พูดว่าเป็นแฟนกั๊กยายลดาเอาไว้เท่านั้นเอง นี่ก็รอว่าเมื่อไหร่เค้าจะขอเป็นแฟนสักที”
“อีกไม่นานหรอกชมพู เฟื่องฟ้าฟันเฟิร์ม”
ชมพูได้ฟังก็หัวเราะชอบใจ อารมณ์ดีสุดๆ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้
“เออ จริงสิ พรุ่งนี้พวกเอกราช เค้าชวนพวกเพื่อนๆ ไปติวหนังสือสอบกัน ประวิทย์จะเป็นคนติวให้ พวกเราไปกันมั้ย”
เตชินหลบมุมมาคุยโทรศัพท์ พลางมองกล่องแหวนในมือที่เตรียมให้ริลณีอย่างเสียดาย
“งั้นพรุ่งนี้ ผมก็อดเจอรินน่ะสิ อุตส่าห์เตรียมของพิเศษไว้ให้รินด้วย แต่ไม่เป็นไร ยังไงเรื่องเรียนก็สำคัญกว่า”
พอเขาหันไปเห็นจิตราก็รีบเก็บแหวนใส่กระเป๋า
“งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ”
วางสายเสร็จ ก็รีบจะเดินออกไป แต่ผู้เป็นมารดาเดินมาขวางไว้ พร้อมทั้งคาดคั้นถามอย่างจับผิดว่าคุยกับใคร เขาตอบปัดไปว่าคุยกับเพื่อน แล้วก็เดินเลี่ยงไป สวนกับพ่อที่เดินเข้ามา
“ลูกมันโตแล้ว จะไปจับผิดคาดคั้นอะไรมันนักหนา”
“ก็ฉันรู้สึกว่าลูกเรามีอะไรน่าสงสัย วันนี้มีคนโทรมาบอกว่าเห็นเตชินไปซื้อแหวนสำหรับผู้หญิงที่ร้านจิลเวลลี่ของเพื่อนฉัน แถมตั้งแต่กลับมา ฉันเห็นนั่งคุยโทรศัพท์กุ๊กกิ๊กกับใครไม่รู้ตั้งนาน จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงคะ”
“อาจจะคุยกับหนูชมพู แล้วแหวนนั่นอาจจะซื้อให้หนูชมพูก็ได้ ก็คุณบอกผมเองว่าใกล้จะถึงวันเกิดหนูชมพู เตชินก็อาจจะเตรียมของไว้เซอร์ไพร์สก็ได้ อย่าคิดมากเลยคุณ”
ณรงค์ตบไหล่จิตราเป็นเชิงไม่ให้คิดมาก แล้วก็เดินออกไป
ขณะที่อีกฝ่ายยังคงคาใจไม่หาย
อ่านต่อหน้า 4
นางชฎา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ที่ร้านอิตาเลียนของประวิทย์ ซึ่งเป็นร้านอาหารกึ่งบ้าน ตกแต่งด้วยสไตล์เก๋ๆ มีบริเวณสนามบรรยากาศน่านั่งอยู่ด้านหน้า
ประวิทย์ในชุดพ่อครัว กำลังโชว์ฝีมือทำอาหารแบบมืออาชีพ ก่อนจะทยอยลำเลียงมาให้เพื่อนๆ ที่โต๊ะ
ริลณี ชมพู เอทีเอ็ม เฟื่องฟ้า เอกราช และเชิงชาย มาล้อมวงดูอาหารด้วยความตื่นเต้น เมื่อแต่ละคน ลองชิมก็เอ่ยชมกันไม่ขาดปาก
เอกราชเดินเข้าไปข้างๆ ริลณี ก่อนจะกระซิบข้างหู พยายามไม่ให้ดูว่าฉวยโอกาส
“ผมดีใจนะครับ ที่รินมาได้วันนี้”
พูดจบก็ยิ้มตาหวานโปรยเสน่ห์เต็มที่ ริลณียิ้มตอบนิดๆ อย่างไว้ตัว
ครู่หนึ่งปริมลดาก็เดินควงแขนตุลเทพเข้ามา พอเห็นหน้าริลณี ก็ถึงกับชะงัก ยิ่งเห็นตุลเทพแอบยิ้ม ก็ยิ่งทำหน้าไม่พอใจ
ริลณีเห็นสถานการณ์ไม่ดี รีบเดินเลี่ยงไปห้องครัวด้านหลัง ปริมลดาโวยวายเสียงดัง
“ทำไม ไม่มีใครบอกว่ายายนี่จะมาด้วย”
ตุลเทพรีบหันมาทำหน้าดุ
“ใครจะมาก็ไม่เห็นเกี่ยวกับเธอเลย อย่าเรื่องเยอะน่าลดา”
