ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 11
จำเรียงกับสมควรกลับมาจากงานศพบุญถิ่นด้วยความเศร้าหมอง สมควรเชื่อว่าเป็นการกระทำของชิดชบาจริงๆ
“ลุง อย่าคิดอะไรมากเลยนะ ไหนๆ น้าบุญถิ่นก็ตายแล้ว พวกเราซีต้องอยู่ต่อ ฉันก็ไม่รู้จะทำใจยังไง ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า”
“ข้าก็ไม่อยากเชื่อ ว่าคุณชิดชบาจะใจร้ายใจโหด เสียแรงข้ารัก ข้าอยู่ฝ่ายคุณชิดชบามาตลอด ทำไมถึงต้องฆ่ากันอย่างนี้ แล้วไหนลูกของบุญถิ่นอีกล่ะ ไม่รู้เด็กจะเป็นยังไง”
“ลุง ตำรวจเขาแค่จับตัวคุณชิดชบาไป แต่ยังไม่มีการพิสูจน์กันในศาลนะ คุณชิดชบาเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย”
“เอ็งจะเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรก็ช่างเถอะ แต่ข้าเห็นผู้หญิงคนนี้เป็นคนสั่งฆ่าบุญถิ่น”
“คุณชิดชบาก็บอกว่าคืนนั้นคุณชิดชบาไปเที่ยวผับ”
“ใครจะไปรู้ อาจจะมีคนร่วมด้วย ทำไปทำไมน่ะหรือ ไหนจะเรื่อง เจ้านายแต่งงาน ไหนจะเรื่องบ้าน ไหนจะเรื่องสัญญาบ้าบอนั่นอีกล่ะ มันชวนคิดทั้งนั้นว่าคุณชิดชบาฆ่า แล้วเอ็งจะให้ข้าคิดยังไง”
จำเรียงนิ่งอึ้งไป
ที่เรือนจำ ผู้คุมหญิงนำหนังสือมาส่งให้ชิดชบา
“มีคนฝากหนังสือไว้ให้คุณ”
ชิดชบาจับมาลูบคลำ พึมพำเบาๆ
“ธวัชพงษ์”
ชิดชบาพลิกปกหนังสือ เป็นหนังสือธรรมมะชื่อ “คู่มือมนุษย์” ของท่านพุทธทาสภิกขุ
ตลับนาคเดินลงมาส่งเฉวียงที่รถ จำเรียงชำเลืองมองกิริยาของตลับนาคและเฉวียงด้วยท่าทีหวั่นๆ เพราะเธอเริ่มลังเล กับความรู้สึกที่มีต่อชิดชบา
“ฉันแล้วแต่คุณเฉวียง เพราะฉันเองก็คิดอะไรไม่ออก คุณเถาว์เครือร้องคัดค้านการประกันตัว ก็มีเหตุที่ฟังได้อยู่ แล้วนี่หลานของฉันจะต้องอยู่ในคุกอีกนานแค่ไหน”
“ผมกำลังหาทางสู้คดีอยู่ครับ ที่คุณหนูอ้างว่าออกจากบ้านไปเที่ยวผับ คนที่นั่นก็เยอะคงไม่มีใครจำใครได้ หรือยืนยันเป็นพยานได้”
“ถ้าอย่างนั้นหลานของฉันก็คงจะลำบากซีนะ”
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ คุณตลับนาค”
“ช่วยด้วยเถอะ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะพึ่งได้ นอกจากคุณเฉวียง”
“ครับ ผมลาล่ะครับ”
เฉวียงขับรถออกไป จำเรียงถามเสียงแผ่ว
“ไม่จริงใช่มั้ยคะคุณป้า เรื่องที่คุณชิดชบาสั่งฆ่าน้าบุญถิ่น คุณชิดชบาไม่ได้สั่งฆ่าปิดปากน้าบุญถิ่นใช่มั้ยคะ”
ตลับนาคหันมาสบตาจำเรียงด้วยความหวั่นกลัว
“ฉันไม่รู้ มันเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันในศาล ตอนนี้ใครจะเชื่อยังไงก็เชื่ออย่างนั้นเถอะ แม้แต่ฉันเอง”
“เอ่อ หนู”
แพรววาเดินเข้ามา ด้วยกิริยาสุภาพและเป็นมิตร
“คืนนี้ฉันจะนอนกับโสมสุภางค์ค่ะ ฉันเป็นหมอ แล้วก็เป็นเพื่อนโสมสุภางค์ค่ะ”
“คุณต้องขออนุญาตคุณนายเถาว์เครือ หรือไม่ก็คุณปฐวี ฉันอนุญาตคุณไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนอื่น”
“คุณเถาว์เครือไม่อยู่บ่อยๆ หรือคะ”
ตลับนาคและจำเรียงหันไปสบตากัน จำเรียงชิงตอบ
“เป็นประจำค่ะ บางทีก็หายไปทั้งวัน บางวันก็หายไปทั้งคืน”
“คุณปฐวีเขากลับบ้านทุกวัน เร็วกว่าที่เขาเคยกลับ จะให้เปิดห้องใหม่ จัดผ้าเช็ดตัวให้มั้ยคะ คุณหมอจะรับประทานอะไรก็สั่งจำเรียงได้”
ตลับนาคเดินออกไป แพรวามองตลับนาคด้วยความรู้สึกที่ดี
“ฉันขอน้ำอุ่นๆ สักแก้วเถอะ จำเรียง”
“ค่ะ”
จำเรียงเดินออกไป แพรวามองรอบๆ ห้องโถงด้วยความกังวล
ชัยยงค์เดินลงมาส่งเถาว์เครือที่รถ ธวัชพงษ์กำลังเก็บเครื่องมือทำความสะอาด รีบเบี่ยงตัวหลบเพื่อจับสังเกตเถาว์เครือและชัยยงค์ เห็นชัยยงค์โอบเอวเถาว์เครือ
“ระยะนี้คุณควรอยู่กับโสมสุภางค์ให้มากๆ มีอะไรผมจะติดต่อไป”
“แต่ว่า”
“เราจะได้อยู่ด้วยกัน คุณกับผมจะได้เห็นหน้ากันทุกวัน แต่ตอนนี้เราต้องระวังตัว”
“ฉันไม่รู้ค่ะ ถ้าฉันไม่ได้พบคุณ ฉันจะอยู่ยังไง เรื่องมันชักจะน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ จนฉันไม่กล้าสู้หน้าโสมสุภางค์”
ชัยยงค์จูบที่เส้นผมของเถาว์เครือ
“ผมบอกแล้วไง ประสาทแข็งๆ ไว้ ชิดชบาเข้าคุกไปแล้ว อะไรๆ มันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ”
ธวัชพงษ์ขมวดคิ้ว จ้องมอง เพราะท่าทีของชัยยงค์และเถาว์เครือส่อพฤติกรรมชู้สาว
“ยอดรัก เชื่อผม”
“ค่ะ ฉันจะเชื่อคุณ ฉันไปนะคะ”
เถาว์เครือขับรถออกไป ชัยยงค์โบกมือ ยิ้มอย่างสังเวช ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“แกหรือ ฉันเบื่อพะโล้เต็มทีแล้ว ฉันต้องการอาหารสด รสแซ่บ”
ธวัชพงษ์แบะปากด้วยความรังเกียจ
ชิดชบาเอนกายลงนอนในเรือนจำหญิง เปิดหนังสือ “คู่มือมนุษย์” ออกอ่านจากไฟดวงไฟเล็กๆ ก่อนปิดหนังสือลง เพราะความคิดที่สับสนวุ่นวาย ผู้คุมเดินเข้ามาตรวจความเรียบร้อยภายในเรือนนอนของนักโทษหญิง เมื่อผู้คุมเดินผ่านไปแล้ว ชิดชบาจึงลุกขึ้นนั่ง กอดเข่า กลัดกลุ้ม
คืนนั้น แพรวาเปิดประตูห้องงานปั้นเข้ามา เดินสำรวจไปรอบๆ ก่อนหยุดลงหน้างานปั้นบู้บี้ของชิดชบา เธอจ้องมอง ค่อยๆ เอื้อมมือออกไป แต่ชะงัก เมื่อปฐวีเดินเข้ามา
“ผมเพิ่งรู้จากพยาบาลว่าคุณค้างที่นี่”
“ค่ะ ไม่มีใครขอร้องฉันหรอกค่ะ แต่ฉันเสนอตัวเองมาอยู่เป็นเพื่อนโสมสุภางค์ ตอนนี้โสมสุภางค์หลับไปแล้ว”
“ผมดีใจที่โสมสุภางค์มีเพื่อน คงดีกว่าอยู่กับพยาบาลพิเศษ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”
เถาว์เครือเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่พอใจ
“แต่ฉันเห็นว่าไม่จำเป็น ลูกของฉัน ฉันดูแลได้ หมอแพรวาเป็นคนอื่น ไม่ได้เป็นหมอสาขาโรคหัวใจสักหน่อย”
“คุณแม่”
“ผมกลับเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะคุณแม่เองก็ไม่ได้อยู่เฝ้าโสมสุภางค์ทุกวันไม่ใช่หรือครับ”
“เอ่อ”
“เชิญตามสบายนะครับคุณหมอแพรวา ผมขอตัวไปอาบน้ำ แล้วจะไปดูโสมสุภางค์”
ปฐวีมองหน้าเถาว์เครือด้วยแววตาเหมือนรู้ทัน ก่อนเดินออกไป เถาว์เครือหลบตาแพรวา แกล้งใช้ความโกรธเกลื่อนพิรุธของตนเอง
“นี่ จะพูดกันไม่รู้เรื่องจริงๆ หรือ ฉันบอกตรงๆ ก็ได้ ฉันไม่ต้องการให้หมอเข้ามายุ่งกับลูกของฉัน หวังดีน่ะขอบใจ แต่นี่ไม่ใช่โอกาสที่หมอจะมาฉวยเอาไปดื้อๆ”
“คุณแม่หมายถึงอะไรคะ”
“ปฐวีน่ะ เขาร่ำรวยเหลือใช้ ผู้หญิงจ้องจะจิกเขาตาเป็นมัน ว่าได้หรือ หมอแพรวาก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่จ้องจะฉกเขาจากลูกสาวของฉันก็ได้”
“คุณแม่”
“ไปซะ แล้วปล่อยให้แม่ลูกรักกัน คนอื่นหวังดีต่อโสมสุภางค์ ไม่เท่าแม่หวังดีกับลูกหรอก ไม่อย่างนั้นฉันจะคิดว่าคุณเข้ามาอยู่ในบ้านนี้เพื่อแย่งผัวลูกสาวของฉัน”
แพรวาตกใจ
ตอนเช้า ชิดชบาถือถาดอาหารยืนอยู่ในแถวรอรับอาหาร ผู้คุมตักอาหารใส่ถาด ต่างเดินออกไปหาที่นั่ง
ทอมคนหนึ่งยื่นปลายเท้าเข้ามาขัดขาชิดชบาล้มลง ถาดอาหารกระจาย
ชิดชบากับทอมคนนั้นต่างก้าวออกมาเผชิญหน้ากัน ชิดชบาเป็นฝ่ายโจนเข้าหา ทั้งสองต่อสู้กันจนล้มกลิ้งไปกับพื้น นักโทษหญิงที่เคยเกรงกลัวทอมจ้องมองด้วยความแปลกใจ ก่อนขยับถอยออกไป ต่างแยกออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ เสียงเป่านกหวีดดังขึ้น ผู้คุมทั้งชายและหญิงเข้ามาระงับเหตุวิวาท ผู้คุมชายกระชากตัวทอมออกไป ทอมมองด้วยแววตาอาฆาตแค้น ชี้หน้าชิดชบา
“มึง ตาย”
ผู้คุมหญิงดึงลากตัวชิดชบาแยกออกไป ชิดชบาสะบัดหลุดจากผู้คุมหญิง ทอมสะบัดหลุดจากผู้คุมชาย
ต่างวิ่งเข้าหากัน นักโทษที่แยกออกเป็นสองฝ่าย ต่างวิ่งเข้าหากัน ต่อสู้ตบตีกันเป็นพัลวัน
