ลมซ่อนรัก ตอนที่ 8
ภัทรินเดินออกมาด้านนอก ปราณนต์นอนพักอยู่ที่เตียงริมสระ ภัทรินเดินมาหยุดยืนค้ำหัว
“มีธุระด่วนอะไรไม่ทราบ ถึงต้องรบกวนเวลาพักผ่อนของชั้น” ภัทรินว่า
“ตอนเธอทำงานกรุงเทพ นี่คือเวลาที่เธอจะแต่งองค์ทรงเครื่องใหญ่ ออกไปใช้ชีวิตหรูๆเก๋ๆอยู่ตามห้องอาหารดาดฟ้าโรงแรม จิบไวน์ ชมวิวพานอราม่า แล้วก็เมาหัวทิ่มชักโครกไม่ใช่เหรอ” ปราณนต์ย้อน
“นี่คุณ”
ปราณนต์ยิ้ม “ชุดทำงานใส่ได้หรือเปล่า”
“ชั้นไม่ได้ลอง”
ปราณนต์ลุกมานั่ง “ทำไมไม่ลอง”
ภัทรินย้อน “แล้วทำไมต้องลอง”
“เธอไม่คิดจะไปทำงานเหรอ”
“ราตรีสวัสดิ์” ภัทรินจะไป
“ภัทริน” ปราณนต์ดึงตัวไว้ “ทำไมถึงจะไม่ไปทำงานกับชั้น”
“เพราะชั้นไม่ไว้ใจคุณ”
“หา”
ภัทรินพูดต่อ “เท่าที่ชั้นรู้จัก คุณเป็นพวกที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ และชั้นก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณต้องการ จะเป็นสิ่งดีเสมอไป ชั้นขออยู่ห่างๆคุณไว้น่าจะดีที่สุด”
ปราณนต์ดึงตัวไว้ “เธอจะเล่นตัวต่อรองเอาอะไร”
“ชั้นไม่ได้เล่นตัว แต่ชั้นไม่อยากอยู่ใกล้คุณ” ภัทรินพยายามจะผลักปราณนต์ออก
ปราณนต์จับตัวเธอแน่นขึ้นไม่ยอมให้ไป ก่อนจะยืนกรานหนักแน่น “เธอชั้นต้องให้เธอช่วย เข้าใจมั้ยว่าชั้นต้องการให้เธอช่วย”
ภัทรินชะงักแล้วนิ่งลง “โอเค ช่วยก็ได้ งั้นคุณขอร้องชั้นสิ”
“ชั้นขอร้องล่ะ” ปราณนต์พูด
“ไม่ใช่ คุกเข่า”
ปราณนต์อึ้ง “หา”
“คุกเข่าขอร้องชั้น ชั้นจะได้รู้ว่าอยากให้ชั้นช่วยจริ..ง”
ยังพูดไม่ทันจบ ปราณนต์ก็คุกเข่าลงไปแล้วพูด
“ชั้นขอร้อง”
ภัทรินอึ้งเพราะคาดไม่ถึง เธอยิ่งสับสนและมึนงงไปหมดเพราะตอนแรกมั่นใจว่าปราณนต์ไม่มีทางทำแน่นอน
“คุณคุกเข่าทำไม นี่ คุณยอมทำขนาดนี้เลยเหรอ คุณมัน ทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ต้องการจริงๆ คุณ คุณเป็นคนยังไงกันแน่”
ภัทรินสับสนแล้วก็ถอยหนีไปทันที ปราณนต์เดินตาม
ภัทรินเดินหนีมาและกำลังขึ้นบันไดเพื่อจะกลับห้อง ปราณนต์ไล่ตามมาที่เชิงบันได
“ภัทริน” ปราณนต์เรียก
“คุณต้องการอะไรจากชั้น คุณเกลียดชั้นไม่ใช่เหรอ ชั้นยักยอกเงินพวกคุณนะ ทำไมต้องลงทุนทำขนาดนี้เพื่อให้ชั้นทำงานด้วย ทำไม จะแกล้งอะไรชั้นอีก”
“ชั้นแค่อยากให้เธอมาทำงานด้วย”
“คุณมีแผนอะไร”
“เธอไม่อยากพิสูจน์ความจริงว่าเธอไม่ได้ยักยอกเงินบริษัทเหรอ”
“คุณไม่ได้ทำเพื่อชั้น ชั้นอยากรู้เหตุผลของคุณ ทำไมต้องทำขนาดนี้”
“เพราะชั้นก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน คดียักยอกของเธอ มันคือความบกพร่องในการบริหารของชั้น..และชั้นรู้ว่าเธอไม่ได้ทำ แต่ชั้นไม่มีหลักฐาน ชั้นเลยต้องการให้เธอช่วย”
ภัทรินอึ้งและสับสน
“ขอร้องล่ะภัทริน ชั้นไม่อยากทะเลาะกับเธอแล้ว”
ภัทรินมองปราณนต์อย่างพิจารณาด้วยความสับสน “คุณเป็นคนยังไงกันแน่ คุณเป็นคนดีหรือเปล่า ที่คุณพูดมาคือเรื่องจริงหรือหลอก ชั้นจะเชื่ออะไรคุณได้”
“เชื่อเซ้นซ์ตัวเองสิ”
ปราณนต์ขอร้องอย่างจริงใจ ภัทรินเห็นถึงความจริงใจนั้นแต่ก็ยังสับสนจึงวิ่งหนีไป ปราณนต์เซ็ง
อัณณาเข้ามาในบริเวณบ้าน พอดีกับที่พสุวัฒน์เดินออกมายืดเส้นยืดสาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณลุง คุณลุงเป็นยังไงบ้างค่ะ” อัณณาทักและถาม
“ก็โอเค เหมือนเดิมนั่นแหละ แล้วนี่ หนูมารับเจ้านายไปประชุมเหรอ เอ๊ะ หรือว่ามารับคู่หมั้นไปทำงานพร้อมกันล่ะ”
อัณณาอึกอัก “เอ่อ”
“ทำไม มีอะไรเหรอ” พสุวัฒน์สงสัย
ปราณนต์เดินลงมาจากชั้นบน พสุวัฒน์เดินเข้ามาหาโดยมีอัณณาตามมา
พสุวัฒน์มองที่มือซ้ายของปราณนต์ที่ไม่มีแหวน เลยคว้ามือขึ้นมา “ทำไมแกไม่ยอมสวมแหวน”
“แหวนอะไรครับ” ปราณนต์ถาม
“แหวนหมั้นของแกกับอัณณาไง”
อัณณาหยิบแหวนออกมา “เมื่อวานอัณคุยกับ” อัณณาลดเสียงลง “ปราณแล้ว เขาไม่มีปัญหาอะไร แต่ยังไม่ทันเอาให้คุณ”
“งั้นก็เอามาสิ” ปราณนต์รับแหวนมา แล้วสวมนิ้วแบบไม่สลักสำคัญ “โอเคมั้ยครับพ่อ”
สาวใช้เดินผ่านมาพอดี
“มีใครเห็นภัทรินบ้างมั้ย ตื่นหรือยัง” ปราณนต์ถาม
ทันใดนั้นอิ่มก็วิ่งลงมาจากชั้นบน
“คุณปราณขา ภัทรินไม่อยู่ในห้องค่ะ รอบๆบ้านก็ไม่มี ไม่ทราบว่าหายไปไหนค่ะ”
“อะไรนะ”
ปราณนต์รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยอาการตกใจ
ปราณนต์วิ่งเข้ามาในห้องนอนภัทรินก็พบว่าข้าวของของภัทรินหายไปจนหมด โดยเหลือแต่ชุดทำงานที่แขวนไว้ที่เดิมเท่านั้น ปราณนต์อึ้งและช็อก อัณณากับพสุวัฒน์ตามมา
“ยัยลูกเป็ดเอ๊ย” ปราณนต์เซ็งมาก
ปราณนต์เดินผลุนผลันจะออกไปตามภัทริน แต่พสุวัฒน์กับอัณณาก็รีบตามมา
“แกจะไปไหน จะไปตามภัทริน รู้เหรอว่าเขาไปไหน” พสุวัฒน์ถาม
“ถ้าภัทรินจะกลับดอยผาหมอก มันก็มีไม่กี่วิธีหรอก ไม่เครื่องบินก็รถทัวร์รถไฟ ผมจะให้คนไปดักไว้ให้หมด” ปราณนต์บอก
“ดักได้แล้วไง ถ้าเจ้าตัวไม่อยากทำ คิดว่าจะบังคับได้เหรอ”
“ไม่ได้ก็ต้องได้”
“แล้วงานที่รออยู่ล่ะ จะไม่สนใจเลยเหรอ รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ธนาฒน์กำลังทำอะไรอยู่” อัณณาเดินไปเปิดกระเป๋า หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับที่เก็บไว้ออกมายื่นให้ “เอ้า”
อัณณายัดใส่มือปราณนต์เพื่อให้เขาดูคอลัมน์ที่ธนาฒน์ให้สัมภาษณ์
“สิ่งที่ธนาฒน์ให้สัมภาษณ์ในนั้น มันควรจะเป็นคำสัมภาษณ์ของผู้บริหารตัวจริง และไม่ได้มีแค่ฉบับนี้ฉบับเดียวนะ ธนาฒน์ทำไม่ถูก ใช่ แต่คำถามของอัณก็คือ แล้วผู้บริหารตัวจริงทำอะไรอยู่” อัณณาบอก
ปราณนต์อึ้งเพราะรู้ว่าเป็นความผิดพลาดของตัวเอง
“วันนี้คุณมีประชุมนะคะ” อัณณาบอก
ปราณนต์เครียด
สินธรวางหนังสือพิมพ์ที่มีรูปธนาฒน์บนโต๊ะต่อหน้าชมนาด
“เดี๋ยวนี้เด็กคุณทำอะไรไม่ปรึกษาผมแล้วใช่มั้ย” สินธรถาม
“ชมสารภาพตามตรง ชมไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเลยค่ะ” ชมนาดบอก
“แล้วเรื่องการประชุมที่เมืองจีน คุณก็รู้ว่ามันเป็นงานใหญ่ระดับโลก ที่ผ่านมาเขาเชิญแค่พี่พสุและภรรยาเท่านั้น ไม่เคยเชิญใคร แล้วทำไมไอ้ธนาฒน์ถึงได้ไป มันเป็นใคร เป็นผู้บริหารหรือลูกหลานจีแอลเอสหรือไง”
“ทำไมทำอะไรถึงไม่ปรึกษากันเลย คิดอะไรของเขา”
“คุณไม่รู้เหรอว่ามันคิดอะไร ผมว่าผมรู้นะ และผมจะไม่ให้มันได้ไปเสนอหน้าในการประชุมที่เมืองจีนแน่ เพราะผมจะไปเอง” สินธรบอก
ชมนาดสงสัย “คะ”
ภาพธนาฒน์ปรากฏในวีดีโออินเทอร์นอล ปราณนต์กำลังดูภาพในนั้นจากจอไอแพดด้วยสีหน้าเครียด และฉุน
“ธนาฒน์ทำทุกอย่างเพื่อดิสเครดิตคุณ สร้างภาพให้ตัวเองดูโดดเด่น ทั้งเขาและคุณสินธรร่วมมือกันทำอย่างเป็นระบบ คุณก็น่าจะรู้ ถ้าไม่มัวแต่สนใจ เรื่องอื่น” อัณณาอธิบาย
“จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่าภัทรินคือส่วนหนึ่งของแผนที่ผมวางไว้ และต่อให้ต้องขึ้นไปลากตัวภัทรินจากดอยผาหมอก ผมก็จะทำ” ปราณนต์บอก
“ค่ะ แล้วไม่ทราบว่ายังต้องการอัณในแผนหรือเปล่าคะ หรือต้องการแค่ภัทรินคนเดียว”
ปราณนต์ชะงักไปเพราะรู้ว่าอัณณาหมายถึงเรื่องส่วนตัวด้วย ปราณนต์ลงจากรถ อัณณาเดินตามลงมา ปราณนต์หันกลับมาคว้ามืออัณณามากุมแบบคนรัก
“ผมก็ยังต้องการคุณในแผนของคุณเหมือนกัน”
อัณณาชะงัก “ณนต์”
ปราณนต์ยิ้มพร้อมกับพูดย้ำ “ปราณ ตอนนี้ผมคือปราณ”
ปราณนต์ควงอัณณาออกเดินเข้าไปภายในบริษัท
ปราณนต์เดินกุมมืออัณณาเข้ามาในบริษัท เขามีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างแนบเนียน ในขณะที่อัณณายังเหวอๆเขินๆ เพราะไม่ชิน เธอก้มหน้าแต่ยังคอยเหลือบมองหน้าปราณนต์ราวกับต้องการย้ำให้แน่ใจ บรรดาพนักงานที่เดินสวนไปมามองสองคนนี้เดินจับมือกันกระหนุงกระหนิงแล้วก็มองกันอย่างแปลกใจ เดียกับแจ็คเดินสวนเข้ามาทักทาย
“สวัสดีค่ะ / ครับ คุณปราณ คุณอัณณา”
เดียกับแจ็คผงะเมื่อมองเห็นมือของปราณนต์กับอัณณากุมกันอยู่ ทั้งสองตะลึงมากจนพูดอะไรไม่ออก
“มือ..”
