xs
xsm
sm
md
lg

สื่อริษยา ตอนที่ 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สื่อริษยา ตอนที่ 2

ขณะเดียวกันนั้น ศรัณอยู่ในออฟฟิศที่บ้านสมุทรสงคราม กำลังเซ็นเอกสารให้พนักงาน

“มีอะไรให้ผมเซ็นอีกมั้ย ผมจะไปดูน้าพรที่บ้าน”
“น้าพรเป็นยังไงบ้างคะ” พนักงาน 1 ถาม
“โทร.ไปหาเมื่อเช้า บ่นว่าปวดขา ตอนโดนรถเฉี่ยว โดนตรงขาน่ะ”
พนักงาน 2 เย้า “ไม่มีอะไรให้เซ็นแล้วค่ะ คุณศรัณไปดูแม่ยายเถอะ”
“หืม ว่าที่ครับ ยังไม่ใช่แม่ยาย”
ศรัณเหล่พนักงาน ชอบแซวเรื่องดาวนักเชียว แล้วเดินอมยิ้มออกไป

อีกฟาก ตุ่นเดินแต๊ดๆ แต๋ ตูดบิด ลงบันไดมายังโถงล็อบบี้สถานี พลางคุยโทรศัพท์
“ตุ่นจะเอาไปเสื้อพิธีกรที่ร้านคุณเมย์ซักบ่ายโมงนะฮะ”
ตุ่นลงมาถึงโถงล่าง พบว่าแฟนคลับออกันอยู่ในนั้นเพียบ แต่ละคนถือป้ายให้กำลังใจ บางคนมีช่อดอกไม้โปรดของปัญชลี
ตุ่นฉอเลาะตากล้องหนุ่ม “ตะเอง มีงานอะไรเหรอ”
“แถลงข่าวรายการถามตรงกับปัญชลีเมื่อวาน”
ตุ่นระริกระรื่นกับหนุ่มอยู่ พอรู้ว่าเกี่ยวกับปัญชลี นางก็หน้าหงิกทันควัน

ขณะที่ดาวกับพี่ๆ ทีมงานกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ เพื่อเตรียมทำสคริปต์ข่าว ตุ่นกลับมา
จอยแปลกใจ “ลืมของเหรอเจ๊”
“รีเทิร์น กลับมารายงานฮอตนิวส์ ฮ่าข้างล่างมีแถลงข่าวนังจิ้งจอก”
ตุ่นกดรีโมทเปิดทีวี

ในห้องแถลงข่าวช่อง บริเวณชั้น 1 ของอาคารหลัก
ภาสกรเปิดแถลงข่าวกรณีความวุ่นวายในรายการถามตรงกับปัญชลีเมื่อคืนวาน มีปัญชลีกับภาสุรีร่วมแถลงข่าวด้วย นักข่าวมากันหลายสำนัก แฟนคลับปัญชลีมาให้กำลังใจ
“ผมในฐานะตัวแทนสถานีโทรทัศน์ THAIKK ต้องขอโทษทุกท่าน สำหรับภาพเหตุการณ์ไม่เหมาะสม ในรายการถามตรงกับปัญชลีเมื่อคืน”
ทีมงาน ดาว ตุ่น จอยและแอน กำลังดูแถลงข่าวทางทีวีซึ่งช่อง THAIKK ถ่ายสด ดาวอยากลงไปดูภาสกรข้างล่างจึงหาข้ออ้าง
“ดาวจะไปซื้อขนมหน้าสถานี ใครเอาอะไรมั้ยคะ”
“ไม่จ้ะ ขอบใจ”
ดาวเดินออกไป ใจลอยไปถึงห้องแถลงข่าวล่วงหน้าแล้ว

ดาวเข้ามาในห้องแถลงข่าว เห็นคนเยอะมาก สื่อแน่นขนัด ไหนจะเอฟซีปัญชลีอีกพะเรอ ดาวแทรกตัวหาช่องเพื่อดูภาสกรชัดๆ โดยไม่มีใครบัง บนเวที ภาสกรแถลงข่าวต่อ
“เราจะแถลงคำขอโทษอย่างเป็นการทาง ในเว็บไซต์สถานีด้วยครับ”
ดาวเผลอยิ้มหวาน มองภาสกร ผู้ชายคนนี้เลิศเลอเพอร์เฟคมาก
“ดิชั้นในฐานะหัวหน้าฝ่ายรายการ ขอน้อมรับคำติติงจากทุกคน และจะนำเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียน ไม่ประมาทเลินเล่ออีกค่ะ” ภาสุรีเสริมพี่ชาย
“เหตุการณ์เมื่อคืน ดิชั้นเสียใจมากที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้”
ดาวไม่สนใจฟังปัญชลีพูดเลย เอาแต่มองภาสกร ตาหวานเชื่อม ตุ่นโผล่มาข้างหลังดาว
“ฮั่นแน่ชะนีน้อย บอกจะไปซื้อขนม แอบมาดูคุณภาสกร”
ดาวตีหน้าใสซื่อ “ดาวแค่แวะมาดูค่ะ”
ตุ่นรู้ทัน “แหมๆๆ ไม่ต้องอายหรอกย่ะ เค้าก็อยากกินคุณภาสกรกันทั้งตึกนั่นแหละ แต่ไม่รู้คุณภาสกรคิดยังไง ไปกินตับนังจิ้งจอก”
ดาวชะงัก “คุณภาสกรกับคุณปัญชลีเป็น...”
“ผัวเมียกัน”
ดาวหันขวับมองภาสกรกับปัญชลีที่นั่งข้างๆ กัน
“ดิชั้นขอฝากถึงเยาวชน การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ดิชั้นได้ระวังที่สุดแล้ว แต่ก็ผิดพลาดจนได้ ดิชั้นต้องขอโทษคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองไว้ในที่นี้ด้วยนะคะ”
“ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ นักข่าวมากนะครับ ที่มาวันนี้ ขอบคุณมากครับ”
ดาวแสนเสียดาย ผู้ชายผู้ซึ่งหล่อลาก รวยมาก และเก่งมากตรงหน้า

เขาเป็นสามีปัญชลี พิธีกร และผู้ประกาศข่าวเบอร์ 1ของสถานี

ทางด้านศรัณเข็นรถพาสมพรมายังห้องเอ็กซเรย์ของโรงพยาบาลเดิม สมพรมีอาการปวดขาจากการโดนรถเฉี่ยวเมื่อวาน

“ไม่ต้องกลัวนะครับน้า เอ็กซเรย์ไม่เจ็บ”
เจ้าหน้าที่เข็นสมพรเข้าห้องเอ็กซเรย์ ศรัณมองตามด้วยความเป็นห่วง

หลังแถลงข่าวเสร็จ ปัญชลีออกมาถ่ายรูปรับดอกไม้จากแฟนคลับ มีภาสกรยืนยิ้มให้กำลังใจใกล้ๆ ห่างออกไปภาสุรีกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว
ปัญชลียิ้มแย้มบอกกับแฟนคลับว่า “ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ ลีจะตั้งใจผลิตรายการดีๆ เพื่อแฟนคลับทุกคนค่ะ”
“ขอถ่ายรูปคู่คุณลีกับคุณภาสกรค่ะ” เสียงแฟนคลับร้องเซ็งแซ่
“ถ่ายกับคุณลีเถอะครับ เชิญตามสบาย” ภาสกรออกตัวสุภาพมาก
ดาวกับตุ่นมองภาสกรตาวาว อยากกินภาสกรทั้งคู่
ตุ่นออกอาการเปรี้ยวปากซี๊ดซ๊าดประสาตุ๊ดหื่น “ผู้ชายอะไร้ น่ากินตั้งแต่หัวยันหาง”
“ดูคุณภาสกรไม่ค่อยชอบออกสื่อนะคะ” ดาวตั้งข้อสังเกต
“คุณภาสกรเป็นคนเก็บตัวน่ะ วุ้ย เจ๊เห็นแล้ว อยากเก็บคุณภาสกรไว้เป็นผัวส่วนตัว”
โทรศัพท์มือถือดาวมีสายเข้า ดาวดูหน้าจอมือถือ เห็นว่าใครโทร.มา จึงไม่รับสาย
ปลายสายโทรมาอีก ดาวทำหน้ารำคาญ กดไม่รับ ดาวกำลังจับจ้องมองภาสกรอยู่

สายนั้นโทร.มาจากหน้าห้องเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาล เป็นศรัณที่พยายามโทร.หาดาว แต่ดาวไม่รับ
“ดาวคงทำงานอยู่”
หนุ่มโลกสวยเลิกโทร.หาดาว

ดาวเห็นภาสกรช่วยปัญชลีถือช่อดอกไม้ แล้วยังยืนรอปัญชลีถ่ายรูปกับแฟนคลับ ยิ่งอิจฉาปัญชลีสุดจะประมาณ มีแฟนหล่อรวย แถมดูแลเอาใจใส่ปัญชลีดีมาก

ทีมงานไม่มีใครอยู่ที่โต๊ะ มีดาวนั่งอยู่คนเดียว ดาวนึกถึงภาสกรกับปัญชลี และคำพูดเจ๊ตุ่น
“เค้าก็อยากกินคุณภาสกรกันทั้งตึกนั่นแหละ แต่ไม่รู้คุณภาสกรคิดยังไง ไปกินตับนังจิ้งจอก”
“คุณภาสกรกับคุณปัญชลีเป็น...”
“ผัวเมียกัน”
นึกแล้วดาวสุดจะเซ็ง หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในใจ
“ผู้ชายเพอร์เฟค รายไหนรายนั้น มีเจ้าของแล้ว เค้าแต่งงานกันมากี่ปีแล้ว”
ดาวพึมพำอยากรู้ชีวิตคู่ภาสกรกับปัญชลี จึงลองเซิร์ช หาข้อมูลในกูเกิ้ล
หน้าจอคอมพ์ขึ้นรูปภาสกร พร้อมประวัติ ดาวอ่านประวัติภาสกรในเน็ต
“นายภาสกร หิรัญกุล เป็นบุตรชายคนโตของเจ้าของสถานีโทรทัศน์ THAIKK หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี บินไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการสถานีโทรทัศน์ สถานภาพสมรส โสด”
ดาวอ่านตรงนี้แล้วชะงัก “อ้าว ไหนเจ๊ตุ่นว่า คุณภาสรกับคุณปัญชลีเป็นผัวเมียกัน ยังไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อย”
ดาวคลายยิ้ม มีหวังในตัวภาสกรขึ้นมาอีก

หน้าห้องชั้นผู้บริหาร ติดป้าย “ประธานกรรมการ” เด่นหรา โดยที่วิไลลักษณ์ไม่มีเลขาส่วนตัว ภายในห้องตอนนี้ วิไลลักษณ์ทุ่มเถียงอยู่กับปัญชลีเรื่องคลิปและรายการที่ดังกระฉ่อนเมืองในแง่ลบ โดยครอบครัวทุกคนอยู่ด้วย
“อย่าอ้างว่าเหตุวิสัย เธอไม่รอบคอบ ปล่อยให้แขกรับเชิญตบกันกลางรายการ”
“รถสองคันจะชนกัน คุณแม่ขับอยู่ตรงกลาง คุณแม่จะหลบยังไงคะ
“ไม่ต้องมาอุปมาอุปไมยกับชั้น ผิดก็ต้องยอมรับผิด”
ปัญชลี น้ำเสียงค่อนข้างแข็ง “ค่ะลีผิด ลีขอโทษ”
ภาสกรขัดขึ้นเหมือนตัดบท “ผมพาลีมาขอโทษคุณแม่แล้ว เรากลับไปทำงานต่อนะครับ”
ภาสกรพาปัญชลีออกไป ปัญชลีหน้าตึง ไม่ชอบที่วิไลลักษณ์ด่าเอาๆ
“ปกป้องเมียเข้าไป เมียทำงานผิดพลาด ไม่ว่าซักคำ” วิไลลักษณ์อารมณ์บูด
“การที่ลูกพาลีมาขอโทษคุณ แสดงว่าลูกรู้ว่าลีทำผิด” โอภาสว่า
ภาสุรีเอ่ยขึ้น “คุณแม่คะ ถึงพี่ภาสรักลีมากแค่ไหน ภาก็มั่นใจ พี่ภาสแยกแยะงานกับเรื่อง
ส่วนตัวได้ค่ะ”

