xs
xsm
sm
md
lg

แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 6
ปราณนต์เดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วก็นึกได้ว่าลืมผ้าเช็ดตัวจึงเดินออกไปอีกที ขณะที่กำลังเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเขาก็ได้ยินเปรี้ยวคุยกับปุ้ม

เสียงเปรี้ยวดังขึ้น “เป็นคนดีหรือเปล่า ? บอกตามตรงนะ ป้าหล่ะเป็นห๊วง เป็นห่วง กลัวจะมาหลอกตาณนต์”
ปราณนต์ชะงักกึกแล้วเงี่ยหูฟัง
เปรี้ยวยังคงเม้าต่อ
“ฉันยังจำได้เลย ตอนที่โดนยัยรุ้งทิ้ง ตาณนต์เสียใจอยู่ตั้งหลายเดือน แล้วนี่ถ้าไปช้ง ไปแชท กับผู้หญิงจริงๆ จะเชื่อใจได้ยังไงว่าเค้าจะไม่มาหลอก มาทำให้รัก แล้วก็ทิ้งไปอีกคน”
ปราณนต์เดินเข้าห้องน้ำไปแบบอึ้งๆ
ปราณนต์เดินเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะกดเข้าไลน์ดูห้องสนทนาระหว่าปราณนต์กับแอบรัก มีข้อความ "แอบรัก ออกจากการสนทนา" และรูปโพรไฟล์เป็นคำว่า "ห้องว่าง"
“นี่คุณทิ้งผมไปจริงๆเหรอ... คุณแอบรัก”
ปราณนต์ได้แต่ถอนหายใจอย่างเศร้าๆ


ปราณนต์ขี่จักรยานในเมืองใหญ่ที่ผู้คนมากมายแต่กลับรู้สึกเหงา ปราณนต์ขี่จักรยานมาจอดที่ร้านกาแฟ เขาลงมาซื้อกาแฟที่เป็นลาเต้อาร์ตลวดลายน่ารัก ปราณนต์ยิ้มๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป จะส่งให้แอบรักแต่เขาก็ต้องชะงักกึกเพราะที่หน้าจอไลน์แอบรักได้ทิ้งเขาไปแล้ว
ปราณนต์เศร้าทำให้พาลนึกถึงอดีต
เหตุการณ์ในอดีต ปราณนต์ถ่ายรูปกาแฟลาเต้อาร์ตส่งให้แอบรัก
"อรุณสวัสดิ์ครับ...เสิร์ฟกาแฟร้อนๆตอนเช้า" ข้อความที่ปราณนต์พิมพ์ต่อจากภาพ
ปราณนต์กดส่งแล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม
เสียงข้อความเข้า ตึ๊ง ปราณนต์รีบกดดู
แอบรักส่งรูปกระดาษทิชชูมาให้ พร้อมกับตัวหนังสือ
"เอาไว้เช็ดฟองนมที่ริมฝีปากค่ะ ^^”
ปราณนต์อ่านแล้วรีบหันไปดูกระจกที่ผนังร้านก็เห็นว่ามีฟองนมติดที่ริมฝีปากของเขาจริงๆ ปราณนต์หัวเราะ
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณนต์ถือแก้วกาแฟมือหนึ่ง ถือโทรศัพท์อีกมือหนึ่ง ที่หน้าจอไม่มีแอบรักแล้ว ปราณนต์ถอนหายใจเศร้าๆ แล้วก็เดินออกจากร้านไปโดยไม่ได้ส่งรูปไปให้ใคร


ปราณนต์ขี่จักรยานไปเรื่อยๆ แล้วก็เห็นเด็กหลับบนรถมอเตอร์ไซด์ เขานึกถึงตอนที่เคยส่งไปหาแอบรัก
เหตุการณ์ในอดีต ปราณนต์ถ่ายรูปเด็กหลับแล้วส่งให้แอบรัก
"มีคนยังไม่อยากตื่น"
เสียงข้อความเข้าดัง ตึ๊ง ปราณนต์กดดู
หน้าจอเป็นรูปกาแฟกระป๋องกาแฟวางอยู่ข้างๆยาม และตัวหนังสือ
"มีคนยังไม่อยากหลับ :P”
ปราณนต์หัวเราะ
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณนต์นิ่ง เศร้า เพราะคิดถึงและเหงา แล้วเขาก็ขี่จักรยานต่อไป


ปราณนต์ขี่จักรยานมาตามทางโดยมุ่งหน้าไปทำงาน มีข้อความภาพความทรงจำและความเคยชินระหว่างปราณนต์กับแอบรักผุดขึ้นมาตามรายทางเหมือนจะตามมาย้ำเตือนถึงอดีตที่เคยทำให้เขารู้สึกดี
ปราณนต์ : เช้าวันนี้ฟ้ามัวซัวมาก ไม่มีแสงแดดเลย
แอบรัก : ท้องฟ้า “ไม่มีแสงแดด” ... แต่ฟ้ายังคง “สว่าง” ก็น่าจะพอ ^^
ปราณนต์ในวันนั้นอ่านแล้วก็ยิ้ม
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณนต์เศร้าเพราะคิดถึงแอบรัก เขาเดินอยู่ที่หน้าตึก คนทำงานแถวนั้นเดินไปมาเพราะกำลังจะเข้างาน บรรยากาศคึกคัก ทันใดนั้นตัวหนังสือที่เคยแชทกับแอบรักก็ลอยเข้ามาในความคิดของเขาอีก
ปราณนต์เดินไปแชทกับแอบรักไป
ปราณนต์ : เราจะไม่เจอกันจริงๆเหรอ
แอบรัก : เจอสิ เราก็เจอกันแบบนี้ทุกวัน
ปราณนต์ : เจอกันตัวเป็นๆ
แอบรัก : คนสมัยนี้ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ในมือถือมากกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตัวเป็นๆ คุยกันแบบนี้ดีแล้ว....ฉันจะได้เป็นคนสำคัญของคุณไงคะ ^^”
ปราณนต์ในปัจจุบันไม่ได้พิมพ์แชท แต่เขาเริ่มสังเกตคนรอบข้าง
ปราณนต์เห็นผู้คนรอบข้างมีทั้งนั่งกับเพื่อน นั่งกับแฟน นั่งกับพ่อแม่แต่ทุกคนก้มหน้าแชทกันอย่างเมามันแบบไม่มีใครสนใจคนที่อยู่ตรงหน้าเลย
ปราณนต์มองแล้วก็เห็นตัวเอง
ปราณนต์พึมพำ "รู้ว่าสำคัญแล้วทำไมถึงหายตัวไป"
ปราณนต์ซึมเพราะเริ่มรู้สึกตัวว่าหลงรักแอบรักเข้าให้แล้ว ปราณนต์มองดูโทรศัพท์มือถือในมืออีกครั้งด้วยความหวังที่ริบหรี่


อวัศยามองโทรศัพท์แล้วก็ครุ่นคิดถึงคำพูดของรันที่ให้เธอไปขอความช่วยเหลือจากปราณนต์เพื่อให้มาแสดงเป็นแฟนของอวัศยาตัวเป็นๆ ไม่เกี่ยวกับแอบรัก"
อวัศยาคิดแล้วก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาเบอร์ปราณนต์ เธอเอานิ้วจ่อจโทรออกแล้วก็ไม่โทร อวัศยากดปิดมือถือเพราะไม่กล้า อวัศยาเครียดเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี
อวัศยาลุกเดินออกไปมองที่โต๊ะทำงานของปราณนต์ที่ยังว่างเปล่าเพราะปราณนต์ยังไม่มาทำงาน พริบพราว ลิลลี่ รุจน์ และพีระก็หายกันไปหมด อวัศยาคิด


พริบพราวนั่งจิบกาแฟ โดยมีแสนดีนั่งหน้าบูดอยู่ตรงข้าม
"ไม่น่าเชื่อ...ณนต์จะไม่รู้จริงเหรอว่า..แอบรักเป็นใคร"
"ค่ะ..เค้าบอกกับพราวแบบนั้น"
“คิดแล้วก็เสียดาย..ไม่น่าพลาดเลยเรื่องโทรศัพท์ นี่ถ้ายัยอาจารย์นะจ๊ะไม่มาขัดจังหวะ ป่านนี้เราอาจจะรู้ไปแล้วก็ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นยัยแอบรัก”
พีระ ลิลลี่ และรุจน์ชงกาแฟและปิ้งขนมปังอยู่ใกล้ๆ
"คราวหน้าไม่พลาดแน่...." แสนดีหันไปทางพีระ ลิลลี่ และรุจน์ "ใช่มั้ยพวกเรา"
พีระ ลิลลี่ และรุจน์ชะงักและมองหน้ากัน
"ใครเป็นพวกเจ๊" รุจน์ถาม
รุจน์ ลิลลี่ และพีระหันมาสมทบ
"ผมคิดแล้ว ผมขอถอนตัวออกจากการตามหา แอบรัก”
จังหวะนั้นอวัศยาเดินผ่านมาพอดีทำให้ได้ยินคำว่า “แอบรัก” เธอชะงักกึกแล้วก็รีบพุ่งมาแอบฟัง รุจน์พูดต่อ
“บอกตรงๆ..โดนทั้งคุณรัน ทั้งคุณศยาห้าม รุจน์ไม่อยากมีปัญหา เพราะฉะนั้นขอบอกว่า...เรื่องนี้...รุจน์จะไม่ยุ่ง”
แสนดีไม่ค่อยชอบใจจึงหันมาหาพวกทางลิลลี่
ลิลลี่รีบบอก "ลิลลี่ก็ไม่อยากสืบแล้ว เอาเวลาที่คอยจับผิด มาจับพอร์ตลูกค้าดีกว่าอีกอย่าง อาจจะมีใครบางคนพยายามทำให้พวกเราสนใจยัยแอบรักจนไม่ได้ทำงาน แล้วตัวเองก็แอบโกยลูกค้าไปหมด"
"นี่..อย่ามาทำเป็นพูดให้ตีความ บอกว่าเลยว่าหมายถึงใคร"
ลิลลี่เหล่มาทางพริบพราว พริบพราวรู้สึกตัวก็ถึงกับสะอึกในใจ
“ก็คนที่อยากเลื่อยขาเก้าอี้ลิลลี่ คนที่รอลิลลี่พลาด แล้วเหยียบหัวขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีม"
พริบพราวสะอึกหนักกว่าเดิม แสนดีเริ่มรู้ตัว อวัศยาแอบฟัง
“พี่ก็ไม่อยากยุ่งนะ อยากทำงานเต็มที่ ไม่อยากเสียแชมป์ยอดขายสูงสุด .. รู้สึกเหมือนมีคนรอเสียบอยู่เหมือนกัน"
"อ้าว!! อะไรกันเนี้ย อยู่ๆจะมาถอดใจกันง่ายแบบนี้ได้ไง"
“พี่แสนดีลุยไปคนเดียวเถอะค่ะ พวกเราขอทำงานดีกว่า !! คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจเห็นหน้าใสๆ แต่ไว้ใจไม่ได้"
พริบพราวทนไม่ได้จึงลุกพรวดขึ้นทันที
“ถ้าจะด่ากันพูดชื่อออกมาเลยก็ได้นะคะ คนไม่ใช่ลูกสนุ๊ก ไม่ต้องพูดกระทบชิ่งไปมา น่ารำคาญ"
พีระ รุจน์ และแสนดีอึ้ง ลิลลี่ปรี๊ดแตก
“ก็ได้ อยากให้ด่าตรงๆก็ได้ นังเด็กไม่มีสัมมาคารวะ มั่นใจในตัวเองจนไม่เห็นหัวคนอื่น เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล"
“น้องลิลลี่...จัดหนักไปนะคะ" รุจน์ว่า
“ก็เค้าอยากให้ด่าตรงๆนี่ ลิลลี่ก็จัดซะเลย และจะบอกให้นะ ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึก..แต่คนอื่นเค้ารู้สึกกันทั้งบริษัท เป็นไง..ตรงพอมั๊ย หรืออยากได้มากกว่านี้ จะได้จัดให้"

ลิลลี่ใส่เป็นชุด พริบพราวถึงกับสะอึกเพราะทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ บรรยากาศเริ่มตึงเครียด อวัศยาแอบฟังแอบดูสุดฤทธิ์ ทันใดนั้นเสียงปราณนต์ก็ดังขึ้น
"พี่ศยา..ทำอะไรครับ”
อวัศยาหันขวับไปหาปราณนต์ ทั้งห้าคนชะงักกึกทันทีที่ได้ยินชื่ออวัศยา แสนดีรีบสะกิดพริบพราวให้ใจเย็นๆ รุจน์กับพีระดึงลิลลี่แยกออกมา อวัศยาอึกๆอักๆ จะตอบปราณนต์
“เอ่อคือ...ฉันยืนอ่าน..” อวัศยายังพูดไม่จบ
ปราณนต์ที่มองเข้าไปในแคนทีนเห็นพริบพราวก็เรียกขึ้นมาทันทีโดยไม่ได้สนใจฟังที่อวัศยาพูดเลย
“พราว”
อวัศยาอ้าปากค้างเพราะยังตอบไม่จบ เธอรู้สึกหน้าแตก
ปราณนต์เดินเข้าไปในแคนทีแล้วส่งขนมให้พริบพราว
“ป้าเปรี้ยวฝากขนมมาให้”
ทุกคนชะงักมองอย่างสนใจใคร่รู้ ลิลลี่หมั่นไส้ อวัศยาสะอึกว่าอะไร ยังไง ทำไมมีฝากของให้กัน
“ทำไม อะไร ยังไง คะน้องณนต์ ทำไมมีขนมของน้องพราวคนเดียว” แสนดีแซว “เอ๊ะๆๆ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“มีครับ” ปราณนต์บอก “คือเมื่อคืนแม่ผมลื่นล้มในห้องน้ำ พราวเป็นคนช่วยวิ่งเต้นติดต่อเรื่องโรงพยาบาล ติดต่อคุณหมอให้ เป็นคุณหมอที่ดีมากๆ และก็ได้ห้องพักวีไอพีด้วย ถ้าไม่ได้พราวช่วย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่จะเป็นยังไง เพราะตอนเกิดเรื่องก็มีแต่พี่สาวกับป้า ไม่มีใครรู้อะไรเลย..ป้าก็เลยฝากขนมมาขอบคุณที่พราวช่วยพวกเราอย่างเต็มที่ .. เต็มที่มากจริงๆ” ปราณนต์ยิ้มให้ “ที่พวกพี่เห็นเราเป็นคู่แข่งกัน แต่ที่จริงผมขอยืนยันว่าพราวเป็นคนมีน้ำใจ ผมเชื่อว่าถ้าพวกพี่ๆเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับผม พราวก็คงพร้อมที่จะช่วยเสมอ” ปราณนต์ยิ้มให้พริบพราว
ลิลลี่ รุจน์ และพีระฟังแล้วก็อึ้งๆ
ปราณนต์มองพริบพราวด้วยความประทับใจ พริบพราวมองตอบรับความรู้สึกดีๆ อวัศยามองสายตาพริบพราวที่มองปราณนต์ และสายตาปราณนต์ที่มองพริบพราวแล้วก็รู้สึกจี๊ด
พริบพราวมองถุงขนมด้วยความปลื้มใจ
“ขอบคุณมาก อย่างน้อย...ขนมถุงนี้ก็ทำให้ฉันเห็นว่า...ในบริษัทนี้ยังมีคนที่คิดกับฉัน “ต่าง” จากคนอื่น”
ปราณนต์งง พริบพราวพูดจบก็เดินออกไปเลย ทุกคนอึ้งกันไปทั้งแคนทีน
ปราณนต์พูดกับรุจน์ “ทำไมพราวพูดแบบนั้น.แล้วคนอื่นๆในบริษัทคิดกับเค้ายังไงเหรอครับ”
ลิลลี่หน้าเสีย รุจน์ พีระ และแสนดีอึกอักและไม่อยากตอบ
อวัศยามองปราณนต์ แล้วก็พริบพราวที่เดินกลับไปทำงานด้วยแววตาครุ่นคิด

อวัศยาเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาด้วยสีหน้าเครียด
ภาพตอนที่ทั้งสองคนมองตากันด้วยความรู้สึกดีๆแว่บเข้ามาในหัวอวัศยา
อวัศยาคิดหนัก ทันใดนั้นก็มีข้อความเด้งเข้ามา อวัศยาตกใจรีบเปิดดูว่าใครส่งมา
อวัศยาเปิดโทรศัพท์ก็เห็นว่าเป็นรูปยายใส่ชุดหนังอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ เก๊กท่าเปรี้ยว โดยคนส่งคือลิปดา อวัศยาตกใจ
"บอส..ทำอะไรกับยายฉันเนี้ย"
ลิปดาส่งข้อความตามมา!
"วันนี้ขอควงสาวหนึ่งวันนะ เหยินน้อย” !!
อวัศยาอ่านแล้วถึงกับกุมขมับ

อรุณนั่งซ้อนท้ายลิปดาแล้วส่งเสียงวู้ เหมือนสาวอเมริกันสุดเปรี้ยวซ้อนมอเตอร์ไซด์หนุ่มดูมีความสุขมากๆ แก๊งค์บิ๊กไบค์ขี่มอเตอร์ไซต์ตามกันมา ลิปดายิ้มเท่ห์ที่ได้ยินเสียงหัวเราะของอรุณ

ลิปดาขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดอย่างเท่ห์ โดยมีอรุณซ้อนท้าย
ลิปดาจอดรถเสร็จ ถอดหมวกกันน็อคอย่างเท่ แล้วหันไปพูดกับอรุณที่นั่งซ้อนท้าย
"ถึงแล้วครับ”
อรุณลงจากรถมอเตอร์ไซต์แล้วถอดหมวกกันน็อค สะบัดผมอย่างเท่
"บอกตรงๆอย่าโกรธกันนะ ถ้าขี่ได้เร็วแค่เมื่อกี๊..วันหลังยายเอง มันไม่สะใจ”
ลิปดาขำ
"โอเคครับ ..เดี๋ยวขากลับ ผมจะซิ่งกว่านี้เพื่อความสะใจของคุณยาย”
“อะเคร”
ลิปดาขำ “เฮ่ออออ..อยากให้หลานมาให้จริงๆ ตกลงคุณยายจะทานอะไรดีครับ”
"เกาหลีแล้วกัน คิดถึงบ้านเกิด” อรุณยิงอีกมุก
อรุณจะเดินนำลิปดาไป แต่เดินไปได้สักพักก็หน้ามืดเซจะล้ม ลิปดารีบเข้าไปประคองอรุณด้วยความตกใจ
“คุณยายระวังครับ”
ลิปดาประคองอรุณไปนั่งในที่ร่มใกล้ๆ
"คุณยายเป็นอะไรครับ”
อรุณหายใจแรงขึ้น “เวียนหัว .. คุณ...ช่วยหยิบยาในกระเป๋าให้ฉันหน่อย”
อรุณปลดกระเป๋าเป้ที่ตัวเองสะพายให้ลิปดา
"ยาซ่อนอยู่ในกระเป๋าซิป”
ลิปดาสะดุดหูคำว่า “ซ่อน” ลิปดาเปิดซิปแล้วหยิบถุงยา เขาเห็นเป็นถุงยาใส่เข็มฉีดยาขนาดเล็ก และขวดยาอินซูลีนสำหรับคนเป็น เบาหวานที่ใช้ฉีดเมื่อขาดน้ำตาล
อรุณจะหยิบถุงยาไปบรรจุยาใส่เข็มฉีดยา เพื่อฉีดอินซูลีนให้ตัวเอง แต่เห็นมือของยายอรุณมือสั่นมาก ลิปดาจับมือยายอรุณเบาๆ
"เดี๋ยวผมทำให้ครับ ..ผมเคยฉีดให้คุณยายผมบ่อยๆ”
ลิปดาจัดการเอาหลอดเข็มฉีดยาเจาะเข้าขวดอินซูลีนเพื่อบรรจุยา แล้วหยิบสำลีในถุง เทแอลกอฮอล์ที่ยายอรุณบรรจุมาในถุงยาครบชุดด้วย แล้วเอาสำลีชุปแอลกอฮอล์ทาที่แขนอรุณ แล้วฉีดอินซูลินให้ อรุณผ่อนลมหายใจด้วยความรู้สึกอาการหายใจแรงเบาลง
ลิปดามองอรุณแล้วเอ่ยถาม “กลับไปพักที่บ้านไหมครับ”
"ไม่เป็นไร ..แค่เบาหวาน …สักพักก็ดีขึ้น”
อรุณมองลิปดาแล้วพูดเสียงเหนื่อย
“อย่าบอกศยานะ ฉันไม่อยากให้ชีวิตมันเครียดมากไปกว่านี้ แค่เบาหวาน..ยายดูแลตัวเองได้...รับปากยายนะ ว่าจะเก็บเป็นความลับ”
ลิปดาจับมืออรุณอย่างอ่อนโยน แล้วตอบด้วยความจริงใจและจริงจัง
"ครับ..ผมจะเก็บไว้เป็นความลับ”
อรุณมองลิปดาด้วยความประทับใจ ทั้งเรื่องพาเที่ยว ช่วยดูแล และใส่ใจกับสิ่งที่ขอร้องทำให้อรุณรู้สึกดีกับลิปดามากจริงๆ

รันเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ
"เธอเนี่ยนะไม่มีตัวตนในสายตาปราณนต์"
อวัศยาหน้านิ่งคิดและเครียด
อวัศยาพยักหน้า "อื้อ...ฉันเพิ่งรู้ว่า..ที่ผ่านมาที่เราคุยกันมากมาย..เค้าคุยกับ “แอบรัก” เค้าไม่ได้คุยกับ “ฉัน” ในการแชทเราอาจจะดูสนิทกันมาก แต่โลกความเป็นจริง..เค้าไม่ได้แคร์ฉันเลยแม้แต่นิดเดียว"
“นี่..ฉันว่า...เธอเลิกคิดเล็กคิดน้อย เลิกอ่อนไหว ไม่เข้าท่า แล้วหาทางแก้ปัญหาเรื่องแฟนกำมะลอจะดีกว่า..ตกลงคุยกับปราณนต์หรือยัง เค้ายอมมาเล่นละครให้เธอหรือเปล่า"
“ยังไม่ได้คุย...”
“อ้าว..แล้วจะคุยเมื่อไหร่ ? นี่มันจะหมดวันแล้วนะ ถ้าวันนี้หล่อนยังพาแฟนไปหายายไม่ได้ แผนแตกแน่ !! เลิกหึงแอบรักกับปราณนต์แล้วรีบจัดการเรื่องนี้"
“ฉันไม่ได้หึงแอบรัก"
“แต่น้ำเสียงหล่อนทั้งหึง ทั้งหวงเลย..ถ้าเธอไม่ได้หึงแอบรัก แล้วหึงใคร" รันถาม
อวัศยาชะงักเพราะคิดถึงพราว
ภาพตอนที่ปราณนต์กับพริบพราวมองหน้ากันในแคนทีนแวบขึ้นมาในหัวอวัศยา
อวัศยาหน้าแดงจี๊ดแต่ยังปากแข็ง
“ฉันไม่ได้หึงใครทั้งนั้น .. ฉันแค่ “เสียดาย” เสียดายความรู้สึกดีๆตอนที่เราคุยกัน ตอนที่ฉันเป็นแอบรัก"
อวัศยานึกถึงตอนที่แชทคุยกับปราณนต์

เหตุการณ์ในอดีต เป็นยามเช้าที่อวัศยากำลังดื่มกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้อง เสียงข้อความเข้า อวัศยารีบเปิดอ่าน หน้าจอเป็นรูปกาแฟที่ปราณนต์ส่งมาพร้อมข้อความ
อวัศยายิ้มและคิดก่อนจะหันไปหยิบกระดาษทิชชูมาถ่ายและส่งไป
"เอาไว้เช็ดฟองนมที่ริมฝีปากค่ะ ^^”
อวัศยาเดินลงมาจากคอนโดโดยกำลังเดินผ่านป้อมยาม ข้อความเข้ามาอีก อวัศยารีบกดอ่าน
เห็นที่หน้าจอปราณนต์ถ่ายรูปเด็กหลับแล้วส่งมาให้
"มีคนยังไม่อยากตื่น"
อวัศยายิ้ม เธอเห็นกาแฟกระป๋องวางอยู่ข้างๆยามจึงถ่ายรูปแล้วส่งกลับไป
"มีคนยังไม่อยากหลับ"
วันต่อมา อวัศยาขับรถแต่บนถนนรถติดมาก ข้อความจากปราณนต์เข้ามา
"เช้าวันนี้ฟ้ามัวซัวมาก ไม่มีแสงแดดเลย"
อวัศยาพิมพ์กลับไปในนามแอบรัก
ท้องฟ้า “ไม่มีแสงแดด” ... แต่ฟ้ายังคง “สว่าง” ก็น่าจะพอ ^^
วันต่อมา อวัศยาเดินอยู่หน้าบริษัท เสียงข้อความจากปราณนต์เข้า อวัศยารีบกดรับ
"เราจะไม่เจอกันจริงๆเหรอ ?”
อวัศยาพิมพ์กลับไป
"เจอสิ เราก็เจอกันแบบนี้ทุกวัน"
ปราณนต์พิมพ์กลับมา "เจอกันตัวเป็นๆ"
อวัศยาหยุดยืนและมองไปรอบๆ เห็นผู้คนบริเวณนั้นก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือ อวัศยาพิมพ์กลับไป
“คนสมัยนี้ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ในมือถือมากกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตัวเป็นๆ คุยกันแบบนี้ดีแล้ว..ฉันจะได้เป็นคนสำคัญของคุณไงคะ ^^”
อวัศยายิ้มอย่างมีความสุข

เหตุการณ์ปัจจุบัน อวัศยาหน้าเศร้า...
“ตอนที่ฉันเป็นแอบรัก..ฉันมีความสุขจริงๆนะ .. ฉันเสียดายถ้าแอบรักจะถูกปล่อยให้ตายไปจากความทรงจำของปราณนต์”
รันยื่นหน้าเข้ามา
“ถ้าไม่อยากปล่อยให้ตาย ก็ขุดขึ้นมาใหม่สิ ไม่เห็นจะยากเลย .. เธอบอกฉันว่านังพวกปากหอยปากปูมันเลิกขุดคุ้ยเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่เห็นแปลกที่ “แอบรัก” จะรีเทิร์น”
อวัศยาชะงักแล้วก็คิด
รันบิ้วต่อ “ถ้าเธอไม่อยากกลับมาแบบเดิมๆ ก็หาวิธีกลับมาแบบเท่ๆแบบอื่น..โลกทุกวันนี้มีการติดต่อสื่อสารตั้งหลายสิบช่องทาง..มันคงมีสักทางที่ทำให้ “แอบรัก” ได้กลับมาหาปราณนต์”
อวัศยาคิดว่าจะเอายังไงดี รันสรุป
“ถ้ามั่นใจว่า “แอบรัก” เอาอยู่ ก็รีบกลับมาทวงตำแหน่ง ก่อนที่จะโดนชะนีหน้าใหม่เข้ามาเสียบแทน !! ถ้าเป็นแบบนั้น...ทั้ง “อวัศยา” ทั้ง “แอบรัก” ได้กินแห้วคู่แน่ๆ”
รันย้ำ อวัศยาคิดหนัก

พริบพราวเดินพรวดพราดเข้ามาที่มุมหนึ่งของออฟฟิศ ในมือของเธอถือขวดน้ำตาเทียมเล็กๆมาด้วย พริบพราวหาที่นั่งแล้วหยอดน้ำตาเทียมใส่ลูกตาทั้งสองข้าง
น้ำตาพริบพราวไหลลงแก้มทั้งสองข้าง พริบพราวหลับตาพักสายตาในสภาพน้ำตานองแก้ม ปราณนต์เดินมาเห็นพริบพราวแอบนั่งอยู่คนเดียวก็ชะงักเท้า ปราณนต์เพ่งมองเห็นพริบพราวนั่งร้องไห้อยู่ริมหน้าต่าง
ปราณนต์หน้าเสียเพราะเป็นห่วง “เฮ้ย !!”
พริบพราวนั่งหลับตาในภาพน้ำตาเทียมอาบแก้ม ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งพุ่งมาจับมือเธอ พริบพราวสะดุ้งและลืมตาพรึบก็เห็นปราณนต์ยืนหน้าตาตื่นอยู่ตรงหน้า ปราณนต์จับมือพริบพราวแบและยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือของเธอ
“พี่รุจน์เล่าให้ผมฟัง เรื่องที่ลิลลี่ต่อว่าคุณ .. คุณไม่ต้องคิดมากหรอกน่า .. ที่พี่ๆเค้าพูดแบบนั้น เพราะเค้าไม่รู้จักคุณดีพอ.. รีบเช็ดน้ำตาซะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น จะโดนล้อนะ”
“เช็ดน้ำตา” พริบพราวยังงง
ปราณนต์มองซ้ายมองขวาแล้วก็ตัดสินใจเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้พริบพราวเอง “ดูสิ ร้องไห้น้ำตานองหน้า เป็นเด็กๆไปได้ เสียชื่อคุณหนูพริบพราวหมด”
“เอ่อ...” พริบพราวจะอธิบาย
ปราณนต์เช็ดน้ำตาให้พริบพราว พริบพราวงง

อวัศยาเดินออกมาที่แถวๆโต๊ะทำงานปราณนต์แล้วมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นปราณนต์ อวัศยาคิดแล้วออกเดินหา

ปราณนต์เช็ดน้ำตาให้พริบพราวอย่างอ่อนโยนโดยพูดไปเช็ดไป
ปราณนต์ไม่ฟังแล้วยังพูดต่อ “แต่จะว่าไปตอนแรกผมก็เข้าใจผิดเหมือนคนอื่น นึกว่าคุณเป็นคนอย่างที่ลิลลี่พูด แต่พอได้รู้จักคุณมากขึ้น ผมก็เริ่มรู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนแบบนั้น”
“แล้ว..ตอนนี้คุณเห็นฉันเป็นคนยังไง”
พริบพราวรอคำตอบ ปราณนต์ชะงักแล้วก็คิด
อวัศยาเดินมาพอดี
พริบพราวถามต่อ “ว่าไง....ตอนนี้คุณรู้จัดฉันมากขึ้นแล้ว คุณคิดว่าฉันเป็นคนยังไง”
อวัศยาชะงักแล้วรีบหลบวูบเพื่อแอบฟัง
ปราณนต์ตอบ “คุณเป็นคนน่ารัก มีน้ำใจ ไม่มีฟอร์มอย่างที่เห็น ที่เก๊กๆ ทำฟอร์มจัดไปอย่างนั้น จริงๆข้างในไม่มีอะไร”
อวัศยาฟังแล้วก็อึ้งและจี๊ด
พริบพราวยิ้มนิดๆ อย่างรู้สึกดี ปราณนต์ปลอบใจต่อ
“เพราะฉะนั้น...คุณไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องร้องไห้ เพราะคุณไม่ได้เป็นอย่างที่ลิลลี่พูด”
ปราณนต์พูดอย่างจริงใจและอบอุ่น พริบพราวมองแล้วก็หัวเราะพรวดออกมา
“ฮ่าๆๆ”
ปราณนต์งงๆ อวัศยาก็งง
“ขำอะไร ไบโพล่าหรือเปล่าเนี่ย เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้” ปราณนต์ว่า
พริบพราวขำ “ฉันไม่ได้เป็นไบโพล่า แล้วฉันก็ไม่ได้ร้องไห้”
ปราณนต์งง “อ้าว”
“ฉันแค่เคืองตา เพราะใส่บิ๊กอาย ตามันแห้งเลยมาหยอดตา นี่ไง...น้ำตาเทียม” พริบพราวแบมือให้ดู “ฉันไม่ได้ร้องไห้”
“ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง”
ปราณนต์พูดด้วยความรู้สึกว่า “เป็นห่วง” จริงๆ พริบพราวสะอึกนิดๆ ทั้งสองคนมองหน้ากัน อวัศยาที่แอบดูอยู่เริ่มเครียด
“ขอบใจมากที่เป็นห่วง ถึงฉันไม่ได้ร้องไห้จริงๆ แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่า..ถ้าวันไหนฉันร้องไห้จริงๆ...จะมีนายคอยปลอบใจและเช็ดน้ำตาให้ฉัน”
พริบพราวพูดด้วยความจริงใจเพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ปราณนต์ฟังแล้วก็รู้สึกดี

อวัศยาได้ยินเต็มสองหู เธอพยายามอดทนแต่แล้วก็ทนไม่ได้จึงโผล่พรวดเข้ามา
“ว่างเหรอ ฉันจะได้ให้งานเพิ่ม” อวัศยาว่า
ทั้งพริบพราวและปราณนต์สะดุ้งนิดๆ ทั้งสองหันมาทางต้นเสียงก็เห็นอวัศยายืนหน้านิ่ง
“เอ่อ..ไม่ได้ว่างครับ” ปราณนต์บอก
“ไม่ว่าง ก็ไปทำงานสิ มายืนอู้อะไรกันอยู่แถวนี้” อวัศยาว่า
“เราสองคนก็แค่คุยกันนิดหน่อยเอง ไม่ได้จะอู้สักหน่อย ใครๆเค้าก็ต้องมีเวลานอกมาคุยกันทั้งนั้น” พริบพราวบอก
ปราณนต์พยายามจับแขนพริบพราวเพื่อให้หยุด พริบพราวอารมณ์ขึ้นอีกตามเคยโดยขึ้นแล้วลงยาก คนอื่นๆที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามอง
“ใช่ใครๆ เค้าก็คุยกัน แต่ไม่ใช่คุยไปหัวเราะไปดังลั่นทั้งบริษัท ในขณะที่คนอื่นเค้าทำงานกันแบบนี้” อวัศยาเริ่มพาล
อวัศยาต่อว่าเสียงเริ่มดังขึ้น คนที่เดินผ่านไปมา เริ่มมอง พริบพราวไม่แคร์ แต่ปราณนต์เริ่มไม่สบายใจ
“พี่ศยาด่าเกินไปนะคะ พราวกับณนต์ก็ไม่ได้จะหัวเราะดังอะไรขนาดนั้น และก็ไม่มีกฎข้อไหนห้ามพนักงานหัวเราะในเวลาทำงานไม่ใช่เหรอคะ หรือว่าพี่ศยาไม่อยากให้เราสองคนมีความสุข”
“พราว...พอแล้ว” ปราณนต์พูดกับอวัศยา “พี่ศยาครับผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมกับพราวจะกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้ ไปพราว”
ปราณนต์รีบลากพริบพราวไป ในขณะที่พริบพราวเดินผ่านอวัศยา อวัศยาก็พูดเสียงดุแบบเชือดนิ่มๆ หน้านิ่งๆ
“เธอมีความสุขได้..ฉันไม่คิดจะห้าม...แต่มันต้องไม่ใช่ความสุขส่วนตัวที่ได้มาจากการเบียดบังเวลางาน หรือในขณะที่คนอื่นเค้ากำลังทำงานกันอย่างจริงจัง ถ้าคราวหน้าเธอยังแยกแยะไม่ออก ก็เชิญลาออกไปหาความสุขใส่ตัวที่อื่น..ไม่ใช่ในออฟฟิศแห่งนี้”
อวัศยาพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องไป พริบพราวอึ้ง คนทั้งบริษัทหูผึ่ง ลิลลี่ทำท่าปรบมือกวนๆ
พริบพราวหันขวับไปทันที ลิลลี่ทำลอยหน้าไม่สนใจ พริบพราวรู้สึกเสียหน้ามาก ปราณนต์เขย่าแขนให้พริบพราวเดินกลับที่โต๊ะ
“ไปเหอะ...อย่าคิดมากไป”
ปราณนต์กลับไปทำงาน
พริบพราวยังอารมณ์ค้าง เธอมองไปรอบๆ ก็เห็นสายตาของคนอื่นที่มองมาและยิ้มเย้ยๆ โดยเฉพาะลิลลี่ที่ลอยหน้าลอยด้วยความสะใจ พริบพราวยิ่งเจ็บใจ

แจนยกชาอุ่นๆ กับ เค้กสุขภาพมาให้อรุณกับลิปดา
“ชาร้อน กับเค้กผลไม้ สูตรไม่หวาน แจนคิดเองค่ะ ส่วนนี่..กาแฟของลิปจ้ะ” แจนบอก
“ขอบคุณครับ” ลิปดาดื่มกาแฟ แล้วชูนิ้วโป้งเพื่อชม
แจนยิ้มรับ อรุณมองด้วยสายตาอันเฉียบคมและถามตรงๆ
“เป็นแฟนกันเหรอ”
ลิปดาที่กำลังจะดื่มกาแฟแทบสำลักพรวด แจนขำ
“คุณยายเป็นคนตรงๆ เหมือนคุณศยาเลยนะคะเนี่ย” แจนขำ “สมกับเป็นยายหลาน จริงๆ..แจนกับลิปไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกค่ะ เราเป็นเพื่อนกันน่ะค่ะ”
“ดูสนิทสนมรู้ใจกันผิดปกติ” อรุณว่า
“เพื่อนสนิท รู้จักกันมานานน่ะครับ”
“เชิญคุณยายตามสบายนะคะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกแจนได้เลยนะคะ”
“ขอบใจมาก...เออ...แล้วหนูมีผัวหรือยัง” อรุณถาม
ลิปดาสะดุ้ง แจนขำ
“เคยมี แต่หย่ากันแล้วค่ะ” แจนตอบ
“เหรอ...เออดี เรียกว่ามีประสบการณ์ ดีกว่าศยารายนั้น..ประสบการณ์ไม่มี สามีไม่ปรากฎ เฮ่อ”
ลิปดาได้จังหวะจึงพูด “พูดถึงเรื่องนี้..ผมนึกขึ้นมาได้..เมื่อวานคุณยายบอกว่าจะคุยกับศยาเรื่องแต่งงานคืออะไรเหรอครับ ใครแต่งกับใคร แล้วเกี่ยวอะไรกับศยา”
ลิปดารอฟังคำตอบด้วยความตื่นเต้น

อวัศยาเดินงุ่นง่านไปมาอยู่ในห้อง ภาพพริบพราวกับปราณนต์ที่หัวร่อต่อกระซิกกันโผล่ขึ้นมาตามหลอกหลอน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณศยาคะ..บอสให้เอาเอกสารลูกค้าใหม่มาให้ค่ะ” นิดาบอก
“เชิญ”
นิดาเดินเข้ามา
“นี่เป็นเอกสารรายละเอียดของคุณไกรสร เจ้าของโฮมสเตย์ที่สมุทรสงคราม เป็นคนบุกเบิกการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บริเวณป่าชายเลน แล้วก็เป็นเจ้าของที่ริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุด คุณไกรสรอยากเล่นหุ้น แต่ยุ่งมากไม่มีเวลามาที่นี่ บอสก็เลยอยากให้เราส่งคนไปให้ข้อมูลถือเป็นการ service ลูกค้า ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดพอร์ท คุณลิปดาก็เลยให้คุณศยา พิจารณาดูว่าเราควรส่งใครไปดูแลค่ะ”
อวัศยาหยิบมาดูด้วยหน้าตาที่ยังครุ่นคิดเรื่องพริบพราวกับปราณนต์
อวัศยาชะงักแล้วก็คิด “ป่าชายเลน สมุทรสงครามเหรอ”
อวัศยาคิดแล้วก็นึกขึนได้ว่าจะส่งใครไป


