ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 6
แก้วกัลยา หญิงใหญ่ หญิงเล็กออกมายืนส่งพระขึ้นรถที่หน้าบ้าน ครู่หนึ่งเฮงกับตี๋เล็กก็เดินออกมาดู
“ว่อ”
เฮงร้องเสียงดัง แก้วกัลยามองค้อน
“อยากขึ้นวอเหรอ ถามหาวอเนี่ย”
“เฮ้ย อั๊วไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง วอเวออะไรไม่ต้องขึ้น”
“ฉันหมายถึงคางคกเว้ย”
หญิงใหญ่ยยิ้มเจื่อนๆ กลัวจะมีเรื่อง ตี๋เล็กรีบหันมาบอกเตี่ย
“เค้าว่าเตี่ยเป็นคางคกขึ้นวอน่ะ”
“รู้แล้ว ไม่ต้องขยาย นี่ อั๊วอุตส่าห์ออกมาชื่นชมร้านลื้อ ลื้อก็ยังกระแนะกระแหนอั๊ว โลกไม่สวยแบบนี้ ถึงว่าหน้านำอายุไปไกลเหลือเกิน”
หญิงเล็กรีบกระซิบบอกแม่ “อุ๊ย เค้าว่าแม่แก่อ่ะ”
“รู้แล้ว ไม่ต้องขยาย นี่ ไม่ต้องทำมาเป็นชื่นชมร้านฉัน กลับเข้าบ้านไปทำร้านตัวเองให้ดีไว้เถอะ”
ตี๋ใหญ่เดินออกมา เตรียมตัวจะออกไปทำงาน
“ร้านอั๊วดีอยู่แล้ว ดีออก... จะตายไป” เฮงเถียงกลับแบบไม่ยอมลดละ
แก้วกัลยารีบกระซิบหญิงเล็ก “มันด่าเราหรือเปล่าลูก”
“ไม่แน่ใจค่ะแม่”
ตี๋ใหญ่รีบหันมาบอกน้องชาย “ ตี๋เล็กพาเตี่ยเข้าบ้าน เดี๋ยวเฮียจะไปทำงานแล้ว”
“ไปเตี่ย เข้าบ้านเถอะ”
ตี๋เล็กพูดพร้อมกับรีบจูงเฮงเดินเข้าบ้าน แก้วกัลยายังพูดไล่หลัง
“เดินดีๆ ระวังลื่นลงนรกนะ”
เฮงหันมาโต้กลับ “ลื้อลื่นลงไปบ่อยสิท่า ถึงได้รู้น่ะ”
“รองเท้าฉันดี ดอกบุญมีเยอะ ไม่ลื่นง่ายๆ หรอก”
“หรา” เฮงทำหน้ากวนใส่
“พอแล้วเตี่ย เข้าบ้านเถอะ”
ตี๋เล็กรีบพาเตี่ยเข้าบ้านไป
“หญิงเล็ก พาแม่เข้าบ้านไป” หญิงใหญ่หันมาบอกน้องสาว
หญิงเล็กรีบพาแก้วกัลยาเข้าบ้านบ้าง
“คุณไปออฟฟิศยังไงเนี่ย” ตี๋ใหญ่ตะโกนถามหญิงใหญ่
“ไปยังไงก็ได้ โตแล้ว”
หญิงใหญ่พูดแล้วก็เดินเข้าบ้านไป ตี๋ใหญ่ส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างอ่อนอกอ่อนใจ
แก้วกัลยากับหญิงเล็กเดินดูของอยู่ในตลาด ทั้งคู่ไม่ทันเห็นว่ามีโจรเดินสะกดรอยพร้อมกับจ้องหาจังหวะวิ่งราวกระเป๋าที่แก้วกัลยาสะพายอยู่
“ดูไว้นะลูก เวลาเลือกผักเนี่ยก็เลือกที่มันมีรูแบบนี้ แสดงว่าเค้าไม่ใส่ยา”
แก้วกัลยาชี้ให้หญิงเล็กดูผักที่แผง
“แม่ไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้เค้าเอาทรายร้อนๆ หว่านใส่ผักให้มันเป็นรูนะคะแม่”
แม่ค้าผักมองอย่างนึกเคืองๆ
“ไม่เป็นไร อีกหน่อยเราก็มีแปลงผักปลอดสารพิษเป็นของตัวเองแล้ว ผักพวกนี้เราไม่จำเป็นต้องซื้อหรอก”
แม่ค้ากระแอมเตือนอย่างไม่พอใจ
“กระโถนมั้ยจ๊ะ” แก้วกัลยาหันมาถาม
“ไม่ต้อง กลืนแระ สรุปจะซื้อหรือจะติ”
“ซื้อจ้ะซื้อ”
จังหวะที่แก้วกัลยาหันมาเลือกผัก โจรก็วิ่งเข้ามากระชากกระเป๋าไป
“ช่วยด้วย โจรกระชากกระเป๋า”
แก้วกัลยาร้องลั่น แล้วรีบวิ่งนำหญิงเล็กไล่ตามโจรไป
อีกมุมหนึ่งของตลาด ฮันนี่กำลังยืนสมัครงานอยู่ที่ร้านค้า
“ที่นี่รับลูกจ้างมั้ยคะ หนูทำได้หลายอย่าง สปี๊ค อิงลิชก็พอได้นะคะ”
“ไม่ล่ะ ร้านฉันร้านเล็กๆ ไปสมัครร้านอื่นเถอะ”
เสียงร้องโวยวายของแก้วกัลยาดังเข้ามา
“ช่วยด้วย โจรกระชากกระเป๋า ช่วยจับที”
พอหันไปมอง เห็นแก้วกัลยากับหญิงเล็กกำลังวิ่งไล่โจรมา ฮันนี่ก็ควงกระเป๋าเสื้อผ้า 3 รอบ จนมีแรงเหวี่ยงพอ ก่อนจะหวี่ยงกระเป๋าเสื้อผ้าออกไปอย่างเท่ กระเป๋าเสื้อผ้าลอยมาโดนขาโจรล้มลง
ฮันนี่ปรี่เข้ามาคร่อมร่างโจรก่อนจะซ้อมไม่ยั้ง แก้วกัลยากับหญิงเล็กตามเข้ามาหยิบกระเป๋า ชาวบ้านกรูเข้ามามุงดู
“ยู อาร์ แบด บอย แมน! ต้องเจออย่างนี้” ฮันนี่พูดอังกฤษปนไทย พร้อมกับสาวหมัดใส่หน้า จนโจรสลบคามือ
“พอแล้วเธอ เดี๋ยวมันก็ตายกันพอดี” แก้วกัลยาร้องห้าม
“ได้กระเป๋าคืนเรียบร้อยนะคะ”
“เรียบร้อยค่ะ ขอบคุณมากนะ”
“ไม่เป็นไร ยัวร์ เวลคัม ค่ะ”
ฮันนี่ยิ้มรับ แล้วก้มมองโจรที่สลบอยู่ ก่อนจะเอานิ้วโป้งปัดจมูกไปอีกหนึ่งที แก้วกัลยาตรวจดูของในกระเป๋าว่ามีอะไรหายมั้ย
ภรณีถือโหลจับฉลากเดินเข้ามาในออฟฟิศ พร้อมกับประกาศข่าวกับเพื่อนๆ พนักงาน
“ปุกาด ปุกาด เลดี้แอนด์เจนเทิลแมนฟังทางนี้”
หญิงใหญ่และทุกคนหันไปมองที่ภรณีเป็นตาเดียว
“วันนี้แผนกเรามีเกมมาเล่นกันจ้า”
“เกมไรแก” หญิงใหญ่ถามอย่างอยากรู้
“บัดดี้ อี่ อี่ อี่”
ตี๋ใหญ่เดินผ่านมาพอดี ภรณีรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะท่านรอง เชิญทางนี้แป๊บ สนใจเล่นบัดดี้ด้วยกันมั้ยคะ หนุกหนานๆ”
ตี๋ใหญ่ทำท่าลังเล
“ไม่ต้องตัดสินใจนานค่ะ เพราะชื่อท่านรองอยู่ในนี้แล้ว”
“เฮ้ย แล้วถามเพื่อ?”
