สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 6
ชายชาติใส่เสื้อกล้ามนอนอยู่บนเตียงในห้องพัก ต้นแขนมีผ้าปิดแผลอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือดัง เขาเห็นชื่อเมษา ลังเลสักพัก ก่อนตัดสินใจกดรับ
“ฮัลโหล มีอะไรหรือจ๊ะเม”
“พี่ชายอยู่ออฟฟิศรึเปล่า”
“อ๋อ ไม่ วันนี้พี่ลางาน”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“พี่ไม่ค่อยสบาย เลยอยากนอนพักซะหน่อย”
“เป็นหวัดหรือ”
“อืม เมมีอะไรหรือ”
“เมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่หน่อย”
“มีอะไรก็ว่ามาเลย”
“เมอยากจะเจอตัวพี่มากกว่า”
“วันนี้พี่ไม่ได้ไปทำงาน”
“งั้นเดี๋ยวเมไปหาพี่ที่อพาร์ทเมนต์ดีกว่า”
“อย่าเลยเม”
ชายชาติมองไหล่ตัวเอง
“ทำไมหรือพี่ชาย หรือว่ามีผู้หญิงอยู่ที่ห้อง”
“เปล่า พี่ไม่มีใครจริง ๆ พรุ่งนี้ได้มั้ยพี่ไปหา”
“ก็ได้ค่ะ”
ชายชาติปิดโทรศัพท์ จับแผลที่ไหล่ ยังระบมอยู่
เวลาผ่านไป ชายชาติหลับอยู่ เสียงออดห้องพักดัง เขาขยับตัวตื่นลุกเดินไปมองผ่านช่องตาแมว เห็นเมษายืนอยู่
“น้องเม”
ชายชาติรีบเดินกลับไปคว้าเสื้อแขนสั้นมาใส่ เมษากดออดซ้ำ ชายชาติเปิดประตูออกมา
“อ้าว เม ไหนว่าจะเจอกันพรุ่งนี้ไง”
“เมใจร้อน อยากรู้เรื่องนี้เร็วๆ”
เมษาผลักประตูเดินเข้าไปในห้อง ชายชาติเหลือบมองแขนตัวเองที่โดนยิง
“เมอยากรู้เรื่องอะไร”
“พี่ชายเคยบอกว่าผู้กองขั้นเทพเป็นคนไม่ดีใช่มั้ย”
“ใช่ มันเป็นคนเจ้าชู้”
“เมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น หัวหน้าบอกว่าเขาอยู่ในขบวนการลักลอบค้าพระพุทธรูปที่ผิดกฎหมาย”
“ใช่ พี่ก็ได้ข่าวมาอย่างงั้นเหมือนกัน แถมมันยังเป็นพวกคอรัปชั่นรับใต้โต๊ะอีกนะ”
“แล้วผู้การสถิตย์ยุทธหัวหน้าเมล่ะ”
“ทำไม”
“พี่ชายเคยทำงานกับหัวหน้าเม ก่อนที่จะย้ายไปอยู่หน่วยฉก.ไม่ใช่หรือ”
“ใช่”
“พี่ชายคิดว่าหัวหน้าเป็นคนยังไง”
“ผู้การเป็นคนดี”
“คนดีจริง ๆ เลยใช่มั้ย ไม่มีเบื้องลึกอะไร”
“เมถามเรื่องนี้ทำไม”
“เมแค่ไม่มั่นใจว่าความคิดของเมถูกหรือผิด”
“แล้วตอนนี้เมคิดว่าหัวหน้าเป็นคนยังไง”
“ถ้าพี่บอกว่าเป็นคนดี เมก็เชื่อพี่”
“ใช่ ผู้การเป็นคนดี”
“เอาล่ะ เมไม่กวนพี่แล้ว”
เมษาลุกขึ้นตบแขนชายชาติข้างที่ถูกยิง
“ขอบคุณพี่มากนะ”
“โอ๊ย”
“ขอโทษค่ะ พี่ชายเป็นอะไร เมไม่รู้ว่าพี่แขนเจ็บ”
“เอ่อ ไม่มีอะไร เมื่อวานพี่โดนตะปูเกี่ยวน่ะ”
“แล้วพี่ไปทำอะไรมา”
“เมื่อวานไปทำงาน เดินไม่ทันดูน่ะ”
“แต่พี่ร้องยังกะถูกยิง”
“มันคงอักเสบน่ะ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
“งั้นเมไม่กวนแล้ว เทคแคร์นะ อย่าลืมล้างแผลล่ะ เดี๋ยวเป็นบาดทะยัก”
“จ้ะ”
“วันสองวันกินข้าวกันนะ”
เมษาเดินออกไป ชายชาติมองผ่านช่องตาแมว
“หวังว่าเมคงไม่สงสัยนะ”
เมษาเดินมาที่หน้าลิฟต์
“หวังว่าไอ้มือปืนเมื่อวานคงไม่ใช่พี่ชายนะ”
เมษาก้าวเข้าลิฟต์ไป
เควิน สมิธ หยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรหาไมค์ โจ๊กเกอร์
“สวัสดีคุณไมค์ ผมเควิน สมิธนะ”
“สวัสดีครับคุณเควิน”
ขั้นเทพเดินลงมาจากชั้นบนชะงักมอง
“ผมจะถามเรื่องหลวงพ่อคำเกลี้ยงว่าไปถึงไหนแล้ว”
“ดีนะที่คุณโทรมาทันเวลา เมื่อเช้ามีลูกค้าอีกคนเขาโทรมานัดหมายกับผมว่าอีกวันสองวันจะมาเอา”
ขั้นเทพเดินเข้ามาฟัง
“แต่คุณนัดกับผมแล้วนี่ทำไมถึงเอาไปให้คนอื่น”
“ก็ผมเห็นหลายวันแล้วคุณไม่โทรมา ก็คิดว่าคุณไม่เอาแล้ว”
ขั้นเทพมองแล้วพยักหน้ากับลีลาของไมค์ โจ๊กเกอร์
“เรานัดหมายกันไว้สิ้นเดือนไม่ใช่หรือ”
“เอา เอา งั้นผมจะให้คุณเป็นคนแรก ถ้าคุณสู้ราคาผม”
“เท่าไหร่ว่ามา”
“สิบเจ็ดล้าน”
“แพงไปนะ”
“ไม่แพงหรอก ระดับคุณ ราคานี้ถือว่าถูกมากนะ”
“ผมขอสิบหกแล้วกัน”
“สิบหกล้านห้าแสน”
“สิบหกถ้วน”
“เอา สิบหกก็สิบหก แต่ต้องจ่ายเงินสดนะ ผมไม่รับเช็ค”
ขั้นเทพจ้องไมค์ โจ๊กเกอร์ กลัวจะเสียเรื่อง
“ไม่มีปัญหา คุณจะเอาของให้ผมได้เมื่อไหร่”
“ไม่เกินวันอาทิตย์”
“ตกลง”
เควินปิดโทรศัพท์
ขั้นเทพเดินเข้ามาดึงโทรศัพท์จากมือไมค์ โจ๊กเกอร์
“นี่ ฉันบอกนายไม่ใช่หรือให้เรียกราคาไปสิบห้าล้าน”
“ฉันก็เรียกไปเผื่อมันต่อไง อีกล้านหนึ่งถือว่าเป็นคอมมิชชั่นสำหรับฉัน”
“ถ้ามันไม่ตกลงจะว่าไง”
“เสียใจครับ ผู้กองขั้นเทพ ไอ้เควิน สมิธ มันตกลงที่สิบหกล้านครับ”
ปึกถือกาแฟเย็นเข้ามาให้
“กาแฟเย็นได้แล้วจ้ะ นี่ค่ะอ้ายผู้กอง นี่ของอ้ายไมค์จ้ะ”
“ขอบใจ”
“เมื่อกี้หนูปึกได้ยินอ้ายสองคนพูดถึงเควิน สมิธ มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
ทั้งสองมองสบตากัน
“บ่มีหยังดอก อ้ายกำลังจะทำบิสซิเนสกับเขา”
“แต่อ้ายไมค์อย่าบอกเขานะว่ารู้จักหนูปึก”
“ทำไม”
“หนูปึกกลัวว่าเขาจะมาตามหนูปึกกลับไปทำเมียน่ะสิ”
“บ่ต้องกลัว อีหล้า ตราบใดที่อ้ายยังอยู่ อ้ายสิบ่ยอมให้ไผมาทำร้ายเจ้า”
“อุ๊ย ซึ้งหลายเด้อ”
ปึกทำสะเทิ้นยิ้มกับไมค์ โจ๊กเกอร์ ขั้นเทพมองทั้งคู่แล้วส่ายหน้าถือแก้วกาแฟเย็นเดินขึ้นชั้นบนไป
ตอนเช้า เมษายืนจิบกาแฟ ครุ่นคิดถึงคำพูดของสถิตย์ยุทธ
“สายของเรารายงานมาว่า ผู้กองขั้นเทพพัวพันกับขบวนการลักลอบค้าวัตถุโบราณ”
“จริงหรือคะ”
“จริงหรือไม่จริงผมยังไม่รู้ ผมถึงให้คุณเข้าไปสอดแนมเขา”
เมษาคิดเปรียบเทียบกับคำพูดของขั้นเทพ
“ผมสืบรู้มาว่าผู้การสถิตย์ยุทธทำธุรกิจลับในการส่งออกวัตถุโบราณไปต่างประเทศ”
“ใคร ๆ ก็มีธุรกิจสำรองได้ ถ้าไม่เบียดบังเวลาราชการ”
“ถูกของคุณ แต่ธุรกิจที่หัวหน้าคุณทำมันเกี่ยวกับการลักลอบตัดเศียรพระ”
เมษานึกถึงเรื่องที่เธอเคยถามชายชาติว่าสถิตย์ยุทธเป็นคนอย่างไร ซึ่งชายชาติก็ยืนยันว่าสถิตย์ยุทธเป็นคนดีจริง ๆ ไม่มีเบื้องลึกเบี้ยงหลังอะไร ส่วนขั้นเทพเองก็ยืนยันว่าเขาถูกสถิตย์ยุทธใส่ร้าย
“นี่เราจะเชื่อใครได้เนี่ย”
เมษาหลับตาถอนใจกุมขมับ เครียด
ปึกนั่งพับผ้าอยู่ในบ้านขั้นเทพ ถอนใจนึกถึงเรื่องที่เมษาช่วยเธอไว้จากเหตุการณ์ที่จะถูกแหล่ข่มขืน