พริบพราวโวยวาย
“พราวต้องไปทำงานที่ป่าชายเลน..เนี่ยนะ”
อวัศยาตอบหน้านิ่ง
“ใช่ เธอจะต้องไปตั้งแต่พรุ่งนี้และอาจจะต้องค้าง เพราะงานนี้ท่าทางเธอต้องใช้เวลาคลุกคลีกับลูกค้าเพื่อพิสูจน์ให้เขามั่นใจว่าเราจะดูแลผลประโยชน์ให้เขาเป็นอย่างดีโดยเข้าใจถึงธรรมชาติและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า”
พริบพราวหลิ่วตาเหมือนรู้ทัน “ทำไมงานนี้ต้องเป็นพราว ปกติลูกค้าสไตล์ลุยๆ แบบนี้ จะเป็นของคุณพีระ หรือคุณรุจน์ไม่ใช่เหรอคะ ทำไม...พี่ศยาถึงส่งงานนี้มาให้พราว หรือว่า..ต้องการจะแกล้ง”
“แกล้งเธอ เพื่ออะไร ทุกสิ่งที่ฉันคิดและตัดสินใจ เพราะเรื่องงานทั้งนั้นไม่มีเรื่องส่วนตัว”
“แน่ใจเหรอคะว่าเป็นเรื่องงาน” พริบพราวถาม
อวัศยาเชิดหน้า “ฉันมีหน้าที่ “สั่ง” ไม่มีหน้าที่ “ตอบ” ออกไปได้ ฉันหมดเรื่องที่จะคุยกับเธอแล้ว”
พริบพราวจะพูด “แต่ ...”
อวัศยาลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตูห้องทันที “เชิญ”
พริบพราวมองอวัศยาประมาณว่าอีป้านี่แกล้งกันชัดๆ และฝากไว้ก่อน พริบพราวเดินออกไปด้วยความค้างคาใจ อวัศยาปิดประตูด้วยความโล่งใจ
อวัศยาคิดในใจ “ฉันไม่ได้อยากใช้วิธีนี้กับเธอนะพริบพราว..แต่ฉันจำเป็น...เพราะถ้าเธออยู่..ฉันคง จัดการเรื่องปราณนต์ไม่สำเร็จ”
อ่านต่อหน้าที่ 2


แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 6  (ต่อ)
พริบพราวกระแทกแฟ้มลงที่โต๊ะ แสนดีที่อยู่แถวนั้นเห็นพริบพราวหงุดหงิดก็รีบเข้ามาถามด้วยความห่วง

“น้องพราวเป็นไรคะ ทำไมหน้าบูดเป็นตูดเป็ดขนาดนั้น หรือว่ายังหงุดหงิดเรื่องที่ไฟ้ฟ์กับลิลลี่เมื่อเช้า..น้องพราวอย่าคิดมากเลยนะคะ ลิลลี่ก็พูดแรงไป พี่แสนดีไม่ได้คิดแบบนั้นกับน้องพราวเลยนะคะ
“ขอบคุณค่ะ แต่พราวเลิกคิดเรื่องนั้นไปแล้ว..ที่หงุดหงิดตอนนี้เพราะมิสคานทองของพี่แสนดีแหละค่ะ”
“หะ”แสนดีตาวาว “ทำไมเหรอคะ ยัยป้าแว่นแผลงฤทธิ์อะไรอีกค่ะ”
“พราวว่า..เค้าต้องมีปัญหาอะไรกับพราวแน่ๆ แกล้งให้พราวไปทำงานที่ลำบาก ไปค้างคืนด้วยนะคะ ความจริงเรื่องงานพราวไม่หวั่นหรอกค่ะ แต่เจ็บใจที่รู้ทั้งรู้ว่าโดนยัยป้านี่แกล้งแต่ทำอะไรไม่ได้”
แสนดีหยิบแฟ้มมาดู “ปกติบริษัทเราจะไม่ค่อยส่งเจ้าหน้าที่ผู้หญิงออกไปหาลูกค้าผู้ชายต่างจังหวัดคนเดียวนะคะ..บอสจะส่งคุณพีระ หรือ คุณรุจน์ไป...ทำไมอยู่ๆ ถึงได้ส่งน้องพราวไป”
“นี่ไงคะ..พราวถามก็ไม่ตอบ..เหมือนจงใจอยากจะแกล้งยังไงก็ไม่รู้ พราวว่า..ยัยป้าแว่นต้องไม่พอใจอะไรพราวแน่ๆ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานแล้ว”
พริบพราวคิดด้วยความหงุดหงิด
แสนดีช่วยคิด “อืม ..ทำไมคุณป้าจะต้องไม่พอใจน้องพราว..ถ้าเป็นลิลลี่ก็ชัดเลยว่าเรื่องผู้ชาย..เพราะตั้งแต่น้องพราวเข้ามาเรตติ้งนางก็ตกเล็กน้อย” พริบพราวชะงัก “คงจะแอบเหม็นๆเพราะสวยกว่า..หรือว่า..คุณป้าก็จะแอบเคืองด้วยเหตุผลเดียวกัน”
“คนอย่างพี่ศยาเนี่ยนะคะจะสนใจผู้ชาย..พราวไม่เคยเห็นเค้าจะสนใจใครเลย คนที่เค้าจะพูดคุยด้วยเยอะสุดก็มีแต่พี่รัน รองลงมาก็ปรา...” พริบพราวชะงัก
พริบพราวสะอึกแล้วก็ฉุกคิด
พริบพราวเปรยเบาๆ “ปราณนต์ ...”
แสนดีไม่ได้ยินจึงถามย้ำ “ใครคะ”
พริบพราวหันมาคิดแล้วก็ตอบเลี่ยง “ไม่มีแล้วค่ะ...ไม่มีใครแล้วค่ะ...เอ่อ... พราวขอไปหาข้อมูลลูกค้าเพิ่มก่อนนะคะ”
พริบพราวตอบเลี่ยงๆ แล้วลุกเดินหนีไปอีกทาง ปล่อยให้แสนดียังคงครุ่นคิดหาเหตุผลอื่นต่อไป


พริบพราวเดินมาอีกมุมหนึ่งของบริษัทที่แผนกมาร์เก็ตติ้งทำงานอยู่ด้านหลัง ปราณนต์ก็นั่งทำงานอยู่ พริบพราวเริ่มครุ่นคิดถึงตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาสอบสัมภาษณ์
พริบพราวนึกถึงตอนสัมภาษณ์ที่อวัศยาดูปลาบปลื้มปราณนต์มาก
นึกถึงตอนที่อวัศยาติวพิเศษให้ปราณนต์
นึกถึงตอนที่อวัศยาพาปราณนต์ไปหาลูกค้า
นึกถึงตอนที่ไปปฎิบัติธรรม และอวัศยากับปราณนต์มองกันไปมา
นึกถึงตอนที่อวัศยามีปฏิกิริยาเหวี่ยงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
พริบพราวเริ่มจะสงสัยว่าข้อสันนิษฐานนี้จะเป็นจริง เธอหันไปมองปราณนต์กำลังนั่งทำงานอย่างตั้งใจ ปราณนต์ทำงานไปมองโทรศัพท์ไปเป็นระยะๆ
ทันใดนั้น อวัศยาเดินออกมาจากห้องทำงานแล้วเดินเอาเอกสารไปวางโต๊ะพีระ แต่พอผ่านปราณนต์อวัศยาก็แอบมองด้วยความเป็นห่วง พริบพราวเห็นแล้วก็ชะงักกึก
พริบพราวเห็นอวัศยาค่อยๆปรายตามามองปราณนต์ด้วยความเป็นห่วงโดยในแววตามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ พริบพราวอึ้ง เธอคิดในใจว่า “หรือว่า.....”

ปราณนต์นั่งถือโทรศัพท์ที่บริเวณทางเดินนอกบริษัท เขามอง รอ แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปราณนต์ตัดสินใจไม่มองต่อ เขาเก็บเข้ากระเป๋าแล้วก็ทนไม่ได้หยิบมาดูอีกที
อวัศยาเดินมาในมือถือกระเป๋าทำงานพร้อมกลับบ้าน อวัศยาปรายตามาเห็นปราณนต์ก็ชะงักกึกแล้วรีบหลบวูบที่หลังเสา แล้วค่อยๆชะโงกหน้าออกมาดูอีกทีให้แน่ใจ อวัศยาเห็นปราณนต์นั่งมองโทรศัพท์อย่างซึมๆ
อวัศยาคิด ในใจแอบเต้น ความคิดของอวัศยาในยามนี้วิ่งปรู๊ดปร๊าดเพราะมีหลายสิ่งเกินกว่าที่เธอจะจับความคิดตัวเองได้ทัน คำพูดของรันดังเข้าในความคิด
“ฉันก็ไม่ได้ให้แกไปขอความช่วยเหลือเค้าในฐานะ “แอบรัก” แต่ไปในฐานะ “อวัศยา” ผู้หญิงตัวเป็นๆบนโลกแห่งความจริง ถ้าปราณนต์ยอมช่วยก็เท่ากับแกได้ "สองเด้ง" หนึ่ง แกรอดตัวจากการแต่งงาน,และสอง แกได้พัฒนาความสัมพันธ์กับปราณนต์แบบปกติมนุษย์ไม่ต้องแอบอยู่หลังยัยแอบรัก”
อวัศยาคิดๆ แล้วก็ตัดสินใจว่า เอาวะ อวัศยาสูดลมหายใจเข้าปอดและคิดว่าจะทำอะไรบางอย่าง


ปราณนต์ยังนั่งซึมอยู่ที่เดิม อวัศยาเดินมาโดยกำลังจะเดินผ่านปราณนต์ ทันใดนั้นเธอก็ทำเป็นสะดุดอะไรบางอย่างทำให้กระเป๋าทำงานหลุดมือตกลงที่พื้นดังผัวะ
“อุ้ย !!”
ของในกระเป๋าหล่นกระจายเกลื่อนกลาด
ปราณนต์หันมา พอเห็นอวัศยากับของที่หล่นเกลื่อนก็ตกใจ
“พี่ศยา” ปราณนต์รีบพุ่งตัวมา “ผมช่วยครับ” ปราณนต์ก้มเก็บของอย่างมีน้ำใจ
อวัศยาก้มเก็บของไปลอบมองปราณนต์ไปด้วยใจหวั่นๆ เพราะไม่ค่อยได้เล่นละครสร้างสถานการณ์ แต่เธอก็คิดในใจว่า “เอาวะ หลังชนฝาแล้วนี่” ปราณนต์ส่งของให้พร้อมรอยยิ้ม
“นี่ครับ...ไม่รู้ว่าครบหรือเปล่า”
อวัศยารับมาพร้อมกับยิ้ม “ขอบใจนะ”
ปราณนต์ยิ้มรับ “ยินดีครับ”
ปราณนต์ยิ้มสดใส อวัศยายิ้มตามนิดๆ แล้วก็รีบดึงสติกลับมา
“แล้วนี่มานั่งทำอะไรตรงนี้ ? ทำไมยังไม่กลับบ้าน” อวัศยาว่า
“พอดีเย็นนี้พี่รุจน์จะแวะไปเยี่ยมแม่ผมที่โรงพยาบาล แต่พี่รุจน์ยังเหลือเคลียร์งานนิดหน่อย ผมเลยมานั่งรอน่ะครับ”
อวัศยาพยักหน้ารับรู้ “อ๋อ..แล้วคุณแม่เป็นยังไงบ้าง มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ ตอนนี้แม่อาการดีขึ้นมาก หมอบอกพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วครับ ขอบคุณครับ”
อวัศยายิ้มรับนิดๆ เธอพยายามจะพูดคุยกับปราณนต์เหมือนคนธรรมดาๆคุยกัน แล้วอวัศยาก็เข้าเรื่อง
“เออ..แล้วเมื่อกี๊ฉันเห็นเธอนั่งมองโทรศัพท์แล้วซึมๆ..มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ปราณนต์ชะงักนิดๆ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร อวัศยารอคำตอบด้วยใจระทึก
“ก็มีครับ...แต่มันเป็นปัญหาที่คนอื่นอาจจะไม่คิดว่ามันเป็นปัญหา”
“ฉันเข้าใจ เพราะฉันก็กำลังเป็นอยู่เหมือนกัน ปัญหาที่เหมือนไม่ใช่ปัญหา”
ปราณนต์กับอวัศยาพูดพร้อมกัน “แต่มันเป็นปัญหาสำหรับเรา”
ทั้งสองคนหันขวับมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย บรรยากาศรอบตัวอยู่ๆก็เบ่งบานและอบอวลไปด้วยความรู้สึกดีๆ
“ในเมื่อตอนนี้เรามีหัวอกเดียวกัน..ฉันจะขอให้เธอฟังช่วยฟังปัญหาของฉัน..แล้วฉันก็จะฟังปัญหาของเธอเป็นการแลกเปลี่ยน” อวัศยาหันมาถาม “โอเคมั้ย”
ปราณนต์คิดแล้วก็ตัดสินใจพยักหน้ายิ้มๆ

พริบพราวนั่งมองแฟ้มงานโฮมสเตย์ที่เพิ่งได้มาแล้วก็คิด พริบพราวหันไปหยิบโทรศัพท์มาโทร.
หาลิปดา
พริบพราวรอจนลิปดารับ “พี่ลิปเหรอคะ พราวมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ พอดีพราวเพิ่งได้งานใหม่มาเป็นลูกค้าที่เป็นเจ้าของโฮมเสตย์ พี่ศยาให้พราวไปสองวันหนึ่งคืน พราวไปได้นะคะไม่มีปัญหา..แต่พราวจะขอทีมเพิ่มอีกหนึ่งคนได้มั้ยคะ”
“พราวจะขอใครมาเป็นทีม” ลิปดาถาม
พริบพราวยิ้มร้าย

อวัศยากับปราณนต์นั่งคุยอยู่ที่มุมเดิม
ปราณนต์แปลกใจ “พี่ศยาจะโดนยายจับแต่งงาน”
“เบาๆ” อวัศยาเตือน
ปราณนต์เบาเสียง “ขอโทษครับ..มันตกใจ” ปราณนต์พูดเสียงจริงจัง “แล้วพี่ศยาจะทำยังไงต่อครับ”
“ฉันกำลังหาคนมาเล่นละครเป็นแฟน ถ้ายายรู้ว่าฉันมีแฟนก็คงเลิกบังคับให้แต่งงานกับคนที่หามาให้” อวัศยารวบรวมความกล้าก่อนจะหันมามองหน้าปราณนต์ “เธอสนใจมาเล่นละครให้ฉันหรือเปล่า”
ปราณนต์ผงะ “หือ ผมเนี่ยนะ” ปราณนต์รีบออกตัว “ผมเล่นละครไม่เป็น ! ยิ่งเล่นละครหลอกผู้ใหญ่ ผมทำไม่ได้หรอกครับ ละอายใจ”
อวัศยาสะอึก ปราณนต์รีบแก้
“แต่ผมก็เข้าใจนะครับที่พี่ศยาต้องทำแบบนี้ เพราะมันเป็นทางออกเดียว แต่ผม....ทำไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษนะครับ”
อวัศยาใจหายวาบแต่ก็ตีหน้านิ่ง “ฉันล้อเล่น ตอบซะจริงจังเลย”
ปราณนต์งง อวัศยาฝืนยิ้มกลบเกลื่อนทั้งที่ในใจเศร้าสุดๆ
ปราณนต์ถอนใจ “เฮ่อ..แล้วไป”
อวัศยาเศร้าแต่ฝืนยิ้ม และเปลี่ยนเรื่อง “ถึงตาเธอแล้ว .. ปัญหาที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนอื่น คืออะไร ฉันพร้อมฟัง”
ปราณนต์คิดแล้วก็อึกๆอักๆ ไม่รู้จะเล่ายังไงดีแล้วก็ค่อยๆระบายออกมา
“ผมโดน..ผู้หญิง...ที่ผมรู้สึกดีด้วยมากๆ..ทิ้งไปหน่ะครับ..ผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก”
อวัศยาชะงักว่าเป็นใคร
“ผมไม่รู้จักเค้าตัวเป็นๆน่ะครับ เราคุยกันทางแชต” ปราณนต์บอก อวัศยาอึ้งใจเต้นแรง “เมื่อก่อนผมไม่คิดว่าเค้าจะสำคัญ แต่..วันนี้มันกลายเป็นความ “ผูกพัน” โดยไม่รู้ตัว .. ตอนที่มีเค้าผมอาจจะไม่รู้สึกมาก แต่พอขาดไป..รู้สึกเลย”
อวัศยามองปราณนต์ด้วยความสงสารจับใจ
“เค้า “ทิ้ง” ผมไป ไม่บอกลาสักคำ..ผมแค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมทำผิดอะไร หรือเค้าเป็นอะไร จะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับเค้าหรือเปล่า มันคิดไปสารพัด..เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจอารมณ์คนติดแชต แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว”
ปราณนต์ยิ้มขื่นๆ อวัศยามองด้วยความเห็นใจ
“บางทีเค้าอาจจะไม่ได้คิดเหมือนที่ผมคิดก็ได้..สิ่งที่เราคุยกันมันอาจจะไม่สำคัญอะไรกับเค้า”
อวัศยาลืมตัวจึงพูดขึ้น “ไม่จริง”
ปราณนต์หันมามอง อวัศยาสะอึกว่าจะทำยังไงดี

ลิปดายืนอยู่ที่หน้าร้านแจน ขณะที่อรุณกับแจนนั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ ลิปดาโทร.หาอวัศยาแต่ไม่มีคนรับ ลิปดากดวาง
“ทำไมไม่รับ” ลิปดาสงสัย
ลิปดาคิดแล้วพิมพ์ข้อความส่งไปอีกที

โทรศัพท์มือถือของอวัศยาที่ปิดเสียงวางอยู่ในกระเป๋า ที่หน้าจอบอกว่ามีข้อความเข้า แต่อวัศยายังคุยกับปราณนต์อยู่ที่เดิม ปราณนต์มองหน้าอวัศยาด้วยความแปลกใจ อวัศยาคิดหาทางออก
“ฉันหมายถึง ที่เค้าหายไป อาจเป็นเหตุสุดวิสัย หรือขัดข้องทางเทคนิค ถ้าเธอรู้สึกดีกับเค้าขนาดนั้น ฉันว่า..เค้าก็อาจจะรู้สึกดีไม่ต่างกับเธอ อีกไม่นานเดี๋ยวเค้าก็กลับมา”
อวัศยามองหน้าปราณนต์พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปราณนต์มองหน้าอวัศยา ในแว่บนั้นปราณนต์สัมผัสได้ถึงความจริงจังอะไรบางอย่างในน้ำเสียงของอวัศยา
“ครับ..” ปราณนต์คิด “พี่ศยาไม่คิดว่าเรื่องที่ผมเล่า มันแปลกๆ เหรอครับ ผมว่าถ้าผมไปบอกคนอื่น เค้าคงด่ามากกว่านี้ แต่พี่..ดูเหมือนเข้าใจง่ายมากเลย”
“ตอนฉันเล่าเรื่องยายจับแต่งงาน เธอก็เข้าใจง่ายเหมือนกัน .. ฉันบอกรัน เค้ายังโวยวายมากกว่าเธออีก ถ้าเธอแปลก..ฉันก็คงไม่ธรรมดา”
ปราณนต์ยิ้มขำๆ พร้อมคิดในใจว่าเออจริง อวัศยาหัวเราะตาม บรรยากาศดูเป็นมิตร เป็นกันเอง สบายๆ มากขึ้น
“ผมก็เอาใจช่วยพี่ศยานะครับ ขอให้ได้แต่งงานกับคนที่พี่รักจริงๆ ไม่ได้โดนบังคับ”
อวัศยามองปราณนต์เหมือนจะบอกว่าขอเป็นเธอ “ขอบใจมาก...ฉันก็ขอให้..ผู้หญิงในแชตคนนั้น..กลับมาหาเธอ”
“โห...ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมจะมีความสุขมากๆเลยครับ”
ปราณนต์พูดตรงๆ อวัศยาเห็นแล้วก็ยิ่งเอ็นดู เธอมองไปยิ้มไปด้วย ทันใดนั้นเสียงรุจน์ก็ดังขึ้น
“เฮ้ยไอ้ณนต์ พร้อมแล้วไปได้เลย”
ปราณนต์หันไป อวัศยาออกจากภวังค์แล้วหันมาเห็นรุจน์เดินโผล่มา รุจน์เห็นปราณนต์กับอวัศยานั่งคุยกันอย่างมีความสุข
“เอ่อ...ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าครับ”
อวัศยารีบลุกพรวดขึ้นอย่างระวังตัวขึ้นมาทันที “เปล่าไม่มีอะไร ฉันก็แค่ชวนคุยเรื่อยเปื่อย แต่คุยจบแล้ว” อวัศยาพูดกับปราณนต์ “เรื่องคุณแม่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก” อวัศยาเปลี่ยนเรื่องอย่างเนียนๆ
“ขอบคุณครับ”
อวัศยาเดินไป รุจน์มองตามนิดๆ ด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่มาก ปราณนต์ยิ้มกริ่มแบบดูมีความสุขอย่างไม่มีเหตุผล เขารู้สึกว่าการที่ได้คุยกับอวัศยาวันนี้ทำให้เขาเห็นศยาในมุมที่ต่างไป รุจน์เพิ่งนึกได้
“เอ้อ..ไอ้ณนต์ฉันเกือบลืม..นี่..” รุจน์ส่งแฟ้มลูกค้าให้ปราณนต์ “พราวเค้าฝากมาให้แล้วก็ฝากบอกว่าพรุ่งนี้แปดโมงเช้าจะไปรับที่บ้าน”
ปราณนต์งง


อวัศยาถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือ เธอโพล่งออกมาหลังจากอ่านข้อความแล้ว
“ไม่จริง”

ลิปดาคุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้านของแจน
“จริง! ผมตัดสินใจไปแล้ว ผมให้ปราณนต์ไปหาลูกค้าพร้อมกับพราวในวันพรุ่งนี้” ลิปดาบอก
อวัศยาเหวอ เธอเดินอยู่ในลานจอดรถโดยเดินไปโวยวายไป
“ตะ..แต่บอสเป็นคนส่งจ๊อบนี้มาให้ฉันแจกงาน..และฉันก็ส่งพราวไป อยู่ๆบอสมาสั่งให้ปราณนต์ไปอีกคน มันซ้ำซ้อน”
ลิปดาอธิบาย
“ไม่ซ้ำซ้อน..เพราะพราวไปหาลูกค้าคนแรก แต่ปราณนต์ไปเพราะผมมีลูกค้าเพิ่มมาอีก 2 คน...เป็นลูกค้าใหม่ที่พราวหามาได้ และอยู่ไม่ไกลกัน..พราวก็เลยโทร.มาหาผม ขอให้ปราณนต์ไปช่วย”
อวัศยาชะงักกึกแล้วก็หยุดเดิน ลิปดาพูดต่อ
“ถ้างานนี้สำเร็จเราอาจจะได้ลูกค้าเพิ่มมาเป็น 3 คน ผมก็เลยอนุมัติให้ณนต์ไปกับพราว...คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
อวัศยาหน้าเครียดเพราะรู้เลยว่าพริบพราวอยากลองของ ทันใดนั้นก็มีเสียงคนกดเปิดล็อครถ อวัศยาหันไปตามเสียงก็เห็นพริบพราวกำลังเดินมาที่รถตัวเอง โดยที่พริบพราวยังไม่เห็นเธอ
อวัศยาตอบกลับลิปดา “ไม่มีค่ะ..ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของบอส..ฉันก็..ไม่มีปัญหา..ฉันกำลังจะกลับบ้าน บอสพายายกลับบ้านมาได้แล้ว..เที่ยวกันมากพอแล้ว”
อวัศยาวางสายทันที ลิปดาสะดุ้งนิดๆ ว่าอวัศยาเป็นอะไรของเค้า

พริบพราวเปิดประตูรถเข้าไปนั่งและกำลังจะปิดประตู ทันใดนั้นอวัศยาก็เอากระเป๋าแทรกเข้ามากั้นระหว่างประตูกับรถ พริบพราวชะงักแล้วหันมา อวัศยายืนอยู่ข้างๆรถด้วยหน้านิ่งๆ แต่ดูมีพลังมาคุแผ่ซ่าน
พริบพราวยิ้มอย่างรู้ทัน “พี่ศยาทำหน้าแบบนี้..แสดงว่าคงรู้แล้วใช่มั๊ยคะ ว่าพรุ่งนี้..ณนต์ต้องไปหาลูกค้ากับพราว” พริบพราวเน้น “สองต่อสอง”
อวัศยาชะงักกับคำว่า “สองต่อสอง” ที่มีอะไรบางอย่างแฝงอยู่
อวัศยาเปิดประตูรถกว้างอย่างไม่พอใจ “เธอคิดจะทำอะไร”
พริบพราวลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากรถมาเผชิญหน้า “แค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง” พริบพราวยิ้มกวน “พราวแค่อยากรู้ว่า...ทำไมพี่ศยาจ้องเล่นงานพราวตั้งแต่วันแรกที่มาสมัครงาน”
อวัศยาในใจเต้นแรงแต่ยังทำหน้านิ่ง
“ฉันไม่ได้จ้องเล่นงานเธอ”
พริบพราวพูดสวนแบบกวนๆ “ก็อาจจะใช่ เพราะตอนแรกคนที่พี่ “จ้อง” คือปราณนต์” อวัศยาสะอึกแต่พยายามเก็บอาการ “แต่พราวดันมาทำให้พี่เสียจังหวะ..พราวเลยกลายเป็น “อะไรเอ่ยที่ต้องโดนกำจัด”
พริบพราวรุกไล่ อวัศยาเดินถอยมาก้าวสองก้าว
“พี่ศยาไม่พอใจที่พราวสนิทสนมกับปราณนต์ และที่พยายามกลั่นแกล้งสารพัดก็เพราะ...หึง พี่ศยาชอบปราณนต์ใช่มั๊ยคะ”
พริบพราวเชิดอย่างมั่นใจว่าจับได้แน่ อวัศยาใจสั่นแต่ด้วยสติที่แข็งแกร่งทำให้เธอระเบิดหัวเราะออกมาเหมือนขำขัน
“ฮ่าๆๆ” อวัศยาหัวเราะ พริบพราวชะงักแล้วขมวดคิ้ว” เฮ่อ..เด็กสมัย..คงจะคิดได้แค่นี้จริงๆ พอต้องทำอะไรที่ขัดใจตัวเอง ไม่ถูกใจตัวเอง ก็โยนว่าโดนกลั่นแกล้ง”
อวัศยาเดินหน้ารุกกลับ พริบพราวเดินถอยงงๆ อวัศยาใส่ต่อ
“ถ้าฉันชอบปราณนต์จริงๆ ฉันก็ไปจีบเค้าสิ ฉันจะมาแกล้งเธอทำไม แกล้งเธอแล้วปราณนต์จะมาชอบฉันเหรอ เธอกับเค้าไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย”
พริบพราวสะอึกเพราะว่าก็จริง พริบพราวอึ้งไปเพราะคิดแก้เกมไม่ทัน อวัศยาลุยต่อ
“แต่เธออยากจะคิดแบบนั้น ฉันก็ไม่ห้ามหรอกนะ ถ้าคิดแล้ว..ทำให้มีแรงฮึดไปหาลูกค้ามาได้เพิ่มแบบนี้ เชิญมโนไปได้ตามใจ.. ขอให้ได้ลูกค้าตามเป้าที่วางไว้แค่นั้นก็พอ !! เธอจะไปกับปราณนต์สองต่อสอง จะไปสักกี่วัน ไปทำอะไรกันบ้าง ฉันไม่สน” อวัศยาเชิดทั้งที่ในใจจี๊ดสุดๆ
พริบพราวมองอวัศยา “ได้ !! แล้วเรามาดูกัน..สองวันที่พราวอยู่กับณนต์ พี่ศยาจะสน..หรือไม่สน”
พริบพราวยิ้มที่มุมปากทิ้งท้ายแล้วหันหลังเดินกลับไปขึ้นรถ ปล่อยให้อวัศยายืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้านิ่งแต่ในใจกรุ่นสุดๆ

“แล้วเธอจะไปสนทำไม นังเด็กนั่นมันก็ขู่ไปอย่างนั้นแหละ” รันเดินคุยโทรศัพท์กับอวัศยาอยู่บนลู่วิ่ง โดยที่จริตตอนเดินของรันยั่วยวนสุดๆ หนุ่มล่ำวิ่งเหงื่อซ่านอย่างเซ็กซี่อยู่ที่ลู่ข้างๆ รันทิ้งหางตา
ใส่หนุ่มคนนั้นตลอดเวลา
“หรือถ้าเค้าสงสัยจริงๆ แต่ไม่มีหลักฐาน..มันก็ไม่มีประโยชน์” รันว่า
อวัศยาคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานโดยเดินไปมาด้วยความร้อนใจ
“แต่..เด็กนั่นพูดอย่างมั่นใจมากเลยนะ แถมยังขอตัวณนต์ไปทำงานด้วย ฉันว่า.. เด็กนั่นจะใช้ณนต์เป็นเครื่องมือบีบให้ฉันยอมรับว่าฉันกลั่นแกล้งเพราะฉันหึง”
รันจับอะไรได้บางอย่างจึงรีบหยุดเครื่องออกกำลังกาย แล้วเดินออกมาคุยด้วยเสียงจริงจังขึ้น
“แล้วแกหึงจริงๆหรือเปล่า”
อวัศยาสะอึก รันรีบพูดต่อ
“ที่แกจี๊ดๆแบบนี้ เพราะแกกลัวว่าถ้าเค้าสองคนไปอยู่ด้วยกันข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ เด็กแกจะหวั่นไหวใจแตก .. สรุปแกหึงพริบพราวจริงๆใช่มั้ย”
อวัศยาพยายามจะแก้ตัว
“แต่ว่าเปล่า...”
“ฉันขอบอกว่า “สมควรที่จะหึง” รันบอก
อวัศยางง “อ้าว”
รันใส่ต่อ
“ก็จริงนี่ พริบพราวทั้งสวย น่ารัก ทั้งอวบ ทั้งอึ๋ม จังหวะนางไม่เหวี่ยงก็น่ารักดี มีผู้ชายคนไหนบ้างที่จะไม่ชอบ เพราะฉะนั้น..แกก็สมควรแล้วที่จะกลัวเวลาที่เค้าสองคนอยู่ด้วยกัน สองต่อสอง”
อวัศยาหวั่นใจหนักขึ้นกว่าเดิม รันยังคงบิ้วท์อย่างต่อเนื่อง
“ศยา..ถ้าเธอไม่อยากเสียปราณนต์ให้เด็กนั่น..ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือ..ชุบชีวิตให้ แอบรัก”


อวัศยานั่งหน้าเครียดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เสียงรันดังซ้อนกับภาพตอนที่พริบพราวกับปราณนต์หัวร่อต่อกระซิกกัน และภาพพริบพราวตอนท้าทายเธอที่ลานจอดรถ
รันพูดไม่หยุด “ถ้าปราณนต์รู้สึกดีกับแอบรักเหมือนที่เธอเล่าให้ฉันฟัง..แอบรักคือคนเดียวที่จะทำให้ปราณนต์รอดพ้นจากเสน่ห์อันร้อนแรงของพริบพราว”
อวัศยาตัดสินใจว่าเอาวะ เธอเปิดคอมแล้วคลิกเข้าอินเทอร์เน็ต
“จะกลับมาแบบไหนดี .. แชตก็อันตรายเกินไป” อวัศยาคิด “อีเมล”
อวัศยารีบเข้าไปในอีเมลแล้วคลิ๊กเพื่อตั้งบัญชีผู้ใช้ใหม่
“ต้องตั้งชื่ออีเมลใหม่..ตั้งว่าอะไรดี”
อวัศยาคิดแล้วก็เหลือบไปเห็นภาพดอกไม้มีคำบรรยายภาพว่า “Love in a mist”
“Love in A mist ความรักกลางสายหมอก” อวัศยาพยักหน้าแล้วก็พิมพ์ลงไป
อวัศยาสร้างบัญชีใหม่โดยตั้งชื่อว่า Love in a mist และเข้าไปที่อีเมลเลือกสร้างจดหมายใหม่ อวัศยาคิดแล้วลงมือพิมพ์จดหมายด้วยความตั้งใจ
“สวัสดีปราณนต์....ฉันกลับมาแล้ว”
อวัศยาพิมพ์ต่อไปด้วยความตั้งใจ

ปราณนต์เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปคุยโทรศัพท์ไปโดยมีแฟ้มงานวางอยู่ข้างๆ
“แม่จะกลับมาถึงบ้านประมาณกี่โมงนะพี่ปุ้ม” ปราณนต์ถาม
“น่าจะเกือบเที่ยง” เสียงปุ้มตอบจากทางโทรศัพท์
ปราณนต์เป็นห่วง “ทำไงดี..พรุ่งนี้ผมมีงานด่วนต้องไปต่างจังหวัดอาจจะต้องค้างด้วย”
“ได้ๆ พี่กับป้าดูแลแม่เอง น้องพราวเค้าจัดการจองรถของโรงพยาบาลให้เรียบร้อยแล้ว มีรถไปส่งถึงบ้าน ไม่ต้องห่วงนะ”
ปราณนต์โล่งอก “ครับ..มีอะไรฉุกเฉินพี่ปุ้มโทร.หาผมได้ตลอดนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”
“จ้า...เดินทางปลอดภัยนะ”
“ขอบคุณคร้าบ”
ปราณนต์วางสายแล้วก็คิดถึงพริบพราว

พริบพราวเก็บกระเป๋าด้วยความคล่องแคล่วโดยเตรียมของไปอย่างครบถ้วน เสียงข้อความเข้าดังขึ้น พริบพราวหยิบมาอ่าน
“ขอบคุณมากสำหรับเรื่องรถพยาบาล..พรุ่งนี้เจอกันครับ”
พริบพราวยิ้มนิดๆ เธอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวัน
พริบพราวนึกถึงคำที่อวัศยาพูด “ถ้าคิดแล้ว..ทำให้มีแรงฮึดไปหาลูกค้ามาได้เพิ่มแบบนี้ เชิญมโนไปได้ตามใจ.. ขอให้ได้ลูกค้าตามเป้าที่วางไว้แค่นั้นก็พอ !! เธอจะไปกับปราณนต์สองต่อสอง จะไปสักกี่วัน ไปทำอะไรกันบ้าง ฉันไม่สน”
พริบพราวยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วกดส่งข้อความหาปราณนต์
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นการช่วยฉันมัดใจลูกค้าสามคนนี้ให้ได้ก็พอ !! See you”
พริบพราวยิ้มพอใจ
“พรุ่งนี้เดี๋ยวก็รู้ว่าคนอย่างอวัศยาจะสนหรือไม่สน”


เสียงข้อความเข้าดังขึ้น ปราณนต์หยิบมาเปิดอ่านแล้วก็ยิ้มพร้อมกับพิมพ์ข้อความกลับไปว่า
“โอเค ^^”
ปราณนต์กดส่งแล้วกด Backเรื่อยๆ จนมาเจอหน้าจอที่มีชื่อแอบรักแต่ไม่มีรูปแล้ว ปราณนต์
คิดถึงแอบรัก แล้วคำพูดของอวัศยาก็ดังก้องในความคิดของเขา
“ถ้าเธอรู้สึกดีกับเค้าขนาดนั้น ฉันว่า..เค้าก็อาจจะรู้สึกดีไม่ต่างกับเธอ อีกไม่นานเดี๋ยวเค้าก็กลับมา”
ปราณนต์ส่ายหน้าเหมือนไม่อยากจะหวัง เขาวางโทรศัพท์ไว้แล้วหันไปเก็บเสื้อผ้าต่อ


อวัศยากดส่งอีเมลไป
“เธอจะตอบฉันมั้ยปราณนต์”
อวัศยารอ แต่ทุกอย่างเงียบงัน อวัศยาโคตรจะลุ้น
ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้น อวัศยาสะดุ้งเฮือก


ประตูห้องอวัศยาเปิดผัวะออกมา อรุณยืนทำหน้าจริงจังอยู่หลังประตู
“ทำไมไม่บอกความจริงกับยายตั้งแต่แรก” อรุณถาม
อวัศยางง “ความจริงอะไรคะ”
“ความจริงที่เราแอบคบกับผู้ชายมาตั้งหลายปี คบกันแบบลับๆ ไม่ยอมบอกใคร ถ้าบอกว่าคบกับคนนี้ยายไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว..แถมยังสนับสนุนเต็มที่..บอกเลย..ถูกใจมาก” อรุณว่า
“หือ คนนี้ ยะ..ยายรู้แล้วเหรอคะว่า..แฟนหนู...เป็นใคร” อวัศยาคิดในใจว่าใครวะ
“รู้สิ..นี่ไง..แฟนเรา”
อรุณหันไปจูงมือผู้ชายที่ยืนหลบอยู่ข้างๆ ออกมายืนต่อหน้าอวัศยา ผู้ชายคนนั้นคือ “ลิปดา” นั่นเอง อวัศยาอ้าปากค้าง
“บอส”
ลิปดายิ้มแฉ่ง “ไฮ้...ฮันนี่”
อวัศยาอึ้งเหวอ ลิปดายิ้มแฉ่งให้


อวัศยาลากลิปดาเข้าไปในครัว
“บอส..นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันไปเป็นแฟนกับบอส แล้วบอสมาเป็นแฟนฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
ลิปดารีบจุ๊ปาก “เบาๆสิคุณ..เดี๋ยวก็แผนแตกกันพอดี”
“แผน แผนอะไร”
อวัศยารอฟังด้วยความประหลาดใจ


ลิปดาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
หลังจากฟังอรุณพูด ลิปดาก็เหวอ
“คุณยายหาผู้ชายมาให้ศยาเลือก 5 คน” ลิปดาถาม อรุณพยักหน้า “แล้วเค้าชอบใครหรือเปล่าครับ”
“ไม่ชอบ .. เพราะศยาบอกว่า..เค้ามีแฟนแล้ว” อรุณบอก
ลิปดาหลิ่วตา กอดอก เขารู้ว่าอวัศยาโกหกแน่นอน
อรุณพูดต่อ “ยายบอกให้พามาดูหน้าดูตัวก็กระบิดกระบวนบอกว่าไม่ว่าง งานยุ่ง ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ จนยายเริ่มจะสงสัยแล้วว่าตกลง ศยามันมีแฟนหรือไม่มีแฟนกันแน่”
ลิปดาฟังแล้วคิดก็รู้ทันทันที อรุณหันมาถาม
“คุณรู้หรือเปล่า”
“เอ่อ..คือ..” ลิปดามองยายแล้วก็คิดก่อนจะตัดสินใจ คลายมือออกจากการกอดอกแล้วยื่นหน้ามาตอบ “ผม..รู้ครับ”
อรุณตาโต “เหรอ ตกลงมีหรือไม่มี”
“มีครับ”
“ใคร”
ลิปดามองหน้าแล้วคิดในใจว่าเอาวะ “แฟนศยาก็คือ ... ผมเอง”
“เอ้อ แล้วไป” อรุณนึกได้ก็หันขวับ “หะ ว่าไงนะ”
ลิปดาทำตาปริบๆ อรุณช๊อค


เหตุการณ์ปัจจุบัน อวัศยาอึ้ง
“บอสคิดยังไง ถึงไปโกหกยายแบบนั้น”
“ข้อหนึ่ง...ผมรู้ว่าคุณไม่มีแฟนแน่นอน”
อวัศยาหลิ่วตา “ดูถูกกันเกินไป”
“แล้วถูกมั้ย” ลิปดาถาม
อวัศยาเม้มปากเพราะเถียงไม่ออก “ข้อสองเลย..”
ลิปดายิ้ม “ข้อสอง..ผมไม่อยากเสียคุณไป” อวัศยาชะงัก ลิปดาจึงรีบพูดแก้ “คือ..ไม่อยากเสียพนักงานดีๆอย่างคุณไปแต่งงานกับผู้ชายอีก 5 คนที่คุณไม่น่าจะชอบ”
“แล้ว”
“ผมก็เลยตัดสินใจ..สวมรอยเป็นแฟนคุณซะเลย..เพราะไหนๆคุณก็โกหกยายไปแล้ว และคุณคงหาแฟนปลอมๆมาหลอกยายคุณไม่ได้แน่”
อวัศยาจิกตาใส่พร้อมคิดในใจว่าอีบอสร้ายกาจ
“คุณก็มีแฟนมาหลอกยาย ผมก็ไม่ต้องเสียคุณ .. เสียพนักงานดีๆอย่างคุณไปเรียกว่า วิน-วิน”
อวัศยาคิด “แล้วยายก็เชื่อบอสเนี่ยนะ”
อวัศยาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

อ่านต่อหน้าที่ 3


แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
อรุณที่นั่งกินข้าวกับอวัศยาและลิปดาในห้องพักอวัศยาพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ

“ยายก็ไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่เรียกว่า 50 - 50”
“อ้าว ! เมื่อกี๊ที่หน้าห้องยายยังบอกว่าสนับสนุนบอส ถูกใจมาก” อวัศยาว่า
“สนับสนุนแต่ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซนต์เพราะตอนที่เราอยู่กับพ่อลิป ยายไม่เห็นเราจะแสดงความรักอะไรออกมาเลย ยายสนับสนุนพ่อลิปให้เป็นแฟนเรา..แต่ณ.ตอนนี้ เวลานี้..ยายยังไม่เชื่อว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน”
อวัศยากับลิปดาอึ้งว่าจะเอายังไงดี อวัศยาคิดแล้วก็พาดแขนมาโอบไหล่ลิปดาทันที ลิปดางง แล้วอวัศยาก็เอาหัวมาพิงไหล่ลิปดาด้วยท่าทีพยายามสวีทสุดๆ
“ใครบอกว่าหนูไม่แสดงความรัก..หนู..” อวัศยาจะพูดว่ารักแต่ก็ไม่ออกจากปาก “ร..ร..” อวัศยากัดลิ้นตัวเองก่อนพูด “รักบอสจะตาย” อวัศยาทั้งโอบ ทั้งกอด ทั้งอิงไหล่ลิปดาแบบเฟคสุดๆ “รักกันนะ รักกันรักกัน”
อวัศยาทำไปเพราะต้องการเอาตัวรอดแต่ลิปดากลับใจเต้นเพราะไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับอวัศยาขนาดนี้มาก่อน ลิปดามองอวัศยาที่มาอิงแอบอย่างใกล้ชิดแล้วก็ยิ้มมีความสุข ลิปดาเอื้อมมือมาโอบอวัศยากลับ
“ใช่ครับ..เราสองคนรักกันมาก” ลิปดาโอบกอดอวัศยา อวัศยาเริ่มตัวเกร็ง “แต่ศยาเค้าจะขี้อายน่ะครับ ไม่ค่อยกล้าแสดงออกต่อหน้าคนอื่น..จริงมั๊ยจ้ะฮันนี่”
ลิปดามองหน้าอวัศยาแล้วก็ส่งตาหวาน อวัศยาทำตาปริบๆ คล้ายจะบอกว่าหวานไปนะ แล้วก็หันกลับมาที่อรุณ
“จริงจ้ะ..จริงๆแล้ว..ลับหลังคนอื่น..เราสองคนก็..สวีทกันมากเลยจ้ะ”
ลิปดามองอวัศยาเพื่อจะเอาตัวรอดแล้วก็ยิ้ม วูบนั้นเขาก็เกิดความคิดบางอย่างวาบเข้ามา ลิปดายื่นจมูกมาหอมแก้มอวัศยาทันทีฟอดใหญ่ อวัศยาตกใจ
“เฮ้ย” อวัศยาหันมาแล้วก็ตบหน้าลิปดาอย่างแรงตามสัญชาติญาณ
“โอ้ย” ลิปดาถึงกับหน้าหัน
อรุณตกใจ “ศยา”
อวัศยาชะงักกึกแล้วหันมาทางยายว่าทำไงดี อรุณอึ้งเหวอ ลิปดาลูบแก้มป้อยๆ แล้วฝืนพูดด้วยความร่าเริง
“ศยาเค้า..หยอกผมเล่นนะครับ ปกติเราก็ชอบล้อเล่นกันแบบนี้บ่อยๆ”
อวัศยารีบรับมุก “ใช่ค่ะ ล้อกันเล่นน่ะค่ะ” อวัศยาหันมาทำเป็นตบลิปดาเล่นๆ “นี่แน่ะๆ ซ้ายขวา ซ้ายขวา แหะๆ สนุกจัง” อวัศยายิ้มร่าเริงแต่กัดฟันพูดรอดไรฟันให้ได้ยินแค่สองคน “คราวหน้าถ้าบอสทำแบบนี้อีก ฉันจะเอาหัวจุ่มชามแกงจืด”
ลิปดาผงะ อรุณมองงงๆ ลิปดาจึงต้องยิ้มกลบเกลื่อน
“แหะ ๆ.. วันนี้สนุกจังครับ ฮ่าๆ”

ปราณนต์รูดซิปปิดกระเป๋าหลังจากจัดของเสร็จเรียบร้อย ปราณนต์เดินมากดเปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำ เครื่องเริ่มทำงาน
อวัศยาสรุปหน้าชื่น โดยที่ลิปดาซึ่งอยู่ข้างๆ ยังลูบหน้าเบาๆ
“ตอนนี้ยายก็รู้แล้วว่าแฟนหนูเป็นใคร .. ยายก็สบายใจแล้วนะ” อวัศยายื่นหน้ามา “ยายไปยกเลิกผู้ชาย 5 คนนั้นเลยนะ..นะจ๊ะ”
อรุณพูดหน้านิ่งๆ “ยัง ! ยายยังไม่ไว้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์”
อวัศยาชะงักกึก “อ้าว..ทำไมหล่ะคะ”
“ก็..แค่มาจับมือถือแขน หอมแก้มกันแบบนี้..ยายไม่เชื่อหรอกว่าจะรักกันจริงๆ .. ยายขออยู่ให้เห็นกับตาก่อนว่าไม่ได้มาหลอกยายว่าเป็นแฟนกัน ..ถ้ายายเห็นเมื่อไหร่ยายจะกลับไปยกเลิกพวกนั้นทันที”
อวัศยากับลิปดาหันมามองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี ทันใดนั้นเสียงอีเมลเข้าก็ดังขึ้น “ตึ๊ง”
อวัศยาตาวาวที่อีเมลเข้า อรุณแปลกใจ
“เสียงอะไร” อรุณถาม
อวัศยาหันมาตอบ “อีเมลลูกค้าของหนูน่ะ..หนูขอไปเชคเมลแป๊บนึงนะจ๊ะยาย เดี๋ยวมาคุยต่อ”
อวัศยาลุกไปทันที อรุณกับลิปดางง
“อ้าว คุณ!! เอาไว้ก่อนก็ได้มั๊ง เดี๋ยวค่อยเชค” ลิปดาพยายามเรียก
อวัศยาตะโกนกลับมา “ไม่ได้ ลูกค้าคนนี้สำคัญมาก” อวัศยาวิ่งมาหยุดที่หน้าห้องทำงานแล้วหันมาทำหน้าซีเรียส “ลูกค้าบอสนั่นแหละ..บอสคุยกับยายไปก่อน ฉันทำงานให้บอสแป๊บเดียว”
อวัศยารีบเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้วปิดประตู ลิปดามองงงๆ อรุณยื่นหน้ามาถาม
“ศยามันไปเชค “อีแมว” ... อีแมวมันเป็นใคร”
ลิปดาขำ “ไม่ใช่อีแมวครับ...แต่เป็นอีเมล”
อรุณงง “แล้ว...อีแมว อีเมล มันคืออะไร”
อรุณถามด้วยความอยากรู้


อวัศยารีบเปิดเข้าอีเมลของ “Love_ in_ a_ mist” เธอเห็นว่ามีอีเมลเข้า 1 เมล อวัศยาใจเต้นแรง..
“มีคนส่งอีเมลมาจริงด้วย...ปราณนต์ใช่เธอหรือเปล่า”
อวัศยาคลิ๊กเข้าไปในอีเมล แล้วก็พบว่าเป็นปราณนต์จริงๆ อวัศยาโพล่งออกมาเสียงดังลั่น
“เยส !”
อวัศยารีบปิดปากตัวเองทันที


ลิปดาหันมามองทางประตูงงๆ กับเสียงอวัศยาที่ดังออกมา อรุณถามย้ำ
“เมื่อกี๊พ่อลิปบอกว่า..อีเมลมันเป็นอะไรนะ”
ลิปดาตั้งใจอธิบาย “อ้อ.. อีเมล..มันเป็นชื่อย่อครับ..ย่อมาจาก อี-เลค-โท-นิค-เมล เป็นจดหมายที่ส่งกันทางอินเตอร์เน็ตครับ..คือเมื่อก่อนเราส่งจดหมายต้องเขียนใส่กระดาษ ใส่ซอง” อรุณฟังพลางพยักหน้าไปด้วย “เดินไปหย่อนตู้ แล้วบุรุษไปรษณีย์ก็เอาไปส่งยังจุดหมายปลายทาง แต่....”
ลิปดาเล่าอย่างออกรสออกชาติ อรุณฟังด้วยความตั้งใจ
“อีเมลไม่ต้องเลยครับ เราแค่มีคอมพิวเตอร์ หรือมือถือ หรือแทปแล็ต และมีอินเตอร์เน็ต แล้วเราก็เข้าไปในเวปไซต์
“หือ อะไรไซ้ๆนะ”
“เอ่อ..”
ลิปดาคิดๆแล้วหันไปหยิบลูกโลกจำลองที่อยู่แถวนั้นมาช่วยอธิบาย
“คุณยายลองนึกภาพว่า..อินเตอร์เน็ตเป็นโลกใบนึง ผู้คนก็เข้าไปจับจองพื้นที่ทำมาหากิน ..พื้นที่พวกเนี้ยเราจะเรียกมันว่าเวปไซต์”
อรุณพยักหน้า “อ๋อ..เหมือนเป็นร้านขายของว่างั้น”
“ทำนองนั้นครับ และก็มีเวปที่เค้าตั้งตัวเป็นไปรษณีย์กลาง มีตู้จดหมายให้เราใช้ฟรีบ้างเสียเงินบ้าง .. เราก็เข้าไปตั้งชื่อของเราเอาไว้ แค่นี้เราก็จะได้ตู้จดหมายในโลกอินเตอร์เน็ตไว้ติดต่อกับคนอื่น”
อวัศยาที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำหน้าตาดีใจ เธอกดเข้าที่อีเมลของปราณนต์แล้วอ่านด้วยความตื่นเต้น
อรุณถามลิปดา “อย่างนี้..ยายก็เขียนจดหมายหาเพื่อนผ่านทางคอม .. มือถือ” อรุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “แล้วก็ส่งไป ไม่ต้องออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว”
อวัศยาอ่านจบยิ้มกว้างแล้วพิมพ์ตอบอย่างเร็ว เธอพิมพ์ไปยิ้มไปอย่างมีความสุขแล้วก็กด “ส่ง”
“ใช่ครับ..ถ้าเพื่อนคุณยายมีที่อยู่ มีชื่ออีเมล คุณยายก็ส่งได้เลยครับ” ลิปดาตอบอรุณ
อรุณปิ๊งไอเดีย
“อ๊า...” อรุณคิดเจ้าเล่ห์ “ถ้าแฟนเก่ายายเค้ามีอีเมล..แล้วยายก็อีเมล แล้วยายก็ส่งอีเมลไปหาเค้า..แต่ไม่บอกว่าเป็นยาย โกหกว่าเป็นญาญ่า...เค้าก็ไม่รู้ว่าเราโกหกใช่มั้ย”
ลิปดาหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆๆ ..นี่หล่ะครับ..คือสิ่งที่ต้องระวัง คนสมัยนี้ใช้อีเมลในการหลอกกันเยอะมาก.. ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราอ่านจดหมาย เห็นลายมือก็อาจจะรู้ว่าคนเขียนเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม .. แต่อีเมลเราไม่รู้เลยว่าคนที่เรากำลังคุยอยู่..จริงๆแล้วเค้าเป็นใคร”
ปราณนต์เปิดคอมพิวเตอร์ค้างไว้ที่หน้าอีเมล ปราณนต์เดินไปเดินมาด้วยความตื่นเต้น จนกระทั่งมีอีเมลเข้ามา ปราณนต์รีบหันขวับมายิ้มและพุ่งตัวมาเปิดอ่านทันที อีเมลที่เข้ามาชื่อ “love_in_a_mist@hotmail.com” ปราณนต์อ่านด้วยความตื่นเต้น

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ปราณนต์กดเปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เดินไปหยิบกระเป๋ามาวางเตรียมพร้อมเดินทางในวันรุ่งขึ้น เสียงอีเมลเข้าดังขึ้น ปราณนต์เดินมาดูพอเห็นชื่อเขาก็แปลกใจ
“เลิฟอินอะมิสต์” ปราณนต์คิด “รักในสายหมอก”
ปราณนต์คลิ๊กเข้าไปอ่าน....
ตัวหนังสือในอีเมล “สวัสดีปราณนต์..ฉันกลับมาแล้ว”
ปราณนต์อ่าน “สวัสดีปราณนต์..ฉันกลับมาแล้ว”
ปราณนต์ชะงักกึกแล้วรีบกวาดสายตามองไปทั่วทั้งอีเมลและเน้นที่ชื่อลงท้ายว่า “แอบรัก”
“แอบรัก”
ปราณนต์รีบลากเก้าอี้มานั่งแล้วตั้งใจอ่านมาก แววตาของปราณนต์เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
“ฉันกลับมาแล้ว..ระหว่างที่ไม่ได้คุยกันฉันค้นพบคำ 3 คำ”
อีกฝั่งหนึ่ง อวัศยานั่งพิมพ์อีเมลฉบับแรกด้วยความตื่นเต้น
“หนึ่งคือ ขาด ... สองคือ ห่วง ... สามคือ .... คิดถึง แล้วคุณ...มีคำว่าอะไรบ้าง ถ้าคุณยังอยากคุยกับฉันต่อ...ตอบมานะคะ .. แอบรัก”
อวัศยากดส่งด้วยความตื่นเต้น
ปราณนต์อ่านจบแล้วรีบพิมพ์ตอบกลับไปยาวมาก ตัวหนังสือขึ้นเต็มพรืด
อวัศยาเปิดอีเมลจากปราณนต์อ่าน
“เยส” อวัศยารีบปิดปาก
อวัศยาอ่านจดหมายด้วยความตื่นเต้น
“คุณแอบรัก คุณหายไปไหนมา?คุณใจร้ายมากที่ปล่อยให้ผมรอข้อความคุณ คุณทำให้ผมจมอยู่กับคำถามว่า “คุณหายไปไหน” “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” “ผมทำผิดอะไร คุณถึงหายไป” .. และอีกมากมาย .. ระหว่างที่ไม่ได้คุยกัน คุณอาจจะค้นพบแค่ 3 คำ แต่สำหรับผมมันมากมายจนพิมพ์ออกมาไม่ได้”
อวัศยายิ้มอย่างมีความสุข
ปราณนต์พิมพ์ด้วยความตั้งใจ
“แต่ตอนที่ผมได้รับเมลจากคุณ...ผมค้นพบ 2 ความรู้สึก” ปราณนต์พิมพ์ไปยิ้มไป “หนึ่ง ดีใจที่คุณกลับมา ดีใจที่คุณสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่ผมห่วง และสอง .. ผมมีความสุขที่ได้อ่านข้อความจากคุณ..ไม่ว่าจะเป็นแชต หรือ อีเมล หรือจากที่ไหนก็ตาม..แค่ได้อ่านผมก็มีความสุขมาก ... อย่าทิ้งผมไปแบบนั้นอีกนะครับ ... ปราณนต์”
ปราณนต์กดส่งอย่างมีความสุข
อวัศยาพิมพ์อีเมลตอบแล้วกดส่ง
“ที่ฉันหายไป..มันมีเหตุผลนะ มันเป็นความขัดข้องทางเทคนิคส่วนตัว คุณอ่านแล้วอาจจะโกรธฉันก็ได้ ฉันไม่ว่า .. แต่ฉันลองมานึกทบทวนดูแล้ว ตั้งแต่เราเริ่มคุยกัน ฉันเริ่มกลายเป็นคนติดแชตจนเสียงานเสียการ ด้วยเหตุนี้ฉันเลยใช้วิธีเขียนอีเมลถึงคุณดีกว่า .. ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง”
ปราณนต์ได้รับอีเมลก็เปิดอ่านแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

อวัศยากับปราณนต์เริ่มตอบโต้กันทางอีเมลอย่างต่อเนื่อง
ปราณนต์เปิดรับอีเมลโดยอ่านแล้วก็ยิ้มก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
“ผมไม่โกรธครับ ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองติดแชตเหมือนกัน เราส่งอีเมลคุยกันได้ครับ ผมเริ่มเข้าใจแล้วทำไมคุณคิดถึงคำว่า “ขาด” ตอนที่เราไม่ได้คุยกัน เพราะผมเองก็เป็น ... ไม่ได้คุยกับคุณชีวิตผมเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ดีใจอีกครั้งที่คุณกลับมา” ปราณนต์มองไปนอกหน้าต่าง “คืนนี้ดูท่าทางผมจะตกหนัก แถวบ้านผมมีเสียงฟ้าคำรามเป็นระยะ หวังว่าคุณคงไม่กลัวเสียงฟ้าร้องนะครับ”
อวัศยาพิมพ์อีเมลตอบกลับ
“เมื่อก่อนฉันเคยกลัวเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่ามากๆ แต่วันหนึ่งฉันหายกลัวเป็นปลิดทิ้ง และตอนนี้ฉันเกิดหลงรักมัน นอนฟังเสียงฟ้าคำรามได้อย่างสบายใจ ทุกอย่างเป็นเพราะความทรงจำดีๆเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันฝนตกเมื่อหลายเดือนก่อน..วันที่ฉันเจอคนที่ฉันแอบรักอยู่ตอนนี้”
อวัศยาคิดถึงตอนที่ปราณนต์มาช่วยเธอไว้ ภาพปราณนต์ที่มาช่วยเธอย้อนกลับมา ทำให้เขาดูเป็นฮีโร่ของเธอมากๆ
ปราณนต์อ่านถึงตอนนี้แล้วก็ใจหายแวบๆ และแอบเจ็บจี๊ด
“ผมอ่านอีเมลคุณแล้วแปลกใจ ผู้ชาย (คนที่คุณแอบรักอยู่) คนนั้น..สามารถรักษาอาการเกลียดกลัวฝนของคุณได้ยังไง ผมเป็นโรคกลัวน้ำ แต่ไม่ใช่พิษสุนัขบ้านะครับ ผมว่ายน้ำสระได้สบาย แต่รู้สึกไม่ดีเลยถ้าต้องลงไปอยู่ในสถานที่ประเภท “คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล” เค้าจะรักษาผมได้หรือเปล่า”
อวัศยาพิมพ์ถาม
“คุณกลัวน้ำทะเลเหรอคะ ทะเลสวยจะตาย .. คนคนนั้นเขารักษาให้คุณไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเขาก็กลัวทะเลเหมือนกัน”
ปราณนต์ชะงักแล้วก็แอบอมยิ้มก่อนจะพิมพ์กลับ
“น่าเสียดายจัง .. ผมกับคนที่คุณ “แอบรัก” มีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันนะครับ ผมเริ่มอยากรู้แล้วว่าคุณแอบรักใคร ที่มากไปกว่านั้น..ผมอยากรู้ว่าจริงๆแล้วคุณเป็นใคร ผมชอบชื่ออีเมลของคุณนะครับ “Love in a mist” รักในสายหมอก มันโรแมนติก เหงา เศร้า .. กลัวว่าสักวันสิ่งที่อยู่ในสายหมอกมันอาจจะจางหายไป .. มันทำให้ผมสงสัยว่า..สิ่งที่ผมรู้จักคุณผ่านตัวหนังสือ .. มันคือตัวจริงของคุณหรือเปล่า”
อวัศยาอ่านแล้วคิดและตอบด้วยความตรงไปตรงมาอย่างที่สุด
“คุณอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันคงทำตามที่คุณต้องการตอนนี้ไม่ได้ แต่ขอให้มั่นใจ..ฉันอาจจะเป็นคนขี้ขลาด แต่ไม่ใช่คนหลอกลวงอย่างแน่นอน แทนที่จะคิดว่า..รักของฉันจะจางหายไปเมื่อหมอกสลาย ทำไมคุณไม่คิดว่าเมื่อถึงวันที่หมอกจางไปแล้ว คุณจะมองเห็นความรักของฉันชัดเจนขึ้น .. คิดบวกสิคะ ^^”
ปราณนต์อ่านแล้วก็คิด
“อืมมม์...ก็จริง” ปราณนต์ยิ้มแล้วก็พิมพ์ต่อ “คุยกับคุณทีไร ผมเถียงไม่เคยชนะสักที แบบนี่คงเรียกว่าแพ้ทาง.. ตอนนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้ผมมีงานต้องไปต่างจังหวัดแต่เช้า ไปกับเพื่อนร่วมงานอีกหนึ่งคน แล้วคุณหล่ะครับ..พรุ่งนี้วางแผนจะทำอะไรบ้าง”
ปราณนต์รออีเมลตอบกลับ