ภรณียิ้มแหยๆ “ ถามเป็นพิธีค่ะ”
จากนั้นก็เขย่ารายชื่อในโหล
“เอาล่ะค่ะ ชื่อทุกคนในแผนกเราอยู่ในนี้หมดแล้ว ใครจับได้รายชื่อใคร ก็ต้องเทคแคร์ดูแลคนที่เราจับชื่อได้อย่างลับๆ”
“แล้วเล่นกันนานเท่าไหร่” พนักงานคนหนึ่งตะโกนถาม
“1 เดือน เทคแคร์กันยาวๆ ถ้าหนูจับได้ชื่อท่านรอง หนูจะเทคแคร์ให้รักเลยแหละ แอร๊ย”
ภรณีเหล่มองตี๋ใหญ่ตาเชื่อม
“รีบจับเถอะครับ ผมจะได้ไปทำงานต่อ”
“ถ้างั้นท่านรองจับเปิดฟลอร์เลยค่ะ”
ตี๋ใหญ่จับฉลากมาดูชื่อ แล้วทำหน้านิ่งๆ หญิงใหญ่แอบมองลุ้น
“จับได้ใครน้า?”
ภรณียิ้มกรุ้มกริ่มถาม ตี๋ใหญ่รีบเก็บกระดาษใส่กระเป๋า แล้วทำหน้าดุ
“รีบๆ จับกัน จะได้ทำงาน ทำการ”
ตี๋ใหญ่พูดแล้วก็เดินไปเข้าห้องทำงาน ทุกคนเดินทยอยกันมาจับฉลาก เหลือ 2 ใบสุดท้าย ภรณีกับหญิงใหญ่เป็นคนจับ
ภรณีหน้าผิดหวัง “เฮ้อ พูดได้คำเดียวว่าเซ็ง”
หญิงใหญ่เปิดฉลากมาอึ้งๆ เล็กน้อย
“ได้ใครอ่ะ” ภรณีเอียงหน้าจะมาดู
“บอกได้ไง บ้า”
หญิงใหญ่ยิ้มแย้มไม่แสดงอาการให้เห็นเป็นพิรุธ
หญิงใหญ่ทุบมือลงมาที่เคานท์เตอร์อ่างล้างหน้า ก่อนจะปรายตามองฉลากชื่อ “รองผู้จัดการ ทรงพล”
“พนักงานในแผนกตั้งเยอะตั้งแยะไม่จับได้ ซวยอะไรอย่างนี้เนี่ย”
จังหวะนั้นภรณีก็เปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำ หญิงใหญ่รีบคว้ากระดาษรายชื่อซ่อนไว้ในมือ
“เป็นไรแก ทำหน้าอย่างกับท้องผูก”
หญิงใหญ่อึกอัก “เอ่อ เออ ท้องผูกมา 4 วันแล้วเนี่ย”
“โห อึ้แกไม่กลายเป็นฟอสซิลอยู่ในลำไส้แล้วเหรอน่ะ”
“เออ ฉันว่าจะเก็บไว้ให้เป็นพลังงานฟอสซิลในช่องท้องน่ะ” หญิงใหญ่พูดขำๆ
“เออ วันไหนแก๊สบ้านฉันหมดก็มาตดใส่ถังแก๊สให้ฉันที อีบ้า นี่เล่นมุกไม่แม็ทช์กับหน้าตาเลยนะยะอี๋”
“แล้วนี่หิวเหรอ ถึงเข้ามาเนี่ย” หญิงใหญ่ถามยิ้มๆ
“เออ ว่าจะมาหาอะไรแซ่บๆ กินหน่อย มีห้องไหนยังไม่ กดชักโครกมั้ย”
ภรณีเดินเปิดห้องส้วมดูก่อนจะเพิ่งสะดุ้ง “จ๊าก”
หญิงใหญ่หัวเราะร่วน “เคลิ้มนานไปนะ”
“ฉันจะเข้ามาล้างมือย่ะ” ภรณีล้างมือในอ่างล้างหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ เฮ้อ อยากรู้จังว่าใครจับได้ชื่อท่านรองไป เฮ้ย หรือว่าแกจับได้ไปวะ”
หญิงใหญ่ทำท่าเขิน “บ้า บอกไม่ด้าย”
“สตอแบบนี้ไม่ใช่ชัวร์ เฮ้อ เราคงทำบุญมาด้วยกันเท่านี้นะคะท่านรอง”
ภรณีล้างมือต่อแบบเซ็งๆ ส่วนหญิงใหญ่ยืนหน้าเครียด
2 แม่ลูกเดินนำฮันนี่เข้ามาในบ้าน หญิงเล็กหันมาถาม
“พี่ชื่ออะไรคะเนี่ย”
“เอาชื่อกรุงเทพหรือชื่อที่บ้านนอกล่ะคะ”
แก้วกัลยารีบบอก “ กรุงเทพล่ะกัน”
“ถ้ากรุงเทพชื่อฮันนี่ค่ะ”
“ถ้าอยู่บ้านนอก...” หญิงเล็กถามต่อ
“ที่บ้านเรียกอีผึ้ง” ฮันนี่ตอบหน้าตาเฉย
“โหดร้ายเนอะ”
“มีโหดกว่านั้นอีกค่ะ ชื่อในบัตรประชาชนชื่อสมควรค่ะ”
แก้วกัลยาทำหน้างง “เฮ้ย กระเทยแปลงเพศเหรอ”
“ยังไม่ได้แปลง”
2 แม่ลูกอุทานพร้อมกัน “เย้ย”
“ไม่ได้เป็นค่ะ ฮันนี่หญิงแท้ พอดีพ่อกับแม่ตั้งแก้เคล็ดน่ะค่ะ”
แก้วกัลยารีบตัดบท
“โอเคๆ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวตอบแทนเธอมื้อนึง อยากกินอะไรล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ค่ะ ที่นี่เป็นร้านอาหารเหรอคะเนี่ย”
“ใช่ พรุ่งนี้จะเปิดอย่างเป็นทางการ”
ฮันนี่รีบถามทันที “รับสมัครพนักงานมั้ยคะเนี่ย”
“ทำไมคะ พี่หางานอยู่เหรอ” หญิงเล็กย้อนถาม
“yeh วันนี้หางานมาหลายที่แล้ว ไม่ได้ซักที่ พี่นี่ Fail มากเลย ยูโน๋วว์”
“เป็นลูกครึ่งเหรอเนี่ย” แก้วกัลยาทำหน้างง
“อ๋อ เปล่าค่ะ พอดีเคยมีผัว อุ๊ย หยาบคายไปนิด พอดีเคยมีฮัสแบน สามีเป็นฝรั่งน่ะค่ะ แต่ตายไปแล้ว”
“โห ก็มีมรดกจากผัว เอ๊ย สามีเยอะเลยล่ะสิ”
ฮันนี่สั่นหัวดิก
“ตอนแรกก็คิดว่าเค้ารวยน่ะค่ะ แต่พอรู้ว่าเค้าจนเท่านั้นแหละ”
2 แม่ลูกถามขึ้นมาพร้อมกัน “ทำไมเหรอ”
“ก็จนเลยสิคะ”
แก้วกัลยาทำหน้าเซ็ง “โวะ คิดว่าจะมีอะไรพิเศษ”
“เราก็รับพี่เค้าทำงานที่ร้านเลยสิคะ” หญิงเล็กหันมาบอกแม่
“สนมั้ยล่ะ”
“yeh! yeh! สนสิคะ ยิ่งเป็นร้านอาหารนี่ยิ่งชอบเลย”
“โอเค ถือว่าตอบแทนที่เธอช่วยฉันเอากระเป๋าจากโจร ฉันรับเธอเข้าทำงานที่นี่”
“ขอบคุณค่า Thank you so much..Thank you”
ฮันนี่ตื่นเต้นดีใจที่ได้งานทำ
นมตราหมีพร้อมกับกระดาษโน้ตเขียนข้อความว่า
“เหนื่อยมั้ย? นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม หากแต่เป็นประโยคความห่วงใย Take careนะครับ”