“กล้าว่าฉันเยอะเหรอ ที่ฉันเยอะก็เพราะนายน่ะแหละ”
ปริมลดาสะบัดหน้าเดินออกไปด้วยความโมโห ตุลเทพส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วก็เดินเลี่ยงไปนั่งอีกทาง
ประวิทย์แอบกระซิบเอกราช เพราะกลัวว่าปริมลดาจะโวยวายจนเสียแผน
เอกราชยิ้มร้าย
“ไม่ต้องห่วง วันนี้ฉันไม่ให้พลาดหรอก”
ชมพูเดินตามปริมลดามาก่อนจะถามด้วยความสงสัย ว่าทั้งที่คืนดีกับตุลเทพแล้ว ทำไมยังหาเรื่องริลณีไม่เลิก
“ฉันไม่ใช่แม่พระใจกว้าง ยอมยกแฟนให้เพื่อนง่ายๆ อย่างเธอนี่ เธอยังทนคบกับมันได้ยังไง ทั้งๆ ที่ฉันเล่าเรื่องนั้นให้เธอฟังไปแล้ว”
ชมพูทำหน้าเฉย
“ก็ไม่เห็นต้องทนอะไรมากนี่ เพราะฉันก็ยังคบกับเธอได้อย่างปกติโดยไม่คิดอะไร”
พอชมพูเดินออกไป ปริมลดาก็กำมือแน่นด้วยความโมโห
ริลณีเก็บข้าวเก็บของในครัวให้เข้าที่ พลันก็ได้ยินเสียงกุกๆ กักๆ มาจากด้านนอก เธอเรีบเปิดประตูออกไปดูอย่างแปลกใจ ก่อนจะเห็นประวิทย์เหมือนยืนลับๆ ล่อๆ แล้วแอบหยิบยาอะไรบางอย่างจากห่อเล็กๆ ออกมากิน พักเดียวอาการก็ดูแปลกๆ ตาเยิ้มๆ เคลิ้มๆ
“ประวิทย์เค้ากินยาอะไรของเค้า”
“ยาขยันไง”
ริลณีตกใจหันมามองตามเสียง ก็เห็นตุลเทพเดินหน้ากรุ้มกริ่มเข้ามาหา
“เธอคิดว่าเด็กเรียนเก่งๆ เนิร์ดๆ แบบประวิทย์ไม่ต้องมีตัวช่วยเหรอ หมอนั่นน่ะมันกินยา
ขยันก่อนสอบ จะได้อ่านหนังสือได้ทนๆนานๆ”
ตุลเทพพูดพร้อมกับมองด้วยสายตาเจ้าชู้แบบไม่ปกปิด ริลณีนึก รีบจะเดินเลี่ยงอกไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่น ก่อนจะขู่ไม่ให้เธอส่งเสียงดัง เพราะประวิทย์อาจจะโกรธที่เธอมาล่วงรู้เรื่องที่เขาใช้ยา จนอาจทำให้เขาพลาดทุน
“ฉันจะพูดทำไม มันไม่ใช่เรื่องของฉัน”
“แต่ฉันอาจจะพูดก็ได้ แล้วประวิทย์ก็จะคิดว่าเป็นเธอพูด”
“ฉันจะบอกว่านายพูด”
ตุลเทพหัวเราะขำ
“เค้าไม่เชื่อหรอก ว่าเพื่อนที่แสนดีอย่างฉันจะหักหลังเค้าได้ไง คิดดูแล้วกันนะ อยากให้ประวิทย์โกรธเกลียดเธอเพราะเค้าต้องเสียทุน หรือจะยอมไปหาอะไรสนุกๆ ทำกับฉัน”
ริลณีพยายามดิ้น โดยไม่ส่งเสียงดัง แต่ก็สู้แรงตุลเทพไม่ได้
ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งโต๊ะติวกันอยู่ ปริมลดาก็เปิดประตูเดินเข้ามา พร้อมกับมองหาตุลเทพ
“ใครเห็นตุลเทพบ้าง”
เอกราชรีบบอก “เห็นบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำที่หลังครัวไม่ใช่เหรอ”
เฟื่องฟ้าเผลอตัวอุทานเสียงดัง
“รินก็อยู่ที่หลังครัว”
ปริมลดารีบเดินไปทันที หงส์หยกรีบลุกตามไปด้วย เอทีเอ็มดึงแขนเฟื่องฟ้า แล้วรีบตามออกไปทันที
ริลณีพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการลวนลามของตุลเทพ แต่ยิ่งดิ้น อีกฝ่ายก็ยิ่งรัดแน่น พร้อมทั้งพยายามยื่นปากจะจูบ แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจต้องการ ปริมลดาที่โผล่เข้ามา ก็สาดน้ำเข้าใส่โครมใหญ่ ก่อนจะตรงรี่เข้าไปจะตบตีริลณี แต่เอกราชโผล่มาคว้ามือไว้ได้ทัน
“ผมจะไม่ยอมให้คุณทำอะไรริลณีทั้งนั้น”
จังหวะที่คว้าข้อมือปริมลดา เอกราชก็แอบส่งสัญญาณประมาณห้ามทำอะไรให้เสียแผน
ปริมลดาโมโห ที่ทำอะไรริลณีไม่ได้ ก็รีบสะบัดมือจากเอกราช แล้วเดินเข้าไปกระชากมือตุลเทพ ออกไปจากร้านทันที
ชมพู เอทีเอ็ม เฟื่องฟ้า เชิงชาย ประวิทย์ ถอนหายใจโล่งอก มีแต่หงส์หยกที่แปลกใจ
เฟื่องฟ้ากับเอทีเอ็มรีบเดินเข้าไปดูริลณีด้วยความเป็นห่วง พอเห็นเธอยืนตัวสั่น เอทีเอ็มก็ทำท่าจะถอดเสื้อให้ใส่ เอกราชรีบเดินเข้ามาแทรกทันที
“ผมมีเสื้อยืดใหม่ๆ ยังไม่ได้ใช้อยู่ในรถหลายตัว รินเอาไปใส่ก่อนก็ได้ นายจะถอดเสื้อนายให้ริน แล้วแก้ผ้ากลับบ้านรึไง”
- ริลณีหันไปบอกเอทีเอ็ม
“รินใช้เสื้อของเอกราชก็ได้ ขอบใจนายมากนะ”
เอกราชรีบผายมือให้ริลณีเดิน ก่อนที่ตัวเองจะเดินตามไป เอทีเอ็มมองตามรู้สึกเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เชิงชายและประวิทย์มองหน้ากันยิ้มๆ อย่างรู้กัน
หงส์หยกทำหน้าเซ็ง ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไป เชิงชาย เฟื่องฟ้า เอทีเอ็มเดินตามออกไปด้วย
เหลือแค่ประวิทย์ที่ยังมองตามเอกราชด้วยความรู้สึกหวงนิดๆ
เอกราชนั่งรออยู่ที่ม้าหิน สีหน้าแย้มยิ้มเหมือนมีแผน ครู่หนึ่งริลณี ที่ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่โคร่งของเชาก็เดินออกมา เธอออกปากขอบคุณ เขารีบตบตรงที่นั่งข้างๆ ตัว เหมือนชวนให้เธอมานั่งด้วย
“นั่งคุยกันก่อนนะ หมู่นี้ผมเห็นรินหน้าหมองๆ ว่าจะถามตั้งหลายทีแล้ว ว่าเป็นอะไรรึเปล่า”
ริลณีมองเอกราช เห็นท่าทางดูเป็นมิตรและห่วงใยของเขา จึงตัดสินใจนั่งคุยด้วย เขาจึงถือวิสาสะจับมือเธอเบาๆ “มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้มั้ย”
ริลณีหน้าเศร้า “ไม่มีใครช่วยรินได้หรอกค่ะ”
“ได้สิครับ แค่รินบอก ผมก็พร้อมจะช่วยรินทุกอย่าง เอ๊ะ! แต่ถึงรินไม่บอก ผมพร้อมจะช่วยอยู่ดี”
เอกราชยิ้ม ก่อนจะหันไปหยิบถุงใบหนึ่งออกมายื่นให้ เธอนั่งนิ่ง ไม่กล้ารับ จนเขาคะยั้นคะยอ เธอจึงยื่นมือไปรับ พอเปิดถุงดู ก็เห็นอุบะกับดอกไม้ทัด ที่ตามหาอยู่
ริลณีมองเอกราชแบบอึ้งๆ
“ไปหามาจากไหนคะ”
“เรื่องนั้นเป็นความลับ เอาเป็นว่าผมหามาให้คุณได้ก็แล้วกัน”
ริลณียิ้มจริงใจ “แล้วรินต้องตอบแทนอะไรคุณมั้ยคะ”
“ถือว่าชดเชยกับสิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีกับรินก็แล้วกัน”
“แต่ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้วนะ”