อวัศยาอ่านแล้วก็ตาวาวจึงรีบพิมพ์ถามไปทันที
“ฉันทำงานตามปกติค่ะ..คุณไปต่างจังหวัดกับเพื่อนร่วมงาน..ฟังดูน่าสนุกจัง แล้วเพื่อนร่วมงานของคุณเค้าเป็นใครคะ แล้วนิสัยเป็นยังไง สนิทกันหรือเปล่า ไปทำงานต่างจังหวัดด้วยกันได้แบบนี้แสดงว่า..ต้องสนิทกันใช่มั๊ยคะ”
อวัศยากำลังจะกดส่ง ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดผัวะเข้ามาโดยลิปดา
“นี่คุณ”
อวัศยารีบปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกับทำหน้านิ่งแต่ในใจตื่นเต้น
“บอสช่วยเคาะประตูนิสนึงนะคะ..ถึงเราจะกำลังเล่นละครเป็นแฟนกัน แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะอยู่กันแบบไม่มีมารยาท”
“แค่ไม่ได้เคาะประตูบ่นซะยาวเลย .. มีลับลมคมในอะไรหรือเปล่าเนี่ย” ลิปดาถาม
อวัศยาชะงักแล้วรีบเฉไฉ
“ถ้าจะมีก็เป็นความลับทางธุรกิจ ที่ฉันติดต่อกับลูกค้าบอสนั่นแหละ” อวัศยาเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเปิดผัวะเข้ามามีอะไร”
อวัศยาพยายามเปลี่ยนเรื่องเนียนๆ

ปราณนต์นั่งรออีเมลล์จากแอบรัก ระหว่างรอเขาก็เปิดดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆ มีทั้งฟังเพลง ดูคลิป วีดีโอแต่แอบรักก็ไม่ตอบกลับมาสักที ปราณนต์ตัดสินใจพิมพ์อีเมลล์ส่งกลับไปหาอีกครั้งแล้วปิดคอมพิวเตอร์ ปราณนต์ยิ้มอย่างมีความสุขพลางคิดถึงคำพูดของอวัศยา
“ถ้าเธอรู้สึกดีกับเค้าขนาดนั้น ฉันว่า..เค้าก็อาจจะรู้สึกดีไม่ต่างกับเธอ อีกไม่นานเดี๋ยวเค้าก็กลับมา”
ปราณนต์ยิ้ม
“พี่ศยาพูดถูกจริงๆด้วย”
ปราณนต์นึกถึงอวัศยาด้วยความรู้สึกดีๆ

วันต่อมา รันถามด้วยความแปลกใจ
“ยายอยากไปเที่ยวสวนน้ำ”
รันขี่รถกอล์ฟตามอวัศยาที่กำลังวิ่งอยู่ในสวน ทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อยๆ ตลอดทาง อวัศยาวิ่งด้วยความเหน็ดเหนื่อย
อวัศยาตอบ “ใช่ !! บอสก็บ้าจี้พาไป ฉันก็ต้องไปด้วย เดี๋ยววิ่งเสร็จก็ต้องขึ้นไปเตรียมตัวออกเดินทาง วันนี้ฉันกับบอสไม่เข้าบริษัท ฝากเธอดูแลความเรียบร้อยด้วย มีอะไรก็โทร.มาแล้วกัน โดยเฉพาะเรื่องพริบพราวกับปราณนต์”
“แหมๆ จ้า..ไม่ลืมหรอกน่า..นี่..แต่หล่อนก็เซี้ยวนะ..ชั่วข้ามคืนส่งอีเมลล์ไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์ เป็นไง คุยกันฉ่ำไปเลยหล่ะสิ”
อวัศยาอาย “บร้า...ก็พอหอมปากหอมคอ แต่เสียดายฉันกำลังจะแอบถามถึงพริบพราวบอสเข้ามาขัดจังหวะ เรียกฉันไปคุยเรื่องไปเที่ยวอีสวนน้ำนี่แหละ พอกลับไปอีกที ณนต์ส่งเมลล์มากู๊ดไนท์ เลยยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อ แต่ฉันส่งเมลล์ไปถามแหละ..รอคำตอบ อยากรู้ว่าณนต์...คิดยังไงกับเด็กนั่น”
“เธอว่าเค้าจะตอบเธอเหรอ”
“ถ้าศยาถาม..ไม่ตอบ แต่ถ้าแอบรักถาม...ฉันว่าตอบ”
อวัศยาแอบหวังเล็กๆ และลุ้นๆ

ปราณนต์ที่แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมเดินทางจะเดินมาเปิดคอมพิวเตอร์ เสียงแตรรถดังที่หน้า
บ้าน ปราณนต์ชะโงกมองก็เห็นรถพริบพราวจอดอยู่ พริบพราวที่นั่งอยู่ในรถกำลังคุยโทรศัพท์ พริบพราวโบกมือเรียก ปราณนต์พยักหน้ารับแล้วหันมาหยิบกระเป๋า เขามองคอมพิวเตอร์ด้วยความเสียดายแล้วก็นึกได้
“เชคเมลจากมือถือก็ได้นี่..ลืมไป”
ปราณนต์ยิ้มแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือ

พริบพราวที่นั่งอยู่ในรถกำลังคุยโทรศัพท์
“วันนี้พี่ศยาไม่เข้าบริษัทเหรอคะ”
แสนดีเม้าท์ผ่านโทรศัพท์อย่างสาระแน
“ใช่ค่ะ ประหลาดล้ำมาก ร้อยวันพันปีไม่เคยหยุด แต่พอน้องพราวกับน้องณนต์ไปหาลูกค้าต่างจังหวัด ดันหยุดซะงั้น เห็นคุณรันบอกว่าไปทำธุระกับบอส ไม่รู้ว่าไปไหนกัน”
พริบพราวฟังแล้วก็คิดตาม
“น่าเสียดาย เลยไม่รู้ปฎิกริยาเลย”
แสนดีงง
“ปฎิกริยาอะไรคะ พูดยังกะน้องพราวกำลังทำการทดลองอยู่อย่างนั้นแหละ”
พราวพูดทีเล่นทีจริง
“ทดลองใจมั้งคะ คือ พราวตั้งใจว่าจะคอยรายงานการทำงานนอกสถานที่ในวันนี้ให้พี่ศยาทราบ ก็เลยอยากรู้ว่า...พอพี่ศยาได้รับรายงานแล้วจะมีปฎิกริยา เอ่อ..มีความคิดเห็นยังไงบ้าง ถ้าพี่ศยาเปลี่ยนแผนเข้าออฟฟิศเมื่อไหร่ บอกพราวด้วยนะคะ”
พริบพราวเห็นปราณนต์เดินมา
“พี่แสนดีคะ แค่นี้ก่อนนะคะ..พราวต้องไปแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
แสนดีรับคำ
“ค่ะๆ ขับรถดีๆ เดินทางปลอดภัย ได้ลูกค้าสมใจนะค๊า”

พริบพราวยิ้มรับ
“ขอบคุณมากค่ะ”
พริบพราวกดวางสายแล้วมองปราณนต์ที่กำลังเดินมาพร้อมทั้งคิดถึงคำพูดของอวัศยาที่เคยปะทะคารมกับเธอ
“เธอจะไปกับปราณนต์สองต่อสอง จะไปสักกี่วัน ไปทำอะไรกันบ้าง ฉันไม่สน”
“ได้ !! แล้วเรามาดูกัน..สองวันที่พราวอยู่กับณนต์ พี่ศยาจะสน..หรือไม่สน”
พริบพราวคิดแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเปิดประตูลงไปหาปราณนต์ พริบพราวยิ้มกริ่ม
ปราณนต์หลิ่วตาให้ “ยิ้มแบบนี้ มีอะไรในใจ”
“เปล๊า” พริบพราวเสียงสูง
“แน่ะ มาทำเสียงสูงใส่ ไม่เนียนนะเนี่ย บอกมา”
“ก็แค่...อารมณ์ดี มีความสุข ก็มีเสียงสูงบ้างไรบ้าง ผิดหรือไง หรือชอบที่ฉันเหวี่ยงๆ วีนๆ หาเรื่องชวนทะเลาะ”
ปราณนต์รีบโบกมือแล้วตอบ “โอ๊ะๆ ไม่นะ อารมณ์ดีมีความสุขแบบนี้ก็ดีแล้ว..ไปกันยัง”
“ไปแต่..ก่อนไป..สักแชะนะ”
ปราณนต์งงๆ พริบพราวหยิบโทรศัพท์มาเปิดกล้องหน้าแล้วก็โผเข้ามาอิงแอบแนบชิดแล้วถ่ายรูปคู่กับปราณนต์ที่ทำหน้างงๆ
“ทำไรน่ะคุณ”
“ยิ้ม ..” พริบพราวบอก ปราณนต์ยังงง “ยิ้มซี่..ยิ้มไม่เป็นหรือไง”
ปราณนต์ยิ้ม พริบพราวรัวรูปคู่จนสาแก่ใจแล้วก็เดินจากไป ปราณนต์ยืนงงๆ ว่าพริบพราวอารมณ์ไหนเนี่ย

อวัศยาอยู่ในชุดเตรียมไปสวนน้ำเดินมาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คอีเมล
“ทำไมณนต์ยังไม่ตอบมานะ...หรือจะไม่พอใจที่เราไปถามละลาบละล้วง”
อวัศยากำลังคิดอย่างเคร่งเครียด เสียงออดดังขึ้นพร้อมกับเสียงอรุณ
“อ้าวพ่อลิปมาตรงเวลาเป๊ะ” อรุณตะโกนขึ้น “ศยาแฟนมาแล้ว”
อวัศยากลอกตาเซ็งๆ
“ค่า...กำลังจะออกไปค่า”
อวัศยาคิดแล้วก็หันไปหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าเดินออกไปทันที

ปราณนต์กำลังเดินไปที่รถโดยระหว่างเดินก็กดเข้าไปเชคอีเมลล์ ที่จอมีอีเมลล์จาก Love_in_a_mist ปราณนต์รีบกดเข้าไปอ่านแล้วก็ยิ้ม พริบพราวกำลังเดินมาที่รถแต่ก้มหน้าอยู่ที่มือถือไม่ต่างจากปราณนต์ พริบพราวส่งอีเมลล์หาอวัศยาโดยแนบรูปสวีทคู่กับปราณนต์ไปด้วย พริบพราวยิ้มสะใจ
“สวัสดีค่ะพี่ศยา..พราวส่งรูปมารายงานว่าตอนนี้อยู่กับณนต์แล้วนะคะ เราสองคนกำลังจะออกเดินทางไปหาลูกค้าแล้วค่ะ..รูปอาจจะดูหวานแหวว หนิดหนม แต่...พี่ศยาคงไม่สนเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว..สนแต่เรื่องงาน...ใช่มั๊ยคะ”
พริบพราวยิ้มกวน
ปราณนต์พิมพ์ตอบกลับแอบรัก
“เพื่อนร่วมงานของผมเป็นผู้หญิงครับ นิสัยตรงไปตรงมา หลายคนไม่ชอบเธอแต่สำหรับผม...ผมสบายใจเวลาทำงานกับเธอนะครับ .. ถ้าถามว่าสนิทมั๊ย..ผมคิดว่าเธอเป็นพนักงานหญิงที่ผมสนิทด้วยมากที่สุดในบริษัทนะครับ”
อวัศยากำลังไล่ปิดแอร์ ปิดม่านในคอนโด เธอเห็นลิปดากำลังพาอรุณเดินออกไป
“พร้อมลุยมั๊ยครับคุณยาย” ลิปดาถาม
“พร้อมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว !! ไม่พร้อมไม่ต้องมาเรียกอรุณ”
ลิปดาขำ อวัศยายิ้มๆ เสียงอีเมลล์เข้าดังขึ้น อวัศยาตื่นเต้น ลิปดาหันมามอง อวัศยารีบทำหน้านิ่ง แล้วก็กดเช็คอีเมลล์ด้วยความตื่นเต้น หน้าจอขึ้นมาว่าเป็นอีเมลจากพริบพราว
“พราว”
อวัศยากดเข้าไปดู พอเห็นรูปคู่เท่านั้นอวัศยาก็เจ็บจี๊ด เธอเงยหน้ามาแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นลิปดายืนมองอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า” ลิปดาถาม
อวัศยารีบฉีกยิ้ม “ไม่มี ก็แค่ลูกค้าขอดูเอกสารเพิ่มเติมนิดหน่อย..เดี๋ยวฉันขอตอบกลับแป๊บเดียว”
อวัศยารีบหันหลังเดินเลี่ยงไปแล้วกดพิมพ์ตอบกลับยิกๆ
“ดีมาก ! ยิ่งเธอสองคนสนิทกันมาก ทำงานเข้าขากันได้ดี ยิ่งเป็นผลดีกับบริษัท หวังว่าความสนิทสนมของเธอจะทำให้ได้ลูกค้าตามเป้า”
อวัศยากดส่งไป
ปราณนต์ก็กดส่งอีเมลล์ไปหาแอบรัก
ข้อความอีเมลเข้าที่มือถือของพริบพราว
ปราณนต์ชะงักกึกแล้วหันไปมองพริบพราว
ข้อความอีเมลจากปราณนต์เข้าที่มือถืออวัศยา
พริบพราวกดอ่านอีเมลล์ของอวัศยาที่ตอบกลับมา พริบพราวอ่านแล้วก็ยิ้มๆ อย่างสะใจ
ปราณนต์เห็นก็อึ้งคิดในใจว่า “หรือว่า..”
“อ่านเมลแล้วทำไมต้องยิ้ม” ปราณนต์สงสัย
“ก็..เมลมันตลกดี อ่านแล้วก็เลยยิ้ม” พริบพราวตอบ
“บอกได้หรือเปล่าว่าเมลของใคร”
“ไม่บอกและก็บอกไม่ได้” พริบพราวว่า
พริบพราวยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยแล้วก็ขึ้นรถไป ปราณนต์รีบเดินตามขึ้นรถแล้วก็ถามต่อ
“อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ”
“ก็ฉันยังไม่อยากตอบตอนนี้นี่...เอ๊ะ ถามอะไรมากจริงๆ ฉันจะไม่ตอบแล้วนะ ได้เวลาทำงานแล้ว” พริบพราวหันมาสตาร์ทรถ “วันนี้ต้องสนุกแน่ๆ”
ปราณนต์ยังอึ้งอยู่ เขามองดูโทรศัพท์ตัวเอง
ปราณนต์คิดในใจ “แอบรักยังไม่ตอบมา”
ปราณนต์มองโทรศัพท์แล้วก็คิดก่อนจะมองหน้าพริบพราวแล้วก็คิดสงสัย

อวัศยากดอ่านอีเมลล์ของปราณนต์แล้วก็เครียด
“เป็นพนักงานผู้หญิงที่สนิทมากที่สุดในบริษัท”
อวัศยาเครียด ทันใดนั้นมือลิปดาก็เอื้อมมาหยิบโทรศัพท์ไป อวัศยาตกใจ
“บอส”
ลิปดากดปิดมือถือแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
“บอสทำอะไร” อวัศยาถาม
“ยึดโทรศัพท์มือถือ วันนี้ทั้งวัน ผมจะไม่ให้คุณใช้โทรศัพท์ จนกว่าจะพาคุณยายเที่ยวจนพอใจ ผมถึงจะคืนให้”
อวัศยาอึ้ง “หะ บอสทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันต้องใช้โทรศัพท์ติดต่อกับลูกค้า”
“ไม่เป็นไร วันนี้จะเสียหายไปบ้าง ผมไม่ว่า ผมยอม... ผมอยากให้คุณดูแลคุณยายให้ดีที่สุด..เรื่องลูกค้า เรื่องงาน ถ้ามีอะไรผิดพลาด ผมรับผิดชอบเอง”
อวัศยาอึกอักๆ เพราะน้ำท่วมปาก ลิปดาพูดเสียงจริงจัง อวัศยาไม่เคยเห็นลิปดาจริงจังแบบนี้มาก่อนเลยจำต้องยอม อรุณมองลิปดาด้วยความชื่นชมและถูกใจมาก อวัศยาแอบเครียดนิดๆ เพราะยังไม่ได้ตอบปราณนต์เลย แล้วยังมียัยพริบพราวอีกก็ยิ่งเครียดหนัก


พริบพราวขับรถไปกับปราณนต์ ส่วนลิปดาขับรถไปกับอวัศยาและอรุณ
พริบพราวขับรถฟังเพลงไปอย่างมีความสุข ปราณนต์ที่นั่งอยู่ข้างๆ แอบมองเป็นระยะๆ ก็เห็นว่าพริบพราวยังไม่ตอบอีเมลล์และไม่แตะมือถือด้วยซ้ำ เขามองมือถือตัวเองก็เห็นว่าแอบรักก็ยังไม่ตอบมา ปราณนต์ยิ่งหมกหมุ่นครุ่นคิด
มือถือของอวัศยาอยู่ที่หน้ารถโดยปิดไว้เงียบสนิท ลิปดาขับรถฟังเพลงไปกับอรุณอย่างมีความสุข แต่อวัศยากลับคิดถึงแต่ปราณนต์ด้วยความกังวล
อ่านต่อหน้าที่ 4


แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
สวนน้ำสีสันสดใสเต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนาน อวัศยาเดินมากับอรุณและลิปดา

“เดี๋ยวบอสพายายไปเล่นนะ ฉันนั่งเฝ้าของให้เอง”
ลิปดากับอรุณหันขวับมาพูดพร้อมกัน
“ไม่ได้”
อวัศยาพูดเสียงจริงจัง “ได้สิ..เสียสละนะเนี่ย” อวัศยาพูดกับลิปดา “บอสขอโทรศัพท์ด้วย” อวัศยาแบมือ
ลิปดาตีมืออวัศยา “ไม่ให้ .. และก็ไม่ยอมให้นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย คุณต้องไปเล่นเครื่องเล่นด้วยกัน”
“ใช่ อุตส่าห์นั่งรถมาตั้งไกล จะมานั่งเฝ้าของได้ยังไง ยายไม่ยอม”
อวัศยามองหน้าอรุณกับลิปดาแล้วก็พูดโกหก “ยาย..หนูเล่นไม่ได้” อวัศยาทำเป็นกระซิบ “หนูมีประจำเดือน”
ลิปดากับอรุณพูดพร้อมกัน “โกหก”
อวัศยาสะดุ้งมองลิปดาว่าได้ยินได้ไงเนี่ย
“ผมไม่เชื่อ” ลิปดาบอก
“ยายก็ไม่เชื่อ ! เพราะเวลาเราโกหกยาย เราชอบกำมือ” อรุณว่า
อวัศยากำมืออยู่จึงรีบคลายทันที ลิปดาขำๆ อวัศยาเหล่มองว่าอีบอสขำอะไร ลิปดารีบเก็บอาการแล้วอมยิ้มแทน
อวัศยาแถต่อ “โอเค..หนูขอโทษที่โกหกแต่...หนูก็เล่นไม่ได้อยู่ดี หนูไม่ได้เอาชุดมา”
ลิปดายื่นกระเป๋าให้ “นี่ครับ .. มีทั้งชุดเล่นน้ำ และชุดใส่กลับ”
อวัศยางง อรุณเฉลย
“ยายจัดให้เอง”
อวัศยามองลิปดากับอรุณ
“จะให้หนูเล่นให้ได้ว่างั้น”
ลิปดากับอรุณตอบ “ใช่”
อวัศยาเครียด ลิปดาพูดปิดท้าย
“เรื่องเฝ้าของก็ไม่ต้องห่วง ผมจองห้องส่วนตัวเอาไว้แล้ว เอาของเก็บไว้ในห้องได้ รับรองไม่หาย” ลิปดายื่นหน้ามา “คุณจะได้เล่นกับคุณยายได้อย่างเต็มที่”
ลิปดาย้ำแบบดักคอพร้อมทำหน้ากวนๆ อวัศยาเหล่อย่างรู้ทันว่าโดนดักทาง ลิปดาหันไปทางอรุณ
“เรารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่าครับคุณยาย..จะได้มีเวลาเล่นนานๆ”
ลิปดาจูงมือพาอรุณไปด้วยความคึกคัก ทิ้งให้อวัศยายืนอยู่ที่เดิมหน้าเซ็งเล็กๆ เพราะในใจห่วงปราณนต์


อวัศยาเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด เธออยู่ในชุดเตรียมเล่นน้ำซึ่งเป็นชุดน่ารักสดใสต่างจากอวัศยาคนเดิมอย่างสิ้นเชิง อวัศยาทำหน้าแอบเซ็งเบาๆ อรุณอยู่ในชุดพร้อมลุยไม่ต่างกัน อรุณเห็นอวัศยาแล้วก็ชอบใจ
“เออ แต่งตัวแบบนี้มันค่อยน่ารักหน่อย” อรุณหันไปเรียกลิปดาที่อยู่หน้าห้อง “ลิปเอ้ย”
ลิปดาเดินมาจากนอกห้อง “ครับ”
“พ่อลิปมาดูนี่เร็ว ดูสิว่าหลานยายน่ารักหรือเปล่า”
อวัศยาเขินที่อรุณตั้งใจขายของ “ยาย”
ลิปดาเดินเข้ามาในชุดพร้อมเล่นซึ่งเป็นกางกางเซิร์ฟเท่ๆ และเปลือยท่อนบนทำให้เห็นแผงอกแน่นเปรี้ยะและขาวโอโม่มาก ลิปดามองอวัศยาแล้วก็อึ้ง แต่อวัศยาอึ้งกว่าที่เห็นบอสล่ำเว่อร์ อวัศยายืนช็อคตาค้าง
“ไงพ่อลิป..หลานยายน่ารักมั้ย” อรุณถาม
“น่ารักสิครับ ไม่น่ารักผมจะรักได้ไง” ลิปดาพูดหยอดจริงๆ จากใจ
อรุณยิ้มเขินแทนหลาน แต่อวัศยาไม่ได้ยินเพราะยังอึ้งกับซิกแพคของลิปดา
อรุณเห็นหลานนิ่ง “ศยา !! ศยา”
อวัศยารู้สึกตัว “คะ”
“พ่อลิปเค้าชมว่าน่ารัก ได้ยินหรือเปล่า”
อวัศยามองหน้าลิปดางงๆ แล้วก็รีบรับ “อ๋อ..ได้ยินค่ะ..แต่บอสเค้าก็ชมหนูบ่อยๆ หนูชินแล้วค่ะ” อวัศยายิ้มกลบเกลื่อน
“ใช่ครับ..ผมชมเค้าบ๊อยบ่อย..ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง แต่ส่วนมากจะไม่รู้ตัว” ลิปดาว่า อวัศยาหันขวับมามองหน้าลิปดางงๆ ลิปดามองตอบแล้วพูดต่อ “และวันนี้คุณจะน่ารักมากยิ่งขึ้น...ถ้าถอดแว่นเล่นน้ำ”
ลิปดาถอดแว่นออกให้อวัศยา อวัศยาโวยวาย
“บอส..ถอดแว่นแล้วฉันเห็นไม่ชัด เอาแว่นคืนมา เดี๋ยวฉันเดินตกน้ำขึ้นมาจะทำยังไง” อวัศยาเอามือคว้าเพื่อจะเอาแว่นคืน
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า..เดี๋ยวผมดูแลคุณเอง” ลิปดาบอก
ลิปดาจับมืออวัศยา มือลิปดากุมมืออวัศยาไว้อย่างอบอุ่น วูบนั้นอวัศยาชะงักนิดๆ และรู้สึกเหมือนมีไฟชอตเบาๆที่ฝ่ามือ ลิปดายิ้มอบอุ่นแล้วก็เดินจับมืออวัศยาท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก
อรุณยืนมองแล้วก็อมยิ้มอย่างมีความสุข ลิปดาจูงมือศยาเดินออกมาอย่างมีความสุข อวัศยาแอบเคลิ้มไปหนึ่งอึดใจแล้วก็นึกได้จึงดึงมือกลับ
“พอแล้วบอสสส..แหมเนียนเชียวนะ” อวัศยาว่า ลิปดายิ้มแหะๆ แบบแอบเสียดาย อวัศยาหันซ้ายหันขวา “ยายหล่ะ”
อรุณยังยืนยิ้มอยู่ที่เดิม สักพักอวัศยาก็เดินย้อนกลับมา
“ยาย”
บรรยากาศโรแมนติกในความรู้สึกอรุณหายวับ
“ไปได้แล้ว” อวัศยาจูงมืออรุณแล้วเดินออกไป “รีบเล่นจะได้รีบกลับ เผื่อไม่เย็นมากหนูจะได้กลับไปเคลียร์งานต่อ”
อวัศยาคว้าแขนอรุณแล้วก็เดินพรวดๆ ผ่านลิปดาออกไป ลิปดาได้ยินประโยคสุดท้ายแล้วก็แอบคิดอะไรบางอย่าง


ปราณนต์กับพริบพราวยืนอยู่ที่ป้ายด้านหน้า “โฮมสเตย์ป่าชายเลน..บ้านลุงไกร”
“ที่นี่แหละ บ้านลุงไกร โฮมเสตย์” พริบพราวมองไปรอบๆ “ทำไมเงียบๆ ไม่เห็นมีใครเลย”
ปราณนต์มองไปเห็นลุงใส่หมวกกำลังทำความสะอาดระเบียงบ้านแถวนั้น
ปราณนต์บอก “มีอยู่ตรงโน้นคนนึง”

ไกรสรใส่หมวกปีกกว้างปิดหน้ากำลังทำความสะอาดระเบียงอยู่ ปราณนต์กับพริบพราวเดินมาหา
“คุณลุงคะสวัสดีค่ะ ... พวกเรามาหาลุงไกรเจ้าของที่นี่น่ะค่ะ”
ไกรสรพูดไป กวาดไปแบบไม่มองหน้า “มาหาทำไม” น้ำเสียงของไกรไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
พริบพราวชะงักนิดๆกับเสียงที่แข็งกระด้างแต่ก็พยายามใจเย็น ในขณะที่ปราณนต์พยายามมองลอดหมวก
“คือ..พวกเรามาคุยธุรกิจกับคุณลุงน่ะค่ะ” พริบพราวบอก
“ธุรกิจอะไร” ไกรสรพูดห้วนๆ
พริบพราวอารมณ์ขึ้น “เอ่อ...บอกไปคุณลุงก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ”
ไกรสรชะงักแล้วปรายตามามองพริบพราว ในแว่บนั้นปราณนต์เห็นหน้าไกรสรแล้วก็ชะงัก
“ไอ้ไกรมันไม่อยู่...มันออกไปที่ป่าชายเลน อยากเจอก็ลองไปเดินหาเอาเอง” ไกรสรบอก
พริบพราวอารมณ์ขึ้นมาอีกระดับ
“หะ ป่าชายเลน ไม่ใช่เล็กๆนะคะลุง ไปเดินหาแล้วพวกเราจะเจอเหรอคะ”
“ไม่เจอก็..ช่วยไม่ได้” ไกรสรว่า
ไกรสรทิ้งท้ายแล้วหยิบไม้กวาดเดินไป ปราณนต์คิดแล้วก็รีบแทรกขึ้น
“คุณลุงครับ..ผมจะลองไปเดินหาลุงไกรเอง แต่ผมขอถามแค่ว่า...คุณลุงไกรจะอยู่มุมไหนของป่าครับ..เพราะป่าชายเลนที่นี่มีพื้นที่ตั้ง 4,378 ไร่”
พริบพราวหันมามองหน้าปราณนต์ ไกรสรชะงักหยุดเดินแล้วฟังต่อ ปราณนต์พูดข้อมูลออกมาอย่างลื่นไหล
“ลุงไกรจะอยู่แถวไหนครับ...อยู่แถวทิศเหนือที่เป็นป่าแสม หรือทิศตะวันตกที่เป็นป่าโกงกาง หรือว่าอยู่ทิศตะวันออกกับทิศใต้ที่เป็นลำพูและแสมปนกัน .. ถ้าอยู่ทางเหนือก็จะดีหน่อยเพราะมีพื้นที่แค่ 678 ไร่ซึ่งเล็ที่สุด แต่ถ้าอยู่ทางทิศตะวันออกผมคงแย่แน่ เพราะมีพื้นที่มากที่สุดตั้ง 1,534 ไร่ 2 งาน กับ อีก 74 ตารางวา”
ปราณนต์พูดยาวปรื๊ด พริบพราวอึ้ง ไกรสรนิ่ง
ไกรสรพูดยิ้มๆ “ความจำดีนี่”
ปราณนต์ยิ้มรับ “ผมถึงจำได้ว่าคุณลุงคือ...ลุงไกรไงครับ”
พริบพราวเหวอ “หะ คุณลุง” พริบพราวมองหน้าไกรสรที่หมวกยังปิดหน้าอยู่
“ฮึฮึ” ไกรหัวเราะอย่างเท่แล้วถอดหมวกออก “เก่งมาก”
ไกรสรถอดหมวกออก พริบพราวรีบเปิดแฟ้มดูในรูปที่พริ้นท์ออกมาแล้วเทียบก่อนจะอึ้งไป
“ใช่จริงๆด้วย” พริบพราวรีบปิดแฟ้มยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณไกรสร” พริบพราวนอบน้อมขึ้นมาทันที แล้วก็กัดฟันพูดกับปราณนต์แบบได้ยินกันสองคน “นายเก่งมาก”
ปราณนต์ยิ้มรับ พริบพราวพูดจบรีบยิ้มกว้างให้ไกรสร

แฟ้มเอกสารวางอยู่ตรงหน้าไกรสร พริบพราวและปราณนต์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไกรสร
“พราวเป็นมาร์เก็ตติ้งของบริษัทหลักทรัพย์นารากรนะคะ ส่วนนี่ก็ปราณนต์” พริบพราวพูด ปราณนต์ยิ้ม “เราสองคนได้รับหน้าที่ให้มาอธิบายเกี่ยวกับการลงทุนตามที่คุณไกรสรติดต่อไปค่ะ...ในแฟ้มนี้จะเป็นการลงทุนในรูปแบบต่างๆ..เดี๋ยวพราวจะอธิบายให้ฟังทีละข้อนะคะ”
พริบพราวเปิดแทปแล็ตเตรียมขายของ ไกรสรยกมือห้าม
“เดี๋ยวก่อน”
พริบพราวชะงัก ไกรสรพูดต่อ
“ฉันยังไม่สะดวกคุยตอนนี้ .. ฉันต้องออกไปเก็บหอยก่อน”
“อ๋อ” พริบพราวหันขวับ “หะ เก็บหอย หอยอะไรคะ”
พริบพราวถามเพราะงงมาก ปราณนต์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผงะนิดๆ และมองหน้าพริบพราวแบบแอบฮา

ห่วงยางไหลออกมาจากท่อ Artmis Rapids ตกลงบนน้ำจนน้ำแตกกระจาย เด็กวัยรุ่นที่นั่งอยู่บนห่วงยางหัวเราะด้วยความสนุกสนาน
อวัศยากับลิปดายืนอยู่บนจุดปล่อยตัว อวัศยาหน้าเสียแล้วหันหลังจะเดินกลับแต่ลิปดาจับแขนไว้
“จะไปไหน” ลิปดาถาม
“ไปรอข้างล่าง” อวัศยาบอก
“เฮ้ย ไม่ได้ ยายคุณรอถ่ายรูปอยู่ตรงโน้น..เค้าอยากเห็นเราสองคนเล่นด้วยกัน คุณดูชะเง้อใหญ่แล้ว”
ลิปดาบุ้ยใบ้ไปทางอรุณที่รอถ่ายรูปอยู่ข้างล่าง
“แต่ฉันไม่กล้าเล่นนี่” อวัศยามองแล้วขยาด “บอสเล่นไปคนเดียวเหอะ ฉันลงไปรอกับยายแล้วกัน”
ลิปดาต่อรอง “เอางี้...ถ้าคุณเล่นกับผม..ผมคืนโทรศัพท์ให้เลย” อวัศยาชะงักกึก “อยากได้คืนนักไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณยอมเล่น และทำให้ยายคุณสนุกไปกับพวกเราด้วย ผมคืนโทรศัพท์ให้ทันที”
อวัศยาหันมาหลิ่วตาว่าจริงอ่ะ ลิปดายักไหล่ท้าทาย อวัศยามองท่อที่อยู่ข้างหน้ากับเรือยางว่าจะเอายังไงดี

เสียงอวัศยากับลิปดาร้องดังลั่น
“อ๊ากกซ์”
อวัศยากับลิปดานั่งห่วงยางคนละอันไหลพรวดลงมาที่น้ำตูม
อรุณถ่ายรูปแชะๆ
อวัศยาโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับสำลักน้ำ ลิปดาหัวเราะชอบใจแบบสนุกมาก
“วู้ฮู้ !!! อีกรอบมั้ยคุณ”
“ไม่ !” อวัศยาตอบทันที
“อีกรอบสิศยา ยายถ่ายรูปไม่ทัน” อรุณว่า
อวัศยาชะงัก “หะ”
“เอาแบบสองคนนั่งห่วงยางเดียวกันได้หรือเปล่า” อรุณรีเควส
“นั่งห่วงยางเดียวกัน” อวัศยาอึ้งๆ
มีคนไหลลงมาพอดีโดยเป็นห่วงยางคู่แบบนั่งซ้อนกัน
อรุณชี้ “แบบนี้ไง !! แบบนี้ๆ มา เล่นลงมาอีกรอบ ยายจะได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ไปเร็วสิ”
อวัศยากระบิดกระบวนเพราะไม่อยากเล่น ลิปดามากระแซะ
“อยากได้โทรศัพท์หรือเปล่า อ ยากได้ก็ตามมา”
ลิปดาพูดแล้วก็เดินนำไปอีกรอบ อวัศยาหันขวับก่อนจะรีบเดินตามไป
“บอสอย่ามาขี้โกงไหนบอกว่าถ้าฉันเล่นแล้วจะคืนโทรศัพท์ให้ไง”
“ผมบอกว่า..ถ้าคุณเล่นและทำให้ยายคุณมีความสุข..แต่ตอนนี้” ลิปดาพยักเพยิดไปทางอรุณที่ยังง่วนกับการตั้งกล้องเตรียมถ่ายรูป “ยายคุณยังไม่มีความสุขเลย .. เพราะฉะนั้นต้องตามใจยาย ถ้าอยากได้โทรศัพท์”
ลิปดาพูดทิ้งท้ายแล้วก็เดินนำไป อวัศยาเม้มปากคิดว่าจะเอายังไงดีแล้วก็ยอมเดินตามไป

ห่วงยางแบบคู่วางอยู่ตรงหน้า เจ้าหน้าที่พูดกับลิปดาและศยาที่ยืนอยู่
“คนนั่งหลังจะเป็นคนบังคับห่วงยางนะครับ ใครจะนั่งหลังครับ”
“ฉันเอง” อวัศยาบอก
ลิปดาพูดเปรยๆ “พวกชอบคอนโทรล”
อวัศยาเหล่ “บ่นไรบอส”
“เปล๊า!! งั้นผมนั่งก่อนนะ” ลิปดายิ้มกวนแล้วก็ไปนั่งหน้า
ลิปดาลงไปนั่ง เจ้าหน้าที่หันมาทางอวัศยา
“พี่ผู้หญิงนั่งตรงนี้ แล้วยืดขาไปหาพี่ผู้ชายนะครับ ถ้ากลัวจะร่วงก็เอาขากอดพี่ผู้ชายไว้ก็ได้”
“Wow !!” ลิปดาทำหน้ากรุ้มกริ่มเล็กๆ
“ไม่เป็นไร !! ฉันไม่กลัว” อวัศยาบอก

ห่วงยางไหลมาตามท่ออย่างรวดเร็ว อวัศยาร้องลั่นและใช้ขารัดลิปดาแน่นด้วยความกลัว
“อ๊ายย”
ลิปดาหัวเราะสะใจ “ฮ่าๆๆๆ”
ห่วงยางคู่ของลิปดากับอวัศยาพุ่งออกมาจากท่อ อวัศยาใช้ขารัดลิปดาไว้แน่น อรุณรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง
ภาพจากกล้องอรุณคือภาพอวัศยากับลิปดาที่นั่งอยู่บนห่วงยางคู่ โดยอวัศยาใช้ขารัดลิปดาไว้แน่น แบบแนบชิดติดกันมาก อรุณยิ้มพอใจ ห่วงยางพลิกทำให้ทั้งคู่ตกน้ำแล้วก็โผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำพร้อมกัน อวัศยาไอแค้กๆ
ลิปดาหันมาแซว “แหม..ไม่กลัวเลยนะเมื่อกี๊ เอาขารัดผมจนตับแทบแตก” ลิปดาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข
อวัศยาทั้งแค้นทั้งอายจึงวักน้ำใส่หน้าลิปดาทำให้น้ำเข้าปากเขาเต็มๆ ลิปดาสำลัก อวัศยาว่ายจนมาถึงส่วนที่น้ำตื้น ลิปดาว่ายตามมาแกล้งดึงมืออวัศยาไว้
“คุณรอผมด้วยสิ”
ลิปดายื่นมือให้อวัศยาแล้วเหล่มองอรุณให้รู้ว่าอรุณมองอยู่นะ อวัศยาดึงมือลิปดาให้ลุกขึ้นเต็มแรง ทันใดนั้นอวัศยาก็ลื่นล้มหน้าคมำทำให้จมูกไปจุ๊บเข้ากับแก้มของลิปดา อวัศยาชะงักกึก ลิปดาแกล้งทำเป็นตาโตเหมือนตกใจแต่ในใจชอบมาก
ลิปดาแกล้งแซว “นี่คุณเล่นละครหรือของจริง”
อวัศยารีบถอยห่างจากลิปดา “ของจริงสิ”
ลิปดาแกล้งยียวน “หมายถึงคุณอยากหอมจริงๆน่ะเหรอ”
“ฉันหมายถึงล้มจริงต่างหาก”
อวัศยารีบลุกอย่างรีบร้อนแต่ด้วยความรีบทำให้ลื่นล้มอีกรอบ คราวนี้แก้มอวัศยาไปทับกับจมูกของลิปดา อวัศยาชะงักอึ้งกว่าเก่า ลิปดาตาโตแบบปลื้มปริ่ม
อวัศยาเฉไฉก่อนจะหันไปทางยาย “ยายได้รูปที่ต้องการแล้วนะคะ หนูขึ้นแล้วนะ”
อวัศยาเดินขึ้นไปเลย ลิปดามองตามยิ้มๆ อย่างมีความสุข
ภาพตอนที่ห่วงยางไหลลงมาและอวัศยากอดเขาแน่นย้อนกลับมา
ลิปดายิ้มอย่างมีความสุข
อรุณยืนมองอาการลิปดากับอวัศยาแล้วก็ยิ้มมีความสุขสุดๆ

ที่ฟาร์มหอยแมลงภู่ ไกรสรกำลังเก็บหอยอยู่บนเรือหางยาวที่จอดเทียบเสาที่ใช้เป็นหลักปักให้หอย
มายึด ไกรสรนั่งที่หัวเรือ โดยมีคนขับให้ ทั้งสองคนช่วยกันเก็บ ทันใดนั้นเสียงพริบพราวก็ดังขึ้น
“คุณไกรสรคะ พวกเรามาช่วยแล้วค่ะ”
ไกรสรหันไปเป็นพริบพราวอยู่ในชุดลำลองพร้อมลุยและปราณนต์ที่เป็นคนขับเรือหางยาว
ไกรสรมองด้วยความงุนงง
“เฮ้ย มาได้ยังไง”
พริบพราวกับปราณนต์ยิ้มให้ไกรสรอย่างมั่นใจ