วางอยู่บนโต๊ะทำงาน หญิงใหญ่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับภรณี รีบหยิบมาดู
“ของใครอ่ะ”
“วางอยู่บนโต๊ะแกจะของใครล่ะ”
หญิงใหญ่อ่านข้อความในกระดาษโน้ต ภรณีทำหน้าตื่นเต้น
“แอร๊ย ใครกันนะที่เทคแคร์แก หวานซะไม่มีอ่ะ”
“อาจจะเป็นผู้หญิงสับขาหลอกเป็นผู้ชายก็ได้ เผลอๆ ก็แกนี่แหละ แกล้งฉัน”
ภรณีทำท่าแขยง “อี๋ เขียนแบบนี้ให้ชะนีเนี่ยนะ หยะแหยงอ่ะ ไม่ใช่ฉันแน่ๆ”
จังหวะนั้นตี๋ใหญ่ก็เดินออกมาจากห้องทำงาน ก่อนจะหยุดมองหญิงใหญ่ที่ถือนมตราหมีอยู่ ภรณีหันไปมองตาหยาดเยิ้ม
“เพื่อนนีเค้าได้ของแล้วนะคะ ท่านรองล่ะ ได้รึยังเอ่ย”
“ยังเลย ดีใจด้วยนะ”
ประโยคหลังตี๋ใหญ่มองไปทางหญิงใหญ่ยิ้มๆ แล้วก็เดินออกไป ภรณีมองอย่างสงสัย
“ฉันว่าเจ้าของนมกับโน้ตอันนี้ต้องเป็นของท่านรองแน่ๆ”
“บ้า แกรู้ได้ไง” หญิงใหญ่แอบเขิน
“เมื่อกี๊ตอนที่ท่านรองพูดกับแก ฉันเห็นพิรุธ ตาท่านรองล่อกแล่กเวลาพูดกับแก แสดงว่าต้องมี
ความลับบางอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องนมกับโน้ตนี่”
“ไม่ยักรู้ว่าแกจับพิรุธคนเป็นด้วย”
ภรณียืดอกอย่างภูมิใจ
“ฉันอ่านหนังสือจับพิรุธคนมาบ้าง แล้วที่สำคัญ ฉันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากโน้ตอันนี้ ซึ่งเป็น
คาแร็กเตอร์ของท่านรองพอดี”
“ง่อ มียานซะด้วย วันนี้ขี่ยานไปส่งบ้านหน่อยสิ” หญิงใหญ่พูดล้อๆ
“ไม่เชื่ออย่ามาลาบลู่”
หญิงใหญ่หัวเราะขำ “ลบหลู่”
“เออนั่นแหละ ฉันสัมผัสได้ว่าท่านรองคือบัดเดอร์ของ แก ไม่เชื่อแกก็คอยดู”
ภรณีทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะทำงานตัวเอง ทิ้งให้หญิงใหญ่มองนมตาหมีแล้วครุ่นคิด
ทางด้านฮันนี่ก็กำลังใช้จอบขุดดินเพื่อเตรียมแปลงผัก โดยมีแก้วกัลยายืนคุมงานอยู่ข้างๆ
“ให้มันทะมัดทะแมงหน่อย ลำบากวันนี้ จะได้สบายในวันข้างหน้า”
“แต่ขี้เกียจวันนี้ เราสบายวันนี้เลยนะคะ” ฮันนี่เถียง
“หรา”
“ล้อแม็กน่า” ฮันนี่ทำหน้ากวน
“ล้อเล่น”
“แฮ่”
แก้วกัลยากับฮันนี่หันไปมอง ก็เห็นเฮงกับจางเดินออกมา
“แหม เจ้านายกับลูกน้อง เจ๊าะมุกเข้าขากันดีจริงๆ เลยแบบนี้มันน่าเปิดร้านอะไรน้า”
แล้วทั้งเฮงทั้งจางก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน “หมูกระทะ ฮา”
ทั้งคู่หัวเราะกันสนุกปาก แก้วกัลยาโกรธจนเถียงไม่ออกได้แต่ง้างปากจะด่า แต่ยังช้ากว่าจางที่พูดขึ้นมา
“เอ๊ะ เห็นเริ่มแปลงผักมาหลายวันแล้ว ยังไปไม่ถึงไหนเลยเนอะเฮีย”
“นั่นน่ะสิ มันจะไหวเร้อ”
ฮันนี่พูดสวนขึ้นมาทันที
“อ๋อ พอดีช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบน่ะยูโน๋ว์ ดัชนีแนสแดกก็ดิ่งลงตั้งสามเปอร์เซนต์”
จางทำหน้ามึน “แปลงผักมันเกี่ยวอะไรกับตลาดหุ้นมิทราบเคอะ”
“แล้วแปลงผักนี้มันจะคืบหน้าอะไรยังไง มันเกี่ยวอะไรกับพวกแกมั้ยล่ะเคอะ” ฮันนี่สวนกลับ
“โห มันว่าเฮียเสือกอะ”
จางหันไปมองเฮง
“มันว่าลื้อนั่นแหละ”
“ก็มันใช้คำว่าพวก มันก็ต้องรวมเฮียด้วยแหละ”
ฮันนี่ด่าฉอดๆ ต่อ “เออ ว่ายูทั้ง 2 ตัวนั่นแหละโว้ย หนอย ทำมาปากดี กลับไปทำมาหากินดีกว่ามั้ย”
เฮงจะด่ากลับ แต่พูดไม่ออก “นี่..”
ฮันนี่รีบตัดบท
“แก่ก็อยู่ส่วนแก่ ถ้าฟุ้งซ่านนักก็เข้าวัดสวดมนต์ซะบ้าง จิตใจจะได้สงบ ไม่ต้องมาคอยหาเรื่อง
ใครเค้าแบบนี้”
จางรีบสะกิดเฮง “เฮีย”
ฮันนี่หันขวับมาจ้องหน้า “ว่าใครเหี้ย รึจะเอา”
จางทำหน้าเซ็ง
“ฉันเรียกเฮียฉัน เฮียกลับก่อนเถอะ ของเค้าแรงจริง”
ฮันนี่เชิดหน้ายียวน
“แรงอยู่แล้ว พี่อยู่ของพี่ดีๆ อย่าให้พี่เฮี้ยน พี่พูดเลย”
เฮงกับจางพากันค่อยล่าถอยออกไป แก้วกัลยาหัวเราะร่า
“โห ปากแกนี่สุดยอดจริงๆ”
ฮันนี่ถึงกับเคลิ้ม ก่อนจะสะดุ้ง “เฮ้ย นี่ชมหรือด่าเนี่ย”
“ฉันนายแก” แก้วกัลยาทำเสียงดุ
“so sorry ค่ะ มันติดลมไปนิด”
แก้วกัลยามองไปที่บ้านเฮงแล้วยิ้มกริ่มสะใจ
เสี่ยชาญกำลังกินกับข้าวฝีมือตี๋เล็ก ที่คอยตักบริการให้เต็มที่
“ลองเมนูนี้ดูครับเสี่ย วัตถุดิบสดทุกอย่าง”
เสี่ยชาญลองชิม แล้วยกนิ้วชม “อร่อยสวดๆ”
“ปากเลอะครับเสี่ย เดี๋ยวผมเช็ดให้”
ตี๋เล็กรีบเอาผ้าเช็ดปากให้เสี่ยชาญ แล้วตักกับข้าวให้อีก
“อันนี้ก็อร่อยครับเสี่ย”
“อันนี้สวดยวดไปเลย” เสี่ยชาญชมเปาะ
“ปากเลอะครับเสี่ย เช็ดนิดนึง”
ตี๋เล็กเอาผ้าเช็ดปากให้อีก
“ขอบใจมาก บริการดีอย่างนี้เดี๋ยวอั้วติ๊บกระจาย”