“มือ ใช่ มือ ทำไม มือ”
อยู่ๆสินธรกับชมนาดก็เดินเข้ามา ปราณนต์เห็นทั้งสองเลยแกล้งทำสนิทสนมกับอัณณาให้ชัดเจนขึ้นไปอีก
“อัณ เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอ” ปราณนต์แตะหัวจับเนื้อตัวอัณณา “บอกแล้วว่าอย่านอนดึก เลยเบลอเลยเห็นมั้ย” ปราณนต์ใช้มือข้างที่สวมแหวนลูบหัวด้วยความเอ็นดู “เข้าประชุมไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวไม่เป็นไรนะ”
“ไหว ไหวค่ะ” อัณณาตอบ
ปราณนต์พาอัณณาเดินแยกไปอีกทางเมื่อรู้ว่าสินธรกับชมนาดเห็นทุกอย่างหมดแล้ว ขณะเดียวกันเดียกับแจ็คก็คร่ำครวญ
“แกๆๆ คุณปราณของชั้น ไม่จริงใช่มั้ย ไม่นะ แล้วชั้นจะอยู่ยังไง” เดียว่า
“คุณอัณณาของแจ็ค ขนาดทำใจไว้แล้ว ยังเจ็บขนาดนี้” แจ๊คคร่ำครวญ
เดียกับแจ็คคร่ำครวญพร้อมกัน “คุณปราณ / คุณอัณณา”
สินธรกับชมนาดสงสัยและข้องใจ
“แหวน ทำไมอัณณากับคุณปราณ สวมแหวน” ชมนาดสงสัย
ปราณกำลังเดินอยู่บนสายพานเพื่อทำกายภาพบำบัด ปราณแข็งแรงขึ้นแล้ว พยาบาลที่ดูแลอยู่ข้างๆกำลังเช็กอาการของปราณแล้วจดใส่ชาร์ต
“ไม่มีอาการเจ็บเข่าหรือเจ็บข้อเท้าแล้วนะคะ” พยาบาลถาม
ปราณตอบสั้นๆ “ไม่”
“อาการโดยรวมดีขึ้นมากเลยค่ะ เดี๋ยวคุณหมอจะต้องมีข่าวดีแน่ๆ โอเคค่ะ กลับไปพักที่ห้องนะคะ”
พยาบาลกดหยุดเครื่อง ปราณก้าวลงจากสายพานแล้วกำลังจะออกจากห้องกายภาพ แต่เขาก็ต้องชะงักเพราะภัทรินเข้ามายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ชั้นขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย” ภัทรินถาม
ปราณมองภัทรินด้วยความสงสัยว่าจะคุยเรื่องอะไร
ภัทรินนั่งคุยอยู่กับปราณ ปราณจิบน้ำขิงอุ่นๆ ภัทรินสังเกตพฤติกรรมการดื่มโดยมองอย่างแปลกตา ไม่คุ้นชินกับมาดและท่าทางที่ดูดีของปราณนต์ที่เธอเคยรู้จัก
“คุณจะกลับดอยผาหมอก” ปราณถาม
ภัทรินได้สติว่าเธอมองจ้องเกินไป “เอ่อ ใช่ ชั้นแวะมาบอกหมอแค่นี้ ว่าชั้นจะกลับแล้ว”
“ทำไม”
“ทำไมชั้นต้องอยู่ล่ะ ในเมื่อ ชั้นไม่มีประโยชน์อะไรที่นี่”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
“ถามตัวหมอเองเถอะ อยากให้ชั้นอยู่เพื่อ”
“อย่าเรียกผมว่าหมอได้มั้ย ผมรู้สึกแปลกๆ”
ภัทรินฉุน “ก็เรียกอย่างนี้มาตลอด ทำไม จะให้ชั้นเรียกว่าคุณปราณ เหมือนที่คุณอัณณาเรียกงั้นเหรอไม่ต้องห่วง ชั้นจะไม่อยู่เรียกหมอให้หมอได้ยินอีกแล้ว” ภัทรินจะไปแต่แล้วก็ชะงักหันกลับมา “หมอ หมอๆๆ”
ภัทรินเรียกให้สาแก่ใจแล้วก็สะบัดหน้าไป แต่ทันใดนั้นปราณก็เอ่ยออกมา
“ผมอยากให้คุณอยู่ดูแลผมนะภัทริน”
ภัทรินชะงักด้วยความแปลกใจและไม่เชื่อหู
“ผมคิดทบทวนแล้ว ถ้าคุณเป็นภรรยาผมจริง ก็แสดงว่า คุณต้องรักผมมาก ถึงได้ลงจากดอยมาที่นี่ ผมก็ควรจะดีกับคุณบ้าง ไม่ใช่เหรอ”
“อะไรทำให้นายคิดอย่างนี้ ทั้งๆที่ในความทรงจำนาย มีแค่คุณอัณณา”
“เอาเป็นว่า ผมอยากให้คุณอยู่ดูแลจนกว่าผมจะจำได้ทุกอย่าง” ปราณบอก
“ไม่ ชั้นจะไม่อยู่จนนายจำได้ว่านายรักคุณอัณณา แล้วชั้นเป็นแค่ แค่อะไรก็ไม่รู้ของนายอีก” ภัทรินจะลุกไป
ปราณจับมือไว้แล้วดึงมา “ก็คุณเป็นภรรยาของผมไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ เอ่อ ใช่ ใช่ แต่”
“ถ้าใช่ ก็ควรอยู่ดูแลผม จนกว่าความทรงจำผมจะเป็นปกติ อย่างน้อยก็ให้ผมรู้ก่อนว่าตัวผมเองเป็นใคร”
ภัทรินจ้องตาปราณด้วยความลังเล สับสน “คุณไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ชั้นก็ไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใครเหมือนกัน จริงๆแล้ว นายกับพี่ชายคือใคร ต้องการอะไร ชั้นไม่รู้เลย แล้วชั้น”
ปราณถามสวน “คุณรักผมหรือเปล่า”
ภัทรินตกใจ “หา”
“ถ้ารักก็น่าจะพอแล้วสำหรับทุกอย่าง”
“แค่รักก็น่าจะพอ หึ ชั้นเคยคิดอย่างนั้น แล้วไง แล้วก็ต้องมีชีวิตอย่างนี้ไง” ภัทรินดึงมือออก “เพราะฉะนั้น แค่รักอย่างเดียวไม่พอ”
ภัทรินเดินแยกไป ปราณได้แต่มองแต่ก็ห้ามไม่ได้
“ภัทริน เดี๋ยว ภัทริน”
ภัทรินเดินแยกออกมาด้วยความเจ็บช้ำและเสียใจ เธอพยายามไม่ให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมา
“รักเหรอ รักบ้ารักบออะไร”
พวกพยาบาลเข็นคนไข้อุบัติเหตุสวนเข้ามาด้วยความเร่งรีบและวุ่นวาย คนไข้และญาติๆส่งเสียง ภัทรินต้องรีบผวาหลบไปให้พ้นเส้นทาง เธอยืนมองเหตุการณ์นั้นแล้วทรุดนั่งลงไปบนเก้าอี้ด้วยความสับสนและต้องการทบทวน
ความคิดของภัทรินแทรกเข้ามา เธอคิดถึงคำพูดของปราณนต์
“ความลับไม่มีในโลก คิดว่าสักวันแม่เธอจะไม่รู้เหรอ ทั้งเรื่องหนี้ เรื่องงานแต่งงาน ทุกเรื่องที่เธอปิดบังแม่เอาไว้ เธอคิดว่าแม่เธอจะรับได้ใช่มั้ย”
เสียงธนาฒน์ดังในหัวของเธอ “ภัทคิดว่าการที่ได้แต่งงานกับณนต์เป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ โกงเงินพี่ชาย แล้วน้องชายฝาแฝดก็มาแต่งงานด้วย โลกมันกลมและสวยงามขนาดนั้นจริงๆเหรอ ภัทเองก็น่าจะรู้ว่าองค์กรระดับนี้ การแข่งขันดุเดือดเลือดพล่านแค่ไหน อยู่บนความจริงหน่อยเถอะ”
ภาพเหตุการณ์ตอนที่จันทร์วิภาพูดกับเธอย้อนกลับมา
“ภัท แฟนเก่าแกเคยทำอะไรไว้ มันชัดเจนมากว่าเขาเลว ส่วนคุณปราณกับหมอณนต์เคยทำอะไรที่ชัดเจนว่าเลวหรือยัง ถ้ายัง แกจะเชื่อคนที่เลวชัดๆ หรือเลวคลุมเครือ แกก็เลือกเอา”
“ไม่ ชั้นไม่รู้จักคุณปราณ แต่ชั้นรู้จักหมอณนต์ สิ่งที่เขาทำ ถ้ามันจะมีอะไรไม่ถูกต้อง ก็อาจจะวิธีการ แต่ไม่ใช่เจตนาและเป้าหมายแน่นอน”
ภาพเหตุการณ์ตอนที่ปราณนต์พูดกับเธอย้อนกลับมา
“ตอนนี้เธอมีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองแล้ว ถ้าไม่อยากมีประวัติเป็นคนขี้โกงไปจนตาย ก็มาช่วยชั้น”
ภาพตอนที่ปราณถามเธอดังขึ้น
ปราณพูดสวนออกมา “คุณรักผมหรือเปล่า”
“หา”
“ถ้ารักก็น่าจะพอแล้วสำหรับทุกอย่าง”
ภัทรินสับสนและไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี สักพักมือถือก็ดังขึ้น เธอหยิบมาดูเบอร์ก็เห็นว่าขึ้นชื่อว่า “ปราณ” โทรเข้ามา ภัทรินยิ่งสับสน ไม่ยอมกดรับสาย
“หมอเคยรับปากแล้วว่าจะไม่หลอก ชั้นยังเชื่อหมอได้อยู่หรือเปล่า”
ปราณนต์ยืนเหม่อมองอยู่ที่หน้าต่างโดยยังคงกดโทรศัพท์หาภัทรินด้วยความหงุดหงิดที่ภัทรินไม่ยอมรับสาย อัณณาเดินเข้ามาตาม
“เลยเวลาประชุมสิบนาทีแล้วนะคะ”
ปราณนต์ยังคงยืนมองเหม่อ อัณณาสะกดอารมณ์ให้เขาโฟกัสที่งานก่อน
“คุณปราณ”
“ทุกคนมารอพร้อมแล้วใช่มั้ย”
“พร้อมตั้งแต่สิบนาทีที่คุญเอาแต่กดโทรศัพท์แล้วค่ะ”
“ไม่ต้องดุได้มั้ย ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่”
“ค่ะ อัณทราบว่าที่คุณทำทุกอย่างเกี่ยวข้องกับงานทั้งนั้น ไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวสักนิดเดียว..จะสายอีกกี่นาทีดีค่ะ”
ปราณนต์เซ็งที่อัณณาประชดประชันไม่เลิก เขาจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ชะงักแล้ววกกลับมาหาอัณณาก่อนจะคว้ามือเธอ
“ไปด้วยกันสิ” ปราณนต์บอก
ชมนาดกำลังฉายโปรเจคเตอร์เกริ่นนำอยู่ในห้องประชุม ที่มีสินธรและกรรมการบริษัทนั่งอยู่ด้วยทั้งหมด
“วันนี้มี2เรื่องใหญ่ค่ะ เรื่องแรกเกี่ยวกับงาน Medical Fair ปีนี้ ทั้งรูปแบบกิจกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ที่เราจะนำไปเปิดตัวในงาน และเรื่องที่สอง ความคืบหน้าของการเข้าร่วมประชุม APEC Life Sciences Innovation Forum Planning Group ที่เมืองจีน” ชมนาดบอก
“แล้วนี่ปราณยังไม่มาอีกเหรอ” สินธรถาม “แย่จริงๆ งั้น ระหว่างรอปราณ ผมขออนุญาตเสนออะไรอย่างนึงนะครับ เรื่องการประชุมที่เมืองจีน ผมคิดว่าธนาฒน์ไม่เหมาะที่จะไป ผมยอมรับว่าธนาฒน์มีภาพลักษณ์ที่ดี แต่โดยตำแหน่งของเขา ผมว่ามันจะดูเหมือนเราส่งเด็กน้อยไปประชุม คนอาจจะมองว่าเราไม่ให้ความสำคัญ หรือไม่ให้เกียรติการประชุมและผู้ร่วมประชุมก็ได้นะครับ”
“คุณสินธรพูดถูก ทีแรกเราเห็นว่าปราณยังเคลียร์ตัวเองเรื่องคดีทุจริตไม่จบ เลยกังวลว่าจะเป็นผลเสียต่อภาพลักษณ์บริษัท” ศิลาพูด
“ถูกต้องครับ ผมก็เลยจะเสนอตัวไปเอง”
“ไม่ๆๆ เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด ต้องให้ปราณออกสื่อให้มากๆ”
“อย่าไปให้ความสำคัญกับข่าวการทุจริต และเอาข่าวงานมงคลของผู้บริหารจีแอลเอสมากลบกระแส มันจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและบริษัทข้ามชาติต่างๆได้แน่”
“ขอโทษนะคะ ข่าวงานมงคลของผู้บริหาร ข่าวอะไรคะ” ชมนาดถาม
ทันใดนั้นปราณนต์กับอัณณาก็เดินเข้ามา
“ข่าวการหมั้นของผมกับอัณณาครับ” ปราณนต์โอบอัณณาแล้วอวดแหวน “เราหมั้นกันแล้วครับ”
สินธรกับชมนาดอึ้ง “หา”
“พวกเธอไปหมั้นกันตอนไหน ทำไมอาไม่รู้เรื่อง”
“พอดีเราได้ฤกษ์มากะทันหันค่ะ เลยทำพิธีหมั้นกันง่ายๆ ไม่ทันได้เชิญใคร ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
ปราณนต์โอบอัณณาไว้อย่างใกล้ชิดก่อนจะผละออก
“เรื่องของผมเอาไว้นอกรอบดีกว่านะครับ มาประชุมงานกันดีกว่า เอิ่ม สรุปว่าการประชุมที่เมืองจีน ให้ผมกับอัณณาไปใช่มั้ยครับ มีใครขัดข้องมั้ยครับ”
สินธรกับชมนาดฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ก็ต้องร่วมประชุมต่อไป ปราณนต์กับอัณณาแอบยิ้มสมใจ
สินธรเดินเข้ามาในห้องแล้วเขวี้ยงเอกสารจนกระจาย
“เป็นแผนของมัน ต้องเป็นแผนของไอ้ปราณแน่ อยู่ๆดีมันจะมาหมั้นทำไมตอนนี้” สินธรว่า
“คุณปราณจงใจจะเอางานหมั้นมากลบข่าวเสียๆหายๆ ชมมั่นใจว่าไม่ใช่แค่การประชุมที่เมืองจีน แต่งานอื่นๆที่กำลังเกิดขึ้น คุณปราณจะไม่ปล่อยให้หลุดมือมาถึงคุณหรือธนาฒน์แน่” ชมนาดบอก
“มันก็เห็นแก่ตัวเหมือนพ่อมัน คิดจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัว ไม่ให้หลุดกระเด็นมาถึงลูกคนใช้อย่างชั้น”
ชมนาดยุ “คุณต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะคะ”
“ผมทำแน่ ถ้าผมไม่ได้อะไร พวกมันก็ต้องไม่ได้อะไรเหมือนกัน”
สินธรโกรธแค้น
ปราณนต์เดินกุมมืออัณณากลับเข้ามาในห้อง แต่พอประตูปิดลงปุ๊บปราณนต์ก็ปล่อยมือแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานทันที อัณณาอึ้งที่ปราณนต์เลิกเล่นละครเอาดื้อๆ
“เราต้องดึงงานที่ควรจะเป็นงานของผมคืนมา และลดบทบาทอาสินธรกับธนาฒน์ให้เหลือน้อย อัณ คุณช่วยเช็กให้ผมที อีเว้นท์ไหนที่พวกเขาจะไปออกสื่อ ผมจะไปด้วยทุกงาน ภาพของปราณจะได้กลบทับภาพของพวกเขาให้หมด”
“พอไม่มีคนอื่น เราก็เหลือกันแค่เรื่องงานใช่มั้ยคะ” อัณณาถาม
“อัณ”
“ที่ถามเพราะอัณจะได้ทราบว่าอัณมีหน้าที่แค่ทำงานเท่านั้น”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พนักงานอีกคนเดินเข้ามา
“คุณปราณคะ มีคนมารอพบคุณอยู่ที่โถงชั้นล่างค่ะ” พนักงานบอก
“ใคร” ปราณนต์ถาม
“คุณภัทรินค่ะ”
ปราณนต์อึ้งแล้วรีบผลุนผลันจะไป อัณณายืนอึ้ง
ปราณนต์เดินผลุนผลันออกมาที่ลิฟท์ในจังหวะเดียวกับชมนาดที่เดินผ่านมา เธอชะงักแล้วมองตามไป เห็นอัณณาเดินตามปราณนต์ไปอีกที ชมนาดแปลกใจแต่ก็รีบตามไป
ปราณนต์รีบออกมาที่ด้านนอก แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะภัทรินนั่งสงบนิ่งรออยู่แล้ว
“ภัท”
ภัทรินลุกขึ้นยืนอย่างแน่วแน่เพราะตัดสินใจมาแล้ว “ชั้นจะทำงานกับคุณ แต่ชั้นขอเริ่มพรุ่งนี้ วันนี้ชั้นไม่พร้อม” ภัทรินไหว้ลา
ภัทรินหันกลับเดินไปทันที แต่ปราณนต์รีบวิ่งมาดักไว้
“เดี๋ยวๆๆ เก็บข้าวของออกจากบ้านแต่เช้า แล้วอยู่ๆก็กลับมา”
“ค่ะ”
“อะไรดลใจให้กลับมา”
“ชั้นไม่ได้กลับมาเพราะคุณ แต่กลับมาเพราะชั้นเชื่อหมอณนต์” ภัทรินจะไป
ปราณนต์ขยับเข้ามาขวาง “แล้วเหตุผลคืออะไร เธอต้องตอบ เพราะชั้นจะต้องแน่ใจก่อนว่าคนที่จะมาทำงานเลขาฯใกล้ชิด ไว้ใจได้”
“ชั้นจะพิสูจน์ความจริงว่าชั้นไม่เคยโกงเงินใคร และชั้นก็ไม่เคยเอาตัวเข้าแลกกับน้องชายใครเพื่อหาเงินมาล้างหนี้..ชั้นจะไม่หนีแล้ว แต่จะทำทุกอย่างเพื่อให้คนใจหยาบบางคนรู้ว่าชั้นก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน”
