ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 7
หญิงใหญ่ หญิงเล็ก ชายเล็ก และฮันนี่ช่วยกันจัดโต๊ะ-เก้าอี้ในร้าน ครู่หนึ่งแก้วกัลยาก็เดินออกมาหน้าตาเคร่งเครียด
ฮันนี่หันไปเห็นก็ร้องทัก
“ท้องผูกเหรอคะคุณนาย”
“ 3 วันแล้วไม่ได้ถ่าย จะบ้าเหรอ ไม่ได้ท้องผูก ฉันเครียดอยู่”
“เครียดเรื่องอะไรล่ะคะแม่ ร้านก็ได้เปิดแล้ว” หญิงใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง
“ก็คิดหาทางเอาคืนไอ้พวกบ้านนั้นอยู่นี่สิ”
ชายเล็กส่ายหน้าเซ็ง “โห่ เอาเวลามาคิดเรื่องร้านเราดีกว่ามั้งแม่”
หญิงเล็กหันมาค้อนน้องชาย
“แกไม่อยู่โดนเวลาพวกบ้านนั้นมันแกล้งเรานี่ ก็เลยไม่รู้สึกว่ามันน่าแค้นแค่ไหน”
ฮันนี่เสนอหน้าต่อ
“ใช่ค่ะ มันเจ็บ แอนด์ Sad so much very much มากเลยนะคะ”
“แต่หนูเห็นด้วยกับชายเล็กนะ ร้านเราเพิ่งจะเปิด เรา เอาเวลามาคิดเรื่องร้านกันดีกว่า”
หญิงใหญ่พูดสนับสนุนน้องชาย
“แหม ตั้งแต่เล่นบัดดงบัดดี้รู้สึกว่าหัวใจอ่อนๆ ของพี่หญิงใหญ่มันจะอ่อนยวบยาบๆมากขึ้นทุกทีนะ”
หญิงเล็กพูดล้อๆ แก้วกัลยาหันขวับมาทันที
“บัดดี้อะไรกัน”
หญิงใหญ่รีบตัดบท
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ ก็แค่เกมที่บริษัทน่ะค่ะ”
พูดจบก็มองค้อนน้องสาว หญิงเล็กแอบยิ้มมุมปาก
“ไม่รู้ล่ะ ครั้งที่แล้วมันทำเราแสบ เดี๋ยวมันจะต้องเจอแสบเพิ่มเป็นสองเด้ง”
แก้วกัลยาสีหน้าเคร่งเครียดอย่างอาฆาตแค้น หญิงใหญ่กับชายเล็กส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
จู่ๆ ฮันนี่หัวเราะอย่างผู้มีอำนาจขึ้นมา ทำเอาทุกคนตกใจ
“อีบ้า หัวเราะทำไมเนี่ย” แก้วกัลยาหันมาทำตาดุ
“อ้าว ก็หัวเราะสร้างความฮึกเหิมไงคะ เหมือนตัวร้ายในละครไง”
“ฉันนางเอก ไม่ใช่ตัวร้าย”
“up to you..แล้วแต่”
แก้วกัลยามองอย่างเคืองๆ ฮันนี่แอบจ๋อย
อีกด้านหนึ่ง เฮง ตี๋เล็ก และจางก็กำลังช่วยกันจัดโต๊ะในร้าน พักหนึ่งหมวยเล็กที่ใส่ชุดนักเรียน ก็ถือโทรศัพท์มือถือมาด้วยอาการตื่นเต้น
“เตี่ยๆ ดูนี่สิ”
“อะไรอาหมวย ลื้อถูกหวยเหรอ”
“หมวยเล่นหวยที่ไหนเล่า ดูนี่ ร้านของเรามีรีวิวในวงในแล้วนะ”
ทุกคนกรูกันเข้ามาดู เฮงทำหน้างง
“เดี๋ยวๆ ของงสองทีนะ รีวิวคืออะไร แล้ววงในนี่คืออะ ไร”
จางรีบอวดภูมิ “รีวิวก็เหล้าไงเฮีย”
ตี๋เล็กเผลอพยักหน้ารับ
“ใช่ เค้าเอามาแข่งกับรีเจนซี่ ถุย! จะบ้าเหรอ รีวิวน่ะ หมายถึงคำวิจารณ์อะไรอย่างนี้”
“ใช่ แล้ววงในนี่ก็คือ แอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับร้านอาหาร” หมวยเล็กขยายความต่อ “ร้านไหนเด็ด ร้านไหนดัง จะได้ลงแอพนี้น่ะเตี่ย”
“อ้าว แบบนี้ร้านเราก็ดังแล้วน่ะสิ” เฮงหัวเราะร่าดีใจ
“ดังแล้ว แถมมีรีวิวจากลูกค้ารับประกันความอร่อยด้วยนะเตี่ย”
“ฝีมือใครเนี่ย สุดยอดไปเลย” จางพลอยตื่นเต้นไปด้วย
“จะใครล่ะ ก็เฮียตี๋เล็กน่ะสิ การครัวก็ยอด การตลาดก็เยี่ยม”
เฮงหันมาชม
“ ดีมากอาตี๋เล็ก ลื้อเก่งอย่างนี้อั๊วก็เบาใจ จากนี้ไป อั๊วจะได้มุ่งเป้าไปเปิดศึกข้างบ้านได้อย่างเต็มที่ เรื่องร้านลื้อดูแลเลย”
ตี๋เล็กยิ้มปลื้มรับคำ “ครับเตี่ย”
หมวยเล็กทำหน้าเมื่อย “โห่ เตี่ยจะไปเปิดศึกกับข้างบ้านทำไม มาช่วยกันดูแลร้านไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ได้ อั๊วอยากได้บ้านหลังนั้นมาเป็นของอั๊ว ต่อไปอั๊วจะได้ขยายร้านออกไปไง”
“เตี่ยไม่ต้องห่วง อั๊วจะตั้งใจพัฒนาร้านเราให้ดีที่สุด”
“ดีมากตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กยิ้มอย่างภูมิใจที่เฮงเห็นคุณค่าตัวเองมากขึ้น
หญิงใหญ่กับภรณีเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมกัน หญิงใหญ่มองหน้าสดของเพื่อนก่อนจะทักขึ้น
“วันนี้ทำไมหน้าซีดๆ วะแก”
“อ๋อ ช่วงนี้ฉันลดความอ้วนน่ะ”
“ลดความอ้วนเกี่ยวอะไรกับไม่แต่งหน้า?”