ตี๋เล็กยิ้มร่า “ซดน้ำต้มจืดนิดครับ จะได้โล่งคอ”
ตี๋เล็กตักต้มจืดให้ แต่เผลอทำน้ำแกงหกลงพื้นโดนรองเท้าเสี่ยชาญ
“ไอ้หยา รองเท้าอั๊วเปื้อนหมดแล้ว”
“เดี๋ยวผมเช็ดให้ครับเสี่ย”
ตี๋เล็กรีบเอาผ้าเช็ดปากเช็ดรองเท้าให้เสี่ยชาญ จังหวะเดียวกับที่เฮงกับจางเดินเข้ามาหน้าตาหงุดหงิด หลังจากเถียงแพ้บ้านแก้วกัลยา
“เสียฟอร์มหมด ลื้อนี่พึ่งพาไม่ได้เลยอาจาง” เฮงทำหน้าบอกบุญไม่รับ
เสี่ยชาญหันมอง ก่อนจะพูดทั้งอาหารเต็มปาก “อะไรกันอีกล่ะ”
“กินอยู่อย่าเพิ่งพูดสิเสี่ย ปากเลอะอีกแล้วเนี่ย”
ตี๋เล็กรีบเอาผ้าเช็ดปากให้เสี่ยชาญ
“ขอบใจ วันนี้ลื้อบริการดีจริงๆ เอ๊ย! เดี๋ยวนะ เมื่อกี๊ลื้อใช้ผ้าผืนไหนเช็ดรองเท้าอั๊ว”
“ผืนนี้แหละครับ” ตี๋เล็กตอบหน้าตาเฉย
“ไอ้บ้า เช็ดรองเท้าแล้วมาเช็ดปากอั๊วเนี่ยนะ เกียนข้าวไม่ลงแล้วเนี่ย”
ตี๋เล็กหน้าจ๋อย “ขอโทษครับเสี่ย”
เฮงหันมาบอกจาง
“ต่อไปนี้ลื้อต้องฝึกด่าคนให้มากๆ นะอาจาง ถ้าลื้อเถียงสู้นังบ่าวบ้านนั้นไม่ได้ล่ะก็ ลื้อโดนตัดเงินเดือน”
จางเสียงอ่อย
“โห ด่าคนนะครับ ไม่ใช่ฟิตเนส ถึงจะหาที่ฝึกกันง่ายๆ”
เสี่ยชาญรีบบอก “ด่าคนไม่ยากหรอก มันสำคัญที่ฟิลลิ่ง”
“ยังไงครับเสี่ย”
“ใส่อารมณ์ไง บางทีคำไม่ต้องหยาบ แต่ถ้าใส่อารมณ์ มันก็เป็นคำด่าที่ดีได้ ลื้อดูนะ”
เสี่ยชาญพูดก่อนจะทำทีหันไปด่าเฮง
“ไอ้หน้าปลาเก๋าชนเขื่อน ไอ้ปากชักโครกไม่ได้ล้าง สมองสุนัขสติ ปัญญาบัฟฟาโล่ วันๆ เอาแต่หาเรื่องคนอื่น ไอ้หอกหัก”
เฮงรีบโบกมืห้าม “พอแล้วเสี่ย เข้าใจแล้วนะจาง”
จางพยักหน้ายิ้มๆ “อีกหน่อยก็ดีนะครับ”
“อีกหน่อยนี่มีเรื่องเลยนะ”
“มีเรื่องกับอาจาง?” เสี่ยชาญย้อนถาม
“กับมึงนี่แหละเสี่ย แหม ได้ทีนี่ด่าชุดใหญ่”
“อ้าว ถ้าขึ้นมึงแบบนี้ก็มีเลยแล้วกัน”
เฮงกับเสี่ยชาญทำท่าจะวางมวยกัน ตี๋เล็กกับจางต้องช่วยกันห้ามวุ่นวาย
หญิงใหญ่ออกจากห้องน้ำเดินมาที่โต๊ะทำงาน ก็เห็นโน้ตแปะอยู่บนแฟ้มงาน
“กลับบ้านดีๆ มีคนเป็นห่วงนะครับ”
หญิงใหญ่รีบหันมาถามภรณีที่นั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะข้างๆ
“เฮ้ย เมื่อกี๊แกเห็นใครมาที่โต๊ะฉันหรือเปล่า”
“ฉันไม่ทันสังเกตนะ เห็นแว้บๆ ว่ามีคนเอาแฟ้มมาวางที่ โต๊ะแก”
“ผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้หญิงนะ ทำไมเหรอ”
หญิงใหญ่โชว์โน้ตอันใหม่ ภรณีรับไปอ่าน
“กลับบ้านดีๆ มีคนเป็นห่วงนะครับ อั๊ยยะ ฮอตนะยะหล่อน”
“ฮอตอะไรล่ะ ก็แค่เกม”
“กลับบ้านก็ยังเป็นห่วงแบบนี้ เดี๋ยวไม่ใช่แค่เกมแน่ แกคอยดู”
ตี๋ใหญ่เดินออกจากห้องทำงาน พร้อมกับหิ้วนมตราหมี 1 แพคเตรียมจะกลับบ้าน ภรณีถามตาเชื่อม “จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ครับ มีธุระอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่า”
“ท่านรองดื่มนมหมีด้วยเหรอคะ น่ารักอ่ะ”
ตี๋ใหญ่ตอบยิ้มๆ “อ๋อ อันนี้ซื้อไปฝากเตี่ยน่ะครับ ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวนะครับ”
“เอาตัวไป แต่หัวใจทิ้งไว้แถวนี้ได้มั้ยคะ”
ภรณีทำหน้ากรุ้มกริ่ม ตี๋ใหญ่ยิ้มให้แล้วเดินออกไป หญิงใหญ่หันมามองเพื่อนแล้วยิ้มเยาะ
“หวาย แป๊กเลย”
“นี่ แกไม่สังเกตเห็นอะไรบ้างเลยเหรอ” ภรณีหันมาถาม
“สังเกตอะไร”
“ก็นมที่ท่านรองถือมาไง แบบเดียวกับที่แกได้วันนี้เป๊ะ”
“แหม เดินเข้าเซเว่นก็ซื้อได้แล้วป่ะ”
ภรณีมองค้อนเพื่อน
“ย่ะ ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ แต่ฉันมั่นใจว่าท่านรองน่ะเป็น บัดเดอร์แกแน่ๆ”
หญิงใหญ่เริ่มคิดตาม หรือว่าตี๋ใหญ่อาจจะเป็นบัดเดอร์เธอจริงๆ
หญิงเล็กทาบอกตกใจ หลังจากรู้ว่าหญิงใหญ่เล่นบัดดี้และต้องเทคแคร์ตี๋ใหญ่
“โอ้โห พนักงานบริษัทตั้งเยอะแยะไม่จับได้ มาจับเจอไอ้ตี๋ใหญ่ซะงั้น ซวยแท้”
“นั่นดิ ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแจ๊คพ็อตแบบนี้บ้างนะ”
“จะถูกได้ไง ก็พี่ไม่เคยซื้อหวย”
หญิงใหญ่ยิ้มรับ “เออว่ะ”
“พรุ่งนี้ก็ลองซักคู่สิ เผื่อจะถูกแจ๊คพ็อต”
หญิงใหญ่ทำหน้าเซ็ง “ไม่มีอารมณ์แล้ว เครียดอยู่เนี่ย ช่วยคิดหน่อยว่าเอาไงต่อดี”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ก็เล่นไปตามเกมนั่นแหละ”
“พี่กลัวเค้ารู้ว่าพี่เป็นคนเทคแคร์เค้าน่ะสิ”
หญิงเล็กรีบบอก “ถ้าไม่เทคแคร์นี่สิ เค้าถึงจะรู้ว่าเป็นพี่ ตามเกมไปก่อน เชื่อสิ”