“เสียดายที่เราออกมาบ่ได้บอกคุณเม”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ถือชามข้าวต้มเดินลงมาจากชั้นบน
“หนูปึก พี่วานเอาจานไปล้างที”
“ได้จ้ะ อ้าว อ้ายผู้กองบ่ได้กินข้าวต้มหรือ”
“คงกินบ่ลง ระบมแผล”
ปึกหยิบจานจะเดินเข้าครัวแล้วชะงัก
“อ้อ อ้ายไมค์ หนูปึกขอยืมโทรศัพท์อ้ายได้บ่”
“ได้ เจ้าจะโทรหาไผ”
“ว่าจะโทรบอกลูกสาวเจ้านายเขาหน่อย ว่าหนูปึกปลอดภัยดี กลัวเขาเป็นห่วง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ส่งโทรศัพท์มือถือให้ ปึกถือจานกับโทรศัพท์เข้าครัวไป
เมษาขับรถอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“คุณเมรึเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ นั่นใคร”
“หนูปึกเองค่ะ”
“อ้าว หนูปึก นี่เธออยู่ไหน เห็นคุณแม่บอกว่าเธอได้งานใหม่แล้ว”
“เอ่อ บ่ค่ะ หนูปึกยังบ่ได้งาน”
“งั้นก็กลับมาอยู่ที่บ้านคุณแม่ฉันสิ”
“หนูปึกคงกลับไปไม่ได้แล้วค่ะ”
“ทำไม มีเรื่องอะไร”
“เอ่อ บ่มีหยังหรอกค่ะ หนูปึกแค่อยากโทรมาบอกคุณเมว่าบ่ต้องห่วงหนูปึกนะคะ”
“แล้วนี่เธออยู่ที่ไหน”
“หนูปึกมาอาศัยอยู่กับพี่เขาชั่วคราวน่ะค่ะ”
“พี่เธอจริง ๆ หรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูปึกเพิ่งรู้จักกับเขา เขาดีกับหนูปึกมากเลยค่ะ”
“ผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้ชายค่ะ”
“เอาอย่างนี้ เธออยู่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปหา”
“หนูปึกอยู่ที่ซอยต้นสนค่ะ คุณเมเข้าซอยตรงมาเลี้ยวซ้ายบ้านหลังที่สามซ้ายมือค่ะ”
“โอเค รอฉันนะ”
เมษาหักเลี้ยวรถกลับอย่างรวดเร็ว
ปึกเดินออกมาจากครัวส่งโทรศัพท์คืนให้ไมค์ โจ๊กเกอร์
“ขอบคุณเด้ออ้าย”
“โทรแล้วหรือ”
“จ้ะ”
“แล้วลูกสาวคุณนายเขาว่าไง”
“เขาบอกว่าจะมาหาหนูปึก มาดูว่าหนูปึกอยู่ปลอดภัยดีรึเปล่า”
“แล้วเขาสวยมั้ย”
“สวยค่ะ”
“แล้วมีแฟนรึยัง”
“เห็นว่ายังนะ หนูปึกกะว่าจะให้ผู้กองขั้นเทพจีบ”
“แล้วพี่ล่ะ ไม่ให้พี่จีบหรือ”
“หนูปึกว่าเขาคงบ่ชอบพี่ไมค์หรอก”
“ทำไม พี่ไม่หล่อหรือ”
“หล่อ แต่มันคนล่ะสไตล์”
“ใช่ ผู้กองขั้นเทพกับพี่ มันคนละสไตล์ อย่างผู้กองมันตื้อ ๆ ตันๆ คนละทางกับพี่”
เสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน
“ใครมา ไปดูซิ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินเข้าครัวไป
ปึกเดินออกมาหน้าบ้านเห็นรถเมษา ก็รีบวิ่งเข้าไปหา
“หวัดดีค่ะคุณเม”
“นี่เธออยู่ที่นี่หรือ”
เมษาถอดแว่น มองกวาดตาสำรวจ
“ค่ะ เชิญคุณเมเข้าไปนั่งในบ้านก่อนดีกว่า หนูปึกจะแนะนำให้รู้จักกับพี่ชายที่แสนดีของหนูปึก”
ปึกเดินนำเมษาเข้าไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ ถือแก้วน้ำเดินออกมา
“ใครมาหรือหนูปึก”
เมษาเดินเข้ามา ไมค์ โจ๊กเกอร์ สะดุ้งสำลักน้ำ
“น้องสวยเสมอ”
เมษาชะงักมองไมค์ โจ๊กเกอร์
“นี่ไงคะคุณเม พี่ไมค์ พี่ชายที่แสนดีของหนูปึก”
“ฉันนึกว่าใคร ที่แท้ก็นายนี่เอง”
“คุณเป็นลูกสาวเจ้านายหนูปึกหรือ”
“ใช่”
“นี่คุณเมกับพี่ไมค์รู้จักกันด้วยหรือคะ”
“ใช่ ฉันว่าเธอไม่ควรอยู่กับเขานะ ไอ้หมอนี่มันอันตราย”
“อ้าว น้องสวย พูดจาให้ดีหน่อยสิ พูดอย่างนี้พี่เสียหายนะ”
“เลิกเรียกฉันว่าน้องสวยได้แล้ว เธอมาอยู่กับเขาได้ยังไง รู้มั้ยว่าไอ้หมอนี่มันเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ มันทำอะไรเธอรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ พี่ไมค์เขาดีกับหนูปึกมาก ถ้าไม่ได้เขา ป่านนี้หนูปึกไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว”
“เป็นไงผู้กอง ฟังแล้วอึ้งใช่มั้ย”
“ฉันว่านายหลอกเธอมากกว่า”
“นี่ผู้กอง ถ้าผมต้องการทำลายหนูปึกนะ ป่านนี้ผมจัดการไปนานแล้ว ใช่มั้ยหนูปึกบอกเขาซิ”
“ใช่ค่ะ คุณเม หนูรับรองพี่ไมค์เป็นคนดีจริง ๆ”
“แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากให้เธออยู่กับเขาสองต่อสอง”
“บ่ค่ะ ปึกบ่ได้อยู่กับพี่ไมค์สองต่อสองนะคะ”
“ยังมีคนอื่นอีกหรือ”
“ใช่ค่ะ”
ขั้นเทพเดินลงมาจากชั้นบน
“เอะอะเสียงดังอะไรกันไอ้ไมค์”
เมษาตกใจ
“นี่ไงคะ ผู้กองขั้นเทพ พี่ชายที่แสนดีอีกคนของหนูปึก”
“คุณเม”
เมษามองสองหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
“นี่คุณมาเยี่ยมผมหรือ ผมนึกแล้วว่าคุณต้องใจอ่อนมาเยี่ยมผม”
“น้อย ๆ หน่อย ฉันไม่ได้พิศวาสคุณถึงขั้นนั้น”
“แล้วมาบ้านผมได้ไง”
“นี่บ้านคุณหรือ”
“อ้าว ก็ใช่สิครับ นี่บ้านผม”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณเมรู้จักผู้กองขั้นเทพกับพี่ไมค์ก่อนหนูซะอีก ที่แท้พวกเราก็เป็นเสี่ยวด้วยกันทั้งหมด”
เมษามองหน้าปึก ไมค์ โจ๊กเกอร์ ช่วยอธิบาย
“เสี่ยวแปลว่าเพื่อน”
ขั้นเทพยิ้มให้เมษา เธอมองแล้วเมิน
อ่านต่อหน้า 2
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ทั้งสี่คนนั่งคุยกัน เมษาถามปึกอย่างแปลกใจ
“นี่เธอพูดจริงหรือที่บอกว่าพ่อกับแม่ฉันพาเธอไปให้เควิน สมิธ”
“จริงค่ะ คุณนายคงเห็นว่าหนูบ่นอยากมีผัวฝรั่งน่ะค่ะ”
“คราวนี้จะได้เลิกด่าคนอื่นซะทีว่าเป็นคนเลว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ได้โอกาสต่อว่า
“อย่ามาว่าพ่อแม่ฉันนะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยักไหล่เดินเข้าครัวไป
“ทีพ่อแม่ตัวเองทำเรื่องไม่ดีกลับปกป้อง”
“ฉันไม่ได้ปกป้อง แต่ฉันเชื่อว่าที่พ่อแม่ฉันทำมีเหตุผล”
“งั้นคุณก็กลับไปถามดูแล้วกัน”
“ฉันถามแน่”
“คุณเมคะ อย่าไปว่าคุณพ่อคุณแม่เลยนะคะ อย่างที่บอกล่ะค่ะ ท่านคงเจตนาดีกับหนูปึก อยากให้หนูปึกได้เงินไปไถ่นา”
“ผมว่าพ่อแม่คุณต้องสนิทกับเควิน สมิธ มากนะ ถึงได้เป็นธุระจัดการส่งผู้หญิงให้”
“คุณไม่ต้องมาวิจารณ์ นี่มันเรื่องส่วนตัวพ่อแม่ฉัน”
เมษาขยับลุกขึ้น
“เอาล่ะหนูปึก ถ้าเธออยากจะอยู่ที่นี่ฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่ใจฉันอยากให้เธอไปอยู่กับฉันมากกว่า”