วิไลลักษณ์หน้าตึง ไม่ชอบปัญชลีเอามากๆ

เย็นนั้น ดาว ท็อป จอย ลงมาข้างล่าง จะออกไปกินข้าว

“ตอนเย็น แถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรกิน เราขับรถไปกินไกลๆ กันมั้ยคะอีกตั้งนานกว่าจะประชุมช่วงค่ำ”
วิไลลักษณ์กับโอภาสออกมาจากลิฟต์ พนักงานทุกคนไหว้นายทั้งสอง ดาวก็ไหว้ วิไลลักษณ์มาดราวกับนางพญา หยิ่งมาก ขณะที่โอกาสใบหน้าระบายยิ้ม เป็นกันเองกับพนักงาน ไม่หยิ่งเหมือนภรรย
“นั่นคุณวิไลลักษณ์ เจ้าของช่องนี่คะ ดาวเห็นในข่าวบ่อยๆ”
“วันนี้คุณวิไลลักษณ์เข้าช่อง ต้องเพราะเรื่องคุณปัญชลี” ท็อปบอกดาว “ปกติคุณวิไลลักษณ์ไม่ค่อยเข้ามา กำลังจะวางมือ”
“เหรอคะ ไม่เห็นมีข่าวเลย”
“รู้เป็นการภายในน่ะ”
สามคนเดินคุยกันพลางมองวิไลลักษณ์กับโอภาสที่เดินอยู่ข้างหน้า ห่าง ๆ
“ดาวเคยอ่านประวัติคุณวิไลลักษณ์ สื่อมวลชนให้ฉายาว่า เจ้าแม่สื่อ” ดาวว่า
“คุณวิไลลักษณ์เป็นลูกสาวผู้ก่อตั้งสถานี THAIKK ทำจนสถานีโด่งดัง สมัยก่อนถือว่าเป็นมือหนึ่งในวงการทีวี” แอนบอก
“แล้วสามีคุณวิไลลักษณ์ล่ะค่ะ ทำอะไรที่ช่อง” ดาวซัก เก็บข้อมูล
“คุณโอภาสเป็นลูกหม้อเก่าของสถานี ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุน เห็นว่ากำลังจะเกษียณพร้อมคุณวิไลลักษณ์” ท็อปว่า
ดาวมองโอภาสกับวิไลลักษณ์ขึ้นรถหรูหน้าอาคารสถานี ฝันอยากเกี่ยวดองกับมหาเศรษฐีสองสามีภรรยาคู่นั้น
“ผู้หญิงคนไหนได้เป็นลูกสะใภ้คุณโอภาสกับคุณวิไลลักษณ์ ต้องโชคดีมากนะคะรวยมหาศาล มีอิทธิพลในวงการสื่อ”
ท็อป กะ แอนพูดพร้อมกันว่า “ปัญชลี” พอพูดชื่อนี้ออกมาสองคนก็ทำหน้าห่อเหี่ยวทั้งคู่
ดาวห่อเหี่ยวหนักกว่าท็อปกับแอน ด้วยอยากเป็นลูกสะใภ้มหาเศรษฐีคู่นั้น แทนปัญชลี

คืนนี้เสร็จงานดึก ดาวไขกุญแจเข้าคอนโดมา แล้วต้องแปลกใจมาก ที่เห็นศรัณนั่งดูทีวีอยู่ในนั้น
“จะมาทำไมไม่บอกก่อนคะ”
“พี่โทร.มาเป็นสิบๆ หน ดาวไม่รับสาย”
ดาวเดินมานั่งด้วย โกหกตาใส “ดาวมัวแต่ทำงาน ไม่ได้ดู มิส คอลล์ ค่ะ”
“วันนี้พี่พาน้าพรไปโรงพยาบาล น้าพรปวดขาข้างที่โดนรถเฉี่ยว”
ดาวแสร้งทำเป็นห่วงแม่ “แม่เป็นอะไรมากมั้ยคะ”
“กล้ามเนื้อน้าพรอักเสบ หมอให้ยามากิน ดาว วันหยุดนี้ ดาวกลับบ้านไปดูน้าพรนะจ๊ะ”
ดาวตีหน้าเศร้า ให้ศรัณเห็นใจและสงสารเธอ
“ดาวอยู่ทางนี้ต้องทำงานหนัก ส่งเงินไปให้แม่ บางทีวันหยุด ก็ต้องออกไปทำข่าว งาน...เอาเวลาดาวไปหมด จนดาวไม่มีเวลาให้แม่ ดาวรู้สึกผิดกับแม่จังค่ะ”
ดาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ โดยไม่มีน้ำตา
“อย่าว่าตัวเองซีจ๊ะ ที่พี่มาเนี่ย เพราะพี่จะมาอยู่รอรับดาว กลับสมุทรสงครามวันเสาร์นี้ ดาวได้ไม่ต้องขับรถเองให้เหนื่อย”
“ไม่ติดว่าต้องทำงาน ดาวอยากกลับไปดูแม่เดี๋ยวนี้เลย” เธอว่า
“อีกไม่กี่วันก็วันเสาร์แล้วจ้ะ”
ศรัณสงสารดาว คิดว่าเธอรู้สึกผิดต่อแม่จริงๆ หนุ่มลูกน้ำเค็มกอดปลอบใจคนรัก ดาวเฉยๆ ในอ้อมกอดศรัณ ไม่ได้รักพิศวาสศรัณอะไรนักหนาแล้ว

คืนเดียวกัน ภานุขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เข้ามาในอาณาเขตคฤหาสน์หลังใหญ่ บ้านหิรัญกุล เจ้าของช่อง THAIKK คนรถวิ่งมารับ เอามอเตอร์ไซค์ไปจอดในโรงรถ
ที่แท้เขาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูล หิรัญกุล
วิไลลักษณ์ที่รออยู่ยินเสียงรถรีบออกมารอรับลูกชาย ถามอย่างเป็นห่วง
“หลงทางเหรอลูก กลับซะดึกเชียว”
“ไปขี่รถเล่นมาครับคุณแม่”
“ทีหลังไปไหน โทร.มาบอกแม่ด้วย”
ภานุขัน “คุณแม่คร้าบ ผมไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษตั้งแต่เด็ก อยู่ที่นั่นคนเดียวจนจบมหาวิทยาลัย ผมดูแลตัวเองได้ครับ”
“ลูกเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทย ไม่รู้จักถนนหนทาง เอ๊ะ ตอนออกไป ลูกสวมกันน็อคนี่”
“มือดีแฮ้ปหมวกกันน็อคผมไปครับ”
ภานุนึกถึงหน้าแพรพรรณ หน้านิ่วคิ้วขมวด ยัยคนนั้นแสบน่าดู

สองแม่ลูกช่วยกันปิดร้าน แม่เห็นหมวกกันน็อคบนโต๊ะ
“ลูกค้าที่ไหนมาลืมไว้เนี่ย”
“ของเด็กเส้นน่ะแม่”
“เด็กเส้น” แม่งง
“แพรกลัวไม่ได้งานที่ช่องTHAIKK ดันไปเจอเด็กเส้นขาใหญ่”

แพรพรรณทำหน้าเซ็ง อยากทำงานช่องTHAIKK มาก

อ่านต่อหน้า 2

สื่อริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

ด้านวิไลลักษณ์เดินเกาะแขนลูกชายคนเล็กเข้าบ้าน โอภาสกำลังคุยกับภาสุรี

“กลับมาซะทีนะเจ้านุ แม่เราเค้าชะเง้อรอเราตั้งแต่เย็น”
ภานุยิ้มให้บิดาแล้วหันมาทางพี่สาว
“พี่ภาครับ จะให้ผมไปเริ่มงานเมื่อไหร่ครับ วันนี้ผมไปสัมภาษณ์งานมาแล้ว”
“ต้องพิจารณาตามขั้นตอน เหมือนผู้สมัครคนอื่นๆ คนที่รู้ว่านุเป็นลูกคุณแม่ทั้งฝ่ายรายการก็มีพี่กับลี แค่สองคน”
วิไลลักษณ์เสียงขุ่น “แม่ไม่เห็นด้วยเลยที่นุไม่บอกคนที่ช่องว่าเป็นลูกแม่ พวกพนักงานต้องใช้งานลูกหนักๆ”
“นั่นแหละครับที่ผมต้องการ ผมอยากเรียนรู้งาน เค้ารู้ว่าผมเป็นลูกเจ้าของช่อง ก็ไม่กล้าใช้งานผม ไม่กล้าสอนผม”
“อันนี้ภามีประสบการณ์ตรงค่ะคุณแม่ ตอนภาไปทำงานแรกๆ พนักงานเกรงใจ ไม่กล้าบอกว่าภาทำงานผิดพลาดตรงไหน ลีให้นุไปเริ่มงานเมื่อไหร่”
วิไลลักษณ์ฉุน และไม่พอใจมาก “นี่ภาส่งน้องไปอยู่รายการแม่ลี เอาน้องไปให้เค้าเข่นฆ่าซะอย่างนั้น”
“ผมขอไปทำงานกับพี่ลีเองครับ พี่ลีเก่ง ต้องสอนผมได้เยอะ”
วิไลลักษณ์ค้อนลูกชายคนเล็ก ที่ชื่นชมผู้หญิงที่แม่ไม่ชอบ ภานุยิ้มแฉ่งรู้ว่าแม่ไม่ชอบปัญชลี

ดาวนอนอ่านหนังสือบนเตียง ดาวเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจ สังคม หนังสือที่อ่านจึงเกี่ยวกับงานดาวง่วงแล้ว จะเข้านอน หันมองศรัณนอนหลับอยู่ข้างๆ ก็ชักสีหน้าใส่อย่างรำคาญ และ เบื่อหน่ายศรัณ
ดาวลงนอน และหล่อนฝันหวานถึงผู้ชายอีกคน

ในฝันดาวยืนมองบันไดชั้น 3 ตาเป็นประกาย เสียงตอนคุยกับตุ่นดังขึ้น
“ดาวไม่เคยขึ้นมาชั้น 3 เลยค่ะ เห็นว่าพนักงานห้ามขึ้น”
“แดนต้องห้าม มีแต่ห้องทำงานผู้บริหาร”
ดาวมองขั้นบันได ไล่สายตาไปทีละขั้นๆๆๆ จนเห็นภาสกรยืนสง่าอยู่บนเชิงบันไดชั้น 3 ดาวยิ้มหวานเชื่อมให้ ภาสกรก้มมองลงมาที่ดาวด้วยสายตาเฉยเมย แล้วเดินหายไป ดาวได้แต่ชะเง้อมองหาไม่กล้าก้าวขึ้นไปหาภาสกร

“เราต้องไต่บันไดขึ้นไปให้ถึงเค้า”
ดาวนอนลืมตาโพลงบอกตัวเองในใจ
ในหัวหล่อนนึกถึงแต่ภาสกร ทั้งที่ศรัณ คนรักตัวเองนอนอยู่เคียงข้าง

ค่อนรุ่ง ภาสกรงัวเงียตื่นเพราะแสงไฟจากโคมหัวเตียง เห็นปัญชลีนอนดูคลิป ตอนเธอถูกผลักล้มก้นจ้ำเบ้าในรายการ
“เลิกดูเถอะลี คุณดูตั้งแต่เมื่อคืน”
“มีคนเข้าไปดู 3 แสนกว่า Views แล้ว ลีเดินไปบนถนน ต้องเจอซักคนที่เคยดูคลิป ลีล้มก้นจ้ำเบ้า”
“คุณอ่านคอมเม้นท์ หรือยัง”
“อ่านแล้วค่ะ”
“คอมเม้นท์ส่วนใหญ่ให้กำลังใจคุณ ลีคุณควรเลือกมองมุมที่ดีนะจ๊ะจะได้ไม่เครียด”
“ภาสว่าลีมองโลกแง่ร้ายเหรอคะ”
ปัญชลีหน้าตึง โกรธขึ้ง เลิกคุยกับภาสกร
ภาสกรเป็นฝ่ายง้อ “ลี ก่อนเราย้ายมาอยู่ด้วยกัน เราตกลงกันว่า จะไม่ทะเลาะเรื่องหยุมหยิมผมขอโทษ ถ้าพูดอะไรให้คุณไม่พอใจ”
ปัญชลีอ่อนลง “ภาสอย่าวิจารณ์ลีอีกนะคะ ลีโดนคนนอกสับเละพอแล้ว ลีไปอาบน้ำต้องไปทำงานแล้ว”
ปัญชลีลุกจากเตียง ภาสกรเหนื่อยใจกับเมีย