“แต่สุดท้ายเค้าก็รู้อยู่ดีนะว่าเป็นพี่”
“รู้ตอนนี้เพราะไม่เล่นตามเกม และจะถูกมองว่าเป็นคนมีปัญหา กับเล่นไปตามเกมก่อน นอกจากจะไม่ถูกมองเป็นคนมีปัญหาแล้ว เผลอๆ อาจได้เชือดคนนิ่มๆ ด้วย”
หญิงใหญ่ทำหน้างง “คือไร ไม่เข้าใจ”
“พวกเล่นบัดดี้เนี่ย เห็นเคลิ้มกันมานักต่อนักแล้ว แล้วหน้าตาเราก็ขี้เหร่ซะเมื่อไหร่ หยอดให้เค้าเคลิ้ม แล้วก็หักอกเค้าในตอนจบ สนุกจะตาย”
หญิงใหญ่ครุ่นคิดตามคำแนะนำหญิงเล็ก แล้วทำหน้านิ่ง
อ่านต่อหน้า 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 6 (ต่อ)
ทางด้านตี๋เล็ก ก็กำลังนั่งกินมาม่าอยู่ในครัวกับหมวยเล็ก
“เป็นไง มาม่าสูตรพิเศษของเฮีย”
“สุดติ่งกระดิ่งแมวมาก ตอนเฮียคลอดนี่ คาบตะหลิวออกมาด้วยแน่ๆ”
ตี๋เล็กยิ้มอย่างภาคภูมิ “แม่บอกถือกระทะติดมือมาด้วยอีกใบ พูดถึงแม่แล้วก็คิดถึงเนอะ”
หมวยเล็กพยักหน้าหงึก
“พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้า แล้วใส่บาตรให้แม่กัน”
เฮงกำลังจะเดินเข้ามาในครัว พอได้ยินเสียงตี๋เล็กกับหมวยเล็กคุยกันก็หยุดฟัง
“ที่เฮียชอบทำอาหารอย่างทุกวันนี้ ก็เพราะแม่ปลูกฝัง แล้วก็สอนมาเลยนะ”
“อ้าว พูดแบบนี้เดี๋ยวเตี่ยรู้ก็งอนแย่หรอก”
“งอนอะไร เฮียพูดเรื่องจริง แม่นี่แหละ ที่ปูพื้นฐานการทำอาหารให้กับเฮีย”
“แต่เตี่ยก็ช่วยส่งเสริมเฮียอยู่นะ”
ตี๋เล็กหน้าสลด
“ก็แค่นิดๆหน่อยๆ เฮียไม่ใช่ลูกชายคนโตนะ ที่เตี่ยจะฝากความหวังอะไรไว้เยอะๆ ได้”
เฮงได้ยิน ก็รู้สึกสะดุดหูกับคำพูดของตี๋เล็ก
“เตี่ยเป็นคนหัวโบราณ ยึดติดกับธรรมเนียมเก่าๆ เฮียก็ให้เวลาเตี่ยหน่อยแล้วกัน”
เฮงได้ยินก็เริ่มฉุกคิด ว่าความเชื่อมั่นในตัวตี๋เล็กที่ตัวเองมีให้ มันน้อยเกินไปหรือเปล่า?
อีกด้านหนึ่งแก้วกัลยากับชายเล็กกำลังช่วยกันจัดซุ้มขนมจีนบุฟเฟ่ต์อยู่
“ไปโรงเรียนก่อนก็ได้นะลูก เดี๋ยวแม่จัดการเอง”
“ไม่เป็นไรครับแม่ ยังมีเวลา”
พอหญิงเล็กกับฮันนี่เดินเข้ามาในบ้าน แก้วกัลยาก็หันไปถาม
“เป็นไง แจกใบปลิวหมดมั้ย”
“ไม่เหลือค่ะแม่ เตรียมตั้งรับกองทัพลูกค้าที่จะมาไว้ได้เลย”
“ลูกค้าสนใจเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ”
ฮันนี่รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “แหม ของฟรีใครๆ ก็ชอบล่ะค่ะคุณนายขา ยูโน๋วว์”
แก้วกัลยามองอย่างหมั่นไส้
“เอิ่ม ฉันรำคาญสำเนียงแกมากเลย ยูโน๋วว์”
“เอิ่ม มันเป็นสไตล์อ่ะค่ะ ยูโน๋วว์”
“ถ้าแกยังยูโน๋วว์อีก เดี๋ยวได้หัวโนแน่”
แก้วกัลยาทำท่าจะเขกหัว ฮันนี่ถึงกับจ๋อย
“เรื่องฟรีไม่ต้องกังวล แม่จัดแค่เฉพาะขนมจีนพวกนี้เท่านั้นแหละ คงไม่เข้าเนื้อซักเท่าไหร่หรอก”
“แต่ถ้าคนมาเยอะ ก็หลายอยู่นะคะแม่” หญิงเล็กแอบกังวล
“แม่ดูๆ แล้วคนแถวนี้ก็ไม่มากไม่มายเท่าไหร่นะ แลกกับที่ให้คนรู้จักร้านเรา แม่ว่าคุ้ม”
ชายเล็กมองๆ ไปรอบๆ บ้านแล้วถามขึ้นมา
“เอ๊ะ แล้วพี่หญิงใหญ่ไปไหนครับเนี่ย ไม่เห็นเลย”
“อ๋อ คุณหญิงใหญ่ออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดแล้วล่ะค่ะ”
แก้วกัลยาตกใจ “หา ไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด?”
“yeh คงจะกลัวรถติดมั้งคะ Traffic jam อะไรอย่างนี้” ฮันนี่ลอยหน้าลอยตาตอบ
หญิงเล็กขมวดคิ้ว “ทุกทีก็ไม่เคยออกเช้าขนาดนี้นะคะ ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าทำไมหญิงใหญ่ถึงออกไปทำงานแต่เช้ามืด
ในออฟฟิศที่ยังไม่มีพนักงานมาทำงาน หญิงใหญ่นั่งหลับสัปหงกอยู่ที่โต๊ะ ภรณีเดินเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“มาเช้าไปเปล่าวะ”
คิดพลางเข้าไปสะกิดเรียก หญิงใหญ่สะดุ้งตื่นทำเป็นเปิดแฟ้มดูงาน
“นี่ ฉันเองย่ะ ไม่ต้องมาทำขยันตบตาหรอก”
หญิงใหญ่ถอนใจโล่งอก “โธ่เอ้ย นึกว่าใคร”
“นี่แกมาทำไมแต่เช้ายะ”
หญิงใหญ่รีบตอบ “อ้าว ก็มาทำงานน่ะสิ”
“ทำงานบ้าอะไร ฉันเห็นนั่งหลับ แล้วเมื่อกี๊ฉันเจอพี่ยาม เค้าบอกว่าแกเข้าออฟฟิศมาคนแรกเลย”
“ก็บอกแล้วไงว่ามาทำงาน เมื่อกี๊นี้ก็แค่พักสายตา”
ภรณีมองอย่างไม่เชื่อ
“หรา ได้ข่าวว่าวันนี้ร้านอาหารแกเปิดวันแรก ทำไมไม่อยู่ช่วยแม่แกซะหน่อย”
“แกนี่พูดไม่รู้เรื่องรึไง ก็บอกว่ารีบมาทำงาน เซ้าซี้น่า”
ภรณีมองค้อน “ย่ะ ไม่ยุ่งก็ได้”
พอภรณีเดินไปที่โต๊ะ ก็เจอช็อกโกแล็ตและกระดาษโน้ตเขียนว่า
“มอร์นิ่งครับ Have a nice dayนะ”
