ลมซ่อนรัก ตอนที่ 7
ปราณนต์เดินตามหาภัทรินด้านนอก เขามองไปรอบๆ จนกระทั่งพบภัทรินนั่งตั้งสติอยู่อีกด้าน ภัทรินกลั้นน้ำตา เชิดหน้า เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ปราณนต์พูดกับภัทริน “จริงๆแพทย์เจ้าของไข้ก็บอกชั้นเอาไว้แล้ว ว่าณนต์จะจำอะไรไม่ได้ และต้องใช้เวลาในการรื้อฟื้นความทรงจำสักระยะ แต่มันมีโอกาสที่ณนต์จะกลับมาจำทุกอย่างได้เหมือนเดิม”
ภัทรินนิ่ง เธอเชิดหน้าอย่างเข้มแข็งก่อนจะหันมามองหน้าปราณนต์
“ชั้นขออยู่คนเดียวได้มั้ย” ภัทรินบอก
“ความกราดเกรี้ยวมันเกิดจากความเครียดของคนไข้ อย่าไปถือสา ให้เวลาณนต์ปรับตัวหน่อย เดี๋ยวคงดีขึ้น ไม่ต้องห่วง”
“คุณรู้เหรอว่าชั้นรู้สึกอะไร”
“ก็ เสียใจที่ปราณนต์จำเธอไม่ได้”
“ไม่ใช่ แต่ชั้นเสียใจเพราะเขาไม่ได้รักชั้นเลย คนเดียวที่อยู่ในใจเขามาตลอดคือคุณอัณณา”
ปราณนต์อึ้ง ภัทรินพูดจบก็ลุกจะเดินไป แต่เธฮมีอาการวูบ ปราณนต์รีบผวาเข้าไปรับเอาไว้
“ชั้นว่าเธอกลับไปพักก่อนดีกว่า”
“ไม่ต้องมาห่วงชั้น”
“ทำไมต้องดื้อตลอด กลับบ้าน”
ภัทรินผละออก “คุณจะมาแคร์อะไร เกลียดชั้น ก็ช่วยอยู่ให้ห่างๆชั้นได้มั้ย”
ภัทรินเดินแยกออกไป ปราณนต์เซ็งตัวเองที่พูดหรือแสดงออกอะไรไม่ได้
อัณณากับพสุวัฒน์กำลังคาดคั้นถามจากปราณ
“ถึงลูกจะไม่รู้จักหนูภัท แต่ก็ไม่เห็นต้องขับไล่เขาซะขนาดนั้น เขาเป็นห่วงลูกมาก เจออย่างนี้ไม่รู้จะเสียใจแค่ไหน” พสุวัฒน์บอก
“ก็ดี จะได้ไม่มาเซ้าซี้ผมอีก” ปราณว่า
“ปราณไม่ควรทำอย่างนั้นกับคุณภัท” อัณณาเตือน
อัณณาจ้องและตำหนิปราณด้วยสายตาผิดหวังเอือมระอา
“อย่าจ้องผมแบบนั้น ก็ผมความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้นอกจากคุณ ผมบอกว่าอย่าจ้องไง อัณณา”
อัณณาเซ็งแต่ก็ระงับอารมณ์ไว้ เธอจะออกไปตามปราณนต์แต่ปราณคว้ามือเธอเอาไว้
“จะไปไหน” ปราณถาม
“จะไปตามคุณภัทมาให้ปราณขอโทษ” อัณณาบอก
“ผมไม่ขอโทษ”
“คุณต้องขอโทษ เพราะหลังจากนี้คุณภัทจะเป็นคนอยู่เฝ้าไข้คุณ ตลอดระยะเวลาที่คุณพักฟื้น”
“แล้วคุณล่ะ”
“ตอนนี้คุณคือหมอณนต์ หน้าที่ดูแลคุณเป็นหน้าที่ของภรรยา ไม่ใช่ผู้ช่วยผู้บริหารอย่างอัณ”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ผมไม่เอา ผมไม่ต้องการให้ใครมาดูแลผมนอกจากคุณ”
“ถ้าอัณณาอยู่ดูแลลูก คนอื่นจะมองยังไง แล้วภัทรินจะรู้สึกยังไง ให้หนูอัณไปทำงานเถอะ จะได้ไปช่วยณนต์สืบเรื่องการทุจริตในบริษัท ทุกอย่างจะได้จบซะที”
ปราณปะติดปะต่อแล้วก็เริ่มทำความเข้าใจได้ “อ้อ อัณต้องไปช่วยณนต์ทำงาน อย่างนี้ใช่มั้ย อัณต้องการอย่างนี้เพราะจะได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับหมอณนต์ใช่มั้ย”
“ปราณ” อัณณาไม่พอใจ
พสุวัฒน์สงสัย “หมายความว่ายังไง”
พสุวัฒน์อึ้งๆ ที่ได้ยินแบบนั้น อัณณาไม่พอใจ
ปราณพูดต่อ “คุณพ่อไม่รู้เหรอว่าอัณณาคิดยังไงกับณนต์ แผนการทั้งหมดมาจากคุณใช่มั้ย คุณคิดเอาไว้ทุกอย่างแล้ว ถ้าผมกับณนต์สลับตัวกัน คุณก็จะได้ไปเป็นผู้ช่วยของคนที่คุณรัก ไม่ต้องมาอยู่ดูแลผมที่นี่ ไม่ต้องเอาเรื่องทุจริตอะไรมาอ้างหรอก คุณไม่ได้จริงใจกับจีแอลเอสเลย ทุกอย่างก็เพื่อตัวคุณเองทั้งนั้น ใช่มั้ยอัณณา”
“อัณไม่เคยเอาความอยู่รอดของบริษัทมาเป็นเดิมพันอะไรงี่เง่าอย่างที่คุณคิด”
“งี่เง่าเหรอ หรือจะเถียงว่าคุณไม่ได้รักณนต์” ปราณย้อนถาม
“หยุดเถียงกันได้มั้ย เรามีเรื่องต้องช่วยกันทำอีกตั้งเยอะ” พสุวัฒน์บอก
อัณณาอึ้งเพราะผิดหวังจึงไม่เถียงด้วยอีก “คุณเคยน่ารักกว่านี้ แต่ตั้งแต่ความจำเสื่อม ความน่ารักของคุณก็เสื่อมตามไปด้วย”
อัณณาจะออกจากห้องไป ปราณพูดขึ้น
“ถ้าคุณออกไป ผมก็จะออกไปบอกความจริงกับทุกคนเหมือนกัน..ไหนดูสิ ว่าคุณจะทำเพื่อบริษัทจริงอย่างที่พูดมาหรือเปล่า”
อัณณาชะงักแล้วหันกลับมาจ้องแบบไม่ยอมให้ต่อรอง
“คุณขู่อัณไม่ได้หรอก เสียใจด้วย”
อัณณายิ้มแล้วหันเดินออกไป
ปราณปรี๊ดแตก “อัณณา อัณณา”
ปราณกระชากบรรดาสายที่ห้อยระโยงระยางกับตัวเองออกแล้วเขวี้ยงทิ้ง ก่อนจะจะพยายามออกจากห้องพักให้ได้ แต่พสุวัฒน์เข้ามาดึงตัวลูกชายเอาไว้
“ปราณ อย่าทำอย่างนี้”
“กลับมาเดี๋ยวนี้ อัณณา”
ทันใดนั้นปราณก็มีอาการเกร็งไปทั่วร่างและชักกระตุกจากความเครียด เขาล้มไปชนกับเตียงจนเกิดเสียงดังโครมคราม พสุวัฒน์ตกใจจึงรีบตะโกนเรียกพยาบาล
“หมอ หมอ”
พสุวัฒน์จะเข้าไปดูปราณ แต่อยู่ๆ ก็กลับเดินเซไปวูบหนึ่งแต่เขายังตั้งหลักไว้ได้ อัณณาวิ่งกลับเข้ามาเพราะได้ยินเสียงโครมคราม อัณณาตกใจกับภาพที่เห็นจึงรีบตะโกนเรียกพยาบาล พวกพยาบาลเข้ามาแล้วรีบไปดูแลปราณ พสุวัฒน์ยืนมองเหตุการณ์อยู่ แล้วอยู่ๆ เขาก็ปวดหัวและเดินเซอีก คราวนี้พสุวัฒน์เซไปชนข้าวของล้มลงไป สีหน้าพสุวัฒน์เบลอๆมึนๆ
“คุณลุง คุณลุงเป็นอะไรคะ คุณลุง”
อัณณารีบไปดูแลพสุวัฒน์อีกคน
ภัทรินเดินตั้งสติอยู่ที่บริเวณสวนของโรงพยาบาล เธอสูดลมหายใจแบบพร้อมจะกลับเข้าไปเจอกับปราณอีกครั้ง แต่พอหันกลับมาก็ต้องเปลี่ยนสีหน้า เพราะเห็นปราณนต์ยืนเก๊กอยู่
“ต้องให้เป็นลมก่อนใช่มั้ยถึงจะกลับบ้านได้” ปราณนต์ประชด
“คุณต้องการอะไรจากชั้น บอกมาเลย ชั้นจะทำให้คุณทุกอย่าง แล้วก็อย่ามายุ่งกับชั้นอีกเลย ขอร้อง”
ภัทรินเดินผ่านไปด้วยความรำคาญ
“เดี๋ยว”
ภัทรินหันขวับทันที “แล้วจะเอาอะไร”
“จะไปไหน”
ภัทรินหันขวับมาพูดฉะฉานชัดเจน “เรื่องของชั้น..เข้าใจมั้ย เรื่องของชั้น”
มือถือของปราณนต์ดัง ภัทรินหันกลับแล้วเดินต่อไป ปราณนต์รับสาย
ปราณนต์พูดโทรศัพท์ “ว่าไงอัณ อะไรนะ แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า โอเคๆๆ ผมจะรีบ กลับไป” ปราณนต์วางสาย
ภัทรินชะงักแล้วหันกลับมาถาม “คุณอัณโทรมาทำไม หมอณนต์เป็นอะไรใช่มั้ย”
ปราณนต์อึกอัก “เอ่อ”
ภัทรินไม่รอฟังคำตอบ เธอรีบวิ่งกลับเข้าไปทันที
“เฮ้ย” ปราณนต์รีบตามไป
อัณณาที่แยกมาโทรศัพท์วางสายแล้วรีบเข้าไปที่ห้องพักคนไข้อีกห้องที่พสุวัฒน์นอนพัก โดยมีหมอประเสริฐดูอาการให้อยู่ อัณณาชะงักที่ได้ยินคำวินิจฉัยของหมอประเสริฐ
“อาการเซลักษณะนี้ มันจะเกิดขึ้นเป็นวูบๆ ระยะเวลาในการเกิดไม่แน่นอน แต่ที่ผมมั่นใจคือตอนนี้เนื้องอกมันเริ่มไปกดทับสมองส่วนที่ควบคุมการทรงตัวแล้วครับ”
อัณณาช็อกที่ได้รู้
“คุณลุง มีเนื้องอก ในสมอง”
พสุวัฒน์กับประเสริฐหันกลับมาเห็นอัณณาต่างคนก็ต่างตะลึง
ภัทรินวิ่งกลับเข้ามาในห้องพักคนไข้ก็พบว่าปราณนอนสลบไปแล้วโดยมีพยาบาลเฝ้าอยู่
“หมอ หมอณนต์เป็นอะไร”
ปราณนต์วิ่งตามมา อัณณาเดินตามเข้ามาอีกคน
“คุณณนต์ชักค่ะ”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“เป็นอาการปกติของคนไข้ที่ผ่าตัดศีรษะค่ะ ถ้ามีความเครียดมากๆ ก็จะมีอาการชักกระตุก อย่างณนต์อาจจะเครียดเพราะจำอะไรไม่ได้ด้วย ให้พักสักหน่อย ตื่นมาคงจะดีขึ้น ไม่ต้องห่วงนะคะ”
ภัทรินสงสารจับใจจึงยกมือปราณขึ้นมากุม “หมอ”
อัณณายังคงมีสีหน้าเครียด เธอหันกลับมาเห็นว่าปราณนต์จับจ้องเพื่อสังเกตสีหน้าอยู่ อัณณาเดินแยกไปอีกด้าน ปราณนต์เดินตามไปถาม
“ถ้าไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วทำไมคุณยังดูเครียดมากอยู่” ปราณนต์แปลกใจและสงสัย “มีอะไรอีกใช่มั้ย”
อัณณาอึกอัก “คือ”
พสุวัฒน์นั่งอยู่ที่โซฟารับรองบริเวณห้องพักของแพทย์โดยอยู่กับหมอประเสริฐ
“ผมยืนยันคำเดิมว่าคุณท่านต้องรีบผ่าตัดเอามันออกให้เร็วที่สุด ยิ่งปล่อยไว้จะยิ่งเป็นอันตราย แล้วโอกาส จะยิ่งน้อยตามไปด้วยนะครับ” ประเสริฐบอก
พสุวัฒน์มีสีหน้าเครียดแต่ก็ยังกังวลและห่วงธุรกิจกับลูกชายฝาแฝดมากกว่าเพราะไม่อยากให้เป็นกังวล
“ไม่ได้ จะให้เจ้าณนต์มากังวลเรื่องผมไม่ได้ มันมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ ต้องให้เรื่องทุกอย่างจบก่อน ชั้นถึงจะผ่าตัดได้” พสุวัฒน์ว่า
“มันจะสายเกินไปนะครับ” ประเสริฐบอก
“หมออย่าบอกเรื่องนี้กับใคร โดยเฉพาะลูกชายฝาแฝดของชั้น เข้าใจมั้ย”
“แต่”
พสุวัฒน์ย้ำ “ชั้นขอร้อง”
อัณณาพาปราณนต์ตามเข้ามา
“พ่อเป็นอะไร” ปราณนต์ถาม
“ไม่มีอะไร นอนดึก พักผ่อน แล้วก็แก่ มันก็เลยวูบ แค่นั้นเอง” พสุวัฒน์บอก
“เอ่อ ครับ ถ้างั้นผมขอตัวไปตรวจคนไข้ต่อนะครับ”
ประเสริฐเดินแยกออกไป
“ทีหลัง ถ้ารู้ตัวว่าไม่แข็งแรง ก็นอนอยู่บ้านเถอะ” ปราณนต์ว่า
“ณนต์ อย่าพูดอย่างนั้น” อัณณาปราม
“ทำไมจะพูดไม่ได้”
ปราณนต์ไม่ได้แยแสอะไร เขาหันหลังเดินออกไป อัณณาโมโหแทน
“คุณลุง” อัณณาไม่พอใจปราณนต์
“ช่างเถอะอัณ ขอบใจนะที่ช่วยลุงปิดเรื่องนี้..บอกเจ้าณนต์ว่าไม่ต้องห่วงลุงนะ เดี๋ยวหมอประเสริฐให้คนขับรถขับไปส่งลุงที่บ้าน” พสุวัฒน์บอก
ภัทรินกำลังเช็ดตัวให้ปราณด้วยท่าทางอ่อนโยนและมีสีหน้าเศร้า
ปราณนต์เข้ามายืนมองที่หน้าห้อง ยิ่งเห็นภัทรินดูแลปราณดีแค่ไหนเขาก็ยิ่งรู้สึกโหวงเหวงภายในอย่างประหลาด ทันใดนั้นอัณณาก็เดินเข้ามา
“คุณภัทดูจะรักหมอณนต์มากนะคะ” อัณณาว่า
ปราณนต์ไม่ตอบ เขาทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป แต่อัณณาจับมือปราณนต์เอาไว้
“จะเข้าไปทำไมคะ กลับกันเถอะค่ะ” อัณณาบอก
ปราณนต์งง “หือ”
“ปล่อยให้ภัทรินเฝ้าสามีของเขาไปเถอะค่ะ ถ้าเราเข้าไปเดี๋ยวจะไปรบกวนการนอนของหมอณนต์เปล่าๆ เรากลับไปพักเถอะค่ะ พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำนะคะ” อัณณาว่า
ปราณนต์ลังเล อัณณาดึงแขนเขาให้กลับไป ปราณนต์ยกมือขอเวลาจากอัณณาก่อนจะเดินแยกไปหาพยาบาลหน้าห้อง
“คุณพยาบาลครับ ช่วยไปวัดไข้ญาติคนป่วย แล้วก็จัดยาให้เขาทานทีนะครับ ขอบคุณครับ”
รถของอัณณาแล่นเข้ามาจอดในบ้าน อัณณาเดินโทรศัพท์ลงมาจากรถ ปราณนต์ลงจากรถมาส่งอัณณา
อัณณาพูดโทรศัพท์ “คุณลุงถึงบ้านแล้วใช่มั้ยคะ ค่ะ งั้นรีบพักผ่อนนะคะ ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” อัณณาวางสาย “พ่อคุณถึงบ้านแล้วนะ”
อัญชัญออกจากบ้านมาต้อนรับ ปราณนต์ยกมือไหว้สวัสดี
“คุณปราณ ไม่สิ คุณณนต์” อัญชัญทักอย่างเข้าใจ
ปราณนต์เหลือบมองอัณณา
“น้าบังคับให้อัณเล่าให้ฟังเอง แต่น้าเก็บความลับอยู่ ไม่มีหลุดปากแน่นอน”
“ครับ”
“โถๆๆ พ่อคุณ เคยเห็นตอนตัวเล็กๆ แล้วก็ไม่เคยเจออีกเลย แต่น้ารู้เรื่องของณนต์จากยัยอัณตลอด แหม หล่อเหมือนคุณปราณเลยนะคะ”
“ก็เป็นฝาแฝดนี่ครับ”
“นั่นน่ะสิ น้านี่พูดไรไม่รู้ ฮะๆ”
“อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันนะคะ คุณแม่ทำอาหารไว้ให้ณนต์ด้วย”
“ใช่จ้ะ น้าทำเผื่อเอาไว้แล้ว” อัญชัญบอก
“เอาไว้โอกาสหน้า” ปราณนต์บอก
อัญชัญกอดแขนปราณนต์ทันที “อย่าปฏิเสธเลย โอกาสหน้าจะมีอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ น้ามีเรื่องอยากถามอยากคุยกับคุณณนต์เยอะเลย ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก นะๆ”
อัญชัญคว้ามือปราณนต์แล้วพาเข้าบ้าน อัณณายิ้มอย่างรู้สึกดี
ภัทรินที่นั่งเฝ้าไข้ปราณอยู่กลางดึกมีอาการสัปหงก แต่พอรู้สึกตัวเธอก็พยายามทำให้ตัวเองตื่น โดยการขยับเขยื้อน ลุกขึ้นมายืน เดินไปเดินมาเพราะไม่อยากหลับและไม่อยากคลาดสายตาจากปราณ ปราณค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วตั้งสติ เขาหันมามองข้างๆ ก็พบว่าภัทรินนั่งสัปหงกอยู่ ปราณเพ่งมอง
“นี่ นี่คุณ” ปราณเรียก
“หือ อ้าว” ภัทรินรีบกระเด้งตัวขึ้นมา “ตื่นทำไม มีอะไรหรือเปล่า”
“คุณมานั่งเฝ้าผมทำไม อัณณาอยู่ไหน” ปราณถาม
“คุณอัณณากลับไปแล้ว อยากดื่มน้ำมั้ย แอร์เย็นไปหรือเปล่า หรืออยากให้เรียกพยาบาลให้”
“ผมอยากให้คุณออกไป”
“ถ้าไม่มีอะไร งั้นก็นอนพักต่อเถอะ อยากได้อะไรก็บอกแล้วกัน”
“พูดดีๆไม่เข้าใจหรือไง ผมไม่รู้จักคุณ ไม่ต้องมาห่วงใยผม ออกไป”
ภัทรินพูดอย่างจริงจัง “ชั้นไม่ไป เพราะชั้นมีเรื่องต้องพูดกับนาย แต่จะรอให้นายมีสติสตังพร้อมกว่านี้ก่อน ถึงจะพูดด้วย”
“ผมไม่คุย ผมไม่ต้องการเห็นหน้าคุณ ไม่ต้องมาเฝ้าผม”
ปราณคว้าผ้าห่มและหมอนโยนใส่ภัทรินเป็นการขับไล่
“ออกไป ออกไป”
ภัทรินชักฉุนเพราะสุดทน “ไม่ต้องไล่ ชั้นไปแน่ ไม่อยากอยู่ขัดขวางความรักของนายกับคุณอัณณาหรอก..ชั้นเคลียร์หนี้สินให้นายหมดเมื่อไหร่ ก็จะไปจากชีวิตนายทันที”
“หนี้สินอะไร ไม่ต้องเอามาคืน แค่ออกไปจากชีวิตผมเดี๋ยวนี้ก็พอ ไป” ปราณตะโกน “ใครอยู่ข้างนอก มาเอาตัวผู้หญิงคนนี้ออกไปที เอาออกไป ผมไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีก ผมต้องการอัณณาคนเดียว ออกไป”
พวกพยาบาลได้ยินเสียงโวยวายก็รีบเข้ามาทันที พยาบาลเข้ามาห้ามปราณ
“คุณคะ ออกไปก่อนได้มั้ยคะ นะคะ” พยาบาลขอร้องภัทริน
ภัทรินจำต้องถอยออกมาด้วยความผิดหวังและช้ำใจ
ภัทรินเดินออกมาด้านนอกรู้สึกเสียใจที่ถูกขับไล่ เสียงปราณไล่เตลิดตามหลังมา
อัณชัญกำลังยกถ้วยแกงเข้ามาวาง
“มาแล้วค่ะ ของโปรดของณนต์ ทายสิว่าอะไร”
“ของโปรด อืม แกงส้ม” ปราณนต์บอก
“ใช่แล้วค่ะ” อัญชัญวาง “แกงส้มดอกอัญชันขาว”
“ผมคิดถึงแกงส้มสูตรน้าอัญชัญมากเลยครับ จำได้ว่าตอนที่อยู่เมืองนอก ผมหาหาซื้อพริกแกงส้มยังไง ก็ไม่อร่อยเหมือนที่น้าอัญทำ ลองซื้อพริกมาตำเองก็ไม่ใช่”
“จนอัณต้องโทรมาอ้อนแม่ ให้ช่วยตำแล้วส่งตรงไปให้ไงคะ”
“วันนี้คุณณนต์ได้ทานต้นตำรับแล้ว อย่าให้เหลือนะคะ”
อัณณาตักแกงส้มให้ปราณนต์ “อ่ะ ให้ณนต์ประเดิมเลย”
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ครื้นเครง สักพักมือถือของอัณณาก็ดังขึ้น อัณณาวางช้อนหันไปมองเบอร์ที่หน้าจอด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“ใครโทรมาเหรอจ๊ะ” อัญชัญถาม
“เอ่อ โรงพยาบาลค่ะ” อัณณาตอบ
ปราณนต์ชะงักเพราะเอะใจ “มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า รับสิครับ”
“เอ่อ..”