“แต่คุณผู้ชายกับคุณนายคง”
“ฉันหมายถึงไปอยู่กับฉันที่คอนโด”
“ฉันก็ว่าดีนะหนูปึก เธอควรจะไปอยู่กับผู้กองเม เพราะเขาอยู่คนเดียว หรืออยู่กับผู้ชายอื่นฉันก็ไม่รู้”
“ฉันอยู่คนเดียว”
“ถ้าคุณเมเห็นว่าดี หนูปึกก็ไปค่ะ”
“งั้นเธอก็ไปเก็บของ ฉันจะไปรอที่รถ”
เมษาเดินออกไป ปึกเดินขึ้นไปชั้นบน
เมษานั่งรถปึกอยู่ในรถ คิด ๆ ด้วยความโกรธ
“พ่อกับแม่ไม่น่าทำเรื่องนี้เลย ใครรู้อายเขาแย่”
เมษาทุบพวงมาลัยรถ ขั้นเทพเดินเข้ามาดู
“คราวนี้เชื่อผมรึยังว่าเควิน สมิธ ไม่ใช่นักบุญ”
“ก็อาจจะจริงของคุณ”
“ไม่อาจจะหรอกนะ ผมว่าไอ้หมอนี่อาจจะค้าผู้หญิงด้วยก็ได้”
“ถ้าคุณยังไม่มีหลักฐานอย่าเพิ่งปรักปรำใครเขา”
“ที่คุณพยายามไม่เชื่อเพราะไม่อยากคิดว่าผมเป็นคนดีใช่มั้ย”
“คุณจะดีหรือเลวก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“แต่ผมว่าเกี่ยวนะ”
“เกี่ยวอะไร”
“ก็ถ้าผมเป็นคนดีคุณก็จะห้ามใจไม่ให้ชอบผมไม่ได้”
“ฉันว่าคุณบ้าไปแล้ว ฉันไม่มีทางชอบผู้ชายอย่างคุณแน่”
ขั้นเทพมองจ้องหน้า ยิ้มส่งสายตาให้ เมษาเมินหน้าไป เขาอมยิ้มขำ
ปึกถือถุงเสื้อเดินลงบันไดมา ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินออกมาจากห้องน้ำ
“นี่จะไปไหน”
“หนูปึกจะไปอยู่กับคุณเมนะอ้าย”
“เขาให้หนูปึกไปอยู่ด้วยหรือ”
“จ้ะ คุณเมเขาไม่อยากให้อยู่ที่นี่”
“ก็ถูกแล้ว หนูปึกเป็นผู้หญิงก็ไม่ควรมาอยู่กับผู้ชาย”
“แต่หนูปึกไม่กลัวอ้ายกับผู้กองขั้นเทพหรอกนะ”
“พี่รู้ แต่พี่ว่าไปอยู่กับคุณเมน่ะดีแล้ว”
“แล้วถ้าปึกว่าง ปึกมาเยี่ยมอ้ายไมค์ได้บ่”
“ได้ ถ้าปึกมีโทรศัพท์ก็โทรบอกพี่แล้วกันว่าอยู่ที่ไหน”
“จ้ะ”
ปึกคว้ามือไมค์ โจ๊กเกอร์ ไปจับ
“หนูปึกขอบคุณอ้ายหลาย ๆ เด้อ “ที่อ้ายดีกับหนูปึก
ปึกโผเข้าไปหอมแก้ม ไมค์ โจ๊กเกอร์ อึ้ง เธอปล่อยมือ แล้วเดินออกไป
“โชคดี ฮื่อ ทำไมเรารู้สึกหวิว ๆ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ จับแก้มตัวเอง
ปึกขึ้นมานั่งในรถเมษา เมษาเหลือบตามองขั้นเทพ แล้วทำเมินขับรถออกไป ขั้นเทพหันมาเห็นไมค์ โจ๊กเกอร์ ยังชะเง้อมอง
“นี่นายยังอาลัยอาวรณ์ผู้กองเมษาอยู่อีกหรือ”
“ฉันไม่ใช่คนติงต๊องนะ ผู้กอง เธอบอกว่าไม่รักฉันก็รู้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างฉันชอบที่เธอเป็นน้องสวยเสมอมากกว่าเป็นตำรวจ”
“อ้าว แล้วที่มองตาละห้อยมองใคร อ๋อ หนูปึกหรือ”
“ฉันก็แค่เป็นห่วงเขา นายอย่ามาทำเป็นจับผิดฉันเลย นายเองก็มองผู้กองเมจนน้ำลายไหลยืดแล้วนะ เช็ดน้ำลายซะหน่อย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เอามือปาดริมฝีปากขั้นเทพ
“เฮ้ย ก็เขาอยากน่ารักทำไม”
ขั้นเทพยิ้ม หันไปมองตามรถเมษา
เมษาขับรถมาจอดหน้าบ้าน ปึกหันมองหน้า
“เธอรออยู่ที่นี่นะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับแม่”
“คุณเมอย่าไปว่าท่านเลยค่ะ หนูปึกเองเป็นคนไปเสนอตัวกับท่าน”
“เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว ฉันแค่มีอะไรจะถามแม่หน่อย”
เมษาลงจากรถเปิดประตูเข้าบ้านไป ปึกชะเง้อมองตาม กลัวว่าจะมีเรื่อง
วัฒนากับประไพพรรณนั่งกินอาหารอยู่ เห็นเมษาเดินเข้ามา
“อ้าว ลูกเม ไหนว่าจะมาวันอาทิตย์”
“หนูมีเรื่องอยากจะถามแม่หน่อย”
“เรื่องอะไร”
“ทำไมแม่ต้องโกหกหนูเรื่องหนูปึก”
“โกหกเรื่องอะไรลูก”
“ก็เรื่องที่แม่กับพ่อพาหนูปึกไปให้กับเควิน สมิธ”
พ่อกับแม่อึ้ง มองหน้ากัน
“พ่อกับแม่ไม่ได้พาไปนะ เด็กนั่นมันอยากไปเอง”
“ใช่ มันบอกแม่เองว่าอยากมีผัวมีฝรั่ง”
“แล้วคุณเควิน สมิธ เขาก็เคยบอกกับพ่อว่าเขามาเมืองไทยบ่อย อยากจะได้เมียเป็นคนไทยให้พ่อช่วยหาให้ที”
“ใช่จ้ะ แล้วแม่เห็นว่านังปึกมันเป็นเด็กดี คุณเควิน สมิธ ก็เป็นคนใจดี ก็เลยแนะนำให้รู้จักกันเท่านั้นเอง”
“แต่หนูว่าแม่กับพ่อไม่ควรทำเรื่องแบบนี้”
“พ่อก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน”
“แต่พ่อกับแม่เป็นผู้ใหญ่นะคะ อยู่ ๆ จะไปจัดหาผู้หญิงให้กับใครก็ไม่รู้ หนูว่ามันน่าเกลียดค่ะ”
“แต่คุณเควิน สมิธ เขาเป็นคนดีนะลูก แถมมีสตังค์ นังปึกมันจะได้มีเงินไปใช้หนี้ไถ่นาให้พ่อแม่มัน แม่หวังดีกับมัน เรียกว่าผิดหรือ”
“เอาล่ะค่ะ ถ้าพ่อกับแม่มีเจตนาดีหนูก็ขอโทษ แต่หนูขอร้องนะคะ ขอให้เป็นครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
“แล้วนี่นังปึกมันฟ้องลูกหรือ”
“เปล่าค่ะ หนูไปเจอกับปึกโดยบังเอิญ”
“นังนี่มันร้ายจริง ๆ เราอุตส่าห์หวังดีกับมัน ดันมาด่าเราให้ลูกฟัง”
“เขาไม่ได้ด่าค่ะ หนูแค่ซักเขา เอาล่ะค่ะ หนูขอตัว”
เมษาเดินออกไป พ่อกับแม่มองหน้ากันอย่างเหนื่อยใจ
“ลูกเรานี่มันเป๊ะจริง ๆ ผิดอะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้เลย”
“ฉันถึงบอกไงว่าถ้าวันหนึ่งยัยเมรู้เรื่องธุรกิจเรา แกต้องจับคุณเข้าคุกแน่”
“เป็นไปได้ยังไงลูกจะกล้าจับพ่อ”
วัฒนาบอกอย่างมั่นใจ ตักอาหารกิน ประไพพรรณถอนใจ หวั่น ๆ
เมษาเดินออกมาจากบ้าน เปิดประตูขึ้นรถ
“คุณนายด่าหนูปึกมั้ยคะ ที่หนูปึกไม่กลับมาที่นี่”
“ฉันว่าดีแล้ว ที่เธอไม่กลับมา”
เมษาออกรถ
ขั้นเทพกับไมค์ โจ๊กเกอร์ มาที่ผับ สาว ๆ ต่างหันมองสองหนุ่ม ไมค์ โจ๊กเกอร์ พอใจ
“แบบนี้ค่อยกลับมาเป็นเราหน่อย”
“ฉันบอกแล้วนะว่าเราไม่ได้มาเที่ยว เรามาเรื่องงาน”
“ผู้กองนี่ชอบพูดอะไรให้เสียอารมณ์อยู่เรื่อย”
สองสาวนั่งดริงค์เดินเข้ามาหา สองหนุ่มแนะนำตัวว่าชื่อไมค์กับท็อป
“แค่ชื่อก็ฟินแล้วอ่ะ”
“มาค่ะพี่ น้องจะพาไปโต๊ะ”
“ไม่ต้องพี่นัดเพื่อนไว้แล้ว”
ดาบยิ้มนั่งอยู่โต๊ะด้านใน ยกมือให้
“ทางนี้ครับ”
สองสาวพาสองหนุ่มไปนั่งที่โต๊ะดาบยิ้ม ขั้นเทพบอกกับสองสาวว่าเขาขอคุยงานก่อน แล้วค่อยมานั่งกับเขา สาว ๆ เดินออกไป ขั้นเทพหันมาถามดาบยิ้ม
“ว่าไงดาบยิ้ม เสี่ยเล็กมันจะโทรมาเมื่อไหร่”
“ผมนัดมันว่าสองทุ่มจะโทรหามัน”
“หวังว่ามันจะไม่หักหลังเรานะ”