ภาพจากข่าวโทรทัศน์ ชิดชบากับทอม และนักโทษหญิงทั้งสองฝ่ายก่อเหตุวิวาทในที่คุมขัง ปฐวีดูข่าว เห็นชิดชบาต่อสู้ตบตีด้วยความแปลกใจ แพรวาเดินเข้ามา
“มันเกิดขึ้นตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ มีคนถ่ายคลิปไว้ ตอนนี้เหตุการณ์สงบแล้ว”
“ชิดชบา”
“คนที่อยู่ในที่แคบจะเครียดง่าย แค่สบสายตาแล้วไม่ชอบหน้า ก็เป็นเรื่องได้แล้ว”
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าชิดชบาจะ”
“เชื่อเถอะค่ะ เพราะคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ส่งชิดชบาไปที่นั่น”
ปฐวีร้อนใจอย่างเงียบๆ
“เวลา จะทำให้ชิดชบาปรับตัว ความจำนนคือทางตันที่ไม่มีทางออก ฉันหวังว่าชิดชบาจะรอดจนถึงวันที่พิสูจน์ตัวเองในศาลว่าเป็นผู้บริสุทธิ์”
ปฐวีหวั่นไหวอย่างรุนแรง
เด็กชายปอนลูกของบุญถิ่นโผเผเข้ามาในปั๊มน้ำมันด้วยความหิวโหยเพราะถูกนำไปทิ้งไว้นอกเมือง
ปอนมองเห็นรถของถกลเลี้ยวเข้ามาเพื่อเติมน้ำมัน จึงวิ่งเข้าซ่อนตัว ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจ้องมองถกล ก่อนรีบหลบ วิ่งเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณปั๊มน้ำมัน
ถกลเติมน้ำมัน แล้วเดินตรงมายังร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อบุหรี่ เด็กชายปอนรีบหนีเข้าไปหลบระหว่างชั้นขายของ ผ่านยุวดีซึ่งกำลังทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์ ถกลเข้ามาซื้อบุหรี่ จ่ายเงินแล้วเดินออกไป ยุวดีคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นถกลที่ไหนมาก่อน เด็กชายปอนหลบอยู่ด้วยความหวาดกลัว ยุวดีมองเด็กชาย เห็นท่าทีหวาดกลัว
“น้อง ทำอะไรน่ะ แน้ อย่าบอกนะว่าเข้ามาขโมยของ โน่น กล้องวงจรปิด บันทึกทุกเหตุการณ์เลย”
ผู้จัดการร้านเดินเข้ามา
“ใครขโมยอะไร เด็กนี่หรือ”
“ยังค่ะ ยังไม่ได้ลงมือ ไม่มีอะไรหรอกค่ะผู้จัดการ น้อง เป็นอะไรหรือเปล่า กลัวอะไร”
เด็กชายวิ่งหนีออกไป
“อ้าว”
ยุวดีมองตามไปด้วยความแปลกใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรีบรับสาย
“ฮัลโหล”
เถาว์เครือพูดโทรศัพท์ด้วยท่าทีเคร่งเครียด
“แกหรือ นี่ฉันเอง แกอยู่ไหน รีบมาพบฉันด่วนวันนี้เลย”
ยุวดีเยาะหยัน
“อ๋อ เสียใจค่ะคุณนาย ฉันไม่ว่าง”
“คนอย่างแกจะมีอะไรทำ นอกจากนั่งๆ นอนๆ แล้วรอจับผู้ชาย ฉันมีงานให้แกทำ”
“ฉันมีงานทำแล้วค่ะคุณนาย ถ้าคุณนายจะจ้างคนใช้ ขี้ข้า หรือม้าใช้ส่วนตัวล่ะก็ เชิญที่อื่นค่ะ”
“นัง นังยุวดี”
“ไม่เอาอีกแล้ว ขืนรับใช้คุณนายต่อไป ก็ต้องทำตัวบ้าๆ บอๆ ดูแล้วทุเรศทุรังตัวเอง สู้ทำงานเป็นลูกจ้างร้านสะดวกซื้อ เงินน้อยหน่อย แต่นับถือตัวเองขึ้นเยอะ”
“แก”
“เชิญคุณนายยักย้ายส่ายสะโพกไปคนเดียวเถอะค่ะ ฉันขอบอกว่า ไม่เอาแล้ว”
ยุวดีกดสายโทรศัพท์ทิ้ง แบะหน้า เถาว์เครือตัวสั่นไปด้วยความโกรธ
“นังยุ”
แพรวาเดินเข้ามาพร้อมถ้วยกาแฟ
“กาแฟค่ะคุณแม่”
“นี่ยังอยู่อีกหรือหมอแพรวา”
“ค่ะ คุณปฐวีเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ เขาเชิญให้อยู่ ก็ต้องอยู่ต่อไปค่ะ”
“นี่ หมายความว่าหมอจะแย่งผัวลูกสาวฉันจริงๆ หรือ”
“ก็แล้วแต่คุณแม่จะคิด หนูห้ามความคิดของใครไม่ได้หรอกค่ะ แต่หนูขอยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ เพื่อดูแลโสมสุภางค์”
เถาว์เครือออกอาการพิรุธ และหวั่นกลัวการกระทำของแพรวา
ตลับนาคนั่งรอเยี่ยมชิดชบาที่เรือนจำ ผู้คุมหญิงเดินนำชิดชบาเข้ามา ชิดชบาทรุดตัวลงนั่งหลังกระจกโปร่ง
มองกันอย่างเงียบๆ ตลับนาคเห็นรอยช้ำบนใบหน้าของหลานสาว
“ป้าเห็นข่าวนั่นแล้ว มาขอเยี่ยมหนู ทางเรือนจำยังให้เยี่ยมไม่ได้ ชิดชบา แผลนั่น”
“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า มันก็แค่เรื่องวิวาทกัน แล้วมันเลยเถิดไปหน่อยแค่นั้นเองค่ะ”
“มีเรื่องมีราวกันอย่างนี้ แล้วหนูจะอยู่ยังไง”
“หนูต้องอยู่ให้ได้ค่ะ คนต้องโทษก็ต้องมีสิทธิเสรีภาพในการใช้ชีวิตที่นี่ ถ้าหนูไม่สู้ หนูจะถูกกระทำทุกวัน ทุกวัน”
“ชิดชบา นี่ถ้าป้ารู้ว่าเรื่องมันจะมาไกลอย่างนี้ล่ะก็ บ้านนั่น”
“เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ เราต้องเดินต่อไปค่ะคุณป้า”
“ชิดชบา”
“หนูบริสุทธิ์ หนูเชื่อในความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้ฆ่าใคร ความยุติธรรมต้องมีค่ะ คุณป้า”
“รักษาตัวให้ดีนะลูก ให้ถึงวันที่ความยุติธรรมตามมาทัน รักษาตัวให้รอดนะ หลานป้า”
ทั้งสองต่างร่ำไห้ มองหน้ากัน
ชัยยงค์กำลังปาร์ตี้กับสาวๆ ในชุดบิกินี่บนระเบียงคอนโดฯ ธวัชพงษ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
มองขึ้นไปที่ระเบียงอย่างสนใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชัยยงค์ดูที่หน้าจอเห็นชื่อเถาว์เครือก็ตกใจ
“ฮัลโหล คุณหรือ”
ชัยยงค์รีบปิดโทรศัพท์ ไล่สาวๆ
“เร็ว สลายตัวด่วน เก็บชิ้นส่วนออกไปให้หมด ในห้องด้วย เร็วๆ”
สาวๆ ต่างวิ่งกรูกันเก็บข้าวของออกไปจากระเบียง ชัยยงค์หันมาพูดโทรศัพท์ต่อ
“คุณ คุณจะมาที่นี่หรือ”
เวลาต่อมา เถาว์เครือขับรถเข้ามาจอดหน้าคอนโดฯของชัยยงค์ สวนทางกับกลุ่มสาวๆ ของชัยยงค์ที่หอบกระเป๋า ข้าวของพะรุงพะรังไปที่รถที่จอดอยู่ เถาว์เครือมองค้อนก่อนเดินขึ้นคอนโดฯ ธวัชพงษ์มองเถาว์เครือด้วยความขบขัน
“เกือบไป”
แพรวาเดินมาที่หน้าห้องนอนของโสมสุภางค์ จำเรียงกำลังปัดฝุ่นอยู่
“ไม่มีใครอยู่เลยหรือจำเรียง บ้านเงียบ”
“คุณป้าตลับนาคไปเยี่ยมคุณชิดชบาค่ะ ส่วนคุณนายเถาว์เครือก็ ก็ ก็ออกไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ เป็นอย่างนี้ทุกวันเลยค่ะ”
“ฉันจะเข้าไปดูคุณโสมสุภางค์”
แพรวาเปิดประตูห้องนอนของโสมสุภางค์เข้าไป จำเรียงชะโงกมองตามอย่างอยากรู้ โสมสุภางค์นั่งอยู่บนรถเข็น หันหลังให้ประตู พยาบาลทั้งสองพยายามป้อนอาหาร แต่โสมสุภางค์นิ่งเฉย
“โสมสุภางค์”
“คุณโสมสุภางค์ไม่ยอมทานข้าวค่ะ คุณหมอ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันป้อนเอง ออกไปแล้วปิดประตูด้วยนะ”
“ค่ะ”
พยาบาลปิดประตูลง
“โสมสุภางค์ เธอต้องทานข้าวต้มนี่นะ เธอสัญญากับฉันแล้วว่าจะลุกขึ้นยืน เธออาจจะคิดว่าเธอนั่งอยู่บนรถเข็น เธอลำบาก แต่เธอรู้มั้ยว่าคนอื่นเขาลำบากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในคุก”
โสมสุภางค์นิ่งเฉย
ชิดชบายืนอ่านหนังสือ “คู่มือมนุษย์” ที่ธวัชพงษ์นำมาให้ ทอมคนเดิมกับพวกเดินผ่านมา จ้องมองชิดชบาอย่างอาฆาตมาดร้าย ชิดชบามองสบตาอย่างท้าทาย ทอมเดินผ่านไปพร้อมด้วยรอยยิ้มหยัน
เถาว์เครือร้อนใจ เดินไปมาอยู่หน้าระเบียงคอนโดฯของชัยยงค์
“หมอแพรวาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ไล่ก็ไม่ไป ทำท่าเหมือนจงใจจะอยู่ ฉันก็ไม่รู้ค่ะว่าหมอแพรวาคิดยังไง แต่มีหมอแพรวา ฉันจะไปจะมาหาคุณ ฉันก็ เอ่อ”
“หมอแพรวาหรือ”
“หมอแพรวากับโสมสุภางค์เป็นเพื่อนกัน ฉันเคยขอให้หมอแพรวาช่วยขัดขวาง ไม่ให้โสมสุภางค์แต่งงานกับปฐวี แต่ก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้ นี่จู่ๆ ก็ทำตัวเหมือนอยากจะช่วย”
“ตอนนี้ผมไม่อยากให้มีอะไรผิดสังเกต จนกว่าศาลจะตัดสินความผิดของชิดชบา คุณต้องบีบให้หมอแพรวาออกจากบ้านให้ได้ กันให้อยู่ห่างๆ หนูโสมสุภางค์ไว้”
“ฉัน”
ชัยยงค์เข้ามาโอบกอดเถาว์เครืออย่างปลอบโยน