“รับสายสิลูก”
“ค่ะ” อัณณารับสาย “อัณณาพูดค่ะ คะ ค่ะๆได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” อัณณาวางสาย
ปราณนต์เอ่ยถาม “มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“คุณปราณตื่นแล้วค่ะ แล้ว แล้วพบคุณภัทอยู่ในห้อง ก็เลยอาละวาดขับไล่คุณภัท”
ปราณนต์อึ้งเพราะเป็นห่วงภัทริน เขาลุกขึ้นยืนทันที
อัณณารีบบอก “แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ คุณปราณสงบลงแล้ว”
“แล้วภัทรินล่ะ”
อัณณาอึกอัก “เอ่อ”
“น้าอัญชัญครับ อย่าว่าผมเสียมารยาทเลยนะครับ แต่ผมต้องขออนุญาตกลับก่อน แล้วโอกาสหน้าผมจะหาเวลามาชิมฝีมือน้าให้ได้นะครับ”
ปราณนต์ไหว้อัญชัญแล้วรีบพุ่งออกไปทันที
ปราณนต์เดินออกมาด้านนอก
“แล้วณนต์จะไปยังไง ให้อัณไปส่งสิ” อัญชัญบอก
“ไม่ต้องครับ รถผมจอดอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่ไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องส่งไปส่งมา”
ปราณนต์วิ่งไปโบกแท็กซี่ด้วยท่าทางรีบร้อน กระวนกระวาย
อัณณาร้องเรียก “ณนต์ เดี๋ยว แล้วเรื่องแหวน”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนได้มั้ยอัณ ผมไปนะครับ”
ปราณนต์ไหว้อัญชัญแล้วขึ้นรถแท็กซี่ไป รถแท็กซี่แล่นออกไป อัณณากับอัญชัญยืนมองจนแท็กซี่แล่นออกไป อัญชัญโอบกอดลูกสาวเอาไว้เพราะเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวดี
“ไม่เป็นไรนะ” อัญชัญปลอบ
“อัณไม่น่ารับโทรศัพท์เลย” อัณณาบอก
อัณณากอดแม่แล้วร้องไห้ อัญชัญลูบหัวปลอบลูกสาว
“แต่ลูกก็ทำไม่ได้ เพราะปราณก็เพื่อนลูกเหมือนกัน ลูกทำถูกแล้ว คนเราฝันได้ จะยิ่งใหญ่ยากเย็นแค่ไหน มันก็ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ เราต้องไม่ยอมให้ความ “อยาก”ส่วนตัวมีอำนาจเหนือศีลธรรมจริยธรรมและความถูกต้องนะลูก แม่รู้ว่าลูกคิดยังไงกับคุณณนต์ แม่แค่อยากเตือนให้ลูกระวังใจตัวเองเอาไว้ให้ดี”
“ค่ะแม่ อัณจะไม่ทำตัวให้เสียชื่อแม่เด็ดขาดค่ะ”
“แม่เชื่อในตัวลูกของแม่นะ”
สายตาของอัณณามุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้
“มันยังมีหวังค่ะแม่ ยังมีหวัง อัณรู้”
ปราณนต์รีบวิ่งเข้ามาภายในโรงพยาบาลแล้วตรงไปที่หน้าห้องพักคนไข้ที่ปราณนอนพักรักษาตัวอยู่ แล้วปราณนต์ก็ชะงักเพราะเห็นภัทรินนั่งปาดน้ำตา ร้องไห้อยู่คนเดียวอยู่ที่มุมหนึ่ง
ปราณนต์จะเข้าไปปลอบ แต่เขาก็ชะงักแล้วหยุดยืนมอง
ภัทรินเอนหลังแล้วเอาหัวแปะแนบไปกับผนัง เธอเงยหน้ามองเพดานแล้วถอนหายใจ แม้น้ำตาจะยังไหลซึม สักพักก็มีเด็กผู้ชายวัยน่ารักน่าหยิกเดินเข้ามายืนตรงหน้า ภัทรินแปลกใจ เด็กชายจ้องหน้าของภัทรินอย่างพินิจพร้อมกับเอียงคอซ้ายที เอียงคอขวาที แล้วก็ฉีกยิ้มแฉ่งให้ภัทริน
ภัทรินงง “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เด็กชายยิ้มให้ภัทรินไม่เลิก แล้วก็โผเข้าไปกอดภัทริน
เด็กชายปลอบภัทรินแบบเด็กๆ “โอ๋ๆๆ”
ภัทรินแปลกใจ
“มีอะไรคะรูปหล่อ”
“พี่เสียใจอยู่ใช่มั้ยครับ ผมเป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ”
ภัทรินชักจะยิ้มออกกับความน่ารักน่าชังของเด็กคนนี้
“ขอบใจนะคะ ใครสอนให้ทำแบบนี้”
เด็กชายชี้ไปอีกด้าน ภัทรินหันไปมองตามก็พบปราณนต์ยืนยิ้มเก็กอยู่ ภัทรินหุบยิ้มทันที
“พี่คนนั้นบอกว่า พี่กำลังเสียใจมาก เลยให้ผมมาปลอบ” เด็กชายจับมือของภัทรินขึ้นมาแล้วลูบหลังมือเป็นการปลอบ “โอ๋ๆๆ”
ผู้ปกครองของเด็กที่เป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลก็เดินออกมาเรียกลูกชายให้กลับบ้าน เด็กชายรีบวิ่งแยกออกไปทันที ภัทรินหันไปมองปราณนต์ ปราณนต์ตีหน้าขรึมใส่เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกห่วงใยเอาไว้ เขาทำท่าจะเดินเข้าไปหาแต่อยู่ๆ ภัทรินกลับลุกแล้วเดินหนีไปซะอย่างนั้น ปราณนต์ยืนอึ้ง
“อ้าว” ปราณนต์เหวอ
ภัทรินเดินแยกมา ปราณนต์เดินตาม สักพักโทรศัพท์มือถือของภัทรินก็ดังขึ้น
ภัทรินรับสาย “แม่ หมอณนต์ ปลอดภัยดีค่ะ แต่ยังต้องอยู่โรงพยาบาลดูอาการให้แน่ใจค่ะ ภัทจะอยู่ดูแลหมออีกสักพัก แล้วจะรีบกลับค่ะ คะ” ภัทรินเหลือบมองปราณนต์ก่อนจะเดินเลี่ยงไป “ภัท ภัทได้นอนค่ะ กินด้วย แม่ไม่ต้องห่วงภัทหรอก ไปนอนเถอะค่ะดึกแล้ว ค่ะ”
ภัทรินวางสาย ปราณนต์ที่เดินตามมาฟังอยู่ก็ยิ้มๆ ขำๆ เพราะลึกๆแล้วเขาก็อดสงสารและเห็นใจภัทรินไม่ได้ เขาตั้งใจจะไม่ดุให้ภัทรินต้องเจ็บช้ำไปมากกว่านี้
“คนโกหก” ปราณนต์เปรยออกมา
ภัทรินชะงักแล้วหันกลับมาจ้องด้วยหางตา “ไม่มีมารยาท”
ภัทรินจะเดินหนีแต่ปราณนต์คว้าแขนเธอไว้
“จะไปไหน กลับบ้าน”
“ขอโทษนะคะ คุณกลับไปแล้ว กลับมาอีกทำไม เพื่อมาพาชั้นกลับบ้าน”
“ใช่ พยาบาลโทรมาแจ้งชั้นว่าให้มาเอาตัวเธอออกไป เพราะเธอจะทำให้น้องชายชั้นอาการแย่ลงไปกว่าเดิม”
“ชั้นเนี่ยนะ ชั้นเป็นภรรยาเขา ชั้นมีสิทธิ์จะอยู่เฝ้า” ภัทรินพูดอย่างแน่วแน่
“จะอยู่ถึงเช้าใช่มั้ย” ปราณนต์ถาม
“ใช่”
“งั้นไปหาอะไรกินกัน ชั้นรู้ว่าเธอยังไม่ได้กินอะไร” ปราณนต์จะลากภัทรินไป
“ไม่ต้องมายุ่งกับชั้นได้มั้ย” ภัทรินว่า
ภัทรินดึงตัวออกพร้อมกับถอยหนี
“โอเค งั้นนั่งรอเวลาเช้า”
ปราณนต์นั่งลงบริเวณนั้น ภัทรินแปลกใจว่าปราณนต์ต้องการอะไร
“คุณจะนั่งนี่ทำไม ต้องการอะไร”
“ทำไม เธอเอาน้องชายชั้นไปจดลิขสิทธิ์แล้วหรือไง ชั้นถึงจะนั่งเฝ้าไม่ได้”
“แต่ ชั้นไม่อยากอยู่กับคุณ”
“คิดว่าชั้นอยากอยู่กับเธอ ไปๆ ไปนั่งนู้น ไปๆ” ปราณนต์ไล่
“คุณปราณ” ภัทรินเสียงดัง
“ชู่ว์ ที่นี่โรงพยาบาลนะ เกรงใจคนไข้บ้าง ไปๆๆ”
ปราณนต์ทำท่าสบายๆ พร้อมทั้งไล่ภัทรินให้ไปนั่งห่างๆ
ภัทรินฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจที่ปราณนต์กวนประสาทแต่แล้วภัทรินก็เอะใจที่เห็นปราณนต์ยิ้มด้วยบุคลิกแบบหมอปราณนต์ที่เธอรู้จัก ภัทรินถึงกับเพ่งมอง ปราณนต์ชะงักเพราะรู้ตัวว่าถูกจ้อง เขารีบหุบยิ้ม แล้วตีหน้าเครียดแบบคุมกิริยาตัวเอง ภัทรินเดินออกไป ปราณนต์มองตามด้วยความเป็นห่วง
ภัทรินเดินนำออกมา ปราณนต์เดินตาม
“จะไปไหน” ปราณนต์ถาม
ภัทรินหันกลับมา “ทำไมต้องตามชั้นตลอดเวลา”
“หือ”
“ตั้งแต่ชั้นมาถึงสนามบินแล้ว คุณก็พาชั้นเข้าบ้าน ไม่ให้ชั้นไปไหนมาไหนเอง ชั้นจะอยู่เฝ้าหมอณนต์ คุณก็ยังจะตามมาอีก จะระแวงอะไรชั้นนักหนา”
ปราณนต์พูดทีเล่นทีจริง “ทำไมไม่คิดว่าชั้นเป็นห่วงเธอบ้าง”
ภัทรินเหวอเพราะแปลกใจในท่าทางของปราณนต์
ภัทรินย้อน “ชั้นรู้ว่าโรงพยาบาลนี้จีแอลเอสมีหุ้นอยู่ แต่ชั้นก็ไม่มีปัญญาแบกเครื่องเอ็กซเรย์ออกไปขายหรอก ไม่ต้องมาห่วง”
“ใครจะไปรู้ คนเคยมีประวัติ”
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะต้องหายใจเข้าออกเป็นเงินเป็นทองเหมือนคุณ เงินคุณไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น” ภัทรินว่า
“เหรอ อืม แล้วอะไรที่มีค่ากับเธอ ความรัก หึ เธอคงจะรักหมอณนต์มาก รักบริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวกับเงินเลย ที่เงินในบัญชีส่วนตัวณนต์ก็ถูกถอนออกไปสิบแปดล้านหลังงานแต่งไม่กี่วัน แล้วเธอก็เอาเงินมาคืนจีแอลเอส สิบแปดล้านพอดี มันก็ไม่เกี่ยวกันเลย”
“คุณสืบเรื่องของชั้นมาหมดแล้วสินะ”
“ชั้นก็แค่รู้ในสิ่งที่ต้องรู้”
ภัทรินทั้งเจ็บช้ำ ทั้งอาย แต่ก็ทะนงในศักดิ์ศรี
“ชั้นจะอยู่อีกไม่นานหรอก พรุ่งนี้เช้า ชั้นขอคุยกับเขาอีกครั้งเดียว แล้วชั้นจะไม่มาให้พวกคุณเห็นหน้าอีก”
“หมายความว่าไง เธอจะไปไหน”
“ไม่ต้องกลัวว่าชั้นจะหนีหนี้ ชั้นยืนยันว่าจะหาสิบแปดล้านมาคืนหมอณนต์แน่ ถ้าไม่ไว้ใจ พรุ่งนี้คุณเตรียมสัญญามาให้ชั้นเซ็นได้เลย”
“ชั้นไม่ได้ห่วงเรื่องเงิน แต่เธอจะไปไหน ทำไมต้องไป”
ภัทรินมีท่าทางเย็นชาแต่แน่วแน่ เธอไม่ตอบอะไรเพราะเธอคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ปราณต้องรู้ ภัทรินหันหน้าหนีเพื่อจะเดินไป ปราณนต์อึ้งเพราะไม่รู้ภัทรินคิดจะทำอะไร
ภัทรินเดินมา ปราณนต์เดินตามแล้วแซงไปขวางภัทริน
“ภัทริน เธอจะกลับไปอยู่บนดอยตามเดิมงั้นเหรอ ทำไม”
“คุณจะอยากรู้ทำไม”
“ก็ ก็อยากรู้ เผื่อใครมาถาม ชั้นจะบอกได้ว่าที่เธอทิ้งน้องชายชั้นไป เป็นความผิดของเธอ”
“งั้นก็เชิญคุณแต่งความผิดให้ชั้นตามสบายเลย ชั้นไม่แคร์”
“บอกชั้นมาก่อนว่าทำไมต้องไป”
“ไม่ใช่ธุระของคุณ”
“แล้วถ้าณนต์ถาม ชั้นจะตอบว่าไง”
“ชั้นจะบอกเขาเองพรุ่งนี้ จบมั้ย”
ภัทรินจะไป แต่ปราณนต์คว้ามือเธอไว้
“งั้นกลับบ้าน”
“อะไรอีก”
“ก็ถ้าเธอจะไป ก็ควรจะไปลาพ่อชั้นด้วยไม่ใช่เหรอ มีมารยาทหน่อย ไป แล้วพรุ่งนี้เช้าชั้นจะมาส่ง”
“ชั้นไม่ไป”
“เธอก็รู้ว่าถ้าชั้นไม่อนุญาต ใครก็เข้าพบน้องชายชั้นไม่ได้”
“คุณปราณ คุณคงเคยชินที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ในการควบคุม แต่ชั้นไม่ใช่คนของคุณ ปล่อย”
ภัทรินกระชากมือออกแล้วจะเข้าไปด้านใน
“ถ้าเขาไม่ฟัง ก็ตามรปภ.มาลากตัวออกไป” ปราณนต์ว่า
ภัทรินชะงักแล้วหันกลับมาจ้อง
ปราณนต์พูดต่อ “แล้วถ้ายังดื้อด้าน ก็ปริ้นท์รูปมาติดประกาศหน้าโรงพยาบาล ให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ห้ามเข้า เพราะเป็นอันตรายต่อคนไข้” ปราณนต์พูดกับภัทริน “เธอพูดถูก ชั้นชอบให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม เชิญ”
ภัทรินฮึดฮัดด้วยความรู้สึกขัดใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภัทรินที่อยู่ในรถนั่งหลังตรงคอตั้งอย่างไม่เต็มใจและรังเกียจที่ต้องตกในสภาพนี้ ปราณนต์เหลือบมองเธอเป็นระยะๆ
“เธอจะทิ้งน้องชายชั้นไปหาแฟนใหม่ เพราะเขารวยกว่า เป็นถึงเศรษฐีน้ำมันอย่างนั้นเหรอ”
ภัทรินงง เธอหันมาจ้องด้วยความข้องใจ
ปราณนต์พูดต่อ “ก็เธอบอกเองว่าอยากแต่งเรื่องอะไรให้แต่ง ชั้นก็กำลังคิดอยู่ว่าเรื่องแบบไหนถึงจะดูน่าเชื่อถือ หรือเอาเป็น เพราะน้องชายชั้นจำอะไรไม่ได้ แล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่จะอดทนดูแลคนป่วยได้ เธอรักสบาย อยากมีชีวิตอย่างเจ้าหญิง ก็เลยหนีไปคบเจ้าของธุรกิจรีสอร์ทที่มัลดีฟ”
“สนุกมากใช่มั้ยคะ”
ภัทรินไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงหันหน้าหนีแล้วสะกดอารมณ์เอาไว้
“ถ้าไม่ชอบเรื่องที่ชั้นแต่ง ก็บอกมาสิ ว่าทำไม”
ภัทรินนิ่งไม่ตอบคำ ปราณนต์เซ็งเพราะว่าอยากรู้เหตุผลที่แท้จริง