เอกราชได้ทีเอื้อมมือไปจับมือริลณีอย่างสนิทสนม
“งั้นก็ให้ผมเป็นเพื่อนที่ดีมากกว่าเดิมสิ ผมอยากให้รินไว้ใจผม”
“รินไว้ใจคุณค่ะ”
ริลณียิ้มอย่างเป็นมิตร ขณะที่เอกราชแอบยิ้มร้าย ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
จิตราแอบเข้ามาในห้องเตชิน ได้ยินเสียงลูกชายยังอาบน้ำอยู่ ก็มองซ้ายมองขวา พอเห็นโทรศัพท์ของเขาวางไว้บนโต๊ะเขียนแบบ ก็รีบเดินไปหยิบ ขึ้นมากดดู ก่อนจะเห็นว่าในโทรศัพท์ มีชื่อ “MR.R” ที่เขาโทรหามากที่สุด ผู้เป็นแม่รีบหยิบกระดาษแอบมาจดเบอร์ไว้ แล้ววางโทรศัพท์ไว้ตามเดิม ก่อนจะรีบย่องออกไปจากห้องทันที
ชฎาที่มีอุบะดอกไม้ทัดอันเดิมห้อยอยู่ ถูกนำมาวางอยู่บนหิ้ง ริลณีกำลังนั่งพนมมือไหว้อยู่
“รินเอาของของพี่รักมากมาคืนแล้วนะคะ ต่อไปพี่คงไม่มาตามทวง หรือหลอกหลอนรินอีกแล้วนะคะ รินกลัว”
พูดเสร็จเธอก็ก้มลงกราบ ก่อนจะรีบลุกออกไปด้วยความกลัว พลันผีรุ่นพี่ในชุดรำ หน้าตาสวยงาม ยิ้มแย้มแจ่มใส ใส่ชฎาที่มีอุบะอันเป็นที่รัก ก็ปรากฏตัวขึ้นมาร่ายรำอยู่ในห้องอย่างมีความสุข
ริลณีออกมานั่งคุยกับชมพู เฟื่องฟ้า เอทีเอ็ม ที่โต๊ะม้าหินหน้าอาคารเรียน ก่อนจะพูดถึงเอกราชว่าเป็นคนดีกว่าที่คิด เอกราชไม่คิดว่าเขาจะช่วยโดยไม่หวังผล ขณะที่เฟื่องฟ้าพูดยิ้มๆ เป็นเชิงว่าเขาคงหวังผลให้ริลณีใจอ่อน
ริลณีรีบปฏิเสธว่าเธอกับเอกราชเป็นเพียงเพื่อนกัน ชมพูเปรยขึ้นมาทันที
“แสดงว่ารินมีคนที่ชอบแล้ว”
“ปละ เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
“ไม่จริงหรอก ถ้ารินไม่ชอบคนอื่น จะไม่ยอมใจอ่อนกับผู้ชายเพอร์เฟ็คอย่างเอกราชได้ไง
บอกมาเลยนะว่ารินชอบใคร”
ริลณีสะดุ้งเฮือกไม่กล้าตอบคำถาม รีบลุกหนีไปเลย ชมพูกับเฟื่องฟ้ามองตามอย่างขำๆ มีเพียงเอทีเอ็มที่แอบสงสัย
ขณะริลณีกำลังใส่โจงกระเบนแดงเตรียมซ้อมรำ หงส์หยกก็เข้ามายืนเปลี่ยนชุดใกล้ๆ ก่อนจะพูดเป็นเชิงยุ พร้อมบอกว่ามีแผนจะช่วยให้เธอจัดการกับปริมลดา ที่ราวีเธอไม่เลิก พลางแกล้งมาจับไหล่เหมือนจะตีสนิท ริลณีสะบัดออกอย่างรังเกียจ
“ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ฉันคงไม่ทำอะไรอย่างที่เธอคิดหรอก ถึงเค้าจะร้ายกับฉันแค่ไหน ก็แค่ไม่โต้ตอบ ต่อไปปริมลดาเค้าก็จะรู้ไปเอง ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เธอสิ เป็นเพื่อนของเค้าไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาทำอะไรแบบนี้ ไม่ละอายใจตัวเองเลยเหรอ ฉันว่าปริมลดาร้ายแล้วนะ แต่เธอน่ะร้ายยิ่งกว่าเค้าหลายสิบเท่า รู้ตัวไว้ด้วย”
พูดเสร็จก็เดินออกไป ปล่อยให้หงส์หยกกำมือแน่นด้วยความแค้น จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“สวัสดีค่ะ หนังสือดาราบันเทิงเหรอคะ”