“ใจเย็นๆๆๆ คุณสมบัติแรกของเลขาฯ คือต้องรู้จักระงับอารมณ์ โลภะโทสะโมหะกรุณาอย่าให้เรี่ยราด โอเค๊” ปราณนต์ถามเสียงสูง
อัณณาตามออกมามองอีกด้าน
“ถ้าเข้าใจแล้ว” ปราณนต์คว้ามือภัทริน “งั้นเริ่มงานเดี๋ยวนี้เลย”
“ชั้นไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อเริ่มวันนี้” ภัทรินบอก
“หมายถึงชุดใช่มั้ย โอเค งั้นไป”
ปราณนต์ยังดึงลากภัทรินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้วตามขึ้นไป อัณณาได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆ จนรถออกไป เธอรู้สึกลึกๆว่าปราณนต์รักภัทรินแล้วแน่ๆ
เสียงชมนาดดังขึ้น “คุณปราณกับน้องสะใภ้ดูสนิทกันดีนะคะ”
อัณณาหันมาเห็นชมนาดยืนอยู่ก็ถึงกับอึ้ง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
อัณณาเดินเลี่ยงเข้ามาในบริษัท โดยมีชมนาดเดินตามมา
“คู่หมั้นคุณลากเอาน้องสะใภ้ขึ้นรถไป คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะคุณอัณณา” ชมนาดถาม
“ค่ะ ต้องรู้สึกอะไรเหรอคะ” อัณณาย้อนถาม
“ก็ แบบผู้หญิงทั่วไปจะต้องรู้สึก เวลาผู้ชายของเราไปสนิทสนมกับผู้หญิงอื่นเกินจำเป็น โดยเซ้นซ์แล้ว พวกเรารู้ดีว่ามันไม่ปลอดภัย”
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเป็นห่วงแทนดิฉัน” อัณณาเดินหนี
ชมนาดเดินตาม “แหม วันก่อนคุณปราณก็สติแตกที่ภัทรินหายไป จนมีเรื่องชกต่อยกับธนาฒน์ ไปทีแล้วนะคะ วันนี้ก็ยังฉุดกระชากกันออกไปอีก ขนาดดิฉันไม่ได้เป็นคู่หมั้น เซ้นซ์ดิฉันยังตะหงิดๆเลยนะคะ”
อัณณาหันมาพูดชัดเจน “คุณชมนาด ดิฉันรู้ดีว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน คุณเอาเวลาไปทำงานเถอะค่ะ ไม่ต้องมาคิดเล็กคิดน้อยแทนดิฉัน”
“ไม่คิดเล็กคิดน้อย หรือจริงๆคุณไม่ได้รักคุณปราณคะ” ชมนาดถาม
“คะ” อัณณางง
“คุณเคยขึ้นเชียงใหม่เพื่อไปหาคุณปราณนต์ไม่ใช่เหรอคะ ธนาฒน์เล่าว่า พวกคุณมีกอดกันด้วย คุณรักคุณปราณนต์ ตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ได้รักคุณปราณ แต่ที่คุณต้องหมั้น ถ้าให้เดา ก็คงจะเพื่อผลทางธุรกิจ เท่านั้นใช่มั้ยคะ”
“อื้ม ค่ะ ใช่ตามนั้นเลยค่ะ แล้วคุณจะทำไมเหรอคะ”
“ดิฉันอยากชื่นชมคุณค่ะ ที่เสียสละเพื่อจีแอลเอสได้มากขนาดนี้ อ้อ แล้วทำไมคุณปราณต้องไปวิ่งไล่ตามภัทรินด้วยล่ะคะ ภรรยาของน้องชาย แต่พี่ชายเป็นห่วงยิ่งกว่าคู่หมั้นตัวเอง ตายแล้ว ไม่หรอกๆๆ ดิฉันคงจะคิดมากไป ใช่มั้ยคะ”
“คุณชมนาดคะ ถ้าสืบข้อมูลของดิฉันกับฝาแฝดปราณได้มากพอแล้ว คุณช่วยไปอัพลงวิกิพีเดียให้ด้วยนะคะ เผื่อจะมีใครอยากรู้อีก ขอบคุณค่ะ”
อัณณาสะบัดหน้าเดินหนีไป ชมนาดหมั่นไส้
“วิกิพีเดีย เฮอะ” ชมนาดว่า
ปราณนต์ลากภัทรินเข้ามาในร้านเสื้อหรูที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า
“อยากได้ชุดไหน เลือกเลย” ปราณนต์บอก
“ชั้นไม่ต้องการ” ภัทรินว่า
“ชั้นบอกแล้วไงว่าไม่อยากทะเลาะกับเธออีกแล้ว ช่วยเลิกดื้อกับชั้นได้มั้ย”
“ชั้นไม่ได้ดื้อ แต่ชั้นไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร”
ปราณนต์หยิบชุดมายั่ว “ดูสิ เสื้อผ้าแบรนด์ระดับนี้ ถ้ามันไปอยู่บนตัวเธอ ต้องสวยเริ่ดมากๆ ไม่อยากลองจริงๆเหรอ ชั้นรู้ว่าเธอคิดถึงมันใจจะขาด อย่าให้ทิฐิเล็กๆน้อยๆมาทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเสื้อผ้าดีๆหรูๆขาดสะบั้นเลย”
“ไม่ต้องมายั่วชั้นเลย”
ปราณนต์หยิบชุดมาสี่ถึงห้าชุดแล้วยัดใส่มือภัทรินก่อนจะดันให้เธอเข้าไปลอง
“เลขาฯของชั้นจะแต่งตัวกะโหลกกะลาไม่ได้ ถ้าเธอไม่ลอง งั้น” ปราณนต์พูดกับพนักงาน “คุณครับ ช่วยจัดชุดให้คุณผู้หญิงคนนี้สิบชุด ชุดละสามไซส์ ให้เธอเอาไปลองที่บ้าน”
“คุณจะบ้าเหรอ รู้มั้ยมันเงินเท่าไหร่”
“นั่นน่ะสิ จะเสียเงินเปล่าๆทำไม ไปลองไป”
ภัทรินหมั่นไส้แต่ก็คว้าชุดเพื่อเอาไปลอง ปราณนต์แอบยิ้ม
ภัทรินเดินออกมาจากห้องลองในชุดแบบเวิร์คกิ้งวูเม่นสวยเท่กระฉับกระเฉง ปราณนต์นั่งมองด้วยแววตาพึงพอใจ
“เธอดูดีมาก”
“แน่นอน” ภัทรินบอก
“นี่ ตามมารยาทแล้ว เธอควรจะถ่อมตัวซักนิดนะ”
“ชั้นไม่ชอบโกหก”
ภัทรินเชิ่ดๆ ปราณนต์หมั่นไส้และอยากทุบเธอเสียจริงๆ
ปราณนต์รูดบัตรเครดิต ภัทรินจะเดินออกไป แต่ปราณนต์ดึงตัวไว้
“จะไปไหน”
“ก็ซื้อเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แล้วจะไม่ถือของหรือไง”
ภัทรินมองไปเห็นพนักงาน4-5คนยืนถือถุงช้อปปิ้งรออยู่
ภัทรินตกใจ “หา”
ปราณนต์เดินตัวปลิว ภัทรินเดินตามหอบของพะรุงพะรังมาตามทางเดินภายในห้าง
“นี่!” ภัทรินประชด “สุภาพบุรุษมากเลยนะ ปล่อยให้ผู้หญิงเดินตัวปลิวสบาย”
“ก็เหมาะกับเธอดีนะ”
“เหมาะยังไงไม่ทราบ”
“เยอะ” ปราณนต์ว่า
ภัทรินรู้สึกขัดใจ “ฮึ่ย”
“อย่าบ่น ของเธอทั้งนั้น หรือจะให้เจ้านายมาถือของให้”
“แต่ชั้นเป็นผู้หญิง”
ปราณนต์ไม่สนใจ เขาเดินเลี้ยวเข้าร้านรองเท้าไป ภัทรินเหวอ
“นี่ ชั้นไม่อยากได้อะไรแล้ว”
ภัทรินยิ้มปลื้มกับรองเท้าที่กำลังสวมอยู่
“มันสวยมากเลย”
“ไหนว่าไม่อยากได้อะไรแล้ว” ปราณนต์ว่า
“ก็ หรือจะให้ชั้นใส่แตะไปทำงานล่ะ” ภัทรินพูดกับพนักงาน “งั้นเอาสามคู่นี้ คู่ละสามสี ขอบคุณค่ะ”
“เฮ้ย เอาไปทำไรเยอะแยะ”
“อยากซื้อให้ไม่ใช่เหรอ ก็ต้องซื้อให้พอดีกับการใช้งานสิ”
“แต่”
“อย่าบ่น คุณไม่ช่วยชั้นถือของตามมารยาท ชั้นก็ไม่จำเป็นต้องซื้อของตามมารยาทเหมือนกัน”
ปราณนต์ชักอยากจะเขกกบาลที่สุด ภัทรินยิ้มๆดีใจที่ได้เอาคืนปราณนต์บ้าง
ปราณนต์เดินตัวปลิวมาอีกด้านแล้วหันกลับไปมองแต่ก็ไม่เห็นภัทรินเดินตามมา เขามองหาว่าภัทรินหนีไปไหนอีก
“หรือตายคาถุงช้อปปิ้งไปแล้ว”
ปราณนต์จะเดินกลับไปดู ภัทรินเดินเข็นรถเข็นที่มีถุงช้อปปิ้งอยู่ในนั้นเต็มไปหมดด้วยท่าทางสบายๆและมองสินค้าตลอดข้างทางเพลิดเพลิน
ปราณนต์อึ้ง “รถเข็น”
ภัทรินเข็นรถมาใกล้ปราณนต์
“อยากช๊อปอะไรเพิ่ม ก็ตามสบายนะ” ภัทรินตบรถเข็นเบาๆ “ชั้นพร้อม”
ภัทรินจะเข็นรถไปแต่เหลือบเห็นร้านกาแฟหรูซะก่อน
“ฮ้า Decaf Double Tall Caramel Non Fat Two Brown Light Hot Light Milk With Whip Cappuccino”
“หือ สวดอะไร” ปราณนต์ถาม
“Decaf Double Tall Caramel Non Fat Two Brown Light Hot Light Milk With Whip Cappuccino”
ภัทรินนั่งดูดกาแฟอย่างมีความสุขมาก ปราณนต์เห็นภัทรินผ่อนคลายก็รู้สึกสบายใจสบายอารมณ์ไปด้วย มาดเข้มๆที่เขาเคยมีก็เจือจางลง
“ฟินม้ะ” ปราณนต์ถาม
“หือ”
“ก็ท่าทางของเธอ ดูฟินมาก”
“ผีเข้าเหรอคะ”
“ทำไม ในสายตาเธอ ชั้นใจร้ายขนาดนั้นเลย”
“มากก ทั้งใจร้าย เย็นชา หยาบกระด้าง เผด็จการ ชอบบงการ บังคับ กดขี่คนอื่น คุณเป็นเหมือนผีดิบที่ไร้หัวใจ”
ปราณนต์ยิ้ม “ชั้นเป็นอย่างนั้นเหรอ”
“โดนด่ายังยิ้มอีก”
ปราณนต์ยิ้ม “ชั้นเห็นเธอมีความสุขที่ได้ด่าชั้นไฟแล่บ ชั้นก็ดีใจ รีบๆด่านะ โปรโมชั่นให้แค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้เริ่มงานไม่มีสิทธิ์ด่าเจ้านายแล้วนะ”
“โรคจิต มาโซคิสต์” ภัทรินรีบห้ามไม่ให้พูด “หยุด! หุบปากไปเลย อย่ามาทำให้เสียบรรยากาศการเสพคาเฟอีนของชั้น” ภัทรินยกดื่ม “ฮ้า”
ปราณนต์เผลอยิ้มไปด้วย “ตั้งแต่เธอมากรุงเทพ ชั้นเพิ่งจะได้เห็นเธอยิ้มนี่แหละ รู้งี้พามาช็อปปิ้งตั้งแต่แรกก็ดี ฮะๆ”
อยู่ๆภัทรินก็ชะงักไป เพราะรอยยิ้มของปราณนต์ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งคล้ายกับรอยยิ้มของหมอปราณนต์ที่เธอรู้จักมาก
“เป็นอะไร”
“เอ่อ มีใครเคยบอกมั้ยว่า คุณสองคนเหมือนกันมาก” ภัทรินถาม
ปราณนต์ย้อน “แล้วมีใครเคยบอกเธอมั้ย ว่าคนที่เป็นฝาแฝด หน้าตาจะเหมือนกันมาก”
“พูดด้วยดีๆทำไมต้องย้อน” ภัทรินถาม
ภัทรินทำท่าจะตีแต่ปราณนต์หัวเราะ
ภัทรินยืนรออยู่ สักพักปราณนต์ก็เดินกลับมา
“ให้ชั้นรออยู่ตั้งนาน ไปซื้ออะไรมา” ภัทรินถาม
“พอดีอยากกินผลไม้ ก็เลยแวะไปซุปเปอร์มา” ปราณนต์หยิบออกมาทำให้เห็นว่าเป็นสตรอเบอร์รี่ในกล่องสวย
ภัทรินตื่นเต้น “สตรอเบอร์รี่”
“ชอบเหรอ” ปราณนต์ถาม
“ชอบมากก” ภัทรินบอก
“งั้นไม่ให้กิน” ปราณนต์ชักกลับแล้วหยิบเข้าปากอย่างยั่วๆ “หื้มม หวาน อร่อยไม่แพ้เด็ดสดๆจากต้นเลยนะ”
“คะ” ภัทรินงง
ปราณนต์รู้ตัวว่าเผลอไปจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าอยากกิน ตอบคำถามผมก่อน ห้ามโกหกด้วย เธอจะช่วยชั้นหาหลักฐานการทุจริตจริงๆใช่มั้ย”
“ทำไมต้องถามอีก”
“เพราะเธอไปคุยอะไรกับธนาฒน์มาก็ไม่รู้”
“ถ้าคุณกังวลว่าชั้นจะเชื่อคำพูดของธนาฒน์ล่ะก็ เลิกคิดไปได้เลย ชั้นไม่มีวันร่วมมือหรือทำตามข้อเสนอใดๆของคนพรรค์นั้นเด็ดขาด และชั้นพูดจริง ไม่ได้โกหกแน่”
“โอเค ชั้นเชื่อเธอ อ้ะ” ปราณนต์ยื่นให้ทั้งกล่อง
ภัทรินรับมามอง ทีแรกเธอจะหยิบกินแต่ก็ชะงักไม่กินแล้วก็วางคืน
“ไม่กินล่ะ” ปราณนต์ถาม
“ชั้นเอาไปกินกับหมอณนต์ดีกว่า เผื่อจะช่วยให้เขาจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”
ปราณนต์อึ้งและซึ้งใจ ที่ภัทรินคิดถึงปราณนต์เสมอ
“เป็นไร ไปๆๆ กลับได้แล้ว” ภัทรินเร่ง
อัญชันกำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่ที่โต๊ะอาหาร สักพักอัณณาที่เพิ่งกลับมาจากทำงานก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงที่โซฟา
“อัณ หิวมั้ยลูก แม่กำลังปอกแอปเปิ้ลไว้ให้ แล้วเดี๋ยวแม่จะเอามาทำแยมเก็บไว้ทานกับขนมปังตอนเช้าด้วย ลูกน่าจะอร่อย” อัญชัญเห็นอัณณานั่งนิ่ง “อัณ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
“อัณ” อัณณาอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก
“เรื่องคุณณนต์ใช่มั้ย”
“ณนต์ เขาไม่รักอัณแล้วค่ะแม่ อัณเข้าใจผิดไปเอง เขาเป็นห่วงแต่ภัทริน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภัทรินมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ วันนี้เขาก็ออกไปกับภัทรินทิ้งอัณทำงานคนเดียว ทั้งๆ ที่ อัณคือคู่หมั้นเขา แหวนยังอยู่ในนิ้วอยู่เลย แต่ณนต์ ณนต์ไม่ให้ค่าแหวนหมั้นที่นิ้วเขาเลยค่ะ”
อัณณาพยายามจะไม่ฟูมฟาย อัญชันเช็ดมือแล้วรีบเข้ามากอดปลอบลูกสาวเอาไว้
“อัณ ไม่เป็นไรนะลูก”
อัณณากอดแม่ร้องไห้
รถตู้แล่นเข้ามาจอดที่บริเวณบ้าน แหวนในนิ้วนางมือซ้ายของปราณนต์วางอยู่ที่หน้าขา ภัทรินที่นั่งข้างๆ จับจ้องแหวนอยู่แล้วก็อึกอักเพราะอยากถาม เลยไม่ทันสังเกตว่ารถจอดสนิทแล้ว
“รถหมดระยะแล้ว ลงมั้ย” ปราณนต์ถาม
ภัทรินรู้ตัวก็รีบลงจากรถ คนขับรถช่วยยกถุงช้อปปิ้งต่างๆเข้าไปในบ้าน ป้าอิ่มและสาวใช้เข้ามาช่วยกันยก
“คุณปราณ” ภัทรินเรียก
“อะไร” ปราณนต์ถาม
“ชั้นรู้ว่ามันคือเรื่องส่วนตัว แต่ ก่อนหน้านี้ชั้นไม่เห็นว่ามันมี” ภัทรินชี้ให้รู้ว่าหมายถึงแหวน “แหวนคุณ”
“อ้อ ใช่ ชั้นหมั้นแล้ว” ปราณนต์บอก
ภัทรินาถามต่อ “กับ”
“อัณณา”
ภัทรินอึ้ง “คุณอัณณา อ้าว แล้วหมอณนต์ล่ะ ก็หมอณนต์กับคุณอัณณารักกันไม่ใช่เหรอ”
“ใครบอก” ปราณนต์ถาม
“ก็”
“เธอคิดเองเออเองทั้งนั้น ถึงณนต์จะจำอัณณาได้คนเดียวก็ไม่ได้แปลว่าเขารักกัน ความทรงจำของหมอณนต์อาจจำได้แค่ตอนนั้น เลยคิดว่ามันคือความจริง ณนต์อาจจะลืมไปว่าความทรงจำสุดท้ายคือเขาเลิกรักอัณณาไปรักเธอแล้วก็ได้”
“ใช่ ความทรงจำของณนต์อาจยังไม่ได้อัพเดตเวอร์ชั่นล่าสุด เขาเลยคิดว่าระบบปฏิบัติการที่เขามีคือทันสมัยที่สุดแล้ว แต่จริงๆคือตกรุ่นมาก”
ภัทรินผลุนผลันจะออกไป
“เธอจะไปไหน”
“ชั้นจะไปโรงพยาบาล เอาสตรอเบอร์รี่ไปให้หมอณนต์กิน คุณไม่ต้องไปส่ง ไม่ต้องห่วง ชั้นไปเองได้ และพรุ่งนี้เช้าชั้นจะไปทำงานแน่นอน” ภัทรินจะรีบไป “โทรไปบอกโรงพยาบาลให้ต้อนรับชั้นด้วยนะ”
“เดี๋ยว แล้วจะไปไง เอารถชั้นไปมั้ย”
ภัทรินรีบวิ่งวกกลับมา ปราณนต์โยนกุญแจรถให้เธอ
“ว้าว ขอบคุณมากๆเลย” ภัทรินจะไปแต่ก็ชะงัก “อ้อ ชั้นยินดีกับคุณและคู่หมั้นด้วยนะคุณปราณผีดิบ”