รถของปราณนต์จอดที่หน้าบ้านพสุวัฒน์ ปราณนต์ลงจากรถ
“ลงมาสิ”
ภัทรินนั่งนิ่งเพราะไม่อยากลง ปราณนต์ขู่
“อย่าขัดใจ ไม่งั้นพรุ่งนี้ เธอไม่ได้เจอน้องชายชั้นแน่”
ภัทรินจำใจลงจากรถ “จะเอาอะไรอีก”
“เข้าบ้าน”
ภัทรินสะบัดหน้าหนีแล้วเดินปึงปังเข้าไป
ภัทรินเดินเข้ามาในบ้าน ปราณนต์รีบตามมาขวาง
“จะไปไหน” ปราณนต์ถาม
ภัทรินหันกลับมาว่า “จะเอาอะไรอีก”
ปราณนต์รีบห้าม “เบาๆ คุณพ่อคงหลับไปแล้ว เกรงใจท่านบ้าง ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ย ไปหาอะไรกินในครัวหน่อยไป”
“หือ” ภัทรินงงที่ดูปราณเป็นห่วงเธอ
“มองอะไร ไปสิ บอกให้ไป นั่น ครัวอยู่ทางนั้น” ปราณนต์บอก
ปราณนต์ทำเข้มพร้อมกับชี้ไปทางห้องครัว ภัทรินเดินไปที่ครัว
ภัทรินเข้ามาในครัว ปราณนต์ตามเข้ามาหยิบอุปกรณ์ทำแซนวิชทุกอย่างออกมาวางที่โต๊ะเตรียมอาหาร พวกขนมปัง ผัก มะเขือเทศ เบคอน ฯลฯ
“ทำแซนวิชกินซะหน่อย”
“ชั้นไม่หิว” ภัทรินบอก
“ไม่หิวก็ต้องกิน เพราะเธอไม่ได้กินอะไรแทบจะทั้งวัน”
ภัทรินทั้งงงทั้งแปลกใจ “ถ้าเป็นคนอื่น ชั้นคงตีความว่าเป็นห่วง แต่กับคุณชั้นควรจะตีความว่าอะไรดี”
“ชั้นไม่อยากให้เธอป่วย เดี๋ยวจะเอามาเป็นข้ออ้างในการอยู่ที่นี่ต่อ” ปราณนต์บอก
“งั้นดูปากชั้นนะ ต่อให้ตาย วิญญาณชั้นก็จะไม่สิงที่บ้านนี้ พอใจยังคะ ขอตัว” ภัทรินจะไป
“งั้นทำให้ชั้นกิน” ปราณนต์สั่ง
ภัทรินชะงักแล้วหันกลับมา
ปราณนต์พูดต่อ “ชั้นหิว”
“คุณต้องการอะไร”
“ทำให้เสร็จ แล้วจะไปไหนก็ไป”
ภัทรินสะกดอารมณ์แล้วเข้ามาทำแซนวิชแบบลวกๆ ปราณนต์มองอย่างพอใจ ภัทรินทำตามคำสั่งแบบรีบทำให้เสร็จๆไปจนเสร็จ ภัทรินวางมือแล้วเลื่อนจานแซนวิชไปที่ปราณนต์แล้วจะเดินออกไปทันที
“เดี๋ยว ชั้นไม่ชอบกินมะเขือเทศ เธอเอาไปกินแล้วกัน”
“คุณ..”
“กิน และอย่าทิ้งให้เสียของ”
ภัทรินที่อดทนอดกลั้นมาตลอดหมดความอดทนจนน้ำตาไหลออกมาทันที
“ทำไมต้องทำอย่างนี้ ต้องการอะไรจากชั้น”
ปราณนต์อึ้งที่ภัทรินน้ำตาไหลจึงตัดบท “ชั้น ชั้นไม่มีอารมณ์จะมาเถียงกับเธอกลางดึก กินๆให้เสร็จ แล้วก็ไปนอน”
“คุณอยากรู้มากใช่มั้ยว่าชั้นจะไปเพราะอะไร ก็เพราะชั้นรู้แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของชั้น หมอณนต์ไม่ได้ต้องการชั้น เขารักคุณอัณณา แล้วจะให้ชั้นอยู่ไปเพื่ออะไร”
“เอ่อ ชั้นก็แค่ อยากให้ เธอกิน”
ภัทรินฉุนคว้าแซนวิชมาแล้วกัดกินแบบประชด
“พอใจแล้วใช่มั้ย”
ภัทรินกินแซนวิชแบบประชดๆ ปราณนต์อึ้งและอยากจะอธิบาย
“คือ”
ภัทรินสะบัดหน้าหนี ปราณนต์เครียด เขาทั้งรู้สึกผิดและโมโหตัวเอง
ภัทรินกลับเข้ามาในห้องแล้วล็อกประตูก่อนจะไปนั่งที่ปลายเตียง แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลริน
ปราณนต์ตามมามอง เขาจับลูกบิดประตูก็พบว่ามันล็อก ปราณนต์อยากจะเคาะเรียกแต่ก็ยั้งมือเอาไว้ ด้วยความไม่แน่ใจว่าควรปลอบหรือไม่ควร เขาอึดอัดที่ทำไม่ได้อย่างที่ใจอยากจะทำ จึงฮึดฮัดเพราะโกรธตัวเอง
ภัทรินสะเทือนใจจนน้ำตาไหล
“ชั้นมาทำอะไร มาทำอะไรที่นี่”
ลมพัด มีเสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายล์ดังเข้ามา ภัทรินมองไปที่โมบายล์รูปดาวแล้วก็คิดถึงอดีตตอนที่ภัทรินกับปราณนต์ดูดาวด้วยกันอยู่ที่บ้าน ภัทรินปาดน้ำตาแล้วพยายามตั้งสติ พยายามไม่ร้อง แต่ก็ยังน้ำตายังไหลซึม
เช้าวันใหม่ อัณณาเดินเข้ามาในบริษัทจีแอลเอส โดยมีเดียกับแจ็ค พนักงานอีกสองคนตามประกบ พร้อมกับยื่นแฟ้มรูปภาพบูธงานมิดิคัลแฟร์ให้ดู
อัณณาดูแฟ้มรูปแบบบูทแล้วพ็พูด “งาน Medical Fair ปีนี้ บูธของเราใช้คอนเซ็ปต์เดิม เรียบง่ายแต่ทันสมัย เพื่อไฮไลท์ที่เทคโนโลยีการแพทย์ที่นำเสนอ เดี๋ยววันนี้ พอคุณปราณให้สัมภาษณ์นิตยสารเสร็จ ชั้นจะส่งให้คุณปราณพิจารณา แล้วจะรีบคอนเฟิร์มนะ”
แจ็ครับคำ “ครับ”
“แล้วที่ให้คอนเฟิร์มว่าคุณปราณจะเข้าร่วมประชุม APEC Life Sciences Innovation Forum Planning Group ที่เมืองจีน เรียบร้อยแล้วหรือยัง”
เดียอึกอัก “เอ่อ คือ”
อัณณาชะงักแล้วหันมาดุนิดๆ “ยังไม่เรียบร้อยอีกเหรอ ทำไม”
“ไม่ใช่ไม่เรียบร้อยค่ะ หญิงจัดการเรียบร้อยทุกอย่างแล้วค่ะ เพียงแต่ว่า ตัวแทนจีแอลเอสที่จะไปประชุม ไม่ใช่คุณปราณค่ะ” เดียบอก
อัณณางง “ไม่ใช่ปราณ แล้วใคร”
อัณณาข้องใจ
ธนาฒน์กำลังนั่งบนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางสบายๆ ในขณะที่สื่อผู้หญิงนั่งเก้าอี้คอยบันทึกเทปสัมภาษณ์ ส่วนช่างภาพสื่อก็ถ่ายรูปเก็บอิริยาบถของธนาฒน์ไป
ธนาฒน์พูด “ผมคาดว่าศูนย์นี้น่าจะสามารถเปิดตัวต้นปีหน้า ที่ฝรั่งเศสเป็นที่แรก และในอีก2ปี เราจะขยายมาที่เอเชีย อาจจะเป็นเมืองจีน หรือไม่ก็เกาหลี คงต้องคุยในการประชุมครั้งต่อๆไป”
อัณณาเปิดประตูเข้ามาในห้องทันที
“ขออนุญาตที่ขัดจังหวะนะคะ คุณยุวดี QGM แมกกาซีนใช่มั้ยคะ”
ยุวดีรับคำ “ค่ะ”
“คุณติดต่อขอนัดสัมภาษณ์คุณปราณเอาไว้ไม่ใช่เหรอคะ..แล้วทำไม” อัณณาถาม
ธนาฒน์ตัดบท “ไม่ทราบว่ามีอะไรอยากสัมภาษณ์เพิ่มเติมมั้ยครับ ถ้าไม่มี งั้นเราก็จบแค่นี้นะครับ..เดี๋ยวผมอธิบายคุณอัณณาให้เอง เชิญครับ”
ธนาฒน์เดินไปส่งยุวดีกับช่างภาพที่ประตู ก่อนจะหันกลับมาหาอัณณาที่ยืนรอฟังคำอธิบายอยู่
“ยังไม่มีใครแจ้งคุณอัณณาเหรอ เมื่อวานนี้ บ.ก.นิตยสารโทรมาขอเปลี่ยนเป็นสัมภาษณ์ผมแทน” ธนาฒน์บอก
อัณณาถามทันที “เพราะ”
ชมนาดเดินเข้าห้องมาพร้อมทั้งพูดแทรก
“เพราะเขาอยากสัมภาษณ์คนที่มีอำนาจตัดสินใจตัวจริงน่ะสิ”
อัณณาอึ้ง
ภัทรินแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะออกจากห้อง เธอเปิดประตูห้องนอนออกมาพบอิ่มยืนรออยู่ก่อนแล้ว ภัทรินมองอิ่มก็รู้ได้ทันทีว่าถูกสั่งมา
“เขาให้ป้ามายืนเฝ้าหน้าห้องเลยเหรอคะ” ภัทรินถาม
อิ่มยิ้มเจื่อนๆ ภัทรินชักหงุดหงิด
ปราณนต์ดื่มกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ที่โต๊ะ ภัทรินเดินเข้ามาเหลือบเห็นชามโจ๊กวางอยู่อีกที่สำหรับตัวเธอ อิ่มเดินตามประกบ ปราณนต์เงยหน้าขึ้นมองและกำลังจะออกคำสั่งให้ภัทรินกินโจ๊ก แต่ภัทรินพูดดักขึ้นมาก่อน
“ถ้าไม่กิน คงจะไม่ได้ไปสินะ”
ภัทรินเลื่อนเก้าอี้แล้วลงนั่งตรงชามโจ๊กนั้นทันที ปราณนต์แปลกใจ
“ดี รู้ก็ดี ตื่นก็สาย ถ้ายังลีลามาก ก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก” ปราณนต์ว่า
ภัทรินหมั่นไส้และอยากจะรีบกินให้เสร็จๆ เธอตักโจ๊กมายัดเข้าปากเลยโดยลืมไปว่ามันร้อนมากทำให้โจ๊กลวกปาก
“อุ้ย”
ภัทรินสะดุ้งแล้วทิ้งช้อนในมือทันที
ปราณนต์รีบเข้าไปดูแล้วหยิบแก้วน้ำมา เขาเอาช้อนตักน้ำแข็งแล้วจะป้อนให้ภัทริน “อมน้ำแข็งไว้ ปากจะได้ไม่พอง”
ภัทรินโวย “ทำไมไม่บอกว่ามันร้อนขนาดนี้”
“ใครจะไปคิดว่าเธอจะกินไม่ดูตาม้าตาเรือล่ะ อ้าปาก”
“ชั้นไม่เป็นไร”
“อย่าดื้อ” ปราณนต์จะป้อนน้ำแข็งให้ภัทริน
“ชั้นทำเอง”
ปราณนต์ไม่ยอมให้ภัทรินทำเอง เขาจะป้อนให้ได้ ภัทรินเลยคว้ามือปราณนต์ที่จับช้อนเอาไว้หมับ แล้วจับน้ำแข็งเข้าปากเอง
ปราณนต์สั่ง “อมไว้จนกว่าจะละลาย”
ภัทรินเถียงไม่ได้ทำได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ว่า “ไม่ต้องมาสั่ง”
“แทนที่จะได้ไปเร็วๆ ต้องมาเสียเวลาอีก” ปราณนต์ว่า
ปราณนต์ส่ายหน้าแล้วดื่มกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ภัทรินมองอย่างหมั่นไส้
อัณณายังข้องใจกับคำตอบของธนาฒน์
“คุณธนาฒน์เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ”
“นิตยสารมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆของการบริการทางการแพทย์ทศวรรษหน้า ก็ต้องสัมภาษณ์ผมไม่ใช่เหรอครับ เพราะผมดูแลงานในส่วนเครื่องมือแพทย์ทั้งหมด”
“คุณปราณก็สามารถให้ข้อมูลส่วนนั้นได้ และข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางและภาพลักษณ์ของจีแอลเอสที่เราต้องการสื่อสารออกไปให้สังคมรับรู้ มันคือหน้าที่ของผู้บริหาร”
“อ้อ ถ้าเรื่องภาพลักษณ์ ไม่ต้องห่วง ธนาฒน์ภาพลักษณ์ดีแน่นอน เพราะไม่เคยมีประวัติว่าบริหารผิดพลาดจนเกิดการทุจริตอย่างครึกโครม เหมือนคุณปราณ”
“มีอะไรข้องใจอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีเชิญครับ ผมจะได้ทำงาน”
“แล้วเรื่องที่คุณเป็นตัวแทนบริษัทไปประชุมที่เมืองจีนล่ะคะ ทำไมถึงกลายเป็นคุณได้” อัณณาถาม
ชมนาดงงเพราะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน “ไปประชุมที่เมืองจีน”
ธนาฒน์อธิบาย “อยู่ๆกรรมการบริษัทก็มีคำสั่งด่วนให้ผมไปแทนคุณปราณ ฝากคุณอัณณาแจ้งเจ้านายคุณด้วยนะครับ ว่าไม่ต้องจัดกระเป๋าแล้ว”
อัณณาเครียดและหงุดหงิด ชมนาดเหล่ธนาฒน์ว่ามีอะไรปิดบังเธออยู่หรือเปล่า
อัณณาเดินหัวเสียกลับมาที่บริเวณแผนกของตัวเองก่อนจะตรงไปที่โต๊ะทำงานของเดียกับแจ็ค
“พวกเธอรู้เรื่องที่นิตยสารมาสัมภาษณ์คุณธนาฒน์อยู่ใช่มั้ย แล้วที่คุณธนาฒน์จะไปประชุมแทนคุณปราณอีก รู้กันอยู่แล้วใช่มั้ย ทำไมไม่มีใครบอกชั้นเลย”
“ก็ ไม่ใช่จะไม่บอกนะคะ แต่คุณธนาฒน์บอกว่าจะแจ้งคุณอัณณาเอง” เดียบอก
“เราก็เลย เงียบ” แจ๊คเสริม
อัณณาเหลือบเห็นภาพบนจอคอมพิวเตอร์ของแจ็คซึ่งเป็นภาพธนาฒน์กำลังพูดในวีดีโอสื่อสารองค์กร เพื่อนำเสนอตัวเอง เนื้อหาเกี่ยวกับการพาชมโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ตัวเองดูแลอยู่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น สร้างความน่าเชื่อถือ และเพื่อโปรโมตตัวเอง
อัณณาสงสัย “นั่นอะไร”
“เอ่อ อินเทอร์นอล คอมมูนิเคชั่นตัวใหม่ครับ คุณธนาฒน์สั่งให้ทำ” แจ๊คบอก
อัณณาสั่ง “เปิดเสียงซิ”
แจ็ครีบเปิดเสียงตามคำสั่ง หน้าจอเป็นภาพธนาฒน์เดินชมโรงงานและพูดจาประหนึ่งตัวเองคือผู้บริหารจีแอลเอส
“ระบบที่ผมนำมาใช้กับโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ ถือว่าเป็นการนำร่องการบริหารรูปแบบใหม่ ที่เน้นการส่งเสริมศักยภาพของพนักงานทุกคนอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ละเลยความสุขจากการทำงานด้วย..ผมเชื่อมั่นว่าในส่วนงานเทคโนโลยีการแพทย์ที่ผมดูแลอยู่ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้จีแอลเอสเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการแพทย์ระดับโลกในอีก5ปีข้างหน้านี้แน่นอน”
“นี่ธนาฒน์ทำวีดีโอโปรโมตตัวเอง แต่ไม่มีใครคิดจะบอกชั้นเลยเหรอ” อัณณาไม่พอใจ