ที่หน้าจอแท็ปเล็ตของนักศึกษาที่กำลังมุ่งอ่านหัวข้อข่าว
“แฉดาราดาวรุ่งไฮโซ อักษรย่อ ป. ใช้เต้าไต่กับผู้กำกับดังหวังขึ้นแท่นนางเอกเบอร์หนึ่ง”
นักศึกษากลุ่มอื่น บ้างก็นั่งอ่านกระทู้จากเว็บไซต์พันทิพ ที่ตั้งกระทู้ทำนองถามว่า ดาราอักษร ป. คือใคร บ้างก็กดแชร์ข่าวในเฟซบุ๊คกันอย่างสนุกมือ
ปริมลดายืนอ่านข่าวที่ถูกแชร์อยู่ในมือถือ ก็ถึงกับมือไม้สั่น ก่อนจะกรีดร้องเสียงดัง ตุลเทพที่อยู่ในชุดเสื้อคลุม เตรียมซ้อมว่ายน้ำ และยืนอ่านข่าวจากมือถือตัวเอง หันมาถามอย่างเอาเรื่อง
“ตกลงที่เค้าเม้าท์กันทั้งมหาวิทยาลัยจริงรึเปล่า”
ปริมลดาก้มหน้านิ่งอึ้ง พูดไม่ออก
“ไม่ตอบแบบนี้ แสดงว่าจริงใช่มั้ย ถามหน่อยเหอะ ผู้ชายหนังหน้าอย่างนั้น กล้าไปนอนกับมันลงได้ไง ผมล่ะอายแทนคุณจริงๆ เลย”
ตุลเทพมองปริมลดาหยามๆ พลางส่ายอย่างรังเกียจและสมเพช ก่อนจะกระโดดลงไปซ้อมว่ายน้ำต่อไปไม่สนใจ ปริมลดาที่โดนพูดดูถูก ทั้งโกรธ ทั้งโมโห
หงส์หยกจีบปากจีบคอพูดทำหน้าใสซื่อ พูดโยนความผิดไปให้ริลณี ว่าอาจจะเป็นคนกุข่าว
ปริมลดาโกรธจนตัวสั่น
“นังริลณีมันกล้าทำให้ฉันขายหน้าได้ ฉันก็จะทำให้มันอายจนไม่กล้าอยู่ในมหาวิทยาลัยนี้เหมือนกัน”
ปริมลดาตาวาวด้วยความแค้น หงส์หยกแอบยิ้มอย่างสะใจ
ริลณีกำลังซ้อมรำอยู่ในห้องชมรมนาฏศิลป์ตามลำพัง ขณะที่ด้านนอกอาคารมีเสียงฟ้าร้องกระหึ่ม และฟ้าผ่าลงมาอย่างแรง เหมือนฝนใกล้จะตก
ครู่หนึ่งเธอก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้น พอหันไปมอง ก็ต้องแปลกใจ ระคนตกใจ
เมื่อเห็นจิตราเดินเข้ามา
เธอพยายามตั้งสติ รีบยกมือไหว้ แต่อีกฝ่ายกลับหยิบกระดาษปึกใหญ่ โยนใส่หน้าด้วยความโมโห
“เธอนี่มันร้ายกว่าที่ฉันคิดนะ ตอนที่ฉันให้เงินเธอ เธอไม่เอา ทำเป็นหยิ่งมีศักดิ์ศรี แต่แอบมาคบกับลูกชายฉันเงียบๆ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ไอ้มุขเซฟชื่อคนอื่นในโทรศัพท์มันใช้ไม่ได้แล้ว เพราะฉันแค่เอาเบอร์ไปเช็ค ฉันก็รู้ได้แล้ว ว่าคนที่ลูกชายฉันคุยด้วยบ่อยๆ คือใคร และคุยยังไง ท่าไหนบ้าง”
หญิงสูงวัยเดินเข้าไปประจันหน้า จ้องริลณีด้วยความโกรธแค้น และเอาจริง
“เธออย่าคิดนะ ว่าฉันจะยอมให้ผู้หญิงชั้นต่ำ ไม่มีหัวนอนปลายเท่าอย่างเธอ เข้ามาเกี่ยว
ดองกับคนในตระกูลฉัน ฉันจะไม่ใจดีกับเธอแล้วนะ ฉันขอสั่งให้เธอเลิกยุ่งเกี่ยวกับลูกชายของฉันในทุกกรณี ถ้าเธอไม่อยากให้เพื่อนๆ น้องๆ ของเธอ ที่บ้านเด็กกำพร้าเดือดร้อน”
ริลณีหน้าซีด ตกใจ “คุณจะทำอะไร”
“ฉันก็ทำได้ทุกอย่างที่เธอไม่คาดคิดน่ะสิ เชื่อฉัน อย่าลองดี เพราะเธอไม่มีวันชนะคนอย่างฉันแน่ๆ”