“ไม่น่านะครับ เพราะผมคุยกับน้องเมียมัน น้องเมียมันบอกว่าไอ้เสี่ยเล็กมันปฏิเสธเจ้าอื่นไปหมดแล้ว”
“ผู้กองถามจริง เรามีเงินสิบห้าล้านไปให้มันหรือ”
“มีสิ”
“จริงหรือ เงินสิบห้าล้านไม่ใช่น้อยนะ”
“นายไม่เคยเห็นเงินในหนังหรือ”
“อ๋อ เงินยัดไส้”
เสียงโทรศัพท์ดาบยิ้มดังขึ้น เขามองดูเบอร์
“ไอ้เสี่ยเล็กมันโทรเข้ามาแล้ว”
ดาบยิ้มเสียบหูฟังส่งให้ขั้นเทพฟังด้วย
“หวัดดีเสี่ยเล็ก”
“หวัดดีครับเฮียกำพล”
“ผมนัดว่าผมจะโทรหาเสี่ยสองทุ่มไม่ใช่หรือ”
“ใช่ แต่เผอิญมีลูกค้าคนหนึ่งเขาโทรมาหาผม เขาให้ราคาเท่ากับเฮียกำพล ผมก็เลยอยากจะรู้ว่าเฮียกำพลจะเอาของผมแน่รึเปล่า เพราะถ้าไม่เอาผมจะได้ปล่อยให้เจ้าอื่นไป”
“เอาสิเสี่ย เราคุยกันแล้วนี่”
“ถ้าอย่างงั้นก็โอเค ผมเพียงแต่โทรมาย้ำเพื่อความมั่นใจ สิบห้าล้านนะ”
ดาบยิ้มมองหน้าขั้นเทพ ขั้นเทพพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา”
“งั้นวันศุกร์บ่ายโมงเจอกันที่โรงแรมร้อยเอ็ด”
“ตกลงตามนั้น”
เสี่ยเล็กปิดโทรศัพท์ ดาบยิ้มปิดโทรศัพท์
“เที่ยวนี้ไอ้เสี่ยเล็กไม่มีทางหลุดมือเราแน่”
ขั้นเทพมั่นใจ ไมค์ โจ๊กเกอร์ สบโอกาส
“ถ้างั้นคืนนี้ก็ต้องเลี้ยงฉลองกันให้เต็มที่นะผู้กอง”
“ฉลองเรื่องอะไร”
“อ้าว ก็เรากำลังจะรวบเสี่ยเล็ก แล้วก็จะเข้าถึงตัวเควิน สมิธ ไง”
“แล้วไง”
“จะแล้วไง ก็ต้องฉลองความสำเร็จกันหน่อยน่ะสิ”
“เอาไว้จับได้แล้วค่อยฉลอง ไป”
“เฮ้ย อะไร มาคุยแล้วกลับเลยหรือ เรายังไม่ได้กินได้ดื่ม ได้กอดสาว ๆ เลยนะ”
“ก็บอกแล้วไง เอาไว้ให้งานสำเร็จก่อน ฉันจะเลี้ยงนายให้เต็มที่เลย ไปดาบยิ้ม”
ดาบยิ้มกับขั้นเทพขยับลุกขึ้น ไมค์ โจ๊กเกอร์ลุกตาม
“งั้นขอฉี่หน่อยแล้วกัน”
“ฉันรอข้างนอกนะ”
ขั้นเทพเดินออกไปกับดาบยิ้ม
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เดินจะไปห้องน้ำ สาวคนหนึ่งเข้ามากอดแขน
“ไปไหนคะพี่ไมค์ อย่าเพิ่งหนีกลับนะ”
“ไม่หนีหรอก พี่เข้าห้องน้ำแป๊บเดียว”
“จริงนะ อย่าหลอกเก๋นะ”
“ไม่หลอกจ้ะ พี่ไปฉี่”
“เก๋รอนะ”
สาวจูบแก้ม ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยิ้ม เดินเข้าห้องน้ำไป ขณะกำลังยืนปัสสาวะ เหลือบหันมองด้านข้างแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นเฮียฮงกำลังยืนทำธุระอยู่ เขาบิดตัวเบี่ยงหลบ
“โธ่เอ๊ย ไม่น่าฉี่คาอยู่เลย”
เฮียฮงหันหน้ามามอง เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์ บิดหน้าไปอีกทาง เฮียฮงชะเง้อมอง
“ไอ้นี่ข้างหลังมันคล้าย ๆ ใครวะ เหมือนเรารู้จัก”
เฮียฮงส่ายหน้ากับตัวเองอย่างไม่สนใจนัก แล้วเดินผ่านหลังไมค์ โจ๊กเกอร์ไปล้างมือ ทำธุระเสร็จก็เดินออกไป
“ไปซะที หัวใจจะวาย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ดึงกางเกงใส่อย่างรวดเร็ว พอโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเฮียฮงนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องน้ำ มีลูกน้องอีกสองคนยืนอยู่ด้วย
“ตายแล้วเรา ไอ้ฮงดันนั่งหน้าห้องน้ำ ทำไงดีวะเนี่ย”
ไมค์ โจ๊กเอร์ มองซ้ายขวา เห็นผ้าเช็ดมือที่เฮียฮงใช้เช็ดรองเท้าวางอยู่ จำใจหยิบมาคลุมหน้าเดินออกไป เฮียฮงมองตามขำ ๆ สาวที่รออยู่ เห็นไมค์ โจ๊กเกอร์ พอดี
“อุ๊ยนั่น พี่ไมค์จะหนีเรากลับแล้ว”
“อย่าให้กลับเก๋”
สาววิ่งมากระตุกดึงผ้าจากด้านหลัง
“พี่ไมค์”
ผ้าถูกกระชากหลุด เฮียฮงมอง ไมค์ โจ๊กเกอร์เอามือปิดหน้าจะไป สาวโดดล็อคตัวกอดเขาไว้
“ปล่อยพี่”
“ไม่ เก๋ไม่ปล่อย ไหนบอกจะอยู่กับเก๋ทั้งคืน”
“ปล่อยพี่ พี่จะรีบกลับบ้าน”
“ไม่ เก๋ไม่ปล่อย”
สาวอีกคนเข้ามาดึงมือไมค์ โจ๊กเกอร์ ที่ปิดหน้าออก
“จ๊ะเอ๋ นี่เล่นซ่อนหากันอยู่หรือจ๊ะ”
เฮียฮงเห็นพอดี
“ไอ้บุญเลิศ”
“ปล่อยพี่”
“ไม่ปล่อย”
“นั่นมันไอ้บุญเลิศ จับมัน”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ สะบัดสาวหลุดไป แล้วจะวิ่ง แต่ถูกลูกน้องเฮียฮงต่อยท้อง จนเซไป จากนั้นลูกน้องอีก 2 คน ก็เข้ามารุม ต่อยไมค์ โจ๊กเกอร์ ล้มลงไปตรงหน้าเฮียฮง เขาปีนเกาะขาเฮียฮง เงยหน้าขึ้น เลือดเต็มหน้า
“หนอย มึงนึกว่าจะหนีกูพ้นหรือไอ้บุญเลิศ เมื่อกี้ในส้วมกูนึกอยู่ตั้งนานว่าใคร”
“เฮียฮง ผมขอโทษ อย่าทำอะไรผมนะ”
“ครั้งก่อนมึงให้เมียเล่นงานพวกกูซะเละ แถมยังเอาปืนมาจ่อหน้ากู”
“เขาไม่ใช่เมียฉัน เขาเป็นตำรวจ
“อ้อ เดี๋ยวนี้มึงมีตำรวจคุ้มกันเป็นผู้หญิงหรือ แล้ววันนี้มันมาด้วยรึเปล่า”
ขั้นเทพเดินเข้ามา
“มา ปล่อยเขา”
“ก็แล้วถ้ากูบอกไม่ปล่อยล่ะ”
เฮียฮงกระชากปืนจ่อขั้นเทพ
“ผมเป็นตำรวจนะ ผมว่าพวกคุณเก็บปืนดีกว่าแล้วผมจะไม่เอาเรื่อง”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ นึกว่าเป็นตำรวจแล้วใหญ่งั้นหรือ ถ้าไม่อยากตายก็อย่ายุ่งเรื่องนี้ กลับไป”
“ก็ได้”
“เฮ้ย ผู้กอง ทำไมมาทิ้งกันอย่างนี้”
ขั้นเทพหันจะเดินออกไป แล้วหันกลับเอามือตบปืนลูกน้องเฮียฮงทั้งสองคน เท้ากระดกหลังดีดจระเข้ฟาดใส่หน้าเฮียฮงจนหงายไป ลูกน้องขยับปืนจะยิง ขั้นเทพกระชากลูกน้องกระแทกกันเอง ไมค์ โจ๊กเกอร์ โดดขึ้นคร่อมต่อยเฮียฮง
“หนอยไอ้ฮง ถึงทีกูบ้างล่ะมึง”
ขั้นเทพจัดการลูกน้องเฮียฮงทั้งสามจนหมอบ แล้วรีบลากไมค์ โจ๊กเกอร์ ออกไป
อ่านต่อหน้า 3
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 6 (ต่อ)
วัฒนามาหาสถิตย์ยุทธที่ห้องทำงาน เพื่อคุยเรื่องหลวงพ่อคำเกลี้ยง
“ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงอยู่ที่เสี่ยเล็ก”
“คุณแน่ใจหรือ”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์ คนของผมรายงานว่าของอยู่กับเสี่ยเล็กตั้งแต่ออกจากวัด”
“ไอ้นี่มันนกรู้ มันคงเก็บไว้เพื่อปั่นราคา”
“ผมถึงอยากให้ท่านคุยกับมัน เพราะถ้ามันรู้ว่าท่านรู้ว่าของอยู่กับมัน มันคงไม่กล้าปฏิเสธ”
“ได้ งั้นผมจะหักคอมันซะเลย”
สถิตย์ยุทธกดโทรศัพท์หาเสี่ยเล็ก เสี่ยเล็กรับสาย
“หวัดดีครับท่าน”
“หวัดดีเสี่ยเล็ก ผมได้ข่าวว่าหลวงพ่อคำเกลี้ยงอยู่กับคุณ”