“หาเหตุอะไรก็ได้ ทำให้หมอแพรวาอับอายขายหน้ามนุษย์จนอยู่ไม่ได้ คุณเก่งเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่ ยอดรัก”
ชัยยงค์เห็นบิกีนี่ตัวหนึ่งตกอยู่ที่พื้น รีบเบี่ยงท่าโอบกอดเถาว์เครือ ก่อนใช้ปลายนิ้วคีบบิกินี่โยนลงไปจากระเบียง บิกินี่ตกลงมาตรงหน้าธวัช
พงษ์ที่สระว่ายน้ำ ธวัชพงษ์มองขึ้นไปบนระเบียง เห็นชัยยงค์และเถาว์เครือยืนกอดกัน ธวัชพงษ์ครุ่นคิด
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 11 (ต่อ)
ตลับนาคเตรียมอาหารใส่ปิ่นโต โดยมีจำเรียงช่วยอยู่ใกล้ๆ ปฐวีเดินลงมา กำลังจะออกไปทำงาน ชะงัก มองตลับนาค ถามเหมือนเสียไม่ได้
“หลานสาวของคุณป้าเป็นยังไงบ้างครับ”
“ยังไม่เป็นยังไงหรอกค่ะ ยังอยู่”
“ถ้าเป็นไปได้ คุณป้าควรจะเตือนหลานสาว ให้ลดมาตรฐานความร้ายกาจลงหน่อย ก็น่าจะอยู่ถึงวันขึ้นศาลนะครับ”
“ชิดชบาเป็นนักสู้ หลานของฉันอาจจะได้เลือดของพ่อมาเกินครึ่ง คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ กว่าพวกคุณจะเอาชิดชบาเข้าคุกได้ ก็คงจะหืดขึ้นคอหน่อย”
ตลับนาคหิ้วปิ่นโตออกไป จำเรียงรีบตามออกไป ปฐวีครุ่นคิด แพรวาเดินเข้ามา มองตามสายตาของปฐวี
“คุณป้าตลับนาคคงจะไปเยี่ยมหลานสาว วันนี้เขาเปิดให้เยี่ยมญาติได้ค่ะ คุณล่ะ คุณจะไม่ไปเยี่ยมชิดชบาเลยหรือ”
“ผมจะไปในฐานะอะไร”
“ในฐานะที่ชิดชบาเคยเป็นนางบำเรอของคุณยังไงล่ะคะ”
ปฐวีนิ่งอึ้งไป
เด็กชายปอนแนบหน้าลงกับกระจก มองเข้ามาภายในร้านสะดวกซื้อด้วยความหิว ยุวดีทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์
เด็กชายคลานผ่านยุวดีเข้าไปในชั้นขนมปัง ขโมยขนมปังกินด้วยความหิว เถาว์เครือเดินเข้ามาหายุวดี
“ฉันนึกว่าแกทำงานวิเศษวิโส ที่แท้ก็เป็นพนักงานอยู่ในร้านสะดวกซื้อนี่เอง”
“คุณนาย”
“กลับไปอยู่กับฉัน ฉันต้องการให้แกไล่หมอแพรวาออกจากบ้าน”
“หมอแพรวา เป็นเพื่อนกับคุณโสมสุภางค์ไม่ใช่หรือคะ”
“ใช่”
“อ้าว ฉันก็เห็นคุณนายรักใคร่คุณหมอแพรวาเหมือนลูก แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
“โสมสุภางค์กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้ว หมอแพรวาตามมาด้วย”
“อ๋อ คุณนายก็เลยกลัวว่าคุณหมอแพรวาจะแย่งผัวของลูกสาว เลยใช้มืออาชีพไปไล่ ไม่ไปค่ะ”
“ฉันให้แกสองหมื่น”
“เท่าไหร่ก็ไม่ไป เบื่อค่ะ ไม่รู้จะเสี่ยงไปทำไม กลัวคุก”
“นังยุวดี”
“ท่าทางคุณหมอแพรวาคงจะมาแรง ไม่อย่างนั้นคุณนายไม่หาตัวช่วยหรอก คุณชิดชบาก็ถูกกำจัดไปแล้ว ก้างอันใหญ่นี่คงจะเป็นก้างแข็ง คุณนายเลยใช้วิธีกำจัดแบบเก่าๆ ไม่ได้”
“แก”
“ฉันเบื่อค่ะ อยู่อย่างนี้ถึงเงินเดือนจะน้อย แต่ประหยัดกินประหยัดใช้ก็พออยู่ได้ ดีกว่าไปให้คุณนายสับ เมื่อไหร่ที่หมดประโยชน์ คุณนายก็กวาดลงถังขยะ ขอไม่ไปดีกว่า”
ยุวดีทำงานต่อไปโดยไม่แยแสเถาว์เครือ เถาว์เครือโกรธ สะบัดหน้าเดินออกไป ยุวดีถอนหายใจอย่างโล่งอก ระหว่างนั้น ผู้จัดการเข้ามาจับตัวเด็กชายปอน ขณะกำลังเคี้ยวขนมปังเต็มปาก
“จับได้แล้ว เด็กขี้ขโมย”
ยุวดีมองเด็กชายด้วยความแปลกใจ เธอตัดสินใจพาปอนมาที่ห้องเช่าของตัวเอง
“มา เข้ามา กว่าพี่จะขอร้องผู้จัดการไม่ให้แจ้งตำรวจ น้ำลายพี่เหนียวเลยนะ เข้ามาซี”
ยุวดีดึงเด็กชายเข้ามา ปอนท่าทางเหงา ซึม สิ้นหวัง
“นั่งลง นี่ มานั่งนี่ บอกมาว่าพ่อแม่อยู่ที่ไหน ท่าทางโซเหลือเกินนี่เราน่ะ บ้านอยู่ไหน มีพี่น้องกี่คน แล้วเรียนหนังสือหรือเปล่า”
เด็กชายก้มหน้า นิ่งเฉย เศร้าหมอง
“ถามอะไรก็ไม่ตอบสักคำ ไม่อยากตอบก็อย่าเพิ่งตอบ หิวมั้ย”
เด็กชายเหลือบตาขึ้นมองยุวดี
“เดี๋ยวพี่ต้มบะหมี่ให้ แต่กินอิ่มแล้วต้องบอกพี่นะว่าพ่อแม่อยู่ที่ไหน จะได้แจ้งให้พ่อแม่มารับตัว พี่เลี้ยงน้องไม่ไหวหรอก เพราะพี่ยังเอาตัวไม่รอดเลย เข้าใจตามนี้มั้ย”
เด็กชายพยักหน้ารับคำ
เถาว์เครือขับรถเข้ามาจอดที่คฤหาสน์ ทั้งเหนื่อยทั้งหงุดหงิด ยังคงโกรธยุวดีอยู่
“หมั่นไส้นังยุวดีนัก แค่นจะกลับเนื้อกลับตัว เป็นคนจนแทนที่จะมาช่วยฉันไล่หมอแพรวา”
เถาว์เครือเปิดประตูรถลงมา ปฐวียืนรออยู่ หน้าเฉยเมย
“เพิ่งกลับหรือครับคุณแม่”
“เอ่อ ฉันไปธุระ”
“ธุระสำคัญของคุณแม่ตอนนี้ คือดูแลโสมสุภางค์ คุณหมอแพรวาเป็นคนอื่น ยังเสียสละเวลามาดูแลเพื่อน”
“ก็แน่ล่ะซี เพราะนี่มันเป็นโอกาสของหมอแพรวาแล้วนี่”
“คุณแม่หมายความว่ายังไง”
“ต้องให้ฉันอธิบายชัดๆ มั้ย ว่าหมอแพรวากำลังทำอะไร พี่น้องกันยังแย่งผัวกันได้ แล้วนี่เป็นแค่เพื่อน”
“เหลวไหล คุณแม่เอาอะไรมาพูด”
“ฉันรู้จักผู้ชายอย่างคุณดี คุณมีโสมสุภางค์ทั้งคน ยังมีนางบำเรอได้ แล้วนับประสาอะไร ผู้หญิงทั้งสวยทั้งพร้อมอย่างหมอแพรวา คุณจะปล่อยให้รอดมือ”
เถาว์เครือกระแทกเสียงก่อนเดินเชิดหน้าขึ้นตึกไป ปฐวีโกรธมาก
ปอนกินบะหมี่ถ้วยเสร็จ ก้มหน้าลงร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ยุวดีมองด้วยความสงสาร
“แม่ หนูกลัว”
ยุวดีเข้ามานั่งลงใกล้ๆ เริ่มสงสารท่าทีซื่อๆ ของเด็กน้อย
“น้อง น้องกลัวอะไรน่ะ บอกพี่ยุซี กลัวอะไร ตั้งแต่มานี่น้องไม่พูดเลยนะ ใครทำอะไรน้อง น้องถึงได้กลัวอย่างนี้”
ปอนร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่ไม่ยอมตอบ
ชิดชบาถือถาดไปรับอาหาร ล้วนเป็นอาหารอย่างดีเลิศ ผิดกับอาหารของเรือนจำหญิง ทุกคนกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข
“นี่อะไรคะ”
“หูฉลาม”
“แล้วนี่”
“ขาห่านอบวุ้นเส้น เป็ดตุ๋น ปลาเจี๋ยน วันนี้มีผู้ใหญ่ใจดีมาเลี้ยงอาหารกลางวันนักโทษหญิง”
“ผู้ใหญ่ใจดี ใครคะ”
“คุณปฐวี”
ถาดอาหารในมือชิดชบาหล่นลงพื้น ทุกคนหันมามองด้วยความแปลกใจ
ปฐวีมาที่ห้องเยี่ยมญาติ เข้ามานั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจกโปร่ง ผู้คุมพาชิดชบาเข้ามา ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอย่างเย็นชา
“คุณนี่เอง ผู้ใหญ่ใจดีที่เลี้ยงอาหารนักโทษทั้งเรือนจำ”
“ใช่ ไม่ได้ห่วงว่าคุณจะอดอยาก รู้ว่าคุณเป็นคนปรับตัวเก่ง แต่คุณก็ผอมไปนะ”
“ฉันต้องใช้ชีวิตอย่างนักโทษ มันคงสมใจพวกคุณแล้ว พวกคุณรวมหัวกันปรักปรำฉัน ยื่นคัดค้านการประกันตัวของฉัน แต่คุณหยุดฉันไม่ได้หรอก ฉันจะสู้”
“ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็คงจะทำอย่างนั้น คนบริสุทธิ์มีสิทธิ์ที่จะถามทวงความยุติธรรมให้ตัวเองทุกคน หวังว่าอาหารคงจะถูกปาก”
ชิดชบาลุกขึ้นยืน แนบหน้ากับกระจก พูดแผ่วเบาแต่อาฆาตแค้นรุนแรง
“ฉันไม่ได้กินอาหารชั้นดีของคุณ ฉันขี้เกียจเอาไปอ้วกทิ้ง อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ฉันเกลียดคุณ”
ชิดชบากดกริ่งเรียกผู้คุม ก่อนเดินกลับเข้าข้างในไป ปฐวีค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เจ็บปวด เขา
เดินออกมาจากเรือนจำ ขึ้นรถ สมควรขับรถผ่านหน้าชัยญาและถกล ทั้งสองมองปฐวีด้วยความสงสัย
“เขามาทำอะไรที่นี่”
“นั่นน่ะซีครับ จะว่ามาเยี่ยมชิดชบาก็คงไม่ใช่ เพราะเขาอยู่ฝ่ายคุณนายเถาว์เครือ เป็นโจทย์ยื่นฟ้องชิดชบา”
“เขาจะมาทำอะไรก็ช่างเขา แต่ไอ้ที่เราต้องทำตามคำสั่งของพ่อสำคัญกว่า เก็บชิดชบาในคุก”
ชัยญายิ้มเจ้าเล่ห์
กลางคืน ชิดชบาเปิดไฟฉายดวงเล็กๆ อ่านหนังสืออยู่ตามลำพัง ทอมคนเดิมก้าวออกมาจากมุมหลบ ดึงเหล็กแหลมออกมาจากที่ซ่อนในตัว มองไปยังชิดชบาด้วยแววตาเยาะหยัน ชิงชัง ผู้คุมหญิงเดินมาแต่ไกล ทอมรีบหลบออกไป
“นอนได้แล้ว เรือนนอนปิดสามทุ่มนะ”
“ค่ะ”
ชิดชบาดับไฟฉาย เก็บหนังสือ เดินเข้าเรือนนอนไป