ดาวในชุดนอน งัวเงียออกมาจากห้องนอนตอนเช้ามืด เห็นศรัณทำกับข้าวอยู่ตรงมุมครัว
“ทำกับข้าวตอนตี 3 เนี่ยนะคะ”
“ตี 4 ดาวต้องออกไปทำงาน พี่อยากให้ดาวกินข้าวเช้าจ้ะ อาหารเช้าสำคัญ”
“พี่ศรัณก็รู้นี่คะ ดาวรักษาหุ่น มื้อเช้า ดาวกินแต่โยเกิร์ต”
“ดาวทำงานหนัก ออกแต่เช้ามืด กลับดึกดื่นเที่ยงคืน ต้องกินข้าวเยอะๆ จ้ะ พี่ห่วงดาว กลัวไม่มีแรงทำงาน”
“ดาวแข็งแรงดีค่ะ สู้งานได้อีกเยอะ ดาวไปอาบน้ำแต่งตัวนะคะ”
ดาวเข้าห้องน้ำไปเลย ศรัณมองข้าวต้ม กับข้าวที่ทำไว้ให้ดาว
“ไม่กิน แล้วจะเอาแรงที่ไหนทำงาน”

ศรัณเป็นห่วงสุขภาพดาว จนลืมนึกถึงเรื่องอื่นๆ

ที่สถานี THAIKK ตอนเช้ามืด ปัญชลีประชุมทีมรายการ กระแสนิวส์เช้านี้ ตั้งแต่ตี 5 กว่า เตรียมรายการเพื่อออกอากาศสด 7 โมงเช้า

ทุกคนมี Run down สคริปต์เรียงหัวข้อข่าว และ สคริปต์เนื้อข่าวโดยละเอียด
“ใครทำ Run down”
“พี่ท็อปให้ดาวลองทำค่ะ” ดาวบอก
ปัญชลีจ้องหน้าดาว ดุเสียงเข้ม “เข้าใจการทำ Run Down ข่าวมั้ย”
“เข้าใจค่ะ”
“อธิบายมาสิ”
“Run Down ข่าว คือ การเรียงลำดับข่าว เอาข่าวไหนอ่านก่อน ข่าวไหน อ่านทีหลัง เรียงลำดับ 1 2 3 4... ค่ะ”
ปัญชลีด่า “เธอเอาข่าวสำคัญไปไว้เบรก 2 แล้วเอาข่าวเล็กๆ มาเป็นข่าวแรก Non sense!”
“ดาวเห็นคุณปัญชลีเล่าข่าวน้ำมันขึ้นราคาเป็นข่าวแรก ดาวก็เลยเอาข่าวราคาน้ำมันมาไว้ก่อนค่ะ” ดาวอธิบาย
“ที่ชั้นเลือกอ่านข่าวราคาน้ำมันก่อน เพราะข่าวอื่นไม่น่าสนใจ แต่เมื่อวานช่วงหัวค่ำ มีวิสามัญแก๊งค้ายาบ้า ยิงกันสนั่นเมือง ไม่รู้ว่าข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ เธอก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นนักข่าว” ปัญชลีหันไปอีกทาง “จอย ไปทำ Run Down ข่าวมาใหม่” แล้วหันกลับมาด่าดาวอีกดอก “ดาว เธอออกไปดูด้วย จะได้เลิก Non sense”
ดาวหน้าซึมจ๋อยสนิท ลุกออกไปกับจอย ทีมงานสงสารดาว โดนด่าทุกวัน
“ท็อป เรื่องรับพนักงานใหม่ ถึงไหนแล้ว”
“วันนี้นัดมาสัมภาษณ์หลายคนครับ”
“ท็อปสัมภาษณ์ไปเลย ชั้นไม่ดู กลัวพลาดเหมือนดาว ตอนเรียกมาสัมภาษณ์ ดาวพูดจาฉะฉาน นึกว่าฉลาด ที่ไหนได้...”
ปัญชลีทำท่าเอือมเหลือทน จนไม่อยากพูดถึง แล้วก้มหน้าอ่านสคริปต์ข่าว ท็อปกับแอนแอบมองปัญชลีอย่างไม่ชอบขี้หน้า ใจร้าย ปากร้ายแบบนี้ ใครจะรักลง

ภาสุรีกับภาสกรดูทีวีรายการกระแสนิวส์เช้านี้ อยู่ในห้องทำงานภาสกรที่ช่อง ปัญชลีกับศินีนาฏจัดรายการด้วยกัน

ในจอทีวี ปัญชลีกับศินีนาฏเล่าข่าวออกรายการสด อย่างมืออาชีพทั้งคู่ ไม่เห็นความไม่ลงรอยกันแต่อย่างใด
ศินีนาฏถนัด และเน้นข่าวชาวบ้าน “ที่จังหวัดพิจิตร พบลูกหมูประหลาด เกิดมามีสามหัว หกขา ชาวบ้านตีเป็นเลข เอาไปเสี่ยงโชค ถูกหวยรวยกันหลายรายกันเลยทีเดียวเชียวค่ะคุณปัญชลี”
ปัญชลีเน้นสาระในรายการ “สัตว์ที่เกิดมามีอวัยวะผิดปรกติ มาจากปัญหาทางพันธุกรรม สัตว์เหล่านี้ส่วนใหญ่มักอายุไม่ยืนค่ะคุณศินีนาฏ”
ภาสกรกดปิดเสียงรายการกระแสนิวส์เช้านี้ หันมาทางน้องสาว
“ลีก็คุยกับศินีนาฏดีนี่ ไม่เห็นเหมือนคนมีปัญหากัน”
“แฟนพี่ภาสน่ะ หน้าจออย่าง หลังจออย่างค่ะ ภามาบอกพี่ภาสให้ทราบไว้ก่อน ภาไม่ยอมให้ลีปลดศินีนาฏจากรายการ ภาเป็นหัวหน้าฝ่ายรายการ จะปลดพิธีกรออก ต้องได้รับความเห็นชอบจากภา”
“ภาแก้ปัญหาในฝ่ายไปแล้วกัน พี่ไม่ก้าวก่าย”
ภาสุรียิ้มพอใจ ที่พี่ชายไม่ปกป้องแฟน
“พี่ต้องไปข้างนอกแล้ว ภามีเอกสารอะไรให้พี่เซ็น เอาไว้ที่เลขานะ”
“ค่ะ”

ภาสกรถือกระเป๋าทำงานออกไปพร้อมภาสุรีผู้เป็นน้องสาว

แพรพรรณรับบัตรพนักงานทดลองงานที่ฝ่ายบุคคล ยิ้มปลื้ม ที่ได้งาน เอาบัตรพนักงานคล้องคอ ภานุเข้ามา จำแพรพรรณได้

“หมวกกันน็อคผมล่ะ”
“เห็นหน้าก็ทวงของ งั้นชั้นทวงคำขอโทษมั่ง นายขี่มอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชั้น”
“แค้นฝังลึกนะคุณ” ภานุตรงไปหาพนักงานฝ่ายบุคคล “มารับบัตรพนักงานครับ”
แพรพรรณหูผึ่ง “ได้งานเหมือนกันหรอ อยู่รายการอะไร”
ภานุกวนประสาท “รายการทีวี”
“รู้แล้วว่าทีวี รายการชื่ออะไร”
“รายการอะไรก็ได้ แต่ขอให้คนละรายการกับคุณ”
แพรพรรณเบะปากใส่ภานุแล้วออกไป
ภานุส่ายหัว “ผู้หญิงคนนี้ ท่าทางกวนชะมัด”

ทีมงานปัญชลีรออยู่แล้วในห้องประชุมรายการ ปัญชลีพาภานุเข้ามาแนะนำกับทีมงาน
“นี่ภานุ ครีเอทีฟใหม่ ชั้นรับมาช่วยงานรายการถามตรงกับปัญชลี”
ภานุเห็นแพรพรรณ ต่างฝ่ายต่างอึ้ง เคยฮึ่มๆ จะมีเรื่องกัน ต้องมาทำงานด้วยกัน
"ที่ชั้นรับคนเพิ่ม เพราะเห็นทีมงานโหลด ทำงานไร้ประสิทธิภาพขึ้นทุกวัน”
ทีมงานแอบเบ้ปาก ปัญชลีไม่วายด่าทีมงาน
“ต่อไปนี้ แอน จอย ดาว ทำเฉพาะรายการกระแสนิวส์เช้านี้ แพรพรรณกับภานุทำรายการดึก ถามตรงกับปัญชลี”
“ผมล่ะครับคุณลี” ท็อปถาม
“ท็อป เป็นผู้ช่วยชั้น ต้องคุมทั้งสองรายการ ต่อไปประชุมรายการถามตรงกับปัญชลี แอน จอย ดาว ไม่เกี่ยวแล้ว ออกไปได้”
แอน จอย ดาว เดินยิ้มออกจากห้องประชุม พ้นจากหน้ายัยจิ้งจอกปัญชลีซะที
“แขกรับเชิญคืนพรุ่งนี้ เป็นใครดี” ปัญชลีเอ่ยขึ้น
ภานุไฟแรง อยากทำงาน “ฝรั่งที่ทำมูลนิธิเด็กในชุมชนแออัด ก็น่าสนใจนะครับ ต่อสู้กับพวกค้ายา โดนลอบทำร้ายตั้งหลายครั้ง แต่ไม่หนีไปไหน”
แพรพรรณงง “ฝรั่งไหน ไม่เคยได้ยินข่าว”
“ออกสกู๊ปข่าวที่ BBC อังกฤษน่ะ”
ปัญชลีบอกทีมงานคนอื่น “ภานุเพิ่งจบจากอังกฤษ”
แพรพรรณ หมั่นไส้ บ่นบ้าเบาๆ “พวกเด็กนอก”
ปัญชลีถามขึ้น “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
แพรพรรณยิ้มเจื่อนๆ “ไม่มีค่ะ”
ปัญชลีบอกกับภานุว่า “ที่เสนอมาน่าสนใจดี ไปสัมภาษณ์อัดเทปมาให้ฟัง จะได้รู้ มีประเด็นมากพอจะออกรายการมั้ย” แล้วหันมาสั่งแพรพรรณ “ไปกับภานุ”
ภานุกับแพรพรรณมองเขม่นกัน

แพรพรรณเดินสำรวจฝ่ายรายการ ดูมุมต่างๆ อะไรอยู่ตรงไหน จนเห็นดาวมาชงกาแฟอยู่ ดาวมองแพรพรรณด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“เวรกรรมอะไรน้า เราถึงหนีกันไม่พ้น”
แพรพรรณบอกเสียงเรียบ “ดวงเราสมพงษ์กันมั้ง”
ท็อปมาชงกาแฟพอดี “สองคนนี่ดูสนิทกันนะ”
“แพรเป็นเพื่อนเก่าดาวสมัยมหาวิทยาลัยค่ะ”
“ดีเลย งั้นกลางวัน ดาวพาแพรไปกินข้าว พี่ไม่อยู่ ออกไปทำข่าว”
“มาจากสถาบันเดียวกัน เรารักกัน ดูแลกันอยู่แล้วค่ะ”
ดาวยิ้มหวานให้แพรพรรณ ทว่าแววตานั้นเชือดเฉือน แพรพรรณเมินมอง ไม่อยากสู้รบปรบมือกับนาง รู้ว่าดาวร้ายกาจขนาดไหน

ดาวมานั่งกินกาแฟตรงโถงชั้น 1 ซึ่งมีร้านรวงตกแต่งเก๋ และชิค บริการพนักงาน และคนทั่วไป
จนกระทั่งเห็นรถหรูแล่นมาจอดหน้าตึก และเห็นภาสกรเพิ่งกลับจากทำธุระข้างนอกลงรถมา มาดอย่างเท่ ดาวมองตาวาว
ภาสกรเข้ามาในอาคารแล้ว พนักงานไหว้เป็นแถว ภาสกรยิ้ม เป็นมิตรกับพนักงาน
ดาวมองตามภาสกรเห็นเดินไปทางลิฟต์ จึงรีบจ่ายค่ากาแฟ ตามภาสกรไป

