ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 6
รักษ์กับขนุนนัดเจอกันที่เก่า ตอนนี้สองคนคุยกันอยู่บนศาลาหลังวัด
“ชั้นเนี่ยนะนางเอกลิเก ไม่เอา ชั้นอยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง”
“มันก็คล้ายๆกันนั้นแหละ เธอจะได้ฝึกให้เจนเวทีด้วยไง เวลาไปประกวดจะได้ไม่ตื่นคน”
“แต่ชั้นเพิ่งเรียนกับพี่รักษ์ได้ไม่กี่วันเอง ชั้นทำไม่ได้หรอก”
“ไหนลองร้องตามพี่ซิ”
รักษ์ร้องลิเก “ฉันเป็นลิเกน้องใหม่ ฝากตัวหัวใจไว้ด้วย”
ขนุนร้องลิเกตาม “ฉันเป็นลิเกน้องใหม่ ฝากตัวหัวใจไว้ด้วย”
รักษ์ยิ้ม “เยี่ยมมาก ตกลงนะ”
“หา! ตกลงแล้วเหรอ”
เสียงหลวงพ่อ น้อย กล้า และเอี้ยงเดินคุยกันเข้ามา เอี้ยงนั้นกลัวๆ คอยหลบหลังหลวงพ่อ ฝ่ายหลวงพ่อก็กลัวแต่ข่มใจไว้ รักษ์เซ็ง
“เฮ้ย มากันอีกแล้ว”
รักษ์กับขนุนรีบหาที่ซ่อน และลงไปซ่อนที่จุดเดิม
“เสียโหยหวนชัดแจ๋วเลย กลางวันแสกๆนะเนี่ย” เอี้ยงว่า
ตาน้อยบอกว่า “คราวนี้เหมือนร้องลิเกว่ะ”
“ไม่ต้องกลัว ชั้นเอาแหที่หลวงพ่อปลุกเสกมาด้วย วันนี้เราจับผีได้แน่” กล้าบอก
“หลวงพ่อมีคาถาปลุกเสกของวิเศษตั้งแต่เมื่อไหร่” ตาน้อยเง็ง
“ข้าก็คิดของข้าขึ้นมาเองนั่นแหละ เอ้า จะทำอะไรก็รีบทำ” หลวงพ่อตัดบท
“หวังว่าไอ้แหนี่มันจะจับผีได้จริงๆ นะ” น้อยบ่น
กล้าถือแหเดินไปข้างหน้า หันหน้าไปทางศาลา พนมมือสวดพึมพำ หลวงพ่อ น้อย เอี้ยง ลุ้น รักษ์กับขนุนที่ซ่อนอยู่ก็ลุ้น
กล้าเหวี่ยงแหออกไป แต่ด้วยความที่เหวี่ยงไม่เป็น แหเลยไม่บานหล่นตุ๊บเป็นกอง
หลวงพ่อส่ายหัว “ข้าว่ากลับเหอะ”
พวก บุญหลง เด่น แคน และนักมวยอื่นๆ ยืนเรียงคิวต่อแถวกัน เพชรยืนอยู่หน้าแถว เหงื่อแตกซิก พริมอยู่ข้างๆ
“เพชรมันไปสัก จุดศูนย์กลางพลังจักรวาลมาที่กลางหลัง เพชรมันเลยอยากอวดว่าคงกระพันชาตรี ต่อยกี่ทีก็ไม่ร่วง ใครอยากพิสูจน์เอาเลย”
บุญหลงเดินเข้าหา เพชรยืนเกร็งเบ่งกล้าม
“ตะกรุดหลวงพ่อ ช่วยลูกด้วย”
บุญหลงง้างหมัด ต่อยเข้าท้องเพชรอย่างแรง เพชรเกร็งต้าน จริงๆ เจ็บ แต่แสร้งทำไม่เป็นอะไร
“คนต่อไปมาเลย สบายมาก” เพชรร้องบอก
เด่น แคน นักมวยอื่นๆ เข้าเรียงคิวต่อยท้องเพชรทีละคน เพชรแสร้งเป็นหัวเราะหึๆ แต่จริงๆ ร้องไม่ออก กลั้นน้ำตาไว้ จนต่อยครบหมดทุกคน
เด่นมองทึ่ง “เพชรมันทนได้จริงๆ ว่ะ พวกเราไปสักมั่งมั้ย”
บุญหลง แคนและคนอื่นๆ เออออเห็นดีเห็นงาม แล้วกระจายตัวกันไป
พอทุกคนไปหมดแล้วเพชรนั่งลงจุกโครตๆ
“เก่งเหมือนกันนี่ ไม่ร้องซักแอะ”
เพชรกระอักเลือดออกมา “จุกตั้งแต่หมัดแรกแล้ว ร้องไม่ออก”
เอื้อยเดินเข้ามาเห็นสภาพก็ชะงัก
“เพชรที่บ้านมาหา อ้าว...กินน้ำแดงก่อนซ้อมเหรอ เป็นไงจุกจนอ้วกออกมาเลยสิเนี่ย”
เอื้อยมองเพชรอย่างสมเพชเวทนา