จิตราตบแก้มริลณีเบาๆ พลางยิ้มร้าย แล้วเดินหน้าออกไป ทิ้งให้ริลณียืนอึ้ง ก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น ทำอะไรไม่ถูก
ริลณีวิ่งร้องไห้ตากฝนที่เริ่มตกปรอยๆ ไปตามถนนในมหาวิทยาลัย จู่ๆ รถคันหรูของเอกราช ที่มีประวิทย์ กับเชิงชายนั่งอยู่ด้ย ก็แล่นเข้ามาจอดเทียบข้างๆ ก่อนที่เจ้าของรถจะพูดคะยั้นคะยอจะไปส่งเธอที่บ้าน
ริลณีมองอย่างลังเลครู่หนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจขึ้นรถไปกับทั้ง 3 คนนั้น
ขณะที่ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก จนแทบจะมองไม่เห็นทาง เชิงชายที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ จึงออกปากชวนให้แวะพักที่หอของเขา
เอกราชหันไปถามความเห็นจากริลณี ที่ทำสีหน้าอึกอัก แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้
“แต่ถ้าฝนซาต้องรีบกลับเลยนะ”
เอกราช เชิงชาย และประวิทย์ แอบสบตากันร้ายๆ ขณะที่ริลณีมัวแต่คิดเรื่องของจิตรา จึงไม่มีโอกาสได้เห็นสายตาร้ายกาจ 3 คู่นั้น
เอกราชแอบยืนมองริลณีที่นั่งอย่างกระสับกระส่ายกังวลในห้องรับรองด้านล่าง ขณะเดียวกันก็คุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย โดยมีเชิงชาย กับประวิทย์ยืนอยู่ข้างๆ
“ตอนนี้นังนั่นมันอยู่กับพวกเราแล้ว เธอจะให้พวกเราทำยังไง”
ปริมลดายืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่คอนโดด้วยสีหน้าเหี้ยม
“ทำให้มันคาว แล้วเอามันประจานเหมือนที่มันทำกับฉัน”
“เรื่องแบบนั้น ฉันถนัดอยู่แล้ว เตรียมหัวเราะได้เลย เพราะนังนั่นจะได้เป็นข่าวใหญ่กว่าเธอแน่”
เอกราชวางโทรศัพท์ ก่อนจะหันไปมองประวิทย์ที่กำลังเอายาบางอย่างใส่ในแก้วเครื่องดื่ม แล้วเดินไปยื่นให้ริลณีที่นั่งรออยู่
“น้ำเก๊กฮวยที่หอพักนี้อร่อยชื่นใจมากเลยนะ ลองชิมสิ”
ริลณีมองแก้วน้ำดื่มก่อนจะออกปากปฏิเสธ เพราะลึกๆ แล้วก็ยังไม่ค่อยวางใจ เชิงชายที่ยืนดูท่าอยู่ รีบยื่นขวดน้ำเปล่าให้แทน เธอมองขวดน้ำเปล่าเห็นว่าปากขวดปิดสนิท มีพลาสติกซีลไว้อีกต่างหาก จึงยอมรับมาดื่ม โดยไม่รู้ว่าเอกราชแอบใช้เข็มฉีดยาผสมยาฉีดเข้าไปก่อนหน้านี้
ทางด้านเตชิน ที่ถูกบังคับให้มาออกงานสังคมกับชมพู พร้อมกับจิตราและพิสมัย ก็เอาแต่ทำหน้าเบื่อหน่าย จนชมพูต้องออกปากถาม
“พี่เตชินเป็นอะไรรึเปล่าคะ หน้าตาดูเครียดๆ”
“รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย พี่ขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยนะครับ”
ชมพูไม่ทันตอบ เตชินก็เดินออกไป ก่อนจะหลบมุมหยิบมือถือมากดโทรออก