ภาสกรรอลิฟต์อยู่ รปภ.บริการกดลิฟต์ให้ภาสกร ดาวมายืนรอลิฟต์ข้างภาสกร
“สวัสดีค่ะคุณภาสกร” ดาวทอดยิ้มหวานให้ ไหว้ชดช้อย
ภาสกรยิ้มรับตามมารยาท แล้วมองไปทางอื่น ไม่ได้เตะตาต้องใจดาว
จนลิฟต์มา ภาสกรกับดาวเข้าลิฟต์

ภาสกรกดลิฟต์ชั้น 3 ดาวไม่ได้กดลิฟต์ชั้น 2 ชั้นฝ่ายรายการ
ภาสกรไม่สนใจดาว ก้มหน้าอ่านฟีดข่าวบนมือถือ ทำให้ดาวไม่มีโอกาสชวนคุยอีก
ดาวคิดอยู่ในใจ “จะอ่านข่าวไปถึงไหนนะ”
ภาสกรก้มหน้าอ่านข่าวบนมือถือ จนกระทั่งลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 3 ภาสกรมองดาวอย่างแปลกใจ ดาวไม่ได้อยู่ฝายบริหาร ขึ้นมาชั้น 3 ทำไม จนดาวรู้ตัว
“ตายจริง ดาวลืมไป ฝ่ายรายการอยู่ชั้น 2 ขอโทษค่ะ”
ภาสกรไม่ว่าดาว ออกจากลิฟต์ไปเลย
“ไม่สนใจเราเลย”
ดาวผิดหวังมาก กดลิฟต์กลับลงไปชั้น 2 ใบหน้างอง้ำ

ไม่มีวันที่หล่อนจะยอมแพ้ง่ายๆ

อ่านต่อหน้า 3

สื่อริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

เวลานั้น เลขาพาศินีนาฏเข้ามาพบภาสุรีในห้อง

“มีอะไรศิ”
“ใกล้ เดดไลน์แล้วนะคะคุณภา”
“เดดไลน์อะไร”
“ใกล้สิ้นเดือนแล้ว คุณปัญชลีให้ศิจัดรายการถึงแค่สิ้นเดือนนี้”
ภาสุรีมีสีหน้าเคร่งขรึม ปัญหาที่ค้างคา ยังไม่ได้สะสาง

ปัญชลีนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงโถงชั้นล่างตึก เห็นนางเอกละครคนดังของช่องโดนแฟนคลับรุมล้อมเข้ามาในสถานี พอนางเอกเห็นปัญชลีก็ปรี่เข้ามาหา
“สวัสดีค่ะพี่ลี ตั้งแต่ไปออกรายการพี่เดือนที่แล้วก็ไม่เจอเลย”
“เรานั่นแหละยุ่ง เห็นไปถ่ายละครที่เมืองนอก”
“ค่ะ ยังไม่ลืมนะคะ พี่ลีชวนหนูไปเป็นพิธีกรรับเชิญรายการกระแสนิวส์เช้านี้”
“มีคิวว่างเมื่อไหร่ก็มาสิ ได้นางเอกละครมานั่งเล่าข่าวด้วย ต้องสนุก”
แฟนคลับจดๆ จ้องๆ อยู่นาน “ขอถ่ายรูปคู่สองคนหน่อยค่ะ”
ปัญชลีโพสท่ายิ้มสวย ถ่ายรูปคู่นางเอกละคร สองสาวสวยกินกันไม่ลง
“พี่ไปทำงานก่อน ลูกน้องรออยู่”
ปัญชลีปลีกตัวไป ก่อนไปไม่ลืมหันไปยิ้มให้บรรดาแฟนคลับนางเอกด้วย

ปัญชลีกำลังคุยงานกับท็อป ผู้ช่วย อยู่ในห้องทำงานของเธอ
“ท็อปเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ ใหญ่รองจากชั้น อย่าใจดีกับลูกน้องมากเกินไป เดี๋ยวลูกน้องจะไม่เชื่อฟัง” ปัญชลีติท็อป
เลขาภาสุรีเคาะประตู แล้วเปิดเข้ามาเลย
“คุณปัญชลีคะ คุณภาสุรีต้องการพบค่ะ”
“ไปบอกว่าชั้นคุยกับลูกน้องอยู่”
“คุณภาสุรีต้องการพบเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“ออกไปได้แล้วท็อป”
ทั้งหมดออกไป ปัญชลีมีสีหน้าหงุดหงิดชัดแจ้ง

ศินีนาฏยังนั่งอยู่ในห้องหัวหน้าฝ่ายรายการ ทันทีที่ปัญชลีนั่งลง ภาสุรีบอกเสียงแข็งเป็นเชิงสั่ง
“เดือนหน้า ศิเป็นพิธีกรรายการกระแสนิวส์เช้านี้เหมือนเดิม”
ปัญชลีไม่พอใจ ต่อว่าทันที “ภาไม่แยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัว ภาสนิทกับศินีนาฏ เลยปกป้องโดยไม่สนว่าศินีนาฏเป็นพิธีกรที่ไม่มีความรับผิดชอบ”
“ภาไม่ได้ลำเอียง ภาตำหนิศิไปแล้วเรื่องมาเลต ศิรับปากภา จะปรับปรุงตัว”
ปัญชลีหันมาทางศินีนาฏ “เธอรับปากชั้นตั้งกี่สิบหน เคยทำได้ซักหนมั้ย”
ศินีนาฏฟ้องภาสุรี “เห็นมั้ยคะคุณภา คุณปัญชลีไม่ยอมลดราวาศอกให้ศิ ศิเลยต้องมาขอให้คุณภาช่วย”
“ศิต้องเป็นพิธีกรต่อ นี่คือคำสั่ง” ภาสุรีบอกชัด
ปัญชลียื่นคำขาด “ลีจะไม่นั่งคู่กับศินีนาฏอีก ภาต้องเลือกมา ระหว่างลี กับ ศินีนาฏ”
สงครามย่อมๆ ระอุขึ้น ปัญชลีจ้องตาท้าทายภาสุรีไม่วางตา
ภาสุรีคุมแค้น โมโหปัญชลี ที่ไม่เคยยอมฟังกันเลย

เมื่อเคลียร์ไม่ขาด ปัญชลีกับภาสุรีนำปัญหามาให้ภาสกรตัดสิน ว่าจะปลดศินีนาฏ หรือให้เป็นพิธีกรต่อ
“กระแสนิวส์เช้านี้ นำเสนอทั้งข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ข่าวชาวบ้าน บุคลิกลีไม่เหมาะกับเล่าข่าวสัพเพเหระ ควรมีพิธีกรร่วม” ภาสกรพูดอย่างเป็นกลาง
ปัญชลีไม่พอใจ “ภาสเข้าข้างน้องสาวตัวเอง”
“ผมพูดไปตามเนื้องาน ศินีนาฏดูสบายๆ ขณะที่ลีจริงจัง นั่งเป็นพิธีกรคู่กันก็บาลานซ์ดี เชื่อผมนะลี คุณคนเดียว เอารายการไม่อยู่หรอก”
“ลีปลุกปั้นรายการกระแสนิวส์เช้านี้มากับมือ ตั้งแต่เรตติ้งรายการไม่ถึง 4 จนตอนนี้เป็นรายการข่าวที่เรตติ้งดีที่สุดของทุกสถานี เชื่อมือลีเถอะค่ะ ลีจัดรายการคนเดียวได้ และลีจะทำให้เรตติ้งพุ่งขึ้นด้วย”
ปัญชลีพูดจบ ถือเป็นอันคำพูดเด็ดขาด ทุกคนต้องเห็นด้วย ปัญชลีหอบหน้าตึงเปรี๊ยะออกไป
ภาสุรีโมโหสุดขีด “ดูแฟนพี่ภาสทำสิคะ ทำตัวกร่างคับช่อง”
“ภาไปบอกศินีนาฏให้จัดรายการตามเดิม ปัญหาเรื่องลี พี่จัดการเอง”
ภาสกรตามไปเคลียร์กับปัญชลี ภาสุรียังโมโหไม่หาย

ปัญชลีกับภาสกรเข้าห้องมา ก็เถียงกันต่อเรื่องปลดศินีนาฏจากรายการ
“รายการทีวีทำงานเป็นทีมนะลี ไม่มีใครโชว์เดี่ยวแล้วประสบความสำเร็จ”
“โอปร่าห์ วินฟรีย์ พิธีกรหญิงเบอร์ 1 ของโลก ก็จัดรายการคนเดียว” ปัญชลีเถียง
“นั่นเค้าระดับโลก”
“ลีก็ระดับประเทศ”
“ตามสายงาน ผมเป็นหัวหน้า ผมสั่งให้ลีเป็นพิธีกรคู่กับศินีนาฏ”
ภาสกรสั่งหน้าตาขึงขังจริงจัง ถ้าเกี่ยวกับงานช่อง ภาสกรไม่ยอมอ่อนให้แฟนสาว ปัญชลีหน้าตึง ขุ่นเคืองใจมาก

ภาสกรเดินตัวตรงกลับออกไป

ขณะที่ดาวเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน เห็นภาสกรเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องปัญชลี

“ต้องทะเลาะกัน”
ดาวยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วรีบตามภาสกรไป

ดาวตามภาสกรออกมาหน้าฝ่ายรายการ ภาสกรจะขึ้นบันไดกลับห้องทำงานชั้น 3
“คุณ” ดาวไม่ทันเอ่ยชื่อภาสกร ก็เห็นศรัณขึ้นบันไดมาจากชั้น 1
ไวเท่าความคิดดาวรีบฉากหลบทันควัน ซ่อนตัวไม่ให้ศรัณเห็น
ศรัณติดบัตร VISITOR เห็นภาสกรจึงถามทาง “ขอโทษนะครับ ผมมาหาคุณดารินกานต์ นั่งโต๊ะไหนครับ”
“ผมจะให้พนักงานพาไปนะครับ” ภาสกรมองหาพนักงานแถวนั้น
ดาวแอบดูอยู่ หน้าเสีย เพราะผัวเก็บกับชายในฝันคุยกันอยู่ตรงหน้า
ภานุเดินออกจากฝ่ายรายการพอดี
ภาสกรฟอร์ม ไม่ทำท่าสนิทกับน้องชาย “พาผู้ชายคนนี้ไปหาพนักงานชื่อดารินกานต์”
“ครับคุณภาสกร” ภานุอมยิ้ม รู้กันกับพี่ชาย
พอภาสกรขึ้นบันไดชั้น 3 แล้ว ดาวจึงออกจากที่ซ่อนมาหาศรัณ
ศรัณบอกกับภานุ “ผมเจอคุณดารินกานต์แล้วครับ”
“คุณดาวชื่อจริงดารินกานต์ เพราะดีนะครับ”
ดาวแนะนำกับภานุ “นี่พี่ศรัณ พี่ชายดาวค่ะ”
ศรัณฟังสถานภาพตัวเองแล้วหน้าถอดสี ดาวไม่เคยยอมบอกใครว่าเค้าเป็นแฟน
“พี่ศรัณมาคุยกับดาวทางนี้ค่ะ”
ดาวพาศรัณเดินหายไปทางห้องน้ำ ภานุมองตามด้วยความสงสัย
แพรพรรณสะพายกระเป๋าออกจากฝ่ายรายการมาหาภานุ เห็นเขามองไปทางห้องน้ำ
“ตรงนั้นมีอะไรเหรอ” หญิงสาวมองตามภานุ ไม่เห็นศรัณแล้ว
“ดาวพาพี่ชายไปหาที่คุย นั่นมันทางไปห้องน้ำ ไม่มีที่นั่งคุย”
แพรพรรณพึมพำ “ดาวมีพี่ชายด้วยเหรอ”
ศรัณได้ยินไม่ถนัด “ว่าไงนะ”
“ชั้นไปห้องน้ำเดี๋ยว”