ภรณีทำหน้างง “เฮ้ย แกเห็นใครเอาช็อกโกแล็ตมาวางโต๊ะฉันมั้ยอ่ะ”
หญิงใหญ่ส่ายหน้า
“ไม่นะ ก็ไหนแกว่าพี่ยามบอกฉันมาคนแรกไง”
“รึว่าแกคือบัดเดอร์ฉัน”
หญิงใหญ่แกล้งทำหน้ายั่ว “ไม่เอา ไม่พูด”
“ชะนี อ้าปากฉันก็เห็นลิ้นปี่แล้ว”
หญิงใหญ่รีบพูดแก้ให้ “ลิ้นไก่”
“กับเพื่อนอย่างแก ฉันเห็นถึงลิ้นปี่เลยแหละ แกไม่ใช่บัดเดอร์ฉันหรอก”
พอตี๋ใหญ่เดินเข้ามาในออฟฟิศ ภรณีก็กระดี๊กระด๊าเข้าไปทักทาย
“กุดมอนิ่งค่า”
“มอนิ่งครับ”
ภรณียิ้มหวาน “มาแต่เช้าเลยนะคะท่านรอง”
“พอดีมีงานค้างอยู่เยอะน่ะครับ เดี๋ยวผมขอตัวไป ทำงานก่อนนะ แฮฟ อะ ไนซ์ เดย์”
ตี๋ใหญ่พูดแล้วเดินไปห้องทำงานไป ภรณียืนอึ้ง ก่อนจะหยิบการ์ดขึ้นมาอ่านอีกรอบ
“มอรนิ่งครับ แฮฟ อะ ไนซ์ เดย์ เป๊ะเลย หรือท่านรองจะเป็นบัดเดอร์ชั้นอ่ะแกร แอร๊ย”
หญิงใหญ่หน้าเจื่อนๆ ตื่นเต้นที่ตี๋ใหญ่จะเข้าไปเห็นของที่ตัวเองวางไว้ให้
นมตราหมีพร้อมกับการ์ดบนโต๊ะทำงาน “เหนื่อยก็พัก รักษาสุขภาพบ้างนะคะ :) ”
ตี๋ใหญ่เปิดประตูเข้ามา ก่อนจะตรงเดินเข้ามาหยิบนมและอ่านการ์ดขึ้นมาอ่าน แล้วก็อมยิ้มน้อยๆ
ครุ่นคิดว่าเป็นของใคร
ตี๋เล็กกับเฮงช่วยกันจัดเก้าอี้ภายในร้าน เฮงหันไปมองรอบๆ ร้านอย่างสงสัย
“เอ๊ะ นี่ก็สายแล้ว ทำไมลูกค้ายังไม่เข้าซักคน”
“นั่นสิเตี่ย มันเงียบๆ ยังไงอยู่นะ”
จางเดินเข้ามา พร้อมกับทำเสียงจังหวะกลองจังหวะกีฬาสี
“ตึ่ง ตึ่งๆ โป๊งๆ ตึ่ง ตึ่งๆ โป๊งๆ ตึ่ง ปะโล๊งๆ ปะโล๊ง โป๊งตึ่ง”
เฮงถึงกับเคลิ้ม เผลอเต้นไปกับจาง
“ยังๆ”
จางรีบทำเสียงต่อ “อ่ะ งั้นยาวไป ตึ่ง ตึ่งๆ โป๊งๆ”
“ถุย”
จางทำหน้างง “อ้าว ไมล่ะเฮีย ไหนบอกยังไม่ให้หยุด”
“อั๊วหมายถึงยังไม่หยุดอีก มึงจะไปแข่งกีฬาสีที่ไหนเหรอ”
“ก็เห็นบ่นกันว่าร้านเงียบๆ ผมก็เลยบิ้วไม่ให้เงียบนี่ไง”
ตี๋เล็กรีบบอก “ผมหมายถึงลูกค้า ไม่ใช่บรรยากาศ”
“อ๋อ มันก็ต้องเงียบเป็นธรรมดาแหละครับ ก็บ้านข้างๆ เราเค้าจัดโปรโมชั่นฉลองเปิดร้านอยู่”
เฮงถามต่ออย่างสงสัย “โปรโมชั่นอะไร”
“โปรโมชั่นขนมจีนบุฟเฟ่ต์ฟรีครับเฮีย”
“อั๊ยยะ บุฟเฟต์ไม่พอ ฟรีอีกต่างหาก”
ตี๋เล็กหน้าเครียด “จัดโปรแรงแบบนี้ ตั้งใจกระตุกหนวดเราชัดๆ”
“ผมว่าวันนี้เราเงียบทั้งวันแน่ๆ เฮีย”
“เฮ้ย สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารสิวะ”
เฮงหัวเราะมั่นใจสุดๆ จางยิ้มร่า
“นี่เฮียมีวิธีแก้เกมแล้ว?”
“สุดยอดอ่ะเตี่ย”
เฮงทำหน้าจ๋อย “ยัง ขอคิดแป๊บ”
ตี๋เล็กกับจางถอนหายใจพร้อมกัน “เฮ้อ” ส่วนเฮงก็ครุ่นคิดหาวิธีแก้เกม
แก้วกัลยายกชมต้มจืดลูกรอก เดินมาพร้อมกับหญิงเล็กที่ยกถ้วยน้ำพริกกะปิมาเสิร์ฟที่โต๊ะของเสี่ยชาญ
“อาหารที่สั่งค่ะเสี่ย ต้มจืดลูกรอก อาหารไทยแท้หากินยากนะคะเนี่ย”
“นี่น้ำพริกกะปิค่ะ ครบนะคะ”
เสี่ยชาญยิ้มให้ 2 แม่ลูก “ถั่วต้ม”
“เอาถั่วอะไรดีคะ ถั่วฝักยาว ถั่วพู”
“เอาถั่วพูล่ะกัน ถุย! อั๊วหมายถึงถั่วต้ม ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องน่ะ”
หญิงเล็กพยักหน้าเข้าใจ “อ๋อ ขอประทานทวดค่ะเสี่ย”
จังหวะนั้นเฮงกับตี๋เล็กก็เดินเข้ามาในร้าน
“ได้ข่าวว่าวันนี้มีขนมจีนบุฟเฟ่ต์ฟรีเหรอจ๊ะ”
แก้วกัลยาหันไปมอง พร้อมกับถลึงตาใส่
“เฮ้ย ใครเคาะกาละมังเรียกแกสองคนเข้ามาเนี่ย”
เสี่ยชาญรีบบอก “ไม่มีใครเคาะ อั๊วเคาะให้ก็ได้”
พูดพลางเคาะจานข้าวเหมือนเคาะเรียกหมา เฮงเผลอตัวหอนรับ
“บรู๋วว์ เฮ้ย! อั๊วไม่ใช่หมา”
“ออกไปเลย ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย” หญิงเล็กตะคอกใส่ตี๋เล็ก
“อ้าว ผมก็ลูกค้านะคุณ นี่ร้านคุณแบ่งแยกลูกค้าด้วยเนี่ย ตายแล้ว”
ตี๋เล็กพูดเสียงดัง จนลูกค้าในร้านเริ่มหันมามอง แก้วกัลยามองลูกค้าก็กลัวว่าจะเข้าใจผิด
เฮงได้โอกาส รีบพูดเสียงดังกว่า
“เราคงจนน่ะลูก คงไม่มีเกียรติพอที่จะกินร้านหรูๆ แบบนี้หรอก”
แก้วกัลยาจำต้องกัดฟันพูด “นี่ ไม่ต้องพูดมาก อยากกินก็นั่งเลย”
หญิงเล็กรีบสะกิดเตือน “แม่”
แก้วกัลยารีบกระซิบบอก
“ดูสิ ลูกค้ามองกันใหญ่แล้ว แม่ไม่อยากให้ลูกค้าเข้าใจว่าร้านเราแบ่งแยกลูกค้ามันไม่ดี”
“สรุปผมนั่งได้รึยังครับ” ตี๋เล็กถามย้ำ
หญิงเล็กกัดฟันพูดตอบ “นั่งไปสิ ใครไปรั้งนายไว้ล่ะ”
จากนั้นเฮงกับตี๋เล็กก็ลงนั่งร่วมโต๊ะกับเสี่ยชาญ
“ขนมจีนอยู่ด้านโน้น บริการตัวเองนะคะ”
แก้วกัลยามองค้อน ก่อนจะเดินนำหญิงเล็กเดินออกไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่น