ในวีดีโอ ธนาฒน์พูดต่อ “และเมื่อเราไปสู่จุดนั้น ผมสัญญาว่าทุกคนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยสวัสดิการพิเศษ เป็นการตอบแทนที่ทุกคนทำงานหนักเพื่อองค์กรของเรา”
“เขามีสิทธิ์อะไรมาประกาศอย่างนี้ เขาไม่ใช่ผู้บริหาร ไปสัญญิงสัญญากับพนักงานได้ยังไง” อัณณาว่า
อัณณามีท่าทางหัวเสียมาก พวกพนักงานเริ่มจ๋อย
“ชั้นให้โอกาสพวกเธออีกครั้ง รู้อะไรที่ชั้นยังไม่รู้ บอกมาให้หมด” อัณณาบอก
ธนาฒน์กำลังอธิบายให้ชมนาดฟัง
“โธ่ พี่ชม ก็เนื้อหาในการสัมภาษณ์มันหน้าที่ผมชัดๆ เรื่องอะไรผมจะให้คุณปราณได้หน้าไป แล้วผมก็เสนอให้สัมภาษณ์คุณสินธรแล้วนะครับ แต่บ.ก.นิตยสารไม่เอาเอง จะเอาผม จะให้ทำไงครับ”
“แล้วเรื่องไปจีน เธอคิดจะทำอะไร ทำไมพี่ไม่รู้เรื่อง” ชมนาดถาม
“เรื่องนี้ผมไม่ทราบจริงๆครับ กรรมการบริษัทสั่งเปลี่ยนแปลง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณปราณจะต้องไป”
“อย่าโกหก พี่ไม่ชอบถูกคนที่ไว้ใจหลอก บอกมาว่าเธอคิดทำอะไรอยู่”
“จริงๆนะครับ”
ธนาฒน์ทำท่าใสซื่อ ไม่รู้อะไร ชมนาดจ้องเขาอย่างขุดคุ้ยและอยากรู้ความจริง
“ธนาฒน์ พี่ไม่ชอบที่ต้องมารู้เรื่องหลังจากที่มันเกิดไปแล้ว ถ้าเธอทำอะไรไม่ปรึกษาพี่อีก พี่จะเลิกสนับสนุนเธอ”
ธนาฒน์อ้อน “โธ่ พี่ชม ผมอยากปรึกษาพี่จะตาย แต่บางทีมันกะทันหัน ผมก็ต้องจัดการอะไรไปก่อน อย่าโกรธผมนะครับ ทุกอย่างที่ผมทำ ก็เพื่อพี่ เพื่อเราสองคนทั้งนั้น พี่เชื่อผมนะ”
ธนาฒน์ยื่นหน้าเข้าไปจะจูบ แต่ชมนาดผละออกเสียก่อน
“นี่ไม่ใช่เวลา ไปทำงาน” ชมนาดว่า
ชมนาดเดินแยกออกไป ธนาฒน์ยิ้มตาวาวอย่างมีแผนในใจ
รถของปราณนต์แล่นมาจอดที่บริษัท ปราณนต์ลงจากรถมาเปิดประตูเชิญภัทรินให้ลงจากรถ
“ไหนคุณบอกว่าจะพาชั้นไปโรงพยาบาล” ภัทรินถาม
“ชั้นมีธุระต้องจัดการก่อน เธอต้องไปกับชั้น ลงมา”
“คุณจะทำอะไรก็ไป ชั้นจะรอที่นี่แหละ”
“บอกให้ลงมา ถ้าเรื่องมาก วันนี้ชั้นจะไม่พาเธอไปโรงพยาบาล”
ภัทรินฮึดฮัดและทำหน้างอนเพราะรู้สึกขัดใจ เธอกำลังจะลงจากรถแต่อยู่ๆอัณณาก็เดินออกมาจากด้านในบริษัท พอเห็นปราณนต์ยืนอยู่อัณณาก็รีบก้าวเข้ามาหาโดยไม่รู้ว่าภัทรินมาด้วยในรถ
“ทำไมเพิ่งมาณนต์ รู้มั้ยว่ามีเรื่อง”
ภัทรินชะงักที่ได้ยินอัณณาเรียกปราณว่า “ณนต์”
ปราณนต์อึ้ง อัณณาเข้ามาใกล้ แล้วก็เห็นว่าภัทรินนั่งอยู่ด้วยจึงชะงักไป
ปราณนต์หันกลับมาทำตัวปกติเพื่อไม่ให้มีพิรุธ “อัณเรียกผมว่าณนต์เหรอครับ”
“เอ่อ คือ” อัณณาอึกอัก
“กำลังคิดถึงณนต์อยู่ล่ะสิ ถึงได้เรียกชื่อผิดอย่างนี้” ปราณนต์แก้สถานการณ์
“ค่ะ อัณ กำลังภาวนาให้ณนต์หายป่วยไวๆ” อัณณาเหลือบมองภัทริน “คุณภัทอย่าเข้าใจผิดนะคะ อัณภาวนาตามประสาเพื่อน ไม่ได้มีอะไรนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวชั้นก็จะไม่อยู่แล้ว” ภัทรินบอก
ภัทรินมีสีหน้าสลด เศร้า เพราะเข้าใจว่าอัณณากับปราณนต์มีใจให้กัน
ปราณนต์รีบตัดบท “ไป ผมไม่ได้ว่างมาก”
“พวกคุณเข้าไปเถอะค่ะ ชั้นจะรอตรงนี้ ชั้นไม่หนีไปไหนหรอก ยังไงชั้นก็จะขอเจอหมอณนต์ก่อนไปให้ได้” ภัทรินบอก
ปราณนต์ลากภัทรินไปโดยที่ภัทรินไม่ทันตั้งตัว อัณณาสงสัยจึงรีบตามไป
สินธรกับชมนาดเดินประกบสุพจน์โดยเอาแฟ้มรายงานให้ดู สุพจน์มีสีหน้าเครียด
“เห็นตัวเลขสีแดงมั้ยครับ บริษัทคู่ค้าเดิมของเราทุกบริษัทลดปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากเราลง แล้วไปสั่งจากบริษัทคู่แข่งแทน ตัวเลขพวกนี้ มันเริ่มลดลงเรื่อยๆก็ตั้งแต่เกิดเรื่องทุจริต มันคงบอกได้นะครับว่าความน่าเชื่อถือในตัวผู้บริหารคนปัจจุบันของจีแอลเอสเป็นยังไง” สินธรรายงาน
สุพจน์หน้าเครียด “กรรมการคนอื่นเห็นข้อมูลนี้หรือยัง”
“ยังค่ะ” ชมนาดบอก “ตอนนี้คุณธนาฒน์กำลังรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับจีแอลเอสทุกอย่าง เพื่อนำเสนอที่ประชุมปลายเดือนนี้ค่ะ เพียงแต่ตอนนี้คุณสินธรอยากให้ท่านทราบก่อน ว่าความน่าเชื่อถือของจีแอลเอสกำลังมีปัญหาค่ะ”
สุพจน์หน้าเครียด
“คุณปราณมาหรือยัง” สุพจน์ถาม
ชมนาดกับสินธรสบตากันอย่างสมใจ
ปราณนต์ลากภัทรินเข้ามาภายในบริษัท ภัทรินก้มหน้าก้มตาเพราะไม่กล้าสู้หน้าใคร ปราณนต์พาภัทรินเข้ามาที่แผนก พวกพนักงานมองกันเป็นตาเดียว อัณณาตามหลังมาคอยรายงานเรื่องงานให้ปราณนต์ทราบ
“วันนี้คุณปราณไม่ต้องให้สัมภาษณ์นิตยสารแล้วนะคะ เขาเปลี่ยนไปสัมภาษณ์คุณธนาฒน์เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องงานประชุมที่เมืองจีน ก็เปลี่ยนเป็นคุณธนาฒน์ไปแทนคุณเหมือนกันค่ะ”
“เปลี่ยนเป็นธนาฒน์ทุกอย่างเลยนะ” ปราณนต์ว่า
“ค่ะ คือ..”
ปราณนต์พูดขัดอัณณาขึ้นมา “นี่ เงยหน้าสิ อายที่ต้องเข้ามาในบริษัทที่เคยโกงเงินไปเหรอ”
“คุณตั้งใจจะแกล้งชั้น” ภัทรินว่า
ปราณนต์เห็นธนาฒน์เดินคุยงานกับพนักงานอีกคนสวนเข้ามาพอดีเลยประกาศให้พนักงานทุกคนทราบ
“ทุกคนครับ รบกวนฟังทางนี้หน่อยครับ”
ธนาฒน์ชะงักแล้วรีบสั่งงานพนักงานคนนั้นให้เสร็จก่อนจะหันมารอฟัง
“รู้จักคุณภัทรินกันอยู่แล้วใช่มั้ยครับ ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ข่าวนี้ ซุบซิบกันแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา..ใช่ คุณภัทรินเคยทำงานที่โรงงานอุปกรณ์การแพทย์ของเรา แต่ถูกให้ออกไปเพราะมีความผิดข้อหาทุจริตเงินบริษัท”
พวกพนักงานฮือฮากันว่าคนนี้นี่เอง หลายคนชี้ชวนกันดูแล้วซุบซิบ
ภัทรินหันมาจ้องปราณนต์ด้วยความคับแค้น “เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย คุณถึงพาชั้นมานี่ อยากให้ชั้นอับอายใช่มั้ย”
สินธรกับชมนาดเดินเข้ามาจากอีกด้านเพื่อมารอฟัง
ปราณนต์พูดต่อ “ภัทรินทุจริตเงินจีแอลเอสไปสิบเจ็ดล้าน แต่ทางเราไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เพราะจะมีผลเสียกับบริษัท เลยให้ภัทรินชดใช้เงินคืน ซึ่งเขาก็คืนหมดแล้ว” ปราณนต์เหลือบมองพวกชมนาด “แต่ข่าวก็หลุดไปอยู่ดี ไม่รู้ว่าหลุดได้ไง”
ภัทรินอายจึงอยากจะหนีออกไป แต่ปราณนต์ดึงแขนเธอเอาไว้
“ชั้นยังพูดไม่จบ”
ภัทรินจ้องปราณฯต์ด้วยสายตาแค้นที่ถูกแกล้ง “จะเอาอะไรกับชั้นอีก” ภัทรินอยากจะประชดจึงเชิดหน้าอย่างพร้อมเผชิญ “เอาเลย ชั้นไม่มีอะไรจะเสียแล้ว บอกทุกคนไปเลยสิว่าเงินที่ชั้นหามาคืนคุณได้ ชั้นต้องแลกด้วยอะไรมา”
พวกพนักงานฮือฮาแล้วก็ซุบซิบ
“แลกด้วยอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานี้ ภัทรินคือน้องสะใภ้ของผม” ปราณนต์พูด
พวกพนักงานอึ้ง จากที่ซุบซิบ ฮือฮาเมื่อครู่นี้ก็เงียบกริบทันที
“คุณ” ภัทรินอึ้ง
“ใครที่นินทาภัทรินให้ผมได้ฟังแม้แต่คำเดียว ผมจะถือว่ามีความผิด เพราะตั้งแต่วันนี้ไป ภัทรินจะมาทำงานเป็นเลขาฯของผม”
ภัทรินอึ้งและเหวอ “หา”
อัณณา ธนาฒน์ ชมนาด สินธร และพนักงานทุกๆคนต่างก็อึ้งและงงไปพร้อมๆกัน
“ภัทรินจะเริ่มงานตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ทุกคนรับทราบนะครับ”
พวกพนักงานผงกหัวรับทราบหงึกๆ แต่สินธรทนไม่ได้จึงโพล่งออกมา
“จะเอาคนที่เคยทุจริตบริษัทมาทำงานเป็นเลขาฯ..คิดดีแล้วเหรอปราณ”
“ผมคิดดีแล้วครับ ผมจะให้อัณณาทำหน้าที่ช่วยเหลือผมสำหรับงานในปัจจุบันและอนาคต ส่วนภัทริน ผมจะให้มาช่วยตามเก็บกวาดงานในอดีต ตามเก็บหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับคดีทุจริตที่เกิดขึ้นในจีแอลเอสโดยเฉพาะ”
“คุณปราณ อย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลยนะ แต่ผมว่าวิธีนี้ของคุณ มันเพี้ยนมาก เอาคนทุจริตมาสืบคดีทุจริตที่ตัวเองทำ แล้วคนอื่นจะมองจีแอลเอสยังไง แค่นี้ภาพลักษณ์ของเราก็เสียหายมากพอแล้วนะครับ” ธนาฒน์ว่า
“ใช่ครับ การทุจริตทำให้ภาพลักษณ์เราเสียหาย แต่คุณรู้มั้ยครับว่าอะไรที่จะทำลายยิ่งกว่าภาพลักษณ์ มันอาจจะทำลายจีแอลเอสให้ล่มจม หรือไม่ก็ทำลายระบบสาธารณสุขของชาติเลยก็ได้ การปล่อยให้คนทุจริตคอรัปชั่นลอยนวลต่อไปทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกไงครับ”
ธนาฒน์อึ้งและผงะ สินธรกับชมนาดก็ผงะไปตามๆกัน
“เพราะฉะนั้น ผมจะให้โอกาสภัทรินพิสูจน์ตัวเอง แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าสืบไปสืบมา ยังพบว่าภัทรินฉ้อโกงจีแอลเอสจริงๆ ผมจะรับผิดชอบด้วยการลาออกเอง” ปราณนต์บอก
ปราณนต์ประกาศชัดเจน ภัทรินอึ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว เธอเดินแหวกทุกคนเพื่อหนีออกไป
ภัทรินเดินจ้ำหนีออกมาด้านนอก
ปราณนต์ตามมาเรียก “ภัทริน”
ปราณนต์รีบตามมา ภัทรินหันกลับมาประกาศชัดเจน
“ชั้นจะไม่ทำงานกับคุณ”
“เธอต้องทำ เธอไม่มีทางเลือก”
“มี ชั้นเลือกที่จะกลับไปอยู่บนดอย ชั้นจะไม่ทนอยู่กับพวกแร้งพวกกาอย่างคุณและคนที่นี่อีกแล้ว”
อัณณาตามเข้ามายืนมองอยู่มุมหนึ่งโดยพยายามสงบความรู้สึกตัวเองเอาไว้
ปราณนต์ตามมาจับภัทรินเอาไว้ “ไม่อยากก็ต้องทน หรืออยากให้แม่เธอรู้ว่าเธอไม่ได้ลาออกจากงาน แต่ถูกไล่ออกเพราะโกง”
“คุณ”
“ความลับไม่มีในโลก คิดว่าสักวันแม่เธอจะไม่รู้เหรอ ทั้งเรื่องหนี้ เรื่องงานแต่งงาน ทุกเรื่องที่เธอปิดบังแม่เอาไว้ เธอคิดว่าแม่เธอจะรับได้ใช่มั้ย”
ภัทรินอึ้งไปเพราะเพิ่งจะฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมา
“แล้ว คุณรู้เรื่องชั้น กับแม่ด้วยเหรอ รู้ได้ยังไง หมอณนต์เล่าให้คุณฟังเหรอ! ไหนเขาบอกว่าเขาไม่ได้ติดต่อกับพวกคุณแล้ว แล้วทำไมคุณถึงรู้”
“รู้ได้ไงไม่สำคัญ ตอนนี้เธอมีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองแล้ว ถ้าไม่อยากมีประวัติเป็นคนขี้โกงไปจนตาย ก็มาช่วยชั้น”
ภัทรินสับสนและตัดสินใจไม่ถูก เธอก้าวถอยแล้วหันหน้าจะหนีออกไปแต่ก็ต้องชะงักเพราะจันทร์วิภาสวนเข้ามาในบริษัทพอดี จันทร์วิภาถือของฝากมามากมาย ทั้งคู่ดีใจที่ได้เจอกัน
“ยัยภัท”
“จันทร์วิภา”
สินธรกำลังตะคอกต่อว่าธนาฒน์
“ทั้งหมดเป็นแผนของไอ้ปราณ ที่ภัทรินแต่งงานกับณนต์ ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนการที่มันวางเอาไว้เพื่อจะจัดการชั้น”
“ธนาฒน์ เธอแน่ใจหรือเปล่าว่ากำจัดหลักฐานทุกอย่างหมดแล้ว” ชมนาดถาม
“แน่ใจสิครับคุณชมนาด” ธนาฒน์บอก
“ยัยภัทรินมันร้ายจริงๆ มันเอาเงินบริษัทไปตั้งสิบเจ็ดล้าน ยังมีหน้ากลับมาอีก” ชมนาดว่า
“เอ่อ ใช่ครับ ร้ายกาจที่สุด”