“ก็ลดแป้งไง ช่วงนี้ฉันงดแป้งทุกชนิด
“นี่ฉันต้องฮามะ” หญิงใหญ่มองค้อนเพื่อน
“ก็ตามศรัทธาล่ะค่ะ”
“โอเค หึ หึ”
พอทั้งคู่เดินมาถึงโต๊ะ หญิงใหญ่ก็เห็นมาการองวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับโน้ต ภารณีตาวาว
“มาการอง ไฮโซโก้เก๋มากอ่ะแกร”
หญิงใหญ่หยิบโน้ตมาอ่าน
“Good morning & Have a nice day :)”
พอภรณีเดินไปที่โต๊ะ ก็เจอหมากฝรั่งวางอยู่พร้อมกับโน้ต
“Good morningนะครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่สดใส ให้หมากฝรั่งเนี่ยนะ หาว่าฉันปากเหม็นเหรอ”
หญิงใหญ่ทำทีเป็นอุดจมูก “ ไม่หรอก คิดมาก”
“อีบ้า”
ภรณีหลุดสบถออกมาดังๆ จังหวะนั้นตี๋ใหญ่ก็ถือแฟ้มเดินออกมาจากห้องทำงาน
“อ้าว มาถึงออฟฟิศตั้งแต่เมื่อไหรคะท่านรอง”
“ตั้งแต่เช้าแล้วครับ พอดีต้องเข้ามาเคลียร์งานด่วน ขอตัวนะครับ”
ตี๋ใหญ่พูดจบก็เดินออกไป ภารณีแอบเดา
“ท่านรองมาออฟฟิศแต่เช้า งั้นมาการองนี่ก็น่าจะเป็นของ...”
“เดาอีกล่ะแก” หญิงใหญ่ส่ายหน้า
“อ้าว แล้วแกคิดว่ามาการองนี่เป็นของใคร รปภ.เหรอ”
หญิงใหญ่คิดหนัก เริ่มสงสัยว่าตี๋ใหญ่จะเป็นบัดเดอร์ของเธอ
แก้วกัลยากำลังยืนโปรยเมล็ดผักที่แปลง โดยมีฮันนี่ช่วยถือฝักบัวรดน้ำ เฮงซุ่มดูอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน แอบยิ้มร้าย
“ผักปลอดสารพิษเหรอ เดี๋ยวเจออั๊ว อิ อิ อิ”
พลันกระป๋องยาฉีดยุงก็ยื่นมาที่หน้า ทำเอาเฮงสะดุ้งหันไปมอง
” ได้แล้วครับเฮีย”
เฮงมองจางอย่าง่อนใจ “ยื่นมาขนาดนี้ ไม่ฉีดเข้าปากซะเลยล่ะ”
“อ้าว อยากดับกลิ่นปากก็ไม่บอก”
พุดไป จางก็ทำท่าจะฉีดยาเข้าปากเฮง
“ไอ้บ้า อั๊วประชด”
เฮงคว้าที่ฉีดยุงจากมือจางไป แล้วก็เดินฉีดบริเวณริมรั้ว แก้วกัลยาร้องโวยวายลั่น
“เฮ้ยๆ ฉีดอะไรอ่ะ”
“ยากันยุง มีไรป่ะ?”
“ว้าย ห้ามฉีดนะ ฉันปลูกผักปลอดสารพิษอยู่ไม่เห็นเหรอ”
เฮงทำหน้ายียวน “เห็น ตามิได้บอดนี่ จะปลูกก็ปลูกไปสิ”
“ก็ผักฉันปลอดสารพิษ แกเอายาฉีดยุงมาฉีดแบบนี้ ผักฉันก็ปนเปื้อนยาฉีดยุงนี่สิยะ”
เฮงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อ้าว ก็ยุงบ้านอั๊วมันชุม ถ้าไม่ฉีด ยุงก็หามตายน่ะสิ”
ฮันนี่รีบพุดแทรกขึ้นมาทันที “ก็ฉีดในบ้านสิคะ มาฉีดอะไรข้างนอกนี่ล่ะ”
จางรีบโต้กลับ
“มันก็ต้องกำจัดให้ถึงแหล่งเพาะพันธุ์สิจ๊ะ ฉีดในบ้าน อย่างเดียวจะได้ผลอะไร”
“แต่มันทำให้ฉันเดือดร้อน ผักฉันปนเปื้อนสารพิษหมดแล้วเนี่ย ห้ามฉีด”
แก้วกัลยาทำหน้าตาขึงขัง แต่เฮงกลับทำทะเล้นใส่
“ห้ามได้ไง อั๊วฉีดในบ้านของอั๊ว อั๊วมีสิทธินะ”
ว่าแล้วเฮงก็ฉีดยาฉีดยุงกระจายไปทั่ว แก้วกัลยากับฮันนี่เหม็นจนทนไม่ได้
“เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ ขืนดมยากันยุงอีกนิด มีดึงดาวเล่นกันแน่”
แก้วกัลยาหันมาดุ
“นังบ้า ไม่ได้เมากาว เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวแกกับฉันได้เห็นดีกันแน่”
แก้วกัลยามองเฉงอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินนำฮันนี่เข้าบ้านไป
“เห็นดีมันไม่ทันใจ เห็นเอ บี ซีก่อนเลยได้มั้ย ฮ่า ฮ่า”
เฮงกับจางหัวเราะสนุกปาก ก่อนที่ทั้งคู่จะรู้สึกมึนๆ
“เป็นไรมึนๆ วะ”
“ผมว่าเราเมายาฉีดยุงกันนะเฮีย”
เฮงเดินเซๆ “ เออว่ะ ฉีดซะเยอะเลย ประคองอั๊วหน่อยซิ”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินกอดคอตุปัดตุเป๋กันเข้าบ้านไป
หญิงเล็กยืนเช็ดโต๊ะตัวหนึ่งอยู่ ก่อนที่แก้วกัลยากับฮันนี่จะเดินเข้ามาด้วยอาการหงุดหงิด
“ทำไมฉันจะต้องมาเจอไอ้คนพันธุ์นี้ด้วยนะ”
หญิงเล็กรีบหันมาถาม
“บ้านนั้นมันแกล้งอะไรเราอีกคะ”
“แกล้งเอายาฉีดยุงมาฉีดใกล้ๆ รั้วเราค่ะ เห็นก็เห็นอยู่ว่าเรากำลังปลูกผักปลอดสารพิษ มันก็ยังฉีด”
ฮันนี่เป็นคนตอบคำถามแทน
“โห น่าเกลียดมากอะ แล้วแม่ทำไงกับพวกนั้นล่ะคะ”
“ทำไงได้ล่ะ ก็มันอ้างว่ามันฉีดในบ้านของมัน”
“พูดแบบนี้ได้ไง”
หญิงเล็กหันไปทางบ้านเฮง เป็นมุมเดียวกับที่ฮันนี่ยืนอยู่ เลยเหมือนหญิงเล็กด่าฮันนี่
“น่าเกลียด ทุเรศ ชั่วมาก เลว”
“เดี๋ยวค่ะๆ ด่าฮันนี่?”