แพรพรรณไปเข้าห้องน้ำ ภานุยืนรอ

แพรพรรณเข้าห้องน้ำมา ได้ยินเสียงดาวดังจากในมุมหนึ่งหน้าห้องน้ำหญิง
“เข้าใจดาวนะคะ มันเป็นกฎของหัวหน้า”
“ไปดูหน้าพี่ชายดาวหน่อยสิ ดาวไม่เคยบอกว่ามีพี่ชาย”
แพรพรรณเดินตามเสียงดาวไป
ดาวกำลังโกหกศรัณอยู่ตรงมุมลับตา
“หัวหน้าดาวตั้งกฎ ห้ามให้แฟนมาหาที่ทำงาน”
แพรพรรณมาแอบดูสองคนคุยกัน ตกใจที่เห็นเป็นศรัณ
“พี่ศรัณ”
“ใครรู้ว่าแฟนดาวมา เอาไปฟ้องหัวหน้า ดาวต้องไม่ผ่านโปรค่ะ”
ศรัณไม่เชื่อนัก “เค้ามีสิทธิ์ตั้งกฎแบบนี้ด้วยเหรอ”
“คุณปัญชลีเป็นคนเผด็จการ บ้างาน เลยอยากให้ลูกน้องบ้างานเหมือนตัวเองห้ามนู่นห้ามนี่ไปหมด จนทีมงานเอือมค่ะ”
ศรัณดูจะคล้อยตาม “พี่เห็นเค้าในทีวี ดูเป็นผู้หญิงแข็งๆ ตัวจริงเฮี้ยบมากเลยเนอะ พี่มารับดาวไปกินข้าวจ้ะ กะเวลาผิด นึกว่ารถจะติด มาถึงก่อนพักเที่ยงเป็นชั่วโมง พี่ไปนั่งรอดาวที่ร้านกาแฟข้างล่างนะจ๊ะ”
ดาวหน้าเครียด อยากให้ศรัณกลับไปเสีย แต่ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรดี
แพรพรรณที่แอบดูอยู่โกรธแทนศรัณ
“คนโกหก”
ภานุรอนานแล้วจึงเดินมาตามแพรพรรณ
“ทำอะไรลับๆ ล่อๆ น่ะคุณ ไปทำงานได้แล้ว”
“เบาๆ”
แพรพรรณดึงแขนภานุรีบไปจากตรงนี้
ดาวได้ยินเสียงคนคุยกัน รีบมาดู แต่ไม่ทันเห็นแพรพรรณ
“พี่ศรัณกลับไปนะคะ ดาวขอไม่ลงไปส่ง เดี๋ยวใครเห็น”
“จ้ะ ตั้งใจทำงานนะจ๊ะ”
ศรัณแสนดีไม่โกรธเธอที่แนะนำกับคนอื่นว่าเป็นพี่ชาย ยิ้มให้ดาวแล้วเดินไปก่อน

ลับหลังศรัณดาวถอนใจ ทำหน้าเบื่อหน่ายศรัณเหลือแสน

แพรพรรณกับภานุลงมายังโถงล็อบบี้ กำลังจะออกไปสัมภาษณ์ข้างนอก ภานุหากุญแจมอเตอร์ไซค์ไม่เจอ ยืนค้นกระเป๋าอยู่

“สงสัยผมวางกุญแจมอเตอร์ไซค์ไว้บนโต๊ะทำงาน คุณรอตรงนี้นะ”
แพรพรรณเซ็ง “ไม่ทันแก่เลย ขี้ลืม”
ภานุขึ้นบันไดไปชั้น 2 สวนกับศรัณที่ลงมา ศรัณเห็นแพรพรรณจึงตรงมาหา แพรพรรณมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงสาร ที่ถูกดาวโกหกด้วยคำลวง
“ตกลงแพรได้งานที่นี่เหรอ”
“ค่ะ พี่ศรัณคะ แพรไมได้ตั้งใจไปแอบฟังพี่คุยกับดาวนะคะ แพรบังเอิญไปได้ยินที่ดาวเค้าบอกว่าหัวหน้าห้ามไม่ให้แฟนมาหาที่ทำงาน”
“แพรห้ามบอกใครนะว่าพี่เป็นแฟนดาว พี่ไม่อยากให้ดาวโดนหัวหน้าว่าเพื่อนร่วมงานดาวถาม ให้บอกว่า พี่เป็นพี่ชายดาว”
แพรพรรณทั้งเซ็งทั้งสงสาร “พี่ไม่โกรธดาวเหรอคะ ที่ปิดบังสถานะพี่”
“ดาวเค้าก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่มันเป็นกฎของหัวหน้า พี่ดีใจ เห็นดาวกับแพรทำงานที่เดียวกัน พี่อยากให้เราสองคนสนิทกันเหมือนเดิม พี่ไปนะ”
ศรัณออกจากตัวตึกไป
แพรพรรณได้แต่สงสาร “ความรักทำให้พี่ตาบอด เชื่อทุกคำพูดของดาว”

แพรพรรณรอแท็กซี่อยู่หน้าตึก จะไปสัมภาษณ์หาข้อมูลแขกรับเชิญ ภานุขี่บิ๊กไบท์คันเท่ออกจากสถานี จอดเทียบหน้าแพรพรรณ เปิดกระจกหมวกกันน็อคเรียก
“ทำไม่ไม่รอในตึก ขึ้นมา”
“ชั้นเป็นคนรักษาวินัยจราจร ไม่สวมกันน็อค ไม่ซ้อนมอเตอร์ไซค์”
“เดี๋ยวแวะซื้อให้ใบนึง ไปเร็ว แถวที่เราต้องไปสัมภาษณ์ รถติด”
แพรพรรณเล่นแง่ “รถติด ยังดีกว่า ตัวไปติดในล้อรถ เกิดนายซิ่งพาชั้นล้ม รถทับชั้นตาย”
ภานุรำคาญ “โอเคๆ เจอกันที่บ้านฝรั่งคนนั้น บ่ายโมง ผมจะไปรอแถวหน้าบ้าน”
ภานุขี่รถไปเลย แพรพรรณมองหาแท็กซี่ ศรัณขับรถกระบะผ่านมา แต่ศรัณไม่ได้หันมองแพรพรรณบนฟุตบาท
แพรพรรณมองรถศรัณ แววตาเต็มไปด้วยความรักความสงสาร และมองตามจนกระบะศรัณแล่นหายไป แพรพรรณอดนึกถึงอดีตสมัยเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ไม่ได้

ที่โรงยิมชมรมยูโด ศรัณในชุดยูโดสายดำ สอนแพรพรรณให้จับเขาทุ่ม แพรพรรณทุ่มศรัณไม่ได้สักที

“พี่ทำให้ดูก่อน”
ศรัณจับแพรพรรณทุ่มอย่างไว แพรพรรณลงไปนอนบนเบาะ ศรัณนอนกอดกดตัวไว้ เป็นครั้งแรกที่แพรพรรณใกล้ชิดผู้ชายมากขนาดนี้ แพรพรรณเขิน หวั่นไหว
“ตาเรา”
แพรพรรณขัดเขินไม่กล้าจับเสื้อศรัณ ศรัณเลยจับมือแพรพรรณมาจับขอบเสื้อ โดยไม่ได้คิดอะไรมองแพรพรรณเป็นรุ่นน้อง
แพรพรรณนึกเรื่องนี้แล้วถึงกับน้ำตาซึม เตือนตัวเองว่า
“นี่เวลางาน ไม่ควรเศร้าเรื่องอื่น” แพรพรรณชะเง้อหา “แท็กซี่ไปไหนหมดเนี่ย”

ดาวกับแอนลงบันไดมาโถงล่าง จะออกไปทำข่าว
“3 โมงแล้ว โรงเรียนเลิก รถติดไปไม่ทัน ทำข่าวไม่ได้ คุณปัญชลีด่าตายเลย”
“พี่จะรีบซิ่งไป”
ดาวเห็นภาสกรเดินอยู่ข้างหน้า ภาสกรคุยกับพนักงานฝ่ายรายการละคร
“เอาละครบางส่วนไปลงช่องทีวีดิจิตอล ดึงโฆษณา
“เลือกเรื่องไหนไปลง พวกผู้จัดก็หาว่าช่องลำเอียง คนนี้เป็นลูกรัก ลูกชัง”
“ผมจะคุยกับพวกผู้จัดเอง”
ภาสกรออกไปขึ้นรถหน้าตึก
“พี่แอนคะ คุณภาสกรไม่อยู่ดูคุณปัญชลีจัดรายการเหรอคะ”
“ไม่ค่อยเห็นคุณภาสกรมาดูที่ห้องส่งนะ อย่างว่าแหละ คุณปัญชลีมีปัญหาอะไร ปรึกษาคุณภาสกรที่บ้านได้ อยู่บ้านเดียวกัน”
ได้ฟังข้อมูลใหม่ ดาวใจหล่นไปตาตุ่ม พยายามเก็บอาการ “คุณภาสกรกับคุณปัญชลีอยู่ด้วยกันแล้ว”
“อยู่ก่อนแต่งน่ะ คุณภาสกรน่ะรักมาก ยอมไปอยู่บ้านผู้หญิง”
ดาวเครียดเลย สองคนอยู่กินกันแล้ว จะจับแยกเค้ายังไง

ดาวตามภาสกรออกมา เห็นภาสกรกำลังจะขึ้นรถ ดาวคิดปราดเดียว หาเรื่องอะไรคุยกับภาสกรดี
ดาวส่งเสียงเรียกดังลั่น “เดี๋ยวค่ะ”
ภาสกรชะงัก หันมาตามเสียงตะโกน มองอย่างคุ้นหน้าดาว
ดาวตอแหล “เห็นแมววิ่งเข้าใต้ท้องรถคุณภาสกรค่ะ”

จากนั้นดาวทำฟอร์มก้มดูใต้ท้องรถภาสกร หาแมว นางแอบอมยิ้มขำกับมุกตัวเอง ไม่ได้มองหาแมวจริงหรอก
ภาสกรมาช่วยก้มหาแมว “ไม่เห็นมีเลยครับ”
“คงไปแล้วน่ะค่ะ”
ดาวลุกขึ้นช้าๆ ยิ้มหวานหยดรอ กะแนะนำตัวกับภาสกร แต่แล้วดาวก็ต้องสะดุ้ง เพราะปัญชลียืนจ้องเขม็งมา
“แหม ขวัญอ่อนจริงนะ ก้มหาอะไร”
“แมวค่ะ ดาวกลัวแมวถูกรถทับ”
“รักสัตว์น่ะดี แต่รักให้มันถูกที่ถูกเวลา รถตู้จอดรออยู่ เธอต้องไปทำข่าว” เห็นดาวยังไม่ขยับไป “ยังยืนทำหน้าเป็นแมวง่วงอีก ไปได้แล้ว”
ดาวเงอะงะลนลาน “ค่ะๆๆ”
ดาวรีบไป พอหันหลังให้ปัญชลี ดาวก็หน้าบูดทันที
“พูดกับลูกน้องดีๆ ก็ได้นี่ลี” ภาสกรเตือน
“ลีคอนโทรล ลูกน้องในแบบของลีค่ะภาสคะ ลีขึ้นไปหาภาสบนห้อง เลขาบอกว่าภาสไปข้างนอก ลีคาใจ อยากคุยเรื่องศินีนาฏให้จบ ลีทำงานกับศินีนาฏไม่ได้จริงๆ”
“ผมว่าผมคุยจบแล้วนะลี ลีเป็นมืออาชีพ งานต้องมาก่อนความรู้สึกส่วนตัว”
ภาสกรตัดบทโดยขึ้นรถ ขับออกไปเลย ทิ้งปัญชลีให้ยืนหงุดหงิดขุ่นมัวในอารมณ์โมโหคนเดียว

ดาวหลบมุมแอบดูอยู่ เห็นภาสกรกับปัญชลีเถียงกัน นางอมยิ้มสมใจ อย่างน้อยๆ ก็ได้รู้ข้อมูลว่า คู่นี้มีรอยร้าว!