“เอ่อ ผม”
“ไม่ต้องปิดผมหรอกน่า”
“ท่านนี่ไวจริง ๆ ครับ ผมเพิ่งได้มาไม่นานนี้เอง”
“ผมอยากได้นะ”
“แต่อันนี้คงไม่ได้ครับท่าน เพราะมีคนเขาออเดอร์ผมไว้นานแล้ว”
“ผมไม่ได้เอาไว้เองหรอก เจ้านายผมเขาอยากได้ แล้วผมก็คิดว่าถ้าเสี่ยไม่ให้ผม มันจะยุ่งกับเสี่ยเล็กภายหลังนะ”
“นี่ท่านพูดจริงหรือว่าขู่ผม”
“ผมไม่ได้ขู่นะ นายผมอยากได้จริง ๆ คุณก็หาอย่างอื่นให้ลูกค้าไปแล้วกัน”
“ผมเกรงว่ามันจะไม่ได้จริง ๆ นะครับ เพราะเขาตกลงจ่ายเงินผมเรียบร้อยแล้ว เอาอย่างนี้ได้มั้ยครับท่าน บอกเจ้านายท่านว่าผมจะหาของใหม่ให้ดีกว่า ผมคิดราคาครึ่งเดียว”
“เสี่ยเล็กกล้าปฏิเสธผมหรือ”
“ไม่ใช่อย่างั้นครับท่าน เห็นใจผมเถอะครับ เขาวางเงินแล้ว จะมาเอาของวันสองวันนี้ด้วย นะครับท่าน”
“แล้วถ้าผมบอกไม่ได้ล่ะ”
“ยังไงผมก็ให้ท่านไม่ได้จริง ๆ ครับ”
“อืม ถ้าคุณยืนยันอย่างงั้น ผมก็คงไม่มีอะไรจะพูด”
สถิตย์ยุทธปิดโทรศัพท์
“มันไม่ยอมหรือ ถ้าของชิ้นนี้หลุดไปอยู่กับคนอื่น เควิน สมิธ มันต้องไม่เชื่อใจพวกเราอีกต่อไป”
“ใจเย็นคุณวัฒนา บอกเควิน สมิธ ว่าเชาจะได้ของที่เขาต้องการ แต่ครั้งนี้คุณต้องบวกราคาให้ผมอีกเท่าหนึ่ง”
“เรื่องราคาไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ปัญหามันอยู่ที่ไอ้เสี่ยเล็กมันไม่ยอมให้เรานี่ครับ”
“ถ้ามันไม่ให้มันก็ต้องตาย”
วัฒนาพยักหน้า ยิ้มให้ตัวเอง
หลังจากเสี่ยเล็กคุยกับสถิตย์ยุทธแล้ว บัติคิด ๆ ไม่สบายใจนัก
“เสี่ยครับ ถ้าเราไม่ยอมให้ ผู้การสถิตย์ยุทธแกจะไม่เคืองหรือครับ”
“ช่วยไม่ได้ ขายให้ผู้การสถิตย์ยุทธมากสุดก็ได้แค่ห้าล้าน สู้เจ้าใหม่นี่ไม่ได้ ให้ตั้งสิบห้าล้าน”
เสี่ยเล็กยิ้มพอใจ
ไมค์ โจ๊กเกอร์ เนื้อตัวฟกช้ำ นั่งมองขั้นเทพหยิบปืนเสียบแมกกาซีน
“ให้ฉันไปด้วยไม่ได้หรือผู้กอง”
“อย่าเลย สภาพนายตอนนี้ฉันว่าควรจะนอนพักเยอะ ๆ นะ”
“แค่นี้ไกลหัวใจเยอะ ฉันอยากจะไปบู๊กับนายด้วย”
“ไม่ต้องเลย นายไปจะยิ่งเป็นภาระฉันมากกว่า งานวันนี้เป็นงานสำคัญที่ฉันจะพลาดไม่ได้”
“ก็ได้ งั้นขอให้นายโชคดี จับไอ้เสี่ยเล็กแล้วเอาหลวงพ่อคำเกลี้ยงมาให้ได้ละกัน”
“ขอบใจ ไปล่ะ”
ขั้นเทพเดินออกไป
“เสียดายเราเลยไม่ได้ไปบู๊จับไอ้เสี่ยเล็กเลย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ มองตาม
สถิตย์ยุทธเอาแฟ้มใส่กระเป๋า หยิบแจ๊กเก็ตมาสวม นายเวรเปิดประตูให้เขาเดินออกไป เมษาเหลือบมองสถิตย์ยุทธ เห็นมีลูกน้องเดินตามไปสองคน นายเวรเดินตามหลัง เมษามองตามอย่างสนใจ
นายเวรและลูกน้องเดินตามสถิตย์ยุทธมาถึงหน้าลิฟต์
“ไม่ต้องไปส่งหรอก ผมไปเองได้ ฝากดูทางนี้ด้วย”
“ครับนาย”
สถิตย์ยุทธเข้าลิฟต์ไป นายเวรเดินกลับไปในออฟฟิศ พูดกับเพื่อนร่วมงาน
“วันนี้ฟรี เย็นนี้ใครว่างเจอกันที่ผับ พี่เลี้ยง”
“อ้าว แล้วพี่แป๊ะไม่ต้องไปร้อยเอ็ดกับนายหรือ”
“นายเขาบอกไม่ต้องไป เขาไปธุระส่วนตัว”
เมษาสนใจ
“ส่วนตัวเรื่องอะไรหรือพี่แป๊ะ”
“ไม่รู้สิ แกไม่ได้บอก”
“หรือว่านายเขามีกิ๊กอยู่ร้อยเอ็ด”
“ปากดีเดี๋ยวก็เจอคุกหรอก”
เมษาลุกเดินออกไปดูที่ระเบียง มองลงไปที่ลานจอดรถ เห็นสถิตย์ยุทธขึ้นรถตู้ลูกน้องไป“ไปร้อยเอ็ด เรื่องส่วนตัวงั้นหรือ”
เมษามองอย่างครุ่นคิดติดใจ
เสี่ยเล็กเดินเข้ามาในล็อบบี้โรงแรม เห็นสถิตย์ยุทธนั่งดื่มอยู่ที่บาร์ จึงเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับผู้การ”
“ดื่มอะไร”
“ไม่ล่ะครับท่าน ทำไมอยู่ ๆ ท่านถึงมาที่นี่ล่ะครับ”
“ผมมาราชการด่วนน่ะ ก็เลยอยากจะขอดูหลวงพ่อคำเกลี้ยงด้วยตาสักครั้ง”
“นี่ผู้การชอบจริง ๆ หรือครับ”
“ชอบสิ ไม่ชอบผมจะอ้อนวอนคุณหรือ”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับท่าน ถ้าผมไม่ได้รับเงินมัดจำไว้ผมให้ท่านแล้ว”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ผมว่างก็เลยอยากมาขอดูเป็นบุญตาซะหน่อยเห็นเขาว่างาม”
“ได้ครับ ท่านจะดูเมื่อไหร่ล่ะครับ”
“ตอนนี้เลยได้มั้ย เดี๋ยวบ่ายนี้ผมต้องกลับแล้ว”
“ได้ครับ งั้นขึ้นไปดูบนห้องแล้วกันนะครับ บัติไปเอาของมา”
“ครับ”
บัติเดินออกไป สถิตย์ยุทธเดินตามเสี่ยเล็กไป ตำรวจติดตาม 4 นายเดินตามไป เมษาแอบมองอยู่มุมหนึ่ง
“ผู้การกับเสี่ยเล็กรู้จักกันจริง ๆ ด้วย หรือว่าผู้การจะมาจับเสี่ยเล็ก”
เมษาชะเง้อมองตาม
ขั้นเทพนั่งอยู่ภายในรถ ดาบยิ้มนั่งข้าง ๆ มีตำรวจด้านหลังอีกสามนาย ดาบยิ้มอยู่ในชุดเสี่ยมาซื้อพระ
“ผมอยากทบทวนแผนอีกที”
“พอเปิดลังออกมาเห็นของแล้วผมจะบอกว่าสวยงามจริง ๆ จ่านพ จำนะ พอผมบอกสวยงามจริง ๆ ผมจะกดมือถือในกระเป๋าหาผู้กอง”
“ถูกต้อง จากนั้นไม่เกินสามนาทีผมจะจู่โจมเข้าไปจับมันพร้อมกับของกลางทันที ขอให้พวกเราจำไว้นะ ผมต้องจับเป็นเสี่ยเล็ก และต้องการของกลางคือหลวงพ่อคำเกลี้ยง”
“ครับ”
ขั้นเทพพยักหน้าพอใจ
บัติถือกล่องใส่พระเดินเข้าลิฟต์ไป เมษามองตามกดลิฟต์อีกตัวตามเข้าไป เห็นบัติเดินไปที่ห้องสุดทางเดิน มีตำรวจสองนายยืนอยู่หน้าห้อง
“หัวหน้าจะทำอะไร”
บัติเดินมาหยุดหน้าห้อง เมษามองกล่องสงสัย
“ในกล่องนั่นมีอะไรนะ”
ตำรวจเปิดประตูให้ บัติเดินเข้าไปในห้อง เมษาชะเง้อมองตามอยากรู้
ภายในห้อง ลูกน้องเสี่ยเล็กเปิดกล่องออก ยกเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงออกมา สถิตย์ยุทธมอง เสี่ยเล็กยิ้ม บัติกับลูกน้องอีกสองคนยืนคุมเชิง
“สวยจริง ๆ เสี่ยเล็กไม่คิดจะเปลี่ยนใจขายให้ผมหรือ”
“ก็อย่างที่บอกล่ะครับท่าน ถ้าลูกค้าเขาไม่วางมัดจำไว้ ผมให้ท่านแล้ว เอาไว้ให้ผมรับใช้ท่านคราวหน้าแล้วกัน”
“แล้วถ้าผมบอกว่าผมต้องการจริง ๆ ล่ะ”
“ท่านครับ อย่าให้ผมลำบากใจเลยครับ”
“หมายความว่าคุณไม่ยอมให้”
“ผมให้ไม่ได้จริง ๆ ครับ”
“เอา ให้ไม่ได้ก็ไม่ต้องให้”
ลูกน้องสถิตย์ยุทธเปิดประตูเข้ามา ยกปืนเก็บเสียงยิงลูกน้องของเสี่ยเล็ก บัติกระชากปืนจะยิง ก็โดนตำรวจในห้องยิง เสี่ยเล็กจะคว้ากระเป๋า ลูกน้องสถิตย์ยุทธอีกคนคว้ามือ
“อยู่เฉย ๆ”