“เป้าหมายมันไม่ใช่การสืบเรื่องทุจริต แต่มันต้องการจะสืบหาคนที่สั่งให้คนไปลอบทำร้ายมันมากกว่า” สินธรบอก
ธนาฒน์ร้อนตัว “เราจะให้มันสืบเรื่องทุจริตไม่ได้เหมือนกันนะครับ”
ชมนาดหันขวับ “ทำไม”
ชมนาดจ้องด้วยสายตาคมกริบ ธนาฒน์เก็บพิรุธไม่มิด
“ยัยภัทรินไม่ได้ทุจริตจริงๆ แต่เธอทำ ใช่มั้ย” ชมนาดถาม
ธนาฒน์ตอบเสียงอ่อย “ครับ”
ชมนาดตบหน้าธนาฒน์ทันทีดังเพี๊ยะ
“บอกแล้วไงว่าชั้นไม่ชอบรู้หลังจากเกิดเรื่องไปแล้ว”
“ผมขอโทษ ตอนนั้น ผมไม่กล้า ผมไม่รู้ว่าภัทรินจะฤทธิ์เยอะมากมายขนาดนี้ ผมก็แค่อยากมีเงินมากๆ เอาไว้ให้คนที่ผมรัก”
สินธรตามเข้ามากระชากคอเสื้อธนาฒน์แล้วชกเปรี้ยง
“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย!! ชั้นไม่น่าไว้ใจแกเลย”
ธนาฒน์คว่ำไปในสภาพปากแตก เขาคิดแค้น
“ธนาฒน์ เธอต้องไปจัดการเรื่องของเธอให้เรียบร้อย” ชมนาดสั่ง
ภัทรินกับจันทร์วิภาแยกมานั่งอีกด้านหนึ่งที่มุมคอฟฟี่ช็อปบริเวณบริษัท จันทร์วิภายื่นตะกร้าผลไม้
“ชั้นถูกส่งมาอบรมการใช้เครื่องตรวจความดันโลหิตรุ่นใหม่ที่นี่น่ะ ทีแรกว่าจะโทรบอกแกก่อน แต่พอทุกอย่างรีบๆก็เลยลืมไปหมด เอ้านี่ น้าภาฝากมาให้แกกับหมอณนต์” จันทร์วิภายื่นตะกร้าผลไม้ให้ภัทริน
“ขอบใจนะจันทร์ แต่แกไม่น่าแบกมาเลย พรุ่งนี้ชั้นก็กลับบ้านอยู่แล้ว”
“กลับบ้าน ทำไม”ภัทรินงง
ปราณนต์เข้ามาแทรก
“จะคุยอีกนานมั้ย”
ภัทรินหันมาจ้องปราณนต์ตาขวางอย่างไม่สบอารมณ์
“เราจะไปโรงพยาบาลกันแล้วนะคะ คุณภัทริน” อัณณาบอก
“ถ้าจะคุย ก็เชิญคุยตามสบาย ชั้นจะได้ไม่ต้องรอ” ปราณนต์ว่า
“ชั้นไปแท็กซี่เองได้ คิดว่าง้อ” ภัทรินบอก
“งั้นก็ดี”
พูดจบปราณนต์ก็เดินนำไป อัณณารีบตาม ภัทรินเบ้หน้าด้วยความหมั้นไส้สุดๆ
“แกมีปัญหาอะไรกับคุณปราณเหรอภัท แกเล่ามาให้ชั้นฟังให้ละเอียดเลย เร็ว”
ปราณนต์เดินนำมาที่รถ อัณณาตามประกบ
“คุณเป็นคนตามจันทร์วิภามาที่นี่ใช่มั้ยคะ คุณใจร้ายกับภัทริน แล้วก็ให้เพื่อนเขามาคอยปลอบ ภัทรินจะได้ไม่เตลิดมาก นี่คุณไม่อยากให้ภัทรินกลับไปอยู่ดอยมากขนาดนั้นเชียวเหรอคะ” อัณณาถาม
“ผมไม่อยากให้ภัทรินไป เพราะภัทรินคือคนที่จะช่วยเราเปิดโปงคนที่คิดร้ายกับผมและจีแอลเอสได้ ภัทรินถึงต้องอยู่ที่นี่” ปราณนต์บอก
“ถ้าเหตุผลเรื่องงานมันก็ใช่ แต่ที่อัณถาม คือเหตุผลส่วนตัวของณนต์ ณนต์ ดูแคร์คุณภัทมากรู้ตัวหรือเปล่า”
รถตู้แล่นมารอรับ ปราณนต์ไม่ตอบแต่เดินขึ้นไป อัณณาก้าวตามไป
อ่านต่อหน้าที่ 3
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภัทรินกำลังระบายความรู้สึกให้จันทร์วิภาฟัง
“ชั้นเกลียดเขา ชั้นไม่เคยเจอมนุษย์คนไหนเย็นชาใจร้ายได้เท่ากับคุณปราณอีกแล้ว อารมณ์เขายังกับพายุ บ้าคลั่ง ไม่มีความปรานีใดๆทั้งนั้น ตรงกันข้ามกับหมอณนต์ทุกอย่าง”
“แก ใจเย็นๆ นี่เพื่อน อย่าใส่อารมณ์มาก แล้วไง ที่แกจะกลับดอยผาหมอกก็เพราะคุณปราณใจร้ายกับแก”
“ไม่ใช่”
“อ้าว หรือเพราะหมอณนต์ความจำเสื่อม จำแกไม่ได้ แกเลยจะทิ้งเขา”
“ไม่ใช่ แต่ เป็นเพราะ หมอณนต์ไม่ได้ต้องการชั้น ชั้นจะอยู่หรือไป เขาก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะคนๆเดียวที่เขารักและอยากให้อยุ่ด้วยคือคุณอัณณา ผู้หญิงที่เดินตามคุณปราณไปตะกี้ นั่นแหละ”
“อ้าว ถ้าหมอณนต์รักคุณอัณณา แล้วมาแต่งงานกับแกทำไม”
“เพราะเขาไม่อยากถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แล้วมันก็พอดีกับชั้นต้องหาเงินมาใช้หนี้จีแอลเอส เขาก็เลยเสนอให้แต่งงานกับเขา เราจะได้วินวินทั้งคู่”
“อ้าว สรุปว่าแกกับหมอณนต์ไม่ได้แต่งงานเพราะรัก” จันทร์วิภางง
“แกอย่าให้แม่ชั้นรู้เรื่องนี้เชียวนะจันทร์” ภัทรินกำชับ
“อ้าว ในเมื่อแกแต่งงานกันปลอมๆ แล้วแกจะมาเสียใจอะไร หรือว่า แกรักหมอณนต์เข้าแล้วจริงๆ”
ภัทรินอึ้งและเก็บอาการไม่อยู่ “เอ่อ”
“ใช่จริงๆด้วย แกรักหมอณนต์”
ภัทรินรีบปฏิเสธ “ชั้นไม่ได้รัก”
“อย่าโกหก ชั้นดูออก แกรักหมอณนต์”
“เออ ชั้นรักเขา แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเขาลืมชั้นไปหมดแล้ว สิ่งที่เขาจำได้อย่างเดียวคือคุณอัณณา”
ภัทรินโพล่งออกมาด้วยความเสียใจ จันทร์วิภาชะงักเพราะเห็นใจเพื่อนจึงจับบ่าเพื่อปลอบใจ
อัณณาเหลือบมองปราณนต์ที่นั่งอยู่ในรถเป็นระยะๆ
“กำลังคิดเรื่องคุณภัทอยู่ใช่มั้ยคะ”
“เปล่า” ปราณนต์ปฏิเสธ
“กังวลเรื่องอะไรอยู่ ให้อัณช่วยคิดมั้ยคะ”
ปราณนต์ชั่งใจก่อนจะยอมเผย “ผมกำลังคิดว่า ถ้าภัทรินมาช่วยงานผม เขาจะมีอันตรายหรือเปล่า”
“มีแน่ค่ะ คุณเองก็ด้วย อัณก็ด้วย เราต้องระวังตัวกันให้มาก แต่ที่อัณห่วงตอนนี้คือ คุณจะเป็นคนทำทุกอย่างพังด้วยตัวคุณเอง”
“ผมจะทำอะไร”
“คุณจะเผลอตัว จนถูกภัทรินจับได้ว่าคุณไม่ใช่ปราณ แต่เป็นหมอณนต์ที่มาสวมรอย คนอย่างภัทริน โวยวายแน่ค่ะ แล้วถ้ากรรมการบริษัททราบว่าถูกคุณหลอกอยู่ตั้งนาน คงได้แตกหักแน่ค่ะ”
“แสดงว่าผมต้องปิดบังความจริงกับภัทรินจนกว่าทุกอย่างจะลงเอย”
อัณณาหยิบกล่องแหวนออกมายื่นตรงหน้าปราณนต์
“แค่คุณสวมแหวน ทุกอย่างจะดีขึ้น ภาพลักษณ์คุณจะดีขึ้น ภัทรินจะเชื่อสนิทใจว่าคุณคือปราณ”
“อัณ ผมยังไม่อยากคุยเรื่องนี้ตอนนี้”
“แล้วอยากจะคุยตอนไหนล่ะคะ”
“ตอนไหนก็ตอนนั้น” ปราณนต์ว่า
“ถ้าไม่อยากคุยเรื่องนี้อีกเลย ก็บอกมาเถอะค่ะ”
“อัณ”
“คุณรักภัทรินใช่มั้ย” อัณณาถาม
ปราณนต์อึ้งเพราะรู้สึกเหมือนโดนหมัดฮุค เขาตอบไม่ถูกและไปไม่เป็น
อัณณาพูดต่อ “คุณรู้สึกผิดที่จะต้องสวมแหวนซ้อนลงไปในนิ้วที่เคยมีแหวนแต่งงานของคุณกับภัทรินอยู่ใช่มั้ยคะ”
ปราณนต์หันหน้าหนีแล้วนั่งนิ่งไม่ตอบคำถาม อัณณาไม่พอใจกับท่าทีของปราณนต์
จันทร์วิภาเดินออกมาส่งภัทริน
“ชั้นไปกับแกไม่ได้นะภัท ชั้นต้องไปเข้าอบรมแล้ว” จันทร์วิภาบอก
“ไม่เป็นไรหรอก แกไปเถอะ ชั้นเดินไปเรียกแท็กซี่เองได้ แต่แล้วเสร็จธุระโทรหากันด้วยนะจันทร์” ภัทรินบอก
“โอเคๆ ไปก่อนนะ”
จันทร์วิภาหันหลังแล้วเดินแยกไป พอพ้นเหลี่ยมมุมจันทร์วิภาก็ผลุบหลบไปแล้วค่อยๆโผล่หน้ามาสังเกตการณ์
จันทร์วิภาพิมพ์ไลน์ในมือถือ “ภัทรินกำลังจะขึ้นแท็กซี่ไปแล้วค่ะ”
ภัทรินชะเง้อรอแท็กซี่แล้วตัดสินใจจะเดินออกไปเรียกด้านนอก แต่อยู่ๆ ก็มีรถตู้ผู้บริหารอีกคันแล่นมาจอดตรงหน้า ภัทรินงงว่ารถใคร สักพักคนขับรถก็เดินลงมาเปิดประตูเชิญภัทริน
“คุณปราณให้ผมมารับคุณไปโรงพยาบาลครับ” คนขับรถบอก
“เชอะ ทำเป็นมีน้ำใจ” ภัทรินว่า
จันทร์วิภาแปลกใจ
“อ้าว คุณปราณให้คนเอารถมารับเหรอ”
คนขับเชิญภัทรินให้ขึ้นรถ
“เชิญครับ”
ภัทรินก้าวขึ้นไปในรถ แต่แล้วก็พบว่าธนาฒน์นั่งรออยู่ในรถก่อนแล้ว
ภัทรินตกใจ “ธนาฒน์”
ภัทรินจะออกไป คนขับรถปิดประตู ธนาฒน์ดึงตัวภัทรินไว้
“จะไปเยี่ยมหมอณนต์ใช่มั้ย เดี๋ยวผมไปส่ง ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณด้วยนิดนึง”
“ชั้นไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
คนขับรีบขับรถออกไป
จันทร์วิภาที่แอบมองอยู่เห็นภัทรินมีท่าทางดิ้นรนเหมือนไม่เต็มใจที่จะอยู่ในรถ จันทร์วิภาแปลกใจแล้วจะวิ่งออกไปตาม แต่ก็ไม่ทันเพราะรถตู้ออกไปก่อน
“ยัยภัท”
พยาบาลเดินนำปราณนต์กับอัณณามาที่บริเวณสวนหย่อม พยาบาลกำลังเข็นรถพาปราณออกมาพักผ่อนหย่อนใจ ปราณนต์จะเข้าไปแต่อัณณาชะงัก
“อัณขอรอด้านนอกดีกว่า เดี๋ยวปราณเห็นหน้าอัณ จะอาละวาดหรือไม่ก็งอแงจะให้อัณอยู่เฝ้าไข้ ไม่ได้ทำงานพอดี”
“งั้นยืนรอตรงนี้”
อัณณาพยักหน้าตกลง ปราณนต์จึงเดินเข้าไปหาปราณคนเดียว
ภัทรินนั่งชิดมุมด้านในสุดของรถด้วยท่าทางหวาดระแวง ป้องกันตัว ในขณะที่ธนาฒน์นั่งสบายๆ
“จะคุยอะไรกับชั้นก็คุยมา แล้วก็ปล่อยชั้นลง”
“เดี๋ยวสิ รอแป๊บนึง ให้ถึงที่ก่อน เดี๋ยวคุย”
“ถึงที่ไหน จะพาชั้นไปไหน”
ธนาฒน์ไม่ตอบ
“ธนาฒน์” ภัทรินไม่พอใจ
ภัทรินระแวง หวาดกลัว เพราะไม่รู้ชะตากรรม
ปราณกำลังชื่มชมดอกไม้อยู่ ปราณนต์เข้ามายืนด้านหลัง
“พี่ปราณ”
พยาบาลหันมาเห็นปราณนต์ก็ผละออกไป
“อัณณาล่ะ” ปราณเอ่ยถาม
“โห น้องชายมาหา ทักทายกันหน่อยก่อนสิครับ แล้วจะถามถึงใครก็ค่อยถาม เล่นถามหาผู้หญิงตั้งแต่ประโยคแรก ระวังเค้าจะหาว่าพี่บ้ากามนะครับ”
“อัณณาอยู่ไหน”
“เห้อ พี่ชายผมท่าจะขาดความอบอุ่น มาๆๆ หอมทีนึง” ปราณนต์โผเข้าไปกอด
“เอ้ย ออกไป นายมาทำไม” ปราณว่า
“ผมมีเรื่องอยากขอให้พี่ช่วยหน่อย เวลาภัทรินมาเยี่ยม พี่ช่วยพูดดีทำดีกับภัทรินบ้างได้มั้ย อย่าไปดุด่าเขามาก สงสารเค้า”
“ไม่ ชั้นจะไม่ดีกับผู้หญิงคนนั้น ชั้นไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมาดูแล”
“แต่เราสลับบทบาทกันอยู่นะพี่ปราณ ภัทรินก็ต้องอยู่ดูแลพี่ ส่วนอัณณาก็ต้องไปช่วยผมทำงาน มันถึงจะแนบเนียน”
“ไม่ ชั้นไม่ให้อัณณาใกล้ชิดสนิทสนมกับนาย”
“ผมรู้ว่าพี่ห่วงอะไร พี่ปราณ พี่ต้องเชื่อใจผม ผมรู้ว่าพี่รักอัณณามาก ผมจะไม่มีวันแย่งคนรักของพี่เด็ดขาด ผมอยากให้พี่มีความสุขจริงๆนะ แต่ที่ผมมาขอร้องพี่ เพราะผมอยากให้เรื่องทุกอย่างมันกลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด ถ้าผมจัดการแก้ปัญหาของบริษัทเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ เราก็ไม่ต้องปลอมตัวเป็นกันและกันอย่างนี้ พี่ก็จะได้เป็นปราณ ปุณณเวช คนเดิม ที่มีผู้ช่วยคนเก่งอย่างอัณณา ส่วนผมก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตเป็นหมอณนต์บนป่าบนเขาในแบบของผม”
“นายพูดจริงเหรอ”
“จริงสิ แต่ถ้าพี่ไม่ให้ความร่วมมือ ทุกอย่างมันก็ยิ่งช้าออกไป มันก็จะเป็นยังงี้ไปเรื่อยๆ..นะครับพี่ปราณ ดีกับภัทรินหน่อย”
ปราณครุ่นคิดตามแล้วก็ยอมอ่อนข้อลง
“ก็ได้ งั้นนายจะรีบไปแก้ปัญหาอะไรก็ไปเลย”
“ครับ แต่ผมมีอีกเรื่องจะต้องขออนุญาตพี่ก่อน”
ปราณฉงนว่าเรื่องอะไร
ปราณนต์เข็นรถเข็นปราณมาหาอัณณาที่นั่งหลบมุมอยู่บริเวณนั้น
“อัณณา คุณมาแอบตรงนี้ทำไม” ปราณถาม
“เอ่อ คือ” อัณณาอึกอัก
“คุณไม่อยากเจอหน้าผม”
“ไม่ใช่” อัณณาบอก
ปราณพูด “ใช่”
ปราณนต์รีบเบรกปราณ “เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งคิดไปเอง ฟังก่อนสิครับพี่ ที่อัณณามาหลบตรงนี้ มันเกี่ยวกับเรื่องที่ผมจะขออนุญาตพี่นี่แหละ พ่ออยากให้พี่กับอัณณาหมั้นกันไว้..พี่ยินดีมั้ย”
ปราณอึ้งเพราะคาดไม่ถึงว่าปราณนต์จะพูดออกมา
“หมั้น”
อัณณาเองก็อึ้งเพราะไม่คิดว่าปราณนต์จะพูดต่อหน้าปราณ “ณนต์..”