อ่านต่อหน้า 4

สื่อริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)

บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมโดยรอบในสลัมดูทรุดโทรมซอมซ่อ และสกปรก ทางเดินเข้าข้างในเป็นถนนเล็กๆ สร้างไว้เฉพาะให้คนเดิน รถเข้าไม่ได้ แพรพรรณเดินหาบ้านฝรั่งที่ต้องมาสัมภาษณ์อยู่นานแต่ไม่เจอ จึงแวะถามชาวบ้านที่นั่งร้อยพวงมาลัยอยู่หน้าบ้าน

“พี่คะ มูลนิธิของฝรั่งที่ทำงานเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่ตรงไหนคะ”
ภานุเดินมาพอดี “นัดบ่ายสอง มาซะบ่ายสาม”
“รถเมล์ชนกับรถตู้ รถติดสุดๆ”
“ผมสัมภาษณ์เสร็จแล้ว”
แพรพรรณยัวะ “ทำงี้ได้ไง นี่งานแรกของชั้น นายเล่นแย่งไปทำคนเดียว”
วัยรุ่น 2 คน ท่าทางดูออกว่าเป็นขี้ยา เดินผ่านมา มองเหล่แพรพรรณด้วยสายตาหื่น
ภานุเห็นสายตานั้น นึกห่วงแพรพรรณ “ไปเหอะแพร”
แพรพรรณยังโมโหไม่หาย “เคลียร์กันให้รู้เรื่องก่อน นายห้ามแย่งงานชั้นอีก”
วัยรุ่น 1 จีบแพรพรรณ “หมอนี่รังแกน้องเหรอจ๊ะ”
แพรพรรณแหวใส่ “ยุ่งอะไรด้วย”
วัยรุ่น 1 ยัวะ “อ้าวน้อง หน้าตาน่ารัก แต่ปากนี่ไม่ไหวเลย พี่ต้องลงโทษซะหน่อย”
วัยรุ่น 1 ขยับใกล้เริ่มลวนลามแตะเนื้อต้องตัวแพรพรรณ แพรพรรณต่อยหน้าไปหนึ่งหมัด วัยรุ่น 2 จะจับตัวแพรพรรณ เลยโดนภานุต่อยอีกเปรี้ยง !
“มึงกล้าทำกู ในถิ่นของกู” วัยรุ่น 2 ชักมีดออกมาทันที
“เฮ้ย” แพรพรรณตกใจ
ภานุคว้าท่อนไม้ที่ตกอยู่ ตีใส่มือวัยรุ่น 2 จนมีดหล่น วัยรุ่น 1 โผมาจะช่วยเพื่อน ภานุปกป้องกันตัวฟาดไม้ใส่หัววัยรุ่น 1 จนหัวแตก แล้วจับมือแพรพรรณวิ่งโกยแนบหนีไป

ภานุกับแพรพรรณวิ่งหนีมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของภานุที่จอดอยู่ ภานุรีบขึ้นรถสตาร์ตเครื่องรอ แพรพรรณไม่ยอมขึ้น
“ขึ้นมาเร็ว”
“ไม่มีหมวกกันน็อค”
“ตอนนี้ไม่ต้องรักษาวินัยจราจร”
วัยรุ่นติดยาวิ่งถือมีดตามมา วัยรุ่น 1 หัวแตกเลือดอาบ
แพรพรรณรีบขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ ภานุบึ่งรถออกไปหนีทันหวุดหวิด

รถตู้ช่องTHAIKK แล่นมาตามถนน ดาวกับแอนนั่งอยู่ในรถตู้ กำลังไปทำข่าว แต่รถค่อนข้างติด
“นั่งรถไฟฟ้าไปมั้ยดาว พี่กลัวไปทำข่าวไม่ทัน”
“รถไฟฟ้าไม่ผ่านแบงค์ชาติค่ะ เค้าจะแถลงบ่าย 3 นี่บ่าย 2 สิบห้า ดาวว่าน่าจะทันนะคะ” ดาวยังติดใจเรื่องปัญชลีกับภาสกร พี่แอนคะ คุณภาสกรกับคุณปัญชลีคบกันมานานหรือยังคะ”
“ไม่แน่ใจ น่าจะเจ็ดแปดปีอัพ ไปสนใจอะไรเรื่องของเค้าเนี่ย”
“ดาวแปลกใจน่ะค่ะ บุคลิกคุณภาสกรดูเป็นผู้นำจะตาย ไม่น่ายอมแฟนอย่างที่พี่แอนบอก”
“ยอมเฉพาะเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน เห็นเถียงกันบ่อย ดาวก็เห็น คุณปัญชลีเอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังความเห็นใคร แล้วใช่ว่าตัวเองถูกทุกเรื่อง คุณภาสกรเลยต้องคอยกระตุกขาเมีย ให้ลดๆ อีโก้ลงมั่ง”
“แล้วได้ผลมั้ยคะ”
“ผัวเป็นผู้บริหาร เมียจะกล้ากร่างกับผัวหรอ เวลาโดนคุณภาสกรว่า She ก็อารมณ์เสีย ฟาดงวงฟาดงาใส่ลูกน้อง”
“แสดงว่า เอาเข้าจริง คุณภาสกรก็ไม่ใช่คนกลัวเมีย”
ดาวยิ้มในสีหน้า ความหวังแย่งผัวชาวบ้านยังบรรเจิดในหัว

ทางด้านภานุขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งแพรพรรณถึงที่บ้านร้านข้าวมันไก่ ก้อยแม่แพรพรรณขายข้าวมันไก่อยู่
“ที่บ้านขายข้าวมันไก่เหรอ”
“ฮื่อ”
ถัดมาแพรพรรณลงจากข้างบน เอาหมวกกันน็อคของภานุ ที่เธอฉกไปมาคืน ภานุกินข้าวมันไก่อยู่อย่างแอร่ม
“ที่คืนให้ เพราะเห็นวันนี้ช่วยชั้นจากพวกจิ๊กโก๋”
“ข้าวมันไก่ร้านคุณอร่อยดี”
“เอาน้ำจิ้มเพิ่มลูก” ก้อยตักน้ำจิ้มให้ภานุ “หมวกกันน๊อคใบเนี้ย ของเพื่อนร่วมงานแพรนี่เอง”
แพรพรรณเห็นภานุกินช้าก็เร่ง “ให้ไวๆ จะได้กลับไปทำงาน”
ภานุแกล้งซะเลย “แม่ครับ ขออีกจานครับ”
ไม่เท่านั้นภานุยิ้มกวนประสาทใส่ แพรพรรณคุมแค้น ได้แต่ฮึดฮัดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หมอนี่กวนโอ๊ยใช่ย่อย

กลับถึงช่อง สองคนรีบมารายงานปัญชลีในห้อง ภานุหาไฟล์ที่อัดบทสัมภาษณ์ฝรั่งในโทรศัพท์มือถือ แต่หาไม่เจอ
“ไฟล์สัมภาษณ์หายไปไหน”
“ลืมกดเร็คคอร์ด หรือเปล่า”
ภานุยิ้มแก้เก้อ “อ่า มือถือรุ่นนี้เป็นแบบสัมผัส เวลากดปุ่ม ชอบไม่ติดครับ”
ปัญชลีตำหนิภานุ “ชุ่ยมาก ไม่เช็คเสียงก่อนสัมภาษณ์”
ภานุจ๋อย แพรพรรณยิ้มสมน้ำหน้า
ปัญชลีว่าแพรพรรณอีกคน “ไปด้วยกัน ไม่ช่วยกันเช็คเสียง เราสองคนต้องตั้งใจทำงานให้มากกว่านี้ ชั้นต้องการคนทุ่มให้งานเกินร้อย ไม่ใช่ห้าสิบ”
แพรพรรณค้อนภานุ ทำให้โดนด่าไปด้วย ปัญชลีมองทั้งสองคนอย่างไม่พอใจ ไม่สนที่ภานุเป็นน้องชายภาสกร

ขณะรอถ่ายรายการรอบดึก ปัญชลีนั่งทำผมอยู่ในห้องแต่งตัว เล่นไอจี คุยกับแฟนคลับไปด้วย
ปัญชลีโพสต์คุยกับแฟนคลับว่า “ใครรอดูรายการ ถามตรงกับปัญชลี บ้างคะ”
แฟนคลับ 1 โพสต์ตอบทันที “เปิดทีวีรออยู่ค่า“
แฟนคลับ 2 โพสต์ต่อ “วันนี้เชิญใครมาครับ”
ปัญชลีโพสต์ตอบแฟนคลับ “4 ทุ่มครึ่งหลังละครจบ ก็รู้ค่ะ รับรอง น่าติดตามเหมือนเดิม”
ปัญชลีเลิกเล่นไอจีเพียงเท่านั้น หยิบสคริปต์คำถามมาอ่านทบทวน
ดาวกับแอนมาหาปัญชลี ทั้งคู่หน้าเสีย ไม่ได้ข่าวกลับมา
“คุณปัญชลีคะ ทางไปกระทรวงติดมาก เราไปถึงทันแถลงข่าว แต่...ไม่ได้สัมภาษณ์รองปลัดกระทรวงค่ะ” แอนบอก ท่าทางจ๋อยสนิท
ปัญชลีของขึ้น เสียงแข็งใส่ “ชั้นต้องการภาพข่าวตอนสัมภาษณ์ ไปหามาให้ได้”
“ข่าวออกพรุ่งนี้เช้า นี่มืดแล้ว ไปสัมภาษณ์ท่านรองปลัดที่บ้าน ท่านก็ไม่ให้หรอกค่ะ” แอนแย้ง
“ไปนั่งเฝ้าหน้ากระทรวงแต่เช้า สัมภาษณ์เสร็จก็รีบส่งคลิปมาออกอากาศ”
“ค่ะ”
จอยกับดาวหน้าจ๋อยออกไป ปัญชลีหงุดหงิน เลยหันมาเล่นไอจี ระบายเครียด

ดาวกับแอนมาเม้าท์ปัญชลีให้ตุ่นฟัง ตุ่นกำลังรีดชุดสำหรับจะเอาไปให้วิไลลักษณ์ใส่ พรุ่งนี้
“แจกหมายข่าวให้ชั้นตอนบ่ายสองครึ่ง ชั้นก็รีบโทร.หาเพื่อนที่กระทรวงต่างประเทศ ขอสัมภาษณ์รองปลัด แต่ไม่ไปทันตามนัด อดสัมภาษณ์ชั้นผิด นังจิ้งจอกแจกหมายข่าวช้า ไม่ผิด” แอนบ่น
“คนมี Super Ego อย่างนังจิ้งจอก ไม่เคยทำอะไรผิดหรอก”
“เจ๊ตุ่นไม่ได้ทำรายการถามตรงปัญชลี เตรียมเสื้อผ้าพิธีกรทำไมคะ” ดาวมองฉงน
“ชุดนี้ไม่ใช่ของนังจิ้งจอกจ้ะ เจ๊เตรียมให้คุณวิไลลักษณ์ แม่คุณภาสกร พรุ่งนี้ต้องไปเอาไปให้ที่บ้านตอนสายๆ”
ดาวหูผึ่งตาวาว อยากไปบ้านภาสกร “อยากได้เบ๊ ช่วยถือชุดไปมั้ยคะ”
“ดาวมีรถ ไปส่งเจ๊ก็ดี ผัวเจ๊เอารถไปขับ ยังไม่เอามาคืน”
“ดาวยินดีให้บริการเจ๊ตุ่นค่ะ”
“น่ารักจริงชะนีน้อย”

ดาวลอบยิ้มตาเป็นประกายวาววาม พรุ่งนี้จะได้ไปหายใจรดบ้านภาสกร

ศรัณลงมาจ่ายค่าเช่าห้องกับดาว เบ็ดเสร็จเดือนนี้ หนึ่งหมื่นห้าพันบาท ซึ่งเขาเป็นคนเช่าห้องนี้ให้ดาวมาโดยตลอด

“รอใบเสร็จแป๊บนึงนะคะ”
“ดาว พี่ว่าขอซื้อห้องต่อจากคอนโดเลยเหอะจ้ะ จ่ายค่าเช่าเดือนละหมื่นห้า เอาเงินไปผ่อนแบงก์ดีกว่า ห้องได้เป็นของเรา”
“เลือกที่อยู่อาศัยต้องใจเย็นค่ะ ต้องเลือกช้อยส์ ที่ดีที่สุด เพราะเราต้องอยู่ทั้งชีวิต”
ดาวยิ้ม นึกถึงตอนเข้าไปในห้องทำงานภาสกรครั้งแรก ประทับใจความหล่อเหลา และตำแหน่งใหญ่โตของ ภาสกร
ช้อยส์ที่ดาวพูดถึงคือ ภาสกร ไม่ใช่ที่พักอาศัย
“งั้น ดาวเจอที่ไหนถูกใจ ก็บอกพี่นะจ๊ะ แล้วเราไปดูกัน”
ดาวหมายถึงภาสกร ไม่ใช่ที่พักอาศัย “ดาวเจอที่ถูกใจแล้วค่ะ เป็นของมือสองแต่เพอร์เฟ็คท์ มาก น่าจับจองเป็นเจ้าของ ถ้าดาวทำให้เจ้าของเดิมยอมขายต่อได้เมื่อไหร่ ดาวจะบอกพี่ศรัณค่ะ”
ศรัณหันไปสาละวนรับใบเสร็จ โดยไม่ทันเห็นแววตาของดาว ที่แฝงไปด้วยความฉลาด เจ้าเล่ห์