แพรวาเตรียมอาหารเช้าสำหรับโสมสุภางค์ ปฐวีเดินเข้ามาหาด้วยความรู้สึกที่ดี
“ผมไปเยี่ยมชิดชบาอย่างที่คุณแนะนำ เลยถือโอกาสเลี้ยงอาหารผู้ต้องโทษด้วย ผมเอาบุญมาแบ่งให้คุณหมอ”
“บุญแบ่งกันได้ด้วยหรือคะ ถ้าแบ่งกันได้ ฉันจะแบ่งให้โสมสุภางค์มากๆ ค่ะ”
“ขอบคุณคุณหมอมาก ที่ดูแลโสมสุภางค์ ผมต้องทำงานทุกวัน แล้วนี่คุณหมอไม่ได้ไปทำงานหรือ”
“ฉันลาพักร้อน เอ้อ แล้วชิดชบาเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็คงจะอยู่ไม่สบายนัก แต่ยังเก่งเหมือนเดิม”
“ชิดชบาเป็นคนเข้มแข็ง เรื่องนี้จะผ่านไปไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด เพราะชิดชบาไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของคุณ เรื่องนี้มันลึกเกินกว่าที่เราจะมองตื้นๆ”
เถาว์เครือเดินออกมายืนเหนือบันไดวน ฟังการสนทนาด้วยความหวาดระแวง
“แล้วถ้าคุณหยุดมันให้เร็วที่สุดไม่ได้ มันอาจจะมีคนตายอีก”
“คุณหมอ”
“ไม่ว่าโสมสุภางค์ ชิดชบา คุณ หรือ ฉัน”
เถาว์เครือเริ่มหวั่นกลัว
อรุณณรงค์ขับรถกอล์ฟ พาอุราศรีมาออกรอบ ทั้งสองต่างเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน ชัยญาและถกลจงใจขับรถกอล์ฟสวนทางมา
“สวัสดีครับคุณหญิงอุราศรี”
อุราศรียิ้มรื่นเริงทันที กิริยาเงียบๆ หายไป อรุณณรงค์มองด้วยความแปลกใจ
“คุณแบทแมน วันนี้ไม่ได้อยู่ในตู้โทรศัพท์หรือคะ”
“ผมมีแข่งกอล์ฟในก๊วนน่ะครับ ใครชนะคนนั้นเลี้ยง ผู้แพ้เป็นคนเมาครับ”
ชัยญามองอรุณณรงค์ อุราศรีปรายตามองตาม
“เอ่อ คุณชายอรุณณรงค์ค่ะ เขาเป็นญาติของฉัน”
อรุณณรงค์แปลกใจ
“ญาติ”
“ดูเหมือนเราจะเคยพบกันแล้ว ในงานเลี้ยงหรือที่ไหนสักแห่งผมจำไม่ได้ แต่ยินดีครับที่ได้พบอีกครั้ง”
ชัยญายื่นมือให้อรุณณรงค์จับ อรุณณรงค์ลังเลก่อนยื่นมือออกไป
“แต่ผมรู้จักคุณดีนะ คุณกับคุณพ่อของคุณ”
“หรือคะ แหม ใครว่าโลกนี้กว้าง พบคุณชัยญาก็ดีค่ะ จะได้ออกรอบด้วยกัน”
“ด้วยความยินดีครับ คุณหญิงอุราศรี”
ชัยญาค้อมศีรษะลงอย่างสุภาพบุรุษ อรุณณรงค์เริ่มสงสัย และห่วงใยอุราศรี เพราะรู้ว่าชัยยงค์เป็นนักพนัน
ธวัชพงษ์กำลังซ่อมไฟอยู่ในระยะใกล้กว่าทุกครั้ง ชัยยงค์ออกมายืนที่ระเบียง ชัยญาและถกลก้าวตามออกมา ชัยยงค์มีท่าทางโกรธมาก
“จนป่านนี้ยังไม่มีข่าวนักโทษตายในคุกเลย ฉันสั่งแกแล้วใช่มั้ยว่าให้เก็บนังชิดชบาในคุก”
“พ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ คนของผมในนั้นไว้ใจได้ ผมสั่งให้มันคอยดูชิดชบาตั้งแต่วันแรกแล้ว จะมีข่าวนักโทษหญิงถูกแทงตาย จับมือใครดมไม่ได้ เร็วๆ นี้แหละ”
“อย่าชะล่าใจ ฉันเดือดร้อนเพราะความชุ่ยของแกมากี่ครั้งแล้ว เก็บชิดชบาในคุก ตัดไฟแต่ต้นลมกันพลาด เพราะถ้าชิดชบาสู้ความแล้วรอด ไอ้ที่เราลงทุนหลอกคุณนายเถาว์เครือจะสูญเปล่า”
ธวัชพงษ์ขยับฟัง แต่อยู่ในระยะไกลเกินกว่าจะจับความได้
“แล้วเรื่องผู้หญิงอย่างนังระรินน่ะ ปล่อยมันไป ฉันไม่อยากให้แกมีเรื่องตอนนี้ ตำรวจเขาจะพุ่งความสนใจมาที่แก”
“ผมปล่อยระรินไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ผมมีที่หมายใหม่ ทั้งสวยทั้งเก่ง มีหน้าที่การงานดี ข้อสำคัญเป็นพวกผู้ดีมีเชื้อสาย รวยๆๆ แล้วพ่อล่ะ ท่าทางยายคุณนายเถาว์เครือจะเกาะพ่อแน่นนะ”
“คุณนายเถาว์เครือน่ะหรือ ฉันได้บ้านหลังนั้นแล้ว ฉันจะส่งยายคุณนายเถาว์เครือไปอยู่บ้านพักคนชรา”
ชัยยงค์ยิ้มสังเวชเถาว์เครือ
อรุณณรงค์ขับรถพาอุราศรีกลับไปส่งหลังจากเล่นกอล์ฟแล้ว เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณไปรู้จักนาย เอ่อ คุณชัยญาคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณชายก็รู้จักเขาหรือคะ”
“ใช่ ผมรู้จักเขาดี ใครๆ ก็รู้จักเขาทั้งพ่อทั้งลูก”
“ก็ดีแล้วนี่คะ แล้วฉันจะต้องอธิบายอะไร”
“คุณเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทย ไม่ได้ว่าคุณช้าหรือเชย แต่สังคมมันเปลี่ยนไป ผู้คนก็เปลี่ยนไปด้วย นายชัยยงค์กับลูกชายของเขาเป็นนักพนัน”
“หรือคะ แต่เท่าที่ฉันสัมผัสเขา เขาเป็นคนอารมณ์ดีนะ เป็นสุภาพบุรุษที่ช่วยฉันไว้จากภัยทางเพศ”
“จริงหรือ”
“คนเรานี่ บางทีก็ดูกันที่เปลือกไม่ได้หรอกค่ะ คนหนึ่งเห็นอย่าง แต่อีกคนอาจจะเห็นอีกอย่าง เหมือนชิดชบาไงคะ ใครๆ เห็นชิดชบาเป็นฆาตกร แต่คุณกลับเห็นผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้า”
อรุณณรงค์นิ่งอึ้งไป เขากลับมาที่วังด้วยท่าทีเศร้าหมอง เคร่งเครียด และรู้สึกผิด หม่อมจรัสเรืองเดินเข้ามา สังเกตเห็นท่าทางของลูกชาย ก็เริ่มห่วง
“ชายเอี่ยว เป็นอะไรหรือลูก วันนี้แม่อุตส่าห์นัดคุณหญิงอุราศรีให้ไปเล่นกอล์ฟกันมา แล้วยังไง”
“ผมเหมือนคนใจดำเลยนะครับหม่อมแม่ ผมไม่เคยไปเยี่ยมชิดชบาเลย”
“ชายเอี่ยว”
“ผมรักชิดชบาครับ ให้ชิดชบาเป็นอะไรผมก็ยังรักอยู่ โปรดเข้าใจผมบ้างเถอะครับหม่อมแม่ ผมรักชิดชบา”
“ชายเอี่ยว ไม่ ไม่ได้ รักไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกนักพนัน เป็นนางบำเรอ แล้วไหนจะเป็นคนคุกอีกล่ะ เราพูดกันรู้เรื่องแล้ว ลูกจะเอาอนาคตนักการทูตมาทิ้ง เพราะผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง”
“แม่ครับ”
“แม่จะเร่งเรื่องแต่งงาน แม่ไม่รออะไรอีกแล้ว แม่กลัว แม่เคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าแม่ได้ผู้หญิงคนนี้เป็น
สะใภ้ แม่อาจจะต้องนอนตายอยู่ใต้บันไดนั่น”
หม่อมจรัสเรืองจ้องหน้าลูกชายอย่างจริงจัง
แพรวายืนจัดดอกไม้ใส่แจกันทรงสูงเหนือบันได เถาว์เครือเดินเข้ามาด้านหลัง จ้องมองแพรวา
ด้วยแววตาทั้งหวั่นกลัวและมุ่งร้าย ค่อยๆ ยื่นมือออกไป แพรวาหันมาพอดี
“ยังไม่นอนอีกหรือคะคุณแม่”
“ยัง”
“หนูสั่งดอกไม้มาจัดใหม่ทั้งบ้าน อยากให้มีบรรยากาศสดชื่น โสมสุภางค์จะได้มีความสุขค่ะ”
“ลงทุนนะ ค่าดอกไม้นี่คงจะแพง”
“เป็นร้านดอกไม้เจ้าประจำของคุณปฐวีค่ะ เขาอนุญาตให้สั่งดอกไม้ที่นั่น”
“เดี๋ยวนี้ออกอาการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของปฐวี แล้วก็เป็นเจ้าของบ้าน ทั้งที่เมียเขายังนั่งอยู่บนรถเข็น ยังไม่ได้ตาย
สักหน่อย มันจะงามหน้าไปมั้ยคุณหมอแพรวา”
แพรวาสลดลง
“หนูต้องอยู่ที่นี่ เพราะห่วงโสมสุภางค์จริงๆ ค่ะ คุณแม่เองก็ไม่ค่อยอยู่ดูแล ผู้ป่วยต้องการการดูแลใกล้ชิดนะคะ”
“ดูเหมือนฉันจะเคยบอกคุณหมอแล้วนะ ว่าอย่ามาสั่งสอนฉัน ว่าฉันควรเป็นแม่แบบไหน ปฐวีน่ะ เขาเป็นผู้ชาย มีผู้ชายคนไหนไม่มักได้บ้าง ลูกฉันตอบสนองเขาไม่ได้เพราะเป็นคนป่วย นางบำเรอก็ย้ายสำนักเข้าไปอยู่ในคุก หมอแพรวามาได้จังหวะ”
เถาว์เครือเย้ยหยัน จี้จุดอับอาย แพรวาอับอายยิ่งขึ้นทั้งที่พยายามฝืนสีหน้าให้เข้มแข็ง อดทน ประตูห้องหอเปิดออกอย่างช้าๆ โสมสุภางค์นั่งอยู่บนรถเข็น มองด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ
“เหมือนคอยจ้องจะจิกแล้วก็กัดเพื่อน”
“คุณแม่”
แพรวามองผ่านเถาว์เครือไปยังโสมสุภางค์ เถาว์เครือหันกลับไปมอง รีบเปลี่ยนเป็นห่วงใย
“โสมสุภางค์ นี่ยังไม่นอนอีกหรือลูก เมื่อกี้นี้แม่เข้าไปดูหนู เห็นนอนแล้วนี่นา แล้วพยาบาลไปไหน ฉันไม่ได้จ้างมานอนเสวยสุขนะ แต่จ้างมาให้เฝ้าลูกของฉัน พยาบาล พยาบาล”
“ฉันจะพาโสมสุภางค์ไปนอนเองค่ะ”
แพรวาเข็นรถเข็นของโสมสุภางค์กลับเข้าห้องไป เถาว์เครือร้อนใจ แพรวาประคองให้โสมสุภางค์ลุกขึ้นยืน
แต่โสมสุภางค์ขืนตัวไว้
“โสมสุภางค์”
แพรวามองสบตาที่เริ่มหวาดระแวงของโสมสุภางค์