“เอาแหวนออกมาสิอัณ” ปราณนต์บอก
“เรื่องจริงหรือล้อเล่น” ปราณถาม
“จริง แต่มีเงื่อนไข เพราะผมจะต้องสวมแหวนหมั้นนี้แทนพี่ และผมก็จะต้องแสดงบทบาทเป็นคู่หมั้นของอัณณาแทนพี่ด้วย” ปราณนต์บอก
“ชั้นมีหน้าที่แค่อนุญาต แต่คนที่หมั้นคือนายกับอัณณา มันก็เท่ากับนายคือคนหมั้น ไม่ใช่ชั้น” ปราณชักฉุน “อ๋อ อย่างนี้ก็สมใจคุณเลยสิอัณณา คุณอยากให้มันเป็นอย่างนี้ใจจะขาดเลยใช่มั้ย”
อัณณาอึ้ง
“พี่ปราณ” ปราณนต์อึ้ง
“ชั้นขอคุยสองคนกับอัณณาได้มั้ย” ปราณบอก
ปราณนต์ชะงักและอึกอัก ปราณจ้องอัณณาอย่างแน่วแน่คล้ายอยากจะถามให้ชัดเจน
“ก็ได้ งั้น ตามสบาย” ปราณนต์บอก
ปราณนต์เดินแยกออกไปทำให้เหลือแค่อัณณากับปราณที่เผชิญกัน
รถของธนาฒน์จอดที่หน้าโรงแรม ธนาฒน์ดึงตัวภัทรินลงมา
“พาชั้นมาโรงแรมทำไม” ภัทรินถาม
ธนาฒน์ย้อนถาม “คิดว่าทำไมล่ะ”
ภัทรินจะถอยหนี แต่ธนาฒน์คว้ามือเธอเอาไว้
“ผมจองโต๊ะอาหารไว้ มีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ชั้นไม่คุย จะปล่อยหรือจะให้ชั้นโวยวาย”
“ผมมีความจริงบางอย่างเกี่ยวกับฝาแฝดปราณและปราณนต์จะบอกคุณ ไม่อยากรู้เหรอ”
“ไม่” ภัทรินดึงตัวออกเพื่อจะไป
“พวกเขากำลังหลอกคุณอยู่”
ภัทรินชะงักแล้วหันมาเพราะอยากรู้ ธนาฒน์ยิ้มพร้อมกับทำท่าเชิญภัทรินเข้าไปคุยกันดีๆ
ปราณนต์เดินแยกออกมายืนรออีกด้าน แต่แล้วมือถือของเขาก็ดังขึ้น
“ว่ายังไงจันทร์”
จันทร์วิภาพูดสายจากหน้าบริษัทจีแอลเอส
“คุณหมอณนต์ คุณหมอมีส่งคนมารับยัยภัทหรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้ส่ง ทำไม มีเรื่องอะไร”
“ว่าแล้ว คือ มีคนเอารถตู้มาพาตัวยัยภัทไปค่ะ อย่าถามค่ะว่าใคร พาไปไหน จันทร์ไม่ทราบค่ะ”
ปราณนต์เป็นห่วงภัทรินขึ้นมาทันที
พนักงานกำลังรินเครื่องดื่มเพื่อบริการ ภัทรินนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับธนาฒน์ในท่าทางคอตั้ง หลังตรง
“มีอะไรก็พูดมา” ภัทรินว่า
“ดื่มก่อนสิ ไวน์ฝรั่งเศสอย่างที่ภัทชอบไง” ธนาฒน์ยกแก้วรอชน
ภัทรินนั่งนิ่ง “ชั้นไม่ได้มาทานกลางวัน ชั้นแค่อยากรู้ว่าคุณมีเรื่องอะไรจะบอก”
ธนาฒน์ยกไวน์ขึ้นจิบ “โธ่ ภัท รีแล็กซ์น่า ผมรู้ว่าภัทคงไม่ได้เข้าร้านอย่างนี้มานานแล้ว ไม่คิดถึงชีวิตหรูหราแบบเดิมบ้างเหรอ”
“ฝาแฝดปราณกับปราณนต์หลอกอะไรชั้น”
“หมดแก้วนี้แล้วผมบอก โอเค๊”
ธนาฒน์ชูแก้วไวน์รอ ภัทรนฮึดฮัดแล้วยกมาดื่มอย่างเสียไม่ได้ เธอดื่มจนหมดแก้ว
“ถ้าไม่พูด ก็ไม่ต้องพูด”
ภัทรินลุกขึ้นแบบพร้อมจะกลับ เธอจ้องหน้าธนาฒน์แบบให้โอกาสสุดท้าย
“หมอณนต์ไม่ได้แต่งงานกับคุณเพราะรัก ทุกอย่างมันก็แค่เกมการเมืองในองค์กรเท่านั้น” ธนาฒน์ว่า
ภัทรินอึ้ง
ปราณนั่งอยู่ในรถเข็น อัณณาเดินตามมาโดยยังถือแหวนหมั้นเอาไว้
“คุณคิดจะบอกผมหรือเปล่า” ปราณถาม
“ปราณ เรื่องนี้คุณก็ทราบอยู่แล้ว” อัณณาบอก
“แปลว่าคุณตั้งใจจะให้น้องชายผมสวมแหวนหมั้นแทน โดยไม่คิดจะบอกผมสักคำ”
“ถ้าอัณบอก แล้วจะเป็นยังไง คุณก็จะโวยวาย แล้วก็ทำให้ทุกอย่างยากไปกว่าเดิม หรือไม่จริง ปราณ เราก็แค่สวมแหวนเพื่อตบตาคน ไม่ได้จริงจัง ไม่จำเป็นต้องมีพิธีอะไร”
“แล้วคุณเต็มใจที่จะหมั้นกับผมหรือเปล่า”
“อัณรับปากกับคุณลุงไว้แล้ว”
“ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกหมั้นกับผมหรือปราณนต์”
“คุณลุงพสุวัฒน์มีพระคุณกับอัณและแม่มาก อะไรที่ท่านเลือกแล้วว่าดี อัณก็เชื่อว่าดี อะไรที่ท่านอยากให้อัณทำ อัณก็จะทำ”
“ทำทั้งๆที่ไม่ได้อยากทำงั้นเหรอ แล้วคุณจะมีความสุขเหรอ” ปราณฮึดฮัด “แล้วผมจะรักกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าที่คุณมองผม อยู่กับผม เพราะผมคือปราณ ไม่ใช่ปราณนต์ ผมไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร”
อัณณานิ่งอย่างจนใจจะปฏิเสธ ปราณตั้งสติโดยพยายามจะไม่โวยวาย
“อัณก็ไม่อยากรู้สึกอย่างนี้ แต่อัณทำไม่ได้ ปราณก็น่าจะเข้าใจว่าการเลิกรักใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ปราณนต์แต่งงานแล้วนะ” ปราณย้ำ
“มันเป็นแค่การแต่งงานบังหน้า ณนต์แค่ใช้ภัทรินเป็นเครื่องมือสืบเรื่องทุจริตที่เกิดขึ้นในบริษัท”
“อ้อ เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย คุณถึงไม่ตัดใจ เพราะคุณยังคิดอยู่ตลอดเวลาว่าณนต์ไม่ได้รักภัทริน แต่เขายังรักคุณอยู่ ขอแหวนให้ผม”
“หือ”
อัณณาแปลกใจ ปราณเอื้อมมือไปขอแหวน อัณณาจึงยื่นแหวนให้
ปราณมองแหวนแล้วก็ตัดใจอย่างจำยอม “ถ้าคุณเชื่อว่าณนต์รักคุณ ผมก็จะไม่ขัดขวางคุณอีก” ปราณค่อยๆสวมแหวนให้อัณณา “ผมจะไม่ทำให้คุณรู้สึกทรมานใจไปมากกว่านี้” ปราณนต์จับมืออัณณามา วางแหวนอีกวงบนมือให้อัณณาแล้วกำไว้ “อ้ะ เอาไปให้ณนต์ แล้วต่อไป คุณไม่ต้องมาดูแลผมอีก ให้ภัทรินมาแทน”
“ปราณ”
“คุณพูดถูก..เลิกรัก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การทำให้คนที่รักมีความสุข ก็ไม่ยาก..ผมก็อยากเห็นคุณมีความสุขนะอัณณา”
อัณณากุมมือตอบด้วยความซึ้งใจจนน้ำตาซึม “ขอบใจนะปราณ ขอบใจจริงๆ”
อัณณาโผเข้ากอดปราณ
ปราณพยายามปลอบ “เอ้า ร้องไห้ทำไม ปกติออกจะดุ ตัวปลอมหรือเปล่าเนี่ย ไหนดูเหม่งสิ เหม่งจริงนี่นา”
“บ้า ไม่ได้เหม่งซะหน่อย”
อัณณากับปราณหัวเราะให้กันด้วยความรู้สึกดีๆ ด้วยมิตรภาพ และความอบอุ่น
“ขอบใจนะ”
อัณณายิ้มออก ปราณแค่นยิ้มรับไป
อัณณาเดินแยกมาอีกด้านแต่ไม่พบปราณนต์แล้ว เธอมองหาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอ พยาบาลคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี
“ขอโทษนะคะ เห็นคุณปราณมั้ยคะ” อัณณาถาม
“อ๋อ เห็นรีบร้อนออกไปแล้วค่ะ”
พยาบาลตอบแล้วเดินแยกไป อัณณาอึ้ง เหวอ เพราะไม่เข้าใจ
“รีบไปไหน ทำไมไม่รอกันเลย”
อัณณารีบเดินตามออกไป
ปราณเลื่อนรถเข็นตามมามองตามด้วยสีหน้าสลดและรู้สึกโดดเดี่ยว
ปราณนต์ที่ขับรถอยู่กดโทรศัพท์โทรออกแล้วรอสาย
พอมีคนรับสาย ปราณนต์ก็ถาม “เธออยู่กับธนาฒน์ใช่มั้ย”
ภัทรินที่นั่งอยู่กับธนาฒน์พูดสาย
“คะ คุณรู้ด้วยเหรอ”
“ไม่ต้องถาม ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกมา ชั้นจะไปหา” ปราณนต์บอก
“ขอโทษนะคะ ชั้นอายุเกินยี่สิบปี บรรลุนิติภาวะแล้ว จะทำอะไรไม่จำเป็นต้องรายงานผู้ปกครอง และคุณก็ไม่ใช่ด้วย สวัสดี” ภัทรินกดตัดสายทันที
ปราณนต์เครียด หงุดหงิด และเป็นห่วง
“เดี๋ยว ฮัลโหล ภัทริน โธ่”
ภัทรินอยากรู้ในสิ่งที่ธนาฒน์พูด
“คุณปราณเหรอครับ”
ภัทรินตาขวาง “เป็นผู้ปกครองชั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
ธนาฒน์ยิ้ม “โอเค ไม่ยุ่ง แต่ผมอยากให้ภัทเชื่อผม และอย่าเสียรู้ให้กับฝาแฝดปราณปราณนต์”
ภัทรินยิ้มเยาะ “เสียรู้ นี่ คุณกล้าพูดอีกเหรอธนาฒน์ ถ้าจะมีใครที่ใช้ชั้นเป็นเหยื่อการเมืองในบริษัท ก็มีแต่คุณนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะคุณเหรอ ชั้นถึงต้องเป็นอย่างนี้”
“ผมไม่มีทางเลือก ทุกอย่างเป็นการวางแผนจากผู้มีอำนาจในบริษัท ผมก็ถูกบีบบังคับให้ต้องทำ บริษัทจีแอลเอสไม่ได้สวยหรูเหมือนภาพที่คนภายนอกเห็น ข้างในมันเต็มไปด้วยการเมือง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฟาดฟันกัน ทำทุกวิถีทางที่จะเขี่ยศัตรูที่ขัดแข้งขัดขาทิ้ง”
“คุณก็กำลังทำอย่างที่พูดอยู่ด้วยใช่มั้ย อย่ามาเฟคว่าหวังดีเลย ทุเรศ”
“ภัทคิดว่าการที่ได้แต่งงานกับปราณนต์เป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ โกงเงินพี่ชาย แล้วน้องชายฝาแฝดก็มาแต่งงานด้วย โลกมันกลมและสวยงามขนาดนั้นจริงๆเหรอ ภัทเองก็น่าจะรู้ว่าองค์กรระดับนี้ การแข่งขันดุเดือดเลือดพล่านแค่ไหน อยู่บนความจริงหน่อยเถอะ”
ภัทรินอึ้งไปเพราะชักจะเห็นด้วย แต่ก็ไม่อยากยอมรับ เธอหันหนีแล้วจะเดินไป
ธนาฒน์ดึงตัวภัทรินไว้ “แค่หมอณนต์โคจรมาแต่งงานกับภัทได้ ผมก็ว่ามหัศจรรย์แล้ว นี่ภัทยังจะมาทำงานกับคุณปราณอีก ลองคิดเอาเองแล้วกันว่าผมควรจะนิยามปรากฏการณ์นี้ว่าอะไร”
ภัทรินอึกอักและสับสน เธอหันมาดุ “จะเรียกอะไรก็เรื่องของคุณ”
ธนาฒน์ดึงตัวภัทรินเอาไว้ ภัทรินดิ้น “อย่าหน่อมแน้มน่ะภัท คนที่จะบริหารองค์กรระดับยักษ์ใหญ่อย่างจีแอลเอสได้ ไม่มีธรรมดา คนซื่อตรง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ซิกแซก คิดว่าจะอยู่รอดเหรอ คุณปราณไม่เคยทำอะไรอย่างซื่อตรง ทุกอย่างมีฮิดเด้นอะเจนด้าซ่อนอยู่ ดีไม่ดี ที่เขาให้ภัทมาทำงานด้วย เพราะจะได้ใช้โอกาสนี้ล้างผิดให้ตัวเอง แล้วให้ภัทรับกรรมทุกอย่างไปคนเดียว เชื่อผม ถอนตัวแล้วกลับขึ้นดอยไปซะ”
ภัทรินดิ้นแล้วผลักธนาฒน์ออก ธนาฒน์จะตามมาจับตัวไว้อีก แต่ภัทรินไวกว่าจึงคว้าแก้วไวน์สาดใส่ธนาฒน์ทันที ธนาฒน์ผงะ
“ไม่ต้องมาพูดให้ชั้นเสียขวัญ คุณไม่อยากให้ชั้นร่วมมือกับคุณปราณเพราะคุณรู้ว่าชั้นจะขุดคุ้ยความจริงจนเจอ ว่าคนที่ยักยอกเงินบริษัทตัวจริงคือคุณ” ภัทรินว่า
“ภัท ผมเห็นคุณตกต่ำมากแล้ว ไม่อยากให้ต่ำไปกว่านี้อีก ถึงได้มาเตือน ถ้าคุณไม่เชื่อ สุดท้าย ภัทจะไม่ใช่แค่ไม่เหลืออะไรเลย แต่ชีวิตของภัทจะต้องไปจบลงที่..คุก” ธนาฒน์บอก
“คุณต่างหากที่ต้องไปจบที่คุก”
ภัทรินพูดท้าทายอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ แล้วก็เดินออกไป
ธนาฒน์ฉุนและหงุดหงิด
ปราณนต์เดินพุ่งเข้ามาในบริษัท พวกพนักงานรีบแหวกกระเจิง ปราณนต์ตรงไปที่ห้องทำงานสินธรแล้วจะบุกเข้าไป แต่ชมนาดรีบปรี่มาขวางเอาไว้
“คุณสินธรมีแขกอยู่ค่ะ” ชมนาดบอก
“ธนาฒน์อยู่ไหน” ปราณนต์ถามเสียงเข้ม
“เอ่อ มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“ธนาฒน์พาภัทรินไปไหน พวกคุณคิดจะทำอะไร”
“คะ คุณพูดเรื่องอะไร ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
“พวกคุณทำงานด้วยกันจะไม่ทราบได้ยังไง ธนาฒน์เป็นคนของอาสินธร บอสคุณ มีเหรอที่จะทำอะไรโดยที่พวกคุณไม่รู้เรื่อง”
อยู่ๆเสียงสินธรก็ดังขึ้น
“มีสิ เยอะแยะไปที่ธนาฒน์ไม่ได้บอกอา”
ปราณนต์หันไปเห็นสินธรเดินออกจากห้องทำงาน โดยมีแขกผู้ใหญ่ท่านนึงออกมาด้วยและเดินแยกไปอีกทาง
“ธนาฒน์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ไปไหน ไปทำอะไร ไม่ได้แจ้งไว้ คุณชมนาดไม่ทราบ อาก็ไม่ทราบ หลานคงไม่คิดว่าอาโกหกหรอกนะ” สินธรว่า
ปราณนต์อึ้งและฮึดฮัด
อ่านต่อหน้าที่ 4
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 7
ปราณนต์เดินออกมาที่หน้าห้องทำงาน พอมาถึงเขาก็สั่งพนักงานทันที
“โทรตามธนาฒน์ให้ผมเดี๋ยวนี้ ส่วนคุณ โทรหาภัทริน เบอร์นี้” ปราณนต์ยื่นมือถือให้ “โทรจนกว่าจะติด” พวกพนักงานมองอย่างงงๆ เพราะไม่เคยเห็นปราณมีอาการยังนี้ ปราณนต์ต้องสั่งซ้ำ “โทร”
ปราณนต์ฮึดฮัดด้วยความเป็นห่วงภัทริน อัณณากลับเข้ามา
“คุณปราณ มีเรื่องอะไรเหรอ ทำไมถึงไปไม่บอกอัณสักคำ”
“ภัทรินหายไปกับธนาฒน์” ปราณนต์บอก
อัณณาตกใจ “หา”
“ถ้ามันทำอะไรภัทริน ผมไม่เอาไว้แน่”
แล้วปราณนต์ก็ต้องชะงักเพราะเห็นธนาฒน์กำลังเดินกลับเข้ามาแต่ไกล ปราณนต์ผละจากทุกอย่าง เดินตรงดิ่งเข้าไปหาธนาฒน์ทันที
“ภัทรินอยู่ไหน”
ธนาฒน์ทำหน้างง “หา อะไรเหรอครับ”
ปราณนต์กระชากคอเสื้อธนาฒน์ “ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อ ชั้นรู้ว่านายเอาตัวภัทรินไป”
ธนาฒน์ชะงักแล้วยิ้มกวนประสาท “เป็นห่วงน้องสะใภ้เหรอครับ อื้ม ผมอยากจะตอบนะครับ แต่ภัทรินบอกว่าคุณไม่ใช่ผู้ปกครองเขาซะหน่อย หึๆ”
“ไอ้ธนาฒน์”
ปราณนต์เหวี่ยงธนาฒน์ออกแล้วชกเปรี้ยงทันที ธนาฒน์ล้มคว่ำไปต่อหน้าต่อตาผู้คน พวกพนักงานในบริเวณนั้นตกใจ พนักงานหญิงรีบถ่ายคลิปเอาไว้
ปราณนต์ตามไปดึงธนาฒน์มา “ชั้นถามแกอีกที ภัทรินอยู่ไหน”
ธนาฒน์เหลือบเห็นว่ามีคนกำลังถ่ายคลิปอยู่ก็ยิ้ม กวน แล้วยั่วให้ชก “ถ้าผมไม่ตอบ จะชกอีกเหรอครับ”
ปราณนต์เงื้อหมัด “แก”
ปราณนต์จะชกอีก แต่อัณณารีบเข้ามาห้ามแล้วดึงหมัดปราณนต์เอาไว้
“หยุดบ้าได้แล้วปราณ พอ อายพนักงานบ้าง” อัณณาหันไปดุพนักงานที่ถ่ายคลิป “หยุดถ่ายได้แล้ว”
สินธรกับชมนาดวิ่งตามออกมา
“นี่มันอะไรปราณ ถึงกับต้องชกต่อยกันเลยเหรอ” สินธรว่า
ปราณนต์ฮึดฮัดแต่ไม่ตอบ สักพักมือถือของปราณนต์ก็ดังขึ้น
ปราณนต์รับสาย “ครับ อะไรนะ”
ปราณนต์รีบร้อนเดินออกไปทันที
“เดี๋ยว ปราณ” อัณณาเรียกไว้
อัณณารีบตามไป ธนาฒน์ยิ้มสะใจ ชมนาดกับสินธรข้องใจพฤติกรรมของปราณนต์
ปราณนต์รีบเดินออกมาด้านนอกพร้อมกับโทรศัพท์สั่งคนขับรถ
“ชั้นมาถึงแล้ว เอารถมาเลย”
อัณณาวิ่งตามปราณนต์ออกมา
“เดี๋ยวก่อน จะไปไหน” อัณณาถาม
“ผมจะไปโรงพยาบาล ภัทรินอยู่ที่นั่น”
“คุณจะไปได้ยังไง แล้วงานที่นี่ล่ะ”
“ฝากคุณเคลียร์ให้ด้วยแล้วกัน”
รถมาพอดี ปราณนต์รีบขึ้นรถไปทันที อัณณาอยากตามไปแต่ก็ได้แต่ยืนมองอย่างขัดใจและน้อยใจ
ธนาฒน์เดินกุมปากเข้ามาในห้อง
“บ้าเอ๊ย ถ้าหน้าเบี้ยวขึ้นมานะ จะเอาคืนให้หนักเลย”
“แล้วเธอพาภัทรินไปไหนมา” ชมนาดถาม
“ผมก็พาภัทรินไปเจรจาให้ยอมกลับขึ้นดอยไปน่ะสิครับ หรือจะให้ภัทรินอยู่ที่นี่ลากไส้พวกเราออกมาประจาน”
“แล้วเจรจาสำเร็จมั้ย”
“ก็..”