โทรศัพท์มือถือสั่นอย่างแรง อยู่ข้างๆ ริลณีที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ขณะที่เอกราช ประวิทย์ และเชิงชายยืนคุยกันอยู่อีกห้องหนึ่ง
เอกราชสั่งการด้วยน้ำเสียงเหี้ยม
“งานนี้ฉันขอคนเดียว เดี๋ยวไอ้ชายแกถ่ายคลิป ไอ้วิทย์แกถ่ายภาพ เอาแบบไม่ต้องเห็นหน้า
ขี้เกียจไปเคลียร์กับพ่อแม่”
เชิงชายอิดออด เพราะสงสาร และกลัวจะเดือดร้อนมาถึงตัวเอง
โทรศัพท์มือถือยังสั่นตลอดเวลาจนริลณีเริ่มรู้สึกตัว ค่อยๆ สะลึมสะลือตื่น พลางมองไปรอบๆ ห้อง รู้สึกไม่คุ้นเคย และยิ่งเห็นทั้ง 3 คน ยืนหัวเราะกันอยู่ ก็ยิ่งตกใจ เริ่มรู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจแล้ว
เธอรีบคว้ามือถือมากดรับสาย โดยทำทีเป็นนอนนิ่งอยู่บนเตียง เหมือนว่ายังไม่ได้สติ“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผม ผมโทรไปตั้งหลายสิบสาย รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วง”
“คุณรีบมาหารินได้มั้ย รินรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ”
เตชินตกใจ “เกิดอะไรขึ้นริลณี แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
ริลณีสะอื้นไห้ “ รินไม่รู้”
“รินตั้งสตินะ เข้าไปในไลน์ แล้วแชร์สถานที่ที่รินอยู่มาให้ผม แล้วผมจะรีบไปหารินทันที”
พอได้รับข้อความจากริลณีที่แชร์สถานที่มาให้ เตชินก็รีบผลุนผลันออกจากงานทันที โดยไม่สนใจชมพู จิตรา และพิสมัยที่มองตามอย่างสงสัย
ริลณีที่ยังสะลึมสะลืออยู่ พยายามลุกขึ้น พอมองไปอีกห้องก็เห็นเอกราช ประวิทย์ เชิงชาย หัวเราะคิกคักอย่างสะใจ เธอเริ่มเข้าใจถึงภัยร้ายที่กำลังย่างกรายมาถึงตัว ขณะเดียวกันก็รีบมองหาประตูทางออก เห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากตรงที่นอนอยู่เท่าไหร่นัก
เธอค่อยๆ ลุกขึ้นย่องไปเปิดประตู แล้วออกไปจากห้องทันที
เสียงประตูปิดปัง ทำให้ประวิทย์โผล่หน้าออกจากห้องนอนมาดู เมื่อเห็นว่าริลณีไม่ได้นอนอยู่ที่เดิมก็โวยวายเสียงดังลั่น
“เฮ้ย แย่แล้ว มันหนีไปแล้ว”
เอกราชรีบวิ่งนำเชิงชายมาดูด้วย
“เอ้า แล้วจะมามัวยืนบื้ออยู่ทำไม รีบตามหามันสิวะ”
ริลณีสะลึมสะลือวิ่งหลบลงมาทางบันไดหนีไฟมาเรื่อยๆ จนมาถึงข้างล่าง แต่พอเปิดประตูจะออกไป กลับเปิดออกไม่ได้
เธอรีบวิ่งกลับขึ้นมา จังหวะที่ประวิทย์เปิดประตูเข้ามามองเห็นพอดี
“เจอแล้วอยู่ตรงนี้”
ริลณีตกใจ รีบวิ่งไปออกชั้นอื่นที่ประตูเปิดออกได้ เอกราช ประวิทย์ เชิงชายรีบวิ่งตาม เธอตัดสินใจแอบไปนั่งหลบมุมอยู่หน้าห้องหนึ่ง ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะยกมือขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง
จู่ๆ ประตูห้องที่ริลณีไปแอบหลบก็เปิดออก พร้อมกับที่ตุลเทพเดินออกมา เมื่อเห็นเธอมาแอบซ่อนอยู่แถวนั้นก็ชะงัก แปลกใจ