“ไม่นะ อย่าเชื่อเรื่องเหลวไหลนั่น ฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้เพื่อแย่งคุณปฐวีไปจากเธอ แต่ฉัน ฉันต้องการช่วยเธอนะโสมสุภางค์ ถ้าชิดชบาไม่ได้ผลักเธอตกบันได ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ควรติดคุก เอาคนผิดเข้าคุก กับเอา
คนบริสุทธิ์เข้าคุกน่ะ เธอคิดดูว่าอะไรมันจะบาปกว่ากัน”
โสมสุภางค์สะเทือนใจอย่างรุนแรง
ชิดชบาและทอมคนเดิมเดินสวนทางกัน มองกันเงียบๆ ด้วยท่าทีชิงชัง นักโทษหญิงแยกเป็นสองฝ่าย
ทั้งฝ่ายของชิดชบาและฝ่ายทอม
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 11 (ต่อ)
อรุณณรงค์เดินลงมาจากชั้นบน หม่อมจรัสเรืองกำลังโทรศัพท์กับอุราศรีด้วยท่าทีผิดหวัง
“ไม่ว่างหรือ ป้าอยากพบหนูเพื่อปรึกษากันเรื่องงานหมั้น ป้าไม่รอฤกษ์แล้ว ถ้าได้รายละเอียดแล้วป้าจะได้พาชายเอี่ยวไปพบท่านผู้ใหญ่ แล้วเมื่อไหร่หนูจะว่างจ๊ะ เอ่ออาทิตย์หน้าก็ไม่ว่างเลยหรือ จ้ะ จ้ะ”
หม่อมจรัสเรืองวางโทรศัพท์ลงด้วยความกังวล
“คุณหญิงอุราศรีดูแปลกๆ เหมือนจะถอดใจเรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานแล้ว ทำอะไรเข้าสักอย่างเถอะชายเอี่ยว แม่ไม่รออีกแล้ว”
“หม่อมแม่ครับ ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งงานตามที่หม่อมแม่ต้องการ แต่ว่า”
“ฮึ แต่งแต่ตัวแต่หัวใจไปอยู่กับชิดชบา ผู้หญิงคนไหนจะทนได้ นี่คุณหญิงอุราศรีคงจะรู้ ถึงได้เริ่มปลีกตัว”
“ปลีกตัวหรือครับ”
“เมื่อก่อนเคยไปเคยมาทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้แม่โทร.ไปนัดยังไม่มีเวลาให้เลย อ้างว่างานยุ่ง”
“คุณหญิงอุราศรีคงจะ”
“มีคนอื่นอย่างนั้นหรือ แม่ไม่เชื่อ คุณหญิงอุราศรีไม่ใช่ผู้หญิงไวไฟ ไม่รวดเร็วทันใจเหมือนแม่ชิดชบาหรอก”
“เอ่อ”
“แม่จะทำให้งานแต่งงานเกิดขึ้นให้ได้”
หม่อมจรัสเรืองมุ่งมั่นมาก
ธวัชพงษ์เพิ่งกลับจากทำงานเป็นคนงานประจำสระว่ายน้ำในคอนโดของชัยยงค์ ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่หอพักด้วยท่าทีอ่อนล้า เหน็ดเหนื่อย ถอดหมวกกันน็อคออก เห็นปฐวียืนรออยู่
“คุณปฐวี”
“อย่าบอกผมนะ ว่าหลังจากคุณถูกไล่ออกจากหน้าที่นักข่าวแล้ว คุณได้งานเป็น คนทำความสะอาด”
ธวัชพงษ์แววตาออกพิรุธ
“เอ่อ ผมคงต้องใช้เวลาสักพัก เพื่อหาความฝันให้พบ”
“ผมรู้มาว่า คุณไปเยี่ยมชิดชบาในเรือนจำ อย่างน้อยก็เป็นคนแรกที่ขอเข้าเยี่ยม นี่คุณยังมีความเชื่ออะไรเกี่ยวกับชิดชบา”
“ผมยังดีที่ผมยังมีความเชื่อ คนที่จู่ๆ ก็ทำความเชื่อหายนี่ เป็นคนที่น่าสังเวชที่สุด”
“ผมหรือ”
“คุณเคยเชื่อในความยุติธรรม คุณเรียกร้องหามันเมื่อตอนที่ชีวิตคุณขาด แต่ตอนนี้คุณมั่งมีร่ำรวยจนเหลือเฟือ แต่กลับไม่มีความยุติธรรมให้ชิดชบาเลย คุณมีส่วนร่วมกับคุณนายเถาว์เครือยื่นค้านการประกันตัว ทำให้ชิดชบาเข้าไปอยู่ในคุก”
“ธวัชพงษ์”
“ทำไมคุณไม่ให้โอกาสชิดชบาพิสูจน์ตัวเอง คนอยู่นอกคุกกับคนอยู่ในคุกน่ะ โอกาสมันผิดกัน ใช่ ผมไปเยี่ยมชิดชบาเป็นคนแรกเพราะผมเชื่อไง ว่าชิดชบาบริสุทธิ์”
ปฐวีนิ่งอึ้ง
“แล้วคุณล่ะ คุณเอาความเชื่อของคุณไปทิ้งไว้ที่ไหน หรือคุณไม่เคยมีมันเลย”
ปฐวีฉุกคิด
เถาว์เครือเถียงกับปฐวีด้วยความโกรธ แพรวายืนหลบมุมฟังอยู่
“ยกเลิกเรื่องคัดค้านการประกันตัวของชิดชบาหรือ ไม่ได้ ฉันกลัวว่ามันออกมาฆ่าฉัน ฆ่าลูกของฉัน นี่คุณคิดอะไร นี่คุณยังไม่ตัดสวาทจากนางบำเรอของคุณอีกหรือ ฉันเพิ่งจะนอนตาหลับ ไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของโสมสุภางค์ตอนที่มันเข้าไปอยู่ในคุก แล้วนี่ คุณจะมาอ้างว่าฉันควรให้โอกาสฆาตกรออกมาสู้คดี”
“ผมต้องการให้คดีนี้เป็นไปอย่างยุติธรรม ชิดชบาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เราต้องพิสูจน์กันในศาล”
“นี่คุณคิดอะไร คุณเชื่อมาตั้งแต่ต้นว่ามันพยายามฆ่าลูกของฉัน ตอนนี้คุณเปลี่ยนใจอย่างนั้นหรือ”
“ผมยังเชื่อว่าชิดชบาเป็นฆาตกร แต่ผมก็ยังเชื่อว่า ความยุติธรรมเป็นทางออก”
“ไม่ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด มันจะต้องอยู่ในคุกยาว เพราะมันฆ่าบุญถิ่น”
เถาว์เครือสบตาปฐวีอย่างคั่งแค้น
ยุวดีเดินถือถุงกล่องอาหารสองกล่องเข้ามาเคาะประตูห้องเช่า
“น้อง พี่เอง นี่พี่นะ เปิดประตู”
ไม่มีเสียงตอบ ยุวดีสงสัย ไขกุญแจเข้าไป เห็นแต่โทรทัศน์เปิดทิ้งไว้
“น้อง เอ๊ะ ทีวียังเปิด อยู่ไหนน่ะ”
ยุวดีมองไปรอบๆ เห็นขาโผล่ออกมาจากใต้เตียง จึงก้มลงมอง เห็นเด็กชายหมอบอยู่ใต้เตียง
“อยู่นี่เอง ออกมากินข้าวเร็ว พี่ซื้อข้าวกระเพรามาให้ เร็ว ออกมากินข้าว”
เด็กชายค่อยๆ คลานออกมาจากใต้เตียง ยังมีท่าทีหวาดกลัวอยู่
“กินข้าวซะ แล้วบอกมา ว่าบ้านอยู่ที่ไหน พี่จะได้ให้ตำรวจเขาพาไปส่ง กลับบ้านเถอะ เด็กหนีออกจากบ้านน่ะไม่ดีหรอก พี่ก็เคยหนีออกจากบ้าน แล้วชีวิตมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าตอนที่อยู่กับพ่อแม่ น้องยังเด็ก ยังมีอนาคต อย่าเอาอนาคตมาทิ้งไว้ตามข้างถนนเลยนะ”
ปอนเริ่มร้องไห้
“แม่ จะหาแม่”
“หาแม่หรือ งั้นน้องบอกพี่มาซิว่าแม่ของน้องอยู่ที่ไหน พี่จะพาไปส่งแม่ไงล่ะ”
ปอนสั่นหัวทั้งน้ำตา
“ไม่ ไม่รู้”
ชัยญาพาอุราศรีมาดูการแข่งรถในสนามแข่ง โดยถกลยืนอยู่ห่างๆ อุราศรีมีความสุข สนุกสนาน
“ไงครับ พอรับได้กับพวกชอบใช้ความเร็วมั้ยครับ พวกนักแข่งรถนี่เขาใช้ความเร็วแข่งกันในสนามแข่ง แต่วิ่งบนถนนเหยียบไม่เกินเก้าสิบครับ”
“ดีค่ะ ถนนจะได้ปลอดภัย ไม่ใช่เอาถนนมาทำสนามแข่ง”
“ผมดีใจที่คุณหญิงมีความสุข ตอนนี้เทรนเรื่องการแข่งรถกำลังเป็นที่นิยม ผมเคยแข่งอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้แขวนพวงมาลัยแล้ว อยากลองมั้ยครับ”
“ก็น่าสนใจค่ะ”
“ถ้าคุณชายอรุณณรงค์อนุญาต ผมจะพาคุณหญิงไปเป็นนักแข่ง”
อุราศรีมึนตึงขึ้นทันที
แพรวาตัดกุหลาบจากกระถางเพื่อนำไปจัดแจกัน ธวัชพงษ์ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดขวางประตูใหญ่
ถอดหมวกกันน็อค แพรวารีบเดินเข้ามาหาอย่างร้อนใจ
“คุณมาทำไมที่นี่”
“ผมไปหาคุณหมอที่อพาร์ทเมนท์ไม่พบ ไปที่โรงพยาบาล คุณหมอลาพักร้อน นี่ที่พักร้อนของคุณหมอหรือครับ”
“ธวัชพงษ์ คุณกลับไปก่อน ฉันพยายามช่วยคุณนะ ฉันต้องช่วยโสมสุภางค์ด้วย ฉันไม่อยากให้ใครเห็นคุณที่นี่”
“คุณหมอพบอะไร”
“เรื่องน่าสงสัยหลายเรื่อง คุณปฐวีเขาขอให้คุณเถาว์เครือยกเลิกเรื่องค้านการประกันตัว แต่คุณเถาว์เครือไม่ยอม”
“เขาหรือ”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่เขาต้องการให้มีการพิสูจน์กันในศาลอย่างตรงไปตรงมา ชิดชบาจะต้องออกมาหาหลักฐานกล่าวแก้ให้ตัวเอง”
“คุณปฐวี”
“ถ้าชิดชบายังอยู่ในคุก โอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองคงไม่เต็มที่ ฉันไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไร
“แต่ผมรู้ว่าเขาคิดอะไร”
ธวัชพงษ์ยิ้ม
ผู้คุมคุมให้นักโทษหญิงเดินเข้าเรือนนอน ไฟฟ้าดับวูบลง ผู้คุมแปลกใจ ก่อนส่งเสียงไล่นักโทษ
“เร็ว ขึ้นเรือนนอนให้หมด เดี๋ยวจะแจ้งช่างไฟขึ้นมาดูให้ เร็วๆ ขึ้นเรือนนอน”
นักโทษหญิงต่างแยกย้ายกันเข้าเรือนนอน ชิดชบาเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ทอมคู่อริแอบหลบมุมอยู่ ล้วงเหล็กแหลมออกมาจะจ้วงแทงชิดชบา ชิดชบามีอาการคลื่นไส้ อาเจียนออกมาอย่างรุนแรง ทอมชะงัก จ้องมองด้วยความสงสัย