มุมหนึ่งในค่ายมวย ศ.อรชร รักษ์ ลูกดอก และแฉะพากันมาตามเพชรกลับไปเล่นลิเก
“กลับไปเล่นลิเกเหรอ ช่วงนี้ชั้นซ้อมหนัก กำลังจะขึ้นชกอยู่ด้วยสิ พี่รักษ์เล่นแทนชั้นไม่ได้เหรอ”
“ก็คุณแม้นมาศเค้าอยากดูแกเล่น ปลีกตัวไปซ้อมลิเกหน่อย ไม่เป็นไรหรอกมั้ง” รักษ์บอก
“”งานนี้ได้เงินเยอะด้วยนะ เล่น 3 วัน น่าจะได้เป็นกอบเป็นกำเลยแหละ” ลูกดอกเสริม
เพชรกลุ้ม “ต่อยมวยก็ได้ตังค์ เล่นลิเกก็ได้ตังค์ เอาไงดีวะเนี่ย”
คิดไม่ตก เพชรเลยมามาขออนุญาตอรชร
“มวยก็ยังไม่เป็น แทนที่จะทุ่มเทเวลาฝึกซ้อมให้มากๆ นี่จะเจียดเวลาไปเล่นลิเกอีก ทำเป็นอย่างๆมั้ย เดี๋ยวมันก็พังหมดหรอก”
พริมหมั่นไส้ “ถ้าลิเกมีคนจ้างแล้ว ก็เลิกชกมวย กลับไปเล่นลิเกอย่างเดิมเลยสิ”
“จะกลับไปเล่นลิเกเมื่อไหร่ชั้นไม่ห้ามหรอก แต่ต้องหลังจากผ่านไฟท์นี้ไปก่อน”
“ชั้นแบ่งเวลาได้จ้ะ ชั้นเป็นคนหัวไวเรียนรู้เร็ว พริมเค้าก็สอนเก่ง รับรองมวยก็ไม่เสีย ลิเกก็ไม่ขาด นะจ๊ะ ให้ชั้นไปเล่นลิเกนะ”
อรชรถามขึ้น “ลิเกจะเล่นเมื่อไหร่”
“วันที่ 16 นี้จ้ะ”
“แต่เธอต้องขึ้นชกวันที่ 15 นะ” พริมบอก
“ก็ใช่ไง คนละวันพอดีเลย”
อรชรคิดหนัก เพชรเลยทำออดอ้อนน่าสงสาร
“ตอนนี้พ่อโกรธชั้นมาก คิดว่าชั้นจะทิ้งลิเกแล้ว ที่จะกลับไปครั้งนี้ ก็เพื่อให้พ่อเห็นว่าชั้นยังไม่ลืมลิเก ยังไม่ลืมพ่อ”
เยื่อใยบางๆ ทำให้อรชรอดเห็นใจไม่ได้
ขณะที่รักษ์ ลูกดอก แฉะ กำลังนั่งรอเพชรอยู่ เห็นอื้อยเดินผ่านมาพอดี
“เอื้อยจ๊ะ” แฉะเรียกหวานหยด
“มีอะไร”
“ส้วมที่ฉันเปลี่ยนให้ นั่งสบายมั้ยจ๊ะ”
“ไอ้โรคจิต” เอื้อยเดินสะบัดสะบิ้งออกไป
แฉะตัดพ้อ “ฉันทำอะไรผิดวะ ฉันก็ถามสารทุกข์สุขดิบตามประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียง”
ลูกดอก “ก็ใครเค้าเจอหน้ากันแล้วถามเรื่องนั่งส้วมกันเล่า มานี่ เดี๋ยวชั้นแสดงให้น้าดู”
ลูกดอกเดินไปหาเอื้อย
เอื้อยเดินออกมา ลูกดอกเดินตาม แฉะแอบดูห่างๆ
“พี่เอื้อย พี่เอื้อยจ๋า”
“อะไรอีก ถ้าจะตามมาถามเรื่องนั่งส้วมชั้นตบปากจริงๆ ด้วย”
“เปล่าจ้ะเปล่า ชั้นแค่จะถามว่าพี่เอื้อยไปทำอะไรมา ทำไมพักนี้ดูสวยขึ้น”
เอื้อยบ้ายอระดับสูงสุด “บ้าเหรอ ชั้นก็สวยของชั้นอย่างนี้ทุกวัน”
“มีคนเค้าบอกว่า ผู้หญิงจะสวยที่สุดตอนมีความรักนะ พี่เอื้อยกำลังกุ๊กกิ๊กกับใครอยู่ล่ะสิ”
เอื้อยชักเขิน “โสดย่ะ”
“จริงเหรอ นี่ขนาดโสดยังสวยขนาดนี้ ถ้ามีแฟนล่ะคงสวยขึ้นกว่านี้อีกแน่เลย”
เอื้อยเขินที่มีเด็กมาจีบ
“รีบๆ มีแฟนสิพี่เอื้อย”
ลูกดอกหยอดเสร็จก็ออกไป แฉะตามออกไป เอื้อยยืนเขิน คิดลึกอยู่คนเดียว
รักษ์รออยู่ ลูกดอก กะ แฉะ เข้ามา
“มุกแกสุดยอดว่ะ ไปเอามาจากไหนวะ”
“คิดเองสิน้า นี่ชั้นหยอดไว้ให้แล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่น้าจีบต่อแล้วนะ”
