ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 5
พริมคุมเข้มฝึกเพชรด้วยหลักสูตรเร่งรัดตามคำสั่งอรชร เริ่มจากเบสิก ยางรถบรรทุกเส้นหนึ่งมีเชือกผูกแล้วโยงไปผูกเอวเพชร พริมอธิบายอยู่
“ขั้นแรก ต้องผึกกำลังขาให้อยู่ตัว เธอต้องลากยาวรอบลานนี่ 3 รอบ”
“ชั้นว่าชั้นก็เคยเห็นนักมวยวิ่งลากยางนะ แต่ไม่เคยใครลากเส้นใหญ่เท่านี้เลย”
“นี่มันแบบเร่งรัด ก็ต้องหนักกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา”
“หลอกกันปะเนี่ย ดูหน้าตาไม่น่าไว้วางใจ” เพชรมองเหล่
“งั้นก็เลิก ชั้นไม่สอนแล้ว กลับบ้านไป”
“อ๊ะๆๆ เชื่อก็ได้ ทำเป็นน้อยใจ มันจะซักแค่ไหนกันเชียว ยางเส้นเท่านี้”
สีหน้าเพชร หันไปทางข้างหน้า มุ่งมั่น กำลังจะออกวิ่ง แล้วก็เหมือนติดอะไร หนักๆ
เพชรพยายามออกแรงอีก
เพชรบ่นงึม “ทำไมมันหนักกว่าที่คิดวะ”
เพชรออกแรงอีกก็ไม่เขยื้อน พอหันไปดู เห็นพริมนั่งอยู่บนยางยิ่งเซ็ง
“เฮ้ย! ไม่เอาเกวียนมาเทียมชั้นเลยล่ะ”
“จะเอาจริงมั้ยล่ะ”
“ไม่เอา”
“งั้นก็ลากไป อย่าบ่น”
เพชรเจ็บใจ ที่เถียงอะไรไม่ได้
เพชรออกแรงมากขึ้น ยางเขยื้อนไปนิดหนึ่ง พริมเอามือถือมากดฟังเพลง ใส่หูฟังสบายใจ เพชรออกแรงลากยางเขยื้อนไปทีละนิด ทีละก้าวช่างยากเย็น
อีกฟาก ขนุนอยู่บนจักรยาน คุยกับรักษ์ผ่านประตูรั้วบ้านลิเก
“เปลี่ยนมาให้พริมสอนแทนแล้วเหรอ แล้วเป็นยังไงบ้าง”
“พี่พริมก็ไม่น่าจะโหดเท่าน้าแชมป์กับหรอก พี่เพชรคงสบายขึ้นเยอะ”
“ขอบใจมากนะ มีอะไรก็ส่งข่าวมาเรื่อยๆ ละกัน”
“แล้วเรื่องเรียนร้องเพลงล่ะ ตอนนี้ไปร้องกันที่วัดก็ไม่ได้แล้ว พวกไอ้กล้าคงจ้องจะไปจับผีที่ศาลาหลังวัด”
“งั้นพักไว้ก่อนละกัน ถ้ามีที่เมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกที”
“งั้นชั้นไปนะ ออกมานานแล้ว ใครจะสงสัยเอา”
ขนุนขี่จักรยานออกไป
เพชรกำลังลากยางล้อรถบรรทุกที่มีพริมนั่งอยู่ พื้นลานเห็นเป็นรอยลาก
เพชรกำลังลาก มุมต่างๆ
เพชรลากมาจนถึงจุดเริ่มต้นอย่างยากลำบาก เหงื่อชุ่ม
เมื่อถึงแล้วขาก็ทรุดลง กองกับพื้น หอบ
“คิดไม่ถึงล่ะสิว่าชั้นจะทำได้ อึ้งเลยล่ะซี่”
เพชรปลดเชือกที่ผูกเอวออกลุกเดินไป
“จะไปไหน”
“ไปกินข้าว นี่มันถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้วนะ”
“แต่เธอยังไม่กินไม่ได้ เพราะตามโปรกแกรมที่ชั้นวางไว้ เธอต้องฝึก 2 อย่าง แต่นี่ผ่านไปแค่อย่างเดียวเอง”
“วางโปรมแกรมประสาอะไรไม่พอดีกับเวลาพักเที่ยง” เพชรบ่น
“ชั้นวางมาพอดี แต่เธอใช้เวลาลากยางนานเกินไปต่างหาก...ตามชั้นมา”
พริมเดินไป เพชรหงุดหงิด เดินตาม พริมหยุดกึก
“อ้าว แล้วจะทิ้งของไว้ตรงนี้เหรอ แบกมาด้วย”
เพชรกลับไปที่ยางรถแกะเชือกออก ม้วนๆ คล้องแขนไว้
แล้วยกยางรถขึ้นตั้ง แล้วกลิ้งไป
พริมสั่ง “แบก เข้าใจคำว่าแบกมั้ย”
“ใครจะแบกไหว ไอ้ยางนี่มันหนักกว่าตัวชั้นอีกนะ”
“ชั้นไม่สนว่าจะหนักกว่าหรือเบากว่า แต่ชั้นจะให้เธอแบก”
“บ้าอำนาจ”
พริมปล่อยหมัดจะชกแขนเพชร แต่เพชรฉากหลบทัน
“ฮั่นแน่ ไม่ได้กินชั้นหรอก”
ด้วยความรวดเร็วพริมเตะไปที่น่องเพชร, เพชรเจ็บ กระโดดเหยงๆ
พริมเดินไป เพชรแค้นเหลือเกิน แต่ก็ต้องยอมแบกยางรถตามไป
ถัดมา เพชร พริม ยืนอยู่หน้าต้นกล้วยใหญ่ต้นหนึ่งหลังค่าย มีกล้วยเครืองามๆ อยู่บนต้น
“ยิ่งเธอทำภารกิจเสร็จเร็วเท่าไหร่ ก็จะได้กินข้าวเร็วเท่านั้น เห็นเครือนั้นมั้ย เอาลงมาให้ชั้น”
เพชรขำก๊าก “อยากกินกล้วยก็ไม่บอก กะอิแค่โค่นต้นกล้วย เดี๋ยวชั้นไปเอามีดที่บ้านมา รอเดี๋ยว”
“ชั้นไม่ให้ใช้ตัวช่วย เธอต้องโค่นลงมาด้วยลำแข้งของเธอเอง”
เพชรนึกตาม “นี่อย่าบอกนะว่า”
“ใช่ เธอต้องเตะต้นกล้วยจนกว่ามันจะโค่น”
เพชรโวย “เมื่อกี้ชั้นลากเธอรอบสนามตั้ง 3 รอบ ตอนนี้แค่ยืนไม่ให้ล้มก็เก่งแล้ว นี่จะให้ชั้นเตะต้นกล้วยอีก”