ตอนเช้า ชิดชบาผวาลุกขึ้นนั่งภายในห้องพยาบาลของเรือนจำ สีหน้า แววตาตื่นตระหนก
“ท้องหรือ ฉันน่ะหรือท้อง”
ทอมคู่อริยืนมองอยู่ไกลๆ ประตูห้องพยาบาลเปิดออก ชิดชบาโผเผออกมา
ท่าทีอิดโรยเพราะอาการแพ้ท้องและยังตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์
“ท้องหรือ นี่หมายความว่าฉันท้อง ท้องกับ”
ตลับนาค เถาว์เครือ แพรวา และปฐวีต่างนั่งรับประทานอาหารกันอย่างเนือยๆ ไม่มีใครพูดกับใคร ปฐวีกวาดสายตามองไปรอบๆ ถอนหายใจ
“คุณหมอแพรวาจะอยู่ที่นี่เพื่อดูแลโสมสุภางค์ ผมรู้ว่ามันไม่ค่อยเหมาะ ผมจะไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์สักพัก”
ทุกคนมองหน้าปฐวีพร้อมกันด้วยความแปลกใจ
“ฉันทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่าคะ”
“คนที่ลำบากใจน่ะ ไม่ใช่ปฐวีหรอก คุณตลับนาคซีน่าจะลำบากใจกว่าใคร”
เถาว์เครือพูดขึ้น
“ฉันจะต้องลำบากใจเรื่องอะไรล่ะคะ”
“ก็เรื่องที่”
“เอาล่ะครับ เอาเป็นว่าคืนนี้ผมจะไปนอนที่อพาร์ทเมนท์ของผม ไม่ต้องเตรียมอาหารค่ำเผื่อผมแค่นี้นะครับ”
ปฐวีเดินออกไป
“นี่เพราะหมอแพรวาคนเดียว ถ้าหมอเชื่อฉันป่านนี้ผัวเมียเขาคงไม่ต้องแยกกันอยู่หรอก”
“หมอแพรวาคงจะมีเหตุผล ที่ต้องอยู่ที่นี่ ฉันว่าจะเป็นการดีต่อผู้ป่วยนะ มีหมออยู่ใกล้ๆ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ เรื่องของคุณน่ะ ดูแลหลานที่อยู่ในคุกให้ดีก่อนเถอะ”
“ค่ะ ฉันจะดูแลหลานสาวฉันเท่าที่ฉันทำได้ คุณก็ดูแลลูกสาวของคุณให้ดีก็แล้วกัน”
ตลับนาครวบช้อน ลุกออกไป
“หมั่นไส้คุณตลับนาคนัก ถ้าฉันเป็นคุณตลับนาค ป่านนี้ฉันเก็บของกลับบ้านสวนไปแล้ว ไม่รู้จะอยู่ทำไม”
“คุณแม่ไม่ต้องการให้ใครอยู่ในบ้านนี้เลยหรือคะ”
แพรวาถามจี้ใจ เถาว์เครือออกอาการพิรุธ
“เอ่อ ก็ดูแล้วไม่เห็นมีใครหวังดีกับลูกของฉันสักคน”
“ให้โอกาสหนูแสดงความหวังดีต่อโสมสุภางค์เถอะค่ะ เพราะหนูนี่แหละที่หวังดีต่อเพื่อนจริงๆ ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ เพื่อแย่งสามีของเพื่อน”
แพรวายิ้มเยาะ เชื่อมั่นในตนเอง
โสมสุภางค์นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเงียบๆ ภายในห้องนอน เถาว์เครือเปิดประตูเข้ามาด้วยความโกรธจัด
พยาบาลมองหน้ากัน รีบวางงานแล้วออกไป
“ปฐวีเขากลับไปนอนที่อพาร์ทเมนท์ของเขาแล้ว นี่ถ้าเขาไม่ได้คิดอะไรกับหมอแพรวา เขาจะทำตัวเป็นพวกตุ๊กแก กินปูนร้อนท้องทำไม”
โสมสุภางค์หวั่นไหว ตื่นกลัว
“เขาต้องมีอะไรกับหมอแพรวาแน่ หมอแพรวาเห็นนิ่งๆ อย่างนั้น แต่ไหลลึกนะ แล้วน้ำที่ไหลลึกน่ะ เราไม่มีวันรู้หรอกว่าอันตรายแค่ไหน โสมสุภางค์ อย่าเชื่อใจเพื่อนนะลูก หนูต้องเชื่อแม่คนเดียว”
เถาว์เครือพูดอ่อนโยน โอบกอดโสมสุภางค์
“แม่คือคนที่รักแล้วก็หวังดีต่อหนู แม่จะทำทุกวิถีทาง สิทธิในการครอบครองบ้านหลังนี้จะต้องเป็นของลูก นังชิดชบามันจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว เพราะมันต้องติดคุกคดีฆ่าบุญถิ่น แล้วไหนจะคดีที่มันผลักลูกตกลงมาจากบันไดอีกล่ะ”
โสมสุภางค์จ้องมองเถาว์เครือ
“เอ่อ โสมสุภางค์ ลูกเข้าใจในสิ่งที่แม่พูดใช่มั้ย มันฆ่าปิดปากบุญถิ่นเพราะมันไม่ต้องการให้บุญถิ่นพูดความจริง เรื่องที่หนูตกบันได ใช่มั้ยลูก ใช่มั้ย”
โสมสุภางค์ค่อยๆ หลบตาเถาว์เครืออย่างมีพิรุธ เริ่มเกิดสำนึกผิดในใจ
ปฐวีเข้ามาที่อพาร์มเมนท์ สมควรนำกระเป๋าเอกสาร เสื้อเชิ้ตและกางเกงทำงานหลายชุดตามเข้ามา
“เอาไปแขวนไว้ในห้องแล้วเปิดหน้าต่างให้ด้วยนะ”
“ครับ”
สมควรนำเสื้อผ้าไปเก็บ ปฐวีเดินสำรวจไปรอบๆ อพาร์ทเมนท์สีหน้าเคร่งขรึม สมควรกลับออกมา
“ให้ผมมารับคุณปฐวีตอนเช้า หรือจะให้ผมค้างที่ห้องข้างล่างครับ”
“มารับฉันตอนเช้า บ้านไม่มีใคร เผื่อคุณโสมสุภางค์มีปัญหา นายสมควรจะได้ช่วยคุณหมอแพรวาได้”
“ครับผม งั้นผมกลับล่ะครับ”
“เออ สมควร เรื่องลูกของบุญถิ่นที่หายไปน่ะ ตำรวจเขาพบตัวเด็กหรือยัง”
ปฐวีมองหน้าสมควร
ยุวดียืนซื้ออาหาร ปอนยืนอยู่ใกล้ๆ มองของเล่นเด็กด้วยความสนใจ ก่อนเดินแยกจากยุวดีไปหยิบจับของเล่น ตามประสาเด็ก ยุวดีมองหา ตกใจ
“น้อง น้อง หายไปไหนแล้ว”
ยุวดีเดินหาตัวเด็กชายจนพบ
“โธ่ อยู่นี่เอง รู้มั้ย พี่ตกใจเลย นึกว่าทำน้องหาย อยากได้หรือ พี่ก็ไม่ค่อยมีเงินนะ เท่าไหร่”
“เจ็ดสิบห้า” คนขายบอกราคา
“อะไรกัน ของเล่นตามนัดตั้งเจ็ดสิบห้า สามสิบห้าไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้”
“งั้นห้าสิบห้า”
“ขาดตัวเลยเจ๊ หกสิบ”
“หกสิบนี่ซื้อข้าวได้สองกล่องนะ แต่พี่จะซื้อให้ เอ้า หกสิบก็หกสิบ”
ยุวดีซื้อของเล่นส่งให้ ปอนรับมาด้วยความดีใจ เริ่มยิ้ม ยุวดีพาปอนเดินเข้ามาที่ร้านสะดวกซื้อ ในปั๊ม ปอนเริ่มมีความสุขขึ้น
“เดี๋ยวพี่ทำงาน น้องนั่งเล่นอยู่แถวๆ นี้นะ อย่าออกไปตากแดด อย่าออกไปเล่นซนหลังถังแก๊สนะ ออกเวรแล้วค่อยกลับห้องพร้อมกัน เข้าใจตามนี้นะ”
ปอนพยักหน้า
“อย่าพยักหน้า ไม่ใช่ลิง ตอบมาว่า”
“ครับ”
“ดี”
ถกลขับรถเข้ามาเติมน้ำมัน ปอนรีบหลบหลังยุวดี มองถกล
“น้อง เป็นอะไรน่ะ กลัวอะไร กลัวใคร”
ยุวดีมองตามสายตาของปอนไปยังถกล
“กลัวผู้ชายคนนั้นหรือ เอ๊ะ เราเคยเห็นหน้าไอ้หมอนี่ที่ไหนนะ”
ยุวดีรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา
ชิดชบาเลี่ยงออกมาอาเจียนเพราะอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง ทอมเดินตามมายืนกอดอกมองอยู่ไกลๆ ด้วยแววตาเงียบขรึม
“ทำไมไม่ไปขอยาแก้แพ้กิน”
“อย่ายุ่ง”
ชิดชบาอาเจียนโอ้กอ้าก ทอมผละไป ชิดชบาอิดโรย ไร้เรี่ยวแรง ทรุดตัวลงนั่ง มือกุมท้อง ก่อนจะเริ่มร้องไห้
“ฉันท้องหรือ ท้องกับผีห่าซาตาน ท้องกับผู้ชายที่ฉันเกลียดเขาเหมือนไส้เดือนกิ้งกือ ฉันท้อง”
ชิดชบาสะอื้นไห้ ทอมเข้ามายืนมองอย่างเงียบๆ ก่อนยื่นยาและแก้วน้ำให้
“เอ้า กินยาแก้แพ้นี่ซะ มันช่วยได้เยอะ”
ชิดชบาชะงัก เงยหน้าขึ้นมอง
“นายช่วยฉันทำไม”
“เคยท้อง เคยมีลูกไม่มีพ่อ รู้ ว่ามีความรู้สึกยังไง กินเข้าไปเถอะ ยานี่ ไปขอที่ห้องพยาบาลมาให้ เรื่องนักโทษหญิงท้องในคุกน่ะ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก”
“ไม่”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันอยากให้ชีวิตฉันกระอักกระอ่วนอย่างนี้ จนกว่าฉันจะสิ้นใจตาย”
“โง่ ตายทำไม ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่ชีวิตบัดซบน่ะ เราทุกคนที่นี่ก็ถูกความบัดซบส่งมาอยู่ด้วยกัน กินยานี่ซะ”
ทอมจับมือชิดชบาแบออก กระแทกยาใส่มือ พร้อมกับถ้วยน้ำก่อนเดินออกไป ชิดชบามองอย่างแปลกใจ
แพรวาจัดอาหารให้โสมสุภางค์โดยมีจำเรียงคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ
“เดี๋ยวเอาซุปข้าวโพดนี่อุ่นเสียก่อนค่อยใส่ถ้วยครอบ อาหารป้อนคนป่วยไม่ต้องร้อน เอ่อ จำเรียง”
“คะ”
“คุณปฐวีเขาทานมื้อค่ำกี่โมง”
ปฐวีนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ยาวในอพาร์ทเมนท์ ยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาสะดุ้งตื่น รีบดูเวลาก่อนรับสาย
“ครับ”
เสียงแพรวาดังมาจากปลายสาย
“คุณคงลำบาก ต้องแยกไปอยู่ห่างโสมสุภางค์ ฉันว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกค่ะ ฉันไม่ห่วงว่าใครจะคิดยังไง ฉันนับถือความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง”
“ผมไม่ได้ทำเพื่อให้คุณเถาว์เครือหรือใครๆ เข้าใจ แต่ผมเหนื่อย ขอเวลาผมอยู่นิ่งๆ ตามลำพังบ้าง”