ดาวมาส่งศรัณที่รถ ศรัณออกอาการเซ็ง ยังไม่อยากกลับสมุทรสงคราม
“พี่ขอค้างไม่ได้เหรอจ๊ะ”
“คืนนี้ดาวต้องพิมพ์สรุปข่าว ต้องการความเงียบ ใช้สมาธิค่ะ”
“พี่ไม่กวนดาวหรอกจ้ะ ดาวจ๋า เราไม่ได้ อืม” ศรัณทำตาวิบวับใส่ดาว “นานแล้วนะจ๊ะ”
“ช่วงนี้ดาวเหนื่อย งานเยอะ พี่ศรัณขับรถดีๆ นะคะ”
ศรัณโดนดาวตัดบท จำใจต้องกลับ ดาวยืนรอส่ง โบกมือบ๊ายบาย แต่หน้าตาสุดเซ็ง

ดึกแล้วปัญชลีจัดรายการเสร็จแล้ว ขับรถกลับบ้าน ผ่านหน้าตัวตึก เห็นแพรพรรณยืนอยู่ ปัญชลีชะลอจอดรถถามแพรพรรณ “กลับยังไงเรา”
“แท็กซี่ค่ะ แพรโทร.ตามรถจากศูนย์แท็กซี่ ดึกแล้ว ไม่อยากโบกเรียก กลัวเจอพวกมิจฉาชีพ”
“รอบคอบดีนะ”
ปัญชลีขับรถไป ภานุขี่บิ๊กไบค์มาจอดเทียบ
“ไป ส่งบ้าน”
“ร้านข้าวมันไก่แม่ชั้นปิดแล้ว ไปกินฟรีไม่ได้”
“เอ้อ เห็นผมเป็นคนแก่กินไปได้”
“ชั้นโทร.ตามแท็กซี่แล้ว กำลังมา”
แท็กซี่มาพอดี แพรพรรณขึ้นแท็กซี่ไป ภานุก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน

ภาสกรกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง พิมพ์ข้อความบนมือถือ ปัญชลีเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินมาขึ้นเตียง
“ลี พรุ่งนี้คุณไปช่วยคุณแม่ผมทีนะ มีรายการมาสัมภาษณ์คุณแม่”
“ลีจัดรายการตอนเช้านะคะภาส” ปัญชลีบ่ายเบี่ยง
“คุณไปสายๆ หลังจัดรายการเสร็จแล้วจ้ะ”
“คุณแม่ภาสไม่ชอบลี ลีกลัวทำเสียบรรยากาศจังค่ะ”
“ลีก็อ่อนให้คุณแม่ผมหน่อย นะจ๊ะ ผมขอ แค่งานนี้”
ปัญชลียิ้มให้ “ภาสขอ ให้ช่วยกี่งานก็ได้ค่ะ”
ภาสกรยิ้มตอบ “ขอบใจจ้ะ”
ภาสกรหอมแก้มเมีย แล้วพิมพ์ข้อความต่อ
ปัญชลีผ่อนลมหาย ไม่ค่อยอยากไปเจอแม่ผัว ด้วยไม่ถูกกัน

สายวันถัดมา ดาวขับรถพาตุ่นมาบ้านภาสกร
“บ้านคุณภาสกรอยู่ไม่ไกลสถานีเลยนะคะ” ดาวเก็บอาการตื่นเต้นไม่มิด สายตาออก
“ตื่นเต้นล่ะสิชะนีน้อย ได้มาบ้านผู้ชายในฝันของสาวค่อนประเทศ”
“ดาวตื่นเต้นที่ได้มาบ้านเจ้าของสถานีต่างหากค่ะ”
“เชื่อก็ออกลูกเป็นชะนีแล้วจ้า”
ดาวตีมึนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ดาวขับรถจอดแอบข้างรั้วบ้าน มองคฤหาสถ์หลังใหญ่ของภาสกร
“บ้านคุณภาสกรหลังใหญ่จังนะคะ”
“ก็เค้ามหาเศรษฐีนี่จ๊ะ”
ดาวช่วยตุ่นหิ้วเสื้อผ้าสำหรับวิไลลักษณ์ ตุ่นกดกริ่งบ้านรอ ดาวตื่นเต้น กำลังจะได้เข้าบ้านหลังงามของภาสกร
สักครู่คนใช้มาเปิดประตู
“คุณวิไลลักษณ์เรียกให้มาช่วยงานฮ่ะ”
“ชื่ออะไรคะ”
ตุ่นอ้อมแอ้ม อาย ชื่อแมนเกิน “องอาจ”
คนใช้ดูลิสต์ รายชื่อในกระดาษ “คุณองอาจ เชิญค่ะ”
ดาวขยับตามตุ่นจะเข้าบ้าน
คนใช้หันมาทางดาว “คุณชื่ออะไรคะ”
“ดารินกานต์ค่ะ”
คนใช้ดู ลิสต์ในกระดาษ “ไม่มีชื่อคุณ คุณเข้าไม่ได้ค่ะ”
ตุ่นบอก “ผู้หญิงคนนี้เป็นพนักงานช่อง มาช่วยงาน”
“ถ้าไม่มีชื่อ ในรายชื่อที่คุณวิไลลักษณ์เขียนให้ ก็เข้าไม่ได้”
ตุ่นหันมาทางดาว “ดาว เจ๊ขอโทษนะ เจ๊คิดว่าจะพาดาวเข้าบ้านด้วยได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เจ๊เข้าไปเถอะค่ะ คุณวิไลลักษณ์รออยู่”
พอตุ่นเข้าบ้านไปแล้ว ดาวก็หันตัวกลับหน้าตาบึ้งตึง โมโหเต็มที่
“นังกะเทยบ้า ให้เรามาส่งฟรี”
ดาวขึ้นรถขับไป อารมณ์ขุ่นมัว

ขณะที่ดาวขับรถแล่นมาตามซอยจะออกถนนใหญ่ ก็เห็นรถภาสกรแล่นสวนมา
“รถคุณภาสกรนี่”
ภาสกรขับรถ มากับปัญชลี โดยที่ปัญชลีหน้าเครียด เกรงว่าจะไปมีเรื่องกับวิไลลักษณ์ ทั้งคู่ไม่เห็นดาว
ส่วนดาวพยายามเพ่งมองเข้าไปในรถภาสกร แต่เห็นไม่ถนัด
“มีคนนั่งมาด้วย เหมือนคุณปัญชลีเลย”
ดาวยิ่งหงุดหงิด ที่ตัวเองเข้าบ้านภาสกรไม่ได้ แต่ปัญชลีเข้าได้อยู่แล้ว

ภาสกรกับปัญชลีลงรถกำลังจะเข้าไปสมทบทุกคนในคฤหาสน์ หน้าตาปัญชลีนั้นยังกังวลไม่คลาย มาหาแม่ภาสกรทีไร ก็อึดอัดใจทุกครั้ง
“ลีดีกับคุณแม่ คุณแม่ก็ดีกับลีจ้ะ” ภาสกรปลอบ
“ไม่เคยเห็นแม่ภาสดีกับลีเลย แต่ยังไง ลีจะพยายามดีกับท่านค่ะ เพื่อภาส”
ภาสกรกับปัญชลีเข้ามาในห้องโถง วิไลลักษณ์ กำลังคุยกับภาสุรี ศินีนาฏ และ ตุ่น
ปัญชลีหน้าตึงขึ้นมาทันที หันมามองหน้าภาสกร ทำไมไม่บอกว่าศินีนาฏกับตุ่นมาด้วย
ภาสกรรู้ทันทีพูดเบาๆ ได้ยินแค่ปัญชลี “ผมไม่รู้ ภาจะให้ศินีนาฏกับตุ่นมาช่วย”
ปัญชลีกับอีกฝ่าย ทั้งวิไลลักษณ์ ภาสุรี ศินีนาฏ และตุ่น มองกันอย่างไม่ชอบหน้า โดยไม่มีเก็บอาการ

ต่อมา ทีมงานรายการกำลังเซ็ตกล้อง เซ็ตไฟ ตรงเทอเรสสวย ตุ่นแต่งหน้าให้วิไลลักษณ์ ศินีนาฏช่วยซักซ้อมถามคำถาม ภาสุรีคอยคุมความเรียบร้อย
ศินีนาฏซ้อมคำถามให้ “เป็นที่รับรู้กันภายในสถานีโทรทัศน์ THAIKK คุณวิไลลักษณ์กำลังจะวางมือ เหตุผลที่ตัดสินใจวางมือ คืออะไรคะ”
วิไลลักษณ์ซ้อมคำตอบ “ดิชั้นขึ้นคุมสถานีต่อจากคุณพ่อตั้งแต่อายุ 30 เกือบ 30 ปีที่บริหารสถานีมา เห็นการเปลี่ยนแปลงของวงการสื่อมาหลายช่วง สื่อทีวีพัฒนาเร็วมาก และตอนนี้ก้าวเข้าสู่ทีวีดิจิตอลแล้ว ดิชั้นจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมารับหน้าที่แทน”
“หลังจากเกษียณ คุณวิไลลักษณ์จะทำอะไรคะ”
“ดิชั้นอยากทำงานการกุศลค่ะ”
ปัญชลียืนอยู่วงนอก บอกตุ่น “ทาแป้งคุณแม่หน้าขาวไป”
“ภาสั่งให้อย่าจัดไฟแรง คุณแม่ขี้ร้อน เลยบอกตุ่นให้ทาแป้งให้ขาวกว่าปกติ” ภาสุรีบอก
ตุ่นสะใจเมินมองปัญชลีผู้ใหญ่เข้าข้าง ตุ่นบรรจงทาปากวิไลลักษณ์
“คุณแม่ไม่เหมาะกับสีนี้” ปัญชลีแย่งอีก
วิไลลักษณ์ไม่ชอบใจปัญชลีที่เจ้ากี้เจ้าการ “ชั้นเลือกสีนี้เอง”
ปัญชลีเสียหน้าเล็กน้อย ศินีนาฏกับตุ่นลอบยิ้มสมน้ำหน้า นังจิ้งจอกโดนแม่ผัวหักหน้า

ทีมงานเริ่มถ่ายทำรายการแล้ว พิธีกรเริ่มสัมภาษณ์วิไลลักษณ์ไปสักพักหนึ่ง
“ที่ว่าหลังเกษียณ คุณวิไลลักษณ์จะช่วยงานการกุศล บอกได้มั้ยว่างานอะไร”
“ดิชั้นจะก่อตั้งสมาคมสตรีอาเซียนแห่งประเทศไทย ต้อนรับประชาคมอาเซียนค่ะ”
“งานของสมาคม มีอะไรบ้างคะ”
“รอให้รวมเป็นอาเซียนก่อน ถึงจะเริ่มงานค่ะ”
ปัญชลีบอกกับครีเอทีฟ “ขอคัทค่ะ”
ครีเอทีฟร้องบอกทีมงาน “คัทค่ะ”
ปัญชลีเดินไปบอกวิไลลักษณ์ใกล้ๆ “ตอบแบบนี้ แสดงถึงความไม่พร้อมของสมาคมคุณแม่ควรตอบว่า เราจะเริ่มทำกิจกรรมเร็วๆ นี้ จะแจ้งภายหลัง” ปัญชลีบอกกับทีมงาน “ถ่ายต่อค่ะ”
วิไลลักษณ์ให้สัมภาษณ์ต่อ
“คุณวิไลลักษณ์ ในฐานะประธานสมาคมสตรีอาเซียนแห่งประเทศไทย มีแผนการเตรียมพร้อมผู้หญิงไทยยังไงคะ”
“ดิชั้นจะเริ่มทำกิจกรรม ในปีที่เริ่มประชาคมอาเซียนค่ะ”
ปัญชลีบอกกับครีเอทีฟอีก “ขอคัทอีกครั้ง”
“คัทค่ะ”
ปัญชลีบอก “คุณแม่ตอบเหมือนเดิมนะคะ”
วิไลลักษณ์เริ่มรำคาญ “เค้าสัมภาษณ์ชั้น ไม่ได้สัมภาษณ์เธอ”
“ภาสให้ลีมาช่วยคุณแม่ค่ะ” ปัญชลีหันไปทางพิธีกร “ขอดูคำถามอีกทีสิคะ”
วิไลลักษณ์สวนขึ้น “ไม่ต้องให้ดูค่ะ”
บรรยากาศมาคุเต็มที่ ภาสุรีเห็นท่าไม่ดีรีบบอกตุ่น
“รีบไปตามคุณภาสกรมาเร็ว”
อีตุ่นใส่ตีนผีวิ่งจู๊ดไปโดยเร็ว