“งั้นชั้นยอมให้เธอมือด้วยก็ได้ 2 มือกับ 2 เท้า เท่านั้น”
“โอโห” เพชรอ้าปากกำลังจะบ่น
พริมถามด้วยเสียงเด็ดขาด “จะทำหรือไม่ทำ”
เพชรไม่กล้าบ่น เดินเข้าไปดูต้นกล้วย เห็นขนาดลำต้นแล้วก็ท้อ เพชรลองต่อยดูเบาๆ แล้วก็เจ็บ สะบัดมือหยอยๆ ได้แต่คิดในในความคิด
“ตอนนี้ขาเราไม่มีแรง คงจะใช้ขาเตะไม่ได้แน่ๆ ถ้าจะชก นวมก็ไม่มี ผ้าพันก็ไม่มี มือคงหักก่อน”
เพชรลองไปขย่มๆ ต้นกล้วยประเมินน้ำหนัก แล้วจับต้นกล้วยไว้โยกไปโยกมา พบว่าต้นกล้วยเริ่มขยับ เพชรเข้าไปกอดต้นกล้วยแล้วโน้มลง บอกตัวเองในใจอีก
“ใช่แล้ว เราต้องใช้น้ำหนักตัวเราช่วย”
เพชรเริ่มโยก ใช้น้ำหนักตัวในการโค่น พริมเห็นแล้วก็ต้องทึ่งที่เพชรคิดได้
เพชรโน้มต้นกล้วย ครั้งแล้วครั้งเล่า ท่าทางเหมือนการปล้ำคอของนักมวย จนสุดท้ายต้นกล้วยค่อยๆหักโค่นลง
เพชรเอาเครือกล้วยวางลงตรงหน้าพริมมาดอย่างเหนือ
“ชั้นไปกินข้าวได้รึยัง”
พริมกินข้าวตามปกติ ส่วนเพชรโกยข้าวใส่ปากด้วยความรวดเร็วจดเกลี้ยงจาน เอื้อยกำลังจะเก็บหม้อข้าว
“น้าเอื้อยสุดสวย ขอข้าวชั้นอีกจานได้มั้ยจ๊ะ”
“ขอธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องชมหรอก เพราะชั้นรู้ตัวชั้นดี”
เอื้อยจะตักข้าวให้เพชร
พริมห้าม “น้าเอื้อยหยุด ชั้นอนุญาตให้กินแค่จานเดียวเท่านั้น”
“อย่างกไปหน่อยเลย เมื่อกี้ชั้นใช้แรงไปตั้งเยอะ ให้กินจานเดียวไม่อิ่มหรอก”
“เธอต้องคุมอาหาร”
เพชรฟังแล้วเซ็ง “คุมอาหารแล้วจะเอาแรงที่ไหนไปฝึกภารกิจสุดโหดของเธอหา ใช้แรงเยอะมันก็ต้องกินเยอะสิ”
“แต่เธอจะต้องใช้แรงให้เยอะ แล้วก็กินให้น้อย”
เพชรงง “ทำไม”
เพชรยืนอยู่บนตราชั่งตรงมุมชั่งน้ำหนัก พริมอยู่ข้างๆ ตราชั่งชี้ที่เลข 75 กิโลกรัม
“75 หนักเกินไป ต้องลดลงเหลือสัก 68 ไม่เกิน 70”
“ตั้ง 5-6 โลแน่ะ ตัดแขนชั้นออกไปข้างนึงเลยละกัน”
เพชรแกล้งยื่นแขนให้พริม พริมจับไว้แล้วจะฟันศอกลง
“เอางั้นก็ได้”
เพชรแกล้งร้องกรี๊ดออกสาว “แอร๊ยย อย่าๆๆ ชั้นพูดเล่น แล้วทำไมชั้นต้องลดน้ำหนักด้วย”
“ถ้ายิ่งหนักก็จะได้ชกกับรุ่นใหญ่ เธอโดนเหยียบแบนแน่ จะเอาเหรอ”
“ไม่เอาจ้ะ”
“งั้นก็ต้องคุมน้ำหนัก ข้าวกินได้แค่ 2 มื้อเฉพาะที่พี่เอื้อยทำเท่านั้น ห้ามกินจุบจิบ พวกขนมหวานน้ำอัดลมให้งด เข้าใจมั้ย”
“โห เข้มงวดอย่างกับเป็นแม่ หน้าแก่พอใช้ได้แล้วนะ”
พริมเงื้อซ้ายจะตบ เพชรยกแขนขวากันไว้ พอพริมเงื้อขวา เพชรยกแขนซ้ายกัน แล้วยักคิ้วอย่างมีชัย พริมสะบัดมือไปที่ท้องจังๆ ทำเอาเพชรแสบพุง
การซ้อมดำเนินมาถึงตอนพริมกำลังเลือกนวม แต่บังเอิญเห็นแมลงสาบตัวนึง เกาะอยู่ที่ชั้นวาง พริมยิ้มมีแผน
เพชรกำลังพันผ้าพันมือ เส้นเดิมที่พริมให้จวนใกล้จะเสร็จ พริมถือนวมเข้ามา
“อย่างนี้ถูกรึเปล่า” เพชรหันมาถาม
“พันๆ ไปเถอะน่ะ”
พริมยื่นนวมให้เพชร “แล้วก็ใส่ให้ถูกข้างด้วย”
“รู้แล้วน่า”
เพชรรับนวมมาใส่ พริมรีบมัดเชือกนวมให้แน่นๆ
เพชรโวย “แน่นไปปะเนี่ย”
พริมอ้าง “ไม่แน่นก็หลุดสิ”
เพชรเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ในนวม ยกมือข้างนั้นขึ้นสะบัดๆ
“เฮ้ย อะไรอ่ะ มีตัวอะไรอยู่ในนี้ก็ไม่รู้”
“อ๋อ เมื่อกี้ชั้นเห็นแมลงสาบมันอยู่แถวๆที่เก็บนวม มันคงจะเข้าไปทำรัง”
เพชรตะลึงตะไล เพราะเกลียดกลัวแมลงสาบจับจิต
พระเอกลิเกหน้าหวานกรี๊ดด “แอร๊ย เอาออก เอาออกไปที”
เพชรลุกขึ้นเต้น สะบัดๆๆๆๆ “มันดิ้นใหญ่แล้ว”
พริมหัวเราะร่วนสะใจนัก “ใครดิ้น เธอดิ้นหรือแมลงสาบดิ้น ฮ่าๆๆๆ”
“ยังจะมาหัวเราะอีก แกะเร็ว แกะๆๆๆๆ”
“จะแกะยังไงล่ะ อยู่นิ่งๆ สิ”
เพชรขยะแขยงมาก วิ่งไปที่กระสอบทราย กระหน่ำชก
“ตายซะเถอะ ตายซะเถอะ อึ้ยๆๆๆ”
เพชรต่อยจนเหนื่อยโฮก นิ่ง รอดูผล
“มันตายแล้วมั้ง”
“คงงั้น...”