“คุณทานอะไรหรือยัง”
“ขอบคุณครับคุณหมอ ผมฝากโสมสุภางค์ด้วย”
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 11 (ต่อ)
ปฐวีปิดโทรศัพท์ ถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกอ่อนล้า แพรวาปิดโทรศัพท์ด้วยความผิดหวัง เพราะปฐวีเป็นฝ่ายตัดสายก่อน
เถาว์เครือเดินเข้ามา จำเรียงยืนอยู่ใกล้ๆ กำลังจัดอาหารผู้ป่วยค้างอยู่ เถาว์เครือเยาะหยัน
“ถึงกับโทร.ไปออดอ้อนปฐวี แล้วจะให้ฉันเข้าใจว่ายังไง ถึงปฐวีจะแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการกลับไปนอนที่
อพาร์ทเมนท์ของเขา แต่ท่าทางหมอแพรวาจะไม่ยอมแพ้เลยนะ”
“คุณแม่ คุณแม่กำลังเข้าใจผิดนะคะ หนูก็แค่ห่วงว่า”
“ฮึ ห่วงหรือ มีหน้าที่ห่วงผัวของชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนว่ามีจิตอาสาจะมาช่วยดูแลโสมสุภางค์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนไงล่ะ”
แพรวาละอายใจ อับอาย
“คุณแม่”
“ไปซะ แล้วปล่อยเราไว้ตามลำพังแม่ลูก ฉันไม่อยากให้โสมสุภางค์ช็อคตาย เพราะรู้ว่าเพื่อนรักกำลังหักหลัง บาปอะไรก็ไม่เท่ากับแย่งผัวของผู้หญิงที่กำลังจะพิการหรอกนะ คุณหมอแพรวา”
แพรวาวางของในมือ ผลุนผลันออกไปด้วยความละอายใจ จำเรียงสงสาร เถาว์เครือหันไปตวาดจำเรียง
“ยืนเซ่ออยู่ทำไมยะ นังจำเรียง เอาอาหารขึ้นไปให้พยาบาลป้อนลูกสาวฉัน แล้วบอกพยาบาลด้วยว่าต่อไปนี้ ไม่ต้องฟังคำสั่งของใครทั้งนั้น นอกจากฉัน”
“ค่ะ คุณนาย”
จำเรียงรีบยกอาหารออกไป เถาว์เครือเชิดหน้า ยิ้มเยาะแพรวา
แพรวานั่งนิ่งๆ อยู่ในสวนสาธารณะ ด้วยความรู้สึกเสียใจ สะเทือนใจที่ถูกกล่าวหา ธวัชพงษ์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
“ฉันไม่ได้ร้องไห้”
“ผมเห็นคุณหมอทำท่าจะร้อง แต่ถ้าเป็นผม”
“ทำไม”
“ผมไม่ร้องหรอก ทำไม ก็เพราะผมไม่ได้แย่งสามีของใคร คุณมีเจตนาที่ดี คิดถึงเจตนานั้นไว้ซีครับ ผมน่ะ อาจจะต้องทำตัวเป็นคนเช็ดกระจกคอนโดฯ เพื่อจะเข้าไปติดเครื่องดักฟังบนระเบียงห้องนายชัยยงค์”
แพรวาหันมาจ้องหน้าธวัชพงษ์
“ภาพกับเสียงจะได้มาพร้อมๆ กัน”
“ธวัชพงษ์ แต่มันอันตรายนะ”
“จะทำยังไงได้ล่ะครับ ถ้าเราต้องการหลักฐานว่าพวกนั้นมีพฤติกรรมยังไง เราก็ต้องเสี่ยง”
“แต่มันจะมากไปมั้ย”
“ผมเข้าใกล้คนพวกนั้นไม่ได้ เพราะมันรู้จักผมดี ผมต้องหาวิธีที่เราจะได้คลิปเสียง เผื่อมันจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคดี”
แพรวานิ่งอึ้งไป ธวัชพงษ์เตือนแพรวา ให้กำลังใจ
“คุณหมอต้องอดทน กลับไปที่นั่นแล้วอ้างเหตุอะไรก็ได้ ยกเว้น เอ่อ แย่งสามี”
“คุณ”
“อย่าไปแย่งจริงๆ เลยนะครับ บาป”
แพรวาลุกขึ้น ตบหน้าธวัชพงษ์ด้วยความโกรธ
“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ คุณกำลังดูหมิ่นศักดิ์ศรีของฉัน”
ธวัชพงษ์คลำที่แก้ม ยิ้มในแววตา
“นี่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น คุณหมอไปตบเขาอย่างนี้ รู้มั้ยว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาอาจจะจูบคุณหมอ แบบตบแล้วจูบ”
แพรววาถอย กลัวธวัชพงษ์ปล้ำจูบ แต่ธวัชพงษ์กลับยกมือไหว้
“แต่ผมไม่ ขอบคุณครับ แล้วผมจะจำไว้ว่าคุณหมอแพรวาเคยตบผมด้วยความหวังดี”
แพรวาชะงัก มองหน้าธวัชพงษ์ด้วยความแปลกใจ
ชิดชบานั่งพิงต้นไม้เงียบๆ เศร้าหมอง ทอมคู่อริเดินเข้ามายืนมองอย่างเงียบๆ นิ่งๆ
“ไง ดีขึ้นมั้ย”
“ก็ดี แต่มันกระอักกระอ่วน นอนไม่หลับ”
“พวกยาแก้แพ้มันก็อย่างนี้แหละ หมอเขาถึงไม่ค่อยจ่ายให้ใคร ท้อง ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาด พักผ่อนเพียงพอ แล้วก็ อย่าคิดอะไรเยอะ”
“นายคิดอะไร ทำไมนายถึงได้กลับมาดีกับฉัน”
“มันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า”
ทอมมองไปที่ท้องของชิดชบา
“เด็กไม่มีความผิด ไม่ควรรับบาปของผู้ใหญ่ ก็แค่นั้น”
ชิดชบาค่อยๆ ก้มลงมองท้องของตัวเอง
“แล้วนี่ คิดว่าจะเก็บไว้รู้คนเดียวหรือ”
ชิดชบาน้ำตาคลอ ริมฝีปากสั่นสะท้าน
“ฉัน”
ชิดชบาปล่อยโฮ ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ
ปฐวีแต่งตัวเตรียมออกไปทำงาน เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น เขาเดินไปเปิด แพรวายืนอยู่พร้อมกับกล่องอาหาร
“ฉันให้จำเรียงทำอาหารมาให้ คุณแช่ตู้เย็นไว้ จะทานก็อุ่นเวฟ ไม่ต้องห่วงโสมสุภางค์ ฉันจะดูแลโสมสุภางค์ไม่ให้คลาดสายตา นี่ค่ะ อาหารของคุณ”
แพรวาส่งกล่องอาหารให้ปฐวี แล้วเดินออกไป ปฐวีมองด้วยความแปลกใจ
ชัยยงค์เกรี้ยวกราดใส่ชัยญาและถกลเรื่องแผนฆ่าชิดชบาในคุก
“มีข่าวนักโทษหญิงตีกันในเรือนจำ แต่ไม่มีข่าวใครตาย นี่จะให้ฉันเข้าใจว่ายังไง แกทำงานพลาดอีกแล้วหรือ”
“เอ่อ ยังไงวะ”
ชัยญาหันไปถามถกล
“แก ฉันถามแก แกอาสาว่าแกมีคนข้างในที่เก็บชิดชบาได้ แกก็รู้นี่ ว่าเราต้องตัดไฟแต่ต้นลม เพราะถ้าชิดชบาสู้คดีแล้วรอด พวกเราจะไม่มีที่ยืนในสังคมนี้”
“ผมจะเร่งให้”
“เร็ว ฉวยโอกาสตอนที่ชิดชบามีชื่อเป็นหัวโจกเรื่องก่อเหตุวิวาทในเรือนจำ เจ้าหน้าที่เขาจะได้จับมือใครดมไม่ได้”
“ครับ พ่อ”
“แกรู้มั้ยว่าฉันเอียนยายคุณนายเถาว์เครือเต็มทีแล้ว ฉันอยากจะให้เรื่องมันจบ ถ้าสาวไปถึงปฐวีได้ยิ่งดี มันจะได้โยงไปถึงการสร้างบ่อนพนันกลางเมืองของเขา เห็นมั้ยว่าฉันวางแผนไว้กี่ชั้น แกต้องฆ่าชิดชบาให้ได้”
ชัยยงค์ชี้หน้าชัยญา
ยุวดีเปิดประตูห้องพัก จูงมือปอนเข้ามานั่ง ปอนนั่งก้มหน้านิ่งมือยังกำของเล่นที่ยุวดีซื้อให้
“บอกพี่ได้หรือยังว่าน้องกลัวผู้ชายคนนั้นทำไม ผู้ชายคนที่เข้ามาเติมน้ำมันที่ปั๊ม มันทำอะไรน้อง บอกพี่เถอะ ถ้าไม่อยากให้พี่บอกตำรวจพี่ก็จะไม่บอก”
“มัน”
“มันทำอะไร มันล่วงเกิน เอ่อ มันทำอะไรๆ น้องใช่มั้ย”
“เปล่า”
“ถ้ามันไม่ได้ทำอะไรน้อง น้องกลัวมันทำไม”
ปอนเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
“แม่ จะหาแม่”
ยุวดีดึงเด็กชายเข้ามากอดไว้ด้วยความสงสาร
เฉวียงมาพบชิดชบาในฐานะทนาย ผู้ทำหน้าที่แก้ต่างฝ่ายจำเลย
“เด็กหายไปครับ ตำรวจเขาส่งเรื่องไปที่มูลนิธิเด็ก ขอความร่วมมือให้ประกาศหาเด็กหาย เด็กคนนี้เป็นลูกของบุญถิ่น หายตัวจากโรงเรียนที่อีสาน ไม่มีเบาะแส ไม่มีร่องรอย”
“เด็กหรือ”
“ครับ ตำรวจเชื่อว่าเด็กอาจจะถูกหลอกให้มาหาแม่ ตำรวจเขาไม่พบศพเด็ก เขาสันนิษฐานว่าเด็กยังมีวิตอยู่ครับ”
“เด็ก ผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้ชายครับ เป็นลูกที่เกิดจากสามีเก่าของบุญถิ่น ก่อนที่บุญถิ่นจะมาอยู่กับนายสมควร”
“แล้วคุณลุงคิดว่าเด็กเกี่ยวข้องอะไรกับการตายของบุญถิ่นหรือเปล่าคะ”
“ตำรวจเขาคิดว่า เด็กคงถูกหลอกมาเพื่อบีบบุญถิ่นเรื่องการให้การ”
“แล้วเขาก็เชื่อว่าเป็นหนูใช่มั้ยคะ”
“เขากำลังหาหลักฐานที่ยืนยันความจริง มันอยู่ที่ตัวเด็ก ต้องหาเด็กให้พบครับ”
“คนที่ฆ่าบุญถิ่น ต้องการให้หนูติดคุก เขาต้องได้ประโยชน์กับการติดคุกของหนู บ้าน คนที่ต้องการบ้านหลังนั้น นอกจากนายปฐวีแล้ว จะมีใคร”
“ตอนนี้คุณปฐวีเขาขอให้คุณนายเถาว์เครือถอนคัดค้านการประกันตัว ที่สำคัญ ผมหาคนที่ยืนยันไม่ได้ว่าคุณอยู่ที่ผับ คนมันเยอะ ไม่มีใครสนใจใคร คนที่จำได้ก็ปฏิเสธเพราะไม่อยากยุ่ง”
“ปฐวีน่ะหรือ ขอให้คุณนายเถาว์เครือถอนคัดค้านการประกันตัวของหนู เขาทำอย่างนั้นทำไม”
“เขาอ้างว่า เขาต้องการให้ฝ่ายเราพิสูจน์ตัวเองอย่างยุติธรรม”
“ปฐวีน่ะหรือ”
ชิดชบาแปลกใจ