ภัทรินยิ้มแย้มแล้วรีบไปที่รถส่วนตัว ปราณนต์ได้แต่มองตามยิ้มๆ และใจพองฟู
ปราณนต์เดินกลับเข้ามาในบ้าน อิ่มเดินมารอรับใช้
“วันนี้ดีกันได้แล้วเหรอคะคุณหนู ดีกันอย่างนี้ตลอดไปเลยนะคะ ป้าไม่อยากเห็นคุณหนูเครียด”
ปราณนต์ยิ้มไม่หุบ “ขอบคุณนะครับป้าอิ่ม” ปราณนต์ชะงักเพราะเห็นอิ่มมองที่เขาแล้วยิ้ม “ยิ้มอะไรครับ”
“ป้ายิ้ม เพราะคุณหนูยิ้มนั่นแหละค่ะ”
“ผมยิ้มเหรอครับ” ปราณนต์เขิน “ไม่ได้ยิ้มซะหน่อย เอ่อ ผม ผมขึ้นไปนอนดีกว่าครับ”
ปราณนต์เดินเลี่ยงขึ้นห้องไป อิ่มยิ้มๆ
ปราณนต์กลับเข้ามาในห้องพักซึ่งเป็นห้องของปราณ เขาล้มตัวลงนอนที่เตียง เสียงของภัทรินที่เคยพูดกับเขาดังก้องในหัว
“ภัทรินดีใจ ก็แปลว่า แปลว่า แปลว่าอัลไลล”
ปราณนต์ลุกขึ้นมานั่งแล้วมองไปที่กล่องซึ่งวางไว้มุมหนึ่งของห้อง เขาไปหยิบกล่องใบนั้นเปิดออกมาดู ข้างในคือซึงประจำตัวของปราณนต์ ปราณนต์หยิบซึงขึ้นมาแล้วดีด
ภัทรินขับรถมาด้วยความดีใจที่จะได้ไปหาปราณนต์ แต่แล้วเธอก็ชะงักเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้
“สตรอเบอร์รี่” ภัทรินมองไปรอบๆ แล้วก็รู้ว่าตัวเองลืม “โธ่ๆๆ พูดเองว่าจะเอามาให้หมอณนต์ แล้วก็ลืมเอง ยัยเบ๊อะเอ๊ย”
อิ่มกำลังคุมเด็กที่ทำความสะอาดครัวอยู่ เสียงซึงดังมาตลอด
“อ่ะ ใครทำหน้าที่ตัวเองเสร็จแล้วก็ไปพักดูละครได้” อิ่มบอกเด็กๆ
พสุวัฒน์เดินลงมาจากชั้นบน
“วันนี้มันไปอารมณ์ดีจากไหนมา”
“ไม่รู้สิคะ เห็นกลับมาพร้อมหนูภัทริน แล้วหนูภัทก็ออกไปเยี่ยมคุณณนต์ที่โรงพยาบาล ส่วนคุณหนูของอิ่มก็ ครึ้มอกครึ้มใจอย่างที่ได้ยิน เพราะดีนะคะเสียงเครื่องนี้ เรียกว่าซึงใช่มั้ยคะ” อิ่มถาม
“น่าจะใช่ เหมือนที่แม่เจ้าณนต์ชอบเล่น” พสุวัฒน์บอก
“อิ่มเห็นคุณหนูเอาซึงมาไว้ในห้องสองสามวันแล้ว แต่ไม่เคยเล่น สงสัยจะกลัวหนูภัทได้ยิน ดีแล้วค่ะ คุณหนูจะได้ผ่อนคลายบ้าง”
ภัทรินขับรถวนกลับเข้ามาในบ้าน
พสุวัฒน์สงสัย “ใครมา”
อิ่มกับพสุวัฒน์มองออกไปแล้วก็ตกใจ
รถจอดสนิท ภัทรินรีบลงจากรถมาแล้วจะเข้าบ้าน อิ่มรีบออกมาขวาง
“คุณกลับมาทำไมคะ”
“ภัทลืมสตรอเบอร์รี่ค่ะ น่าจะมีใครเอาไปไว้ข้างในแล้ว”
“เดี๋ยวให้ป้าอิ่มไปหยิบให้ดีกว่า” พสุวัฒน์บอก
ภัทรินเดินฝ่าไป “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไปเองเร็วกว่าค่ะ”
ภัทรินเดินเข้ามาภายในบ้านและกำลังจะตรงไปที่ครัว แต่แล้วเธอก็ชะงักเพราะได้ยินเสียงซึงลอยผ่านลมมา
“เสียง เสียงนี้มาจากไหน ใครเล่นคะ”
อิ่มอึกอัก “เอ่อ”
ภัทรินจำได้ว่าคือเพลงที่ปราณนต์เคยเล่นที่บนดอย
“หมอณนต์”
ภัทรินไม่รอคำตอบ เธอรีบเดินตามเสียงแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป
ภัทรินเดินตามเสียงดนตรีมาจนมาถึงหน้าห้องนอนของปราณ แล้วเธอก็ตัดสินใจจับลูกบิดเบาๆ และค่อยๆเปิดประตูเข้าไปอย่างเบาเสียงที่สุด ภัทรินค่อยๆ มองเข้าไปแล้วก็ตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ภัทรินเห็นปราณนต์เล่นซึงในมาดแบบเดียวกับหมอปราณนต์ของเธอ ปราณนต์ยังไม่รู้เรื่องจึงยังคงเล่นดนตรีต่อเนื่อง ภัทรินยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“หมอณนต์”
ปราณนต์ชะงักทันทีที่เห็นภัทริน
“คุณ คุณคือ หมอณนต์”
ปราณนต์หันกลับมาแล้วทำหน้าข้องใจ “หา”
“ทำไมคุณต้องหลอกชั้น”
“เดี๋ยวๆๆ เป็นอะไรของเธอ ชั้นปราณ ไม่ใช่ณนต์”
“ไม่ ไม่จริง เพราะอย่างนี้นี่เอง คุณถึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชั้น เวลาที่คุณยิ้มหรือหัวเราะ ชั้นจำได้ ชั้นจำคุณได้ แล้วที่คุณซื้อสตรอเบอร์รี่มาก็เพราะคุณรู้ว่าชั้นชอบกิน”
“ไปกันใหญ่แล้วภัทริน”
“ซึงของหมอณนต์มาอยู่กับคุณได้ยังไง แล้วเพลงที่คุณเล่น ก็เป็นเพลงที่หมอณนต์ชอบเล่น แล้วยังท่าทาง..”
“ใจเย็นๆนะภัทริน โอเค ซึงนี้ของหมอณนต์จริงๆ เพราะชั้นเป็นคนไปขอให้ทางโรงพยาบาลผาหมอกช่วยส่งมาให้ เผื่อจะเอามาช่วยฟื้นความทรงจำให้หมอณนต์ แล้วที่ชั้นเล่นมันได้ เพราะแม่ของเราสอนเรามาด้วยกัน”
“แม่สอน” ภัทรินถาม
“ใช่” ปราณนต์ตอบ
“โกหก คุณโกหกชั้นใช่มั้ย”
“มาดูนี่” ปราณนต์พามาที่ผนังที่ประดับด้วยรูปถ่ายหลายรูป เขาชี้ที่รูปหนึ่งซึ่งเป็นขาวดำคือรูปแม่กับคุณตาที่ถือซึงเอาไว้ในมือ “นี่ แม่กับคุณตา ซึงเป็นเครื่องดนตรีที่คุณตาชอบมาก แม่เลยได้วิชามา แล้วก็ถ่ายทอดมาถึงเราสองคน”
“แล้วเรื่องสตรอเบอร์รี่” ภัทรินถามต่อ
“เฮ้ย ใครๆก็ชอบสตรอเบอร์รี่หรือเปล่า แค่ชั้นบังเอิญซื้อมาตรงกับใจเธอ จะมาเหมาว่าชั้นเป็นณนต์เนี่ยนะ ประสาทแล้ว”
“แต่ แต่ความรู้สึกของชั้น”
ปราณนต์ชักฉุน “ทำไม ความรู้สึกเธอ บอกว่าเธอคือเมียชั้นงั้นเหรอ”
ปราณนต์ฉุน เขาจับภัทรินให้ชิดกำแพงแล้วเอามือกันไว้ไม่ให้เธอหนี
“คุณจะทำอะไร” ภัทรินถาม
“ชั้นขอโทษที่ทำให้สับสน พอดีว่าเราเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันมากๆ แต่พูดไปเธอคงไม่เชื่อ ชั้นก็จะให้เธอพิจารณาให้ชัดๆว่าชั้นเหมือนกับสามีเธอตรงไหน” ปราณนต์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ “มองสิ ดูให้ชัดๆ”
ปราณนต์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทบจะจูบภัทรินอยู่แล้ว
“แยกออกหรือยังว่าเราต่างกันยังไง”
“แยกออก เพราะหมอณนต์จะไม่มีทางทำตัวไม่ให้เกียรติสุภาพสตรีอย่างคุณแน่ ปล่อยชั้น”
ภัทรินผลักออกแล้วจะไป แต่ปราณนต์คว้าตัวภัทรินแล้วดึงมา
“เดี๋ยวสิ ผมรู้ว่าคุณหาเรื่องจะบุกเข้าห้องนอนผมมากกว่า ผมรู้ว่าคุณเหงา อยากเปลี่ยนบรรยากาศใช่มั้ย”
“ทุเรศ” ภัทรินว่า
ภัทรินตบหน้าปราณนต์เพี๊ยะ
พสุวัฒน์ที่ตามมาที่หน้าห้องแล้วก็ตะลึง
“ชั้นเป็นน้องสะใภ้ของคุณคุณยังคิดจะทำสกปรกกับชั้นได้อีกเหรอ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความยับยั้งชั่งใจไม่มีเลยใช่มั้ย คุณเป็นคนหรือเป็นสัตว์กันแน่”
“ใช่ ผมไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ถ้ารู้แล้ว ก็อย่าเดินเข้ามายั่วผมถึงในห้องนอนอีก คราวหน้าคุณไม่รอดแน่”
ภัทรินมองปราณนต์อย่างชิงชังรังเกียจแล้วรีบออกไปจากห้อง โดยสวนกับพสุวัฒน์ที่กำลังเงอะงะเมื่อเห็นภัทรินเดินร้องไห้ออกไป พอภัทรินออกไป ปราณนต์ที่ทำตัวถ่อยเพื่อขู่ไล่ไม่ให้ภัทรินสงสัยในตัวเองก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเซ็งตัวเองที่พลาดไป
ภัทรินวิ่งกลับเข้าห้องนอนตัวเอง ปิดประตู แล้วยืนพิงประตูร้องไห้
พสุวัฒน์ต่อว่าปราณนต์
“ทำบ้าอะไรของแก”
“ผมอยากอยู่คนเดียว ออกไป” ปราณนต์ว่า
“ชั้นเตือนแกแล้วว่าถ้าจะเอาภัทรินมาทำงานด้วยแกต้องระวังตัวกว่านี้ นี่ยังไม่ทันเริ่ม แกก็จะทำทุกอย่างพังแล้ว แกจะไม่มีทางหลอกหนูภัทได้สำเร็จ ถ้ายังทำตัวเป็นไอ้บ้ากดขี่หนูภัทอยู่อย่างนี้ ยิ่งแกไปบีบเขามาก มันก็ยิ่งทำให้เขาดิ้นพล่านเพื่อเอาตัวรอดมาก แล้วตัวแกเองนั่นแหละที่จะตาย”
“ตายก็ตาย ถ้าผมตาย ถ้าทุกอย่างพินาศ มันก็จะย้อนกลับไปที่ตัวพ่อนั่นแหละ เพราะความต้องการจะรักษาจีแอลเอสของพ่อ มันคือการทำลายทุกคนรอบตัวพ่อ ทั้งผม พี่ปราณ และแม่ พ่อทำให้แม่ตาย”
“ไอ้”
“ออกไปจากห้องผม ไป”
พสุวัฒน์ฮึดฮัดและหายใจถี่รัว แต่ปราณนต์ไม่สนใจ เขาลากพสุวัฒน์ออกไปจากห้องแล้วปิดประตูไล่ดังปัง
พสุวัฒน์ยืนอยู่หน้าห้อง แล้วอยู่ๆ เขาก็มีอาการปวดหัวขึ้นมากะทันหันทำให้วูบจนทรุดลงไป แต่เขาก็พยายามประคองตัวเองไว้ไม่เรียกปราณนต์ ปราณนต์ยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าประตูในห้องโดยไม่รู้เลยว่าที่อีกด้านของประตูพ่อของตัวเองกำลังทรุดหนัก
พสุวัฒน์ค่อยๆเดินไต่ราวลงมาชั้นล่างด้วยอาการปวดหัวหนักขึ้นและทรุดจนเข่าอ่อน
ปราณนต์เดินกลับไปกลับมาด้วยความเครียดและโมโหตัวเอง
ภัทรินร้องไห้เสียใจ เธอกวาดถุงช้อปปิ้งที่อยู่บนเตียงหล่นกระจาย
พสุวัฒน์รื้อหยิบยาออกมากินแล้วนั่งพัก
อัณณาดูรูปเก่าๆสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับฝาแฝด ร้องไห้ เศร้า แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตัดสินใจได้แล้วว่าจะตัดใจจากปราณนต์เสียที
เช้าวันใหม่ อัญชันกำลังทำอาหารอยู่ในครัว อัณณาที่แต่งชุดพร้อมออกไปทำงานเดินเข้ามาในครัว
อัญชันรีบดักคอ “หยุดเลย นั่งลง แม่ทำข้าวต้มให้แล้ว ทานก่อน”
อัณณายอมนั่งลงแต่โดยดี อัญชันเอาข้าวต้มมาเสิร์ฟแล้วนั่งลงข้างๆ ลูกด้วยความห่วงใย
“เมื่อคืนลูกได้นอนหรือเปล่า” อัญชัญถาม
อัณณาส่ายหน้า
“แล้วจะทำงานไหวเหรอ ลาครึ่งวันมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้นอน แต่ก็คุ้มนะคะ เพราะอัณคิดว่าอัณจะตัดใจแล้วค่ะแม่”
“จริงเหรอลูก”
“ค่ะ อัณบอกตัวเองมาตลอด ว่าถ้าวันนึงอัณรู้ว่าณนต์ไม่รักอัณจริงๆแล้ว อัณก็จะไม่ตื๊อให้เขารำคาญ จะไม่ฟูมฟาย ไม่เรียกร้อง และไม่พยายามแก่งแย่งเพื่อให้ณนต์หันมารักด้วย อัณจะรักณนต์ด้วยสติ ด้วยเหตุผล ถ้าใจไม่ตรงกัน ก็ขอเป็นเพื่อนกันตลอดไป”
“ลูกพูดง่าย แล้วทำได้เหรอ”
อัณณาร้องไห้แล้วส่ายหน้า
“อัณ”
“ไม่ต้องปลอบอัณค่ะแม่ อัณจะคอยให้แม่มาปลอบตลอดไม่ได้ อัณต้องปลอบตัวเอง ต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง อัณรู้ว่ามันยาก แต่ ก็ต้องทำให้ได้”
อัญชันจับมืออัณณา “แม่รักลูกนะ”
“หนูก็รักแม่นะคะ..ข้าวต้มของแม่เหยาะน้ำตาของหนูอร่อยมากค่ะ”
อัญชันกับอัณณายิ้มขื่นๆ
อัณณาเงยหน้าแล้วปาดน้ำตา “ไม่เอาไม่ร้องๆๆ วันนี้เป็นวันดี อัณจะต้องสดชื่น คนป่วยจะได้ไม่ห่อเหี่ยวไปด้วย”
“ลูกจะไปหาปราณเหรอ วันนี้มีอะไรเหรอ”
“วันนี้มีเซอร์ไพร้ส์ค่ะ” อัณณาพูดยิ้มๆ
อ่านต่อหน้าที่ 3
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
ภัทรินนั่งกินอาหารเช้าอย่างสงบและไม่สุงสิงกับใคร ปราณนต์นั่งกินอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกอึดอัดกับความเงียบกริบ ปราณนต์วางช้อน หยุดกิน เตรียมตัวจะไปทำงาน ภัทรินวางช้อนตามทันที
“กินต่อไปก็ได้ ชั้นไม่รีบ” ปราณนต์บอก
ภัทรินนั่งนิ่ง ไม่กินแล้ว เธอนั่งรอคำสั่ง
“ชั้นอยากไปทำงานให้มันจบๆแล้วค่ะ ชั้นจะได้ไปจากที่นี่ซะที”
“งั้นก็ไป”
ปราณนต์เดินนำออกไป ภัทรินไหว้ป้าอิ่มแล้วเดินตามไป อิ่มเป็นห่วง
ปราณนต์เดินนำภัทรินออกมาที่หน้าบ้านโดยกำลังจะขึ้นรถไปทำงาน แต่อยู่ๆ รถของอัณณาก็แล่นเข้ามาภายในบ้าน ทั้งสองคนชะงักมอง
“คู่หมั้นคุณมาค่ะ” ภัทรินบอก
“ถ้าไม่บอกชั้นคงไม่รู้นะเนี่ย” ปราณนต์กวน
รถของอัณณาจอด อัณณาลงจากรถ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะปราณ คุณภัท ไปทำงานวันนี้วันแรกพร้อมกับข่าวดีเลยนะคะ” อัณณาว่า
“ข่าวดีอะไร..แล้วทำไมถึงมาแต่เช้า” ปราณนต์ถาม
“อัณพาเพื่อนมาส่งค่ะ”
ปราณก้าวลงมาจากรถ เขามองสภาพบ้านของตัวเองอย่างไม่คุ้นตา ปราณนต์กับภัทรินตะลึง
“หมอ” ภัทรินอึ้ง
อิ่มกับพวกสาวใช้ที่ตามออกมาดูตกตะลึงไปด้วย
“คุณหนูปราณ ณนต์” อิ่มเกือบเผลอตัวเรียกแต่กลับลำทัน
อิ่มรีบสะกิดพวกสาวใช้เข้าไปต้อนรับดูแล ปราณเดินเข้ามาหาปราณนต์และภัทริน เขาจ้องหน้าปราณนต์ก่อน จากนั้นก็เดินผ่านปราณนต์ตรงไปหาภัทริน
“ภัทริน ผมดีใจที่เห็นคุณยังอยู่ ผมดีใจจริงๆ” ปราณพูด
พูดจบปราณก็ดึงภัทรินเข้ามากอดทันที
ปราณนต์กับอัณณาอึ้ง ในขณะที่ภัทรินงง
อัณณาเข็นรถเข็นที่ปราณนั่งอยู่เข้ามาในบ้านแล้วมาหยุดที่โถงกลางเพื่อให้ปราณมองบริเวณบ้านให้ชัดเจน ภัทริน ปราณนต์ และพสุวัฒน์เดินตามหลังมา
"นี่ บ้านผมเหรอ"
"ค่ะ พอจะจำอะไรได้บ้างมั้ยคะ" อัณณาถาม ปราณนิ่ง "เดี๋ยวอัณพาคุณขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องนะคะ"
อัณณาจะเข็นต่อแต่ปราณขืนล้อรถไว้ อัณณาแปลกใจ
"ผมอยากให้ภรรยาผมมาดูแล" ปราณบอก
อัณณาชะงัก ภัทรินกับปราณนต์ที่ตามเข้ามาด้วยแปลกใจ
ปราณพูดกับอัณณา "คุณไปทำงานกับเจ้านายคุณเถอะ"
อัณณารู้ว่าปราณพยายามจะใกล้ชิดกับภัทรินเพื่อให้ตนเองได้อยู่กับปราณนต์
"ปราณ..”