แต่แล้วอยู่ๆเพชรก็กรี๊ด “แอร๊ย ยังอยู่”
เพชรต่อยกระสอบทรายอีกรัวๆ ใช้ส่วนต่างๆ ของมือฟาดกับกระสอบทราย หน้ามือหลังมือ ตรงไหนที่แมลงสาบมันวิ่งไป เพชรแทบจะร้องไห้
พริมหัวเราะ ฮ่าๆๆๆๆ ไม่หยุด
“โอ้ย เจ็บๆๆๆ” เพชรสะบัดมือ
“เป็นอะไร”
“มันกัด”
”ฮ่าๆๆๆ มานี่ อยู่นิ่งๆ”
พริมเอารักแร้หนีบแขนเพชรล็อกไว้ไม่ให้ดิ้น เพชรยังดิ้นๆ กระโดดเหยงๆ ด้วยความขยะแขยง พริมรีบแก้เชือกผูกนวมให้
พอแก้เสร็จ เพชรก็รีบสะบัด นวมลอยกระเด็นไป
อรชรเข้ามาหน้าดุ
“เสียงดังอะไรกัน”
นวมกระเด็นไปโดนอรชร แต่อรชรรับไว้ทัน พอเห็นแมลงสาบไต่ออกมาจากนวม
อรชรร้องกรี๊ดเสียงหลง
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 5 (ต่อ)
อรชรโมโหมาก เปิดคอร์สอบรมเพชรกับพริมอยู่ในสำนักงาน
“เพชร ไหนบอกว่าจะตั้งใจฝึก แล้วนี่มัวทำอะไรอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ชั้นไม่เลี้ยงไว้ให้เสียข้าวสุกหรอกนะ ชั้นว่าแล้ว พวกลิเกไม่มีใครจริงจังกันซักคน”
“น้าอร พริมผิดเอง พริมเป็นคนเอาแมลงสาบไปใส่ในนวมของเพชร”
เพชรเหวอ “ตกลงเธอแกล้งชั้นเหรอเนี่ย”
“น้าอร พริมขอโทษ เพชร ชั้นขอโทษ”
“น่าผิดหวังมากนะพริม ไม่คิดว่าคนของเราจะมาเป็นซะเอง เธอคิดว่าไอ้พวกเมฆดำมันกระจอกรึไง ถึงเอาเวลาซ้อมมาเล่นแบบนี้”
พริม และเพชร หน้าสลด
“เย็นนี้ไม่ต้องซ้อมแล้ว”
“อ้าว น้าอร ชั้นไม่ได้ผิดอะไรนี่ อย่าไล่ชั้นออกเลยนะ”
“ชั้นไม่ได้จะไล่ออก แต่ชั้นจะให้เธอ 2 คน ไปดูไอ้พวกเมฆดำมันฝึกจะได้รู้ว่าพวกเธอกำลังจะเจอกับอะไร”
เย็นนั้น พริม กะ เพชร แลซ้ายมองขวา ค่อยๆ ย่องเข้ามาในค่าย เสียงจีบันซ้อมต่อยเตะฟังดูน่ากลัว
พริมกับเพชรไปแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง แอบดูการซ้อม
จีบันกำลังต่อย เตะ เข่า ศอกกระสอบทรายอย่างโหดร้ายทารุณ พริมยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป จีบันเตะจนโซ่ที่แขวนกระสอบทรายไว้กับคานขาด กระสอบทรายร่วงตกลงพื้นเพชร สยอง ตะลึงตาค้าง
“ไอ้นี่ชื่อจีบัน เป็นลูกชายเมฆดำ ฆ่าคนมาแล้วหลายศพ”
“แล้วทำไมมันไม่อยู่ในคุกล่ะ”
“ชกกันตายบนเวทีมวย มันไม่ผิดกฎหมายนี่ เค้าว่ากันว่า วิญญาณของคนที่ตายจะเข้าสิงในร่างของมัน แล้วทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
เพชรหน้าเสีย จีบันโหดโครตๆ
ขณะเดียวกัน จีบันเดินไปหยิบแตงโมมาเอาหมัดชก แตงโมแตกเห็นเนื้อสีแดงน้ำไหล จีบันเอาปากกัดกินแตงโม
เพชรมองภาพนั้นยิ่งหน้าเสีย
“นึกภาพดูสิ ถ้าแตงโมนั่นเป็นหัวของชั้น มันคงต่อยสมองชั้นเละแล้วก็กัดกินอย่างเอร็ดอร่อยแน่ๆเลย”
“เธอไม่ได้ชกกับไอ้จีบันหรอก ไม่เห็นเหรอว่าตัวมันใหญ่คนละรุ่นกัน”
“สาธุ”
เม่น และ เก้ง เดินมาเห็นพริมกับเพชรลับๆ ล่อๆ อยู่
เม่นตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย ทำอะไรน่ะ”
เพชร กะ พริมตกใจ
“หนีเร็ว” พริม ลาก เพชรวิ่งหนีโดยเร็ว
เม่น เก้งไล่ตามติดๆ
ขณะที่ พริม และ เพชร วิ่งหนีมา มองหาที่หลบ ระหว่างนี้ ไข่เค็มวิ่งออกมาจูงมือพริมกับเพชรให้ไปหลังพุ่มไม้ใกล้ตุ่มขนาดใหญ่
“แอบตรงนี้นะ”
ไข่เค็มวิ่งออกไป
เพชร พริม งงๆ ว่าเด็กนั่นใคร เม่น กะ เก้งวิ่งมา ไม่เห็นก็เดินหา
“ไปไหนแล้ววะ” เม่นมองหาสแกนทุกจุด
เก้งมั่นใจ “มันคงหลบอยู่แถวนี้แหละ”
“เฮ้ย ออกมาซะดีๆ ถ้าให้จับได้พวกแกตายแน่”
เพชร และพริมนั่งเสียวไส้ ทำตัวลีบเล็ก เพชรได้กลิ่นเหม็นๆ กระซิบถามเบาๆ
“เธอตดเหรอ”
พริมตอบเบาๆ “จะบ้าเหรอ เปล่า”
เพชรมองไปข้างๆ เห็นขี้หมากองหนึ่ง ทำหน้ายี้ใส่ เพชรหากิ่งไม้มาเขี่ย ขี้กลิ้งไปที่เท้าเก้งพอดี พริมกับเพชรเสียว ว่าจะโดนจับได้
“กลิ่นอะไรวะ” เม่นทำจมูกฟุดฟิด
“แกเหยียบขี้ปะเนี่ย”
“เปล่า” เก้งเห็นขี้ “นี่ไง ไปหาที่อื่นเหอะว่ะ”
เม่น กะ เก้งออกไป พริมกับเพชรโล่งอก
พริมชะโงกหน้าดู เห็นว่าทางสะดวกแล้วลุกขึ้น เดินนำไป เพชรตาม
จู่ๆ เพชรกรี๊ด “แอร๊ย”
พริมตกใจ “อะไร”
“มีอีกก้อนนึง แหวะ”
เพชรเหยียบขี้ เอาเท้าป้ายพื้น เม่น และ เก้งกลับมาเพราะเสียงกรี๊ด