จำเรียงกำลังรดน้ำต้นไม้ สมควรขับรถเข้ามาจอด ปฐวีลงจากรถมา
“อุ๊ย คุณปฐวีมา”
“คุณโสมสุภางค์เป็นยังไงบ้าง จำเรียง”
“คุณหมอแพรวากำลังอบรมพยาบาล จะให้คุณพยาบาลผลัดเปลี่ยนกัน เข้าไปนอนเป็นเพื่อนคุณโสมสุภางค์คืนละคนค่ะ”
ปฐวีมองขึ้นไปยังระเบียงคฤหาสน์
“แล้วคุณเถาว์เครือล่ะ อยู่หรือเปล่า”
“เอ่อ”
จำเรียงอึกอัก
เถาว์เครืออยู่ที่คอนโดฯกับชัยยงค์ ลนลานไปด้วยความหวั่นกลัว
“ฆ่าชิดชบาหรือ”
“ใช่ ผมเพิ่งรู้เรื่องเด็ก นี่ยังตามตัวชัยญากับถกลไม่เจอเลย ไม่รู้มันไปทำท่าไหนถึงได้ปล่อยให้เด็กหนีไปได้ ตำรวจส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่ทำเรื่องเกี่ยวกับเด็กหาย”
“นี่ นี่ หมายความว่า ลูกนังบุญถิ่นยังไม่ตายอีกหรือ ฉันนึกว่า”
“ผมก็คิดอย่างคุณ ถึงต้องเร่งมือสังหาร ให้จัดการชิดชบาในคุก”
“งั้นก็อย่าช้าเลยค่ะ ทำอะไรก็ทำเถอะ ก่อนที่เรื่องมันจะพัวพันมาถึงตัวเรา ฉันไม่รู้ว่าปฐวีเขาคิดอะไร แต่เขากลับลำ ไม่เห็นด้วยที่ฉันค้านการประกันตัวของทนายเฉวียง”
“เขาคงจะได้กลิ่นจากศพของบุญถิ่นน่ะซี”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ชัยญา นั่นแกอยู่ไหน”
ชัยญาและอุราศรีใส่ชุดแข่งรถ เขาเลี่ยงออกไปพูดโทรศัพท์ทิ้งให้อุราศรีนั่งดูการแข่งรถอยู่คนเดียว ถกลรีบตามชัยญาออกไป
“ผมอยู่สนามแข่งรถ จริงหรือ ผม ผมอธิบายตอนนี้ไม่ได้ แต่พ่อไม่ต้องห่วง เรื่องชิดชบาน่ะ ผมจัดการเอง”
ชัยญาปิดโทรศัพท์ จ้องหน้าถกล
“ฉันนึกแล้วว่าเราต้องเดือดร้อนเรื่องเด็กนั่น แกไปจัดการชิดชบาเดี๋ยวนี้”
ถกลไปที่เรือนจำ ผู้คุมหญิงนำตัวทอม คู่อริของชิดชบาเข้ามา ถกลนั่งรออยู่ ทอมหันไปมองผู้คุมก่อนเดินเข้ามานั่งลง ผู้คุมเดินออกไป
“ทำไมแกทำไม่สำเร็จ เจ้านายสั่งแล้วใช่มั้ยว่าให้แกจัดการเก็บมัน”
“ที่ทำไม่ได้ เพราะเราตกลงกันว่าให้ฆ่าชิดชบาคนเดียว”
“แล้วยังไง”
ทอมยื่นหน้าเข้าแนบกระจก จ้องถกลอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ใช่สองคน”
ทอมชี้ไปที่ท้องตัวเอง ก่อนเลิกคิ้วท้าทาย
ปฐวีเคาะประตูห้องโสมสุภางค์เบาๆ ก่อนเปิดเข้ามา พยาบาลที่กำลังดูแลโสมสุภางค์เลี่ยงออกไป เขาวางมือลงบนไหล่ของโสมสุภางค์ โสมสุภางค์นิ่งเฉย ความเจ็บปวดฉายในแววตา
“ผมกลับไปนอนที่อพาร์ทเมนท์ งานยุ่ง หวังว่าคุณหมอแพรวากับพยาบาลคงจะดูแลคุณอย่างดี เรื่องคดียังไปไม่ถึงไหน ทนายฝ่ายจำเลยกำลังหาหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของลูกความ มันยังมีเรื่อง เด็ก เอ่อ ช่างเถอะ คุณรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
โสมสุภางค์ร้อนใจเมื่อได้ยินคำว่าเด็ก
“คุณทำใจให้สบายนะ ผมไม่เคยอยากจากคุณเลย แต่เพื่อความสบายใจของทุกคน ผมจำเป็นต้องทำ”
โสมสุภางค์กระดิกปลายนิ้ว สัมผัสปลายนิ้วของปฐวี
“คุณต้องขยันทำกายภาพบำบัดนะ ผมเชื่อว่าคุณต้องกลับมาเดินได้อีก แล้วจากนั้น เราจะจดทะเบียน แล้วไปปารีสกันอีก เราจะไปปารีสกันตามลำพัง”
ปฐวีโอบกอดโสมสุภางค์ไว้อย่างอ่อนโยน รักใคร่ ประตูค่อยๆ เผยอออก แพรวามองงปฐวีและโสมสุภางค์
ด้วยความสะเทือนใจ
เถาว์เครืออุทานอย่างตื่นตระหนก เมื่อรู้ว่าชิดชบาตั้งครรภ์ ชัยยงค์ ชัยญา และถกลลำบากใจ
“ท้องหรือ กับใคร”
“กับใครเสียอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่นายปฐวีลูกเขยของคุณ”
“ท้อง”
“ครับ ท้อง คนของผมในนั้นก็เลยฆ่าชิดชบาไม่ได้ อ้างว่าไม่ได้ตกลงกันว่าจะให้ฆ่าทีเดียวสองคน ทั้งแม่ทั้งลูก”
“ก็เพิ่มเงินให้มันซีวะ” ชัยญาตวาด
“ใช่ ให้เงินมันอีก แต่อย่าใช้วิธีโอนเข้าบัญชี เพราะถ้าตำรวจเขาสงสัย เขาตามที่มาที่ไปของเงินได้ อะไรๆ มันชักจะไม่ง่าย”
“พ่อไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้ คนของเราข้างในไม่ได้มีไอ้ห้าวคนเดียว”
“ครับ ผมยังมีคนในนั้นอีก”
“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้มีคนรู้แล้วว่าเราจะฆ่าชิดชบา เท่ากับมีพยานเพิ่มขึ้นมาอีกปาก เพราะฉะนั้น แกรู้นะ ว่าแกต้องทำยังไง”
“ครับ เจ้านาย”
ตลอดเวลา เถาว์เครือมองหน้าชัยยงค์ ชัยญาและถกลไปมา เห็นพฤติกรรมที่เหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ ของคนทั้งสาม
คืนนั้น เถาว์เครือกลับไปที่บ้านด้วยความหวั่นวิตก
“นี่ฉันถลำลึกเข้าไปไกลถึงขนาดนี้เชียวหรือ ไม่ ไม่ได้ ฉันจะยอมให้นังชิดชบารอดออกมาชี้ความผิดของฉันไม่ได้”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แพรวาเปิดเข้ามา เถาว์เครือรีบเบือนหน้าหนีกลบร่องรอยพิรุธ
“เพิ่งกลับมาหรือคะคุณแม่ วันนี้คุณปฐวีเขามาเยี่ยมโสมสุภางค์ค่ะ เขาไม่ได้ค้าง เขาคงไม่ต้องการให้คุณแม่ไม่สบายใจ”
“ฉันคนเดียวน่ะไม่เป็นไรหรอก ฉันทนได้ แต่โสมสุภางค์นี่ซี ลูกฉันอยู่อย่างคนพิการ ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรนะ”
“ถ้าคุณแม่หมายถึงเรื่องนั้นล่ะก็ โปรดสบายใจได้ค่ะ มันจะไม่เกิดขึ้น”
“แหม นี่หมอแพรวากล้าออกตัวให้สัญญาเชียวหรือ ฉันน่ะ เห็นโลกมามาก แล้วก็เห็นการแย่งผัวมาเยอะ มันไม่มีสัญญาข้อไหนที่ละเมิดไม่ได้ ดูอย่างเงื่อนไขที่ปฐวีเขาสร้างขึ้นมาเรื่องบ้านหลังนี้ซี ตอนนี้มันแหกกฎแหกคอกจนพังไปหมดแล้ว”
“สัญญา”
“ปฐวีเขายึดบ้านได้ถ้าเขาจะยึด แต่นี่ เขาทำเหมือนจะเล่นเกมต่อไปอีก ฉันจะไม่ยอมเรื่องคัดค้านประกันตัว ฉันบอกตรงๆ ฉันกลัวชิดชบา”
เถาว์เครือสบตาแพรวาอย่างท้าทาย
กลางคืน ชิดชบานั่งก้มหน้านิ่ง ซึมเศร้า เพราะตั้งครรภ์ ทอมนั่งอยู่มุมหนึ่ง เมินหน้าไป
“คุณคงสงสัยว่าทำไมฉันต้องเข้ามาอยู่ในนี้ ฉันถูกข่มขืน”
ชิดชบาตื่นตระหนก
“ข่มขืน”
“คุณคงรู้นะว่าสภาพจิตใจของฉันเป็นยังไง ฉันเป็นผู้ชาย แต่ถูกผู้ชายหกคนรุมข่มขืน มันยิ่งกว่าฝันร้าย มันสกปรก มันโสโครก มันน่าขยะแขยง มันเหมือนสัตว์”
ทอมนึกถึงภาพที่ตัวเองถูกข่มขืน เธอควานหามีด แล้วเสียบหลังของผู้ชายที่กำลังข่มขืน คนร้ายอีกห้าคนผงะ แล้ววิ่งหนีออกไป
“ฉันถูกจับ ฉันไม่ได้บอกใครว่าถูกข่มขืน”
ทอมนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น เธอผละออกจากร่างของคนร้ายที่มีมีดเสียบอยู่ ถอยออกไปหยุดยืนมองด้วยความคั่งแค้น เจ็บปวด และอับอาย
“แล้วฉันก็ถูกส่งเข้ามาอยู่ที่นี่”
“นาย”
“ชีวิตน่ะ คุณจะอยู่ในหรือนอกคุก มีสิทธิ์ได้รับความโหดเท่าๆ กัน คุณยังดีที่คุณเป็นผู้หญิงที่ท้องกับผู้ชาย แต่ฉัน เป็นผู้ชายที่ท้องกับผู้ชาย”
“โธ่”
ชิดชบาความสงสารมาก
“แล้วลูกของนายล่ะ ลูก”
ทอมลุกเดินออกไป ชิดชบารีบตามออกไป แสงสลัวภายในเรือนนอนนักโทษหญิง มืดจนมองไม่เห็นผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ นักโทษคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่พร้อมเหล็กแหลม แล้วโผเข้าแทงทอมคนนั้นทันที ก่อนวิ่งหลบไป ชิดชบาวิ่งตามเข้ามา
“นาย ห้าว นายเป็นอะไรน่ะ”
“ถูก ถูกแทง”
“ถูกแทงหรือ ช่วยด้วย ช่วยด้วย ห้าวถูกแทง”
นักโทษหญิงในเรือนนอนวิ่งกรูกันลงมารุมล้อมอย่างตื่นตระหนก
“ห้าว นายเป็นยังไงบ้าง ไม่นะ นายต้องไม่ตาย นายต้องอยู่ นายมีลูก นายต้องเลี้ยงลูกให้โต ห้าว ลืมตา ลืมตาเดี๋ยวนี้นะ”
ผู้คุมหญิงวิ่งแทรกนักโทษหญิงที่รุมล้อมเข้ามา
“หลีก ใครเป็นอะไร”
“ห้าวถูกแทงค่ะ ช่วยด้วย เอาไปโรงพยาบาลที”
ผู้คุมหลายคนวิ่งเข้ามาประคองร่างของทอมที่เต็มไปด้วยเลือดออกไป ชิดชบาและนักโทษหญิงคนอื่นๆ ต่างมองตามไปอย่างตื่นตระหนก
“นายอย่าเป็นอะไรนะ อย่าตายนะ”
จบตอนที่ 11