"ไปสิ" ปราณพูดกับภัทริน "มาพาผมขึ้นข้างบนที"
"คะ ค่ะๆ"
ภัทรินงงปนดีใจแต่ก็รีบไปดูแล เธอเข็นรถปราณที่บันไดแล้วประคองพาปราณขึ้นไปชั้นบน ปราณนต์มองตามอย่างห่วงๆ
ภัทรินประคองปราณขึ้นมาชั้นบน ปราณทำท่าจะเดินไปที่ห้องนอนใหญ่ตามสัญชาตญาณ แต่ภัทรินขืนไว้
"นั่นห้องคุณปราณค่ะ..ห้องนอนหมอห้องนี้" ภัทรินบอก
"ไม่ใช่" ปราณว่า
"จำได้แล้วเหรอคะ"
"เปล่า ผมรู้สึกว่า ต้องไปทางนี้"
"แหม อยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ ยังจะเถียงอีก ห้องนี้ค่ะ"
ภัทรินขำๆ แล้วก็ประคองปราณไปห้องนอนตัวเอง
ภัทรินพาปราณเข้ามาในห้องนอนก่อนจะประคองไปนั่งที่เตียง ปราณมองสำรวจไปรอบๆห้อง
"ห้องนอนของหมอไงคะ จำได้บ้างมั้ย" ภัทรินถาม
"ไม่ใช่ห้องของผม" ปราณบอก
"อืม ไม่แปลก เพราะหมอไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ แต่ถ้าหมอกลับไปบ้านที่ดอยผาหมอก หมอต้องจำได้แน่"
"ดอยผาหมอก" ปราณงง
ปราณยังคงงุนงงเพราะจำอะไรไม่ได้
"คุณจะอยู่ดูแลผม ไม่หนีไปไหนแล้วใช่มั้ย" ปราณถาม
"ชั้นจะอยู่เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีและทุกอย่างของชั้นคืน แล้วก็จะกลับดอยผาหมอก ส่วนคุณจะกลับด้วยหรือเปล่า ตอนนั้นคุณก็ตัดสินใจมาแล้วกัน" ภัทรินแน่วแน่
อัณณากำลังแจงอาการของปราณให้พสุวัฒน์ทราบ
"อาการทางร่างกายไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ แต่ยังต้องทำกายภาพบำบัดทุกวัน..ที่คุณหมออนุญาตให้กลับมาพักที่บ้านได้ เพราะมันจะช่วยกระตุ้นความทรงจำของปราณได้ดีกว่าอยู่ที่โรงพยาบาล ทุกวันนี้ปราณอาศัยเซ้นซ์ตัดสินเอาว่าใครไว้ใจได้หรือไว้ใจไม่ได้"
"หวังว่าบรรยากาศที่บ้านจะช่วยปราณได้ ขอบใจมากนะอัณ หนูช่วยแบ่งเบาลุงได้เยอะเลย ขอบใจจริงๆ"
"แล้วให้ยัยเพี้ยนไปดูแล จะช่วยได้เหรอ คนนึงจำอย่าง อีกคนจำอย่าง คงจะช่วยกระตุ้นได้หรอก" ปราณนต์ว่า
ปราณนต์ฮึดฮัดเพราะไม่พอใจ แล้วเขาก็เดินแยกไป พสุวัฒน์กำลังจะตาม แต่อัณณาเรียกไว้
"คุณลุงคะ อัณมีเรื่องอยากคุยด้วยค่ะ"
ภัทรินยืนต่อหน้าปราณโดยซ่อนอะไรบางอย่างไว้ด้านหลัง เธอทำสีหน้ามีเลสนัย
"ชั้นมีอะไรจะให้หมอ แท่มแท๊ม"
ภัทรินหยิบกล่องสตรอเบอร์รี่ที่ซ่อนไว้ออกมา
"สตรอเบอร์รี่ ว้าวๆๆ"
ภัทรินทำท่าตื่นเต้นมากๆ ในขณะที่ปราณนิ่งสงัด ภัทรินจ๋อย
"ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ"
ปราณนต์เข้ามาที่หน้าห้องแล้วหยุดมอง
"เห็นแล้วคุ้นๆมั้ย ว่านายเคยพาชั้นไปกินสตรอเบอร์รี่ที่ไหน"
ปราณนิ่งเพราะไม่รู้จึงไม่ตอบ แต่ปราณนต์จำได้แม่นจึงพูดออกมาเบาๆ
"ไร่สตรอเบอร์รี่"
ภัทรินพูดแทบซ้อนกับปราณนต์ "ที่ไร่สตรอเบอร์รี่ไง นายพาชั้นแอบเข้าไปขโมยเก็บสตรอเบอร์รี่กินในไร่คนอื่นตอนกลางคืน กินกันสดๆเลย จำไม่ได้เหรอ"
ปราณส่ายหน้า "ไม่"
ภัทรินหยิบสตรอเบอร์รี่ออกมา "ถามคนละคำถาม ถ้าอยากกินก็ต้องตอบ ไม่งั้นเสร็จชั้น จำวันที่ชั้นไปหานายที่บ้านครั้งแรกได้หรือเปล่า ชั้นไปหานายทำไม"
ปราณนต์ที่ฟังอยู่จำได้แม่นจึงพูดออกมาเบาๆ
"ไปขอยาแก้เหา"
ภัทรินพูดแทบซ้อนกับที่ปราณนต์พูด "ไปขอยาแก้เหาไง ที่ชั้นบอกว่าขอไปให้น้องกุ๊กไก่อ่ะ นายจำไม่ได้ งั้นก็เสร็จชั้น" ภัทรินกินสตรอเบอร์รี่ "อ้ะๆๆ ตานายถามแล้ว ถามอะไรก็ได้ที่ชั้นตอบไม่ได้ นายจะได้ๆกิน ถามสิๆ"
"อืม ผม คือใคร" ปราณถาม
"นายคือใคร" ภัทรินประชด "คำถามยากมาก นายก็คือหมอปราณนต์ ภานุวัฒน์ ประจำอยู่โรงพยาบาลผาหมอก แล้วยังเป็นหมออาสาตามดอยอีกด้วย เสร็จชั้นอีก" ภัทรินจะคว้ามากิน
"ไม่ถูก" ปราณว่า
ภัทรินชะงัก "หือ"
ปราณนต์เคาะประตูเพื่อขัดจังหวะ ภัทรินกับปราณชะงัก
"อะ อ้าว ดีกันได้แล้วเหรอ" ปราณนต์ถามกวนๆ
ภัทรินชักสีหน้าแล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความหมั่นไส้แต่ก็พยายามไม่สนใจ
อัณณาคุยกับพสุวัฒน์
"อย่าไปโกรธหมอประเสริฐเลยนะคะ ถ้าไม่ร้ายแรงจริงๆ แกคงไม่โทรมาให้อัณช่วยพูดหรอกค่ะ"
"ลุงเข้าใจและก็ขอบคุณที่ทุกคนหวังดี ไม่ใช่ว่าลุงไม่อยากหาย แต่ลุงผ่าตัดตอนนี้ไม่ได้ เพราะถ้าลุงเป็นอะไรไป จีแอลเอสจะวิกฤตหนัก ไอ้พวกที่คิดทุจริตมันจะได้ใจ และจะไม่มีใครเห็นหัวเจ้าณนต์อีก" พสุวัฒน์บอก
"โอกาสตอนนี้ยังห้าสิบห้าสิบนะคะ แต่ถ้านานไปกว่านี้"
พสุวัฒน์ตัดบท "ถ้ากำจัดเนื้อร้ายในจีแอลเอสได้ ต่อให้เหลือหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ลุงก็ยอม"
อัณณาอึ้ง
ปราณนต์เดินเข้ามาในห้องแล้วก็พูดชื่นชม
"แหม ดีจริงๆที่ได้เห็นน้องชายกับภรรยาเข้าใจกันซะที ใครบางคนจะได้ไม่เข้าใจอะไรผิดๆอีก ชั้นไม่ชอบเป็นตัวตายตัวแทนใคร" ปราณนต์หยิบผลสตรอเบอร์รี่มากิน
ภัทรินหันมา "นี่”
"จะไปทำงานได้หรือยังครับคุณเลขาฯ " ปราณนต์ถาม
"ชั้นขอลากิจ จะอยู่ดูแลหมอณนต์" ภัทรินบอก
"ลากิจตั้งแต่วันแรกเลยเนี่ยนะ ไม่ได้"
"ไม่ได้ก็ต้องได้ ชั้นจะอยู่ช่วยทบทวนความจำให้หมอณนต์ ไม่เห็นเหรอว่าเขาดีกับชั้นแล้ว เพราะลึกๆแล้วจิตใต้สำนึกของเขาจำชั้นได้ จริงมั้ยหมอ" ภัทรินถาม
"ผมดีกับคุณเพราะอัณณาบอกให้ดี" ปราณบอก
"อ้าว" ภัทรินอึ้ง
"ผมจำได้แค่อัณณา ความรู้สึกของผมบอกว่าอัณณาหวังดีและไว้ใจได้ ผมเลยเชื่อที่อัณณาบอกให้ผมดีกับคุณ" ปราณบอก
ปราณนต์ขำ "จิตใต้สำนึกของผมกำลังถามว่า อะไรเอ่ย เงิบ"
ภัทรินไม่พอใจ "นี่"
ปราณดุ "นายมาวุ่นวายตรงนี้ทำไม ไปดูแลคู่หมั้นของนายสิ"
ภัทรินขำ "สม"
"ชั้นทราบว่าผู้หญิงคนนี้คือภรรยาของนาย แต่เขาเป็นเลขาฯชั้นและต้องไปเริ่มงานวันนี้ ไป"
ปราณนต์คว้ามือภัทรินแล้วลากออกไป ปราณเป็นห่วง
ปราณนต์ลากภัทรินลงมา
"คิดว่าชั้นเป็นรถพ่วงหรือไง ปล่อยชั้นได้แล้ว" ภัทรินว่า
"เธอคงจะเป็นเลขาฯที่ดีมาก ปล่อยให้เจ้านายรอตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน" ปราณนต์ประชด
"ชิ" ภัทรินไม่พอใจ
"แล้วคืนนี้ ให้ณนต์นอนห้องของเขาไป ส่วนเธอก็ลงมานอนห้องพักแขกด้านล่าง เข้าใจมั้ย"
"ไม่ ชั้นจะนอนกับหมอ จะได้ดูแลตอนกลางคืนได้"
ปราณนต์โวย "เธอจะนอนกับเขาได้ยังไง"
ภัทรินสวน "แล้วทำไมสามีภรรยาจะนอนห้องเดียวกันไม่ได้"
ปราณนต์อึ้งเพราะลืมนึกถึงข้อนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ยังแถต่อ
"ชั้นจะนอนห้องเดียวกับน้องชายชั้น ชั้นจะเป็นคนดูแลเขาเอง เพราะชั้นรักเขามากกว่าเธอ" ปราณนต์ตัดบท "ยังไงเธอก็ต้องลงมานอนห้องพักแขก ไม่ต้องเถียง"
ปราณนต์แถข้างๆคูๆ ภัทรินไม่เข้าใจ เธอหันไปมองพสุวัฒน์กับอัณณาแต่ทุกคนก็ทำไม่รู้ไม่เห็น
อัณณาไหว้ลา "อัณไปทำงานก่อนนะคะ"
อัณณาเดินแยกไป ภัทรินจ้องพสุวัฒน์จนพสุวัฒน์ต้องเดินหนี ภัทรินฮึดฮัดเพราะไม่เข้าใจ
ธนาฒน์เดินเข้ามาในโรงงานอย่างวางมาด พนักงานที่เดินสวนต่างยกมือไหว้ ธนาฒน์แอ็คท่าเจ้านายใส่จนดูน่าหมั่นไส้ แต่แล้วธนาฒน์ก็ชะงักแล้วต้องถอยกลับมามองจอทีวีที่ใช้สำหรับสื่อสารภายใน เขาพบว่าในจอเป็นภาพปราณนต์กำลังพูดสื่อสารภายในองค์กรด้วยสคริปต์เดียวกับที่ธนาฒน์เคยใช้
“ระบบที่ผมนำมาใช้กับโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ ถือว่าเป็นการนำร่องการบริหารรูปแบบใหม่ ที่เน้นการส่งเสริมศักยภาพของพนักงานทุกคนอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ละเลยความสุขจากการทำงานด้วย ผมเชื่อมั่นว่าในส่วนงานเทคโนโลยีการแพทย์ที่ผมดูแลอยู่ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้จีแอลเอสเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการแพทย์ระดับโลกในอีก5ปีข้างหน้านี้แน่นอน และเมื่อเราไปสู่จุดนั้น ผมสัญญาว่าทุกคนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยสวัสดิการพิเศษ เป็นการตอบแทนที่ทุกคนทำงานหนักเพื่อองค์กรของเรา"
"นี่มันอะไร เป็นคุณปราณได้ยังไง"
ธนาฒน์ไม่พอใจ
ปราณนต์เดินเข้ามาในห้อง อัณณาและภัทรินเดินตามเข้ามา
"หน้าที่ของเธอมีอย่างเดียว หาหลักฐานมายืนยันให้ได้ว่าคนที่ทุจริตจีแอลเอสตัวจริงคือใคร" ปราณนต์บอก
"นายธนาฒน์" ภัทรินพูด
"เราต้องการหลักฐานที่ใช้ดำเนินคดีได้ตามกฏหมายค่ะ" อัณณาบอก
"ไม่ใช่คำพูดกล่าวหาลอยๆของ” ปราณนต์เปรย
"ของอะไร" ภัทรินถาม
"ของคนที่เคยถูกตัดสินว่าโกง" ปราณนต์พูดดักคอ "ไม่ต้องโกรธ เพราะความโกรธไม่สามารถช่วยให้เธอพ้นข้อกล่าวได้ ถ้าไม่อยากให้คำว่าขี้โกงตราหน้าไปจนตาย ก็รีบจัดการซะ"
ภัทรินแทบปรี๊ด เธอหันไปมองอัณณาเหมือนจะขอความเห็น แต่อัณณาก็ทำท่าเห็นด้วยกับคำพูดของปราณนต์ ภัทรินได้แต่สงบสติอารมณ์ด้วยตัวเองก่อนจะมองไปที่แหวนของปราณนต์กับอัณณา
"ใช่สิ คุณสองคนพวกเดียวกันหนิ" ภัทรินว่า
เดียกับแจ็คยกกองเอกสารเข้ามาวางตั้งที่โต๊ะทำงานให้
"เอกสารที่คุณอัณณาสั่งค่ะ"
"ขอบใจ" อัณณาพูด
ทั้งสองคนเหล่มองภัทรินอย่างเสียมารยาทจนอัณณาต้องจ้องดุเพื่อไล่ให้ทั้งสองคนออกไป
"เอกสารพวกนี้ คือเอกสารที่คุณภัทเป็นคนเซ็นอนุมัติงบทั้งหมดตลอดระยะเวลาที่คุณทำงานให้จีแอลเอส" อัณณาพูด