“แกต้องช่วยชั้นจีบด้วยสิ ถ้าจีบติด ชั้นจะยอมเป็นทาสรับใช้แกตลอดชีวิต”
“เวอร์แล้ว”
“เอาจริงเหรอน้าแฉะ ก็รู้อยู่ว่าพวกนี้เค้าไม่ชอบพวกเรา ยิ่งยุ่งเดี๋ยวมันจะยิ่งแย่เอานะ” รักษ์เตือน
“ก็ความรักของชั้นกับเอื้อยนี่แหละโว้ยที่จะสมานฉันท์ ให้ 2 บ้านดีกัน” แฉะเพ้อ
เพชรเข้ามาพอดี
รักษ์รีบถาม “น้าอรว่าไงบ้าง”
“เค้ายอมให้ชั้นไปเล่นลิเกได้”
สามคนร้อง “เย้” ดีใจ
เพชรบอกต่อ “แต่... ชั้นต้องมาซ้อมมวยอย่าให้ขาด เพราะว่าจะขึ้นชกแล้ว”
“แล้วแกชกวันไหน” รักษ์ถาม
“ชกวันที่ 15”
แฉะนึกตาม “แล้วเล่นลิเกวันที่ 16”
ทุกคนมีสีหน้ากังวล
ลูกดอกถามหน้าจ๋อยๆ “ไหวใช่มั้ยพี่”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว”
สีหน้าเพชรมุ่งมั่นมากๆ
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 6 (ต่อ)
เพชร ตาม ลูกดอก แฉะ และจริยามาที่บ้านลิเก สุมหัวกันเรื่องลิเก สำเริงมองหมั่นไส้
“แกแน่ใจนะว่าจะมาซ้อมได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ใช่มาๆ หายๆ จนทำคนอื่นล่มไปกันหมด”
“ชั้นสัญญาเลยจ้ะพ่อ ชั้นจะมาซ้อมทุกครั้งและตั้งใจซ้อมไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยจ้ะ”
“แล้วไหนล่ะนางเอกที่รักษ์จะพามา”
“ชั้นว่าหาไม่ได้แล้วม้าง เอาชั้นเป็นนางเอกแหละดีแล้ว” จริยาเสนอตัว
รักษ์พาขนุนเข้ามา
“มาแล้วๆ นางเอกมาแล้ว”
“ขอโทษนะจ๊ะ มาช้าไปหน่อย” ขนุนขอโทษพวกผู้ใหญ่
สำเริงหงุดหงิด “เฮ้ย นางเอกชั้นเป็นเจ้าหญิง ไม่ใช่จับกัง”
ส่วนที่ค่ายมวย ในขณะที่บุญหลง เด่น แคน นั่งกินขนมอยู่สบายๆ พริมกับเอื้อยเข้ามา
“มีใครเห็นขนุนบ้างมั้ย”
“ไม่ได้อยู่ที่ห้องกับน้าชาติเหรอ” บุญหลงบอก
“ชั้นไปดูมาแล้ว เห็นแต่น้าชาตินอนผึ่งพุงอยู่คนเดียว” เอื้อยว่า
“แปลกจัง พักนี้ขนุนชอบหายไปบ่อยๆ หรือว่าขนุนจะแอบมีแฟน” พริมครุ่นคิด
“ก็เป็นไปได้นะ อยากรู้จังว่าเป็นใคร”
“ถ้ามีแฟนนะจะฟ้องน้าชาติ ฟ้องน้าอร”
“อ้าว ฟ้องทำไม มีแฟนไม่ดีตรงไหน” เอื้อยทักท้วง
“เสียเวลา เสียอนาคต พวกผู้ชายไม่มีดีหรอก พี่เอื้อยนี่ดีนะอยู่เป็นโสด ไม่มีคนมาจีบให้รำคาญใจ”
เอื้อยทำตาปะหลับปะเหลือก
บุญหลงอยากลองถามหยั่งเชิง
“แล้วถ้ามีผู้ชายดีๆ ล่ะ พริมจะชอบรึเปล่า”
“ไม่ชอบ เพราะดีก็ดีไม่จริง ดีตอนแรกเลวตอนหลัง”
บุญหลงแอบยังหวังอยู่
แคนเอ่ยขึ้น “เฮ้ย ไอ้เด่น ถ้าผู้หญิงเค้าคิดอย่างนี้กันทั้งประเทศ เราคงต้องหันมาชอบผู้ชายกันเองแล้วว่ะ”
“เอางั้นเลยเหรอวะ”
“เอางั้นดิ ไหนลองมาดิ๊”
แคนทำท่าจะจุ๊บ เด่นเอามือยันไว้
“ไอ้แคน ไอ้บ้า”
ขนุนร้อง รำ ให้ชาวลิเกดู เพชร มาดูตัวด้วย ร้องดี แต่รำยังดูเก้ๆ กังๆ
“ฉันเป็นลิเกน้องใหม่ ฝากตัวหัวใจไว้ด้วย
แม้หน้าตาไม่สะสวย แต่ฉันก็รวยเสน่ห์
ร้องพอได้รำพอได้ มีสไตล์แสนเก๋...”