หญิงเล็กส่ายหน้า “ด่าบ้านโน้นสิคะ”
ฮันนี่รีบเบี่ยงตัวหลบ
“โอเค งั้นหลบแป๊บ Let’s go ด่าต่อค่ะ”
“ไม่รู้จะขุดคำไหนมาด่าคนบ้านนี้แล้วค่ะ พูดเลยว่าเอือม”
หญิงเล็กทำหน้าเอือมจริงๆ
“แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงกับคนบ้านนี้แล้วเหมือนกัน”
“แบบนี้มันต้องเกลือจิ้มเกลือค่ะ ยู โน๋ว์?”
ฮันนี่โพล่งขึ้นมา 2 ลูกพูดขึ้นมาพร้อมกัน “โน”
“แกจะทำยังไง”
แก้วกับยาหันไปถาม ฮันนี่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีแผนการ
หญิงใหญ่กำลังเขียนข้อความลงในกระดาษโพสอิท
“คิดจะพักคิดถึงคิทแคท แต่ถ้าคิดจะรัก คิดถึงเรานะ(ล้อเล่น) :P ”
เขียนเสร็จก็เอาโพสอิทติดที่ห่อคิทแคท แล้วยิ้มกริ่ม
“ฉันจะปั่นนายให้หัวหมุนเลย คอยดู”
พอภรณีเดินมาที่โต๊ะ หญิงใหญ่ก็รีบเอาแฟ้มบังคิทแคทไว้
“ทำไรลับๆ ล่อๆ”
หญิงใหญ่พูดตอบเสียงต่ำ “ เปล่า”
“เสียงต่ำไปป่ะ”
“อ้าว เสียงสูงเดี๋ยวก็หาว่าฉันโกหกอีก”
ระหว่างนั้นตี๋ใหญ่ก็เดินออกจากห้องทำงาน กำลังจะออกไปข้างนอก ภรณีรีบเสนอหน้าทัก
“ทานข้าวรึยังคะท่านรอง”
“ก็กำลังจะออกไปกินนี่แหละครับ”
“โอเคค่า ยังไงก็มีขนมติดไม้ติดมือมาด้วยก็ดีนะคะ ณีกราบงามๆ ล่วงหน้าเลย”
ภรณีไหว้อย่างชดช้อย พร้อมทั้งถอนสายบัวย่อถึงพื้น
“ถ้าจะย่อขนาดนั้นก็พับเพียบไปเลยมั้ยครับ”
“เพื่อขนม อ่ะได้ค่า”
ภรณีนั่งพับเพียบทำท่าจะกราบ ตี๋ใหญ่ต้องรีบประคองขึ้นมา
“ผมแซวเล่น เดี๋ยวผมซื้อมาการองมาฝากล่ะกัน”
หญิงใหญ่กับภรณีหันมองหน้ากัน แล้วพูดออกมาพร้อมกัน “มาการอง”
ตี๋ใหญ่หน้าเหรอ “ทำไมต้องตกใจพร้อมกันด้วยเนี่ย”
“แล้วทำไมถึงจะซื้อมาการองมาฝากพวกเราล่ะคะ” ภรณีย้อนถาม
“ก็ผมเห็นผู้หญิงชอบกินกันน่ะ หรือเราไม่ชอบ”
“ชอบค่ะชอบ มาการองก็มาการองค่ะ”
“โอเคครับ งั้นผมไปก่อนนะ”
พูดจบตี๋ใหญ่เดินออกไป ภรณีหันมาทางหญิงใหญ่ทันที
“เห็นมั้ยแก ผู้ช่วยจะซื้อมาการองมาฝากเรา ฉันว่ามาการองที่แกได้เมื่อเช้า ก็ของผู้ช่วยนี่แหละ”
“อาจจะบังเอิญก็ได้มั้ง” หญิงใหญ่ยังไม่ยากปักใจ
“บังเอิญหรือเปล่าไม่รู้ แต่ฉันมั่นใจขึ้นทุกวันว่าท่านรองน่ะคอยเทคแคร์แกอยู่”
หญิงใหญ่เริ่มจะคล้อยตามมากขึ้นทุกที
พอเห็นเสี่ยชาญเดินเข้ามาที่ร้านของเฮง ตี๋เล็กกับจางรีบเข้ามาต้อนรับ
“หวัดดีครับเสี่ย แหม วันนี้หน้าใสเชียวนะครับ”
จางพูดกระเซ้า เสี่ยชาญยิ้มแป้น
“ง่า เมื่อกี๊แวะเซเว่น มีสาวขอเบอร์ด้วยนะ”
ตี๋เล็กตาโต “โห เสน่ห์แรงสวดๆ”
“เสน่ห์ไม่ได้แรงหรอก อั๊วแวะเติมเงินมือถือออนไลน์มา”
พอตี๋เล็กพาเสี่ยชาญไปนั่งที่โต๊ะ ก็เห็นควันลอยมาจากริมรั้วโซนหลังบ้าน
“บ้านลื้อนี่หมอกจัดเนอะ”
“น่าจะควันมากกว่านะเสี่ย สงสัยเฮียจะทำปลาอบฟาง” จางเดาไปเรื่อย
“งั้นอั๊วเอาปลาหางนกยูงอบฟางที่นึง”
“ได้ครับ เย้ย ปลาหางนกยูงไม่มีเสี่ย ใครเค้ากินกัน”
“ก็อั๊วไปหาหมอ หมอบอกว่ากินปลาตัวเล็กๆ ดี มันมีแคลเซี่ยม”
“ปลาหางนกยูงมันก็เล็กไปครับเสี่ย”
ตี๋เล็กพูดยิ้มๆ พร้อมกับที่เฮงเดินออกมา
“เฮ้ย ใครเผาอะไรวะ”
ตี๋เล็กมองเตี่ยแบบงงๆ “อ้าว เตี่ยไม่ได้ทำกับข้าวหรอกเหรอ”
“ทำกับข้าวอะไรควันจะเยอะขนาดนี้”
“ควันลอยมาจากทางโน้นน่ะเฮีย” จางพูดพร้อมกับชี้มือไป
ควันลอยมาหนาขึ้น จนลูกค้าเริ่มงงว่าเกิดอะไรขึ้น เฮงรีบพูดกับลูกค้า
“ไม่ต้องตกใจนะครับ ไม่มีอะไรร้ายแรง เดี๋ยวอั๊วจัดการให้ เฮ้ย ไปดูกันหน่อยซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
เฮง ตี๋เล็ก และจาง รวมทั้งเสี่ยชาญรีบพากันเดินไปที่ริมรั้วโซนหลังบ้าน
ขณะที่แก้วกัลยา หญิงเล็กและฮันนี่ กำลังช่วยกันเผากาบมะพร้าวอยู่ในรั้วบ้านตัวเอง เฮง ตี๋เล็ก จางและเสี่ยชาญก็เดินมาที่ข้างรั้ว
เฮงตะโกนถามอย่างไม่พอใจ
“เฮ้ย ทำอะไรกันวะเนี่ย”
“แหกตาดูเองสิ” แก้วกัลยาเบะปากใส่
“นี่คุณเผากาบมะพร้าวกันทำไมเนี่ย” ตี๋เล็กหันไปจ้องหน้าหญิงเล็ก
“อ๋อ เผาไล่ยุง มีไรป่ะ?”