“เฮ้ย อยู่นั่น” เม่นชี้
เพชร พริมรีบวิ่งหนีอีกรอบ เม่นเก้งไล่ตาม
อรชรโมโหมาก เปิดคอร์สอบรมเพชรกับพริมอยู่ในสำนักงาน
“เพชร ไหนบอกว่าจะตั้งใจฝึก แล้วนี่มัวทำอะไรอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ชั้นไม่เลี้ยงไว้ให้เสียข้าวสุกหรอกนะ ชั้นว่าแล้ว พวกลิเกไม่มีใครจริงจังกันซักคน”
“น้าอร พริมผิดเอง พริมเป็นคนเอาแมลงสาบไปใส่ในนวมของเพชร”
เพชรเหวอ “ตกลงเธอแกล้งชั้นเหรอเนี่ย”
“น้าอร พริมขอโทษ เพชร ชั้นขอโทษ”
“น่าผิดหวังมากนะพริม ไม่คิดว่าคนของเราจะมาเป็นซะเอง เธอคิดว่าไอ้พวกเมฆดำมันกระจอกรึไง ถึงเอาเวลาซ้อมมาเล่นแบบนี้”
พริม และเพชร หน้าสลด
“เย็นนี้ไม่ต้องซ้อมแล้ว”
“อ้าว น้าอร ชั้นไม่ได้ผิดอะไรนี่ อย่าไล่ชั้นออกเลยนะ”
“ชั้นไม่ได้จะไล่ออก แต่ชั้นจะให้เธอ 2 คน ไปดูไอ้พวกเมฆดำมันฝึกจะได้รู้ว่าพวกเธอกำลังจะเจอกับอะไร”
เย็นนั้น พริม กะ เพชร แลซ้ายมองขวา ค่อยๆ ย่องเข้ามาในค่าย เสียงจีบันซ้อมต่อยเตะฟังดูน่ากลัว
พริมกับเพชรไปแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง แอบดูการซ้อม
จีบันกำลังต่อย เตะ เข่า ศอกกระสอบทรายอย่างโหดร้ายทารุณ พริมยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป จีบันเตะจนโซ่ที่แขวนกระสอบทรายไว้กับคานขาด กระสอบทรายร่วงตกลงพื้นเพชร สยอง ตะลึงตาค้าง
“ไอ้นี่ชื่อจีบัน เป็นลูกชายเมฆดำ ฆ่าคนมาแล้วหลายศพ”
“แล้วทำไมมันไม่อยู่ในคุกล่ะ”
“ชกกันตายบนเวทีมวย มันไม่ผิดกฎหมายนี่ เค้าว่ากันว่า วิญญาณของคนที่ตายจะเข้าสิงในร่างของมัน แล้วทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
เพชรหน้าเสีย จีบันโหดโครตๆ
ขณะเดียวกัน จีบันเดินไปหยิบแตงโมมาเอาหมัดชก แตงโมแตกเห็นเนื้อสีแดงน้ำไหล จีบันเอาปากกัดกินแตงโม
เพชรมองภาพนั้นยิ่งหน้าเสีย
“นึกภาพดูสิ ถ้าแตงโมนั่นเป็นหัวของชั้น มันคงต่อยสมองชั้นเละแล้วก็กัดกินอย่างเอร็ดอร่อยแน่ๆเลย”
“เธอไม่ได้ชกกับไอ้จีบันหรอก ไม่เห็นเหรอว่าตัวมันใหญ่คนละรุ่นกัน”
“สาธุ”
เม่น และ เก้ง เดินมาเห็นพริมกับเพชรลับๆ ล่อๆ อยู่
เม่นตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย ทำอะไรน่ะ”
เพชร กะ พริมตกใจ
“หนีเร็ว” พริม ลาก เพชรวิ่งหนีโดยเร็ว
เม่น เก้งไล่ตามติดๆ
ขณะที่ พริม และ เพชร วิ่งหนีมา มองหาที่หลบ ระหว่างนี้ ไข่เค็มวิ่งออกมาจูงมือพริมกับเพชรให้ไปหลังพุ่มไม้ใกล้ตุ่มขนาดใหญ่
“แอบตรงนี้นะ”
ไข่เค็มวิ่งออกไป
เพชร พริม งงๆ ว่าเด็กนั่นใคร เม่น กะ เก้งวิ่งมา ไม่เห็นก็เดินหา
“ไปไหนแล้ววะ” เม่นมองหาสแกนทุกจุด
เก้งมั่นใจ “มันคงหลบอยู่แถวนี้แหละ”
“เฮ้ย ออกมาซะดีๆ ถ้าให้จับได้พวกแกตายแน่”
เพชร และพริมนั่งเสียวไส้ ทำตัวลีบเล็ก เพชรได้กลิ่นเหม็นๆ กระซิบถามเบาๆ
“เธอตดเหรอ”
พริมตอบเบาๆ “จะบ้าเหรอ เปล่า”
เพชรมองไปข้างๆ เห็นขี้หมากองหนึ่ง ทำหน้ายี้ใส่ เพชรหากิ่งไม้มาเขี่ย ขี้กลิ้งไปที่เท้าเก้งพอดี พริมกับเพชรเสียว ว่าจะโดนจับได้
“กลิ่นอะไรวะ” เม่นทำจมูกฟุดฟิด
“แกเหยียบขี้ปะเนี่ย”
“เปล่า” เก้งเห็นขี้ “นี่ไง ไปหาที่อื่นเหอะว่ะ”
เม่น กะ เก้งออกไป พริมกับเพชรโล่งอก
พริมชะโงกหน้าดู เห็นว่าทางสะดวกแล้วลุกขึ้น เดินนำไป เพชรตาม
จู่ๆ เพชรกรี๊ด “แอร๊ย”
พริมตกใจ “อะไร”
“มีอีกก้อนนึง แหวะ”
เพชรเหยียบขี้ เอาเท้าป้ายพื้น เม่น และ เก้งกลับมาเพราะเสียงกรี๊ด
“เฮ้ย อยู่นั่น” เม่นชี้
เพชร และพริมวิ่งหนีอีกรอบ เม่นกะเก้งไล่กวดไม่ลดละ
ถัดมา พริม และ เพชรวิ่งเข้ามา เพชรเห็นมุมหนึ่งพอซ่อนได้ เป็นมุมเล็กๆ แคบๆ รีบดึงมือพริมเข้ามาหลบ ด้วยความแคบทำให้ทั้งคู่เบียดกัน เม่น เก้งวิ่งเข้ามา มองหา
ไข่เค็มเดินเข้ามา “หาอะไรเหรอจ๊ะ พี่เม่น พี่เก้ง”
“เอ็งเห็นคนแปลกหน้า 2 คนวิ่งมาทางนี้บ้างมั้ย” เม่นถาม ตาก็มองหา
“ไม่เห็นเลยจ้ะ...เอ๊ะ หรือว่าเห็น”
“ตกลงเห็นหรือไม่เห็น” เม่นโมโห
“เห็นจ้ะ วิ่งไปทางนู้น” ไข่เค็มชี้ไปทางหนึ่ง “ไม่ใช่ๆ ไปทางนี้ต่างหาก”
เม่นโมโหเอาเท้ายันไข่เค็มจนกระเด็น
“ตกลงทางไหนกันแน่”