“ท่านครับ ผมขอร้องล่ะครับ ผมให้ท่านก็ได้ อย่าทำอะไรผมเลย ไว้ชีวิตผมเถอะครับ”
“เมื่อกี้ผมขอดี ๆ คุณบอกว่าไม่ได้”
“เอาไปเลยครับ ผมให้ฟรี ๆ ลย ไว้ชีวิตผมด้วยนะครับ”
“มันสายไปแล้วเสี่ยเล็ก”
ลูกน้องตำรวจยิงใส่ เสี่ยเล็กล้มลง
“เอาของไปใส่รถ”
สถิตย์ยุทธเดินข้ามศพเสี่ยเล็กออกไป
เมษาชะเง้อมอง เห็นสถิตย์ยุทธเดินออกมา เธอรีบหลบ สถิตย์ยุทธเดินตรงไปที่ลิฟต์ เมษาสงสัย
“แล้วพวกเสี่ยเล็กล่ะ”
เมษาวิ่งย่องไปดูที่ห้อง แง้มประตูเปิดเข้าไป เห็นศพเสี่ยเล็กและลูกน้องนอนเกลื่อน
“หา นี่มันอะไรกันเนี่ย”
เมษาวิ่งออกมาหน้าห้อง มองซ้ายขวาตัดสินใจวิ่งลงบันไดหนีไฟไป
ลูกน้องเปิดประตูรถ สถิตย์ยุทธเข้าไปนั่ง ลูกน้องยกลังขึ้นไปวางข้าง ๆ รถเคลื่อนออกไป
ทันใดนั้นรถตู้ของขั้นเทพเข้ามาจอด เขาลงจากรถพร้อมดาบยิ้มและลูกน้อง เมษามองชะงัก
“ผู้กองเทพ”
ขั้นเทพและลูกน้องเดินเข้าไปในล็อบบี้ ดาบยิ้มพยายามต่อโทรศัพท์
“เสี่ยเล็กมันไม่รับโทรศัพท์ครับ”
“ลองพยายามต่อซิ”
ระหว่างนั้น พนักงานโรงแรมที่เคาน์เตอร์รับโทรศัพท์
“อะไรนะ ผู้จัดการคะ แม่บ้านบอกมีคนถูกยิงตายห้อง 609 ค่ะ”
ผู้จัดการสั่งให้แจ้งตำรวจ ขั้นเทพเห็นเมษายืนอยู่มุมหนึ่งก็แปลกใจ
“ผู้กองเมษา”
ริมสระน้ำโรงแรม ที่ร้อยเอ็ด เมษากับขั้นเทพยืนคุยกันคนละมุม
“ที่ฉันมาที่นี่เพราะฉันตามหัวหน้าสถิตย์ยุทธมา”
ขั้นเทพชะงัก
“ผู้การสถิตย์ยุทธมาที่นี่งั้นหรือ”
“ใช่”
“อย่าบอกนะว่าที่เสี่ยเล็กตายก็เพราะฝีมือของผู้การสถิตย์ยุทธ”
“ฉันตอบไม่ได้ว่าเป็นฝีมือผู้การรึเปล่า แต่ที่ฉันเห็นก็คือผู้การเข้าไปในห้อง แล้วเดินออกมาพร้อมกับกล่องอะไรสักอย่าง”
“ต้องเป็นเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงแน่ ๆ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยง ฉันไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า แต่หลังจากที่ผู้การออกไป ฉันก็เข้าไปดูที่ห้อง แล้วก็พบศพเสี่ยเล็กกับลูกน้อง”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณเล่า ผมว่าต้องเป็นฝีมือของผู้การสถิตย์ยุทธแน่ ที่ฆ่าเสี่ยเล็ก”
“แล้วทำไมผู้การถึงต้องฆ่าเสี่ยเล็กด้วย”
“ก็เพราะเสี่ยเล็กตกลงขายเศียรพระให้กับคนของผม ผู้การสถิตย์ยุทธเลยชิงตัดหน้าฆ่าเสี่ยเล็กซะ”
เมษาอึ้ง
“คราวนี้คุณเชื่อผมรึยัง ว่าหัวหน้าคุณอยู่ในขบวนการโจรกรรมเศียรพระ”
“ฉันยังไม่เชื่อคุณ”
“คุณเป็นคนเห็นหลักฐานทั้งหมด คุณยังไม่เชื่อผมอีกหรือ”
“ผู้การอาจจะมาล่อซื้อเพื่อจับเสี่ยเล็กก็ได้ แล้วเสี่ยเล็กคิดต่อสู้ผู้การ ก็เลยจำเป็นต้องจับตาย”
“แต่ผมไม่เชื่อ”
“แต่มันก็เป็นไปได้ใช่มั้ยล่ะ”
“มันก็อาจจะเป็นไปได้อย่างที่คุณพูด งั้นเราก็ต้องรอแล้วว่าหัวหน้าคุณจะแถลงข่าวว่ายังไง”
เมษามองขั้นเทพ ครุ่นคิด
ที่ห้องประชุม หน่วยวิหคเวหา สถิตย์ยุทธนั่งกลางโต๊ะประชุม มืปืนวางเรียงอยู่บนโต๊ะ พร้อมเศียรพระพุทธรูป และพระพุทธรูปอีกหลายองค์ มีรูปเสี่ยเล็ก และรูปลูกน้องตั้งอยู่ด้วย พร้อมกับป้ายข้อความ จับโจรกรรมเศียรพระ นักข่าวล้อมฟัง
“เนื่องจากหน่วยวิหคเวหาได้ติดตามขบวนการลักลอบตัดเศียรพระมาเป็นเวลาหกเดือน จากนั้นเราได้ส่งสายเข้าไปล่อซื้อพระพุทธรูปที่ถูกโจรกรรมจากนายสมชัยหรือเสี่ยเล็กซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการในภาคอีสาน ผมในฐานะหัวหน้าชุดปราบปรามจึงเดินทางเข้าจับกุม แต่เสี่ยเล็กไม่ยอมให้จับกุมจึงเกิดการยิงต่อสู้กัน และคนร้ายทั้งหมดได้เสียชีวิต และนี่คือของกลางที่เรายึดมาจากเสี่ยเล็ก”
นักข่าวซักทันที
“ท่านคะ แต่เท่าที่ได้ยินข่าวมา มีเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงด้วยไม่ใช่หรือคะ”
“ใช่ครับ ผมก็ได้ข่าวมาว่าเสี่ยเล็กกำลังจะขายเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงด้วยไม่ใช่หรือครับ”
“อันนี้ไม่มีในรายงานที่ผมได้รับ เราเพียงแต่สืบทราบมาว่าเสี่ยเล็กเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดและเราเข้าจับกุม ผมขอปิดการแถลงการณ์เท่านี้
สถิตย์ยุทธขยับจะไป นักข่าวเข้าไปถาม
“ท่านคะ สรุปว่าการไปจับครั้งไม่มีเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงใช่มั้ยคะ”
“ถูกต้องครับ”
สถิตย์ยุทธเดินออกไป เมษายืนมองอยู่ด้านนอก สถิตย์ยุทธยิ้มให้ เมษาฝืนยิ้มอย่างคาใจ
เสวีนั่งดูข่าวการแถลงข่าวของสถิตย์ยุทธ ขั้นเทพนั่งอยู่ในห้องด้วย
“ท่านคิดว่าไงครับ”
“ผู้การสถิตย์ยุทธไม่ใช่หมูอย่างที่เราคิดจริง ๆ เขาฆ่าเสี่ยเล็กปิดปากแล้วเอาหลวงพ่อคำเกลี้ยงไป แถมยังได้ผลงานในการจับกุมอีก เหนือชั้นนจริง ๆ”
“เราก็เลยไม่สามารถจัดการกับผู้การสถิตย์ยุทธได้”
“ยกเว้นว่าคุณจะมีหลักฐานว่าผู้การสถิตย์ยุทธเอาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงไป”
“กล้องวงจรปิดที่โรงแรมดันมาเสียในวันนั้นซะด้วย”
“หึ ระดับผู้การสถิตย์ยุทธทำอะไรไม่มีหลักฐานให้เราสาวไปถึงตัวหรอก”
“แต่ถึงยังไงผมก็จะต้องจับผู้การสถิตย์ยุทธให้ได้”
เสวีพยักหน้า
สถิตย์ยุทธเดินคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน อย่างอารมณ์ดี หัวเราะกับคนปลายสาย พูดอะไรบางอย่างแล้วเงยหน้าขึ้น ก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นเมษากำลังมองจ้องมา เมษาตกใจหันหน้ากลับ เขามองแล้วหันไปพูดโทรศัพท์ต่อ เมษาเหลือบหันกลับไปดูอีกครั้ง สถิตย์ยุทธหันหน้าไปพูดโทรศัพท์ไม่ได้มองมา แล้วปิดโทรศัพท์ กดโทรออกอีกครั้ง เมษาสะดุ้ง หยิบโทรศัพท์เห็นเป็นเบอร์สถิตย์ยุทธ
“ค่ะ หัวหน้า”
“เข้ามาหาผมหน่อย”
“ค่ะ”
เมษาปิดโทรศัพท์หน้าเจื่อน เปิดประตูห้องเดินเข้าไป
“หัวหน้ามีอะไรใช้เมหรือคะ”
“นั่งสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณมีเรื่องอะไรกับผมรึเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
“แน่ใจนะ ผมเห็นคุณจ้องมองผมเหมือนมีคำถามอะไรที่อยากจะถามผม ทำงานกับผมต้องไม่ติดใจกัน”