ฮันนี่เอาบ้าง “ Yeah..Yeah เผาไล่มอสควิโต้ ยูโน๋ว์?”
จางทำหน้ายี้
“ทำเป็นกระแดะสปีคอิงลิช นังหน้าหนังเขียด”
“Oh my God”
ฮันนี่อุทานแบบมีจริต จางรีบหันไปทางเสี่ยชาญ
“ไงเสี่ย ผมใส่ฟิลลิ่งอย่างที่เสี่ยสอนเลยนะ”
“พอได้แล้ว พวกลื้อแยกย้ายกันไปทำมาหากินเหอะ จะมาทำเลาะกันให้ได้อะไรวะ”
เสี่ยชาญทำหน้าเซ็งอย่างถึงที่สุด เฮงมองไปทางบ้านแก้วกัลยาอย่างเอาเรื่องเต็มที่
“จะทำมาหากินยังไงล่ะ เผากาบมะพร้าวไล่ลูกค้าอั๊วซะขนาดนี้”
แก้วกัลยายักไหล่ “ฉันเผาในที่ของฉัน ฉันมีสิทธินะ”
“แต่ควันมันลอยไปฝั่งบ้านผม”
ตี๋เล็กช่วยเถียง หญิงเล็กไม่ยอมแพ้
“ช่วยไม่ได้ ทีแม่ฉันจะปลูกผักปลอดสารพิษ เตี่ยนาย ยังแกล้งเอายาฉีดยุงมาฉีดเลย”
“อั๊วไม่ได้แกล้ง อั๊วจะไล่ยุง”
“ฉันก็ไม่ได้แกล้ง ฉันจะไล่ยุงเหมือนกัน”
เสี่ยชาญมองฝ่ายนั้นที ฝ่ายนี้ทีอย่างอ่อนใจ
“แหม พวกลื้อนี่มันสวดยวดกันจริงๆ ไปอาเฮง อั๊วหิวแล้ว ไปทำอาหารให้อั๊วเกียนดีกว่า”
เฮงรีบบอกอย่างขัดใจ “ ไม่ ถ้าไม่หยุดเผา อั๊วก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้น”
“ไม่หยุดโว้ย ฉันเผาในบ้านของฉัน ใครก็ห้ามไม่ได้”
“โห่ แล้วอั๊วจะเกียนข้าวได้มั้ยเนี่ย”
เสี่ยชาญทำหน้าเซ็ง หญิงเล็กรีบฉวยโอกาส
“มากินที่ร้านหนูนี่มา”
“Yeah..มานี่มา” ฮันนี่พูดพร้อมกับทำเสียงเหมือนเรียกหมา
“นังบ้า อั๊วไม่ใช่หมา” เสี่ยชาญตะโกนด่า ก่อนจะหันไปพูดกับเฮง “ลื้อจะกลับร้านหรือไม่กลับ”
“ไม่ ถ้าไม่เลิกเผา อั๊วก็ไม่กลับ”
“ได้ งั๊นอั้วไปกินร้านโน้น”
ไม่พูดเปล่า เสี่ยชาญรีบปีนรั้วไปฝั่งบ้านแก้วกัลยา
“ไปเสี่ย เดี๋ยวฉันทำกับข้าวอร่อยๆให้เกียน”
“สวดยวดไปเลย”
แก้วกัลยารีบพาเสี่ยชาญเดินเข้าบ้านไป หญิงเล็กกับฮันนี่ช่วยกันเผาต่อไป เฮง ตี๋เล็กและจางได้แต่ยืนมองกัดฟันกรอดๆ แต่ทำอะไรไม่ได้
หญิงใหญ่เปิดประตูห้องทำงานของตี๋ใหญ่ ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับถือแฟ้มงานติดมือเข้ามาด้วย เมื่อเห็นว่าปลอดคนก็เอาคิทแคทที่มีโพสอิทแปะอยู่วางบนโต๊ะ
“หึ เสร็จฉันแน่”
จู่ๆ เสียงบิดลูกบิดก็ดังขึ้นมา หญิงใหญ่ตกใจรีบมุดไปแอบใต้โต๊ะทำงาน อารามรีบร้อน หัวเลยโขกโต๊ะไปทีหนึ่ง แต่ก็รีบเอามืออุดปากตัวเองไว้ไม่ให้ร้องเสียงดัง
ตี๋ใหญ่เดินคุยโทรศัพท์เข้ามาในห้อง
“ครับ ผมถึงออฟฟิศแล้วครับ เดี๋ยวผมส่งเมล์ให้เลย ครับ สวัสดีครับ”
พอวางสายแล้วเห็นคิทแคทบนโต๊ะก็หยิบขึ้นมาดู
“คิดจะพักคิดถึงคิทแคท แต่ถ้าคิดจะรัก คิดถึงเรานะ ล้อเล่น โคตรเสี่ยวอ่ะ”
หญิงใหญ่ที่แอบมุดอยู่ใต้โต๊ะได้ยินก็โกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้ จังหวะนั้นตี๋ใหญ่ก็เปิดคอมพิวเตอร์เตรียมส่งเมล์
หญิงใหญ่แอบลุ้นว่าตี๋ใหญ่จะรู้ตัวหรือไม่ พักหนึ่งตี๋ใหญ่ก็นั่งไขว่ห้าง รองเท้าเฉี่ยวหน้าไปนิดเดียว หญิงใหญ่โกรธจนตัวสั่น แต่จะโวยวายก็ไม่ได้
อ่านต่อหน้า 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 7 (ต่อ)
ลูกค้าร้านเฮงทยอยเช็คบิลหนีควัน ตี๋เล็กกับจางรีบทอนเงินให้ เฮงเดินขอโทษลูกค้าทีละโต๊ะ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ถ้ายังไงจะนั่งกินต่อในบ้านก็ยินดีนะครับ เดี๋ยวอั้วจัดโต๊ะให้”
ลูกค้าส่ายหน้า ก่อนจะพากันทยอยเดินออกจากบ้านไปจนหมด
“เอาไงดีเตี่ย ลูกค้าออกหมดร้านเลย” ตี๋เล็กหน้าตูม
“ผมว่าคงเผากันไม่ได้ทั้งวันหรอกครับ เดี๋ยวก็หยุด” จางพูดขึ้นมาบ้าง
“เปิดศึกกับอั๊วแบบนี้ คิดผิดแล้วล่ะ”
“เตี่ยจะทำอะไรเหรอ”
“มันแรงมา เราก็แรงไปเป็น 2 เท่า”
“เฮียจะเผาบ้านเลยเหรอ” จางถามอย่างร้อนรน
เฮงตอบแบบเคลิ้มๆ “ใช่ เผาให้ ถุย”
“โห เผาเสร็จถุยน้ำลายใส่อีก”
“ไอ้บ้า ใครว่าอั๊วจะเผา”
“แล้วเตี่ยจะทำยังไงครับ” ตี๋เล็กถามย้ำ
“เดี๋ยวก็รู้”