สำเริงฟังคิ้วขมวด ขนุนมองลุ้นว่าโต้โผลิเกจะยังไง
“หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ ร้อง รำ ก็ไม่เลวร้ายนัก”
ขนุน รักษ์ ยิ้มแต้
“แต่ชั้นไม่รับ”
รักษ์ กะ ขนุน ร้อง “อ้าว”
“ชั้นไม่อยากมีเรื่องกับแม่อร ขนุน กลับไปเถอะ”
“น้าเริง ชั้นรับรอง ชั้นจะระวังไม่ให้เกิดเรื่องเด็ดขาดจ้ะ” ขนุนบอก
“ถ้าไม่ใช่ขนุน เราก็ไม่มีใครแล้วนะพี่เริง ถ้าจะให้จริยาเล่นเป็นางเอก เราก็คงต้องเล่นเรื่องอุทัยเทวีไปตลอด”
จริยายัวะ “ชั้นเป็นคน ไม่ใช่คางคก”
“รับเถอะนะน้าเริง ชั้นจะคอยดูแลใกล้ชิด พวกค่ายมวยไม่รู้หรอกจ้ะ” รักษ์คะยั้นคะยอ
เพชรอาสา “ชั้นจะช่วยดูให้ด้วยอีกแรง มาซ้อมพร้อมกันกลับพร้อมกันจะช่วยแอบให้”
สำเริงหน้าเครียด
“ก็ไม่มีใครแล้วนี่ เอาก็เอาวะ แต่อย่าให้เกิดเรื่องละกัน”
“เย้”
รักษ์กับขนุนร้องลั่น เผลอจับมือกันอย่างดีใจ พอรู้ตัวก็รีบปล่อย
ตรงลานหน้าบ้านพักชาวลิเก สำเริงแจกจ่ายบทให้ทุกคนจนครบ
“รักษ์ แกเป็นพี่ชายพระเอก มาตามพระเอกกลับบ้านตามคำสั่งของพ่อ ขนุนเธอเป็นนางเอกที่พ่อพระเอกเตรียมไว้ให้แต่งงานด้วย”
ลูกดอกดูบท “ชั้นเป็นเสนาตามพี่เพชร”
แฉะดูบทตัวเอง “ชั้นเป็นเสนาตามรักษ์”
จริยาดูบท “ชั้นเป็นพี่เลี้ยงนางเอก”
“ส่วนชั้นเป็นพระฤาษีที่พระเอกมาฝากตัวเรียนกระบี่กระบองด้วย”
“นี่มันรักสามเส้าใช่มั้ยน้าเริง พี่ชายพระเอกรักนางเอกอยู่ก่อน แต่นางเอกต้องไปแต่งงานกับพระเอก” รักษ์ถาม
“เออ ทำนองนั้น เอ้า เริ่มจากฉากป่า พระเอกฝึกวิชากับพระฤาษี”
เวลาผ่านไป ชาวลิเกซ้อมมาถึงฉากรักษ์มาเจรจากับพระฤาษี ที่สำเริงเล่น และมีแฉะตามรักษ์ เพชรอยู่ตรงกลาง ลูกดอกอยู่ข้างเพชร คนอื่นๆ นั่งดู
เพชรเจอนางเอกที่ขนุนเล่น แต่ขนุนรำไม่สวย รักษ์จับสอนให้ จริยาขัดใจเลยรำให้ดูขนุนรำตาม
กว่าจะซ้อมเสร็จก็เย็น เพชรกับขนุนค่อยๆ ย่องจะเข้าไปในค่ายมวย เพชรนำหน้าดูลาดเลา
“ไม่มีใครอยู่ เข้าไปเลย”
ขนุนวิ่งปรู๊ดเข้าไปทางห้องพัก แต่แล้วก็ต้องเบรกเอี๊ยดแล้วไปหลบที่มุมหนึ่ง
เพราะ พริม บุญหลง เอื้อยเดินสวนออกมา
“กลับมาแล้วเหรอ” พริมถาม
“ยังมั้ง” เพชรว่า
พริมฉุน “กวนประสาท”
“ก็เห็นอยู่ว่ากลับมาแล้วยังจะถามอีก”
เพชรพยายามส่งสัญญาณให้ขนุนวิ่งไปเลย
ขนุนกำลังจะออกวิ่ง แต่พริมสงสัยว่าเพชรทำอะไรเลยหันไปดู ขนุนรีบหลบกลับเข้ามุมเดิม
“ทำอะไร”
“เปล๊า”
“เห็นขนุนมั้ย”
“เห็น”
“อยู่ไหน”
เพชรบอกว่า “อยู่บนต้น...”