เฮงยิ้มกริ่มมีแผนการบางอย่าง เสี่ยชาญมองอย่างรู้ทัน
“ยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าเนี่ย”
เตี่ยกับลุกพูดขึ้นพร้อมกัน “ไม่มี้”
พนักงานเดินเรียงกันเข้ามาในออฟฟิศหลังกลับจากพักเที่ยง หญิงใหญ่เดินมาพร้อมกับภรณี พอมาถึงโต๊ะ ก็เห็นดอก Forget me not วางอยู่ พร้อมกับโน้ต
“ยินดีกับการเปิดร้านอาหารด้วยนะครับ :)”
ภรณีอุทานเสียงดัง “ดอก”
หญิงใหญ่ตกใจ คิดว่าโดนด่า “หา”
“เปล่า ฉันไม่ได้ด่าแก ฉันนึกไม่ออกว่ามันคือดอกอะไร”
“ตกใจหมด นี่ดอก Forget me not”
ภรณีหยิบการ์ดมาอ่าน
“ยินดีกับการเปิดร้านอาหารด้วยนะครับ เฮ้ย รู้ได้ไงว่าแกเปิดร้านอาหารวันนี้”
หญิงใหญ่ทำหน้างง “รู้เรื่องเปิดร้านไม่เท่าไหร่ แต่รู้ได้ไงว่าชั้นชอบดอก Forget me not”
“แสดงว่าเค้าคนนี้ต้องสนใจแกมาสักพักแล้วนะ ถึงได้รู้ว่าแกชอบดอก Forget me not”
หญิงใหญ่คิดหนัก พยายามเดาในใจว่าเป็นใคร ระหว่างนั้นตี๋ใหญ่ก็เดินออกจากห้องพร้อมกับคุยโทรศัพท์
“ครับ ดอกไม้ที่สั่งได้แล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ”
พูดจบก็เดินผ่านไป ภรณีหันมาทางหญิงใหญ่ทันที
“แกได้ยินเหมือนฉันมั้ย ท่านรองโทรสั่งดอกไม้ ซึ่งอาจจะเป็นช่อนี้”
หญิงใหญ่ส่ายหน้าอย่างไม่อยากปักใจ “เค้าอาจจะสั่งให้คนอื่นก็ได้ คงไม่ใช่ช่อนี้หรอก”
“แต่เค้าอยู่ข้างบ้านแก แล้วเค้าก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันเปิด ร้านอาหาร”
หญิงใหญ่คิดหนัก สงสัยว่าตี๋ใหญ่จะเป็นบัดเดอร์ตัวเองจริงหรือเปล่า ส่วนภรณีหน้าจ๋อย
“โอ๊ย สรุปท่านรองเป็นบัดเดอร์แก ไม่ใช่ฉันเหรอเนี่ย”
ทางด้านเฮงกับตี๋เล็กที่นั่งกินขนมจีนอยู่ที่โต๊ะเสี่ยชาญ ส่วนแก้วกัลยากับหญิงเล็กคอยดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นอยู่
“ขนมจีนหมดเติมได้นะคะ แต่ห่อกลับบ้านไม่ได้น้า”
เฮงรีบถามทันที “ขนมจีนอร่อยมากเลย ทำเยอะหรือเปล่าครับเนี่ย”
“มีพอสำหรับทุกคนแหละค่ะ แต่ถ้าหมดเดี๋ยวฉันทำเพิ่มให้”
ตี๋เล็กรีบพูดแทรกขึ้นมา
“ทำเพิ่มเตรียมไว้เลยก็ดีนะครับ เผื่อลูกค้าจะมาเพิ่ม”
หญิงเล็กมองเย้ยๆ “มาเพิ่มก็พออยู่แล้วล่ะค่ะ ร้านเราเตรียมตัวกันดี”
พลันแก้วน้ำบนโต๊ะก็สั่นเหมือนมีแผ่นดินไหว เสี่ยชาญร้องลั่น
“เฮ้ยๆ แผ่นดินไหวเหรอวะเนี่ย”
“เออ พื้นสะเทือนเลยเสี่ย” เฮงหันไปตอบ
ทุกคนในร้านเริ่มตื่นตระหนก มองหน้ากันเลิ่กลั่ก พร้อมกับกลุ่มชาย-หญิงอ้วนมากเดินกรูเข้ามาในร้าน แก้วกัลยากับหญิงเล็กถึงกับอึ้ง
“เอ่อ นี่มันมหกรรมอะไรกันคะแม่”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะมาผิดร้านก็ได้มั้งลูก”
หญิงอ้วนรีบยกมือไหว้เฮง “สวัสดีค่ะเฮียเฮง”
“สวัสดีๆ หาโต๊ะนั่งกันตามสบายเลยนะ”
ตี๋เล็กรีบผายมือเชิญ
“ครับ ขนมจีนบุฟเฟต์ฟรี ตักกันได้เลย อร่อยมากๆ”
กลุ่มชาย-หญิงอ้วนรีบกรูไปรุมตักขนมจีน แก้วกัลยาทำหน้างง
“นี่มันอะไรกัน แกรู้จักคนพวกนี้เหรอ”
“ก็รู้จักบางคนน่ะช พอดีเห็นวันนี้ลื้อเปิดร้านแล้วก็มีโปรโมชั่นเรียกลูกค้า อั๊วก็เลยช่วยส่งข่าวให้พากันมากิน”
หญิงเล็กตกใจ “แต่นี่ไม่ใช่คนแถวนี้เลยนะ”
ตี๋เล็กยิ้มขำ “แหม เค้าก็เป็นคนทุกที่แหละครับ”
“ฉันหมายถึงไม่ใช่คนละแวกนี้ แถมอ้วนกันทุกคนแบบนี้ นายจงใจพามาแกล้งฉันชัดๆ”
“ใช่ นี่แกล้งกันนี่หว่า”
เฮงรีบหันไปหาเสี่ยชาญ แกล้งทำหน้าเศร้า
“ดูสิเสี่ย ผมอุตส่าห์เรียกลูกค้ามาให้ก็มองผมแง่ร้าย แบบนี้ ต๊อแต๊นะเนี่ย”
เสี่ยชาญถอนหายใจ “แหม เรื่องนี้อั๊วไม่ยุ่งแล้วกัน ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ”
แก้วกัลยากับหญิงเล็กมองกลุ่มคนอ้วนกินขนมจีนด้วยสีหน้าหนักใจ ตรงข้ามกับเฮงกับตี๋เล็ก ที่ยิ้มกริ่มกัน 2 คน เสี่ยชาญส่ายหน้าแบบเซ็งๆ
แก้วกัลยากดเครื่องคิดเลขไปก็กุมขมับไป หญิงเล็กกับชายเล็กนั่งมอง ฮันนี่ยกน้ำขิงมาเสิร์ฟ
“น้ำขิงร้อนๆ ค่ะ”
แก้วกัลยาหน้าเครียด
“โอ๊ย นาทีนี้ขอซดน้ำยาล้างห้องน้ำแทนได้มั้ย”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูไปหยิบมาให้”
“ฉันประชด”
ฮันนี่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ประชดไม่มี เอาปลาช่อนแทนมั้ยคะ”
แก้วกัลยาคว้าเครื่องคิดเลขขึ้นมา ทำท่าจะปา
“เดี๋ยวจะปาหัวแกนี่แหละ คนยิ่งเครียดๆ อยู่”
“ก็เห็นเครียดนี่แหละ เลยหยอกให้หายเครียด why so serious?”