เฮงยิ้มกรุ้มกริ่ม อย่างมีแผนการในใจ
ตี๋ใหญ่คว้ามือถือมากดโทรออกหลังจากส่งเมล์เสร็จเรียบร้อย พร้อมๆ กับที่สลับขาไขว่ห้าง เล่นเอาหญิงใหญ่หลบแทบไม่ทัน
“ครับ ส่งเมล์ไปแล้วนะครับ ลองเช็คดูนะ”
ตี๋ใหญ่เปลี่ยนขาไขว่ห้างอีกที หญิงใหญ่โยกตัวหลบทันอย่างฉิวเฉียด
“ครับ ถ้าไม่ได้ก็โทรมานะ ครับ สวัสดีครับ”
ตี๋ใหญ่วางสาย แล้วนั่งพิงพนัก พักสายตา
“ทำไมเพลียแบบนี้เนี่ย”
หญิงใหญ่ที่อยู่ใต้โต๊ะ ยกมือพนม ภาวนาเบาๆ
“สาธุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าที่เจ้าทาง ช่วยดลจิตดลใจให้ตานี่ออกจากห้องไปทีเถอะ”
ขาดคำ ตี๋ใหญ่ก็โพล่งขึ้นมา “ล้างหน้าหน่อยดีกว่า”
จากนั้นก็ลุกเดินออกจากห้องไป หญิงใหญ่ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะค่อยๆ คลานออกจากใต้โต๊ะ
ภรณีเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหอบแฟ้มงานเข้ามาด้วย พอเห็นหญิงใหญ่คลานขึ้นมาจากใต้โต๊ะของตี๋ใหญ่ ก็ถึงกับมือไม้อ่อนทำแฟ้มหล่นพื้น
หญิงใหญ่ตกใจ “ณี”
“ขุ่นพระ ถึงว่าท่านรองเดินออกไปหน้าซีดๆ”
หญิงใหญ่รีบปฏิเสธปากคอสั่น “ เฮ้ย มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะ”
“ไม่ใช่อย่างที่คิดแล้วมันคืออะไร”
หญิงใหญ่อึดอัดไม่รู้จะอธิบายยังไง
“อะไรนะ นี่แกเป็นคนเทคแคร์ท่านรองอยู่เหรอ”
ภรณีถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู หญิงใหญ่พยักหน้ารับ
“เออสิ พอดีฉันเข้าไปเอาของวางบนโต๊ะเค้า แล้วเค้าก็ดันเข้ามาพอดี ฉันก็เลยต้องไปแอบใต้โต๊ะ”
“ฉันก็ตกใจหมด เห็นท่านรองเดินไปเพลียๆ ก็นึกว่า...”
หญิงใหญ่หน้าแดง รีบตีไหล่ภรณีแก้เขินอย่างแรง “บ้า”
“ตีขนาดนี้สาวหมัดเข้าปลายคางเลยก็ได้นะ”
หญิงใหญ่รีบง้างหมัด “จริงดิ”
“ล้อเล่น”
“คนยิ่งเครียดๆ อยู่”
หญิงใหญ่ทำหน้าหมดอารมณ์ ภรณีรีบฉวยโอกาส
“ถ้าเครียดที่จะต้องเทคแคร์ท่านรอง แกแลกกับฉันมั้ยล่ะ เดี๋ยวฉันเทคแคร์ท่านรองเอง”
“ไม่ดีกว่า ขี้เกียจแลก”
ภรณีมองเพื่อนอย่างจับผิด
“นั่นแน่ะ ไม่ยอมแลกแบบนี้ อย่าบอกนะว่ามีเคลิ้ม”
“เคลิ้มบ้าอะไรล่ะ ฉันก็มีแผนของฉันอยู่”
“อย่าบอกนะว่าศึกที่บ้านยังไม่พอ แกจะมาเปิดศึกที่ออฟฟิศอีก ฉันล่ะเพลียกับบ้านแกแล้วก็บ้านท่านรองจริงๆ นี่จะ ทะเลาะกันไปถึงไหนวะ””
หญิงใหญ่ยิ้มกริ่มไม่พูดอะไร ภรณีส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจสุดๆ
ส่วนที่ร้านของเฮง
เฮง ตี๋เล็กและจางสะพายเครื่องไล่ยุงเดินมาที่ริมรั้ว
“เห็นมั้ยเฮีย พวกมันหยุดเผากันแล้ว” จางหันมาบอก
“เอาไงดีเตี่ย เรากลับไปเปิดร้านกันมั้ย”
เฮงส่ายหน้า “มันหยุดแต่เราไม่หยุด อาจางจัดการ”
ขาดคำ จางก็เปิดเครื่องไล่ยุงเตรียมลุย
ขณะที่ในร้านของแก้วกัลยา เสี่ยชาญกำลังนั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง โดยมีแก้วกัลยากับหญิงเล็กคอบดูแลใกล้ชิด
“อื้อ อร่อยๆ”
เสี่ยชาญชมเปาะ หญิงเล็กรีบถามต่อ
“เทียบกับร้านนั้น ร้านไหนอร่อยกว่าคะ”
เสี่ยชาญเริ่มคิดหนัก
“คิดนานไม่ลดราคาให้นะเสี่ย”
แก้วกัลยาพูดยิ้มๆ เสี่ยชาญรีบตอบทันที
“มันก็ต้องเป็นร้านลื้ออยู่แล้ว ร้านนั้นเทียบไม่ติดเลยซักนิด อร่อยสวดๆ อร่อยไม่บันยะบันยัง อร่อยที่สุดในสามโลก อร่อยยันชาติหน้า”
“ลดกี่เปอร์เซ็นต์ดีคะแม่”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์”
เสี่ยชาญทำตาโต “นี่อั๊วกินฟรีเลยเหรอเนี่ย สวดยวด”
“ไม่ลดให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ชมซะเว่อร์เกิน หาความจริงใจไม่มีเลย”
เสี่ยชาญหน้าจ๋อย
“ชมน้อยก็บ่น ชมมากก็ไม่เชื่อ เอาใจไม่ถวกเลยจริงๆ”
จู่ๆ เสียงเครื่องไล่ยุงก็ดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับควันเริ่มลอยฟุ้งมา ฮันนี่ร้องเสียงหลง
“ว้าย ควันมาจากไหนเยอะแยะคะเนี่ย ว็อท แฮพเพ่น?”