“อยากจะโดนใช่มั้ย”
“โดนไรอ่ะ น่าสนป๊ะล่ะ น่าสนก็น่าลอง”
พริมเข้าชก เตะ ต่อย เพชรหลายหมัด แต่เพชรหลบได้คล่องแคล่วว่องไว ขนุนได้จังหวะที่คนไม่สนใจ วิ่งปรู๊ดหายไป
เพชรเห็นจากหางตาว่าขนุนวิ่งไปแล้ว ก็ฉากหลบหนีห่างออกมา
“พอแล้ว พอแล้ว ขนุนเหรอ ไม่เห็นอ่ะ”
เพชรมองให้แน่ใจว่าขนุนไปแล้ว
พริม เอื้อย และบุญหลงสงสัย หันมองตามเพชร แต่ไม่เห็นใครแล้ว
“มองอะไรของแกเนี่ย” เอื้อยสงสัย
เพชรยียวนร้องเป็นเพลง “มอง... เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง”
เอื้อยเขินโดนเด็กจีบตาหลอดๆ “ทำไมพักนี้มีแต่คนจีบนะ”
“อะไรนะพี่เอื้อย”
“อ๋อเปล่าๆ” เอื้อยบอกกับเพชรว่า “ถ้าเจอขนุนก็บอกด้วยละกันว่าเราตามหาอยู่”
“คราบพี่เอื้องดาวสุดสวย สวยสุด”
บุญหลงสั่ง “ไปเตรียมตัวได้แล้ว เรากำลังจะออกไปวิ่ง”
“คร้าบผม”
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 6 (ต่อ)
เพชร พริม ขนุน บุญหลง เด่น แคน และนักมวยอื่นๆ วิ่งกันเป็นขบวน ท่ามกลางวิวสวย พระอาทิตย์ยามเย็น
เพชรวิ่งคู่ขนุน ทั้ง 2 ดูสนิทสนมกันมากขึ้น พริมวิ่งคู่บุญหลง พริมแอบเหล่เพชร หมั่นไส้ ส่วนเด่น แคน วิ่งไปหยอกกันไป ไล่เตะ ไล่ตบหัวกัน
อรชรทำบัญชีอยู่ที่โต๊ะในส่วนสำนักงาน สำเริงเข้ามาหา อรชรเงยมองแว่บเดียว
“มาทำไม”
“มาซื้อดอกไม้”
อรชรงง “ดอกอะไร”
“ดอกจำปี”
อรชรโมโห “ไม่มี”
“ดอกจำปา”
อรชรฉุน “บ้ารึเปล่า”
“ผิดแล้ว แม่อรต้องตอบว่า...ไม่มา”
“ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ”
“แหม หยอกนิดหยอกหน่อยทำเป็นโกรธ สมัยก่อนเราก็หยอกกันออกบ่อย แม่อรก็ชอบไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ชั้นเปลี่ยนเป็นคนละคนแล้ว”
“แต่ชั้นยังไม่เปลี่ยนนะ ยังเป็นสำเริงคนเดิม หัวใจเดิม”
อรชรเขินๆ แต่เก็บอาการ
“มีธุระอะไร”
“ชั้นจะมาฝากให้ช่วยดูเพชรมันหน่อย เห็นว่ามันต้องขึ้นชกก่อนมาเล่นลิเก หน้าตามันจะแหกเอา”
“ไม่ต้องห่วง”
“ขอบใจนะ”
“ยังไงก็แหกอยู่แล้ว”
“อ้าว”
“ไม่มีนักมวยมี่ไหนมาห่วงเรื่องความสวยความงามหรอก”
“แต่เพชรมันเป็นพระเอกลิเกด้วยนะ ช่วยห่วงหน่อยเถอะ ให้ใส่นวมที่หน้าได้มั้ย”
“ขืนใส่ไปคนก็หัวเราะเยาะตาย”
“แล้วจะให้ทำยังไง วันรุ่งขึ้นมันต้องมาเล่นลิเกนะ”
“ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือเพชรแล้วล่ะ”
วิ่งเสร็จ พริมขี่รถเครื่อง มีเพชรซ้อนท้าย จอดที่ข้างลานวัด
“ทำไมต้องมาซ้อมที่วัดด้วยอะ”
“อย่าถามมากได้มั้ย ให้ทำอะไรก็ทำเถอะ”
พริมเดินนำไปที่ลาน เพชรเดินตาม
“เข้าวัดยังได้ไปทำบุญ แต่เข้าไปในใจคุณจะให้ทำยังไง ฮิ้ว...”