วิไลลักษณ์นิ่งขึงจ้องปัญชลีอย่างโกรธเกรี้ยว ปัญชลีเองก็ไม่แคร์ เธอมาช่วยให้คำตอบดูดี

ภาสกรนั่งทำงานด้วยไอแพดอยู่ในโถงหรู ตุ่นวิ่งหน้าเริดเข้ามาหา

“ฉะกันแล้วฮ่ะคุณภาสกร”
ภาสกรไม่ต้องถามก็รู้ใครมีเรื่อง แม่กับเมียตีกันแน่ เขารีบไป

ปัญชลีคุมสติพยายามใจเย็น ให้เหตุผลกับวิไลลักษณ์ที่โกรธขึ้ง
“ลีมาช่วยคุณแม่นะคะ”
“ชั้นไม่ได้ขอ”
ภาสรกับตุ่นมาพอดี
วิไลลักษณ์ประชด “มานั่งสัมภาษณ์ข้างชั้นเลยมั้ย”
ภาสกรตัดบทรอมชอม “คุณแม่ครับ คุณแม่สัมภาษณ์ต่อเถอะครับไป ลี”
“ลีรับปากคุณแล้ว จะช่วยดูสัมภาษณ์คุณแม่คุณ ลีต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ค่ะ” ปัญชลีสั่ง “พักถ่ายก่อนนะคะ ดิชั้นจะซักซ้อมคำถามกับคุณแม่ใหม่”
วิไลลักษณ์โกรธแผดเสียงลั่น “ชั้นไม่ถ่ายแล้ว”
“ถ่ายต่อเถอะครับคุณแม่”
ภาสกรพาปัญชลีไปจนได้ ปัญชลียังหงุดหงิดแม่ผัวไม่หาย

ปัญชลีหน้าตึงเปรี๊ยะ เดินหนีภาสกรออกมายังถนนหน้าบ้านจะกลับเอง ภาสกรมาตามให้กลับเข้าไป
“ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้”
“ภาสควรเข้าข้างลี ไม่ใช่ลากลีออกมา ที่ลีทำ เพราะอยากให้คุณแม่มีภาพลักษณ์ที่ดี เมื่อไม่เห็นความหวังดีของลี ลีก็กลับ”
“ไปกับผม”
“ลีไม่เข้าสถานีแล้วค่ะ จะโทร.ไปสั่งงานลูกน้องเอา”
แท็กซี่มาพอดีปัญชลีโบกเรียก แล้วขึ้นสั่งออกรถไปเลย ภาสกรอารมณ์เสีย เมียเอาแต่ใจผิดมนุษย์

ภาสกรกลับมาที่รถ เจอภาสุรีรออยู่
“ภาไม่ไปดูคุณแม่สัมภาษณ์ล่ะ”
“ให้ศินีนาฏช่วยดูค่ะ พี่ภาสคะ ภารู้ พี่ภาสรักลีมาก อยากแต่งงานกับลี แต่นับวันคุณแม่เรายิ่งไม่ชอบลี พี่ภาสจะให้เค้าสองคนเกี่ยวดองกันได้ยังไงคะ”
“ปัญหาระหว่างคุณแม่กับลี ต้องใช้เหตุผลเข้าช่วย ลีทำผิด พี่ก็ตำหนิ เหมือนอย่างเมื่อกี้ คุณแม่ทำเกินไป พี่ก็ต้องพูดกับคุณแม่ การที่พี่ไม่ลำเอียง เข้าข้างฝ่ายไหนมากเกินไป ช่วยประคับประคองความสัมพันธ์ได้”
ภาสุรีถอนใจ “ภาเอาใจช่วยพี่ภาสค่ะ”
ภาสกรไม่เครียดมากนัก มั่นใจว่าเอาอยู่ แต่ภาสุรีเป็นกังวล ห่วงพี่ชายจะเจอปัญหาใหญ่ในวันหน้า

ห้องเสื้อแห่งนี้ ตกแต่งเก๋ ชุดที่โชว์ดีไซน์เนี้ยบ หรูหรา เก๋ และ เท่ เจ้าของร้าน คือ เก้ กะเทยหน้าตาดี ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน แต่งตัวเก๋ เนี้ยบ เก้เป็นทั้งดีไซเนอร์ เจ้าของห้องเสื้อ และรับจ็อบเป็นสไตลิสต์ แต่งตัวให้ลูกค้าไฮเอ็นด์ เวลานี้เก้กำลังดูแลวัดตัวลูกค้าสาว
เก้พูดจาน้ำเสียงนุ่มหู ฟังดูอ่อนโยน แบบผู้ชายใจสาวเกินร้อย “ผมว่า แขนตุ๊กตาพองๆ เหมาะกับคุณนะครับ ทำให้ดูน่ารัก”
“ไม่เชยไปเหรอคะ”
“เทรนด์แขนตุ๊กตากำลังกลับมา ที่ฝรั่งเศสเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมา เสื้อแขนตุ๊กตาทั้งเซ็ต”
เก้หันไปที่ประตูร้าน เห็นปัญชลีเปิดประตูเข้ามาจึงหันไปทางลูกน้องที่แขวนชุดอยู่
“มาวัดตัวลูกค้าต่อที” แล้วปรี่ไปหาปัญชลี “ผมซื้อน้ำหอมจากฝรั่งเศสมาฝากพี่ลีครับ” พอเห็นปัญชลีหน้าเครียดก็ชะงัก “เป็นอะไรครับพี่ลี”
เก้ กะเทยสาวไทยเรือนต้น มองกังวล เป็นห่วงพี่สาวคนสนิทที่ขึ้นชื่อในเรื่อง เจ้าอารมณ์และอีโก้สูงเหลือเกิน

สองคนอยู่ตรงมุมพักผ่อนหลังร้าน ตกแต่งเก๋ ปัญชลีเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับภาสกรและวิไลลักษณ์ให้เก้ฟังจบแล้ว
“พี่ภาสเจตนาดี อยากให้พี่ลีกับคุณแม่พี่ภาส ญาติดีกันน่ะครับ”
“เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันใด นางสิงห์สองตัวก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ฉันนั้น”
เก้กลุ้ม ห่วงความสัมพันธ์ระหว่างปัญชลีกับแม่ผัว
ภาสกรโทร.มาหาปัญชลีพอดี
“ภาสโทร.มา” ปัญชลีไม่รับ
“พี่ลีน่าจะบอกพี่ภาสนะครับ พี่อยู่กับผม พี่ภาสต้องเป็นห่วงพี่”
“อยากอยู่ห่างๆ กันบ้าง เจอทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน เมื่อคืนเครื่องลงกี่ทุ่มเก้”
“ไฟลท์จากปารีสดีเลย์ มาถึงเมืองไทยเกือบเที่ยงคืนครับ”
“ไปดูแฟชั่นที่ฝรั่งเศสมา ได้ไอเดียเยอะมั้ยจ๊ะ”
“สเก็ตช์ชุดมาเพียบเลยครับ”
เก้เปิดสมุดสเก็ตช์ชุดเสื้อผ้าให้ปัญชลีดู ชุดที่เก้สเก็ตช์ ลายเส้นสวยแบบดีไซเนอร์มือโปร
“พี่ชอบชุดนี้ สวยดี”
ปัญชลีกับเก้เพลิดเพลินกับแบบชุดสวยๆ เลิกคุยถึงภาสกรไปโดยปริยาย

ฟากดาวกับท็อปอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เช็คข่าวอยู่ ปัญชลีส่งข้อความมาหาท็อปพอดี ท็อปอ่านข้อความ “คุณปัญชลีส่งข้อความมา จะเข้าสถานีเย็นๆ”
ศรัณโทร.มาหาดาวพอดี ดาวลุกจากโต๊ะ ไม่อยากให้ท็อปได้ยินคุยโทรศัพท์
“มีอะไรคะพี่ศรัณ”
ศรัณโทร.มาจาก ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเดิมที่สมุทรสงคราม
ด้านหลังเห็นพยาบาลเอาแอมโมเนียให้ดม สมพรนอนมึน ตาลอย อยู่บนเตียง สมพรเป็นโรคความดันโลหิตสูง
“ดาวต้องกลับบ้านแล้วล่ะจ๊ะ แม่ดาวเป็นลมในสวนพี่พามาโรงพยาบาล แม่ดาวอาการไม่ค่อยดี”
“ดาวจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ค่ะ” ดาววางสาย แล้วเดินไปบอกท็อป “พี่ท็อปคะ แม่ดาวเข้าโรงพยาบาล ดาวไม่ต้องออกไปทำข่าวแล้ว ขอไปดูแม่นะคะ”
“ไปเลยดาว คุณปัญชลีไม่เข้าด้วย ไม่มีใครว่า”
ดาวเก็บของใส่กระเป๋าถือ รีบไป

ดาวออกมาหน้าตึกตรงไปยังรถ จะกลับบ้านไปดูอาการที่สมุทรสงคราม
ภาสกรขับรถหรูมา ยามยกกรวยยางให้จอดรถตรงที่จอดของภาสกร ดาวยังไม่ขึ้นรถ มองเห็นภาสกรเสียก่อน
ภาสกรเอาเอกสารลงจากรถ แต่ทำเอกสารหล่นไป 1 แผ่น โดยไม่เห็น ยามเปิดประตูให้ภาสกรเข้าตึก
ดาวรีบไปเก็บเอกสาร จะใช้เป็นข้ออ้างไปหาภาสกร

ดาวถือเอกสาร ขึ้นมาชั้น 3 เห็นรปภ. เฝ้าอยู่
“รปภ. ต้องให้เราฝากเอกสารไว้ ไม่ให้เข้าไปหาคุณภาสกร”
ดาวคิดแผนให้รปภ.ออกไปซะ จัดการโทร.หาโอเปอเรเตอร์ชั้นล่าง

โอเปอเรเตอร์ตรงฟร้อนท์รับโทรศัพท์
“สถานีโทรทัศน์ THAIKK ค่ะ”
“ต่อสายรปภ.ชั้น 3 ค่ะ”
โอเปอเรเตอร์กดโอนสายให้ดาว
ที่โต๊ะรปภ. ชั้น 3 โทรศัพท์บนโต๊ะดัง รปภ. เดินมารับสาย
“สวัสดีครับ”
ดาวโกหก “โทร.มาจากลานจอดรถข้างล่างนะคะ มอเตอร์ไซค์คุณที่จอดไว้ โดนรถใครไม่รู้ชนล้ม รีบลงมาดูนะคะ”
รปภ.รีบลงไป โดยเดินผ่านดาวที่หลบแอบอยู่ จึงไม่เห็น
ทางสะดวกแล้ว ดาวยิ้มเดินขึ้นชั้น 3 ไป

ดาวถือเอกสารมาหยุดหน้าห้องภาสกร พบว่าเลขาไม่อยู่
“มาได้จังหวะ เลขาคุณภาสกรไม่อยู่”
ดาวยิ้มกริ่ม กำลังจะเคาะประตูห้อง เลขาดันโผล่มา หลังไปชงกาแฟให้ภาสกร
“ขึ้นมาได้ยังไงคะ”
“อืม รปภ.ไม่อยู่ค่ะ ดาวเห็นคุณภาสกรทำเอกสารหล่นตรงที่จอดรถ เลยขึ้นเอามาให้ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ ดิชั้นจะให้คุณภาสกรเอง”

ดาวส่งเอกสารแผ่นนั้นให้เลขา แล้วพกความผิดหวังกลับไป อุตส่าห์วางแผนขึ้นมาหา แต่ไม่ได้เจอตัวภาสกร

อ่านต่อตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น