ภัทรินตะลึงที่เอกสารเยอะมากจนเธอไม่อยากจะเชื่อ
"หา บ้าแล้ว"
ปราณนต์กับอัณณามองอย่างจริงจัง ภัทรินซีดๆ แต่ก็ยังเชิดหน้าเอาไว้
เดียกับแจ็คกำลังเม้าท์กับพนักงานคนอื่นอยู่
"คุณภัทรินเคยยักยอกเงินของจีแอลเอส แล้วทำไม ถึงไปแต่งงานกับน้องชายฝาแฝดคุณปราณ แล้วก็ยังกลับมาทำงานได้อีก" แจ๊คว่า
"นางต้องทำเสน่ห์แน่ๆ" เดียเสริม
แจ็คกับคนอื่นตกใจ "หา”
"นางต้องบูชาอีเป๋อ ไม่ก็พ่องั่งแม่งั่ง ทำให้คุณณนต์รักหลงจนโงหัวไม่ขึ้น" ทุกคนวงแตก แต่เดียยังไม่หยุดเม้าท์ "รู้มั้ยนางทำไปเพื่ออะไร เพื่อล้างแค้น ใครที่เคยทำให้ชีวิตนางตกอับ จะต้องมีอันเป็นไป ทีละคน ทีละคน"
เดียเพ้อออกมาไม่หยุด แจ็คเงยหน้าขึ้นมาเห็นธนาฒน์กำลังเดินเข้ามา
แจ็คพยายามสะกิดเดีย แต่เดียไม่ฟัง "แก คุณธนาฒน์มา มา ไป ไปแล้ว"
"ไปไหน" เดียถาม
ธนาฒน์เดินผ่านกลุ่มเม้าท์ไปทางห้องทำงานปราณ
"ห้องคุณปราณ" แจ๊คว่า
ปราณนต์กำลังดูเอกสารที่อัณณายื่นมาให้แต่สายตาของเขาคอยมองไปที่ภัทรินซึ่งนั่งอยู่ที่มุมโซฟารับแขกภายในห้องทำงานของปราณ เธอกำลังเปิดเอกสารดูแต่ก็คอยเหลือบมองปราณที่โต๊ะทำงานตลอดเช่นกัน อยู่ๆธนาฒน์ก็เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วก็โวยทันที
"คุณปราณ คุณมีสิทธิ์อะไรถึงเปลี่ยนวีดีโอสื่อสารในโรงงานของผม โรงงานเครื่องมือแพทย์อยู่ในความดูแลของผมแล้ว คุณจำไม่ได้เหรอ คิดจะทำอะไรก็ควรแจ้งหรือขอนุญาตผมก่อน ไม่ใช่มาก้าวก่ายงานกันอย่างนี้ ไม่มีมารยาท"
"มารยาทงั้นเหรอ” ปราณนต์ว่า "แล้วสิ่งที่คุณพูดในวีดีโอนั้น มันหน้าที่คุณเหรอ คุณมีสิทธิพูดถึงทิศทางนโยบายในอนาคตของบริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณคงจำได้แค่ว่าโรงงานเครื่องมือแพทย์อยู่ในความดูแลของคุณ แต่ลืมไปว่าบริษัทจีแอลเอสทั้งหมดอยู่กับผม ถ้ายังไงรบกวนช่วยจำไว้ด้วยนะครับว่าผมคือผู้ออกนโยบาย ส่วนคุณมีหน้าที่ทำตาม" ปราณนต์พูดกวน "มีอะไรจะต่อว่าผมอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีก็เชิญครับ แต่ครั้งต่อไปถ้าจะมาพบผม รบกวนแจ้งล่วงหน้าด้วย อยู่ๆบุกเข้ามาแบบนี้ ผมถือว่าไม่มีมารยาท"
ธนาฒน์ฮึดฮัดเพราะแค้นมาก เขาหันหลังกลับ
"ภัทริน”
ภัทรินไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัว เธอกลับลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าพร้อมทั้งยิ้มแย้มทักทายแบบพร้อมรบ
"สวัสดีค่ะคุณธนาฒน์ วันนี้ดิฉันเริ่มงานวันแรก ในตำแหน่งเลขาฯผู้มีหน้าที่หลักคือตรวจหาเนื้อร้ายที่กัดกินสูบเลือดสูบเนื้อบริษัทอยู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"
ธนาฒน์อึ้งที่ภัทรินมาไม้นี้ เขารู้ทันทีว่าภัทรินกับปราณนต์ร่วมมือกันอยู่
"ถ้าคุณธนาฒน์พบเบาะแสเนื้อร้าย ช่วยแจ้งด้วยนะคะ ดิฉันจะได้ไปกำจัดให้มันสูญพันธุ์" ภัทรินว่า
ธนาฒน์รู้ว่าภัทรินท้าทายเขาจึงสะกดความแค้นเอาไว้แล้วรีบพรวดพราดออกไปจากห้อง ภัทรินมองตามอย่างเครียดแค้นและอยากบีบคอ แต่ก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้แต่ก็สะใจที่ได้ตอกหน้าธนาฒน์คืนบ้าง
ปราณนต์มองภัทรินทึ่งๆ
ธนาฒน์เดินพุ่งเข้ามาในห้องทำงานชมนาดแล้วรีบปิดประตูก่อนจะโวยวายทันที
"พี่ชม พี่ชมต้องช่วยผมด้วยนะครับ ภัทรินมาทำงานกับไอ้ปราณแล้ว และพวกมันกำลังไล่บี้ผมอยู่..มันต้องรู้แล้วว่าผมคือคนทุจริต ถึงได้ให้ภัทรินมาทำงาน ถ้ามันมีหลักฐานจริงๆ ผมตายแน่"
ชมนาดนั่งนิ่งอย่างสงบเหมือนมีแผนการลุ่มลึก เพราะเธอคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเรืองนี้
"ไหนเธอบอกว่าเคลียร์หลักฐานหมดแล้วไง" ชมนาดถาม
"ก็หมดครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าภัทรินจะมีทีเด็ดอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า พี่ชม พี่ต้องจัดการภัทรินให้ผมนะ ผมทั้งขู่ทั้งยุแยง ทำทุกอย่างแล้ว แต่ภัทรินก็ยังดื้อด้านไม่ยอมกลับขึ้นดอย จะลากคอผมเข้าตะรางให้ได้" ธนาฒน์บอก
"ถ้าภัทรินอยากลองดี เธอก็ควรจะให้เขาได้ลองนะ"
ธนาฒน์ชะงัก "พี่ชมจะให้ผม" ธนาฒน์เข้าใจว่าชมนาดอยากให้ใช้วิธีรุนแรง
"ใช่ หมดเวลาใช้ไม้อ่อนแล้ว เธอต้องเด็ดขาด ทำทุกอย่างที่ทำให้แน่ใจได้ว่าภัทรินจะหายซ่าและไม่กล้ายุ่งเรื่องของเธออีก" ชมนาดบอก
ชมนาดเด็ดขาดและเลือดเย็น ธนาฒน์อึ้งๆ แต่ก็เห็นด้วยว่าต้องใช้ไม้แข็ง
พสุวัฒน์เดินขึ้นมาชั้นบนแต่ก็ต้องชะงักเพราะเห็นปราณกำลังยืนมองผนังที่มีรูปภาพครอบครัวติดอยู่ ปราณมองอย่างสำรวจและพยายามทบทวนความจำตัวเอง แต่ก็ยังจำไม่ได้
"พ่อช่วยทบทวนให้เอามั้ย" พสุวัฒน์ถาม
ปราณหันมามอง พสุวัฒน์ยิ้มให้อย่างอบอุ่นและเป็นมิตร
พสุวัฒน์พาปราณเข้ามายืนที่หน้าตู้โชว์ซึ่งเต็มไปด้วยโล่ห์ ถ้วยรางวัล และประกาศเกียรติคุณต่างๆที่ปราณเคยได้รับ ตั้งแต่สมัยเรียน
"ประกาศเกียรติคุณและรางวัลที่ลูกเคยได้รับมาตลอดระยะเวลาที่ลูกเรียนหนังสือ รางวัลเรียนดี ชนะเลิศประกวดแข่งขันทางวิชาการ"
ปราณค่อยๆมองแต่ละประกาศอย่างสนใจ อยากรู้ แต่เขาก็ยังจำไม่ได้
อิ่มยกถาดอาหารมาวางตรงหน้าปราณ ในถาดเป็นชุดชาพร้อมลูกชุบสำหรับทานคู่กับชา
"จำได้มั้ยคะว่าคุณหนูชอบทาน" อิ่มถาม
"อืม" ปราณส่ายหน้า
"เวลาที่คุณหนูอ่านหนังสือหรือทำงานหนักๆ คุณหนูบอกว่า ชาเขียวมีวิตามินซีสูง ดื่มแล้วจะช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่ต้องเป็นชาเขียวแบบจีนเท่านั้นนะคะ เพราะเวลาดื่มจะได้กลิ่นควันไฟนิดๆจากการที่เขาเอาใบชาไปคั่วในกระทะ คุณหนูชอบ"
"เหรอครับ" ปราณยังจำไม่ได้
"แล้วก็ต้องดื่มกับถ้วยชาชุดโปรดด้วยใช่มั้ย"
"ใช่ค่ะ" อิ่มหยิบชุดชาออกมาวางตรงหน้าปราณ เป็นชุดชาที่มีลวดลายดอกไม้แบบยุโรป "ต้องชุดนี้เท่านั้นค่ะ" อิ่มแซวเพราะรู้ว่าอัณณาเป็นคนให้มา "ใครให้มาก็ไม่รู้"
ปราณมองชุดถ้วยชาตรงหน้าด้วยความคุ้นเคยอย่างประหลาด ก่อนจะหยิบขึ้นมามองแล้วพยายามทบทวนความทรงจำ พสุวัฒน์กับอิ่มลุ้นว่าปราณจะจำได้หรือไม่ ปราณนิ่งเพราะยังจำไม่ได้
ชมนาดจะเดินออกมาจากลิฟท์แต่ก็ชะงักเพราะเห็นเดียกับแจ็คกำลังซื้อกาแฟกันอยู่ โดยที่เดียกำลังเอามือถือมาถ่ายเซลฟี่ตัวเอง ชมนาดจำได้เพราะภาพเหตุการณ์ตอนที่ปราณนต์ชกธนาฒน์ที่บริษัท แล้วเห็นเดียกำลังถ่ายคลิปแวบขึ้นมา ชมนาดยิ้มแล้วเดินเปลี่ยนทิศเข้าไปหาเดียกับแจ็คทันที
อยู่ๆ แจ๊คก็หันมาเจอชมนาดโดยไม่ทันตั้งตัว แจ๊คเป็นปลื้ม "ชะอุ๋ย คุณชมนาด สะ สวัสดีครับ กาแฟไหมครับ"
ชมนาดเอาแต่มองที่เดีย พนักงานเอากาแฟมาวางเสิร์ฟ เดียจะจ่ายเงินแต่ชมนาดรีบออกปาก
ชมนาดจ่ายเงินให้พนักงานแทน "ชั้นเลี้ยง ไปคุยกันหน่อยสิ"
เดียกับแจ็คงงๆ
อัณณากำลังคุยกับพนักงานคนหนึ่งอยู่
"พี่ฝากเธอดูแลอีเว้นท์นี้ด้วยนะ อย่าให้มีอะไรหลุด แล้วถ้าต้องการความช่วยเหลือ โทรบอกพี่ทันที"ภัทรินเดินเข้ามาหาแล้วยืนรออย่างมีเรื่องจะพูดด้วย
"มีอะไรหรือเปล่าคะ" อัณณาถาม
"ขอคุยด้วยสักครู่ ได้มั้ยคะ" ภัทรินบอก
อัณณาแปลกใจ
อัณณากับภัทรินนั่งคุยกัน
"ชั้นอยากขอโทษคุณอัณณาค่ะที่ชั้นเข้าใจคุณผิด เรื่องคุณกับหมอณนต์" ภัทรินบอก
อัณณางง "คะ"
"คุณอาจจะไม่ทันรู้สึก แต่ชั้นคิดไปไกลมากค่ะ ไกลจนไม่ทันสังเกตเลยว่าคุณกับคุณปราณรักและเป็นคู่หมั้นกัน ชั้นไม่รู้ว่าที่ผ่านมาแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกไปบ้างหรือเปล่า เลยอยากมาขอโทษไว้ก่อน ขอโทษนะคะ อย่าโกรธกันนะคะ"
"คุณจริงใจมาก ชั้นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมณนต์ถึงรักคุณ"
"ชั้นแค่อยากเคลียร์เรื่องที่อัดอั้นจะได้ทำงานกับคุณอย่างสบายใจ แค่นั้นค่ะ"
ปราณนต์เดินตามเข้ามาขัดจังหวะก่อน
"ทำงานวันแรกก็หาเรื่องอู้แล้วเหรอ" ปราณนต์ว่า
ภัทรินเซ็งจึงชักสีหน้าเพราะไม่อยากจะตอบโต้
"คุยอะไรกัน หือ" ปราณนต์สงสัย
"คุณภัทมาขอโทษอัณที่เข้าใจผิดคิดว่าอัณรักกับหมอณนต์ค่ะ" อัณณาบอก ปราณนต์อึ้ง "คุณภัทสบายใจเถอะนะคะ หมอณนต์ไม่ได้รักอัณหรอกค่ะ อาจจะเคยรัก แต่ตอนนี้ไม่รักแล้ว เขารักคุณภัทนั่นแหละค่ะ เพียงแต่เขาไม่รู้ตัว หรือรู้แล้ว แต่ไม่ยอมรับก็ไม่ทราบ จริงมั้ยคะปราณ"
ปราณนต์อึ้งเพราะตอบไม่ถูก ภัทรินตัดบท
"ชั้นไปทำงานต่อดีกว่า" ภัทรินจะไปแล้วก็นึกได้ก็ชะงัก "อ้อ คือ ชั้นทราบว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ชั้นไม่อยากให้หมอณนต์รู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจ แหวนหมั้นของพวกคุณ เวลาอยู่ต่อหน้าหมอณนต์ เก็บหรือล้วงกระเป๋าหรือมือขวาทับมือซ้ายสักนิดนะคะ"
ภัทรินยิ้มๆ แล้วก็รีบออกไป
"คุณภัทดูรักหมอณนต์มากนะคะ"
ปราณนต์มองอัณณาอย่างต้องการคำตอบ
พสุวัฒน์เอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส่วนตัวของปราณมาวางไว้ให้
"คอมฯส่วนตัวของลูก ลูกใช้มันทำงานตั้งแต่สมัยเรียน จนทุกวันนี้ อะไรๆของลูกอยู่ในเครื่องนี้แหละ"