“ขอชั้นนึกก่อนสิจ๊ะ”
เก้งเข้าไปจับคอเสื้อคาดคั้น “เร็วๆ เดี๋ยวมันก็หนีไปหรอก”
ไข่เค็มชี้ไปอีกทางหนึ่ง “ทางโน้นจ้ะ”
“ถ้าไปดูแล้วไม่เจอ เอ็งโดน” เม่นคาดโทษ
สองคนออกไปแล้ว เพชรชะโงกหน้าไปมอง ไข่เค็มเดินมาหา
“หนีเร็วพี่ พวกเค้าไปแล้ว”
“ขอบใจมากไอ้หนู”
สองคนออกมาจากที่ซ่อน
“หนูเป็นใครเนี่ย มาช่วยพวกเราทำไม”
“หนูชื่อไข่เค็มจ้ะ พ่อหนูเป็นนักมวยถูกลุงเมฆดำชกตายระหว่างแข่ง ลุงเมฆดำเลยรับเลี้ยงหนูไว้จ้ะ”
“โห โหดขนาดนี้ยังจะกล้าอยู่ด้วยอีกเหรอ”
“ก็หนูไม่มีที่ไปนี่จ้ะ พี่ๆ รีบหนีไปเถอะ ถ้าถูกจับพวกนั้นเล่นงานหนักแน่ ทางนี้จ้ะ”
ไข่เค็มนำทางไป ชะโงกหน้าดูลาดเลาก่อน เพชร พริมกำลังจะตาม
ไข่เค็มรีบบอก “เข้าไปหลบก่อน พวกพี่เค้ากลับมาแล้ว”
เพชรกะพริมเข้าหลบที่เดิม เพชรกลัวว่าแขนพริมจะแล่บออกไปเลยรวบไว้ พวกเม่น เก้ง เข้ามา ตบกะโหลกไข่เค็ม
“เอ็งมั่วนี่หว่าไอ้ไข่เค็ม” เก้งด่าตบอีกโป๊ก
“หรือว่าเอ็งแกล้งหลอกพวกข้าเล่นหา! มาให้เตะซะดีๆ” เม่นขยับตีน
ไข่เค็มวิ่งหนีไป เม่น กะ เก้งวิ่งไล่เตะ
“เปล่านะ ชั้นแค่สับสน”
เพชร และพริมยังตัวเกร็ง รอเวลาอีกสักระยะ
“มันไปแล้วล่ะ”
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ”
“ปล่อยได้แล้ว”
เพชรทำไก๋ “อะไรนะ”
พริมตีแขนเพชรที่โอบอยู่ เผียะ
“อุ๊ย โทษที ตัวนิ่มเหมือนกันน่ะเนี่ย”
พริมชกแขนเพชร แต่เพชรหลบแล้วเอามือรับหมัดไว้
“แต่หมัดแข็งเป็นบ้าเลย”
พริมสะบัดมือออก “รีบกลับเถอะ”
พริมนำออกไป เพชรตาม
ไม่นานนัก พริมขี่รถเครื่องมาส่งเพชรแถวๆ ที่พัก
“รีบเข้านอนซะ แล้วก็เก็บร้องเท้าดีๆ อย่าให้หมาคาบไปเล่นอีก ถ้ามาสายอีกชั้นจะทำโทษ”
“คราบ คุณแม่”
พริมจะชก แต่เพชรหลบทัน พริมชกอีก 2-3 ที เพชรหลบได้หมด พริมเลยกระทืบเท้าทีเผลอ
“โอ๊ย”
“อย่ามาล้อเล่นกับชั้น ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่น”
พริมจะเดินไป เพชรรีบบอก
“เดี๋ยวพริม...ขอบใจนะ”
“เรื่องที่ชั้นกระทืบเท่าน่ะเหรอ อีกทีมั้ย”
“เรื่องที่ยอมสอนมวยชั้น”
“ชั้นไม่ได้ยอม แต่ชั้นถูกน้าอรบังคับ”
พริมเดินเชิดออกไป
“ยังไงก็ขอบคุณอยู่ดีนะ” เพชรยิ้มเรี่ยราด
เช้าวันนี้ ทุกคนอยู่ในสำนักงาน เอื้อย กำลังดูคลิปการชกของพวกเมฆดำในมือถือของพริม
“ตายๆๆๆๆ นี่มันชกมวยหรือฆ่าคนวะเนี่ย”
อรชรหันมามองเพชร “ถามหน่อยนะเพชร จากที่ได้ไปดูฝีมือของพวกเมฆดำแล้ว คิดว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน”
เพชรหน้าเจื่อน “ระดับ เอ่อ...ระดับตาตุ่มมั้งจ๊ะ”
“ทำไมถึงอยู่ระดับตาตุ่ม” อรชรซักต่อ
“ชั้นคงโดนชกลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มเค้าตั้งแต่ยกแรก”
อรชรหันมาทางพริม “พริม เธอก็รู้ว่าค่าย ศ.อรชร กับค่ายเมฆดำ ต่อสู้ขับเคี่ยวกันมานาน แล้วถ้าอยู่ๆ เพชรต้องไปแพ้ราบคาบแบบนั้น เธอยอมได้เหรอ”
“พริมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น”
“พริม เพชร ชื่อเสียงของค่าย ศ.อรชร ฝากไว้ที่เธอ 2 คนแล้วนะ”
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 5 (ต่อ)
ที่บ้านลิเก ทุกคนกำลังสุมหัวรุมดูคลิปการซ้อมของจีบันจากโทรศัพท์ของรักษ์ ต่างส่งเสียงหวาดเสียว สำเริงหน้าเครียด
“หูย ใจกล้าจริงๆ เลย ไปแอบถ่ายมันมาได้ยังไงเนี่ย ถ้ามันจับได้ไม่โดนกระทืบตายเลยเหรอ” จริยาออกท่าออกทาง
“ไอ้ตอนไปแอบถ่ายยังไม่โดน แต่พอขึ้นเวทีก็ต้องโดนอยู่ดี” แฉะว่า
“พวกพี่พูดอะไรดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ เพชรมันก็ตั้งใจฝึกมวยอยู่ มันคงไม่เลวร้ายอย่างนั้นหรอกน่า” รักษ์ติง
ลูกดอกท้วงขึ้น “แล้วถ้ามันเลวร้ายอย่างนั้นล่ะพี่รักษ์ เราต้องคิดเผื่อไว้ก่อนสิ”
“เผื่อยังไง แกจะขึ้นไปช่วยมันชกรึไง”
ทุกคนกลุ้ม
“ถ้าพวกเราขึ้นไปช่วยชกไม่ได้ เราก็ต้องส่งคนอื่นไปช่วยแทน” สำเริงเอ่ยขึ้น
จริยางง “ส่งใครพี่เริง”
“หลวงพ่อไง”
ทุกคนงง
ส่วนที่ค่ายมวย เพชรพันผ้าพันมือเสร็จแล้ว หยิบนวมมา เคาะๆ ดูว่าไม่มีตัวอะไรอยู่ข้างในไหม
“ไว้ใจเถอะน่า ชั้นไม่แกล้งแล้ว”