“ไม่สำเร็จ แกไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง ไม่รู้คุณชมเห็นอะไรในตัวแกถึงได้เชียร์ให้ชั้นปั้นแกเป็นหุ่นเชิด แต่ถ้าผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างนี้ ชั้นจะไว้ใจแกได้อีกเหรอ”
ธนาฒน์หงุดหงิด ไม่พอใจ ชมนาดรีบตัดบท
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลยค่ะคุณสินธร ภัทรินได้เป็นสะใภ้ของจีแอลเอสนะคะ ไม่มีทางยอมทิ้งความสบายแล้วกลับไปอยู่บนดอยง่ายๆหรอกค่ะ”
“งั้นเราควรจะทำยังไงดีคุณชม”
“ชมก็ยังไม่ทราบ แต่ เมื่อสักครู่ คุณสังเกตอาการคุณปราณมั้ยคะ คุณปราณดูเป็นห่วงเป็นใยภัทรินมาก”
“ก็ภัทรินเป็นน้องสะใภ้ของเขา”
“มันไม่ใช่อาการคนที่ห่วงน้องสะใภ้เลยค่ะ คุณปราณดูกังวลมาก อาการคล้ายสติแตก ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ถึงกับชกธนาฒน์ เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน”
“คุณชมกำลังคิดว่า คุณปราณกับภัทริน”
“หรือเธอคิดว่าเป็นอย่างอื่นได้เหรอ”
ชมนาดสงสัย
ภัทรินนั่งรออยู่ที่บริเวณรับรองของโรงพยาบาลด้วยสีหน้าหงุดหงิดเพราะนั่งรอมานานแล้ว
“ภรรยาจะเยี่ยมไข้สามี ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์ ทำไมต้องขออนุญาตใครต่อใครก็ไม่รู้ด้วย ให้ชั้นเข้าไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นชั้นจะฟ้องร้องเอาเรื่องโรงพยาบาลคุณแน่”
“คุณปราณบอกให้คุณรอก่อน ให้เข้าไปไม่ได้จริงๆค่ะ” พยาบาลบอก
ปราณนต์เดินเข้ามาแต่ไกล
“ภัทริน เธอไปไหนกับธนาฒน์มา มันทำอะไรพูดอะไรกับเธอ บอกชั้นมา” ปราณนต์ถาม
ภัทรินไม่สนใจแต่บอกพยาบาล “เขามาแล้ว เข้าไปได้แล้วใช่มั้ยคะ” ภัทรินจะเข้าไป
ปราณนต์คว้ามือภัทริน “ตอบชั้นก่อน”
“ทำไมชั้นจะต้องบอก”
“เธอต้องตอบ เพราะชั้นคือเจ้านายเธอ”
“ชั้นบอกแล้วเหรอว่าจะทำงานกับคุณ มโนเพ้อเจ้อไปเองคนเดียว พาชั้นเข้าไปหาหมอณนต์เดี๋ยวนี้”
ปราณนต์ฉุนจึงไม่ตอบ เขาคว้ามือภัทรินแล้วลากออกไป
“เฮ้ย คุณปราณ ชั้นจะไปหาหมอณนต์”
ปราณนต์ลากภัทรินออกมาอีกด้าน
“ปล่อยชั้นนะคุณปราณ”
“ไปไหนกับธนาฒน์มา” ปราณนต์พูดดักคออย่างชัดเจน “ชั้นจะให้เธอตอบคำถามชั้นอีกที แต่ถ้าเธอยังอวดดีไม่เลิก ชั้นจะไม่อนุญาตให้เธอเข้าพบน้องชายชั้นได้อีก”
“คุณไม่มีสิทธิทำอย่างนั้น”
“เธอก็รู้ว่าชั้นทำได้”
“คิดว่าตัวเองเป็นใคร บ้าอำนาจ เผด็จการ” ภัทรินว่า
“จะไม่ตอบใช่มั้ย” ปราณนต์ว่า
“ชั้นจะไปไหนกับธนาฒน์ มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยเหรอ ทำไม กลัวธนาฒน์จะพูดอะไรที่ทำให้ชั้นตาสว่าง เห็นธาตุแท้ของคนอย่างคุณเหรอ”
“มันพูดอะไรกับเธอ”
“เรื่องของคุณล้วนๆ ความจริงที่คุณไม่เคยบอกชั้น”
ปราณนต์ผวาเข้าจับตัว “ภัทริน เธออย่ายั่วโมโหชั้นนะ”
“ทำไม ร้อนใจเหรอ กลัวความลับเปิดเผยเหรอ อยากรู้ล่ะสิว่าชั้นรู้อะไรมา หึๆ ชั้นไม่บอกคุณหรอก” ภัทรินทำหน้าถือดีเหมือนเหนือกว่า “ให้ชั้นเข้าพบหมอณนต์ แล้วชั้นถึงจะบอก”
ปราณนต์ฉุนจึงคว้าภัทรินด้วยสองมือแล้วจับเขย่า
“ทำไมต้องทำตัวอย่างนี้ หา ถ้าเธออยากจะเชื่อคำพูดมันมากกว่าชั้น ก็เชิญเลย เชิญไปไหนมาไหนกับมันตามสบาย ชั้นจะไม่เป็นห่วงเธออีก”
“คุณห่วงชั้น”
ปราณนต์ชะงักแล้วอึกอัก ภัทรินอึ้งเหวอที่ได้ยินเขาพูดเป็นห่วง แต่แล้วปราณนต์ก็ปล่อยมือ ผละออก เขาหันหลังแล้วเดินออกไป ภัทรินยืนเหวอ
ปราณนต์เดินออกมาด้านนอกอย่างไม่รีรอ ภัทรินวิ่งตาม
“คุณปราณ คุณไม่ต้องมาพูดหรอกว่าเป็นห่วง ชั้นไม่เชื่อคุณหรอก นี่ จะเดินไปไหน” ภัทรินวิ่งมาขวางหน้า “ให้ชั้นเข้าพบหมอณนต์ก่อน”
ปราณนต์จ้องหน้าภัทรินแบบทั้งรักทั้งโกรธ เขาอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้
“พาชั้นไปพบหมอณนต์”
ปราณนต์ไม่พูดอะไร เขาเดินผ่านไปขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้ว
“คุณปราณ” ภัทรินจะขวางแต่คนขับรถมากันไว้ “คุณปราณ เออ ไปไหนก็ไปเลย หนอย คิดว่าชั้นจะง้อคุณเหรอ”
แล้วรถก็แล่นออกไป ภัทรินฮึดฮัดไม่พอใจ
ปราณนต์มีสีหน้าเครียดและหงุดหงิดมาก เขากำหมัดด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ทำไมต้องทำตัวเป็นปัญหาด้วย ยัยลูกเป็ดเอ๊ย”
ปราณนต์พยายามจะไม่หงุดหงิด
ภัทรินเดินกลับเข้ามาในบ้านพสุวัฒน์ พสุวัฒน์กำลังอ่านเอกสารการแพทย์อยู่
“คุณพสุวัฒน์คะ คุณพ่อช่วยพาหนูไปพบหมอณนต์หน่อยได้มั้ยคะ หนูขอรบกวนแค่ครั้งเดียว แล้วหนูจะไม่รบกวนอีก”
“เดี๋ยวๆ มีอะไร แล้วปราณล่ะ” พสุวัฒน์ถาม
“ช่างเขาเถอะค่ะ คุณพ่อมีสิทธิพาหนูเข้าไปเยี่ยมได้ หนูรู้” ภัทรินบอก
“เอ่อ แต่ชั้น”
ภัทรินงง “คะ”
อิ่มรีบช่วยแก้ต่าง “คุณท่านเพิ่งจะถูกสั่งห้ามมาเหมือนกันค่ะ”
“ว่าไงนะคะ”
“ถ้ายังไง รบกวนคุณหนูคุยกับคุณปราณเองเถอะค่ะ อย่ารบกวนให้คุณท่านลำบากใจเลยนะคะ” อิ่มบอก
“นี่เขาสั่งห้ามทุกคนเอาไว้หมดเลยเหรอ เขาเป็นผู้บริหารบริษัทหรือเป็นผู้คุมค่ายดัดสันดานกันแน่ สรุปว่าภัทจะไม่ได้เจอหมอณนต์เลยถ้าเขาไม่อนุญาตงั้นเหรอคะ”
“เดี๋ยวถ้าปราณกลับมาลุงจะคุยให้ก็แล้วกันนะ”
ภัทรินฮึดฮัดก่อนจะเดินแยกไป
“ป้าอิ่ม ขอบใจนะที่ช่วยพูด” พสุวัฒน์บอก
“อิ่มทราบค่ะว่าคุณท่านไม่อยากพูดปด”
อิ่มเดินแยกไป พสุวัฒน์เครียด
ปราณนั่งอยู่ที่เตียงนอนโดยบนเตียงมีอัลบั้มรูปต่างๆเปิดกางออก เป็นรูปในอดีตต่างๆ ทั้งสมัยที่ปราณ ปราณนต์ และอัณณาเรียนด้วยกันที่เมืองนอก รูปตอนที่ปราณได้รางวัล รูปปราณในนิตยสารต่างๆ ฯลฯ ปราณพยายามมองรูปภาพเหล่านั้นเพื่อทบทวนความจำแต่ก็นึกไม่ออกและหงุดหงิดตัวเอง เขากวาดรูปทิ้งไปหมดจนเกิดเสียงดังโครมคราม พวกพยาบาลจะเข้ามา
ปราณตะคอก “ไม่ต้องเข้ามา”
พวกพยาบาลถอยออกไป
ปราณหงุดหงิดแล้วก็มองไปเห็นรูปที่ยังหลงอยู่บนเตียงนอนซึ่งเป็นรูปอัณณาในสมัยเรียนที่เมืองนอกยิ้มแย้มและหัวเราะอยู่
“ผมจำคุณได้อยู่คนเดียว แล้วยังจะต้องลืมคุณอีกเหรอ”
อยู่ๆประตูก็เปิดออก ปราณได้ยินเสียงก็ตะคอก
“บอกว่าไม่ต้องเข้ามาไง”
“อัณเองค่ะ” เสียงอัณณาพูด
“อัณ”
ปราณตกใจจึงรีบเก็บรูปที่ถืออยู่ซ่อนไว้ใต้หมอน
“ทำไมคุณมาตอนนี้” ปราณถาม
“มาอยู่เป็นเพื่อนปราณไงคะ” อัณณามองข้าวของที่หล่นกระจาย
“ผม เปล่านะ พอดี ทำหลุดมือ” ปราณแก้ตัว
อัณณาเข้าไปเก็บข้าวของที่หล่น ปราณแปลกใจที่อัณณาดูสลดไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าอัณ”
“ทีหลังถ้าขี้เกียจเก็บ เรียกพยาบาลมาเก็บให้ก็ได้นะคะ แต่อย่าทิ้งอย่างนี้” แล้วอัณณาก็ชะงักที่เห็นรูปปราณนต์
“อัณณา”
อัณณาเก็บอัลบั้มแล้วเงยขึ้นมาพร้อมทั้งพยายามทำสีหน้าให้ปกติ
“มีเรื่องไม่สบายใจใช่มั้ย บอกผมได้นะ ผมเพื่อนคุณไม่ใช่เหรอ”
อัณณาทรุดนั่งแล้วฝืนยิ้ม
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วง มีแต่ปราณ ที่เป็นห่วงอัณ ปราณคนเดียว”
ภัทรินเดินกลับไปกลับมาด้วยความกลุ้มใจ เสียงคำพูดของธนาฒน์ดังก้องในหัวของเธอ ภัทรินถอนหายใจเพราะไม่อยากจะเชื่อคำพูดของธนาฒน์ แต่ก็ไม่สามารถสลัดมันออกไปได้
ภัทรินถอนหายใจแล้วทรุดนั่งที่ปลายเตียง สักพัก มือถือของเธอก็ดังขึ้น
ภัทรินมองเบอร์ แล้วรีบรับสาย “ยัยจันทร์ ชั้นกำลังคิดถึงแกอยู่เลย”
จันทร์วิภาพูดโทรศัพท์อยู่ข้างทาง
“ชั้นอบรมเสร็จแล้ว กำลังจะกลับดอยผาหมอก เลยจะโทรมาถามแกว่าเป็นไงบ้าง”
“แกจะกลับคืนนี้เลยเหรอ รอด้วยสิ ชั้นกลับด้วย” ภัทรินว่า
“เฮ้ย แกจะกลับทำไม แกต้องอยู่ทำงานกับคุณปราณไม่ใช่เหรอ จะได้อยู่รอให้หมอณนต์อาการดีขึ้นด้วยไง”
“ชั้นไม่อยากอยู่แล้ว จันทร์ คือ ชั้นไม่รู้ว่าเขาจริงใจหรือมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรหรือเปล่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชั้น ถ้ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ชั้นต้องรีบไปซื้อหวยเดี๋ยวนี้เลย แต่ มันไม่ใช่งั้นสิแก ทุกอย่าง มันดูเหมือนถูกจัดเอาไว้แล้ว เป็นแผนการ เพื่ออะไรสักอย่าง”
“แกกำลังคิดว่าคุณปราณกับหมอณนต์รวมหัวกันหลอกแกงั้นเหรอ” จันทร์วิภาถาม
ภัทรินสับสน “ก็ ไม่รู้สิ ตอนนี้ชั้นไม่รู้เลย อะไรจริง อะไรลวง ใครพูดจริง ใครโกหก ชั้นแยกไม่ออกจริงๆ”
“ใจเย็นๆก่อนแก มีสติหน่อย คนที่ทำให้แกสับสนอย่างนี้คือแฟนเก่าแกใช่มั้ย ชั้นรู้เพราะชั้นเห็นว่าแกขึ้นรถไปกับเขา ภัท แฟนเก่าแกเคยทำอะไรไว้ มันชัดเจนมากว่าเขาเลว ส่วนคุณปราณกับหมอณนต์เคยทำอะไรที่ชัดเจนว่าเลวหรือยัง ถ้ายัง แกจะเชื่อคนที่เลวชัดๆ หรือเลวคลุมเครือ แกก็เลือกเอา”
“แกอยากให้ชั้นเชื่อคุณปราณงั้นเหรอ”
“ไม่ ชั้นไม่รู้จักคุณปราณ แต่ชั้นรู้จักหมอณนต์ สิ่งที่เขาทำ ถ้ามันจะมีอะไรไม่ถูกต้อง ก็อาจจะวิธีการ แต่ไม่ใช่เจตนาและเป้าหมายแน่นอน”
“แกอยากให้ชั้นทำยังไง”
“คิดเอาเองเถอะภัท แต่ชั้นไม่อยากให้แกหนี มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แค่นี้นะ ชั้นต้องไปแล้ว”
จันทร์วิภารีบกดวางสายเพราะไม่อยากโกหกเพื่อนมากไปกว่านี้
ภัทรินพยายามเรียก “เดี๋ยวสิจันทร์ เดี๋ยว”
ภัทรินนั่งกลุ้มอยู่คนเดียว
จันทร์วิภาวางสายด้วยความรู้สึกผิดต่อเพื่อน แล้วหันมามองคนที่อยู่ข้างๆ ซึ่งก็คือปราณนต์
“หวังว่าจันทร์จะไม่ได้พูดอะไรเกินเลยไปเกี่ยวกับหมอนะคะ”
“ขอบใจมากนะจันทร์ มันจะเป็นอย่างนี้อีกไม่นานหรอก แล้วถ้าทุกอย่างแก้ไข ผมจะบอกความจริงกับภัทรินเอง”
“กว่าจะถึงตอนนั้น เพื่อนจันทร์จะต้องเจออะไรอีกแค่ไหนล่ะคะ”