“ควันมาจากบ้านนั้นนะคะแม่”
แก้วกัลยาโกรธจนตัวสั่น
“ไอ้งิ้วหลงโรง หญิงเล็ก ไปสแตนบายที่ริมรั้ว เดี๋ยวแม่ตามไป”
หญิงเล็กรีบเดินรี่ไปที่ข้างรั้ว ลูกค้าเริ่มงงกับควันที่ลอยมา
“ฮันนี่ แกมากับฉัน”
แก้วกัลยากับฮันนี่เข้าไปในบ้าน เสี่ยชาญส่ายหน้าเซ็ง
“โอ๊ย จะได้เกียนดีๆ บ้างได้มั้ยเนี่ย”
พอหญิงเล็กเดินมาที่ข้างรั้ว ก็เห็นเฮง ตี๋เล็ก และจางกำลังพ่นควันอยู่
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”
ตี๋เล็กทำหน้ากวน “อ๋อ ไล่ยุงอยู่ มีไรป่ะ?”
เสี่ยชาญเดินตามเข้ามาสมทบ
“เฮ้ยอาเฮง ลื้อเล่นแรงไปรึเปล่าเนี่ย”
“อ้าว ยุงมันชุม ก็ต้องเล่นของแรงแบบนี้แหละเสี่ย” เฮงตอบกลับแบบพร้อมมีเรื่องเต็มที่
“นี่เอาคืนกันใช่มั้ย”
“เอาคืนอะไร บอกแล้วไงว่าไล่ยุงเจ๋ยๆ” ตี๋เล็กพูดพลางยักคิ้งแผล่บให้หญิงเล็ก
“หลบไปลูก แม่มาแล้ว”
ทุกคนหันไปมอง ก็เห็นแก้วกัลยากับฮันนี่ช่วยกันเข็นพัดลมอันใหญ่ออกมา
“Are you ready?”
ฮันนี่หันมาถาม แก้วกัลยาพยักหน้ารับ
“Yeah”
ทั้งคู่กดเปิดพัดลมแรงสุด จนพัดควันไล่ยุงลอยกลับไปฝั่งบ้านเฮง
“เอาไงดีเฮีย ของมันแรงจริงๆ” จางหันมาถามเฮง
“สู้ไป อย่าถอย”
“มาเลย อยากจะวัดกับพี่ก็พ่นมาเลย” แก้วกัลยาพูดอย่างมั่นใจ
“โอ๊ย พอเถอะ อั๊วจะเกียนข้าวเกียนปลาบ้างไม่ได้เลย” เสี่ยชาญโวยวายอย่างรำคาญใจ
“เดี๋ยวเกียนยุงนี่แหละ ไอ้เสี่ย” เฮงตวาดกลับ
“ก่อนเกียนยุง อั๊วเมายากันยุงตายก่อนพอดี”
จางพ่นควันสู้กับพัดลม ควันลอยตลบอบอวลไปทั่ว บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
พอเข้ามาในบ้าน เฮง ตี๋เล็ก และจาง ก็สำลักจนควันออกจากปาก พักหนึ่งเสี่ยชาญเดินเข้ามาแบบเซๆ ในร้านไม่มีลูกค้าอยู่สักคน
“ไงล่ะ จากไล่ยุง กลายเป็นไล่ลูกค้าหมดร้านเลย สนุกสนานสาแก่ใจกันเลยใช่มั้ย”
เฮงทำหน้าไม่พอใจ “คนล้มอย่าข้ามได้มั้ยเสี่ย”
“อั๊วไม่ได้ข้าม นี่อั๊วกระทืบเลย อั๊วเตือนจนปากเปียกปากแฉะ แต่ก็ไม่มีใครฟังอั๊วเลย เขียดมั้ย”
เสี่ยชาญหมายถึง “เข็ดมั้ย” แต่จางกลับเข้าใจไปคนละอย่าง
“ที่ร้านมีแต่กบครับ จะทำอะไรดีเสี่ย”
“ผัดกระเพราะแล้วกัน ถุย! อั๊วหมายถึงเขียดมั้ย หลากจำกันบ้างมั้ย”
“เอาน่าเสี่ย เรื่องมันจวบๆ ไปแล้วน่า” ตี๋เล็กพยายามพูดตัดบท
“ลื้อว่าจวบเหรอ ลื้อ 2 บ้านเปิดศึกกันวุ่นวายขนาดนี้ ลูกค้าไม่เข้าร้านอีกนานเลยล่ะ คอยดูสิ”
“เป็นเพราะลื้อเลยเสี่ย ถ้าลื้อไม่ปล่อยบ้านนั้นให้นังนั่นเช่า เรื่องมันก็ไม่วุ่นวายแบบนี้หรอก”
เฮงโยนความผิดให้เสี่ยชาญ
“อ๋อ สรุปว่าอั๊วเผียดงั้นเหรอ”
“เออ ลื้อแหละเผียด อั๊วบอกลื้อไว้แล้วว่าจะเช่าบ้านหลังนั้น ไม่ใช่ไม่เคยบอก”
“ก็คุณแก้วเค้าเดือดร้อนไม่มีบ้านพัก ชีวิตเค้าออกจะน่าสงสาร”
ตี๋เล็กแกล้งทำหน้าเศร้า “ผัวตาย ครอบครัวล้มละลายมาเหรอเสี่ย”
“เออสิ”
“อ้าว นี่ผมพูดเล่นนะ เรื่องจริงเหรอเนี่ย”
“ใช่ ผัวคุณแก้วเค้าตาย แล้วก็ทิ้งหนี้สินไว้ตั้งเยอะ คุณแก้วเค้าต้องเลี้ยงดูลูกตัวคนเดียว แถมต้องหาเงินใช้หนี้อีก พวกลื้อเห็นใจเค้าบ้างเถอะ”
ทุกคนถึงกับนิ่งไป รู้สึกเห็นใจครอบครัวแก้วกัลยาขึ้นมาเหมือนกัน แต่เฮงไม่ยอมรามือง่ายๆ
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าบ้านนั้นไม่จบ อั๊วก็ไม่จบ”
เฮงทำเข้มขรึมกลบเกลื่อน เสี่ยชาญส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