“อย่าทะลึ่ง ที่ให้มาซ้อมในวัดนี่ก็เพื่อจะได้สงบสติอารมณ์”
“ทำไมต้องสงบสติอารมณ์ด้วย ทุกทีชั้นก็ตั้งใจดีนี่”
พริมมองเพชรบอกอย่างจริงจัง
“วันนี้ชั้นจะสอนไหว้ครู”
เวลาผ่านไป พริมกำลังสอนเพชรไหว้ครู เริ่มจากท่ากราบ กรอบพระธรณี เพชรทำตามที่พริมอธิบายเป็นฉากๆ
“การไหว้ครู เป็นการแสดงความเคารพต่อครูบาอาจารย์ พ่อ-แม่ แล้วก็ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองเราตอนชกมวย”
พริมทำท่าปฐม ต่อด้วยท่าพรหม เพชรจดจำทำตาม ต่อด้วยท่าสอดสร้อยมาลาหรือสาวน้อยประแป้ง
“แล้วก็เป็นการยืดเส้นยืดสาย เตรียมร่างกายให้พร้อมต่อสู้”
จนเมื่อเสร็จท่านั่ง พริมต่อด้วยท่ายืน ย่างสามขุมทิศเบื้องขวา ท่านกยูงรำแพน ถัดมาย่างทิศเบื้องซ้าย ท่าหงส์เหิน ย่างทิศเบื้องหลัง ท่าดูดัสกร พระรามแผลงศร และท่าอื่นใดๆ ครบครัน
“การรำให้ครบทุกทิศก็เพื่อดูว่าพวกของเราอยู่ไหน และพวกศัตรูอยู่ไหน ทางหนีทีไล่เป็นยังไง การเดินไปทั่วเวทีก็เพื่อสำรวจพื้นที่ในการต่อสู้ ท่ารำบางท่าเพื่อใช้เรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองฮึกเหิม บางท่าใช้ข่มขวัญคู่ต่อสู้”
เพชรลงท้ายด้วยการไหว้
ฝ่ายขนุนเดินมาถึงหน้าบ้านลิเก เผอิญเห็นรักษ์ยืนคุยกับชายคนหนึ่งใส่ชุดดำ แว่นดำ ท่าทางลับๆ ล่อๆมีรถเก๋งหรูจอดรออยู่ข้างๆ
รักษ์มีอาการไม่สบายใจ แล้วไล่ให้ชายชุดดำพวกนั้นกลับไป ชายชุดดำมีท่าทางนอบน้อมแล้วกลับขึ้นรถ สักครู่รถก็แล่นออกไป รักษ์มองซ้ายมองขวากำลังจะกลับเข้าบ้าน
เสียงขนุนเรียกขึ้น “พี่รักษ์”
รักษ์ชะงักตกใจ
“พี่รักษ์คุยกับใคร”
“เอ่อ คนแถวบ้าน เอ่อ...เค้ามาบอกว่า พ่อป่วย”
“เป็นอะไรมากป่าวพี่”
“คงไม่เป็นมากหรอก โรคคนแก่น่ะ สองสามวันนี้ว่าจะกลับไปเยี่ยม อ้าว แล้วเพชรไม่มาด้วยเหรอ”
“วันนี้พี่เพชรไปซ้อมไหว้ครูกับพี่พริมที่วัด เดี๋ยวคงตามมา”
รักษ์กับขนุนเดินเข้าบ้านไป
รักษ์ไม่วายหันกลับมาชะเง้อดูข้างหลังให้แน่ใจว่าพวกลูกน้องพ่อไปแล้ว
ฟากเพชรตั้งใจซ้อมรำไหว้ครูอยู่ที่ลานวัด โดยมีพริมนั่งดู
“แข็งแรงหน่อย”
ถึงท่ายืนที่เพชรต้องยืนเขย่งขาข้างเดียว เพชรเซๆ
“ถ้าแค่นี้ยังทรงตัวไม่ได้ มวยก็ไม่ต้องไปต่อยแล้ว”
พริมเข้าไปเดินดูรอบๆ เพชร
“ไหน ยืนขาเดียวให้ดูซิ”
เพชรยืนขาเดียว เซเล็กๆ
“อย่าล้มนะ”
เพชรยืนขาเดียวได้นิ่ง
“ดี แล้วลองย่างซิ”
เพชรจะก้าวย่าง ดันเซเสียหลักจะล้ม
“เฮ้ย”
พริมรับเพชรไว้ ทั้งสองประสานตากันในระยะใกล้ชิด
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 6 (ต่อ)
เสียงหลวงพ่อดังขึ้น
“ทำอะไรกันน่ะ”
สองคนหันไป เห็น หลวงพ่อ น้อย กล้า เอี้ยง เดินเข้ามา กล้าอุ้มบาตรน้ำมนต์มาด้วย พริมตกใจรีบผลักเพชรออก
“ไอ้เพชรน่ะสิหลวงพ่อ แค่ให้ไหว้ครูมวยยังทำไม่ได้ ล้มมาใส่ชั้น” พริมว่า
“ก็มันมีแต่ท่ายากๆ ทั้งนั้นนี่หลวงพ่อ” เพชรบอก
“ไอ้เพชร เอ็งก็รำลิเกมาตั้งแต่เด็ก กะอิแค่รำมวยไม่น่ายากสำหรับเอ็งนะ” ตาน้อยว่า
“รำลิเกมันไม่มีท่ายืนขาเดียวนี่ตาน้อย”
“หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้พี่เพชรสิจ๊ะ พี่เพชรจะได้เก่งเร็วๆ” เอี้ยงเสนอ