ปราณสงสัย "รหัส"
"ใช่ ลูกใส่รหัสเปิดเครื่องเอาไว้ ลูกรู้อยู่คนเดียว"
"ผมจำไม่ได้"
"ไม่เป็นไร ค่อยๆนึกนะ พ่อเชื่อว่าลูกจะจำทุกอย่างได้ พ่อเอาชีวิตของพ่อเป็นเดิมพัน"
ปราณเอะใจที่พสุวัฒน์พูดจาเหมือนสั่งเสีย
สักพักก็มีเสียงรถเข้ามาในบริเวณบ้านพร้อมๆกับอิ่มรีบเข้ามารายงาน
"คุณผู้ชายคะ มีแขกมาค่ะ"
พสุวัฒน์สงสัย "ใคร"
อ่านต่อหน้าที่ 4
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 8
พสุวัฒน์รีบเดินออกมาที่ห้องรับแขก สินธรเดินเข้ามาภายในบ้าน
"สวัสดีครับพี่พสุ"
พสุวัฒน์แปลกใจว่าสินธรมีธุระอะไร
ปราณนต์เดินแยกมาคุยกับอัณณาอีกด้านที่เป็นมุมลับตาคน
"คุณเรียกอัณมาพบ มีเรื่องอะไรจะพูดคะ" อัณณาบอก
"อัณ ผมขอพูดตรงๆนะ ผมไม่ชอบที่อัณคอยพูดประชดประชันเหน็บแนมผมตลอดเวลาอย่างที่เป็นอยู่ ผมทำงานไม่ได้ พักเรื่องส่วนตัวไว้แล้วมาโฟกัสที่การแก้ปัญหาบริษัทก่อนได้มั้ย"
"ไม่ได้ค่ะ"
"อัณ"
"อัณก็ทำงานไม่ได้เหมือนกันถ้าเรายังไม่เคลียร์กันให้เข้าใจ"
"ผมไม่มีอะไรต้องเคลียร์" ปราณนต์จะไป
อัณณาตั้งใจจะกดดันปราณนต์ให้พูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
"อัณจะลาออกจากจีแอลเอสแล้วไปเป็นหมอบนดอยกับคุณ"
ปราณนต์ชะงัก "หา"
"ณนต์เคยบอกว่าที่เรารักกันไม่ได้เพราะเราต่างกัน คุณอยากเป็นหมอดอย ส่วนอัณชอบเป็นหมอในเมือง อัณคุยกับแม่แล้ว จบเรื่องนี้เมื่อไหร่ อัณจะพาแม่ย้ายไปอยู่บนดอยกับณนต์ค่ะ"
"อัณจะทำอย่างนั้นไม่ได้ แล้วใครจะช่วยพี่ปราณ" ปราณนต์ว่า
"อัณเชื่อว่าถ้าปราณได้รู้ว่าณนต์เสียสละเพื่อเขาได้มากขนาดไหน ปราณจะเข้าใจ และจะไม่ขัดขวางความรักของเราอีก"
ปราณนต์อึ้ง อัณณายังคงมองอย่างวัดใจ
พสุวัฒน์กำลังคุยกับสินธร
"ได้ข่าวว่าหลานณนต์กลับมาอยู่บ้านแล้วเหรอครับ แหม ผมยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมหลานเลย ขอโทษด้วยนะครับ"
"อ้าว ยังไม่ได้เหรอ ชั้นนึกว่านายแอบไปเยี่ยมมาแล้วซะอีก" พสุวัฒน์ว่า
สินธรชะงักเพราะรู้ว่าพสุวัฒน์ตั้งใจหยั่งเชิง
"ณนต์อาการดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วง พูดธุระของนายมาเถอะ" พสุวัฒน์บอก
"ผมอยากถามว่า มีเรื่องที่ผมควรรู้แต่พี่ยังไม่บอกผมอีกหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมา ทั้งเรื่องที่ณนต์แต่งงานกับภัทริน เรื่องที่ณนต์ออกจากโรงบาล หรือล่าสุดเรื่องปราณหมั้นกับอัณณา พี่ไม่เคยบอกผมเลยสักเรื่อง"
สินธรพูดท้าทายด้วยสายตาแวววาวแบบพร้อมลองดี
พสุวัฒน์ลุกยืนทำท่าเหมือนจะส่งแขก "เรื่องที่นายควรรู้ก็รู้หมดแล้ว ชั้นไม่มีเรื่องอะไรจะบอกแล้ว"
"พี่ไม่มี แต่ผมมี" สินธรลุกตาม "ผมกำลังวางแผนทำเรื่องลับๆอยู่เรื่องนึง"
พสุวัฒน์อึ้งเพราะหวั่นใจว่าจะเป็นเรื่องร้ายและเป็นอันตรายต่อพวกตน
"เรื่อง อะไร"
ปราณนต์เดินแยกมาอีกด้านบริเวณนั้น
"เป็นอะไรหรือเปล่าณนต์"
"อัณจะไปกับผมได้ยังไง อัณหมั้นแล้ว ผมก็แต่งงานแล้ว มันเป็นไปไม่ได้"
"เรื่องหมั้นกับเรื่องแต่งงาน มันเป็นแค่ละคร ณนต์ก็รู้ดี สิ่งเดียวที่เป็นความจริงคือเราสองคนรักกัน"
"เอ่อ”
"ใช่มั้ยคะ"
อัณณาไล่ต้อนให้ปราณนต์พูด ปราณนต์อึกอัก
"อัณรู้ว่าณนต์ไม่ชอบพูดเรื่องความรู้สึก แต่คุณต้องพูดบ้าง จะเอาแต่หนีปัญหาเหมือนที่เคยทำไม่ได้"
"ผมไม่ได้หนี"
"งั้นก็พูดมาสิคะว่าณนต์ไม่ได้รักอัณ"
ปราณนต์อึ้งเพราะไม่เชื่อหูว่าจะได้ยินคำนี้จากปากอัณณา เขามีสีหน้าฉงน
"ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ" อัณณาทั้งบอกและเตือนตัวเอง "ณนต์ไม่ได้รักอัณ"
"อัณ”
"ทุกอย่างที่อัณทำเพราะอัณคิดว่าณนต์ยังรักอัณอยู่ เรื่องของเรายังมีหวังจะเป็นไปได้ แต่มันไม่ใช่แล้ว ใช่มั้ย พูดออกมาสิณนต์ พูดมาว่าไม่ได้รักอัณแล้ว แต่ณนต์รักภัทริน"
ปราณนต์อึ้งกับความจริงที่หลุดออกมาจากปากอัณณา
อัณณาอัดอั้นเพราะต้องการเป็นอิสระ "ณนต์ไม่กล้าพูดเพราะอะไร กลัวความจริง หรือกลัวว่าอัณเสียใจ ณนต์ ถึงความจริงมันจะเจ็บ แต่มันไม่เจ็บลึกเท่ากับการหลอกตัวเองไปวันๆหรอกนะ" อัณณาขอร้อง อ้อนวอนจนน้ำตาไหล "พูดออกมาเถอะ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง อัณก็จะยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ อัณจะได้เลิกประชดประชัน ณนต์ซะที อัณก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นอย่างนี้ อัณไม่ชอบที่เป็นอย่างนี้"
อัณณาอัดอั้นที่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เธออยากให้เป็น เธอจพต้องตัดใจจากปราณนต์ไม่ว่าปราณนต์จะมีคำตอบหรือไม่มี เธอก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว ปราณนต์ไม่มีคำตอบใดให้ เขาเห็นอัณณายืนร้องไห้เหมือนเห็นเด็กน้อยที่น่าสงสาร เขาทั้งรัก ทั้งรู้สึกผิด จึงเดินเข้ากอด
ปราณนต์ดึงอัณณาเข้ามากอด "อัณ ผมขอโทษ"
อัณณาน้ำตาไหล ปราณนต์ร้องไห้ไปด้วยเพราะรู้สึกผิด
สินธรทำท่าเหมือนจะไม่อยากบอก เขายั่วให้พสุวัฒน์อยากรู้มากขึ้น
"ชั้นถามว่านายคิดจะทำอะไร" พสุวัฒน์ถาม
สินธรกวนโมโห "อืม ผมอยากบอกพี่นะ แต่พี่รับไม่ไหวหรอก เอาเป็นว่า ในแผนลับๆของผมมีตัวละครอยู่ตัวนึงก็คือ ปราณ"
พสุวัฒน์อึ้ง เพราะรู้ดีว่าปราณเคยถูกลอบฆ่ามาแล้วครั้งนึงและนี่คือคำขู่ฆ่าอีกครั้ง
"ผมก็แค่อยากตอบแทนน้ำใจที่พี่ยอมแบกรับภาระกิจการทุกอย่างของพ่อไว้คนเดียว เหนื่อยคนเดียว เครียดคนเดียว แล้วยังต้องมาอุ้มชูน้องต่างแม่ที่ไม่ได้เรื่องอย่างผมอีก ผมเลยคิดว่าต้องเซอร์ไพร้ส์ให้พี่อย่างหนักๆหน่อย" สินธรว่า
"นายมันชั่ว หลานแท้ๆนายยังคิดจะฆ่า”
สินธรรีบสวน "เฮ้ยๆๆ ฆ่าอะไรครับ ผมก็บอกอยู่ว่าแค่จะทำเซอร์ไพรซ์"
ปราณเดินถือคอมพิวเตอร์ตามเข้ามา อิ่มอยู่ตรงนั้นพอดีก็ตกใจที่ปราณมา เธอจะห้าม
"คุณหนู”
ปราณรีบยกมือเบรคอิ่มก่อน ปราณอยากรู้จึงเข้ามาหยุดมองสินธรกับพสุวัฒน์ ปราณจ้องไปที่สินธร ด้วยความรู้สึกว่าจำคนๆนี้ได้
พสุวัฒน์เริ่มมีอาการโมโหจนตัวเริ่มสั่น
"นายต้องการอะไร"
"งานที่ผมดูแลอยู่ มันน่าเบื่อ ไม่ท้าทายความสามารถ ผมอยากได้งานที่จะได้แสดงศักยภาพเต็มที่ อย่างโรงพยาบาลในเครือจีแอลเอสและสายงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยาและเคมีภัณฑ์ทุกชนิด ผมอยากกุมบังเหียนงานที่เป็นหัวใจของจีแอลเอสทั้งหมด แต่ติดปัญหานิดเดียวตรงที่ปราณทำอยู่"
พสุวัฒน์โมโห "นี่ใช่มั้ยที่แกอยากได้มาตลอด แกต้องการจีแอลเอสเป็นของแกคนเดียว พ่อสั่งให้ชั้นดูแลแกเหมือนน้อง ชั้นก็ให้และทำทุกอย่างแล้ว แกมีบ้าน มีรถ มีเงินทองใช้ มันยังไม่พออีกเหรอไง"
"พี่จำไว้เลยนะ ว่าสิ่งที่พี่ต้องเหนื่อยเพื่อลูกคนใช้อย่างผม ผมไม่เคยลืม ทุกครั้งเวลาที่พ่อพาพี่ไปเที่ยวต่างประเทศ ผมรู้ว่าพี่เที่ยวไม่สนุกหรอกเพราะพี่คงจะอิจฉาที่ผมได้อยู่บ้านกับแม่ ช่วยกันทำงานบ้านทุกอย่างที่พี่ไม่เคยได้ทำ หรือเวลาพี่ไปกินอาหารในร้านหรูๆ พี่ก็ยังมีแก่ใจเก็บอาหารที่กินไม่หมดมาฝากผมทุกที..ตอนที่พ่อป่วย พี่ยังต้องเสียสละไปเรียนที่อังกฤษ ให้ผมกับแม่อยู่ดูแลพ่อ จนพ่อเสีย แล้ว แล้วพ่อก็ยังยกทุกอย่างให้พี่เป็นคนดูแลอีก"
สินธรยิ่งพูดก็ยิ่งได้ลำลึกถึงความหลังแล้วก็ยิ่งแค้น
"ตอนนั้นแม่ผมโกรธพ่อนะ หาว่าพ่ออยากให้ผมกับแม่อยู่เป็นขี้ข้าพี่ไปจนตายหรือไง แต่ไม่ใช่หรอก พ่ออยากให้ผมสบายมากกว่า ก็เลยเอาภาระการตัดสินใจและความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้พี่ ผมมีหน้าที่แค่รอรับความเมตตาจากพี่อย่างเดียว ตั้งแต่ตอนนั้น จนตอนนี้โคตรสบายเลย"
"แกไม่เคยเข้าใจ" พสุวัฒน์ว่า
สินธรหันมาตวาด "เข้าใจสิ ผมซาบซึ้งน้ำใจของพี่มาก"
สินธรหันมาตวาด พสุวัฒน์ทั้งเสียหลักทั้งวูบเลยลงไปนั่งกับโซฟา ปราณรีบออกมาห้าม
"คุณกลับไปดีกว่า”
สินธรจ้องปราณหัวจรดเท้าก็เห็นว่าเขาหายดีแล้ว
"อ้าว ณนต์ หลานเดินไปแล้ว เป็นไง เดินสะดวกมั้ย อยากกลับไปนอนป่วยอีกสักรอบมั้ย"
พสุวัฒน์โกรธ "ไอ้สินธร”
ปราณตรงเข้าหาแบบพร้อมจะมีเรื่อง "ผมบอกให้ออกไป"
สินธรไวกว่าจึงคว้าคอเสื้อปราณแล้วกระชาก "ทำไม จะทำอะไรอา หา"
สินธรกระชากคอเสื้อปราณมาอย่างท้าทาย พสุวัฒน์ลุกขึ้นแล้วจะเข้าไปปกป้องปราณ
"ปล่อย”
พสุวัฒน์ยืนจะไปผลักสินธรแต่กลับเซแซ่ดๆ แล้วคว่ำล้มไปเลย
อิ่มตกใจ "คุณผู้ชาย”
พสุวัฒน์มีอาการเกร็งกระตุกแล้วก็ปากเบี้ยว
อิ่มสั่งสาวใช้ให้โทรเรียกรถพยาบาล และเรียกให้คนขับรถเข้ามาช่วยดูแลพสุวัฒน์ ปราณยืนงงเพราะทำอะไรไม่ถูก ปราณมองเหตุการณ์นั้นอย่างตกตะลึง ทันใดนั้นเสียงของพสุวัฒน์ในอดีตก็ดังก้องในหัวของปราณ
"พ่อมีเนื้องอกในสมอง"
ปราณผงะเพราะนึกว่ามีใครมากระซิบข้างหู แต่เสียงนั้นก็ดังซ้ำอีกครั้ง “พ่อมีเนื้องอกในสมอง” ปราณผงะ ตาเหลือก เพราะจำเหตุการณ์บางอย่างได้
ความทรงจำของปราณแวบเข้ามาสั้นๆ เป็นช่วงก่อนที่ปราณจะถูกลอบยิงจนต้องเข้ารพ.