อีกด้านหนึ่ง แก้วกัลยา หญิงเล็ก และฮันนี่ กำลังช่วยกันเก็บโต๊ะอย่างเซ็งๆ
“วันนี้จะปิดร้านเลยเหรอคะแม่”
“ปิดเถอะลูก คงไม่มีลูกค้าเข้ามาแล้วล่ะ”
แก้วกัลยาทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง หญิงเล็กนั่งลงปลอบข้างๆ
“แม่โอเคมั้ยคะ”
แก้วกัลยาพยายามฝืนยิ้ม
“แม่ไม่เป็นไรหรอกลูก หนักกว่านี้แม่ก็เคยผ่านมาได้แล้ว”
ฮันนี่พูดปลอบแบบอังกฤษปนไทย
“Let it be ค่ะคุณนาย Take it easyนะคะ everything gonna be alright ค่ะ โอเค?”
“ฉันจะไม่โอเคก็ตรงภาษาไทยคำอังกฤษคำของแกนี่แหละ ฟังแต่ละทีต้องแปลจนปวดหัวไปหมดแล้วเนี่ย”
ฮันนี่หน้าเจื่อน
“Sorry อุ๊บส์ ขอโทษค่ะ ฮันนี่ทำงานต่อนะคะ ไม่รบกวนล่ะ อิอิ”
ฮันนี่หันไปเก็บโต๊ะ หญิงเล็กหันมาปลอบแม่ต่อ
“ทำใจดีๆ นะคะแม่ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นค่ะ”
“แม่ผิดเอง ที่ไม่ควบคุมอารมณ์แล้วไปทะเลาะกับไอ้พวกนั้น”
“แม่ไม่ผิดหรอกค่ะ แม่ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสิทธิและปกป้องลูก แม่คือฮีโร่ของหนูค่ะ”
แก้วกัลยาถอนหายใจหน้าเครียด หญิงเล็กกอดให้กำลังใจ
เสี่ยชาญนั่งกินหมูปิ้งอยู่หน้าบ้าน ท่าทางยังอิดโรยกับศึก 2 บ้านในวันนี้ พักหนึ่งชายเล็กกับหมวยเล็กก็เดินเข้ามาในบ้าน
“หวัดดีครับเสี่ย”
“หวัดดีค่ะเสี่ย”
ทั้งคู่ยกมือไหว้ทักทาย เสี่ยชาญรับไหว้ตอบ
“กินไรอ่ะคะ” หมวยเล็กถามยิ้มๆ
“หมูเปี้ยง”
“หมูโดนยิงเหรอ”
“ใช่ เปี้ยงเดียวจอดเลย..อย่ามาตลก อั๊วยังเพลียกับบ้านลื้อทั้งสองไม่หาย ทั้งวันเพิ่งได้กินหมูเปี้ยง
นี่แหละ”
“ผมกับหมวยเล็กรู้เรื่องแล้วล่ะ ก็เลยจะมาหาวิธีแก้ปัญหากับเสี่ยนี่แหละ”
ตี๋เล็กพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่ เสี่ยเป็นผู้ใหญ่ แถมเป็นเจ้าของบ้านเช่าด้วย เสี่ยน่าจะมีพาวเวอร์จัดการเรื่องนี้นะ”
เสี่ยชาญส่ายหัวดิก
“ลื้อมาผิดที่แล้วล่ะ ไม่มีใครหยุดเตี่ยกับแม่ลื้อได้ นอกจากตัวเตี่ยกับแม่ลื้อเอง อั๊วจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว เหนื่อยใจสวดๆ”
ชายเล็กรีบพูดปลอบ “โห อย่าเพิ่งท้อสิเสี่ย”
“ใช่ ท้อน่ะมีไว้ให้ลิงถือนะ” หญิงเล็กช่วยพูด
“อั๊วไม่ใช่ยาหม่อง อั๊วไม่สนใจและจะไม่ยุ่ง ให้อั๊วอยู่สงบๆ แบบนี้เถอะ”
เสี่ยชาญพูดอย่างเอาจริง ชายเล็กกับหมวยเล็กมองหน้ากันเครียดๆ ไม่รู้จะทำยังไงกันต่อ
เฮงนั่งเอาแขนก่ายหน้าผากอยู่ที่โซฟา มีหมวยเล็กกับตี๋เล็กนวดขาทั้ง 2 ข้างให้ ตี๋ใหญ่เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ
“นี่ถึงกับเอาขาก่ายหน้าผากเลยเหรอเตี่ย”
เฮงยกขาขึ้นมาขู่ “เดี๋ยวแขนก็ไปพาดคอหรอก”
“โหดจุง”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าระอา หมวยเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมา
“เนี่ย ทะเลาะกับเค้าสุดท้ายก็มาเครียดเอง มันก็เหมือนกำหินไว้กับมือ ยิ่งบีบก็ยิ่งเจ็บ”
“เดี๋ยวอั๊วจะปล่อยหินนี่ล่ะ”
หมวยเล็กยิ้มดีใจ “เย้ เตี่ยจะวางหินละเหรอ”
“จะขว้างหัวลื้อนี่แหละ”
หมวยเล็กหน้าจ๋อย ตี๋เล็กหันมาดุซ้ำ
“ลื้อก็ดีแต่เข้าข้างคนอื่น ลื้อไม่อยู่ตอนบ้านโน้นหาเรื่อง เราก่อนนี่”
“ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะเฮีย ถ้าเราอยู่เฉยๆ ใครเค้าจะมาชวนทะเลาะด้วย”
ตี๋ใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย
“เฮียเห็นด้วยกับหมวยเล็กนะ เฮียอยากให้สงบศึกกัน ตั้งแต่วันนี้ เพราะถ้าทะเลาะกันอยู่ มันก็มีแต่เสียกับเสีย”
“นะเตี่ยนะ หยุดทะเลาะกันแล้วหันมาพัฒนาร้านกันดี กว่า” หมวยเล็กหันมาพูดอ้อนเตี่ย
“ใช่เตี่ย ถ้าจะสู้ก็สู้กันด้วยฝีมือการทำอาหารดีกว่านะ เชื่ออั๊วสิ”
เฮงคิดตามด้วยท่าทีที่อ่อนลง
“นี่เห็นว่าลื้อเตือนนะอาตี๋ใหญ่ อั๊วจะเอาไว้พิจารณาดูอีกที แต่ถ้าบ้านโน้นมันไม่จบ อั๊วก็ไม่จบนะ
จะบอกให้”
ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กยิ้มรับกับท่าทีที่อ่อนลงของเฮง ตรงข้ามกับตี๋เล็กอดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ ที่เฮงเชื่อฟังตี๋ใหญ่มากที่สุด
ส่วนที่บ้านของแกวกัลยา ก็มีหญิงเล็กกับชายเล็กช่วยนวดแขนทั้งสองข้างแม่อยู่ โดยมีฮันนี่คอยจ่อยาดมให้
หญิงใหญ่ถือน้ำขิงร้อนมายื่นให้
“น้ำขิงร้อนๆ ค่ะแม่ จะได้หายเครียด”
“วันนี้ลูกค้าหายเกลี้ยง น้ำขิงคงเอาไม่อยู่หรอกค่ะ” ฮันนี่โพล่งออกมา
“วางไว้ก่อนลูก ตอนนี้แม่กินอะไรไม่ลงทั้งนั้นแหละ”
ชายเล็กรีบพูดเตือน
“แม่ก็เลิกทะเลาะกับเค้าซะก็หมดเรื่อง จะได้ไม่ต้องมาเครียดแบบนี้”
หญิงเล็กหันไปทำตาดุใส่น้องชาย
“พูดเหมือนเราเป็นฝ่ายผิดอย่างนั้นแหละ ก็รู้อยู่ว่าเค้าเป็นฝ่ายหาเรื่องเราก่อน”
ฮันนี่รีบพูดเสริม
“yeah! เค้าหาเรื่องเราก่อนนะคะคุณหนู ฮันนี่ยืนยัน นั่งยัน แล้วก็นอนยันเลยค่ะ”
“แต่ถ้าเราหยุด เค้าก็อาจจะหยุดนะ ทำไมเราไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นดูล่ะ”
หญิงใหญ่พูดให้สติ ชายเล็กพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ ทะเลาะกันไปก็มีแต่ลูกค้าจะหนี ไม่มีใครเค้าอยาก กินข้าวแล้วต้องคอยระแวงว่าเราจะทะเลาะกันหรอกนะครับ”
“ใช่ คนมากินก็อยากกินในบรรยากาศดีๆ เลิกทะเลาะกันเถอะนะคะ”
แก้วกัลยาเริ่มคิดตามด้วยท่าทีที่อ่อนลง
“นับวันพี่หญิงใหญ่ชักจะใจอ่อนกับคนบ้านนั้นมากขึ้นเรื่อยๆนะ มีอะไรอ๊ะป่าว”
หญิงเล็กมองหน้าพี่สาวยิ้มๆ
“บ้า มีอะไรล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าไปชอบนายตี๋ใหญ่นั่นเข้าให้นะ”
หญิงใหญ่รีบปฏิเสธปากคอสั่น
“เฮ้ย ชอบเชิบอะไร บ้า”
“แม่ว่าจะถามอยู่ก็ไม่มีเวลาเลย นี่มีแฟนกับเค้ารึยังเนี่ย” จู่ๆ แก้วกัลยาก็หันมาถาม
“ยังค่ะแม่”
“แม่ไม่เห็นลูกคุยกับใครเลย ถ้าคุยกับใครก็พามารู้จักแม่บ้างนะ”
หญิงใหญ่รีบตัดบท “ไม่มีหรอกค่ะ หนูไม่ชอบผู้ชาย”
ฮันนี่ตาวาว “ทอมหรือดี้คะ”
หญิงใหญ่อึกอัก “ท ท ทอม”
“งั้นหนูก็เป็นดี้” หญิงเล็กเอาบ้าง
แก้วกัลยาทำท่าจะเป็นลม
“ว็ายตายแล้ว นี่ลูกแม่จะไม่มีใครชอบผู้ชายเลยเหรอเนี่ย”
ชายเล็กแกล้งทำท่าออกแต๋ว
“หนูนี่ไงค้า หนูชอบผู้ชายค่า”
“Oh my god แกรนด์โอเพนนิ่ง” ฮันนี่ยกมือทาบอกตกใจ
“พูดจริงพูดเล่นเนี่ยลูก” แก้วกัลยาถามย้ำ
“ล้อเล่นครับ เห็นแม่เครียดๆ”
“เฮ้อ อย่าล้อเล่นแบบนี้ เดี๋ยวแม่จะหัวใจวายตายซะ”
“หนูว่าจากนี้ไปเรามาทะเลาะกันอย่างสร้างสรรค์ดีกว่าค่ะแม่ แข่งกันด้วยอาหาร อย่าใช้กำลังกันแบบนี้เลย ค่ะ”
หญิงใหญ่วกเข้าเรื่องเดิม แก้วกัลยาเริ่มคล้อยตาม
“โอเค.ต่อไปแม่จะสู้ด้วยกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์กว่านี้ แต่ถ้าบ้านนั้นมันไม่หยุด แม่ก็ไม่หยุดนะ”
หญิงใหญ่เบาใจมากขึ้น หวังว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องรุนแรงและจะสู้กันอย่างสร้างสรรค์
อ่านต่อตอนที่ 8