“เออ จริงของเอ็ง มาใกล้ๆ ซิ”
หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้เพชรที่พนมมือรับอย่างจริงจัง
“ขอให้ศิริมงคลจงอยู่กับเอ็งนะ ถ้าตั้งใจดีแล้วก็ขอให้ได้ดีมีชัย”
“สาธุ”
“แล้วนี่หลวงพ่อกำลังจะไหนกัน ถึงต้องอุ้มบาตรน้ำมนต์ไปด้วย” พริมถาม
“จะเอาไปไล่ผีที่ศาลาหลังวัด มาด้วยกันสิ ไปกันหลายๆ คนผีมันจะได้กลัว” กล้าบอก
ทุกคนเดินตามกันเข้ามา กล้าเล่าเรื่องผีที่เจอให้เพชรฟัง
“หา ผีร้องเพลงแล้วก็ร้องลิเกด้วยเหรอ” เพชรอย่างทึ่ง
“วันแรกมันร้องเพลง วันต่อมามันถึงร้องลิเก ทุกคนได้ยินกันหมดเลย” กล้าเล่า
เพชรพอจะนึกออกว่าต้องเป็นรักษ์กับขนุนแน่ๆ
“อ๋อออ... ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“ขำอะไรวะไอ้เพชร” ตาน้อยแปลกใจ
“ชั้นขำที่แม้จะตายกลายเป็นผี แต่ก็ยังมีอารมณ์ร้องลิเก มานี่ เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
เพชรเอาบาตรน้ำมนต์ไปจากกล้า แล้วเดินเข้าไปในศาลา
“เฮ้ยๆๆ ไอ้เพชร เอ็งไม่กลัวผีรึไงวะ”
“ชั้นเป็นลิเก ผีก็เป็นลิเก เราคุยกันรู้เรื่องจ้ะ”
เพชรรดน้ำมนต์ไปทั่วๆศาลา
“พี่ผีจ๋า อย่ามาหลอกมาหลอนกันอีกเลยนะจ๊ะ ไปที่ชอบที่ชอบเถอะนะ เพี้ยงเสร็จแล้ว ผีไม่มาแล้ว”
“เพชร! นี่อย่าทำเป็นเล่นนะ” พริมท้วง
“ไม่ได้ทำเป็นเล่น ชั้นทำจริงๆ ไม่เชื่อคอยดู ต่อไปนี้จะไม่มีผีมาร้องเพลงร้องลิเกอีกต่อไปแล้ว”
เอี้ยงร้องลั่น “จ๊ากกก ผีอยู่ข้างหลัง” พลางชี้ไปข้างหลังเพชร
“เฮ้ย ไหนวะๆ”
เพชรหนีออกมา คนอื่นตกใจไปด้วย
“ไม่เห็นมีเลยไอ้เอี้ยง”
“ชั้นแค่จะลองดูว่าพี่เพชรกลัวผีรึเปล่า”
เพชรเบิ้ดกะโหลกเอี้ยงไปทีหนึ่ง
ซ้อมไหว้ครูเสร็จ พริมขี่รถเครื่องมาส่งเพชรที่หน้าบ้าน
“ขอบใจนะ”
“เพชร ขอเข้าห้องน้ำหน่อยสิ”
“ได้สิ”
พริมกำลังตั้งขารถจอด
เพชรตาเหลือก นึกได้ พึมพำ “เฮ้ย ไม่ได้ ขนุนอยู่นี่หว่า” รีบบอกกับพริม “พริมๆๆ ไม่ได้ ห้ามเข้า”
“แค่เข้าห้องน้ำ ทำไมต้องหวงด้วย”
“ไม่ได้หวง แต่ห้องน้ำบ้านชั้นมันสกปรก”
“ไม่เป็นไร ชั้นไม่ได้เป็นคุณหนูอนามัยขนาดนั้น”
พริมจะเข้าบ้านเพชรให้ได้ เพชรขวางไม่ยอม
“อะไรอีกล่ะ จะราดแล้วเนี่ย”
“ส้วมมันเต็ม มันตัน มันเอ่อท่วมล้นขึ้นมา เศษสิ่งปฏิกูลลอยฟ่อง น้ำเจิ่งนอง”
“พอๆๆ จากปวดฉี่ จะเปลี่ยนมาเป็นคลื่นไส้แล้ว ไม่เข้าก็ได้”
พริมขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ขี่ออกไป เพชรถอนใจโล่งอก รีบเข้าบ้านไป
เย็นลงทุกคนกำลังซ้อมอย่างตั้งใจอยู่ตรงลานบ้าน มีตั่งตัวหนึ่ง เพชรวิ่งเข้ามาสมทบ
“มาแล้วจ้า ขอโทษด้วยที่มาสาย วันนี้ซ้อมหนักเลย”
“เออมาก็ดีแล้ว ทุกคนจำบทได้หมดแล้วใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวซ้อมทวนฉากรักษ์มาตามเพชรอีกที”
สำเริงเป็นฤาษีไปที่ตั่ง
เพชร ลูกดอก นั่งข้างตั่ง รักษ์กับแฉะยืนอีกฝั่งหนึ่ง
รักษ์ร้องบทเจรจา “พระฤาษีได้โปรดอนุญาตให้เจ้าชายเพชรแท้กลับเมืองไปกับข้าด้วยเถิด ข้าเองก็มาตามคำสั่งของพระบิดา ไม่ได้อยากจะมามีเรื่องกับใคร”