เมษาตัดสินใจถาม
“ทำไมหัวหน้าจะจับเสี่ยเล็กถึงไม่บอกให้พวกเรารู้ด้วยคะ”
“โธ่เอ๊ย ผมนึกว่าเรื่องอะไร ที่ผมไม่ได้บอก เพราะผมกลัวว่าคนในหน่วยของเราอาจจะโทรไปบอกให้เสี่ยเล็กรู้ตัวก่อนก็ได้”
“แม้แต่เมหัวหน้าก็ไม่ไว้ใจหรือคะ”
“ไม่ใช่อย่างงั้น เพียงแต่การจับไอ้เสี่ยเล็กมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันยังยิงต่อสู้กับพวกเรา”
“เสี่ยเล็กมันยิงเราก่อนเลยหรือคะ”
“ใช่สิ มันจ่อยิงใส่ผมก่อน ดีนะที่ผมหลบทัน เลยยิงสวนมันไป จากนั้นพวกมันก็กระหน่ำยิงใส่เรา เราเลยต้องจับตายพวกมัน”
“ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างที่หัวหน้าบอก เมก็เข้าใจแล้วค่ะ”
“ดี งั้นฝากคุณช่วยบอกพรรคพวกเราด้วยแล้วกัน จะได้ไม่มีใครมาถามผมอีก”
“ค่ะ”
“เดี๋ยว ผู้กองเม ผมลืมบอกคุณไป เรื่องผู้กองขั้นเทพ ยกเลิกภารกิจติดตามเขาได้แล้ว”
“ทำไมคะ”
“ผมจะให้นพดลไปตามแทน ส่วนคุณผมจะดูงานชิ้นใหม่ให้”
“ค่ะ”
เมษาเดินออกไป สถิตย์ยุทธหยิบโทรศัพท์มาโทรหาชายชาติ
“ชายชาติ”
“ครับผม”
“ตอนนี้ฉันดึงผู้กองเมษาออกมาจากไอ้ขั้นเทพแล้ว เหลือแต่นายทำภารกิจให้สำเร็จนะ”
“ครับ”
“หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะ”
“ครับ”
สถิตย์ยุทธปิดโทรศัพท์
อ่านต่อหน้า 4
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ไมค์ โจ๊กเกอร์เดินเข้ามาหาขั้นเทพ คุยเรื่องหลวงพ่อคำเกลี้ยง
“ตอนนี้เราไม่ได้หลวงพ่อคำเกลี้ยงมา เรื่องเควิน สมิธ จะเอายังไง”
ขั้นเทพยังนั่งนิ่งครุ่นคิด
“ทำไมนิ่งไปล่ะ ชื่อขั้นเทพไม่ใช่หรือ คิดหน่อยสิ”
“นายโทรกลับไปถามมันว่ายังต้องการพระอยู่รึเปล่า”
“ฉันว่าป่านนี้พระคงอยู่กับมันแล้ว”
“ถ้าอยู่กับมัน มันก็จะบอกนายเองว่าไม่เอา ฉันต้องการรู้แค่ว่ามันได้ของไปรึยังเท่านั้นเอง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ พยักหน้ารับรู้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร เควินรับสาย
“ฮัลโหล”
“หวัดดีครับคุณเควิน ผมไมค์ โจ๊กเกอร์ จำได้มั้ยครับ”
“จำได้ครับ มีอะไรหรือครับ”
“ผมจะโทรมาบอกคุณเรื่องหลวงพ่อคำเกลี้ยง ตอนนี้มีคนมาซื้อตัดหน้าผมไปแล้ว”
“อ้อ อย่างงั้นหรือ ใครรู้มั้ยที่ซื้อไป”
“ไม่ทราบครับ”
“งั้นก็แสดงว่าผมไม่มีบุญ งั้นแค่นี้นะครับ”
“ครับ ครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
เควินปิดโทรศัพท์ หันไปมองเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงบนโต๊ะ วัฒนาถามขึ้น
“ใครหรือครับคุณเควิน”
“ก็นายหน้าน่ะ มันบอกว่าหลวงพ่อคำเกลี้ยงมีคนเอาไปแล้ว ผมเลยถามว่ารู้มั้ยใครได้ไป”
“แล้วมันว่าไง”
“มันบอกไม่รู้”
สถิตย์ยุทธนั่งอยู่ด้วย
“รับรองไม่มีใครรู้หรอกว่าพระอยู่กับผม”
“ผมนับถือผู้การจริง ๆ ถ้าไม่ใช่ผู้การลงมือล่ะก็ เราไม่มีวันได้หลวงพ่อคำเกลี้ยงมาแน่”วัฒนาชื่นชม
“ถ้าไม่ใช่คุณเควินผมไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงหรอกนะ”
“ขอบคุณมากครับ แต่ผมก็ไม่ได้ซื้อในราคาถูกนะ”
“ถือซะว่าทุกฝ่ายวินวิน คุณได้ของที่ต้องการ ผมได้เงินที่อยากได้”
ทั้งสามยิ้มให้กัน
ไมค์ โจ๊กเกอร์เล่าเรื่องที่คุยกับเควิน สมิธ ให้ฟัง ขั้นเทพพยักหน้า
“สรุปว่าตอนนี้ไอ้เควิน สมิธ มันได้พระไปแล้ว”
“แล้วเราจะเอายังไงต่อไป ขืนเราปล่อยเวลาชักช้า มันต้องเอาพระออกไปนอกประเทศแน่ คราวนี้จะไปตามเอาพระคืนไม่ได้นะ”
“ฉันรู้แล้วน่ะ ขอเวลาใช้ความคิดหน่อย”
“ก็เห็นชื่อขั้นเทพ นึกว่าจะรู้ไปซะหมดทุกเรื่อง”
ขั้นเทพส่ายหน้ากับคำพูดของไมค์ โจ๊กเกอร์ ลุกเดินไปเปิดประตู เห็นเมษายืนอยู่
“อ้าวคุณ”
ปึกเดินตามหลังเมษา เข้ามา
“หวัดดีค่ะผู้กอง”
“หา หนูปึก”
“ใช่จ้ะอ้าย หนูปึกเอง”
เมษามองหน้าขั้นเทพ
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณหน่อย”
“เชิญ”
เมษาเดินตามขั้นเทพเข้าไปในบ้าน ปึกเดินตามเข้ามา
“คุณเมซื้อไก่ย่างส้มตำมาฝากผู้กองกับอ้ายด้วย”
“ดีเลย กำลังหิว มา พี่ช่วยแกะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกเดินเข้าไปในครัว
ขั้นเทพกับเมษานั่งคุยกัน เมษาเครียดมาก
“คุณมีอะไร ทำไมหน้าเครียดจัง”
“คุณพูดถูกที่บอกว่าหัวหน้าฉันเป็นผู้บงการเรื่องนี้”
“แล้วอะไรทำให้คุณเชื่อ”
“ก็เพราะหัวหน้าโกหก เขาบอกฉันว่าพวกเสี่ยเล็กรู้ตัวก็เลยยิงต่อสู้ แต่ฉันอยู่หน้าห้องฉันไม่ได้ยินเสียงปืนของพวกเสี่ยเล็กเลย”
“แล้วคุณจะเอายังไงต่อไป”
“คุณเคยขอให้ฉันร่วมมือกับคุณจับหัวหน้าไม่ใช่หรือ”
“คุณกล้าจับหัวหน้าคุณจริง ๆ หรือ”
“ฉันกล้าจับทุกคนที่ทำผิด”
ขั้นเทพมองหน้าเมษา เห็นมุ่งมั่น ก็ยิ้ม
“ผมฟังคุณแล้วทำให้ผมรักคุณมากขึ้นเลยนะเนี่ย”
เมษาจ้องหน้า
“ขอโทษ ผมตกคำว่า รักในความกล้าหาญของคุณจริง ๆ”
เมษามองค้อน ขั้นเทพอมยิ้ม
ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกคุยกันอยู่ในครัว ขณะเทอาหารใส่จาน
“อ้ายคิดฮอดหนูปึกบ่”
“โอ๊ย คิดฮอดหลาย ๆ หนูปึกบ่อยู่ที่บ้านเหงาคั่กคั่ก”
“อ้าว แล้วทำไมอ้ายบ่โทรหาหนูปึก หนูปึกให้เบอร์แล้วนี่”
“อ้ายบ่กล้าโทร กลัวเจ้าสิรำคาญ”
“บ่ หนูปึกบ่รำคาญ หนูปึกก็รอโทรศัพท์อ้ายทุกวัน”
“อ้าว แล้วทำไมหนูปึกไม่โทรหาพี่”
“หนูปึกก็กลัวว่าอ้ายสิรำคาญ”
“วันหลังไม่ต้องกลัวพี่รำคาญนะ พี่อยากให้โทรหา”
“งั้นหนูปึกสิโทรหาอ้ายทุกวันเลยได้บ่”
“ได้เลย อ้ายอยากให้เจ้าโทรมาทุกวันหลังอาหารสามมื้อ”
“โอเช”
ปึกยกนิ้วให้ แล้วยกจานส้มตำออกไป
“เฮ้อ ทำไมอยู่ใกล้น้องปึกแล้วเราดูสดชื่นขึ้นมาทันที”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ยิ้ม ยกไก่ย่างตามออกไป
ปึกหยิบน่องไก่ส่งให้ไมค์ โจ๊กเกอร์ที่นั่งด้านข้าง
“นี่จ้ะพี่ไมค์”
“ขอบใจจ้ะ อ้ะ ส้มตำ”
“ขอบคุณค่ะ”