เพชรใส่นวมเสร็จ พริมยื่นถุงทรายให้
“อะไรอีกล่ะเนี่ย”
พริมผูกถุงทรายที่ข้อมือเพชรทีละข้าง โดยมือเพชรวางอยู่บนโต๊ะ
“ไอ้พวกเมฆดำ ขึ้นชื่อว่าหมัดหนัก เธอก็เห็นว่ามันชกแค่เบาๆ แตงโมก็แหลกเป็นจุล เพราะฉะนั้นเธอก็ควรจะหมัดหนักพอๆ กับพวกมัน”
พริมผูกเสร็จมือเพชรร่วงแหมะลงเพราะแรงถ่วงของถุงทราย
“โห หมัดหนักขึ้นจริงๆ ด้วย”
พริมผูกให้อีกข้าง
“แค่ยกยังจะยกไม่ขึ้นเลย จะให้ชั้นชกยังไง”
“ชกยังไงก็ได้ ให้เหมือนที่จีบันมันชกแตงโม”
พริมสอนเพชรชกกระสอบทราย บุญหลง ขนุน ซ้อมกระสอบอยู่ไม่ไกล พวก เด่น และ แคนซ้อมปล้ำคอกัน นักมวยอื่นๆ ซ้อมไปตามท้องเรื่อง
พริมจัดท่าให้เพชร ทำให้ใกล้ชิดกันโดยอัตโนมัติ บุญหลงแอบเหล่มองสองคนตาวาว
เพชรลองต่อยออกไป พริมสอนวิธีการออกหมัด แต่เพชรมือห้อยเพราะเมื่อย พริมกระตุ้นให้ยกขึ้นมาชกอีก
ถัดมาพริมสินเพชรชกแบบต่างๆ หมัดตรง หมัดเหวี่ยง หมัดฮุก หมัดแย๊บ หมัดเสย เพชรตั้งใจมาก ท่าทางไม่เมื่อยแล้ว
เวลาผ่านไป เพชรยังมีถุงทรายผูกที่มือ กับพริม อยู่ตรงที่ฝึกชกบอล บุญหลงซ้อมเตะกระสอบอยู่แถวนั้นคอยเมียงๆ มองๆ สองคนตาหรอด
“คราวนี้ชั้นจะทดสอบความไวของสายตา”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นน่ะสายตาแพรวพราวอยู่แล้ว”
พระเอกลิเกคุย แถมหลิ่วตา ยักคิวให้พริม อย่างยียวน
พริมเสียงเข้ม “จริงจัง”
“ครับพ้ม”
“ลองชกลูกบอลนี่ซิ”
เพชรชกไปทีหนึ่ง ลูกบอลเด้งดึ๋ง
“น่ารักดีเนอะ มันเด้งๆ”
เพชรชกอีกเรื่อยๆ ชักสนุกหัวเราะคิกคัก
“สนุกดีอ่ะพริม”
เพชรทำเป็นหลบไปหลบมา ชกเล่นๆ ล้อไปล้อมา แต่ไม่ทันระวังลูกบอลเด้งใส่หน้า
“โอ้ย”
“สมน้ำหน้า”
เวลาผ่านไปอีกสักระยะ บุญหลงมาสาธิตการชกลูกบอลให้ดู เพชรทำตาม ทำได้ดี
จากนั้นพริมแนะนำเทคนิคต่างๆ
เด่นกับแคนมานั่งพักกินน้ำกันอยู่มุมหนึ่ง บุญหลงถือน้ำดื่มเข้ามาสมทบ
“ไอ้หลง เด็กใหม่เป็นไงมั่งวะ” เด่นถาม
“ก็ดี หัวไวดี”
“แล้วนี่พริมยอมดีกับไอ้เพชรแล้วเหรอ เห็นทีแรกว่าจะแกล้งให้หนัก” แคนถาม
“ไม่รู้สิ” บุญหลงบอกเนือยๆ
“หรือว่า นอกจากมันจะหัวไวแล้ว มันยังไวไฟด้วย” เด่นเอ่ยขึ้น
แคนเสริม “อย่าบอกนะว่า พริมหลงเส่นห์ลิเกเข้าให้แล้ว ว้าวๆๆๆ”
บุญหลงฉุน รีบแก้ให้ “เฮ้ย อย่าพูดอย่างนี้ พริมเค้าแค่ทำตามคำสั่งน้าอร ก็แค่นั้นเอง”
“พูดดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องโมโหด้วยวะ”
บุญหลงเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองหงุดหงิด รีบทำตัวปกติ
ที่โรงอาหาร เพชรนั่งอยู่ที่โต๊ะทิ้งแขนทั้ง 2 ไว้ข้างลำตัว พริม กับบุญหลง ถือจานข้าวมานั่งใกล้ๆ ขนุนถือมา 2 จาน นั่งข้างเพชร เลื่อนจานหนึ่งให้เพชร
“ขอบใจนะขนุน”
พริมมองค้อนหมั่นไส้ “เว่อร์ไปแล้ว ถุงทรายก็ถอดตั้งนานแล้ว ยังจะไม่มีแรงอะไรอีกเหรอ”
เพชรยกแขนขวาขึ้นมาวางบนโต๊ะ แต่ด้วยความยังไม่ชินน้ำหนัก เลยเหมือนการเหวี่ยงขึ้นมามากกว่า
เพชรค่อยๆ ขยับมือไปหยิบช้อนในจานด้วยความยากลำบาก พอจับช้อนได้แล้วตักข้าวยกขึ้นด้วยมืออันสั่นระริก ทุกคนบนโต๊ะมองลุ้น
เพชรเพ่งสมาธิที่ช้อน ค่อยๆ ส่งเข้าปาก แต่ด้วยมือที่สั่นข้าวเลยหกจากช้อนจนหมด
เพชรตักข้าวใหม่ ยกขึ้นมือยังสั่นเหมือนเดิม จนเพชรต้องเอามืออีกข้างช่วยจับที่ข้อมือเพื่อไม่ให้สั่น
กำลังจะส่งข้าวเข้าปาก ทุกคนในโต๊ะลุ้นว่ามันจะได้กินมั้ย แต่แล้วมือข้างที่ช่วยกันจับกลับทำให้สั่นมากขึ้น
เพชรรีบเอาช้อนเข้าปากแต่มือดันเป๋เฉออกข้างไปจะเข้าหู
“พี่เพชร ชั้นป้อน” ขนุนหยิบช้อนจากเพชรแล้วป้อนให้
เพชรกินอย่างมูมมาม “ขอบใจนะขนุน เธอเป็นนางฟ้าของชั้นจริงๆ”
พริมค้อนควัก “สำออย”
เพชรค้อนตอบ “แต่อีกคนเป็นนางมาร”
“รีบกินเถอะพี่” ขนุนป้อนอีก
พริมมองแล้วหมั่นไส้ เพชรแกล้งยั่ว
“ขนุนจ๋า ขอน้ำหน่อยจ้ะ”
ขนุนหยิบน้ำให้เพชรดื่ม พริมหมั่นไส้สุดจะทน กระดกก้นแก้วในมือขนุนน้ำกระฉอกใส่หน้าเพชร จนเพชรสำลัก
“นางมารร้าย”
เพชรไอค่อกแค่ก เป็นที่น่าเวทนาแก่ทุกสายตา มีเพียงพริมที่ยิ้มสะใจ