“ไป เดี๋ยวผมให้คนขับไปส่งที่สนามบิน ฝากดูแลน้าภาด้วยนะ ถ้ามีอะไรเร่งด่วนโทรหาผมได้ตลอดนะ”
“หมอคะ ถ้าเรื่องทุกอย่างจบ หมอคิดว่าภัทรินจะโอเคเหรอคะถ้ารู้ว่าถูกหลอกมาตลอด จันทร์เอาหัวการันตีได้เลย ไม่มีชะนีที่ไหนโอเคแน่นอน โชคดีนะคะหมอ”
จันทร์วิภาขึ้นรถไปด้วยความลำบากใจและเหนื่อยใจ ปราณนต์ยืนเครียด เศร้า แต่ก็ไม่มีทางเลือก
อัณณายืนเหม่อและเครียด ปราณได้แต่เป็นห่วงและอยากรับฟัง
“คุณมาหาผม เพราะคุณไม่รู้จะไปหาใคร ไม่รู้จะไประบายกับใคร ใช่มั้ยครับ ผมรอฟังอยู่นะครับ”
“ปราณรู้มั้ยว่าทำไมวันนี้ณนต์ถึงรีบกลับไปก่อน เพราะเขารู้ข่าวว่าภัทรินหายตัวไปกับธนาฒน์ เขาเลยรีบไปตามหาภัทริน ไปโวยวายกับคนในบริษัท มีเรื่องชกต่อยกับธนาฒน์กลางบริษัท ต่อหน้าพนักงานเต็มไปหมด แล้วพอมีพยาบาลโทรแจ้งว่าภัทรินอยู่ที่นี่ เขาก็รีบทิ้งทุกอย่างมานี่ทันที ทำไมณนต์ต้องห่วงภัทรินขนาดนั้น” อัณณาระบาย
“อัณก็เลยคิดว่า ณนต์รักภัทรินเข้าแล้วจริงๆ ไหนคุณเคยบอกว่า มันเป็นแค่แผนไม่ใช่เหรอ ณนต์อาจจะแค่เป็นห่วงภัทรินเพราะกลัวแผนเสียก็ได้”
“ไม่ใช่ ที่อัณสัมผัสได้ไม่ใช่แค่นั้น ณนต์ห่วงภัทรินจริงๆ”
“ห่วงจริงๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ คำว่าห่วง ไม่ได้แปลว่ารักซะหน่อย ใครๆก็เป็นห่วงกันได้ เหมือนผมห่วงคุณ คุณห่วงผม”
อัณณาชะงักมอง “ปราณพยายามจะปลอบอัณอยู่ใช่มั้ย”
“ผมก็แค่อยากให้อัณมองในอีกมุมนึงบ้าง อัณกำลังรู้สึกกังวลและระแวง อะไรนิดอะไรหน่อย ก็คิดไปในทางร้ายไว้ก่อน ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดเปล่าๆ”
“ที่ผ่านมา ที่อัณไม่เคยตัดใจจากณนต์ เพราะอัณยังสัมผัสได้ว่าณนต์มีความรู้สึกดีๆให้กับอัณตลอด แต่ถ้าวันนึง ณนต์ไม่มีความรู้สึกดีให้กับอัณอีกแล้ว อัณก็จะจบ จะไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคความรักของเขาด้วย”
“อ้าว อัณแอบว่ากระทบผมหรือเปล่า”
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ได้ว่าคุณ”
ปราณยิ้ม “ผมรู้..ผมแค่ไม่อยากให้คุณเครียด ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน อย่าเพิ่งรีบเครียดเลยนะ หน้าเครียดๆของคุณมันทำผมเครียดตามไปด้วย ยิ้มได้มั้ย นะ”
“ปราณ”
“อย่าขัดใจคนป่วยสิ นะ นะ”
ปราณยิ้มนำ อัณณายิ้มตามไปด้วย
“หายเครียดยังคะ” อัณณาถาม
“คุณล่ะ หายเครียดยังครับ” ปราณฉีกยิ้มนำ
อัณณากับปราณยิ้มให้กันแล้วกลายเป็นหัวเราะออกมา
“ขอบคุณนะปราณ” อัณณายิ้ม
ภัทรินนั่งเครียดอยู่ สักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงอิ่มดังเข้ามา
“ป้าเองค่ะคุณภัท”
ภัทรินเดินไปเปิดประตูให้ อิ่มถือถาดนมรออยู่โดยมีคนรับใช้อีกคนเดินตามหลังมาโดยเอาชุดทำงานชุดใหม่เข้ามาแขวนไว้ในห้องและถุงกล่องรองเท้าครบเซ็ท
“ป้าไม่เห็นคุณลงไปทานข้าว เลยเอานมสดมาให้” อิ่มยื่นให้ “ดื่มนะคะ เดี๋ยวไม่สบายอีก”
“ขอบคุณนะคะป้า” ภัทรินยกดื่ม
“ขอบคุณคุณปราณเถอะค่ะ” อิ่มบอก
ภัทรินชะงักจนแทบพรวดนมออกมา “เจ้านายป้าสั่งให้เอามาเหรอคะ” ภัทรินวางคืน “งั้นหนูไม่ดื่ม”
“ป้าวางไว้ตรงนี้นะคะ ถ้าดึกๆหิวจะได้ดื่มได้ แล้วนั่น คุณปราณเธอเห็นว่าคุณเอามาแต่ชุดลำลอง เธอเลยสั่งซื้อชุดทำงานมาให้คุณใส่พรุ่งนี้ค่ะ”
“เจ้านายป้าซื้อชุดให้หนู เค้ารู้ไซส์หนูได้ไง”
“ป้าก็ไม่ทราบค่ะ คุณปราณคงแอบสังเกตเอาเองมั้งคะ เธอฝากให้คุณลองสวมดู ถ้าใส่ไม่ได้ จะได้รีบให้เขาเอามาเปลี่ยนค่ะ”
ภัทรินเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ “ป้าคะ เจ้านายป้า เขาเป็นคนยังไงกันแน่ หนูไม่เข้าใจ บางทีเขาก็เกลียดหนู เกลียดเอามากๆ บางทีเขาก็ ดันมาทำท่าเป็นห่วงหนู ทำตัวเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ลมเพลมพัดยิ่งกว่าวันมามากของผู้หญิงอีก”
“ป้าก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่คุณปราณของป้าจริงๆเป็นคนใจดี อ่อนโยน แล้วก็แคร์ความรู้สึกคนอื่นมาก”
ภัทรินทำท่าทึ่งเพราะไม่อยากเชื่อ “เหรอคะ นี่ป้าพูดถึงคนๆเดียวกับที่หนูเจอหรือเปล่า”
“นั่นสิคะ คนเดียวกันหรือเปล่า เขามีฝาแฝดนี่เนอะ หึๆๆ ดื่มให้หมดนะคะ แล้วก็ปิดหน้าต่างก่อนนอนด้วยค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า”
อิ่มยิ้มๆแล้วเดินออกไป ภัทรินฮึดฮัดแล้วก็มองแก้วนม ก่อนจะเชิ่ดหน้าใส่ไม่ดื่ม
อิ่มเดินลงมาจากชั้นบน ปราณนต์รออยู่
“เป็นไงบ้างครับป้าอิ่ม” ปราณนต์ถาม
“ก็ น่าจะดื่มนะคะ ถ้าไม่ดื่ม เดี๋ยวดึกๆหิวมากก็คงยอมดื่มเอง” อิ่มบอก
“ขอบคุณนะครับ”
“คุณหนูคะ อย่าหาว่าป้าจุ้นจ้านเลยนะคะ ถ้าบอกกันไปตามตรง ไม่ต้องปิดบังอะไรกัน มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอคะ ป้ารู้สึกเหนื่อยแทนคุณๆทุกคน”
“ผมก็อยากจะให้เป็นอย่างนั้นครับป้า แต่มันไม่ทันแล้ว เลือกทางนี้แล้วก็ต้องไปให้สุดทาง”
อิ่มให้กำลังใจ “ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะคะคุณหนู”
อิ่มยิ้มให้กำลังใจแล้วเดินออกไป ปราณนต์หันมาพบพสุวัฒน์ยืนอยู่
“อัณณาบอกพ่อว่าแกจะให้ภัทรินมาทำงานด้วยงั้นเหรอ แน่ใจแล้วเหรอ แกเคยบอกว่าภัทรินเป็นคนฉลาด ถ้าจะเอามาทำงานใกล้ๆ แกต้องรอบคอบและระมัดระวังตัวกว่านี้ ทางที่ดี แกควรจะเลิกทำให้ภัทรินมองแกเป็นศัตรูได้แล้ว ไม่อย่างนั้นแกจะไม่มีวันคุมภัทรินได้เลย แล้วแกนั่นแหละจะลำบาก”
ปราณนต์นิ่งคิดตามที่พสุวัฒน์พูด
“ขอบคุณครับที่ห่วง แต่จะมาห่วงอะไรมากมายตอนนี้ครับ ตอนที่แม่ยังอยู่ ไม่เห็นจะเป็นห่วงแม่ยังงี้เลย อ้อ หรือเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของจีแอลเอสด้วยใช่มั้ยครับ พ่อก็เลยเป็นห่วงได้” ปราณนต์ว่า
ปราณนต์เดินผ่านไปทันที
“ชั้นไม่ได้”
พสุวัฒน์เครียดจนปวดหัวและเซจนต้องรีบหาที่ยึดไว้ไม่ให้ล้ม
อัณณาเดินออกมาจากห้องน้ำโดยถือผลไม้ที่เพิ่งล้างเสร็จออกมา ปราณกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่อย่างตั้งใจและมีสีหน้าเครียด
“อ่านอะไรอยู่คะ” อัณณาถาม
“คุณมาดูข่าวนี้สิ” ปราณบอก
อัณณาเข้ามาดู หนังสือพิมพ์เป็นคอลัมน์สัมภาษณ์ธนาฒน์เต็มหน้ากระดาษ พาดหัวคอลัมน์ว่า “ธนาฒน์ อภิชัยเดช ผู้บริหารความหวังใหม่แห่งจีแอลเอส”
“ธนาฒน์” อัณณาตกใจ
“ผู้ชายคนนี้ ทำงานที่บริษัทเราใช่มั้ย ทำไมเขาถึงให้สัมภาษณ์อย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของบริษัทเลย มีการบอกว่าเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวของจีแอลเอสคืออะไร จะเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ เรื่องพวกนี้ มันใช่หน้าที่เขาพูดเหรอ”
อัณณาเครียด “ไม่ใช่เลยสักนิดค่ะ”
“แล้วทำไมเขาถึงทำ”
“นั่นสิคะ ปราณอย่าสนใจเลย จะเครียดเปล่าๆ”
“ไม่เครียดหรอก ผมก็แค่อยากอ่านข่าวธุรกิจเผื่อว่ามันจะช่วยกระตุ้นความทรงจำของผมได้บ้าง แต่ก็จำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“ดีแล้วค่ะที่คุณพยายาม แต่ตอนนี้ นอนได้แล้วนะคะ ดึกแล้ว”
“อืม ครับ คุณจะได้กลับไปพักด้วย พรุ่งนี้ต้องทำงาน”
อัณณาเข้าไปช่วยขยับแล้วจัดให้ปราณนอนลง
ปราณจะห้ามไม่ให้เธอช่วย “ไม่เป็นไร คุณกลับไปได้เลย เดี๋ยวผมนอนเอง”
“ให้อัณช่วยเถอะ” อัณณาจับให้ปราณนอนลง “นะอัณจะอยู่เฝ้าจนกว่าคนป่วยจะหลับค่ะ แล้วถึงจะไป”
ปราณนอนลงแต่โดยดี อัณณาเอาผ้าห่มห่มให้ ปราณมองอัณณาอย่างซึ้งใจจนตาแป๋ว
“หลับตาสิคะ”
ปราณได้สติก็ตกใจเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ “ครับๆ”
อัณณาเดินไปปิดไฟ ปราณแอบลืมตามามอง อัณณาหันกลับมาเห็นพอดี
“จะเอาอะไรหรือเปล่าคะ” อัณณาถาม
“เอ่อ คุณกลับบ้านไปพักเถอะ”
“คุณก็หลับสิคะ”
“กลับไปก่อนไม่ได้เหรอ”
อัณณาเบิกตาดุเล็กน้อยคล้ายๆ ดุเด็กดื้อ ปราณจ๋อยเพราะรู้ว่าอัณณาไม่ยอมแน่เลยต้องยอมหลับตาลง อัณณารู้แกวว่าต้องลืมตามาอีกแน่เลยเดินย่องอ้อมไปอีกด้านของเตียง สักพักปราณก็ลืมตามามองแต่ไม่เห็นอัณณาแล้วจึงรีบลุกมานั่งมอง
“อ้าว ไหนบอกจะรอจนเราหลับ ไรว้า”
เสียงอัณณาดังขึ้น “แล้วเมื่อไหร่จะหลับคะ”
ปราณสะดุ้งแล้วหันมาเจออัณณาก็ตกใจแล้วรีบกลบเกลื่อนก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกรอบ อัณณายืนจ้องจับผิด ปราณลืมตามาดูอีกทีแล้วก็รู้สึกเขินๆ และก็อึดอัด เขาดึงมาห่มมาคลุมมิดทั้งหัว ปราณรีบนอน หลับตา อัณณายิ้มขำ
ภัทรินนั่งอยู่บนเตียงแต่ยังไม่นอน สายตาของเธอมองไปที่ชุดทำงานที่แขวนอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ครุ่นคิด
ภาพตอนที่ธนาฒน์มาพูดให้ระแวงว่าทุกอย่างเป็นเกมการเมืองดังวนเวียนเข้ามา
ภาพตอนที่จันทร์วิภาพูดยืนยันความดีของปราณนต์แวบขึ้นมา
ภาพตอนช่วงแรกย้อนกลับมา ความสัมพันธ์ระหว่างภัทรินกับปราณนต์ช่วงที่อยู่บนดอยผาหมอกหลายเหตุการณ์ ทั้งตอนทำแผลที่เข่า ตอนที่ซ่อมจักรยาน ตอนดูดาว ตอนทำอาหาร ตอนก่อนได้เสียกัน
ปราณนต์รีบกุมมือภัทรินประสาน “ไม่ ผมไม่เหมือนแฟนเก่าคุณ เพราะผมจะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้ก่อนแน่”
ลมหนาวพัดมา ภัทรินสั่นสะท้าน ปราณนต์ดึงภัทรินมากอดเอาไว้
“ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ”
ภัทรินยิ่งคิด ยิ่งเครียด ก็ยิ่งสับสน
“ทุกอย่างเป็นแผนของหมอกับพี่ชายฝาแฝดงั้นเหรอ ทุกอย่างเลยเหรอ ไม่มีอะไรจริงเลยเหรอ”
ทันใด เสียงโทรศัพท์มือถือภัทรินก็ดังขึ้น ภัทรินสะดุ้ง
“ใครโทรมาตอนนี้” ภัทรินหยิบมาดูเบอร์ “คุณปราณ”
อ่านต่อตอนที่ 8