ปึกยิ้มหวานให้ไมค์ โจ๊กเกอร์ เมษานั่งตรงข้ามคู่กับขั้นเทพ เหลือบมองปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ แล้วหันกลับ ขั้นเทพตักน่องไก่ใส่จานให้ เมษาตักคืน ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกมองทั้งคู่ ขั้นเทพตักไส้กรอกอีสานให้ เมษายกมือห้ามไม่เอา เขาจึงหันไปตักส้มตำจะใส่จานให้ เธอเอาช้อนดันไว้
“ถ้าฉันอยากกินอะไรฉันตักเองได้”
ขั้นเทพยิ้มแหย ไมค์ โจ๊กเกอร์ตักไก่ให้ปึก
“นี่จ้ะหนูปึก”
“ขอบคุณเด้อค่ะ อ้ายเอาไส้กรอกบ่คะ”
“ของชอบเลย”
ปึกตักไส้กรอกให้ เมษาเหลือบมองทั้งสอง
“คุณเมคะ เอาไส้กรอกหน่อยมั้ยคะ”
เมษาส่ายหน้าหยิบหมูแดดเดียวมาเคี้ยว ขั้นเทพมองแล้วถาม
“คุณกินส้มตำไม่เป็นหรือ”
“เป็นแต่ไม่ชอบ”
“อ้อ ลืมไป คุณเป็นพวกตำรวจไฮโซกินส้มตำปลาร้าไม่เป็น”
“ฉันกินเป็นทุกอย่าง”
“อ้าว ถ้ากินเป็นก็ลองนี่หน่อยสิครับ จะได้ไม่เสียมารยาท”
ขั้นเทพตักส้มตำให้ เมษามองหน้า
“อ้อ หรือว่าอยากให้ผมป้อน”
“ไม่ต้อง ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ”
ขั้นเทพวางส้มตำให้ เมษาตักกิน
“เป็นไงครับ”
“ก็อร่อยดี”
“อร่อยก็ทานอีกคำนะครับ”
ขั้นเทพจะตักให้อีก
“พอแล้ว ฉันว่าคุณกินของคุณไปเถอะ ไม่ต้องยุ่งกับคนอื่นเขาหรอก”
ไมค์ โจ๊กเกอร์กับหนูปึกมองสบตากันยิ้มขำ ขั้นเทพหันมาถาม
“หนูปึก เวลาอยู่บ้าน เจ้านายดุอย่างนี้มั้ย”
“ไม่เลยค่ะ คุณเมน่ารักใจดีจะตาย”
“ผมว่าเป็นเพราะคุณเมนั่งอยู่ใกล้ผู้กองรึเปล่า เลยทำให้อารมณ์บ่จอย”
“ใช่ ฉันว่าคุณไปนั่งที่อื่นไป เห็นหน้าคุณแล้วฉันกินไม่ลง”
“แหม หน้าผมก็ไม่เหมือนปลาร้าในส้มตำนะ”
“ไม่เหมือนก็ใกล้เคียง ฉันอิ่มแล้ว”
“อ้าว ทำไมอิ่มเร็วล่ะคะคุณเม”
“ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันมีนัด เธอจะกลับพร้อมฉันหรือจะอยู่ที่นี่ก่อน”
“กลับพร้อมคุณเมดีกว่าค่ะ หนูปึกแช่ผ้าไว้ยังไม่ได้เอาออกมาตากเลย”
“สาว ๆ นี่ใจร้อนจัง ปุ๊บปั๊บก็จะกลับกันแล้ว กำลังกินอร่อยอยู่เลย”
“อ้าว อ้ายก็กินต่อสิจ๊ะ เดี๋ยวหนูปึกไปล้างมือก่อนนะคะ”
“งั้นฉันไปรอที่รถนะ”
เมษาเดินออกไป ปึกเดินเข้าไปในครัว ขั้นเทพมองตามเมษาแล้วตักส้มตำกินอย่างเซ็ง ๆ ไมค์ โจ๊กเกอร์มอง
“ไม่ตามล่ะผู้กอง”
“ก็เขาไม่อยากพูดกับฉัน นายไม่ได้ยินที่เขาบอกหรือว่าเขาเกลียดหน้าฉัน”
“โธ่เอ๊ย เขาก็พูดไปอย่างงั้นแหละ ต่อหน้าฉันกับหนูปึก เขาจะบอกได้ไงว่าเขาชอบผู้กอง มันเสียฟอร์ม ตามไปจี้เลย”
ขั้นเทพมองหน้าไมค์ โจ๊กเกอร์
“ไปเลย”
“นี่เพราะนายบอกนะ ไม่งั้นฉันไม่ตามหรอก”
ขั้นเทพลุกเดินออกไป
“อื้อหือ โคตรฟอร์มเลยผู้กองเรา”
ไมค์ โจ๊กเกอร์หัวเราะ
เมษายืนพิงรถมองเหม่อ ขั้นเทพเดินเข้ามา
“ไปหนูปึก”
เมษาหันมาเห็นขั้นเทพ ก็ชะงัก
“คุณมีอะไรอีก”
“ผมแค่อยากจะถามคุณว่าพรุ่งนี้คุณว่างมั้ย”
“มีอะไร”
“อ้าว ก็คุณบอกจะร่วมมือกับผมจับหัวหน้าคุณไง เราจะได้คุยเรื่องแผนกัน”
“แผนคุณเป็นยังไงก็ว่ามาเลย”
“คุยตรงนี้หรือ”
“ทำไม”
“ก็เมื่อกี้คุณบอกว่ามีนัด ผมว่าพรุ่งนี้ดีกว่า จะได้มีเวลาคุยกันได้นานหน่อย”
“นานเลยหรือ”
“อ้าว มันมีรายละเอียดเยอะนะคุณ ผมรู้ว่าคุณเป็นแฟนกับชายชาติอยู่ ผมไม่คิดจะจีบคุณหรอก”
“ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นแฟนเขา”
“แต่เขาบอกผมว่า”
“นั่นเขาพูดคนเดียว”
“งั้นสรุปว่าตอนนี้คุณไม่มีแฟน”
เมษาจ้องหน้าขั้นเทพ
“ฉันจะมีหรือไม่มี ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“เกี่ยวสิ เพราะผมเองก็ไม่มีแฟน”
ขณะนั้น ปึกจะเดินออกไปหน้าบ้าน ไมค์ โจ๊กเกอร์ดึงแขนไว้
“อย่าเพิ่งออกไป ให้เวลาผู้กองเขาสารภาพรักหน่อย”
“อีหลีบ่ ผู้กองขั้นเทพชอบผู้กองเมหรือ”
“แม่น ถ้าบ่ซอบเขาสิออกไปคุยทำไมสองคน”
“ดีใจหลาย ๆ เด้อ นี่หนูปึกกะจะแนะนำให้ผู้กองเมมาซอบผู้กองขั้นเทพนะ แหม สมกันจริง ๆ คู่นี้ อ้ายไมค์ว่าบ่”
“แม่นแล่ว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์จ้องปึก ปึกมองสบตายิ้มเขิน
“อ้ายไมค์ยิ้มอิหยัง”
“อ๋อ อ้ายก็ดีใจกะผู้กองเขาน่ะ”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ชะเง้อมองไปหน้าบ้าน
ขั้นเทพคุยกับเมษาต่อ
“สรุปว่าตอนนี้เราสองคนต่างคนต่างโสด”
“แล้วทำไม”
“ผมไม่ทำไมหรอก ก็แค่บอกตัวเองว่าเรายังมีความหวัง”
“ความหวังอะไร”
“ก็หวังว่าสักวันหนึ่งคุณอาจจะสนใจผมบ้าง”
เมษามองค้อน แล้วเบ้หน้ายิ้มเยาะ
“ฉันบอกตอนนี้ได้เลยว่าไม่ต้องหวัง เพราะคนอย่างฉันไม่มีวันชอบคุณแน่นอน”
เมษาเปิดประตูรถขึ้นนั่ง ขั้นเทพก้มลงมอง
“นี่คุณพูดจริงหรือ”
“จริงสิ”
ขั้นเทพพยักหน้ากับตัวเองเหมือนยอมรับ
“ถ้างั้นก็ได้”
เมษาหันกลับ เมินหน้าอมยิ้ม สะใจที่เล่นงานขั้นเทพได้
“งั้นผมจะจีบคุณจนกว่าคุณจะยอมเป็นแฟนผม”
เมษาอึ้ง ตะลึง ขั้นเทพเดินเข้าบ้านไป
“นี่คุณ”
ขั้นเทพเดินอมยิ้มไป
“คุณกลับมาพูดให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ”
ขั้นเทพโบกมือไม่หันหน้าไป
“ผู้กองขั้นเทพ”
ขั้นเทพเดินเข้ามาเจอปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์
“ผู้กองคะ ผู้กองเมเรียกค่ะ”
“ปล่อยให้เขาเรียกไป ให้เขาตามง้อฉันบ้าง”
ขั้นเทพเดินเข้าบ้าน ปึกงง
“ตามง้อหรือ”
“แสดงว่าผู้กองของพี่ไม่เบาจริง ๆ”
“หนูปึกไปล่ะอ้าย แล้วเจอกันเด้อ”
“อย่าลืมโทรคุยกันนะ”
“จ้ะ ไม่ลืมหรอก”
ปึกวิ่งออกไป แล้วนึกได้ วิ่งกลับไปหาไมค์ โจ๊กเกอร์
“อิหยัง”
ปึกจูบแก้มไมค์ โจ๊กเกอร์ เขาสะดุ้ง
“ไปล่ะ บ๊ายบาย”
ปึกโบกมือให้ วิ่งกลับไปขึ้นรถ ไมค์ โจ๊กเกอร์จับแก้มเขิน ๆ
“หนูปึกนี่ยังไง มาจุ๊บเราบ่อย ๆ ฮื้อ ไม่น่ะ หนูปึกคงคิดว่าเราเป็นพี่ชาย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ตบแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วเดินเข้าบ้าน
ปึกนั่งในรถ แล้วหันมาถามเมษา
“เมื่อกี้คุณเมเรียกผู้กองมีอะไรหรือคะ”
“เปล่า แค่จะถามอะไรเขาหน่อย”
เมษาหันกลับหน้าเจื่อน ก่อนจะชับรถออกไป ชายชายชาติซุ่มมองอยู่ในรถ
“ไอ้เทพ นี่มึงคิดจะแย่งผู้หญิงของกูงั้นหรือ”
ชายชาติขับรถออกไป
อ่านต่อตอนที่ 7