ชายเล็กมองฮันนี่ยิ้มๆ “พี่สมควรนี่ก็ดีนะแม่”
“Stop เรียกพี่ว่า ฮันนี่ โอเค้”
“โอเค ถึงพี่ฮันนี่จะทำอะไรไม่เรื่องสักอย่าง แต่เรื่องฮานี่พึ่งได้เลย”
ฮันนี่หน้าเหรอ “ชมชิมิคะ”
“ชมสิพี่ จากใจเลย”
จังหวะนั้นหญิงใหญ่กลับจากที่ทำงานเดินเข้ามา ในมือถือดอก Forget me not มาด้วย
“จับกลุ่มกันพร้อมหน้าแบบนี้ วันนี้ขายดีแน่ๆ เลย”
หญิงเล็กรีบหันไปบอก “ขายดีอะไรล่ะ เข้าเนื้อไปตั้งเยอะ”
“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะแม่”
แก้วกัลยาหน้าเครียด
“ก็ไอ้บ้านนั้นน่ะสิ แม่อุตส่าห์จัดโปรโมชั่นเรียกแขก มันดันขนคนอ้วนจากไหนไม่รู้มาถล่มร้านเราน่ะ”
ฮันนี่ช่วยพูดเสริม
“ใช่ มากันอย่างกับโขลง Elephan ลงกินดินโป่งอย่างนั้นแหละ คุณนายก็ไม่น่าให้พวกนั้นกินกันตั้งแต่แรก”
“เราเลือกปฏิบัติไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นลูกค้าคนอื่น เค้าจะมองเราไม่ดีอีก”
“ก็ถือว่าเจ๊ากันไปแล้วกันค่ะ ลืมไปแล้วเหรอ ว่าแม่กับหญิงเล็กเคยไปกระตุกหนวดเค้ามาทีนึง”
แก้วกัลยาค้อนใส่ลูกสาวคนโต
“ย่ะ เป็นทนายฝ่ายโน้นรึไงไม่ทราบ ถึงได้แก้ต่างให้กันซะเหลือเกิน”
“เข้าตัวอีกล่ะ ไม่คุยด้วยดีกว่า”
หญิงใหญ่รีบเดินออกไป ชายเล็กตะโกนแซวไล่หลัง
“แหม เดี๋ยวนี้มีดอกมงดอกไม้นะ”
อีกด้านหนึ่งเฮงกับตี๋เล็กหัวเราะอย่างสะใจ ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กนั่งมองแบบงงๆ เฮงหัวเราะจนสำลักน้ำลายหายใจแทบไม่ทัน
“เอ้าๆ ไหวมั้ยเตี่ย”
“สงสัยมีคนบ่นถึงอั๊วแน่ๆ”
ตี๋เล็กรีบบอก “ชั่วโมงนี้จะมีใครได้เตี่ย ถ้าไม่ใช่แม่ลูกบ้านนั้น”
เฮงหัวเราะร่วน
“โดนอั๊วเอาคืนซะเจ็บแสบขนาดนั้น มันก็ต้องบ่นถึงเป็นธรรมดา”
ตี๋ใหญ่รีบปราม
“พอเถอะเตี่ย ถ้าแกล้งกันไปแกล้งกันมาแบบนี้ อั๊วว่าเสียเวลาทำมาหากินกันเปล่าๆ”
หมวยเล็กเห็นดีด้วย
“นั่นสิ หมวยก็ว่าเสียเวลาเปล่าๆ ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย”
“ได้ความสะใจไง อาหมวยเล็ก”
เฮงหันมาตอบ ตี๋เล็กรับผสมโรง
“ใช่ แล้วเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ เค้าต่างหากที่เปิดศึกกับเรา”
ตี๋ใหญ่ส่ายหน้า ไม่เห็นด้วย
“แต่ถ้าเราหยุด เค้าก็อาจจะหยุดนะตี๋เล็ก”
“อะไรเนี่ยเฮีย เฮียตั้งใจสมานฉันท์แบบนี้ จะเอารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพรึไง”
ตี๋ใหญ่พูดแบบจริงจัง
“เฮียอยากให้โลกของเรามีแต่ความ สันติสุข ทุกคนบนโลกใบนี้ ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”
เฮงแกล้งมองลูกชายคนโต สีหน้าเครียด
“แล้วปัญหาเด็กเร่ร่อนที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ คุณคิดจะแก้ปัญหานี้ยังไงครับ”
“ต้องขอออกตัวเลยว่ารักเด็กมาก ปัญหานี้เราแก้ได้โดยทุกฝ่ายต้องบูรณการร่วมกัน เย้ย! ไม่ได้ประกวดนางงามนะเตี่ย”
เฮงหัวเราะขำ
“แหม ก็ตอบอย่างกับประกวดนางงาม”
“อั๊วมั่นใจว่าถึงเราจะหยุด เค้าก็ไม่มีทางหยุดอยู่ดี” ตี๋เล็กพูดอย่างมั่นใจ
“ใช่ องคุลีมาลกว่าจะหยุดทำชั่วได้ก็ฆ่าคนไปตั้งเก้า ร้อยเก้าสิบเก้าคน ศึกนี้เพิ่งจะเริ่มต้นไม่กี่วัน
ไม่มีใครหยุดง่ายๆ หรอก”
เฮงหันมาพยักเพยิดกับลูกชายรอง
“ใช่ เราจะหยุดก็ต่อเมื่อได้บ้านหลังนั้นมาเป็นของเรา เตี่ยจะได้ขยายร้านอย่างที่ตั้งใจได้ซะที”
“ดีมากอาตี๋เล็ก ลื้อกับอั้วนี่นับวันจะเข้าขากันมากขึ้นแล้วนะเนี่ย”
เฮงตบไหล่ชื่นชม ตี๋เล็กก็ดีใจที่เตี่ยเริ่มเห็นคุณค่า ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กก็มองหน้ากันอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
หญิงใหญ่เดินเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะเอาดอก Forget me notใส่แจกันวางที่โต๊ะริมหน้าต่าง พลางมองไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามที่ปิดม่านปิดไฟอยู่สลับกับมองดอกไม้
“นิ่งๆ บื้อๆ แบบนั้นไม่น่าเป็นคนโรแมนติก คงไม่ใช่หรอก”
พลันไฟที่ห้องตี๋ใหญ่ก็เปิดสว่างโร่ หญิงใหญ่รีบปิดม่าน กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็น แต่ไม่วายแง้มม่านไปแอบดู ก่อนจะปิดม่านและสงสัยตัวเอง
“ไปสนใจเค้าทำไมเนี่ย แล้วพูดคนเดียวทำไมเนี่ย อย่างกับนางเอกละคร โวะ”
หญิงใหญ่รำพึงแบบงงๆ กับตัวเอง
ทางด้านตี๋ใหญ่ก็เอานมกับกระดาษข้อความวางบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาดู แล้วก็มองไปที่ห้องหญิงใหญ่พร้อมกับครุ่นคิด
“แข็งกระด้างแบบนั้น คงเขียนอะไรดีๆ แบบนี้ไม่เป็นหรอก”
คิดพลางเอากระดาษโน้ตใส่ลิ้นชัก แล้วปิดสนิท
แก้วกัลยาปิดสมุดบัญชีแล้วกุมขมับเครียด โดยมีหญิงเล็กนั่งรวมบิลอยู่ข้างๆ
“อย่าเครียดค่ะแม่ เพิ่งวันแรกเอง”
“แม่ไม่ได้เครียดเรื่องยอดขายหรอกลูก”
หญิงเล็กมองแม่อย่างข้องใจ “อ้าว แล้วเครียดเรื่องอะไรคะ”
แก้วกัลยายังไม่ทันตอบ ฮันนี่ก็เดินเข้ามาพร้อมที่ขัดห้องน้ำกับน้ำยาล้างห้องน้ำ
“ก็เครียดเรื่องที่โดนบ้านโน้นแกล้งล่ะสิคะ”
พูดแล้วก็ยื่นน้ำยาล้างห้องน้ำให้แก้วกัลยา “ สักจิบมั้ยคะ..แก้เครียด”
แก้วกัลยารับมาทำท่าจะดื่ม
“ขอบใจ อ๊าย นี่คอคนนะ ไม่ใช่คอ ห่าน บ้าเหรอ เอาคืนไป”
ฮันนี่รับขวดน้ำยาล้างห้องน้ำจากแก้วกัลยา หญิงเล็กรีบหันไปพูดปลอบแม่
“ใจเย็นค่ะแม่ เครียดไปก็พาลให้คิดหาวิธีเอาคืนไม่ได้นะคะ”
ฮันนี่เข้ามากอดคอ 2 แม่ลูก
“ถูกค่ะ คนเดียวหัวหาย 2 คนเพื่อนตาย 3 คน สบายๆ เปิดไวน์กินกันชิลล์ๆ ดีกว่า ไม่ต้องคิดมาก”
แก้วกัลยามองค้อน “ลามปามแล้วนังนี่”
ฮันนี่ยิ้มเจื่อน “just kidding ค่า”
“ไอ้เฮง แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่”
แก้วกัลยาพูดอย่างแค้นเคือง และจะหาทางเอาคืนเฮงอย่างสาสม
อ่านต่อตอนที่ 7