"พ่อมีเนื้องอกในสมอง"
เสียงพสุวัฒน์พูดว่ามีเนื้องอกในสมองซ้ำไปซ้ำมา ภาพในหัวของปราณไม่ปะติดปะต่อและเป็นภาพไม่สมบูรณ์
ปราณทรุดลงไปนั่งอีกคนจนอิ่มต้องมาดูแล แต่ปราณก็ไม่เป็นอะไรมากเหมือนแค่นั่งพัก สินธรยืนมองสภาพของพสุวัฒน์อย่างตกตะลึงเพราะไม่รู้มาก่อนว่าพสุวัฒน์ป่วย แต่เขาก็ไม่ได้เห็นใจหรือคิดช่วยเหลืออะไร แต่กลับตื่นเต้นที่ได้เห็นพสุวัฒน์มีอาการคล้ายจะตายให้ได้ พสุวัฒน์หมดสติไปในที่สุด
เสียงโทรศัพท์ดังกริ๊งยาว ภัทรินที่กำลังนั่งแผ่พักสายตาสะดุ้งแล้วมารับสายทันที
"ฮัลโหล ภัทรินพูดค่ะ"
เสียงที่ดังมาจากปลายสายเป็นเสียงของปราณนต์ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
"ทำงานสิจ๊ะ อย่าอู้"
ภัทรินได้ยินว่าเป็นเสียงปราณนต์ก็ชักสีหน้าแล้วหันไปเหล่มองณนต์ที่ทำงานอยู่ที่โต๊ะ มือนึงถือโทรศัพท์ แต่สายตาก็จ้องคอมพิวเตอร์ทำงานไปด้วย
"ว่างมากเหรอ ถ้าว่าง ช่วยไปหาซื้อแตงโมจินตหราให้หน่อยสิคะ" ภัทรินว่า
"ทำไม อยากกิน" ปราณนต์ถาม
"จะเอามาปาหัวคุณนั่นแหละ"
ภัทรินพูดกระแทกแล้วกดวางสายด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง
"เฮ้ย จะไปไหน" ปราณนต์ถาม
"ไปห้องน้ำ" ภัทรินตอบ
ภัทรินเดินออกไปแบบเชิดๆ
ภัทรินเดินออกมา ปราณนต์เดินตามออกมานอกห้องแล้วตะโกนพูดกับเธออย่างลืมตัว
"พักดื่มน้ำปัสสาวะเสร็จแล้วก็แวะไปหาซื้อแตงโมด้วยนะคุณเลขา หัวชั้นสแตนด์บายรอโหม่งอยู่"
ภัทรินหันมาเบ้หน้าใส่ทีนึงแล้วเดินหนีไปอย่างไม่แยแส
ปราณนต์ยิ้มขำแต่แล้วต้องสะดุ้งแล้วหุบยิ้ม เพราะพบว่าพนักงานทุกคนตรงนั้นหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว ทุกคนต่างงงๆที่เจ้านายคนนี้ดูขี้เล่นเพราะไม่ค่อยได้เห็นมาดแบบนี้ ปราณนต์อึกๆอักๆ แล้วตีหน้าขรึมก่อนจะเดินกลับเข้าไป อัณณายืนมองจากมุมหนึ่ง มือถืออัณณาดังขึ้น
อัณณารับสาย "อัณณาพูดค่ะ" ปลายสายแจ้งเรื่องพสุวัฒน์เข้ารพ. อัณณาตกใจ "คะ"
ภัทรินเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วกำลังจะเดินกลับไปทำงานต่อ แต่อยู่ๆ ประตูบันไดหนีไฟก็เปิดออก มีคนมาดึงตัวภัทรินให้เข้าไปในประตูบันไดหนีไฟนั้นอย่างรวดเร็ว
ภัทรินถูกดึงตัวมาแล้วจับกดให้แนบผนังโดยธนาฒน์
"ธนาฒน์"
ธนาฒน์จับตัวภัทรินให้นิ่ง "อยากคุยด้วยเฉยๆ เค๊"
ปราณนต์กำลังมองตรงกองเอกสารที่ภัทรินทำงานก็เห็นว่ามีการแยกเอกสารเป็นกองๆ มีกระดาษโน้ตที่ภัทรินจดด้วยลายมือตัวเองเพื่อให้รู้ว่าแต่ละกองเอกสารเป็นการสั่งซื้อกับบริษัทอะไร แต่ละบิลมียอดเท่าไหร่ วดป. ที่เท่าไหร่ เบิกโดยใคร ฯลฯ เห็นถึงความละเอียด เป็นระบบระเบียบของภัทริน
"เป็นระเบียบเป็นกับเขาด้วย" ปราณนต์เปรย
อัณณารีบตามเข้ามาแจ้งข่าว
"ณนต์ ลุงพสุเข้าโรงพยาบาล"
ปราณนต์ตกใจ
ธนาฒน์พยายามขู่ภัทริน
"ผมเตือนแล้ว แต่ภัทไม่เชื่อกันเลยใช่มั้ย อยากจะถูก”
อยู่ๆธนาฒน์ก็ชะงัก เขาคว้ามือภัทรินขึ้นมาแล้วดึงมือถือภัทรินมาดูก็เห็นว่าเธอกำลังกดอัดคลิปเสียงเอาไว้ ธนาฒน์กดหยุดการบันทึกทันที
"ภัทยังคงฉลาดเสมอนะ แต่บทจะโง่ก็โง่สุดๆเหมือนกัน อยู่ดีๆก็ยอมให้ไอ้คุณปราณใช้เป็นเครื่องมือ"
"ชั้นเคยโง่และตกต่ำอย่างที่สุดมาแล้ว ไม่มีอะไรจะเสียอีก ถึงคุณปราณจะหลอกใช้ชั้น แต่สำหรับชั้นแล้วมันคุ้ม เพราะชั้นจะได้เงินคืน ได้ศักดิ์ศรีคืน ที่สำคัญ ชั้นได้เอาคืนผู้ชายเฮงซวยอย่างนายด้วย"
"ภัทบังคับให้ผมไม่มีทางเลือกนะ ถ้ามีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น ภัทจะต้องโทษตัวภัทเองที่ดื้อด้าน ไม่เลือกในสิ่งที่ควรจะเลือก"
"นายจะทำอะไรชั้น"
"ใครบอกว่าผมจะทำภัท อาจจะเป็นภัท หรือคนที่ภัทรัก หรือใครก็ได้ ชั่วโมงนี้ ผมทำได้ทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำ" ธนาฒน์ยื่นคำขาด "ถ้าพรุ่งนี้ผมยังเห็นภัทมาทำงาน ตอนเที่ยงตรง ใครบางคนจะต้องมีเหตุให้เลือดตกยางออกแน่ คอยดู"
"ถ้าจะทำร้ายใคร ก็ทำชั้น อย่าไปยุ่งกับคนอื่น" ภัทรินบอก
ธนาฒน์ยัดมือถือคืนใส่มือ
"สามีภรรยาเขาไม่เรียกว่าคนอื่นนะ" แล้วธนาฒน์ก็เดินออกไปทันที
ภัทรินตกใจและสยองกับคำขู่ก่อนจะรีบตามไป
ภัทรินวิ่งตามธนาฒน์ออกมา
"ชั้นรู้ว่านายแค่ขู่ และชั้นจะไม่มีวันติดกับนายเด็ดขาด"
"ก็ดี" ธนาฒน์ตอบห้วนๆ
ภัทรินจะตามมาเอาเรื่องธนาฒน์ แต่ทั้งธนาฒน์และภัทรินก็ต้องชะงักเพราะปราณนต์รีบร้อนเดินสวนออกมาพอดี ปราณนต์เห็นภัทรินอยู่กับธนาฒน์ก็รู้สึกแปลกใจ สงสัย แต่ไม่มีเวลาจะซักถามตอนนี้ เขารีบตรงไปที่ลิฟท์ แล้วอัณณาก็วิ่งตามออกมา
"คุณภัท เรากำลังจะไปโรงพยาบาล คุณลุง ต้องผ่าตัดด่วนค่ะ" อัณณาบอก
"หา ชั้นไปด้วยค่ะ" ภัทรินตกใจ
"ไม่ คุณภัทกลับไปดูแลสามีที่บ้านดีกว่า อาการของเขายังไม่เสถียร ไม่ควรอยู่คนเดียว"
อัณณาพูดเสร็จก็รีบแยกตามปราณนต์ไปทันที ภัทรินหันมาเห็นธนาฒน์ยังอยู่ก็กลัวธนาฒน์คิดไม่ดี จึงรีบแยกไปอีกคน
ธนาฒน์ได้ข้อมูลว่าพสุวัฒน์ป่วยหนักต้องผ่าตัดก็สงสัย
"ผ่าตัดด่วน เป็นอะไร"
ปราณนต์กับอัณณาวิ่งเข้ามาภายในแล้วรีบตรงไปขึ้นลิฟท์ ปราณนต์กับอัณณาวิ่งเข้ามาถึงหน้าห้องผ่าตัดซึ่งมีหมอรออยู่แล้ว หมอออกมายืนอธิบายด้านนอกห้องและเอาเอกสารมาให้เซ็น ปราณนต์ทำอะไรไม่ได้จึงเซ็นยินยอมให้ผ่า
"พ่อผมเป็นยังไงบ้าง" ปราณนต์ถาม
"กำลังเตรียมผ่าตัดค่ะ รบกวนญาติเซ็นยินยอมให้ผ่าตัดด้วยค่ะ"
ปราณนต์คาดคั้น "พ่อเป็นอะไร"
"เนื้องอกในสมองค่ะ" อัณณาบอก
ปราณนต์ตกใจ "หา”
"คุณลุงมีเนื้องอกในสมองมาสักพักนึงแล้ว แต่ไม่ยอมผ่าตัด เพราะท่านเป็นห่วงคุณและบริษัท เซ็นก่อนเถอะค่ะ" อัณณาบอก
ปราณนต์ช็อกแต่ก็เซ็นไปแล้วส่งให้หมอที่รออยู่
ปราณนต์อึ้งๆช็อกๆ "คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกผม"
ปราณนต์เครียด อัณณากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ภัทรินเดินเร่งรีบเข้ามาภายในบ้านก็เจออิ่มที่เพิ่งลงมาจากชั้นบน
"ป้าอิ่มคะ หมอณนต์ล่ะคะ" ภัทรินถาม
"อยู่บนห้องค่ะ" อิ่มบอก
ภัทรินวิ่งขึ้นมาที่ชั้นบนแล้วรีบไปที่ห้องนอนตัวเองก่อนจะมองไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่พบปราณจนกระทั่งได้ยินเสียงของหล่นกระแทกพื้นมาจากอีกด้าน ภัทรินรีบเดินไปดู
ภัทรินวิ่งเข้ามาในห้องนอนของปราณก็พบปราณนั่งอยู่ที่เตียงด้วยท่าทางเครียดจัด
"หมอ นายเข้ามาทำไมห้องคุณปราณ หมอ เป็นอะไรหรือเปล่า" ภัทรินถาม
"พ่อเป็นเนื้องอกในสมอง" ปราณบอก
"คะ"
"พ่อรู้ พ่อเคยบอกผม แต่ผมจำไม่ได้ ผมรู้แค่พ่อเคยบอกผมแล้ว" ปราณบอก
ปราณเครียดและเกร็งจนตัวสั่น ภัทรินตกใจแต่ก็พยายามปลอบให้ปราณใจเย็นลง
"ไม่เป็นไรนะหมอ ไม่เป็นไร มองชั้น หมอ" ภัทรินใช้สองมือกุมใบหน้าปราณเอาไว้ "ที่พ่อคุณป่วย ไม่ใช่ความผิดคุณ ไม่เป็นไรนะ"
ปราณมีสติมากขึ้นจึงสงบลงแล้วโผกอดภัทริน
ปราณนต์กับอัณณานั่งรออยู่ที่ด้านหน้าห้องผ่าตัดภายใต้บรรยากาศนิ่งเงียบ ก่อนที่ปราณนต์จะพูดทำลายความเงียบนั้นออกมา
"อัณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่"
"หือ"
"ที่พ่อป่วย"
"หลังจากปราณฟื้นแล้วไม่นาน" อัณณาบอก
"แล้วคิดจะบอกผมมั้ย" ปราณนต์ถามต่อ
"อัณอยากบอกทุกคน แต่คุณลุงขอร้องไว้ ท่านไม่อยากให้อาการป่วยของท่านส่งผลกระทบต่อการบริหารจีแอลเอส"
"ที่แท้พ่อก็ห่วงแต่บริษัท"
"มันไม่ใช่อย่างนั้น"
"แล้วยังไง! หรือพ่อตั้งใจจะปิดไว้ เพื่อให้ผมรู้สึกผิด รู้สึกอกตัญญูที่พ่อป่วยหนักขนาดนี้แต่ไม่เคยรู้ แล้วผมยังด่าว่าพ่ออีก นี่พ่อจงใจจะสาปแช่งผมใช่มั้ย"
"ณนต์! ถ้าเครียดหรือเสียใจมากจนไม่มีสติที่จะคิดก่อนพูด ก็อย่าพูดออกมาดีกว่า"
ปราณนต์ลุกแล้วจะเดินออกไป
"ถ้าจนขนาดนี้แล้ว ณนต์ยังกล้าเดินหนีพ่อตัวเอง ก็รู้ไว้เลยว่าการกระทำของณนต์นั่นแหละที่สาปแช่งตัวเอง" อัณณาว่า
ภัทรินวางสายจากอัณณา
ภัทรินหันมาบอกปราณ "คุณพ่อยังอยู่ในห้องผ่าตัด คืนนี้คงจะยาว" ภัทรินเห็นปราณเครียดจึงกุมมือเขา "หมอ..อย่าเครียดนะคะ ถ้าหมอทรุดไปอีกคน มันก็ไม่ช่วยอะไรนะคะ"
ภัทรินพยายามสดใส ยิ้มแย้ม เพื่อให้ปราณสบายใจก่อนจะค่อยๆนวดฝ่ามือให้ปราณไปด้วย
"สบายๆ แล้วพรุ่งนี้พอคุณพ่อผ่าตัดเสร็จ เราค่อยไปเยี่ยมท่านด้วยกันนะ"
ปราณปล่อยให้ภัทรินนวดให้
ปราณนต์กลับมานั่งข้างอัณณา ลึกๆ แล้วเขาก็เสียใจแต่ยังมีทิฐิ อัณณาเข้าใจจึงอยากปลอบ แต่ก็ทำได้แค่กุมมือปราณนต์มาบีบเพื่อให้กำลังใจ
ภัทรินนวดฝ่ามือให้ปราณเพื่อคลายเครียด สีหน้าของปราณดีขึ้น เขาค่อยๆหันมองภัทรินก็เห็นว่าภัทรินยิ้มสดใสและหัวเราะให้เขาตลอด ปราณมองอย่างรู้สึกขอบคุณ
สินธรหัวเราะสะใจ เขากำลังดื่มฉลองกับชมนาด
"เนื้องอกในสมอง ฮ่าๆๆ" สินธรหัวเราะร่วน
"ใช่ค่ะ ชมเช็คกับโรงพยาบาลแล้ว คุณพสุวัฒน์มีเนื้องอกในสมอง ไม่ใช่เพิ่งเป็นด้วย..ฟังจากอาการที่คุณบอก..ชมว่าเรารีบไปหาซื้อชุดดำกันได้เลย" ชมนาดบอก
"ทุกวันนี้ที่ไอ้ปราณยังบริหารจีแอลเอสอยู่ได้ ทั้งๆที่มันควรจะถูกปลดไปตั้งแต่คดีทุจริตแล้ว ก็เพราะพวกกรรมการยังเห็นแก่พี่พสุ แต่ถ้าไม่มีพี่พสุแล้ว มันก็ต้องหมดบุญตามพ่อของมันไป”
"หรือถ้าบุญมันไม่หมด ชมจะช่วยทำให้หมดเอง" ชมนาดส่งมือถือให้ "นี่ค่ะ"
"อะไร" สินธรถาม
"คลิปตอนที่คุณปราณชกธนาฒน์ในบริษัท..ถ้าคลิปนี้มีแมวทำหลุดไปจนเป็นข่าว พวกกรรมการเห็นพฤติกรรมกร่างของผู้บริหารเราคนนี้ เค้าจะว่ายังไง"
"ดี กระหน่ำมันให้จมดิน เอาให้หมดทุกทาง ทั้งของคุณ ทั้งของผม"
"ของคุณ" ชมนาดถาม
"คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้คุณกับไอ้ธนาฒน์ทำทุกอย่างกันสองคนเหรอ ผมไม่ได้กะจะปั้นธนาฒน์ตั้งแต่แรกแล้ว ผมก็แค่ต้องการใครสักคนมาดึงความสนใจไปจากผม ธนาฒน์ก็ทำได้ดีประมาณนึง"
"คุณแอบมีแผนของคุณโดยไม่บอกชมเหรอคะ"
ชมนาดไม่พอใจที่สินธรมีความลับกับเธอ สินธรยิ้มแล้วดื่มอย่างสุขใจ เขามีแววตามั่นใจและร้ายกาจ
อ่านต่อตอนที่ 9