สำเริงไปรับเพชรจากค่ายมวยมาที่วัดแต่เช้า เวลานี้เพชรถอดเสื้อพนมมือหน้าตาหวาดเสียวอยู่ข้างกุฏิ หลวงพ่อกำลังบ่นบริกรรมคาถา ในมือถือเข็มสักเล่มใหญ่ คนอื่นๆ รายล้อมมองลุ้น มีพริมบ่นหน้าตาเซ็งโครตๆ
“น้าเริงจะให้ชั้นมาด้วยทำไม ชั้นไม่ได้เป็นคนไปขึ้นชกซักหน่อย”
“มันก็ต้องเป็นศิริมงคลทั่วๆ กัน นี่เดี๋ยวเพชรมันสักเสร็จ พริมให้หลวงพ่อเป่ากระหม่อมหน่อยนะ”
“หลวงพ่อ...ตกลงชั้นสักตัวอะไร” เพชรเสียงสั่น
“เสือคู่ ได้ทางคงกระพัน มหาอำนาจ เหมาะกับนักรบจะไปออกศึกสงคราม”
“เสือคู่เลยเหรอ ขอเสือเดี่ยวได้มั้ย เอาตัวเดียวพอ ชั้นไม่โลภมาก” เพชรอ้าง
“เอ๊ะไอ้นี่ เสือเดี่ยว ก็ไม่ครบองค์สิวะ ...เอ้า ตั้งจิตดีๆ จะเริ่มสักแล้ว”
เพชรหน้าตาหวาดเสียว หลับตาปี๋
“จะเอาละนะ” หลวงพ่อเอาเข็มจ่อที่กลางหลัง
เพชรลุ้นสุดชีวิต คนอื่นลุ้นตาม
“เอาละน้า...” อยู่ๆ หลวงพ่อหันไปพูดกับตาน้อย “น้อย เมื่อกี้ชั้นเข้าส้วม ราดไปรึยัง”
เพชรและบรรดาคนที่ลุ้น ถอนใจเฮือก
“ราดแล้วหลวงพ่อ”
“พักนี้หลงๆลืมๆ เพชร จะเอาละนะ”
หลวงพ่อจรดเข็มลงบนหลังเพชร
เพชรหลับตาปี๋ คนอื่นช่วยลุ้น
“เอาละน้า...” อยู่ๆ หลวงพ่อก็หยุด หันไปพูดกับกล้า “ไอ้กล้า เอ็งเอาข้าวให้หมารึยัง”
เพชรและคนอื่นๆ ถอนใจเฮือก
“ให้แล้วหลวงพ่อ”
“ดีมาก อย่าลืมนะ สงสารมัน มาเพชร เริ่มได้แล้ว”
หลวงพ่อจรดเข็มลงที่หลังเพชรท่าทางจะสักแน่แล้ว แต่หันไปคุยกับเอี้ยงเฉย
“ไอ้เอี้ยง”
ทุกคนร้อง “โว้ย” กันลั่น
“หลวงพ่อ หลวงพ่อคุยธุระให้เสร็จแล้วค่อยมาสักไอ้เพชรมันดีมั้ย ชั้นลุ้นจนเยี่ยวเหนียวหมดแล้ว” สำเริงบอก
“ขอโทษที คราวนี้เอาจริงๆ แล้ว ไอ้เพชรนึกแต่สิ่งดีๆ ไว้นะ”
เพชรมองหน้าพริมขอกำลังใจ พริมหัวเราะหึๆ สมน้ำหน้า เพชรหลับตาปี๋ ทำสมาธิ
“เฮ้ย เพชร” หลวงพ่อเรียก
เพชรร้อง “จ๊าก”
ทุกคนร้อง “ยัง” ลั่น
“หลวงพ่อจะเรียกทำไมเล่า” เพชรหันมาถาม ลุ้นจนเยี่ยวจะราดแล้ว
“ชั้นจะถามว่าพร้อมมั้ย”
“พร้อมตั้งนานแล้วหลวงพ่อ เอาเลย”
เพชรตั้งใจ หลับตาปี๋ ทุกคนลุ้น หวาดเสียวแทน
หลวงพ่อลงเข็มแรก “จึ๊ก”
“จ๊าก”
เพชรแหกปากลั่นวัด
อ่านต่อหน้า 4
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 5 (ต่อ)
ถัดมาไม่นาน เพชร พริม รักษ์ ลูกดอก แฉะ สำเริง และจริยา เดินมาตามทางในวัด ไม่ไกลจากกุฎิหลวงพ่อ
“ขายขี้หน้าจริงๆ เลยไอ้เพชร โดนไปเข็มเดียวดิ้นซะเป็นกุ้งบีบมะนาว สรุปก็เลยไม่เป็นอันได้สักกัน ลูกผู้ชายรึเปล่า” สำเริงด่าลูกชาย
“พ่อไปลองสักมั่งมั้ยล่ะ แล้วจะรู้ว่าลูกผู้ชายก็เจ็บเป็น”
พริมหมั่นไส้ “เข็มแค่นี้ยังกลัวเจ็บ แล้วจะไปต่อยกับไอ้พวกเมฆดำมันได้เหรอ”
“ชั้นผ่านมือผ่านตีนเธอมาได้ ไอ้พวกเมฆดำก็ไม่เท่าไหร่หรอก”
พริมยัวะปล่อยหมัดชกหน้า เพชรหลบวูบรวดเร็ว
“ขอโทษจ้า ชั้นพูดเล่น”
“เอาน่า ถึงจะไม่ได้สัก แต่ก็ได้ของดีมาแทน พอใช้แทนกันได้น่ะ” รักษ์ว่า
เพชรดูตะกรุดในมือ ยกขึ้นไหว้
“ตอนพี่ขึ้นชก พี่ก็เอาเคียนเอวไว้สิ” ลูกดอกกำชับ
พริมท้วง “ตามกติกาเค้าห้ามเอาสิ่งแปลกปลอมขึ้นเวที”
“งั้นก็ไปให้หลวงพ่อฝังเข้าแขนเลย” แฉะบอก
“แค่เข็มเล่มนิดเดียวยังแหกปากวัดแทบแตก ถ้าฝังตะกรุดเข้าแขนไม่ร้องดังไปถึงสมุทรสาครเลยเหรอ” จริยาบอก
“แทนที่จะได้ซ้อม ก็ต้องเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ”
พริมบ่นแล้วเดินสะบัดนำไป
“เดี๋ยวสิพริม กลับไปชั้นซ้อมทดเวลาให้ก็ได้...รอด้วยสิพริม”
เพชรวิ่งตามไป
รักษ์ ลูกดอก แฉะ สำเริง จริยา มองตามเพชรไป
“ตั้งแต่ไปอยู่ที่ค่าย พี่เพชรดูแปลกๆ ไปมั้ย” ลูกดอกตั้งข้อสังเกต
จริยามองตาม “ก็ดูตัวดำขึ้น ล่ำขึ้น ถ้าจะใส่ชุดลิเกก็ต้องขยายตะเข็บกันละทีนี้”
“ชั้นหมายถึง พี่เพชรเค้าดูง้อๆ หงอๆ พี่พริมยังไม่รู้ แต่ก่อนไม่เห็นเป็น”
คนอื่นๆ คิดตาม เห็นจริงตามลูกดอกว่า
ทุกคนเล็งที่หลังของเพชร เห็นมีจุดสีดำ 1 จุดอยู่กลางหลัง
“เนี่ยนะ สักคงกระพัน ไอ้จุดๆ เดียวเนี่ยนะ” บุญหลงเย้ย
“ของดีไม่ต้องสักเยอะหรอก สักแค่จุดเดียวเนี่ยแหละ เค้าเรียกว่าจุดศูนย์กลางพลังจักรวาล ขลังยิ่งกว่าคนสักทั้งตัวอีก”