“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันที เอกราชกับพวกพาฉันมาที่นี่ เค้าจะทำร้ายฉัน ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ
ฉันไหว้ล่ะ”
ตุลเทพมองริลณีด้วยความรู้สึกสงสาร รีบดึงมือเธอเข้ามาซ่อนในห้องทันที
ริลณีแอบอยู่ในห้องของคุลเทพ สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียงสนทนามาดังมาจากหน้าประตู
“เมื่อกี๊นายเปิดประตูออกมา นายเห็นใครวิ่งผ่านไปบ้างมั้ย”
เอกราชถามเสียงเช้ม
“ก็ไม่นี่ นายหาใครเหรอวะ”
”ไม่มีอะไรหรอก ไปเว้ยหาที่อื่นต่อ”
ริลณีได้ยินเสียงเอกราชห่างออกไปพร้อมๆ กับประตูห้องที่ปิด ก่อนที่ตุลเทพจะเดินเข้ามาหา และพาเธอออกมาจากที่ซ่อน
“พวกนั้นไปแล้ว ท่าทางเธอเหมือนโดนยา ฉันก็พอรู้แล้วว่าพวกนั้นพาเธอมาทำไม”
“ช่วยฉันด้วย ฉันอยากกลับบ้าน”
ตุลเทพมองริลณีด้วยแววตาหื่น
“จะกลับได้ยังไงล่ะ ไหนๆ เธอก็มาแล้ว อยู่ที่นี่นานๆ ก็ได้ ฉันจะดูแลปฐมพยาบาลเธอเอง”
พูดพลางเดินเข้ามาใกล้ๆ ริลณีรีบถอยหลังหนี จนถอยหลังไปจนชิดกำแพง
“นายคิดจะทำอะไร”
“ก็สานต่อเรื่องที่พวกนั้นทำค้างไว้น่ะสิ”
ตุลเทพยิ้มหื่นเอาจริง ริลณีกลัวคว้าได้ของใกล้มือ ก็ฟาดใส่หน้าฝ่ายแรกอย่างแรง แล้ว รีบวิ่งหนีออกไปจากห้องทันที
ริลณีวิ่งลงมาถึงหน้าอาคาร ขณะที่เอกราช ประวิทย์ เชิงชาย ที่อยู่บนระเบียงมองลงมาเห็นพอดี พวกมันรีบวิ่งตามลงมา เธอรีบวิ่งหนีต่อ จังหวะเดียวกับที่เตชินขับรถเข้ามา ก่อนจะจอดปาดหน้า พร้อมกับกดกระจกลงมา
“ริลณี รีบขึ้นมาเร็ว”
รถเตชินแล่นเข้ามาจอดเอี๊ยดที่หน้าสถานีตำรวจ เขาคะยั้นคะยอให้ริลณีแจ้งความ แต่เธอกลับบอกว่าไม่มีประโยชน์
“มีสิ อย่างน้อยก็เป็นการบอกพวกมันว่า พวกมันจะไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรเลวๆ แบบนี้กับคุณได้อีก และพวกมันจะต้องโดนลงโทษกับการกระทำเลวๆ นั้น คุณโดนขนาดนี้ ยังคิดจะปล่อยพวกมันไปอีกเหรอ”
ริลณีอึกอัก “แต่ฉันไม่อยาก ….”
“งั้นผมจะลงไปแจ้งความให้คุณเอง ยังไงพวกนั้นก็ต้องโดนลงโทษ ผมไม่มีวันให้มันทำร้ายคุณฟรีๆ หรอก”
ขาดคำก็รีบเปิดประตูลงจากรถไปทันที ริลณีตกใจรีบเปิดประตูลงตามไปคว้าแขนไว้
“คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ ถ้าคุณไปแจ้งความให้ฉัน เดี๋ยวคุณแม่ของคุณจะรู้เรื่องของเรา
ทุกอย่างมันจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมอีกนะคะ”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ในเมื่อคุณไม่ทำ ผมก็ต้องทำ”
ริลณีมองหน้าเตชินก่อนจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“ฉันจะเป็นคนแจ้งความเอง”
อ่านต่อตอนที่ 3