สำเริงในบทฤาษีร้องบทเจรจาตอบ “เห็นทีจะไม่ได้ เพราะเจ้าชายเพชรแท้ยังเรียนวิชาไม่ครบกระบวน ถ้าหยุดกลางครันจะเป็นอันตรายต่อตัวเจ้าชายเพชรแท้เอง”
“แต่เจ้าชายเพชรต้องกลับไปอภิเษกสมรสเจ้าหญิงจินตรา ถ้าไม่เช่นนนั้นก็อาจเกิดศึกระหว่างเมืองได้ ถ้าพระฤาษีไม่อนุญาต เห็นทีข้าจำเป็นต้องใช้กำลัง”
“เห็นว่าข้าแก่ล่ะสิถึงได้พูดอย่างนี้ ได้ อยากรู้เหมือนกันว่าคนหนุ่มฝีมือเป็นจะยังไง”
“อย่าเลยพระเจ้าตา อย่าเลยท่านพี่”
สำเริงใช้ไม้เท้าสู้กับรักษ์ที่ใช้ดาบ ชาวคณะซ้อมลิเกกันต่อไปอย่างมุ่งมั่น
อยู่มาวันหนึ่งนักมวยคนอื่นซ้อมกันอยู่ล่างเวที ส่วนบนเวทีบุญหลงใส่ที่ล่อเป้าชก พริมสอนเพชรให้ชกให้ถูกวิธีเพชรยัง ชกผิดองศา พริมต้องจับท่าให้ สองคนใกล้ชิดกัน บุญหลงหวง แต่ได้แต่เก็บไว้ในใจ
อรชรเดินมาดูการฝึกซ้อม
พอตกเย็น เพชรสตาร์ตรถเครื่องไว้ มองหาขนุน จนขนุนค่อยๆ ย่องออกมา มองซ้ายมองขวาเห็นทางสะดวกก็รีบวิ่งมาซ้อนท้าย เพชรออกรถไป
เมื่อมาถึงลานบ้านลิเก สองคน ซ้อม ร้อง เล่น กับทีมงานครบทีม เพชร รักษ์ ขนุน แฉะ ลูกดอก และ จริยา เริ่มด้วยฉากเพชรกับขนุนพลอดรักกัน แล้วรักษ์แอบมาเห็น เสียใจ
มาถึงฉากแฉะกับลูกดอก รุมจีบจริยา ดึงทึ้งจริยาไปมา พอแฉะกับลูกดอกจะต่อยกัน ก็ผลักจริยากระเด็นไป โดยทั้งหมดนี้สำเริงเป็นผู้กำกับ
อีกวันหนึ่ง เพชรขี่รถเครื่อง มีขนุนซ้อนท้ายมาจอดข้างๆ ค่าย เพชรดูลาดเลาให้ว่าไม่มีคน ขนุนก็วิ่งจู๊ดเข้าไป
วันนี้นักมวยคนอื่นๆ ซ้อมอยู่ด้านล่างเวที บุญหลงใส่ที่ล่อเป้า เพชรชกดีขึ้น ทะมัดทะแมงขึ้นกว่าเมื่อวาน พริมเริ่มสอนเตะ เพชรตั้งใจซ้อมมาก บุญหลงยังหวงอย่างเก่า
ตกตอนกลางคืน เพชรนอนไม่หลับ ถือดัมเบลเล็กๆ ซ้อมชกลมอยู่คนเดียว บุญหลงเข้ามาหา
“เคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่ากลางคืนมันเป็นเวลานอน ไม่ใช่เวลาซ้อม”
“ชั้นนอนไม่หลับ”
“นอนไม่หลับก็ยิ่งต้องนอน พรุ่งนี้จะขึ้นชกแล้ว ถ้าไม่หลับตอนนี้แกได้ไปหลับบนเวทีแน่”
เพชรไปนั่ง
“พรุ่งนี้ชั้นจะขึ้นชกไฟท์แรกในชีวิต ตื่นเต้นยังไงไม่รู้ ไฟท์แรกของแกเป็นยังไงวะไอ้หลง”
“ไฟท์แรกของชั้น ชั้นจำไม่ได้หรอก แต่หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าคืนนึงหลวงพ่อนอนอยู่ ก็ได้ยินเสียงหมามันเห่าอะไรไม่รู้อยู่แถวโบสถ์ พอออกไปดู ก็เห็นเด็กตัวกะเปี๊ยกคนนึง กำลังกัดกับหมาแย่งขนมกันอยู่” บุญหลงหัวเราะขื่นๆ
“เด็กคนนั้นก็คือแก”
“อือ คนที่เอาชั้นมาทิ้งไว้ที่โบสถ์ วางข้าวเหนียวหน้ากุ้งไว้ด้วยห่อนึง หมามันคงจะหิว แต่ชั้นคงหิวกว่า” บุญหลงหัวเราะอย่างขมขื่น
“ไฟท์แรกของแกกับของชั้นมันไม่ต่างกันเลยว่ะ แกสู้เพราะหิว ชั้นก็สู้เพราะที่บ้านกำลังจะอดตายเหมือนกัน”
“นักมวยที่นี่ ส่วนมากก็มาเพราะท้องหิวเหมือนกันหมดแหละ ยอมเจ็บตัวเพื่อจะได้มีกิน ถ้าไม่เจ็บตัวก็อดตาย”
“แต่แกอยู่กับหลวงพ่อเป็นเด็กวัดก็ดีแล้วนี่ จะมาเป็นนักมวยทำไม”
“เด็กวัดกับนักมวย ศักดิ์ศรีมันต่างกัน”
เพชรคิดตาม
“ไปนอนได้แล้วไป”
บุญหลงลุกเดินเข้าห้องนอนไป
เพชรพึมพำกับตัวเอง “ศักดิ์ศรี”
อ่านต่อหน้า 3