พริมหันมาถามพวกนักมวย “ใช่ พวกแกอยากลองพิสูจน์มั้ยล่ะ”
เพชรหน้าเสียที่โม้ไปเยอะ แต่ดันโดนพริมแกล้งตามน้ำ
“เอาสิ แล้วจะพิสูจน์ยังไง” บุญหลงสนใจ
“มีดมั้ย” เด่นเสนอ
แคนบอก “ชั้นมีปืน”
เพชรร้องลั่น “เฮ้ยๆๆๆ ชั้นไปสักเพื่อมาชกมวย มันไม่ได้ครอบคลุมไปถึงมีดกับปืนเว้ย เอาแค่หมัดกับเท้าก็พอ”
พริมคิดแผนแกล้งเพชรได้อีกดอก แอบยิ้มสะใจ
ฟากสำเริงกำลังซ่อมอุปกรณ์ลิเก ส่วนจริยาซ่อมชุดลิเกไปบ่นไป
“จะซ่อมไปทำไม ชั้นว่าลิเกคณะเราคงถึงกาลอวสานแล้วล่ะ ของดีจากหลวงพ่อก็ช่วยเราไม่ได้หรอก คนเค้าไม่อยากดูกันหรอกไอ้คณะลิเกเล็กๆ บ้านนอกๆ อย่างเรา เค้าดูลิเกคอนเสิร์ตแสงสีเสียงยิ่งใหญ่อลังการกันหมดแล้ว”
“ถึงไม่มีคนดู ชั้นก็จะเล่น ซ่อมไป อย่าพูดมาก”
รักษ์วิ่งเข้ามาเสียงดัง
“น้าเริง น้าเริง”
จริยาโมโห “อู้ย ตกใจหมด ตื่นเต้นอย่างกับจะมีคนมาจ้างเราเล่นลิเกอย่างนั้นแหละ”
“ก็ใช่น่ะสิ คุณนายแม้นมาศ เมียนายก อบต. เค้าจะมาจ้างเราเล่นลิเก”
สำเริงกับจริยาตกใจลุกขึ้นพรวดข้าวของในมือกระจัดกระจาย
แม้นมาศนั่งมาดคุณนายอยู่ที่โต๊ะรับแขก รักษ์ ลูกดอก แฉะ และสำเริงยิ้มแย้มดีใจ จริยาเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“ขอบใจจ้ะ ชั้นน่ะ ติดตามดูลิเกคณะพ่อสำเริงทางอินเตอร์เนตมานานแล้ว ส่วนมากเป็นคลิปสั้นๆ วันนี้มีโอกาสได้มาเจอตัวจริง ดีใจ๊ ดีใจ”
“ผมก็ดีใจ๊ ดีใจครับที่จะได้รับใช้คุณนาย ว่าแต่จะให้พวกเราเล่นกันที่ไหนเมื่อไหร่ งานอะไรเหรอครับ”
“เล่นที่วัดทุ่งไก่หลงนี่แหละ เป็นงานเผาศพของแม่ผัวชั้นเอง อีก 2 อาทิตย์ก็จะครบร้อยวันแล้ว”
“ได้เลยครับ เวลาเหลือเฟือ ว่าแต่คุณนายอยากให้เล่นเรื่องประมาณไหนครับ เรื่องรัก เรื่องรบ หรือบุญคุณของแม่ เราเล่นได้หมด”
แม้นมาศมองไปยังรักษ์ ลูกดอก แฉะ “เอ๊ะ พระเอกไปไหนซะล่ะ ที่ชื่อเพชรแท้น่ะ พ่อสำเริงจัดเรื่องอะไรมาก็ได้ ขอให้พระเอกเป็นน้องเพชร ชั้นดูได้หมดแหละ”
พูดเรื่องเพชร สำเริงหงุดหงิดขึ้นมา “มันไปขัดส้วม”
รักษ์ต้องรีบแก้ “เอ้อ น้าเริงพูดเล่นไปได้ พักนี้เพชรเค้าไม่ค่อยว่างน่ะครับ ให้ผมเป็นพระเอก ไม่ทราบว่าจะพอไหวมั้ย”
“อืม...ธอก็หล่อนะ แต่ชั้นชอบพระเอกเด็กๆ น่ะ” คุณนายว่า
“ผมก็เด็กนะครับ” ลูกดอกเสนอ
“เอ่อ ไม่ล่ะ ชั้นอยากดูน้องเพชร ทำไมเหรอ หรือว่าน้องเพชรเค้าไม่อยู่คณะนี้แล้วเหรอ”
สำเริงอ้าปากกำลังจะบอกว่า “ชะ...”
รักษ์ชิงบอก “อยู่ครับอยู่ ถ้าคุณนายอยากให้เพชรเป็นพระเอกเราก็จัดให้ครับ”
สำเริงโมโหรักษ์ว่าพูดงั้นได้ไง
ถัดมา สำเริง รักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยา เดินออกมาส่งแม้นมาศขึ้นรถ
“ชั้นน่ะอยากเห็นน้องเพชรตัวเป็นๆ มานานแล้ว ถ้าแม่ผัวฉันไม่ตาย ก็คงไม่มีโอกาสได้ดูหรอก งั้นฝากด้วยนะจ๊ะ ส่วนเรื่องเงิน เท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลยนะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ กลับบ้านดีๆนะครับ สวัสดีครับ”
แม้นมาศขึ้นรถไป ทุกคนไหว้ลา รถคุณนายแล่นฝุ่นตลบ
สำเริงแผดเสียงขึ้นทันที “ไอ้รักษ์”
“อย่าเพิ่งด่า เดี๋ยวชั้นจะเป็นคนไปตามเพชรมันกลับมาเอง” รักษ์บอก
“ถึงมันกลับมา ชั้นก็ไม่ให้เล่น”
แฉะชักสุดทน “แต่เรากำลังจะอดตายนะพี่เริง ถ้าไม่รับงานนี้ พวกชั้นก็คงต้องแยกย้ายกันไปเป็นกรรมกรก่อสร้าง แล้วก็จะไม่มีคณะเพชรสำเริงอีกต่อไปนะ”
“งานจ้างดีๆ แบบนี้ นานๆ จะมาที จะปล่อยไปได้ไงล่ะ” ลูกดอกผสมโรง
“บ้านเราก็จะได้มีเงินกินหมูกินไก่กันซะที ยอมเถอะนะพี่เริงนะ” จริยาอ้อน
สำเริงนิ่งคิด “อยากทำอะไรก็ทำ ถ้าไปตามมันแล้วมันยอมกลับมานะ” แล้วเดินหนีเข้าบ้านไป
จริยายิ้มแฉ่ง “ชั้นจะได้เป็นนางเอกแล้ว”
“พี่จริยา ชั้นว่าพี่เล่นเป็นนางอิจฉาเหมาะอยู่แล้ว”
“อ้าว แล้วใครจะเป็นนางเอก ไปตามนังยอดสร้อยมันไม่กลับมาหรอก มันสุขสบายได้ผัวไปแล้ว”
“ก็ต้องหาคนใหม่สิ”
รักษ์ครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มออก เมื่อนึกถึงใครบางคน แม่สาวหมัดหนักเสียงทองคนนั้น!
อ่านต่อตอนที่ 6