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ไกรสรนั่งอยู่บนเรือหางยาว โดยมีคนขับอยู่ท้ายเรือ เรือแล่นออกไปแต่เหลือเรืออยู่อีกลำ พริบพราวกับปราณนต์ยืนอยู่ที่ท่าน้ำ
“ลุงแกจะไปเก็บหอยอะไรนายรู้หรือเปล่า” พริบพราวถาม
“ผมเคยดูคลิปที่แกไปออกทีวีผมเดาว่าน่าจะไปเก็บหอยแมลงภู่” ปราณนต์บอก
“ลุงเนี่ยนะ ออกทีวี”
“อ้าวคุณ..อย่าดูถูกนะ ลุงไกรแกเป็นผู้นำชุมชน เป็นคนบุกเบิกพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนให้เป็นเขตการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ดินแถบนี้เป็นของแกทั้งหมด”
“ถึงว่า..พี่ลิปต้องส่งให้เรามาดูแลถึงที่นี่.. จะว่าไปเมื่อกี๊ฉันต้องขอบใจนายมากที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์เอาไว้ ถ้าฉันมาคนเดียว คงไม่รู้ว่าลุงแกจะลองใจ ป่านนี้ฉันคงขับรถกลับบ้านไปด้วยความเซ็ง ขอบใจมาก”
“เราอยู่ทีมเดียวกัน มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ต้องช่วยคุณ”
ปราณนต์พูดตรงๆ ซื่อๆ พริบพราวฟังแล้วก็รู้สึกดี ปราณนต์มองไปที่เรือแล้วหันมาถาม
“แต่ตอนนี้..ผมคิดว่า..ผมจะไปช่วยลุงแกเก็บหอย..คุณจะไปกับผมหรือเปล่า”
พริบพราวเลิกคิ้ว “เก็บหอยเนี่ยนะ”
“ใช่ .. ถ้าคุณจะไปกับผม ก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุด คุณเตรียมชุดมาค้างอยู่แล้วนี่ ก็เอาชุดที่สบายๆกว่านี้ แล้วมาเจอกันที่นี่ ผมขับเรือหางยาวให้เอง”
พริบพราวอ้าปากค้าง “นายเนี่ยนะขับเรือ”
พริบพราวเหวอ

ปราณนต์ขับเรือได้อย่างชำนาญมาจอดไม่ห่างจากไกรสรนัก
“ขับเรือเป็นด้วยเหรอ” ไกรสรถาม
“ผมมีเพื่อนเป็นคนริมแม่น้ำหลายคนครับ ไปเที่ยวบ้านพวกมันบ่อย มันก็เลยสอนให้ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีประโยชน์ตอนมาทำงาน”
ไกรสรมองปราณนต์ด้วยความชื่นชม พริบพราวกลัวตกซีนเลยรีบพูดเสนอทันที
“คุณลุงมาเก็บหอยพวกนี้ใช่มั้ยคะ เดี๋ยวพราวช่วยนะคะ ถ้าเก็บหอยเสร็จเราจะได้คุยงานกันไงคะ”
ไกรสรสะดุดกับคำพูดของพริบพราวจนแววตาเปลี่ยน ปราณนต์ชะงักนิดๆ ก่อนจะมองหน้าพริบพราว
“ไม่ต้อง” ไกรสรเสียงแข็ง
“อ้าว .. ทำไมหล่ะคะ พราวช่วยได้นะคะ สอนแป๊บเดียวพราวก็ทำได้แล้วค่ะ”
“ตอนนี้น้ำกำลังลง เก็บหอยแมลงภู่ไม่ได้แล้ว ต้องย้ายไปเก็บอีกหอยแทน”
พริบพราวงง “หือ แล้ว..จะไปเก็บหอยอะไรคะ”
“อยากรู้ก็ตามมา”
ไกรสรพยักหน้าให้คนขับ เรือของไกรสรแล่นจากไปอีก พริบพราวเริ่มจะหงุดหงิดนิดๆ จึงหันมาทาง
ปราณนต์
“นี่ลุงแกมีกี่หอยเนี่ย”
ปราณนต์ส่ายหน้าและถอนหายใจ

อวัศยากับอรุณนั่งรออยู่ที่มุมนั่งเล่น อวัศยามองซ้ายมองขวา
“ยายเห็นกุญแจห้องพักหรือเปล่า”
“อยู่กับพ่อลิป .. มีอะไรเหรอ” อรุณถามกลับ
“คือ..หนูจะไปหยิบของนิดหน่อยน่ะจ้ะ”
เสียงลิปดาดังขึ้น สักพักลิปดาก็เดินเปลือยท่อนบนมาพร้อมกับเครื่องดื่มในมือ
“น้ำเย็นๆมาแล้วครับ” ลิปดาส่งน้ำให้อรุณ “น้ำส้มของคุณยาย” ลิปดาส่งน้ำให้อวัศยา “น้ำผลไม้รวมของคุณ” ลิปดาพูดเบาๆ “จะแอบไปเอาโทรศัพท์มือถือหล่ะสิ..ผม-ไม่-ให้” ลิปดายิ้มกวน
อวัศยาชักสีหน้าแล้วก็ดึงน้ำผลไม้มาจากลิปดาแล้วพูดกระแทกใส่
“ขอบใจ”
อวัศยาสะบัดบ๊อบใส่ก่อนจะนั่งหันหลังให้ลิปดา ลิปดาส่ายหน้านิดๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น
“จอห์น จอห์นใช่หรือเปล่า”
ลิปดาหันไปเห็นหญิงสาวเซ็กซี่ใส่ชุดว่ายน้ำยืนอยู่ อรุณหันไปมองตาม อวัศยานั่งหันหลังเหมือนเดิมเพราะไม่สนใจ
ลิปดางง “เปล่าครับ..ผมไม่ได้ชื่อจอห์นครับ ผมชื่อลิปดาครับ”
หญิงเซ็กซี่หันไปทางเพื่อนสาวที่ยืนอยู่อีก ๒ คน “ชื่อลิปดาหล่ะแก ชื่อเท่จังค่ะ”
ลิปดากับอรุณงงหนักกว่าเดิม หญิงเซ็กซี่อธิบายด้วยความเขินอาย
“คือ..เพื่อนแซนดี้เค้าอยากรู้ชื่อพี่อ่ะค่ะ ก็เลยให้แซนดี้มาถาม..แซนดี้ก็เลยถามแบบอ้อมๆ แบบว่าไม่กล้าถามตรงๆอ่ะค่ะ อาย”
ลิปดายิ้มอย่างรู้ทัน
“ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยนะคะ” หญิงเซ็กซี่ขอ
ลิปดายังไม่ทันตอบ สาวๆ ก็เข้ามาประกบลิปดาแล้วลากลิปดาไปยังมุมสวยแล้วถ่ายรูปกล้องหน้าแบบเนื้อแนบเนื้อพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
อรุณมองด้วยความไม่พอใจก่อนจะเดินมาหาอวัศยาที่นั่งหันหลังแบบไม่ใส่ใจอยู่
อรุณสะกิดอวัศยา “แกไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
อวัศยางง “รู้สึกอะไร”
อรุณชี้ไปทางลิปดากับสาวๆ “นั่นไง”
อวัศยามองลิปดาที่โดนสาวๆนัวเนียถ่ายรูปด้วยแล้วก็พูดแบบนิ่งมาก “อ๋อ..บอสเค้าก็เป็นของเค้าแบบนี้แหละ ชินแล้ว”
อรุณเหล่ “นี่เราจะไม่หึงหน่อยเหรอ เป็น “แฟน” กันประสาอะไรหะ เป็นแฟนกันจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่หึง”
อวัศยารู้สึกจี้ใจดำ “หึงสิ หนูหึงมากด้วย แต่หนูพยายามสะกดอารมณ์ไว้ พยายามไม่แสดงออก”
“ไม่ได้ ไม่แสดงออกไม่ได้ ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ไปเอาตัวพ่อลิปมา บอกไปเลยว่าเป็นแฟนเรา”
“ไปเลย ไปตอนนี้เลยเหรอ” อวัศยาถาม
“ใช่สิ จะรอพรุ่งนี้เช้าหรือไง” อรุณดึงแก้วน้ำออกจากมืออวัศยา “ไปสิ ไป”
“จ้ะๆไป จ้ะไป”
อวัศยารีบลุกขึ้น “บอส”
อวัศยาทำเป็นเสียงเข้ม แต่พอเดินลับหลังยายเธอก็หน้าเสียไม่รู้ว่าจะหึงยังไง

สาวเซ็กซี่ยังถ่ายรูปกับลิปดาอย่างไม่เกรงใจฟ้าดิน เสียงอวัศยาดังขึ้น
“ถ่ายรูปกันพอหรือยังคะ”
ทุกคนหยุด ลิปดาหันมาเห็นหน้าอวัศยาทำหน้าดุก็งงๆ สาวๆหันมาเห็นก็งงด้วย
อวัศยาบุ้ยใบ้กับลิปดาทำนองว่ายายมองอยู่ก่อนจะพูดเบาๆ “พอได้แล้ว .. ยายให้ฉันมาตาม”
ลิปดายังไม่ทันจะตอบอะไร สาวเซ็กซี่คนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้น
“นี่พี่ลิปพาคุณยายกับ “พี่สาว” มาเที่ยวเหรอคะเนี่ย น่ารักจังเลยนะคะ”
คำพูดของหญิงคนนั้นทิ่มลงไปกลางใจ อวัศยาปรี๊ดขึ้นมาทันที ลิปดาจะอ้าปากแย้ง แต่อวัศยาสวนขึ้นมาก่อน
“ฉันไม่ใช่พี่สาว แต่ฉัน-เป็น- “แฟน” -ย่ะ”
ลิปดาหันขวับ “เฮ้ย” สองสาวงงงัน อรุณลุ้นอยู่ไม่ห่าง อวัศยาของขึ้น
อวัศยาลุยเข้ามากระชากตัวลิปดามาควง “พวกเธอเล่นน้ำมากไปหรือเปล่า น้ำเลยซึมเข้าหัวไปแทนที่สมอง ประสาทรับรู้ผิดพลาด” ลิปดามองอวัศยาเหวอๆ “นี่ดูให้มันดีๆ ถ้าอย่างฉันเป็นพี่สาว อย่างเธอก็เป็นแม่แล้ว”
“ว้าย !! แรง”
“นี่ยังเบาๆ ถ้ายังไม่รีบไป จะโดนมากกว่านี้ มีอย่างที่ไหนอยู่ๆมาลากแฟนคนอื่นไปนัวเนีย ทำเป็นฟอร์มมาถ่ายรูปฉันเห็นนะ “หน้าอกมาถูกแขนแฟนฉันอยู่ได้” หญิงเซ็กซี่ทั้งกลุ่มผงะ “ของจริงของปลอมก็ไม่รู้ ถูอยู่ได้อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่เห็น”
ลิปดาถึงกับช็อค สองสาวอายมาก คนข้างๆเริ่มมอง อรุณถูกใจ
หญิงสองคนรีบลากกันไปด้วยความอาย “รีบไปเหอะ อีป้าบ้าใหญ่แล้ว”
“รีบๆไปเลย แล้วไม่ต้องมาให้เห็นอีกนะ ไปเลยไป ฮึ่ย รมณ์เสีย”
ลิปดาอึ้งแล้วก็อุทานออกมา “Wow”
อรุณปรบมือให้ ลิปดากับอวัศยาหันไป อรุณยกนิ้วให้บอกว่าสุดยอด อวัศยาเริ่มมีสติกลับมา ลิปดาหันมาแล้วก็ยิ้ม
“เมื่อกี๊..คุณหึงหลอกๆ หรือว่าหึงจริงๆ ? .. ผมเริ่มแยกไม่ออกแล้วนะเนี่ย” ลิปดายิ้ม
“บ้าเหรอฉันจะหึงบอสทำไม..เมื่อกี๊ที่อารมณ์ขึ้น เพราะยัยนั่นมาบอกว่าฉันเป็น “พี่สาว” บอส ฉันยอมไม่ได้ !! ที่จัดไปเมื่อกี๊ เค้าเรียก “โกรธ” ไม่ใช่ “หึง”
อวัศยาพูดจบก็เดินฉุนเฉียวกลับไปที่เดิม ลิปดามองตามนิดๆ แบบเสียดายจัง
“หึงจริงก็ดี” ลิปดาเปรย

ชาวบ้านไถไม้กระดานเก็บหอยกันจนเลอะเทอะ พริบพราวกับปราณนต์ยืนอึ้งอยู่ พริบพราวยืนมองไกรสรที่กำลังเก็บหอยอย่างชำนาญแล้วก็ทำตาปริบๆ
“ถ้าคุณไม่อยากทำก็ไปนั่งรอบนเรือ ผมจอดไว้ทางด้านโน้น .. เดี๋ยวผมอยู่ช่วยเอง” ปราณนต์บอก
ปราณนต์จะเดินไป พริบพราวคิดแล้วก็เรียกไว้
“เดี๋ยว” พริบพราวเดินมาหา “มาด้วยกัน ฉันจะปล่อยให้คุณทำคนเดียวได้ยังไง..ถ้าจะเลอะก็เลอะไปด้วยกัน”
พริบพราวพูดตรงๆ แบบหนักแน่นพร้อมรอยยิ้ม ปราณนต์ยิ้มตามด้วยความซาบซึ้งใจ


พริบพราวกับปราณนต์ช่วยกันเก็บหอยแคลงโดยมีชาวบ้านมาสอน แล้วก็ลุยเก็บกันจนเลอะเทอะ พริบพราวและปราณนต์พยายามทำอย่างเต็มที่ ทั้งที่ไม่ถนัดเลย ไกรสรลอบมองเป็นระยะๆ อย่างจับสังเกต และลอบยิ้มเป็นระยะๆ
ปราณนต์เก็บได้ชำนาญขึ้นทำให้มีหอยอยู่ในถังเพียบ พริบพราวมองแล้วทนไม่ได้เพราะของตัวเองมีอยู่นิดเดียว พริบพราวฮึดเร่งเก็บหอยแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น พริบพราวพุ่งไปหาหอยแต่ก็พลาดตลอด ปราณนต์มองด้วยความเป็นห่วง
“คุณใจเย็นๆ”
“ฉันเก็บได้แค่นิดเดียวเอง นายเก็บได้ตั้งเยอะ น้ำกำลังจะขึ้นแล้วด้วย ฉันต้องรีบเก็บให้ได้มากกว่านี้ ไม่งั้นอายเค้าแย่” พริบพราวว่า
พริบพราวเห็นหอยที่โผล่ขึ้นมาจากเลน ด้วยความดีใจเธอจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปจับแต่ด้วยความลื่นของเลนทำให้พริบพราวเสียหลักพุ่งลงไปในโคลน
“ว้ายย !”
ปราณนต์ร้องลั่น “ระวัง”
พริบพราวถลาไปตามแรงลื่นแล้วหน้าก็ปักลงไปในโคลนดังพลั่ก
ปราณนต์ตกใจ “พราว”

ปราณนต์กับพริบพราวช่วยกันเก็บหอย ทั้งสองคนหน้าเปื้อนโคลนทั้งคู่
พริบพราวนั่งบนกระดาน โดยมีปราณนต์เป็นคนเดินเข็นกระดาน ปราณนต์รีบเข็นกระดานเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปตามทางที่พริบพราวชี้
พริบพราวหิวนำหยิบขวดน้ำมาเปิดเพื่อจะดื่ม แต่มือเปื้อนเลยเปิดแบบเก้ๆกังๆ ปราณนต์เห็นเลยดึงขวดน้ำจากพริบพราวมาแล้วใช้ชายเสื้อตัวเองคลุมฝาขวดก่อนจะเปิดฝาเพื่อไม่ให้โคลนที่มือเปื้อนปากขวด แล้วก็ยื่นให้พริบพราว พริบพราวก็ยังดื่มเองไม่ถนัด ปราณนต์เลยป้อนน้ำให้
พริบพราวสบตาปราณนต์แบบทิ้งระยะเหมือนจะโรแมนติก ทันใดนั้นพริบพราวก็ตกใจร้องกรี๊ดก่อนจะมองไปทางที่เท้าตัวเองแล้วโวยวายว่า "ปูหนีบ"
ปราณนต์หัวเราะ ทันใดนั้นปราณนต์ก็แหกปากร้องเพราะโดนปูหนีบเหมือนกัน พริบพราวกับปราณนต์หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

ชุดของพริบพราวที่เลอะโคลนจนหนักอึ้งถูกโยนลงที่พื้นดังตุบ พริบพราวอยู่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายใส่ผ้าถุงดูสวยเก๋แปลกตา พริบพราวอยู่ที่กระเตงซึ่งเป็นที่พักกลางน้ำ ปราณนต์เดินมาพร้อมกับถาดใส่ข้าวและกับข้าว
“หิวยัง ผมเอาข้าวกลางวันมาให้” ปราณนต์บอก
ปราณนต์เงยหน้ามาเจอพริบพราวก็ถึงกับอึ้ง เขาคิดในใจว่าน่ารักจัง
พริบพราวเขิน “เป็นอะไร ตลกเหรอ”
ปราณนต์รีบบอก “เปล่าๆ ไม่ได้ตลก..น่ารักดี” ปราณนต์ยิ้มๆ
พริบพราวหลิ่วตา “ถามจริง ชมเป็นมารยาทหรือเปล่า ฉันใส่ยังไม่ได้ส่องกระจกเลย ป้าแม่บ้านเค้าเอาชุดลูกสาวมาให้ยืม .. น่ารักจริงเหรอ”
“ก็...” ปราณนต์เขินไม่อยากชมมากจึงทำเสียงในลำคอ “อื้อ !! ก็ดี” ปราณนต์รีบเปลี่ยนเรื่อง “ตกลงจะกินข้าวหรือเปล่า หิวหรือยัง”
พริบพราวยิ้มแฉ่ง “หิวสิ หิวมากด้วย ฉันว่าที่ฉันลื่นหน้าทิ่มโคลนเพราะหิวหน้ามืดแน่ๆเลย”
ปราณนต์วางถาดอาหารที่มีข้าวสองจาน ผัดผัก ปลาทอด และต้มจืดดูน่ากินมาก
ปราณนต์ขำ “หิวก็รีบกิน .. อาหารบ้านๆแบบนี้คุณหนูพริบพราวกินได้หรือเปล่า”
“ได้สิสบายมาก..แบบนี้อร่อยที่สุด แม่บ้านฉันทำบ่อย” พริบพราวนึกได้ “แต่...ก่อนทานขอถ่ายรูปหน่อย ฉันไม่ได้ใส่แบบนี้บ่อยๆ ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย”
พริบพราวอ้างเหตุผลหาเรื่องถ่ายรูปคู่ เธอขยับมานั่งใกล้ๆกับปราณนต์พร้อมกับอิงแอบแนบใกล้ ก่อนจะ Selfie กับปราณนต์แบบสนิทสนม ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่นั้น ปราณนต์ก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ จังหวะที่พริบพราวมาอิงใกล้ๆ ปราณนต์มองพริบพราวด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกดีๆอย่างเห็นได้ชัด
พริบพราวถ่ายรูปรัวๆ โดยไม่ได้สังเกตเห็นแววตานั้นเลย พริบพราวรัวจนได้รูปที่ปราณนต์หันมามองกล้องแล้วก็ยิ้มจึงหยุดถ่าย
“โอเค..รูปนี้ใช้ได้ ขอส่งเมลแป๊บนะ”
พริบพราวกดจะส่งอีเมลล์
ปราณนต์ถาม “ส่งไปให้ใคร”
“ส่งไปให้พี่ศ..” แล้วพริบพราวก็ชะงัก “แสนดี..คือ จะส่งไปให้พี่แสนดีดูน่ะ ..จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” พริบพราวโกหกแล้วก็ก้มลงกดส่งต่อแต่ไม่มีสัญญาณ “ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต สัญญาณมือถือก็ไม่มี เป็นไปได้ไงเนี่ย” พริบพราวชูมือถือขึ้นแล้วร่อนหาสัญญาณ “ว่างเปล่า ไม่จริง”
ปราณนต์ส่ายหน้าแล้วก็หยิบข้าวมากิน
“กินข้าวก่อนเถอะคุณ มีสัญญาณแล้วค่อยส่ง..พี่แสนดีเค้าคงไม่ว่าอะไรหรอก”
ปราณนต์กินนำไปก่อน พริบพราวยังหมกหมุ่นเพราะอยากส่งไปอวดอวัศยาใจจะขาด

อ่านต่อตอนที่ 7

กำลังโหลดความคิดเห็น